ตอนที่ 9
ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว จากที่เจอโจรสลัดเมื่อวานการเดินทางราบรื่นไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก คืนนี้ก็จะเดินทางถึงแคว้นเจ้าสักที พวกเขาจะพักที่แคว้นเจ้าหนึ่งวันเพื่อเตรียมเสบียงเพิ่ม และหาอะไรบันเทิงใจทำหลังจากนั่งเรือมานาน แม้ว่าอยากจะอยู่หลายวันแต่สหายคงรีบร้อนเขาถึงต้องรีบเดินทางไว้มาเที่ยวขากลับแล้วกัน
แคว้นเจ้าเป็นเหมือนศูนย์กลางการค้าดังนั้นมันจึงรวบรวมสินค้าเกือบทุกอย่างไว้ที่นี่ รวมไปถึงข้อมูลข่าวสารก็เช่นกัน แต่เหนืออื่นใดสิ่งที่ทำให้หานเฟิงรู้สึกอยากให้ถึงคืนนี้โดยเร็วนั้นก็ไม่พ้นเจ้านกน้อยที่จะถึงเวลามาอยู่ร่างคนสักที
พรรควิหคสวรรค์
ภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบๆ มีเพียงของใช้จำเป็นเท่านั้นด้วยเจ้าของห้องมิใช่ผู้ยึดมั่นกับสมบัตินอกกาย
“ท่านอาจารย์ หลายเดือนมานี้มีผู้คนมากมายเดินทางไปที่หุบเขาพันปี หากเป็นเช่นนี้ต่อไปดูท่าจะไม่ดีนัก” ชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าหัวหน้าพรรควิหคสวรรค์กำลังวิตกกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในกาลหน้า ด้วยข่าวที่มีผู้พบเจอหยกจันทราที่หุบเขาพันปีนั้นทำให้ผู้คนเริ่มเข้าไปเสาะแสวงหา
“นั่นเป็นสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่รู้ หากยิ่งห้ามยิ่งอยากรู้ นั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์” ชายชราผมขาวแต่ยังแข็งแรงดีผู้นี้เป็นท่านอาจารย์ของพรรควิหคสวรรค์สอนสั่งศิษย์ในพรรคมาหลายรุ่นแล้ว
“ข้าหวังว่าสิ่งที่ข้าจะทำนั้นจะไม่ช้าเกินไป”
ยามแสงสุดท้ายลับหายไปจากขอบฟ้า ก็ถึงคราที่เจ้านกน้อยได้มาอยู่ในร่างของชายหนุ่มชุดขาวสักที
“เป็นฟู่หลงแล้วสินะ”
“เย้เย้ ข้าเป็นคนแล้ว” หานเฟิงนั่งมองร่างบางหมุนตัวไปมาอย่างสนุกสนานกลางห้อง
“หมุนตัวไปมาไม่เวียนหัวบ้างรึ”
“อ๊ะ พอเจ้าทักข้าก็รู้สึกเวียนหัวเลย โอ้ยยย"
“นี่ข้าเป็นคนที่ทำเจ้าเวียนหัวรึ หึหึหึ มานั่งนี่มา” ฟู่ฟู่กุมขมับเดินไปนั่งข้างหานเฟิง
“เจ้าจะเดินทางไปไหนรึ” ฟู่ฟู่ถามคนข้างกายด้วยเพราะมันไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ใด มันพึ่งเคยออกมาจากป่ามาเจอแม่น้ำกว้างใหญ่นี้ครั้งแรก
“เรากำลังจะไปแคว้นอวิ้น สหายข้ามีเรื่องให้ช่วยแต่คืนนี้เรากำลังจะถึงแคว้นเจ้าเป็นแคว้นที่อยู่ระหว่างทางที่เราจะไปเราจะไปพักที่นั่นกันก่อนแล้วเดินทางต่อ”
“หืม เจ้ามีสหายด้วยรึ” ฟู่ฟูหันไปถามคนข้างกายตาใสไร้แววล้อเลียน ด้วยเพราะมันไม่เคยเห็นเจ้านี่มีสหายมาเยี่ยมเยือนสักครั้ง นอกจากมันที่เป็นสหายปลอมๆ
“หึ มีสิทำไมจะไม่มี” เขากับเหวินซานเป็นสหายร่วมสาบานถึงพวกเขาจะต่างกันราวนรกกับสวรรค์ก็ตาม คนหนึ่งเป็นประมุขพรรคมาร ชั่วช้า ไร้คุญธรรม แต่อีกคนหนึ่งเป็นหัวหน้าพรรคที่ผู้คนต่างเคารพนับถือ ด้วยเพราะเป็นพรรคที่อยู่มาเนิ่นนานและช่วยเหลือชาวบ้านในยามทุกข์ร้อน เหตุที่พวกเขาได้เจอกันนั้นเกิดจากการที่หลงอยู่ในป่าห้วงมิติครั้งที่เริ่มฝึกวิชาใหม่ๆ คราแรกก็เดินหลงคนละทางจนมาพบเจอกันและช่วยกันหาทางออกจนกลายเป็นสหายกันนั่นเอง การจะออกจากป่าห้วงมิติที่เต็มไปด้วยภาพมายานั้นจะต้องมีพลังปราณที่แกร่งกล้าคอยจับสายลมที่พัดมา ความลับของป่าห้วงมิตินั้นคือสายลมนั่นเอง สายลมพิเศษที่บางเบาแต่กลับมีไอปีศาจเจือปนอยู่เล็กน้อยมันจะพัดจากกลางป่าไปยังทางออกซึ่งมันแปลกจากสายลมปกติที่พัดจากข้างนอกเข้าสู่ข้างใน ในขณะที่หานเฟิงกับเหวินซานเดินวนรอบป่าหลายรอบจนหมดแรงนั้นหานเฟิงก็สามารถจับไอปีศาจเล็กน้อยนั่นได้พวกเขาถึงรอดออกมา ครั้นถามเหวินซานว่าสัมผัสไอปีศาจได้หรือไม่ แต่สหายตอบกลับมาว่าไม่ได้จึงทำให้เขาแปลกใจ
“แต่ตอนนี้เจ้ามาใกล้ข้าอีกนิดสิ ข้ามีอะไรจะให้” หานเฟิงส่งยิ้มจริงใจไปให้จนทำให้ฟู่ฟู่คล้อยตามโดยไม่เอะใจ
“อะไรๆ เฮ้ย เจ้าบ้าอีกแล้วนะ” เมื่อร่างบางเขยิบเข้ามาใกล้ตามคำบอกหานเฟินก็จัดการรวบคนตัวเล็กนั่งหันข้างบนตัก แขนแกร่งรวบเอวคอดปิดทางหนี
“ครั้งที่แล้วเจ้าหนีข้าไปก่อน ข้าจะให้บทลงโทษกับเจ้า”
“เจ้าบ้า เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ข้าเป็นบุรุษเจ้าก็เป็นบุรุษ เจ้าจะกระทำข้าเป็นเยี่ยงสตรีไม่ได้! ปล่อยข้า” ข้าเป็นนก เอ้ย เป็นคน เอ้ย ชั่งมันเถอะข้าเป็นทั้งนกทั้งคนยังรู้เลยว่ามันไม่ควร
“แล้วใครกำหนดว่าบุรุษจะจุมพิตบุรุษด้วยกันไม่ได้ ถึงมีข้าก็ไม่สน ข้ากำลังพิสูจน์อยู่นี่ไงว่าข้ารู้สึกอะไรกับเจ้ากันแน่ ถ้าจูบครั้งนี้ข้าไม่รู้สึกอะไรกับเจ้า ข้าจะไม่ทำกับเจ้าแบบนี้อีก เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่าหืมให้ข้าพิสูจน์ครั้งเดียว”
“อึก แล้วทำไมข้าต้องมาเลือกด้วยเล่า” จะเลือกทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น แขนนี่ก็แน่นเสียจริงดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออก
“ชักช้า งั้นข้าเลือกเอง” สิ้นเสียงร่างแกร่งก็ประกบริมฝีปากตนเองเข้ากับริมฝีปากบางของคนตรงหน้า ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวลิ้นร้อนถึงรุกล้ำเข้าไปพัวพันกับลิ้นเล็กได้ สัมผัสที่วาบหวามในอกนี้ก็พอจะยืนยันให้หานเฟิงรู้ว่าเขาไม่ได้รังเกียจที่จะสัมผัสร่างตรงหน้า แต่กลับอยากสัมผัสมากกว่านี้
“อื้ออออ” ฟู่ฟู่พยายามพลักร่างหนาให้ออกไป พยายามกัดลิ้นร้อนที่ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนนั่นก็แล้วแต่ไล่งับเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสนี้ ออกจะชะ...ชอบเสียด้วยซ้ำ ฮือออนี่ข้าเป็นอะไร
หานเฟิงใช้มือข้างหนึ่งพยุงศีรษะของร่างบางให้เอียงตามองศาที่ถูกต้อง อีกข้างคอยจับสะโพกมนไว้ไม่ให้ร่างในอ้อมกอดล้มลงไป ขาข้างหนึ่งชันเข่าขึ้นไว้เป็นที่พิงของร่างบาง ส่วนตอนนี้ฟู่ฟู่น้อยจากตอนแรกพยายามขัดขืนแต่ตอนนี้แขนข้างหนึ่งโอบเข้าที่ลำคอหนา มืออีกข้างกำที่สาบเสื้อคนตัวใหญ่ไว้แน่น
“ฮ้าา อื้อออ พอแล้ว” หลังจากจูบที่ดำเนินมาอย่างยาวนานหานเฟิงก็ยอมปล่อยฟู่ฟู่ให้หายใจ ส่วนเจ้าฟู่ฟู่ก็รีบซบหน้าลงที่อกแกร่งกลัวว่าจะถูกจูบอีกครั้ง ตอนนี้มันเหนื่อยมากเกินกว่าจะรับไหวแล้ว
“หึหึหึ เหนื่อยแล้วรึ” จมูกโด่งคลอเคลียไปตามแก้มนวล
“หื้ออออ เจ้าบ้าน่าไม่อาย”
“เงยหน้าขึ้นมา” หานเฟิงช้อนใบหน้าร่างบางขึ้นมาสบตา แต่ฟู่ฟู่กลับเสมองไปทางอื่นแทน
“อื้อออ อะไรเล่า” เมื่อโดนจับเอียงหน้าไปมาสุดท้ายก็ยอมสบตากับคนตรงหน้า โอ้ยยยเจ้าหน้าหนาไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง
“รู้สึกเหมือนกับข้าหรือไม่”
“รู้สึกอะไรเล่าข้าจะรู้เรื่องกับเจ้ารึ”
“รู้สึกชอบสัมผัสที่ข้ามอบให้”
“โอ้ยเจ้าบ้า ข้าไม่ได้ชอบ ปล่อยได้แล้ว” ใครจะยอมรับว่าชอบเล่า ไม่มีทาง
“งั้นรึ ถ้าอย่างนั้นลองพิสูจน์อีกรอบ” ว่าจบพร้อมจะก้มลงมาอีกรอบแต่โดนเจ้าฟู่ฟู่ยันหน้าไว้ได้ทัน
“อย่านะเจ้าบ้า” ครั้งนี้มันจะไม่ยอม
ตุบ
“โอ้ย ลุกไปข้าหนัก” หานเฟิงจับเจ้าฟู่ฟู่กดเตียงอีกรอบ
“ก็ข้าจะพิสูจน์อีกรอบเจ้าจะได้ตอบข้าถูก” หานเฟิงรู้ว่าฟู่ฟู่ไม่ได้รังเกียจสัมผัสจากเขาคงจะเขินอายมากกว่าถึงไม่อยากยอมรับ
“ม่ายยย ปล่อยข้าเลยนะ อ๊ากกกกยอมแล้วๆ”
“ขะ...ข้าก็...ชอบ"รับคำเสียงอ่อย แม้ฟู่ฟู่จะพูดเบาแต่เมื่อหายเฟิงอยู่ห่างแค่เพียงฝ่ามือก็สามารถได้ยิน
“หึหึหึ เจ้านี่น่ารักเสียจริง เมื่อเจ้าชอบก็หมายความว่าเจ้ายอมให้ข้าสัมผัสแล้ว ดังนั้นอย่าให้ผู้อื่นแตะต้องตัวเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้่าจะโดนลงโทษ”
“เฮ้ยมันเกี่ยวอะไรกันตรงไหนเนี่ยข้างง” เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว แล้วใครอนุญาตให้มาแตะต้องข้ากัน
“หึหึ อยู่นานไปก็หายงงเอง”
“ท่านประมุขขอรับ ถึงแคว้นเจ้าแล้วขอรับ” เรือได้มาจอดเทียบท่าแคว้นเจ้าแล้ว
“ใครจะไปไหนก็ไปข้าอนุญาต แต่ข้ายังไม่ลงไปตอนนี้”
“ขอรับ”
เนื่องจากตอนนี้เวลาดึกแล้วเขายังไม่อยากไปสำรวจอะไรข้างนอก อยู่ในห้องกับร่างบางตรงหน้าน่าสนใจกว่าเป็นไหนๆ
“หานเฟิง ข้าอยากไปเที่ยวข้างนอกนั่น” เจ้าฟู่ฟู่พยายามหาทางรอด
“มืดแล้วไว้ตอนเช้าค่อยไป ตอนนี้นอนคุยกันดีกว่าหรือไม่ หรือเจ้าอยากทำอย่างอื่น”
“นอนๆ นอนคุยกันก็ได้” การนอนเตียงเดียวกันไม่ใช่ปัญหาเจ้าฟู่ฟู่นอนกับหานเฟิงออกจะบ่อยไปตอนมันอยู่ในร่างคนนานๆ เมื่อก่อนทุกอย่างปกติจนเจ้าหานเฟิงเกิดบ้าอะไรก็ไม่รู้ที่บ่อน้ำพุร้อนจนตอนนี้เจ้านั่นก็ยังมาไล่จูบข้าอีกเสียสติไปแล้วหรือไง
“หานเฟิงข้ารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าเรื่องอะไร” ตั้งแต่อยู่ร่างนกแล้วมันรู้สึกมีอะไรรบกวนจิตใจตลอดเวลา
“อาจจะแปลกที่ มีข้าอยู่กับเจ้าทั้งคนไม่ต้องกลัวสิ่งใดไป”
“ตอนนี้ข้ากลัวเจ้ามากกว่าอีก” ฟู่ฟู่บ่นงืมงำ
“พูดอะไรหืม” แม้จะได้ยินที่ฟู่ฟู่พูดแต่หานเฟิงก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ดึงร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด
“ทำไมช่วงนี้เจ้าปากว่ามือถึงเสียจริง” เงยหน้าถามคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ เอะอะจูบ เอะอะกอด จนเขาขี้เกียจห้าม ห้ามไปก็เปล่าประโยชน์คนตรงหน้าฟังเสียที่ไหน
“หึหึหึ ข้าก็เป็นคนเช่นนี้อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ลีลามากความเสียเวลาเปล่า” มัวแต่วางท่าไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเองก็ไม่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
ทั้งสองนอนคุยกันไปในเรื่องต่างๆของโลกใบนี้ที่เจ้าฟู่ฟู่สงสัยใคร่รู้ โดยหานเฟิงก็ตอบด้วยความเต็มใจ
“งืมมม แล้วก็นะ ตอนข้าเป็นนกเลิกเอาหนอน มา...แกล้งข้าได้แล้ว ฮ้าวววว… ข้าไม่ชอบ” คุยไปคุยมาคนในอ้อมกอดก็หลับคาอกไปเสียแล้ว
เป็นนกอะไรไม่ชอบกินหนอน
ทุกครั้งที่หานเฟิงยื่นหนอนให้เจ้าฟู่ฟู่มันก็บินหนีกระเจิงพร้อมส่งเสียงร้องลั่นป่า หานเฟิงนอนมองร่างบางในอ้อมกอดหลับอย่างเป็นสุขนั้น ทำให้เขารู้สีกดีไปด้วย ตั้งแต่มีเจ้านกน้อยเข้ามาในชีวิตก็ทำให้โลกที่มืดมิดของเขาเริ่มสว่างขึ้น
ต่อให้เจ้าอยากจะหนีจากข้า ข้าก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป ไม่มีวัน
มาแล้วสินะ!
เจ้าจะต้องชดใช้ข้า
อีกไม่นาน อีกไม่นานแล้ว
----------------------------------------
TALK
เกิดอาการคิดชื่อตอนไม่ออก แฮ่
ตามกันไปยาวๆ เด้อ