★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END  (อ่าน 16937 ครั้ง)

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 7 ] 25-10-61
«ตอบ #30 เมื่อ25-10-2018 15:02:24 »

สนุก  ติดตามจ้า

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 7 ] 25-10-61
«ตอบ #31 เมื่อ26-10-2018 07:14:56 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 8 ] 27-10-61 ★ P.2
«ตอบ #32 เมื่อ27-10-2018 13:09:00 »

Rhyme 8

   ‘ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน.. แค่เธอไม่เป็นอะไรก็ดี

ไม่ว่าวันนี้เธอจะอยู่ที่ไหน ฉันก็จะรออยู่ที่เดิมต่อไป

แม้จะกระวนกระวายคิดถึงเธอตลอด อยากจะรู้

ตอนนี้เธอคิดถึงกันหรือเปล่า..’

เสียงร้องทรงพลังของชายหนุ่มฟังแล้วศร้ามากกว่าปกติ เขาถอดเฮดโฟนสีดำออกจากหัวหันไปชูนิ้วกลางให้เพื่อนสนิทที่กำลังโบกมือให้ผ่านกระจกของห้องอัดเสียง ช่วงนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีสมาธิร้องเพลงด้วยซ้ำ อารมณ์มันฟุ้งซ่านกระจัดกระจายไปหมด ธัชธรรม์นั่งลงบนโซฟาสีครีมภายในห้องสูทสุดหรู บนตึกสูงห้าชั้นซึ่งเป็นค่ายเล็กๆของหิรัญ แต่ให้พูดกันจริงๆที่นี่หรูหรายิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวด้วยซ้ำ

“ช่วงนี้มึงดูไม่ค่อยดีเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่าวะ” เขาถามเพื่อนสนิทที่ดูหน้าตาบอกบุญไม่รับ แน่ล่ะ หิรัญไม่ใช่คนที่จะจับความรู้สึกเก่งเหมือนคนอื่นๆ เขาถึงไม่เข้าใจว่าเพื่อนกำลังมีปัญหาอะไร ถ้าอยากจะบอกเดี๋ยวก็คงบอกเอง
“เปล่า” นั่นไง มันปากแข็งขนาดนี้เอาอะไรมาง้างก็คงไม่ยอมบอก!

“หรือว่าเกี่ยวกับน้องไบร์ทวะ” หิรัญทำหน้าตาสงสัย หลังจากที่ได้ใช้สมองอันชาญฉลาดของตัวเองครุ่นคิดมันก็มีไม่กี่เรื่องหรอกที่จะทำให้ธัชธรรม์เป็นอย่างนี้ไปได้ “กูไม่ได้อยากจะยุ่งนะ แต่เพลงที่มึงแต่งช่วงนี้หดหู่สัดๆ เล่นกูปรับอารมณ์ไม่ทันเลย”

“ถ้ามึงไม่ไหวเดี๋ยวกูทำบีทเอง” เขาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องได้สายตาพิฆาตมาแทน หิรัญแทบจะกระเด้งตัวถอยออกมาแทบไม่ทัน เขาโบกมือเป็นพัลวัน

“โอเค กูไม่ถามแล้ว” รีบออกไปห่างๆก่อนที่มันจะกระโจนงับเขาดีกว่า “ดุชิบหาย” หิรัญมองเพื่อนตัวเองที่อารมณ์เสียเดินผลุนผลันออกไปจากห้องอัด หน้าตามันบูดบึ้งมาเป็นเดือนแล้ว เขาถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ ไม่บอกอะไรเขาสักอย่าง มีเพียงสิ่งเดียวที่เขารู้คือมันพยายามตามหาตัวไบร์ท แต่ก็ไม่เคยเจออีกเลย..

ไบร์ท.. หายไปเหมือนไม่เคยมีตัวตน

ทั้งแอคเค้าท์รูปถ่ายหายไปทั้งชาแนล

นี่มันชักจะยังไงอยู่นะ

“เออเฮีย น้องไบร์ทไปไหนอะ” เขาเอ่ยทักโปรดิวเซอร์ที่รู้จักสนิทสนมกันมานาน เฮียกิตเป็นทั้งเจ้าของค่ายเพลงและเข้ามาช่วยพวกเขาทำโปรเจ็คเพลงอยู่หลายครั้ง จึงเหมือนพี่ชายที่เคารพคนหนึ่ง “เดี๋ยวต้องอัดเพลงด้วยกันแล้วนะ”

“พักโปรเจ็คมันไปก่อน” ชายหนุ่มค่อยๆนั่งลงพิงโซฟาพลางทำหน้าครุ่นคิด ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่านักร้องเด็กปั้นของเขามันหายไปไหน รู้อีกทีทุกอย่างมันก็หายไปหมดแล้ว

คงจะอกหักละสิท่า

เขาได้แต่ทอดถอนใจ อย่าทำงานกูเสียแล้วกันมึง!

“ไอ้ธัชก็เป็นหมาบ้าไปแล้ว”

“เอาใจช่วยให้เพื่อนมึงตามหาเจอแล้วกัน” เฮียกิตยิ้มที่มุมปาก เขามองชายหนุ่มที่มีเค้าโครงของความหล่อเหลาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ หรือว่าเฮียกิตจะรู้อะไรบางอย่าง..

“หาอะไรอะเฮีย มันทำอะไรหายหรือครับ”

“ไปถามมันเอา ส่วนมึง ไปอัดเพลงไป!”

“ทำไมทุกคนดูรู้เรื่องกันหมด หมือนผมคนโง่อยู่คนเดียว” เขาทำหน้าบูดบึ้ง ทำไมมีแต่เขาคนเดียวที่ไม่รู้!

“เออ! หยุดเสือกไปเถอะมึง ไปทำงาน!”

ทุกคนใจร้าย มาทำให้เขาอยากรู้แล้วจากไป----โกรธโว้ย!

+++

แสงพระอาทิตย์ส่องกระทบกับผืนน้ำจนทอประกายระยิบระยับสวยงามเหลือเกินหากได้มาพักผ่อนและทอดทิ้งกายลงบนผืนทรายสีขาวละเอียด เขายืนจ้องมองไปยังผืนน้ำแม้อากาศจะร้อนแผดเผาแค่ไหนก็ตาม ผิวสีน้ำผึ้งมีเหงื่อเกาะพราวไปตามกล้ามเนื้อสวยงาม ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบกับใครบางคนที่ใช้เวลาด้วยกันค่อนคืน เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความรู้สึกเขาจริงๆเสียอีก จู่ๆในใจมันก็ปวดหนึบ ถึงเขาจะเคยผ่านความรักมาหลายรูปแบบแต่ครั้งนี้มันวูบโหวงเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ

มันเหมือนกับว่าทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น

ทั้งความรักและความทรงจำที่อยู่ด้วยกัน

เสียงข้อความเด้งเข้ามาในโทรศัพท์เขาไม่หยุด ธัชธรรม์ไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น เขาอยากจะอยู่คนเดียว ใช้ความคิดที่มีคุยกับตัวเอง ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองหลงลืมอะไรบางอย่างไป ความมุ่งมั่นในการทำเพลง ทำดนตรีมันยังมีอยู่ แต่เขารู้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องมีแรงขับเคลื่อนหรือแรงบันดาลใจบางอย่าง และคนคนนั้นก็คือแรงบันดาลใจของเขา

เขาตัดสินใจจะทำเพลงขึ้นมาใหม่ด้วยตนเอง ถ่ายทอดความรู้สึกที่เขามีบอกผ่านความรักความคิดผ่านบทเพลงนี้ไป หวังว่าคนคนนั้นจะได้รับฟังและกลับมาหาเขาสักที..

“คุณ.. หน้าคุ้นจังเลยนะครับ” ธัชธรรม์ชะงัก เมื่อเห็นผู้ชายที่สูงไล่เลี่ยกับเขาเดินเข้ามาทักทายราวกับรู้จักกันมานาน เขาไม่ชอบให้ใครที่ไม่รู้จักเข้ามาหาซึ่งหน้า แน่นอนว่าทั้งผู้ชายและผู้หญิง..

“มุกนี้เขาใช้จีบผู้หญิงกันนะ” เขาขมวดคิ้ว กำลังคิดอะไรเพลินๆก็มีมารมาผจญจนได้ “และขอโทษทีที่ผมเป็นผู้ชาย”
“ไม่ๆ ผมหมายถึงผมคุ้นหน้าคุณจริงๆ” เขาทำหน้าเหมือนตกใจไปนิดหน่อยแต่ก็พยายามชวนคุย “ใช่ธัช ดุริยางค์ปีหนึ่งหรือเปล่า?”

“ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้า “คุณ?”

“เราชื่อโชกุน” อีกฝ่ายหน้าตาหล่อเหลาแต่น้อยกว่าเขาหลายขุม และเขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกันแน่ๆ “ไม่รู้จักก็คงไม่แปลก นายเพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้ไม่นานนี่นา” เขาคุ้นชื่อที่ติดอยู่ในหัวนี่เหลือเกิน เหมือนเคยเจอกันมาที่ไหนจริงๆด้วย

หรือว่าจะเคยเจอในผับ?

“อ่าหะ แล้วมีอะไร” เขาถาม

“เราเห็นนายสนิทกับไบร์ท เราก็เลย..” พอได้ยินชื่อคนที่เขากำลังตามหา ไม่รู้อารมณ์โกรธมันพวยพุ่งมาจากไหน ถึงได้รู้สึกแย่แบบนี้ หรือเพราะเขาแสดงออกชัดเจนว่าไบร์ทเป็นคนของเขา คนอื่นๆจึงเข้าใจว่าสนิทกัน เขาไม่อยากจะอธิบายว่าสนิทถึงขั้นไหน รูปจากอินสตราแกรมที่เขาชอบลงก็น่าจะบอกได้ดี และดูจากท่าทางที่เข้ามาคุยด้วยแบบนี้ เขาก็รู้เลยทันที
คู่แข่ง

“อย่าถามถึงไบร์ทอีก”

“ทำไมล่ะ เป็นแฟนกันหรือไงถึงถามอะไรไม่ได้” อีกฝ่ายทำหน้ายียวนใส่เขา ถ้าไม่ติดว่าเขามาพักผ่อนและไม่อยากมีปัญหาไอ้หมอนี่ได้ชิมหมัดเขาสักยกแน่

“เออ! แฟนกู” ธัชธรรม์ไม่สนใจหน้าไหนทั้งนั้น รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชั้นบนของโรงแรมที่จองเอาไว้ ชายหนุ่มมาค้างที่โรงแรมได้สองคืนแล้ว เขาโดดเรียนมาหลายวันจนแม่โทรมาตามและบ่นเขาจนหูชา เขาไหวไหล่ไม่ยี่หระ และไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ จึงไม่เห็นดวงตาอาฆาตเคียดแค้นที่มองมาจากอีกทาง

ธัชธรรม์คิดว่าตัวเองทำตัวเหมือนวัยรุ่นที่พออกหักโดนเขาทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใยก็ต้องไปหลบอยู่คนเดียวคิดอะไรคนเดียวทำตัวเป็นคนเหงาสองพันสิบแปด อันที่จริงการที่เขาได้อยู่กับตัวเองกลับทำให้เขาได้เขียนเพลงหลายเพลงทีเดียว กลับไปคราวนี้อย่างน้อยก็ไม่โดนเฮียกิตบ่นก็แล้วกัน

เขาขับรถกลับบ้านแทนที่จะไปสตูฯอย่างที่หิรัญโทรมาชวน บ้านเดี่ยวหลังเดิมยังคงเงียบสงบและมีต้นไม้ให้ร่มเงาดูร่มรื่นสบายตา เขาเห็นเงาตะคุ่มกำลังก้มๆเงยๆอยู่ที่สวนจึงบีบแตรเสียงดัง เสียงสายยางดังฟู่พร้อมกับน้ำพุ่งกระจายเต็มหน้าเขาทันที

ไอ้ใบบุญ ไอ้เด็กแว่นซุ่มซ่าม!

“ขอโทษครับ มือมันลั่น”

“แค่กูบีบแตรแค่นี้ ขวัญอ่อนไปได้” เขากวักมือเรียกเด็กหนุ่ม “มาเปิดประตูหน่อย”

“อ่อ ครับ” เด็กหนุ่มเช็ดมือที่เปียกกับกางเกง ก่อนจะวิ่งไปใส่รองเท้าแตะช้างดาวที่กระจัดกระจายไปคนละทาง เดินเหยาะแหยะมาทางประตูบ้านก่อนจะค่อยๆเลื่อนประตูบ้าน ให้รถยนต์สีขาวคันเดิมขับเข้ามา ใบบุญเหลือบมองผู้ชายตัวโตในชุดลำลองสบายๆ เขาแอบสังเกตว่าธัชธรรม์ดูจะซูบลงไปนิดหน่อยกว่าตอนเจอกันคราวที่แล้ว

“ร้อนจะตายห่า มึงใส่เสื้อคอเต่าทำไม”

“อ้ะ เอ่อ ผมกลัวดำน่ะ”

“ประสาท ถ้ามึงดำคงดำไปตั้งนานแล้ว” คนตัวโตเดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในบ้าน เขาสะดุ้งทันทีเมื่อถูกทัก รีบลูบคอตัวเองทันที เด็กหนุ่มแอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หรือจะให้เขาบอกว่ามีหมามาขบมาเลียจนมันแดงเถือกไปหมด ยิ่งกว่าโดนยุงป่าหามซะอีก “แขนหายแล้วหรือ”

“แผลตกสะเก็ดแล้วครับ”

“เออ ดีละ อย่าทำให้แม่เป็นห่วง”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะหันไปจัดการรดน้ำต้นไม้เหมือนเดิม น้ำจากสายยางที่เขาเผลอสาดใส่ชายหนุ่มเมื่อครู่มันทำให้เสื้อยืดนั่นเปียกฉ่ำจนเห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่งด้านในชัดเจน บอกตรงๆเขาไม่รู้จะเอาสายตาไปมองตรงไหนดี จับแก้มตัวเองที่ร้อนขึ้นมากะทันหัน ส่ายหัวแล้วรีบทำงานของตัวเองให้เสร็จดีกว่า

อย่าไปนึกถึง อย่าไปนึกถึง..

ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึงอะไรๆที่มันมากกว่านั้น โดยเฉพาะค่ำคืนร้อนแรงของพวกเขาสองคนที่เติมเต็มตัวตนของกันและกันมันยังตราติดตรึงในหัวใจเสมอ ใครจะไปลืมคำพูดแสนอ่อนหวานจากคนที่ตัวเองแอบรักมาตลอดได้ลง เขาปลดสายยางแล้วรดน้ำลงกับพื้น ถอนหายใจ ในเมื่อเขาตัดสินใจจะจบมันก็ควรจะจบได้สักที

กลับมาเป็นน้องชายเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว

“อยู่กับความจริงได้สักทีน่ะใบบุญ”

“บ่นอะไร”

“เหวอ” เขาสะดุ้งเฮือก ปล่อยสายยางจนมันกระเด็นกระดอนจนเขารีบวิ่งไปตะครุบมันแทบไม่ทัน สถาพเขาตอนนี้จึงเละเทะแทบดูไม่ได้ ก็เอาน่า เลอะนิดหน่อยเอง แต่ดูเหมือนชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่คิดอย่างนั้นนะ..

“แทนที่จะรีบทำให้มันเสร็จๆไป มัวแต่ยืนใจลอยอยู่ได้”

“เดี๋ยวก็เสร็จแล้วครับ” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“แม่ไม่อยู่?”

“ไปประชุมงานที่เวียดนามกลับอาทิตย์หน้า” เขาค่อยๆแจกแจง ส่วนมือที่ว่างก็เช็ดคราบดินที่กระเด็นมาโดนเสื้อ “แม่ติดต่อพี่ธัชไม่ได้ก็เลยไม่ได้บอก”

“เออ กูรู้แล้ว โดนบ่นจนหูชาไปแล้วด้วย” ชายหนุ่มเกาหัวแกรก มือข้างซ้ายจับใบหูข้างขวาจนใบบุญสังเกตเห็นว่าเจาะหูมาใหม่ ตัวแสบถึงได้แอบมองอีกรอบ พอเห็นว่าอีกฝ่ายรู้ตัวก็รีบหลบสายตาทันที

“พี่หิวอะไรไหมจะได้ทำให้กิน”

“ไม่อะ กูอยากออกไปข้างนอก”

“….”

“และมึงต้อง-มา-กับ-กูด้วย!”

เด็กหนุ่มในชุดลำลองธรรมดาเดินตัวลีบอยู่ในห้างสรรพสินค้า เสื้อยืดสวมใส่สบายกับกางเกงสามส่วนเป็นชุดที่ดูดีสำหรับเขาแล้วจริงๆ ปกติเขาไม่ใช่คนที่ชอบแต่งตัวอยู่แล้ว นอกจากจะไปทำงาน.. นั่นแหละ เขาถึงได้หันมาสนใจแฟชั่นอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ใส่ต่อหน้าธัชธรรม์ไม่ได้อยู่ดี

‘วันเกิดแม่’

คนตัวโตพูดแค่นั้นก็ลากเขาออกมาด้วยกัน ทั้งๆที่ครั้งที่แล้วที่เจอกัน เรายังทะเลาะกันอยู่แท้ๆ

โอเค ก็แค่มาเดินเลือกของขวัญให้แม่ด้วยกัน

ไม่มีอะไรจริงๆ

“อยากกินอะไร”

“ผมหรือ” ชี้หน้าตัวเองที่ยังคงมึนงง คิดอะไรเพลินๆแล้วจู่ๆมาเรียกมันก็ฟังไม่ทันน่ะสิ “อะไรก็ได้”

“อะไรก็ได้มันไม่มีหรอก”

“…”

“มานี่” ชายหนุ่มลากเขาเลี้ยวเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นเสร็จสรรพ แถมยังหยิบเมนูมาสั่งไม่ถงไม่ถามเขาสักคำ “แดกให้มันเยอะๆหน่อย ตัวเล็กชะมัดเลยมึงอะ”

“ผมตัวไม่เล็กหรอก พี่ตัวใหญ่เกินไปต่างหาก” เขาบ่นอุบ แต่ก็รับเมนูมาเปิดเลือกอยู่ดี เขาทำงานบ้านทั้งวันหิวจนตาลายจะกินหมาได้ทั้งตัวอยู่แล้ว

“ชอบเถียงว่ะ ตอนเด็กๆกูเอาอะไรให้มึงแดกวะเนี่ย” ชายหนุ่มมองด้วยสายตาราวกับสมเพชเวทนาเขาเต็มทน “แดกยังไงก็ไม่อ้วน ตัวอย่างกับกุ้งแห้ง”

“แล้ว.. พี่จะซื้ออะไรให้แม่ดี” ใบบุญเปลี่ยนเรื่อง ขี้เกียจมานั่งฟังอีกฝ่ายบ่น

“ช่วยกูคิดหน่อย กูกับมึงพักรบกันชั่วคราว”

ผมไม่เคยคิดอยากจะรบกับพี่สักหน่อย ไอ้คนบ้านี่!

“แม่ชอบผ้าพันคอ ชอบเสื้อผ้าที่เป็นลูกไม้” เขานึกไล่เรียงของสะสมของแม่ว่ามีอะไรบ้าง “นอกนั้นก็เป็นพวกหนังสือนะ”

“มีเต็มบ้านจนท่วมตัวแล้ว ไม่เอาๆ เปลี่ยนๆ”

“งั้นเอาอะไรดี”

“อะไรที่ไม่เหมือนทุกๆปี”

“…” แล้วอะไรล่ะ! เขาคิดไม่ออกหรอกนะ

“กูกับมึงต้องเป็นลูกที่รักกันให้แม่เห็น”

“แล้ว ต้องทำยังไง?”

“ต้องแสดงให้แม่เห็นว่ากูกับมึง เป็นพี่น้องที่รักกันมาก” ชายหนุ่มนึกครุ่นคิด สิ่งที่แม่อยากจะได้จากเขามากที่สุดก็คืออยากให้เขาทำดีกับใบบุญเยอะๆ เขาก็ยอมรับว่าถึงจะเกลียดขี้หน้ามันแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากเห็นแม่เสียใจ มันเป็นสิ่งที่เขาทำได้ยากจริงๆ

“จะดีหรือพี่”

“ทำไม? มึงปัญหาหรือ แค่เดือนเดียวก็พอ” เขานึกความคิดดีๆได้อีกแล้ว อย่างน้อยแม่ก็คิดว่าเขากับมันกลับไปเป็นพี่น้องที่น่ารักเหมือนเดิม ส่วนเขาก็แค่ทนเหม็นขี้หน้ามันนิดหน่อย

“แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”

“ตัวติดกับกู กลับบ้านกับกู ไปเรียนกับกู กินข้าวกับกู แค่นี้มึงทำได้ไหม?”

“…..”

ไม่เอา

ไม่

ไม่

ไม่! ใบบุญ มึง อย่า!

“กะ ก็ได้..”

+++

‘อาจเป็นเพราะกำลังเหงา ที่ทำให้ฉันคิดถึงเธอขนาดนี้

หรือเป็นเพราะดาวดวงนั้น

ทำให้เธอนั้นหายไป…’

“ก็เพราะดีนี่” เขากรอกเสียงพูดไปยังอีกฝ่ายเมื่อฟังเพลงจนจบ เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังออกมาตามสาย จนเขาต้องหัวเราะขำ “อกหักแล้วเขียนเพลงดีขึ้นนะ”

“เฮีย ทำไมพูดกับน้องแบบนี้ล่ะ”

“ใครใช้ให้มึงหายหัวแล้วส่งแต่มิกซ์เทปมาล่ะ โผล่หัวเข้ามาที่สตูฯบ้างนะ มีคนรอเจอมึงอยู่เยอะแยะเลย” เฮียกิตลุกขึ้นยืนเดินไปรอบๆห้อง จู่ๆก็มีพัสดุมาส่งตามด้วยเบอร์โทรแปลกๆที่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นของใคร

เรื่องอินดี้ไม่มีใครเกิน..

“ไม่ดีกว่า” อีกฝ่ายทำเสียงงอแง “ถ้าเพลงโอเคเฮียก็เอาไปอัดเลยนะ”

“จะไม่มาจริงๆหรือวะ”

“ก็ไม่มีธุระอะไรให้เข้าไปนี่”

“เดี๋ยวๆ กูมีข่าวมาบอก เขาจะจัดรายการแข่งกันอีกแล้วนะ งานที่มึงชอบอยากจะแข่งไม่ใช่หรือไง” เขาพูด อีกฝ่ายเงียบไปทันที เสียงตะกุกตะกักเหมือนกำลังจัดของอยู่ในห้อง

“หืม.. งานอะไรหรือเฮีย”

“Rap battle”

“…”

“รอบนี้มึงจะพลาดหรือวะ” เขาถามย้ำ รู้ว่าอีกฝ่ายอยากจะเป็นแรปเปอร์แค่ไหน ทั้งๆที่ยังเด่นด้านร้องแต่ก็พยายามฝึกตลอดมา ไหนๆก็ไหนๆแล้วเขาก็อยากให้เด็กมันลองสักตั้ง ดีกว่าเกิดมาแล้วไม่ได้ลองทำ คุยกันได้อีกไม่นานก็ขอวางสายไปทำการบ้านต่อ เขากดวางสายทิ้งก่อนจะเบนสายตาไปยังชายหนุ่มที่กำลังนั่งกุมมือจ้องมองเขาตาเขม็ง

“กูช่วยได้แค่นี้นะ” เฮียบอกก่อนจะโยนอะไรบางอย่างให้เขา “ที่เหลือมึงต้องทำเอง” เขากดเครื่องเล่นเพลงก่อนจะสวมเฮดโฟนค่อยๆซึบซับเสียงไพเราะและเสียงกีต้าร์โปร่งของคนที่ คิดถึงเหลือเกิน..

‘อาจเป็นเพราะกำลังเหงา ที่ทำให้ฉันคิดถึงเธอขนาดนี้

หรือเป็นเพราะดาวดวงนั้น

ทำให้เธอนั้นหายไป…

วอนเธอกลับมาหากันได้ไหม..

ตั้งแต่วันที่เราเจอกันวันแรกจนถึงวันที่เรานั้นเดินแยก..

 I will be waiting for you’

   ชายหนุ่มปลดเฮดโฟนสีดำออกจากหู เขาเปิดเพลงฟังไปมา ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด คนที่เลือกจะจากไป ก็คือตัวเองไม่ใช่หรือไง..

“ใครกันแน่ที่หายไป..” ชายหนุ่มนั่งกุมขมับเครียด เป็นเขาเองที่วิ่งเต้นเพื่อหาสปอนเซอร์จัดแข่งรายการใต้ดินขึ้นมารวบรวมเหล่าแรปเปอร์หน้าใหม่และรุ่นเก๋ามาประชันเพื่อหาสุดยอดแรปเปอร์ หิรัญคอยช่วยเขาทุกอย่างถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลเท่าไหร่นัก

“มึงเล่นงี้เลยหรือวะ”

“เออ ถ้ากูไม่ทำแบบนี้ กูก็ไม่มีทางเจอเขา” หิรัญไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเพื่อนเขามันจะต้องการเจอไบร์ทขนาดนี้ไปเพื่ออะไร แต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเพื่อน อย่างน้อยก็ได้โปรโมทค่ายเพลงที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้

“น้องเขาจะมาหลบหน้ามึงทำไม ถ้ามึงไม่ไปทำอะไรเขา”

“เออ กูทำ”

“ไอ้ธัช!”

“กูทำกูก็บอกทำ”

“แม่งเอ๊ย” เขาอยากจะบ้าตาย ดูมันพูดออกมาได้หน้าด้านๆ “สมควรแล้ว กูไม่รู้จะด่าคำไหนดีเลย” เขาไม่เคยถามไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เหตุผลแต่ไม่คิดว่ามันจะพูดออกมาได้หน้าตาเฉยแบบนี้ ไอ้สันขวานเอ๊ย!

“แทนที่จะมาด่ากู มาช่วยคิดว่ากูจะหาตัวไบร์ทเจอได้ยังไง” เขาขบกรามแน่น “ไม่ว่ายังไงกูก็ต้องลาก Galaxy-B ออกมาให้ได้” หิรัญได้ฟังก็ส่ายหัวให้กับนิสัยเลือดร้อนของธัชธรรม์ซึ่งเขาเห็นมาแต่ไหนแต่ไร แก้ยากและแก้ไม่เคยได้ต้องบอกว่ามันเป็นสันดานไปแล้ว ธัชธรรม์หมายมั่นปั้นมือเอาว่ามันจะต้องสำเร็จ

คิดจะหนีเขาน่ะหรือ.. หนีให้ได้ตลอดก็แล้วกัน!



ใบบุญกลับมาใช้ชีวิตปกติตื่นเช้าไปเรียนตกเย็นก็กลับบ้าน ถึงมันจะดูจืดชืดไปบ้างแต่เขาก็รู้สึกสบายใจ เขาไม่ค่อยได้เจอธัชธรรม์เท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายไปสิงอยู่ที่สตูฯมากกว่า เขารู้จากเฮียกิตว่ากำลังจะมีแข่งขันแรปเปอร์ เอาไปปรึกษากับกรวีร์รายนั้นก็อยากให้เขาได้ลงแข่งขันด้วย แต่เขาไม่อยากเจอ.. ใครคนนั้นสักเท่าไหร่

ทุกวันนี้เจอกันแค่อีกฝ่ายแวะมาเอาเสื้อผ้าแล้วก็รอกินข้าวกับแม่แค่เท่านั้น เจอหน้ากันเขาก็แค่ยกมือไหว้ ส่วนธัชธรรม์นอกจากจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแล้วยังชอบเบะปากใส่อีก อย่าคิดว่าเขาไม่เห็นนะ!

“ซักผ้าให้กูด้วย” ชายหนุ่มอยู่ในชุดบ็อกเซอร์สีกรมตัวเดียวเดินอยู่ทั่วบ้าน จนกระทั่งเจอเขากำลังตากผ้าอยู่หลังบ้านนั่นแหละ ถึงได้ออกมาหาทั้งสภาพอย่างนั้น ถามหน่อยถ้าไม่มีเรื่องจะจิกหัวใช้จะโผล่หน้ามาให้เห็นไหม!

“ไม่ มือก็มีกดซักเองสิ”

“หรือจะให้กูเอาเสื้อผ้ากูไปรวมกับมึง ซักรวมกันก็ได้นะ”

“พี่ธัชอย่ามาทำนิสัยแบบนี้”

“นี่กูทำตัวเป็นพี่ที่ดีสุดๆแล้วนะ”

“อือ เอามา วางไว้ตรงนั้นแหละ” เขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงมากไปกว่านี้จึงพยักหน้าให้อีกฝ่ายวางตระกร้าเอาไว้ข้างๆ ธัชธรรม์ยิ้มกริ่ม โยกมือขยี้กลุ่มผมยุ่งเหยิงนั่นจนอีกฝ่ายหัวแทบคะมำลงไป เขาไม่ได้อยากทำรุนแรงนะ ใครใช้ให้อีกฝ่ายตัวเล็กอย่างกับหมากระเป๋าล่ะ

“ตากแล้วก็พับเก็บเข้าตู้ให้ด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยวมาเอา”

“พี่ธัชอย่าเล่นหัว!”

“จ้ะๆ ไปแล้วนะจ๊ะ”

“กวนตีน!” สิ้นเสียงเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในครัว นี่คงจะไปรื้อของในตู้เย็นออกมาอีกสิท่า! อยากจะรู้นักว่ามีผีห่าซาตานตนไหนดลใจให้เขาชอบคนแบบนี้ไปได้!


ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 8 ] 27-10-61 ★ P.2
«ตอบ #33 เมื่อ27-10-2018 13:10:03 »

ต่อจากด้านบน


เทศกาลรับน้องผ่านไปได้สองอาทิตย์แล้ว เขากลับรู้สึกว่ามันเริ่มจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เวลากลับบ้านทีเขาเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ไม่ต้องมานั่งตัวเกร็งรอฟังรุ่นพี่บ่นหรือเทศนาเพราะคนในรุ่นไม่มีความตั้งใจ ไหนจะต้องยืนเกร็งร้องเพลงเป็นชั่วโมงๆอีก แค่เรียนก็เหนื่อยอยู่แล้ว.. อีกอย่างวันนี้รุ่นพี่ก็แจ้งว่านอกจากกิจกรรมเชียร์แล้ว ยังจะพานักศึกษาทั้งรุ่นไปทำกิจกรรมอาสานอกสถานที่เพื่อกระชับไมตรีรุ่นพี่รุ่นน้อง เขาก็ยอมรับว่ามันก็ช่วยให้เขาได้รู้จักเพื่อนมากขึ้นอยู่หรอก แต่ธัชธรรม์เนี่ยสิไม่ยอมให้เขาได้อยู่กับกรวีร์เลย เจ้าตัวอ้างว่าเพราะเราเป็นพี่น้องต้องอยู่ใกล้ๆกันเข้าไว้ นี่มัน----โว๊ย! บ้าบอที่สุด! อยากจะมาสนิทสนมกับเขาตอนนี้ คิดอะไรอยู่กันแน่

“มึงกูนั่งด้วยคนสิ” ชายหนุ่มยิ้มเผล่มาแต่ไกล ก่อนจะเอากระเป๋าเป้ยัดใส่ชั้นวางของด้านบน เขากระเถิบให้เพื่อนสนิทได้นั่งอย่างเต็มที่ อันที่จริงเขาก็นั่งจองที่ไว้ให้กรวีร์อยู่แล้ว วันนี้เป็นวันเดินทางไปค่ายอาสาวันแรก ทุกคนดูตื่นเต้นกันมากรวมทั้งเขาด้วย

“หน้ามึงเหมือนคนไม่ได้นอน”

“แล้วใครให้มึงหายหัวไปล่ะ กูรับงานแทนมึงทุกคืนเลยเนี่ย” กรวีร์โอดครวญ

“อ้าวหรอ ไม่เป็นไรหรอก มึงเก่งจะตายไป”

“เอาดีๆ มึงจะกลับมาเมื่อไหร่” กรวีร์ทำหน้าจริงจัง “มึงก็น่าจะรู้ว่าหลบพี่ธัชไม่ได้ตลอดหรอก”

“กูคิดว่า” เขาพูด ไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายเท่าไหร่ “กูอาจจะไม่ร้องเพลงอีกแล้ว”

“เห้ย ไม่ได้!” กรวีร์หันหน้ามามองเขาขวับ เบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อกี้หูเขาฝาดหรือเปล่า? ยังไม่ทันที่เขาจะได้คุยอะไรมากไปกว่านี้ สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่จำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะก็หิ้วกระเป๋าใบเขื่องเข้ามาใกล้ หน้าตาเขินอายเหมือนคนตกอยู่ในห้วงความรัก จนเขาก็ยังดูออก

“ใบบุญ เราขอนั่งข้างกรได้ไหม”

“อ้ะ เอ่อ ได้สิแฟง” เขาเขยิบออกมาให้เพื่อนได้เข้าไปนั่งแทน กรวีร์ทำหน้าเหรอหรา ลุกตามออกมาแบบงงๆ “เดี๋ยวเราไปนั่งตรงอื่นแทนได้”

“กูจะนั่งกับมึง” ชายหนุ่มกัดกราม เขาคว้าข้อมือของใบบุญเอาไว้แน่น

“เรื่องที่คุยค้างเอาไว้คุยในไลน์ก็ได้”

“ไอ้ใบบุญ!”

“ไม่ต้องโมโห กูตัดสินใจดีแล้ว” เขาปลดมือเพื่อนสนิทออก ก่อนจะไปหาที่นั่งใหม่ ตอนนี้รถบัสใกล้จะออกเต็มที ที่นั่งก็ถูกจับจองไปจนหมด มีทางเดียวก็คือไปหาคันใหม่นั่ง

“ขอบคุณนะ”

เสียงคุยหัวร่อต่อกระซิกของกลุ่มนักศึกษาดังขึ้นเป็นระลอก เขายังคงยืนมองหาที่นั่งแต่ก็ไม่มีใครสนใจ ถึงใบบุญจะพอรู้จักกับเพื่นอคนอื่นๆบ้างแต่เขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับใครนอกจากกรวีร์มากนัก

“ใบบุญ มานี่” เสียงเรียกทำให้เขาหันขวับไปมอง ธัชธรรม์กำลังกวักมือเรียกเขาอยู่ ทุกคนได้ยินเสียงจึงกันไปมองกันเป็นตาเดียว “จะมาดีๆไหม”

“มะมีอะไรหรือครับ”

“นั่งกับกู”

“ตรงไหน” เขามองซ้ายมองขวา ตรงนี้ไม่มีที่ให้นั่งสักหน่อย

“ตรงนี้” ชายหนุ่มชี้ไปที่ตักตัวเอง เด็กหนุ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก โบกมือเป็นพัลวันก่อนจะขอตัวไปหาที่นั่งคนอื่น ธัชธรรม์คิดจะทำให้เขาเป็นตัวตลกของคนอื่นหรือยังไง ให้นั่งตักเนี่ยนะ เขาไม่ใช่เด็กสิบขวบนะเว้ย!

“มะ ไม่เป็นไร”

“ใบบุญ”

“…” เขายังไม่ทันตอบอะไร ชายหนุ่มก็จัดการดึงเขาไปนั่งเรียบร้อย ขนาบข้างของธัชธรรม์ทั้งสองข้างก็เป็นรุ่นพี่ผู้หญิงสองคนที่มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ดะ เดี๋ยวนะ ทุกคนกำลังเข้าใจผิด

“หัวมึงยุ่งๆดีนะ แต่โคตรนุ่มเลย” หัวกลมๆดันอยู่ตรงจมูกเขาพอดี เลยได้กลิ่นอ่อนๆพอดี “ใช้แชมพูอะไรวะ”

“ก็.. ขวดสีเขียวไง”

“อันนั้นไม่ใช่ครีมนวดหรือวะ”


“ไม่ใช่ มันเป็นแชมพูสูตรธรรมชาติน่ะ”

“ไว้จะลองใช้บ้างละ ผมกูเซ็ททุกวันกลัวจะเสีย”

“พี่ต้องบำรุงบ้างนะ ถ้าผมแตกปลายหรือมันแห้งเกินไปมันจะไม่ดี”

“งั้นมึงก็มาทำให้บ้างดิ กูเห็นมึงหมักผมให้แม่บ่อยๆ”

“กะ ก็ได้ ถ้าว่างละก็นะ”

“ต้องว่างดิ วันๆมึงไปเที่ยวไหนบ้างหรือเปล่าเหอะ”

“ก็ชอบอยู่บ้าน”

“ทำให้ด้วย ไม่รู้แหละ กูจะเอาผมกลิ่นนี้”

“นี่ พี่อย่าดมหัวสิ.. มันจั๊กจี๋” เขาย่นคอหนี เมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาเล่นปลายผม เขายิ่งเป็นคนบ้าจี้อยู่ด้วย

“อยู่เฉยๆน่า แค่ดมนิดหน่อยทำไมต้องหวงวะ” เขาจับเอวของอีกฝ่ายเอาไว้ให้นั่งตรงๆ จะว่าไปเอวหมอนี่มันเล็กดีชะมัด เวลาจับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอุ้มเด็ก “ซ่อนรูปนะ เห็นผอมๆแม่งมีพุงด้วย”

“พี่ธัช!”

“อยู่เฉยๆ อย่าดิ้นมาก ถ้าลูกชายกูตื่น มึงจะเดือดร้อน” ใบบุญงับปากที่กำลังจะอ้าด่าทันที หันหลังกลับไปทันที เขาอยากจะวิ่งลงจากรถก็ไม่ทันแล้ว รถออกแล้ว.. ฮือๆ ต้องอดทนนั่งอยู่ตรงนี้ไปอีกกี่ชั่วโมงกัน เขาอยากจะบ้าตาย!

ส่วนคนในรถเงียบกริบนั่งฟังบทสนทนาที่เหมือนอยู่บ้านเดียวกันของทั้งสองคนได้แต่ทำหน้างุนงง

ใบบุญกับธัชธรรม์เนี่ยนะ

เด็กแว่นเชยๆกับท็อปแรปเปอร์

ไม่จริงน่า
+++

 เกือบสี่ชั่วโมงกว่ารถบัสของคณะจะพาทุกคนมาถึงเป้าหมาย รุ่นพี่พาน้องๆเข้าที่พักก่อนจะเรียกเข้ามาพูดคุยเพื่อตกลงร่วมกัน เด็กหนุ่มรับฟังและได้จัดการแยกกลุ่มตามที่รุ่นพี่สั่ง กรวีร์กำลังจะเดินปรี่มาทางเขาแต่ก็โดนกลุ่มสาวๆรั้งตัวเอาไว้ก่อน จึงเป็นจังหวะดีของธัชธรรม์ที่ลากคอเสื้อใบบุญเข้าไปใกล้และกระซิบด้วยน้ำเสียงของซาตานร้าย

ใครก็ได้.. ช่วยเขาที..

   “นอนห้องเดียวกับกู”

   “แต่ผมจะนอนกับมังกร” เขายืนยันเสียงแข็ง

“มึงจะเข้าไปลากมันมาได้หรือไง” ชายหนุ่มพยักเพยิดไปทางกรวีร์ที่กำลังถูกล้อมหน้าล้อมหลัง เขาแค่นยิ้มสมน้ำหน้ามันยิ่งกว่าใคร ไม่อยากบอกเรื่องไบร์ทเขาก็ไม่ได้ว่า แต่มึงอย่าได้คิดจะอยู่อย่างมีความสุขเลย!

“ไม่ลองไม่รู้ อีกอย่างผมรอตรงนี้ได้”

“มึงอย่าชักช้า เอากระเป๋าเข้าห้องไป” เขาโยนกระเป๋าใส่เด็กแว่นที่ทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะเอากุญแจห้องที่ได้มาเข้าไปไขรอไว้ก่อนล่วงหน้า

“แบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ” เขาเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในห้อง ที่ที่เขามาทำกิจกรรมเป็นหมู่บ้านในชุมชนห่างไกลซึ่งยังมีวิถีชีวิตของเกษตรกรรมให้เห็นอยู่ และทางชุมชนก็เปิดให้เข้าชมภูมิปัญญาชาวบ้านที่หาดูได้ยาก ทำให้นอกจากเราจะได้มาทำกิจกรรมอาสาแล้วเรายังได้ความรู้กลับไปอีกด้วย

ที่พักเป็นโฮมสเตย์ชั้นเดียวที่ก่อขึ้นด้วยปูนแต่หลังคาทำจากใบจากมามุงกันเป็นแผ่นใหญ่แข็งแรงแม้ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ยังคงทน ในบ้านหนึ่งหลังมีเตียงใหญ่เตียงเดียว ยังดีที่มีห้องน้ำในตัวมีไฟให้แสงสว่าง คราวแรกเขานึกว่าจะต้องจุดตะเกียงไฟเจ้าพายุเหมือนอย่างคนสมัยก่อนซะแล้ว

“ยืนบื้ออะไร เอาเสื้อผ้าไปจัดเข้าตู้สิ”

“ครับ”

“อะนี่ ของกูด้วย”

“พี่ธัช อันนี้พี่ควรจะทำเองนะครับ”

“ทำๆไปเหอะ อย่าบ่น” ชายหนุ่มนอนแผ่บนเตียง ใบบุญมองด้วยสายตาตำหนิ “ไม่กล้าจับหรือไง” ชายหนุ่มเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าก่อนจะคีบกางเกงชั้นในCalvin kleinสีดำของตัวเองขึ้นมาถือไว้ ใบบุญเห็นก็ตกใจทันที นี่มัน— ไอ้ ไอ้บ้า! โว๊ย ใครเขากางเกงในมาโชว์กันแบบนี้วะ เขาเบือนหน้าหนีมองข้าวของตัวเองที่กำลังหยิบออกมาจากกระเป๋า ไม่อยากจะสนใจคนที่ชอบกวนประสาท

“พี่ทำเองไปเลยนะ”

“อ่อนว่ะ”

เขาเห็นธัชธรรม์ยืนขำจนไหล่สั่น มันน่าโมโหจนอยากจะวิ่งไปทุบสักที แต่เชื่อเถอะว่าถ้าเขาทำแบบนั้นเขาอาจจะได้คืนกลับมามากกว่าเดิม งั้นปล่อยไว้แบบนั้นแหละ เขาไม่อยากมีเรื่องกับยักษ์ไททั่นตัวนั้น! นั่งเก็บของอยู่สักพักชายหนุ่มก็กระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง มองหน้าเขาเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง

“เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ”

“ไม่เป็นไร พี่อาบก่อนได้เลย”

“กูไม่อาบ กูจะไปแดกเหล้ากับไอ้ฮัน”

“….”

“อาจจะไม่กลับห้อง มึงล็อคประตูห้องดีๆด้วย”

“ครับ” เขาชะงักไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น ในใจอยากถามว่าชายหนุ่มจะไปไหนก็ได้แต่เก็บปากเงียบ มองชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์สีฟอกฉีดน้ำหอมกลิ่นประจำกำลังจะเปิดประตูออกจากห้องไป เขาก็ไม่เห็นอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะไปหาใครหรือเจอใคร คนอย่างธัชธรรม์มีสาวๆอยู่ในสต็อคมากมาย ส่วนเขามันก็แค่ไอ้ตัวน่ารังเกียจที่ไม่มีค่าให้สนใจอะไร

ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอะไรอยู่แล้ว

นั่งคิดอะไรเพลินๆพลางพับผ้าใส่ตู้จนเสร็จเรียบร้อยเขาก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มก่อนจะกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทอย่างกรวีร์ รายนั้นไม่ยอมรับโทรศัพท์เขาไม่รู้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ใบบุญนอนเล่นได้อยู่ไม่นานก็ผล็อยหลับอย่างง่ายดาย รู้สึกตัวอีกทีกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งก็วนเวียนอยู่รอบจมูก เขาลืมตาขึ้นในความมืดก่อนจะเห็นคนที่คุ้นเคยกำลังนอนแผ่ทับเขาอยู่ ด้วยความตกใจจึงร้องตะโกนออกไปเสียงดัง

“พี่ธัช!” ใช้แรงที่มีดันคนตัวโตออกไปอีกทาง ก่อนจะมองสภาพชายหนุ่มที่เละเทะดูไม่ได้เลย “มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” เขาหยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดทิ้งเอาไว้มาดูเวลา

เกือบตีสามแล้ว วงเหล้าน่าจะเลิกพอดี

“ไบร์ท…” เสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์ดังอผ่วออกมาจากริมฝีปากคู่สวย เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินธัชธรรม์ละเมอถึงแบบนี้ ขอบตาร้อนผ่าวอย่างอดไม่อยู่ อย่างน้อยช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็มีความสุขเหลือเกิน
“….”

“ไบร์ท อย่าทิ้งพี่ไป”

“พี่ธัช” เขาเกลี่ยแก้มสากของชายหนุ่ม เสียงงึมงำของอีกฝ่ายพูดออกมาราวกับคนไม่ได้สติ เขาซับน้ำตาที่เปียกซึมจากหางตาของชายหนุ่ม เรื่องที่เขาไม่อยากจะร้องเพลงมันเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจเอาไว้อยู่แล้ว เขาไม่อยากทรมานตัวเองมากไปกว่านี้ “พี่ธัชลืมไบร์ทเถอะนะ”

“ไบร์ท..”

“พี่รักหนูแทนไม่ได้จริงๆหรือ”

ถ้าอยากจะตัดใจ มันก็ต้องยอมเจ็บ..



TBC


ออฟไลน์ lovebear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 8 ] 27-10-61 ★ P.2
«ตอบ #34 เมื่อ27-10-2018 13:20:49 »

ทำไมพี่ธัชใจร้ายจัง รักน้องไม่ได้หรอ รักที่น้องเป็นน้องอ่ะ ไม่ใช่น้องเป็นไบร์ท

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 8 ] 27-10-61 ★ P.2
«ตอบ #35 เมื่อ27-10-2018 13:29:34 »

ตอนแปดมาแล้ว อ่านแล้วขอร้องได้ไหม

ทำไมพี่ธัชทำแบบนี้ ทำไมทำไมทำไม

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 9 ] 29-10-61 ★ P.2
«ตอบ #36 เมื่อ29-10-2018 16:04:07 »

Rhyme 9

บรรยากาศในช่วงรุ่งสางเย็นสบายน่านอน ถึงในหมู่บ้านจะไม่ได้ติดไฟฟ้าไว้ทั่วแต่แสงสว่างจากพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าก็ทำให้เขาค่อยๆซึมซับภาพความสวยงามของธรรมชาติได้ เด็กหนุ่มยิ้มกว้างให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะหันไปมองกล่องอุปกรณ์ที่วางเรียงรายอยู่ท้ายรถยังเหลืออยู่อีกเป็นสิบกล่อง เขาปาดเหงื่อที่ไหลลงข้างขมับก่อนจะทยอยยกกล่องไปไว้ในห้องโถงจนเสร็จเรียบร้อย ใบบุญยืนมองผลงานของตัวเองด้วยความพอใจก่อนจะลงมือจัดการของที่ยังเหลือค้างในรถบรรทุกอีก เมื่อคืนหลังจากที่เขานอนคอยเช็ดตัวให้ธัชธรรม์เสร็จเด็กหนุ่มนอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่นบริเวณหน้าบ้านพักซึ่งมีบ้านของคนอื่นๆอยู่ไม่ไกลกันนัก จนได้เจอกับกลุ่มของประธานรุ่นและรุ่นพี่ปีสูงที่เพิ่งจะกลับจากสังสรรค์เขาจึงได้พูดคุยกันนิดหน่อยและถูกไหว้วานให้มาช่วยจัดการอุปกรณ์ที่ถูกขนมาใช้จัดแสดง ในใจก็อดนึกถึงชายหนุ่มที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไม่ได้

หวังว่าตื่นมาแล้วจะไม่โวยวายนะ..

เขากลับไปในห้องอีกทีตอนเกือบเจ็ดโมงเช้า ธัชธรรม์ไม่ได้อยู่ในห้องพักแล้ว มีเพียงผ้าขนหนูที่ใช้แล้วตากทิ้งไว้ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงจะจัดการตัวเองจนสะอาดเรียบร้อยและหายไปไหนต่อไหนอีกตามเคย เด็กหนุ่มก้มลงดมกลิ่นตัวของตัวเองดูบ้างก็ทำหน้าเหยเก

“ไปอาบน้ำบ้างดีกว่าเรา”

เขาออกมาจากห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะมาเจอชายหนุ่มนั่งเล่นอยู่บนเตียง ผ้าขนหนูที่ห้อยคอเอาไว้รีบดึงมาปิดตัวทั้งๆที่เสื้อผ้าก็ใส่จนครบ ธัชธรรม์เหล่มองเขาเล็กน้อยก่อนจะไม่สนใจนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ต่อไป เขาเดินไปตากผ้าขนหนูไว้ที่ราว ก่อนจะเดินมานั่งเล่นที่เตียงบ้าง อีกฝ่ายเอ่ยปากทักจนเขาสะดุ้งเฮือก

“ไปไหนมา”

“หืม”

“เมื่อคืนไปไหนมา”

“ผมไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” เขาตอบ รีบหลบสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมา

“กูตื่นมาไม่เจอมึง นึกว่าไปเดินตกท่อที่ไหน”

“ผมไปธุระนิดหน่อย”

“กับพวกประธานรุ่น?”

“อะ อืม แล้วก็รุ่นพี่ปีสูง”

“รุ่นพี่ชื่ออะไร” เขาถาม

“จำไม่ได้”

“คุยกับใครก็หัดถามชื่อเขาไว้บ้าง” เขามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อยืดลายชิบะแลบลิ้นนี่มันอะไรกัน กางเกงผ้าขายาวสีน้ำตาลอ่อนกับทรงผมยุ่งๆแว่นตาหนาๆที่โคตรจะเฉิ่มเชย “มึงก็ตามน้ำกับชาวบ้านเขาไปเรื่อย ชอบไม่ชอบอะไรก็บอกเขาไปตรงๆสิ”

“อื้ม ผมจะจำเอาไว้” เขาพยักหน้า น้อยครั้งที่ธัชธรรม์จะพูดเรื่องดีๆอย่างคนอื่นเขาบ้าง

“แต่งตัวเสร็จก็ไปข้างนอกได้แล้ว” เขาลุกขึ้นเดินตามธัชธรรม์ออกไปด้านนอก เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะไปรวมกันที่ห้องโถงใหญ่ของหมู่บ้าน ทุกคนมารวมตัวกันได้สักพักแล้ว มีแต่เขาเองที่ช้าอยู่คนเดียว..

แอบรู้สึกผิดแหะ

เด็กหนุ่มรู้สึกปวดเมื่อยจนต้องใช้มือทุบๆไปตามตัว กลุ่มเพื่อนคนอื่นๆมองมาที่เขาแล้วก็พูดคุยหัวเราะกัน เขาได้แต่ส่งยิ้มไปให้ไม่เข้าใจความหมายของท่าทีแบบนั้นเหมือนกัน หรือว่าเขาจะลืมหวีผมมา.. คลำๆหัวตัวเองก็เห็นมันยุ่งเหมือนเดิมเขาชักมือกลับก่อนจะกวาดสายตาหาเพื่อนสนิทที่หายหัวไปตั้งแต่มาถึงที่นี่

“กร..” ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากเรียก ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนโดดเด่นก็ถูกดึงไปอีกทาง รุ่นพี่รายล้อมและพูดคุยกันสนุกสนาน เป็นพื้นที่ที่ไม่ทางให้เขาได้แทรกเข้าไปได้เลย ตอนแรกเขาอยาจะเดินเข้าไปทักทายกรวีร์อยู่หรอก แต่ดูจากสภาพตอนนี้แล้ว คงไม่ได้คุยแน่ๆ

“เดี๋ยวจะแบ่งกลุ่มตามสีนะครับ ใครได้สีอะไรก็ไปรับป้ายชื่อจากรุ่นพี่ประจำกลุ่มเลยจ้า” รุ่นพี่จัดการถือกล่องกระดาษเขย่าไปมาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรอยู่ข้างใน เขาล้วงก่อนจะคลี่ดูว่าเป็นอะไร

สีเขียว..

หันไปมองธัชธรรม์ที่กำลังมีรุ่นพี่ยื่นป้ายชื่อสีฟ้าให้ เขาก็ได้แต่แอบลอบมองเงียบๆ ไม่รู้ว่าจะมีใครได้สีเขียวเหมือนกันกับเขาบ้าง มองไปทางกรวีร์ที่มองทางเขาหมอนั่นชูป้ายสีเขียวในคอก่อนจะยิ้มกว้าง เขายิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆ

“หายหัวไปเลยนะมึง”

“มึงนั่นแหละหาย มีเพื่อนใหม่แล้วลืมกู”

“กูไม่ลืม แต่กู..” กรวีร์กระซิบ “กูปลีกตัวออกไปไม่ได้ รุ่นพี่อยากให้กูลงประกวดเดือนปีนี้ เขาเลยอยากสนิทสนมเอาไว้” ชายหนุ่มทำหน้าเซ็ง แค่คิดว่าจะต้องปั้นหน้าตลอดเวลาเขาก็เอียนจะแย่แล้ว ชวนคุยแต่ละเรื่องเขาก็ต้องทำเป็นสนุกเอาไว้ก่อน

“กูบอกแล้วว่ามึงจะต้องได้”

“เพราะพี่ธัชของมึงสละสิทธิ์ไง ความซวยเลยตกมาที่กู” เขาทำตาโตเท่าไข่ห่าน คิดไว้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มจะต้องไม่ชอบกิจกรรมอะไรแบบนี้แน่ “เดี๋ยวคอยดูนะ ถ้ากูไม่ว่างไปร้องเพลงให้เฮีย สงสัยมึงได้กลับไปร้องเพลงแน่” กรวีร์หัวเราะ

“หุบปากไปเลย!” เขาเงื้อมมือจะทุบเพื่อนแตก็ต้องชะงักเมื่อมีสาวน้อยตัวเล็กเดินเข้าร่วมวงด้วย

“คุยอะไรกันหรือจ๊ะ”

“อ้าว แฟงกับหมิวนี่เอง” เขาทักทาย อีกฝ่ายยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะหันไปหากรวีร์

“ทุกคนอยู่ฐานไหนกันบ้าง” แฟงถามทั้งๆที่แต่ละคนก็ถือป้ายชื่อกันอยู่แล้ว “เสียดายจังเลยไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน”

“ไม่เป็นไรหรอก ไว้รอบหน้าก็ได้”

“แย่จัง..”

“แยกย้ายกันไปตามฐานได้แล้วนะครับน้องๆ” เสียงรุ่นพี่ปีสามดังลั่นไปทั่วบริเวณ เด็กหนุ่มที่กำลังร้อยเชือกเข้าป้ายชื่อสะดุ้งโหยง เมื่อจับกระดาษมาดูดีๆเขาก็จำได้ว่าเคยช่วยเพื่อนในรุ่นสองคนทำงานก่อนที่จะป่วยจนไม่สบาย แล้วจึงมารู้ทีหลังว่ารุ่นพี่ไม่ได้สั่งแต่เป็นของที่เพื่อนในรุ่นโหวตและให้ช่วยกันทำขึ้นมาเอง เขาไม่ได้พูดอะไรกับแฟงและหมิวอีกเพราะไม่อยากผิดใจกัน ถึงจะไม่รู้เหตุผลของอีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่ถนอมน้ำใจเพื่อนเอาไว้จะดีกว่า

“เรา.. ขอแลกฐานกันได้ไหมอะใบบุญ”

“มีอะไรหรือแฟง”

“เราอยากอยู่ฐานเดียวกับมังกรอะ”

“อ๋อ ได้สิ” เขาดึงป้ายชื่อสีเขียวที่คล้องอยู่ออก ก่อนจะรับป้ายชื่อสีฟ้ามาคล้องคอแทน กิจกรรมในช่วงเช้าเป็นการแบ่งฐานแล้วกระจายกันไปทำกิจกรรมต่างๆ เขามองหาฐานของสีฟ้าก่อนจะเดินไปนั่งท้ายๆแถว พยายามเงี่ยหูฟังวิทยากรที่กำลังบรรยาย

“อยู่สีฟ้าก็มานั่งนี่”

อีกแล้ว..

เขาหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่หัวมีผ้าโพกหัวสีกรม ดวงตาดุเข้มราวกับเหยี่ยว คิ้วดกดำและสันกรามชัด ผิวแทนสวยในชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ตัวเก่งที่เขาเพิ่งซักให้เมื่ออาทิตย์ก่อน พักอยู่ด้วยกันทั้งคืนแล้วยังจะต้องมาเจอหน้ากันตอนกลางวันอีกหรือไง..

“ยังจะทำหน้ามึนอีก”

“รู้แล้วๆ”

“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย อยู่กลุ่มเดียวกับกูมันจะตายหรือไง”

“…” เขาไม่ตอบ เมินหน้าหนีก่อนจะเดินไปนั่งกับคนอื่นแทน ตอนนี้เขาง่วงจนตาแทบจะปิดอยู่แล้ว เพราะเมื่อคืนมัวแต่นั่งเช็ดตัวให้อีกฝ่ายจนไม่ได้หลับได้นอน ถามจริง.. ใครนอนลงก็บ้าแล้ว!

“จะไม่คุยกับกูใช่ปะ” เขาลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปใกล้ใบบุญที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนรุ่นพี่ปีสามที่เป็นเพื่อนกันต้องห้ามปรามเพราะเกรงใจวิทยากร

“ไอ้ธัช มึงอย่าแกล้งน้อง”

“เงียบไป ไอ้คิม” หันไปพูดใส่เพื่อนเสร็จก็นั่งลงข้างๆใบบุญ

“ก่อนหน้านี้กูเห็นมึงไล่มันอย่างกับหมูกับหมา” หิรัญที่อยู่กลุ่มเดียวกันไม่พอใจจนต้องเอ่ยปาก เขาทนเห็นธัชธรรม์พูดจาไม่ดีกับใบบุญมานานแล้ว แล้วครั้งก็ต่อหน้าคนอื่นด้วย “เป็นหมาบ้าหรือไง”

“พี่ธัชกับใบบุญเป็นพี่น้องกันหรือคะ” เสียงถามมาจากกลุ่มเด็กผู้หญิงปีหนึ่งที่แอบมองมาทางนี้นานแล้ว ธัชธรรม์หันไปจุดยิ้มก่อนจะตะปบเข้าที่แก้มขาวจนปากเด็กหนุ่มยู่ยี่

“อือ หน้าเหมือนกันปะ”

“พี่อย่ามาจับหน้าผมนะ” เขาตกใจจนสะดุ้ง รีบสะบัดหน้าหนีทันที มือไปจับอะไรมาก็ไม่รู้ ยังจะมาเล่นแก้มเขาอีก!

“หวงเนื้อหวงตัวชิบหาย” เขาพูด เสียงออกตามไรฟัน รู้สึกเสียหน้าที่โดนไอ้แว่นมันตวาดต่อหน้าคนอื่น “ใช่สิ กูไม่ใช่ไอ้ฮันนี่นา”

“พี่ฮันเกี่ยวอะไรด้วย พี่ธัชอย่ามาโยนให้คนอื่นนะครับ”

“กูตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอมึงแล้ว กูรู้นะว่ามึงไประริกระรี้กับไอ้ฮันสองคน” เขากระซิบ ถ้าอยากจะปิดเขาก็ช่วยทำให้มันเนียนๆหน่อยสิ “ทำไม คิดจะหลบหน้ากูหรือไงไอ้แว่น”

“ผมตื่นเช้าออกมาจากห้องก่อนไม่ได้หรือไง ผมกับพี่ไม่ได้ตัวติดกันนะ” ใบบุญพูดเสียงแข็ง ก่อนจะสะบัดหน้าหนี ไม่รู้ทำไมธัชธรรม์ถึงชอบกวนประสาทเขาอยู่ได้ เรื่องเจอหิรัญก็เป็นตอนที่เขากำลังจะกลับบ้านพักแล้ว คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคจะมาเหมารวมแบบนี้ได้ยังไง แล้วไอ้เรื่องตัวติดกันน่ะ ถ้าไม่ใช่ต่อหน้าแม่ก็ไม่จำเป็นเลยสักนิด

หมาบ้าจริงๆ!

เขาทำเป็นไม่สนใจชายหนุ่มกลับมานั่งฟังวิทยากรบรรยายไปเรื่อยก็เริ่มรู้สึกง่วง สักหงกไปหลายทีจนโดยสายตาตำหนิจากรุ่นพี่มาเป็นระลอก เขานั่งมองพื้นที่ธรรมชาติกว้างใหญ่ที่ชาวบ้านใช้ในการทำเกษตรกรรมกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ลมพัดเย็นๆที่ตีเข้ามาปะทะกับใบหน้ายิ่งทำให้เขาง่วงมากกว่าเดิม

“เดี๋ยวเราจะแบ่งกลุ่มไปลงแปลงผักกันนะ” รุ่นพี่ประกาศออกไมค์ ทุกคนเริ่มมองหาสมาชิกในกลุ่มทันที “จับกลุ่มสักห้าคนก็ได้” เขามองซ้ายมองขวาจะเดินเข้าไปขออยู่กลุ่มกับคนอื่นแต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป ทุกคนมีกลุ่มกันหมดแล้ว

“ไม่เป็นไรใบบุญมาอยู่กับเราก็ได้”

“ขอบใจนะ”

“มาอยู่กับกูนี่” ชายหนุ่มดึงคอเสื้อเขาอย่างแรง  “จะไปอยู่ทำไมตรงนั้น”

“ปล่อยผมนะ ผมจะไปอยู่กับเพื่อน”

“เลิกดื้อแล้วฟังกูได้ละ” ใบบุญสะบัดตัวออกจากธัชธรรม์ได้เขาก็นั่งหน้ามุ่ยไม่อยากจะไปสนใจคนใจร้ายอีกแล้ว สุดท้ายเขาก็ได้อยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงอีกสี่คน รุ่นพี่แบ่งกลุ่มให้และพาไปดูแผลงที่เราจะเริ่มลงมือปลูกผัก

“ร้อนขนาดนี้ไม่ไหวหรอก”

“นั่นสิ แปลงผักกว้างขนาดนี้จะเสร็จเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

“เราฝากใบบุญจัดการได้ไหมจ้ะ” รอยยิ้มหวานพร้อมดวงตากลมที่มองเขามาอย่างมีความหวัง เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำยังไงนอกจากพยักหน้าตกลง

“ได้สิ”

เด็กหนุ่มปาดเหงื่อที่รินไหลข้างขมับ เสื้อยืดสีขาวลายหมาชิบะแลบลิ้นพร้อมกางเกงผ้าขายาวเปียกชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ถอดหมวกปีกกว้างออกจากหัวเอาแว่นสายตาเสียบกับคอเสื้อก่อนจะล้วงผ้าเช็ดผ้ามาซับหน้า ใครมันคิดกิจกรรมให้มาปลูกผักท่ามกลางแดดร้อนๆตอนเที่ยงแบบนี้วะ! เขาบ่นอุบในใจไม่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทั้งที่ตอนนี้ทั้งร้อนและทั้งหงุดหงิดจนจะบ้าตาย รีบสวมแว่นก่อนจะคว้าจอบขึ้นง้างแล้วแงะดินขึ้นมาให้มันร่วนซุย

“ดินแข็งขนาดนี้ กว่าจะได้ปลูกผักคงตายก่อน”

ชายหนุ่มที่นอนกระดิกเท้าใต้ร่มไม้เงยหน้าจากหนังสือในมือมองเด็กหนุ่มที่ทำท่าจะไม่รอด

ไม่ไหวแล้วยังจะอวดดี

ถูกโยนงานหนักมาให้ก็ทำไม่มีปริปากบ่น ให้พรวนดินกลางแดดเปรี้ยง ถูกใช้ให้ยกของหนักคนเดียว ก็ยังยิ้มรับได้สบายใจไม่มีปัญหา เขาเห็นแล้วหงุดหงิดลูกตาชิบหาย ถูกเขาประเมินเป็นพวกเกรดต่ำไม่น่าคบหาก็ไล่ให้ไปทำงานอย่างอื่น ไอ้พวกตัดสินคนจากภายนอกมันมีอยู่ทุกสังคมจริงๆ ไอ้คนทำงานก็ทำไปเหอะ ผลงานออกมาก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าใครทำ เขาแค่นยิ้ม คิดว่าคนอย่างเขาไม่รู้หรือไงเรื่องกลุ่มประธานรุ่นชอบมาไหว้วานให้ใบบุญทำนั่นนี่

ไร้สาระชิบหาย

หงุดหงิดยิ่งกว่าก็คือคนของตัวเองกลายเป็นลูกกระจ๊อกคนอื่น แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน

คนที่ทำให้มันเจ็บได้ ร้องไห้ได้ มีแค่เขาคนเดียว!

“ไม่ไหวมึงก็มาพัก มึงจะฝืนตัวเองทำไม”

“เดี๋ยวงานไม่เสร็จ”

“ระหว่างงานไม่เสร็จกับมึงไม่สบาย มึงจะเลือกอะไร”

“ไม่เอา ผมไม่อยากทำงานค้าง”

“แม่งดื้อได้ใครวะเนี่ย”

“ใครเลี้ยงผมมา ผมก็ได้คนนั้นแหละ” เขาหันไปพูด นึกสงสัยว่าธัชธรรม์ไม่มีกลุ่มหรือยังไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนกับเขาตลอด

“ย้อนกูอีก”

มันน่าลากจับมาตีก้นฟาดสั่งสอนให้รู้สำนึก ตัวกระจ้อยเป็นหมากระเป๋า ผิวขาวซีดที่จับนิดหน่อยก็เป็นรอย เอะอะก็ป่วยเข้าโรงพยาบาล โดนฝุ่นนิดหน่อยก็เป็นหวัด เขาควรจับมันใส่ขวดโหลทำเป็นกุมารทองไปซะเลย บอบบางชะมัด แล้วแม่งโคตรดื้อ พูดแล้วทำหน้ามึนใส่ไม่รู้ไม่รู้ชี้ เห็นแล้วโคตรหมั่นไส้

เชื่อ ใครพูดอะไรก็เชื่อ เขาพูดอะไรนี่ทำเมินตลอด!

โมโหสัดๆ!

“ทำไปเลยนะ ไม่เสร็จไม่ต้องหยุด ไม่ต้องแดกข้าวด้วย”

“พี่ธัชก็มาช่วยกันสิ”

เพราะเขารู้ว่ามันแกล้งไง เขาถึงไม่อยากลงไปทำ แต่ไอ้เด็กนี่มันซื่อมันเคยตามใครทันที่ไหน สวนผักนี่กี่แปลงจะให้ปลูกทั้งหมดนี่สงสัยจะต้องมาอยู่สักเดือนละมั้ง

“กูพูดอะไรเคยฟังกันไหมเนี่ย”

“พี่อยากพูดอะไรก็พูดไปสิ ฟังอยู่”

“เลิกทำแล้วมานั่งพัก หน้ามึงแดงหมดแล้ว”

“มันร้อนไงหน้าเลยแดง” เขาตอบ เรี่ยวแรงที่เคยมีมันหดหายไปไหนหมดไม่รู้ แค่จะกำด้ามจอบมือก็สั่นระริกไปหมด ภาพตรงหน้าเลือนลางและหมุนวนจนปวดหัว

“ยังอีก” ชายหนุ่มลุกพรวดเข้าไปรับร่างบอบบางที่กำลังเซล้มลงกับพื้น “เห้ย!”

กูว่าแล้ว

“มึน.. หัว”

“ไม่ต้องพูดมาก กินน้ำก่อน” ปลดกระดุมเสื้อแขนยาวที่คนตัวเล็กใส่ทับเข้าไป ให้ระบายความร้อน จะได้หายใจได้สะดวก คนป่วยปรือตามามองแทบไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรแล้ว

“พี่จะทำอะไร”

“ปลดกระดุมหน่อย จะได้หายใจได้สะดวก”

“ไม่เอา ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ร้อนมันเลยเวียน เซๆนิดหน่อย”

“ถ้ากูไปรับไม่ทัน มึงหน้าแหกแน่”

“ขอบคุณนะพี่..” ใบบุญยิ้ม เขานึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าตรงนี้ไม่มีธัชธรรม์อยู่ จะเป็นยังไง..

“เกลียดมึงชะมัด” เขาเห็นรอยนิ้มนั่นก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ปกติแยกเขี้ยวใส่หรือไม่ก็หลบหน้าเขาตลอด “ยิ้มทำไม”

“ถึงพี่จะเกลียดผมมากขนาดไหน.. ผมก็ไม่เคยคิดจะเกลียดพี่เลยนะ”

“พูดมาก ขนลุก”

“ฮ่าๆ”

“หุบปากไปเลย”

เขามองเด็กหนุ่มที่หน้าแดงก่ำยกยิ้มขึ้นหัวเราะดูเพลินตา ก่อนจะดันหัวมันให้ซบกับอกเขาเบาๆ อีกฝ่ายดิ้นขลุกขลักนิดหน่อยเหมือนหาที่ของตัวเองเจอก็หลับตานิ่ง ไม่เหมือนลูกแมวพยศที่จ้องจะกัดเขาเหมือนทุกที เขามองใบหน้าขาวซีดภายใต้กรอบแว่นหนา แก้มกลมขาวแดงก่ำราวกับมะเขือเทศ จมูกและปากจิ้มลิ้มยิ่งใกล้ๆมันก็ยิ่ง..

เหมือน..

เขาส่ายหัว คิดว่าตัวเองคงจะคิดถึงไบร์ทจนเห็นภาพหลอนไปได้

ไม่มีทางที่จะเป็นคนๆเดียว ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้เลย

เขามองแล้วก็ถอนหายใจ จากที่ปากบอกใครต่อใครว่าแสนเกลียดไม่อยากจะสนใจเห็นมันอยู่ในสายตา แต่พอมันเข้ามาใกล้เขาก็อดแกล้งไม่เคยได้ เวลาเขาตะคอกใส่มันก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วก็เดินหนี ไม่ก็ยืนเถียงเขาแล้วก็ทำหน้าไม่พอใจ รู้ทั้งรู้ว่านิสัยเป็นยังไง เวลาเขาดุ ก็ชอบแอบไปร้องไห้คนเดียว ดื้อเงียบ สาระพัดนิสัยไม่ดีที่เขาสอนเอาไว้ เป็นไงล่ะ โตขึ้นก็เอาคืนหมดทุกอย่างเลย

ดีจริงๆ!

ตั้งแต่เล็กจนโตด้วยกันมา เขาเคยทำให้มันร้องไห้อยู่ไม่กี่ครั้ง คอยกางปีกปกป้องจนมันเป็นลูกนกที่บินเองไม่ได้ ต้องรอเขา ต้องคอยเขาอยู่คนเดียว เขาเคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่าสักวันลูกนกตัวนี้ก็ต้องบินได้เอง ถึงเวลานั้นมันจะมาไวไปหน่อยก็เถอะ แต่มันก็พิสูจน์ได้ว่า ใบบุญโตขึ้นแล้วจริงๆ

“กูทำไม่ดีกับมึงขนาดนี้ มึงยังจะรักกูอีกหรือวะ”

“….”

“ทำไมไม่เกลียดๆกูไปเลย..”

“….”

“กูมันเป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่อง ทิ้งมึงให้มึงเจอเรื่องเหี้ยๆอยู่คนเดียว ทั้งๆที่คนที่อยู่ข้างกูก็มีแค่มึงเท่านั้น.. กูก็ยังทิ้งมึงได้ลงคอ ทำไมวะทำไม”

“….”

“มึงเกลียดกูเถอะ” เขาลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มของใบบุญ รู้สึกชอบสัมผัสนี้เหลือเกิน “มึงก็รู้.. ความจริงมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”

“….”

“มึงกับกู ไม่มีทางจะกลับมาเหมือนเดิมได้หรอก” เขาพูดเสียงแผ่วเบา “สิ่งที่มึงเคยช่วยกูเอาไว้”

“….”

“ครั้งนี้กูจะเอาคืนให้มึงเอง”


(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 9 ] 29-10-61 ★ P.2
«ตอบ #37 เมื่อ29-10-2018 16:05:11 »

(ต่อจากด้านบนค่ะ)


อากาศในช่วงเย็นมีลมพัดสบายแตกต่างจากช่วงกลางวันมากนัก เหล่าหนุ่มสาวที่มาเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงกลางวันผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย รุ่นพี่ประชุมเพื่อเตรียมกิจกรรมให้รุ่นน้องได้ทำในช่วงหัวค่ำ ตอนนี้จึงเป็นช่วงพักผ่อนให้กินข้าวและกลับบ้านพักเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อมารวมกันอีกทีตอนหัวค่ำ กรวีร์มองซ้านมองขวาหาเพื่อนสนิทที่หายไปตั้งแต่ช่วงกลางวัน เขาถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าใบบุญไปไหน โทรศัพท์หาแล้วก็ไม่มีใครรับสาย จนกระทั่งเจอพี่ชายของเพื่อนสนิทกำลังยืนหลบมุมสูบบุหรี่อยู่ เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถาม

“พี่ธัช ไอ้ใบบุญอะ”

“กูจะไปรู้ได้ยังไง” เขาพ่นควันสีเทาออกมา ก่อนจะหันไปตอบรุ่นน้องที่จ้องมาเขม็ง “มันจะไปไหนก็เรื่องของมันสิ”
“ก็พี่อยู่สีเดียวกับมัน” กรวีร์ตอบเสียงอ่อน เขาหมดปัญญาจะไปหาตัวมันแล้วจริงๆ บ้านพักมันอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ไอ้คนที่รู้ก็ไม่อยากจะบอกเขาซะอย่างนั้น

“กูไม่จำเป็นต้องไปตัวติดกับมันสักหน่อย” ธัชธรรม์จุดยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่กรวีร์เห็นแล้วหงุดหงิดบอกไม่ถูก หมอนี่ถนัดแต่กวนประสาทคนอื่นอย่างที่ใบบุญบอกจริงๆ “มึงอะ เป็นเพื่อนประสาอะไร”

“ทำไม” เขาจับกระแสคำพูดของอีกฝ่ายได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจึงขมวดคิ้วแน่น “ไอ้บุญมีอะไรหรือเปล่า” ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ ร่างโปร่งบางแทบจะปลิวลมก็เดินตุปัดตุเป๋มาอีกทาง ธัชธรรม์เขวี้ยงบุหรี่ในมือแล้วขยี้ทิ้ง ความไม่พอใจตีรวยในอกขึ้นมาอีกระลอก เมื่อเห็นคนที่สมควรจะนอนพักออกมาเสนอหน้าข้างนอกอีกแล้ว

ยังไม่เข็ดสินะ..

“กร..”

“อ้าว มึงหายหัวไปไหนมา แล้วทำไมหน้าซีดๆแบบนั้น”

“เวียนหัวอะ อากาศมันร้อน” ใบบุญยิ้มให้ ก่อนจะส่ายหัวว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก พยายามไม่หันไปมองคนตัวโตที่ส่งสายตาตำหนิมาให้

“ไปแดกข้าวกัน เดี๋ยวพี่เขาจะให้ทำกิจกรรมช่วงเย็นอีก คราวนี้กูต้องได้อยู่กลุ่มเดียวกับมึงนะ”

“เออๆ ไปกินข้าวกัน”

เขามองเด็กหนุ่มร่างบอบบางเดินผ่านไป ขนาดเดินยังไม่มีแรงตัวบางเป็นเปลือกกุ้งยังคิดจะซ่า เขาอุตส่าห์ไปคุยกับรุ่นพี่ให้เรื่องที่มันป่วยจะได้ไม่ต้องมาเข้าร่วมกิจกรรมงี่เง่า มันยังดันทะลึ่งออกมาเสนอหน้าให้คนอื่นจิกหัวใช้อีก แล้วนี่เขาจะเป็นห่วงมันทำไม มันจะไปตายที่ไหนก็ถูกแล้ว เห็นแล้วหงุดหงิดชิบหาย

“พี่ธัชคะ”

“ว่า” เขาหันไปทางกลุ่มเด็กผู้หญิงสามคนที่เดินเข้ามาใกล้ ต่างคนต่างผลักอีกฝ่ายให้เข้ามาคุยกับเขา

“คือทางหลักสูตรเขาจะมีให้เก็บชั่วโมงการแสดงน่ะค่ะ เราเลยอยากจะชวนพี่มาอยู่ทีมเดียวกัน” เด็กสาวที่ถักผมเปียช้อนดวงตากลมโตมองเขาด้วยความเขินอาย ก่อนที่อีกฝ่ายจะหลบตาไป

“แล้วยังไงต่อ” เขาจำได้ว่าอยู่เอกเดียวกันตอนแนะนำตัว “เราอยู่เอกว๊อยซ์เหมือนกันนี่”

“ใช่ค่ะ พลอยอยู่เอกว๊อยซ์ แต่ว่าพี่ธัชเก่งกีต้าร์มากเลยนี่คะ”

“รู้ได้ไง”

“พวกเราเป็นแฟนคลับตั้งแต่พี่อยู่ที่อเมริกาแล้ว” เด็กสาวผมสั้นอีกคนบอก พลางทำเสียงอ้อนวอนจนคนแถวนั้นหันมามองว่าคุยอะไรกัน “นะคะ ยังไงก็ช่วยเก็บไปคิด ถ้าได้พี่มาอยู่ด้วยกัน พวกหนูจะดีใจมากเลย”

“พี่ก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น จะเก็บไปคิดก่อนแล้วกัน” เชายหนุ่มขี้เกียจจะยืนคุยตรงนี้จึงตัดบท ก่อนจะเดินหลบไปอีกทาง ปล่อยให้เด็กสาวยืนคุยกันตรงนั้นต่อไป

“ขอบคุณนะคะ” พลอยยิ้มแป้น รีบตีแขนเพื่อนอีกคนด้วยความเขิน “เห็นไหมพี่เขาไม่ได้ดุอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”

“ฮือออออ น่ารักอ่า” เสียงวี้ดว้ายก็ยังดังพอที่จะทำให้คนแถวนั้นได้ยินอยู่บ้าง เด็กหนุ่มถือจานข้าวเดินมาหาที่นั่งจึงได้ยินไปโดยปริยาย เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นธัชธรรม์กำลังยืนคุยแล้วผละออกไปจากกลุ่มผู้หญิงตรงนั้น

“มองอะไร”

“ปะ เปล่า ไม่ได้มอง”

“ไม่ได้มองอะไรก็กูเห็นอยู่” กรวีร์เห็นเพื่อนเหม่อลอยจึงหันไปดูบ้างว่ามีอะไร “แล้วเมื่อกลางวันมึงหายไปไหนมาอะ กูแวะไปหาที่ฐานมึงก็ไม่เจอเลย”

“คือกู.. ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยอะ” เขาก้มหน้างุด นึกถึงเหตุการณ์ก็รู้สึกแย่ เขาทำให้ธัชธรรม์ต้องลำบากอีกแล้ว เขาจำได้แค่ชายหนุ่มอุ้มเขาไปนอนที่ห้อง เช็ดตัวให้แล้วก็.. อืม แค่คิดถึงสัมผัสของอีกฝ่ายใบหน้าก็ร้อนผ่าวไปหมดแล้ว “ก็.. ก็เลยไปนอนพักที่ห้อง”

“แล้วมึงเป็นอะมากเปล่า หน้ายังแดงๆอยู่เลยนะ”

“กูดีขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” เขาโบกมือเป็นพัลวัน ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว

“เห็นมึงไม่ค่อยสนิทกับใคร กูเป็นห่วงนะ กลัวมึงจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้”

“ได้สิ มึงอะคิดมาก”

“อย่างน้อยมีพี่ธัชอยู่ กูก็เบาใจ”

“ทะ ทำไมอะ” ช้อนที่ถืออยู่ร่วงกระทบจานข้าวเสียงดัง ใบบุญรีบเก็บอาการสั่นของตัวเองที่ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องรู้สึกใจเต้นแรงอย่างนี้ด้วย

“ถึงเขาจะด่ามึงยังไง เขาก็อยู่ข้างมึงตลอด มึงไม่เคยสังเกตหรือไง” กรวีร์เอานิ้วจิ้มหน้าผากมันไปหนึ่งที คนอื่นเขามองออกกันทั้งนั้นว่าธัชธรรม์กับใบบุญสนิทกันแค่ไหน แต่แค่เขาไม่พูดก็เท่านั้น “มึงลองถอยออกมาดูบ้างเถอะ กูว่าพี่มึงก็ไม่ได้ใจจืดใจดำอะไรขนาดนั้น ถึงจะเหมือนหมาบ้าก็เถอะ”

“อย่ามาว่าพี่ธัชนะมึง”

“ต่อหน้าละด่ากัน กัดกันตลอด ลับหลังนี่เทิดทูนชะมัด”

“ก็กูชอบของกูนี่!” เขากัดฟัน ไม่เถียงเรื่องที่เขาหลงอีกฝ่ายหัวปักหัวปำแถมยังตัดใจไม่ลงอย่างกับคนบ้า

“ชอบอะไรหรือจ้ะ” เสียงทุ่มดังขึ้นเหนือหัวของเพื่อน ชายหนุ่มผิวขาวยืนยิ้มแฉ่งพร้อมกับจานข้าวในมือก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกรวีร์

“พี่ฮัน มาแบบนี้ตกใจหมดเลยนะครับ”

“เห็นคุยกันท่าทางสนุก ให้พี่เผือกมั่งสิ” หิรัญทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็น จนกรวีร์ทำหน้าเอือมแถมยังกระเถิบหนีอีกฝ่ายจนแทบจะชิดอีกด้านของโต๊ะ แสดงออกว่ารังเกียจชัดเจน

“เก็บหน้าไม่หล่อของคุณออกไปเถอะ คนหล่อๆเขาจะคุยกัน”

“น้องกรคร้าบ พี่เป็นรุ่นพี่นะครับ นอกจากจะเป็นรุ่นพี่ที่คณะแล้วยังเป็นรุ่นพี่ค่ายด้วย ไม่เคารพกันก็ช่วยเห็นแก่หน้าเฮียกิตบ้างนะครับ” หิรัญพูดเสียงใส ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มกว้างสว่างไสวระยิบระยับไปหมด สมกับชายาคุณชายจริงๆ

“ผมจะเคารพคนที่ผมอยากจะเคารพเท่านั้น”

“ไอ้กร นี่ก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ตั้งแง่กับพี่เขาตลอด” เขาดุเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก ปกติแล้วกรวีร์ไม่ใช่คนที่จะเกลียดใครง่ายๆอยู่แล้ว มันคงจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้

“ก็มัน..”

“อะไร พี่ทำอะไรหรือ” หิรัญทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะตักข้าวเข้าปากอย่างสบายอารมณ์ เรื่องที่เขาแอบเปลี่ยนเพลงของกรวีร์เป็นเพลงที่เขาเขียนเองน่ะ ไม่รู้เจ้าตัวรู้ได้ยังไง ถึงได้แสดงอาการต่อต้านเขาขนาดนี้ เจอหน้ากันจะยิ้มให้เขาสักหน่อยก็ไม่ได้ รู้ไหมว่าหน้าสวยๆน่ะไม่เข้ากับหน้าบูดๆหรอกนะ

“ยังจะมาทำไม่รู้ไม่ชี้อีก” กรวีร์เริ่มจะโมโห เขารวบช้อนก่อนหันไปตะคอกใส่อีกฝ่าย

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก กรกับพี่เขาทำเพลงด้วยกัน เขาคงไม่พอใจที่พี่ทำเพลงรักให้เขา” หิรัญยิ้ม นั่งกินข้าวต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เดี๋ยวนี้ดังแล้วเลือกมากหรือวะ”

“กูเปล่าเลือกมาก แต่ต้องไม่ใช่เพลงมัน” กรวีร์หงุดหงิดจนอยากจะบ้า เขาอยากจะกระโดดบีบคอไอ้คนหน้ากวนตรงนี้เลยด้วยซ้ำ

“พี่ฮันเขียนเพลงเก่งจะตาย มึงยังเคย อื้อ!” กรวีร์แทบจะกระโดดข้ามโต๊ะแล้วลากเพื่อนออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้ ขืนปล่อยเอาไว้เขาต้องแย่แน่ๆ

“ไอ้ใบบุญ!”

“โอ้โห น้องกรก็เป็นแฟนคลับพี่เหมือนกันหรือครับ” หิรัญมองแล้วก็หลุดขำ จุดยิ้มเจ้าเล่ห์โดยที่อีกฝ่ายไม่มีทางเห็น “ดีใจจังเลย”

“เงียบปากไปน่า” กรวีร์ควันออกหูไปเรียบร้อยแล้ว เขาทั้งโมโหทั้งอายที่ถูกอีกฝ่ายจับได้ แถมหิรัญเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มเขาเห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด

“พี่ไปก็ได้ แต่ว่าหลังกลับจากค่ายพี่จะรออยู่ที่สตูฯเหมือนทุกวันนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะเดินผละออกไปพร้อมทิ้งกลิ่นน้ำหอมเจือจางในอากาศ ใบบุญยังคงไม่เข้าใจหันไปสะกิดเพื่อนที่ขบฟันกรอด ระหว่างที่เขาไม่อยู่ มันมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่

“มึงทะเลาะกับพี่เขา?”

“กูไมได้ทะเลาะ แต่กูเกลียดขี้หน้ามัน” กรวีร์ไม่อยากจะพูดมากไปกว่านี้ “ช่างแม่งเหอะ ไป”

ใบบุญเออออตามเพื่อนไปเก็บจาน ในใจก็ยังมีคำถามไม่หยุดว่ากรวีร์ไปสนิทกับหิรัญตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ ในเมื่อเพื่อนไม่อยากตอบเขาก็ไม่อยากเซ้าซี้ รีบไปรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมในช่วงหัวค่ำร่วมกับเพื่อนคนอื่นๆ กรวีร์ยังเป็นจุดสนใจทุกครั้งเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน ใบบุญไม่แปลกใจเลยสักนิดเพราะเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ส่วนเพลงที่เริ่มปล่อยออกมาก็ไต่ขึ้นชาร์ตอันดับดีขึ้นเรื่อยๆ จากนักร้องโนเนมจะได้เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงจริงๆอย่างที่ใฝ่ฝันเอาไว้แล้ว

เขาดีใจแทนเพื่อนจริงๆ

“ใบบุญสนิทกับมังกรมากเลยหรือจ้ะ” หมิวถามพร้อมกับแฟงที่เริ่มจะขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ใบบุญหันไปตอบ ดูเหมือนจะมีคนอยากรู้พอสมควร

“ก็ ใช่ เราเรียนมอปลายมาด้วยกันน่ะ”

“อ๋อ มิน่าล่ะ ตัวติดกันจังเลย”

“ไม่หรอก ก็แค่หมอนั่นกลัวว่าเราจะไม่มีเพื่อน”

“ใบบุญมาอยู่กับเราก็ได้นะ”

“ขอบคุณนะ จริงๆทุกคนก็ใจดีกับเรามากๆเลย ขอโทษนะถ้าเราพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่” เขาเกาหัวแกรก ไอ้เรื่องมนุษย์สัมพันธ์เขาก็พยายามทำให้ดีขึ้นนะ

“ไม่เป็นไร” แฟงส่ายหน้า “ขอแค่ใบบุญอยู่.. กรก็จะอยู่”

“อะไรนะ”

“กรกับใบบุญจะได้มาอยู่กับเราไง เป็นกลุ่มเดียวกันดีจะตาย” หมิวตอบขึ้นมาแทน

“อื้ม ขอบคุณนะ”

เขายิ้มให้หมิวกับแฟง ก่อนจะไปนั่งรวมกลุ่มเพื่อรอรุ่นพี่เรียกรวม เขาสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำตาลเนื้อบาง รู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาบอกไม่ถูก เพราะไม่อยากป่วยอีกจึงขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องพัก กรวีร์จะมาเป็นเพื่อนแต่เขาบอกไม่ต้องเพราะไม่อยากให้วุ่นวาย ฝนที่ตกลงมาปรอยๆทำให้พื้นที่เดินระหว่างทางเฉอะแฉะเพราะเป็นพื้นดินธรรมดา เขาเลยได้อาบน้ำอีกรอบเพราะเปียกมะล่อกมะแล่กไปทั้งตัว

‘รีบมา’

‘เขาจะไปเล่นเกมกันแล้ว’

ข้อความที่ส่งทิ้งเอาไว้ของกรวีร์ทำให้เขาเร่งมือในการสระผมให้มากกว่าเดิม เขาป่วยง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ภูมิร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจนโดนแม่ดุเสมอเวลาไปเล่นซนข้างนอก ถึงจะเป็นคนขี้โรคแต่เขาก็อยากจะใช้ชีวิตให้มันคุ้มดูสักครั้ง แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมส่งข้อความหาเพื่อนแต่ก็ไม่มีใครตอบ เข้าไปดูกลุ่มไลน์ของรุ่นก็ไม่มีใครโพสอะไร เขาเดินไปตามทางเรื่อยๆพร้อมกำร่มในมือเอาไว้เผื่อฝนเทลงมาอีกรอบ

“ใบบุญ”

“อ้าว แฟงแล้วเพื่อนล่ะ”

“เขาไปทำกิจกรรมตรงโน้นน่ะ ที่เราทำกันเมื่อเช้า”

“อ๋อ ได้ๆ เดี๋ยวเราตามไปแล้วนี่จะไปไหนล่ะ มันมืดแล้วนะ”

“ไม่เป็นไรๆ เราไปเข้าห้องน้ำแปบเดียว”

“งั้นเอาร่มไป เดี๋ยวไม่สบาย” เขาส่งร่มให้อีกฝ่ายไปถือเอาไว้ เดี๋ยวเขาวิ่งไปจากตรงนี้ไม่นานก็คงถึง แฟงยิ้มหวานให้เขาพร้อมกับโบกมือให้ อย่างน้อยการเริ่มต้นในมหาวิทยาลัยมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่เขาคิด เขากำลังจะมีเพื่อน กำลังจะมีสังคมใหม่ ที่จะสามารถเริ่มต้นได้อีกครั้ง

“ขอบใจนะ”

ใบบุญเดินลัดเลาะไปตามทาง สองข้างทางทั้งมืดทั้งเฉอะแฉะไปหมดจนเขาอยากจะไปจากที่นี่ไวๆ เดินไปได้สักพักจนทางเริ่มไม่คุ้นตาเขาจึงใช้โทรศัพท์เปิดไฟฉายส่องนำทาง ไอ้นิสัยหลงทิศหลงทางของเขาเมื่อไหร่จะแก้หายสักที เดินมาตามทางดีๆ เหมือนจะโผล่มาทางอื่นซะงั้น

“สงสัยต้องโทรถามไอ้กร” เขายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ลมในตอนกลางคืนพัดหวีดหวิวอยู่ข้างหูจนเสียวสันหลังวูบวาบ มันคงไม่มีอะไรโผล่มาเหมือนในหนังใช่ไหม “ไม่รับอีก ไอ้เพื่อนเลว” ต้นไม้พัดไปตามแรงลมเสียดสีกันจนเหมือนเสียงคนเดินย่ำพื้น เขาสะดุ้งจนต้องหันไปมองด้านหลังต่อหลายครั้ง เสียงฟ้าร้องดังครืนและความร้อนอบอ้าวที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ จู่ๆความรู้สึกกลัวในใจมันก็พวยพุ่งขึ้นมาเหมือนมีสวิตซ์เปิด เหตุการณ์ที่เคยอยากจะลืมมันกลับเด่นชัดในความทรงจำ เขานั่งคู้ตัวหลบเสียงฟ้าร้องพร้อมแสงสว่างวาบ

ความมืด

เสียงฟ้าร้อง

ฝน

“ชะ ช่วยด้วย”

 

TBC

ออฟไลน์ dorabarin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 9 ] 29-10-61 ★ P.2
«ตอบ #38 เมื่อ29-10-2018 20:34:35 »

 :sad4: ใบบุญญญญญ

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 10 ] 30-10-61 ★ P.2
«ตอบ #39 เมื่อ30-10-2018 23:29:02 »

Rhyme 10

“มันหายไปไหนอีกแล้ว” กรวีร์มองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบสามทุ่ม จนกิจกรรมผูกข้อมือจะเสร็จอยู่แล้วแต่ใบบุญก็ยังไม่มา เขาเดินไปเดินมานั่งไม่ติดพื้นจนเพื่อนคนอื่นต้องเข้ามาถาม “มีใครติดต่อมันได้บ้างไหม”

“ตอนนี้ฝนตกหนักมาก สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่ค่อยดี” หมิวตอบก่อนจะแตะเข้าแขนของชายหนุ่มเบาๆ “ใจเย็นๆนะกร ใบบุญอาจจะหลบฝนอยู่ที่ห้องก็ได้”

“แต่มันก็น่าจะบอกกันบ้าง” เขาปลดมือหมิวออกอย่างสุภาพ ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี

“ไม่สบายหรือเปล่า เห็นเมื่อตอนกลางวันเป็นลม”

“เป็นลม?” กรวีร์ทำหน้างง “ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่อง ใบบุญบอกแค่เวียนหัวก็เลยไปนอนพักเฉยๆ”

“หมิวก็รู้ว่ามาจากเพื่อนในกลุ่มอีกทีน่ะ.. เห็นว่ารุ่นพี่บอกแบบนั้นนะ”

“แล้วใครพามันไปนอน”

“ก็พี่ธัชไง..” แฟงตอบ ก่อนจะลอบสังเกตว่ากรวีร์มีทีท่าอย่างไรบ้าง เขาขบฟันกรอด โกรธที่เพื่อนมีอะไรก็ไม่บอก แถมธัชธรรม์ก็ให้เขาไปถามกับใบบุญเอาเอง รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองขี้โรค ก็ยังจะปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยให้ป่วยซ้ำๆ ถ้ามันเป็นน้องเขานะ เขาจะจับมาฟาดก้นให้ลายเลยคอยดู ชายหนุ่มมองหาคนตัวสูง กวาดสายตาไปรอบบริเวณก็เจอธัชธรรม์กำลังพูดคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อน

“พี่ธัช เห็นใบบุญไหม”

“วันนี้มึงถามกูกี่รอบแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มเริ่มอารมณ์เสีย ตวัดสายตาไปมองอย่างไม่พอใจ “ทำไมไม่ผูกเชือกเอาไว้เลยล่ะ”

“พี่ ผมถามดีๆนะ”

“เห้ย ใจเย็นๆ” หิรัญเข้ามาแทรกก่อนที่ทั้งสองคนจะแลกหมัดกันเสียก่อน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น กรบอกพี่ได้ไหม”

“ผมหาใบบุญไม่เจอ ไม่รู้มันไปอยู่ที่ไหน ถ้าพี่ธัชไม่บอกก็บอกเลขบ้านพักมา ผมจะไปตามมัน”

“หายไปนานหรือยัง”

“มันบอกจะไปเปลี่ยนเสื้ออะ แล้วก็หายไปเลย” กรวีร์ร้อนใจบอกไม่ถูก ใบบุญหายไปนานเกินไปแล้ว “ตั้งแต่กินข้าวเสร็จอะ”

“ไม่เห็นมีพี่คนไหนตามเลย”

“กูว่ามันชักจะแปลกๆยังไงอยู่นะ” หิรัญหันไปมองเพื่อน “น้องมึงไปทำอะไรใครไว้หรือเปล่า”

“มันก็แค่ไปขวางหูขวางตาคนอื่นเท่านั้นแหละ” ธัชธรรม์ถอนหายใจ

“คนอย่างมันเนี่ยนะ” กรวีร์ยังไม่อยากจะเชื่อ คนที่ไม่มีปากมีเสียงแถมเถียงใครก็ไม่ทันอย่างใบบุญเนี่ยนะ “จะไปทำอะไรใครเขาได้”

“งั้นกูจะไปหาที่ห้อง พวกมึงสองคนลองโทรหามัน ลองหาแถวนี้ดูก่อน” เขาลุกขึ้นยืน พูดรัวเร็วแล้วก็ผละออกไป สองขาวิ่งมาที่บ้านพักโดยไม่มีหยุด แต่ก็ไม่มีวี่แวว มีเพียงเสื้อผ้าชุดเก่าที่เขาเห็นใบบุญใส่เมื่อตอนเย็นเท่านั้น วิ่งวนกลับไปที่เดิมก็ยังไม่เจอ เขาไม่อยากบอกรุ่นพี่ให้รู้ตัว เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นใครเป็นตัวการ ธัชธรรม์ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ตอนนี้เขาต้องหาตัวมันให้เจอก่อน

“เจอไหมพี่”

“ไม่เจอ” เขาส่ายหัว กรวีร์หน้าตาสลดไปทันทีที่เขาบอก “ที่ห้องก็ไม่มี”

“ผมหาทั่วแล้วก็ไม่เจอ หรือว่ามันจะเดินหลงไปที่อื่น”

“ก็เป็นไปได้ มันชอบเดินหลงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“ผมจะไปบอกรุ่นพี่ให้ช่วยตามหา”

“ไม่ต้อง” เขารั้งกรวีร์เอาไว้ “มึงเข้าไปรวมกลุ่มเหมือนปกติ ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น” เขากำชับ อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ใจร้อนเป็นห่วงใบบุญแต่ก็ไม่อาจจะอยู่ข้างๆมันได้ในเวลาที่มันต้องการ เขามัน.. แย่ที่สุด

“เตรียมไฟฉายกับร่มให้กูที”

“มึงจะไปไหน ฝนกำลังจะตกหนักอีกรอบแล้วนะ”

“กูจะไปหาใบบุญ”

“กูไปด้วย”

“มึงอยู่นี่ เผื่อมันกลับมา” เขารับอุปกรณ์มาจากเพื่อน พร้อมกำชับให้มันอยู่ทางนี้ไม่ต้องห่วงเขา “ได้เรื่องยังไงบอกกูด้วย”

“เดี๋ยวมึง.. แม่งเอ๊ย” หิรัญไม่คิดจะให้เพื่อนออกไปคนเดียวอยู่แล้ว แต่พอเขาหันมาอีกทีก็ไม่เจอชายหนุ่ม มองไปทางกรวีร์ที่ดูร้อนใจจนปิดไม่มิด เขาก็อยากจะเข้าไปคุยให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่ดูท่าคงจะทำให้รุ่นน้องอารมณ์เสียมากกว่าเดิม เขาได้แต่ภาวนา

ขอให้เจอไวๆ..

ธัชธรรม์ตัดสินใจเดินไปตามทางที่ทำกิจกรรมเมื่อเช้า อย่างน้อยถ้าหากใบบุญหลงทางเจ้าตัวก็อาจจะมายังจุดที่คุ้นเคยบ้าง แต่ตอนนี้เกือบสี่ทุ่มรอบด้านมืดไปหมดแถมที่นี่ก็เป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลไม่มีไฟฟ้าติดทุกที่เหมือนในเมือง เขาต้องอาศัยไฟฉายที่พกติดตัวมาส่องนำทาง เสียงปั่นจักรยานเก่าดังมาตามทาง เงาตะคุ่มสีดำตามเนินดินทำให้เขาหันไปมอง เสียงโซ่ที่หมุนวงล้อฝืดเคืองจนได้ยินเป็นเสียงประหลาด เขาส่องไฟฉายไปตามทางเดินก็เจอคุณลุงกำลังเข็นรถคันเก่ามาตามทาง

“พ่อหนุ่มจะไปไหน”

“ผมมาตามหาน้องครับ คุณลุงเห็นบ้างไหมครับ”

“แถวนี้สองทุ่มเขาก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว ไม่มีใครเข้ามาในนี้หรอก มาเดินแบบนี้ระวังรถจะชนเอานะ” คุณลุงถอดงอบออกจากหัว ก่อนจะเพ่งมองชายหนุ่มรุ่นหลานตรงหน้า “เด็กที่ไหนลุงไม่เห็นหรอก”

“ผู้ชายตัวประมาณนี้อะครับ” เขาทำไม้ทำมือประมาณหัวไหล่ “ลุงไม่เห็นเลยหรือครับ”

“ลองเดินไปทางนั้นดูสิ ชอบมีคนเดินหลงเข้าไปบ่อยๆ”

“ได้ครับ ขอบคุณนะครับ”

เขาตัดสินใจเดินไปตามทางที่ลุงบอก ตลอดเส้นทางทั้งเปลี่ยวและมืดสนิท ยังนึกครึ้มในใจว่าคุณลุงท่าทางใจดีคนนี้เดินเข็นจักรยานมาได้ยังไงทั้งๆที่ไม่มีแสงสว่างเลยสักนิด กว่าจะคิดได้แล้วหันไปมองอีกทีก็เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า มีเพียงเสียงลมและเสียงฟ้าร้องบอกสัญญาณเท่านั้น จู่ๆขนแขนเขาก็ลุกพรึ่บพรั่บอย่างไม่มีสาเหต ชายหนุ่มหันหน้ากลับไปเดินจ้ำอ้าว มือที่กำไฟฉายเหงื่อแตกพลั่กจนลื่นไปหมด ลมพัดฝุ่นดินที่พื้นกระจัดกระจายไปทั่ว ธัชธรรม์ยกมือหนาขึ้นมาป้องสายตา เขาตัดสินใจใช้โทรศัพท์โทรหาหิรัญ เผื่ออีกฝั่งจะหาใบบุญเจอแล้ว

แบตหมด..

“เอาอีกละ ชีวิตกูจะบัดซบอะไรได้เท่านี้ไหมวะ F*ck!” ตอนนี้เขาหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า “ใบบุญ มึงอยู่แถวนี้ไหม..”

“พี่ธัช”

“ใบบุญ” เขาหันซ้ายหันขวา ได้ยินเหมือนเสียงเรียกตัวเองจริงๆ หรือว่าหูเขาจะฝาดไป เงี่ยหูฟังดูอีกครั้งก็เห็นว่ามาทางพงหญ้าที่ขึ้นรก เขาแหวกมันออกและเห็นเด็กหนุ่มกำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ในความมืด ใบหน้าขาวซีดมองเขาทั้งน้ำตาสภาพมอมแมมดูไม่ได้เลย

“พี่..”

“ใบบุญ” เขาร้องทัก ก่อนจะเดินลุยดินที่แฉะเพราะน้ำฝนจนรองเท้าผ้าใบเละเทะไปหมด “ทำไมมึงเป็นอย่างนี้” ธัชธรรม์ตกใจกับสภาพของคนตัวเล็กจริงๆ ถ้าเขาไม่รู้จักมันคงคิดว่าเป็นผีมาหลอกแน่ๆ

“หนูหนาวอะ ปวดหัวด้วย”

“ใครใช้ให้มึงมาทำอะไรแถวนี้” เขาประคองเด็กหนุ่มขึ้นมายืน แต่ดูเหมือนจะไม่มีแรงแม้แต่ทรงตัว เมื่อกลางวันก็เป็นไข้ยังไม่หายดีตอนนี้หาเรื่องป่วยอีกแล้ว

เออ ดี!

“หนูหาทุกคนไม่เจอ จะกลับมันก็มืด น่ากลัว” ใบบุญกลั้นน้ำตาไม่ไหว มันน่ากลัวจนเขาไม่กล้าเดินไปไหนต้องทิ้งตัวอยู่ที่พื้น “หนูหลงทาง.. มันมืดไปหมด ฟ้าร้อง หนูไม่ชอบเลย”

“ไม่ต้องร้อง มึงจะร้องหาพระแสงอะไรล่ะ” เขาใช้นิ้วปาดน้ำตามันออก จะดึงแว่นตาออกอีกฝ่ายก็ไม่ยอม สะบัดหน้าหนีเขาอีกต่างหาก ดื้อจริงโว้ย!

“หนูกลัว” มันร้องพร้อมสะอื้นจนตัวโยน เขาเห็นก็โกรธไม่ลง รู้ดีว่ามันบอบบางเหมือนแก้วขนาดไหน

“กูขอโทษ” เขาพูดเสียงอ่อน “กูทิ้งมึงอีกแล้ว เหมือนตอนนั้นไม่มีผิด”

“พี่ธัชไม่ผิด ไม่ผิดสักหน่อย” เด็กหนุ่มค่อยๆตอบ น้ำมูกไหลจนจมูกแดงก่ำ

“เลิกพูดมาก เปียกไปทั้งตัวแบบนี้ ถามจริงมึงหลบฝนประสาอะไร” เขามองสภาพแล้วส่ายหัวทันที เอ่ยเสียงแข็งจนคนตัวเล็กสะดุ้ง “ถอดเสื้อ”

“ไม่เอา ไม่ถอด”

“เร็วๆ จะถอดเองหรือจะให้กูถอด” ชายหนุ่มเร่งเร้าเพราะไม่อยากให้มันป่วยอีกรอบ เพราะคนดูแลก็คือเขาไง “มันมืดจะตายกูมองไม่เห็นหรอกน่า”

“ก็ได้ อย่าแอบมองนะ” ใบบุญตัวลีบไปทันที ก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออก โอเค.. เขาขอถอนคำพูดที่ว่ามันมืดจนมองอะไรไม่เห็นอย่างน้อยผิวขาวจัดของมันก็สะท้อนแสงจันทร์จนสว่างเข้าตาอยู่ดี “หะ หันไปสิ”

“มีก็มีเหมือนกัน ยังจะมาทำอายอีก” เขาถอดเสื้อของตัวเองบ้าง มันยังแห้งสนิทและคงจะดีกว่าให้มันใส่เสื้อเปียกๆ “เอาของกูไปใส่ไป”

“ขะขอบคุณ”

“ถ้าแม่รู้ว่ามึงไม่สบายอีก คงไม่ต้องไปเรียนแล้วมหา’ลัยอะ เตรียมย้ายไปอยู่โรงพยาบาลดีกว่า”

“ไม่เอา อย่าบอกแม่นะพี่ธัช”

“ถ้ากูจะบอกแล้วมึงจะทำอะไรได้ ตัวเล็กอย่างกับลูกแมว” เขาถามเพราะเห็นอีกฝ่ายเงียบไป “ใส่เสร็จหรือยัง?”

“อื้ม เสร็จแล้ว” ใบบุญเดินเข้ามาใกล้เสื้อแขนสั้นของธัชธรรม์ตัวใหญ่พอที่เขาจะใส่เป็นแม็กซี่เดรสของผู้หญิงได้เลย

“แล้วกางเกงก็เปียกทำไมไม่ถอด ถอดแม่งให้หมด”

“ไม่เอา!”

“จะอายกูหรือจะยอมป่วย กูให้มึงเลือก”

“พี่ธัชอย่าใจร้าย”

“ไม่ต้องมาอ้อน คนอย่างมึงน่ะมันดื้อตาใส” เขาส่ายหัว ไม่เข้าว่าทำไมต้องถอดข้างล่างด้วย ถึงจะเปียกซึมลึกไปถึงข้างในแต่เขาก็ไม่กล้า..

“กูนับ 1”

“เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนก็ได้” เขาเม้มปาก ก่อนจะหันหลังให้แล้วปลดกางเกงผ้าขายาวของตัวเองออก ชายหนุ่มรับเอาไปยัดใส่กระเป๋าเป้ที่สะพายมาด้วย เขาได้แต่มองตาปริบๆรู้วึกเย็นวูบวาบท่อนล่างไปหมด

ไม่ชินเลย.. 

“แม่ง ฝนตกอีกแล้ว ไปหาที่หลบฝนก่อน เร็ว!” ฝนเริ่มลงเม็ดอีกรอบ คนตัวโตคว้าข้อมือเขาไปจับไว้แน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประสานฝ่ามือ ความอุ่นร้อนของอีกฝ่ายส่งผ่านเข้ามาทำให้เขารู้สึกอบอุ่นบอกไม่ถูก

“อื้ม”

“จับมือกูเอาไว้แน่นๆ เดี๋ยวหายอีกคราวนี้กูไม่ตามแล้วนะ” พื้นดินที่กำลังถูกฝนตกใส่อย่างหนัก แปรสภาพเป็นดินโคลนขนาดย่อมทำให้การเดินทางกลับออกไปยากลำบากกว่าที่คิด จนกระทั่งเจอต้นไม้ต้นใหญ่ที่พอจะหลบฝนได้ “ตรงนี้น่าจะพอได้ ฝนตกหนักกว่าที่คิดว่ะ” ธัชธรรม์จูงมือเขาเข้าไปใต้ต้นไม้ ใช้ไฟฉายส่องดูก่อนจะใช้เศษกระดาษที่ติดมาในกระเป๋าปูให้เขานั่ง

“แล้วพี่มาได้ยังไง”

“กูก็เดินมาสิวะ เข้ามานั่งใกล้ๆสิ จะโดนละอองฝนหมดแล้ว” ธัชธรรม์ดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมจะเข้ามาใกล้เขาเลย “จะดื้อก็ให้มันดูเวลาด้วย.. ใบบุญ”

“อื้อ”

“เข้ามาอีก”

“พอยัง”

“มานั่งกับกูนี่” เขาชี้ตรงที่ว่างข้างๆ เด็กหนุ่มมองอย่างชั่งใจ “ทำไม กลัวกูมากขนาดนั้นเลยหรือ”

“เปล่า..” เขากระเถิบไปนั่งจนแทบจะนั่งบนตักของชายหนุ่มอยู่แล้ว

“โอ้โห เอาเสื้อกูไปเช็ดขี้มูกอีก ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ตัวนี้หลายพันนะมึง”

“มันซักได้น่า พี่ธัชแม่ง” กำลังจะซึ้ง ทำคนอื่นเขาหมดมู้ดอีก!

“เออ ยิ้มได้ค่อยดีขึ้นหน่อย จะร้องไห้แล้วหน้าอูมๆเหมือนแมวปวดฟันเลย” เขาพูดล้อเลียน เด็กหนุ่มกลั้นขำสูดจมูกเสียงดัง ให้ตายเหอะไอ้เด็กเปี๊ยกนี่ ป่วย-อีก-แล้ว!

“ไม่ขำนะครับ”

“เช็ดหน้าเช็ดตาให้มันดีๆหน่อย.. เดี๋ยวกูทำให้”

“ไม่เป็นไรครับ.. ทำเองได้” ใบบุญส่ายหัวรัวเร็ว ก่อนจะหันหลังไปจัดการหน้าตาที่ดูไม่ได้ เขาใช้ปลายเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าจนเรียบร้อยแล้วก็ใส่แว่นเข้าไปใหม่ “เสร็จแล้ว” เขาตอบเสียงเบา เมื่อเห็นธํชธรรม์เอนหลังพิงกับต้นไม้ เสียงเพลงดังแผ่วช้าๆ เขามองอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดว่าจะได้ฟังใกล้ขนาดนี้

“ต่อจากนี้ในค่ำคืนที่ฟ้าร้องคงต้องเหงา

เพราะไม่มีเธอมากอดเอาไว้ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

จากนี้ในค่ำคืนที่ฟ้าร้องคงเปลี่ยนไป

ตั้งแต่วันนั้นไม่มีเลยซักคืน ที่ฉันนอนหลับฝันดี”

“เพราะจัง” เขาแทบไม่ได้ละสายตาไปจากอีกฝ่ายได้เลย นี่สินะที่เขาเรียกว่าพรสวรรค์

“แหงอยู่แล้ว”

“ร้องอีกได้ไหม ผมอยากฟัง”

“เพลงนี้กูตั้งใจร้องให้คนคนนั้นฟังเป็นคนแรก มึงเป็นใครจะมาฟังกูร้องก่อน” เขาดันหัวทุยมันออกไป อีกฝ่ายคลำหัวตัวเองป้อยๆ หน้าตาเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ “อยากฟังเดี๋ยวจะร้องให้ฟังก็ได้ คิดว่ากูซ้อมร้องก็แล้วกัน”

“เมื่อก่อนที่ฉันนั้นมีเธออยู่ข้างกาย

ฉันไม่กลัวเวลาที่ฟ้ามันร้อง และไม่ใด้คิดว่าเธอนั้นจะจากฉันไป, no

ในวันที่ฟ้านั้นเป็นสีดำ that reminds me of you

และรู้ว่าเธอคงไม่หวนคืนมา ในคืนที่ฟ้ามันผ่าลงมาทำให้ฉันรู้สึกกลัว

Cause I know you would never come back to me After what I have done to you…”

“เขาคนนั้นสำคัญกับพี่มากเลยหรือ?”

“สำคัญสิ เขาเป็นคนรักของกูทั้งคนเชียวนะ”

“เขาชื่ออะไรหรือครับ”

“Galaxy-B” ธัชธรรม์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา แต่เขามีความสุขที่ได้บอกชื่อของใครบางคน “มันเป็นชื่อที่เขาใช้ในวงการแรปเปอร์ พูดไปมึงก็ไม่รู้จักหรอก” เขาเอนหลังพิงต้นไม้ เหม่อมองท้องฟ้าที่มืดสนิท “กูตั้งใจแต่งเพลงให้เขาอยู่เพลงหนึ่ง หวังว่าเขาจะกลับมาฟังเพลงของกูสักครั้ง”

“ผมเชื่อว่าเขาจะต้องได้ฟังเพลงของพี่แน่ๆ” ใบบุญกะตือรืนร้นจนเขานึกขำ ดีดหน้าผากเด็กดื้อไปอีกรอบ “พี่ธัชร้องเพลงเพราะมาก”

“มึงชมกู ก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะรู้สึกดีกับมึงมากขึ้นนะ”

“ผมรู้ ว่าพี่คงไม่มีวันรักผมหรอก”

“รู้ตัวก็ดีละ ฝนหยุดตกเมื่อไหร่จะได้ออกไปสักที” เขาละความสนใจก่อนจะหลับตาลง คิดถึงไออุ่นและสัมผัสจากใครคนนั้นเหลือเกิน “กูอยากกลับไปแต่งเพลงจะแย่แล้ว”

“อะ.. อืม” ใบบุญชันเข่าขึ้นนั่ง กอดตัวเองพลางแอบมองเสี้ยวใบหน้าของชายหนุ่มที่ผล็อยหลับไปได้สักพักแล้ว เสียงฝนยังคงดังโปรยปราย ก้อนเมฆบดบังแสงดาวที่เคยมีจนหมดสิ้น กระชับอ้อมกอดที่กอดตัวเองเอาไว้ จะเป็นอะไรไหมถ้าเขาจะขอ..

ขอให้ฝนตกนานกว่านี้อีกนิด จะได้ไหมนะ..

++

เรื่องทั้งหมดจบลงที่หิรัญตามหาแล้วเจอพวกเขาในช่วงรุ่งสาง ก่อนจะถูกหามส่งโรงพยาบาลกันอย่างทุลักทุเลเพราะสภาพฝนตกหนักทำให้ถนนที่เป็นทางออกจากหมู่บ้านมีความขรุขระและเข้าออกลำบากมาก ใบบุญไข้ขึ้นสูงอีกแล้ว คราวนี้น่าจะต้องนอนแอดมิทอีกหลายวัน เรื่องที่พวกเขาเป็นพี่น้อง และอยู่บ้านเดียวกันแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ธัชธรรม์ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากคิดแค่ว่าจะจัดการคนที่ทำให้ใบบุญเป็นแบบนี้อย่างไรดี

คนที่ทำให้มันเจ็บ ต้องเจ็บกว่ามันเป็นสิบเท่า!

 เขายอมรับว่าตัวเองก็ไม่ใช่พี่ชายที่ดี รู้ทั้งรู้ว่ามันโดนเพื่อนในรุ่นหมายหัวก็ห้ามอะไรไม่ได้ มันซะอีกที่ยอมทนโดนแกล้งโดนรังแก ไม่ต่างจากเขาสมัยก่อนเลย ชายหนุ่มไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นอีก ถ้าจะมีใครมาทำอะไรมันอีกคงต้องผ่านเขาไปให้ได้ก่อน

“พี่ธัช อย่าบอกแม่เลยนะ” คนป่วยที่นอนซมอย่างมันมีสิทธิ์อะไรมาห้ามเขากัน ต้องให้แม่บ่นซะให้เข็ด!

“กูบอกแน่.. แม่จะได้ขังมึงไว้ในบ้านไม่ต้องไปซ่าที่ไหนอีก”

“โถ่ พี่ธัช” ไม่ต้องมาทำหน้าตาน่าสงสาร เขาไม่หลงกลมันแน่ หิรัญจู่ๆก็เดินเข้ามาแยกเขาให้ออกห่างจากเตียงพร้อมกับมองเขาตั้งหัวจรดเท้า สภาพเขาตอนนี้มีเพียงกางเกงยีนใส่ติดตัวเท่านั้นแถมยังเดินเท้าเปล่าอีกต่างหาก

“แล้วมึงเนี่ยอะไร เอะอะถอดเสื้อตลอด ไม่ได้เป็นอะไรก็กลับไป” ชายหนุ่มมองสภาพเพื่อนแล้วส่ายหัว ไม่คิดว่าคนที่ห่วงหล่อห่วงหน้าตาอย่างมันจะลงทุนขนาดนี้ เหล่ไปมองคนตัวเล็กที่หน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้ก็ต้องถอนหายใจ

เกลียดแค่ไหน.. ก็ยังสำคัญกับหัวใจอยู่ดี

ไอ้คนปากแข็งเอ๊ย ปากมึงถ่วงด้วยหินหรือยังไง!

“กูจะเฝ้ามัน”

“หยุดเลย มึงหยุดอยู่ตรงนั้นแหละ กลับไปจัดการตัวเองก่อนไป เดี๋ยวกูดูแลน้องทางนี้ให้” เขาโบกมือไล่มันออกนอกห้อง “ดูสารรูปมึงด้วย พยาบาลไม่ตกใจก็ดีแค่ไหนแล้ว”

“เอางั้นก็ได้ กูฝากมันด้วยนะ” เขายอมผละออกจากคนป่วยที่ยังมองเขาตาใส เดี๋ยวคอยดูถ้ามันหายเมื่อไหร่เขาจะเอาคืนให้หนักเลย!

“เออๆ”

ธัชธรรม์ตรงดิ่งกลับที่พักไม่สนใจพวกรุ่นพี่คนอื่นที่มาช่วยเฝ้าใบบุญอยู่ที่โรงพยาบาล กิจกรรมทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไป เขาตัดสินใจกดโทรหามารดาแต่ไม่มีการตอบรับจึงฝากข้อความเอาไว้ ระหว่างนั้นก็เก็บเสื้อผ้าของตัวเองและของคนตัวเล็กเอามากองรวมไว้ที่เตียงเตรียมยัดใส่กระเป๋าเป้เพื่อเดินทางกลับทันทีที่ใบบุญออกจากโรงพยาบาล ชายหนุ่มนึกขึ้นได้จึงเข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อตัวให้สะอาดจนกระทั่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเสียงโทรศัพท์ก็ดังพอดี

“ธัช น้องเป็นยังไงบ้างลูก”

“แอดมิทอีกแล้วครับ หมอเจาะเลือดไปตรวจอยู่” ยิ่งได้ยินเสียงของคนเป็นแม่ร้อนรนเขาก็ทำตัวไม่ถูก ทั้งรู้สึกผิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำซาก เขาปล่อยให้มันโดนรังแกอีกแล้ว..

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องถึงได้เข้าโรงพยาบาลอีก”

“ผมขอโทษที่ดูแลน้องได้ไม่ดีครับแม่”

“แม่ไม่เคยโทษธัชเลย แม่จะไปหาไว้เจอกันที่โรงพยาบาลจ้ะ” มารดาวางสายไปได้สักพักแล้วแต่เขายังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง มันคงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที

กรวีร์ลุกพรวดแล้ววิ่งตรงมาหาเขาทันทีที่เจอกัน ทุกคนในรุ่นดูตกใจเล็กน้อยกับการมาถึงของเขา ตอนนี้เขาต้องการเคลียร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“ใบบุญเป็นยังไงบ้างพี่”

“มันยังไม่ตายก็แล้วกัน” เขาตอบ ส่วนกรวีร์แทบจะทรุดลงไปกับพื้นด้วยความโล่งอก

“ผมจะไปเยี่ยมมัน”

“อย่าเพิ่งไปไหน มึงต้องช่วยกูจัดการก่อน” เขาพูดเสียงแข็ง ถึงจะโมโหแค่ไหนแต่ก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้

“จัดการ?”

“ไปเรียกเพื่อนมันมา มันมีเพื่อนอยู่แค่กี่คนมึงก็น่าจะรู้ดี”

จะได้คิดบัญชีให้มันจบๆไป!

   ในช่วงกลางวันที่ทุกคนพักผ่อนตามอัธยาศัย กรวีร์ก็ถือโอกาสชวนเพื่อนผู้หญิงที่ดูสนิทกับใบบุญมาพูดคุยด้วย ดูทั้งสองดีใจที่เห็นเขาเข้าไปหา แต่ในใจก็ยังนึกสงสัยว่าทั้งคู่มีอะไรเกี่ยวข้องกับธัชธรรม์กันแน่..

   เขาไม่เห็นจะเข้าใจเลย..

“เรียกเรามามีธุระอะไรหรือเปล่า” หมิวเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อเห็นธัชธรรม์ ใครๆก็รู้กันทั่วว่าหมอนี่ยิ่งกว่าหมาบ้า ต่อให้หล่อขนาดไหนพวกเธอก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งให้เสียเวลา

“ต้องให้บอกหรือไงว่ามีอะไร?”

“พี่ธัชทำไมต้องตะคอกด้วยละคะ” แฟงสะดุ้งตกใจ รีบเข้าไปหลบหลังกรวีร์

“พี่ธัชใจเย็นๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมงงไปหมดแล้วนะ หมิวกับแฟงเกี่ยวอะไรด้วย”

“นั่นสิ เราไปทำอะไร?”

“ให้พูดอีกทีว่าไม่ได้ทำอะไร ตอนนี้รู้อะไรไหม? จะบอกให้นะ ใบบุญนอนอยู่ที่โรงพยาบาล” เขาขบกรามแน่น ความรู้สึกโมโหพุ่งพล่านจนร้อนระอุ “เพราะพวกเธอทำอะไรน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี ใบบุญมันซื่อมันไม่รู้หรอกว่าเธอคิดอะไร”

“ระ เรา”

“คราวก่อนที่มันไม่สบายเพราะพวกเธอใช้ให้มันไปทำป้ายห้อยคองี่เง่าในห้องเก็บของ มันแพ้ฝุ่นเกือบตาย” เขาตะคอกเสียงดัง กรวีร์ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายที่จงเกลียดจงชังน้องตัวเอง จะรู้ความเป็นไปแทบทุกอย่าง “มันไม่มีใครคบ เพราะไม่ใช่พวกเธอหรือไงที่ไปบอกคนอื่น มันกับไอ้กรไม่ได้เป็นแฟนกันรู้ไว้ด้วย”

“พวกเรารู้แล้ว ว่าทั้งสองคนไม่ใช่แฟนกัน!” หวิวเอ่ยละล่ำละลัก เพราะเกรงใจที่กรวีร์อยู่ด้วย “แต่เราก็ไม่ชอบให้ใบบุญมายุ่งวุ่นวายกับกร”

“หมายความว่ายังไง” กรวีร์ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ เขาอยู่ของเขาดีๆแท้ๆ “มันเกี่ยวอะไรกับเราด้วย”

“ก็หมายความว่าในระหว่างที่มึงไปซ้อมการแสดงอะไรนั่น ใบบุญมันก็ต้องอยู่คนเดียวเพราะไม่มีใครเอาไง” เขาพูด เพราะเห็นทุกอย่างกับตา “ถ้าไม่ใช่กูช่วย แล้วมันจะมีงานส่งไหม ใส่ชื่อเอาไว้แล้วลบมันออกทีหลัง ทำไมพวกเธอแม่งเป็นคนแบบนี้วะ”

“ไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย”

“อย่ามาทำเป็นพูดอย่างนี้ เพราะเมื่อวานเธอให้มันไปที่ไหน มันไม่ใช่เส้นทางที่เราทำกิจกรรมสักหน่อย”

“หมิว? แฟง?” กรวีร์ตกใจกับคำพูดของชายหนุ่ม เขาหันไปมองหญิงสาวสองคนที่กัดริมฝีปากแน่น ไม่กล้าสบตาเขาเลยด้วยซ้ำ

“เราไม่คิดว่าใบบุญจะโง่ขนาดนี้”

“เธอไม่มีสิทธิ์มาว่ามันโง่!” เขาตะคอก แม้จะโมโหแค่ไหนก็ได้แค่กำหมัดแน่น “มันหลงทางไปไหนต่อไหน เกือบตายแล้วพวกเธอรู้ไหม” เขาโกรธจนอยากจะฉีกผู้หญิงตรงหน้าเป็นชิ้นๆ สภาพที่เขาเห็นมันตอนนั้นไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้ว

“กรี๊ด”

“พี่ธัชใจเย็น” กรวีร์แทรกกลาง รับรู้ว่าธัชธรรม์กำลังโมโหแค่ไหน เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทีละเล็กละน้อย “ค่อยๆคุยกันนะพี่”

“กูไม่เหมือนมันที่เชื่อคนอื่นไปซะหมด” เขาเอ่ยเสียงสั่น เหตุการณ์ที่ถูกกลั่นแกล้งมาตั้งแต่เด็กมันฝังใจเขาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ใครแน่ “ถ้ายังมายุ่งกับใบบุญอีก จำเอาไว้ว่ามันจะไม่จบแค่นี้แน่” เขาผละออกไปก่อนที่จะระงับตัวเองไม่ไหว

“ถ้าเธอชอบเราจริงๆ ก็อย่าทำแบบนี้กับเพื่อนเราอีก” กรวีร์พูดเสียงเข้ม สายตาที่มองแปรเปลี่ยนไปเย็นชาจนน่ากลัว ทั้งสองรู้สึกเย็นยะเยือกตกใจจนหน้าซีดเผือด “เราก็ไม่เอาเธอไว้เหมือนกัน”

เขาไม่ยอมให้ใครมาทำให้เพื่อนเขาเจ็บแน่..
+++

ทับทิมยกเลิกงานทั้งหมดและขอตัวออกจากการประชุมก่อนเวลา ไม่ทันได้เตรียมของสำหรับเดินทางก็มาถึงสนามบินแล้ว ในใจเธอร้อนรนยิ่งกว่าอะไร ทั้งเป็นห่วงลูกชายคนเล็กที่เธอเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ทับทิมยังจำได้ดีภาพของเด็กชายตัวเล็กจ้ำม่ำผิวขาวจัด ดวงตากลมใสแจ๋วสีน้ำตาลสุกสกาว และริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เรียกเธอว่าแม่นั้น.. มันช่างเหมือนใครคนนั้นเหลือเกิน

   ใครบางคนในห้วงความจำทรงจำที่เป็นความสุขเบื้องลึกภายในใจ

   เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน

   (ต่อด้านล่างค่ะ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 10 ] 30-10-61 ★ P.2
« ตอบ #39 เมื่อ: 30-10-2018 23:29:02 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 10 ] 30-10-61 ★ P.2
«ตอบ #40 เมื่อ30-10-2018 23:30:01 »

(ต่อจากด้านบนค่ะ)


ประตูห้องสีขาวถูกเปิดอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องสีขาวสะอาดยังคงมีแสงสว่างยามเย็นส่องเข้ามาอยู่บ้าง พยาบาลบอกกับเธอว่าคนไข้อ่อนเพลียและมีอาการไข้ขึ้นสูงจนเกือบช็อค หญิงสาววัยกลางที่มีเค้าโครงความสวย สวมชุดกระโปรงสีครีม ผมยาวดกดำถึงกลางหลังสนิทเข้ากับผิวขาวเหลือง ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มเสมอ ดวงตากลมโตที่มักจะมองด้วยสายตาอ่อนโยนเต็มตื้นไปด้วยหยาดน้ำตาราวกับจะขาดใจเมื่อลูกชายคนเล็กนอนแบ็บอยู่ที่เตียง ใบหน้าและริมฝีปากขาวซีด ดวงตากลมสวยคู่นั้นไร้ชีวิตชีวายิ่งกว่าครั้งที่เจอกันเมื่ออาทิตย์ก่อน

   “..แม่”

“ทำไมหนูซนอย่างนี้ล่ะลูก”

“หนูขอโทษ”

“ขอโทษแม่ทำไม หนูดื้อกับแม่หรือจ้ะ”

“หนู หนูไม่สบายอีกแล้ว” เขาพยายามลืมตามองมารดาที่กำลังลูบหัวอยู่ข้างเตียง แค่เห็นคนตรงหน้าน้ำตาก็ไหลรินออกมาเงียบๆ “หนูทำให้แม่เป็นห่วง” ชอบใช้สรรพนามแทนตัวเหมือนครั้งยังเด็ก เวลาอ้อนหรือไม่สบายก็มักจะงอแงให้เธอได้โอ๋อยู่เสมอ

“ตาหนูของแม่เดี๋ยวก็หายแล้ว”

“พี่ธัชบอกแม่หรือจ๊ะ”

“ใช่ พี่ธัชเป็นห่วงหนูมากเลยนะ”

“หนู.. ดีใจที่พี่ธัชเป็นห่วง” ใบบุญส่งรอยยิ้มบางเบาให้มารดา

“แม่รู้ๆ เมื่อก่อนก็ตัวติดกันตลอดเลยนี่นา” ทับทิมบรรจงลูกกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา ตัวยังร้อนอยู่เลยยังจะดื้อไม่ยอมนอนอีก “ไม่เอาไม่พูดแล้ว นอนพักเถอะ แม่ไม่กวนหรอกจ้ะ”

“แม่..” เขาส่งเสียงร้อง “หนูอยากรู้..”

“…”

“พ่อกับแม่หนูคือใครหรือจ๊ะ”

“ใบบุญ..” ทับทิมนิ่งอึ้ง

“เอกภพคือพ่อของหนูใช่ไหม แล้วเขาไปไหน” ใบบุญเจอใบเกิดของตัวเองที่ซ่อนอยู่ในห้องของมารดา ความจริงเมื่อครั้งยังเยาว์วัยถูกค้นพบว่ามันไม่จริง ชื่อบิดามารดาของเขาไม่ใช่ชื่อเก่าของแม่อย่างที่เคยบอกเขาไว้ แต่เป็นใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก “พ่อกับแม่หนูเขาไปไหน”

“แม่อยู่นี่ แม่ทิมอยู่นี่ไงลูก”

“แม่บอกหนูมาเถอะ หนูขอร้อง”    

“รอให้หนูอาการดีขึ้นกว่านี้ดีไหมจ้ะ” เห็นลูกชายร้องไห้สะอึกสะอื้นเธอก็แทบจะขาดใจ สองมือกระพุ่มไหว้ขึ้นตรงอก ถ้าเขาไม่รู้ว่ารากเหง้าตัวเองมาจากไหน จนตายเขาก็คงตายตาไม่หลับ อ้อนวอนมารดาผู้เป็นที่พึ่งสุดท้าย
“ไม่เอา.. นะแม่”

“ไม่ร้อง หยุดร้องไห้ก่อน สภาพตัวเองยิ่งไม่ค่อยดียังจะฝืนอีก”

“นะครับแม่”

“จ้ะ ไม่เอาไม่ต้องร้องแล้ว” เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ลูกชายก่อนจะนั่งลงช้าๆ กล้ำกลืนความหลังที่ทรมานกัดกินเธอมาแสนนาน “พ่อเอกของหนู.. เป็นแฟนเก่าของแม่เองจ้ะ เราเจอกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยตอนนั้นพ่อหนูเป็นเดือนคณะด้วยนะ หล่ออย่าบอกใครเลย.. ส่วนแม่ปรางเป็นเพื่อนสนิทของแม่เอง”

“มะ.. หมายความว่าพ่อกับแม่หนูเป็นเพื่อนสนิทของแม่ใช่ไหมจ้ะ”

“ใช่ลูก.. ถึงแม่จะเลิกกับพ่อเอกแต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

“ละแล้วทำไม”

“ถ้าแม่บอกอะไรไป ใบบุญสัญญากับแม่ได้ไหม” ทับทิมซับน้ำตาที่ไหลปริ่มขอบตา ความลับที่เธอไม่เคยได้บอกใครมันเกี่ยวข้องกับใบบุญอย่างไม่รู้ตัว “ว่าหนูจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านของพ่อเอก”

“ทำไมล่ะครับ”

“สัญญากับแม่ได้ไหมลูก”

“จ้ะ หนูสัญญา” เขาไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่ว่าดูจากท่าทางของมารดาแล้วน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว อาการไข้ที่กำลังรุมเร้าทำให้เขาปรือตามองอย่างยากลำบาก แต่ว่าเขาอยากรู้เหลือเกิน ทุกประสาทสัมผัสแม้จะไม่เอื้ออำนวยแต่เขาก็อยากจะได้ยินจากปากของมารดาถึงความจริงทั้งหมด

“เราเจอหนูตอนที่.. ตำรวจเข้าไปพบศพพ่อเอกและแม่ปรางอยู่ในบ้าน แม่ปรางกอดหนูเอาไว้แน่น แม่คิดว่าหนูจะไม่รอดแต่ว่า.. หนูกลับรอดเหมือนมีปาฏิหาริย์”

“พ่อกับแม่หนู.. ไม่อยู่แล้วหรือจ้ะ ฮึก” ขอบตาเขาร้อนผ่าวอีกรอบ ก้อนสะอึกมันจุกที่อกทันทีที่ได้ยินจากปากของมารดา

“ไหนบอกกับแม่ว่าจะไม่ร้อง”

“ฮึก ฮือ” เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อพบความจริงว่าพ่อและแม่บังเกิดเกล้าไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว ความหวังที่เคยมีกลับหายไปในพริบตา

“สิ่งที่หนูได้กลับมาคืออาการหวาดผวาทุกคืน หมอบอกว่าเป็นอาการเครียดจากการเจอเหตุการณ์สะเทือนใจ ไม่มีญาติคนไหนอยากจะรับเลี้ยง.. แม่จึงต้องรับหนูมาเป็นลูกบุญธรรม” ทับทิมเช็ดน้ำตาให้ลูกชายแผ่วเบา ยิ่งตอนสะอื้นแก้มที่เคยขาวกลับขึ้นสีแดงก่ำ “เลี้ยงคู่กับลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวและตั้งชื่อให้คู่กัน”

ธัชธรรม์และใบบุญ

คุณงามความดีและความเมตตาของบุญ

“ฮึก..ฮือ” เขาร้อง ร้องจนเหมือนจะขาดใจ สิ่งที่เกิดขึ้นมันโหดร้ายเกินกว่าที่เด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งจะได้รับ และเขาไม่อาจจะรู้เลยว่ามันส่งผลถึงอนาคตอย่างไร ความทรมานที่เขาต้องเผชิญ สิ่งที่เขากลัวล้วนมาจากเหตุการณ์ในอดีตทั้งสิ้น อาการปวดหัวกำเริบอีกครั้งมันกินเวลายาวนานจนหัวเขาแทบระเบิด เขาถูกฉีดยาและไม่รับรู้ความจริงใดๆอีกเลย มีเพียงความฝันล่องลอยที่โผล่เข้ามารบกวนจิตใจอีกแล้ว

เขาว่ากันว่าความฝันของคนเรามาจากจิตใต้สำนึกส่วนที่ลึกที่สุด คราวนี้เขามองเห็นบรรยากาศในคืนนั้นได้ราวกับฝังรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณ อากาศเย็นสบายเพราะแรงลมและก้อนเมฆสีดำทะมึนแพร่ขยายไปทั่วทั้งท้องฟ้า เขาซุกอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับกำเสื้อของแม่เอาไว้แน่น เสียงดังเปรี้ยงที่เขาเข้าใจมาตลอดว่ามันคือเสียงฟ้าร้องน่ากลัวกลับกลายเป็นเสียงจากปลายกระบอกปืนที่เล็งมาทางมารดา เขาซุกอยู่ในอกอุ่น มือและขาของเด็กชายเล็กเกินกว่าจะวิ่งตามบิดาออกไปด้านนอกของบ้าน

“แม่..”

“ชู่ว อย่าส่งเสียงนะลูก”

“พ่อไปไหน หนูจะไปหาพ่อ”

“เดี๋ยวพ่อก็มา หนูรอพ่อกับแม่ตรงนี้นะลูก”

“เสียงดังจังเลยครับแม่” “มันคือเสียงอะไร”

“ฮึก ฟ้าร้อง ฝนมันจะตกแล้วลูก หลับตาก่อนนะถ้าหนูง่วงก็นอนหลับไปได้เลย”

“หนูไม่ง่วง หนูอยากออกไปเล่นกับพ่อเอก” เด็กน้อยชักเริ่มง่วงเพราะอากาศเย็นสบาย วันนี้มารดาปิดประตูบ้านและหน้าต่างมิดชิดกว่าทุกที วันนี้เขาเลยอดมองดูคุณก้อนเมฆลอยบนท้องฟ้าเลย

ปัง!

เผลอตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะเสียงดังจนร้องไห้จ้า เสียงดังเปรี้ยงที่เขาเข้าใจมาตลอดว่ามันคือเสียงฟ้าร้องน่ากลัวกลับกลายเป็นเสียงจากปลายกระบอกปืนที่เล็งมาทางมารดา เด็กชายโผเข้ากอดมารดาแน่น อาวุธสีดำมะเมื่อมตรงหน้าช่างเหมือนกับที่เขาเคยเห็นในโทรทัศน์จริงๆ คุณลุงสองคนที่เขาไม่คุ้นหน้ากำลังยกปืนมาทางเขา

“อย่ามาทางนี้ วิ่งไป!”

“แม่!!!” เด็กชายหวีดร้องสุดเสียงก่อนที่เสียงปืนจะดังอีกนัด มันผ่าทะลุเข้ากลางอกของมารดาที่กำลังปกป้องเขา เหมือนภาพตรงหน้ามันหยุดเคลื่อนไหวและสมองจดจำราวกับถ่ายภาพเอาไว้ เด็กชายตัวเล็กกรีดร้องทั้งน้ำตา ภาพตรงหน้าพลันแดงฉานจนหมด

โลกทั้งใบของเด็กชายคนหนึ่งปลิดปลิวแตกสลาย

เสียงปืนยังคงดังก้องในหัวจวบจนสติดับวูบไป

แม่จ๋า.. อย่าทิ้งหนูไป..



TBC






ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 11 ] 31-10-61 ★ P.2
«ตอบ #41 เมื่อ31-10-2018 22:46:21 »

Rhyme 11

   เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาเจอเพดานสีขาวและความรู้สึกปวดหนึบกึ่งกลางศีรษะ ดวงตากลมกระพริบเชื่องช้าพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่าง ใบบุญรู้สึกร่างกายหนักไปทั้งตัวกระดิกตัวยากลำบากเหลือเกิน กระทั่งคนที่กำลังงีบอยู่ข้างเตียงสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาร้องเสียงหลง ใบบุญมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยับยู่ยี่หมดความหล่ออย่างสิ้นเชิงก็นึกขำ เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบา

   “ขอ..น้ำ”

“ได้ๆ มึงไม่ต้องขยับเดี๋ยวกูปรับเตียงเอง” ชายหนุ่มกุลีกุจอรินน้ำใส่แก้วก่อนจะปรับเตียงให้เขา “ค่อยๆดูดนะ”

“ขอบใจนะ กูหลับไปนานไหม”

“มึงอะหลับข้ามวัน กูมาเปลี่ยนจากพี่ธัชเมื่อเช้านี่เอง”

“พี่ธัชก็มาหรือ”

“อือ เขามาเฝ้าตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนแม่บินกลับไปแล้ว”

“….”

“เดี๋ยวก็คงมา มึงไม่ต้องห่วงหรอก ข้าวของก็เก็บเรียบร้อยแล้ว มึงออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ก็กลับบ้านไปพักผ่อนได้เลย”

“เสียดายจัง กูก็อยากทำกิจกรรมกับเพื่อนเหมือนกันนะ”

“มึงไม่ต้องเสียดายหรอก กิจกรรมมันทำเมื่อไหร่ก็ได้”

“แต่ว่า…”

“ไม่ต้องพูดมากแล้ว เดี๋ยวกูเรียกพยาบาลก่อน เผื่อมึงต้องกินข้าวกินยาอีก” เขาลุกขึ้น มองใบหน้าขาวซีดของใบบุญด้วยความเป็นห่วง “รออยู่นี่นะ ปวดฉี่ก็บอก”

“มึงนี่มัน…” เขาส่ายหัว ปล่อยให้กรวีร์ได้จัดการอย่างที่เจ้าตัวต้องการ แต่สังเกตได้ว่าวันนี้เพื่อนสนิทมีอาการลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือจะมีเรื่องไม่สบายใจกันแน่ ขนาดตัวเองไม่สบายก็ยังเป็นห่วงคนอื่น สำหรับเขาแล้วเขามั่นใจว่าเขาอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง

รวมถึงเรื่องที่เขาเพิ่งรู้ด้วย..

มือทั้งสองข้างกำแน่น มีคำถามมากมายที่เขาอยากจะรู้เหลือเกิน พ่อแม่เขาทำผิดอะไรถึงได้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น แล้วญาติพี่น้องของเขาคนอื่นๆล่ะ ทุกคนไม่ต้องการเขาแล้วใช่ไหม..

“เดี๋ยวก็กลับได้แล้วล่ะ ไข้ลดแล้ว”

“อื้ม อยากกลับแล้ว”

“พี่ธัชคงมารับตอนบ่าย มึงโอเคแล้วแน่นะ ไม่เจ็บตรงไหนนะ” เขาถาม

“ดีขึ้นแล้ว แค่ร่างกายอ่อนเพลียเฉยๆเว้ย”

“กูใจไม่ดีเลยจริงๆ ร่างกายมึงอ่อนแอ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ป่วยแล้ว”

“กูจะดูแลตัวเองให้ดี ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

“กูขอโทษ กูผิดเองที่ดูแลมึงไม่ดี” เขารู้สึกสะอึกทันทีที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“มันไม่เกี่ยวกับมึงหรอกน่า กร อย่าโทษตัวเองเลย” ใบบุญบอกก่อนจะยิ้มให้ “ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“เกี่ยวสิ มันเกี่ยวกับกูทั้งนั้น เพราะกูอีกแล้วที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้” กรวีร์เสียงสั่น เพราะเขาที่ทำให้มันต้องเจ็บตัวแบบนี้ เป็นเพราะเขาอีกแล้ว..

“บ้าไปแล้ว ไม่ต้องร้อง”

“มึงไม่มีเพื่อนทำไมไม่บอกกูสักคำ” เขาเค้นเสียงถาม มันรู้สึกจุกไปหมด

“มันไม่จำเป็นต้องบอกมึงทุกเรื่อง กูไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ” คนป่วยถอนหายใจ เขาไม่อยากจะคิดมาก ก็เลยคิดว่าไม่จพเป้นต้องบอกก็ได้ “เพื่อนกูก็มี หมิว..”

“มึงอย่าไปนับมันเป็นเพื่อน มันทำกับมึงตั้งเยอะแยะ มึงยังจะ..”

“เพื่อนคงไม่ได้ตั้งใจ มึงอย่าไปโทษเขาเลย” ใบบุญบอก

“ไม่ว่าเมื่อไหร่ นิสัยมึงก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ มึงทำดีกับคนที่เกลียดมึงได้ยังไงวะ” เขาขบฟันแน่น ทั้งโมโหทั้งโกรธ “มันทำให้คนทั้งรุ่นแบนมึง มึงยังจะไปคิดว่ามันเป็นเพื่อนได้อีกหรือวะ มึงก็เป็นนักร้องมีชื่อเสียง ถ้าพวกมันรู้คงเข้ามาประจบมึงแทบไม่ทัน”

“กร กูอยากใช้ชีวิตเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยปกติ มึงก็รู้ กูไม่อยากเป็นที่จับตามองของใคร” ใบบุญบอกก่อนจะยิ้มเจื่อน ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนล้วนแล้วมีแต่ปัญหาทั้งนั้น “ถ้าเขาจะคบกับกูเพราะกูเป็นคนมีชื่อเสียง มันจะเรียกว่าเพื่อนหรือวะ”
“ฮึก ฮือ กูขอโทษ”

“แม่ง ตัวอย่างกับควาย ร้องไห้ทีแฟนคลับมึงคงวิ่งหนีกันหมด”

“เพราะมึงอะแหละ”

“เห้อ ขี้แยจริงๆ” เขายกมือขึ้นเสยผมที่เริ่มเหนียวของตัวเอง ส่วนอีกข้างจนมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ “ตอนนี้กูก็มีเรื่องให้คิดหลายอย่าง ความจริงที่กูเพิ่งรู้มันหนักกว่าที่กูคิด”

“หมายความว่ายังไง เรื่องมึงกับพี่ธัชหรือวะ”

“กูกับเขาไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆอยู่แล้ว เพียงแต่ได้ยินจากปากแม่มันทำให้กู.. ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้” เขาพูดเสียงเบา อย่างน้อยที่สุดเขาก็รู้สักทีว่าควรทำอะไรต่อไป

“มะ หมายความว่ายังไง”

“กูจะกลับไปร้องเพลง”

“มึงอย่าล้อกูเล่นนะ” กรวีร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะถามย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง “มึงจะกลับไปร้องเพลงจริงๆนะ”

“ไม่มีเหตุผลที่กูจะต้องปิดบังตัวตนอีกต่อไป”

“ไหนบอกว่าไม่อยากเป็นจุดสนใจไงวะ” เขาเกาหัว มองคนป่วยที่ส่งยิ้มให้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“มันถึงเวลาแล้วที่กูต้องเอาคืน..”
+++

   ธัชธรรม์มารับเขากลับบ้านทันทีหลังจากที่กรวีร์โทรไปบอกว่าคุณหมออนุญาติให้เขากลับบ้านแล้ว เราสองคนไม่มีคำพูดระหว่างกันแม้สักประโยค มีแต่ความอบอุ่นใจที่รับรู้ว่ายังมีคนอยู่เคียงข้าง ใบบุญทำตัวเป็นเด็กดีกินยาจนครบและโดนมารดากำชับให้ดูแลสุขภาพ หลังจากวันนั้นเขาและธัชธรรม์ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุยกันเหมือนเดิม มันเหมือนแก้วที่มีรอยร้าวพร้อมจะปริแตกได้ตลอดเวลาหากมีการกระทบกระทั่ง อีกฝ่ายจึงไม่ค่อยอยากจะเจอเขานัก

เขาเข้าใจ..

บรรยากาศในช่วงแรกของการเปิดเทอมใหม่ยังคงมีกิจกรรมมาให้เขาตื่นตาเรื่อยๆ โดยเฉพาะกิจกรรมการแข่งขันกีฬาเฟรชชี่ที่เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ทุกคณะจะต้องส่งผู้เข้าร่วมการแข่งขันในทุกกีฬาเพื่อไปแข่งกับคณะอื่น และผู้เข้าแข่งขันที่ดูจะเป็นสุดยอดผู้เล่นที่ลงแทบจะทุกการแข่งขันและเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้เข้าร่วมชมได้อย่างถล่มทลายจะเป็นใครไปได้นอกจาก ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหมาบ้าแห่งคณะดุริยางค์ฯ

   ธัชธรรม์

   ใบบุญไม่คิดว่าชายหนุ่มที่เขากำลังดูการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำตรงหน้าจะมีพลังทำลายล้างต่อหัวใจขนาดนี้ หากประเมินจากทรูปร่างหน้าตาซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นดาราได้สบาย รวมไปถึงพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงและเล่นดนตรี ยังมีเรื่องกีฬาที่เป็นเลิศอีก นี่เขายังมีเรื่องที่ไม่รู้อีกที่เรื่องของธัชธรรม์กันแน่ ดวงตากลมมองกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่โผล่พ้นขอบกางเกงว่ายน้ำสั้นขึ้นมา กล้ามเนื้อสวยที่เรียงตัวกันอย่างพอดี ทำให้เขาเผลอจ้องมองจนอีกฝ่ายหันมาสบตากับเขาจนได้

   โอ๊ย ชิบหายแล้ว

   เขารีบหันหน้าหนีเดินลงจากอัฑจรรย์เพื่อไปหาห้องน้ำ ใบบุญทำเนียนตามเพื่อนคนอื่นที่มาเชียร์คณะตัวเอง แต่อันที่จริงแล้งเขามาแอบมองใครบางคน ทั้งๆที่เห็นหน้าที่บ้านกันทุกวัน เขายอมรับว่าใจไม่แข็งพอที่จะตัดความรู้สึกรักออกไป เขาจึงขอเลือกที่จะให้มันจางหายไปตามกาลเวลาดีกว่า..

   “ใบบุญ”

“กร”

“ไม่ดูพี่ธัชแล้วหรือ”

“ไม่ดูแล้ว” เขารีบบอกปัด พยายามลืมเรื่องโดนจับได้ว่าแอบดู เสียหน้าชะมัด

“งั้นไปกินข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ มีพี่จะพาไปเลี้ยงเขาให้กูชวนเพื่อนไป”

“ได้ๆ เอาสิ เดี๋ยวกูไปเอากระเป๋าแปบ” เขาพยักหน้าก่อนจะรีบวิ่งเอากระเป๋าที่ฝากเอาไว้ สะพายเป้ใบโตเสร็จแล้วก็วิ่งไปหาเพื่อนที่จุดนัดพบ เขาเห็นกรวีร์ยืนคุยกับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งจึงปรี่เข้าไปทักทาย อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้เขา

“สวัสดีครับ”

“พี่โช นี่เพื่อนผมเอง ชื่อใบบุญ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ชื่อเพราะจังเลยนะ” ชายหนุ่มยิ้มหวาน ใบหน้าขาวผ่องแบบนี้มีเชื้อจีนแน่นอน “พี่ชื่อโชกุนนะครับ”

“ขอบคุณครับพี่โชกุน คุณแม่ตั้งให้น่ะครับ”

“งั้นเดี๋ยวไปคุยที่ร้านดีกว่า จองไว้แล้ว เดี๋ยวเราไปเจอกันที่ร้านเลยนะครับพี่โช”

“ได้ๆ เจอกัน” ชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวจัดที่เขามองเพลินยิ้มหวานให้ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วเดินไปที่รถยนต์สุดหรูที่จอดไว้อีกฝั่ง เขามองจนกรวีร์ต้องสะกิดเรียก

“เห้ย มึงจะมองอีกนานไหม พี่โชกูสึกพอดี”

“กูแค่คิดว่าเขาหน้าคุ้นๆแค่นั้นเอง” เขาบอกก่อนจะชะเง้อคอไปดูอีกรอบ “ทำไมเขารวยจังวะ ขับรถสปอร์ตซะด้วย”

“พี่บัดดี้กูเองอะ บ้านรวยชิบหาย” กรวีร์บอก “มัวแต่มองอยู่นั่น เดี๋ยวกูก็ฟ้องพี่ธัชหรอก”

“อย่าเอาเขามาขู่ กูไม่กลัวหรอก”

“โอเคๆ ไม่กลัวก็ไม่กลัวจ้ะ”

เขานั่งรถยนต์ของเพื่อนสนิทไปร้านอาหารที่เจ้าตัวจองไว้ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นใจกลางเมืองที่เขาไม่เคยคิดจะเหยบย่างเข้ามาเลยสักครั้ง เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาก็เจอรุ่นพี่กำลังกวักมือเรียก โซนที่นั่งก็เป็นห้องส่วนตัวมีที่กั้นชัดเจนดูแล้วบรรยากาศดีมากเหมาะแก่การมากับคนเพื่อนจริงๆ

ท่าจะรวยไม่ใช่เล่น

“วันนี้ไม่ต้องเกรงใจเลยนะมึง พี่โชไม่อั้นอยู่แล้ว”

“เว่อร์จริงไอ้กร” ชวดลบอกติดตลก ก่อนจะหันไปอีกทาง “ใบบุญทานเยอะๆเถอะ ตัวเล็กไปแล้วนะ”

“โอ๊ยพี่โช มันอะกินจุจะตาย”

“นี่มึงจะเอาใช่ไหม”

“โทษจ้ะ ล้อเล่นนิดเดียวเอง” กรวีร์ชอบแหย่เพื่อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว “งอนแก้มพองเลย”

“ไอ้บ้านี่!”

“ทั้งสองคนสนิทกันจังเลยนะ” ชวดลบอก ก่อนจะเรียกพนักงานมารับเมนู

“แหะๆ นิดหน่อยนะครับ”

“ทั้งสองคนรู้จักกัไนด้ยังไงหรือครับเนี่ย”

“พี่โชเป็นเดือนมหาลัยสองปีที่แล้ว ส่วนที่มาเป็นคู่บัดดี้กันได้เนี่ยก็จับฉลากเอา พอดีพี่เขาดวงดีอะนะก็เลยได้กู” กรวีร์ยืดหลังตรงดูภูมิใจมาก จนเขาชักจะหมั่นไส้

“คุยกับมึงแล้วปวดหัว” เขาเบะปากใส่มันไปที

“ฮ่าๆ”

“ขอโทษถ้าพูดจาหยาบคายนะครับพี่โช” เขาเห็นชายหนุ่มหัวเราะขำ ก็นึกขึ้นได้ว่าอาจจะหลุดคำหยาบออกไป

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ถือ” ชวดลบอกก่อนจะยื่นเมนูให้เขาดู “งั้นเราสั่งอะไรมากินกันดีกว่า”

“วันนี้เจ้าภาพใจป้ำจริงเว้ยยยย”

“ไอ้กรอย่าเสียงดัง!”

พวกเขาสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะจนกินกันแทบไม่ไหว โดยเฉพาะกรวีร์ที่กินเยอะจัดจนต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำตั้งหลายรอบ เขาเลยมีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่เป็นการส่วนตัว อีกฝ่ายทั้งใจเย็นและดูนิ่งจนเขาไม่รู้จะคุยอะไรด้วยดี ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามที่เขาโยนให้อีกฝ่ายตอบมากกว่า

คนคุยไม่เก่งอย่างเขาไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ

   “แล้วช่วงนี้พี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ”

“ปีสามงานเยอะมากครับน้องใบบุญ แถมเทอมหน้าพี่ต้องเตรียมตัวไปฝึกงานอีก” ชวดลบอก ก่อนจะส่งยิ้มให้ “โชคดีที่ฝึกบริษัทตัวเองได้ คงจะไม่หนักมากจนเกินไป”

“บริษัทของพี่โชทำเกี่ยวกับอะไรหรือครับ”

“เป็นบริษัทนำเข้ารถยนต์ครับ จริงๆก็ทำหลายอย่าง” ชายหนุ่มทำท่านึก ไม่ว่าจะมองทางไหนก็เหมือนคุณชายจริงๆ “ตระกูลพี่เราเป็นนักธุรกิจกันมาหลายรุ่นแล้ว ไม่รู้จะไปทำอะไรแล้วล่ะครับ”

“เก่งจังเลยนะครับ”

“ไม่หรอกน้องใบบุญ พี่อยากทำอย่างอื่นมากกว่า”

“ทะทำอะไรหรือครับ”

“พี่อยากเปิดค่ายเพลง”

“ค่ายเพลง?”

“ใช่ ตอนนี้พี่ก็กำลังคุยๆกับมังกรอยู่” ชายหนุ่มบอก ก่อนจะจ้องมาที่เขาเขม็ง “แต่ดูเหมือนจะติดสัญญาอีกหลายปี พี่จะเข้าไปฉีกสัญญาให้ก็ไม่ยอม”

“อ่ะ เอ่อ” เขาเริ่มไปไม่ถูก ไม่รู้อึกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่ “ผมว่าก็มีนักร้องเก่งๆหลายคนนะครับ”

“ใครล่ะ เราพอจะรู้จักไหม แนะนำพี่ได้นะ” ชวดลยิ้มหวาน “พี่ไม่ค่อยสนิทกับเด็กคณะดุริยางค์ฯซะด้วยสิ”

“เอ่อ ผมขอไปนึกก่อนแล้วกันนะครับ”

“KJ หรือว่า Galaxy-Bดีล่ะ” ลมหายใจเขาแทบสะดุดเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ใบบุญรีบเก็บสีหน้าตัวเองก่อนจะทำหน้าตกใจ

“พี่ธัชน่ะหรือครับ พี่โชลองไปคุยมาหรือยัง”

“อย่าว่าแต่คุยเลย แค่เห็นหน้าหมอนั่นก็แยกเขี้ยวใส่แล้ว” ชลดลมองเด็กหนุ่มอย่างเพลิดเพลิน “พี่อยากได้อีกคนมากกว่า”

“บะ.. ไบร์ท?”

“ใช่” เขาพูด “พี่อยากได้ไบร์ท..”

“แต่ว่า เขาเลิกร้องเพลงไปแล้วนี่ครับ” เขาเสมองไปทางอื่น พยายามนึกชื่อนักร้องดังๆช่วงนี้ ทำไมนึกไม่ออกวะ! “ไม่มีใครตามตัวเจอด้วยซ้ำ”

“พี่ก็กำลังสืบอยู่เหมือนกัน กำลังตะล่อมถามมังกรอยู่” เขาพูดเสียงเบา พยายามจ้องดวงตาผ่านแว่นตากลมโตของเขา “เราสนิทกับมังกรนี่ เคยเจอไบร์ทบ้างไหม”

“มะ ไม่เลยครับ ไม่รู้จักเลย”

“เสียดายจังเลยนะ..” ใบบุญหลบสายตาคมกริบที่มองมาอย่างจงใจ อยู่ดีๆก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว รีบจ้วงแซลมอนตรงหน้าทำเป็นวุ่นวายกับการกิน ไม่สนใจอีกฝ่ายที่มองเขาด้วยสายแปลกๆ

“อ้าว ไอ้ใบบุญ แย่งของกูไปกินอีก”

“มึงก็สั่งใหม่สิวะ”

“เห็นไหมพี่โช มันกินจุจะตาย”

“พี่ว่าน้องใบบุญน่ารักดี..” ชวดลหัวเราะ เขารู้สึกถูกชะตากับเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก

“อย่าไปยุ่งกับมันเลยพี่โช พี่ชายมันดุ”

“ไอ้กร!”

“ฮ่าๆ เสียดายจังเลย” ชวดลมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ ใบหน้าขาวจัดและริมฝีปากสีสดจิ้มลิ้มมันช่างดึงดูดเขาเหลือเกิน ถ้าหากถอดแว่นตากลมโตที่เกะกะนั่นออกไปจะเป็นยังไงนะ.. “สายตาสั้นหรือครับน้องใบบุญ”

“ใช่ครับ สายตาสั้น ถ้าถอดก็คงมองอะไรไม่เห็นเลย แหะๆ”

“แย่จัง พี่ว่าตาเราต้องสวยมากแน่ๆ”

“ไม่หรอกครับพี่โช เวลาผมถอดแว่นแล้วหน้าจะแปลกๆน่ะครับ ใส่แบบนี้น่าจะดีกว่า” ใบบุญตัวลีบไปในทันที เขาหัวเราะแห้งทำเป็นคีบซูชิเข้าปาก แต่เหงื่อที่หลังแตกพลั่กเหมือนกำลังถูกจับผิด เขาคงจะคิดมากไปเองล่ะมั้ง

“ฮ่าๆ ใบบุญมันอ๊องแบบนี้แหละพี่ อย่าไปอะไรกับมันเลย” กรวีร์ตักปลาดิบที่เพิ่งสั่งมาใส่จานชวดล “กินเยอะๆเลยนะครับ ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ” ใบบุญหลุดหัวเราะขำทันที ไอ้เรื่องกวนตีนไม่มีใครชนะกรวีร์หรอก

พวกเขาพูดคุยกันอยู่อีกสักพักกรวีร์ก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระ พวกเขาจึงต้องพากันกลับพร้อมกับห่อไปกินอีกหลายกล่อง ชายหนุ่มมองเด็กหนุ่มร่างบางที่กำลังคุยหยอกล้อกับเพื่อนรู้สึกติดตาบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มคนนั้นดูเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยทั่วไป เรียบร้อยแถมยังจืดจาง ถ้าไม่สังเกตดีๆก็จะไม่เห็นว่ามีคนๆนี้อยู่ด้วยซ้ำ แต่เขากลับสนใจแววตาคู่สวยที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นสีดำคู่นั้น

“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ”

“อ๊ะ ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับพี่โช”

“ไม่เป็นไร กลับกันดีๆนะ”

“บายครับ” กรวีร์โบกมือให้รุ่นพี่ก่อนที่รถยนต์คันหรูจะขับออกไปไกล ชายหนุ่มหันมามองหน้าเพื่อนที่คิ้วขมวดก็อดสงสัยไม่ได้ “มึงกินไม่อิ่มหรือวะ ทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น”

“มึง พี่โชเขาเป็นใครกันแน่วะ” เขาแอบลอบถาม “กูรู้นะว่าเขามาแอบคุยกับมึงให้ไปร้องเพลงให้เขา”
“มึงรู้ได้ไง”

“นั่นไง ไม่เคยคิดจะบอกกูเลยใช่ไหม”

“กูไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ ยังไงๆกูก็ไม่ไปจากเฮียกิตหรอก” กรวีร์เกาหัวแกรก “ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรอก รู้แต่ว่าตระกูลเขารวยมาก นามสกุลอะไรนะ กวินทร์ธาดานนท์ อะไรนี่แหละ”

กวินทร์ธาดานนท์

“มึงบอกว่าเขานามสกุลอะไรนะ”

“กวินทร์ธาดานนท์” กรวีร์ย้ำ “มึงไม่รู้จักหรือไง ดังชิบหาย”

“กวินทร์ธาดานนท์..”

“ทำไมวะ มีอะไรหรือวะ”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร กูแค่รู้สึกคุ้นหูนิดหน่อย” เขาคลับคล้ายคลับคลาเหลือเกินว่าจำมาจากไหน หัวใจรู้สึกเต้นกระหน่ำบอกไม่ถูก ในมือรีบกดพิมเสิร์ชนามสกุลนี้ทันที เขาได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่ามันไม่จริง มันต้องไม่ใช่ มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น เขาไม่คิดหรอกว่ามันจะ..

ใบบุญมือสั่นไปหมดเขาเปิดไล่อ่านข่าวเก่าๆ กดดูรูปภาพที่นานมาแล้วตระกูลนี้มีลูกชายอยู่สามคน ในรูปค่อนข้างเก่าเป็นผู้ชายสามคนที่ใบหน้าคล้ายคลึงกันราวกับพี่น้อง เป็นงานเลี้ยงเปิดตัวบริษัทตั้งแต่สมัยเกือบยี่สิบปีก่อน เขาอ่านชื่อไล่เรียงลงมา.. พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ใบหน้าที่เขาถอดแบบออกมาแท้จริงๆแล้วเหมือนบิดาอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เอกภพ กวินทร์ธาดานนท์

+++

ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 11 ] 31-10-61 ★ P.2
«ตอบ #42 เมื่อ31-10-2018 22:47:09 »

ต่อจากด้านบนค่ะ


+++++

เสียงกีต้าร์ดังคลอเข้ากับเสียงร้องทุ้มมีเสน่ห์สะกิดให้หิรัญเหลือบมองเข้าไปผ่านประตูกระจกที่มีแต่กองกระดาษสุมอยู่เป็นกองใหญ่ ชายหนุ่มจึงเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจเพราะเห็นธัชธรรม์กำลังนอนพิงโซฟาพลางร้องเพลงคลอไปด้วย กองกระดาษที่ถูกขยำจนเละเทะถูกทิ้งขว้างจนแทบไม่มีทางเดิน คนที่กำลังร้องเพลงหันมามองด้วยหางตาก่อนจะก่อนจะกลับไปฮัมเพลงต่อ แววตาที่เคยมีชีวิตชีวาดูเศร้าหมองลงจนหิรัญเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นธัชธรรม์เป็นแบบนี้มาก่อน ดูท่าพิษรักคราวนี้จะทำให้เพื่อนเขาเจียนตายเลยทีเดียว

ธัชธรรม์ไม่สนใจเพื่อนที่เข้ามาถามไถ่ ทุกวันเขามักจะใช้ห้องในค่ายเพลงของหิรัญไว้พักผ่อนและแต่งเพลง วันไหนที่มีเรียนเขาก็จะแวะกลับไปที่บ้านเพื่อแต่งตัวก่อนจะกลับมานอนที่นี่แทบทุกวัน เขารู้สึกว่าเขาอยากอยู่เงียบๆคนเดียว ไม่อยากให้ใครมารบกวนช่วงที่เขากำลังอยู่กับตัวเอง

“ใจคอมึงจะไม่กลับบ้านเลยหรือวะ จะนอนที่ค่ายทุกวันแบบนี้ แม่มึงด่ากูพอดี”

“กูยังไม่อยากกลับ ทำไม มึงหวงใช่ไหม กูจะได้ไปที่อื่น”

“ไม่ๆ กูไม่หวง มึงอยู่ที่นี่แหละ อยู่ในสายตาดีแล้ว กูจะได้ไม่ต้องไปตามหาที่ไหน”

“อืม มีธุระแค่นี้ใช่ไหม กูอยากอยู่คนเดียว”

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไล่กันสิวะ”

“กูมีอะไรให้มึงดู” เขายื่นไอแพดให้ธัชธรรม์ เป็นยูทูปชาแนลที่ชื่อคุ้นตาเหลือเกิน เพลงคิดถึงดาวที่กำลังเล่นเป็นดนตรีใหม่ที่แตกต่างจากที่เขาเคยฟัง แต่เขาจำน้ำเสียงนี่ได้มันคือคนคนนั้นไม่ผิดแน่ “น้องเขาเปิดชาแนลใหม่อะ สดๆร้อนๆเลย เป็นเพลงที่เพิ่งส่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อน”

“….”

“เฮียบอกว่าน้องจะเข้ามาอัด ส่วนเรื่องดนตรีกับพวกท่อนแรปจะใส่เพิ่มไปใหม่” เขาคิดว่ามันจะต้องดีใจแน่จึงรีบเดินมาบอก “เฮียให้มึงเป็นคนจัดการดูแลเพลงนี้ มึงจะรับไหม?”

“ไบร์ทจะเข้ามาเมื่อไหร่”

“น่าจะอาทิตย์หน้า เห็นเฮียบอกว่าน้องติดกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยก็เลยไม่ค่อยว่าง”

“น้องเรียนที่ไหน”

“กูไม่รู้โว๊ย คงจะหลังแข่งรายการ Rap นั่นแหละ อีกประมาณสองอาทิตย์” หิรัญบอกก่อนจะเหล่มองไปที่เพื่อนสนิท “มึงก็ไปทำตัวให้หล่อๆก่อนไปเจอน้องเขาก็แล้วกัน สภาพตอนนี้แม่งดูไม่ได้เลยจริงๆ”

“มึง”

“อะไร”

“ตบกูทีดิ”

“หา”

“กูฝันไปหรือเปล่าวะ มึงหยิกกูที เอาแรงๆเลยนะ”

“มึงจะไม่ทำกูคืนแน่นะ”

“ทำ”

“ไอ้สัด ไปไกลตีนเลย กูไม่เล่นกับมึงแล้ว!” หิรัญกระโดดหนี เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะทำร้ายเขาเพราะอยากทดสอบว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า มึงต้องตีตัวเองไม่ใช่มาตีกู ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยย

ไม่น่าไปเล่นด้วยเลย เกือบเจ็บตัวแล้วไหมล่ะ!

+++

ช่วงนี้ใบบุญเห็นธัชธรรม์กลับมาบ้านบ่อยขึ้น ใบหน้าที่ชอบเคร่งขรึมกลับยิ้มแย้มสดใส แม่เองก็ดูจะคลายกังวลกับลูกชายคนโตขึ้นมาบ้าง ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจกลับไปร้องเพลง บอกกับเฮียกิตว่าจะกลับไปทำงานเพลงที่ตัวเองเหมือนเดิม เขาก็รู้ว่าสักวันว่าความจริงทุกอย่างจะต้องเปิดเผย ไม่มีความลับบนโลกใบนี้ เหมือนกับตัวตนของเขาที่มีเพียงคนเดียว นั่นเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการหรือเปล่า ถ้าหากรู้ความจริง..

ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกกลัวหากตัวตนที่แท้จริงของเราไม่เป็นที่ต้องการของคนที่รัก มันคงจะเจ็บปวดแสนสาหัส เขาทำใจเอาไว้แล้ว ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม.. แต่ตอนนี้เขามีเรื่องที่เขาจะต้องจัดการก่อน

ขอให้มันผ่านไปด้วยดี..

“ฮัลโหลครับพี่โช มาถึงหน้าบ้านแล้วหรือครับ” เขาตอบเสียงโทรศัพท์ด้วยเสียงสดใส จนชายหนุ่มที่นั่งกินข้าวอีกฝั่งเหลือบตาขึ้นมามอง ใบบุญลุกเก็บจานจนเสร็จเรียบร้อยก็ขอตัวก่อน “ไปเรียนก่อนนะครับ”

“ไม่ไปกับพี่ธัชหรือลูก”

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้มีรุ่นพี่มารับ”

“จ้ะๆ เดินทางปลอดภัยนะ”

“รักแม่นะครับ” เขากอดมารดาพร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่ ก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้เดินออกจากบ้านไป ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเต็มยศที่ยืนรออยู่ข้างรถหรูส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูรถให้ขึ้นนั่ง ฝ่ามือหนาแปะเข้าที่หัวกลมๆก่อนจะลูบเบาๆ เขาทำเป็นยิ้มเขินอายรีบดันตัวเข้าไปนั่งรถเรียบร้อย ปล่อยให้ชวดลยืนเก้อแล้วรีบอ้อมอีกฝั่งไปขับรถ

โชคดีที่คราวก่อนที่เจอกัน ชวดลเป็นคนเอ่ยปากขอช่องทางติดต่อเขาจากกรวีร์ คราวแรกเพื่อนเขาไม่แน่ใจว่าเขาจะอนุญาตหรือไม่จึงไม่ได้ให้ไป วันต่อมาจึงให้ไป เขาเองก็ต้องการจะสนิทสนมกับชวดลอยู่พอดี

“เดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่คณะนะ”

“พี่โชกุนมารับส่งใบบุญทุกวันแบบนี้ คนอื่นจะมองไม่ดีเอาได้นะครับ”

“ทำไมล่ะ พี่มาส่งไม่ได้หรือครับ”

“ก็ใบบุญไม่ใช่คนที่มีฐานะเท่าเทียมกับพี่”

“จะบอกพี่ว่าคนอื่นมองเราไม่ดีน่ะหรือ ใครพูดแบบนั้นพี่จะจัดการให้หมด”

“อย่าเลยครับ ใบบุญก็แค่พูดดูเฉยๆ” เขาหลุบตามองตักตัวเอง “ใบบุญไม่อยากให้คนอื่นมองพี่ไม่ดีต่างหาก”

“น่ารักจริงๆเลยเด็กคนนี้”

“แหะๆ น่ารักจริงหรือครับ เพิ่งมีพี่คนแรกเลยนะที่ชมใบบุญ”

“คนอื่นตาถั่วน่ะสิ” ชวดลเอื้อมมือมาจับแก้มขาว เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดอย่างไม่ให้ผิดสังเกต

เขารังเกียจญาติผู้พี่ที่ไม่เคยเห็นหัวครอบครัวเขาจะแย่ คิดว่าที่เขายอมไปไหนมาไหนด้วยเพราะเขาพิศวาสนักหรือไง ความรู้สึกที่อัดอั้นสะสมมันทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาจัดการกับสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ ข่าวการเสียชีวิตของทายาทครอบครัวกวินทร์ธาดานนท์เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ เป็นการฆ่ายกครัวที่โหดร้ายทารุณที่แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ไม่ละเว้น เห็นข่าวตัวเองแล้วเขาก็ได้แต่แค่นยิ้ม เด็กผู้ชายคนนั้นตายไปแล้วจริงๆ เพราะเขาได้ชีวิตใหม่จากแม่ทับทิม เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่ให้เขาจะต้องไปเกี่ยวข้องกับคนตระกูลนั้นอีก ทั้งๆที่แม่ทับทิมย้ำเตือนเขาแล้วว่าไม่ให้เขากลับไปยุ่งกับบ้านนั้นอีก แต่ใจเขามันอดรนทนไม่ไหว ต้องการรู้ความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเขากันแน่.. และเขาจะให้ชวดลเป็นเครื่องมือ

“ถึงแล้วนะครับ”

“ขอบคุณพี่โชมากเลยนะครับ”

“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นกินข้าวเย็นกับพี่สักมื้อได้ไหมครับ”

“ช่วงนี้ใบบุญต้องซ้อมร้องเพลงทุกวันเลย เดี๋ยวจะมีการแสดงที่คณะน่ะครับ ใบบุญขอจองคิวพี่โชไว้ล่วงหน้าเลยไหม” เด็กหนุ่มพูดพร้อมยิ้มหวาน ทำเอาคนมองตาพร่าไปชั่วขณะ

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พี่ก็อยากฟังเราร้องเพลงเหมือนกัน”

“ขอบคุณนะครับ พี่โชก็น่ารักที่สุด”

“พี่เขินหมดแล้วเนี่ย”

“ฮ่าๆ แก้มแดงเลย”

“ไปเรียนเถอะ เดี๋ยวพี่จะอดใจไม่ไหวซะก่อน”

“ฮื่อ ใบบุญไปดีกว่า ตั้งใจเรียนนะครับ” เขาโบกมือให้ชวดล ก่อนจะเดินเข้าตึกคณะเขาก็เจอธัชธรรม์กำลังยืนคุยกับพี่จีน ดาวคณะปีสองที่มีข่าวลือว่าคบกันอยู่อย่างลับๆ เขาทำเป็นไม่สนใจไม่อยากจะมองฉากหวานของคนที่เขาไม่อยากจะเห็นมากที่สุด แต่แรงกระชากจากด้านหลังทำให้เขาต้องหยุดเดินไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปเห็นตัวต้นเหตุ!

“จะไปไหน”

“พี่ธัช ปล่อย”

“ใช้มารยาอะไรถึงไปตกผู้ชายได้ล่ะ”

“พี่ธัชพูดให้มันดีๆนะ พูดแบบนี้ผมเสียหาย” เขาสะบัดข้อมือที่อีกฝ่ายจับเอาไว้ ความน้อยใจพุ่งวาบจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาตรงนั้น สายตาเรียบเฉยเย็นชาของธัชธรรม์ที่มองมันทำให้เขาสั่นสะท้าน สายตาของความว่างเปล่าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ต่างจากเขาที่ยังคงมองด้วยความรักที่หลบซ่อนอยู่ข้างใน

“เหอะ ระวังมันหน่อยแล้วกัน” ชายหนุ่มสะบัดผม ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงที่ใบบุญมีคนคอยดูแล เขาจะได้ไม่ต้องกังวลว่าใครมันจะมาทำอะไรอีก แต่ปากเจ้ากรรมมันไม่เคยพูดไปอย่างที่ใจคิดได้สักที “เพราะมันชอบฟันแล้วทิ้ง!”

“.....” เขามองแผ่นหลังกว้างที่จากไปทั้งน้ำตา เพราะอะไรกัน ทำไมเขาถึงไม่เคยได้รับความรักจากอีกฝ่ายเลยสักครั้ง มันจะมีวันนั้นบ้างไหม ที่เขาจะได้รับเหมือนคนอื่นเขาบ้าง อย่างน้อยคำพูดดีๆหรือสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข เขากลับไม่เคยได้เลย..

หนูรักพี่แค่คนเดียวนะ..


ใบบุญกลับมาทุ่มเทให้กับการซ้อมเพื่อร่วมการแสดงของคณะสำหรับเก็บชั่วโมงไว้แจ้งจบ ถึงเขาจะเป็นเพียงเฟรชชี่แต่ก็ได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่เพราะเป็นเด็กเรียบร้อยและตั้งใจฝึกซ้อม การร้องเพลงครั้งนี้เขาเลือกที่จะอยู่กลุ่มเดียวกับกรวีร์เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนงอนตุ๊บป่องอีก ส่วนหมิวกับแฟงก็เลือกที่จะไม่ยุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเลยนับตั้งแต่นั้น เขาเองก็เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปสนใจอีก เขาจึงกลับมาทุ่มเทให้กับความชอบตรงหน้าอย่างจริงจัง ชวดลยังแวะมาหาเขาอยู่เสมอ บางครั้งก็เอาขนมและน้ำผลไม้มาฝากทุกครั้งที่แวะมาหาเขา กรวีร์เห็นแล้วอิจฉาตาร้อนเอ่ยปากแซวเขาตลอดจนชวดลเขินจัดจนต้องขอตัวกลับทุกครั้ง เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีความรู้สึกดีๆให้ แต่เขาไม่อาจจะมอบความรักกลับไปได้จริงๆ

“พี่ธัชลงเพลงใหม่อีกแล้ว”

“…”

“ไม่สนใจหน่อยหรือวะ”

“ไม่อะ”

“เป็นเพลงรักที่เขาแต่งให้มึงนะ”

“เขาไม่ได้แต่งให้กู” เขาพูดพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น “เขาแต่งให้ไบร์ท”

“มึงกับไบร์ทก็คนๆเดียวกัน กูว่านะ บอกๆแม่งไปให้จบ” กรวีร์อีดอัดมานานแล้วเหมือนกัน เขาอยากให้อีกฝ่ายรู้สักที “ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไปหาคนใหม่!”

“ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิวะ กูคงไม่ต้องมานั่งเครียดแบบนี้”

“ไม่ต้องเครียด พรุ่งนี้มึงก็ได้ร้องเพลงแล้ว”

“พรุ่งนี้พี่โชจะมาดูด้วยนะ”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง หรือว่ามึงชอบพี่โชแล้ว” เขาหรี่ตามองใบบุญอย่างจับผิด “เห็นเขาตามจีบมึง บอกตรงๆว่ากูรู้สึกแปลกๆ เขาคงไม่คิดว่ามึงเป็นไบร์ทใช่ไหม”

“รู้ก็ช่างเขาสิ เพราะยังไงพรุ่งนี้ทุกคนก็ต้องรู้”

“มึงเอาจริงดิ” กรวีร์อ้าปากค้าง “ตายห่า!”

“โวยวายอะไรของมึง”

“เตรียมตัวหลบพี่ธัชสิวะ!” เขาทำท่ากอดตัวเองแน่น ไม่อยากจะคิดเลยว่าผู้ชายคนนั้นรู้จะเกิดอะไรขึ้น “กูยังไม่อยากโดนฆ่า”

“เขาจะมาทำอะไรได้ มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก “เขาคงไปอยู่กับพี่จีน คงจะลืมไบร์ทไปแล้วด้วยซ้ำ”

“อย่าคิดมากสิวะ”

“กูขอตัวกลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” กรวีร์มองเพื่อนสนิทตัวเองที่ลุกขึ้นเก็บของก่อนจะออกจากห้องซ้อมไปไม่พูดไม่จากับใคร เขาถอนหายใจ เป็นห่วงใบบุญมากแค่ไหนแต่ก็เข้าไปยุ่งวุ่นวายมากไม่ได้ เขาเลยปล่อยให้เจ้าตัวเป็นคนตัดสินใจเอง..

เทศกาลงานดนตรีของคณะดุริยางค์ฯจัดขึ้นเป็นประจำแล้วแต่ความสะดวกของนักศึกษาที่จะต้องเตรียมการแสดงและฝึกซ้อมกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะปีหนึ่งใหม่แกะกล่องอย่างพวกเขาที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าใครๆ ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมงานกับรุ่นพี่แต่พวกเขาก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด กรวีร์เตรียมตัวพร้อมที่สุดเพราะมาถึงตั้งแต่เช้าในขณะที่เขากำลังมองหาเพื่อนสนิทก็เจอกับชวดลที่มารออยู่ก่อนแล้ว

“พี่โชมาเช้าจัง งานเริ่มตั้งบ่ายๆแน่ะครับ”

“พี่ตื่นเต้นน่ะ เลยรีบมาก่อน”

“ใบบุญคงดีใจแย่เลย”

“อย่าเพิ่งบอกใบบุญนะว่าพี่มาแล้ว พี่อยากเซอไพร์สน่ะ” เขาถือช่อกุหลาบเอาไว้ในมือช่อใหญ่ หวังว่าเด็กหนุ่มจะดีใจกับของขวัญของเขานะ

“ได้ครับ พี่ไปรอก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมไลน์หา”

“ได้ๆ ขอบใจนะ”

เวลาหมุนเลยผ่านไปจนเกือบเที่ยง เหล่าสต๊าฟกำลังเตรียมเวทีอยู่ที่ลานหน้าคณะพร้อมกับเหล่านักศึกษาที่แวะเวียนมาดูบรรยากาศ ความคึกคักยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีร้านค้ามาตั้งเพื่อให้เลือกซื้อขนมและน้ำดื่ม ไฟหลากสีติดประดับประดาอยู่ตามรอบบริเวณดูสวยงามจนต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บไว้ กรวีร์แต่งตัวในชุดนักศึกษาพร้อมกับเซ็ทผมใหม่เรียบร้อยเขาโทรหาใบบุญตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนตอนนี้จะบ่ายโมงแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แวว

ชิบหายแล้ว..

บ่ายสองรุ่นพี่เรียกเขาไปเตรียมตัวเพราะต้องร้องเพลงต่อจากเพื่อนอีกคน เขาเป็นห่วงใบบุญจนล่อกแล่กไม่มีสมาธิเอาเสียเลย เขาจึงไลน์หาเพื่อนส่งข้อความทิ้งเอาไว้ ก่อนจะขึ้นไปร้องเพลง ผู้ชมกำลังโบกไม้โบกมือให้เขาเสียงแฟลชวูบวาบที่เขาไม่เคยชินสักครั้งสาดเข้ามาจนต้องหรี่ตา กรวีร์แจกรอยยิ้มก่อนจะโบกมือกลับไปให้คนที่รอชมการแสดงอยู่ด้านล่าง ไม่ว่าจะขึ้นเวทีบ่อยมากแค่ไหน เขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ

“คนต่อไปนะคะ น้องมังกร ชั้นปีที่หนึ่งค่ะ จะมาในเพลงปากดีค่ะ” เสียงปรบมือดังขึ้นก่อนจะตามด้วยผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาเตรียมชมการแสดงอย่างหนาแน่น

“กรี๊ด มังกร!”

“ถ่ายรูปเร็วแก”

“น่ารักกกกกกกกกกกก”

“ปากดีเข้าไว้ไม่อยากให้ใครรับรู้

ที่เห็นฉันยังคงยิ้มอยู่ ทั้งที่จริงยืนแทบจะไม่ไหว

พูดว่าไม่เป็นไร ทั้งที่ใจไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย

ไม่ได้ต้องการ ให้ใครมาเห็นใจฉันเลย ไม่อยากเฉลย

ความจริงข้างใน ให้ใครรู้ ที่เห็นว่าฉันยังยิ้มอยู่ จะมีใครรู้ว่าเสียใจ”

หิรัญมองชายหนุ่มบนเวทีก่อนจะจุดยิ้ม เขาอุตส่าห์แต่งเพลงรักให้ไม่รู้กี่เพลง ดันชอบร้องแต่เพลงเศร้า นี่ก็คงจะรู้ว่าเขาจะมาดูถึงได้ร้องแต่เพลงที่ฟังแล้วไม่สื่อความหมายถึงใครออกมาชัดเจน สายตาของกรวีร์เหลือบไปมองเห็นคนตัวสูงที่กำลังยกนิ้วให้ เขาเผลอขบกรามและร้องหลุดไปท่อนหนึ่ง ในใจเขาตอนนี้อยากจะโชว์นิ้วกลางใส่ชะมัด

“มันจะมาร้องจริงๆหรือวะ”

“มาสิ อยู่กลุ่มเดียวกับมังกรนี่แหละ” เขาหันไปบอกเพื่อนสนิทที่กำลังยืนหน้ามุ่ย “แต่ว่า.. ไม่เห็นใบบุญจริงๆนะเนี่ย ไม่ใช่ตื่นเวทีหรอกนะ”

“ยิ่งเอ๋อๆอยู่ด้วย จะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

“เป็นห่วงหรือวะ เอาน่า น้องทำได้อยู่แล้วไม่เป็นไรหรอก”

“ถ้ามันยังไม่ร้องมึงก็มาเป็นเพื่อนกูหน่อย” ธัชธรรม์เรียกเพื่อนไปอีกทาง หิรัญทำหน้างุนงงก่อนที่เขาจะออกแรงลากมันไป

“จะไปไหน”

“เออน่า”

กรวีร์มองธัชธรรม์ที่กึ่งลากกึงจูงหิรัญออกไปอีกทางก็นึกโล่งอก พอเห็นหน้าหมอนั่นแล้วเขาร้องเพลงไม่ค่อยออก สายตาที่มองมามันแปลกๆจนเขาทำตัวไม่ถูก เห้อ หมอนั่นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ กว่าจะร้องจบเพลงเขาก็ต้องแจกยิ้มจนเมื่อยปาก กล่าวขอบคุณก่อนจะรีบลงหลังเวที เขาเกือบชนกับคนที่กำลังเดินสวนออกมาจนต้องหันไปขอโทษ อีกฝ่ายยิ้มให้เขาก่อนจะยื่นมือมาแตะไหล่ เด็กหนุ่มร่างบอบบางตรงหน้าผิวขาวจัดและทรงผมซอยสั้นดัดเข้าทรงสีน้ำตาลทอง พร้อมกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม ห่วงเงินที่ส่องประกายอยู่บนริมฝีปากจิ้มลิ้มสีสด อีกฝ่ายยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวจนเขาต้องอ้าปากค้าง
“ไบร์ท? ไม่สิ ใบบุญ?”

“จำเพื่อนไม่ได้หรือไง” อีกฝ่ายยังอ้าปากค้างไม่เลิก จนเขาต้องทุบไหล่มันไปเบาๆ

“กูไม่คิดว่ามึงจะทำจริง”

“ความลับไม่มีในโลก” เด็กหนุ่มยกมือจุปาก ก่อนจะปรายตามองไปบนเวทีที่กำลังจะเรียกนักร้องคนต่อไป “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”

“มึง…เห้ย!”

“คนต่อไปนะคะ น้องใบบุญ ชั้นปีที่หนึ่งค่ะ จะมาในเพลงคิดถึงดาวค่ะ” เสียงปรบมือเปาะแปะก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปบนเวที เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์ดังระงมจนเขาตกใจ ทุกคนมองมาที่เขาแทบไม่เชื่อสายตา เขายิ้มก่อนจะยกไมค์ขึ้นจ่อริมฝีปาก ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบทเพลง..

“อาจเป็นเพราะกำลังเหงา ที่ทำให้ฉันคิดถึงเธอขนาดนี้

หรือเป็นเพราะดาวดวงนั้น

ทำให้เธอนั้นหายไป…

วอนเธอกลับมาหากันได้ไหม..

ตั้งแต่วันที่เราเจอกันวันแรกจนถึงวันที่เรานั้นเดินแยก..

 I will be waiting for you”

ทันทีที่เพลงจบลงหน้าเวทีก็เต็มไปด้วยแฟนคลับที่ออเข้ามาหาจนเขายกมือไหว้ขอบคุณแทบไม่ทัน เขากำลังเดินหันหลังกลับไปยังด้านหลังเวทีแต่ก็โดนเรียกเสียก่อน ชายหนุ่มมายืนหน้าเวทีพร้อมช่อดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ เขายิ้มขำมองชวดลที่ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มลงรับดอกไม้จากชายหนุ่ม

“แทนที่พี่จะเซอร์ไพร์สเรา ทำไมพี่รู้สึกโดยเซอร์ไพร์สก็ไม่รู้..”

“แล้วพี่ชอบไหมละครับ” เขายิ้มให้ “ใบบุญที่เป็นแบบนี้”

“ไม่ว่าแบบไหนก็ชอบทั้งนั้นแหละ ขอให้เป็นคนนี้ก็พอ”

“ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้นะครับ”

“พี่ดีใจที่ใบบุญชอบนะ”

ธัชธรรม์กลับมาพร้อมดอกกุหลาบสองดอกในมือที่เขาเดินไปซื้อในซุ้มเมื่อครู่ ไหนๆก็มาดูแล้วเขาก็อยากเอาดอกไม้ให้มันสักหน่อย ถ้าไม่มีใครให้เลยเดี๋ยวจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง กลับกลายเป็นว่าเขาต้องตกตะลึงเมื่อเห็นคนที่ยืนร้องเพลงคิดถึงดาวอยู่ตรงหน้าคือคนที่เขาอยากจะเจอมาตลอด เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ หัวใจเต้นรัวแรงจนแทบจะระเบิดออกมา ทั้งๆที่คนตรงหน้าคือคนที่เขาเฝ้ารอมานานกลับกลายเป็นที่ผ่านมา ไบร์ทอยู่กับเขามาตลอด.. ใบบุญอยู่กับเขามาตลอด.. ความจริงตรงหน้าเหมือนค้อนที่ตอกเข้ากลางอกเขาจนจุกและหายใจแทบไม่ออก

เขามองชวดลที่กำลังยื่นช่อดอกกุหลาบให้ใบบุญ ใบหน้าขาวใสขึ้นสีแดงระเรื่อ เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบดูมีความสุขเหลือเกิน เขาก้มลงมองมือตัวเองถึงได้รู้ว่าเผลอกำจนหนามทิ่มแทงเข้าเนื้อเข้าไปจนลึก กลิ่นเลือดคละคลุ้งชวนเวียนหัวจนเขาต้องปล่อยดอกกุหลาบนั้นร่วงลงพื้น

หลุดร่วงและไร้ค่าไม่ต่างจากหัวใจของเขา..


TBC



ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 11 ] 31-10-61 ★ P.2
«ตอบ #43 เมื่อ01-11-2018 10:38:27 »

น้องไบร์ทบุญเปิดตัวแล้ว แบบนี้พี่ธัชอย่าทำอะไรน้องนะ

ห้ามเลยนะห้าม

ออฟไลน์ lovebear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 11 ] 31-10-61 ★ P.2
«ตอบ #44 เมื่อ01-11-2018 10:42:52 »

พี่ธัชจะโกรธไหม พี่ธัชจะทำอะไรน้องไหม พี่ธัชจะเกลียดใบบุญไหม

ไม่อยากให้น้องร้องไห้อีกแล้ว

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
«ตอบ #45 เมื่อ02-11-2018 11:52:47 »

Rhyme 12

   รถยนต์คันหรูค่อยๆเคลื่อนเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้านเดี่ยวสีขาวหลังเดิมที่คุ้นตา เด็กหนุ่มลงจากรถพร้อมช่อดอกกุหลสบช่อโต มืออีกข้างยังมีของพะรุงพะรังอีกหลายอย่างที่ชวดลเป็นคนซื้อให้ ใบบุญยิ้มให้ชายหนุ่มที่อาสามาส่ง แค่เขาเอ่ยปากอะไรก็ดูเหมือนอีกฝ่ายพร้อมจะหามาให้ในทันที เขาส่งยิ้มหวานก่อนจะใช้มือที่ว่างโบกมือบ๊ายบายชวดล ใบบุญรู้ว่าเจ้าตัวกำลังอ้อยอิ่งไม่อยากจะขับรถกลับแค่ไหน แต่เขาก็ต้องทำเป็นใจดีสู้เสือ รีบตัดโอกาสที่อีกฝ่ายอยากจะเข้าไปหาเขาในบ้าน

“เดี๋ยวคืนนี้พี่โทรหานะ”

“อื้อ ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับ”

“อย่าลืมกอดหมีที่พี่ซื้อให้ล่ะ คิดซะว่ามันแทนตัวพี่ก็แล้วกัน”

“นิสัย! เดี๋ยวนี้ชักร้ายแล้วนะครับ”

“ฮ่าๆ พี่ไปก่อนนะครับ” ชวดลมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังกอดตุ๊กหมีตัวโตแล้วก็ต้องยิ้ม “ฝันดีนะครับ”

“ฝันดีครับพี่โช” ใบบุญมองจนรถยนต์คันหรูแล่นหายลับไปกับความมืด เขามองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม ป่านนี้แม่คงจะนอนไปแล้ว ส่วนธัชธรรม์ก็คงจะไปนอนที่สตูดิโออีกตามเคย เขาเปิดประตูเข้าบ้านวางสัมภาระไว้ที่โซฟาก่อนจะควานหาสวิตช์ไฟในความมืด

“อ๊ะ” เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกกระชากให้หันหลังกลับไป เขาเห็นธัชธรรม์ยืนหน้าทะมึนกำลังสะกัดกลั้นอารมณ์เต็มที่ ดูเหมือนว่าข่าวจะไปไวกว่าที่คิด เขาจะต้องพูดกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง

“หึ หายไปกับผู้ชายสองต่อสองคงจะสนุกเลยสิท่า เสร็จมากี่ยกล่ะ” คำพูดที่ออกมาจากปากชายหนุ่ม มันทำให้คำพูดที่เขากำลังจะบอกถูกกลืนหายไปในทันที

ใช่สิ.. ยังไงอีกฝ่ายก็มองเขาไม่ดีไปแล้ว

“พี่ธัช!”

“ทำไม ตกใจอะไร” เขามองใบหน้าตกใจของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นใกล้ๆแบบนี้ก็ยิ่งตอกย้ำความจริงว่าคือคนเดียวกันจริงๆ “สนุกมากนักใช่ไหมที่ปั่นหัวกูได้”

“หนูอธิบายได้นะ”

“จะอธิบายว่าอะไรก็พูดมาสิ กูรอฟังอยู่” เขาเดาะลิ้น จับมือมันเอาไว้แน่นจนคนตัวเล็กเบ้หน้าด้วยความเจ็บ “เล่นกับความรู้สึกคนอื่นมันเป็นยังไงล่ะ”

“หนูไม่ได้ตั้งใจ”

“มึงคงจะเกลียดกูมากเลยสินะ เพราะกูชอบด่าชอบว่ามึงตลอด” เขาตะคอกเสียงดัง คว้าไหล่ลาดบางทั้งสองข้างไว้แน่น “พอใจหรือยังที่มันเป็นอย่างนี้ ถามว่าพอใจหรือยัง!”

“พี่ธัชใจเย็นๆก่อน”

“มาทำให้กูรักแล้วก็หายไปกับคนอื่น จะให้กูคิดยังไง” เขามองคนตัวเล็กที่กำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างเจ็บปวด “เพราะมันใช่ไหม?”

“หนูกับพี่โชไม่ได้เป็นอะไรกัน” ใบบุญตอบทั้งน้ำตา เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ “เราสองคนเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันเท่านั้น”

“อย่าพูดชื่อมันให้กูได้ยินอีก” เขาไม่อยากจะฟังคำโกหกมากไปกว่านี้อีกแล้ว “มานี่!” ใช้แรงฉุดกระชากข้อมือบางให้เดินตามขึ้นไปชั้นสอง คนตัวเล็กดิ้นอย่างไรก็ไม่สามารถสู้แรงเขาได้เลย

“ปล่อยหนูนะพี่ธัช”

“ไม่!” ชายหนุ่มตวัดร่างเล็กกว่าขึ้นพาดบ่าก่อนจะเดินดุ่มขึ้นห้องตัวเองที่อยู่ชั้นสอง เปิดประตูห้องด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะโยนเด็กหนุ่มลงบนเตียง ใบบุญมองชายหนุ่มที่เดินไปล็อคกลอนประตูห้อง ความรู้สึกตกใจทำให้เขารีบวิ่งออกไปที่ประตูห้อง ธัชธรรม์จับข้อมือขาวเอาไว้แน่นก่อนจะดึงอย่างแรงจนมันขึ้นสีแดงก่ำ ใบบุญพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการเกาะกุม แต่เขาไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆหรอก

“พี่ธัช หนูไม่ได้ตั้งใจ พี่โกรธหนูขนาดนั้นเลยหรือ”

“กูโกรธมาก!” ถ้าจะให้บอกว่าโมโหขนาดไหน ก็คงไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ “ต้องมารู้ทีหลังว่าคนที่กูรักเขา โกหกมาตลอด เป็นมึง.. มึงจะรู้สึกยังไง มึงคงเห็นกูคงเป็นไอ้โง่มากสินะ”

“หนูไม่เคยคิดอย่างนั้น”

“ทำไมวะใบบุญ มึงจะโกรธจะเกลียดอะไรกูก็ได้ แต่ทำไมมึงต้องเล่นกับความรู้สึกกูแบบนี้”

“หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“เฉดหัวกูทิ้งแล้วคิดจะไปหาคนใหม่ ไอ้โชมันคงไม่รู้ล่ะสิว่ามึงเป็นเมียกูแล้ว” เขาแค่นยิ้ม มองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “ก็คงต้องฝากไปบอกมันนะว่ากินของเหลือจากกู!” เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
เพี้ยะ!

“พี่ธัช! พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง” เขาตกใจจนตัวสั่นระริก เขาตบหน้าพี่ธัชไปแล้ว.. อีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตานิ่งสนิทแล้วหัวเราะขำเหมือนสิ่งที่เขาทำเป็นแค่เรื่องตลก

“ทำไม พอพูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้” ธัชธรรม์ดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ เขากระซิบด้วยถ้อยคำน่ารังเกียจหวังให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดไม่แพ้กัน “หรือว่าต้องให้เตือนความจำอีกรอบ”

“ปล่อย!” ใบบุญดิ้นพล่าน พยายามแงะมือตัวเองออกจากอีกฝ่าย แต่ก็ไม่อาจสู้แรงได้เลย หยดน้ำใสคลอหน่วยอยู่ที่ขอบตา เขาพยายามกลั้นมันเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา ไม่อยากอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็น “ปล่อยหนูไปเถอะนะ”

“เรื่องอะไรกูจะปล่อย กูรอมึงมานานแค่ไหนแล้ว” เขาคลอเคลียกับแก้มขาว ก่อนจะใช้มือที่ว่างกระชากเสื้อนักศึกษาจนกระดุมหลุดออกทั้งแผง ผิวสีน้ำนมนวลเนียนปรากฏแก่สายตา ธัชธรรม์ก้มลงฉกชิมยอดอกสีสวยใช้ลิ้นตวัดรัดก่อนจะขบเม้มจนเป็นสีแดงก่ำ ใบบุญกลั้นเสียงน่าอับอายของตัวเอง

เขากลัวแม่จะได้ยิน..

“พี่ธัช.. อย่านะ ไม่เอาแบบนี้”

“ทำเป็นไม่เคย”

“ไม่เอาแบบนี้”

“แล้วชอบแบบไหน หึ!” เขาปลดกางเกงนักศึกษาของอีกฝ่ายออกรวมไปถึงชั้นในสีขาวที่หลงเหลือติดตัวอยู่เพียงชิ้นเดียว คนตัวเล็กสั่นระริกไปทั้งร่าง ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้ไม่หยุด “จะร้องทำไม? เพิ่งจะมานึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำมาหรือไง”

“หนูไม่เคยเสียใจกับความรู้สึกตัวเอง.. จนมาวันนี้” เขาพูดเสียงแหบพร่า “พี่ธัชไม่ถนอมน้ำใจหนูเลย”

“ทำไมกูจะต้องทะนุถนอมกับคนที่มันทำร้ายกูด้วย รู้ใช่ไหมว่ากูไม่ชอบให้ใครมาทำร้ายก่อน”

“หนูไม่ได้คิดจะทำร้ายพี่เลยสักนิดนะ”

“กูไม่เชื่อ”

“ฮึก..ฮือ พี่ปล่อยหนูไปเถอะนะ” เขาร่ำไห้มองชายหนุ่มด้วยสายตาเว้าวอน “มีอะไรก็คุยกันดีๆไม่ได้หรือครับ”

“กับคนอย่างมึง ไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วยหรอก”

“อื๊อ อ๊ะ” เขากระตุกเฮือกเมื่อยอดอกถูกงับและขบด้วยฟันแข็งแรงอีกรอบ ความรู้สึกเจ็บแล่นปราดไปทั่วร่าง “ไม่เอาตรงนั้น.. พี่ธัช”

“เงียบสักที” ชายหนุ่มมองเด็กหนุ่มผิวขาวจัดที่นอนห่อตัวร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่ใต้ร่างเขา ผิวเนื้อที่เขาตีตราจับจองขึ้นสีแดงไปทั่วบริเวณ “จับนิดหน่อยแม่งก็แดงไปทั้งตัวละ” ก้มลงฉกชิมริมฝีปากสีหวานทั้งดูดดึงจนคนตัวเล็กต้องทุบให้ปล่อย จนมันขึ้นสีแดงเข้มและบวมช้ำฉ่ำวาวจนเขาอดใจไมไหวต้องก้มลงจูบจ้วงให้หายคิดถึงอีกรอบ

คิดถึง?

ความรู้สึกตั้งแต่ที่รู้ว่าไบร์ทเป็นใครมันทั้งเจ็บแสบราวกับถูกน้ำเกลือราดลงแผลสดทั้งปวดร้าวจุกอกจนแทบหายใจไม่ออกเมื่อเห็นใครคนอื่นยืนแทนที่เขา ที่ที่ตรงนั้นมันควรจะเป็นของเขา!

เหมือนเด็กที่หวงของเล่น พอตัวเองเล่นจนเบื่อก็ทิ้งขว้างไม่สนใจแต่ถ้าหากใครไปเก็บมาเล่นต่อ อาการหวงของมันจะกำเริบ ต่อให้เขาไม่ได้ก็ต้องไม่มีใครได้เหมือนกัน ธัชธรรม์รู้ดีว่าเวลาโมโหมักจะยั้งมือไม่ค่อยอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามจะพูดคุยกับใบบุญดีๆ แต่ว่าภาพที่เห็นชวดลมาส่งพร้อมคำพูดหวานของทั้งคู่มันทำให้เขาหน้ามืด กว่าเขาจะจำได้ว่าชวดลคือคนเดียวกับที่ต้องการอยากจะเจอไบร์ทมาก่อนเขาก็ยิ่งแทบคลั่ง ความโกรธครอบงำตอกย้ำว่าเขาคือคนโง่ที่ถูกหักหลังจากคนที่รักอย่างเลือดเย็น มันตีรวนในอกจนอดทนไม่ไหวต้องสั่งสอนให้คนตรงหน้ารู้สำนึก แต่น้ำตาของมันเท่านั้นที่เขาไม่ชอบเลย ไม่ว่าเขาจะผ่อนแรงลงหรือว่าช่วยจัดท่าทางให้สะดวก แต่คนตัวเล็กก็ยังมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวดที่เขาไม่มีวันเข้าใจ

พูดสิ พูดออกมา..

“พี่ธัช ให้อภัยหนูเถอะนะ”

พูดออกมาว่าความรู้สึกที่มีให้มันเหมือนกัน มันตรงกันจริงๆหรือเปล่า เพราะเขาไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำทั้งหมดมันทำร้ายความรู้สึกของใบบุญมันก็สายไปแล้ว ที่ตรงนั้นไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป.. เป็นเขาเองที่เหยียบย่ำคนตรงหน้าจนแหลกเหลว ทำร้ายจิตใจและผลักไสต่างๆนาๆ มันก็ถูกแล้ว.. ที่เขาจะไม่ใช่คนที่ถูกเลือก

“อย่าร้อง.. กูบอกว่าอย่าร้อง!”

“ไม่เอา หนูเจ็บ” ร่างเล็กถดถอยหนีจนชิดกับขอบเตียง ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างกาย “หนูไม่อยากทำ!”

“ทำกับมันได้ แต่ทำกับกูไม่ได้สินะ?”

“มะ ไม่” เขาสูดน้ำมูกพร้อมทั้งสะอึกสะอื้น กว่าจะพูดแต่ละคำมันช่างยากลำบาก “ไม่ใช่อย่างนั้น” เขาแค่ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ร่างกายมันเกิดขึ้นเพราะแรงอารมณ์ เขาไม่ใช่ที่ระบายความโกรธของใคร!

“หึ!”

“อื้อออออ!” เด็กหนุ่มดิ้นพล่านเมื่อสิ่งแปลกปลอมค่อยๆลุกล้ำเข้ามาในร่างกาย มือหนาตะปบเข้าที่ริมฝีปากบาง ก่อนที่เสียงจะดังเล็ดรอดออกไป ธัชธรรม์ใช้นิ้วเพื่อตระเตรียมช่องทาง มันทั้งคับแคบและรัดแน่นจนเขาเองก็ทรมานไม่แพ้กัน

“อย่าเกร็งสิวะ” เขากระซิบข้างหูก่อนจะจูบพรมไปตามซอกคอขาว “แยกขาออก.. อย่างนั้นแหละ”

“พี่ธัช.. ไม่ทำไม่ได้หรือ”

“เลิกพูดมากได้แล้ว” เขาขบเม้มไปตามผิวขาวนวล ก่อนจะฝากร่องรอยสีกุหลาบตีตราเป็นเจ้าของไปทั่วร่างบาง ผิวเนื้อนุ่มนิ่มยามบรรจูบไล้ทีละส่วนให้ความรู้สึกดีจนเขาไม่อยากจะปล่อยให้ใครได้แตะต้อง ยิ่งส่วนเนื้ออ่อนโคนขาที่ขึ้นสีง่ายก็ถูกเขาละเลียดชิมจนหมด เด็กหนุ่มครางเครือพยายามสะกัดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวที่กำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย

“พี่ธัช.. อื๊ออออออ”

“ตรงนี้สินะ?” เขายังคงใช้นิ้วช่วยเบิกทางแต่มันยังคงฝืดเคือง “ใช้น้ำลายแทนก็แล้วกัน”

“อ๊ะ พี่ธัชจะทำอะไร ไม่เอานะ”

“อย่าดิ้นสิวะ”

“ปล่อยนะ ไม่เอา!” ใบหน้าสวยเชิ่ดหน้าขึ้นก่อนจะหอบหายใจถี่เมื่อลิ้นอุ่นแตะไล้วนอยู่ที่ปากช่องทาง เขาเกร็งไปทั้งตัวจนแทบจะเสร็จสม มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน “อ๊ะ..”

“ฮึ่ม!” ชายหนุ่มช้อนตัวอีกฝ่ายให้นอนหงาย สองขาขาวเนียนหุบแน่นจนเขาต้องออกแรงแยกมันออก ช่องทางอุ่นร้อนกำลังตอดรัดพร้อมที่จะรับตัวตนของเขาเข้าไป “อย่าเกร็ง”

“ฮึก..”

“แน่นชะมัด!” ธัชธรรม์ค่อยๆอัดเบียดตัวตนของเขาเข้าไปเชื่องช้าเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ ขบฟันกรอดสลับกับก้มลงจูบให้คนตัวเล็กผ่อนคลาย บรรจงซับเหงื่อที่ไหลข้างขมับก่อนจะดุนดันเข้าไปจนสุด ใบบุญครวญครางพร้อมหอบหายใจถี่ เขาเห็นอีกฝ่ายเกร็งมือจิกเข้ากับผ้าปูที่นอนก็เอื้อมมือเข้าไปคลายออก เด็กหนุ่มหันมามองหน้าเขา ใบหน้าสวยยังคงมีน้ำตาคลออยู่เช่นเคย ในใจอยากจะถามว่าเจ็บตรงไหนแต่ทิฐิในใจมันรุนแรงมากเกินกว่าที่เขาจะถามออกไป

“อ๊า!” ชายหนุ่มเริ่มขยับเขยื้อนร่างกายใหญ่โต “พี่ธัช เบาก่อน.. หนูเจ็บ”เขาดันเข้าและถอนออกมาอย่างแรงก่อนจะสลับเข้าออกจนเตียงไม้ขนาดหกฟุตสั่นกึกกระทบกับฝาผนังห้อง ใบบุญถดถอยหนีแต่ก็ไม่สามารถจะหลุดรอดไปจากอ้อมกอดที่แข็งแรงของเขาได้ คนตัวเล็กสั่นระริกรองรับความรู้สึกสุขสมที่มีเขารู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว

“อย่าสำออย ทุกทีไม่เห็นจะเรื่องมาก”

“ฮึก.. ฮือ พี่ธัชใจร้าย” ใบบุญสะอึกสะอื้น ร่างกายโปร่งบางยังคงสั่นตามแรงกระแทก สองมือยกขึ้นปิดตาไม่ให้น้ำตามันไหลออกมามากไปกว่านี้

เขามันน่าสมเพชแค่ไหน.. มีค่าแค่เพียงร่างกาย หาใช่หัวใจที่อีกฝ่ายต้องการ

แม้จะเจ็บช้ำร่างกายถูกตักตวงความสุขมากแค่ไหนเขาก็ยังอดทนได้ไม่เท่ากับรู้ว่ามีประโยชน์แค่เพียงระบายความใคร่ เป็นสนามอารมณ์ที่รองรับความโกรธเกลียดชังของอีกฝ่าย เขาทรมานเหลือเกินที่เป็นได้แค่เพียงตุ๊กตาที่ใช้แล้วทิ้ง.. ไร้ซึ่งการเหลียวแลใส่ใจ

“มึงเป็นของกู” เขาขบกราม หยัดสะโพกใส่แรงที่มีถาโถมใส่อีกฝ่ายที่เหมือนจะเริ่มทนไม่ไหว แข้งขาอ่อนแรงไม่ว่าเขาจะจับเปลี่ยนท่าทางอย่างไรก็ได้ “ของกูคนเดียว!” เสียงคำรามอย่างสุขสมก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่จะล้มลงทาบลงคนตัวเล็กที่นอนแน่นิ่ง ดวงตากลมโตไร้ชีวิตชีวามีเพียงหยดน้ำตาไหลออกมาเพื่อให้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่

ทรมานเหลือเกิน..

ธัชธรรม์ตะกรองกอดเด็กหนุ่มที่เคลิ้มหลับไปทั้งคราบน้ำตา เขามองร่องรอยตามร่างกายที่เผลอทำรุนแรงไปแล้วก็กระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาทำพลาดอีกแล้ว ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาทุกอย่างจนมันแย่ไปหมด ชายหนุ่มถอนหายใจไม่รู้จะทำยังไงกับคนตรงหน้าดี ก่อนจะบรรจงกดจูบที่หน้าผากขาวนวลค่อยๆหลับตาลง

 “แม่จะบอกผมว่าใบบุญไม่ใช่น้องชายผมจริงๆ”

“น้องใบบุญเป็นลูกชายของเพื่อนแม่ที่แม่รับมาเป็นลูกบุญธรรม” ทับทิมมองลูกชายคนโตที่กำลังตกใจ เมื่อธัชธรรม์อยากรู้ เธอก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ควรจะบอกความจริง “น้อง.. ไม่ใช่ลูกชู้อย่างที่ลูกเข้าใจ และพ่อของลูกเราเลิกรากันด้วยดี ที่ เขาไม่คิดจะกลับมาเยี่ยมเพราะมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว”

“แล้วที่ผ่านมา.. ทำไมแม่เพิ่งบอกผม!”

“ธัช.. ที่ผ่านมาที่แม่ไม่อยากพูดเพราะไม่อยากให้เราช่วยเหลือ.. ให้ท้ายน้อง” เธอพูดเสียงแผ่วเบา “เรื่องราวในอดีตบางอย่างเราก็ไม่ควรรื้อฟื้นมันขึ้นมา” 

“ช่วยเหลือเรื่องอะไร? ผมไม่เข้าใจ” เขางงไปหมดแล้ว

“ใบบุญรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว.. ลูกอย่าให้น้องเข้าไปยุ่งกับบ้านกวินทร์ธาดานนท์เป็นอันขาด” เธอบอกลูกทั้งน้ำตา ไม่อยากให้มันเกิดโศกนาฎกรรมขึ้นมาอีก “ลูกช่วยห้ามใบบุญที ถือว่าแม่ขอร้อง”

“ผม.. ผม”

ความจริงทั้งหมดมันทำให้เขาหน้าชา.. ที่ใบบุญป่วยเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆตั้งแต่เด็กเป็นเพราะผลข้างเคียงจากภาวะเครียดอันเกิดจากเหตุการณ์สะเทือนใจที่เห็นพ่อแม่ตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา เด็กชายตัวน้อยมีพัฒนาการเชื่องช้า ไม่พูดจาและกลัวคนแปลกหน้า รวมไปถึงกลัวเสียงดังๆจนร้องไห้ไม่หยุด ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าน้องเขาเป็นเด็กพิเศษจึงไม่เคยถูกปฏิบัติเหมือนเด็กปกติทั่วไป ถูกกลั่นแกล้งและรังแกจากคนอื่น หลายครั้งที่เขาเคยนึกรำคาญว่ามีน้องไม่เต็มเต็งเหมือนคนอื่น ผลักไสน้องชายตัวน้อยที่คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอให้ออกไปไกลๆจนใบบุญต้องอยู่คนเดียว กว่าเจ้าตัวจะดีขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ก็ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลายปี

แล้วเขาทำอะไรลงไป..

ที่ผ่านมาเขาทำร้ายใบบุญไปมากมายขนาดไหน

ยังจะเรียกร้องความรักได้อยู่อีกหรือ..

เด็กหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นกลางดึก เขาใช้แรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดดันท่อนแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายที่กำลังหลับสนิทออกไปให้พ้นตัว ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงพาร่างกายอันบอบช้ำไปที่ห้องน้ำ กัดฟันข่มความเจ็บที่แล่นปราดไปทั่วร่าง รอยเขียวช้ำเป็นจ้ำตามตัวเริ่มชัดเจนขึ้นจนเขาเริ่มเป็นกังวล ใบบุญใช้สายน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาด แต่เขากลับไม่อาจจะลบความเสียใจออกไปได้เลย   

เขาทำไม่ได้จริงๆ

เสียงเคาะประตูทำให้เขารู้สึกตัวก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง สะดุ้งมองรอบข้างกลับไม่มีคนตัวเล็กนอนข้างกันอย่างเมื่อคืน ธัชธรรม์รีบเด้งตัวลุกออกไปเปิดประตูกลับเจอเพียงมารดา เขามองซ้ายมองขวาปรับอารมณ์ไม่ให้ลุกลี้ลุกลน 

“ไม่ไปเรียนหรือไงจ๊ะ สายแล้วนะลูก”

“ใบบุญล่ะครับแม่”

“น้องออกไปเรียนแล้ว” ทับทิมบอกลูกชายคนโต เธอเห็นว่าวันนี้ธัชธรรม์ไม่ลงมากินข้าวเหมือนอย่างเคย คิดว่าคงจะตื่นสายแน่ๆ “รุ่นพี่เขาก็มารับอย่างเคยนั่นแหละ”

“รุ่นพี่?” เขาตื่นเต็มตาก็ตอนนี้ “อีกแล้ว?” ยังไม่ทันจะได้พูดดีๆกันสักครั้ง หมอนั่นก็ทำเขาโมโหอีกแล้ว รู้ว่าเขาไม่ชอบให้ไปวุ่นวายกับไอ้ชวดลก็ยังไม่เชื่อฟัง!

“รีบไปอาบน้ำเถอะลูก”

“ครับแม่ ขอบคุณนะครับ” เขาบอกมารดาก่อนจะเข้าไปอาบน้ำด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แม้จะบอกตัวเองว่าให้สงบสติอารมณ์ก่อน แต่ดูเหมือนว่าพอเป็นเรื่องของใบบุญ เขากลับทำไม่ได้เลย

มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่..

ธัชธรรม์เข้าเรียนสายไปเกือบยี่สิบนาทีแต่ก็ไม่ทำให้เขาซีเรียสมากไปกว่าการหาคนตัวเล็กไม่เจอ ทั้งๆที่คลาสเรียนวิชานี้ก็ไม่มีคนมากแต่เขากลับไม่เห็นเงาของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ในใจร้อนรุ่นกลัวว่าคนตัวเล็กจะเป็นอะไรไป เมื่อคืนเขาทำรุนแรงไปตั้งขนาดนั้น.. หายไปไหนของเขากันนะ.. ในที่สุดเขาก็อดทนรอให้เลิกเรียนไม่ไหวต้องออกมานั่งอยู่ใต้ตึกคณะพร้อมหิรัญที่เขาลากมันมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย

“เป็นอะไรของมึงอีก”

“กูหาใบบุญไม่เจอ”

“มึงเคลียร์กับน้องมึงแล้ว?” หิรัญถาม เขายอมรับว่าเมื่อวานเขาก็ตกใจไม่แพ้กัน ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มเรียบร้อยคนนั้นจะคือคนเดียวกับนักร้องหน้าใหม่ไฟแรงคนนั้น

“ยัง”

“เอ้า ไอ้ห่าเอ๊ย” หิรัญอยากจะทึ้งหัวตัวเอง มีเพื่อนอย่างมันทำเอาผมเขาร่วงวันละสิบเส้น “ไอ้โชตามจีบน้องอยู่ มึงจะปล่อยมันคาบไปแดกหรือวะ ก็รู้ๆอยู่ว่ามัน..”

“กูไม่ปล่อยหรอก แต่..” เขาไม่รู้เลยว่าใบบุญคิดอะไรกันแน่

แม่งเอ๊ย.. แค่พูดว่าขอโทษมันยากนักหรือไงวะไอ้ธัช!

“กูขอเตือนเลย”

“กูรู้แล้วน่ะ” เขาตัดสินใจโทรหาใบบุญ ถึงจะโทรติดแต่ก็ไม่มีคนรับ เขาหันไปมองเสียงหัวเราะต่อกระซิกที่ดังขึ้นจากอีกทาง เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองสวยกำลังยืนพูดคุยหัวเราะอยู่กับชวดล มือเรียวยาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะตัดสายทิ้งต่อหน้าต่อตาเขา

“ไม่รับหรือครับ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่โช เดี๋ยวใบบุญไปเข้าเรียนก่อนนะ”

“อื้อ เย็นนี้พี่มารับเหมือนเดิมนะ” ชวดลเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนิ่มของคนตัวเล็ก ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ ดูน่าทะนุถนอมเหลือเกินในสายตาเขา

“วันนี้เราจะไปไหนกันดีครับ”

“ตามใจน้องใบบุญเลยครับ”

“มึง!” ธัชธรรม์ตรงปรี่เข้าไปกระชากข้อมือบาง ดึงรั้งคนตัวขาวให้เข้ามาแนบอก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแม้กระทั่งหิรัญก็ยังตามมาห้ามไม่ทัน ได้แต่วิ่งตามเข้ามาสมทบ

“โอ๊ย! นี่คุณ” ใบบุญขมกรามด้วยความเจ็บ เขาไม่อยากขยับเขยื้อนร่างกายมากนักเพราะมันยังบอบช้ำอยู่ เงยหน้ามองชายหนุ่มที่มีสีหน้าเดือดดาลเขาก็รู้สึกเจ็บแปรบที่อกขึ้นมาอย่างนั้น “ปล่อยผม!”

“กูมึงบอกแล้วใช่ไหมอย่าไปยุ่งกับมัน”

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้.. อย่ามาทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมนะ” เขาตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มชะงักกึก ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มมองเขาอย่างนี้มาก่อน แววตาของคนที่ไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออีกแล้ว..

“ใบบุญ..” เขาทำตัวไม่ถูกเลยเมื่อเจอสายตาแบบนั้นเข้า

“ปล่อยผมนะ ไม่งั้นผมจะตะโกนให้คนช่วย!”

“คุยกันก่อน”

“ไม่!”

“ใบบุญ” ชวดลเห็นท่าไม่ดีจึงปรี่เข้ามาใกล้ เขามองชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะร้องอ๋อในใจ เขาเคยได้ยินข่าวคราวเรื่องที่ธัชธรรม์คบหากับไบร์ท ไม่นึกว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่เขาได้มาเห็นกับตา

“พี่โช ช่วยด้วย!”

“มึงปล่อยเดี๋ยวนี้!” ชวดลผลักชายหนุ่มให้ออกห่างก่อนจะเงื้อมือชกหน้าไปทีจนธัชธรรม์หน้าหัน เขาแตะริมฝีปากที่ปริแตกจนเลือดซึม มองใบบุญที่หลบอยู่หลังของอีกฝ่าย

“ต้องการแบบนี้สินะ”

“ใบบุญ” ชวดลถามเด็กหนุ่มที่กำลังอยู่ในอาการตกใจ “เป็นอะไรมากไหม”

“ไม่เป็นไรครับ”

“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” ธัชธรรม์มองใบบุญที่โผเข้ากอดอีกฝ่าย ก่อนจะพากันเดินจากไปไม่มองเขาเลยสักนิด มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกปวดร้าว ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เพราะไม่ใช่คนที่เขาต้องการ..

“ชิบหายแล้ว มึงไปคุยกับน้องยังไง แย่หนักกว่าเดิมอีก” หิรัญเข้ามาดูอาการเพื่อน ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะอยู่เฉยให้อีกฝ่ายต่อยโดยไม่เอาคืน

“กู..” เขาพูดไม่ออกจริงๆ ในใจมันหน่วงไปหมด “กูยังไม่ได้ขอโทษเขา” ยังไม่ได้บอกว่าที่จริงแล้วเขารูสึกผิดและอยากจะขอไถ่โทษกับความเลวร้ายที่เคยทำมา แต่ตอนนี้มันคงไม่ทันแล้ว.. คนอย่างเขามันคงเลวเกินกว่าจะได้รับโอกาสนั้น ในใจทั้งจุกทั้งเจ็บ ความรู้สึกของใบบุญที่เขาละเลยมาตลอด ไม่คิดเลยว่าลองมาโดนเองบ้าง

แม่งโคตรเจ็บเจียนตาย

การเห็นค่าในวันที่สายเกินไป.. มันไม่มีประโยชน์เลย



(ต่อด้านล่างค่ะ)


ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
«ตอบ #46 เมื่อ02-11-2018 11:53:56 »

(ต่อจากด้านบนค่ะ)

++

เสียงดนตรีดังขึ้นเป็นจังหวะก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะถือไมโครโฟนยืนร้องเพลงต่อหน้าเขา ธัชธรรม์เงยหน้ามองเพื่อนที่กำลังซ้อมร้องเพลงแต่กลับมากวนตีนเขา ขย้ำก้อนกระดาษที่เขียนเนื้อเพลงปาใส่หิรัญที่กำลังล้อเลียนเขาอย่างสนุกสนาน แต่เขาไม่เล่นด้วยเว้ย!

สามวันแล้วที่ใบบุญไม่ได้กลับไปนอนที่บ้าน แถมยังปิดช่องทางติดต่อกับเขาทุกทาง ในชั่วโมงเรียนก็คอยหลบเลี่ยง ไม่ยอมเข้าใกล้เขา.. ทำเขาเหมือนตัวเชื้อโรคที่ไม่อยากเข้าใกล้ จนเขาต้องหอบข้าวของกลับมานอนสตูดิโอเหมือนเดิม ไม่เห็นหน้าเขาคงจะทำให้อีกฝ่ายเบาใจลงไปได้บ้าง

“บ้างก็พูดให้เธอไป ทั้งที่ใจขอให้เธออยู่ หวังไว้ข้างใน ที่เธอพูด ขอแค่ขู่ แม้ฉันพูดว่า ถ้าเธอไปก็อย่ากลับมา
ทั้งที่ข้างในยังต้องการแต่ฉันแค่ปากหมา”

“มึงหยุดร้องได้แล้วไอ้ฮัน” เขาลุกขึ้นยืน จะเตะมันจริงๆถ้ายังไม่หยุด

“ทำไม เพลงออกจะเพราะ น้องกรร้องเพลงนี้ได้ถูกใจกูจริงๆ”

“มึงจะขยี้กูไปถึงไหน” เขาขบฟันกรอด ตอนนี้ธัชธรรม์ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ได้แต่ใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการแต่งเพลง เขาวางกีต้าร์ไว้ข้างตัวก่อนจะลุกขึ้นยืน ยิ่งจมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆต่อไปเขาคิดว่ามันคงไม่ดีแน่ๆ

“เอาน่าเพื่อน กูเอาใจช่วยให้ง้อน้องได้”

“เหอะ ให้เขาเลิกบล็อกเบอร์โทร บล็อกไลน์กูก่อนก็แล้วกัน”

“น่าสงสารจังเลย”

“น้ำเสียงมึงดูไม่สงสารกูเลย”

“จะให้กูพูดตรงๆไหม มึงมันเลว ไอ้จ๊าดง่าว! มีของดีอยู่กับตัวเสือกไม่ดูแล ต้องให้กูด่าเป็นภาษาอะไรอีกดี” หิรัญหัวเสียจนอยากจะบ้า “ดูสิ่งที่มึงทำ น้องกรเลยไม่มาซ้อมร้องเพลงกับกูสามวันแล้ว สามวัน!”

“กูเอาช่วยมึงให้จีบน้องติดก็แล้วกันนะ”

“เพราะมึง ไอ้เพื่อนเลว!”

“ใครมันจะไปรู้ละวะ”

“กูไม่ด่ามึงแล้วเปลืองน้ำลาย!” หิรัญชูนิ้วกลางใส่เพื่อน ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งหมดอารมณ์ร้องเพลง “เตรียมตัวไปแข่งวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ถ้าคราวนี้ง้อไม่ได้กูจะสมน้ำหน้าให้ดู!”

“เออ” เขามองเพื่อนที่เดินออกจากห้องไป ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมอยู่กับห้วงอารมณ์เคว้งคว้าง ค่อยๆจรดปากกาลงกระดาษอีกครั้ง เขาตั้งใจเขียนเพลงนี้มาก มันจะเป็นบทเพลงที่บอกถึงความรู้สึกในใจของเขาทั้งหมด คำขอโทษและคำขอโอกาสที่จะได้คนรักกลับคืนมา มือหนาสั่นระริกยามจับปากกา มันสั่นและเขียนไม่ได้เพราะถูกบดบังด้วยม่านน้ำตา ความรู้สึกเจ็บปวดที่ผ่านมา เขารับรู้มันทั้งหมดแล้ว

พี่ผิดไปแล้ว

พี่ขอโทษ..

++

โครม!

“ฮึก.. ฮือออออ”

“เสียงอะไรน่ะ” ธัชธรรม์เดินเข้ามาในครัวก่อนจะตกใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า “เห้ย ใบบุญ!”

“พี่ธัช” เด็กชายแก้มยุ้ยหันมามองทั้งน้ำตา เค้กก้อนเบ้อเริ่มที่อยู่ในช่องฟรีชลงตุ้บลงมาคว่ำที่พื้น โดยมีเด็กชายตัวน้อยกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้พลาสติก ใบหน้าขาวจัดค่อยๆขึ้นสีแดงก่ำก่อนจะร้องสะอึกสะอื้น นั่นเป็นเค้กที่พวกเขาไปเลือกซื้อมาเพื่อฉลองวันเกิดของคุณแม่ แต่เด็กชายตัวเล็กกลับทำมันร่วงหล่นเสียแล้ว “หนูขอโทษ”

“ไม่เอาไม่ต้องร้อง ยิ่งร้องยิ่งไม่น่ารัก”

“ฮืออออออออ หนูไม่ได้ตั้งใจ” พอเขาบอกว่าไม่น่ารัก เจ้าตัวเล็กก็แหกปากร้องไห้จ้า

“เลอะเทอะไปหมดแล้ว ไปอาบน้ำเร็ว” เขาใช้ผ้าขาวสะอาดเช็ดมือที่เปื้อนของน้องชาย “เดี๋ยวพี่เก็บตรงนี้เอง”

“ไม่เอา หนูเป็นคนทำเลอะเทอะ หนูก็ต้องเก็บสิ”

“งั้นเราช่วยพี่ก็แล้วกัน”

“แม่จะโกรธหนูไหม”

“ไม่โกรธหรอก”

“แต่..” เด็กชายเบะปาก น้ำตาก็อกที่สองกำลังจะไหลออกมาอีกรอบ “มันเป็นของสำคัญนะพี่ธัช”

“สำหรับพี่เค้กมันก็แค่ขนม แต่ถ้าใบบุญร่วงลงมาจากเก้าอี้แล้วเป็นอะไรไป พี่คงจะเสียใจมากกว่าเค้กก้อนนี้แน่”

“เพราะหนูเป็นคนสำคัญหรือจ้ะ”

“อื้อ ใบบุญสำคัญกับพี่สิ” ลูบหัวเด็กน้อยที่กำลังงอแง “ก็เป็นน้องชายที่พี่รักนี่นา”

“หนูก็รักพี่ธัช” เด็กอ้วนกางแขนออก ยื่นสองแขนจ้ำม่ำวิ่งเข้ามากอดรวบเขาไว้ “โตขึ้น.. หนูแต่งงานกับพี่ธัชได้ไหม”

“แค่ห้าขวบ” เขาดีดหน้าผากไปหนึ่งที อดตกใจกับคำพูดของเด็กไม่ได้จริงๆ “คิดจะมาขอพี่แต่งงานแล้ว ร้ายกาจ!”

“แต่จุ๊บแจงที่ห้องอนุบาลสองทับหนึ่งยังขอใบบุญแต่งงานได้เลย” เด็กชายทำหน้าสงสัย ใครๆเขาก็แต่งงานกัน! “ใบบุญก็ขอพี่ธัชแต่งงานได้สิ”

“ไอ้เด็กดื้อเอ๊ย” เขาอยากจะบ้าตาย ทั้งขำทั้งเอ็นดู “งานแต่งงานมันเป็นพิธีสำหรับผู้ใหญ่”

“แต่ว่าใบบุญยังเป็นเด็ก” เด็กชายพูดเสียงอ่อน “แต่งงานยังไม่ได้หรือจ้ะ หนูอยากอยู่กับพี่ไปจนโต ตัวโตเท่านี้เลย”

สองแขนอ้วนกางออกกว้างจนเขาอยากจะเอาหน้าเข้าไปพุงน้อยๆเหลือเกิน

“ชักแก่แดดเกินวัยแล้วนะ”

“แก่แดดคืออะไรอะพี่ธัช”

“มานี่เลย พี่จะพาไปอาบน้ำ!”  เขารวบเข้าที่กลางลำตัว จะอุ้มไปห้องน้ำ แต่เสียงร้องก็ขัดเขาเสียก่อน

“พี่ธัช อย่าจับพุงหนู~~”

“ไอ้เด็กอ้วน อย่าวิ่งหนีนะ” พอเขาปล่อยมือ เด็กอ้วนก็วิ่งหลบออกจากห้องครัวไป “รีบมาเร็ว เดี๋ยวเราจะได้ออกไปซื้อเค้กก้อนใหม่กัน”

“อื้อ พาหนูไปเที่ยวด้วยเลยนะ”

“ยังอีก ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ฮิฮิ”

ใบบุญนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขก็อดจะยิ้มให้กับมันไม่ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและธัชธรรม์ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขเหลือเกิน ใบบุญเอนหลังพิงโซฟาก่อนจะกอดเข่าแน่น ร่องรอยตามเนื้อตัวที่บ่งบอกว่าเมื่อคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นยังคงเด่นช้ำราวกับตอกย้ำความจริงที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้.. ความรักของเขามันไม่มีวันเป็นจริงได้อยู่แล้ว ต่อให้เราจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ ธัชธรรม์ก็ไม่สามารถจะตอบรับความรู้สึกของเขาได้หรอก

“มึงจะอยู่ที่นี่เลยก็ได้นะ” กรวีร์มองเพื่อนสนิทที่ยังเหม่อมอง เขาเป็นห่วงมันเหลือเกิน หลังจากที่เอ่ยปากชวนใบบุญมาพักที่คอนโดด้วยกัน เจ้าตัวก็หอบข้าวของเข้ามาอยู่กับเขาได้สักพักแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก กูแค่อยากคิดอะไรเงียบๆคนเดียว”

“แต่ว่าพรุ่งนี้ มึงต้องเจอเขาอีกนะ”

“กูทำได้” เขายิ้ม ความรู้สึกมันชินชาไปเสียแล้ว

ความรู้สึกของคนที่แอบรักข้างเดียวมาตลอดหลายปี.. รักทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีวันจะเป็นจริงได้

ทนเจ็บปวดทรมานมานานแค่ไหนแล้ว

มันถึงเวลาที่ควรจะพอเสียที



TBC

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
«ตอบ #47 เมื่อ02-11-2018 19:14:57 »

นี่ติดทีมน้องใบบุญ

ถ้าน้องไม่เปิดเผยตัว ก็ไม่สนใจน้องเหมือนเดิมซินะ หึ

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
«ตอบ #48 เมื่อ03-11-2018 01:31:49 »

โถ่ใบบุญลูกแม่ แต่ว่ากันตรงๆ นังฟางกับหมิวเนี้ย ควรโดนตบๆๆๆๆ ให้ตายข้างถนนค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
«ตอบ #49 เมื่อ03-11-2018 21:34:45 »

น้องงงงงงงงงงงง  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
« ตอบ #49 เมื่อ: 03-11-2018 21:34:45 »





ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
«ตอบ #50 เมื่อ27-11-2018 07:42:34 »

 :L2:

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
«ตอบ #51 เมื่อ26-12-2018 02:12:26 »

อยากอ่านต่อแล้วว  :hao4:

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 13 ] 05-02-62 ★ P.2
«ตอบ #52 เมื่อ05-02-2019 16:36:37 »

                                                                        Rhyme 13


   
         แสงไฟสปอร์ตไลท์สีแดงส่องลงไปยังเวทีที่ยกพื้นสูงเกือบเมตร ผู้ชมหลายร้อยคนส่งเสียงฮือฮาเพื่อร่วมเชียร์แรปเปอร์ที่ตัวเองชื่นชอบ พิธีกรที่คุ้นหน้าคุ้นตาตามหน้าจอโทรทัศน์โบกมือทักทายแฟนคลับที่เข้ามาชมกันอย่างหนาแน่น ถึงขนาดที่ว่ายอดวิวและเรตติ้งพุ่งกระฉูดอย่างไม่น่าเชื่อว่ารายการเล็กๆที่ฉายลงทางยูทูปชาแนลจะมีคนให้ความสนใจขนาดนี้ ป้ายเชียร์และป้ายไฟคงจะไม่ได้เห็นจากที่นี่ มีเพียงเสียงตะโกนดุดันและเสียงก่นด่าดังระงมเพื่อรอคอยการแข่งอย่างใจจดใจจ่อ
   
        เด็กหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์ จิบค็อกเทลสีสันสดใสตรงเคาร์เตอร์บาร์ห่างกันไม่ไกลจากเวทีนัก ฮู้ดยีนส์ถูกดึงขึ้นมาสวมปิดหน้าปิดตาเห็นแค่เพียงครึ่งล่างของใบหน้า เขามองไปรอบๆเวทีก่อนจะเรียกเช็คบิลเก็บเงิน และแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มฝูงชนที่กำลังเบียดเสียดเพื่อหามุมเพื่อดูเวทีให้ชัด พิธีกรกำลังเรียกแฟนคลับให้เตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะเรียกแรปเปอร์แต่ละคนขึ้นไปแนะนำตัวและแรปพรีเซ้นท์หรือเป็นการแนะนำตัวเองโดนใช้จังหวะดนตรี เขามองซ้ายขวาก่อนจะแทรกทางเข้าไปเพื่อรอเข้ารวมการแข่งขัน
   
        “และแรปเปอร์คนต่อไปของเรา คุณธัช aka KJ ค่ะ!” เสียงกรี๊ดดังระงมจนเขาต้องยกนิ้วขึ้นอุดหู ชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังขึ้นไปยืนบนเวทีสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำ โชว์แผงอกหนาและผิวสีแทนสุดเซ็กซี่ ใบบุญเมินสายตาไปมองทางอื่นแทน ถึงจะไม่ได้เจอกันหลายวันแต่อีกฝ่ายก็ดูสบายดี ไม่ได้ดูแย่อย่างที่หิรัญบอกเขาสักหน่อย เว่อกันไปใหญ่แล้ว “อยากให้ช่วยแนะนำตัวเองหน่อยนะคะ”
   
         “KJ ah! I’m KJ ใครๆมองว่าผมเป็นคนร้าย แต่เพียงหัวใจมันคล้ายๆจะลอยไปหาคุณ เหมือนผมเป็นคนเจ้าชู้แต่อยากบอกให้รู้รักคุณคนเดียว”

         “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด พี่ธัชชชชชชช”

         “หนวกหูชะมัด” เขามองชายหนุ่มที่อยู่บนเวทีก่อนจะเบะปากใส่ เสียงเชียร์ดังมากจนเขาอยากจะยกมือขึ้นมาอุดหู เด็กหนุ่มกระชับฮู้ดให้แน่นก่อนจะรอฟังคนต่อไป หันซ้ายหันขวาดันไปสะดุดตากับธัชธรรม์ที่กำลังมองมาทางเขาพอดี อีกฝ่ายจุดยิ้มที่มุมปากให้แต่เขาทำเป็นมองไม่เห็น

        “เป็นแรปเปอร์ที่ฮอตจริงๆค่ะ ขอเชิญคนต่อไปคุณฮันเตอร์ aka H-tor”

        “พี่ฮันนนนนนนนนน”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”

   เขายืนดูแรปเปอร์แต่ละคนทยอยออกมาแรปพรีเซ้นท์แนะนำตัวเองทีละคนท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่น จนกระทั่งถึงคิวคนสุดท้าย.. 

   “คนต่อไปคุณไบร์ท aka Galaxy-B” ทุกคนเงียบเสียงทันทีที่เขาเดินออกไปขึ้นเวที ปลดฮู้ดที่คลุมศีรษะออกก่อนจะยิ้มหวานให้แฟนคลับ กลุ่มผมสีน้ำตาลทองเมื่อกระทบแสงสปอร์ตไลท์ยิ่งขับให้ผิวขาวจัดของใบบุญเด่นจนเกิดเสียงฮือฮา ธัชธรรม์มองคนตัวเล็กที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา อย่างน้อยใบบุญก็ไม่ได้ล้มป่วยอย่างที่เขาเป็นห่วง

        จะมีคนคอยดูแลไหม..

        เขาเฝ้าถามกรวีร์อยู่ตลอดถึงแม้จะไม่เคยได้คำตอบกลับมาเลย แต่เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะดูแลตัวเองได้ ใบบุญรู้สึกแปลกๆกับสายตาของใครบางคนที่มองมา มันไม่ใช่อย่างที่เขาคุ้นชินเอาซะเลย ดวงตากลมสีดำสนิทคู่นั้นมองราวกับรอคอยอะไรบางอย่างจากเขา

       “และทั้งหมดนี้คือ 16 แรปเปอร์เลือดใหม่ที่จะมาเขย่าวงการฮิบฮอปให้ลุกเป็นไฟ ช่วงหน้าเราจะมาจับฉลากว่าใครจะได้แรปแบทเทิลกันเป็นคู่แรกและใครจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ค่ะ!”

      “เฮ!!!!!” เสียงตะโกนกู่ร้องเชียร์แรปเปอร์ที่ตัวเองชื่นชอบดังกระหึ่มอีกรอบเมื่อเข้าสู่ช่วงพักก่อนเริ่มเข้าแข่งขันจริง เขาเดินลงจากเวทีเพื่อเข้าไปห้องพัก แต่ก็ถูกเรียกซะก่อน น้ำเสียงละกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยมันทำให้เขาได้ไม่ยากนักว่าเป็นใคร

     “ใบบุญ”

      “อะไร?” เขาหันไปตอบและมองด้วยหางตา อีกฝ่ายอยู่ห่างเขาพอสมควร “มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”

      “เมื่อไหร่จะกลับบ้าน” น้ำเสียงธัชธรรม์ดูสั่นชัดเจน แต่เขาไม่ได้สนใจยักไหล่เพียงเล็กน้อยแล้วเดินหันหลังกลับ

      “จนกว่าผมจะไม่เห็นหน้าคุณอีก”

        “ได้” เขานิ่งไปครู่ก่อนจะตอบ พอได้เห็นอีกฝ่ายต่อหน้าอย่างนี้ แม้อยากจะเอื้อมมือไปกอดแค่ไหนมันก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว “พี่จะย้ายออกไปเอง ถ้ามันทำให้ใบบุญสบายใจ แต่พี่ขอเถอะ กลับมาอยู่บ้านของเรานะ”

        “หึ! หยุดพูดเถอะ ผมไม่คิดจะเชื่อคุณแล้ว” เด็กหนุ่มตอบเสียงแข็ง ไม่อยากสบตาที่มองมาอย่างขอร้อง “จะให้กลับไปโดนคุณทำร้ายอีกหรือ ไม่มีทาง!” คราวนี้จะมาใช้ลูกเล่นอะไรอีกล่ะ ในเมื่อเขาก็ไม่ไปให้เห็นหน้าแล้ว ยังต้องการอะไรจากเขาอีก

        “ฟังพี่ก่อนใบบุญ”

        “ผมไม่ฟัง” เขาขึ้นเสียง สะกัดกลั้นอารมณ์เสียใจ มันหมดเวลาที่จะต้องมานั่งร้องไห้ เขาจะไม่ยอมถูกทำร้ายอีกต่อไป “ผมไม่ฟังคุณอีกแล้ว!”

       “พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา นะ พี่ขอโอกาส..”

       “โอกาสที่จะได้ทำร้ายผมอีกครั้ง?”

      “พี่ขอร้อง” จะให้เขานั่งลงคุกเข่าต่อหน้าคนอื่นเขาก็ยอม ขอเพียงโอกาสที่จะได้กลับไปยืนข้างกันเหมือนเดิม “พี่ยอมทุกอย่างแล้ว”

      “เหอะ” เขาแค่นยิ้ม ยิ่งนึกถึงเรื่องเลวร้ายมันก็ยิ่งทิ่มแทงแผลในใจ คำว่ารักมันใช้ไม่ได้ผลกับทุกคนหรอกนะ “ยอมทุกอย่างใช่ไหม? งั้นก็ยอมแพ้ถอนตัวออกจากรายการนี้ไปสิ กล้าหรือเปล่าล่ะ” เด็กหนุ่มเชิ่ดใบหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ตกตะลึง เขารู้ว่ารายการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้กับงานเพลงของธัชธรรม์ที่จะทำให้คนรู้จักเพลงของเขามากขึ้น รวมไปถึงโปรโมทโปรเจ็คต่างๆของค่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าหากถอนตัวออกไปตอนนี้ นอกจากจะต้องไปเริ่มใหม่ยังเสียเครดิตอีกต่างหาก

      “…..”

      “ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามายุ่งกับผมอีก” เขามองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอึ้งไปพลางเบือนสายตาไปทางอื่น ยิ่งเข้าไปยุ่งมันก็ทำให้การตัดผู้ชายคนนี้ออกยิ่งลำบาก เราไม่ควรเจอกันเลยด้วยซ้ำ เจ็บเกินไปไหม ความรักอะไรแบบนี้ เมื่อยิ่งรักยิ่งเหนื่อย ก็อย่าฝืนใจ.. “ผมขอตัว”
 
      ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กที่เดินจากไป เขาแทบจะกุมขมับ “เอาไงดีละวะเนี่ย! โธ่เว้ย” อดกลั้นอารมณ์ด้วยการต่อยเข้าไปที่กำแพงปูน เจ็บร่างกายแค่ไหนก็ไม่เท่ากับความรู้สึกที่เจ็บปวดหัวใจ

      “ใบบุญ”

      “พี่โช” เขาเดินออกมาอีกทางเพื่อไปโซนที่เพื่อนรออยู่ กรวีร์ตัดสินไม่เข้าร่วมการแข่งขันเพราะยังไม่พร้อมจึงมาเป็นกองเชียร์ข้างเวทีคู่กับชวดลที่มาให้กำลังใจ ช่อดอกไม้สีสดใสทำเอาเด็กหนุ่มทำหน้ายู่ ดูเหมือนว่าชวดลจะถนัดเอาอกเอาใจเหลือเกิน

    “เป็นไงบ้างเหนื่อยไหม”
 
    “ยังไม่ทันได้แข่งเลยครับ พี่เป็นห่วงมากไปแล้วนะ” เขายิ้ม รับดอกไม้มาถือไว้ก่อนจะเอ่ย “ขอบคุณนะครับ ดอกไม้สวยมากเลย”

    “ถ้าชอบพี่ก็ดีใจแล้วครับ” สายตาแพรวพราวของชายหนุ่มตรงหน้า ทำเอาเขาต้องหลุบตาหนี คิดว่าเขาดูไม่ออกหรือยังไง ที่ยอมเป็นลูกแมวน้อยแสนน่ารักเพราะอยากเข้าใกล้ต่างหากล่ะ
 
     “ฮื่อ ทำเหมือนผมเป็นเด็กเลยนะ”

     “ก็เป็นเด็กของพี่ไง”

     “ฮ่าๆ เด็กในสังกัดหรือครับ”

     “เด็กน้อยของพี่ต่างหาก” เอื้อมมือไปลูบแก้มขาวผ่อง หิรัญสะกิดเพื่อนที่กำลังยืนมองอยู่ นึกในใจว่าเขาไม่น่าพามันมาตรงนี้เลย ถ้าอาละวาดอีก.. เขาจะทำยังไงล่ะเนี่ย

    “ไปทางอื่นเถอะ ตรงนั้นโต๊ะก็ว่าง”

    “ไม่ กูจะนั่งแถวนี้”

    “ธัช กูขอเหอะ วันนี้มึงอย่ามีเรื่องเลย”

    “กูไม่มีอารมณ์จะไปมีเรื่องกับใครหรอก”

    “เอาก็เอาวะ” หิรัญเดินเข้าไปโต๊ะข้างๆเด็กหนุ่ม เขาเห็นกรวีร์หันมามองเล็กน้อย และที่สำคัญเขาดันเจอชวดลอยู่โต๊ะเดียวกันกับใบบุญอีกต่างหาก นั่งใกล้ชิดกันขนาดนั้นเขาที่เป็นคนนอกยังรู้สึกประดักประเดิดแล้วเพื่อนเขามันยังใจเย็นได้อยู่อีก คราวนี้เขาคงจะต้องมองมันใหม่แล้ว

     “เบียร์แก้วนึง”

     “อีกครึ่งชั่วโมงต้องแข่ง ยังจะมาแดกเบียร์ เดี๋ยวก็แรปอ้วกพุ่งหรอก” หิรัญห้ามเพื่อนที่กำลังจะสั่งกับบาร์เทนเดอร์ มันหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ซะงั้น

      “เออ กูไหว ไม่ได้คออ่อนเหมือนมึง”

       “น้อง พี่ขอวิสกี้ไม่ต้องมิกซ์” เขาเห็นมันท้าทายก็เลยสั่งบ้าง เอาสิก็ให้มันรู้ไป!

      “ว่าแต่กู มึงกะเอาเมาเลยปะเนี่ย”

      “ดื่มย้อมใจเป็นเพื่อนมึงไง ไอ้สัด!” เขาอยากจะด่ามันเหลือเกิน ช่วงนี้ที่เขาต้องเข้าหากรวีร์ไม่ติดก็เพราะมันนั่นแหละ ไอ้เพื่อนเลว!

     “พี่ธัช พี่ฮัน ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวหน้าตาน่ารักสองคนเดินเข้ามาขอถ่ายรูป ธัชธรรม์ไม่ได้สนใจอะไรเพียงแต่หันไปมองหน้าเพื่อน

    “ได้ครับ” เขาหันไปมองธัชธรรม์ที่ยังทำหน้าตึงอยู่ ทำแบบนี้แฟนคลับก็หายหมดน่ะสิ “ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยไอ้ธัช แฟนคลับน่ารักชิบหาย” เขากระซิบกระซาบ ก่อนที่จะโดนศอกกระทุ้งเข้ามาอย่างจัง ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากความเจ็บ..

    “เซลฟ์ฟี่ไหมครับ”

    “ขอบคุณค่ะพี่ฮัน” หิรัญรับโทรศัพท์มาจากแฟนคลับ ก่อนจะยกขึ้นถ่าย เขาคืนโทรศัพท์ก่อนจะกลับมานั่งเก้าอี้ของตัวเอง รู้สึกกระชุ่มกระชวยจริงๆ

    “แก้มชนกันเลยว่ะเมื่อกี๊”

    “มึงนี่หน้าม่อจริงๆ ดูโต๊ะข้างด้วยมองมึงตาเขียวปั๊ดแล้ว” ธัชธรรม์บอกเพื่อน เขาไม่สนใจหรอกว่าความสัมพันธ์ของกรวีร์และหิรัญจะเป็นอย่างไร แต่อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าสองคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ไม่ยอมบอกเขาอยู่

    “อูย ตายห่า คะแนนกูยิ่งตกอยู่ สงสัยรอบนี้แรงก์จะตกเอาไม่ขึ้นแล้วว่ะ” เขาเกาหัวแกรก เมื่อเห็นอีกฝ่ายเมินเขาอย่างเห็นได้ชัด ตายห่าแล้วกู!

    “สมน้ำหน้า”

    “ไม่ดูเลยตัวเองเลยมึงเนี่ย เขานั่งอิงแอบกันอยู่ตรงหน้า ใจแข็งเหมือนหินผาเลยนะ” หิรัญได้ทีแซะเพื่อนบ้าง ธัชธรรม์หน้าเสียไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบเสียงเบา

    “แข็งเหี้ยไรล่ะ ยุบหนอพองหนออยู่เนี่ย”

    “โถ่ ไอ้เราก็คิดว่าแน่”

    “อยู่กับมึงแล้วกูประสาทจะแดกจริงๆ” ธัชธรรม์ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบแอบเหล่มองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก อีกฝ่ายนั่งแนบชิดกับชวดล เขาแอบเห็นมันโอบใบบุญ ทีนี้อารมณ์ขุ่นมัวของเขายิ่งขึ้นอีกรอบ ยกแก้วเบียร์กระแทกลงบนโต๊ะเสียงดังจนคนอื่นหันมามอง

    “อะไรของมึงเนี่ย เป็นบ้าหรือไง”

    “เออ กูเป็นบ้า” หิรัญสังเกตเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามกันให้เพื่อนออกไปก่อน ก่อนที่ธัชธรรม์มันจะหน้าขึ้นเลือดอัดใครขึ้นมาตรงนี้ เขายังไม่อยากหิ้วใครโรงพยาบาลนะครับ!

    “พี่ธัช”

    “อ้าว จีน”

    “พี่ฮันก็อยู่ด้วยพอดีเลย ยังไม่ไปเตรียมตัวหรอคะ จะแข่งแล้วนี่นา”

     “ระดับนี้คงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากแล้วครับน้องจีน”

    “จริงด้วยค่ะ พี่ธัชคงจะซ้อมมาเยอะแล้ว” หญิงสาวรีบเบียดคนอื่นๆที่เริ่มเข้ามามุงก่อนจะเข้าประชิดตัวชายหนุ่ม “จีนขอถ่ายรูปคู่ด้วยนะคะ”

    “ได้สิ” เขายิ้มก่อนที่หญิงสาวจะเข้ามาเบียดแนบชิด เสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่สามารถปกปิดผิวขาวของหล่อนได้เลย โดยเฉพาะทรวงอกที่ตั้งใจมาโชว์โดยเฉพาะ หิรัญเป็นคนกดชัตเตอร์สายตาก็แอบเหล่ไปมองโต๊ะข้างๆ ใบบุญกำลังมองมาทางนี้พร้อมใบหน้าทะมึน

    ชิบหาย!

    “กูว่ามึงไปเหอะ อยู่ตรงนี้ไปก็ง้อน้องเขาไม่ได้หรอก”

    “อืม กูก็รู้อยู่แล้วแหละ” เขาบอก ไม่หันกลับไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งอิงแอบแนบชิดกับใครคนอื่น ไม่อยากจะตอกย้ำว่าสิ่งที่ทำเขาผิดพลาดไปมันไม่มีโอกาสได้กลับมาแก้ไขแล้ว เขาถอนหายใจหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวที่เข้ามารอเขาตั้งแต่หัวค่ำ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายปลื้มและอยากพัฒนาความสัมพันธ์แค่ไหน แต่เรื่องของความรู้สึกเราไม่สามารถจะเลือกรักใครได้ มันบังคับความรู้สึกรักกันได้ที่ไหน เขาวางตัวเป็นกลางใครต่อใครจึงคิดว่ามีโอกาสที่จะก้าวพ้นความเป็นเพื่อน แต่เปล่าเลย เขาปิดกั้นหัวใจเพราะใครบางคนมาเนิ่นนานแล้ว

    “จีนไปด้วยคนสิคะ”

    “ถ้าไม่กลัวว่าแฟนคลับพี่จะว่าก็มาด้วยกันสิ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวควงแขนเขาก่อนจะยิ้มร่า เรื่องอะไรเธอจะปล่อยธัชธรรม์ให้หลุดมือ หมิวกับแฟงน่ะไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเธอหรอก คราวนี้กำจัดเสี้ยนหนามอย่างใบบุญออกไปไกลๆได้ ธัชธรรม์ก็จะสนใจเธอเพียงคนเดียว “ใครๆก็อยากอยู่กับพี่ทั้งนั้น”

    “หรือครับ” เขายิ้ม แต่มันรอยยิ้มมันไม่ขึ้นไปถึงดวงตา “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ไปกันได้แล้วมั้ง”

    “รีบๆไปกันเถอะ”

    ใบบุญแอบลอบมองแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปไกล หัวใจวูบโหวงเมื่อเห็นธัชธรรม์คุยกับคนอื่นด้วยความสนิทสนม ท่าทางจับมือถือแขนที่เห็นมันทำให้เขาอยากจะเดินเข้าไปแยกทั้งสองคนออกจากกัน ใบหน้าหมองเศร้าของอีกฝ่ายที่เขาเห็นในวันนี้ ใบบุญเองก็ไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่างธัชธรรม์จะพูดอย่างนั้นกับเขา
คนอย่างนั้นจะพูดคำว่า ขอโทษ ได้จริงๆ?

    “ใบบุญโอเคนะ หน้าซีดๆไม่สบายหรือเปล่า” ชวดลบอกด้วยความเป็นห่วง คนตัวเล็กส่ายหน้าก่อนจะยิ้มน่อยๆ “หรือว่ากินเบียร์มากไป”

    “เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดอะไรเพลินๆ”

    “ถ้าไม่ไหวก็บอกนะมึง”

    “อื้อ กูโอเค มึงเชื่อกูเถอะ” กรวีร์ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกถ้าไม่เห็นแววตาอาลัยอาวรณ์ที่มีให้ธัชธรรม์ ถึงเจ้าตัวจะหลบซ่อนความรู้สึกแค่ไหน แต่สายตามันกลับบอกทั้งหมด

    เห้อ.. แล้วจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้ อีรุงตุงนังกันไปใหญ่แล้ว

    “ผมขอตัวไปเตรียมตัวก่อนนะครับ”

    “เดี๋ยวพี่จะคอยเชียร์นะครับคนเก่ง” เขาโยกศีรษะหลบโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเคลื่อนมือเข้ามาจับ ชวดลชะงักกึกไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมายิ้มปกติ “สู้ๆนะครับ”

     “ขอบคุณครับพี่โช” เขาพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะเดินกลับไปยังเวที กรวีร์มองตามแผ่นหลังเล็กก็รู้สึกเป็นห่วง ไม่รู้ว่าทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจหรือยัง แต่เมื่อเขาเห็นรอยช้ำตามตัวของเพื่อนสนิทแล้ว ก็แอบสะใจธัชธรรม์ที่ถูกปฏิเสธไม่ได้ แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องของคนสองคนเขาก็ได้แต่คอยดูอยู่ห่างๆ หากเพื่อนเขาตัดสินเอาแล้วว่าแบบนี้คือทางออกที่ดีสุด เขาก็เคารพในการตัดสินใจ

    “และต่อไปนี้ก็จะเป็นการแข่งขันแรปแบทเทิลในช่วงแรกนะคะ และผู้เข้าแข่งขันที่จะต้องมาร้องเพลงด้วยกันได้แก่Masterjasper และ H-tor” หิรัญยิ้มหวานก่อนจะโบกมือโชว์แฟนคลับ เจ้าตัวเป็นเคยเป็นทั้งโปรดิเวอร์ทำเพลงให้กับศิลปินและเคยเขียนเพลงให้แรปเปอร์มาหลายคน ครั้งนี้ที่เขาอยากจะลงแข่งก็เพื่อจะพิสูจน์ให้ใครบางคนเห็นว่าเขาไม่ได้มีเพียงแค่เงิน แต่เขามีความสามารถด้วย!

    “เวลาทักไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่ตอบ ถามไปก็ไม่ตอบ จะเอายังไงได้โปรดช่วยบอก ตอนเนี้ยมัน Missing you And I don’t know what to do บอกกันซักทีให้รู้ อยู่ที่ไหน จะทำไร อยู่กับใคร My Babae”

    “ทำไมพี่ฮันต้องมองมาทางนี้ด้วย” เขาหันไปหาเพื่อนที่กำลังเลิ่กลั่ก “เขามองมึงใช่ไหม”

    “เกี่ยวอะไรกับกูล่ะ ไม่รู้โว๊ย”

   “มีความลับไม่บอกเพื่อนนะ” ใบบุญหรี่ตาอย่างจับผิด

   “ไม่-มี” เขาหันไปถลึงตาใส่เด็กหนุ่ม “ดูปากกูชัดๆ ไม่-มี-เว้ย”

   “อย่าให้รู้ก็แล้วกัน ว่าแอบไปกิ๊กกับพี่ฮันแล้วไม่บอก”


(ต่อ)


ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 12 ] 02-11-61 ★ P.2
«ตอบ #53 เมื่อ05-02-2019 16:41:29 »

“ถ้าให้เป็นแฟนหมอนั่น กูยอมเอาปี๊บคลุมหัวตัวเองดีกว่า” เขาพูดเสียงดัง ก่อนจะเบนสายจาไปทางอื่น เดี๋ยวก่อนนะ ร้องเพลงก็ร้องไปสิจะมามองหน้าเขาทำไมเล่า!

ไอ้คนบ้าเอ๊ย!

“สงสารพี่ฮันจังเลย”

“มึงต้องสงสารกูสิ ฮึ่ย!” เขาบ่นงึมงำ ส่งสายตาไปหาคนบนเวทีที่ยังมองเขาไม่หยุด

มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง!

“และผู้เข้าแข่งขันที่จะต้องมาร้องเพลงด้วยกันเป็นคู่ต่อไปได้แก่ KJ และ Galaxy-B ค่ะ” เสียงประกาศทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งลงากเวทีหันมาทำตาโตใส่เพื่อน ธัชธรรม์มองไปบนเวทีไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว แค่วันนี้มันเร็วกว่าที่คิดแค่นั้นเอง

“เหี้ย!” หิรัญร้องเสียงหลงออกมาทันที “กู กูเปลี่ยนเป็นตัวกูเองได้ไหม”

“มึงร้องไปแล้ว จะร้องอะไรอีกล่ะ” เขาขำเพื่อนที่ลนลาน ส่วนเขาไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร อีกฝ่ายมีฝีมือพอตัวอยู่แล้ว ก็ให้ตัดสินกันไปตามความสามารถ “กูไปนี่แหละ ดีแล้ว”

“ขอเสียงกรี๊ดหน่อยให้คุณไบร์ทและคุณธัชค่า”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”

เอาเข้าจริงมันตื่นเต้นจนแทบบ้า แม้จะเคยขึ้นเวมีผ่านการร้องเพลงมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แต่ใบบุญเองก็เพิ่งจะเคยผ่านการแข่งขันแบบนี้เป็นครั้งแรก มันท้าทายเขามากจริงๆ เด็กหนุ่มขึ้นไปยืนบนเวทีก่อนเริ่มร้อง บีทและดนตรีที่ทำขึ้นมาใหม่ทำให้คนฟังต้องโยกตามสเต็ปอย่างไม่รู้ตัว

“ฉันรู้ดี ว่าตัวเองยังดีไม่พอ และบางทีฉันก็ยังไม่พร้อม จะยอมรับใคร ให้เดินเข้ามาดูแลหัวใจ ฉันรู้ สักวันนึงฉันจะดีให้พอ และในวันที่ฉันพร้อม จะยอมรับใคร มาเดินคู่กันตลอดไป ก็ฉันไม่รู้ต้องทำอย่างไร บางทีก็พูดไม่ตรงกับใจ หรือฉันต้องพูดให้ตรงกับใคร หรือเพียงแค่พูดตรงตรงออกไปเท่านั้นพอ” ใบบุญร้องจนจบท่อนเพลง ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายร้องต่อ เขามองไปยังด้านหน้าไม่ได้เหลือบมองคนข้างๆเลยสักนิด เขามองเด็กหนุ่มที่ยืนห่างออกไปสายตาจับจ้องจนทุกคนต้องมองตามว่าเขามองอะไร

“ก็คนเคยรักมันก็มีบางครั้งที่ยังคิดถึง มันก็มีบางครั้งที่ยังลึกซึ้งอยู่ โปรดเข้าใจ ก็ยินดีนะที่ได้เห็นเธอมีความสุขกับคน แบบที่เธอคิดว่าใช่....ฉันดีใจ แต่อยากจะถาม...ที่ผ่านมา เธอยังคงคิดถึงกันไหม ฉันแค่เพียงต้องการ ที่จะรู้ว่าฉันยังคงพอมีโอกาส และฉันจะยังคงรอแต่เธอ แม้นานแค่ไหน ขอโอกาสแก้ไข ฉันจะทำมันให้ดี”

“….” ใบบุญหันหลับไปมองชายหนุ่มที่กำลังร้องเพลง.. ให้เขา

สายตาที่มองมาอย่างเจ็บปวดทำเอาหัวใจเขากระตุก

มันจะมีประโยชน์อะไรกับการเห็นค่าในวันที่มันสายเกินไป..

“ถ้าถามว่าเศร้ามั้ย ก็บอกว่าเศร้าดิ เพราะถ้าทุกอย่างมัน fresh ความรักของเราก็คงไม่เน่าดิ แต่มันไม่ถึงขนาดต้องร้องไห้หรือต้องฟูมต้องฟาย cause sooner or later everything will be just fine since I dedicated all my life to music ตอนใครมาถามว่าเป็นยังไงก็บอกไม่เป็นไรชิวๆดิ I mean I’m not ok but I’m fine and still doing it และขอให้เธอได้มีความสุข with your new คู่ชีวิต”

“…” เขาเบือนหน้าไปทางอื่น ในใจรู้สีกกระอักกระอ่วนไม่น้อย ธัชธรรม์ทำแบบนี้คนอื่นเข้าใจผิดกันพอดี

“ก่อนที่เราจะให้ผู้ชมช่วยกันโหวตและคะแนนจากกรรมการ เอ๊ะ เดี๋ยวอะไรนะคะ” พิธีกรทำหน้างงเหมือนเห็นธัชธรรม์เดินเข้ามาใกล้ สีหน้าตกใจของหญิงสาวทำให้แฟนคลับที่อยู่ด้านล่างเริ่มส่งเสียง “แบบนี้มันได้ที่ไหนกัน คุณแน่ใจแล้วหรือคะ?”

“ผมขอถอนตัวจากการแข่งขัน” ธัชธรรม์คว้าไมค์ออกมาจากมือพิธีกร เขามองตรงไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังยืนมองอยู่ ไฟสปอร์ตไลท์ดับวูบพร้อมกับความโกลาหลของทีมงาน ใบบุญมองชายหนุ่มที่กำลังส่งยิ้มให้ ตอนนั้นเขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆอยากจะเข้าไปถามแต่ขามันก็ไม่ขยับ เขาเห็นธัชธรรม์หมุนตัวลงจากเวทีไป ถึงได้นึกว่าตัวเองพูดอะไรเอาไว้..

“ยอมทุกอย่างใช่ไหม? งั้นก็ยอมแพ้ถอนตัวออกจากรายการนี้ไปสิ กล้าหรือเปล่าล่ะ”

++

การแข่งขันวันนั้นถูกออกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด ทำเอาโปรดิวเซอร์ผู้จัดงานใหญ่อย่างเฮียกิตโมโหจนแทบเผาผับให้วอดวายไปในคืนนั้น ใบบุญกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองเดือนแล้ว โดยที่ห้องตรงข้ามของธัชธรรม์ไม่มีเงาของเจ้าของห้องมานานแล้ว เขาแอบเปิดประตูเข้าไปดูห้องที่มีเตียงที่ถูกคลุมเอาไว้ ส่วนของใช้ต่างถูกเก็บเรียบร้อยราวกับไม่เคยมีใครเคยอยู่มาก่อน มารดาบอกว่าธัชธรรม์ขอย้ายไปอยู่กับคุณพ่อโดยให้เหตุผลว่าจะเตรียมตัวทำเพลง และจะแวะมาหาคุณแม่ทุกวันหยุด เขาซึมซับกลิ่นอายของใครบางคนก่อนจะปิดประตูลง

แบบนี้มันก็ดีแล้ว..

มือบางเลื่อนนิ้วสไลด์เข้าไปในแอปพลิเคชั่นที่คุ้นเคย แอคเค้าท์ที่เขาไม่ได้เข้าไปดูมันนานแล้วตั้งแต่ที่อีกฝ่ายรู้ความจริง กลั้นใจกดเข้าไปดูทั้งๆที่รู้ว่าดูแล้วจะต้องมานั่งช้ำใจ ภาพที่เขาเห็นกลับเป็นทะเลผืนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา หาดทรายเม็ดขาวถูกเจ้าของรูปใช้นิ้วเขียนเป็นภาษาอังกฤษ

‘You are my galaxy’

แด่คนที่ผมรักที่สุด

ใบบุญไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง เขารีบกดเลื่อนรูปไปก็เจอแต่รูปของธัชธรรม์เต็มไปหมด นี่เขาคิดจะอัพรูปเยอะไปไหนเนี่ย! เขาเลื่อนจนมาเจอรูปชายหนุ่มถอดเสื้อโชว์ผิวสีแทนพร้อมสวมกางเกงเสริฟสวมแว่นกันแดดสีชาพลางชูสองนิ้วขณะที่กำลังถ่ายรูปกับแฟนคลับ เขาจำได้ว่าพูดถึงพี่ชายเขาว่าไปเที่ยวร้านอาหารของคุณพ่อที่เปิดอยู่แถบภาคใต้ คงจะถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลย
 
Nantichaa_T say : ทำไมยืนห่างกันขนาดนั้นละคะ

KJ_tat say : เดี๋ยวแฟนหึงครับ 

Nantichaa_T say : พี่ธัชมีแฟนแล้วหรอคะ? กรี๊ดดดด

KJ_tat say : ความลับครับ 

มือกระตุกวูบจนเผลอไปกดไลค์ข้อความอันนั้นเข้า เด็กหนุ่มหน้าเสียรีบกดออกทันที คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง.. เด็กหนุ่มลุกขึ้นเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเรียนภาคบ่าย หลังจากที่แม่ออกไปทำงานแต่เช้าบ้านก็ดูเงียบเหงาเหมือนทุกที ย้อนกลับไปเหมือนตอนที่เขาอยู่กับแม่แค่สองคน

“พี่โช” เขาเรียกชายหนุ่มที่กำลังยืนพิงรถคันหรูอยู่หน้าบ้าน

“ตื่นสายหรือครับวันนี้”

“จะมาไม่บอกกันก่อนเลย จะเซอร์ไพร์สหรือครับ”

“เย็นนี้ว่างหรือเปล่า พี่อยากพาเราไปเที่ยวหน่อย”

“ว่างนะครับ พอจะไปได้อยู่” เขานึกว่าวันนี้มีนัดที่ไหนหรือเปล่า “พี่จะพาไปที่ไหนหรือครับ”

“เป็นความลับครับ” ชายหนุ่มยิ้มหวาน เดินเข้ามาช่วยเขาถือข้าวของเป็นปกติ ใบบุญรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นมากกว่าพี่น้อง ทุกอย่างที่ทำให้เขาเป็นประจำทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเราสองคนคบกัน ในเมื่อเขาไม่ได้ออกมาปฏิเสธและอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเขาคิดกับชวดลเพียงพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น.. พี่ชายที่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด..

“พี่โชสวัสดีครับ” กรวีร์ยกมือไหว้รุ่นพี่ที่ช่วงนี้เขาเจอบ่อยเหลือเกิน “มาบ่อยขนาดนี้ย้ายมาเรียนที่คณะผมเลยไหมพี่”

“พูดมากจริงมังกร พี่ไปก่อนนะฝากดูใบบุญด้วยล่ะ”

“ฝากมันดูแลผมยังจะง่ายกว่านะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยแซวก่อนจะเบ้หน้าด้วยความเจ็บ “โอ๊ย หยิกกูทำไม”

“บ๊ายบายครับพี่โช”

“บ๊ายบายครับ” อีกฝ่ายส่งยิ้มก่อนจะขับรถไปเรียนที่คณะของตัวเอง ขนาดเทอมหน้าจะต้องวุ่นเรื่องฝึกงานแต่ชวดลก็ยังอุตส่าห์
หาเวลามารับส่งเขาตลอด เขาหันหลังกำลังจะเดินขึ้นตึกก็เจอกรวีร์กำลังยิ้มอย่างมีเลศนัย

“อะไรของมึง ยังไม่ไปเรียนอีก”

“คบกันแล้วใช่ปะวะ”

“อะไรเล่า ไม่รู้เว้ย”

“โหย ทำไมทำงี้อะ ที่กูยังบอกมึงทุกอย่างเลยนะ” เห็นเพื่อนสนิทงอแงเขาก็นึกขำ ทำไมมันถึงได้ไม่รู้จักโตแบบนี้นะ!

“เรื่องนี้กับเรื่องนั้นไม่เหมือนกันโว๊ย” เขาสะบัดมันให้ออกไปจากตัว “ปล่อยกูได้แล้ว อึดอัด”

“อ้าว นั่นพี่ฮัน” เขาเหลือบไปเห็นรุ่นพี่ที่คลับคล้ายคลับคลาจึงเรียกเสียงดัง แล้วหิรัญก็หันมาทางเขาจริงๆด้วย “พี่ฮัน”

“มึงจะเรียกเขาทำไม ไอ้ห่านี่”

“มึงแกล้งกูก่อนอะ” เขาทำปากยู่ใส่เพื่อนสนิทที่ขยำผมเขาจนยุ่งไปหมด เพิ่งเซ็ทมาตั้งแต่เช้าตอนนี้ยุ่งเป็นรังนกอีกแล้ว “อยากแกล้งกูเองช่วยไม่ได้”

“พี่ธัช ไม่เจอกันนานเลยนะ”กรวีร์กลับเห็นธัชธรม์อยู่ด้วยจึงเลือกทักทายชายหนุ่มที่หายหน้าหายตาไปได้สักพักแล้ว

“อืม หวัดดี” ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าทักทาย ธัชธรรม์ผิวสีแทนเข้มขึ้นอีกระดับเมื่อสวมเสื้อนักศึกษาสีขาวจัด เขาเห็นใบหน้าคมคร้ามมีไรหนวดขึ้นเล็กน้อยก็รีบเสมองไปทางอื่น อีกฝ่ายเห็นเขาก็ไม่เดินเข้ามาทางนี้กลับอ้อมไปเดินอีกทางแทน

คิดจะหลบหน้ากันใช่ไหม?

“มึงไม่คุยกับพี่เขาแล้วหรือวะ” กรวีร์พูดหยอกเย้า แต่เขาดันยิ้มไม่ออก “ลืมไปว่ามึงมีพี่โชแล้ว”

“ไปเรียนเหอะ” เขาเรียกเพื่อนให้เลิกพูดพร่ำก่อนจะนำหน้าไปยังห้องเรียน วิชาช่วงบ่ายนี้เป็นวิชาที่เด็กปีหนึ่งจะต้องเข้าทุกคนอยู่แล้ว ห้องที่เรียนจึงสามารถบรรจุนักศึกษาได้เกือบสามร้อยคนและมีนักศึกษาจากคณะอื่นมาเรียนด้วยบ้างประปราย ใบบุญได้ที่นั่งอยู่ริมประตูก็รีบเดินเข้าจองที่ก่อนที่จะมีคนมานั่ง เขานั่งลงก็รีบหยิบสมุดขึ้นมาจด

“ขอโทษครับ ขอทางหน่อย”

“อ๊ะ ได้ครับ” เขากระเถิบให้อีกฝ่ายเข้าไปนั่งด้านในของแถว เมื่อเงยหน้าถึงจะเห็นว่าเป็นใคร ดวงตาคมเข้มที่จ้องมองมานั้นแทบจะสะกดทุกอย่างเอาไว้ ใบบุญไม่คิดเลยว่าจะเจออีกฝ่ายใกล้ขนาดนี้

 “โอ้โห เป็นไงๆที่กูจองไว้เจ๋งปะ” หิรัญที่ตามมาทีหลังหันไปพยักเพยิดกับเพื่อน

   “เจ๊งล่ะสิไม่ว่า เลือกที่อะไรของมึงเนี่ย” เขากัดฟันพูด รู้ว่าใบบุญไม่อยากเจอก็ไม่ไปเสนอหน้าให้เห็นอีก แต่นี่อะไรเพื่อนเขามันดันจองโต๊ะติดกันเฉยเลย แล้วอย่างนี้จะมีสมาธิเรียนได้ไหม?

   ยิ่งเห็นอีกฝ่ายมีความสุขสบายใจดีโดยที่ไม่มีเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าดีแล้วที่ตัวเองเป็นคนเดินออกมา ใบบุญควรจะเจอแต่คนดีๆ เขาไม่อยากโผล่หน้าไปให้อีกฝ่ายลำบากใจ หญิงสาวผมยาวประบ่าสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องกวาดสายตาไปทั่วก่อนจะหยุดลงที่ตัวเขา

   “พี่ธัช”

“อื้ม หวัดดี ว่าไงจีน”

“จีนนั่งด้วยคนค่ะ” เธอมองใบบุญก่อนจะพูดจีบปากจีบคอ “อุ๊ย.. ใบบุญขอทางหน่อยนะจ้ะ” หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงข้างเขา ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้เจอผู้หญิงคนนี้บ่อยเหลือเกิน เขาไม่อยากจะพูดปฏิเสธตรงๆให้เสียน้ำใจ แต่ว่าถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาคงรู้สึกไม่ดีแน่

“พี่ขอเรียนแบบเงียบๆนะครับ” เขาหันไปบอกก่อนจะหันมาตั้งใจฟังอาจารย์ที่กำลังเริ่มจะสอน ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าเจื่อนอย่างไร อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากจะให้ความหวังใคร เพราะรู้ว่าการที่รักเขาและเขาไม่รักตอบมันเจ็บมากแค่ไหน
ตอนนี้เขารู้แล้วจริงๆ..

“ตอนเย็นเราไปกินข้าวกันนะคะ พี่ฮันด้วย”

“เอ่อ พี่มีนัดแล้วอะ ไปกับไอ้ธัชแล้วกัน”

“….” ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรนอกจากจดสิ่งที่ฟังอาจารย์อธิบายลงสมุดบันทึก เขาไม่อยากเอาเรื่องไร้สาระมาใส่หัว แค่วันๆหนึ่งเรียนเสร็จแล้วกลับไปทำเพลงที่สตูดิโอต่อก็แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว จะให้เขาเอาเวลาไปสนใจใครได้อีก
จีนไม่ได้พูดอะไรนอกจากเรียนเงียบๆอย่างที่เขาร้องขอ กระทั่งสี่โมงเย็นอาจารย์ให้การบ้านและเตรียมตัวปล่อยเขาก็เริ่มคิดแล้วว่าวันนี้จะไปกินอะไรดี ต่อให้ไม่มีใครชวนเขาก็มีร้านอาหารที่เขาอยากไปกินอยู่แล้ว เขาหันไปปฏิเสธหญิงสาวอย่างเรียบง่ายว่ามีธุระก่อนจะเดินลิ่วออกมาไม่สนใจใคร เหลือบสายตาเห็นคนตัวเล็กกำลังเก็บกระเป๋า ไหล่ลาดบางและเอวคอดที่เขาเคยสัมผัส ชายหนุ่มทอดสายตามองจนกระทั่งอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามอง เขารีบหันหน้าหนี ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินผ่านเขาไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่หน้าตึกคณะ

ชวดลกำลังยืนรอพร้อมทั้งรับกระเป๋าเป้ไปถือให้ก่อนจะโอบใบบุญขึ้นรถ ส่วนเขากลับได้แค่ยืนมองทั้งๆที่ตรงนั้นมันควรเป็นของเขา ได้แค่มอง..

มองเห็นเขามีความสุข

มองเห็นเขามีรอยยิ้ม

มองเห็นเขาอยู่กับคนที่เขารัก

แค่นั้นเขาก็พอใจ..

+++

รถยนต์คันหรูขับเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตามันใหญ่ถึงขนาดที่ว่าคือคฤหาสน์ดีๆนี่เอง ในโรงรถที่ขับผ่านด้านในมีรถยนต์ยี่ห้อหรูจอดเรียงรายนับสิบคันและราคาแต่ละคันก็สามารถซื้อบ้านเขาได้ทั้งหลังด้วยซ้ำ เขาหันไปมองชวดลที่อมยิ้มมาตลอดทาง

“พี่โชพาผมมาที่ไหนครับเนี่ย”

“มาบ้านพี่น่ะสิ มาทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่พี่” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม คิดอยากจะเซอร์ไพร์สคนตัวเล็กเสียหน่อย

“เอ่อ จะดีหรือครับ”

“ทำไมล่ะ พี่ก็อยากให้เรารู้จักที่บ้านพี่ด้วย ไม่ต้องกลัวหรอกนะ คุณพ่อคุณแม่พี่ใจดี” เขาบอกปลอบเด็กหนุ่มทีเริ่มทำหน้าไม่ไว้ใจ ชวดลหัวเราะขำกับท่าทางของใบบุญ รู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้เหลือเกิน นอกจากเขาจะรู้สึกสะใจที่สามารถแย่งคนรักของธัชธรรม์มาได้ เขายังรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างน่าประหลาด

“แต่ว่า..” เขาคิดหนัก ไม่เคยมีประสบการณ์ไปเที่ยวบ้านเพื่อนสักเท่าไหร่ “ถ้าพี่โชว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

“ไม่ต้องเกร็งนะครับคนดี”

“โถ่ เพิ่งมาบอกตอนนี้ใครจะไปสบายๆได้ล่ะครับ” เขาโอดครวญ ถ้าเขารู้แต่แรกอาจจะขอต่อรองเป็นวันอื่นที่เขาพร้อมมากกว่านี้ อีกอย่างเขาไม่ได้เป็นอะไรกับชวดลสักหน่อย แบบนี้มันเปิดตัวชัดๆ

“ฮ่าๆ”

“แกล้งผมใช่ไหมครับเนี่ย”

“พี่ไม่ได้แกล้ง พี่อยากจะพาใบบุญมาให้ที่บ้านรู้จักจริงๆ”

“ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ล่ะครับ” เขาแอบสังเกตุสีหน้าของอีกฝ่าย เห็นรอยยิ้มพิมใจของชายหนุ่มก็อยากจะรู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่กันแน่

“พี่…” เขาจอดรถ ก่อนจะหันมาสบสายตากลมโตของใบบุญ “อยากเป็นมากกว่าที่เราเป็นอยู่”

“ผม.. ยังไม่พร้อม จริงๆเราเหมาะจะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” เขารีบตัดบท ไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดมากไปกว่านี้อีกแล้ว

“พี่ให้เวลาเราคิดอีกนาน ยังไม่ต้องตอบพี่ได้ไหมครับ” ชวดลหน้าเสียไปครู่หนึกก่อนจะปรับให้เป้นปกติ คนอย่างเขาไม่เคยโดนใครปฏิเสธด้วยซ้ำ แล้วทำไมเจ้าเด็กคนนี้ถึงได้ไม่รับรักเขากันแน่..

“ตะแต่ว่า..”

“คุณแม่พี่ออกมารอพอดี” เขาหันไปเห็นผู้หญิงวัยกลางคนยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน ใบหน้าขาวจัดออกไปทางเชื้อสายจีนทำให้เขารู้ว่าชวดลถอดแบบมารดาออกมาไม่ผิดเพี้ยนเลยทีเดียว เด็กหนุ่มลงจากรถและเดินเข้าไปกระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม เธอรับไหว้เพื่อนลูกชายก่อนจะชักชวนให้ทานข้าว

“น้องใบบุญครับแม่”

“สวัสดีครับคุณป้า”

“เรียกแม่ก็ได้จ้ะ”

“ครับคุณแม่” เด็กหนุ่มเดินตัวลีบเข้าไปในบ้าน คุณแม่ชวนให้เขานั่งรอที่โต๊ะอาหารระหว่างที่รอกินข้าวด้วยกัน เขากลับขอเดินดูรูปภาพใส่กรอบที่แปะข้างฝาผนังเรื่อยๆจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่รูปผู้ชายวัยหนุ่มสามคนยืนเคียงข้างกัน ใบหน้าละม้ายคล้ายกันจนเขาอดคิดไม่ได้ว่าเป็นฝาแฝดกันหรือเปล่า ตัดสินใจเอื้อมมืออันสั่นเทาไปแตะกระจกเชื่องช้า ลูบไล้ใบหน้าของบิดาที่เขาอยากจะเห็นใกล้ๆเหลือเกิน.. คุณพ่อ.. 

“ทำอะไรน่ะ!”

TCB


ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 13 ] 05-02-62 ★ P.2
«ตอบ #54 เมื่อ06-02-2019 13:02:31 »

กำลังจะเข้มข้นขึ้นไปอี้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 14 ] 13-02-62 ★ P.2
«ตอบ #55 เมื่อ13-02-2019 11:47:47 »

                                                            Rhyme 14


   ใบบุญสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปตามเสียง เขาเห็นชายหนุ่มวัยกลางคนลักษณะภูมิฐานกำลังยืนขมวดคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย เขายกมือกระพุ่มไหว้ จับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าที่แม้อายุจะร่วงโรยตามกาลเวลาแต่ยังมีเค้าโครงความหล่อเหลาเมื่อครั้งยังสมัยหนุ่มๆอยู่ ชายหนุ่มสูงวัยคลายใบหน้าเครียดขรึม มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาใจแป้วเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดไม่จาแถมยังใช้สายตาพินิจพิเคราะห์เขายกใหญ่ เขารีบสำรวจเสื้อผ้าของตัวเองก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ

       “เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ทำผมสีแปลกๆ” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยขึ้นก่อนจะมองเขาอย่างเต็มตาอีกครั้ง “เพื่อนเจ้าโชหรือไง”

       “คะครับ ผมชื่อใบบุญครับคุณลุง” พูดออกไปเสียงสั่นโดยไม่รู้ตัว รัศมีความน่าเกรงขามของอีกฝ่ายแผ่กระจายจนเขารู้สึกเกร็งขึ้นมา

       “ชื่อเพราะดี ใครตั้งให้ล่ะ”

       “คุณแม่ตั้งให้ครับ”

       ”อืม” เขาหลุบตามองพื้น พึมพำเสียงเบา “รูปนั้นมันเก่าแล้ว มองแต่ตาก็แล้วกัน”

       “ครับ ขอบคุณนะครับ”

       “ขอบคุณทำไมล่ะ รูปคนแก่ๆมันไม่น่าสนใจหรอก”

       “ผม เอ่อ อยากรู้ว่าคนในรูปคือใครน่ะครับ”

       “พี่น้องของฉันเอง สนใจด้วยหรือเจ้าหนุ่ม” ตวัดสายตามองอีกครั้ง เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอคิดใคร่ครวญว่าจะตอบอะไรกับคนตรงหน้าดี ดูท่าแล้วคงจะเป็นบุคคลสำคัญของบ้านนี้เสียด้วย

       “คะครับ เจ้าสัวแห่งตระกูล.. ประวัติคงจะน่าสนใจไม่น้อยใช่ไหมละครับ” ใบบุญยิ้มใจดีสู้เสือทั้งที่เหงื่อแตกพลั่ก ชายหนุ่มสูงวัยไม่ได้พูดอะไรก่อนจะกลับหลังหัน สองมือไขว้ด้านหลังก่อนจะเดินจากไป เขาไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น

       “มันไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจอย่างที่เธอบอกหรอก” เสียงพูดพึมพำทำให้เขาพยายามจับใจความ “วงการธุรกิจมันน่ากลัว”

       “อ้าว คุณพ่อ” ชวดลเดินลงมาจากบันไดบ้านที่ปูด้วยหินอ่อน ราวบันไดที่เลี้ยวคดมองแล้วต้องตะลึงในความสวยงามของการแกะสลักหินอ่อนให้เป็นลวดลาย เขาเดินลงยืนข้างชายหนุ่มสูงวัยก่อนจะเริ่มแนะนำ “ใบบุญนี่คุณพ่อของพี่เอง”

       “ครับพี่โช”

      “ไปกินข้าวกันเถอะ คงจะหิวกันแย่แล้ว” คุณพ่อไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินนำไปที่โต๊ะกินข้าว ใบบุญถอนหายใจด้วยความโล่งอกนึกว่าเมื่อกี๊จะถูกจับกินซะแล้ว

       “ไม่ต้องเกร็งนะใบบุญ คุณพ่อแกเป็นแบบนี้แหละ แต่ใจดีพี่รับรองได้”

       “...” เขาไม่ตอบ ได้แต่ส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้ ชวดลได้แต่ยิ้มขำจูงมือเขาไปอีกทาง

       บรรยากาศรับประทานอาหารเป็นไปอย่างเรียบง่าย บนโต๊ะมีอาหารไทยทั่วไปแต่รสชาติกลมกล่อมและถูกจัดวางอย่างสวยงาม คุณแม่ชวนเขาคุยอยู่บ้างแตกต่างจากคุณพ่อที่นิ่งเงียบเสียมากกว่า เขาแอบสังเกตพลางกินข้าวเงียบๆ คำถามที่พ่อลูกส่วนใหญ่คุยกันมักจะเป็นเรื่องธุรกิจมากกว่าจะคุยเรื่องทั่วไปอย่างคุณแม่ 

       “อร่อยไหมลูก”

       “ถูกปากมากเลยครับ”

       “งั้นก็ทานเยอะๆนะจ้ะ”

       “ขอบคุณครับ” เขายิ้ม ก่อนจะลงมือตักผลไม้ที่คุณแม่ส่งมาวางไว้ให้ตรงหน้า เธอเข้าประชิดก่อนจะกระซิบถามแผ่วเบา เขาชะงักไปครู่ก่อนจะยิ้มให้ ไม่แปลกที่ใครๆจะสงสัยความสัมพันธ์ของเขาและชวดล เพราะแววตาของชายหนุ่มที่ส่งมาให้เขานั้นมันช่างอ่อนโยน

       “หนูใบบุญ.. หนูคบกับโชหรือลูก”

       “เปล่าครับ เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเฉยๆครับแม่”

       “โชไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลย หนูเป็นคนแรกเลยนะ”

       “หรือครับคุณแม่” เขาตกใจกับคำตอบอยู่บ้าง แต่ก็รู้ว่าชวดลมีโลกส่วนตัวมากแค่ไหน “ผมยังไม่พร้อมที่จะมีใคร อีกอย่างพี่โชก็เหมือนพี่ชายคนหนึ่งของผมด้วย”

       “แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าจะ.. คบกัน เพียงแต่คุณพ่อคงจะไม่ชอบใจแน่” เธอตอบอย่างลำบากใจ เป็นความรู้สึกกังวลของคนเป็นแม่ที่อัดอั้นมานาน “โชเป็นลูกชายคนเดียว พี่สาวของเขาก็แต่งงานไปอยู่ต่างประเทศกับสามีหลายปีแล้ว”

       “อ่อ ครับ” เขาตอบพร้อมส่งรอยยิ้มให้อีกฝ่ายมั่นใจ มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากแต่อย่างน้อยคุณแม่ก็ไม่ได้รังเกียจรสนิยมของลูกชาย “คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมกับพี่โชเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันจริงๆ”

       “แม่อยากให้เขาเลือกในสิ่งที่ตัวเองรัก..” เสียงแผ่วเบาเริ่มสั่นเครือ “แม่สงสารพี่เขา..”

       “ไม่เป็นไรนะครับคุณแม่ พี่โชจะไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังแน่นอน”

       “ขอบคุณนะลูก” เธอมองใบหน้าของเด็กหนุ่มใกล้ๆ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนและโครงหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางสีอ่อนที่รวมกันแล้วช่างเหมาะเจาะ “หน้าตาหนู มันเหมือน.. เหมือนมาก”

       “เหมือนอะไรหรอครับ” เขาทำหน้างง

       “แน่ะ คุณแม่พาใบบุญมาหลบผมหรือครับ ผมขอตัวน้องแปบนะครับ” ชวดลที่กินข้าวเสร็จก็โผล่พรวดเข้ามาหาเขาทันที คุณแม่ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าส่งยิ้มให้ลูกชายเพียงคนเดียว

       “ฮื่อ ผมกำลังคุยกับคุณแม่อยู่เลย พี่โชจะพาไปไหนหรือครับ” เขามองชายหนุ่มที่ยิ้มกว้างจับจูงมือเดินขึ้นบันได “ไม่ยอมบอกอีก!”

       “เดี๋ยวก็รู้แล้ว หลับตาก่อนได้ไหมครับ”

       “หลับทำไม จะแกล้งอะไรผมอีกครับเนี่ย”

       “พี่ไม่ได้แกล้ง แค่มีอะไรจะให้ดู”

       “กะก็ได้ ถ้าแกล้งล่ะน่าดู!” เด็กหนุ่มยู่ปาก ก่อนจะยอมกลับตาให้อีกฝ่ายจับจูงมือเดินไปในความมืด กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆโชยมาแตะจมูก มันหอมหวานเหมือนดอกไม้ชวนให้หลับสบาย เขาค่อยๆเดินพลางเกาะชวดลแน่น เจ้าตัวปล่อยมือก่อนจะจับไหล่ให้เขาเดินนำไปข้างหน้า

       “ค่อยๆลืมตานะครับ”

       “!?”

       “Happy Birthday!” เขาให้เด็กหนุ่มเปิดตาช้าๆ ใบบุญนิ่งอึ้งเมื่อมองเข้าไปในห้องที่มีแต่ช่อดอกกุหลาบวางเรียงราวทั่วทั้งห้อง พร้อมลูกโป่งที่ติดฝาผนังสีสันสดใส มันถูกวางเรียงกันเป็นคำว่าสุขสันต์วันเกิด ตรงกลางมีเค้กรูปเด็กผู้ชายถือไมโครโฟนกำลังร้องเพลงอยู่

       “เห้ยพี่รู้ได้ไง?” เขาตกใจหันไปถามชวดลที่ยืนยิ้มกริ่ม ดูภูมิอกภูมิใจเหลือเกิน

       “ไม่เห็นจะยาก แค่วันเกิดเองนะ”

       “แต่มันคือวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่วันนี้สักหน่อยนะครับ”

       “พี่อยากเป็นคนแรกของใบบุญ” ชายหนุ่มเข้ามาประชิด เอื้อมมือแตะแก้มขาวนวล เขาจ้องมองดวงตากลมสีน้ำตาลคู่สวย “อยากเป็นคนแรกที่ใบบุญจะนึกถึง”

       “….”

       “พี่รู้ว่ามันอาจจะเร็วไปกับสิ่งที่พี่กำลังจะบอก แต่พี่อยากให้เราเก็บไปคิดได้ไหม”

       “อะ อะไรหรือครับ” เขายังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอยู่ มันรวดเร็วไปหมดเลย “พี่โช?”

       “ใบบุญ” เขากระแอมไอ ใบหน้าขาวจัดขึ้นสีแดงก่ำ หัวใจเต้นกระหน่ำรัวมากกว่าครั้งไหนๆ “เป็นแฟนกับพี่นะ”

        “….” เขาตกใจไปชั่วครู่ “เอ่อ ผมเคยบอกพี่ไปแล้วนี่ครับ”

        “แต่พี่อยากให้ใบบุญเก็บไปลองคิดดูก่อน.. ไม่ได้หรือครับ”

        “คือว่า” เขาไม่รู้จะบอกยังไงกับชายหนุ่มดี ความจริงต่างๆที่เขากำลังจะค้นหาและเรื่องจริงที่เขารับรู้ ถ้าเกิดว่าเขาเป็นญาติกับชวดลจริงๆ คงไม่มีทางที่จะคบกันได้อยู่แล้ว “ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ ต้องขอโทษพี่โชด้วยถ้าหากว่าผมทำให้พี่ มีความ
หวัง..”

       “พี่ก็พอจะรู้อยู่แล้ว”

       “ดูออกขนาดนั้นเลยหรือครับ”

       “แววตาที่มองพี่กับมองคนนั้นมันต่างกันนะ”

       “พี่รู้?”

        “รู้มาตั้งแต่แรก แต่ก็ยังดันทุรังไม่เข้าเรื่อง” เขาถอนหายใจ ถึงจะอยากเป็นคู่แข่งแค่ไหนแต่ถ้ามีเจ้าของแล้ว มันก็ยากเกินไปจริงๆ “ในเมื่อใบบุญบอกกับพี่ตรงๆอย่างนี้พี่ก็คงต้องยอมถอยจริงๆสินะ”

       “เราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้เหมือนเดิมนะครับ”

       “เป็นพี่น้องที่สนิทกันเลยดีไหม”

       “ฮื่อ! ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว”

       “งั้นพี่ไปเอามีดมาตัดเค้กดีกว่า เรารอพี่อยู่ตรงนี้นะครับ.. สงสัยแม่บ้านจะลืมเอามาให้”

       “ครับ” เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะมองชายหนุ่มที่เดินคอตกออกไป การที่เขาได้พูดออกไปตรงๆมันทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ดีกว่าให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเขาให้ความหวังอยู่อย่างนี้ เพราะในใจตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะรักใครได้อีก

       เด็กหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบห้อง บ้านหลังนี้สวยจริงๆ แค่เห็นก็รู้ว่าข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงทุกอย่างจนเขาไม่กล้าจะไปแตะต้องอะไร แอบชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่าง มองวิวทิวทัศน์เป็นสนามหญ้าสีเขียวขจี เหมือนเด็กที่ตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน ตู้เก็บของในห้องทำมาจากไม้สักที่ขัดและเคลือบเงาวาววับ เขามองภาพที่วางเรียงรายจนไปสะดุดกับภาพงานแต่งงานของชายหญิงคู่หนึ่ง

       พ่อเอกกับแม่ปราง..

       ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของคนทั้งคู่ทำให้เขาอดที่จะกลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว เขาทำได้เพียงลูบผ่านกระจกใสมองพ่อกับแม่ที่มีตัวตนเพียงแค่ในรูปถ่ายเพียงเท่านั้น คำว่ารักที่อยากได้ยินอีกครั้ง ไม่มีวันที่จะได้ยินอีกแล้ว..

       “หนูคิดถึงพ่อกับแม่จังเลย”

       ใบบุญรีบปาดน้ำตาก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับเข้ามาในห้อง เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชวดล มองคนตัวเล็กที่ดูซึมๆไปก็เอ่ยปากถาม

       “เป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือ”

       “เปล่าครับ อยู่ๆก็คิดถึงพ่อกับแม่”

       “เด็กขี้แยเอ๊ย”

       “พี่โช ผมถามอะไรพี่หน่อยได้ไหม” เขาเงยหน้ามองชวดล เขาอยากจะรู้ความจริงเหลือเกิน..

       “คนในรูปนี้เขาเป็นใครหรือครับ..”

       +++

       หิรัญมองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทด้วยความรู้สึกกระอั่กกระอ่วน หลังจากที่ธัชธรรม์เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งลงที่พื้นแล้วก็หายเข้าไปในห้อง เขาตกใจวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นล่าสุดขึ้นมาดู หน้าจอมันแตกร้าวจนแทบมองอะไรไม่เห็น เขากดดูที่เพื่อนสนิทเปิดค้างเอาไว้ มันเป็นหน้าต่างแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรมที่นิ่งค้างไว้รูปหนึ่ง รูปนั้นเป็นห้องสีขาวสะอาดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้และลูกโป่งสีสันสวยงาม ตรงกลางมีเด็กหนุ่มที่เขาคุ้นเคยกำลังยืนเป่าเค้กอยู่ตรงกลาง ชายหนุ่มตกใจก่อนจะขยี้ตาดูให้ชัดอีกเพราะชื่อแอคเค้าท์มันเป็นของ…

       Chava_Cho : HappyBirthday my sweet @Bright_BB

        เชี่ย!

       หิรัญมือไม้สั่นก่อนจะเบอร์โทรหาคนที่คิดว่ารู้เรื่องทั้งหมดดี เขารอสายอยู่สักครู่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับสักนิด ทั้งเป็นห่วงเพื่อน ทั้งเป็นห่วงคนที่กำลังติดต่อว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์เขาสักที! ไอ้ตัวแสบเอ๊ย ไปหนีเที่ยวที่ไหนอีกวะ

       “ฮาโหล..”

       “ทำอะไรอยู่จ๊ะที่รัก”

       “หา ที่รักไหน”

       “ก็โทรหาแฟนไม่ให้เรียกที่รักแล้วให้เรียกอะไรล่ะจ๊ะ” เขาบอกเสียงหวาน อีกฝ่ายส่งเสียงหึใส่เขาอีก

       “พี่ฮัน ตบปากเท่าอายุตัวเองเดี๋ยวนี้!” กรวีร์ตื่นเต็มตาทันที “ผมบอกแล้วไงไม่ให้โทรหา แค่ไลน์มาก็พอ”

        “ก็พี่มีเรื่องด่วนอยากจะถามนี่จ๊ะ” หิรัญหน้าซีดเมื่อแฟนสุดที่รักเริ่มออกอาการวีน “เราเป็นแฟนกันนะ ถ้าไม่ให้พี่โทรหาแล้วพี่จะไปโทรหาใครได้อีกล่ะ”

       “วุ่นวายจริงๆ” กรวีร์แยกเขี้ยวใส่คนในโทรศัพท์ เขาลุกขึ้นจากหมอนนิ่มอย่างอาลัยอาวรณ์ ตั้งแต่รู้จักกับหิรัญชีวิตเขาก็ไม่ได้พบเจอกับความสงบสุขอีกเลย! พ่อคนช่างตื้อ ตอแย และทำตัวติดหนึบจนน่ารำคาญ ไม่รู้ว่าเขาหลวมตัวตบปากรับคำหมอนั่นว่าเป็นแฟนได้ยังไง เราสองคนแอบคบกันอย่างลับๆได้หลายเดือนแล้ว โดยที่ข้อตกลงก็คือจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ไม่งั้นคือ เลิก! เลิกสถานเดียว และหิรัญก็ชอบที่จะแหกกฎที่เขาตั้งขึ้นมาแทบทุกข้อ!

       ลองข้ามเส้นมากกว่านี้ เขานี่แหละจะเฉดหัวให้กระเด็นเลย!

       “น่านะ อย่าโกรธพี่เลยนะจ๊ะคนดี” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อนหวาน “ตื่นหรือยัง เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าว”

       “ไม่ไปไหนอะ โทรสั่งเข้ามาก็พอ”

        “งั้นพี่ไปหาที่ห้องนะ”

        “อือ ซื้อของกินเข้ามาด้วยนะ”

       “ได้จ้ะ” จะของกินของใช้พี่ก็จะเตรียมให้หมดทุกอย่างเลยจ้ะ หิรัญวางสายยอดรักเสร็จก็รีบแต่งตัวหล่อออกไปคอนโดของกรวีร์ทันที รอบนี้เขากะว่าจะเอาของใช้ไปทิ้งไว้ที่นั่นให้มากหน่อย ค่อยๆเนียนไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็จะดีเอง! เดินเข้าไปกะว่าจะเคาะ
ห้องบอกธัชธรรม์ก่อนว่าเขาจะไม่อยู่ หรืออาจจะไม่กลับเลยก็ได้ แต่คิดว่าคงจะไปรบกวนสมาธิเสียเปล่าๆ เดี๋ยวไลน์บอกมันเอาก็แล้ว รู้สึกผิดต่อเพื่อนแค่ไหนแต่ความรักของตัวเองก็ยังต้องไปต่อ ขืนไปช้าพ่อยอดขมองอิ่มเขาโวยวายบ้านแตกเดี๋ยวจะแย่กันไปหมด!

       ชายหนุ่มจับกีต้าร์ตัวโปรดด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เขาลูบมันเชื่องช้านึกถึงภาพที่เคยนั่งเล่นกีต้าร์กับใครบางคนมันผุดขึ้นมาในห้วงความทรงจำ รอยยิ้มหวานๆและน้ำเสียงเจื้อแจ้วยังคงติดตรึงอยู่ในใจทุกวันนี้ เขาไม่เคยนึกแปลกใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงได้เป็นห่วง เดือดร้อนแทนอีกฝ่ายต่างๆนาๆ แต่เพราะอคติมันบดบังความรู้สึกลึกๆที่เขาพยายามปฏิเสธตัวเองมาตลอด มันทำให้เขาต้องสูญเสียคนสำคัญไปจนได้

       “พี่ธัช เล่นเพลงให้หนูฟังอีกสิ”

       “พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวมาฟังใหม่ได้ไหม” เขามองเด็กชายในชุดเอี๊ยมสีเหลืองอ่อน ใบหน้าน่ารักยู่ยี่เพราะโดนขัดใจ และคนคอยตามใจก็คือเขาเองนั่นแหละ

       “หนูก็อยากเล่นกีต้าร์เก่งๆเหมือนพี่ธัชอะ เมื่อไหร่จะสอนหนูเล่นบ้าง”

       “ไม่เอาหรอก มันเจ็บนิ้วนะ” เขารีบเก็บกีต้าร์ให้ห่างไกลจากมือใบบุญ

       “จะเจ็บแค่ไหนเชียว หนูทนได้อยู่แล้ว”

       “ไม่เอา พี่ไม่อยากให้เราเจ็บ รอโตกว่านี้ค่อยเล่นก็ยังได้” ธัชธรรม์บอก เด็กตัวกะเปี๊ยกอย่างใบบุญจะมาเล่นเหมือนเด็กโตได้ยังไงกัน “ตอนนี้ก็ร้องเพลงให้พี่ฟังไปก่อน เดี๋ยวพี่จะเล่นกีต้าร์ให้เอง”

       “อื้อ ได้เลย หนูจะร้องเพลงให้พี่ธัชฟังทุกวันเลย” เด็กชายขยี้ตาที่แดงก่ำเพราะกำลังกลั้นน้ำตา พยักหน้าหงึกหงัก จนเขาต้องรวบเข้ามากอด ไอ้เด็กขี้แยเอ๊ย!

       “สัญญาแล้วนะ” นิ้วก้อยเล็กป้อมถูกยื่นมาตรงหน้าเขาก่อนที่จะเกี่ยวกัน รอยยิ้มค่อยๆโค้งขึ้นจนแก้มขาวกลมดิก

       “สัญญาฮะ”

       หยดน้ำตาอุ่นไหลรินลงเชื่องช้ามันเจ็บปวดยิ่งกว่าความเสียใจใดๆของเขาที่ผ่านมาทั้งหมด หัวใจมันวูบโหวงราวกับไม่มีการคงอยู่ของมันอีกต่อไปแล้ว ใช่ หัวใจของเขาที่มันเคยเป็นของเขา มันไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไป แต่เป็นของเจ้าของรอยยิ้มหวานที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอมา และเป็นเขาเองที่ทำร้ายหัวใจตัวเองอย่างเลือดเย็น คำพูดและการกระทำของเขาที่ผ่านมาทั้งหมดมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย มันก็สมควรแล้ว..

       ได้เห็นใบบุญมีความสุขกับคนที่เขาเลือก ทั้งๆที่ควรจะยินดีแต่ข้างในมันเจ็บจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว ชายหนุ่มนอนหลับตานิ่งสนิท ลึกๆในใจนึกอยากจะหายตัวไป ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว.. เสียงเพลงที่เปิดคลอเอาไว้ทำให้ใจเขาสงบมากขึ้น ทั้งชีวิตที่ผ่านมานอกจากครอบครัวก็มีเพียงเสียงดนตรีที่ทำให้เขามีพลังในการใช้ชีวิต ในห้วงแห่งความคิดที่ล่องลอยอย่างยาวนาน ธัชธรรม์ตัดสินใจแล้วว่าจะทุ่มเทให้กับสิ่งที่เขารัก..

       บรรยากาศในมหาวิทยาลัยไม่ได้คึกคักเหมือนทุกทีเพราะเข้าใกล้ช่วงสอบกลางภาคของภาคเรียนที่หนึ่ง ใบบุญนับๆดูแล้วก็เพิ่งเปิดเทอมได้แค่เพียงสองเดือนเท่านั้น แต่เขาต้องกลับมาสอบอีกแล้ว ชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัยมันช่างลำบากกว่าที่เขาคิดจริงๆ เขานั่งรอกรวีร์เข้าเรียนคาบบ่ายด้วยกัน หมู่นี้เพื่อนเขาทำตัวยุ่งๆตลอดเวลา ทั้งๆที่ไม่ได้เข้าสตูดิโอหรือรับงานของเฮียกิตแล้ว เขาอยากรู้จริงๆว่ามันหายไปไหน

       “อยู่ไหนแล้ว” เขาโทรหาอีกฝ่ายอยู่นานกว่าจะรับ ไม่ใช่ยังไม่ตื่นหรอกนะ

       “กำลังจะออก โทษทีนะมึงให้มึงรอนานเลยอะ” พอรับสายก็รีบตอบเขาทันที นั่นไง มันตื่นสายจริงๆด้วย

       “ไม่เป็นไร คิดมากน่า กูรอได้”
 
       “ถ้ากูไปเลท มึงก็เข้าห้องเรียนเก็บชีทให้กูไปด้วยเลยนะ” กรวีร์บอก “พี่ฮันบอกว่าให้เพื่อนเขาจองที่ไว้แล้ว มึงเข้าไปนั่งได้เลย”

       “เออๆ แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ฮันด้วยวะเนี่ย” เขากำลังจะถามอีกรอบแต่สายก็ตัดไปเสียก่อน “ฮัลโหลๆ แม่งตัดสายทิ้งอีก” เขาบ่น ก่อนจะส่ายหัวให้กับเพื่อนตัวดีที่ชอบทิ้งเขาอีกแล้ว

       คอยดูนะ อย่าให้เจอ เขาจะบ่นให้ผมมันร่วงเลย!

       +++++

       “พี่ฮัน ผมคุยกับเพื่อนอยู่ เลิกกอดผมสักที” เขาหันไปว่าชายหนุ่มร่างสูงที่กอดเขาจากด้านหลัง เอาคางมาเกยไหล่เขามันจั๊กจี๋รู้ไหมเนี่ย

       “ไม่เอา ไม่ปล่อย ทำไมพี่ต้องปล่อยด้วย กรสนใจแต่โทรศัพท์ไม่สนใจพี่เลยอะ”

       “แค่คุยแปบเดียวเอง ทำไมงอแงจังครับ” ทำหน้าเนือยใส่หิรัญที่ทำตัวง๊องแง๊งอีกแล้ว

       “ไม่ได้ แค่คุยก็ไม่ได้”
 
       “ประสาท! เพื่อนนะไม่ใช่กิ๊ก” เขาพูดเสียงเข้ม ต้องให้ดุถึงจะยอมเข้าใจหรือไง “ตัวอย่างกับหมีควายเลิกกอดได้แล้วอึดอัด”

       “ไม่อยากปล่อยเลย ต้องไปเรียนแล้วหรือ” รีบกอดเขาแน่นมากขึ้นไปอีกจนอึดอัด

       “กอดมาทั้งคืนแล้วจะอะไรนักหนา”

       “งั้นคืนนี้กอดอีกคืนได้ไหม”
 
       “ชาติหน้าตอนบ่ายสามละกัน”

       “โอ๊ย! ใจร้ายหยิกพี่ทำไมครับ ชอบทำร้ายร่างกายพี่จังเลย เป็นซาดิสม์หรือไง” หิรัญลูบตรงที่โดนหยิกป้อยๆ เขาทำเป็นบีบน้ำตาให้ดูน่าสงสาร

       “ใช่ ชอบทำแรงๆให้พี่เจ็บ”

       “อ้าว ไหงเมื่อคืนชอบแบบเจ็บๆเองล่ะ” หิรัญหลุดปากออกไปจนชายหนุ่มนั่งข้างๆหันไปบิดเนื้ออีกรอบ “โอ๊ย ไม่พูดแล้วครับ ไม่พูดแล้ว” ถูกเปลี่ยนดึงหูขึ้นลงแบบนี้ ต่อให้เก่งมาจากไหนก็แพ้ราบคาบแล้วครับ!

       “พูดอีกที กรจะไม่ให้พี่มาค้างแล้ว” เขาบ่นกระปอดกระแปด คนบ้าอะไรตีมึนไม่ยอมกลับห้อง ชวนกินขนมจนลามขึ้นมากินบนเตียง โว๊ย! ไอ้คนเจ้าเล่ห์ ให้ตายเถอะ คนเสียเปรียบน่ะมันเขาชัดๆ “จะฟ้องเฮียด้วยว่าพี่เคลมเด็กในสังกัด”

       “จ้ะ บอกก็ดี พี่จะได้ให้เฮียช่วยเป็นหูเป็นตาให้เวลามีใครมาเกาะแกะเจ๊าะแจ๊ะคนของพี่” หิรัญไม่พูดเปล่าทำมือเป็นปูไต่ไปตามท่อนแขนขาวของอีกฝ่าย กรวีร์กระเถิบหนีแต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอวเอาไว้ก่อน

       เอาปูไต่ออกไปเลยนะ ไอ้บ้า!

       “นิสัย! พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ผมเป็นนักร้อง ถ้าเขารู้ว่ามีแฟนเรตติ้งก็ตกน่ะสิ”

       “ไม่ต้องเป็นก็ได้นักร้องอะ” หิรัญเบ้หน้า รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างนั้น คบกับเขาไม่เห็นจะต้องปกปิดเลย “เป็นเมียเจ้าของค่ายแล้วจะเครียดทำไม บ้านพี่รวย”

       “ไอ้!” เขาอยากจะพ่นไฟใส่คนที่ทำลอยหน้าลอยตาตรงหน้าจริงๆ “คนอย่างพี่นี่มัน..!” เขาอึกอักพูดไม่ออกเลยเมื่อหิรัญพูดอย่างนั้น กล้าพูดได้ยังไงว่าเขาเป็นเมีย แค่แฟนเว้ยแค่แฟนนนนนนน!

       “ไปอาบน้ำกันดีกว่า”

        “หยุดมือเดี๋ยวนี้นะ” เขาคว้ามือหนาของอีกฝ่ายที่กำลังเลื่อนลงไปด้านล่าง เมื่อคืนเขาก็ระบมไปทั้งตัวไม่รู้จักยั้งมือเลยยังจะมาเล่นอีกแล้วหรือ ฝันไปเถอะ!

       “ต้องสัญญามาก่อนว่าคืนนี้จะให้พี่มาค้างด้วย”

       “ไม่”

       “พี่ก็ไม่ปล่อย เดี๋ยวพี่อุ้มไปอาบน้ำแล้วกลับมานอนอีกรอบ”

       “ผมจะไปเรียน”

      “ก็สัญญามาก่อนสิครับ แล้วพี่จะปล่อย”

       “พี่กล้ามาต่อรองกับผมหรือ” เขาทำหน้าถมึง ทั้งๆที่ตอนแรกเป็นเขาเองต่างหากที่ควบคุมอีกฝ่ายทุกอย่าง แต่พอเอาเข้าจริงไหงเป็นแบบนี้ไปได้? เขาไม่ยอมหรอกนะ!

       “พี่ไม่กล้าหรอกจ้ะ”

       “ก็ปล่อยผมสิ”

       “ถ้าพี่ไม่ได้นอนกับกรคืนนี้ พี่ก็ไม่มีที่ไปแล้ว กรก็รู้ว่าไอ้ธัชมันนอนอยู่ที่สตูฯแล้วจะให้พี่ไปอยู่ไหนละครับ” หิรัญทำเสียงน่าสงสารระดับที่ต้องยกถ้วยออสก้าร์ให้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาใจอ่อนได้ยังไง

      “อือ ก็ได้ นอนที่นี่ก็ได้”

      “จริงๆนะ”

      “อือ ปล่อยได้แล้ว”
 

(มีต่อ)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 13 ] 05-02-62 ★ P.2
«ตอบ #56 เมื่อ13-02-2019 12:11:17 »

       “ครับๆ ปล่อยๆ” หิรัญปล่อยคนรักให้เป็นอิสระ ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะลุกขึ้นพร้อมน้ำขาวขุ่นที่ไหลย้อยออกมาตามง่ามขาเป็นทางยาว เขาหันไปมองหิรัญที่ยิ้มแผล่

       “เมื่อคืนพี่ฮันไม่ได้ใส่ถุงหรือ”

       “ไม่ใส่มันใกล้ชิดกว่านี่ครับ”
 
       “ไอ้บ้า!” เขาคว้าหมอนได้ก็ไล่ตีหิรัญยกใหญ่ “คืนนี้ไปนอนโซฟาเลย แล้วก็ไปตรวจเลือดเดี๋ยวนี้!”

       “อย่าใจร้ายกับพี่เลยครับ ที่รักกกกกก” เขากอดขาคนรักเอาไว้แน่น ยอมโดนตีนิดหน่อยแลกกับได้นอนในห้องมันดีกว่าเยอะ

       “ออกไปไกลๆเลยนะพี่ฮัน!” สะบัดยังไงก็ไม่หลุดจนกว่าเขาจะยอม หิรัญเวียนหัว สงสัยคาบบ่ายเขาคงจะได้โดดเรียนแน่ๆ “ทำไมดื้อแบบนี้เนี่ย หา?”

       โว๊ยยยยยยย สรุปเขาได้คนหรือได้ปลาหมึกเป็นแฟนกันแน่วะ!
 
       +++++++

       ใบบุญรอจนกระทั่งเลยเวลาเรียนเกือบสิบนาทีแต่กรวีร์ก็ยังไม่มา เขาจึงตัดสินใจขึ้นห้องเรียนไปก่อน เพราะไม่อยากถูกเช็คชื่อว่ามาสาย ห้องเรียนขนาดกลางจุนักศึกษาได้ประมาณเกือบร้อยคนทำให้เขาคุ้นหน้าคุ้นตาคนที่เรียนเซคนี้พอสมควร ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กคณะเขาหรือรุ่นพี่ที่ตามมาลงวิชานี้ทีหลังมากกว่า เขาไม่ได้สนใจใครมากนัก ถึงจะมีใครเข้ามาทักทายเขาก็ตอบไปตามมารยาท เขากวาดสายตาเจอที่ว่างก็รีบนั่งลงเพราอาจารย์เริ่มสอนแล้ว

       “ขอโทษนะครับ.. ตอนนี้อาจารย์สอนถึงหน้าไหนแล้ว”
   
       “อ่อ หน้า14 แล้ว”
 
       “ขอบคุณครับ” เขาเงยหน้าไปขอบคุณก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายคือธัชธรรม์ โลกมันกลมกว่าที่คิดเพราะเขารีบแท้ๆไม่ทันได้ดูเลยว่านั่งข้างใคร

       “จะย้ายที่ก็ได้นะ”

       “ไม่เป็นไร” เขาตอบอึกอัก เจอแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ไม่ดีเลย

       “เป็นยังไงบ้าง.. สบายดีใช่ไหม”

       “อื้อ สบายดี”

       “ดีแล้วล่ะ..” เขาไม่กล้าหันมองอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตาจดตามอาจารย์ ก่อนที่นมสดรสช็อคโกแลตถูกวางบนโต๊ะเลคเชอร์ อีกฝ่ายส่งให้พร้อมทำท่าให้เขาดื่ม “ไว้รองท้อง”

      “ขอบคุณ”

      “ไม่เป็นไร ที่ผ่านมาก็ควรจะดูแลอยู่แล้ว” เสียงเขาพูดพึมพำ “ตั้งใจเรียนเถอะ อาทิตย์หน้ามีสอบมิดเทอม”

       “อื้อ” ใบบุญชะงักไปครู่หนึ่งตอนที่ได้ยินอย่างนั้น เสียงสั่นเครือของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยด้วยซ้ำ หัวใจในอกมันเต้นรัวแรงอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่บอกตัวเองแล้วว่าจะตัดใจแต่พอเจอหน้ากัน มันกลับทำไม่ได้เลย..

       “ข้อนี้ตอบอะไร?” เขาหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างแต่ก็ไม่ได้คำตอบ จนกระทั่งธัชธรรม์สะกิดแขน

       “ข้อนี้ก็ตอบอันนี้ไง”

       “ขอบคุณ”

       “ไม่เข้าใจก็ถามได้” เขารู้ว่าอีกฝ่ายอยู่แต่ที่สตูดิโอนานๆจะกลับบ้านที ทั้งทำงานและเรียนอย่างหนัก แต่ธัชธรรม์ก็ยังเป็นคนที่เก่งในสายตาเขาอยู่ดี อีกฝ่ายหัวดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว “เนื้อหามันจะเยอะหน่อย ต้องหาเวลาทบทวนบ้างนะ”

      “ขะ เข้าใจแล้ว”

      “ไปก่อนนะ” เขาพยักหน้าก่อนจะมองคนตัวสูงลุกขึ้นเดินผ่านหน้าไป ธัชธรรม์ทำควิซเสร็จเป็นคนแรกๆในห้องด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเราจะเหมือนเส้นขนานกันจริงๆ

       เราใช้เวลารักใครสักคนเพียงเสี้ยววินาที

       แต่กลับใช้เวลาลืมใครสักคนเกือบทั้งชีวิต..

       +++

       ใบบุญกลับมาร้องเพลงเต็มตัวอีกครั้ง หลังจากทำผลงานได้ดีในการแข่งรายการ Rap Battle แม้จะไม่มีธัชธรรม์ รายการยังต้องดำเนินต่อไป ในขณะที่แฟนคลับเขาเริ่มเยอะมากขึ้น ยอดติดตามทั้งในยูทูปชาแนลและแฟนเพจเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมถึงสามเท่า เฮียกิตเรียกเขากลับไปทำงานอีกครั้ง.. และแน่นอนว่ามันเป็นการทำงานร่วมกับธัชธรรม์ที่เข้ามาช่วยเป็นโปรดิวเซอร์ร่วม เขากลับมาอัดเพลงอีกครั้งแม้จะรู้สึกแปลกๆที่มีสายตาคมกริบมองอยู่ไม่ห่าง

       “พี่โชไม่ว่าหรือไง” กรวีร์แอบกระซิบถาม เขาไม่กล้าถามเพื่อนอย่างที่หิรัญต้องการ ถ้าเพื่อนเขาตัดสินใจเลือกแล้ว เขาก็เคารพการตัดสินใจทุกอย่าง เพียงแต่ว่าตอนนี้มันอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดี ธัชธรรม์ยังมองมาที่เพื่อนของเขาด้วยสายตาที่ใครๆก็ดูออก..

       “เขาจะว่าอะไร”

       “มึงกับพี่โช” เขาทำนิ้วมือจิ้มๆเข้าหากัน

       “ไอ้บ้า จะบ้าหรือวะ”

       “เอ้า ก็เห็นรับส่งกันทุกวัน”

       “ช่วงนี้กูขอไม่ให้เขามารับส่งแล้ว เพราะเขาจะต้องเตรียมฝึกงาน” เขาไม่เคยบอกอะไรกับกรวีร์เพราะไม่อยากให้เพื่อนเชียร์เขาจนออกนอกหน้า “เป็นแค่พี่น้องกันเว้ย”

       “จริงหรือวะ ไม่ได้แอบซ่อนความลับอะไรหรอกใช่ไหม”

       “กูมีอะไรก็บอกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่พร้อมจะมีใครหรอก”

       “ระวังถ่านไฟเก่ามันลุกนะมึง”

       “ไม่มีถ่านอะไรทั้งนั้นแหละ กูกับเขาก็แค่คนรู้จักกันธรรมดา” เขาตอบ เพราะอีกฝ่ายวางตัวห่างไป เขาก็สบายใจในระดับหนึ่ง มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้คิดทบทวนว่าจริงๆแล้ว เขารักธัชธรรม์จริงๆหรือแค่ฝังใจกับอีกฝ่ายเท่านั้น ทุกวันนี้เขาก็ยังตอบตัวเองไม่ได้.. ไม่เป็นไร มันยังมีเวลาอีกมากพอที่จะให้ลืม

       “พี่ธัชอัดเพลงอะไรอะเฮีย นานแล้วนะ” กรวีร์นั่งรอจนไส้กิ่ว ส่วนหิรัญก็หายไปทำงานอยู่อีกห้อง “ผมสั่งข้าวมารอกินพร้อมกันเนี่ย”

       “เพลงใหม่ออกพร้อมของมึงนี่แหละ” เฮียหันมาตอบ “ไอ้ฮันมันทำบีทอยู่”

       “อยากฟังแล้วแฮะ”

       “อดใจรอ มึงก็อย่าใจร้อนไปเร่งมันล่ะ”

       “ผมเนี่ยนะไปเร่ง เฮียเห็นผมเป็นยังไง” เขาทำปากยู่ ทำไมทุกคนต้องคิดว่าเขาเป็นเด็กป่วน เขาออกจะเรียบร้อยนะครับ

      “ไปแดกข้าวไป เสียงดังหนวกหู”

       “ก็ไม่มีใครว่างกินด้วยเลยอะ ใบบุญแดกเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” เขาล่าถอยมาจากคนอื่นก็วอแวกับเพื่อนต่อ อีกฝ่ายกำลังท่องเนื้อเพลงพึมพำออกไม่หยุด

       “กูไม่หิว”

       “เออ กูกินคนเดียวก็ได้” เขาเริ่มหงุดหงิด “ทำไมช่วงนี้เราขี้หงุดหงิดจังวะ”

       “สงสัยประจำเดือนจะมาไม่ปกติ” แรงกอดจากด้านหลังทำให้กรวีร์ตกใจ หันไปก็เจอหิรัญกำลังยิ้มแฉ่งไม่ห่าง

       “พี่ฮัน ปากหรือนั่น”

       “ปากน่าจูบอะไรอย่างนี้ใช่ไหมจ๊ะ”

       “ยังจะมาเล่นอีก เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน เล่นบ้าอะไรอีกแล้ว” ดันคนตัวใหญ่ให้ออกเร็วๆก่อนที่ใครจะมาเห็น ดูสิ เขาบอกแล้วใช่ไหมว่า อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ ไม่เชื่อกันมั่งเลย

       “ก็เห็นบ่นไม่มีคนกินข้าวด้วยพี่ก็เลยมากินเป็นเพื่อนแล้วไงจ๊ะ”

       “งานเสร็จแล้วหรือครับ”

       “ยังอะ ก็คนมันคิดถึงที่รัก”

      “ประสาท!” เขารีบดันหิรัญออกไป เดินเข้ามากินในครัวถึงจะไม่มีใครเห็นแต่ไม่รู้จะมีใครได้ยินหรือเปล่า เขารีบเดินนั่งไปนั่งโต๊ะปล่อยให้อีกฝ่ายทำหน้าเศร้า

       “ทำไมต้องว่าเค้าด้วยอะ”

       “เลิกทำแอ๊บแบ๊วแล้วไปหยิบจานมาได้แล้ว!”

       “จ้ะ” หิรัญทำท่าตะเบ๊ะเป็นทหาร ก้มลงหอมแก้มแฟนตัวเองฟอดใหญ่ “อีกนิดก็จะเป็นแม่แล้วนะ ตามสบายเลยนะจ๊ะที่รัก” ได้ยินอีกฝ่ายพูดแล้วกรวีร์อยากจะกำหมัดแล้วทุบอีกฝ่ายจริงๆ คนอะไรกวนโอ๊ยชะมัด!

       ใบบุญเตรียมตัวอัดเพลง เขาซ้อมร้องอยู่นานจนเวลาล่วงเลยเกือบดึกดื่น เฮียบอกให้เขามาอัดพรุ่งนี้แทนเพราะคงจะต้องใช้เวลาเยอะมากกว่าทุกครั้ง เขารับคำและเตรียมตัวเก็บของเพื่อที่จะนั่งรถกลับบ้าน ส่วนกรวีร์หายไปไหนอีกแล้วไม่รู้ เขาจึงไม่ได้โทรตาม คิดว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกัน

       “ไม่ค้างที่นี่หรือ” ธัชธรรม์ออกมาจากห้องอัดได้สักพักแล้ว เขามองเด็กหนุ่มที่นั่งตาปรืออยู่ที่โซฟา “กลับตอนนี้อันตรายจะตายไป”

      “ไม่เป็นไร”

       “ให้ไปส่งไหม”

       “ไม่จำเป็น” ใบบุญบอกปัดความหวังดีของอีกฝ่าย ปกติเวลาเขาไปไหนมาไหนธัชธรรม์ก็ไม่เคยคิดจะสนใจอยู่แล้ว เขาไม่ใช่เด็กอมมือที่จะกลับบ้านดึกๆคนเดียวไม่ได้สักหน่อย

       “อะ.. อืม” ชายหนุ่มเก็บคำพูดกลืนลงไป มองคนตัวเล็กสะพายกระเป๋าเป้เดินออกไป เฮียกิตนั่งมองแล้วก็ถอนหายใจ ไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ที่จะเข้าไปยุ่งย่าม ถ้าหากไม่มีผลกระทบกับงานเขาก็ไม่ไปแส่แน่นอน

       เด็กเอ๋ยเด็กน้อย.. ความรักยังมีอะไรมากกว่าที่คิดนัก

       “จะเอายังไงก็เอา”

       “ผม”

        “ชีวิตมันสั้นกว่าที่เราคิด ถ้ามึงยังลังเล มึงก็ไม่มีทางได้เขาคืนมา”

       “ขอบคุณนะเฮีย”

       “เออ พักผ่อนบ้างนะมึง เดี๋ยวพ่อมึงจะด่ากูเอา” ชายหนุ่มมองตามหลังก่อนจะถอนหายใจ เขาก็ยังเป็นเด็กน้อยในสายตาผู้ใหญ่อยู่ดี ธัชธรรม์ตัดสินใจแล้ว..

       อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว..

       เด็กหนุ่มสวมเฮดโฟนฟังเพลงก่อนจะเดินตามทางไปเรื่อยเปื่อย เขาชอบความเงียบในตอนกลางคืนเพราะมันเงียบทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน เขายอมรับว่าเหนื่อยจากการเรียนและงานเพลงมาก รู้ว่ามันยากแต่เขาก็สนุกสุดๆ ถึงมารดาจะไม่ได้ว่าอะไรเขาเรื่องที่เขาทำงานพิเศษ แต่เขาก็ไม่อยากทำให้เป็นห่วง ส่วนพักนี้เฮียกิตทุ่มเทให้กับการออกเพลงในอัลบั้มนี้มากเพราะมันหมายถึงเส้นทางดนตรีในอนาคตของเขา เขาต้องมีความสุขสิ แต่ทำไมถึงยังรู้สึกว่างเปล่าแบบนี้ เขาเล่นร้องเพลงไปเพื่ออะไรกันแน่..

       ปรื๊น!

       “ขึ้นรถ”

        “มะ ไม่” เขาถอยหลัง เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงจดมอเตอร์ไซค์ดูคาติอยู่ข้างถนน ค่ำมืดดึกดื่นแบบนี้โผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ คิดดีไม่ได้เลย.. “ผม ไม่มีอะไรให้ปล้นหรอกนะ”

       “พี่เอง” ธัชธรรม์ถอดหมวกกันน็อคออก อยู่ดีๆก็โดนหาว่าเป็นโจรซะแล้ว “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

        “ไม่ต้อง ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง”

        “รู้.. แต่พี่เป็นห่วง”

        “ไม่ต้องมาห่วง ไปห่วงคุณของคนนู่น” เขาพูดจนแทบตะโกนออกมา อยู่ๆก็โมโหอย่างบอกไม่ถูก

        “แล้วไอ้โชไม่มารับหรือไง”

        “พี่โช ไม่ว่าง เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”

       “ขึ้นมาเร็ว หรือจะให้ต้องไปอุ้ม” ธัชธรรม์ใช้น้ำเสียงปกติ ต่างจากทุกทีที่ชอบขึ้นเสียงใส่ใบบุญ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากจะเข้าใกล้ชายหนุ่มมากนัก

       “ไม่”

       “เร็วๆ ใบบุญ อย่าดื้อ”

       “….” เขารู้ว่าเส้นทางตรงนี้มันเปลี่ยว และอีกฝ่ายคงไม่ยอมไปง่ายๆ จึงตัดสินเดินขึ้นไปซ้อนท้าย เขาบ่นงึมงำในลำคอ ไอ้รถคนนี้มันนั่งสองคนสบายที่ไหนเล่า! “เร็วๆนะ ง่วงแล้ว”

       “ครับ เกาะพี่ดีๆล่ะ”

       “อือ” เขาพยายามไม่ใกล้ชิดอีกฝ่ายมาก แต่แรงเบรกก็ทำให้เขายิ่งถลาเข้าไปใกล้มากขึ้น แทบจะเรียกได้ว่ากอดเลย “ขับรถยังไงของคุณเนี่ย”

       “แปบเดียว เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

       “ขับแบบนี้อย่าขับเลย กากชะมัด” เขาบ่น

       “ครับๆ”

       ทันทีที่รถจอดสนิทเขาก็รีบลงอย่างรวดเร็ว ธัชธรรม์มองคนตัวเล็กที่กำลังไขประตูเข้าบ้าน ต้นคอเล็กขาวผ่องที่โผล่พ้นจากคอเสื้อ เห็นกระดูกนูนขึ้นมาเล็กน้อย เขามองภาพนั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถลึงตาใส่ เหมือนลูกแมวกำลังขู่ฟ่อไม่มีผิด

        “ฝันดีนะ”

        “อืม แล้วไม่นอนบ้านหรือไง” เขาถาม เห็นอีกฝ่ายมาส่งเขาขนาดนี้ ยังจะกลับไปนอนที่สตูฯอีกหรือไง

       “ไม่อะ”

       “แล้วจะลำบากมาส่งทำไม”

       “เป็นห่วงไง” อยู่ๆเขาก็โผเข้าไปกอดคนตัวเล็กที่กำลังยืนงง เผลอสูดกลิ่นตัวอ่อนๆของอีกฝ่าย ใบหน้าขาวงอง้ำขณะที่กำลังซุกอยู่ที่แผงอกเขา สองมือกำปั้นทุบเข้าที่ไหล่จนปวดไปหมด แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย ขอโอกาสได้เข้าใกล้อีกนิดก็ยังดี

       “นี่ ปล่อยนะ!”

       “ขออยู่แบบนี้อีกนิดนะ”

       “ไม่เอา!”

        “คิดถึง”

        “…”

        “แม่งโคตรคิดถึงเลยว่ะ”

         “อย่า..” มือที่ทุบค่อยๆคลายลงทิ้งข้างลำตัว น้ำตารื้นคลอหน่วยค่อยไหลริน สัมผัสจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากคล้ายจะปลอบประโลมไม่ให้เขาร้องไห้ สองมือหนาประคองใบหน้าเขาเอาไว้ จับจ้องดวงตากลมสวยที่กำลังสั่นระริก เราสบตากันท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องผ่านแมกไม้ น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เขาแสนคิดถึงทำให้ใจสั่นไหวทุกครั้งที่ได้ยิน

        “สุขสันต์วันเกิดนะครับ คนดีของพี่”

        อย่าทำให้เขาต้องกลับไปเจ็บเหมือนเดิมอีกเลย.. ได้โปรด..


         TBC.

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 15 ] 13-02-62 ★ P.2
«ตอบ #57 เมื่อ13-02-2019 17:11:23 »

                                                                      Rhyme 15


   ใบบุญรู้สึกไม่สดชื่นเอาซะเลยเขาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั่วศีรษะเมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับ แถมต้องตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรในวันเกิดอายุครบสิบเก้าปีเต็ม มารดาตื่นมาช่วยเขาทำกับข้าวแต่เช้า บรรยากาศในบ้านที่มีเพียงเขาและมารดาสองคนเป็นเรื่องที่เขาชินเสียแล้ว บางครั้งมีเจ้าแมวหลงทางมาร้องขออาหาร เขาจะเป็นคนคลุกข้าวกับปลาทูเอาไปให้กิน เสียงร้องเมี๊ยวอยู่ไม่ไกลทำให้เขาเห็นเจ้าลูกแมวสามสีตัวเดิมที่ชอบเข้ามาในบ้านอยู่บ่อยๆ เขาหยิบจานไปคว่ำจนเสร็จเรียบร้อยถึงจะนั่งลงลูบหัวเจ้าเหมียวตัวน้อย

   “หิวใช่ไหมล่ะ

   “เมี๊ยววว”

        “มาจากไหนล่ะเนี่ย หื้ม เข้ามาทุกวันเลยคิดถึงคนให้อาหารล่ะสิ” เขาอุ้มลูกแมวตัวน้อย ดวงตามันกลมโตสีดำสุกสกาว เล็บที่อุ้งเท้ากางออกเพราะกำลังตกใจ เขารีบวางมันลงก่อนจะเกาคางเจ้าตัวเล็ก นึกถึงเมื่อคืนที่ธัชธรรม์มาส่งเขาก็ยังโมโหไม่หาย

         ‘แม่งโคตรคิดถึงเลยว่ะ’
   
         ‘คุณ! เลิกพูดอะไรบ้าๆสักที ปล่อยผมได้แล้ว’ เขาดิ้นอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรง

         ‘จะไม่ให้โอกาสพี่หน่อยหรือ’ เขาถามเสียงสั่นเครือ ‘พี่อยากดูแลใบบุญ’

         ‘คุณมีโอกาส มีเวลามากกว่าคนอื่นมากมาย แต่คุณไม่เคยเห็นค่า’
 
         ‘พี่ขอโทษ’

         ‘ไปตายซะ!’ เขาพูดก่อนจะผลักอีกฝ่ายอย่างแรงแล้วหันหลังเข้าบ้าน

         “ใบบุญ พระท่านมาแล้วลูก”

        “อ๊ะ ครับแม่” เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อได้ยินมารดาเรียก เขาส่ายหัวลบความคิดที่วิ่งพล่านในหัวก่อนจะปล่อยลูกแมวที่ยังติดพันรอบตัว เดินเข้าไปล้างมือก่อนจะตามไปหน้าบ้าน โต๊ะไม้ตัวเล็กมีถุงกับข้าวที่เขาจัดแจงมัดใส่ถุงเรียบร้อยแล้ว เขาจำได้ว่าสมัยเด็กๆแม่มักจะทำกับข้าวใส่ปิ่นโตเอาไปถวายที่วัดมากกว่า จนกระทั่งใส่บาตรเรียบร้อยก็เตรียมขนของกลับเข้าไปในบ้าน

        “วันนี้ชวนพี่ธัชมาไหมลูก มากินเลี้ยงกันที่บ้านหน่อยไหมจ้ะ” ทับทิมมองลูกชายคนเล็กที่หน้าตาเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าทั้งเรียนและทำงานไปด้วยมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

        “ไม่แน่ใจว่าพี่เขาจะว่างไหมนะครับแม่ แต่หนูจะลองถามนะ”

        “จ้ะ” ทับทิมมองใบหน้าลำบากใจของลูกชายคนเล็ก ไม่รู้ทั้งสองคนพูดคุยกันดีๆหรือยัง เธอเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนิ่ม เดี๋ยวนี้เธอต้องเป็นฝ่ายเงยหน้ามองลูกชายเสียแล้ว “โตเป็นหนุ่มแล้วนะลูกชายแม่”

        “หนูก็ยังเด็กในสายตาแม่อยู่ดีนั่นแหละ”

        “เรื่องอ้อนขอให้บอกเลยนะ เจ้าลูกคนนี้”
 
       “อยากพาแม่ไปเที่ยวอะ หาเวลาว่างไปเที่ยวกันไหมครับ” เขากอดรอบเอวมารดา เกยคางที่ไหล่บาง

       “ได้สิ ให้พี่ธัชขับรถไปก็ได้” ทับทิมบอกพลางช่วยลูกชายยกถ้วยชามที่วางอยู่เอาเข้าบ้านให้เรียบร้อย ใบบุญไม่ได้ตอบมารดา เขาไปสนใจเจ้าลูกแมวตัวเล็กยังคงร้องแง้วๆและวิ่งรอบตัวเขา

       “เดี๋ยวคลุกข้าวให้ รอก่อนสิไอ้ตัวเล็ก”

       “เมี๊ยวววววววว” เขาวางถ้วยใบเล็กก่อนจะเทข้าวคลุกปลาทู เจ้าตัวเล็กกระโดดพุ่งเข้ามาแทบจะทันทีจนถ้วยเกือบจะคว่ำ.. คงจะหิวมากจริงๆนะ

       “ค่อยๆกินสิ” เขาลูบหัวมันแผ่วเบา มันเลียมือเขาก่อนจะเอาตัวเข้ามาเบียด “ถ้าชอบก็อยู่ที่นี่แล้วกัน”

       “เมี๊ยววว”

        เขากลับขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเรียนภาคเช้า ชุดนักศึกษาสีขาวแขนยาวพร้อมเนคไทค์สีกรมท่าครบชุดดูเรียบร้อยสมฐานะนักศึกษาใหม่ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มฉายแววหมองเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง เขายืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกแต่งตัวปรับอารมณ์ตัวเองให้เข้าโหมดปกติ ความรู้สึกวูบโหวงในใจมันคืออะไรกันแน่..
เด็กหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่งไปเรียน เขาไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนมารดาอีกแล้วเพราะเขาปฏิเสธจะไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวอย่างเด็ดขาด และสำหรับเขามอเตอร์ไซค์มันก็สะดวกสบายมากกว่า ใช้เวลาไม่นานเขาก็มาถึงหน้าตึกคณะก่อนเวลาเรียนเกือบครึ่งชั่วโมง กดโทรหาเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่มีเสียงสัญญาณตอบรับอีกเช่นเคย เขารู้สึกเหมือนกรวีร์กำลังมีความลับกับเขา!

        อย่าให้เจอตัวนะ.. 

        “น้องใบบุญ”

       “อ้าวพี่ฮัน” เขายกมือไหว้รุ่นพี่ สายตาก็เหลือบมองว่าจะเจอคนที่ชอบมาด้วยกันหรือเปล่า ชายหนุ่มในชุดนักศึกษายิ้มแป้นในมือถือถุงขนมเต็มไปหมด

        “สุขสันต์วันเกิดนะจ้ะ”

        “ขอบคุณครับ พี่ฮันรู้ได้ไงครับเนี่ย”

        “ก็มันขึ้นแจ้งเตือนในเฟสบุคน่ะสิ”

        “อ้อ” เขานึกขึ้นได้พอดี ปกติก็ไม่ค่อยได้เข้าไปเล่นเท่าไหร่ นานๆทีจะเข้าไปเช็คเพจเท่านั้น “ผมไม่ค่อยได้เข้าไปเล่นเลย”

        “เข้าไปตอบแฟนเพจซะมั่งสิ”

        “แหะๆ แล้ววันนี้พี่ฮันมีเรียนเช้าหรือครับ”

        “เอ่อ” หิรัญเกาหัว จะให้บอกได้ยังไงว่าเขามารอเจอแฟนตัวเอง เพราะเมื่อวานเขาทำอีกฝ่ายโกรธเลยไม่ได้นอนกอดเลย แค่คิดก็รู้สึกเศร้า “พี่.. เอ่อ”

        “ทำอะไรกันอยู่หรือ”

        “กร มาพอดีเลย ไปกินข้าวกัน” เขาลุกขึ้นยืน สาวเท้าเข้าไปหาเพื่อนที่ขอบตาดำคล้ำขึ้นนิดหน่อย ช่วงนี้เฮียใช้งานมันหนักไหรือเปล่านะ “จะได้ขึ้นเรียนทัน.. ไปเหอะยังพอมีเวลา”

        “อืมๆ เอาดิ” กรวีร์พยักหน้า เหลือบตามองหิรัญที่ทำตัวลีบเป็นกุ้งแห้ง เขาไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด เพราะยังเคืองเมื่อวานที่อีกฝ่ายรุ่มร่ามกับเขาในห้องครัวจนเฮียเกือบเห็น มันน่าทุบไหมล่ะ!

        “พี่ฮันไปด้วยกันสิครับ” ใบบุญหันไปชวนรุ่นพี่

        “อื้ม เอาสิ พี่ขอไปด้วยคน”

        “จะไปชวนเขาทำไม” กรวีร์พูดเสียงแข็งใส่

        “ไปกินกันหลายๆคนดีกว่า” เด็กหนุ่มกระซิบข้างหูเพื่อน “มึงยังไม่เลิกเขม่นพี่เขาอีกหรือ?” กรวีร์ทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะพยักหน้า เขาไม่อยากให้เพื่อนลำบากใจเพราะต้องทำงานด้วยกันอีกนาน

       “ก็ได้”

        บรรยากาศในตอนเช้าก่อนเข้าเรียนเริ่มมีนักศึกษาทยอยมากินข้าวสลับสับเปลี่ยนตลอดเวลาทำให้โรงเรียนดูคึกคัก วันนี้พวกเขามากินข้าวโรงอาหารที่อยู่ใกล้กับตึกเรียนรวม หลังจากแยกย้ายกันไปสั่งข้าวโดยมีหิรัญนั่งจองที่เอาไว้ให้ ชายหนุ่มได้แต่นั่งครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้กรวีร์คืนดีกับเขาสักที เมื่อคืนทำเอาเขานอนไม่หลับต้องรีบแจ้นมารอที่คณะ ถ้าหากกรวีร์ขอเลิกกับเขา

        จะทำยังไงดี.. ไม่นะ!

        “พี่ฮัน” ใบบุญมองรุ่นพี่ที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ท่าทางเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ “ไปซื้อข้าวสิครับ”

        “พี่ไม่ค่อยหิว”

        “โถ่ รองท้องหน่อยก็ดีนะ” เขาคิดว่าหิรัญจะต้องมีเรื่องเครียดอยู่แน่ๆ จึงออกตัวไปหาน้ำมาให้ “งั้นผมไปซื้อน้ำให้นะ” ใบบุญเดินสวนกับกรวีร์ที่กำลังมาที่โต๊ะพอดี เขามองหน้าคนรักที่ซีดเผือดก็เอ่ยปากถามเสียงแข็ง

       “ทำไมไม่กินข้าว”

       “ไม่หิวครับ”

        “ไปกินหน่อยเถอะ วันนี้เรียนทั้งวันไม่ใช่หรือไง”

        “เป็นห่วงพี่ด้วยหรือครับ” หิรัญหลุบตามองโต๊ะ ทำหน้าตาน่าสงสารอีกแล้ว

        “ถ้าไม่ห่วงก็ไม่ถามหรอก เลิกงอแงได้แล้ว” กรวีร์รู้ว่าชายหนุ่มตั้งใจมาง้อเขาแต่เช้า ถุงขนมนั่นก็จะเอาให้เขาเหมือนทุกวัน กรวีร์ยอมรับว่าอีกฝ่ายเอาใจใส่เขาดีจริงๆ เว้นแต่หื่นกามเกินไป!

        “จริงๆนะ”
 
        “อือ” เขาเห็นหิรัญหงอยก็อดใจอ่อนไม่ได้ทุกที ไม่เป็นไร.. รอบนี้เขาหลอกล่อให้อีกฝ่ายกินข้าวไปก่อนแล้วค่อยทำโทษอีกครั้งก็ยังไม่สาย “ต้องกินข้าวเช้าทุกวันนะครับ”

        “ถ้ากรพูดงี้ ให้กินอะไรพี่ก็กินได้ทั้งนั้นแหละจ้ะ”

        “อืม กรค่อยไปทำโทษพี่ทีหลังก็ได้”

        “โถ่ พี่ยอมหมดแล้วจ้ะ” กรวีร์เห็นท่าทางกะล่อนแล้วอยากจะทุบคนรักจริงๆ เขารีบปรับสีหน้าท่าทางให้ปกติก่อนจะลงมือกินข้าวมันไก่ ใบบุญเดินเข้ามานั่งพร้อมน้ำเปล่าในมืออีกสองขวด

       “พี่ฮันไปไหนแล้วล่ะ”
 
       “ไปซื้อข้าว”

       “อ้าวไหนบอกไม่กินไง”

       “ไม่รู้เหมือนกัน” กรวีร์หลบสายตาของใบบุญที่มองมาอย่างจับผิด เขาเองก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกเพื่อนสนิท เพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายไปกันใหญ่

        ขอเวลาให้เขาหน่อยนะ.. แล้วเขาจะบอกทุกอย่าง

        ใบบุญเข้าไปเรียนคาบเช้าส่วนกรวีร์จะตามเข้ามาทีหลังเพราะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เขาเปิดชีทเรียนก่อนจะนั่งฟังอาจารย์สอนตามปกติ การสอบกลางภาคใกล้เข้ามาทุกทีทำให้เขาอดกังวลไม่ได้ เขาอาจจะต้องรีบทำเพลงให้เสร็จแล้วรีบมาทุ่มเทให้กับการเรียน จู่ๆโทรศัพท์ในกระเป๋าเขาสั่นครืด เอี้ยวตัวล้วงขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ไลน์ชื่อแปลกๆเด้งขึ้นมาขอเพิ่มเพื่อนก่อนจะรัวข้อความ

       KJ_tat

       ‘ใบบุญ.. สุขสันต์วันเกิดนะครับ’

       ‘เพลงนี้พี่ใช้ช่วงเวลาที่เราห่างกันเขียนขึ้นมา.. สุดท้ายพี่ก็รู้ว่าจริงๆแล้วหัวใจพี่เป็นของใคร ถ้าไม่รังเกียจพี่อยากให้ใบบุญฟังเป็นคนแรกนะ แล้วก็ขอโทษสำหรับทุกอย่าง..’

       หัวใจเต้นรัวแรงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือใคร เขาเลื่อนมือขึ้นไปจะกดบล็อคแต่อีกใจก็อยากจะ.. อยากจะฟังเพลงที่อีกฝ่ายเขียนขึ้นมา เขารู้ว่าธัชรรม์ตั้งใจกับการอัดเพลงครั้งนี้มาก ใครจะไปรู้ว่าเพลงนี้มันจะถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเขากัน! เขาเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้เผลอขบริมฝีปากเวลาที่ชอบใช้ความคิด ก็แค่กดลบทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ต้องกลับไปรู้สึกแย่อีก..

       สมองสั่งอีกอย่างแต่หัวใจกลับสั่งให้ทำอีกอย่าง..

       เขาลุกขึ้นเดินออกมานอกห้องเรียน สวนทางกับกรวีร์ที่กำลังจะเข้าไปในห้อง เสียบหูฟังเข้ากับโทรศัพท์มือถือก่อนจะกดเข้าไปในลิ้งค์ที่อีกฝ่ายส่งมาให้ มันเป็นเพลงช้าที่ทำนองคุ้นเคยราวกับว่าเขาเคยได้ยินมาก่อน

       “พี่ธัช หนูไม่อยากฟังเพลงนี้แล้ว เปลี่ยนไม่ได้หรือจ้ะ”

       “พี่ต้องฝึกเล่นกีต้าร์มันก็เลยต้องเล่นซ้ำๆบ่อยๆสิถึงจะเก่ง”

       “แต่หนูอยากฟังเพลงอื่นแล้วนี่นา”

       “พี่จะเล่นเพลงอื่นก็ได้แล้วเราอยากฟังเพลงอะไรล่ะ”

       “หนูอยากฟังเพลงที่พี่แต่งเอง.. แต่งให้หนูมั่งสิ”

       “รอพี่เก่งๆก่อนนะ แล้วพี่จะแต่งให้..”

       ใบบุญนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มที่เคยบอกเอาไว้ว่าสักวันจะเขียนเพลงให้ คราวนี้เขารู้แล้ว.. คนที่ทำให้เขารักในการร้องเพลงก็คือธัชธรรม์ คนที่คอยสอนคอยดูแลเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก คนที่คอยปกป้องเขา..คือใครคนนั้น มือเรียวบางสั่นระริกเมื่อเห็นชื่อเพลงที่ขึ้น

        ‘You are my galaxy’

    “ในคืนที่ดาวมันเต็มฟ้าที่เธอยังอยู่เคียงข้างฉัน อยากบอกว่าเธอคือทั้งหมดของฉัน..” เสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ที่เขาจำได้ว่าเป็นใคร ใครบางคนที่เคยทำเขาร้องไห้มานับครั้งไม่ถ้วน ใครคนนั้นที่ยังคอยวนเวียนอยู่ในหัวใจ ข้อความที่อยู่ใต้วิดีโอเป็นข้อความสั้นๆจากคนร้อง เขาค่อยๆอ่านช้า

        ถึงคนที่ผมรัก นี่คือจดหมายคำขอโทษจากพี่ชายนิสัยไม่ดี

   สิ่งที่พี่สัญญาเอาไว้ พี่ทำได้แล้วนะ

   ยังคงเฝ้ามองดวงใจของพี่อยู่เสมอ

   คุณคือทุกอย่างของผม..You are my Galaxy

   “ฮึก.. ฮึก ทำแบบนี้ขี้โกงชะมัด” เขาอ่านตัวอักษรทุกตัวจนกระทั่งตัวสุดท้าย เด็กหนุ่มปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทรุดตัวลงกับม้านั่ง ใบบุญไม่เข้าใจเอาซะเลย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้.. ถ้าหากไม่ต้องการกันแล้วก็แค่ปล่อยมือไปแค่นั้น ยิ่งทำแบบนี้เขาก็ยิ่ง..

        ตัดใจได้ลำบากเหลือเกิน

        +++

   เขามาถึงสตูดิโอตอนทุ่มครึ่ง เพราะมัวแต่ประชุมงานกลุ่มกับเพื่อนในเซค ส่วนกรวีร์หายไปทำธุระตั้งแต่บ่ายก่อนจะโทรมาบอกว่าเฮียจะเลี้ยงพิซซ่าในวันเกิดเขาให้รีบมากินของฟรีโดยด่วน เขาเลยต้องทำงานแทนในส่วนของกรวีร์ก่อนจะขอตัวออกมาแทนที่วันนี้เขาจะได้อัดเพลงสบายๆกลับได้มาปาร์ตี้วันเกิดตัวเองแทนเสียอย่างนั้น คิดซะว่าคลายเครียดก่อนสอบก็แล้วกัน.. เขาจอดมอเตอร์ไซค์เสร็จก็เดินขึ้นมาชั้นสอง ค่ายเพลงของหิรัญมีลักษณะเหมือนตึกออฟฟิศทั่วไปมีทั้งหมดห้าชั้น โดยจะแบ่งเป็นชั้นสำหรับซ้อมดนตรี ห้องซ้อมร้อง และห้องซ้อมเต้น

   “ทำไมเฮียมาเลี้ยงที่นี่ล่ะ” เขาถามกรวีร์ที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เดินผ่านเข้ามาจากชั้นล่างก็ไม่เห็นมีใครอยู่สักคน “ปกติเห็นไปจัดที่ผับตลอด”

   “วันเกิดน้องใบบุญก็อยู่แต่คนสนิทสิครับ ไปเลี้ยงที่ผับ.. ผับแตกแน่”

        “เว่อน่า สั่งอาหารมาหรือยัง? แล้วคนอื่นไปไหนหมด”

        “เดี๋ยวก็มา ออกไปซื้อของอยู่” กรวีร์ละสายตาจากโทรทัศน์มองเพื่อนที่หน้าตาเซื่องซึม เขาและหิรัญเห็นเพลงที่ธัชธรรม์ปล่อยออกมาแล้วไม่รู้คนตรงหน้านี้เห็นหรือยัง “วันนี้เฮียลงทุนเข้าครัวเองเลยนะ”

        “โอ้โห ฝนจะตกว่ะ”

        “มึงต้องลอง หมูย่างเกลือของเฮีย” ชายหนุ่มทำหน้าทำหน้าพิลึก จนใบบุญนึกสงสัย

       “กินไม่เหลือ?”

       “ไม่มีคนแดก”

      “โอ๊ย เฮียได้ยินเสียใจตายเลย.. มึงโดนตัดเงินแน่” เขาหัวเราะ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีน้ำตาล แอร์เย็นจนเขาชักเคลิ้มคว้าหมอนอิงมากอดแนบอกแล้วผล็อยหลับไป กรวีร์หันมาอีกทีก็เห็นเด็กหนุ่มกำลังคู้ตัวนอนหลับสบายอารมณ์ เขาไม่อยากปลุกเลยให้ใบบุญนอนพักอีกหน่อย วันนี้คงจะเรียนมาหนักแถมยังช่วยทำงานในส่วนของเขาด้วย

       ช่างเป็นเพื่อนที่ประเสริฐจริงๆ

       “ทำไมมานอนตรงนี้เนี่ย” ธัชธรรม์กลับเข้ามาจากข้างนอก เขาเห็นเด็กหนุ่มกำลังนอนหลับก็เอ่ยถามกรวีร์เสียงเบา

       “พี่อุ้มมันเข้าไปในห้องหน่อยสิ”

       “ปล่อยให้อยู่กับกู มึงแน่ใจ?” ชายหนุ่มถามย้ำ เลิกคิ้วใส่

       “ถ้าพี่ทำอะไรมันอีกละก็.. จะไม่มีทางได้เห็นมันตัวเป็นๆแน่” กรวีร์กดเสียงแน่นย้ำจนอีกฝ่ายหน้าเสีย เขารู้ว่าธัชธรรม์ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว

       “ไอ้ฮัน เอาแฟนมึงไปเก็บดิ” ชายหนุ่มเดินไปตามหิรัญที่กำลังหิ้วของเข้ามา

       “เห้ย พี่ธัชรู้ได้ไงอะ” กรวีร์ถามเสียงหลง ก่อนจะหันไปมองคนรักที่กำลังอึ้งเหมือนกัน “พี่ฮัน!!”

       “พี่เปล่านะ พี่ไม่ได้บอกใครเลย”

       “ไม่ต้องบอกหรอก กูแค่เจอถุงยางในห้องนอนข้างบน ไม่ใช่พวกมึงสองตัวแล้วจะเป็นใคร” ชายหนุ่มพูดเชื่องช้าเหมือนไม่ยี่หระอะไร

       “เชี่ย!” เขาหน้าชาไปหมด หันไปถลึงตาใส่คนรักที่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม “พี่ฮัน ไอ้บ้าเอ๊ย! เก็บของไม่ละเอียดเลย” เขาระดมหมอนข้างฟาดให้หิรัญไม่ยั้ง อยากจะบ้าตายวันละหลายๆรอบ!

       “โอ๊ย ที่รัก.. พี่เจ็บ” หิรัญโอดครวญแต่ก็รับแรงกระแทกจากหมอนข้างแต่โดยดี ธัชธรรม์มองสองคนทะเลาะกันแล้วเวียนหัวไม่รู้ปีศาจซาตานตนใดดลใจให้สองคนนี้คบกันแน่..

       เขาเปลี่ยนไปมองใบบุญที่กำลังนอนกอดหมอนอิงคู้ตัวอยู่บนโซฟา แก้มใสจนเห็นเลือดฝาดพองเล็กน้อยดูน่ารักน่าหยิก เขาใช้นิ้วมือเกลี่ยเส้นผมออกจากวงหน้า ขนตายาวเป็นแพสวยเรียงตัวเป็นระเบียบ ริมฝีปากสีสวยที่เขาชอบมอง เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนตรงหน้าทำให้เขาจุดยิ้ม ชายหนุ่มเดินขึ้นไปห้องนอนเพื่อหยิบผ้าห่มลงมาห่มให้ กรวีร์และหิรัญมองการกระทำตรงหน้าเงียบๆ ก่อนจะมองหน้ากัน

       “พี่ว่าพี่ธัชจะง้อใบบุญได้ไหมอะ”

       “ไม่รู้” หิรัญไหวไหล่ “เท่าที่คุยกัน น้องก็ยังไม่ได้พูดอะไรนะ แต่เรื่องเพลงอะเห็นแล้ว”

       “กรก็ไม่ได้ถาม ไม่กล้า.. กลัวมันจะน้อยใจหาว่าเข้าข้าง” เขาส่ายหัว

       “ใบบุญไม่คิดอย่างนั้นหรอกน่า”

       “พี่ธัชจะรักเพื่อนผมจริงๆใช่ไหม” เขาถามหิรัญ

       “เขารักกันมาตั้งนานแล้ว.. เพียงแต่เพิ่งจะมารู้ใจตัวเอง” กรวีร์พยักหน้ารับคำ มองบรรยากาศเงียบๆแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เขาไม่สามารถจะบอกได้เลยว่าใบบุญเลือกที่จะให้โอกาสธัชธรรม์ไหม เป็นเรื่องยากจะคาดเดาและเขาก็ขอให้เพื่อนได้เลือกทางที่ตัวเองมีความสุขสักที

       ใบบุญสะดุ้งตื่นขึ้นมาไม่เห็นใครจึงเดินลงไปชั้นล่างสุด เสียงหัวเราะเฮฮาดังลั่นออกมาจากห้องครัว เขาเดินเข้าไปก่อนจะยกมือไหว้เฮีย มองไปที่โต๊ะก็มีอาหารวางเต็มไปหมดเลย ยืนลูบท้องป้อยๆมองอาหาร เชื่อเลย! พอตื่นขึ้นมาท้องมันก็ร้องทันที

       “ตื่นแล้วหรือไง เรียนเหนื่อยสินะใบบุญ”

       “นิดหน่อยครับเฮีย” เขารีบเข้าไปประจบ วิ่งไปล้างมือก่อนจะหยิบเฟรนฟรายด์ขึ้นมากินเล่น เขารู้สึกเหมือนมีคนมองจึงหันไปเจอธัชธรรม์กำลังยืนกินเบียร์กระป๋องอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรกับอีกฝ่ายก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น

       ไม่รู้จะคุยอะไรดี..

       “อร่อยอะเฮีย อันนี้มันไวน์ใช่ไหม”

       “กินของแพงด้วยนะมึงเนี่ย”

       “ฮ่าๆ เดี๋ยวผมรินแจกคนอื่นด้วยเลยแล้วกัน” กรวีร์เดินไปหยิบแก้วมาแจกก่อนจะรินไวน์ที่ขโมยมาจากตู้เฮียมาเปิดกิน ใบบุญดมกลิ่นมันเล็กน้อยก่อนจะเบ้หน้า มันกินได้จริงๆใช่ไหม? “ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้น เชื่อกูมันกินได้”

      “เอาไปให้ใบบุญมันกินอีก เดี๋ยวก็เมาไม่รู้เรื่องหรอก”

       “โถ่เฮีย ระดับผมแล้ว สบายมาก” เขายืดอกยอมรับว่าตัวเองน่ะทานแอลกอฮอล์ได้ ธัชธรรม์มองคนตัวเล็กที่ซดไวน์เข้าปากแบบไม่สนใจใคร เขาเดินออกไปตรงระเบียงหยิบบุหรี่ออกมาสูบอีกมวน

       “เครียดหรือวะ”

       “เครียดอะไร” เขามองหิรัญที่ยืนเยื้องออกไปไม่ไกล

       “เรื่องน้อง”

       “นิดหน่อย” เขาพ่นควันสีเทาออกมา เรื่องบุหรี่เขาจะสูบเฉพาะตอนที่มีเรื่องเครียดหรือกินเหล้าเท่านั้น “กูทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว”

       “ถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำมันเต็มที่แล้ว มึงคิดดีแล้วว่าจะยอมปล่อยน้องไป กูก็ไม่ได้ว่าอะไร” หิรัญนั่งลงตรงม้านั่ง ซดเบียร์กระป๋องในมือ

       “พูดงี้หมายความว่ายังไงวะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจกับคำพูดของเพื่อนเลยสักนิด “กูไม่เคยบอกสักคำว่าจะปล่อย อย่างน้อยกูก็จะคอยดูอยู่ห่างๆ”

       “มึงทนไหวหรือไง ถ้าต้องเห็นเขารักกับคนอื่น” หิรัญถามตรงๆ อีกฝ่ายหันมาจ้องเขม็ง

       “ไม่”



 (มีต่อ)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 15 ] 13-02-62 ★ P.2
«ตอบ #58 เมื่อ13-02-2019 17:40:26 »

       “อย่าโง่นักเลย มึงควรจะรีบเสนอหน้าไปง้อทำคะแนนได้แล้ว” ในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนเขาก็อยากให้เพื่อนสมหวังมีความสุข เรื่องอะไรจะปล่อยให้คนอื่นมันมาชิงตัดหน้าไปได้

       “กูไม่ได้เหมือนมึง กูมีวิธีของกู”

       “ถ้ามึงช้า กูก็ช่วยไม่ได้” หิรัญลุกขึ้นยืน พูดไปมันก็ไม่เข้าใจ ไอ้วิถีพระเอกมันใช้ไม่ได้แล้วโว้ย เขาอยากจะบอกมันจริงๆ “ไอ้โชก็จ้องจะงาบอยู่ไม่เห็นหรือไง ถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันดีแล้ว กูก็ดีใจด้วย”

       “….”

       “กูไปหาเมียกูละ” เขายกมือขึ้นทำท่าจุ๊บๆ อย่างน้อยมันก็กำความลับเขาอยู่ อย่าไปกวนตีนมันมากจะดีกว่า “ห้ามบอกเฮียด้วยว่ามึงรู้”

       “เออ น่ารำคาญจริง” เขาโยนบุหรี่ลงพื้นก่อนจะใช้เท้าขยี้ทิ้ง เหม่อมองพระจันทร์กลมโตที่กำลังส่องแสงท่ามกลางความมืดมิด ปาร์ตี้คาราโอเกะในห้องยังมีเสียงลอดออกมาแม้เวลาจะล่วงเลยเกือบห้าทุ่มแล้วก็ตาม เฮียขับรถกลับไปดูแลงานที่ผับ ส่วนหิรัญก็พากรวีร์ไปนอนที่คอนโดแล้ว เขามองสภาพห้องที่เละเหมือนผ่านศึกสงครามแล้วละเหี่ยใจ กองผ้าห่มค่อยๆขยับก่อนที่ใบหน้าขาวจัดของคนที่อยู่ด้านในจะโผล่ออกมา ชายหนุ่มตกใจ.. เขาลืมไปได้ยังไงว่ายังมีใบบุญอยู่อีกคน

       “…”

       “เอ่อ.. ไปอาบน้ำไหม? จะนอนที่นี่หรือจะกลับบ้านพี่จะได้ไปส่ง” เขาถาม เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไรจนเขาต้องเดินเข้าไปใกล้ เห็นใบบุญกำลังนั่งหลับตาอยู่

       “….”

       “หลับหรือเปล่าน่ะ?”

       “ไม่หลับ”

       “ไม่หลับก็ลืมตาสิ” เขาบอก ก่อนจะหลุดขำออกมา ไอ้เด็กคนนี้

       “มันลืมไม่ขึ้นอะ”

       “งั้นก็นอนไป หนาวไหมจะเบาแอร์” เขาเดินไปเบาแอร์เพราะรู้ว่าใบบุญขี้หนาว อีกฝ่ายทำตัวสั่นๆอยู่ในผ้าห่ม น่ารักเป็นบ้า ตอนนี้ทำอะไรก็น่ารักไปหมด..

       “หนาว.. หนาวมากๆเลย”

       “ไม่สบายหรือเปล่า ใครให้กินไวน์เข้าไปเยอะขนาดนั้น” เขาเริ่มไม่สบายใจเพราะใบหน้าขาวจัดของใบบุญขึ้นสีแดงก่ำ เห็นซดไวน์อย่างกับน้ำเปล่า ไม่ใช่ว่ากินเยอะไปหรือไง?

       “มันหนาวๆร้อนๆบอกไม่ถูก”

       “นั่นไง ถ้าไม่สบายอีกรอบนี้ พี่ไม่พาไปหาหมอแล้วนะ” เขาเริ่มบ่น

       “หนูไม่ได้เป็นอะไร แค่กินเยอะไปแล้วมันมึนหัว ง่วงๆ” ปลดผ้าห่มออกจากหัว กลุ่มผมสีน้ำตาลทองยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตากลมแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว

      “เมาแล้วล่ะแบบนั้น ไปนอนข้างบนเถอะ นอนตรงนี้ไม่ได้”

      “แล้วนอนตรงไหนได้”

       “ห้องนอนข้างบนไง เดี๋ยวพี่มานอนข้างล่างเอง”

       “แล้วพี่จะมานอนข้างล่างทำไม” น้ำเสียงอู้อี้ทำให้เขาได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ “ทำไมเราไม่นอนด้วยกันล่ะ” ธัชธรรม์เลิกคิ้วมองคนตัวเล็กที่เริ่มพูดเสียงแผ่วเบา

       “เมาใหญ่แล้ว ไปอาบน้ำก่อนไหมค่อยนอน” เขาบอก มองเด็กหนุ่มที่แค่นั่งก็ยังทรงตัวไม่อยู่ ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาจากตัวก็รู้แล้วว่า.. ไม่รอด เมาชัวร์

       “ไม่ หนูไม่ไป! ฮึก ฮือ”

       “ใบบุญอย่าดื้อ” เขารั้งคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืน แต่ใบบุญไม่ยอมท่าเดียว

       “พี่ก็บอกว่าหนูอย่าดื้อ อย่าดื้อทุกที พี่อะแหละโคตรดื้อ”

       “พี่ดื้อตอนไหน”

       “ทุกตอนเลย” ชูกำปั้นทุบเข้าไปที่ไหล่หนาของธัชธรรม์ น้ำเสียงอู้อี้บ่นเขาไม่หยุด “ไอ้คนใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย”

       “เดี๋ยว ตีพี่ทำไมเนี่ย พี่เจ็บนะ” เขารวบคนตัวเล็กเข้ามากอด อีกฝ่ายมองเขาน้ำตาคลอ เห็นแบบนั้นก็อดใจอ่อนยวบไม่ได้ อยากจะโอ๋อยากจะกอดซะตรงนี้

       “หนูเจ็บกว่าพี่ยังทนได้เลย แค่นี้ทนไมได้หรือไง”

       “ใบบุญใจเย็นก่อน เราเมามากแล้วนะ” เขาบอกคนตัวเล็กที่เริ่มงอแง ถ้าเป็นตอนอารมณ์ปกติให้ตายก็คงไม่มีทางคุยกับเขาแบบนี้แน่ “มีอะไรก็ค่อยๆคุยสิ”

       “….”

       “โกรธอะไรพี่?”

       “โกรธที่พี่มันโง่ โง่ โง่”

       “โอเคพี่โง่เอง พี่ผิดเองพอใจหรือยัง”

       “ฮึก..ฮือ” เด็กหนุ่มเริ่มร้องไห้เสียงดัง สะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร ธัชธรรม์ทำอะไรไม่ถูก ปกติเขาก็แค่เดินผ่านไปไม่เคยคิดจะสนใจแต่คราวนี้มันไม่ใช่ แค่เห็นน้ำตาของใบบุญเขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว “ทำไมพี่ต้องทิ้งหนูไปด้วย.. ทำไมพี่ต้องทิ้งหนูไป” สรรพนามแทนตัวน่าเอ็นดูถูกพูดออกมาแทนตัว เป็นแบบนี้เสมอเวลาอยู่ด้วยกันสองคน จริงๆเขาก็ชอบให้ใบบุญแทนตัวเองแบบนี้มากกว่าด้วยซ้ำ

       “ไม่ทิ้งแล้ว ไม่ทิ้งไปไหนแล้ว สัญญาเลย”

       “จริงๆนะ พี่ธัชสัญญาแล้วนะ”

       “อื้อ แล้วเราก็ต้องสัญญาด้วยว่าจะไม่กินเยอะจนเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้อีก” เขาบอกแกมขำ ลูบหัวอีกฝ่ายที่สูดน้ำมูกเบาๆ

       “หนูไม่ได้เมา!” คนตัวเล็กยังไม่ยอมแพ้ เถียงสู้ทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำแถมยังยืนไม่ตรงอีก “เมาตรงหนาย”

      “พูดยังไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วยังมาบอกว่าไม่เมา” เขาบอก “ไปนอนข้างบนได้แล้ว”

      “อุ้ม”

      “หา?”

      “อุ้มหน่อย” เขามองเด็กหนุ่มที่ปรือตาฉ่ำ สองแขนกางออกกว้าง ขนาดทำริมฝีปากยู่ก็ยังน่ารักจนเขาอยากจะงับเข้าสักที เขาถอนหายใจก่อนจะช้อนตัวใบบุญขึ้นอุ้ม อีกฝ่ายสอดแขนเข้าที่รอบคอพิงซบอกเขาก่อนจะหลับตาพริ้ม ธัชธรรม์รู้สึกหายใจติดขัด ตั้งแต่ทะเลาะกันนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าใกล้คนตัวเล็ก เขาอุ้มใบบุญขึ้นไปชั้นสาม ห้องนอนสำหรับแขกที่เขาจับจองมาหลายเดือนมีเตียงนอนและเครื่องนอนพร้อม ค่อยๆวางเด็กหนุ่มลงบนเตียงแต่มือของอีกฝ่ายดันไม่ยอมปล่อยเขาซะนี่

       “ปล่อยพี่ก่อน เร็วครับ”

       “ไม่เอา อยากให้พี่ธัชนอนด้วย” ดวงตากลมโตฉ่ำปรือช่างยั่วยวนเขาจริงๆเชียว

       “เมาแล้วน่า อย่างอแง”

      “ก็บอกว่าไม่เมา หนูไม่เมาจริงๆ” ใบบุญส่ายหัว

      “โอเค ไม่เมาก็ไม่เมา งั้นปล่อยมือพี่ก่อนนะครับคนดี” เขาถูกดึงคอเสื้อจนล้มโครมลงไปที่เตียง “เห้ย!”

      “อยากนอนกอดพี่ธัช ไม่ได้นอนกอดมานานแล้ว” คนตัวเล็กกอดเขาเอาไว้แน่น ชายหนุ่มคิดว่ามันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ได้อยู่ในท่าล่อแหลม เขาบอกเด็กหนุ่มที่เริ่มจะเคลิ้มหลับ

      “ปล่อยพี่ก่อน”

      “นอนกับหนูนะ”

      “โอเค ก็ได้พี่ยอมแล้ว” เขาทิ้งตัวนอนลงไปบนเตียง อีกฝ่ายโผเข้ากอดก่อนจะซุกเข้าที่อก ชายหนุ่มพึมพำอยู่กับตัวเอง สถานการณ์แบบนี้เขาคิดดีไม่ได้เลย “เอาไงดีวะเนี่ย”
   
       “เหมือนฝันเลย หนูฝันไปหรือเปล่า”
 
      “ยังไม่ได้หลับจะฝันได้ยังไง”

      “หนูเคยอยากให้พี่พูดดีๆกับหนูเหมือนแต่ก่อน” เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเขา ดวงตากลมมองเขาด้วยแววตาเหมือนเก่า มันเต็มไปด้วยความรัก “พอไม่มีพี่อยู่สักคน หนูเหงามาก คิดถึงพี่ธัชมากเลย”

      “ตั้งแต่ตอนไหน”

      “ตอนพี่ไป’เมกา”

      “พี่ พี่ขอโทษ” เขาเป็นคนทิ้งอีกฝ่ายไปจริงๆ ไม่มีการติดต่อใดทั้งนั้นก็จริงอย่างที่ใบบุญบอก เขามันคนใจร้ายจริงๆ แต่วันนี้คนใจร้ายอย่างเขาใจจะขาดอยู่แล้ว
   
      “ฮึก ฮือ”

      “ไม่ร้องๆ เป็นเด็กขี้แยหรือไงจะร้องไห้ทำไม” เขาเกลี่ยน้ำตาที่ไหลออกมาอีกรอบ “ก็พี่อยู่นี่แล้วไง”

      “อือ หนูร้อน..” ใบบุญลุกขึ้นก่อนจะลงมือแกะกระดุมเสื้อนักศึกษา “ขอถอดเสื้อผ้านะ”

      “เดี๋ยวๆ ถ้าถอดก็ไปอาบน้ำเลย” เขาหยุดมืออีกฝ่ายที่กำลังจะปลดกางเกง จะถอดก็ไปถอดที่อื่นอย่ามาถอดตรงนี้พี่ขอร้อง!

      “ไม่อยากอาบแล้ว”

      “แล้วจะถอดทำไม”

      “มันร้อน.. พี่ก็ถอดด้วยกันสิ” เขารีบกุมเป้ากางเกงเอาไว้ เกือบไปแล้วไหมล่ะ!

      “ไม่ถอดโว๊ย!”

      “ทำไมต้องหวงเนื้อหวงตัวด้วย” เด็กหนุ่มยู่ปาก ทำหน้าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ เดือดร้อนเขาต้องโอ๋อีกแล้ว “รังเกียจหนูมากใช่ไหม”

      “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ว่าเราควรนอนได้แล้วนะ โอเค๊?”

      เขารวบเด็กหนุ่มเข้ามากอด ก้มลงฟัดแก้มขาวสักทีสองที ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกมันเขี้ยวอยากจะจับฟัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น แก้มกลมขาวๆที่เขาเคยนึกรำคาญว่ามันจะแตกเมื่อไหร่ ไหนจะริมฝีปากที่ชอบคว่ำใส่เวลาเขาบ่น ดวงตากลมที่ชอบมองหาแต่เขา หรือจะเป็นตัวนุ่มนิ่มที่ชอบซุ่มซ่ามลำบากให้เขาต้องดูแลเป็นประจำ

      เขารู้แล้วว่าทำไมถึงไม่อยากปล่อยให้ใบบุญคลาดสายตา ทำไมตัวเองถึงต้องเอาตัวเข้าไปวนเวียนเข้าใกล้ทั้งที่ปากบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา แต่หัวใจมันรู้สึกตรงกันข้ามมาตั้งนานแล้ว เพราะความเป็นพี่น้องโตด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก เห็นกันมาตั้งนานใครจะไปคิดว่าความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกมันคือความรัก รักที่เฝ้ามองและรอคอยมาตลอด มันคือรักที่บ่มเพาะโดยใช้เวลามาอย่างยาวนานและเขาก็ควรจะรู้ใจตัวเองได้เสียที..

       “อื้อ หนูจั๊กจี๋นะ” อีกฝ่ายเอาหน้าหนีเมื่อไรหนวดเขาทิ่มลงไปทีแก้มนิ่ม

      “ใบบุญ”

      “หนูเมาแล้วนะ”

      “ไม่เมา”

      “ถ้าไม่เมา ตื่นขึ้นมาต้องจำได้นะว่าพูดอะไรกับพี่บ้าง”

      “จำได้สิ”

      “พี่ขออัดวิดีโอเอาไว้ได้ไหม เป็นหลักฐานว่าเราไม่ได้เมาจริงๆ” เขาถาม อีกฝ่ายเอียงคอมองเขาก่อนจะพยักหน้า

      น่ารักจริงๆ..

      “ได้!”

      “งั้นพี่อัดละนะ” เขายิ้มกริ่มก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดกล้องเอาไว้ เด็กหนุ่มตรงหน้ายังอยู่ในชุดนักศึกษาที่ปลดออกมาจนเกือบเปลือยกำลังปรือตาฉ่ำใส่กล้องเขา ให้ตายก็ไม่มีวันให้ใครได้เห็นแน่ “นี่ใคร” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

      “พี่ธัช”

      “คิดถึงพี่ไหมครับ เราไม่ได้เจอกันตั้งนานใบบุญคิดถึงพี่ไหม”

      “คิดถึงมาก อยากเจอพี่ธัชมาตลอดเลย” ใบบุญน้ำตาคลออีกรอบ ต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้คนตัวเล็กกินแอลกอฮอล์อีกแล้ว คอยดู!

      “อยากบอกอะไรกับพี่”

      “อยากนอนกอดเหมือนแต่ก่อน”

      “แต่พี่ตัวใหญ่นะถ้าพี่นอนทับเราจะไม่เป็นไรหรือ”

      “ไม่เป็นไร”

      “แล้วต่อไง.. รักพี่ไหม?” เขาลองถามพลางมองหน้าอีกฝ่าย

      “รัก” ดวงตากลมหลุบตามองพื้นเล็กน้อยก่อนจะช้อนขึ้นมามองเขา “รักพี่ธัชมาตั้งนานแล้ว”

      “อืม เยี่ยม!” เขายิ้มเหมือนคนบ้า หัวใจเต้นรัวจนแทบจะระเบิด “เขาว่าคนเมาจะพูดความจริงนะ”

      “หนูไม่ได้เมา!” ใบบุญยังเถียงทั้งที่หน้ายังแดงก่ำ

     “อืม พี่ก็รักใบบุญเหมือนกัน” เขาพูดก่อนจะรวบคนตัวเล็กมากอดเมื่อเห็นน้ำตาอีกฝ่ายร่วงพรู จูบซับไล่ลงตรงพวงแก้มนิ่มค่อยๆปัดเป่าความรู้สึกไม่ดีออกไป เขารู้ว่ามันต้องใช้เวลา แต่ไม่ว่าอีกนานแค่ไหนเขาก็จะทำ จะคอยอยู่เคียงข้างและดูแลทดแทนช่วงเวลาที่เขาทำหล่นหายไป

      ให้เขาได้ดูแลหัวใจดวงนี้ด้วยเถอะ..



       TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2019 10:17:48 โดย Banoffypie.novel »

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 16 ] 14-02-62 ★ P.2
«ตอบ #59 เมื่อ14-02-2019 10:39:48 »

                                                             Rhyme 16


   เด็กหนุ่มขยับร่างกายด้วยความรู้สึกไม่สบายตัว เขารู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปหมด ค่อยๆลืมตามองเพดานสีขาวปรับโฟกัสให้มันเข้าที่ อาการปวดศีรษะเข้าจู่โจมเขาทันที อาการแฮงค์กลับมาอีกแล้วต้องเป็นเพราะเมื่อวานเขาดื่มเยอะเกินไปแน่ๆ มือขาวปัดป่ายไปรอบตัวก็รู้สึกแปลกๆถึงอะไรบางอย่างชื้นแฉะที่วนเวียนอยู่แถวซอกคอ เขาพยายามสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่ออก หรือว่าจะเป็นไอ้ตัวเล็กจอมแสบที่ชอบร้องขออาหารแต่เช้า

   “ไอ้ตัวเล็ก.. อย่า” เปลือกตาเขาหนักอึ้งเหลือเกิน เขากะว่าจะนอนอีกรอบแล้วค่อยลุกไปคลุกข้าวให้มันกิน ตอนนี้รอไปก่อนนะ “ไม่เล่นน่า!”

   “ใครคือไอ้ตัวเล็ก” เสียงทุ้มดังขึ้นในโสตประสาท มันคุ้นจนเขาต้องเอี้ยวตัวหันไปมอง ธัชธรรม์กำลังนอนอยู่ข้างเขาหน้าตาไม่ค่อยพอใจแถมยัง.. ไม่ใส่เสื้อ?

        เดี๋ยวนะ เขาก็โป๊เหมือนกันนี่หว่า!

   “พี่ธัช!” เขาลุกขึ้นคว้าห่มมาคลุมตัวจนเป็นก้อนกลม กระเถิบหนีอีกฝ่ายที่จุดยิ้มให้ มะเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น เขาจำได้ว่าร้องคาราโอเกะอยู่กับเฮียแล้วก็ดื่มไวน์ที่กรวีร์เปิดให้ไปเยอะมาก

   “นอนอยู่กับพี่แท้ๆยังพูดชื่อคนอื่นอีก” ธัชธรรม์ตะแคงข้างหันมาทางเขาท้าวก่อนจะหลุบตามองพื้นเตียง น้ำเสียงสั่นเครือจนดูน่าสงสาร “พี่น้อยใจนะ”

        “อะไรกันครับเนี่ย?” เขางงเป็นไก่ตาแตกเป็นอาการของอีกฝ่าย หมายความว่าเมื่อคืนเขาเป็นคนเริ่มก่อนใช่ไหม หรืออะไร ทำไมจำอะไรไม่ได้เลยโว๊ย!

        “รับผิดชอบพี่เลยนะครับ.. คนดี” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม พยายามกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำท่าตื่นตกใจ อยากจะรวบเข้ามาฟัดแรงๆให้หายมันเขี้ยวซะให้เข็ด แต่ตอนนี้เขาต้องนิ่งเอาไว้ก่อน

        “ไม่ตลกนะครับ แล้วทำไมพี่ไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ” เขาพูดก่อนจะมองอย่างแวดระวัง เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้พูดคุยกับธัชธรรม์สักประโยค แล้วจะไปชวนอีกฝ่ายมานอนด้วยกันได้ยังไง

        “ใบบุญเป็นคนถอดเอง ถอดให้พี่ด้วย”

        “บ้า! ไม่จริง” ใบบุญอ้าปากค้างส่ายหัวดิก เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำอะไรอย่างนั้นแน่

        “พี่มีหลักฐานนะ ไม่เชื่อมาดูนี่สิ”

        “อะไรนะ?”

       “เมื่อคืนไง ใบบุญยังนั่งคุยกับพี่อยู่เลย” ชายหนุ่มยิ้ม เขาชูโทรศัพท์ไอโฟนที่กำลังเปิดวีดีโออยู่

      “ไหนครับ?” เขาคลานเข้าไปใกล้มองตัวเองในจอโทรศัพท์ของอีกฝ่าย นะนั่นมันเขาจริงๆด้วย! เด็กหนุ่มที่กำลังงอแงพูดเสียงดังฟังชัด ใบหน้าแดงก่ำขนาดนั้นดูยังไงก็เมาชัดๆ

      “คิดถึงมาก อยากเจอพี่ธัชมาตลอดเลย”

      “รักพี่ธัชมาตั้งนานแล้ว”

   “เชี่ย!” เขาอ้าปากค้าง ขยี้ตาตัวเองก่อนจะดูอีกรอบว่าเขาไม่ได้มองผิดไป “ฮื่อ!” เขาขืนตัวเมื่อชายหนุ่มคว้าเข้าไปกอด วงแขนแข็งแรงโอบล้อมจนเขากระดิกตัวไม่ได้เลย

   “ที่นี้เราก็มาคุยเรื่องของเราได้หรือยัง”

       “คุย.. อะไรครับ”

      “เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด”

       “ผมไม่รู้”

      “จะไม่รู้ได้ยังไง?” เขาขบเม้มใบหูขาวจนเด็กหนุ่มหดคอหนี “ใบบุญกับไบร์ทคือคนเดียวกัน”

      “ระเรื่องนั้น ผมก็ขอโทษไปแล้ว” เขาพยายามดิ้นแต่ไม่หลุด “ปล่อยผมนะ”

      “พี่ไม่จบ” ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าแววตาเศร้าซึมลง “เรื่องที่ผ่านมา.. พี่ขอโทษ พี่มันโง่อย่างที่ใบบุญบอกนั่นแหละ”

      “พี่ธัช..”

      “พี่มันใจร้อน ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี จนเผลอทำร้ายคนที่พี่รักเข้าจนได้” ชายหนุ่มบอกก่อนจะกอดเขาไว้แน่น “พี่อยากขอโทษและพี่รู้.. สิ่งที่พี่ทำลงไปมันไม่น่าให้อภัยเลย แต่พี่ก็อยากจะขอโอกาสที่จะได้ดูแลเราอีกครั้ง” ชายหนุ่มเกลี่ยเส้นผมสีสวยของอีกฝ่าย สบตามองอย่างลึกซึ้ง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มสวยสั่นระริก ที่ผ่านมาเขาไม่เคยสนใจคำขอโทษอีกฝ่ายเพราะคิดว่าธัชธรรม์ต้องการที่จะเอาชนะเขาเท่านั้น

      ไม่คิดเลยว่า.. ชายหนุ่มก็จะรู้สึกเหมือนกันกับเขา

      “ผม.. ผม”

      “พี่ทำผิดกับใบบุญมามากพอแล้ว”

      “ผมรู้ว่าพี่เกลียดผมเพราะอะไร ตะ.. แต่เราก็ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆอย่างที่พี่บอกนั่นแหละ” เขาหลุบตามองไปทางอื่น ค่อยๆพูดออกมาแผ่วเบา “ผมไม่ใช่น้องชายพี่ และจะไม่มีวันเป็น”

      “….”

      “เพราะผมไม่เคยมองพี่ว่าเป็นพี่ชายมาตั้งแต่แรก” เขามองชายหนุ่มที่หน้าเสียไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป “ก็บอกแล้วไงว่า..รักมาตั้งนานแล้ว”

      “ใบบุญ..” ธัชธรรม์คลี่ยิ้ม ก่อนจะรวบตัวใบบุญเข้ามากอด เขาดีใจ.. ดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ใบบุญยังอยู่กับเขาไม่ไปไหน เขาไม่อยากฝันร้ายอีกแล้ว

      “ไม่ต้องมากอดเลยยังไงผมก็ยังไม่หายโกรธที่พี่ทำรุนแรงแบบนั้น” เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ย ทุบเข้าที่ไหล่ของชายหนุ่ม

      “จะให้พี่ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น ขอแค่มีใบบุญอยู่ข้างๆ” เขายิ้มหวาน มองเด็กหนุ่มด้วยสายตารักใคร่ เมื่อหมอกควันแห่งความไม่เข้าใจปลิดปลิวออกไปก็ไม่จำเป็นต้องปิดยังความรู้สึกในใจอีกต่อไป

      “ฮื่อ ไม่ชินพี่ธัชแบบนี้เลย” เขายกมือปิดหน้า ไม่กล้าสบตาหวานฉ่ำของอีกฝ่าย บทจะอ้อนก็อ้อนเหลือเกิน หัวใจเขาเต้นแรงจนจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้วนะ

      “แล้วปกติพี่เป็นยังไง”

      “จะให้พูดจริงๆหรือ” พอเห็นชายหนุ่มพยักหน้าเขาก็ทำหน้าครุ่นคิด ให้สามวันสามคืนก็ไม่หมดจริงๆ “ขี้โม้ขี้เก๊กพูดมากปากหมางี่เง่าเอาแต่ใจ”

      “เดี๋ยวๆ พี่เป็นขนาดนั้นจริงดิ นี่เรามองพี่เป็นคนแบบนั้นหรือวะ” ธัชธรรม์อึ้ง เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่ผู้นิสัยดีเลิศเลออะไร แต่ในสายตาใบบุญทำไมเขาดูแย่ขนาดนั้น

      “พูดไม่เพราะนะครับ!”

      “จ๋า พูดเพราะแล้วจ้ะ”

      “หึ! คอยดูนะ ถ้าพี่ธัชยังทำตัวไม่ดีกับผมอีก ผมจะไปหาคนอื่นให้ดู” เขาบอก อีกฝ่ายเบิกตาโพลง

      “ไม่เอา!” ธัชธรรม์กอดเขาแน่นมากขึ้น ส่งไออุ่นผ่านทางร่างกาย “พี่ไม่ยอมให้ใบบุญไปกับคนอื่น”

       “ทำไมล่ะ ถ้าพี่ดูแลไม่ดี ก็มีคนอื่นอยากจะดูแลนะ” เขาดันอกชายหนุ่มออกก่อนจะมองตาแป๋ว เรื่องอะไรเขาจะต้องยอมเหมือนเมื่อก่อนด้วย!

       “ไม่เอาแล้ว พี่จะดูแลใบบุญดีๆเลย.. พี่ไม่ยกใบบุญให้ไอ้โชกุนหรอก”

       “ก็ไม่รู้สิครับ” เขาทำลอยหน้าลอยตา ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดรีบกอดเขาใหญ่เลย เขายิ้มขำก่อนจะเอื้อมมือไปกอดตอบเหมือนกัน

       “ไม่ได้ พี่ก็รักใบบุญไม่แพ้มันหรอก”

       “อะไรนะครับ”

       “พี่รักใบบุญ”

       “....” เขาอึ้ง พอได้ยินชายหนุ่มพูดต่อหน้ามันก็อดดีใจไม่ได้

       “เป็นอะไรครับ มองหน้าพี่สิ” เขามองเด็กหนุ่มที่เอามือปิดหน้า “เขินที่พี่บอกรักหรือครับ เมื่อคืนก็ยังขอให้พี่พูดตั้งหลายรอบ”

      “ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ หนูคิดมาตลอดว่าพี่แค่อยากเอาชนะหนูต่างหาก” เขามุดหน้าเข้ากับหมอนไม่ยอมเปิดหน้าให้อีกฝ่ายเห็น เขาไม่อยากร้องไห้ให้ธัชธรรม์เห็นอีกแล้ว

       “ไม่จริงเลย ไอ้เด็กขี้แย” ชายหนุ่มแงะออกมาจากหมอนก่อนจะช้อนคางเขาขึ้น “อย่าร้องดิ พี่เห็นแล้วใจคอไม่ดี”

       “ก็คนมันดีใจอะ ร้องไม่ได้หรือไง” เขาบ่นอุบ

       “งั้นร้องออกมาให้พอ แล้วจากนี้พี่สัญญาจะไม่ทำให้เราต้องร้องไห้อีก”

       “….”

       “เป็นแฟนกับพี่นะครับ”


+++


       เพลงYou are my Galaxyของธัชธรรม์ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งภายในสัปดาห์เดียว ชายหนุ่มเริ่มถูกติดต่อให้ไปถ่ายแบบและออกงานร่วมกับนักร้องค่ายอื่นในอีเว้นท์ต่างๆ คนที่หน้าบานมากที่สุดคือเฮียกิตที่คอยสนับสนุนงานเพลงของเรามาตั้งแต่แรกเริ่ม เพลงของกรวีร์และหิรัญกำลังจะถูกปล่อยออกมาในอาทิตย์หน้า ส่วนเพลงคิดถึงดาวของเขา เฮียบอกว่าจะทำเอ็มวีให้เป็นเรื่องราวและโปรโมทเพลงของเขาคู่กับเพลงของธัชธรรม์ ตอนนี้เขาได้กำลังใจในการทำงานมากมายทั้งๆแฟนที่ชื่นชอบผลงานและแฟนคลับที่ติดตามมาตั้งแต่เขายังเป็นนักร้องสมัครเล่น

       ตอนนี้ธัชธรรม์ย้ายกลับเข้ามาอยู่บ้านเหมือนเดิม เพราะอีกฝ่ายไม่อยากให้เขาคลาดสายตา แถมยังย้ายข้าวของมาไว้ในห้องนอนเขา จนตอนนี้ห้องเขาเต็มไปด้วยเสื้อผ้า ของใช้ หนังสือเรียนที่ชายหนุ่มเอามาทิ้งไว้ในห้องเขาได้ทุกวัน ผ้าห่ม หมอนก็ย้ายมาอยู่ห้องเขาทั้งหมด ทั้งๆที่ห้องก็อยู่ตรงข้ามกันแต่ธัชธรรม์ก็ยังทำมึนไม่ยอมเอาของย้ายออกไปจากห้องเขาสักที โชคยังดีที่แม่ยังไม่เห็นไม่ต้องเกิดคำถามแน่ๆ

        “วันนี้ไม่ได้พักหรือครับ” เขาถามชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวออกไปข้างนอก เสื้อยืดมีฮู้ดสีกรมท่าและกางเกงยีนส์สีซีดเข้ากับรูปร่างสูงใหญ่อย่างพอเหมาะ ถ้าลองให้เขาใส่คงจะดูไม่จืด

       “เฮียเพิ่งโทรมาบอกว่ามีงาน พี่ไม่อยากไปเลย” ชายหนุ่มโอดครวญทั้งที่วันนี้เป็นวันเสาร์แท้ๆแต่ก็ถูกเรียกใหไปทำงานแทนนักร้องที่แคนเซินงานไปเมื่อวาน เขาจึงได้เสียบแทนโดยไม่ได้ตั้งใจ

       “เอาน่า แปบเดียวก็เสร็จแล้ว จะให้ไปรับไหมครับ”

       “มันดึก พี่ไม่อยากให้เราออกมาข้างนอกคนเดียว”

       “ก็ไม่ไกลจากบ้านมากนี่ครับ ผมไปได้” เขาเสนอตัว จริงๆคืออยากไปดูชายหนุ่มร้องเพลงด้วย

      “ตามใจ มาแล้วบอกพี่ด้วยนะ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ “บอกเฮียก็ได้ว่าจะมา”

      “รับทราบครับ!”

     “พี่อยากนอนดูหนังกับเรามากกว่าอะ” เขายังบ่นไม่เลิก แผนการสวีทของเขาถูกขัดขวางจนได้ แล้วจะไม่ให้อารมณ์เสียได้ยังไง

      “เรื่องนั้นที่พี่ดูค้างไว้หรือครับ ค่อยกลับมาดูก็ได้”

      “พี่เปลี่ยนใจละ ไม่ต้องไปรับพี่หรอก พักผ่อนอยู่บ้านเถอะ” เขาบอกเด็กหนุ่ม ไม่อยากให้ไปเบียดเสียดกับคนอื่น แถมอีเว้นท์ที่เขาไปวันนี้ก็คนเยอะมากด้วย เขาเป็นห่วง

      “เอ้า ทำไมอะ”

      “ไม่อยากให้คนอื่นมอง แม่ง!” เขาบอกก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “มองเหมือนจะแดกเข้าไปทั้งตัว”

      “คิดมากอีกแล้ว”

      “ไม่รู้แหละ อยู่บ้านเป็นเพื่อนไอ้ตัวเล็ก โอเคไหมครับ” เขาก้มลงจุ๊บหน้าผากเด็กหนุ่ม ก่อนจะสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรด ใบบุญยืนมาส่งเขาที่หน้าบ้านพร้อมอุ้มไอ้ตัวเล็กไว้แนบอก

      “อือ รู้แล้วครับ ไม่ซนน่า” เด็กหนุ่มเบะปากใส่คนรัก เห็นเขาเป็นเด็กห้าขวบหรือไง!

      “โอเค งั้นพี่ไปก่อนนะครับ” เขาก้มลงแตะริมฝีปากทาบทับลงไปแผ่วเบา มันเขี้ยวจนอยากจะขบให้ช้ำ

      “ฮื่อ พอแล้ว”

      “เดี๋ยวคืนนี้พี่มานอนกอด”

       “ทะลึ่ง!” เขามองชายหนุ่มที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก มันน่าทุบนัก! “ขับรถดีๆนะครับ” มองรถยนต์สีขาวขับออกไปหัวใจก็เบาโหวงทีละนิด ไม่อยากจะเชื่อว่าตั้งแต่ปรับความเข้าใจกัน ความบาดหมางต่างๆที่เขาคิดว่ามันไม่สามารถจะแก้ไขได้ มันกลับกลายเป็นเรื่องเล็กลงไปถนัดตา

       ‘ไม่ต้องรอกินข้าวกับพี่นะ เดี๋ยวจะรีบกลับไปหา คิดถึงครับ’

   เขายิ้มให้กับโทรศัพท์มือถืออยู่คนเดียว ก่อนจะฟุบหน้าลงกับหมอนอิง แมวลายด่างมองเขาก่อนจะใช้ขาตะบบเบาๆ เขาเงยหน้ามามองก่อนจะแตะไปที่หัวมัน

       “คนกำลังเขินอยู่ อย่าเพิ่งกวนสิตัวเล็ก”

       “เมี๊ยววววววว”

   “ฮ่าๆ ขอโทษทีหิวข้าวแล้วใช่ไหม” เขาลุกขึ้นเข้าครัวลงมือทอดปลาทู ลูบท้องไปมาเขาเองก็ชักหิวแล้วเหมือนกัน เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เขาหรี่เตาแก๊สกำลังรอให้น้ำมันร้อน กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรับโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุด

    “สวัสดีครับ”

       “นั่นใครพูด?” เสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นดังเข้ามาจากในสาย เขาถามย้ำ

      “แล้วนั่นใครครับ?”

       “เอ๊ะ ฉันจะพูดกับเจ้าของบ้าน ไปตามมาที”

       “ไม่มีใครอยู่ครับ มีผมอยู่คนเดียว” เขาตอบ

       “แก? ไอ้ใบบุญ?”

      “แล้วคุณ?” เขาถาม

       “พี่สาวแม่เธอไงล่ะ”

      “ป้าพลอย?”

      “ธัชอยู่ไหนไปเรียกเขามาคุยกับฉันหน่อย” น้ำเสียงที่ออกคำสั่งทำให้เขารู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนนี้ปฏิบัติดีๆด้วยเลยสักครั้ง ถ้าหากไม่ใช่พี่สาวของแม่ทับทิมเขาคงจะด่าเป็นชุดไปแล้ว

      “พี่ธัชไม่อยู่ครับ”

      “งั้นก็เอาเบอร์เขามา”

      “ผมไม่มี” เขาตอบเสียงแข็ง “ถึงมีผมก็ไม่ให้”

      “ไอ้เด็กผี คอยดูนะฉันจะฟ้องแม่แก!” เสียงด่าแหลมปรี๊ดดังออกมาแต่เขาก็ไม่สนใจ

      “เชิญขี่ม้าสามศอกไปฟ้องเลย ผมจะได้เอาใบแจ้งหนี้ที่คุณไปขี้ทิ้งเอาไว้ส่งให้แม่ดู” ร้องเหอะในลำคอก่อนจะตอบ “ผมก็อยากจะรู้นักว่าเงินเดือนผัวฝรั่งที่โยนมาให้คุณใช้จะมีปัญญาจ่ายหนี้คืนได้ไหม”

      “กรี๊ดดด ไอ้เด็กเลว ไอ้เด็กบ้า”

      “เลิกยุ่งกับพี่ชายผมอีก แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือน!” เขาวางสายโทรศัพท์เสียงดัง คงเห็นธัชธรรม์กำลังได้ดิบได้ดีแล้วจะมาไถเงินอีกแล้วสิท่า! ป่านนี้คงจะดิ้นเร่าๆเป็นปลาขาดน้ำไปแล้ว

     “เมี๊ยววววววว”

    “โอเค รอแปบนึงนะตัวเล็ก” เขาวิ่งกลับไปห้องครัวลงมือทอดปลาทั้งที่อารมณ์ขุ่นมัว อีกฝ่ายไม่ค่อยได้ติดต่อเข้ามาเท่าไหร่นอกจากจะมีปัญหาเรื่องเงิน เพราะชอบหยิบยืมคนอื่นไปทั่วเดือดร้อนมารดาเขาที่ต้องตามรับผิดชอบอยู่เสมอ เขารู้ว่าพลอยไพลินไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่นัก และเขาเองก็ไม่ได้อยากนับถือด้วย!

   “ตัวเล็กมาทางนี้เร็ว” เขาเทข้าวคลุกปลาทูลงชาม “รอให้มันหายร้อนก่อน”

       “เมี๊ยวววววว”

       “อะ นั่นไงบอกว่ามันร้อน ค่อยๆกิน” เขามองมันกินค่อยๆงับเข้าปากทีละนิด “สงสัยต้องให้พี่ธัชซื้ออาหารเม็ดมาให้ตัวเล็กหัดกินแล้วล่ะ” มันเงยหน้ามองเขาเหมือนจะประท้วงอะไรบางอย่าง จะว่าไปไอ้ตัวเล็กกับธัชธรรม์ไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่ เพราะชอบแย่งพื้นที่บนเตียงนอน จนเขาต้องอัปเปหิทั้งคู่ออกจากห้องถึงจะได้นอนอย่างสงบสุข

       ใบบุญใช้ช่วงเวลาว่างในตอนบ่ายจัดห้องให้เรียบร้อย เขาเก็บของของธัชธรรม์ที่ทิ้งเอาไว้กลับคืนห้องเดิมเพราะไม่อยากให้แม่สงสัย ถือวิสาสะเปิดเข้าห้องชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามก่อนจะค่อยๆจัดวางของทีละอย่าง เขาพับผ้าใส่ตู้เสื้อผ้า สมุดหนังสือเรียนก็ใส่เข้าตู้ให้จนห้องดูสะอาดขึ้นกว่าเดิมอีก

      มารดาไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดทำให้วันหยุดยาวนี้เขาต้องอยู่บ้านคนเดียว ถ้าธัชธรรม์อยู่ป่านนี้คงนอนดูหนังจนหลับไปหลายตื่นแล้ว ไหนเป็นคนบอกให้เขาขยันอ่านหนังสือแต่ตัวเองดันชวนเขาเที่ยวเล่นตลอด ส่วนชายหนุ่มไม่เห็นต้องอ่านหนังสือมากมายก็ทำข้อสอบได้คะแนนท็อบทุกที

       ไม่ได้อิจฉานะ เขาแค่หมั่นไส้

       เขาเปิดคอมพิวเตอร์เช็คเพจที่นานๆจะเข้าไปดูสักที รวมไปถึงเฟซบุคที่เล่นทิ้งเอาไว้ตั้งนานแล้ว แจ้งเตือนสีแดงขึ้นหราจนเขาต้องกดเข้าไปดูพบว่าคำขอเป็นเพื่อนเยอะมากจนเขาตกใจ เขากดยอมรับคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างเพื่อนและรุ่นพี่ในคณะที่เคยทักทายกัน ส่วนคนไหนที่เขาไม่รู้จักเขาก็กดลบออกไปให้หมด หน้าต่างเด้งขึ้นพร้อมตัวสีแดงเขียนว่าLIVE เป็นการถ่ายทอดสดของงานอีเว้นท์ที่ธัชธรรม์ไปร้องเพลงพอดี

       คนดูเยอะชะมัด..

        เขานั่งรอเพื่อที่ดูชายหนุ่มร้องเพลงอยู่เกือบชั่วโมงจนงานใกล้จะเลิก ชายหนุ่มเดินออกมาจากหลังฉากส่งยิ้มหวานให้แฟนคลับที่ส่งเสียงกรี๊ดก่อนจะเริ่มร้องเพลง ไม่คิดเลยว่าเขาจะรู้สึกเขินเวลาเห็นชายหนุ่มเอาเพลงที่แต่งให้เขาร้องให้คนอื่นฟังแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากบอกรักเขาให้คนอื่นฟังน่ะสิ!

       “โอ๊ย ตายๆ” เขาหน้าร้อนผ่าว มองคนรักที่กำลังยืนอยู่บนเวที ธัชธรรม์เป็นผู้ชายที่เขามองยังไงก็ไม่มีเบื่อ ชายหนุ่มหน้าตาดีมาตั้งแต่เด็ก คิ้วหนาคมเข้มและผิวสีแทนน้ำผึ้งสวย จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากเข้ารูปที่ประกอบกันลงตัวเหมาะเจาะ รูปลักษณ์ภายนอกเป็นที่ต้องตาของสาวๆ ไม่แปลกที่เฮียกิตบอกว่ามีคนทาบทามชายหนุ่มให้ไปถ่ายแบบอยู่ไม่ขาด

       ‘ถ้าวันหนึ่งมันดังขึ้นมา ก็ทำใจหน่อยนะ’

       ‘ผมรู้แล้วครับเฮีย’

      เขาเตรียมใจยอมรับเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าหากมันทำให้ชายหนุ่มได้ไปถึงฝั่งฝันที่ต้องการเขาก็พร้อมจะสนับสนุนทุกอย่าง ลำพังแค่เขาเป็นนักร้องมีเพลงของตัวเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ธัชธรรม์ไม่ใช่.. เขายังไปได้ไกลกว่านี้..

       “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” เขาพึมพำอยู่คนเดียว ในเมื่อเลือกแล้วก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อเท่านั้น “เนอะตัวเล็กเนอะ”

       “เมี๊ยวววววววว”

       ธัชธรรม์เปิดประตูบ้านเอาก่อนจะขับรถเข้ามาจอด บรรยากาศเงียบสงบจนน่าสงสัย เขามองเข้าไปในบ้านที่มืดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ โทรหาใบบุญแต่ก็ไม่มีคนรับ ไม่รู้เจ้าตัวหายไปไหนทั้งๆที่เขาไลน์ไปหาตั้งแต่เย็นแล้ว เปิดไฟก็ไม่เจอใครอยู่ชั้นล่างจึงรีบเดินขึ้นไปชั้นสอง ประตูห้องนอนเขาเปิดทิ้งเอาไว้ เห็นเด็กหนุ่มกำลังนอนซุกอยู่ในผ้าห่มของเขาโดยมีไอ้ตัวเล็กนอนอยู่ปลายเท้า เขามองแล้วนึกเอ็นดูก้มลงจุมพิตที่หน้าผากขาวเนียนจนคนที่กำลังนอนหลับลืมตาตื่นขึ้นมา

       “พี่ธัช มาแล้วหรือครับ”

       “มาแล้ว กินข้าวหรือยัง” เขาถาม มองคนรักที่กำลังงัวเงีย โคตรน่ารัก..

       “ยังเลย นอนเพลินน่ะครับ แหะๆ”

       “งั้นพี่พาไปกินข้างนอกไหม”

      “มะไม่ครับ ทำกินเองก็ได้”

       “จะทำให้พี่กินใช่ไหม”

       “ฮื่อ พี่อยากกินอะไรก็บอกมาได้เลยครับ” เขาลุกนั่งตัวตรงมองชายหนุ่มตรงหน้า ชุดเดียวกับที่เขาเนบนเวทีเลย คงจะรีบกลับมาหาเขาเลยไม่ทันได้เปลี่ยน

       “พี่อยากกินใบบุญ”

      “ทะลึ่ง!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเป็นกากบาท “อันนี้กินไม่ได้นะ ผมไม่ใช่ของกิน”

       “โถ่ ก็พี่ไม่ได้กินนานแล้ว”

       “ดะเดี๋ยวผมทำกับข้าวให้กิน พี่ลงไปรอได้เลย” เขาตอบ ค่อยๆจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่

       “เขินหรือครับ หน้าแดงเชียว”

       “ไม่ใช่สักหน่อย” เขาเถียง

       “เมี๊ยววววววว”

       “ไม่ใช่เรื่องของแมว คืนนี้มึงไปนอนข้างล่างเลยคนเขาจะจู๋จี๋กัน” ชายหนุ่มหันไปทะเลาะกับแมวที่กำลังนอนเล่นอยู่บนตักเขา

(มีต่อ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด