เช้านี้ผมกับบัตเตอร์ต่างแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน ผมมีเรียน ส่วนเจ้าตัวก็มีบวงสรวงซีรี่ส์และมีงานต่ออีกนิดหน่อย เลยนัดเจอกันที่ร้านเจ๊ในตอนเย็นแทน
"มึง เรื่องบัตเตอร์ไปถึงไหนแล้ววะ" ไอ้ดี้ถามขึ้นหลังจากออกไปคุยโทรศัพท์กับกิ๊กคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ของมันเสร็จ
"รู้ตัวคนทำแล้วล่ะ เดี๋ยวคงออกหมายเรียก"
"หึ ลงไปเองเกือบครึ่งตัว... ตำรวจนี่ทำงานไวจริงๆเลยเนอะ" ไอ้เคที่ตอนแรกฟุปหน้าลงไปกับโต๊ะทำท่าจะหลับถึงกับเงยหน้าขึ้นมา
"จะให้เป็นแต่หน้าที่ตำรวจเหรอวะ" ไม่ดี้ยังไม่เลิกสงสัย
"แค่นี้ก็พอแล้ว เข็ดจนตายแล้วมึง" ไอ่เคตอบแล้วก็ฟุบหน้าลงไปนอนต่อ
"ลอบกัดแบบนี้ เป็นกูจะเล่นให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลย"
"บัตเตอร์อยู่ในที่สว่าง เพียงประโยคเน่าๆที่ส่งต่อผ่านคนไร้ความคิด มันก็เป็นอาวุธทำร้ายได้แล้ว"
"นี่คือเหตุผลที่มึงปล่อยให้ตำรวจจัดการเหรอวะ"
"ก็ส่วนหนึ่ง แต่กูกับบัตเตอร์ไม่ได้เป็นอะไรกัน จะให้กูออกหน้าออกตาเกินไปก็คงไม่เหมาะ"
"นั่นสินะ ยิ่งมึงแสดงตัวว่ารู้จักหรือสนิทกับน้องมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสร้างคำครหาว่าร้ายน้องเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น"
"......."
"แค่ตอนหนังสือพี่รินที่มีรูปมึงกับน้องขึ้นปกด้วยกันก็สร้างกระแสมากพอแล้วล่ะเนอะ 5555555" ไอ้ดี้พูดอย่างขำๆ
อันที่จริงหลังจากหนังสือนั่นวางจำหน่าย ก็เกิดกระแสขึ้นมาเยอะเหมือนกัน ทำให้ช่วงแรกๆต้องแอบๆเจอกันไปพักใหญ่เลย และเพราะกระแสนี้ทำให้แอนตี้เริ่มมากขึ้น คำกล่าวหา ว่าร้ายมีมาให้เห็นเรื่อยๆแต่ก็ไม่คิดว่าจะเล่นหนักข้อถึงขนาดนี้
บวงสรวงเสร็จยัง
เรียบร้อยแล้วพี่กำลังจะให้สัมภาษกับนักข่าวเรื่องคดีด้วยหรือเปล่า
ครับโอเค
เดี๋ยวเย็นเจอกัน
ครัชRrrrrrrrrrrrrrrr
"ฮัลโหล" ผมกดรับสายเมื่อเห็นเบอร์คุ้นเคยโทรเข้ามา
"ฝั่งนั้นเข้ามอบตัวแล้วครับ คุณเล็กจะให้จัดการยังไงต่อดีครับ""ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจเถอะ แต่ตรวจสอบการทำงานหน่อยแล้วกัน"
"ครับ"ผมไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามกับการทำงานของตำรวจสักเท่าไหร่ แต่เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้จักกับบิ๊กตำรวจอยู่ การที่ผมแสดงตัวกลายๆแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกล้าตุกติก ถ้าคิดจะใช้แผนนี้ ผมก็จะจัดการให้เด็ดขาดเลยเหมือนกัน
กว่าผมกับไอ้ดี้ที่วันนี้ไม่มีนัดที่ไหนเกาะขามาด้วยฝ่ารถติดจนมาถึงร้านเจ๊ได้ก็แทบแย่ รถมันจะติดอะไรขนาดนั้น แค่เรียนก็สูบพลังไปซะเกือบหมดแล้ว ยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก ส่วนไอ้เคเห็นบอกว่าจะไปรับเด็กมันก่อนแล้วจะตามมา
"ไงมึง เรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี่ทำพวกมึงเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ" พอก้าวเข้าร้านมาก็ได้รับคำทักทายอย่างเป็นห่วง?เป็นใย?ทันที
"หิ๊วววววว มีไรกินมั้ง" ไอ้ดี้เริ่มอวดครวญทันที
"ร้านกูขายแต่เครื่องดื่ม มึงจะแดกห่าอะไรล่ะ" เจ๊ยืนจังก้าเท้าเอวจ้องหน้าไอ้ดี้ทันที
"โห่ ก็บอกแล้วว่าให้ขายอย่างอื่นด้วย เนี่ย มาหิวๆมันก็จะเซ็งๆเนี่ย เฮ้ย!" ไอ้ดี้บ่นยังไม่ทันจบก็ต้องก้มหลบผ้าขี้ริ้วที่เจ๊ปาใส่มันซะก่อน
"มันสกปรกนะเจ๊ วู้!"
"เออ ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดมากมึงจะไม่ได้โดนแค่ปาใส่นะ กูจะเอาไปอุดปากมึงเอง"
"คิก คิก" เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากข้างตัว ผมหันไปมองก็เห็นอีกคนกำลังก้มหน้ากลั้นขำจนตัวสั่น
"เสียงดังไรกัน" เสียงคนตามมาที่หลังดังขึ้นเมื่อเห็นเหมือนสงครามย่อมๆตรงหน้า
"อ้าว วันนี้ฝนตกขี้หมูไหลเหรอ" เจ๊มองหน้าพวกผมแบบกวนๆ
"หึ" ไอ้เคถึงกับส่ายหน้าระอา
"วันนี้มึงพาใครมาด้วยวะ" เจ๊กับไอ้ดี้ตอนนี้แท็กทีมกันแล้วมองคนข้างตัวไอ้เคจนอีกฝ่ายต้องเขยิบหลบโดยมีไอ้เคเป็นกำบัง
สายตาทั้งหมดมองอย่างสนใจใคร่รู้ คงเพราะไอ้เคไม่เคยพาใครมาแนะนำ หรือเปิดตัวว่าคบกันสักครั้ง ผิดกับไอ้ดี้ที่พามาบ่อยแต่ไม่เคยซ้ำหน้า ส่วนผมที่เคยเจอกันแล้ววันที่ไอ้ห่าเคให้ผมไปเป็นคนขับรถเพื่อดักฉุดเขามาจากตึกคณะ วันนี้มันพามาที่นี่แสดงว่าเปิดตัวแล้วสินะ
"ใครอ่ะ" พูดจบไอ้ดี้ก็เดินไปประชิดตัวเขาทันทีก่อนจะกระโดดหลบฝ่ามือไอ้เค
"เสือก" เน้นๆแปะหน้าไอ้ดี้เลยครับ
"เออ กูยอมรับ แต่ว่าใครอ่ะ" ดูมัน ยอมรับว่าเสือกไปอีก
"......" ไอ้เคไม่ตอบ เอาความเงียบสยบความเสือกไอ้ดี้แทน
"มึงก็ไปกวนตีนมัน พอๆเลิกเล่นไอ้ห่า รู้อยู่แล้วยังทะลึ่งหน้าใส่มันอีก" พอผมพูดจบประโยคไอ้เคหะนขวับมาทางผมทันที
"รู้อยู่แล้ว?"
"ก็มึงไม่ได้ห้ามกูบอกไอ้ดี้นิ" ผมตอบแบบหน้าซื่อๆ
"สัส" โดนด่าเป็นสิ่งตอบแทนเลยครับ เอาจริงๆมันก็รู้แหละว่าพวกเรา3คนไม่มีความลับต่อกัน บอกช้าบอกเร็วยังไงก็ต้องบอก หลังจากไปเป็นคนขับรถให้มันวันนั้นผมก็เลยมานั่งคุยกับไอ้ดี้ มันก็อาศัยบรรดาเด็กๆมันสืบมาให้อย่างละนิดละหน่อย แล้วเอามาปะติดปะต่อกันเอา แต่ก็รู้ไม่เยอะหรอกครับ ไอ้เคแม่งชอบซุ่ม
"เดี๋ยว พูดไรให้กูรู้เรื่องด้วย นี่เจ้าของสถานที่นะเว้ย" เจ๊ประท้วงขึ้นหลังจากไม่มีใครสนใจแกเลย
"เอ้า แนะนำตัวสิ" ไอ้เคเมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์จะปิดอะไรแล้วเลยดันให้อีกคนมาอยู่ข้างหน้า
"ชิ! ผมชื่อต้นน้ำครับ เรียกต้นเฉยๆก็ได้ครับ"
"โอ๊ะ ชื่อเท่จัง" เจ๊มองด้วยความปลาบปลื้ม คนตรงหน้าไอ้เคดูแล้วก็สูงใช้ได้ น่าจะเตี้ยกว่าพวกผมไม่ถึง 10เซนต์ แต่ก็สูงกว่าบัตเตอร์แค่ไม่กี่เซนต์ รูปร่างโปร่งผิวขาว ดูเป็นเด็กเรียน บุคลิกภาพน่าเชื่อถือเหมาะจะเป็นหมอจริงๆ
"ขอบคุณครับ" ต้นน้ำพูดพลางเกาแก้มแก้เขิน
"เอ้าๆ ยื่นเกะกะ ไปหาโต๊ะนั่งป่ะ เดี๋ยวจะปิดร้านละ" ผมทั้ง4คนเลยเดินมานั่งโต๊ะประจำ ส่วนคนตัวเล็กก็ขอตัวไปช่วยเจ๊เก็บของเก็บร้าน จนไม่มีไรให้ทำนั่นแหละเจ๊ถึงไล่ให้มานั่งกับพวกผมแทน
หลังจากนั่งฟังไอ้ดี้ชวนต้นน้ำคุยอยู่พักใหญ่ บทสนทนาก็หยุดลงเมื่อเห็นคนตัวเล็กทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆผม
"ตั้งแต่เช้ากินไรยัง"
"กินพร้อมกับพี่ออยตั้งแต่บ่ายแล้ว"
"แล้วตอนนี้หิวหรือเปล่า"
"นิดหน่อยอ่ะ พี่ล่ะ"
"อ่ะแห่มมมม" จู่ไอ้ดี้ก็ส่งเสียงขัดขึ้นมา "ไม่ได้อยู่กัน2คนไหมอ่ะ เฮลโลลลล" กวนตีนจริงๆ
"แล้วมึงจะไปเสือกอะไรกับเขาวะ" โดนไอ้เคด่าไปหนึ่งดอก
"หึ ใช่ซี้ กูมันตัวคนเดียว" คิดว่าตัดพ้อแบบนี้จะมีใครใส่ใจเหรอ
พอเจ๊ปิดร้านเสร็จก็นัดแนะกันไปเจอที่ร้านอาหารเจ้าประจำ ติดริมน้ำ บรรยากาศดี ผมมักพาคุณหญิงกับคุณอภิชาติมาบ่อยๆ แล้วก็ยังเป็นส่วนตัวสุดๆด้วย เมื่อนัดแนะกันเรียบร้อยก็ออกเดินทาง เจ๊นั่งรถมาผม ส่วนไอ้ดี้ไปรถไอ้เค เหตุผลคืออยากไปกวนตีนให้ไอ้เคถีบตกรถเล่นๆ
"วันนี้ตำรวจโทรหาหรือเปล่า" ผมหันไปถามคนข้างๆขณะที่จอดรอติดไฟแดงอยู่
"โทรนะพี่ เขาบอกว่าคนทำเข้ามอบตัวแล้ว"
"ก็ลองไม่มาสิ" ผมยิ้มเย็น
"เขามาขอโทษแล้ว เราควรถอนแจ้งความไหม"
"ไม่ จะไม่มีการถอนแจ้งความอะไรทั้งนั้น"
"พี่.."
"ตีงูอย่าแค่ตีให้แค่หลังหัก วันนี้เขาทำกับเราได้ วันหน้าเขาก็ไปทำกับคนอื่นได้"
"แต่มันทำลายอนาคตเขานะพี่"
"แล้วตอนที่เขาทำล่ะ อย่าบอกว่าไม่ได้คิด คนเราจะทำอะไรแบบนี้โดยไม่คิดก่อนไม่ได้หรอก"
"แต่ผมสงสารเขา"
"สงสารส่วนสงสาร แต่คนแบบนี้ต้องได้รับบทเรียน"
"แต่..."
"อย่าพยามพูดอะไรอีกเลย นี่คือสถานเบาที่สุดแล้วจริงๆ" ผมหันหน้าหนีเป็นอันจบบทสนทนาทันที
"มัมเห็นด้วยกับพี่แฟรงค์นะบัต"
"มัม" คนข้างๆถึงกับครวญ
"คนพวกนี้ยิ่งเราไม่ทำอะไรยิ่งเล่นแรง มันไม่เหมือนพวกที่โพสในโซเชียลนะ พวกนั้นแค่เราไม่สนใจเดี๋ยวก็หยุด แต่พวกนี้ไม่ใช่ วันนี้เขาทำลายข้าวของ แต่ถ้าวันหนึ่งสิ่งที่เขาจะทำลายคือตัวบัตล่ะ" เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
"เอาไว้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นแล้วกัน คนที่คิดจะทำจะได้คิดได้"
"ก็ได้ครับ" บัตเตอร์รับคำอย่างจำยอม ท่าทางหงอยๆดูแล้วน่าสงสารจริงๆ
"ถึงแค่มือตำรวจก็ดีแล้ว อย่าถึงขั้นกว่านั้นเลย" เจ๊พูดจบก็หันมามองผม
"ขั้นกว่าคือไรอ่ะ" จากตอนแรกทำท่าทางน่าสงสารแท้ๆ ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าสงสัยแทน
"ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปรู้มันเลย" เจ๊ตัดบททันทีโดยไม่ได้สนใจหน้าตาสงสัยนั่นเลย
ขับรถอยู่เกือบๆครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เด็กเสิร์ฟมาไปโต๊ะด้านใน มุมที่ค่อนข้างเงียบสงบ เราสั่งกับข้าวหลายอย่างเพราะเดี๋ยวพี่แจ็คจะตามมาสมทบอีกที
อาหารออกมาเกือบครบพอดีกับพี่แจ็คมาถึงพอดี พวกเรานั่งกินไปคุยไป บ้างก็กวนตีนกันบ้างโดยเฉพาะไอ้ดี้ นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนตั้งแต่เด็กคิดว่าคงเลิกคบมันไปนานละ
สรุปอาหารมื้อนี้ฟรี เนื่องจากมีนักธุรกิจกระเป๋าหนักมาด้วย จากนั้นก็แยกย้ายกันไป ไอ้ดี้ขอเกาะรถไอ้เคไปเพราะบ้านมันเป็นทางผ่าน
"เจอกันพรุ่งนี้เว้ย" ไอ้ดี้ยื่นหน้าออกมาโบกมือให้แล้วก็โดนไอ้เคกดเลื่อนกระจกขึ้นเกือบหนีบหน้ามัน สิ้นเสียงโวยวายความเงียบก็เกิดขึ้น มันเป็นความเงียบที่ไม่ได้อึดอัดอะไร เราตัดสินใจเดินเล่นแถวๆนั้นก่อน
"บรรยากาศดีมากเลยเนอะ" คนตัวเล็กชวนคุย
"อืม"
"น่าจะเอากีตาร์มาเนอะ ฟีลกำลังได้เลยเนี่ย"
"......" ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป เรายืนมองผืนน้ำเงียบๆอยู่แบบนั้น
หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายเราเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน
เรามองตากันนิ่งๆ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา แต่กลับอบอุ่นหัวใจ หลังมือแตะกันเบาๆให้รู้ว่าตอนนี้เรายืนอยู่ข้างๆกัน
"พระจันทร์วันนี้ดวงใหญ่จังเลยเนอะ" เมื่อทนเขินไม่ไหวคนตัวเล็กเลยเสเปลี่ยนเรื่อง
"หึ" ผมได้แต่ส่งเสียงผ่านลำคอ
"กลับกันเหอะ ป่านนี้ชัคกี้ร้องหิวข้าวแย่แล้ว"
"เออ พูดถึงชัคกี้ พี่ว่าจะเอาชัคกี้ไปฝากบ้านใหญ่เลี้ยงนะ" พอพูดถึงเจ้าตัวน้อยที่ห้องก็นึกขึ้นได้
"ทำไมอ่ะ"
"พี่เริ่มเรียนหนักแล้วไง กลัวไม่มีเวลาจะดูแลมัน"
"งั้นเดี๋ยวผมเอาไปเลี้ยงเองก็ได้พี่"
"จะไปเลี้ยงยังไง เดี๋ยวเราต้องทำงานกลับไม่เป็นเวลาอีกต่างหาก"
"หงึ"
"เอาเหอะ อยู่บ้านใหญ่คนดูแลเยอะแยะ ไว้วันไหนว่าง ๆ เดี๋ยวพี่พาไปหามันก็ได้"
"แล้วจะเอาไปเมื่อไหร่อ่ะ"
"คงอีกสักพักอ่ะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาก ยังดูแลได้"
"งั้นเรารีบกลับเถอะ คิดถึงมันแล้วอ่ะ" พูดเสร็จก็เดินนำไปที่รถทันที หึ เด็กน้อยเอ้ย
.............................................................