๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่14 [8/7/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่14 [8/7/61]  (อ่าน 4267 ครั้ง)

ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

วิหคสุวรรณ

เมื่อเจ้านกสีทองดันไปถูกตาต้องใจประมุขมารเข้า

มันจะหนีรอดจากกรงทองนี้หรือไม่

โปรดติดตามกันต่อไป

...
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย
กะทิชาวเขา

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2018 18:43:09 โดย kete »

ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
บทนำ
ข้าแค่มาหาผลไม้กินเองนะ


จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

เสียงนกร้องนี้ถ้ามนุษย์และสัตว์ทั่วไปฟังคงได้ยินเพียงเสียง จิ๊บ จิ๊บ ถ้านกด้วยกันเองก็ฟังเป็น



“ผลไม้จ๋า รอข้าก่อนนะข้ากำลังบินไปหาแล้ว"



จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ



“หืม เสียงนก" ชายหนุ่มที่ใครต่างก็เรียกว่าท่านประมุขพรรคมาร กำลังนอนพักอยู่บนต้นไม้ พลันก็ได้ยินเสียงนกร้องทั้งที่ปกติสัตว์ธรรมดาทั่วไปจะหลีกเลี่ยงไอปีศาจของเขา เพราะมันจะทำให้พวกมันกจะอักเลือดตายจากแรงกดดันที่ส่งไป


“นกสีทอง” นกสีทองนี้ทั่วทั้งตัวของมันปกคลุมไปด้วยขนสีทอง มีหางที่ยาว แต่ตัวเล็กนิดเดียวเสียงของมันจึงเจื้อยแจ้วแต่ฟังแล้วไพเราะ กำลังจิกกินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย


“ข้าชอบเจ้า ไปเป็นสัตว์เลี้ยงข้าเถอะ" ว่าจบก็เกิดกรงสีทองเข้าไปล้อมรอบเจ้านกสีทองที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะโดนจับขังกรง



“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ” เจ้านกที่พึ่งรู้ตัวว่าถูกขังก็ตกใจกระพือปีกบินไปมา



“เจ้าคงตกใจ แต่มีนักปราชญ์กล่าวไว้ว่า เมื่อเริ่มรู้จัก จึงเริ่มวางใจ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลเดี๋ยวนานไปเจ้าจะมีความสุขเองที่มีคนเลี้ยงอย่างข้า กลับตำหนักข้ากันเถิด"



“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บบบบบบบ” (ปล่อยข้านะมนุษย์บ้า พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องหรือจะจับข้าไปกิน ไม่นะ ใครก็ได้ช่วยข้าด้วยยยยย)


ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 1
นามของเจ้าคือ ฟู่ฟู่


 ภายในตำหนักลู่เฟิน

“เจ้านกน้อย อยากออกมาจากกรงหรือ งั้นข้าจะเมตตาเจ้าปล่อยเจ้าให้บินเล่นในตำหนักข้าก็แล้วกัน”




แกร๊ก




เสียงประตูกรงเปิดออก เจ้านกสีทองไม่รอช้าบินออกหน้าต่างเพื่อหนีไปจากที่แห่งนี้ทันที


ปึก จิ๊บบบบบบ (เจ็บบบบบบ)

เจ้านกที่คิดว่าจะเป็นอิสระแต่ดันคิดผิดเมื่อมันบินชนอะไรใสๆเหมือนกระจกเข้าอย่างจังทำให้มันร้องลั่น แต่ก็ไม่ละความพยายาม มันจึงบินไปที่หน้าต่างอีกที




ปึก จิ๊บ ปึก จิ๊บ ปึก จิ๊บบบบ (ปึก เจ็บ ปึก โอ้ยเจ็บ ปึก เจ็บโว้ยยย!

สุดท้ายก็นอนกลางปีกอยู่ที่พื้นห้อง





“หึ หึ เจ้านี่น่าขำเสียจริง คิดไม่ผิดที่จับเจ้ามา ข้าบอกแล้วไงว่าจะปล่อยเจ้าให้บินอยูในตำหนักข้า อย่าหวังจะได้ออกไปเลยนะเจ้านกน้อยเพราะข้ากางเขตป้องกันไม่ให้เจ้าออกไปแล้ว หึ หึ”






ชายหนุ่มรูปร่างกำยำสมสัดส่วน ใบหน้าหล่อเหลามีนัยตาสีนิลที่แค่มองก็เหมือนโดนสะกดจิต ผมยาวสีดำถูกรวบไว้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งปล่อยสยายลงมายาวถึงเอว สวมเสื้อผ้าใหมชั้นดีสีดำเช่นกัน เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นประมุขพรรคมาร เพราะพลังที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ ชื่อของเขาคือ หานเฟิง






“มานี่มา มานอนที่เตียงกับข้า" หานเฟิงเดินเข้าไปอุ้มเจ้านกน้อยที่สลบอยู่บนพื้นห้องแล้วนำมาวางลงบนหมอน






“จิ๊บ จิ๊บ" (โอ้ยมึนหัวจัง) มันรู้สึกตัวเหมือนมีใครมาอุ้มแต่ก็มึนหัวเกินกว่าจะยืนขึ้นจึงทิ้งตัวลงนอนเสียดีกว่า






เวลาผ่านไป 1จีบชา (3 นาที)

เจ้านกน้อยเริ่มรู้สึกตัว กระพือปีกนิดนึงแล้วยืนขึ้น

มันกำลังสับสนว่าอยู่ที่ไหน






“ตื่นแล้วหรือเจ้านกน้อย”  หานเฟิงที่กำลังอ่านตำราอยู่บนเตียงอีกฝั่งหนึ่ง หันมาถามเจ้านกน้อยที่พึ่งฟื้นขึ้นมา

แต่เมื่อเจ้านกได้สติก็บินเข้ามาจิกชายหนุ่มตรงหน้าทันที






“โอ้ย นี่เจ้ากล้าจิกมือข้าเหรอ" หานเฟิงที่เห็นนกบินเข้ามาหมายจะจิกตาเขาจึงเอามือมาบังทันเวลาพอดี






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ" (คนใจร้ายปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะจิกตาเจ้า) ฝ่ายเจ้านกก็ไม่ยอมรามือตามจิกต่อ จนเกิดการปะทะกันเล็กน้อยระหว่างคนกับนก






“เจ้ากำลังทำให้ข้าโมโห จะอยู่นิ่งๆอย่างสงบหรือจะอยู่แบบไม่มีลมหายใจห๊ะ" ท่านประมุขพรรคมารเริ่มเผยความร้ายกาจ เขาดูเหมือนคนใจดีเป็นมิตรแต่ทุกคนก็รู้ว่าท่านประมุขคนนี้อารมณ์ร้อน โมโหง่ายเสียเหลือเกิน ซึ่งตอนนี้เจ้านกสีทองตัวน้อยก็ทำให้ท่านประมุขโมโหจนบีบตัวมันแทบจะแหลกคามือ






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จะ จิ๊บ" (ปล่อย ปล่อยข้า ขะ ข้าหายใจไม่ออก) เจ้านกเริ่มสงบเพราะมันรู้ว่าเมื่อมันขยับปีกมันจะยิ่งโดนรัดแน่นขึ้น หนทางรอดมันจึงต้องอยู่นิ่งๆซึ่งนั่นมันก็คิดถูกเมื่อเจ้ามนุษย์นี้คลายแรงที่กำมือแต่ยังคงจับตัวมันไว้อย่างหลวมๆอยู่






“นั่นแหละเด็กดี อยู่นิ่งๆแบบนี้สิ" หานเฟิงเอ่ยชมเจ้านกน้อยเมื่อมันทำตามคำสั่งของเขา






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ” (เจ้ามนุษย์ใจร้าย นั่นเจ้าพูดว่าจะจับข้ากินใช่หรือไม่ ไม่นะข้าไม่อยากตาย ปล่อยข้าไปเถอะ)

เจ้านกส่งเสียงขอความเมตตา แต่มนุษย์มีหรือจะเข้าใจเมื่อฟังเสียงจิ้บ จิ้บที่เปร่งออกมากับฟังเป็นเสียงร้องออดอ้อนเสียนี่






“หึ หึ เสียงเจ้าไพเราะนัก อ่าจริงสิข้ายังไม่ได้ตั้งชื่อให้เจ้าเลย ชื่ออะไรดีเจ้านกน้อย” มนุษย์ที่คิดว่าสื่อสารกับนกเข้าใจพูดคุยเป็นเรื่องเป็นราว






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ" (เจ้าบ้า เจ้าเซ่อ เจ้ามันสมควรตาย)

มนุษย์พูดอะไรข้าฟังไม่เข้าใจแถมมีหน้ามาหัวเราะใส่ข้าทั้งที่เจ้านั่นพึ่งเกือบจะบีบข้าตาย เจ้ามันสมควรตายจริงๆ






“อืมๆ เจ้าอยากได้ชื่อฟู่ฟู่เหรอ ชื่อน่ารักสมกับตัวเจ้าเสียด้วย ฟู่ฟู่ ต่อไปนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าฟู่ฟู่”






“จิ๊บ จิ๊บ”(เจ้าบ้า เจ้าเซ่อ)


เมื่อเห็นเจ้านกขานรับก็คิดว่ามันชอบใจ ทั้งที่คุยคนละเรื่องราวกันเลยแท้ๆ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ขำตรงที่นกด่าพระเอกว่าเจ้าบ้าเจ้าเซ่อ :hao3:

ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 2
อยู่กับเจ้าก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าใด




                ในโลกยุทธภพนี้มีการแบ่งเขตการปกครองห้าแคว้น คือแคว้นถัง แคว้นฉิน แคว้นเจ้า แคว้นอวิ้น และแคว้นเยว่ ในแต่ละแคว้นจะมีพรรค หรือสำนักที่ผู้มีวรยุธมาอยู่ร่วมกันจนก่อตั้งเป็นพรรคได้ ผู้ยึดมั่นในคุณธรรมก็จะเข้าร่วมพรรคฝ่ายธรรมะ ผู้ที่หันหลังต่อศีลธรรมก็จะเข้าร่วมพรรคฝ่ายอธรรม แต่ละพรรคก็จะมีอุดมการณ์ของใครของมัน

และพรรคมารที่มีชื่อเสียงโด่งดังในตอนนี้ก็คือ พรรคมารพยัคฆ์ทมิฬที่ตั้งอยู่ในแคว้นเยว่ แคว้นที่มีป่าลึกลับชื่อว่าป่าห้วงมิติ และพรรคมารพยัคฆ์ทมิฬก็

ตั้งหลักปักฐานที่ในป่าห้วงมิตินี้เอง






‘เฮ้อ นี่ข้าจะหนีจากเจ้านี่ไม่ได้ใช่หรือไม่’ เจ้านกสีทองยืนจับขอนไม้ข้างหัวเตียงมองดูเจ้ามนุษย์นอนหลับอย่างสบายใจ ต่างจากมันที่บินหาช่องทางหนีทั่วทุกมุมห้องก็ไม่สามารถเล็ดลอดหนีไปได้มันจึงบินมาเกาะขอนไม้มองดูเจ้ามนุษยฺ์นี่แทน




‘มองแล้วแค้นนักจับข้ามาทำไม ข้าอยากมีอิสระ ข้าอยากบินไปในโลกกว้าง ตายซะเถอะข้าจะจิกเจ้าจนตาย นี่แหนะๆ’ เจ้านกที่เกิดไฟแค้นบินไปเกาะบนอกแกร่งของร่างสูงแล้วจิกลงไปที่ตำแหน่งหัวใจ




“ฟู่ฟู่ เจ้าจิกข้าอีกแล้วนะ เป็นอะไรหืม" หานเฟิงรวบเจ้าฟู่ฟู่จอมป่วนไว้ในกำมือ ถึงจะงอยปากเล็กของมันจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้แต่มันก็ทำให้คันยุบยิบน่ารำคาญ




“จิ๊บ จิ๊บ”(ปล่อย! ข้า!)






“อืม อยากนอนกับข้างั้นหรือ ได้สิมาๆข้าจะนอนกอดเจ้าเอง" ว่าจบก็วางเจ้าฟู่ฟู่ไว้บนหน้าอกประสานมือกดมันไว้เบาๆ




“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ”(เจ้าหน้าตาย ข้าบอกให้ปล่อยข้าไม่ใช่ให้เจ้ากดข้า) เจ้าฟู่ๆส่งเสียงร้องประท้วง






“ฟู่ฟู่ ถึงข้าจะชอบเสียงเจ้าแต่ตอนนี้ข้าอยากนอนเงียบๆมากกว่า ถ้าเจ้ายังไม่เงียบข้าจะจับเจ้าขังกรงซะ" ร่างแกร่งเอ่ยเตือนเจ้านกน้อยพร้อมทั้งส่งแรงกดดันไปพร้อมน้ำเสียง




‘อึก เจ้ามนุษย์นี่ขู่ข้าอีกแล้ว คิดว่าข้ากลัวหรือไงเหอะ ข้าแค่อยากนอนแแค่นั้นแหละ ข้าถึงเงียบไม่ได้กลัวเจ้าสักนิด ชิ’

เจ้าฟู่ฟู่ที่รับรู้แรงกดดันที่ส่งผ่านมามันจึงคิดว่าทำให้มนุษย์นี่โกรธซะแล้ว ซึ่งไม่เป็นผลดีกับมันเมื่อมันยังอยู่ในอุ้งมือมาร มันอาจจะโดนบีบตายก็ได้จึงสงบเสงี่ยมลงและนอนพักเอาแรงหาทางหนีพรุ่งนี้ดีกว่าจะเลือกมาตายวันนี้





“ดีมาก หลับเสียเถิดฟู่ฟู่น้อย"






เช้าวันใหม่หานเฟิงถูกปลุกโดยเจ้าฟู่ฟู่ตัวป่วนตั้งแต่ยามเหม่า (05.00น.-06.59น.) ทำให้เขาต้องตื่นอย่างช่วยไม่ได้

“หืมตื่นเช้าเสียจริงนะฟู่ฟู่” พร้อมกับใช้นิ้วจิ้มเจ้าตัวเล็กที่เกาะบนอก






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ!!!” (ข้าต้องออกไปหาอะไรกินนะ แต่ข้าออกไปไม่ได้เพราะเจ้า!!!) เวลานี้เป็นเวลาปกติของมันที่ต้องออกไปหาอาหารกินถ้าช้ากว่านี้มันจะหมดเอาหน่ะสิ




“อืม หรือว่าเจ้าหิวอ่าใช่สิ นกอย่างเจ้าออกหาอะไรกินตอนเช้านี่ ถ้าอย่างนั้นรอข้าประเดี๋ยวนึงนะ” เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองมีความคิดตรงกัน หานเฟิงลุกไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องอาบน้ำ ทุกเช้าจะมีสาวใช้เตรียมน้ำมาไว้ให้ที่นี่






“ไปกินข้าวกันเถอะฟู่ฟู่” ชายหนุ่มรวบเจ้านกไว้ในกำมือแล้วเดินออกไปที่ห้องรับรอง ที่มีคนเตรียมสำรับมาไว้ให้แล้ว





“มีถั่วอยู่เจ้ากินได้มั้ย"  เมื่อหานเฟิงยื่นส้มให้เจ้าฟู่ฟู่ ทีแรกมันก็หันหน้าหนีไม่ยอมกิน แต่เมื่อหานเฟิงวางถั่วไว้ตรงหน้าเจ้าฟู่ฟู่แล้วหันมากินข้าวโดยทำทีไม่สนใจมัน เจ้านกน้อยก็จิกกินอย่างเอร็ดอร่อย




ห้องทำงานประมุขพรรคพยัคฆ์ทมิฬ

“ท่านประมุข นี่คืองานว่าจ้างทั้งหมดขอรับ” ท่านรองหัวหน้าพรรคนำใบว่าจ้างจากสำนักหาข่าวมาให้ท่านประมุขตัดสินใจ พรรคพยัคฆ์ทมิฬ รับงานหาข่าว ขายข่าว ลักพาตัว มือลอบสังหาร  โดยก่อตั้งสำนักหาข่าวที่เมืองหลวงแคว้นเยว่แต่ปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าพรรคพยัคฆ์ทมิฬเป็นผู้ก่อตั้ง โดยเปิดเผยเพียงว่าสามารถติดต่อจ้างงานพรรคได้เพียงเท่านั้น งานเหล่านี้ทำให้หารายได้เข้าคลังไม่น้อย และบางครั้งก็ไปขโมยของของขุนนางที่จวนมาขายสร้างกำไรให้มากมาย






“อืม จ้างหาข่าวแคว้นฉิน เรื่องกำลังกองทัพ ให้ตงอี้ไปจัดการแล้วกันปลอมตัวไปสมัครเป็นทหารซะ ต่อไปจ้างฆ่าคุณชายรองสกุลไป๋ ให้ค่าจ้างน้อยแบบนี้ยังมีหน้ามาว่าจ้างพรรคเราอีกเหรอ ไปต่อรองราคามาใหม่”

หานเฟิงแจกแจงงานให้สมาชิกในพรรคแต่ละคน เขาเทียบงานและใตร่ตรองความสามารถของเหล่าสมาชิกว่าคนใดควรทำงานไหน หากใครทำงานดีเขาก็มีรางวัลตอบแทน หากใครทำงานพลาดเขาก็มีบทลงโทษให้มันผู้นั้น ในขณะนี้สมาชิกในพรรคมีราวๆห้าสิบคนได้ ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือ ทำงานได้รวดเร็วไร้ร่องรอยนัก แต่งานไหนอันตรายและมีผลกระทบต่อพรรคมากที่สุดแต่เงินรางวัลตอบแทนมากล้นนั้น เขาก็จะไปจัดการด้วยตัวเอง






“เอ่อท่านประมุข นกนั่นมาจากไหนหรือขอรับ สีทองทั่วทั้งตัวแบบนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน" ท่านรองหัวหน้าพรรคชงหยวนเอ่ยทักเมื่อเห็นนกสีทองแปลกตากำลังจิกกินเมล็ดถั่วอยู่บนโต๊ะทำงาน




“ข้าเจอมันที่กลางป่าห้วงมิติ เห็นสีสวยดีข้าเลยเก็บมาเลี้ยงมันชื่อว่าฟู่ฟู่”






“แล้วมันตัวผู้ หรือตัวเมียหรือขอรับ"






“ข้าก็ไม่รู้ ลืมคิดไปเหมือนกัน"หานเฟิงก็พึ่งมาคิดได้ว่าเจ้าฟู่ฟู่เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ยิ่งเป็นนกแปลกแบบนี้ก็ยิ่งแยกไม่ออกไปกันใหญ่






“จิ๊บ จิ๊บ”(เอื้อก อิ่มจังเลย)


ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 3
เทศกาลหยวนเซียว


ยามเหม่า (05.00น. - 06.59น.)

เจ้านกที่ถึงเวลาออกหากิน มันตื่นขึ้นรับเช้าวันใหมส่งเสียงจิ๊บ จิ๊บ ไพเราะดังเป็นทำนอง




“จิ๊บ  จิบ จิ้บ จิ๊บ” (ผลไม้สดใหม่ ข้าต้องได้กินก่อนใคร ลาล้าลา~)

นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ข้าอยู่กับเจ้าบ้านี่ ถึงตอนแรกข้าพยามยามหาทางหนีทุกวิถีทาง แต่ไม่มีช่องทางหนีให้ข้าเลย เวลาเจ้านั่นพาข้าออกไปที่สวนข้างนอกก็เหมือนกับปล่อยให้ข้าบินไปได้อย่างอิสระแต่เมื่ิอข้าบินไปไกลเกินก็ชนเข้ากับอะไรไม่รู้เหมือนกระจกบางๆใสๆที่ล้อมข้าไว้ แต่มันก็มีข้อดีบ้างคือข้าได้กินผลไม้อร่อยจนพุงกางทุกวัน นั่นทำให้ข้าพอจะอยู่กับเจ้าบ้านี่ได้

เช้านี้็ก็เช่นกันมีคนเอาผลไม้มาวางไว้ให้เหมือนเดิม




อ่า ผลไม้นี่รสชาติอร่อยเสียจริง ข้าจิกกินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย



“อืมตื่นเช้าเหมือนเดิมเลยนะฟู่ฟู่” หานเฟิงที่ได้ยินเสียงเจ้าฟู่ฟู่ขับขานท่วงทำนองอันไพเราะเหมือนทุกเช้าตื่นขึ้นมานั่งมองมันจิกกินผลไม้ที่เขาสั่งสาวใช้ให้เตรียมไว้ให้

ผ่านมาหลายวันแล้วเจ้าฟู่ฟู่ก็เลิกพยศกับเขาเสียที แต่ก็ไม่ยอมฟังคำสั่งของเขาเท่าไหร่

 


ประมุขพรรคมารลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาพร้อมบ้วนปากที่ห้องน้ำ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็มาเรียกเจ้าฟู่ฟู่ไปกินข้าว




“ฟู่ฟู่ไปกินข้าว"

“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ”(เรียกข้าเหรอ ไปกินข้าวใช่มั้ยไปสิ)

เจ้าฟู่ฟู่บินไปเกาะไหล่มนุษย์เพราะมันขี้เกียจบินเอง ที่มันรู้ว่าจะไปกินข้าวเพราะมันทำแบบนี้ซ้ำมาหลายวันแล้ว พอตื่นมาก็มากินผลไม้รองท้องรอเจ้ามนุษย์นี่ตื่น พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ถึงเวลากินอาหาร ตอนนี้ข้ารู้สีกบินไม่สูงเหมือนปกติเท่าไหร่ มันหนักท้องหรือข้าก็ไม่แน่ใจ




“เจ้าหนักขึ้นหรือฟู่ฟู่” หานเฟิงที่รับน้ำหนักเจ้าฟูฟู่ไว้บนบ่าเริ่มรู้สึกถึงความแตกต่างของบ่า เพราะข้างที่เจ้าฟู่ฟู่อยู่มันหนักเหมือนมีก้อนอะไรแปะอยู่บนบ่าเสียแล้ว



“จิ๊บ จิ๊บ”(รีบไปสิ ข้าหิวแล้วนะ)



“หึหึ อ้วนขึ้นจริงๆด้วย แต่ไม่เป็นไรเจ้าเป็นเช่นนี้ก็น่ารักดี"




หนึ่งคนหนึ่งนกนั่งกินข้าวด้วยกัน เจ้านกน้อยกินเมล็ดพืชอย่างอิ่มหมีพีมัน ท่านประมุขก็กินข้าวอย่างเจริญอาหารเพราะมีสหายร่วมโต๊ะ




“วันนี้ข้าจะไปตรวจงานที่หอข่าว ข้าจะพาเจ้าไปด้วย เจ้าอยากไปกับข้าหรือไม่ฟู่ฟู่”

ไม่มีเสียงขานรับจากเจ้านกน้อยเมื่อมันตั้งใจกินอาหารตรงหน้าอยู่




เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางหานเฟิงเลือกจะขี่ม้าไปเพราะถึงจะมีวิชาตัวเบาแต่มันก็ทำให้เปลืองแรงได้ถ้าระยะทางไกลพรรคมารพยัคฆ์ทมิฬตั้งหลักปักฐานที่ตามแนวชายป่าใกล้ลำธารเพราะป่าห้วงมิติเป็นป่าที่สร้างภาพมายาเพื่อให้คนหลงทางเดินวนอยู่ในป่านั้น ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไรภาพมายายิ่งรุนแรงเท่านั้น แต่ตามแนวชายป่าพลังเบาบางจนแทบไม่มี แต่พรรคมารก็ได้วางค่ายกลล้อมรอบอนาเขตของพรรคไว้เพื่อไม่ให้ผู้ใดพบเจอ 




เส้นทางจากแนวชายป่าเข้าเมืองหลวงแคว้นเยว่ต้องผ่านหมู่บ้านชนพื้นเมืองก่อนและเดินทางไปอีกไม่กี่ยามก็ถึงตัวเมืองหลวง




เจ้าฟู่ฟู่ตอนนี้ถูกหานเฟิงจับยัดเข้าที่เสื้อเหลือแค่หัวที่โผล่มา ที่แรกมันไม่ยอมเสียท่าเดียวจนเขาต้องใช้พลังสกัดจุดให้มันอยู่นิ่งและพูดขู่ไปอีกทีจนเจ้านกน้อยต้องยอมสงบ




‘เจ้าบ้ามันทำให้ข้าตัวแข็ง ข้ากลัวมากเลย เจ้ามันคนใจร้าย ข้าผิดอะไรข้าแค่ไม่อยากออกจากป่านั่นเอง ข้าผิดอะไรเจ้าบ้าาาา!!!’ เจ้าฟู่ฟู่ได้แต่ยอมรับชะตากรรม




ตลอดทางจากป่าห้วงมิติยังไม่มีบ้านเรือนของคนมาอาศัยมันสงบเงียบสองข้างทางเป็นทุ่งกว้าง เมื่อเดินทางมาครึ่งวันก็ถึงหมู่บ้านชนพื้นเมืองพักกินข้าวกินน้ำเสร็จก็เดินทางต่อจนถึงเมืองหลวงก็เป็นเวลายามอิ่วแล้ว (17.00-18.59น.)




“วันนี้มีเทศกาลหยวนเซียว ข้าพาเจ้ามาเที่ยวนะฟู่ฟู่” เทศกาลหยวนเซียวเป็นเทศกาลที่ชาวบ้านจะนำโคมไฟมาประดับตามบ้านเรือนสวยงาม ตรงกับวันที่พระจันทร์เต็มดวงคือ วันขึ้น15 ค่ำเดือนอ้าย




“จิ๊บ จิ๊บ”(เรียกข้าเหรอ แล้วที่เจ้าพูดนั่นหมายถึงอะไร) เจ้านกได้แต่สงสัยว่ามนุษย์พูดอะไร แต่ดูที่นี่จะมีมนุษย์เยอะกว่าที่ข้าจากมา แล้วมีแสงตอนกลางคืนเยอะมากด้วย




ทั้งสองพากันเดินชมโคมไฟที่ประดับสองข้างทางไปด้วยกันทุกครั้งที่หานเฟิงพูดกับเจ้าฟู่ฟู่มันก็ส่งเสียงตอบรับมาทำให้เขาพอใจไม่น้อยที่ดูเหมือนมันจะเข้าใจที่เขาพูด แต่ความจริงแล้วเจ้านกได้เพียงแต่ตอบว่า

เจ้าเรียกข้าเหรอ เรียกข้าใช่มั้ย เจ้าพูดว่าอะไร เจ้าช่วยพูดให้ข้าฟังรู้เรื่องได้มั้ยเล่า



หอข่าวสายลม

“นายท่านมาเสียดึกดื่นเลยนะขอรับ” ชายหนุ่มเจ้าของหอหาข่าวตัวปลอมนามว่าหลวนซานมาต้อนรับเจ้าของหอตัวจริง




“อืม แล้วช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อเข้ามาห้องทำงานของเขาแล้วก็จับเจ้าฟู่ฟู่ออกมาให้บินเล่นในห้อง แล้วก็ถามเรื่องเกี่ยวกับหอข่าว หลวนซานก็รายงานเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น รวมไปถึงข่าวที่พึ่งได้รับมา




“เมื่อหลายวันก่อนข้าได้ข่าวมาว่ามีคนพบหยกจันทราขอรับ”หลวนซานรีบเข้าประเด็นทันที



“เจอได้ยังไง แล้วแน่ใจหรือว่าใช่หยกจันทรา”

หยกจันทราคือของวิเศษที่กักเก็บพลังของสัตว์อสูรในตำนานเอาไว้ผู้ใดได้ครอบครองจะได้รับพลังมหาศาล ซึ่งหยกจันทราก็ไม่มีใครเคยพบเจอมาหลายร้อยปีจนคิดว่าเป็นตำนานหลอกเด็กเสียแล้ว



“มีชาวบ้านห้าคนไปหาของป่าที่หุบเขาพันปีแล้วเห็นแสงสว่างบนท้องฟ้าเป็นรูปมังกรขอรับ และทุกคนให้การไปในแนวทางเดียวกันว่าเห็นเป็นรูปมังกรจริงๆขอรับ” 



“หึ เรื่องไร้สาระน่ะ ถ้าเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปพักผ่อนซะคืนนี้ข้าจะนอนที่นี่”



หลวนซานเดินออกจากห้องไปพร้อมกับสงสัยว่านกสีทองนั่นมาจากไหนแต่ก็ไม่อยากถามท่านประมุขมากจึงเลือกจะเงียบเสียมากกว่า



หานเฟิงนั่งตรวจงบบัญชีไปเรื่อยๆ จนเห็นเจ้าฟู่ฟู่ยืนหลับไปแล้วเขาจึงละมือจากงานตรงหน้าแล้วเอาฟุกมาปูนอน



“มานอนได้แล้วฟู่ฟู่” หานเฟิงจับเจ้าฟู่ฟู่มานอนที่ฟุกที่ว่างข้างตัวแล้วก็หลับไปพร้อมกัน

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามากระทบร่างเจ้านกน้อยสีทองก็ก่อให้เกิดแสงสีทองสว่างกระจ่างตาจนทำให้หานเฟิงต้องลืมตามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น


“เจ้าเป็นใคร!!!”



--------------------------------------------------------------

TALK

มาถึงตอนที่สามกันแล้ว ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะขอบคุณมากเลย เนื้อเรื่องมันจะค่อยเป็นค่อยไป และเราอัพบนมือถือขออภัยถ้ามีข้อผิดพลาดเน้อ




ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น่ารักดีนกอ้วน  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 น่าติดตามค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตัดฉับได้ขาดใจ นกวิเศษแน่ๆ

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
รอๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอๆค่ะ  :z13:  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 4
ข้าเป็นใคร


ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องมันสาดแสงผาดผ่านสองร่างที่นอนข้างกัน ก่อให้เกิดแสงสีทองสว่างตาทำให้หานเฟิงต้องลืมตาขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น




“เจ้าเป็นใคร!!!” แต่เมื่อหันไปมองข้างกายตน แทนที่จะมีเจ้าฟู่ฟู่จอมป่วนนอนอยู่ข้างกายกับกลายเป็นชายหนุ่มร่างบางสวมชุดสีขาวปักลวดลายสีทอง ทำให้เขากระเด้งตัวออกมาจากฟุกพร้อมตั้งท่าเตรียมโจมตี




“อะไรๆ เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มชุดสีขาวสะดุ้งตื่นจากนิทราเมื่อได้ยินเสียงดังลั่นเหมือนใครมาตะคอกข้างหู แต่เมื่อมันหันไปหันมาไม่เจอใครนอกจากเจ้ามนุษย์บ้านั่นก็เกิดความสงสัย




“เจ้าบ้า เจ้าทำให้ข้าตกใจนะ ตะโกนเสียงดังทำไมเสียเวลานอนข้าเสียจริง”



“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร แต่สงสัยเจ้าจะมีวรยุทธสูงส่งถึงแอบเข้าห้องข้าได้” หานเฟิงถามอีกครั้ง แม้เขาจะหลับแต่ก็สร้างเขตป้องกันเอาไว้เมื่อมีศัตรูเข้ามาเขาจะสามารถรับรู้ได้ แต่เขาไม่สามารถรู้การมาถึงของชายตรงหน้าได้จึงคิดว่าฝีมือเก่งกาจนัก 



“ข้าก็เป็นนกที่โดนเจ้าจับมาไงเจ้าบ้า เจ้าเซ่อ เอ๊ะข้าฟังเจ้ารู้เรื่อง เอ๊ะ เฮ้ย ข้าเป็นอะไรเนี่ย!!!” เจ้านกตอบหานเฟิงไปด้วยความโมโหจึงแถมท้ายด้วยคำที่เรียกมนุษย์หน้าตายนี้บ่อยๆ แต่เมื่อมันคิดได้อีกครั้งว่าฟังเจ้ามนุษย์นี่เข้าใจก็เกิดความตกใจ เมื่อมันก้มมองดูตัวเองอีกครั้งก็พบว่าร่างกายมันไม่เป็นเหมือนเดิมแล้ว กลับมีนิ้วสิบนิ้ว ทั้งที่มันเคยมีแต่ปีก นี่มันเป็นอะไรเนี่ยยย



“เจ้าคือฟู่ฟู่หรือ อย่าตลกหน่อยเลยน่าทั่วทั้งยุทธภพนี้ไม่เคยมีใครพบเจอว่าสัตว์สามารถกลายร่างเป็นคนมาก่อน ตอบมาเสียดีกว่าว่าใครส่งเจ้ามาไม่อย่างนั้นเจ้าไม่ตายดีแน่”

ทั่วยุทธภพนี้หลายคนสามารถใช้พลังปราณในการสร้างสิ่งอัศจรรย์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเขตป้องกันตน พลังวิชาตัวเบาเหาะเหินเดินอากาศ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครเคยพบเจอมาก่อนคือสัตว์อสูร หรือสัตว์วิเศษต่างๆ แต่มีเรื่องเล่าว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนยุทธภพนี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมาย สัตว์อสูรส่วนมากก็ออกมาทำร้่ายมนุษย์ จนมีพรรคของชาวยุทธพรรคหนึ่งไปกำจัดสัตว์อสูรเหล่านี้ และกักขังมันในป่าห้วงมิติ

แต่นั่นก็เป็นตำนานไม่ใช่เรื่องจริง



“ข้าไม่รู้ ข้าเป็นแบบนี้ได้อย่างไรข้าก็ไม่รู้เจ้าบ้า เจ้าสิต้องบอกว่าเจ้าทำอะไรข้า ข้าถึงเป็นแบบนี้ได้” ชายหนุ่มร่างบางสวนวาจากลับไป มันกำลังสับสน มันมาอยู่ในร่างมนุษย์ได้อย่างไรมันก็ไม่รู้ ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมันก็เป็นนกที่โผบินไปในอากาศ ไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้



“ฟู่ฟู่ นั่นเจ้าจริงๆหรือ” หานเฟิงปลดอาวุธลงและพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้า ชายคนนั้นมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาติดจะออกไปทางสตรีเสียหน่อย ปากเป็นกระจับ จมูกก็โด่งรั้น ดวงตาคมเรียว ผมยาวสลวยสีดำตัดกับชุดสีขาวเมื่อพิจารณาดูให้ดีแล้วชุดนั้นปักลวดลายวิหคสีทองอยู่ มีร่างกายเหมือนกับบุรุษทั่วไปแต่บางกว่าเขานัก



“อ่ะคำนั้นอีกแล้ว เจ้าเรียกข้าใช่หรือไม่ ข้าได้ยินเจ้าพูดคำนี้บ่อย ฟู่ฟู่นั่นคือชื่อข้าหรือ” ร่างบางคิ้วขมวดสงสัยใคร่รู้



“นี่ข้าฝันไปหรือเนี่ย นกจะกลายร่างเป็นคนได้เสียที่ไหน” หานเฟิงกลับมานั่งจ้องหน้าชายหนุ่มชุดขาว พิจารณาสายตาและท่วงทีของชายตรงหน้าก็ไม่มีวี่แววของนักฆ่าเสียเลย มีเพียงสายตาสงสัยใคร่รู้เท่านั้น



“ข้าเป็นเหมือนเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้าเนี่ย”



“เจ้าสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์มาก่อนหรือไม่” หานเฟิงเริ่มทำการชักถามข้อสงสัยเมื่อเริ่มแน่ใจแล้วว่าชายตรงหน้าคือเจ้าฟู่ฟู่ ถึงมันจะน่าเหลือเชื่อไปเสียหน่อยก็เถอะ



“ไม่เคย ข้าเป็นนกธรรมดามาตลอด จนวันหนึ่งเจ้าก็จับข้ามา พูดถึงตรงนี้ก็อยากจะถามเจ้านัก เจ้าจับข้ามาทำไม แถมกักขังข้า ข้าอยากเป็นอิสระ แต่เจ้าก็ไม่เคยฟังคำขอของข้า ดีแต่ข่มขู่ข้า เจ้ามันคนใจร้าย ใจมาร!!!” เจ้านกปล่อยความอัดอั้นเมื่อครั้งเป็นนกไม่สามารถสื่อสารกับบุคคลตรงหน้าให้เข้าใจได้ มาคราวนี้มาอยู่ในร่างมนุษย์มันก็เอ่ยถามให้กระจ่างไปเสียเลย



“ก็ข้าถูกชะตากับเจ้า ข้าเลยจับเจ้ามาเลี้ยง ข้าก็เห็นเจ้ามีความสุขดีกินอาหารจนพุงกางขนาดนี้ อยู่กับข้าไม่ดีหรือไร” ถึงตอนแรกเจ้าฟู่ฟู่จะหาทางหนีตลอดเวลาที่อยู่กับเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่คิดหนีแล้วนี่เห็นกินอาหารทียัดจนพุงกาง



“มันกะ...ก็ดี ชิก็ข้าฟังเจ้าไม่รู้เรื่อง เจ้าชอบคิดเองไม่ถามความสมัครใจของข้าแถมเมื่อเช้านี้เจ้ายังทำข้าตัวแข็งอีก ข้าแค่ไม่อยากออกมาจากที่นั่นข้าผิดอะไรทำไมเจ้าต้องทำร้ายข้าด้วยเล่า” ฟู่ฟู่ระบายความอัดอั้นที่สะสมมา แต่มันก็ไม่ปฎิเสธที่ว่าอยู่กับเจ้ามนุษย์นี่ก็สบายดี ตั้งแต่มันลืมตาดูโลกมันอยู่ตัวเดียวไม่มีครอบครัว ออกหากินเองจนผ่านมาเนิ่นนานแสนนานซึ่งมันก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ มันต้องรีบตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อออกหากินไม่อย่างนั้นอาหารก็จะหมด แถมบางครั้งยังโดนแย่งอาหารไปเสียอีก เมื่อมาเจอกับมนุษย์นี้มันก็ไม่ต้องออกไปหาอะไรกินตั้งแต่เช้า แถมยังมีคนหาอาหารมาให้มันกินทำให้มันสบายนัก




“หึ พอได้เป็นคนแล้วพูดจ้อเสียจริงไม่ผิดกับตอนเป็นนกที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วตลอดเวลา แต่เจ้าที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์นั้นก็แปลกมาก ไม่เคยมีเหตุการณ์บันทึกเอาไว้เสียด้วย มีเพียงแต่นิทานที่เล่าให้เด็กฟังเสียมากกว่า"ร่างสูงขบคิดความเป็นไปได้ของเหตุการณ์นี้



“แต่อยู่ในร่างนี้ก็ดีอย่างหนึ่งนะ” อยู่ๆเจ้านกในร่างคนก็เอ่ยขึ้นมา พร้อมทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้



“ดีอย่างไรรึ"ร่างสูงเกิดความสงสัยที่ชายตรงหน้าพูดขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ



“ก็ดีอย่างนี้ไง!!!ย้าก!!” ร่างบางเงื้อหมัดหวังซัดเข้าใบหน้าหล่อเหลาให้ได้เลือดสักหมัดสองหมัด แก้แค้นที่มันเคยโดนกระทำมา แต่ร่างแกร่งเอียงใบหน้าหลบหมัดเล็กนั่นจนทำให้ร่างบางถลาเข้าสู่อ้อมกอด หานเฟิงพลิกตัวร่างในอ้อมกอดให้ลงนอน จับข้อมือทั้งสองข้างกดลงบนฟุก



“หึ เด็กน้อยคิดจะชกหน้าข้าหรือยังเร็วไปร้อยปีนะ หึ หึ” ร่างแกร่งกล่าววาจาเยาะเย้ยคนด้านล่าง คิดว่าเขาจะเสียท่าให้กับนกที่พึ่งกลายร่างเป็นคนได้หรือ เฮอะน่าขำเสียจริง



“ปล่อยข้านะเจ้าบ้า เจ้าเซ่อ อุ้บ!”เจ้าฟู่ฟู่ด้วยความโมโหจึงเผลอเอ่ยคำที่มันเคยต่อว่าเจ้ามนุษย์นี้เมื่ออยู่ในร่างนกออกมา



“หืม เจ้าบ้า เจ้าเซ่อรึ เมื่อสักครู่นี้เจ้าก็พูดคำนี้ออกมา ตอนอยู่ในร่างนกคงแอบกล่าววาจาว่าร้ายข้าบ่อยๆหรือ หืม”



“ไม่ใช่เสียหน่อย ปล่อยข้าได้แล้วเรามานั่งคุยกันดีๆเถอะนะ” เจ้าฟู่ฟู่พยายามออกไปจากท่าทางตรงหน้า ภาพบุรุษคล่อมกันแบบนี้ไม่งามเสียเลยนะเจ้าบ้า



“ก็ได้”



ทั้งสองผละจากกันฟู่ฟู่ร่างมนุษย์กลับมานั่งอย่างเรียบร้อย แต่ทันใดนั้นเองร่างของชายหนุ่มชุดขาวก็เกิดแสงสีทองระยิบระยับ ร่างก็หดเล็กลงจนกลายเป็นนกตัวจ้อยเหมือนเดิม 



“เจ้า! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!”หานเฟิงสถบออกมาอย่างหัวเสีย



“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ” (ข้ากลับมาเป็นแบบเดิมแล้วหล่ะ ข้าบินได้แล้ว) แถมยังบินไปรอบๆ ห้องเพื่อเป็นการยืนยัน



เช้าวันถัดมาท่านประมุขก็เดินทางกลับพรรค เมื่อคืนเขานอนไม่หลับจึงนั่งตรวจดูงานตลอดคืน ส่วนเจ้าฟู่ฟู่ถึงตอนแรกมันจะส่งเสียงเจื้อยแจ้วแต่สักพักก็เห็นยืนหลับจนเขาสงสารจับมันมานอนบนฟุกให้สบาย



เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้านชนเผ่าก็แวะพัก ที่หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ใหญ่มาก หานเฟิงเดินชมตลาดเพื่อผ่อนคลายจากความประหลาดใจที่พบเจอถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนักก็ตาม หากไปเล่าให้ใครฟังคงคิดว่าเขาเป็นบ้าแน่



“นายท่าน สนใจดูดวงกับข้าหรือไม่เล่า”หญิงเฒ่าผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ตรอกแคบๆท้ายตลาดเอ่ยทักท่านประมุข



“หึ ไม่ล่ะข้าไม่หวังพึ่งดวงนำทางชีวิต” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมเดินจากมา ชีวิตเขาไม่หวังพึ่งดวงและความดีทั้งนั้น แค่มีเงินก็มีอำนาจใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ยังไม่ทันเดินพ้นหญิงเฒ่าผู้นั้นนางก็เอ่ยประโยคแปลกๆขึ้นมา



“เรื่องที่เจ้าพบเจอมาเมื่อคืนนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น”



หานเฟิงหยุดชะงักแล้วหันมาให้ความสนใจหญิงชรา



“เรื่องราวที่คิดว่าสิ้นสุด แต่อีกฝ่ายไม่ยอมหยุด ยังฝืนโชคชะตาชักนำให้เรื่องราวเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ท่านจงโปรดระวังอย่าให้จิตมารครอบงำจิตใจของเจ้า ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์จะยิ่งเลวร้ายนัก ข้าเห็นเพียงเท่านี้ขอบคุณที่ยืนฟังหญิงเฒ่าอย่างข้าพูดจบ”



“ที่เจ้าพูดมานั้นหมายถึงเรื่องใด” ตอนนี้เขาสับสนนัก ถึงทีแรกจะคิดว่าหญิงชราคนนี้ฝันเฟื่องแต่เมื่อเธอเอ่ยประโยคแรกขึ้นมาก็ทำให้เขาอยากรู้ว่า หญิงเฒ่าผู้นี้รู้เรื่องอันใดอีก

“ข้าพูดในสิ่งที่ข้าเห็น ไม่สามารถบอกสิ่งใดได้อีก”



เมื่อไม่เห็นหญิงเฒ่าผู้นี้จะพูดสิ่งใดอีกเขาก็เลือกกลับพรรค พร้อมละทิ้งคำทำนายไว้ที่นั่น อย่าให้จิตมารครอบงำรึ ตอนนี้ใจข้าก็ไม่มีเพียงเศษเสี้ยวความดีหลงเหลืออยู่ ก็เปรียบดังจิตมารครอบงำเสียแล้วกระมัง



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TALK
หญิงเฒ่านั้นพูดเรื่องจริงหรือหลอก ให้คุ้กกี้ทำนายกัน
เรื่องพึ่งเริ่มต้น คอยติดตามกันนะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ คอมเมนต์ของคุณทำให้เรามีกำลังใจมากเลยนะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
หญิงเฒ่าเป็นใครแล้วฟู่ฟู่เป็นสัตว์เทพหรือเปล่าจะรออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ติดตามจ้ะ

ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 5
ตำนานหรือเรื่องจริง

ตั้งแต่กลับมาจากเมืองหลวงเมื่อหลายวันที่แล้ว ท่านประมุขสั่งงานคนในพรรคให้ไปสืบข่าวเกี่ยวกับสัตว์อสูรและหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานช่างดูแปลกตาสำหรับชาวพรรคพยัคฆ์ทมิฬนัก



ภายในห้องทำงานของท่านประมุข

ร่างสูงนั่งอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ตนให้สมาชิกในพรรคไปสืบมา ตั้งแต่คืนหยวนเซียวนั้นฟู่ฟู่ก็ไม่กลายร่างเป็นคนอีกเลย มันยังมีท่าทีคล้ายนกเหมือนเดิมซึ่งตอนนี้เขาปล่อยให้มันไปบินเล่นข้างนอกได้ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตป้องกันของเขา เพราะในป่าห้วงมิตินี้เป็นที่รู้กันดีว่ามันสามารถสร้างภาพมายาให้คนหลงทางมานักต่อนัก จึงไม่สามารถปล่อยให้มันบินไปไกลกว่ารอบๆพรรคได้




เรื่องที่ให้ไปเสาะหามาบ้างก็เป็นเรื่องที่ถูกบันทึกในหน้าหนังสือ บ้างก็เป็นนิทาน บ้างก็เป็นคำบอกเล่า ใจความสำคัญโดยรวมคือ เมื่อห้าร้อยปีก่อนโลกยุทธภพนี้มีมนุษย์และสัตว์อสูรอาศัยอยู่ร่วมกัน จนมนุษย์เริ่มรุกรานพื้นที่ของสัตว์อสูร พวกมันจึงต้องเริ่มออกมาต่อต้านและโจมตีมนุษย์ แรกๆเหตุการณ์ไม่ร้ายแรงนัก แต่เหล่าสัตว์อสูรเริ่มเหิมเกริมจับมนุษย์ฆ่าทิ้งมากมาย แต่มีบุรุษผู้หนึ่งได้นำเหล่าชาวยุทธผู้มีฝีมือในขณะนั้น ขับไล่สัตว์อสูรเข้าไปในป่าห้วงมิติและกักขังพวกมันในป่านั้น




และมีอีกเรื่องที่เขาให้ความสนใจคือ ตำนานหยกจันทรา เรื่องนี้ก็เกิดเมื่อห้าร้อยปีที่แล้วเช่นกัน มีคนเคยบันทึกไว้แต่กลับมีเหตุการณ์ที่พวกมันโดนไฟเผาพร้อมกัน เรื่องนี้จึงเล่ากันปากต่อปากจนเรื่องอาจคลาดเคลื่อนแต่เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ว่า ช่วงนั้นมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังสามารถเล็ดลอดหนีออกจากป่าห้วงมิติมาได้มันคือมังกรดำ สัตว์อสูรที่กัดกินจิตวิญญาณความทุกข์ ความชั่วร้ายของมนุษย์ และมันสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ นั่นทำให้ไม่มีใครรู้ว่าคือสัตว์อสูรเล็ดลอดมา เมื่อมันกัดกินจิตวิญญาณ คนผู้นั้นจะเริ่มหมดแรงและตาย ในที่สุดก็มีบุรุษชุดขาวและพรรคพวกเข้ามาปราบมังกรดำตัวนี้และกักขังมันไว้ในหยกจันทรา และนำไปซ่อนไว้ที่หุบเขาพันปี และยังมีความเชื่อที่ว่าผู้ใดได้ครอบครองหยกจันทรานี้จะได้รับพลังมากมายมหาศาล…

ถึงทีแรกเขาจะคิดว่านั่นคือนิทานหลอกเด็กแต่เรื่องในคืนเทศกาลหยวนเซียวนั่นก็ทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า มันคือตำนานหรือเรื่องจริงกันแน่




“หรือเจ้าจะเป็นสัตว์อสูรรึ ฟู่ฟู่”




“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ!!!” (แย่แล้ว มีคนมา มีคนมา)

เจ้านกที่บินผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องทำงานของท่านประมุขมันกำลังส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างตื่นตระหนก



“หึ ตัวแค่นี้จะไปทำอะไรใครเขาได้” ร่างแกร่งใช้นิ้วจิ้มหัวเจ้านกตัวน้อยทำให้มันล้มลง เขาจึงโดนมันจิกที่นิ้วเพื่อเอาคืน




“จิ๊บบบบบบ!!! จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ”(เจ้าบ้าาาาา!!! มีคนมา มันกำลังมาบุกรังเจ้านะ) เจ้านกรู้สึกโมโหที่พูดอะไรไปมนุษย์ไม่เคยเข้าใจ มันล่ะอยากกลายร่างไปเป็นมนุษย์และตบกระโหลกเจ้ามนุษย์นี้สักที ตอนที่มันกำลังบินเล่นอยู่ตรงป่าด้านหลังพรรคนั้นมันก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเยอะมากๆเลยล่ะเดินมาที่นี่ แถมยังเห็นคนในพรรคเราเดินนำหน้ามาด้วยแล้วแอบหนีไปอีกทางเมื่อมาถึงที่ประตูทางเข้า




“ท่านประมุขแย่แล้วขอรับ พวกพรรคเหยี่ยวพิษเข้ามาในเขตพรรคเราได้แล้วตอนนี้มันก็ท้าทายท่านให้ออกไปสู้กับมัน”รองหัวหน้าชงหยวนเข้ามารายงาน พรรคเหยี่ยวพิษเคยมีเรื่องกันมาหลายรอบกระทบกระแทกกันบ้างแต่ดูเหมือนรอบนี้มันจะไม่อยากตายดีถึงบุกมานี่แถมยกพวกมาเกือบร้อย



“หึเข้ามาได้แบบนี้คงมีหนอนนำทาง พรรคเหยี่ยวพิษรึไปดูหน้ามันเสียหน่อยก็ดี” ว่าจบก็เดินอย่างออกไปอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมสร้างอนาเขตล้อมรอบกักขังไม่ให้ผู้ใดออกไป หนอนเน่าสวะนั่นไว้ค่อยจัดการทีหลัง

“เฮ้ยไหนหัวหน้าพวกแกวะ หรือกลัวจนมุดหัวเข้ากระดองไปเสียแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” เหล่าพวกเหยี่ยวพิษพากันหัวเราะตามหัวหน้าของมัน



“ข้าว่าเป็นเจ้ามากกว่าที่กลัวจนต้องยกพวกมาเยอะเหมือน หมาหมู่ เวลาไล่กัดผู้อื่น” อี้หานสมาชิกพรรคพยัคฆ์ทมิฬตอกกลับไป เพราะในเวลานี้พรรคของเขามีคนอยู่เพียง30 คน อีก20 คนออกไปทำภารกิจอยู่ตามแคว้นต่างๆ




“เจ้า!”



“หลีกทาง” หานเฟิงบอกให้เหล่าลูกน้องตนหลีกทางให้เขาเดินไปประจันหน้ากับพวกที่มาหาเรื่อง ชายหนุ่มเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าด้านหลังก็เจอกับคนราวๆร้อยได้ หึ น่าขำเสียจริงยกพวกมาขนาดนี้คงเก่งมิเบา




“มาได้แล้วรึ ไอ้หานเฟิง หนอยแกนี่ชอบขัดแข้งขัดขาข้าเสียจริงนะ ไม่มีงานอื่นให้ทำแล้วหรือไงวะ” ชายร่างใหญ่โตมีอาวุธเป็นค้อนหัวหน้าพรรคเหยี่ยวพิษ เริ่มเปิดประเด็นหาเรื่องทันที พรรคเหยี่ยวพิษได้งานให้คุ้มครองรถขนสินค้าของเสนาบดีผู้มีอำนาจคนหนึ่ง ใครต่างก็รู้ว่าพรรคเหยี่ยวพิษไร้ผู้ต้านทานจึงไม่มีใครกล้าลักลอบดักปล้นได้ แต่มันก็มีพรรคหนึ่งที่คอยมาขัดแข้งขัดขาเขา มันก็คือพรรคของไอ้หานเฟิง

พวกมันดักปล้นและฆ่าคนของเขาตายหมด เขาจึงโดนท่านเสนาบดีลงโทษแถมเสียค่าชดใช้แทบจะหมดคลัง




“ช่วยไม่ได้ ข้าก็ทำภารกิจเหมือนกับเจ้า ฝีมือห่วยเองยังมาใส่ความให้คนอื่นรับผิดชอบอีกรึ” พรรคของเขาได้รับภารกิจให้ไปดักปล้นรถขนสินค้าของเสนาบดีท่านหนึ่ง ค่าว่าจ้างสมน้ำสมเนื้อเขาเลยรับ ไม่คิดว่าจะเป็นพรรคเหยี่ยวพิษเพราะคนของเขาบอกว่าฝีมือธรรมดาทั่วไป



“ถ้างั้นก็อย่าเสียเวลาคุยกันเลย ข้ามาที่นี่เพื่อเอาเลือดหัวเจ้ามาล้างเท้าข้า!!!” สิ้นเสียงก็เกิดการตะลุมบอน หัวหน้าเหยี่ยวพิษทุบค้อนลงบนพื้นก่อให้เกิดแผ่นดินแยกยาวมาถึงประตูทางเข้า หานเฟิงกระโดดหลบได้ทันเขาชัดเข็มพิษเข้าใส่กลุ่มศัตรูทีเดียวล้มลงไปสิบคน



“เฮื้อก! ไอ้หานเฟิงอย่าอยู่เลยแก” หัวหน้าพรรคเหยี่ยวพิษอารมณ์ร้อนขั้นสุด โถมตัวเข้าต่อสู้กับชายหนุ่มตรงหน้า



ภาพเหตุการณ์ตะลุมบอนนี้เจ้านกเป็นผู้ชมติดขอบเวทีส่งเสียงเจื้อยแจ้วราวกับลุ้นไปด้วย



อ้ากกกกกกเจ้าบ้านั่นฆ่าคน



“จบกันสักทีข้าไม่มีเวลามาก พวกเจ้าถอยออกมา” หานเฟิงตะโกนบอกเหล่าลูกน้องให้ถอยออกมาเพราะเขาจะจัดการพวกมันเสียทีเดียว ตอนนี้มีคนยืนอยู่ราว20 คน หานเฟิงสร้างพลังเกิดเป็นลมรูปร่างเหมือนมังกรยักษ์ภายในลมนั้นมีเข็มพิษหมุนวนไปมาเป็นจำนวนมาก




“เหวอ หัวหน้าข้าไม่อยู่แล้วตัวใครตัวมันละกัน” เหล่าลูกน้องเหยี่ยวพิษเมื่อเห็นมังกรลมตัวยักษ์ก็วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่ก็ไม่ลอดพ้นมังกรลมไปได้ เข็มพิษจำนวนมากทิ่มแทงร่ายกายด้วยความเร็วทำให้พวกที่พากันหนี ตายลงจนหมด ไม่เว้นหัวหน้าพรรคเหยี่ยวพิษด้วยเช่นกัน



เหล่าสมาชิกพรรคพยัคฆ์ทมิฬต่างกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับคิดว่า

จะไม่หาเรื่องท่านประมุขเด็ดขาด!




“และอีกเรื่อง พวกเจ้าจงมายืนเรียงแถวหน้าข้าให้หมด”




“ขอรับ!” ชาวพรรครับคำอย่างขันแข็งเข้ามายืนเรียงแถวหน้ากระดานสามแถว



“ไม่มีใครมาที่นี่ได้ถ้าไม่ใช่คนในพรรค เจ้ากล้ามากที่หักหลังข้า เจ้าจะบอกเองหรือไม่โทษหนักจะได้เป็นเบา”



“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ” (หาตัวคนร้ายหรือ ข้ารู้ ข้ารู้ คนนี้ คนนี้)



“เจ้านกบ้า ไปไกลๆเลยไป” เจ้าฟู่ฟู่บินมาจิกหัวสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ชายผู้นั้นก็ปัดไล่นกไปมา



“หึ ข้าว่าข้ารู้แล้วว่าใครเป็นหนอน นกมักชอบกินหนอนจริงหรือไม่”



“ท่านประมุขโปรดตรองดูใหม่เถอะขอรับเจ้านกนี่อาจจะบินมากวนเล่นก็ได้ขอรับ” ชาย

หนุ่มรีบท้วงติง



“ชงหยวนไปนำยาพูดความจริงมา” ยาพูดความจริงคุณสมบัติตามชื่อสามารถทำให้ผู้ดื่มกินพูดความจริงมีฤทธิ์เพียงหนึ่งชั่วยาม



“ท่านประมุข ข้ายอมแล้ว ข้าเองที่เป็นคนนำพวกนั้นมาแต่มันขู่บังคับข้า ท่านโปรดอภัยให้ข้าด้วยขอรับ” ชายหนุ่มยอมสารภาพความจริงเผื่อว่าโทษหนักจะได้เป็นเบา



“อืมข้าจะให้อภัยเจ้า..จากตัดคอเป็นจับขังทรมานให้สาสมกับคนทรยศอย่างเจ้า จับตัวมันไปและทรมานมันอย่าให้ตายก็พอ”



“ขอรับ”



“ม่ายยยยย นายท่านโปรดให้อภัยข้า”สมาชิกพรรคสองคนรวบตัวเจ้าคนทรยศเข้าไปยังห้องขังทรมาน ห้องนั้นมีบ่องูที่เต็มไปด้วยงูคมเขี้ยวแหลมคมมันจะกัดสิ่งที่ถูกโยนลงไปในบ่อ แต่มีมีพิษที่ทำให้คนได้รับจะเจ็บแผลที่โดนกัดเรื่อยๆไปจนตาย



“ชงหยวนจัดการนำศพไปโยนลงหน้าผาซะ และจำไว้ว่าใครทรยศข้ามันจะเป็นแบบเจ้าผู้นั้น จำไว้ แยกตัวไปจัดการทุกอย่างได้”


“ขอรับ!”



คืนนี้หานเฟิงเลือกมานั่งดื่มน้ำจันทร์ชื่นชมดวงดาราศาลากลางสวน แทนพระจันทร์ที่คืนนี้มืดมิด



“จิ๊บ จิ๊บ” (มานั่งทำอะไรตรงนี้) เจ้าฟู่ฟู่บินมาเกาะที่นิ้วเจ้ามนุษย์เมื่อคนผู้นี้ยังไม่ยอมเข้ามานอน มันเลยบินมาตามหา



“ยังไม่นอนอีกรึ”หานเฟิงถามเจ้านกน้อย แต่ทันใดนั้นก็พลันให้เกิดแสงสว่างสีทองระยิบระยับเจ้านกน้อยกลายร่างเป็นคนนั่งอยู่บนตักท่านประมุข




“เจ้า เป็นคนอีกแล้ว ข้าอยากจะเป็นบ้านัก”ร่างแกร่งลูบใบหน้าคมคายของตนหลังจากเจอเรื่องประหลาดใจอีกแล้ว




“ข้าเป็นคนอีกแล้วล่ะ เย้เย้” ต่างจากเจ้าฟู่ฟู่ที่โยนความแปลกใจทิ้งไปเพราะยังไงมันก็ไม่รู้สาเหตุอยู่ดี




กลับมาแล้วรึ เจ้าออกมาแล้วรึ ข้ารอคอยเจ้ามานานแสนนาน




“โอ้ย ใคร เจ้าเป็นใคร กลับมาอะไรกัน แล้วเจ้าเป็นใคร เสียงบ้านี่หยุดเสียที หยุด! ข้าปวดหัว อ๊ากกก” ร่างบางบนตักยกมือขึ้นมาปิดหูจากเสียงที่วนเวียนอยู่ในหัวมันทำให้เขาปวดหัวจนจะระเบิด ไม่ไหวแล้ว หยุดเสียที




“เจ้าเป็นอะไร ฟู่ฟู่ ปวดหัวรึ บอกข้าสิ"ร่างแกร่งโอบกอดร่างบนตักจนสักพักร่างนั้นก็สงบลง




“ฮึก ข้าปวดหัวมากเลยเสียงนั่นทำข้าเจ็บ”ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับร่างสูง ตาเรียวคมนั่นมีหยดน้ำใสเอ่อคลออยู่เป็นภาพที่น่าดูนัก




“ไม่เป็นอะไรแล้ว เสียงนั่นหายไปแล้วใช่หรือไม่หืม” หานเฟิงเอ่ยปลอบ ตอนนี้ทั้งสองลืมไปแล้วว่านั่งกอดกันอยู่นะ!!!




“หายแล้ว เสียงนั่นพูดแต่ว่า เจ้ามาแล้วรึ เจ้าออกมาแล้วรึ ข้ารอคอยเจ้ามานานแสนนาน พูดแบบนี้ซ้ำๆไปมาเสียงมันดังขึ้นๆจนข้าปวดหัว”



“ไม่มีสิ่งใดเป็นกังวลนัก อาจเป็นผลค้างเคียงที่เจ้ามาอยู่ในร่างคนก็เป็นได้อย่าเป็นกังวลนักเลย”



“อืม อย่างนั้นหรือ อ๊ะข้าว่าจะถามนานแล้วเจ้าชื่อว่าอะไร” ชายหนุ่มชุดขาวนึกคำถามที่สงสัยมานานเขามาอยู่ในร่างคนแบบนี้ก็เรียกเจ้าบ้า เจ้าเซ่อเหมือนก่อนไม่ได้แล้วจึงต้องถามชื่อแซ่้เอาไว้




“หานเฟิง ข้าชื่อหานเฟิง” ร่างแกร่งตอบกลับร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอด




“อืมเจ้าชื่อหานเฟิง ส่วนข้าชื่อฟู่ฟู่สินะ อ๊ะ เฮ้ย เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว"กว่าจะรู้ตัวว่าอยู่ในอ้อมกอดก็เผลอซบอิงแอบอกกว้างไปเสียแล้ว




“หึ จะตกใจไปใยข้านั่งกอดนกที่ข้าเลี้ยงแปลกตรงไหน”




“ก็แปลกตรงเจ้าเป็นบุรุษ ข้าก็เป็นบุรุษไงเล่า” ตอบกลับไปพร้อมดิ้นลงจากตักแกร่งคราวนี้ร่างสูงยอมปล่อยออกมาโดยดี พลางคิดว่าทำไมเขาไม่รู้สึกรังเกียจที่โอบกอดบุรุษด้วยกันเอง หรือเขาเพียงคิดว่าชายตรงหน้าคือนกตัวน้อยที่เขาเลี้ยงไว้



“อืมนี่คือขนมของมนุษย์งั้นรึืข้าขอกินได้หรือไม่” เจ้าฟู่ฟู่หาเรื่องพูดคุยจากอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ เขาเป็นนกทำไมถึงรู้สึกใจเต้นแรงนักเล่า ไม่ๆ มาอยู่ในร่างคนทั้งทีขอลิ้มลองอาหารมนุษย์บ้างเถอะ




“ได้ลองชิมดู” หานเฟิงยื่นขนมให้เจ้าฟู่ฟู่ เขาไม่ชอบของหวานนักจึงดื่มเพียงน้ำจันทร์



“แอกติดคอ ขอน้ำหน่อย” ร่างบางที่เผลอกินขนมเข้าไปเยอะจนติดคอรีบคว้าจอกน้ำมาดื่มกิน



“อ้าาาา น้ำอะไรเนี่ยแสบคอนัก” เมื่อกินน้ำจันทร์ไปถึงรสชาติจะหวานแต่แสบคอไม่น้อย



“หึ หึ นั่นเขาเรียกว่าน้ำจันทร์เด็กอย่างเจ้าไม่ควรดื่ม”



“ข้าไม่ใช่เด็ก มานี่ข้าจะกินให้ดู อึก อ้าาาแสบคอ” เจ้าฟู่ฟู่ไม่ยอมรับว่าเป็นเด็กจึงกินน้ำจันทร์ให้ดูว่าตัวเองก็กินได้ แต่ก็ไม่วายร้องแสบคอตอนท้ายทุกที หานเฟิงไม่ห้ามเพราะเขาจะรอดูว่าร่างบางจะคอแข็งไปถึงเมื่อไหร่



“ตุ๊บ! อ้า ข้าไม่ไหวแล้วพื้นเอียงจังเลย"สุดท้ายเจ้าฟู่ฟู่ก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ



หานเฟิงนึกขำในใจ เขาจึงอุ้มชายหนุ่มเข้าไปนอนเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว คืนนี้เจ้าฟู่ฟู่อยู่ในร่างคนนานกว่าครั้งก่อน เขาวางร่างบางลงบนเตียงนอนอีกฝั่งถึงแม้จะกินน้ำจันทร์จนเมามายแก้มแดง แต่กลิ่นกายกับหอมชวนดอมดม หานเฟิงสลัดภาพออกไปจากหัวแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ ข่มตาหลับพร้อมกับท่องในใจว่า




นั่นคือบุรุษ!!!



--------------------------------------------------

TALK

หวานวันละนิดจิตแจ่มใส :-[



ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :hao7:ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :o8:ฟู่ฟู่คงน่ารักมากทำเอาใจสั่นไหว ติดตามค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 6
บ่อน้ำพุร้อน


เหตุการณ์ฟู่ฟู่กลายร่างเป็นคนนั้น หานเฟิงพอจะสรุปได้ว่าจะเกิดเมื่อวันที่พระจันทร์เติมดวงและวันที่พระจันทร์มืดมิด ในหนึ่งเดือนจะกลายร่างเป็นคนอยู่สองครั้ง แต่ละครั้งจะอยู่ในร่างมนุษย์นานไม่เท่ากันแต่ไม่เคยอยู่จนถึงแสงสุริยันพ้นขอบฟ้าสักครา




ฤดูใบไม้ร่วง

เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วที่เจ้าฟู่ฟู่อาศัยอยู่กับหานเฟิง ถึงจะมีเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ใจอย่างที่มันสามารถกลายร่างเป็นคนได้ มันก็ไม่เก็บมาใส่ใจออกจะชอบเสียด้วยซ้ำเพราะสามารถคุยกับมนุษย์ ได้ทำอะไรสนุกอีกมากมาย ทำให้มันไม่เหงาเหมือนตอนอยู่ตัวคนเดียว



ตอนนี้เจ้าฟู่ฟู่เป็นที่รู้จักของเหล่าสมาชิกในพรรคพยัคฆ์ทมิฬทั้งหมดแล้วในนามฟู่หลง คราแรกที่ท่านประมุขพามาแนะนำให้รู้จัก พวกเขานึกว่าท่านพาฮูหยินมาเปิดตัวเสียอีก ก็มองท่านฟู่หรงงามคล้ายสตรีขนาดนี้ ท่านฟู่หรงเป็นสหายของท่านประมุขจะแวะมาเยี่ยมเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งจะมาตอนฟ้าเริ่มมืดเสียทุกครั้ง ชั่งเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลายนักถึงพวกเขาจะสงสัยแต่ไม่มีสิทธิถามมากกว่านี้!



“หานเฟิง ข้าได้ยินชงหยวนบอกว่าที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อน พาข้าไปแช่หน่อยนะ ข้าอยากไปนานๆจะได้มาอยู่ร่างนี้สักทีนะ” เมื่อแสงสุริยันลาลับ เจ้าฟู่ฟู่ก็มาอยู่ในร่างคน แถมยังขอให้พาไปเที่ยวทันทีเหมือนเตรียมการมาแต่เนิ่นๆ




“นึกอะไรถึงอยากไปแช่บ่อน้ำพุร้อน” หานเฟิงละจากงานตรงหน้ามาคุยกับเจ้าจอมวุ่น




“ชงหยวนบอกว่าแช่น้ำพุร้อนจะทำให้สบายตัวมากเลยนะ พาข้าไปเถอะ”

 


“ก็ได้” เขาก็อยากแช่น้ำร้อนบ้างเหมือนกันเลยถือโอกาสพาเด็กน้อยไปเที่ยวด้วย




“อ๊ะ เจ้าอุ้มข้าแบบนี้อีกแล้ว”ร่างเล็กขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจ

ทั้งสองพากันเดินออกมาหน้าประตูทางเข้าพรรค หานเฟิงก็ช้อนร่างบางในท่าอุ้มเจ้าสาว

 


“ก็ข้าถนัดแบบนี้ อุ้มตั้งหลายครั้งแล้วไม่ชินอีกรึ” ร่างหนาเลิกคิ้วสูงส่งยิ้มกวนให้ เห็นคนในอ้อมกอดไม่ชอบที่เขาอุ้มแบบนี้ก็ยิ่งอยากแกล้งไปเสียทุกครั้งครา เขาถีบตั้วขึ้นวิชาตัวเบาทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงบ่อน้ำพุร้อนแล้ว



หานเฟิงใช้พลังจุดไฟที่คบเพลิงตามจุดรอบบ่อน้ำพุร้อน ก่อให้เกิดแสงสว่างสีนวลตา เมื่อมีแสงสว่างก็ทำให้เห็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีไอความร้อนลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ที่ขอบบ่อมีก้อนหินก้อนใหญ่ไว้เป็นพนักพิงด้านหนึ่ง บริเวนณรอบๆเป็นต้นไม้หนาทึบ พื้นทางเดินก็เป็นหินก้อนเล็กก้อนใหญ่วางเรียงรายกัน

“โอ้โห สวยมากเลย” ฟู่ฟู่วิ่งไปสำรวจรอบบ่อน้ำพุร้อน




หานเฟิงที่เห็นบ่อยจนชินตาแล้วจึงถอดเสื้อผ้าวางไว้ที่พื้นข้างบ่อ เผยร่างแกร่งใหญ่โตที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ผิวสีแทนยิ่งทำให้ร่างนี้ดูน่าหลงใหลขึ้นไปอีกหลายร้อยเท่า ในขณะนั้นเองเจ้าฟู่ฟู่ก็หันหน้ามาปะทะร่างชีเปลือยพอดี




“อ๊าก เจ้าบ้ามายืนแก้ผ้าอะไรตรงนี้เล่า”คนตัวเล็กหันหน้าหนีพร้อมลูบตาเป็นพัลวันหวังลบภาพอุจาดตา อ้ากเห็นไปแล้วร่างกายที่มีกล้ามเนื้อเรียงตัวสวยงามและความเป็นชายที่... อี๋ อย่าไปคิดๆ เสียสายตาหมด




“ก็ข้่าจะลงไปแช่น้ำ แล้วเจ้าจะตกใจอะไรนักหนา เจ้าก็มีเหมือนกับข้าหรือว่าไม่กันนะถึงได้อับอาย” หานเฟิงกล่าวเย้าแหย่ร่างตรงหน้าที่กำลังยืนหันหลังเอามือลูบหน้าลูบตาไปมา ว่าจบก็ก้าวลงไปนั่งพิงหินก้อนใหญ่แช่น้ำร้อนสบายอารมณ์ บ่อนี้ระดับน้ำลึกถึงอกพอดีเมื่อนั่งแช่



ฟู่ฟู่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คิดได้ เป็นบุรุษเหมือนกันจะมาตกใจอะไรกับร่างกายบุรุษด้วยกันเอง มันคิดว่าต้องเป็นเพราะมันยังไม่ชินกับร่างกายมนุษย์นี้เป็นแน่ เมื่อหันมาก็เห็นเจ้าหานเฟิงไปแช่น้ำสบายใจแล้วแถมยังส่งยิ้มกวนมาให้ ชิปล่อยให้มันยืนตกใจได้ตั้งนาน มันจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันก็มีร่างกายเป็นบุรุษเหมือนกัน!




อึก เจ้านี่มันน่านัก!



หานเฟิงได้แต่สบถในใจเมื่อเห็นคนตัวขาวเริ่มถอดเสื้อผ้า ยามที่สาบเสื้อร่นลงถึงต้นแขนก็เผยให้เห็นหัวใหล่เปลือยเปล่าน่าสัมผัส และเมื่อเสื้อผ้าล่วงหล่นถึงพื้นก็ยิ่งทำให้ร่างนั้นเหมือนนางไม้กำลังจะลงมาเล่นน้ำ ร่างบางตัวขาวอะไรที่ควรสีชมพูก็สีนั้น เอวคอดดั่งสตรีนี่อีกมันน่าจับให้จมมือนัก อึก นี่ข้าเป็นอะไรกันแค่เห็นเจ้านี่แก้ผ้าก็เกิดอารมณ์แล้วรึ ข้าต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ หานเฟิงเลือกที่จะหลับตาข่มอารมณ์ไว้

หานเฟิงเป็นบุรุษที่เบื่อหน่ายสตรียิ่งกว่าอะไรทั้งมวลบนโลกใบนี้พวกนางที่วันๆเอาแต่ประทินโฉม แก่งแย่งชิงดีกันเพื่อหวังเป็นที่หนึ่งทำให้เขาเลือกที่จะไม่ยุ่งกับหญิงใด มีบ้างที่ไปเที่ยวหอคณิกาเมื่ออยากปลดปล่อย แต่ไม่มีความคิดจะหาฮูหยินร่วมชีวิตคู่สักครั้ง



“หึว่าแต่ข้า แล้วเจ้าจะหลับตาทำไมหรืออับอายที่เห็นร่างกายข้า” เจ้าฟู่ฟู่เดินลงมาแช่บ่อน้ำร้อนมันเลือกมานั่งแช่ตรงหน้าร่างสูง และกล่าววาจาเยาะเย้ยสวนกลับไป ถึงร่างกายมันจะมีกล้ามเนื้อไม่เท่าก็เถอะแต่มันขาวนะ หึหึเมื่อเทียบกับเจ้าหานเฟิงก็เหมือนถ่านกับหิมะ สงสัยจะอับอายข้อนี้แน่ๆ คิกคิก




“เลิกพูดมากน่าข้าแค่อยากพักสายตา เจ้าก็แช่น้ำไปเงียบๆได้แล้ว”หานเฟิงตอบปัดไป ใครจะบอกว่าเห็นร่างกายบุรุษแล้วเกิดอารมณ์เล่า อืมข้าคงต้องไปเที่ยวหอคณิกา ไม่ได้ปลดปล่อยนานคงฟุ้งซ่านเป็นแน่




“ชิ อ่าแต่แช่บ่อน้ำร้อนแบบนี้ก็สบายเหมือนที่ชงหยวนบอกเลยนะ รู้สึกดีจังเล้ยเป็นมนุษย์เนี่ย ข้าพิงด้วยคนนะ ว้าวพอหันหน้ามาทางนี้เห็นดาวบนท้องฟ้าเต็มไปหมดเลยถึงจะมีแสงจันทร์เต็มดวงก็เถอะ”







เสียงเจื้อยแจ้วของร่างบางที่นั่งพิงหินก้อนเดียวกันพูดไม่หยุดราวกับเป็นนกน้อยส่งเสียบจิ๊บจิ๊บ ทำให้หานเฟิงลืมตาดูหมู่ดวงดาราบนท้องฟ้าตามคำบอกเล่า แสงระยิบระยับบนทองฟ้ากับความสดใสของคนข้างกายไม่รู้ว่าอะไรจะสว่างกว่ากัน




“อ๊ะดาวตกล่ะ ข้าอ่านหนังสือมาเขาบอกว่าถ้าดาวตกให้อธิษฐานแล้วจะสมหวัง”




หานเฟิงหันมองคนข้างกายกำลังยกมือกุมไว้ตรงอกหลับตาขอพร แสงจากคบไฟและดวงจันทร์ทำให้เห็นภาพตรงหน้าชวนมองยิ่งนัก โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้เลยว่าใบหน้าของตนกำลังเคลื่อนเข้าไปใกล้ร่างบางเสียแล้ว




“หานเฟิงเจ้าขออะ… อื้อ” ฟู่ฟู่เมื่อขอพรเสร็จก็หันไปถามคนตัวโตว่าขออะไรถึงในหนังสือจะบอกว่าห้ามถามกันก็เถอะ ก็เขาอยากรู้นี่นาแต่พอหันไปปากของเขาก็ไปโดนปากของเจ้านั่นเสียแล้ว

อ้าก อะไรเนี่ย




หานเฟิงที่กำลังมัวเมาไปกับภาพตรงหน้าไม่รู้เลยว่าตัวเองกับลังจูบกับบุรุษ เขาเพียงรู้สึกว่าอยากสัมผัสให้มากกว่านี้ มากกว่านี้ จึงส่งลิ้นร้อนเข้าไปทักทายริมฝีปากคนตัวเล็กบังคับให้กลีบปากนุ่มหวานนั่นเผยอขึ้น เมื่อร่างบางยอมอ้าปากขึ้นนิดหน่อยก็ถูกลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวพันลิ้นของตน




“อื้อ...อืม” ฟู่ฟู่มึนเมาไปกับรสสัมผัสแปลกใหม่เขาอยากต่อต้านแต่เรี่ยวแรงกลับหายไปไหนหมดก็ไม่รู้มือทั้งสองของเขาจึงวางอยู่ตรงอกแกร่งแทน







หานเฟิงรวบคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก มือข้างหนึ่งบีบเอวคอดที่หมายตาไว้อย่างมันมือ มืออีกข้างลูบแผ่นหลังเนียนนุ่มอย่างหลงใหล ถึงลิ้นเล็กจะเงอะงะบ้างแต่เมื่อถูกจูบเป็นเวลานานก็เริ่มตอบรับสัมผัส ทำให้ร่างสูงพอใจยิ่งนัก




“อื้อออ…ฮ้า เจ้าจะฆ่าข้ารึไง แฮกๆ อ๊ะ อื้อ” ร่างบางที่จะหมดลมหายใจทุบอกแกร่งตุบๆ จนได้มีโอกาสผละออกมาหายใจแต่พักยังไม่ทันเหนื่อยก็โดนร่างสูงจูบอีกแล้ว น่าอายยิ่ง เจ้าบ้าข้าหายใจไม่ทันแล้ว


“ฮืมม เจ้ามันเป็นปีศาจร่ายมนต์ทำให้ข้าหลงมัวเมา”หานเฟิงผละจากกลีบปากบางออกมาให้ร่างบนตักได้พักหายใจ แล้วไล้จมูกของตนไปตามลำคอขาวนวล กลิ่นกายหอมหวานชวนให้เขาขบกัดสร้างรอยความเป็นเจ้าของ




“แฮก แฮก อื้อ...เจ้าบ้า ปล่อยข้านะ” คนบนตักเริ่มมีสติจะลุกออกไป ไม่ไหวแล้วเขาเหนื่อยแถมหัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอกแบบนี้ เจ้าทำอะไรกับข้าเนี่ยเจ้าบ้า เจ้าเซ่อ แถมอะไรมันดุนดันข้าก็ไม่รู้




ทันใดนั้นเองเหมือนสวรรค์รับฟังเจ้าฟู่ฟู่แสงสว่างสีทองเกิดขึ้น จากร่างบางบนตักก็กลายเป็นนกที่โผบินขึ้นฟ้า

“จิ๊บจิ๊บจิ๊บ"(น่าอายๆ ข้าทำอะไรลงไปเนี่ย)






“โถ่เว้ย! มากลายร่างอะไรตอนนี้เจ้าฟู่ฟู่ เจ้ามันเป็นปีศาจร้าย” หานเฟิงสบถตีน้ำกระจายอย่างคนอารมณ์ค้าง ไม่นึกว่าร่างตรงหน้าจะจุดประกายไฟกามารมณ์ในตัวเขาให้ลุกโชนขนาดนี้ ปล่อยให้เขาค้างคาแล้วบินหนีไปมันน่าจับต้มกินนัก






เขาไม่อยากยอมรับตัวเองว่ารู้สึกพอใจกับร่างบางอย่างไม่เคยเกิดกับใครมาก่อนในชีวิต แต่เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มผู้เริ่มลองรักดังนั้นจึงรู้ว่าหลงใหลคนร่างบางไปเสียแล้ว ไว้เจ้ากลายเป็นคนคราวหน้าค่อยมาพิสูจน์อีกทีก็ไม่สาย

หลังจากเหตุการณ์ที่บ่อน้ำพุนั่นเจ้าฟู่ฟู่ในร่างนกน้อยก็ไม่บินเข้ามาใกล้เขาอีกเลยและสงบเงียบไม่พูดไม่จา หานเฟิงก็ยิ่งแกล้งสร้่างเขตป้องกันให้ล้อมรอบเขาห่างกันแค่หนึ่งวา ทำให้เจ้านกไปไหนไกลไม่ได้ มันก็ขึ้นไปจิกผมบนหัวแก้แค้นแต่ทำไปก็เท่านั้นเมื่อหานเฟิงสร้างม่านพลังเล็กๆบนหัวเขาไว้ทำให้ไม่รู้สึกใดๆ



หึหึ ครั้งแรกก็แบบนี้เดี๋ยวต่อไปเจ้าก็ชินเอง




“ท่านประมุขขอรับ ข้าชงหยวนมีจดหมายลับส่งมาให้ท่านขอรับ” รองหัวหน้าพรรคขออนุญาตเข้ามาภายในห้องทำงาน เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วก็เห็นเจ้าฟู่ฟู่กำลังเกาะอยู่บนศีรษะของท่านประมุข




ท่านประมุขชั่งรักเอ็นดูสัตว์เลี้ยงยิ่งนัก นับถือ นับถือ




ชงหยวนคิดรำพึงในใจนับถือท่านประมุขที่รักสัตว์เลี้ยงจนยอมให้ขึ้นไปนั่งบนศีรษะได้แล้วยื่นจดหมายลับให้ท่านประมุขพร้อมกับออกไปจากห้องอย่างรู้งาน




จดหมายลับ เป็นจดหมายที่ปิดผนึกโดยพลังของคนๆนั้นมันจะไม่สามารถถูกเปิดออกเมื่อไม่ถึงมือผู้รับ พลังใส่มามากเท่าใดยิ่งเปิดยากเท่านั้นเพื่อป้องกันการดักปล้น ดังนั้นบางคนจึงต้องไปจ้างหอข่าวให้ส่งจดหมายให้แทน



เมื่อหานเฟิงหยิบจดหมายขึ้นมา กระดาษก็คลี่ออกจนเป็นแผ่นกระดาษเรียบๆ



‘มีเรื่องให้ช่วย มาหาข้าที่นี่ เมื่อจบงานแล้วจะตอบแทนอย่างงามสหาย’

เหวินซาน





ถึงหน้าตาอย่างเขาจะเหมือนไม่มีสหายแต่หานเฟิงก็ยังมีสหายคนหนึ่งเป็นหัวหน้าพรรควิหคสวรรค์อยู่ตอนนี้ ถึงจะไม่น่ามาคบเป็นสหายกันได้แต่ทั้งสองก็เป็นสหายร่วมสาบานกันแล้ว และที่เขียนมาสั้นแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องสำคัญมาก เพราะถึงจะมั่นใจในพลังของตนแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะไม่มีผู้ลักลอบดักปล้นจดหมายลับได้ ดังนั้นจึงไม่บอกอะไรมากมายเพียงเขียนมาแค่ให้ผู้รับเข้าใจก็เป็นพอ



“ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวแคว้นอวิ้นนะฟู่ฟู่”


--------------------------------------
TALK
กรี๊ดกร้าด เขาจูบกันแล้วค่ะโปรดรู้ไว้ฟู่ฟู่อยู่ร่างคนเมื่อใด หานเฟิงไม่พลาดแน่(จริงรึไม่จริง แล้วแต่สวรรค์ลิขิตค่ะ 5555)
 :laugh:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกมากครับ ฟู่ฟู่นี่พูดไม่หยุดจริงๆ ไม่ว่าอยู่ร่างไหน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ฟู่ฟู่น่ารักมากกกกกก  :hao7:

ออฟไลน์ มุมิมิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยย น่ารักมากกกก

ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 7

เดินทาง



หลังจากที่หานเฟิงได้รับจดหมายมาเมื่อวานนี้ เขาก็เตรียมตัวเดินทางไกล แคว้นอวิ้นเป็นแคว้นที่สหายของเขานามว่าเหวินซานตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น

 


ภูมิศาสตร์ของแผ่นดินนี้มีห้าแคว้นด้วยกันมีแคว้นเจ้าอยู่ตรงกลางของสี่แคว้นมีแม่น้ำสายใหญ่ล้อมรอบ ทำให้เป็นเมืองศูนย์กลางการค้า แคว้นเยว่อยู่ทิศใต้เป็นเมืองที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์จึงมีผลผลิตทางการเกษตรส่งออกไปขายตามแคว้นต่างๆได้ แคว้นฉินอยู่ทิศตะวันตกติดกับแคว้นเยว่และแคว้นอวิ้นโดยมีภูเขาสูงกั้นเป็นพรมแดน แคว้นฉินขึ้นชื่อด้านเหมืองแร่และเหมืองเพชรจึงเป็นแคว้นที่ร่ำรวย แคว้นถังตั้งอยู่ทิศตะวันออกติดกับแคว้นเยว่และแคว้นอวิ้น เป็นแคว้นที่มีทะเลเพียงแคว้นเดียวทำให้เป็นเมืองแห่งการประมง และท้ายสุดคือแคว้นอวิ้นตั้งอยู่ทิศเหนือเป็นเมืองที่หนาวเย็นตลอดปี มีหุบเขาพันปีเป็นที่ขึ้นชื่อมันเป็นสถานที่มีพืชสมุนไพรชั้นดีขึ้นมากมาย แต่เมื่อเข้าไปนานเท่าไรเรี่ยวแรงยิ่งลดลงเท่านั้นเหมือนกับว่าหุบเขาพันปีนี้คอยดูดกลืนพลังปราณของผู้คน ขณะนี้ทุกแคว้นกำลังอยู่ในช่วงสงบศึกจากการทำสัญญาร่วมกันของห้าแคว้นเพื่อความผาสุกของราษฎร จึงไม่มีสงครามมานานแล้วหลายปี แต่หากฝ่ายใดได้อำนาจที่เหนือกว่าแคว้นอื่นมาก็คงมิวายก่อสงครามเป็นแน่ เพราะภูมิศาสตร์ของแต่ละแคว้นนั้นมันชั่งล่อตาล่อใจของเหล่าผู้นำกระหายอำนาจนัก




การเดินทางจากใต้สุดไปเหนือสุดใช้เวลาราวๆหนึ่งเดือน หานเฟิงเลือกนั่งเรือไปเพราะใช้เวลาน้อยกว่าเดินทางบนบกที่ต้องผ่านภูเขาและป่า โดยจะไปที่แคว้นเจ้าเพื่อเติมเสบียงและเดินทางต่อจนถึงแคว้นอวิ้น ระยะทางยิ่งไกลยิ่งใช้เวลานานนั้น หานเฟิงจึงคิดว่าต้องขอของรางวัลจากสหายให้หนักพอๆกับเวลาที่เขาเสียไปจากการเดินทาง




ท่านประมุขได้กะเกณฑ์เหล่าสมาชิกในพรรคตนเอง 30 คนร่วมเดินทางในครั้งนี้ทิ้งให้ชงหยวนและคนที่เหลือดูแลงานที่นี่แทนตนเอง เพราะการเดินทางโดยเรือย่อมมีอันตรายจากโจรสลัดเช่นกันใครโชคดีก็ไม่พบเจอ ใครโชคร้่ายก็โดนปล้นจนหมดตัวและอาจหมดชีวิตได้ แม้ทางการของแคว้นต่างๆจะปราบเหล่าโจรสลัดแล้วก็ไม่สามารถกำจัดมันหมดไปได้ราวกับดอกเห็ดที่ผุดออกมาเมื่อฝนตก เพราะการดักปล้นเรือสินค้านี้มีสองทางเลือกไม่ตายก็ร่ำรวยมั่งคั่งใครจะไม่คิดมาทำบ้าง




“เตรียมตัวกันพร้อมหรือยัง เราจะเดินทางไปที่เหมืองหลวงก่อนแล้วถึงจะลงเรือพรุ่งนี้”



“พร้อมแล้วขอรับ”

เหล่าชายฉกรรจ์30นายตอบโดยพร้อมเพรียงกันราวกับทหารในกองทัพ



“เดินทาง!” สิ้นเสียงสั่งก็ควบม้าเร่งฝีเท้ากันจนฝุ่นตลบราวกับกองทหารม้าด้วยมีจำนวนถึงสามสิบคน



และครั้งนี้เจ้าฟู่ฟู่ตัวน้อยก็ซุกอยู่ในอกเสื้อของหานเฟิงเช่นเดิม ถึงแม้มันจะไม่อยากออกมาจากป่าแค่ไหนก็ถูกเจ้าหานเฟิงจับมาด้วยอยู่ดี จากที่ไม่พอใจอยู่แล้วยิ่งโมโหเจ้าบ้านี่ขึ้นร้อยเท่า



ห่างกันตั้งหนึ่งเดือนข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้ที่นี่หรอก ข้ายังไม่ได้เอาคืนครั้งที่เจ้ากลับร่างนกหนีข้าเลยนะ หึหึหึ



ความคิดชั่วร้ายของประมุขมารไม่อาจส่งผ่านถึงเจ้าฟู่ฟู่ตัวน้อยผู้น่าสงสารได้…



ครึ่งวันแล้วกลุ่มชายฉกรรจ์ก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านชาวพื้นเมือง หานเฟิงอนุญาตให้ลูกน้องไปพักได้เขาแยกตัวออกมาเดินชมตลาดและซื้อผลไม้ให้เจ้าฟู่ฟู่กิน

ถึงข้าจะยอมกินผลไม้จากมือเจ้า แต่ข้ายังไม่หายโกรธเจ้าหรอก เจ้าลามก หึ่ย!

เป็นภาพที่น่าขำสำหรับหานเฟิงนัก เพราะเจ้านกน้อยหันหน้ามากินผลไม้จากมือเขาแล้วก็เมินหน้านี้จนกลืนเสร็จถึงหันหน้ามากินอีกที ทำอย่างนี้ซ้ำไปมาจนกินหมด มันชั่งน่าหมั่นเขี้ยวนัก สงสัยยังไม่หายโกรธ หึหึหึ



“นายท่าน ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” เป็นหญิงเฒ่าคนเดิมที่เคยทำนายโชคชะตาให้หานเฟิงครั้งที่แล้ว



“เจ้าอีกแล้วรึ”



“การต่อจากนี้ไปจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายนัก ท่านจงโปรดระวังตัวไว้เถิดนายท่าน และข้าขอย้ำอีกครั้งว่า อย่าให้จิตมารครอบงำจิตใจ ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้น” หญิงเฒ่ายังเอ่ยประโยคเดิมที่เคยบอกกับหานเฟิงครั้งก่อน



“เช่นนั้นข้าจะระวังตัวไว้แล้วกัน ขอบคุณที่เตือนข้า ข้าต้องไปแล้ว”  หานเฟิงเรียกลูกน้องรวมตัวแล้วออกเดินทาง คำทำนายนั่นก็ปล่อยไว้ไม่้เก็บมาใส่ใจ



ยามเย็นพวกของหานเฟิงก็เดินทางถึงเมืองหลวงแคว้นเยว่เขาได้สั่งให้คนมาจัดเตรียมที่ทางให้เรียบร้อยแล้ว คืนนี้จะพักที่โรงเตี้ยมภายในเหมืองหลวงก่อน เรือและลูกเรือก็พร้อมแล้วจอดรอที่ท่าน้ำเขาสั่งให้ลูกน้องที่นี่เตรียมเสบียงให้พร้อม



เมื่อจัดการแบ่งห้องทุกอย่างแล้วหานเฟิงก็พาเจ้าฟู่ฟู่เข้าห้องพัก เจ้านกน้อยรีบบินออกจากอกเสื้อคนลามกไปยืนบนโต๊ะมุมห้อง



“คืนนี้พักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้เราถึงจะออกเดินทางนะเจ้าฟู่ฟู่”






 

“เจ้ายังไม่หายโกรธข้าอีกรึ”






“หึหึหึ แล้วข้าจะดูว่าเจ้าจะเงียบไปถึงเมื่อใด”






หานเฟิงพูดไปก็ไร้เสียงตอบรับจากคู่สนทนา เจ้านกน้อยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่มนุษย์พูด ก็มันฟังมนุษย์พูดไม่รู้เรื่องมันเลยไม่อยากจะเสวนาด้วย



ถ้าข้าอยู่ในร่างคนเมื่อใด ข้าจะไม่อยู่ใกล้เจ้าแน่!



เช้าต่อมาเหล่าพรรคพยัคฆ์ทมิฬก็ลงเรือพร้อมออกเดินทาง เรือที่นั่งไปเป็นเรือสำเภาขนาดใหญ่ มีห้องหับให้นอน มีโถงกลางให้สังสรรค์กันได้ ทำให้ใช้ชีวิตสบายในการเดินทางไกลนี้



ยามเรือออกจากท่ามาไกลแล้ว จากแม่น้ำสายเล็กก็ขยายจนเป็นแม่น้ำสายใหญ่คดเคี้ยวไปมา สองฝั่งเป็นภูเขาเขียวขจีและลมเย็นสบายเข้ามาปะทะร่าง




หานเฟิงพาเจ้าฟู่ฟู่มาที่หัวเรือ ดูมันจะชอบใจกับบรรยากาศเงียบสงบแบบนี้




“อยากลองบินหรือไม่”









คราแรกเจ้าฟู่ฟู่ก็ไม่ส่งเสียงตอบอันใด บางทีหานเฟิงก็คิดว่าเจ้านกนี่เป็นใบ้ไปแล้ว เขาจึงแกล้งโยนเจ้าฟู่ฟู่ขึ้นฟ้า ด้วยความที่ตัวเล็กมันจึงบินต้านแรงลมไม่ไหวคล้ายจะปลิวไปได้ตลอดเวลา




“จิ๊บจิ๊บจิ๊บ จิ๊บบบบบบบบ” (เจ้าบ้าโยนข้าขึ้นมาทำไมข้าบินไม่ไหว ข้าเหนื่อยยยยย)




“หึหึหึ ยอมส่งเสียงแล้วรึ มานี่มา” หานเฟิงเอื้อมมือไปคว้าตัวเจ้านกน้อยมาหลังจากเห็นมันกำลังจะปลิวไปไกลแล้ว



-หานเฟิง-


เขาเห็นเจ้านกน้อยนี่ไม่ยอมพูดยอมจาจึงแกล้งโยนขึ้นฟ้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสร้างม่านพลังบางๆกั้นสายลมไว้ระดับหนึ่ง เขาไม่ใจร้ายให้นกตัวน้อยนี้ปะทะกับลมแรงๆได้หรอก แต่สงสัยคงหนักพุงถึงบินไม่ขึ้นเสียแล้ว นี่เขาตามใจเจ้าฟู่ฟู่ไปหรือไม่นะพักหลังมานี้มันถึงอ้วนกลมจนเหมือนลูกหนังมากกว่านก




“จิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บ” ดูเข้าเถอะสงสัยจะต่อว่าข้าอยู่เป็นแน่ ไม่พอยังจิกมือข้าอีก




“ข้ากั้นแรงลมไว้แล้วถึงครึ่งส่วน เป็นเจ้าเองที่บินไม่ไหว ข้าคงต้องงดให้อาหารเจ้านอกเวลาเสียแล้วกระมัง ไม่เช่นนั้นต่อไปเจ้าบินไม่ขึ้นแน่”




“จิ๊บจิ๊บจิ๊บ”




ภาษานกที่ข้าฟังไม่เข้าใจ และใครๆก็ไม่สามารถเข้าใจได้ นั่นทำให้บางครั้งเขาก็หงุดหงิดเช่นกัน




“ครั้งนี้ข้าจะกั้นแรงลมให้เจ้าจะได้บินสบาย หยุดจิกมือข้าได้แล้ว ลองบินเล่นดู” ว่าจบเขาก็ปล่อยให้เจ้าฟู่ฟู่บินขึ้นฟ้า ครั้งนี้เขากั้นแรงลมไว้ถึงเจ็ดในสิบส่วน แถมยังสร้างเขตป้องกันกันเจ้าฟู่ฟู่ถูกพัดบินไปไกลอีก




“จิ๊บบบบบบบ จิ๊บจิ๊บจิ๊บ” รอบนี้ดูเหมือนมันจะชอบ เขายืนมองเจ้านกน้อยสีทองบินไปบนท้องฟ้าดูชอบใจกับท้องฟ้ากว้างใหญ่นั่น มันทำให้เขาเห็นภาพนั้นแล้วรู้สึกสบายใจ


แต่ถ้าเจ้าเป็นคน ข้าจะชอบมากกว่านี้นะฟู่ฟู่น้อย

-จบ-




อีกมุมหนึ่ง

เหล่าสมาชิกพยัคฆ์ทมิฬต่างมองดูท่านประมุขกำลังเล่นกับนกที่เลี้ยงไว้




“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าท่านประมุขก็มีมุมอ่อนโยนเช่นนี้




“นั่นสิ ปกติถึงจะยิ้มก็แค่ยิ้มการค้าแค่นั้น”




“ถ้าใครจับนกของท่านประมุขไป มันผู้นั้นคงไม่ตายดีเป็นแน่ แค่คิดก็สยอง”




“วันนั้นนกของท่านประมุขมาขอผลไม้จากข้ากิน ดูท่านจะไม่ชอบถึงแผ่ไอสังหารมาให้ข้า ข้านี่รีบวางผลไม้แล้วหนีก่อนจะโดนเชือด”




“เช่นนั้นเราก็อยู่ให้ห่างจากนกสีทองนั่นดีกว่า ชีวิตจะได้ปลอดภัย”




“ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน”



------------------------------------------
TALK
 ลองมาดูฝั่งของหานเฟิงที่ฟังเจ้านกไม่เข้าใจบ้าง มันก็จะมีแต่จิ๊บจิ๊บฮีเลยต้องมโนเอา

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้าาาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ kete

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 8

ปะทะ


ขณะนี้อีกไม่กี่วันก็จะถึงแคว้นเจ้าแล้ว การนั่งเรือเฉยๆก็ทำให้เขาเบื่อหน่ายได้เช่นกัน

“นายท่านแย่แล้วขอรับ พวกโจรสลัดมันมาล้อมเรือเราไว้ขอรับ”



“หึหึหึ ดี! ข้ากำลังเบื่อ มีคนมารองมือรองเท้าจะได้ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย”




“ท่านประมุข เอาให้ตายหรือว่าพิการขอรับ”




“แล้วแต่พวกเจ้า”



กลุ่มชายชุดดำผู้ไม่แสดงความตื่นกลัวใดๆก้าวออกไปบนเเรือ




“อั้ยหยา ครั้งนั้นเราโดนปล้นจนหมดตัวเลยนะลูกพี่ ดูพวกเขาจะไม่กลัวโจรสลัดเลยนะ”




“แกไม่รู้อะไร ข้าว่าพวกเขาต้องเป็นจอมยุทธฝีมือดีเป็นแน่”

เจ้าของเรือและลูกน้องต่างพากันคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ตรงหน้า




ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้วจึงเห็นเพียงแสงไฟตามจุดต่างๆบนเรือแต่ก็พอมองเห็นว่า เรือของโจรสลัดมีด้วยกันห้าลำ มีเรือสำเภาลำใหญ่และเรือลาดตะเวนลำเล็กสี่ลำล้อมรอบเรือของพวกหานเฟิงอยู่




“ส่งของมีค่ามาให้หมด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” เสียงของฝ่ายโจรสลัดตะโกนมา



“นั่นมันเรื่องของพวกเจ้า หลีกทางไปซะเสียเวลาข้าซะจริง” หานเฟิงตะโกนตอบไป



“ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาขอร้องชีวิตกับข้าทีหลังก็แล้วกัน โจมตี!” ฝ่ายโจรสลัดเริ่มโจมตี

โจรสลัดที่นั่งเรือลาดตระเวนถีบตัวขึ้นมาบนเรือของหานเฟิง พร้อมฟาดฟันกับศัตรูตรงหน้ากลุ่มโจรกลุ่มนี้ได้ชื่อว่าฝีมือดีที่สุดในกลุ่มพวกมันจึงเป็นหน่วยที่คอยบุกขึ้นไปฆ่าคนบนเรือก่อน แต่ละครั้งที่ทำการดักปล้นก็สำเร็จทุกครั้งกลุ่มโจรของพวกมันจึงร่ำรวยใครๆต่างก็หวาดกลัวกันทั้งนั้น



-ฟู่ฟู่-


เจ้าหานเฟิงไปไหนทิ้งให้ข้าอยู่ในห้องตัวเดียวเนี่ย! ฮึ่ย ขังข้าไว้ในห้องแต่ตัวเองออกไปข้างนอกเนี่ยนะไม่ยุติธรรมเสียเลย แล้วด้านนอกนั่นเกิดอะไรขึ้นข้าได้ยินเสียงโวยวายลอดเข้ามา



“เจ้าหานเฟิง ทำอะไรกันข้างนอกขอข้าไปดูบ้าง”




“ปล่อยข้าออกไปนะเจ้าบ้า!”




ถึงจะร้องสุดเสียงแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินที่มันพูด แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคนเดินมาใกล้ประตูและคุยภาษามนุษย์ที่มันฟังไม่เข้าใจมันจึงส่งเสียงขอความช่วยเหลือ




“เปิดประตูให้ข้าที เปิดประตูหน่อย"(จิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บ)




“%#@+฿/๛[€#"(ลูกพี่ข้าได้ยินเสียงนก)



“€^#@=#%*+€+€@”(คงเป็นนกสีทองตัวนั้น อย่าไปยุ่งเลยรีบอยู่ในห้องดีกว่า เกิดโดนพวกโจรจับได้ตายแน่ๆไปๆ) สิ้นเสียงพูดที่มันฟังไม่เข้าใจข้างนอกก็เงียบลงไม่มีใครผ่านมาอีก




ข้า! อยาก! ออก! ไป! ข้าง! นอก! โว้ยยยย!



-จบ-



ด้านบนเรือ

การต่อสู้ยังคงดำเนินไป ฝ่ายโจรสลัดเริ่มล้มตายลงมากกว่าฝั่งของหานเฟิงที่แค่ได้แผลนิดหน่อย เพราะอาวุธของพรรคพยัคฆ์ทมิฬล้วนอาบพิษทุกเล่ม พิษจะเข้าสู่เส้นเลือดทำให้มันแข็งตัวผู้ที่ถูกพิษก็ตายในที่สุด การต่อสู้ที่ขาวสะอาดสำหรับพวกเขาล้วนไม่มีอยู่ในความคิด



“เจ้าคงเป็นหัวหน้าสินะ” ตรงหน้าของหานเฟิงคือโจรสลัดร่างใหญ่โต



“ไม่จำเป็นที่ต้องบอกเจ้า”



“บัดซบ ตายซะเถอะแก” ชายร่างตรงพุ่งกระบี่เข้ามาหมายจะแทงหัวใจด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่ระดับมันแล้วไม่เคยพลาด



“เฮ้ย” ทันทีที่ปลายดาบจะแทงเข้าผิวหนัง หานเฟิงกลับเอียงตัวแล้วหมุนตัวมาอยู่ด้านห

ลังของโจรสลัด




“กระจอก” พร้อมแทงมีดสั้นปักเข้าที่คอ



ตุบ โจรร่างโตก็ล่วงลงพื้น






“จะมุดหัวอยู่จนถึงเมื่อใด ถ้าไม่โผล่ออกมาก็ไสหัวไปไกลๆซะ” หานเฟิงตะโกนถามหัวหน้าโจรสลัดเมื่อเขาฟันร่างของศัตรูคนสุดท้ายล้มลง



ฝ่ายโจรเมื่อเห็นว่าฝั่งนั้นไม่ได้รับความเสียหายใดๆและฝ่ายของมันยังล้มตายหมดก็เกิดความคับแค้นใจ คราแรกยังไม่คิดโจมตีเรือเพราะยังไม่อยากให้เรือล่มจนกว่าจะไปขนของมีค่าออกจากตัวเรือก่อน แต่ครานี้เห็นทีมันจะต้องฆ่าหมดยกลำเสียแล้ว





“หันเรือ เตรียมยิงปืนใหญ่!” หัวหน้าโจรสั่งลูกเรือเตรียมยิงปืน



“ท่านประมุขดูเหมือนทางนั้นจะยิงปืนใหญ่ใส่เรานะขอรับ”



“บัดซบ พวกเจ้าสร้างเขตป้องกันไว้ ข้าจะจัดการมันเอง” หานเฟิงต้องใช้เวลาในการสะสมพลังปราณเพื่อสร้างพลังลูกใหญ่เขาจึงสร้างเขตป้องกันไม่ได้  เหล่าลูกน้องรวมพลังสร้างเขตป้องกันไว้ด้านหน้าเรือเพื่อรอเวลาท่านประมุขรวมพลัง



ปัง! ตุ้ม!  ระเบิดลูกแรกลอยเข้ามากระทบกับเขตป้องกันก่อให้เกิดเสียงดังไปทั่ว



“อึก ระเบิดทำไมแรงขนาดนี้วะ”



“ข้าเห็นไอพลังผสมมากับระเบิดมันถึงแรงแบบนี้ไง”



ใช่แล้วหัวหน้าโจรผสมพลังปราณของตัวเองเข้าไปในลูกระเบิดด้วยทำให้แรงระเบิดมีความรุนแรงมากขึ้นถึง10 เท่า



“ฮ่าฮ่าฮ่า ตายกันไปให้หมดซะ ยิงต่อไป”



ปัง! ปัง! ปัง! คราวนี้มาพร้อมกันสามลูก



ตุ้มมมม พลังระเบิดมากเกินไปจนทำให้เขตป้องกันที่สร้างเริ่มเกิดรอยร้าว



“ข้าจะไม่ไหวแล้ว มาอีกรอบข้าตายแน่”



“ข้าก็เหมือนกัน”



“อดทนไว้ ข้าว่าท่านประมุขรวมพลังใกล้จะเสร็จแล้ว”



หานเฟิงเค้นพลังปราณของตัวเองออกมารวมกับพลังธรรมชาติที่อยู่รอบตัวตอนนี้มันวิ่งผสมกันจนเป็นลูกแก้วยักษ์บนฝ่ามือแล้วแต่มันยังไม่มากพอจะสร้างสิ่งที่เขาต้องการ อีกนิดเดียว ขอเวลาอีกนิดเดียวเท่านั้น

ปังปังปังปัง! ระเบิดถูกยิงมาพร้อมกันทีเดียวสี่ลูก



“มาแล้ว เพิ่มพลังเข้าไป”



ตุ้มมม สิ้นเสียงระเบิดเขตป้องกันแตกเป็นเสี่ยงๆ เหล่าลูกน้องต่างนอนกระจัดกระจายไร้เรี่ยวแรงจะยืนขึ้นเมื่อใส่พลังไปกับเขตป้องกันหมดแล้ว พวกเขาหวังว่านั่นจะเป็นระเบิดรอบสุดท้าย แต่มันไม่ใช่เมื่อระเบิดถูกยิงมาพร้อมกันห้าลูก



“สร้างเขตป้องกันเร็ว” เมื่อพลังเหลือน้อยเต็มทีจึงทำให้เขตป้องกันนั้นหนาไม่เท่าครั้งแรก



เปรี๊ยะ เสียงร้าวของเขตป้องกันเมื่อโดนระเบิดลูกแรก



เพล้ง เสียงแตกของเขตป้องกันเมื่อโดนระเบิดลูกสอง



ระเบิดที่เหลือกำลังล่วงลงมาบนเรือเมื่อไม่มีสิ่งใดขวางกัน



“ไปซะ มังกรวารี” หานเฟิงปล่อยพลังที่รวบรวมไว้ออกมาเกิดเป็นรูปร่างมังกรน้ำตัวยาวที่น้ำหมุนวนภายในจนเกิดเป็นรูปร่างมันตรงไปกลืนกินลูกระเบิดทั้งสามลูกและพุ่งดิ่งไปที่เรือโจรสลัด



ตู้มมมม ระเบิดที่มังกรน้ำคาบไปมันถูกปล่อยใส่เรือโจรสลัดทำให้เรือระเบิดอย่างรุนแรง มังกรน้ำได้ทำลายเรือโจรสลัดจนแตกยับและสร้างน้ำวนดูดเรือโจรสลัดหายลับไปกับตา



“สุดยอด พลังท่านประมุขไม่มีใครเทียบได้”



“จริงขอรับท่านประมุข” เหล่าลูกน้องต่างชื่มชมท่านประมุขของตน



“แต่จบงานนี้พวกเจ้าต้องไปฝึกสร้างเขตป้องกันเพิ่ม! เกือบตายหมดทั้งลำแล้วมั้ยล่ะ”

“ม่ายยยยยยยยย” ใครๆก็รู้ว่าท่านประมุขฝึกโหดขนาดไหนเหมือนกับลงขุมนรกทั้งเป็น



เมื่อเหตุการณ์สงบลงทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมเรือแล่นไปข้างหน้า เหล่าจอมยุทธต่างเข้าไปพักในห้องของตน



แกร๊ก เสียงประตูเปิดหานเฟิงเดินเข้ามาในห้องก็เห็นเจ้าฟู่ฟู่บินตรงมาหาทันที



“จิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บ"( ไปไหนมา เสียงดังข้างนอกเกิดอะไรขึ้นเหรอ)

เสียงนกถูกกระหน่ำใส่หานเฟิงไม่หยุดยั้ง เจ้าฟู่ฟู่ยอมคุยกับเขาแล้วก็ช่างพูดขนาดนี้จะเงียบไม่พูดกับเขาได้นานแค่ไกนกันเชียว



“ไว้ข้าจะคุยกับเจ้านะฟู่ฟู่ แต่ตอนนี้ข้าขอพักก่อน” ว่าจบก็นอนแผ่บนเตียงแล้วหลับไป



ไปทำอะไรมา มาถึงก็หลับ



ฟู่ฟู่เมื่อไม่มีใครให้คุยจึงบินไปที่เตียงทันใดนั้นร่างของมันก็ขยายขนาดขึ้น!






อ๊า พอข้านั่งแล้วพุงก็ขยายออกมาด้านข้างเลย




นี่ข้าอ้วนขึ้นขนาดนี้เหรอเนี่ยยยยย!



...........................................................................

TALK

ไม่ น้องยังไม่แปลงร่าง น้องแค่อ้วนขึ้น 555555

เขียนฉากต่อสู้ได้ง่อยมากฮือออ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โอ้ยยยยหนูรูกกกกก เลี้ยงดีอะไนขนาดนี้  :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด