มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y) อัพ ตอนที่ 18 (5/7/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y) อัพ ตอนที่ 18 (5/7/61)  (อ่าน 4157 ครั้ง)

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


*******************************************************************


มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)



ถ้าเธอเป็นรถยนต์ ท้องถนนก็คือฉัน

หากเธอเป็นพระจันทร์ แน่นอนฉันต้องเป็นดาว

จะอยู่เคียงข้างเธอ ไม่ให้เธอเหน็บหนาว

แม้ในคราวทุกข์ใจจะอยู่ใกล้ๆเธอ

 

ก็เพราะว่าเธอ คือของขวัญที่สวรรค์ให้มา

ฉันจะ เก็บรักษามันเอาไว้ให้นาน

จะไม่ให้ใครทำร้ายเธอ ถ้าฉันยังยืนอยู่ตรงนี้

 

จะรักเธอทั้งหมดใจที่มี oh baby I LOVE YOU
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2018 09:22:06 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y) บทนำ
«ตอบ #1 เมื่อ26-05-2018 09:17:58 »

**********************************************************


"เฮ้ยมึง ดูคนนั้นดิ น่ารักว่ะ"

...

สายตาคมหันไปมองยังกลุ่มคนที่ดูเหมือนกำลังชุลมุนวุ่นวายด้านหลัง



"เออ น่ารักดีว่ะ เขามาทำไรกันวะ"



"เห็นว่ามาแคสซีรี่ส์กันนะ เอ แต่ว่าหน้าคุ้นๆแหะ เหมือนเคยเห็น"



"นั่น บัตเตอร์ เน็ตไอดอลโรงเรียนชายล้วน..ไง"



"อ่อ แต่น่ารักจริงๆนั่นแหละ กูเชียร์เขาเว้ย"

....



บัตเตอร์ งั้นเหรอ อืม ก็น่ารักดีนิ



"เฮ้ย แฟรงค์ รอนานป่ะวะ"

สายตาคมเปลี่ยนมาให้ความสนใจบุคคลตรงหน้าแทน



"ไม่หรอก"

อันที่จริงเขามารอได้สักพักแล้วล่ะ เพราะอยู่ห้องก็ไม่ได้ทำอะไร เลยคิดว่าจะมาหาไรกินรองท้องก่อนสักหน่อย



"งั้นเข้าเรื่องนะ"

"..."

"คืองี้ มีรุ่นพี่เขาติดต่อมา เขาอยากให้มึงไปเป็นนายแบบแบรนด์เสื้อผ้าให้เขาหน่อยอ่ะ"

"..."

"ค่าจ้างงามนะเว้ย ไม่สนใจเหรอ"

"ไม่ล่ะ ไม่ชอบ วุ่นวาย น่าเบื่อ"

"แต่...."

"ไม่มีแต่ กูไปล่ะ"



ร่างสูงลุกเดินออกมาโดยไม่สนคำอ้อนวอนของเพื่อนสนิทอย่างออดี้ นายอภิวัตน์ รัตนเรืองขจร เพื่อนที่อยู่กับเขามาตั้งแต่จำความได้อีก เบื่อขี้หน้าจะแย่



"แล้วนั้นมึงจะไปไหน"

"เรื่องของกู" ตอบแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟชื่อดังไป



ก่อนจะเดินถึงรถคันงาม สายตาคมเหลือบไปเห็นก้อนสำลีสีขาวข้างๆกระถางต้นไม้ อ่า ไม่ใช่ก้อนสำลีสิ ต้องบอกว่าคนตัวขาวมากกว่า



"เจ้าเหมียว มาทำไรตรงนี้น่ะ เดี๋ยวก็ถูกรถทับแบนแต๋ดแต๋หรอก" คนตัวเล็กพูดขึ้นโดยพยามจะจับลูกแมวสีเทาๆไปด้วย



เดี๋ยวก็โดนขวน โดนกัดหรอก......



"มามะเจ้าเหมียว ไม่ดื้อน้าาาา โอ้ย!"

**

นั่นไง โดนขวนจนได้ เขารีบเปิดรถหากระดาษทิชชู่ส่งให้คนตรงหน้า



"อ๊ะ! ขอบคุณครับ" คนตรงหน้ารับไปเช็ดแผลเบาๆ ก่อนจะหันไปหาแล้วพยามจับลูกแมวอีกครั้ง



"เดี๋ยวก่อน.."

"....."

"เอาผ้าคลุมตัวมันไว้ก่อน เดี๋ยวจะโดนขวนอีก"

"อ๊า! ครับๆ" เขารับผ้าไปก่อนจะคลุมตัวลูกแมวแล้วอุ้มขึ้นมา

"งื้อ ไม่ดื้อสิ" เขาพยามจับลูกแมวให้อยู่นิ่งๆ อ่า ดูแล้วคนอุ้มเองก็เหมือนลูกแมวแฮะ ตัวเล็กๆเมื่อเทียบกับตัวผมอ่ะนะ ดูฟูๆ ขาวๆ แก้มโดนแดดเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ ยิ้มโชว์เหล็กดัดฟัน มองเพลินเลยแฮะ



"บัตๆ คิงเยะหยั๋งอยู่น่ะ เปิ้นจะฮ้องเข้าแคสแล้วหนา"

เสียงทุ้มดังมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่ความสนใจทั้งหมดจะตรงมายังผู้มาใหม่แทน

"ฮามาจ่วยลูกแมวนี่เอาะ เอ็นดูมัน สงสัยแม่มันท่าจะละเหี่ยก้า" คนตัวเล็กพูดพลางชูลูกแมวในอ้อมแขนตัวเองให้ดู

"แล้วเยะได ห้องคิงเปิ้นบ่าหื้อเลี้ยงสัตว์บ่าใจ่กา" คนตัวเล็กชะงักเมื่อฟังเพื่อนพูดจบ

"ฮาเอ็นดูมัน แล้วจะปล่อยไว้อี้กา แล้วมันจะอยู่จะไดกินจะไดง่อ" เขาตอบเพื่อนทั้งๆที่ยังลูบหัวลูกแมวอยู่แบบนั้น

"บ่าหู้ละ แต่ตอนนี้คิงต้องเข้าไปตังในก่อน เปิ้นจะเริ่มแคสละ จะบ่าเอากะงานนิ"

"......" คนตัวเล็กทำตาละห้อย ก่อนจะหันมาทางผม



"......."

"อ้ายครับ"

"คิงอู้เมืองใส่อ้ายเปิ้น แล้วอ้ายเปิ้นจะฮู้เรื่องหือนั่น" ก่อนโดนโบกเบาๆ1ที

"อ่าๆ พี่ครับ" เขาจ้องหน้าผมแบบอ้อนๆแฮะ ต้องการอะไร

"......"

"คือว่า... ลูกแมวตัวนี้น่ารักนะครับ ละแล้วมันก็ไม่มีที่ไปด้วย ผมอยากขะเอาไปเลี้ยงนะ แต่คอนโดผมห้ามเลี้ยงสัตว์อ่ะ เออ ผมฝากพี่เอาไปเลี้ยงก่อนได้ป่ะครับ" เขาพูดเสร็จแล้วช้อนตามองอ้อนอีกแล้ว

"แล้วพี่จะได้อะไร"

"เอ๋?"

"พี่ถามว่า พี่จะได้อะไรตอบแทน ถ้าพี่เอาเจ้าก้อนนี่ไปเลี้ยง"

"เออ...."

"ข่ะใจ๋ลุ จะถึงคิวคิงละหนา" เพื่อนเร่งแล้วนะครับน้อง

"พี่อยากได้อะไรล่ะครับ" เขาพูดพร้อมสบตากับผมตรงๆ แววตาหวูบไหวนั้นทำให้ผมยิ่งอยากแกล้งเข้าไปอีก

"เอาเบอร์น้องมา เดี๋ยวพี่นึกได้ละจะบอก"

"ห๊ะ?"

"ขะใจ๋หื้ออ้ายเปิ้นไปเหี๋ย จะถึงคิวคิงแล้ววววววววว"

"อ่ะๆ เบอร์091xxxxx54 ครับ"

"โอเค เดี๋ยวพี่โทรบอกแล้วกัน" ผมพูดพลางเข้าไปอุ้มลูกแมวจากเขา อ่า ต้องพาไปหาหมอก่อนสินะ เหมือนจะบาดเจ็บด้วย

"ขอบคุณครับพี่ ผมไปละครับ"

"เดี๋ยว อย่าลืมทำแผลที่โดนเจ้านี่ขวนล่ะ"

"ครับ" เขาตอบรับแล้วรีบวิ่งออกไปทันที



........

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
*********************************************************



"เดือนหน้าอย่าลืมพาน้องมาฉีดยาด้วยนะครับ" ....



ขายาวก้าวออกมาจากคลีนิครักษาสัตว์แถวๆคอนโด หลังจากพาเจ้าลูกแมวสีเทาเข้าไปรักษา รวมวันนี้ก็ผ่านมาได้เกือบ5วันแล้ว เขายังไม่ได้โทรไปหาคนตัวเล็กที่ช่วยเจ้าตัวนี้ไว้เลย อันที่จริงเขายังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นยังไงมากกว่า จู่ๆจะโทรไปทวงข้อตกลงก็ดูจะไม่ค่อยเข้าท่าซะเท่าไหร่ เอาไว้อีกวัน2วันค่อยโทรแล้วกันเนอะ



"มึงไปเอาลูกแมวที่ไหนมาวะ" เสียงทุ้มทักมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่จะเข้ามาอุ้มลูกแมวไป

"เก็บได้" เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าลิฟท์ขึ้นไปบนห้องของตัวเอง

"ปกติมึงไม่ชอบเลี้ยงอะไรแบบนี้นี่หว่า มึงบอกมันยุ่งยาก วุ่นวาย ตอนนี้ไม่เป็นงั้นแล้วเหรอะ"

"ไม่"

"หืม?"

"ไม่เสือกสิ.."

"ไอ้สัส!!" ออดี้ตะโกนลั่นโถงทางเดิน โคตรไม่มีมารยาทว่ะไอ่นี่ ผมทนคบมันมาได้ไงกันนะ

ผมทำเป็นไม่สนใจ เสียบคีย์การ์ดเดินเข้าห้องโดยไม่สนใจคนที่เดินตามมา ก่อนจะทิ้งตัวลงโซฟาอย่างหมดแรง แดดประเทศไทยนี่ร้อนเหมือนซ้อมตกนรกเลยนะครับ แต่ผมว่าผมคงไม่ตกหรอก ไอ่ออดี้สิไม่แน่ หึ

"เอาดีๆ นึกยังไงถึงคิดจะเลี้ยงแมววะ" มันยังไม่เลิกเซ้าซี้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งโซฟาเดี่ยวอีกตัวจับลูกแมวนั่งตักลูบหัวหอมหัวประหนึ่งคลอดออกมาเอง เออ มันยังไม่ได้อาบน้ำ แถมก่อนจะเจอไม่รู้ไปคลุกอะไรมาบ้าง ตอนอยู่คลีนิคหมอเขาคงแค่เช็ดขนให้เฉยๆ แต่ผมไม่บอกมันหรอก หึหึ

"มีคนฝากให้เลี้ยง" ผมตอบพลางนึกถึงคนแก้มกลมตัวขาวๆฟูๆ ป่านนี้คงวุ่นวายกับการแคสงานอยู่ละมั้ง วันนั้นหลังจากพาเจ้าแมวไปคลีนิคและคุณหมอบอกให้นอนคลีนิคเพื่อดูอาการ ผมก็กลับมาเปิดอินเตอร์เน็ตดูเกี่ยวกับคนตัวเล็กทันที

" บัตเตอร์ จิราพัทธ์ วิไชยโกศล อายุ18ปี กำลังเข้ามหาลัยชื่อดัง หนุ่มน้อยจากเชียงใหม่ ดีกรีนักแบดมินตัน เคยได้เหรียญทองจากงานกีฬาแห่งชาติ เคยผ่านงานแสดงมาแล้ว และตอนนี้ถือได้ว่าเป็นตัวเต็งในการแคสซีรี่ส์เรื่องนี้เลยค่ะคุณผู้โชมมมมมมมม"

"ใครวะ" เสียงออดี้ทำลายความคิดผมอีกครั้ง นี่คือจะรู้ให้ได้เลยใช่ไหม

"ไม่ต้องรู้หรอกมึงน่ะ แล้วปล่อยเจ้าเหมียวมันลงได้แล้ว ให้มันได้คุ้นกลิ่นคุ้นห้อง" มันจำใจปล่อยเจ้าเหมียวลง แล้วอะไรคือทำหน้าจวักแบบนั้น คิดว่าน่ารักเหรอ ถ้าเป็นเจ้าของตัวจริงทำไม่ว่าเลย รายนั้นน่ารักจริง อ่า ผมนึกถึงเขาอีกแล้วสิ

"ชิ เออ เห็นมึงเรียกเจ้าเหมียวๆ มันไม่มีชื่อเหรอวะ"

"ไม่"

"ห๊ะ! ชื่อไม่ หรือไม่มีชื่อวะ"

"ไม่ต้องยุ่งสักเรื่องได้ไหมมึงเนี้ย" ไอ่นี่ ไม่โดนด่าจะนอนไม่หลับใช่ไหม

"มึงอ่ะ ทำแบบนี้ตลอดเลยนะ ไม่รักกูเหรอ" อะไรคือทำหน้าตาอ้อนวอนขนาดนั้น อ้อนที่ว่านี่คืออ้อนตีนด้วยนะ

"ปัญญาอ่อน" คิดว่าจะสนเหรอ

"ตลอดอ่ะมึง"

"......"

"เออ ก็ได้ กูงอนเองหายเองก็ด้ายยยย"

"........"

"ไอ่เหี้ยแฟรงค์ แม่งกวนตีนอ่ะ" ออดี้ทำท่าชักดิ้นชักงอ มึงสาบานว่ามึง20แล้วจริงๆ ขนาดตัวกูไม่เถียงแค่ระดับสมองนี้ผมว่ามีปัญหา สงสารพ่อแม่พี่น้องมันจริงๆ

"มึงสิ สัส แล้วมามีเรื่องอะไร ปกติไม่แสลนมาหากูเวลานี้นิ" ใช่ครับปกติถ้าไม่มีเรียน ไม่มีนัดเด็ก พระอาทิตย์ไม่ตกดินจะไม่เห็นหัวมันหรอกครับ

"คือกู..." มันอ้ำอึ้ง

"กูว่ากูพูดชัดแล้วนะวันนั้นน่ะ" คงไม่พ้นเรื่องถ่ายแบบที่มันเคยถามผมไปเมื่อวันนั้น ไม่ใช่ว่าผมเล่นตัวหรอกนะครับ ไว้หล่ออย่างผมจะเข้าใจ หึหึ

"กูได้ยินชัดเจน แต่มึง มึงช่วยพี่เขาหน่อยเหอะว่ะ ไม่ใช่มึงพี่เขาก็ไม่รู้จะไปหาใครแล้วนะ"

"เขาให้อะไรมึง"

"..ไม่มี้ กูอยากช่วยเขาเฉยๆ" แล้วสายตาหล่อกแหล่กนั่นคืออะไร

"....."

"... มึงอ่ะ เขาจะให้เบอร์น้องซินดี้ นางแบบXY"

"...."

"คือ มึง กูชอบเขาจริงๆนะเว้ย ละ..แล้วมึงก็ไม่ได้ถ่ายคนเดียวด้วย" น้องแจนเจินอะไรนั่น นางแบบคนก่อนมึงก็พูดแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอวะ

"....."

"เนี่ย มึงได้ถ่ายกับน้องบัตเตอร์เลยนะเว้ย น้องแม่งอย่างน่ารักอ่ะ งานดีมาก ถ้าเป็นผู้หญิงกูจีบไปละ นะ นัมึง ช่วยกูหน่อย" หืม บัตเตอร์เหรอ?

"กูจะได้อะไร" มันต้องมีข้อเสนอหน่อยสิ

"โห่ มึง ช่วยความรักเพื่อนต้องมีข้อตกลงอีก"

"งั้นกูไม่ถ่าย" เอาสิ มึงจะลองดูก็ได้นะออดี้ หึหึหึ

"เออ เลนส์กล้องตัวหนึ่งเลยเอ้า"

"วงเงิน?"

"ไม่อั้น"

"ดีล"

"ไอ้เหี้ย หัวหมอสัส" ไอ่ออดี้บ่นพึมพัมของมันไปเรื่อย แค่เลนส์กล้องตัวเดียวขนหน้าแข้งพ่อมันไม่ร่วงหรอกครับ ลูกชายคนเล็กเจ้าของห้างดัง+โรงแรมชื่อดังอย่างครอบครัวมันน่ะนะ

หึ ถ่ายกับบัตเตอร์เหรอ งานนี้คงไม่ต้องโทรหาแล้วล่ะ

แล้วเจอกันแมวน้อย :)



........................................




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 14:53:03 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
********************************************************



ณ สตูดิโอ BS



"ทำไมกูต้องมากับมึงด้วยวะ" ออดี้บ่นอุบ หลังจากผมไปลากมันลงมาจากเตียงลายมินเนี่ยนสุดที่รักของมัน แม่งมันบ้าชิบหาย ทุกอย่างในห้องแทบจะมีแต่ลายไอ้ตัวสีเหลืองๆนี่ ตอนนี้เริ่มลามไปถึงบ๊อกเซอร์ละ ไอ่บ้า



"มึงเป็นคนให้กูมาถ่าย มึงต้องรับผิดชอบดิสัส" กูไม่ยอมมาคนเดียวแน่ๆถึงแม้พี่เจ้าของแบรนด์จะรู้จักกันก็เถอะ



"แม่งเอ้ย กูอยากนอน กูเพิ่งได้นอนเมื่อตอนตี5นี่เองนะเว้ย" มันยังไม่เลิกบ่น แต่คิดว่าผมสนเหรอ



"เรื่องของมึง"



"กรี๊ดดดดดดด น้องแฟรงค์ที่จะมาถ่ายแบบวันนี้ใช่ไหมคะ" พอก้าวเข้าสตูดิโอผมก็ถูกจู่โจมจากเจ็เทยร่างใหญ่ทันที เล่นซะตกอกตกใจหมด ไอ่ดี้แม่งโดดหนีไปนู้น มึงกลับมาเดี๋ยวนี้สัส



"..ครับ" ทันทีที่ผมตอบรับก็ได้รับเสียงฮือฮาอีกระลอก



"อร๊ายยย ได้เจอตัวจริงซะที พี่รินมาขายเราไว้เยอะเลยนะรู้มั้ย" เออ ไม่รู้ครับ และไม่อยากรู้ด้วย แล้วเจ๊พูดเฉยๆไม่ต้องมาลูบๆคลำๆก็ได้ไหม ระวังเส้นกระตุกเอานะครับ



"....." ทำอะไรไม่ได้ครับนอกจากเบี่ยงตัวออกอย่างเนียนๆ นี่ผมต้องทนแบบนี้ทั้งวันเหรอเนี่ย ถอนหายใจรอเลยได้ไหม



"เอาล่ะ เข้าไปแต่งหน้าแต่งตัวได้เลยจ่ะ เดี๋ยวพี่รออยู่ข้างนอกนะจ๊ะ" พูดพลางขยิบตาให้ผมอีกที ตาเป็นไรครับเดี๋ยวผมเอาฝามือเขี่ยให้ไหม



ภายในห้องแต่งตัวเต็มไปด้วยราวแขวนเสื้อผ้า และช่างแต่งหน้าทำผมอีก4-5คน ทีมงานเดินเข้าเดินออก ก่อนที่ผมจะสะดุดตากับบุคคลที่ตอนนี้กำลังหลับตาพริ้มให้ช่างแต่งหน้าให้อยู่หน้ากระจก ผมตัดสินใจไปนั่งเยื่องๆกับเขา หึ เจอกันครั้งนี้ก็ยังเหมือนแมวเหมือนเดิม



หลังจากทนให้ช่างแต่งหน้าโบกนู้นทานี่ให้อยู่สักพัก สุดท้ายก็เสร็จซะที ผมมองดูกระจก แหม่ คนเรามันสามารถหล่อได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ 555555



"เอาหล่ะ เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนู้นเลยค่ะ"

"ครับ" ผมเดินตามทีมเสื้อผ้าไปยังอีกมุมหนึ่ง ระหว่างรอพี่เขาเลือกเสื้อผ้าผมเลยกว่ดตาดูรอบๆ ไม่เจอคนตัวขาวแหะ สงสัยออกไปเตรียมตัวแล้ว พอหันกลับมาพี่เขายื่นกางเกงยีนส์ให้ผม1ตัว หืม เสื้อล่ะครับ



"เสื้อล่ะครับพี่"



"เซทนี้ไม่มีครับ เร็วรีบเข้าไปเปลี่ยนแล้วรีบออกมาได้แล้วจ้า" พูดจบก็ดันผมเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทัน เอาวะ รับปากเขาไปแล้ว รีบถ่ายแล้วรีบไปจัดการไอ่ออดี้แล้วกัน



"...................." เงียบกันทั้งสตู พร้อมจ้องมาที่ผมคนเดียว ผมรีบสำรวจตัวเองทันที กระดุมกางเกงติดทุกเม็ดนะ แล้วมองอะไรกันครับผมมมมม



"กรี๊ดดดดดดด กูจะเป็นโลมมมมมค่ะซิสสสส"

"อิเชี่ยมมมม มึงดูหุ่นน้องเขา กำเดากูจะไหล"

"กูต้องการเลือดค่ะ เลือดกูจะหมดตัวแล้ววววว"

เอิ่ม เป็นไรกันมากไหมพี่



"กรี๊ดดดดด คิดไม่ผิดที่เลือกแกแฟรงค์ คนดีของเจ๊ ฮือออออออ" พี่รินเจ้าของแบรนด์รีบเดินเข้ามาหาทันที



"อะไร อย่ามาแอ๊บ คิดว่าผมไม่รู้เหรอว่าไปตกลงอะไรกับไอ่ดี้อ่ะ"



"อะไร ไม่มี๊ แกคิดมาก เอาๆรีบทำงานกันเนอะจะได้เสร็จไวๆ อิอิ" พี่รินรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าผมรู้ทัน



"นายแบบทั้ง2คนเชิญทางนี้ครับ" เสียงพี่ช่างภาพเรียกผมกับคนตัวเล็กไปหาเพื่อคุยคอนเซ็ปถ่ายวันนี้ ระหว่างที่พี่ช่างภาพคุยกับทีมงาน คนเล็กหันมามองผมเต็มตา



"อ่ะ พี่คนเมื่อวันนั้นนิ" เสียงเล็กทักขึ้นมาทันทีที่เห็นผมชัดๆ



"ไง" ผมทักตอบ



"ฮือ ผมคิดว่าเมื่อไหร่พี่จะติดต่อมา" คนตัวเล็กพูดเสียงอ่อย



"หึ"



"ลูกแมวเป็นไงบ้างอ่ะพี่ ผมคิดถึงมันนะเนี่ย"



"ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ เพิ่งได้ออกจากคลีนิคเมื่อ3วันก่อนนี่เอง"



"เอ้า มันเป็นไรอ่ะ" คนตัวเล็กทำหน้าตกใจ



"พี่เห็นมันหายใจหอบๆแล้วตัวมันก็มีแผลด้วย เลยพามันไปหาหมอก่อนน่ะ" ผมอธิบายก่อนที่จะเห็นอีกคนหน้าเสียไปกว่านี้



"อ่า ขอบคุณนะครับพี่" คนตัวเล็กยกมือไหว้ขอบคุณ



"เอ้า ทั้ง2คนรู้จักกันแล้วเหรอ ดีๆ จะได้ทำงานสะดวกขึ้นอีกหน่อย" เสียงพี่ช่างภาพขัดบทสนทนาของผมกับคนตัวเล็ก



"อ่า ครับๆ แฮะๆ" คนตัวเล็กหันมายิ้มแห้งให้ผม หึหึ ยิ่งดูอีกเหมือนแมว



คอนเซ็ปถ่ายวันนี้ไม่มีอะไรมาก ก็ถ่ายแบบเสื้อผ้าทั่วไป แต่จะมีบ้างที่ต้องแตะเนื้อต้องตัวกัน แต่เพราะเป็นผู้ชายทั้งคู่เลยไม่มีปัญหาอะไร



"ผมอยากเห็นเจ้าเหมียวจัง" เสียงบัตเตอร์ดังขึ้นเมื่อพี่ช่างภาพให้พัก



"เดี๋ยวถ่ายเสร็จแล้วจะเอารูปให้ดู" อยากให้ดูตอนนี้หรอก แต่อยากให้งานเสร็จไวๆมากกว่า ผมไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่ วุ่นวาย เสียงดัง ยิ่งตอนประกวดเดือนมหาลัยตอนปี1 เป็นอะไรที่ผมอยากลาตายมาก โคตรของโคตรวุ่นวาย คนแม่งก็โคตรเยอะ เรื่องก็เยอะ รอดพ้นมาได้อย่างรากเลือด เข็ดสัสๆ



"โอเคครับ วันนี้ทำได้ดีมาก เจอกันบนแผงหนังสือเลยค้าบบบบ" สิ้นเสียงพี่ช่างภาพผมถอนหายใจทันที เสร็จซะทีนะครับ



เราถ่ายไปหลายเซทมาก นี่ถ่ายเผื่อเล่มหน้าเลยปะครับ เริ่มงานตั้งแต่9โมงเช้า เสร็จตอนเกือบ6โมงเย็น ไม่ต้องถามถึงเพื่อนเลวผม แม่งชิ่งตั้งแต่ก่อนเที่ยง เดี๋ยวแม่งมีคิดบัญชีย้อนหลัง สัสหมา งานวันนี้โคตรดูดพลังชีวิต อยากกลับไปนอนแอร์เย็นๆแล้ว ผิดกับอีกคนที่ยังดูชิวๆ มืออาชีพจังน้า



ผมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาเก็บของ คนตัวเล็กมานั่งข้างๆทันที



"ไหนรูปเจ้าเหมียวอ่ะพี่" รีบทวงเลยนะ



"อ่ะ" ผมกดโทรศัพท์แล้วยื่นให้เจ้าตัวดู



"โห่ น่ารักอ่ะ พี่ถ่ายรูปสวยด้วย อยากได้อ่ะพี่" เขาจ้องมาด้วยสายตาประกายคาดหวัง คือ พี่มึงต้องให้กูนะ ไม่งั้นก็งอแงนะ ประมาณนี้



"เอาไลน์มาดิ เดี๋ยวส่งให้" เจ้าตัวรีบกุลีกุจอเปิดไลน์แอดไอดีอย่างไว



"เอ้า เอารูปไหนก็เลือกเอา" ผมยื่นโทรศัพท์ให้เจ้าตัวเลือกเองเลย ส่วนตัวผมก็นั่งรอเงียบๆ



"แล้วมันชื่อไรอ่ะพี่" เสียงใสถาม มือก็เลือกรูปส่งไลน์ไม่หยุด



"ยังไม่ได้ตั้ง เราเป็นเจ้าของก็ตั้งสิ"



"หืม พี่เลี้ยงพี่ก็เป็นเจ้าของสิ" เจ้าตัวละความสนใจรูปภาพเงยหน้ามามองผมอย่างสงสัย



"เราเป็นคนช่วยมัน พี่แค่รับฝากเลี้ยง อย่าลืม" ผมอธิบาย



"เอางั้นเหรอพี่ แต่ว่าจะให้ชื่อไรดีอ่ะ" บัตเตอร์ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด



"นึกได้แล้วค่อยไลน์มาแล้วกัน" ผมตัดบท เดี๋ยวไม่จบสักที หึหึ



"ได้ครับ" ก่อนจะหันไปส่งรูปต่อ



"บัตเตอร์ กลับได้แล้วครับ" เสียงผู้จัดการคนข้างๆดังขึ้นหลังจากไปจัดการธุระกับทีมงานเรียบร้อย



"อ่า งั้นผมกลับแล้วพี่...เอ่อ"



"แฟรงค์ พี่ชื่อแฟรงค์"



"ครับ ผมไปก่อนนะพี่แฟรงค์ ไว้มีโอกาสได้เจอกันครับ" เจ้าตัวยกมือไหว้ ผมหยักหน้ารับ เจ้าตัวเก็บโทรศัพท์แล้วหันหลังเดินออกไป ระหว่างก็ยกมือไหว้ทีมงานตลอดทาง มารยาทดีจริงๆเลยนะเด็กคนนี้







..................…...................





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 14:53:39 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
part บัตเตอร์



"อ่ะ พี่คนเมื่อวันนั้นนิ" ผมเอ่ยทักออกไปเมื่อเห็นพี่เขาเข้ามาใกล้ๆ คนอะไรโคตรดูดี สูง หล่อ ไหล่กว้าง หุ่นไม่ล่ำมากแต่ก็ไม่ถึงกับก้าง หน้าท้องขึ้นลอนสวย ลายสักตรงหน้าอกอย่างเท่ โคตรน่าอิจฉา

"ไง" พี่เขาทักตอบพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ โอ้โห้ ยิ้มแล้วอย่างแบด โซเดมฮอทสุดๆ

"ฮือ ผมคิดว่าเมื่อไหร่พี่จะติดต่อมา" ผมพูดเสียงอ่อย วันนั้นพี่เขาบอกจะติดต่อมาอีกที แล้วก็หายไปเลย ส่วนตัวผมเองก็วุ่นๆอยู่กับการแคส จนลืมๆไปเหมือนกัน มานึกได้ตอนที่เห็นหน้าพี่เขาเนี่ยแหละ

"หึ"



"ลูกแมวเป็นไงบ้างอ่ะพี่ ผมคิดถึงมันนะเนี่ย"



"ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ เพิ่งได้ออกจากคลีนิคเมื่อ3วันก่อนนี่เอง"



"เอ้า! มันเป็นไรอ่ะอ่ะครับ"



"พี่เห็นมันหายใจหอบๆแล้วตัวมันก็มีแผลด้วย เลยพามันไปหาหมอก่อนน่ะ" พี่เขาอธิบายก่อนจะเห็นผมหน้าเสียไปกว่านี้



"อ่า ขอบคุณนะครับพี่" ผมยกมือไหว้ขอบคุณ คือมันติดเป็นนิสัยไปแล้วอ่ะครับ เจอผู้หลักผู้ใหญ่ เจอใครก็ต้องยกมือไหว้ไว้ก่อน แม่ผมบอกเสมอ เด็กที่มือไม้อ่อน มีสัมมาคาระวะ ใครเห็นเขาก็ต้องเอ็นดู



"เอ้า ทั้ง2คนรู้จักกันแล้วเหรอ ดีๆ จะได้ทำงานสะดวกขึ้นอีกหน่อย" เสียงพี่ช่างภาพขัดขึ้นมา



"อ่า ครับๆ แฮะๆ" ผมหันไปยิ้มแห้งในคนตัวโตข้างๆ อย่างผมกับพี่เขานี่เรียกว่ารู้จักได้ไหมอ่ะ เจอกันครั้งนี้ครั้งที่2เอง ชื่อแส่อะไรยังไม่รู้เลย



คอนเซ็ปถ่ายวันนี้ไม่มีอะไรมาก ก็ถ่ายแบบเสื้อผ้าทั่วไป แต่จะมีบ้างที่ต้องแตะเนื้อต้องตัวกัน เอาจริงๆก็แอบเขินหน่อยๆนะครับ คือพี่เขาโคตรดูดี พอมายืนใกล้ๆเห็นรอยสักชัดๆ โอ้โห้ ถ้าเป็นผมเป็นผู้หญิงคงเป็นลมไปแล้วแน่ๆ



"ผมอยากเห็นเจ้าเหมียวจัง" ผมเอ่ยทำลายความเวียบขึ้นมาหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วนั่งรอเรียกถ่าย

"เดี๋ยวถ่ายเสร็จแล้วจะเอารูปให้ดู" แล้วก็จบบทสนทนาแค่นั้นก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันต่อ เราแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยระหว่างทำงาน เพราะอยากให้งานเสร็จเร็วๆ พวกพี่ๆเองก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน เพราะบางคนก็ต้องมีเรื่องมีภาระที่ต้องไปทำต่อ การตั้งใจทำงานและทำให้ผิดพลาดน้อยที่สุดคือสิ่งที่ผมทำให้พวกเขาได้ แล้วคนที่ยืนเต๊ะท่าอยู่ข้างๆผมก็คงคิดเหมือนกัน แม้จะไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่ก็แอบได้ยินพี่เขาถอนใจบ่อยๆเหมือนกันนะ ฮาฮ่า



"โอเคครับ วันนี้ทำได้ดีมาก เจอกันบนแผงหนังสือเลยค้าบบบบ" สิ้นเสียงพี่ช่างภาพ เสียงปรบมือดังขึ้นมา พร้อมคำกล่าวชมผมกับพี่เขา ได้ยินแบบนี้ก็ปลื้มหน่อยๆแฮะ



เราถ่ายไปหลายเซทมาก เล่นดูดพลังผมไปซะเกือบหมดเลย แต่ผมบอกตัวเองเสมอว่าให้ตั้งใจทำให้เต็มที่ ให้สมกับโอกาสที่ได้ทำ ทำไปแล้วต้องทำให้ดีจะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง รับคำกล่าวติเตือนเพื่อมาพัฒนาตัวเอง ผมไม่รู้ว่าผมจะได้ทำงานในวงการนี้ไปได้สักแค่ไหน สำหรับเด็กบ้านนอกที่อยากเป็นนักแสดง เข้ากรุงเทพมาเพื่อตามฝัน หลายครั้งที่ล้มที่ท้ออยากหยุดทุกอย่างเอาไว้แล้วหันหลังให้มันซะ แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ



ผมรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาเก็บของเพื่อมานั่งรอพี่เขา



"ไหนรูปเจ้าเหมียวอ่ะพี่" รีบทวงเลยครับ กลัวพี่เขาเปลี่ยนใจ



"อ่ะ" เขากดโทรศัพท์แปปๆแล้วยื่นมาให้ผม ผมชะงักงงๆ แต่ก็รับมาอยู่ดีเมื่อพี่เขาส่งสายตาให้ผมรับไปซะที



"โห่ น่ารักอ่ะ พี่ถ่ายรูปสวยด้วย อยากได้อ่ะพี่" ผมตาเป็นประกายเลย พี่เขาถ่ายรูปสวยมาก ถ่ายเจ้าเหมียวออกมาอย่างน่ารักเลยอ่ะ



"เอาไลน์มาดิ เดี๋ยวส่งให้" รีบควักโทรศัพท์แอดไลน์อย่างไวเลยครับ



"เอ้า เอารูปไหนก็เลือกเอา"



"แล้วมันชื่อไรอ่ะพี่"



"ยังไม่ได้ตั้ง เราเป็นเจ้าของก็ตั้งสิ"



"หืม พี่เลี้ยงพี่ก็เป็นเจ้าของสิ" ผมเงยหน้ามองพี่เขาด้วยความสงสัย พี่เป็นคนเลี้ยง พี่ก็ต้องเป็นเจ้าของสิ หรือยังไง



"เราเป็นคนช่วยมัน พี่แค่รับฝากเลี้ยง อย่าลืม"



"เอางั้นเหรอพี่ แต่ว่าจะให้ชื่อไรดีอ่ะ" นึกไม่ออกแฮะ อืม.....



"นึกได้แล้วค่อยไลน์มาแล้วกัน" พี่เขาตัดบทก่อนที่ผมจะนึกนานกว่านี้



"ได้ครับ" ผมหันไปส่งรูปต่อ



"บัตเตอร์ กลับได้แล้วครับ" เสียงพี่ออยผู้จัดการของผมดังขึ้นหลังจากไปจัดการธุระกับทีมงานเรียบร้อย



"อ่า งั้นผมกลับแล้วพี่...เอ่อ"



"แฟรงค์ พี่ชื่อแฟรงค์"



"ครับ ผมไปก่อนนะพี่แฟรงค์ ไว้มีโอกาสได้เจอกันครับ" ผมยื่นโทรศัพท์คืนพี่เขาแล้วยกมือไหว้ขอบคุณอีกที พี่เขาพยักหน้ารับ ผมจึงหันหลังเดินออกไปพร้อมๆพี่ออย ระหว่างทางก็ยกมือไหว้ขอบคุณพี่ๆทีมงานตลอดทางเหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีพวกพี่เขางานวันนี้ก็คงไม่เสร็จลุล่วงไปได้เร็วขนาดนี้



"พรุ่งนี้ผมแคสออก ตื่นเต้นไหม" เสียงพี่ออยทำลายความเงียบในรถระหว่างติดไฟแดง

"ตื่นเต้นดิพี่ งานนี้ผมเทหมดหน้าตักแล้ว ถ้าไม่ได้งานนี้มีหวังแม่ลากกลับเชียงใหม่แน่ๆ" ก่อนหน้านี้ถึงแม้จะเคยแสดงซีรี่ส์มาบ้าง แต่ก็เป็นแค่บทเล็กๆ ออกไม่กี่ฉาก เพราะงั้นผมถึงหวังไว้มากเหมือนกัน

"ถ้าเราได้บทเป็นกระแสแน่ๆ"

"ไม่น่ารอดนะพี่ 555555" หัวเราะปลอบใจตัวเองไปงั้นแหละครับ คือถ้าผมได้บทจริงๆ กระแสโจมตีก็คงมีแหละ เพราะเรามันก็ไม่ได้เด่นดังอะไรที่ไหนมา คนอื่นๆที่มาแคสก็มีประสบการณ์มีฐานแฟนคลับกันอยู่แล้วด้วย แค่คิดก็ขนลุกแล้วครับ

พี่ออยส่งผมหน้าคอนโดก่อนจะขับรถออกไป ไม่วายกำชับว่าอย่ามัวแต่เล่นเกมส์แล้วนอนดึกอีกต่างหาก โถ่พี่ครับ มากรุงเทพคนเดียวไม่มีเพื่อนไม่มีฝูง ถ้าไม่เล่นเกมส์จะให้ผมทำอะไรกัน

ผมแวะสั่งข้าวใต้ถุนคอนโดก่อนจะหิ้วขึ้นไปทานบนห้อง กลับมาถึงห้องก็วางของทุกอย่างก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง จบงานวันนี้แล้ว พลังหมดแล้วอีกต่างหาก ผมกะว่าจะพักสายตาสักพักแต่ก็เผลอหลับยาว ตอนอีกเกือบเที่ยงคืน ผมจัดการชำระร่างกายแล้วพาตัวเองเข้านอนทันที ไม่ไหวแล้วครับ ข้าวกล่องซื้อมาคงเอาไปเวฟกินพรุ่งนี้แล้วล่ะ ห่างตาเหลือบไปเห็นแสงหน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นมา แต่ไม่อยากเปิดดูแล้ว ไม่พ้นคงเป็นพี่ออยส่งไลน์มาย้ำอีกแน่ๆ รู้แล้วคร้าบๆ ผมตอบรับในใจก่อนจะปิดเปลือกตาหลับต่อ เหมือนผมจะลืมอะไรไปอีกแล้วหรือเปล่านะ แต่ช่างเถอะ ฝันดีครับ

......

Flankie ส่งรูปภาพถึงคุณ........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 14:54:07 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0


ผมนั่งในห้องเลคเชอร์หมุนโทรศัพท์ไปมาอย่างเบื่อๆ ระหว่างรออาจารย์เข้าสอน ปกติผมเป็นคนไม่ติดโทรศัพท์ ไม่ติดโซเชียลอะไรเท่าไหร่อยู่แล้ว จะเล่นก็แค่ Instagram ที่นานๆทีจะโพสสักรูป ซึ่งผมเล่นมา2ปีมีรูปยังไม่ถึง100รูปเลยด้วยซ้ำ



"ไงวะ สีหน้าเบื่อๆ ขี้ไม่ออกหรือยังไง" เสียงมาก่อนตัวและคำพูดคำจาไม่น่าจะโตมาถึงทุกวันนี้มีคนเดียวแหละครับ ไอ่ออดี้ หรือที่ผมและคนอื่นๆเรียกมันสั้นๆว่า สัสดี้นั่นเอง



"......" ผมตอบมันด้วยสายตาเฉยชาแทน



"สัส ตอบแค่นี้ดอกพิกุลแม่งจะร่วงหรือไงวะ เอาดีๆ ไหนเป็นไรบอกหมอซิ" มันทำท่าจะยืนมาแปะหน้าผากผมเพื่อวัดไข้ ผมเลยต้องปัดมือมันทิ้งอย่างไว



"สัสดี้ เหี้ย มึงเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา เลว"



"5555555555555555" มันหัวเราะดังลั่น ไม่มีหรอกคำว่าเกรงใจคนรอบข้าง เอาจริงๆทุกคนคงปลงกับมันแล้วล่ะ คนมันไม่เต็ม



"เอาดีๆ มึงเป็นไรวะ หรือว่าเมื่อวานมึงเมาแล้วไปดักฉุดใครเข้าหรือไง" มันทำหน้าตื่นตกใจโอเว่อร์แอคติ้งมาก ออสก้ามึงต้องได้ไอ่สัส



"พ่องงงเหอะ ไม่ยุ่งสักเรื่องมันจะทำให้มึงหายใจไม่สะดวกหรือไงวะ"



"ไม่ได้ เรื่องของมึงมันน่าเสือกมากไม่รู้หรือไง" ยังลอยหน้าลอยตาตอบได้อีก ผมไม่น่าตัดสินใจแบ่งผ้าห่มกับมันเมื่อตอนอนุบาลเลยจริงๆ เกาะแม่งเป็นเหาฉลามเลย



"ไม่มีอะไรทั้งนั้นล่ะ ตั้งใจเรียน 'จารย์แม่มึงมานู้นละ" แต่ถามว่ามันสนใจไหมก็ไหม ถึงเวลาสอบมึงอย่าให้กูช่วยติวนะสัส



"เชรดดดดด แฟรงค์ๆ มึงดูนี่" ไอ่ดี้ควักโทรศัพท์ออกมาเล่นแบบไม่แคร์สื่อใดๆแม้กระทั่งอาจารย์แกบรรยายอยู่หน้าห้องก็ตาม แถมยังมาสะกิดให้ผมหันไปมองห้าจอมือถือมันอีก



"น้องบัตเตอร์จะแสดงซีรี่ส์วายด้วยว่ะ" ตอนแรกก็รำคาญหรอกครับ แต่พอมีชื่ออีกคนเข้ามาอยู่ในบทสนทนามันก็อดไม่ได้หน่อยๆ



"ซีรี่ส์วาย? คือไรวะ" เสียงทุ้มแทรกขึ้นมาทางด้านหลัง



"อ่าวไอ่เค กูนึกว่ามึงมาไม่ไหวนะวันนี้" ไอ่ดี้หันไปทักคนข้างหลัง



"ไหวสิครับทำไมจะไม่ไหว นี่ใครรู้ซะบ้าง ว่าแต่ซีรี่ส์วายคืออะไร" เจ้าตัวตอบอย่างภาคภูมิใจ ก็เมื่อคืนไอ่สองตัวนี่มันนัดกันไปผับครับ ก็นะครับขากลับมันก็มีอะไรติดไม้ติดมือกันไปบ้าง คงไม่ต้องบอกนะครับว่า 'อะไร' ที่มันติดมือพวกมันกลับไป ด้วยรูปร่างสูงโดดเด่น หน้าตาก็เข้าขั้นหล่อเหลา ไม่แปลกที่มันสองตัวมักจะเจอแบบนี้ประจำ เมื่อคืนมันก็โทรตามผมเหมือนแหละครับ แต่แค่ทำงานก็หมดพลังแล้ว ไม่มีแรงไปต่อหรอก แล้วอีกอย่าง ผมไม่ค่อยชอบอะไรพวกนี้เท่าไหร่ ให้เลือกระหว่างไปเที่ยวผับกะพวกมัน กับ นั่งฟังอาจารย์บรรยายหน้าห้อง ผมเลือกอย่างหลังครับ ผมไม่ชอบเสียงดัง คนเยอะวุ่นวาย นั่นคือเหตุให้พวกมันด่าผมว่าพวกหล่อเสียของบ่อยๆ



"ซีรี่ส์วายก็คือ ละครบอยเลิฟอ่ะ แบบแมนๆรักกันไรงี้" ไอ่ดี้อธิบาย



"ละครเกย์เหรอวะ" ไอ่เคหน้าเหวอ



"ไม่ใช่เว้ย วายคือผู้ชายที่ชอบผู้ชาย แบบรู้สึกแค่คนนี้คนเดียวไรงี้ แต่เกย์คือคนที่ไม่สนใจในเพศตรงข้ามเลยเว้ย"



"ทำไมมึงรู้ดีจังวะ" ผมสงสัย



"มึงยังไม่เคยโดดเจ๊อ้อมเป่าหูมาล่ะสิ ลองไปฟังเจ๊แกเล่าให้ฟังแล้วมึงจะบรรลุ" ไอ้ดี้เอ่ยชื่อบุคคลที่พวกผมสุดเคารพขึ้นมาอ้างอิง พี่เค้าเป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้วของพวกผมเองครับ ตอนนี้แกเปิดร้านกาแฟกึ่งแกลอรี่ภาพวาดภาพถ่าย อยู่แถวๆสยาม พวกผมไปสิงที่นั่นบ่อยๆ คือพวกเครื่องดื่มแกจะชงเอง สูตรแกเอง มีโต๊ะให้นั่ง มีมุมถ่ายรูปสวยๆ แต่ร้านแกไม่ขายพวกของหวานหรือเค้กนะครับ 'ใครนิยามว่าร้านกาแฟมันต้องขายคู่กับเค้กวะ ยุ่งยากชิบหาย' แกบอกมางี้อ่ะนะ



"อ่าๆ แล้วน้องบัตเตอร์นี่คือใคร มึงรู้จักเขาเหรอ" ไอ่เคยังไม่เลิกสงสัย



"น้องบัตเตอร์คือคนที่ถ่ายแบบกับไอ่แฟรงค์เมื่อวานไง ตัวขาวๆ แก้มป่องๆ ยิ้มแม่งโคตรน่ารัก" สัสดี้ หน้ามึงเมายามาก



"เอ๋ เหมือนกูพลาดไปใช่ไหมเมื่อวาน"



"เออดิ 5555555" แล้วมันก็นั่งขำคิกคักกันอยู่สองคน



"เออ แต่ดูเหมือนน้องมันโดนกระแสแอนตี้แรงเหมือนกันว่ะ" หืมมมม



"ไหนๆ เชี้ย ตั้งแท็กแอนตี้เลยเหรอวะ" ไอ่เคแย่งโทรศัพท์ไอ่ดี้ไปดูต่อ



"แล้วน้องมันรู้เรื่องยังวะเนี้ย" เสียงไอ่ดี้ออกแนวกังวล



"แล้วมึงจะห่วงไรเขาวะ รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือไง" ไอ้เคสงสัย



"ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอก แต่กูเห็นเจ๊อ้อมหวีดน้องมันบ่อยๆอ่ะ กูว่าป่านนี้เจ๊แกเปิดวอร์แล้วแน่ๆ"



ผมดึงโทรศัพท์ไอ่ดี้มาอ่านเงียบๆ บางคอมเม้นก็เกินจะรับได้จริงๆ เติบโตมาจากครอบครัว สังคมแบบไหนกันนะ



'ไลน์



"ขอบคุณครับพี่ :) "



ผมคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของจะนั่งมองข้อความไลน์บนหน้าจอตัวเองแบบเงียบๆ ป่านนี้เจ้าตัวจะรู้หรือยังว่าโดนแท็กแอนตี้



ไม่เป็นไร

เดี๋ยวจะส่งให้ดูเรื่อยๆนะ



ขอบคุณครับพี่



ตั้งชื่อมันได้ยัง

ยังเลยครับ

พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยอ่ะ




ตอนนี้อยู่ไหน?

ห๊ะ?



ตอนนี้อยู่ไหน

มีงานที่ไหนหรือเปล่า

อยู่ห้องครับ



ส่งโลเคชั่นมา

เดี๋ยวพี่ไปรับ

ห๊า! มาทำไมพี่

มีที่หนึ่งอยากให้ไป

เดี๋ยวพี่เลิกเรียนตอนเที่ยงครึ่ง

เดี๋ยวเข้าไปรับ

เออ

ส่งโลเคชั่นมา

(BButter แชร์ที่อยู่ให้คุณ)

โอเค

ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ไลน์เข้าไป

ครับ?



จบบทสนทนาแค่นั้นก่อนที่ผมจะหันมาสนใจเรียนต่อ ส่วนสองตัวนั่นนัดแน่ะสำหรับคืนนี้อีกแล้ว



.......



13:15 น.

ผมฝ่าการจราจรแสนคับคั่งทั้งๆที่เป็นตอนบ่ายมายังคอนโดขนาดกลางของใครบางคน



พี่ถึงแล้วนะ

ลงมาได้แล้วครับ

อ่าๆ แปปหนึ่งครับพี่



ผมจอดรถรอประมาณ5นาทีก็เห็นคนตัวขาววิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากคอนโด



"ทางนี้ครับ" ผมเปิดกระจกเรียก



"เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับ" คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นมาเมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว



"คาดเบลล์ด้วยครับ" ผมทำเป็นมองผ่านสายตาสงสัยและระแวดระวังนั้นไป จากนั้นขับรถมุ่งหน้าไปยังสยาม ผมอยากให้เขาได้เจอใครบางคน คนที่ผมนับถือรองจากครอบครัว คนที่ดูอินดี้เขาถึงยากแต่กลับเข้าใจคนอื่นง่ายๆ ผมอยากให้เขาได้รับพลังบวกจากคนๆนั้น



ผมใช้เวลาอยู่บนถนนเกือบๆครึ่งชั่วโมง ถนนเส้นนั้นเป็นอะไรที่เลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยง รถติดได้บรรลัยมาก เราเลี้ยวเข้ามาในซอยไม่ไกลนัก หาที่จอดก่อนจะเดินนำอีกคนเข้าไปในร้านกาแฟกึ่งๆแกลอรี่



เข้าไปก็จะเจอโต๊ะอยู่4-5ชุด แล้วมีประตูเปิดออกไปยังสวนด้านนอก แล้วที่ด้านนอกก็จะมีโต๊ะอีก5-6ชุด กระจายๆกันไป มีโซนถ่ายรูป มีบ่อปลาน้ำตกจำลอง และอะไรต่อมิอะไรที่ดูไม่น่าจะไปด้วยกันได้ แต่จัดออกมาแล้วอย่างสวย เดินเข้าไปด้านในก็จะมีแกลอรี่ภาพถ่ายบ้าง ภาพวาดบ้าง ให้ได้เดินชมเดินซื้อกันได้ ผมก็มักจะมาเดินดูเวลาเบื่อๆเหมือนกัน



"อ้าว แฟรงค์วันนี้ไม่มีเรียนหรือไงวะ" เสียงเจ๊อ้อมทักขึ้นมา ร้านแกไม่มีพนักงานหรอกครับ ร้านนี้ลูกค้าบริการตัวเองครับ คือเดินมาสั่ง นั่งรอ เดินมารับของเอง จ่ายเงิน เสร็จเรียบร้อยครับ แต่พวกผม3คนก็มาช่วยเจ็แกบ่อยๆเหมือนกันนะเอ้อ



"ไม่มี 'จารย์ยกคลาสอ่ะ"



"แล้วนั่นมึงพาใครมา" เจ๊ถามขึ้นเมื่อเห็นชายเสื้อแว่บๆโผล่มาจากด้านหลังผม ด้วยความหวังดีผมเลยเบี่ยงตัวหลบให้ทั้ง2เผชิญหน้ากัน

"สะ..สวัสดีครับ" บัตเตอร์ไหว้อย่างเก้ๆกังๆ

"สวัสดีครับ ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดอีกนะ" เจ๊รับไหว้พร้อมส่งรอยยิ้มเอ็นดูให้คนตัวเล็ก ซึ่งรอยยิ้มนั้นพวกผมไม่เคยได้รับเลยครับ -.-

"พาน้องไปหาที่นั่งก่อนสิ วันนี้มีเมนูใหม่เดี๋ยวจะชงไปให้ลอง" สั่งเสร็จก็หันหลังเดินเข้าเคาธ์เตอร์ร้านไป ผมเดินนำคนตัวเล็กเข้ามานั่งมุมด้านในซึ่งกันออกมาจากส่วนของในร้านอีกที และก็คือโต๊ะประจำพวกผมนี่ล่ะ

"บรรยากาศดีมากเลยนะครับ" คนตัวเล็กหันไปมองรอบๆอย่างตื่นตา ครั้งแรกที่ผมมาก็อาการประมาณนี้ วันนั้นเป็นวันที่ผมเฟลสุดๆ ขับรถวนไปมาจนมาเจอที่นี่เข้าโดยบังเอิญ หลังจากนั้นก็มักจะมาสิงที่นี่ประจำเลย

"ลองไปเดินดูแถวๆโซนแกลอรี่ก็ได้นะ เผื่อจะถูกใจ"

"เดี๋ยวค่อยเดินไปดูก็ได้ครับ ขอซึมซับบรรยากาศแถวนี้ก่อน" พูดพลางสงยิ้มหวานมาเป็นกำลังเสริม

เรานั่งรอเกือบ10นาทีเจ๊ก็เดินมาพร้อมเครื่องดื่ม2แก้วใหญ่ ผมลุกออกไปช่วยถือแทน สุภาพบุรุษครับ แม่ผมสอนมา

"ดีใจด้วยนะที่แคสซีรี่ส์ผ่าน" เจ๊เอ่ยขึ้นเห็นว่านั่งกันเรียบร้อยแล้ว

"ครับ ขอบคุณครับ" บัตเตอร์ยิ้มรับแกนๆ

"อะไรที่มันเกิดขึ้นไม่ต้องไปสนใจหรอก สิ่งที่จะตอกกลับพวกนั้นได้ก็คือความสำเร็จของเรา ถึงจะต้องใช้เวลานาน แต่ผลของความพยามมันหอมหวานเสมอนะ"

"เออ..."

"ธรรมดาของโลก มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด เราจะทำให้ทุกคนหันมารักเราทั้งหมดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีวันนั้น"

"พวกเขาบอกว่ามันไม่ยุติธรรม บอกว่าผมโกงล็อคผลแคส" คนตัวเล็กนั่งก้มหน้า เขาคงเสียใจมากจริงๆ ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มนั่นซ่อนความเจ็บปวดไว้มากแค่ไหนกันนะ จู่ๆก็เกิดความรู้สึกอยากปกป้อง อยากรักษารอยยิ้มบนใบหน้านี้ไว้

"ความยุติธรรมมันไม่มีหรอกถ้าผลมันออกมาไม่ใช่อย่างที่พวกเขาต้องการ พี่เชื่อ และอีกหลายๆคนก็เชื่อว่ามันไม่จริง อย่าคิดมาก ยังไงก็ยังมีคนที่รอสนับสนุนเราอยู่ เอากำลังจากพวกเขาแล้วสู้ต่อไปนะ"

"ขอบคุณครับพี่ ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลย จากนี้ไปผมจะไม่คิดมากและจะสู้ไม่ถอยอีกแล้วครับ" คนตัวเล็กยิ้มกว้าง แววตาเริ่มมีประกายแล้วล่ะ คิดไม่ผิดที่พามาเจอ

"ยังไงที่นี่ก็ต้อนรับเสมอนะ เอาล่ะ นั่งเล่นกันไปก่อน เบื่อๆก็เดินไปดูส่วนแกลอรี่ก็ได้นะ"

"ครับ ขอบคุณครับ" บัตเตอร์ยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม

"ครับผม"เจ๊ยิ้มหวานตอบพร้อมกับลูบหัวเล็กอีกที ก่อนจะเดินแยกออกไปทำงานต่อ

"เป็นไง โอเคขึ้นแล้วนะ"

"โอเคขึ้นเยอะเลย ขอบคุณที่พามานะครับ" แล้วก็ได้รับรอยยิ้มหวานๆตอบแทน ผมมองรอยยิ้มด้วยตาพร่า เอาล่ะ ไม่ว่ายังไงผมก็จะรักษารอยยิ้มนี้ไว้ให้ได้

พวกเรานั่งคุยกันอีกสักพักก่อนนะจะพาคนตัวเล็กเดินดูในส่วนแกลอรี่ ผมน่าจะพกกล้องมาด้วย ภาพตรงหน้าผมตอนนี้อยากกดบันทึกไว้จริงๆ

...............



"ขอบคุณสำหรับวันนี้อีกครั้งนะครับ" บัตเตอร์เอ่ยขึ้นเมื่อรถผมมาหยุดอยู่หน้าคอนโดเขา หลังจากพากันกลับมาจากร้านเจ็ก็เย็นมากแล้วเพราะคนตัวเล็กคุยถูกคอ แถมยังยกสถานะเจ๊เป็นมัมมี้อ้อมไปในทันที แถมลากกันไปทานมื้อเย็นด้วยกันอีกต่างหาก

"ครับ" ผมยิ้มรับ "เดี๋ยวบัตเตอร์"

"ครับ"

"วันแถลงข่าวซีรี่ส์มีเมื่อไหร่เหรอ"

"วันศุกร์หน้าครับ พี่แฟรงค์มีอะไรหรือเปล่า"

"เปล่าหรอก งั้นก็ขึ้นห้องเถอะ คืนนี้อย่านอนดึกล่ะ"

"ครับ" คนตัวเล็กเดินลงจากรถโดยไม่วายหันมาโบกมือให้ผมอีกที เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินขึ้นห้องไปแล้วผมถึงฤกษ์ขับรถออกมา ใช้เวลาหลายสิบนาทีบนท้องถนนกว่าจะถึงคอนโดตัวเอง

ผมหยิบมือถือขึ้นมาโหลดแอพทวิตเตอร์เพื่อติดตามข่าวของบัตเตอร์ ขั้นตอนสมัครไม่ยุ่งยาก แต่ก็ต้องใช้ความเข้าใจเหมือนกันนะกว่าจะเล่นคล่องเนี่ย เมื่อจัดการเรียบร้อยก็เข้าห้องนอนจัดการธุระส่วนตัว เตรียมตัวนอน เห็นแบบนี้ไม่ชอบนอนดึกนะครับ คนเรามันควรนอนให้ครบ8ชั่วโมง ตื่นเช้าออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีนะผมว่า นอนไถ่ไทม์ไลน์ทวิตเตอร์ไปเรื่อยๆ มีไม่น้อยเหมือนกันที่สนับสนุนบัตเตอร์ ถ้าเจ้าตัวรู้คงดีใจมาก ผมไล่กดถูกใจทวิตที่สนับสนุนบัตเตอร์ พร้อมทวิตนัดแน่ะเจอกันในวันแถลงข่าว คงต้องไปให้กำลังใจซะหน่อยละมั้ง เมื่อหนังตาสู้ไม่ไหวก็กดออกจากแอพแล้วปิดจอ ปิดไฟนอน  ฝันดีครับ :)




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 14:56:20 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #6 เมื่อ29-05-2018 10:40:36 »

กำลังสนุก

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0



"โอเค กล้องพร้อม เลนส์พร้อม ไปได้"

ผมจัดการแบกกระเป๋ากล้อง เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้อง แต่ก็ไม่ลืมเทนมไว้ให้เจ้าเหมียว ตอนนี้มันมีชื่อแล้วนะ ชื่อชัคกี้ โดยที่เจ้าของให้เหตุผลคือ ชอบ ครับ สั้นๆง่ายๆเลย เรื่องของเรื่องคือตอนนั้นเจ้าตัวอยากดูหนังเรื่องนี้พอดี



image





ส่งมาอรุณสวัสดิ์ครัช

โห่ น่ารักอ่ะพี่ ????????

55555555

แล้วคิดชื่อมันได้ยัง

อ่า

ผมลืมไปเลยนะเนี่ย

ไม่งั้นจะให้ชื่อเจ้าเหมียว

จริงๆละนะ

งื้อ

มันคิดไม่ออกจริงๆนะพี่แฟรงค์

เอางี้

ตอนนี้นึกถึงอะไร

อืม

ตอนนี้ผมอยากดูหนัง


เรื่องชัคกี้อ่ะ

หืม

ดูหนังแบบนี้ด้วยเหรอ

นึกว่าดูแต่พวกการ์ตูน

โห้ย

เจ็บเลยแบบเน้

5555555555


อ่า งั้นชื่อชัคกี้แล้วกัน

ดูโหดดี

55555555


เอางั้นเลยเหรอ

ตกดึกมันจะไม่หยิบมีดในครัว

มาปาดคอพี่ใช่ป่ะ

เว่อแล้วพี่

ตกลงชื่อชัคกี้นะ

พี่จะได้ทำปลอกคอให้มัน

ครับโผม

โอเคครับ



ผมขับรถมายังสถานที่แถลงข่าวซีรี่ส์ที่บัตเตอร์ร่วมแสดง คนมาให้กำลังใจเยอะเหมือนกันนะครับ ตอนนี้ทุกคนเข้าไปรอในงานแล้ว ส่วนผมก็หามุมหลบๆหน่อย ดีที่เพิ่งไปถอยเลนส์ใหม่มาพอดี ส่วนเงินไอ้ดี้จ่าย อย่าลืมมันติดหนี้ผมอยู่นะครับ ตอนแรกก็กะเอาราคาเบาๆหรอก แต่วันนั้นเสือกหนีกลับก่อนผมเลยสมน้ำหน้ามันด้วยการกดเลนส์ราคาไปเกือบแสน สะใจมากที่เห็นมันหน้าซีดตอนรู้ราคา 5555555 แหม่ๆ เสียไปกะสาวๆเยอะกว่านี้อีกนะผมว่า

พอได้ที่เหมาะผมก็ยกกล้องมาลอง ปรับนิดหน่อยก็โอเคละ วันนี้ผมใส่แมสมาด้วย แต่สมัยนี้มันก็ไม่แปลกอะไร จึงไม่ค่อยมีใครสนใจผมเท่าไหร่ รอสักพักก็เริ่มงานแถลง บัตเตอร์ดูตื่นเต้นไม่น้อย ผมว่าเจ้าตัวคงกลัวอยู่ลึกๆเหมือนกัน เพราะกระแสในโซเชียลค่อนข้างไปในทางลบนิดหน่อย แต่ที่เห็นวันนี้ก็ใจชื้นขึ้นเหมือนกันนะ นอกจากนักข่าวแล้วก็เหมือนจะมีแฟนๆมารอเจอ รอกรี๊ดเยอะเลย วัดได้จากตอนที่คนตัวเล็กแนะนำตัว ผมยกกล้องถ่ายบัตเตอร์สลับกับถ่ายรอบๆเป็นระยะๆ งานแถลงข่าวกินเวลาไปเกือบ2ชั่วโมง ก่อนจะมีการถ่ายรูป และปล่อยให้นักแสดงออกมาเจอแฟนๆ ผมปล่อยให้คนเริ่มซาลงก่อนจะไปรวมกับแฟนๆที่มาหาบัตเตอร์แบบเนียนๆ ด้วยความที่ตัวสูงเลยไม่ค่อยมีปัญหามากนัก แต่ถ้าโอกาสต่อไป เจ้าตัวมีแฟนคลับเยอะขึ้นคงต้องเตรียมอุปการณ์กันบ้างล่ะ 5555555 ทางผู้จัดการเขาให้เวลารวมแค่20นาที เพราะ บัตเตอร์ต้องทำงานต่อ จากนั้นทุกคนต่างแยกย้าย ผมเองก็เลยแวะไปหาเจ็ที่ร้านสักหน่อย

40นาทีบนท้องถนน นี่ยังถือว่าเร็วแล้วนะสำหรับถนนในกรุงเทพ ผมมาอยู่ที่หน้าร้าน เองลอดูว์ (เออลองดู) พอหาที่จอดได้ผมรีบล็อครถแล้วรีบเดินเข้าร้านทันที อย่างที่บอก อากาศเมืองไทยไม่เหมาะที่จะยืนกลางแดดนานๆหรอกนะครับ



"ไงมึง วันนี้ไม่มีเรียนหรือไง" เจ๊ทักขึ้นทันทีที่เห็นผมก้าวเข้าร้านไป มือก็ชงกาแฟลูกค้าไป

"โดด"

"พ่อแม่ส่งมาให้เรียนมั้ย"

"จรรยาบรรณวิชาชีพครูกำเริบเหรอไงกัน"

"อ่าว มึงออกจากร้านกูไปเลยนะ" เจ๊เงยหน้าขึ้นมาชี้หน้าผมทันที แต่หาได้สนครับ เดินไปนั่งโต๊ะประจำทันที

"เด็กเปรต" ก็อย่างที่บอกไปล่ะครับ ผมสนิทกะเจ๊จนคำพูดพวกนี้ไม่มีผลอะไร เอาจริงๆคือโดนจนด้านละ -.-



"แล้วไม่เรียนนี่มึงไปไหนมา" เจ๊เดินมาคุยที่โต๊ะหลังจากจัดการกับลูกค้าคนสุดท้ายเสร็จ

"ไปธุระมานิดหน่อยอ่ะ ขี้เกียจกลับห้องเลยแวะมาที่นี่ก่อน"

"เออๆ" เจ๊แกตัดบทก่อนจะควักโทรศัพท์ตัวเองออกมาเล่น

"เออ วันนี้บัตเตอร์แถลงข่างซีรี่ส์นี่หว่า โห่ แฟนคลับไปเยอะเหมือนกันนิ"

"....."

"น้องไม่ได้บอกมึงเหรอ" เจ๊เงยหน้าจากโทรศัพท์มาถาม

"ไม่ได้บอกอ่ะ"

"กูถามจริงๆนะ คิดอะไรกับน้องป่ะ" เจ๊วางโทรศัพท์ลงแล้วเปลี่ยนมาจ้องหน้าผมแทน

"........"

"จริงจังนะเว้ย"

"ก็เห็นเป็นน้องเป็นนุ่งไหม คิดอะไร"

"กูก็คิดว่ามึงเหมาะกับน้องดี คนหนึ่งน่ารักสดใส อีกคนนิ่งๆเงียบๆ รูปร่างก็เหมาะ ตัวเล็กกะตัวสูง แอร๊ยยย ฟิน"

"......." ผมว่าเจ๊ไปไกลละ

"กูว่าถ้ามึงไปแคสเรื่องนี้กูว่ามึงได้ว่ะ มึงเหมาะกว่าไอ่พระเอกคนนี้อีก"

"หืม" เอาจริงๆเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วผมไม่ได้สนใจว่าใครจะรับบทอะไรด้วยซ้ำ คือมองแต่คนตัวเล็กอย่างเดียวเลย

"นี่ไง พระเอกเรื่องนี้" เจ๊ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู หน้าจอเป็นรูปผู้ชายตัวสูง ขาวแต่ก็ขาวสู้บัตเตอร์ไม่ได้ หน้าตาโอเคเลยนะ ยื่นข้างบัตเตอร์ก็โอเคอยู่นิ

"แล้ว?"

"เออ กูไม่ชอบ กูหวงบัตเตอร์ แล้วทางนั้นก็ขึ้นชื่อซะด้วย"

"ชึ้นชื่ออะไร?"

"เรื่องมาก ทำงานไม่เป็นมืออาชีพ อันที่จริงคือผู้จัดการเขาน่ะ แต่กูพาล" เหตุผลคือพาลถูกไหม

"คราวนี้อาจจะไม่เป็นก็ได้"

"หึ มึงรอดูเลย นี่แค่เริ่มต้น มันต้องมีพีคกว่านี้เชื่อกู" นี่ผันตัวจากคนขายกาแฟไปเป็นหมอดูแล้วเหรอครับ

"คิดมาก"

"เออ มึงรอดูไอ่แฟรงค์" เจ๊พูดเสร็จก็ละออกไปชงกาแฟให้ลูกค้าต่อ หึ มันจะพีคกว่านี้เหรอ แบบนี้คงทำเล่นๆไม่ได้แล้วมั้ง

ผมอยู่ช่วยเจ๊จนปิดร้าน ก่อนจะกลับห้องโดยปฏิเสธการเลี้ยงข้าวจากเฮียแจ็คคู่หมั้นสุดหล่อของเจ๊ ทุกครั้งที่เจอเฮียผมก็อดจะแปลกใจไม่ได้ นักธุรกิจมาดเนี๊ยบ อนาคตไกลขนาดนั้นถึงมาตกหลุมพรางเจ๊ได้ แต่พอเห็นสายตาที่เฮียเขามองเจ๊แล้วก็พูดไม่ออกครับ ดูแกรักและเทิดทูลมากจริงๆ 5555555



ผมกลับมาถึงห้องก็ปาไปเกือบ 2ทุ่ม ช่วยงานเจ๊ไม่เหนื่อยหรอกครับ แต่เหนื่อยตอนขับรถกลับมานี่แหละ คอนโดผมห่างจากร้านไม่ถึง 15โล แต่ขับรถเกือบ 2ชั่วโมง อันที่จริงขับอ่ะไม่ถึง 30นาที แต่จอดติดไฟแดงซะเกือบหมด ระหว่างทางผมแวะซื้อบะหมี่น้ำเจ้าดังมาด้วย ผมจัดการเทใส่ชาม ก่อนจะนั่งลงทานตรงหน้าทีวี อยู่ตัวคนเดียวนั่งกินตรงไหนก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เมื่อทานเสร็จเรียบร้อย ล้างชามเสร็จก็มาเทอาหารให้ชัคกี้ ก่อนจะเข้าห้องไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัว

ผมออกมาพร้อมโน๊ตบุ๊คคู่ใจ ผมเสียบเมมโมรี่กล้องเข้าไป ดึงไฟล์ภาพวันนี้ออกมา ผมเลือกรูปมาเกือบ 10รูป แต่งนิดหน่อยก่อนจะโพสลงในทวิตเตอร์ พร้อมติดแท็กส่วนตัวของบัตเตอร์ หลายสิบแอคเข้ามารีทวิตและกดเฟบ ผมเลื่อนไทม์ไลน์ดูนิดหน่อยก่อนจะปิดโน๊ตบุ๊คเตรียมเข้านอนเต็มที่



image



ส่งมาราตรสวัสดิ์ครับ

น่ารักอีกแล้วอ่ะ

ฮือออออออออ

ตอบไวจัง

ทำไรอยู่

เพิ่งถึงห้องครับ

ไปเวิร์คช็อปมา

เหนื่อยมากกกกกกก

5555555


แล้วทานไรยัง

เรียบร้อยแล้วครับ

โอเค

งั้นอาบน้ำนอนเนอะ

ครับผม

แล้วพรุ่งนี้มีงานที่ไหนมั้ย

อืม

ตอนกลางวันไม่มีครับ

แต่ตอนเย็นนัดเวิร์คช็อปกัน

พี่มีไรป่ะครับ


ป่าวหรอก

วันนี้พี่ไปร้านเจ๊มา

เขาถามหาเราน่ะ

อ่อ

วันไหนอยากเจอก็บอกนะ

เดี๋ยวพี่ไปรับ

รบกวนหรือเปล่าพี่

ผมไปเองก็ได้นะ

ไม่เป็นไรหรอก

ปกติพี่ก็ไปที่นั่นบ่อยอยู่แล้ว

อ่าครับ

งั้นเดี๋ยวผมทักไปนะครับ


ครับผม

งั้นนอนเถอะพี่

ฝันดีครับ


ฝันดีครับ



ผมปิดโทรศัพท์ ดึงผ้าห่มมาห่มก่อนจะปิดตานอน



ตึง~

ตึง~



ผมเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งเมื่อมีเสียวแจ้งเตือนดังขึ้น



ไอ่แฟรงค์

ไอ่แฟรงค์

ไอเหี้ยแฟรงงงงงงงงค์


เหี้ยไรมึง

นอนยัง

กำลังจะนอน

แต่มีหมาทักมาก่อน

แฟรงค์

นี่เพื่อนไง เพื่อนดี้ไง

มึงเมา?

ไม่ได้เมาโว้ยยยยย

แล้วเชี่ยทักมาไม

กูเหงา

เหี้ย

ไปชักว่าวป่ะ

สัส

หยาบคาย

ระดับกูไม่ต้องชักเองเว้ย

ต้องการอะไร

ถ้ามึงยังไม่เข้าเรื่อง

พรุ่งนี้มึงเจอกู

โหด

กะเพื่อนกะฝูง

โหดจริงโหดจัง


1

อะไร

2

ไอ่เหี้ยยยย

เออๆ

กูจะบอกว่าไอ่เคให้มาชวนมึง

ไปสมุยอาทิตย์หน้า

ไปไหม


ไม่

มึงไม่คิดหน่อยเหรอวะ

ไม่

พอที กูจะนอนละ

บาย



ผมตัดสินใจปิดเสียงโทรศัพท์แล้วข่มตาหลับทันที ไปกับพวกมันเหมือนตกนรก โคตรอึดอัด ไม่ใช่อึดอัดมัน 2ตัว แต่อึดอัดสายตาสาวๆรอบข้างที่มองมา แล้วไอ่ 2ตัวนั่นก็เสือผู้หญิงด้วย ใครเข้ามาถูกใจมันก็ไม่คิดปฏิเสธ ผมเข้าใจว่าสมัยนี้มันก็แฟร์ๆอยู่กับเรื่องแบบนี้ แต่ผมไม่อยากยุ่งยาก ครั้งเดียวคุยกันรู้เรื่องมันก็ดี แต่ถ้าอีกฝ่ายเกิดจริงจัง มันไม่โอเคนะครับ ผมไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งกับโลกส่วนตัวของผม ใครที่เข้ามาแล้วพยามล้ำเส้นผมจะไม่สนใจอีกต่อไป เพราะไม่ชอบเอาตัวเองเขาไปสนิทกับใครต่อใครมากนัก แฟนที่คบจริงจังเลยมีแค่ 2คน ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มีนัดทานข้าว นัดเจอกันบ้าง แต่ไม่บ่อยเพราะพวกเธอเองก็มีคนของตัวเองกันแล้ว เกรงใจนะครับ เมื่อคิดไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยสมองก็บอกตัวเองชัทดาวว์ทันที ฝันดีครับ :)



BButter Retweeted your Tweet:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 14:57:11 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #8 เมื่อ31-05-2018 18:12:55 »

 :กอด1: เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #9 เมื่อ31-05-2018 18:19:38 »

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
« ตอบ #9 เมื่อ: 31-05-2018 18:19:38 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #10 เมื่อ31-05-2018 19:01:36 »

ติดตามๆ

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0




ณ ร้าน เอิงลอดูว์

"แฟรงค์ เอารูปนี้ไปห่อให้ลูกค้าหน่อย"

"ครับ" ผมรับรูปมาจากเจ๊เพื่อไปห่อให้ลูกค้าทางด้านหลังร้าน

ที่นี่นอกจากจะขายกาแฟ ในส่วนของแกลอรี่ยังขายภาพวาดภาพถ่ายด้วย ซึ่งก็จะมีคนเข้ามาดูมาซื้ออยู่เรื่อยๆ บางทีก็จะมีเด็กศิลปกรรมมาดูบ่อยๆ เพราะความหลากหลายของภาพที่แขวนไว้มีอยู่หลายแนว ผลงานของผมก็มีแขวนอยู่3-4รูปนะครับ

ผมใช้เวลาห่ออยู่หลายนาทีเพราะต้องระมัดระวังไม่ให้งานมีตำหนิ และเซฟเพื่อความปลอดภัยให้มากที่สุด

วันนี้ผมมีเรียนแค่ 3ชั่วโมง ด้วยความเบื่อเลยแวะมาหาเจ๊ที่ร้าน ตอนแรกจะออกไปถ่ายรูปแต่ก็ขี้เกียจ อากาศก็ร้อนอีกต่างหาก ส่วนเพื่อนเลวทั้ง 2คน พอหมดชั่วโมงก็รีบแจ้นไปรับสาวทันที เหลือผมอยู่คนเดียวเนี่ยแหละ

กรุ้งกริ๊ง~ เสียงพวงระฆังเล็กๆที่เจ็แขวนไว้ที่หน้าประตูร้านดังขึ้น

"เอิงลอดูว์ยินดีต้อนรับครับ" ผมกล่าวทักทายทั้งที่ยังก้มหน้าเช็ดโต๊ะอยู่ ตอนนี้กลายร่างเป็นเด็กพาร์ทไทม์ในร้านไปแล้ว

"อ้าว บัตเตอร์" เสียงเจ๊ทักคนมาใหม่ พอเป็นชื่อที่คุ้นเคยผมถึงได้เงยหน้าขึ้นมาดู

"สวัสดีครับมัม สวัสดีครับพี่แฟรงค์" คนตัวขาวยกมือไหว้อย่างน้อบน้อม

"ดีครับ แล้วมาไงเนี่ย" เสียงเจ๊ครับ ส่วนผมก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ยังมีหลายโต๊ะที่ต้องจัดการ มือทำแต่หูก็คอยฟังทั้งสองคนคุยกัน

"พอดีเพิ่งไปทำงานมาอ่ะครับ ขากลับผ่านทางนี้ เลยขอพี่ผู้จัดการแวะมาส่งหน่อย"

"อ่อ แล้วกินไรมาหรือยัง เดี๋ยวมัมว่าจะสั่งพิซซ่ามา อยู่กินด้วยกันก่อนนะ ต้องไปไหนต่อหรือเปล่า"

"เดี๋ยวมีเวิร์คช็อปตอนเย็นครับ บ่ายว่าง"

"โอเค งั้นอยู่กินพิซซ่าด้วยกันก่อน เดี๋ยวถึงเวลาให้ไอ่แฟรงค์ไปส่งเนอะ" ผมรีบเงยหน้าจนไปปะทะกับสายตาเจ๊ที่ส่งมา 'ถ้ามึงไม่ไป มึงตาย' ครับๆ ไม่สั่งผมก็หาเรื่องไปส่งอยู่ดีนั่นแหละครับผม

คนตัวเล็กพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตรงมาทางผม

"เดี๋ยวผมช่วยพี่" พูดเสร็จก็รีบแย่งผ้าเช็ดโต๊ะไปจากมือ กลัวผมจะไม่ให้ทำละมั้ง ในเมื่อเขารับหน้าที่เช็ดโต๊ะ ผมก็เลยเปลี่ยนไปเก็บถ้วยกาแฟ เก็บเศษขยะบนโต๊ะออกเพื่อที่จะให้เขาเช็ดง่ายๆ พอทำ 2คน งานก็เสร็จไวขึ้น ไม่นานเราก็กลับมานั่งโต๊ะประจำข้างๆเคาท์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม

"วันนี้ไม่มีเรียนเหรอพี่" เสียงใสถามขึ้นมาทั้งๆที่สายตาและมือยังไม่ละออกจากโทรศัพท์มือถือ สงสัยเกมจะสนุก เพราะเห็นเดี๋ยวก็ทำหน้าดีใจ เดี๋ยวก็หน้าบึ้ง เป็นเด็กที่คิดยังไงแสดงออกทางสีหน้าสินะ

"มีเรียนแค่ 3ชั่วโมง บ่าย'จารย์ยกคราสอ่ะ" ผมตอบเรียบๆ

"ปกติถ้าพี่ไม่มีเรียน พี่ก็จะมาที่นี่ตลอดเลยเหรอ"

"บางครั้งก็ออกไปถ่ายรูปตามที่ต่างๆบ้างนะ" พอพูดถึงเรื่องถ่ายรูป คนตรงหน้าก็กดออกจากเกมแล้วเงยหน้ามาคุยแบบปกติทันที

"แล้ววันนี้ไม่ไปถ่ายไหนเหรอ"

"ไม่อ่ะ ร้อน ไม่มีอารมณ์"

"ต้องใช้อารมณ์ด้วย"

"มันก็มีบ้าง"

"บ๊ะ ศิลปินนนนนนน" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนๆ

"หึ" ผมเลยยักคิ้วให้ 2ที 55555555

ผมกับบัตเตอร์อยู่ช่วยงานตลอดทั้งบ่าย เราเริ่มสนิทกันมากขึ้น บัตเตอร์เองก็เริ่มกล้าพูดกล้าคุย กล้าแซว กล้ากวนตีนใส่ จนมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่พี่ผู้จัดการโทรมาเตือนบัตเตอร์เรื่องไปเวิร์คช็อป

"แล้วเขานัดกี่โมงลูก" เจ๊ถามขึ้นหลังจากเห็นบัตเตอร์วางสาย

"1ทุ่มครับมัม" ผมก้มมองนาฬิกา ตอนนี้จะ6โมงเย็นอยู่แล้วนะ

"แล้วเขานัดที่ไหน"

"แถวๆ.....ครับ" หืม แถวนั้นรถติดมากเลยนะ แถมตอนเลิกงานแบบนี้ด้วย

"เอ้า งั้นไปได้แล้ว รถติดมากเลยนะช่วงนั้นน่ะ เดี๋ยวไปสาย คนอื่นว่าเอาอีก"

"อีกแปปก็ได้ครับมัม"

"ไม่ต้องแล้วครับ ไปล้างไม้ล้างมือ ล้างหน้าล้างตาป่ะ เดี๋ยวให้พี่แฟรงค์ไปส่ง"

"เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้นะครับ ไม่รบกวนพี่แฟรงค์ดีกว่า" คนตัวเล็กเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเกรงใจ

"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง"

"แต่.."

"ไม่แต่แล้ว ไปล้างมือ ล้างหน้าป่ะ เดี๋ยวไปไม่ทันไม่รู้ด้วยนะ" ผมเร่ง

"ใช่ลูก ไปๆ" เจ๊พูดเร่งอีกที จนคนตัวเล็กยอมทิ้งงานตรงหน้าแล้วเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างมือ ส่วนผมก็เก็บของอีกนิดหน่อยก่อนจะเข้าไปล้างมือด้านหลังร้าน

"ป่ะ ผมไปก่อนนะเจ๊" ผมพยักหน้าให้คนตัวเล็กเชิงว่าไปได้แล้ว จากนั้นก็สะพายกระเป๋าเดินนำออกมา

"ผมไปแล้วนะครับมัม หวัดดีครับ" คนตัวเล็กยกมือไหว้เจ๊ก่อนจะเดินตามผมออกมา

ภายในรถเงียบ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา แต่ในความรู้สึกมันไม่ได้น่าอึดอัดนักสำหรับคนที่เจอหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง

เราใช้เวลาอยู่บนรถเกือบชั่วโมง ก่อนที่ผมจะมาจอดอยู่ที่อาคารสูง5ชั้นแห่งหนึ่ง

"แล้วนี่พี่ผู้จัดการมารอแล้วเหรอ" ผมขึ้นเมื่อเห็นตัวเล็กปลดเบลล์เตรียมลงจากรถ

"วันนี้พี่เขาไม่ว่างอ่ะพี่ เลยโชว์เดี่ยวเลย"

"หืม เลิกกี่โมง แล้วกลับยังไง"

"เลิก4ทุ่มมั้ง เดี๋ยวคงนั่งแท็กซี่กลับอ่ะ" เลิกดึกเหมือนกันแฮะ

"งั้นเดี๋ยวพี่รออยู่แถวนี้ เสร็จแล้วไลน์มา"

"หืม" เขาเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

"เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องเอง เสร็จแล้วไลน์มา โอเคไหม" ผมอธิบาย 4ทุ่มนี่มันดึกแล้วนะครับ กลับคนเดียวอันตรายนะ ถึงแม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ

"โห่พี่ แค่นี้รบกวนจะแย่แล้ว เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้"

"อย่าดื้อดิ ไป ใกล้ได้เวลาละ เดี๋ยวเขาว่าเอาหรอก"

"ไม่ได้ดื้อ แล้วผมก็ไม่เคยดื้อเลยเหอะ"

"แต่ที่ทำอยู่เนี่ยแหละเรียกดื้อ" คนตัวเล็กเงียบลงทันที คงถูกงอนแล้วสินะ เดี๋ยวค่อยง้อแล้วกัน

"จะถึงเวลาแล้วนะ ไม่รีบเหรอ?" ผมทักขึ้นเมื่อมองหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือ มันบอกว่ากำลังจะได้เวลาแล้ว

"แต่.."

"ไม่แต่แล้ว รีบขึ้นไป เดี๋ยวพี่รออยู่แถวนี้แหละ" ผมตัดบททันทีเมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะแย้ง

"หงึ ก็ได้พี่ รอนานอย่ามาบ่นนะ"

"ไม่บ่นหรอก โตแล้ว" คนตัวเล็กหันขวับหัวเกือบหลุด จ้องผมเขม็ง ก็ประโยคที่พูดเมื่อกี้ไม่ต่างจากจะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นเด็ก

"ชิ" คนตัวเล็กปิดประตูไม่เบานัก ก้าวฉับๆอย่างอารมณ์เสียขึ้นตึกไป ผมมองหาที่จอดรถก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นฆ่าเวลา


ไลน์~

เชี่ยแฟรงค์

ไรเจ๊

ส่งน้องถึงหรือยัง

ถึงละ

งอนขึ้นตึกไปนู้น

หืม

งอน?

ใครงอนใคร?


น้องงอนผม

แล้วไปทำอีท่าไหนละ

น้องถึงได้งอน


ท่าปกตินะ

เคยแดกตีนไหม

เอาดีๆ มึงทำไรน้อง


ไม่ได้ทำไรเลย

แค่บอกว่าจะอยู่รับกลับแค่นั้น

รับกลับ?

ก็วันนี้พี่ผู้จัดการน้องไม่ว่าง

แล้วน้องเลิกดึก

ก็เลยบอกว่าจะอยู่รอรับกลับ

แต่น้องไม่ยอมไง

งอนเรื่องนี้เหรอ

น้องบอกว่า

แล้วอย่ามาบ่นนะ

แค่นั้น?

ผมเลยตอบว่า

ไม่บ่นหรอกโตแล้ว

น้องคงคิดว่าผมว่าน้องเป็นเด็กอ่ะ

ปากมึงนี่นะ

ง้อลูกกูด้วยนะมึง

ถ้ารู้ว่าไม่ง้อ

........ตาย


นี่ก็อยู่รอแล้วปะ

เออ

เดี๋ยวกูจะถามน้องเอง

หึ



จากนั้นเจ๊ก็หายไปเลย ผมเองก็เลยนั่งเล่นเกมรอ จนมีไลน์จากคนตัวเล็กเตือนเข้ามาว่าเสร็จแล้วนั่นแหละถึงได้วางโทรศัพท์ ผมวนรถมารับเขาที่เดิมก็เห็นเขายืนกอดอกรออยู่แล้ว หึหึ ยังไม่หายงอนอีกเหรอ

"หิวหรือเปล่า" ผมถามขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเข้ามานั่งและคาดเบลล์เรียบร้อยแล้ว

"ไม่เท่าไหร่อ่ะ แต่เหนื่อย"

"ไม่หิวก็ต้องกิน" ผมบอกแค่นั้นก่อนจะออกรถ

"ผมเหนื่อยอ่ะ" คนตัวเล็กเริ่มงอแง

"แถวนี้มีร้านข้าวหมูแดงอยู่เจ้าหนึ่ง หมูกรอบเขาอร่อยมากเลยนะ"



โครกกก~

เสียงท้องคนนั่งข้างน้องขึ้นมา จนผมต้องหันไปมอง



"อะไรเล่า ก็มันเหนื่อยไง แล้วเด็กกำลังโตอ่ะ" เขารีบแก้ตัวพัลวัน หึ เด็กน้อยเอ้ย

"ยังไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย"

"ชิ" คนตัวเล็กหันหน้าหนีซ่อนความอาย หึ ถ้าเป็นเวลากลางวันคงเห็นใบหูแดงๆนั่นแล้วสิ

ขับรถมาสักพักก็เจอร้าน พอหาที่จอดรถได้ คนตัวเล็กก็รีบตรงดิ่งไปนั่งรอทันที เราจัดการข้าวหมูแดงกันไปคนละ 2จานเต็มๆ จากนั้นก็ขับรถกลับมาส่งคนตัวเล็กที่คอนโดเขา ส่วนผมเองก็รีบขับรถตรงดิ่งกลับคอนโดตัวเองเหมือนกัน นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ดีที่รถไม่ค่อยเยอะเลยพอจะเหยียบได้หนักหน่อย พอถึงห้องก็โดนประท้วงจากเจ้าชัคกี้ที่วันนี้ผมหายไปทั้งวัน ผมรีบขอโทษขอโพยเทอาหารเอาใจทันที เหมือนกันจริงๆนะ ทั้งเจ้าของทั้งลูกน้อง หึ








............................................................
สวัสดีเป็นทางการค่ะ มือใหม่อาจจะไม่ค่อยสนุกหรือติดขัดไปบ้าง ขออภัยด้วยนะคะ // กราบ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 14:58:28 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #12 เมื่อ01-06-2018 10:13:20 »

สนุกค่า  น่าติดตาม​ รออ่านอยุ่​นะคะ

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0




"กำหนดการบวงสรวงซีรี่ส์........ วันที่ xx /xx/xxxx มาให้กำลังใจบัตเตอร์กันเยอะๆนะคะ"



ผมนั่งดูทวิตเตอร์ที่แฟนคลับบัตเตอร์โพสกำหนดบวงสรวงซีรี่ส์ที่คนตัวเล็กได้บทบาทแสดงนำ หลังจากวันที่ผมไปส่งบัตเตอร์ที่คอนโดวันนั้นก็ผ่านมาเกือบ 2เดือน เราทั้งคู่เจอกันบ่อยอยู่เหมือนกันเพราะเจ้าตัวชอบไปนั่งคุยกับเจ็ที่ร้าน บางครั้งก็ไปทานข้าวด้วยกันบ้าง หรือบางทีก็แวะมาเล่นกับชัคกี้ที่ห้องผม

ผมนั่งดูอีกสักพักก่อนจะมาเปิดปฏิทินดูว่าตรงกับวันอะไร ถ้าตรงกับวันธรรมดาคงหมดสิทธิเพราะผมต้องเรียน ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วด้วย งานก็ต้องรีบส่ง อ่านหนังสืออีก ชีวิตนักศึกษาคณะบริหารปี3 มันไม่ง่ายนักหรอกนะครับ และผมคงหมดสิทธิจริงเพราะตรงกับวันพฤหัสซึ่งผมมีเรียนทั้งเช้าและบ่าย กว่าจะเลิกก็เย็น น่าเสียดายจัง

"แฟรงค์ เย็นนี้มึงไปไหนป่ะ" เสียงไอ่เคทักขึ้นหลังจากหายออกไปคุยกับเด็กคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ของมัน ตอนนี้เรานั่งอยู่หลังคณะ ตรงนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ผมเลยชอบมานั่งประจำ

"ไม่อ่ะ"

"งั้นไปกะกูหน่อย"

"ไปไหน"

"เออ เดี๋ยวถึงมึงก็รู้เองแหละ" มันตอบพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัย อยากบอกว่าหน้ามึงเลวมาก

"เออ งั้นแวะไปรับกูที่คอนโดแล้วกัน" ไม่ไหวแล้วครับ อากาศร้อนเกินไปจริงๆ วันหนึ่งๆไม่รู้จะเอากี่ฤดู เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน ปรับตัวไม่ทันจะป่วยเอาง่ายๆเลยนะครับ

"เออ ทุ่มครึ่งเดี๋ยวกูไปรับ" มันตอบรับก่อนจะเขี่ยบุหรี่ในมือไปด้วย ไอ่ห่านี่ เหม็นจะตายสูบไปได้ เคยบอกมันให้เลิกสูบแล้วเปลี่ยนให้ยัดใส่ปากแล้วเคี้ยวแทนการจุดไฟพ่นควันให้คนอื่นเป็นมะเร็งไปกับมัน แล้วก็ได้นิ้วกลางเป็นคำตอบกลับมา มันกะไอ่ดี้ก็สูบจัดพอๆกัน ผมเคยลองแล้วครั้งหนึ่งตอนม.ปลาย ดูดไปครั้งเดียวสำลักเกือบตาย จากนั้นก็ลาขาดเลย แต่ถ้าเป็นเหล้าเบียร์ผมสู้ตาย เอาจริงๆผมยังคอแข็งกว่าไอ่2ตัวนี่นะ เคยกินตั้งแต่ตะวันไม่ตกดินจนตกแล้วโผล่ขึ้นมาอีกที จำได้ว่าตอนนั้นม.6 มั้ง ไอ่ห่าดี้แม่งเลิกกะแฟน มันบอกเสียใจอยากเมาให้ลืม ผมว่ามันเสี้ยนอยากแดกเองมากกว่า ปัญหาคือเช้ามาต้องไปสอบ พวกมันสลบไปตั้งแต่ตี 2 ส่วนผมเองเสือกติสแตกนั่งกินคนเดียวไปจนสว่างนั้นแหละ ผลคือมาสอบทั้งๆที่กลิ่นหึ่งตาแดงก่ำ เกือบโดนอาจารย์เล่นเข้าให้

"เออ" จากนั้นผมกับมันก็แยกไปรถใครรถมันกลับคอนโดตัวเอง

"ไงชัคกี้ ใจคอจะนอนอย่างเดียวไม่ทำอะไรเลยใช่ไหม" ผมเอ่ยทักเจ้าแมวอ้วนที่นอนอยู่บนโซฟาหน้าทีวี มันเงยหน้าขึ้นมามองผมแว๊บหนึ่งก่อนจะหลับต่อ ดีจริงๆ ผมคิดอยู่ว่าจะเอาชัคกี้ไปไว้ที่บ้านใหญ่ เพราะเดี๋ยวใกล้สอบแล้วผมกลัวว่าจะไม่มีเวลาดูแลมัน จะเอาไปไว้กะเจ้านายตัวจริงของมันยิ่งแล้วใหญ่ เดี๋ยวก็ต้องไปถ่ายซีรี่ส์คงไม่มีเวลามาดู แถมคอนโดเจ้าตัวเขาก็ไม่ให้เลี้ยงสัตว์ด้วย เพราะงั้นเอาไปไว้บ้านใหญ่ดีที่สุด ที่นั่นมีแม่บ้านอยู่ฝากให้เขาดูแลได้ เดี๋ยวค่อยคุยกับบัตเตอร์อีกที

ผมนั่งลูบหัวชัคกี้สักพักก่อนจะเข้าห้องไปอาบน้ำล้างคราบเหงื่อไคลซะหน่อย วันนี้อากาศร้อนมากจริงๆ ก่อนจะออกมานั่งดูทีวีแล้วเผลอหลับไปจนได้ยินเสียงกดออดหน้าห้อง ผมเงยหน้าดูนาฬิกาที่ฝาผนังบอกเวลา6โมงครึ่ง งั้นคงเป็นไอ้เค ผมลุกออกไปเปิดประตูให้มัน

"ไหนบอกทุ่มหนึ่งไงวะ" ผมถามขึ้นเมื่อเห็นมันทิ้งตัวลงบนโซฟาแทนที่ผมเมื่อกี้ ส่วนชัตกี้หนีขึ้นไปนอนที่ที่นอนมันแล้ว

"พอดีกูอยู่แถวนี้พอดีไง ก็เลยมารอที่ห้องมึงเลยแล้วกัน" มันตอบ พลางเหยียดตัวครองโซฟาตัวยาวคนเดียว

"เออ งั้นกูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน" ผมทิ้งมันไว้ที่ห้องนั่งเล่น ส่วนผมก็เข้ามาล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า

"เราจะไปไหนกันวะ" ผมถามขึ้นหลังจากเข้ามานั่งในรถหรูสัญชาติตะวันตกของไอ้เคมัน

"เออ เดี๋ยวมึงก็รู้" มันตอบแค่นั้นก่อนจะเลี้ยวไปยังทางที่คุ้นเคย ครับทางไปมหาลัยของเรา เริ่มชัดขึ้นเมื่อมันเลี้ยวเข้ามาในมหาลัย

"มหาลัย? มึงมาทำไม"

มันไม่ตอบแต่เลี้ยวไปทางคณะแพทย์ ก่อนจะจอดหน้าตึก

"มึงมาทำไรที่นี่วะ เด็กมึงเรียนคณะนี้หรือไง" ก็พอจะรู้หรอกว่าเด็กมันเยอะ แต่ไม่คิดว่ามันจะมาสอยเด็กคณะนี้ด้วย พวกเรานั่งเงียบรอบนรถอยู่เกือบ10นาที ก่อนจะเห็นกลุ่มนักศึกษาแพทย์กลุ่มใหญ่ลงมาจากตึกตรงหน้า ไม่ทันที่ผมจะหันไปถามอะไรไอ้เคอีก มันก็พรวดพลาดออกไป ผมที่ยังงงๆแต่ออกไปตามมัน ภาพตรงหน้าผมคือไอ้เคกำลังลากดึงข้อมือขาวนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งท่ามกลางสายตานักศึกษาแพทย์อีกหลายสิบคนและเหมือนทั้งคู่จะทะเลาะกันนิดหน่อย จนมันลากเขามาถึงรถนั่นแหละผมถึงได้สติ

"เฮ้ยไอ่แฟรงค์ ขึ้นรถเว้ย" ไอ่เคตะโกนเรียกผมที่ยืนงงๆให้ขึ้นรถ

"เฮ้ยไอ่แฟรงค์มึงขับ ส่วนมึงมานั่งกับกูนี่" ประโยคแรกมันคุยกับผม ส่วนอีกประโยคมันสั่งคนตัวขาวที่พยามสะบัดข้อมือตัวเองออกอยู่ ผมที่ไม่เข้าใจมันนักก็ย้ายมานั่งทำหน้าที่ขับแทนไอ้เค

"มึงมีไรจะบอกูไหม" ผมถามขึ้นทันทีที่ขับรถออกจากมหาลัย

"ไม่มีไรทั้งนั้นแหละ ก็แค่มาจับแมวดื้อ" มันบอกด้วยท่าทางสบายๆแต่มือยังจับข้อมืออีกคนไว้แน่น

"ใครเป็นแมวดื้อกันวะ" เสียงเล็กข้างๆมันเถียงขึ้นมาทันทีพร้อมค้อนวงใหญ่อีกที

"มึงไง ดื้อ กูบอกแล้วไงว่าจะมารับ ยังเสือกทำเก่งจะกลับเองอีกนะ" โอเค ตอนนี้ผมเป็นแค่คนขับรถถูกไหม

"แล้วตกลงว่าจะให้กูขับรถไปถึงไหน" ผมเอ่ยขัดขึ้นมาก่อนที่ไอ่เคจะพ่นคำหยาบออกมาอีก

"ไปส่งบ้านกู แล้วเดี๋ยวมึงเอารถกูกลับเลย พรุ่งนี้กูไปเอาที่คอนโดมึงเอง"

"ใครจะไปบ้านมึงกันวะ พี่จอดตรงนี่แหละ เดี๋ยวผมหาแท็กซี่กลับเอง" สรุปผมกลายเป็นคนขับรถแล้วใช่ไหมครับ

"จะลงไปทำห่าไร ยังไงคืนนี้มึงต้องนอนบ้านกู อ่ะ อย่าเถียงเดี๋ยวกูตบคว่ำ" ไอ่เคทำท่าจะตบเขาจริงๆนะครับ ไอ่ห่านี่โหดชิบหาย

"ไอ่เหี้ย เพี๊ยะ! " เสียงแรกเป็นเสียงคนตัวขาวด่าไอ่เคครับ ส่วนเสียงที่สองคือไอ่เคแม่งตีปากเขาเฉย

"ปากดี เดี๋ยวกูเอาอย่างอื่นฟาดปากแทนมือให้" ไอ่เคชี้หน้าแล้วครับ คนตัวเล็กทำท่าฟึดฟัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ครับ ไอ่ห่าเคแม่งมือหนักตีนหนักจะตายห่า ตอนม.ปลายไปตีกับคู่อริเล่นเขาซะเข้าโรงบาล

ผมขับรถมาเรื่อยๆจนถึงบ้านไอ่เค คนงานในบ้านรีบกุรีกุจอมารับเมื่อได้ยินเสียงรถมัน ทันทีที่รถจอดสนิทมันก็ดึงคนตัวเล็กเข้าบ้านโดยที่ไม่วายหันมาสั่งให้ผมขับรถมันกลับไปเลย ผมว่าพรุ่งนี้คงต้องคุยกับมันหน่อยแล้วล่ะ

Rrrrrrrr~

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นขณะที่ผมกำลังก้าวขาลงจากรถ ตอนนี้ผมอยู่ตลาดโต้รุ่งๆแถวคอนโด กะว่าจะซื้ออะไรไปกินที่ห้องสักหน่อย

"ครับ" ผมกดรับโดยที่ไม่ได้มองว่าใครโทรเข้ามา

"พี่แฟรงคคคคคคคค์" เสียงใสดังขึ้นมาในสาย หือ บัตเตอร์เหรอ ผมยกโทรศัพท์มาดูชืีออีกที ใช่จริงด้วย

"ว่า?"

"ตอนนี้อยู่ไหนอ่ะ"

"อยู่ตลาดโต้รุ่งแถวคอนโดอ่ะ มีไรป่าว"

"นึกว่าอยู่ห้อง ตอนนี้ผมอยู่หน้าคอนโดพี่เนี่ย"

"หืม หน้าคอนโดพี่ แล้วมายังไง มาทำอะไร เป็นอะไรหรือเปล่า" ตอนแรกว่าจะลงไปหาซื้อไรกิน ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโดทันทีแทน

"โห่ จะตอบคำถามไหนก่อนดีเนี้ย" ปลายสายตอบมาด้วยน้ำเสียงกวนๆ

"ไม่ขำ เป็นอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวอีก3นาทีพี่ถึงนะ"

"ไม่ได้เป็นไรพี่ แค่แวะมาหาเฉยๆ" ผมว่าผมจับน้ำเสียงสั่นหน่อยๆได้นะ คงไปเจออะไรมาสินะ

"เหรอ งั้นอีกแป็ปนะ พี่เข้าซอยมาละ" ผมกดวางสายก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในคอนโดตัวเอง จัดการหาที่จอดรถ แล้วเดินไปหาคนตัวเล็กที่รีเซบชั่น

"ไง" ผมเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นคนตัวเล็กก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ไม่หยุด

"อ่ะ พี่" บัตเตอร์ทำท่าตกใจก่อนจะกดปิดโทรศัพท์แบบเนียนๆ

"ขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวค่อยไปคุยกันบนนู้น"

"ผมแค่แวะมาหาเฉยๆพี่ เดี๋ยวจะกลับแล้ว" ผมมองสำรวจคนตรงหน้าอย่างเปิดเผย ก็มีแต่อีกคนที่ทำตัวลุกลนหลบสายตา

"มาเหอะ เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่ไปส่ง" ผมคว้าแขนคนตัวเล็กให้เดินตาม พอเข้ามาในห้องผมก็ปล่อยมือ จู่ๆก็มีมือคู่หนึ่งมากอดเอวผมจากด้านหลัง

"อย่าหันมามองนะ ขอเวลาแค่แปปเดียวแค่นั้นแหละ" บัตเตอร์รีบพูดดักก่อนที่ผมจะหันไปดูว่าเขาเป็นอะไร

ผมรู้สึกถึงความเปียกบริเวณแผ่นหลัง คงเหนื่อยมากเลยสินะ ผมยืนนิ่งให้อีกคนกอดร้องไห้ไปอีกพักใหญ่ ไม่มีเสียงสะอื้นหลุดออกมา มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเงียบๆ สักพักอีกคนก็ผละออกผมถึงได้หันไปดู ตาแดงจมูกแดงไปหมด ใจผมเจ็บชะมัด ผมจูงมือคนตัวเล็กให้มานั่งด้วยกันที่โซฟา ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากพวกผมทั้งสองคน เราแค่นั่งเงียบๆ ฟังเสียงลมหายใจกันแค่นั้น

"ผมเหนื่อยว่ะพี่ มันท้อไปหมด" เรานั่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่คนตัวเล็กจะเอ่ยขึ้นมาก่อน

"งั้นก็ไม่ต้องทำ ถอนตัวเลย เดี๋ยวพี่บอกพี่ออยให้"

"จะบ้าเหรอพี่ คนอื่นเขาเตรียมงานบวงสรวงเตรียมจะถ่ายกันแล้วนะเว้ย" บัตเตอร์รีบแย้งก่อนที่ผมจะทำจริงๆ

"อ่าว ก็เราไม่ไหวก็ไม่เห็นจะต้องทนนิ"

"แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก มาถึงขนาดนี้แล้ว"

"......."

"เรื่องงานผมไม่เหนื่อยเลยนะ แต่... พวกในเน็ต..." คนตัวเล็กเงียบลงทันที เขาไม่เหมาะกับหน้าตาเศร้าๆแบบนี้ เขาควรจะต้องยิ้มให้เยอะๆสิ

"ทำไมต้องสนใจพวกนั้นล่ะ เราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดี ทำให้เต็มที่สมกับโอกาสที่ได้รับ สักวันความสำเร็จของเราจะตอกกลับพวกนั้นเอง ถึงวันนั้นไม่มีอะไรมาทำร้ายเราได้แล้วนะ"

"......."

"เช็ดน้ำตาซะ เราไม่เหมาะกับเรื่องเครียดๆแบบนี้หรอก พวกแอนตี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่แฟนคลับเราจัดการเถอะ เราอยู่ส่วนของเราไม่ต้องไปยุ่งด้วยก็พอ"

"ครับ" ผมชะงักมือที่จะลูบหัวคนตัวเล็ก

"เอาเถอะ รีบๆประสบความสำเร็จ เอาให้พวกแอนตี้อกแตกตายไปเลย"

"555555 มันทำได้ง่ายหรือไงเล่า" คนตัวเล็กเริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมา

"เอ้า เพราะงั้นเราก็ต้องเต็มที่กับทุกงาน พัฒนาตังเองไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็สำเร็จเองแหละ"

"อืม เนอะ รีบๆประสบความสำเร็จก็ดี จะได้รวยๆ 55555"

"หึ" ผมส่ายหน้าระอากับคนตรงหน้า อารมณ์ดีแล้วสินะ







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 14:59:39 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0





Rrrrrrrrrrrrr~


ผมโดนปลุกจากเสียงโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาในเวลา 7โมงเช้า หืม ผมมีเรียน 9 โมง ซึ่งผมมีเวลานอนอีก 1ชั่วโมงถูกไหม ผมหันไปมองคนข้างๆที่ตอนนี้หลับสนิทโดยไม่วายคิ้วยังขมวดหน่อยๆ สงสัยจะหนวกหูเสียงโทรศัพท์

ผมหยิบออกมารับที่ห้องนั่งเล่น "ครับ"

"แฟรงค์ หนังสือวางแผงแล้วนะ" เสียงพี่รินเจื้อยแจ้วมาตามสาย

"หืม?" เดี๋ยวแปปนะครับ ขอประมวณผลหน่อย พี่รินบอกว่าหนังสือวางแผงแล้ว หนังสือ?

"หนังสือที่เรากับน้องบัตมาถ่ายขึ้นปกให้ไง" คนในสายรีบอธิบายเมื่อผมเงียบไปนาน

"อ่อ" ผมลืมไปแล้วจริงๆนะครับ เอาจริงๆไม่ได้จำด้วยแหละว่ามันจะออกเล่มตอนไหน

"เดี๋ยวพี่เอาเล่มไปฝากไว้ที่อ้อมแล้วกัน อย่าลืมไปเอาล่ะ"

"ครับ" ผมตอบรับก่อนที่ปลายสายจะวางไป

ผมทิ้งตัวลงบนโซฟา อยากนอนต่อนะ แต่เดี๋ยวกลัวจะไม่ตื่น เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอนก็เกือบจะตี 2 เพราะอีกคนเอาแต่เล่นกับแมวไม่ยอมมานอน พอจะนอนก็ดื้อจะนอนโซฟาด้านนอกไม่ยอมเข้าไปนอนในห้อง หลอกล่อตั้งนาน พอหัวถึงหมอนถึงได้สลบไปเลย

เมี้ยวววว~

เสียงชัคกี้ประท้วงหาอาหาร ลากร่างตัวเองลุกขึ้นไปเทอาหารให้แล้วจัดการกะบะทราย เปลี่ยนน้ำในถ้วยให้ จากนั้นก็จัดการอาหารของคน ผมทำอาหารแบบง่ายๆเท่าที่ตู้เย็นผมจะอำนวย จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำแล้วปลุกคนตัวเล็กให้ลุกมากินมื้อเช้า

"แล้ววันนี้จะไปไหนหรือมีงานที่ไหนหรือเปล่า" ผมถามคนตรงที่ตอนนี้กำลังจิ้มไข่ดาวเข้าปาก

"วันนี้ว่างฮะ"

"แล้วจะกลับห้องกี่โมง หรือจะอยู่รอพี่กลับมาก่อน"

"พี่กลับกี่โมงอ่ะ"

"เช้าเรียน 9โมงเลิกประมาณ 11ครึ่ง แล้วก็มีเรียนต่อตอนบ่าย 2 เลิก 5โมงเย็น"

"งื้อ ยังไม่อยากกลับห้องอ่ะ"

"งั้นก็อยู่ห้องพี่ไปก่อน เดี๋ยวเลิกคาบเช้าแล้วจะมารับ"

"ไปไหน"

"ร้านเจ๊" ผมจัดการอาหารตรงหน้าเสร็จเรียบร้อยก่อนจะหยิบจานไปวางไว้ที่ซิงค์ล้างจาน

"เอางั้นก็ได้พี่ ผมขอนอนต่ออีกหน่อย" คนตัวเล็กกินเสร็จก็จัดการล้างจานทั้งของผมและของตัวเอง

นั่งโอ้เอ้อยู่พักใหญ่ก็ได้ฤกษ์ออกไปเรียน ผมเช็คความเรียบร้อยในห้องและตัวเองก่อนจะออกจากห้อง ส่วนคนตัวเล็กก็ทิ้งตัวลงบนโซฟานอนเหยียดยาวอย่างเกียจคร้าน เหมือนแมวจริงๆ

"ถ้าจะนอนก็เขาไปนอนในห้องดีๆ"

"ไม่อ่ะ จะนอนเล่นกะชัคกี้"

"หึ แล้วแต่ จะอาบน้ำเสื้อผ้าอยู่ในตู้ใส่ตัวไหนก็เลือกเอาเลยแล้วกันนะ"

"คร้าบบบบบบบ" คนตัวเล็กตอบกลับมาพร้อมยกขาเจ้าชัคกี้บ้ายบายผมด้วย




พอเหยียบบันไดตรงหน้าคณะผมก็รู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่มองมา คือปกติก็มีมองบ้างแต่วันนี้รู้สึกจะมากเป็นพิเศษ เล่นเอาผมรู้สึกอึดอัดอยู่หน่อยๆ

"ไง พ่อนายแบบ" เสียงทักทายพร้อมเสียงโห่ฮาดังขึ้นเมื่อผมก้าวเข้าไปในห้องเรียน ผมไม่ตอบอะไรได้แต่แจกนิ้วกลางไปอย่างงามๆทำให้เสียงหัวเราะลั่นห้อง เลือกเดินไปนั่งหลังห้องที่ประจำโดยไม่สนใจใครอีก

นั่งรอสักพักไอ้เคกับไอ้ดี้ก็มา ตามมาด้วยอาจารย์ประจำวิชาเข้ามาสอน

"มึงมีอะไรจะเล่าให้กูฟังไหม" พอเห็นหน้าไอ้เคก็อดจะถามเรื่องเมื่อวานไม่ได้ มีอย่างที่ไหนไปดักฉุดเขามาต่อหน้าเพื่อนๆเขาน่ะ

"ไม่มี" มันพูดแค่นั้นแล้วก็ฟุบหมอบไปกับโต๊ะทันทีเพื่อไม่ให้ผมถามอะไรมันอีก ห่านี่ เป็นแบบนี้ตลอด แต่พวกผมก็จะเป็นแบบนี้แหละครับ อยากเล่าก็เล่า ไม่อยากเล่าก็ไม่คิดจะฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไร

"ไอ้แฟรงค์ๆ มึงดูนี่" ผมเลิกสนใจไอ้เคแล้วหันไปทางไอ้ดี้ที่ตอนนี้สะกิดผมเอาเป็นเอาตายแทน มันจะอะไรขนาดน้านนน

"อะไรของมึงวะ" มันยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอเปิดเพจของมหาลัยให้ผมดู

"เนี่ย มีคนเอารูปมึงที่ถ่ายแบบไปโพสในเพจ เขาฮือฮากันใหญ่ 555555"

"กรี๊ดดดดดด พี่แฟรงค์ของช้านนนนนนน"

"ดูกล้ามท้องพี่เขาสิ ฮือออออออออออ"

"อยากได้อยากโดนนนนนนนน"

"ได้น้องแฟรงค์สักครั้งพี่จะตั้งใจเรียนเลยค่ะ"

ผมเลื่อนดูคอมเม้นต่างๆ ด้วยสีหน้าเฉยเมย เพราะแบบนี้ผมถึงไม่ค่อยเล่นโซเชียลเท่าไหร่ ขนาดใน Instragam ผมยังไม่เคยลงรูปหน้าตาเองสักครั้ง ส่วนมากก็เป็นพวกรูปสถานที่ รูปท้องฟ้าที่ผมถ่ายเล่นๆ

"น้องคนที่ถ่ายกับแฟรงค์นี่เขาเป็นใครครับ น่ารักมากเลย" หืม?

"อยากรู้จักร้องคนที่ถ่ายรูปกับพี่แฟรงค์ครับ ใครมีวาร์ปบ้าง" นี่ก็อีก

ผมแทบจะโยนโทรศัพท์คืนเจ้าของมันเพราะรู้สึกว่าตอนนี้หางคิ้วผมจะกระตุกแปลกๆ

"แต่น้องบัตเตอร์น่ารักจริงๆเลยน้า" ไอ้ดี้พูดพลางทำหน้าเคลื้มไปด้วยโคตรหลอน

"ห่า ตั้งใจเรียน อาจารย์จะสควิซท้ายคาบ" ผมยื่นมือไปพลักหัวไอ้ดี้ที่หนึ่งก่อนจะหันไปเขย่าไอ้เคให้มันตื่นขึ้นมาฟังอาจารย์

"โอ้ยยยย ปวดหัวสัส" ไอ้ดี้โอดครวญทันทีที่เดินออกมาจากห้องเรียน อันที่จริงไม่ได้มีแต่มันหรอก เกือบครึ่งก็อาการเดียวกับมันทั้งนั้น

"เพ่แฟรงค์ของนุ้งงงงงงงง" เสียงใสตะโกนเรียกผมดังลั่นพร้อมกับแรงดึงมหาศาลที่ข้อศอก

"เชี่ยไรไอ้คิน เรียกซะขนลุก" ไอ้ดี้ถามคนมาใหม่ที่ตอนนี้เอาหน้ามาคลอเคลียกับหัวไหล่ผมอยู่ คือคิน ตัวมึงไม่ได้บอบบางน่าถนุถนอมเลยนะ ตัวก็ไล่ๆกับผม จะมีแค่ผิวพันธุ์กับหน้าตาเท่านั้นแหละที่บ่งบอกว่ามีชาติตระกูลน่ะ

"มีอะไรหรือเปล่า" ผมถามเสียงเรียบ

"พักนี้ไม่ค่อยได้เจอพี่ไง คิดถึง"

"......."

"หงะ พี่แฟรงค์อ่าาาาาาาา" ไอ้คินทำท่าสะดีดสะดิ้ง "แค่จะมาถามเฉยๆ" มันปล่อยมือที่คล้องแขนผมออกแล้วกลับมาทำท่าทางปกติไม่ปัญญาอ่อนซะที

"ถามว่า?"

"นายแบบที่ถ่ายแบบกับพี่อ่ะ"

"ทำไม"

"โหย ไม่ต่องเสียงแข็งใส่ก็ได้ไหม นี่น้องไง"

"........" ผมยกแขนขึ้นมากอดอกพร้อมส่งสายตาเตือนคนตรงหน้าว่ามีอะไรให้รีบฝอยออกมาก่อนที่จะโดนเตะ

"ก็ได้ๆ" มันยกมือขึ้นมาทำท่ายอมแพ้ "คือเพื่อนผมมันชอบ มันฝากให้มาถามพี่อ่ะว่ามีไลน์หรือเบอร์โทรเขามั้ย" ในที่สุดมันก็ยอมคายออกมาซะที นึกว่าต่องให้ออกแรงก่อน

ผมจ้องหน้าอีกคนอย่างพิจารณา แววตามันบอกว่าแบบนั้นจริงๆ ผมถอนหายใจ

"งั้นฝากบอกเพื่อนมึงด้วย กูไม่ให้ ถ้าไม่พอใจอะไรให้มันมาหากูได้เลย" ผมพูดเสร็จก็หันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีทำให้ไอ้เคกับไอ้ดี้ต้องวิ่งตามออกมา นี่ก็เกือบจะเที่ยงละ คนตัวเล็กที่รออยู่ที่ห้องยังไม่ได้กินอะไรเลย



"เดี๋ยว แล้วมึงจะไปไหนแฟรงค์" ไอ่ดี้ถามขึ้นเมื่อเห็นผมกำลังจะสตาร์ทรถ

"ไปร้านเจ๊"

"ไปทำไมวะ" คราวนี้เป็นไอ้เคที่สงสัย คือปกติถ้ามีเรียนบ่ายพวกผมไม่ค่อยจะออกไปไหนไกลหรอกครับ เพราะด้วยเวลาและความขี้เกียจแล้วแดดก็ร้อนด้วย

"เออ ไม่มีไรหรอก กูไปล่ะ" พูดเสร็จยังไม่ทันจะออกตัวไอ้สองตัวรีบเปิดประตูเข้านั่งเจ๋ออยู่บนรถผม

"อะไรของพวกมึงเนี่ย กูรีบ"

"เอ้า รีบก็ไปสิ พวกกูจะไปด้วย" ไอ้ดี้ลอยหน้าลอยตาตอบ น่ายันลงจากรถจริงๆ ผมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะขับรถออกไป

"อ่าว มึงบอกว่าจะไปร้านเจ๊ไง แล้วมึงจะแวะคอนโดมึงก่อนทำไม" ไอ้ดี้ถามด้วยความสงสัย ผมไม่ตอบอะไรได้แต่กดส่งไลน์เพื่อบอกให้คนที่รออยู่ว่าผมมาถึงแล้ว พอขึ้นมาอ่านแล้วผมก็ไล่ไอ้ดี้ให้ไปนั่งข้างหลัง มันทำท่าอิดออดก่อนจะเห็นว่ามีคนเดินมาทางรถผม

คนมาใหม่ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นไอ้ดี้เปิดประตูออกไป

"น้องบัตเตอร์นั่งหน้าเลยครับ เดี๋ยวพี่ไปนั่งหลังให้เอง"

"เออ..ครับๆ" พอตั้งสติได้ก็เข้ามานั่งแทนที่ไอ้ดี้ พลางหันมามองผมแบบเหวอๆ

ผมได้แต่ยิ้มบางๆส่งไป หายในรถไม่ได้เงียบอย่างที่คิดเมื่อไอ้ดี้เอาแต่ถามนู้นนี่นั้นบัตเตอร์ไม่มีหยุด คนตัวเล็กตอนแรกก็ดูจะเกร็งๆพอสักพักก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย นี่คิดถูกแล้วใช่ไหมที่ให้สองคนนี้รู้จักกัน



สักพักเราก็มาถึงร้าน เอิงลอดูว์ ผมให้เจ๊โทรสั่งอาหารไว้แล้วไปถึงก็จะได้กินกันเลย เพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาเรียนต่อ

วันนี้ที่ร้านลูกค้ามีไม่มากนัก อาจเพราะเป็นช่วงวันธรรมดา แต่ก็จะมีบ้างที่เป็นพนักงานบริษัทแถวๆนั้นที่เข้ามาสั่งเพื่อไว้กินตอนบ่าย

"แล้วทำไมมากับพวกนี้มันได้ละบัต" เสียงเจ๊ถามบัตเตอร์

"เมื่อคืนน้องนอนห้องพี่แฟรงค์ฮะ" คนตัวเล็กตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผมกลับโดนสายตาพิฆาตจากเจ็เต็มๆ รวมถึงสายตาใคร่รู้จากไอ้เพื่อนเลวทั้งสองด้วย

"แล้วทำไมไปนอนห้องพี่เขาล่ะ" เจ๊หันกลับถามพลางตักกับข้าวใส่จานลูกนอกไส้ไปด้วย

"เมื่อวานน้องแวะไปหาพี่เขาแล้วกว่าจะกลับก็ดึกไง แล้วไม่อยากรบกวนพี่เขาไปส่งด้วย ก็เลยขอนอนที่ห้องพี่เขาแทน" บัตเตอร์อธิบายเสร็จก็ตักหมูทอดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆไม่สนใจบรรยากาศแปลกๆบนโต๊ะอาหารเลย

"แล้วบัตเตอร์นอนตรงไหนอ่ะ" ไอ้ดี้สงสัย เพราะปกติถ้าพวกมันมาค้างที่ห้องก็จะมานอนกองกันตรงห้องนั่งเล่น คือเมาตรงนั้นนอนตรงนั้นกันเลย คอนโดผมมีห้องนอนสองห้อง ห้องนอนใหญ่คือห้องที่ผมนอน ส่วนอีกห้องผมแปลงเป็นห้องไว้ล้างรูป ทำรูปแทน

"นอนห้องเดียวกับพี่เขาอ่ะแหละพี่ จะให้ผมนอนไหน" พอบัตเตอร์พูดจบเหมือนมีมีดที่มองไม่เห็นมาจ่อที่คอหอยผมทันที ไม่เจ็บแต่ก็หายใจลำบาก

"แล้วคืนนี้กลับไปนอนห้องหรือเปล่า" ปากเจ๊ถามมือก็ตักกับข้าวส่งให้คนตัวเล็กไม่หยุด

"กลับฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้องมีงานตอนเย็น" จากนั้นสถานะการณ์ก็กลับมาปกติ เสียงบัตเตอร์เจื้อยแจ้วถามคนนู้นทีคนนี้ที พออิ่มเราก็นั่งผึ่งท้องสักพักเตรียมไปเรียนตอนบ่าย ส่วนเจ๊ก็กลับไปทำงานโดยมีบัตเตอร์เป็นลูกมือ

"มึงกับน้องบัตเตอร์นี่ยังไงวะ" เสียงไอ้ดี้ดังขึ้นเมื่อเห็นผมนั่งมองบัตเตอร์ไม่หยุด

"ไม่มีไรหรอก น้องนุ่งทั้งนั้น" ผมตอบออกไป

"หึหึหึ" เสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากคนข้างๆ ไอ้เคมองผมแบบเจ้าเล่ห์ หึ ผมส่งสายตากลับไปมึงเองก็ไม่ต่างจากกูหรอก อย่าให้มีโอกาสนะมึง

"แต่น้องมันน่ารักนะเว้ย มึงไม่คิดไรจริงดิ" ไอ้ดี้ยังสงสัยไม่เลิก

"เดี๋ยวถ้ากูคิดแล้วจะบอกนะ แต่ตอนนี้พวกเราต้องย้ายตูดไปเรียนได้ละ" ผมตัดบทก่อนที่มันจะถามอะไรไปมากกว่านี้

เรากลับมาเรียนโดยแวะคอนโดผมอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ไอ้เครับลูกสุดที่รักมันคืนไป




3 ชั่วโมงแห่งความเบื่อหน่าย แทบจะไม่รู้เรื่องเลยว่าเรียนอะไรไปบ้าง พอเลิกเรียนก็แยกย้ายตัวใครตัวมัน ไอ้ดี้เห็นบอกจะไปธุระกะแม่มัน ส่วนไอ้เคไม่ได้บอก แต่เห็นมันเลี้ยวไปทางคณะแพทย์ ส่วนผมก็แวะไปรับคนตัวเล็ก

พจนภัยกับรถติดจนไปถึงร้านเจ๊ได้แทบบ้า ถนนเวลาเลิกงานนี้มันช่างหนักหนาสาหัสมาก ไปถึงร้านก็เจอลูกค้ากลุ่มใหญ่ผมเลยต้องอยู่ช่วยเจ๊ไปก่อน

"เออ ขอโทษนะคะ" จู่ๆก็มีมือมาสะกิดผมที่กำลังเก็บโต๊ะ

"ครับ?" ผมหันไปมอง

"ใช่คนที่อยู่บนปกตินิตยสารxxxฉบับเดือนนี้ใช่ไหมคะ?" คนตรงหน้าถามมาอย่างกล้าๆกลัว

"อ่อ ใช่ครับ"

"กรี๊ดดดดด ละ แล้วน้องคนนั้นก็ด้วยใช่ไหมคะ" พูดพลางชี้คนตัวเล็กที่กำลังช่วยเจ็อยู่ที่เคาธ์เตอร์

"ครับ" ผมตอบออกไป พี่ผู้หญิงคนนั้นหันไปกรี๊ดกับเพื่อนเบาๆ เออ มันก็จะรู้สึกแปลกๆแหะ

"คือ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ"

"คงต้องถามน้องเขาก่อนน่ะครับ" ตัวผมเองไม่มีปัญหาหรอก แต่คนตัวเล็กนี่สิจะติดปัญหาอะไรหรือเปล่า

ผมเดินไปคุยกับคนตัวเล็กเรื่องขอถ่ายรูป ซึ่งเจ้าตัวก็โอเค พวกเราออกมาถ่ายรูปสักพักก่อนที่พวกพี่ๆจะกลับไป ก่อนกลับไม่วายขอช่องทางติดตามพร้อมอวยพรหน้าที่การงานเสร็จสรรพ บัตเตอร์แทบจะยกมือท่วมหัว 55555

สรุปเราอยู่ช่วยเจ๊จนปิดร้าน เจ๊เลยตอบแทนเราด้วยมื้ออาหารสุดหรูที่เจ้ามือก็คือคู่หมั้นสุดหล่อของแก ก่อนจะแยกย้ายกันไป ผมไปส่งบัตเตอร์ที่คอนโดระหว่างทางเจ้าตัวก็พูดเจื้อยแจ้วเรื่องคนมาทักเรื่องนิตยสาร มีมาให้กำลังใจบ้างล่ะ สายตาดูมีความสุขมากจริงๆ จากนั้นก็วนกลับมาคอนโดตัวเอง จัดการเรื่องอาหารการเจ้าชัคกี้เสร็จ โทรศัพท์ผมก็ดังลั่น เป็นคนตัวเล็กที่โทรเข้ามา หืม?

"มีไรหรือเปล่า"

"พะ...พี่แฟรงค์ ฮรึก มะ...มาหาผมหน่อย "





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 15:00:32 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0



"พะ...พี่แฟรงค์ ฮรึก มะ...มาหาผมหน่อย"


สิ้นเสียงจากปลายสายผมรีบคว้ากระเป๋าตังค์ กุญแจรถแล้วตรงดิ่งไปหาอีกคนทันที ยิ่งผมรีบแค่ไหนก็เหมือนทุกอย่างช้าไปหมด หงุดหงิดไปทุกสิ่ง กว่าผมจะฝ่ารถติดมาได้พวงมาลัยรถแทบหลุดติดมือ

ด้วยความที่มาหาคนตัวเล็กบ่อยๆทำให้คุ้นหน้ารปภ. กับเจ้าหน้าที่คอนโดอยู่บ้าง การขึ้นไปหาอีกคนจึงไม่ยุ่งยากอะไร

ก็อกๆ

ผมยืนรอประตูเปิดอย่างใจจดจ่อ แม้ในใจผมอยากพังประตูเข้าไปด้วยซ้ำ

เมื่อประตูเปิดออกมาปรากฏภาพที่ทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาแดงก่ำบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไหล่ลู่ตกอย่างคนที่ไม่มีความสุข

"ฮรึกก... พะ พี่แฟรงค์" ทันทีที่เห็นหน้าคนตัวเล็กก็ปรี่เข้ามากอดพร้อมปล่อยโฮออกมาอีกชุดใหญ่

ผมพยุงอีกคนเข้าไปในห้อง แต่ภายในห้องมืดสนิท

"สวิทไฟอยู่ตรงไหน" ถามคนที่กำลังซุกอกผมอยู่ ส่วนมือก็คลำผนังหาสวิทไฟไปด้วย

"อย่าเปิดนะพี่ อ๊ะ!" พูดไม่ทันจบมือผมคลำไปเจอพอดี

"......." เห็นสภาพห้องแล้วในหัวผมเหมือนมีอะไรระเบิดออกมา

"ฮรึกก" บัตเตอร์เห็นผมเงียบยิ่งกอดผมแน่นขึ้นไปอีก ราวกับจะเรียกสติผมให้กลับมา

"นานแค่ไหนแล้ว"

"ฮรึก"

"พี่ถามว่า เจอแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว!" สิ้นเสียงเหมือนสติผมขาดผึงทันที ส่วนคนตัวเล็กถึงกลับสะดุ้ง ถอยออกห่างไปหลายก้าว

ภายในห้องเละเทะไปหมด ถ้อยคำด่าทอ สาปแช่ง ถูกพ่นติดผนัง ข้าวของบางส่วนกระจัดกระจาย ไม่เหลือสภาพเดิมสักนิด

"......." ผมได้รับความเงียบเป็นคำตอบ ซึ่งมันยิ่งทำให้ผมเดือดดาลขึ้นไปอีก

"นี่ใช่ไหมที่ร้องไห้เมื่อวะ.."

"ไม่ใช่นะ!"

"แล้วมันเป็นยังไง อธิบายสิ จะเงียบทำไม!!" ผมตะคอกถามเสียงดังลั่น ตั้งแต่เกิดมา ผมว่ามีครั้งนี้นี่แหละที่ผมอยากจะฆ่าใครสักคนจริงๆ

"ผะ ผมไม่รู้ ฮรึกก ตอนแรกพวกเขาด่าผมแค่ในเน็ต ฮึกก แต่เมื่ออาทิตย์ก่อน พะ พวกเขาเริ่มส่งของแปลก ๆ มาให้"

"....." ผมพยามข่มอารมณ์ฟัง

"มะ... เมื่อวานพวกเขามาดักรอที่หน้าคอนโด" บัตเตอร์เล่าให้ฟังโดยที่พยามข่มก้อนสะอื้นลงไป

"แล้วพี่ออยรู้เรื่องนี้หรือเปล่า"

"มะ... ไม่รู้"

"เกิดเรื่องแบบนี้ไม่คิดจะเล่าให้ใครฟังเลยหรือไง ทำไม ไม่มีใครที่พึ่งพาได้เลยเหรอ"

"ไม่ใช่นะพี่แฟรงค์ ฮึกก ผมแค่ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง"

"ต้องให้เจอมากกว่านี้ก่อนหรือไง ต้องให้ตัวเองเป็นอะไรก่อนหรือไงถึงจะบอกน่ะ" ผมถามเสียงเบา ผมไม่คิดเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคนตัวเล็กจะมาเจออะไรแบบนี้ แค่เห็นคอมเม้นด่าทอในเน็ตผมยังโมโหแทบบ้า

"ฮึก พี่แฟรงค์ไม่โกรธผมนะ ผมขอโทษ"

"......." ผมพยามตั้งสติอีกครั้ง "งั้นเราโทรบอกพี่ออย แล้วไปเจอกันที่สถานีตำรวจเลย"

"แต่..."

"ไม่มีแต่แล้วบัตเตอร์ คนพวกนั้นล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว" ผมต้องการจัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด จะได้เป็นเคสตัวอย่างด้วย พวกเขาเป็นดาราก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิไปคุกคาม หรือด่าทอต่อว่า แสดงความจงเกลียดจงชัง ทำร้ายร่างกายและจิตใจเขาได้

"ครับ" ระหว่างรอให้บัตเตอร์คุยกับพี่ผู้จัดการ ตัวผมเองเมื่อสงบสติอารมณ์ได้ก็เริ่มเดินสำรวจรอบๆห้อง ประตูตรงระเบียงไม่มีรอยการงัดแสดงว่าเข้ามาทางประตูหน้า

"พี่ออยนัดไปเจอที่สถานีตำรวจxxxxอ่ะพี่" ผมจัดการถ่ายรูปภายในห้องคร่าวๆเก็บไว้เป็นหลักฐานเบื้องต้น รวมถึงรอยงัดตรงประตูหน้าด้วย

คืนนั้นเกือบค่อนคืนพวกเราจัดการแจ้งความแล้วพาคุณตำรวจมาตรวจสอบและเก็บหลักฐานที่คอนโด ดีว่าตอนนั้นดึกมากแล้วเลยไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก ไม่งั้นคงวุ่นวายน่าดู และระหว่างนี้คงต้องให้บัตเตอร์ไปพักที่อื่นก่อน

"แล้วบัตจะไปพักที่ไหนล่ะ ไปพักกับพี่ก่อนไหม" พี่ออยถามขึ้นเมื่อส่งตำรวจกลับไปหมดแล้ว

"ไม่เป็นไรพี่ออย เดี๋ยวน้องไปพักโรงแรมแถวๆนี้ก่อนก็ได้"

"แต่...."

"ไม่เป็นไรจริงๆพี่ ตอนนี้น้องดีขึ้นเยอะแล้ว"

"เดี๋ยวให้น้องไปพักกับผมก่อนก็ได้พี่ แล้วค่อยหาห้องใหม่"

"เอางั้นเหรอ" พี่ออยถามอย่างลังเล

"แบบนี้แหละพี่ แยกย้ายกันพักผ่อนเถอะ" อันนี้คือผมไม่ไหวแล้ว ง่วงมากจริงๆ

เมื่อผมจัดการมัดมือชกเสร็จก็ไล่ให้บัตเตอร์ไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ ส่วนพี่ออยเห็นว่าไม่มีอะไรก็ขอตัวกลับไปก่อน

ระหว่างมาคอนโดต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่มีใครคุยอะไรทั้งนั้น จนเมื่อขึ้นมาบนห้องผมทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า ส่วนคนตัวเล็กได้แต่ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตูห้อง

"มานั่งนี่สิ" ผมตบโซฟาข้างๆตัวเป็นสัญญาณเรียกอีกฝ่ายให้เขามา

"......." บัตเตอร์เดินมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

ผมเอนตัวพิงกับพนักเงยหัวจ้องมองเพดาน เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราอีกแล้ว ไม่มีใครกล้าเริ่มคุย ได้ยินแต่เสียงแอร์ที่กำลังทำงานอยู่แค่นั้น

"เรื่องวันนี้ เออ....." จู่ๆก็เป็นคนตัวเล็กที่ทำลายความเงียบ

"........"

"ผมขอโทษนะพี่ ผมเองก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าทำขนาดนี้ ทั้งๆที่ผมไม่เคยทำอะไรให้พวกเขาแท้ๆ" พูดจบก็ตามมาด้วยเสียงสะอื้น

"เฮ้อ~ พอเถอะ ไม่ต้องร้องแล้ว พี่เองก็ต้องขอโทษเราเหมือนกันที่พูดไม่ดีออกไป" ผมดึงอีกคนเข้ามาใกล้ ๆ ดึงมือทั้งสองข้างที่ตอนนี้กำลังปิดหน้าปิดตาอยู่ออกมา "พี่ไม่อยากให้เราคิดว่ามีเราอยู่คนเดียวนะ อย่าทำเหมือนคนอื่นพึงพาไม่ได้แบบนี้อีก" ผมเกลี่ยน้ำตาคนตรงหน้าออกช้า ๆ คืนนี้ร้องไห้เยอะเกินไปแล้วนะ

"ผมขอโทษนะพี่ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงขนาดนี้"

"ช่างมันเถอะ จากนี้ไปมีอะไรให้บอกกันนะ อย่าเก็บไว้คนเดียวอีก" ผมขยี้หัวบัตเตอร์เบาๆ

"ครับพี่ ขอบคุณที่วันนี้อยู่กับผมนะ"

"เอาเถอะ ไปอาบน้ำนอนป่ะ แล้ววันนี้มีงานที่ไหนไหม?"

"วันนี้ไม่มีอ่ะ แล้วพี่ล่ะ ไม่มีเรียนเหรอ" เมื่อน้ำตาเริ่มหาย ไร้เสียงสะอื้น คนตรงหน้าก็เริ่มกลับมาร่าเริงอีกครั้ง

"ไม่มีอ่ะ" ผมเลือกที่จะโกหกออกไป การปล่อยอีกคนให้อยู่คนเดียวโดยที่ยังขวัญเสียแบบนี้คงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก "ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพี่ก็จะไปอาบเหมือนกัน ง่วงนอนจะตายแล้ว"

"เคๆ" ก่อนไปอาบน้ำไม่วายเดินไปแหย่ชัคกี้ให้มันตื่นอีก

ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลา 6โมงเช้าแล้ว ตอนแรกคิดว่าอาบน้ำเสร็จแล้วจะเข้านอนเลย แต่คนตัวเล็กดันร่ำร้องอยากกินโจ๊กกับปาท่องโก๋อีก ก็เลยต้องหอบสังขารลงมากินที่หน้าคอนโด ก่อนจะเดินเข้าร้านโจ๊กก็ซื้อของมาตักบาตรพระเสียหน่อยเรียกขวัญคนตัวเล็กอีกที

กว่าจะได้นอนจริงๆจังๆก็เกือบจะเจ็ดโมงครึ่ง พอกินเสร็จเดินย่อยกลับมาถึงห้องก็แปลงฟันอีกรอบแล้วขึ้นเตียงนอนเลย พอหัวถึงหมอนก็สลบไปทั้งคู่



10:33 น.

Rrrrrrrrrrrrrrrr~

เสียงโทรศัพท์ดังลั่นจนผมนอนต่อไม่ได้จนต้องลุกขึ้นมารับ ผมออกไปกดรับสายที่นอกระเบียงห้องนอน

เจ๊อ้อม ~

"ว่า?" ผมกรอกเสียงลงไปอย่างงัวเงีย

"เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ข่าวบัตเตอร์เต็มไปหมด"

"ก็ตามนั้นแหละ แอนตี้"

"อิพวกนี้จะอยู่ดีๆกันไม่ได้ใช่ไหม" เสียงเจ๊กัดฟันแรงมาก "แล้วตอนนี้น้องอยู่ไหน?"

"อยู่กับผมเนี้ยแหละ ไม่ต้องห่วง"

"เออ เดี๋ยวเย็นๆเข้าไปหาเว้ย"

"อ่าห่ะ"

หลังจากเจ๊วางสายไป ตอนแรกคิดว่าจะกลับเข้าไปนอนต่อ แต่ตอนนี้หายง่วงแล้ว เลยนั่งลงที่ม้านั่งข้างสวยเล็กๆนอกระเบียง ไถ่จอดูเรื่อยเปื่อยก่อนจะมาหยุดที่แอพทวิตเตอร์

"กรี๊ด อีพวกแอนตี้เลววววววววว"

"มันกล้าทำร้ายลูกชายชั้นนนน"

"เข็มแข็งนะบัตเตอร์ เป็นกำลังใจให้นะครับ"


และอีกมากมายที่ให้กำลังใจคนในห้อง แต่ก็ยังไม่วายมีพวกแอตตี้มาคอมเม้นแย่อีกๆ

ผมนั่งนึกย้อนเรื่องเมื่อคืน คนๆหนึ่งที่อยากทำตามฝันทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ พอเห็นน้ำตาเขาใจผมแทบสลาย รอยยิ้มที่ผมพยามปกป้องกลับยิ้มไม่ออก แม้แต่ตอนเห็นสภาพห้องคนตัวเล็ก ถ้าพวกนั้นอยู่ตรงหน้า ผมว่าผมสามารถฆ่าพวกเขาได้โดยที่ไม่รู้สึกผิดสักนิด

หลังจากเมื่อคืน พวกเราคุยกันว่าจะดำเนินการจนถึงที่สุด เพราะจะได้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ พวกเขาจะได้รู้สักทีว่าสิ่งที่ทำมันไม่ดี

ผมตัดสินใจต่อสายตรงถึงคนๆหนึ่ง

"ครับ"

"ช่วยหาคนพวกนี้หน่อยสิ"





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 15:01:02 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ กฤตย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #16 เมื่อ04-06-2018 14:01:45 »

 :impress3: :impress3: :impress3: :impress3: มาต่อไวๆนะครับ อ่านรวดเดียวเลย

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0




Part บัตเตอร์



ผมตื่นขึ้นมาตอนจะ 4โมงเย็น พอมองไปข้างๆที่เคยมีคนตัวโตนอนอยู่ด้วยกันในตอนแรกแต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า สงสัยตื่นนานแล้ว ผมนอนมองเพดานอยู่แบบนั้น พอได้อยู่คนเดียวก็อดคิดถึงเรื่องเมื่อวานไม่ได้

ผมเฝ้าแต่ถามตัวเองว่าผมทำอะไรผิดมากนักหรือ เขาถึงได้จงเกลียดจงชังถึงขั้นทำกันแบบนี้ เฝ้าถามไม่รู้จะกี่ครั้งก็ไม่มีคำตอบสักที ผมได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆอยู่แบบนั้น

"ตื่นแล้วก็ลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน เดี๋ยวเจ๊จะมาหา" เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ดีที่ห้องค่อนข้างมืดพี่เขาเลยไม่เห็นน้ำตาผม

ลุกขึ้นมาจัดการตัวเองอย่างเงียบๆ แล้วเดินออกมาเล่นกับชัคกี้ที่ห้องนั่งเล่น ส่วนพี่แฟรงค์เห็นบอกว่าจะลงไปช่วยมัมยกของ

"บัตเตออออออร์" ผมหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะปะทะกับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น "ไม่เป็นไรแล้วนะครับ" มัมเข้ามากอดแล้วลูบหัวปลอบใจผมยกใหญ่ โดยมีพี่แจ็คกับพี่แฟรงค์ถือของตามเข้ามาเงียบๆ พอเจอแบบนี้น้ำตาก็พาลจะไหลอีกแล้วสิ

"ไม่เป็นไรฮะ น้องรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว" มัมผละออกแล้วหันมาลูบหน้าลูบตาผมแทน

"เดี๋ยวตำรวจก็จัดการให้อยู่แล้ว ถ้าจัดการไม่ได้เดี๋ยวมัมส่งคนไปจัดการให้เอง" มัมพูดด้วยสีหน้าจริงจังจนผมอยากหัวเราะทั้งน้ำตา

"ฮ่าาา เดี๋ยวก็จับคนทำได้ครับ มัมไม่ต้องห่วงนะ" ผมยิ้มเพื่อบอกว่าผมโอเค

"พอก่อน ตอนนี้น้องคงหิวแล้ว มาตั้งโต๊ะได้แล้ว" พี่แจ็คเอ่ยจัดขึ้นก่อนที่มัมจะได้พูดอะไรอีก คนตรงหน้าทำท่าฟึดฟัดนิดหน่อยก่อนจะดึงมือผมให้ลุกตามไปที่โต๊ะกินข้าว

ผมนั่งลงข้างๆพี่แฟรงค์ ส่วนมัมนั่งข้างพี่แจ็ค พอเห็นอาหารเต็มโต๊ะ น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเริ่มทำงาน เห็นอะไรก็น่ากินไปเสียหมด พวกเรานั่งกินไปคุยไป บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวเป็นอะไรที่อบอุ่นมากๆ ทุกคนคอยตักนู้นนี่ให้ผมไม่มีหยุด โดยเฉพาะคนตัวโตข้างๆ



"แล้วหาที่อยู่ใหม่ได้หรือยังล่ะ ที่เก่าไม่ปลอดภัยแล้วนะ" พี่แจ็คถามขึ้นเมื่อย้ายมานั่งที่ห้องนั่งเล่นหลังจากอิ่มกันแล้ว

"ยังเลยพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ว่าจะให้พี่ออยพาไปหาดู"

"มาพักที่คอนโดมัมไหมล่ะ"

"เอ้ย ไม่เอาหรอกฮะ เกรงใจ" ผมปฏิเสธทันทีที่มัมเขาเอยชวน แค่นี้เกรงใจจะแย่

"แต่...."

"ตอนนี้โครงการคอนโดพี่คนยังจองไม่เต็ม สนใจไหม" พี่แจ็คเสนอขึ้นมา

"ใช่ๆ คอนโดนั้นอยู่ใจกลางเมืองเลยนะ แถมยังไปมาสะดวกด้วย"

"ขอบคุณครับ ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ปรึกษากับพี่ออยอีกที"

"แค่เราตกลงพี่จัดการให้ได้เลยนะ พร้อมเข้าอยู่เลย"

"โอเคพี่"

"แล้วตำรวจนัดอีกทีเมื่อไหร่นะแฟรงค์" มัมถามคนตัวโตข้างๆผมที่ตอนนี้นั่งลูบขนชัคกี้อยู่

"พรุ่งนี้สายๆอ่ะ" เงยหน้ามาตอบแล้วก็หันกลับไปเล่นแมวต่อ ผมสังเกตคนข้างๆที่วันนี้ดูจะเงียบเป็นพิเศษ ปกติจะดูโอเคกว่านี้นะ

"นึกแล้วก็โมโห คนพวกนี้จิตใจทำด้วยอะไรกัน คนไม่เคยไปทำอะไรให้สักหน่อยทำไมถึงได้โกรธได้เกลียดกันขนาดนี้" มัมบ่นออกมาชุดใหญ่

"คนพวกนี้ก็น่าโมโหจริงๆ พวกเขาไม่มีทางรู้หรอกว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันเกินไปขนาดไหน ในสมองครุ่นคิดแต่อยากทำให้อีกฝ่ายย่อยยับ โดยไม่สนวิธีการว่าใครจะเดือนร้อนหรือแม้แต่การรู้จักให้เกียรติกันในฐานะเพื่อนมนุษย์"

ผมนั่งฟังเงียบๆ ที่มัมพูดก็มีเหตุผล ผมอยู่ของผมดีๆไม่เคยจะไปทำร้ายใคร แล้วทำไมพวกเขาถึงได้ทำกับผมแบบนี้

"พวกที่เอาสมองไว้ที่คีบอร์ดก็ด้วย ออกความคิดเห็นแค่นึกสนุก ไม่สนว่าจะมีฟีดแบกกลับมายังไง สร้างแต่ความน่ารังเกียจ อย่าให้รู้นะ จะเล่นให้นอนไม่หลับเลย" มัมยกกำปั้นขึ้นอย่างหมายมาด

"ทำกันไปทำกันมาไม่จบซะทีนะสิ" พี่แจ็คส่ายหัวระอา

"มันต้องจบสิ" จู่ๆคนตัวโตข้างๆผมก็พูดขึ้นมา นี่นึกว่าไม่สนใจจะฟังนะเนี่ย

"หึ" มัมส่งเสียงเบาๆ "รอได้ใช่ไหม" มัมหันไปพูดกับพี่แฟรงค์โดยที่ผมไม่เข้าใจในประโยคนั้นสักนิด

"ไม่นานหรอก" เขาคุยอะไรกัน บอกผมด้วยสิ



มัมกับพี่แจ็คกลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ภายในห้องก็กลับมาเงียบอีกครั้ง

"เมื่อตอนสายๆคุณแม่โทรมาน่ะ" อ่า ผมลืมไปเลย โดนแม่ด่าแน่ๆ

"อ่าครับ" ผมเดินเข้าห้องนอนไปโทรหาแม่ที่เชียงใหม่ ผมรอสายสักพัก

"น้องบัต เป๋นไดพ่อง บ่าเจ็บบ่าเป๋นหยั๋งก้า" แม่ถามรัวทันทีที่รับสาย น้ำเสียงที่แสนจะเป็นห่วงนั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิด

"น้องบ่าเป๋นหยั๋งคับ บ่าได้เจ็บต๊ะไหน" ผมพยามห้ามก้อนสะอึกในลำคอ ยิ่งได้ยินเสียงแม่ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ ถ้าผมไม่ดื้อรั้นอยากมายืนตรงนี้ แม่ก็คงไม่ต้องมานั่งห่วงแบบนี้

"ต๋อนแม่ฮู้ข่าวแม่ปอต๊กอ๊กต๊กใจหม๋ด ปิ๊กบ้านบ๋อน้อง บ่าท่าอยู่ละกรุงเทพ"

"น้องไหวอยู่คับ แม่บ่าต้องห่วงเน้อ น้องอยู่นี่มีตึงอ้ายแฟรงค์ ปี๊ออย ปี๊อ้อมแหม แม่สะบายใจ๋ได้เลยคับ" ผมพยามปลอบแม่

"บ่าไหวหื้อปิ๊กเน้อน้องเน้อ ปิ๊กมาอยู่กับแม่"

"คับ" จากนั้นผมก็ร้องไห้ให้แม่ฟังอยู่หลายนาที จนแม่แทบจะนั่งเครื่องมาหาตอนนี้ เกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าแม่จะยอม พร้อมกำชับมาอีกชุดใหญ่เรื่องดูแลตัวเอง แล้วก็วางสายไป

ผมลุกไปล้างหน้าหลังจากร้องไห้อย่างหนัก หน้าตาตัวเองในกระจกดูแทบไม่ได้เลยจริงๆ ออกจากห้องมาก็คิดว่าจะเล่นกับชัคกี้ซะหน่อยแต่ผมหามันไม่เจอ คนตัวโตก็ไม่อยู่ ได้ยินเสียงกีตาร์แว่วๆมาจากทางระเบียงเลยเดินตามเสียงก็เจออีกคนนั่งเกากีตาร์อยู่โดยมีเจ้าชัคกี้นอนคุดคู้อยู่ข้างๆ

"มานั่งนี่สิ" พี่แฟรงค์เรียกให้ผมลงไปนั่งข้างๆ คืนนี้ท้องฟ้าโปร่ง มีลมพัดเอื่อยๆ บรรยากาศดีมากๆเมื่อเทียบกับเมืองแสนแออัดนี้

ระหว่างเราไม่มีคำพูดใดหลุดมา มีเพียงเสียงกีตาร์ที่ดังอยู่ ไม่มีความน่าอึดอัดอะไรแต่ตรงข้ามกลับรู้สึกดี ดีขึ้นมาก มากจนแปลกใจตัวเอง

ตลอด2เดือนที่ผ่านมา ผมโดนโจมตีในอินเตอร์มากมาย แรกๆก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอนานเข้าเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ด่าทอครอบครัวผม คอมเม้นสาปแช่งในไอจี เมนชั่นหยาบคายมาทางทวิตเตอร์ แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนเริ่มมีพัสดุแปลกมามาส่ง บ้างก็มาฝากไว้ที่ด้านล่างคอนโด พอเมื่อวันก่อนก็มีมาดักรอ ผมเลยไปขออาศัยห้องพี่แฟรงค์แทน จนเมื่อวาน หลังจากพี่แฟรงค์มาส่ง ไม่มีใครมาดักรอผมเลยอยู่คุยกับพี่พนักงานอยู่พักใหญ่ถึงได้ขึ้นไปบนห้อง ทันทีที่ไขประตูเข้าไปผมถึงกับทรุด ข้าวของเกลื่อนกลาน ข้อความด่าทอสาปแช่งที่พ่นติดผนัง วินาทีนั้นผมกลัวจริงๆ ผมนั่งขดตัวร้องไห้อยู่พักใหญ่ถึงตัดสินใจโทรหาพี่แฟรงค์ ตอนโดนที่เขาตวาดใส่จากใจเสียอยู่แล้วหล่นไปถึงตาตุ่มเลยล่ะ พี่เขาน่ากลัวจริงๆ ปกติดูพี่เขาไม่ค่อยสนใจอะไรใครแต่พอได้โมโหโคตรน่ากลัวเลย



ยิ้มของเธอ คือเหตุที่ทำให้ใจสั่น

ชอบมองมันกว่าสิ่งไหน



จู่ๆพี่เขาก็ร้องเพลงขึ้นมา เพิ่งได้ฟังเสียงจริงๆจังก็คราวนี้ เสียงเพราะมากเลยแฮะ



ฉันชอบมอง จึงอยากจะคอยช่วย

ให้รอยยิ้มไม่หายไป



มีนาทีที่พี่เขาหันมาสบตากับผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าต่อ



เห็นแววตาเธอเปลี่ยนไม่เคยคุ้นเลย

ให้ฉันเฉยเมยได้อย่างไร

ก็ฉันชอบเธอ จึงอยากจะคอยช่วย

ให้ความเศร้าเธอหายไป


ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่เขาร้องให้ผมได้ไหมนะ



รู้ไหมเธอว่าทุกข์นั้นเบาเมื่อแบ่งให้ใครสักคน

ก็เหมือนที่เธอเคยช่วยให้ฉันยิ้มได้ ก็เหมือนกัน



พี่แฟรงค์หันมาสบตากับผมนิ่งๆ มือก็เล่นกีตาร์ไม่หยุด



เหนื่อยมากไหม ฉันรู้ว่าเธอน่ะเก่งและยังไหว

แต่ขอวันใดที่เธอร้องไห้

อย่าร้องไห้คนเดียว ไม่บอกฉัน

อยากให้รู้ ว่าฉันจะยืนและอยู่ ไม่ไปไหน

ไม่รู้จะช่วยอะไรเธอได้

ก็เผื่อไว้ เผื่อเธอต้องการ

ก็ขอให้จับมือฉัน ขอให้ผ่านอะไรไปด้วยกัน


"............"



"อย่าเสียใจคนเดียว"



เกิดความเงียบอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้เราสบตากันโดยที่ไม่มีใครคิดจะหลบสายตา รู้สึกถึงระยะห่างเราสองคนเริ่มน้อยลง

เมี้ยวววววววว~

เสียงร้องเจ้าชัคกี้เรียกสติก่อนที่ริมฝีปากเราจะแตะกัน ต่างฝ่ายต่างหันหน้าไปคนละฝั่ง ผมยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกเพื่อหวังว่ามันจะเต้นเบาลงกว่านี้อีกสักหน่อย ฮืออออออ อายจัง

"เออ...." ผมนึกคำพูดที่จะพูดไม่ออกเลยจริงๆ รู้แค่ว่าควรเอาตัวเองออกจากสถานการณ์แบบนี้ซะที หัวใจเต้นแรงจนเจ็บหมดแล้ว

"ง่วงนอนหรือยัง" เป็นคนตัวโตที่เอ่ยออกมาก่อนเมื่อเห็นผมอ้ำอึ้งไม่พูดซะที

"อะ..เออ ยังอ่ะพี่"

หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราอีก มันเป็นความเงียบที่พาให้อบอุ่นหัวใจ เหมือนได้ผ้าห่มห่มในวันที่เหน็บหนาว เกิดเรื่องนี้ขึ้นทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป ขอบคุณที่พาผมมาให้ได้เจอพี่เขา ขอบคุณจริงๆ





แถม

"บัตเตอร์ บัตเตอร์ครับ" ผมพยามปลุกคนที่ตอนนี้เอนตัวมาพิงไหล่ผมแถมยังหลับปุ๋ย ไม่ตื่นแถมยังจยับหามุมให้หลับสบายอีกต่างหาก

"เฮ้อออออ ต้องอุ้มแล้วใช่ไหมเนี้ย" ยิ้มขำกับความขี้เซาของอีกคน ผมค่อยช้อนตัวเขาขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว น้ำหนักก็ไม่ใช่น้อยๆ ถึงจะตัวเล็กกว่าผมเยอะแต่น้ำหนักนี่ไม่สัมพันกันเลยจริงๆ ผมวางเขาลงบนเตียงจัดแจงท่าทางห่มผ้าให้เสร็จก่อนจะแยกออกไปอาบน้ำ

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็จัดตัวเองมานอนอยู่บนเตียงกับอีกฝ่าย ตะแครงมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้หายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับลึกแค่ไหน

"ฝันดีนะ ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว จะไม่มีใครมาทำอะไรเราได้อีกแล้วนะ จุ๊บ" ผมจูบหน้าผากเล็กเบาๆแล้วปิดตาเข้าสู่นิทราตามอีกคนไปติดๆเช่นกัน

เพลง อย่าเสียใจคนเดียว

















.............................................................................................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 15:01:54 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0



"เสร็จจากโรงพักก็ไปรอพี่ที่ร้านเจ๊แล้วกันนะ"

"รอ? ไปไหนอ่ะ"

"......"

"เดี๋ยวพี่ออยจะพาไปหาคอนโด ไม่รู้จะเสร็จกี่โมงเลยนะ"

"จองให้แล้ว"

"ห๊ะ! จองอะไรพี่"

"คอนโดอ่ะ จองให้แล้ว"

"ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"เมื่อคืน คอนโดพี่แจ็ค"

"พี่แฟรงงงงงงงค์"






เมื่อเช้าเราต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป ผมไปเรียน ส่วนอีกคนไปโรงพักจัดการเรื่องคดี เอาจริงๆผมก็อยากจะไปด้วยหรอกนะ แต่ดูแล้วคงไม่เหมาะเท่าไหร่

ผมเดินเข้าห้องมาก็โดนสายตาหลายคู่จับจ้องแต่ไม่มีใครกล้าถามอะไร คงเป็นเพราะหน้าตาไม่ค่อยสบอารมณ์ของผมด้วยส่วนหนึ่ง ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้แถวหลังสุดในห้องที่ประจำของพวกผม 3คน ใกล้จะได้เวลาเรียนแล้วไอ้ 2 ตัวนั่นยังไม่โผล่ เป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่ปี1จนตอนนี้ปี3แล้วยังไม่เลิก

นั่งรอไม่ถึง10นาทีพวกมันก็โผล่ ไอ้ดี้มาด้วยหน้ากวนส้นตีนที่วันนี้ดูจะเรียกตีนได้มากกว่าปกติ แต่หน้าไอ้เคนี่โคตรจะตรงข้าม บูดบึ้งเหมือนใครไปทำเจ้าแม็กคลาเร็น (McLaren) ลูกรักมันเป็นรอย ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ขอไว้อาลัยรอเลยแล้วกันครับ

"โย่ว เพื่อนแฟรงค์บายดีนะครัช" ไอ้ดี้ทักพร้อมกับเอาขาหน้ามาฟาดไหล่ผม "อ๊ะๆ อย่านะ กูแค่ล้อเล่น" มันรีบยกมือแบบขอยอมแพ้เมื่อเห็นง้างตีนเตรียมถีบมันเต็มที่

"อะไรของพวกมึงวะ ทำหน้าแม่งยังกับคนไม่ได้ขี้ ไหน เป็นไรบอกหมอซิ" พูดจบก็ทำท่าจะวัดไข้แต่ก็ต้องรีบชักมือกลับเมื่อเจอสายตาเตือนจากผม

"โว๊ะ พวกมึงแม่ง" มันหันกลับไปสนใจหน้าห้องที่ตอนนี้อาจารย์เริ่มเปิดสไลด์สอนแล้วแทนเมื่อไม่มีใครคุยกับมัน



หลังจากนั่งเหมอบ้าง ฟังอาจารย์บ้างจนครบ 2ชั่วโมง การเรียนสำหรับวันนี้จบสิ้นแล้ว บ่ายอาจารย์เลื่อนคราสไปเรียนเย็นพรุ่งนี้แทน เท่ากับพรุ่งนี้เรียนตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

พวกผม3คนเดินออกมาเป็นกลุ่มสุดท้ายเพราะต้องปลุกไอ้ดี้ที่หลับไป บางทีก็อยากทิ้งมันไว้เหมือนกัน มันสามารถหลับได้เกือบทุกที่จริงๆ ยอมมันเลย

"เออ แฟรงค์ กูเห็นข่าวเรื่องน้องบัตเตอร์ น้องเขาเป็นไงบ้างวะ" ไอ้ดี้ถามขึ้นในระหว่างรอเอกสารที่ร้านถ่ายเอกสารใต้ตึก

"ตอนนี้เริ่มโอเคแล้วล่ะ"

"มีไรให้ช่วยไหม" ไอ้เคเงยหน้าขึ้นมาถามทั้งที่มือยังกดโทรหาใครบางคนอยู่

"หึ ไม่อ่ะ"

"ไม่คณามือมึงหรอกกูรู้ แต่ถ้าอยากให้ช่วยก็บอกพวกกูแล้วกัน"

"เออ" นี่แหละครับ ถึงแม้พวกผมจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากแต่เวลามีเรื่องหรือต้องการความช่วยเหลือก็ไม่เคยปฏิเสธหรืออิดออด ตอนมีความสุขก็ต่างฝ่ายต่างแยกกันไป นอกจากตอนเรียนก็ออกไปเจอกันบ้าง พวกมันจะรู้ว่าผมไม่ค่อยชอบไปที่ที่วุ่นวายหรือเสียงดัง เพราะฉะนั้นก็จะเป็นห้องผมแทน เมาเสร็จก็หลับไปเลย

ผมเจอกับไอ้ดี้ตั้งแต่อนุบาล ส่วนไอ้เคเจอกันตอนป.1 จากนั้นก็ไม่เคยแยกกันอีกเลย ความสัมพันธ์เกินครึ่งชีวิตแล้วตัดกันไม่ขาดจริงๆ

พอเอกสารเสร็จก็ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป ตัวผมเองก็มุ่งหน้าไปร้านเจ๊ทันที ไม่รู้ป่านนี้อีกฝ่ายเสร็จธุระหรือยัง

ฝ่าการจราจรแออัดมาจนถึงร้านใช้เวลาเป็นสิบนาทีทั้งๆที่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่แท้ๆ เดินเข้าร้านมาก็เจออีกฝ่ายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นหน้าผมก็ทำหน้าบึ้งๆใส่แต่พอเจ๊ชวนคุยก็หันไปยิ้มแย้มปกติ ยังไม่เลิกงอนอีกหรือไงกัน

"อ้าว ไงมึง นึกว่าจะเลิกช้ากว่านี้ซะอีก" เจ๊ทักผมแทนเมื่อเห็นอีกคนดูไม่สนใจผมสักนิด

"ก็ปกตินะ" ผมเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ข้างๆคนตัวเล็ก "แล้วกินไรยัง"

"ยัง" ตอบห้วนได้อีก

"......."

"ทะเลาะไรกันเนี่ย" เจ๊ถามอย่างสงสัย

"ป่าว" ผมตอบไป

"ป่าว? แน่ใจนะ" เจ๊หันไปถามคนตัวเล็กแทน "ว่าไงบัตเตอร์"

"ก็พี่แฟรงค์อ่ะดิมัม" แล้วก็เขวี้ยงค้อนวงโตมาใส่ผมจังๆ

"แฟรงค์มันทำไม" ส่วนตัวผมได้แต่นั่งนิ่งๆ

"ก็เรื่องคอนโดอ่ะดิมัม ตัดสินใจแทนน้องเฉยเลย ไม่ถามน้องสักคำด้วย" ฟ้องเสร็จก็หันมาค้อนผมอีกรอบ

"อ่าว กูนึกว่าคุยกับน้องแล้วซะอีก" เจ๊หันมาคุยกับผมที่ตอนนี้นั่งพิงพนักพิงมือกอดอกอยู่

"เดี๋ยวก็เกรงใจอีก คงยอมง่ายๆหรอก ดื้อขนาด.. โอ้ยย" ผมพูดยังไม่ทันจบประโยคมือขาวของคนนั่งข้างๆฟาดไหล่ผมเต็มแรง

"ไม่ดื้อเหอะ อย่ามากล่าวหากันนะ"

"ดูเอาเองเลย" ผมพยักเพยิดให้เจ๊ดู คนโตกว่าถึงกับส่ายหัวอย่างระอา

"บัตเตอร์ครับ" เจ๊หันไปเอาน้ำเย็นเข้าลูบ "พี่แฟรงค์เขาทำก็มีเหตุผลนะ"

"แต่น้องเกรงใจ"

"เกรงใจทำไม ไว้พี่แจ็คไม่คิดตังค์นู้นค่อยเกรงใจ แล้วอีกอย่าง น้องไปอยู่ที่นั่นมัมก็อุ่นใจ ระบบรักษาความปลอดภัยก็ดีเยี่ยม ห้องก็น่าอยู่ด้วยนะ"

"แต่.." บัตเตอร์ทำท่าจะแย้ง

"ไม่มีแต่แล้ว เรื่องนี้มัมจะคุยกับคุณแม่น้องให้เอง แถมยังใกล้คอนโดพี่แฟรงค์ด้วย จะได้ไปมาหากันได้สะดวก"

"ก็ได้ครับ ขอบคุณครับมัม" สุดท้ายคนตัวเล็กต้องยอมจำนน

"แล้วมึงไอ้แฟรงค์ ทำไมไม่บอกไม่อธิบายให้น้องมันเข้าใจวะ พูดมากแล้วดอกพิกุลมันจะร่วงเหรอ"

"คิคิ" คนนั่งข้างๆหลุดหัวเราะออกมาเมื่อผมโดยว่าบ้าง

"มีไรก็พูดก็บอกน้องมันไป อย่าปล่อยเวลามันเนิ่นนาน อย่าให้ความรู้สึกมันเป็นเศษตกตะกอนรอเวลาระเบิด ถึงวันนั้นมันอาจจะไม่เหลืออะไรอีกแล้วนะ"

"...." ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป ผมขอเวลาอีกสักนิดให้แน่ใจว่าอีกคนคิดไปทางเดียวกับผมแน่ๆ ถึงเวลานั้นผมจะไม่มีวันปล่อยเขาให้หายหรือหนีห่างจากผมไปอย่างแน่นอน

"แล้วนี่จะพาน้องไปไหน"

"ธุระนิดหน่อย" คนนั่งข้างหันมามองด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

"อ้าว งั้นก็ไปกันได้ละ ขับรถดีๆล่ะ"

"ไปกันเถอะ" ผมลุกขึ้นค่อมหัวให้คนโตกว่าเล็กน้อย แล้วเดินนำออกจากร้านไป

"น้องไปก่อนนะครับ" บัตเตอร์ยกมือไหว้ก่อนจะรีบวิ่งตามผมออกมา



"เราจะไปไหนกัน" คนตัวเล็กถามขึ้นเมื่อเห็นผมขับรถออกมานอกเมืองเรื่อยๆ

"ไปดูบ้านให้ชัคกี้"

"ห๊ะ! หมายความว่าไง ไม่ให้ใครนะ พี่เลี้ยงไม่ได้ เดี๋ยวผมเอาไปเลี้ยงเอง" ผมเกือบหลุดขำกับท่าทางตื่นตูมเหมือนกระต่ายนั้น

"......" ผมไม่ตอบอะไรแต่กลับเลี้ยวรถเข้าบ้านหลังใหญ่แทน ผมจอดสนิทตรงบันไดทางขึ้น ปลดเบลเตรียมตัวลงจากรถ

"เดี๋ยวก่อนดิพี่ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ผมไม่ยอมนะ"

"เข้าไปคุยในบ้าน" ผมเดินลงจากรถแล้วส่งกุญแจให้คนงานในบ้าน "ลงมา เขาจะได้เอารถไปเก็บ"

"ชิ" ลงจากรถมาด้วยอาการฟึดฟัด พร้อมปิดประตูรถอย่างดังจนผมหันไปมอง

"ขอโทษ มือมันไปเองอ่ะ" เสียงบอกอ้อมแอ้มอย่างสลดดูน่าสงสารจนผมโกรธไม่ลง

"เข้าบ้านเถอะ" ผมไม่ตอบอะไรแต่เดินนำเข้าบ้านแทน

"อ้าว คุณคนเล็ก หายไปหลายวันเลยนะคะ นึกว่าลืมทางกลับบ้านแล้วซะอีก คุณผู้หญิงบ่นหาใหญ่เลย" ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เจอกับหญิงวัยกลางคนที่มีตำแหน่งเป็นแม่นมและคอยดูแลผมกับพี่ๆมาตั้งแต่เด็กอย่าง'ป้านวล'

"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับป้า พอดีช่วงนี้มีเรื่องยุ่งนิดหน่อยน่ะ"

"เหรอคะ นึกว่าไม่ติดสาวที่ไหน แล้วนั่นพาใครมาเอ่ย" ป้านวลมองเลยไปทางด้านหลังเมื่อเห็นว่ามีอีกคนที่ตามผมเข้ามา

"นี่บัตเตอร์ครับ เป็นน้องที่รู้จักกัน แล้วนี่ป้านวล เป็นแม่นมพี่เอง" ผมแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน

"อ่ะ สวัสดีครับ บัตเตอร์ครับ" คนตัวเล็กรีบยกมือไหว้ทันทีที่ผมแนะนำให้รู้จัก

"ไหว้พระเถอะค่ะคุณบัตเตอร์" ป้านวลรับไหว้อย่างเอ็นดู "แล้วทานไรกันมาหรือยังคะ"

"ยังเลย แล้วคุณหญิงมารตีล่ะครับ" ผมถามหาคุณผู้หญิงของบ้านที่ปกติจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น

"คุณผู้หญิงออกไปธุระกับคุณผู้ชายค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักคงจะกลับ" ป้านวลตอบมา

"เราหิวหรือยัง" ผมหันไปถามคนข้างๆที่ตอนนี้มองไปรอบๆอย่างตื่นๆ

"ยะ ยังครับ"

"งั้นเดี๋ยวรอคุณอภิชาติกับคุณหญิงมาตีก่อนแล้วกันครับ"

"งั้นคุณคนเล็กพาคุณบัตเตอร์ไปพักก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวป้านวลให้เด็กยกของว่างไปให้"

"ครับ" จากนั้นก็เดินนำคนตัวเล็กไปที่ห้องรับแขก

นั่งรอคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงของบ้านศิลาวัฒนชัยอยู่พักใหญ่จนท่านกลับมา

"คุณคนเล็ก" เสียงดังมาจากหน้าบ้าน บัตเตอร์ที่ตอนแรกเคลิ้มๆถึงกลับสะดุ้งก่อนจะหันไปทางต้นเสียงด้วยสายตาตื่นๆ

ผมลุกขึ้นเดินไปตามเสียงก่อนสวมกอดผู้ให้กำเนิดที่ผมรักมากที่สุด

"วันนี้ลมอะไรหอบคุณคนเล็กกลับบ้านได้คะ" คุณแม่ลูบหน้าลูบตาผมใหญ่เหมือนห่างกันไปนานทั้งๆที่ไม่ถึง2อาทิตย์ด้วยซ้ำ

"มีเรื่องคุยกับคุณอภิชาตินิดหน่อยน่ะครับ" ผมส่งยิ้มไปทางด้านหลังคุณหญิงมารตี ที่ที่มีชายวัยกลางคนยืนอยู่ 'คุณอภิชาติ ศิลาวัฒนชัย' ประมุขของบ้านศิลาวัฒนชัย หรือก็คือคุณพ่อของผมเอง

"หึ ไม่มีเรื่องก็ไม่คิดจะกลับใช่ไหมคะ น่าน้อยใจจริงๆ"

"ช่วงนี้คุณเล็กมีเรื่องยุ่งนิดหน่อย ไม่งอนนะครับ" ผมกอดคุณหญิงไว้แน่นก่อนจะโยกตัวไปมาเบาๆ

"โอเคค่ะ คุณหญิงจะไม่คิดมากก็ได้ แต่คุณคนเล็กพาใครมาด้วยคะ" คุณหญิงถามอย่างสงสัยเมื่อมีแขกไม่คุ้นตายืนอยู่ด้วย

"อ่อ นี่บัตเตอร์เขาเป็นน้องชายที่สนิทกันครับ" ผมหันมาแนะนำคนตัวเล็กให้คุณหญิงมารตี กับคุณอภิชาติให้รู้จัก

"สะ สวัสดีครับ บะ บัตเตอร์ครับ" เขายกมือไหว้แนะนำตัวอย่างประหม่า

"หืม บัตเตอร์หรือคะ หน้าตาน่ารักจังเลยค่ะ" คุณหญิงผละออกจากผมแล้วเดินไปหาคนเล็กที่ตอนนี้ยืนตัวเกร็งอยู่ด้านหลังของผม

"โถ่ ไม่ต้องเกร็งนะคะ ทำตัวให้สบายเนอะ แต่ว่าทานอะไรกันหรือยังคะ" คุณหญิงส่งยิ้มหวานโดยที่คล้องแขนคนตัวเล็กอยู่

"ยังเลยครับ" ผมตอบ

"งั้นไปทานข้าวกันเถอะ ป้านวลน่าจะจัดโต๊ะเสร็จแล้ว" คุณอภิชาติพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆก่อนจะเดินนำไปที่ห้องอาหาร

หลังจากนั่งทานอาหารกันผมก็แยกตัวออกมาคุยกับคุณอภิชาติ ส่วนคนตัวเล็กให้อยู่กับคุณหญิงมารตีไปซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนจะหายเกร็งไปบ้างแล้ว



ณ ห้องทำงานของประมุขบ้านศิลาวัฒนชัย

"สรุปคือแกจะเข้าไปยุ่งใช่ไหม" คนถามมีท่าทีสบายๆเหมือนคุยเรื่องฝนฟ้าอากาศทั่วๆไป

"คนพวกนี้สมควรได้รับโทษ แล้วก็จะได้ไม่เกิดขึ้นกับใครอีก"

"เหตุผลแค่นั้นเหรอ ดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องของแกสักหน่อยนะ"

"......." ผมไม่ตอบ แต่กลับจ้องตาคนตรงหน้านิ่งๆ

"หึ เอาเถอะ แล้วที่มาบอกนี่ไม่ใช่ให้ใครไปจัดการแล้วหรอกเหรอ" คุณพ่อเอ่ยอย่างรู้ทัน อันที่จริงไม่มีเรื่องไหนที่คุณอภิชาติจะไม่รู้ ถึงท่านจะเลี้ยงดูพี่ๆกับผมอย่างให้อิสระ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องไหนเล็ดรอดสายตาไปได้

"ผมก็แค่มาบอกให้รู้แค่นั้นแหละครับ"

"แล้วเรื่องเด็กคนนั้นเมื่อไหร่จะบอก" หึ ไม่มีเรื่องไหนเล็ดรอดไปได้จริงๆ

"นี่ก็ถือว่าผมบอกกลายๆแล้วนะ"

"เอาเถอะ ความสุขของแก แต่เรื่องนั้นอย่าทำเกินเหตุล่ะ ให้เป็นตามกระบวนยุติธรรมไป"

"ครับ" ผมแสยะยิ้ม หึ ตามกระบวนยุติธรรมแน่ๆล่ะครับ

ผมคุยกับคุณอภิชาติอีกพักใหญ่ก่อนจะขอตัวลงมาหาคุณหญิงมารตีที่ตอนนี้กำลังเม้าธ์มอยกับคนตัวเล็กอย่างสนุกสนาน

"อ่าว คุยธุระเสร็จแล้วเหรอครับ" คุณหญิงทักขึ้นเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาให้ห้องนั่งเล่น

"ครับ" ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้างๆคนตัวเล็ก

"แล้วเย็นนี้คุณคนเล็กกับน้องบัตจะอยู่ทานข้าวเย็นกับคุณหญิงไหมคะ" ผมหันไปมองบัตเตอร์เพื่อขอความคิดเห็น

"ครับ" ผมตอบตกลงเมื่อเห็นอีกคนพยักหน้าโอเค พวกเรานั่งคุยกันอีกสักพักก่อนจะโดนคุณหญิงไล่ให้ขึ้นมาพักบนห้องพอถึงเวลาอาหารเย็นจะให้เด็กขึ้นมาตาม



"นี่ห้องของพี่เหรอ" ตัวเล็กมองอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะโมเดลตัวการ์ตูนญี่ปุ่น และหนังสือการ์ตูนเต็มไปหมด

ผมไม่ตอบอะไรแต่ปล่อยให้อีกคนเดินสำรวจห้องไปเรื่อยๆ ทิ้งตัวเองลงบนเตียงกะจะพักสายตาสักหน่อยแต่เผลอหลับไปเฉย



-แถม-

"พี่แฟรงค์" ผมหันกลับมามองเมื่อไม่ได้ยินคำตอบรับ เห็นคนตัวโตหลับไปแล้วผมเลยเดินไปนั่งข้างๆ ไล่สำรวจใบหน้าคนหลับอย่างไม่ปิดบัง ถ้าอีกฝ่ายตื่นตอนนี้ผมคงทำตัวไม่ถูก ใบหน้าที่ไม่มีริ้วรอย จมูกโด่งสวยเหมือนผ่านมีดหมอมา ริมฝีปากบาง คิ้วเข้มเป็นรูปสวย ไล่จนมาถึงดวงตาที่ตอนนี้ปิดสนิทอยู่ซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติคงไม่กล้าจ้อง หรือสบตาด้วย สายตาคมที่ปกติแวบแรกอาจจะดูดุ แต่ก็น่าค้นหา ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยใครที่โดนสายตาคู่นี้จ้องมองคงยอมถวายตัวถวายชีวิตให้แน่ๆ และแม้แต่ผมเอง บางครั้งยังนึกกลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะหลงไปกับสายตาคู่นี้ หลงไปกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้ กลัวจะคิดเข้าข้างตัวเอง

ผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆคนตัวโต ทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เจอและได้รับมาจากคนที่นอนอยู่ หวังเหลือเกินว่าจะไม่ใช่ผมที่คิดไปเอง หวังว่าเขาจะคิดแบบเดียวกับผม

#รัก... หรือเปล่านะ







..............................................................





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 15:02:56 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0



เช้านี้ผมกับบัตเตอร์ต่างแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน ผมมีเรียน ส่วนเจ้าตัวก็มีบวงสรวงซีรี่ส์และมีงานต่ออีกนิดหน่อย เลยนัดเจอกันที่ร้านเจ๊ในตอนเย็นแทน

"มึง เรื่องบัตเตอร์ไปถึงไหนแล้ววะ" ไอ้ดี้ถามขึ้นหลังจากออกไปคุยโทรศัพท์กับกิ๊กคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ของมันเสร็จ

"รู้ตัวคนทำแล้วล่ะ เดี๋ยวคงออกหมายเรียก"

"หึ ลงไปเองเกือบครึ่งตัว... ตำรวจนี่ทำงานไวจริงๆเลยเนอะ" ไอ้เคที่ตอนแรกฟุปหน้าลงไปกับโต๊ะทำท่าจะหลับถึงกับเงยหน้าขึ้นมา

"จะให้เป็นแต่หน้าที่ตำรวจเหรอวะ" ไม่ดี้ยังไม่เลิกสงสัย

"แค่นี้ก็พอแล้ว เข็ดจนตายแล้วมึง" ไอ่เคตอบแล้วก็ฟุบหน้าลงไปนอนต่อ

"ลอบกัดแบบนี้ เป็นกูจะเล่นให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลย"

"บัตเตอร์อยู่ในที่สว่าง เพียงประโยคเน่าๆที่ส่งต่อผ่านคนไร้ความคิด มันก็เป็นอาวุธทำร้ายได้แล้ว"

"นี่คือเหตุผลที่มึงปล่อยให้ตำรวจจัดการเหรอวะ"

"ก็ส่วนหนึ่ง แต่กูกับบัตเตอร์ไม่ได้เป็นอะไรกัน จะให้กูออกหน้าออกตาเกินไปก็คงไม่เหมาะ"

"นั่นสินะ ยิ่งมึงแสดงตัวว่ารู้จักหรือสนิทกับน้องมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสร้างคำครหาว่าร้ายน้องเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น"

"......."

"แค่ตอนหนังสือพี่รินที่มีรูปมึงกับน้องขึ้นปกด้วยกันก็สร้างกระแสมากพอแล้วล่ะเนอะ 5555555" ไอ้ดี้พูดอย่างขำๆ

อันที่จริงหลังจากหนังสือนั่นวางจำหน่าย ก็เกิดกระแสขึ้นมาเยอะเหมือนกัน ทำให้ช่วงแรกๆต้องแอบๆเจอกันไปพักใหญ่เลย และเพราะกระแสนี้ทำให้แอนตี้เริ่มมากขึ้น คำกล่าวหา ว่าร้ายมีมาให้เห็นเรื่อยๆแต่ก็ไม่คิดว่าจะเล่นหนักข้อถึงขนาดนี้



บวงสรวงเสร็จยัง

เรียบร้อยแล้วพี่

กำลังจะให้สัมภาษกับนักข่าว

เรื่องคดีด้วยหรือเปล่า

ครับ

โอเค

เดี๋ยวเย็นเจอกัน

ครัช




Rrrrrrrrrrrrrrrr


"ฮัลโหล" ผมกดรับสายเมื่อเห็นเบอร์คุ้นเคยโทรเข้ามา

"ฝั่งนั้นเข้ามอบตัวแล้วครับ คุณเล็กจะให้จัดการยังไงต่อดีครับ"

"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจเถอะ แต่ตรวจสอบการทำงานหน่อยแล้วกัน"

"ครับ"

ผมไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามกับการทำงานของตำรวจสักเท่าไหร่ แต่เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้จักกับบิ๊กตำรวจอยู่ การที่ผมแสดงตัวกลายๆแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกล้าตุกติก ถ้าคิดจะใช้แผนนี้ ผมก็จะจัดการให้เด็ดขาดเลยเหมือนกัน



กว่าผมกับไอ้ดี้ที่วันนี้ไม่มีนัดที่ไหนเกาะขามาด้วยฝ่ารถติดจนมาถึงร้านเจ๊ได้ก็แทบแย่ รถมันจะติดอะไรขนาดนั้น แค่เรียนก็สูบพลังไปซะเกือบหมดแล้ว ยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก ส่วนไอ้เคเห็นบอกว่าจะไปรับเด็กมันก่อนแล้วจะตามมา

"ไงมึง เรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี่ทำพวกมึงเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ" พอก้าวเข้าร้านมาก็ได้รับคำทักทายอย่างเป็นห่วง?เป็นใย?ทันที

"หิ๊วววววว มีไรกินมั้ง" ไอ้ดี้เริ่มอวดครวญทันที

"ร้านกูขายแต่เครื่องดื่ม มึงจะแดกห่าอะไรล่ะ" เจ๊ยืนจังก้าเท้าเอวจ้องหน้าไอ้ดี้ทันที

"โห่ ก็บอกแล้วว่าให้ขายอย่างอื่นด้วย เนี่ย มาหิวๆมันก็จะเซ็งๆเนี่ย เฮ้ย!" ไอ้ดี้บ่นยังไม่ทันจบก็ต้องก้มหลบผ้าขี้ริ้วที่เจ๊ปาใส่มันซะก่อน

"มันสกปรกนะเจ๊ วู้!"

"เออ ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดมากมึงจะไม่ได้โดนแค่ปาใส่นะ กูจะเอาไปอุดปากมึงเอง"

"คิก คิก" เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากข้างตัว ผมหันไปมองก็เห็นอีกคนกำลังก้มหน้ากลั้นขำจนตัวสั่น

"เสียงดังไรกัน" เสียงคนตามมาที่หลังดังขึ้นเมื่อเห็นเหมือนสงครามย่อมๆตรงหน้า

"อ้าว วันนี้ฝนตกขี้หมูไหลเหรอ" เจ๊มองหน้าพวกผมแบบกวนๆ

"หึ" ไอ้เคถึงกับส่ายหน้าระอา

"วันนี้มึงพาใครมาด้วยวะ" เจ๊กับไอ้ดี้ตอนนี้แท็กทีมกันแล้วมองคนข้างตัวไอ้เคจนอีกฝ่ายต้องเขยิบหลบโดยมีไอ้เคเป็นกำบัง

สายตาทั้งหมดมองอย่างสนใจใคร่รู้ คงเพราะไอ้เคไม่เคยพาใครมาแนะนำ หรือเปิดตัวว่าคบกันสักครั้ง ผิดกับไอ้ดี้ที่พามาบ่อยแต่ไม่เคยซ้ำหน้า ส่วนผมที่เคยเจอกันแล้ววันที่ไอ้ห่าเคให้ผมไปเป็นคนขับรถเพื่อดักฉุดเขามาจากตึกคณะ วันนี้มันพามาที่นี่แสดงว่าเปิดตัวแล้วสินะ

"ใครอ่ะ" พูดจบไอ้ดี้ก็เดินไปประชิดตัวเขาทันทีก่อนจะกระโดดหลบฝ่ามือไอ้เค

"เสือก" เน้นๆแปะหน้าไอ้ดี้เลยครับ

"เออ กูยอมรับ แต่ว่าใครอ่ะ" ดูมัน ยอมรับว่าเสือกไปอีก

"......" ไอ้เคไม่ตอบ เอาความเงียบสยบความเสือกไอ้ดี้แทน

"มึงก็ไปกวนตีนมัน พอๆเลิกเล่นไอ้ห่า รู้อยู่แล้วยังทะลึ่งหน้าใส่มันอีก" พอผมพูดจบประโยคไอ้เคหะนขวับมาทางผมทันที

"รู้อยู่แล้ว?"

"ก็มึงไม่ได้ห้ามกูบอกไอ้ดี้นิ" ผมตอบแบบหน้าซื่อๆ

"สัส" โดนด่าเป็นสิ่งตอบแทนเลยครับ เอาจริงๆมันก็รู้แหละว่าพวกเรา3คนไม่มีความลับต่อกัน บอกช้าบอกเร็วยังไงก็ต้องบอก หลังจากไปเป็นคนขับรถให้มันวันนั้นผมก็เลยมานั่งคุยกับไอ้ดี้ มันก็อาศัยบรรดาเด็กๆมันสืบมาให้อย่างละนิดละหน่อย แล้วเอามาปะติดปะต่อกันเอา แต่ก็รู้ไม่เยอะหรอกครับ ไอ้เคแม่งชอบซุ่ม

"เดี๋ยว พูดไรให้กูรู้เรื่องด้วย นี่เจ้าของสถานที่นะเว้ย" เจ๊ประท้วงขึ้นหลังจากไม่มีใครสนใจแกเลย

"เอ้า แนะนำตัวสิ" ไอ้เคเมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์จะปิดอะไรแล้วเลยดันให้อีกคนมาอยู่ข้างหน้า

"ชิ! ผมชื่อต้นน้ำครับ เรียกต้นเฉยๆก็ได้ครับ"

"โอ๊ะ ชื่อเท่จัง" เจ๊มองด้วยความปลาบปลื้ม คนตรงหน้าไอ้เคดูแล้วก็สูงใช้ได้ น่าจะเตี้ยกว่าพวกผมไม่ถึง 10เซนต์ แต่ก็สูงกว่าบัตเตอร์แค่ไม่กี่เซนต์ รูปร่างโปร่งผิวขาว ดูเป็นเด็กเรียน บุคลิกภาพน่าเชื่อถือเหมาะจะเป็นหมอจริงๆ

"ขอบคุณครับ" ต้นน้ำพูดพลางเกาแก้มแก้เขิน

"เอ้าๆ ยื่นเกะกะ ไปหาโต๊ะนั่งป่ะ เดี๋ยวจะปิดร้านละ" ผมทั้ง4คนเลยเดินมานั่งโต๊ะประจำ ส่วนคนตัวเล็กก็ขอตัวไปช่วยเจ๊เก็บของเก็บร้าน จนไม่มีไรให้ทำนั่นแหละเจ๊ถึงไล่ให้มานั่งกับพวกผมแทน

หลังจากนั่งฟังไอ้ดี้ชวนต้นน้ำคุยอยู่พักใหญ่ บทสนทนาก็หยุดลงเมื่อเห็นคนตัวเล็กทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆผม

"ตั้งแต่เช้ากินไรยัง"

"กินพร้อมกับพี่ออยตั้งแต่บ่ายแล้ว"

"แล้วตอนนี้หิวหรือเปล่า"

"นิดหน่อยอ่ะ พี่ล่ะ"

"อ่ะแห่มมมม" จู่ไอ้ดี้ก็ส่งเสียงขัดขึ้นมา "ไม่ได้อยู่กัน2คนไหมอ่ะ เฮลโลลลล" กวนตีนจริงๆ

"แล้วมึงจะไปเสือกอะไรกับเขาวะ" โดนไอ้เคด่าไปหนึ่งดอก

"หึ ใช่ซี้ กูมันตัวคนเดียว" คิดว่าตัดพ้อแบบนี้จะมีใครใส่ใจเหรอ

พอเจ๊ปิดร้านเสร็จก็นัดแนะกันไปเจอที่ร้านอาหารเจ้าประจำ ติดริมน้ำ บรรยากาศดี ผมมักพาคุณหญิงกับคุณอภิชาติมาบ่อยๆ แล้วก็ยังเป็นส่วนตัวสุดๆด้วย เมื่อนัดแนะกันเรียบร้อยก็ออกเดินทาง เจ๊นั่งรถมาผม ส่วนไอ้ดี้ไปรถไอ้เค เหตุผลคืออยากไปกวนตีนให้ไอ้เคถีบตกรถเล่นๆ



"วันนี้ตำรวจโทรหาหรือเปล่า" ผมหันไปถามคนข้างๆขณะที่จอดรอติดไฟแดงอยู่

"โทรนะพี่ เขาบอกว่าคนทำเข้ามอบตัวแล้ว"

"ก็ลองไม่มาสิ" ผมยิ้มเย็น

"เขามาขอโทษแล้ว เราควรถอนแจ้งความไหม"

"ไม่ จะไม่มีการถอนแจ้งความอะไรทั้งนั้น"

"พี่.."

"ตีงูอย่าแค่ตีให้แค่หลังหัก วันนี้เขาทำกับเราได้ วันหน้าเขาก็ไปทำกับคนอื่นได้"

"แต่มันทำลายอนาคตเขานะพี่"

"แล้วตอนที่เขาทำล่ะ อย่าบอกว่าไม่ได้คิด คนเราจะทำอะไรแบบนี้โดยไม่คิดก่อนไม่ได้หรอก"

"แต่ผมสงสารเขา"

"สงสารส่วนสงสาร แต่คนแบบนี้ต้องได้รับบทเรียน"

"แต่..."

"อย่าพยามพูดอะไรอีกเลย นี่คือสถานเบาที่สุดแล้วจริงๆ" ผมหันหน้าหนีเป็นอันจบบทสนทนาทันที

"มัมเห็นด้วยกับพี่แฟรงค์นะบัต"

"มัม" คนข้างๆถึงกับครวญ

"คนพวกนี้ยิ่งเราไม่ทำอะไรยิ่งเล่นแรง มันไม่เหมือนพวกที่โพสในโซเชียลนะ พวกนั้นแค่เราไม่สนใจเดี๋ยวก็หยุด แต่พวกนี้ไม่ใช่ วันนี้เขาทำลายข้าวของ แต่ถ้าวันหนึ่งสิ่งที่เขาจะทำลายคือตัวบัตล่ะ" เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ

"เอาไว้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นแล้วกัน คนที่คิดจะทำจะได้คิดได้"

"ก็ได้ครับ" บัตเตอร์รับคำอย่างจำยอม ท่าทางหงอยๆดูแล้วน่าสงสารจริงๆ

"ถึงแค่มือตำรวจก็ดีแล้ว อย่าถึงขั้นกว่านั้นเลย" เจ๊พูดจบก็หันมามองผม

"ขั้นกว่าคือไรอ่ะ" จากตอนแรกทำท่าทางน่าสงสารแท้ๆ ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าสงสัยแทน

"ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปรู้มันเลย" เจ๊ตัดบททันทีโดยไม่ได้สนใจหน้าตาสงสัยนั่นเลย



ขับรถอยู่เกือบๆครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เด็กเสิร์ฟมาไปโต๊ะด้านใน มุมที่ค่อนข้างเงียบสงบ เราสั่งกับข้าวหลายอย่างเพราะเดี๋ยวพี่แจ็คจะตามมาสมทบอีกที

อาหารออกมาเกือบครบพอดีกับพี่แจ็คมาถึงพอดี พวกเรานั่งกินไปคุยไป บ้างก็กวนตีนกันบ้างโดยเฉพาะไอ้ดี้ นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนตั้งแต่เด็กคิดว่าคงเลิกคบมันไปนานละ

สรุปอาหารมื้อนี้ฟรี เนื่องจากมีนักธุรกิจกระเป๋าหนักมาด้วย จากนั้นก็แยกย้ายกันไป ไอ้ดี้ขอเกาะรถไอ้เคไปเพราะบ้านมันเป็นทางผ่าน

"เจอกันพรุ่งนี้เว้ย" ไอ้ดี้ยื่นหน้าออกมาโบกมือให้แล้วก็โดนไอ้เคกดเลื่อนกระจกขึ้นเกือบหนีบหน้ามัน สิ้นเสียงโวยวายความเงียบก็เกิดขึ้น มันเป็นความเงียบที่ไม่ได้อึดอัดอะไร เราตัดสินใจเดินเล่นแถวๆนั้นก่อน

"บรรยากาศดีมากเลยเนอะ" คนตัวเล็กชวนคุย

"อืม"

"น่าจะเอากีตาร์มาเนอะ ฟีลกำลังได้เลยเนี่ย"

"......" ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป เรายืนมองผืนน้ำเงียบๆอยู่แบบนั้น



หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน

ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายเราเอง

หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บด้วยกัน

ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา

แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน



เรามองตากันนิ่งๆ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา แต่กลับอบอุ่นหัวใจ หลังมือแตะกันเบาๆให้รู้ว่าตอนนี้เรายืนอยู่ข้างๆกัน

"พระจันทร์วันนี้ดวงใหญ่จังเลยเนอะ" เมื่อทนเขินไม่ไหวคนตัวเล็กเลยเสเปลี่ยนเรื่อง

"หึ" ผมได้แต่ส่งเสียงผ่านลำคอ

"กลับกันเหอะ ป่านนี้ชัคกี้ร้องหิวข้าวแย่แล้ว"

"เออ พูดถึงชัคกี้ พี่ว่าจะเอาชัคกี้ไปฝากบ้านใหญ่เลี้ยงนะ" พอพูดถึงเจ้าตัวน้อยที่ห้องก็นึกขึ้นได้

"ทำไมอ่ะ"

"พี่เริ่มเรียนหนักแล้วไง กลัวไม่มีเวลาจะดูแลมัน"

"งั้นเดี๋ยวผมเอาไปเลี้ยงเองก็ได้พี่"

"จะไปเลี้ยงยังไง เดี๋ยวเราต้องทำงานกลับไม่เป็นเวลาอีกต่างหาก"

"หงึ"

"เอาเหอะ อยู่บ้านใหญ่คนดูแลเยอะแยะ ไว้วันไหนว่าง ๆ เดี๋ยวพี่พาไปหามันก็ได้"

"แล้วจะเอาไปเมื่อไหร่อ่ะ"

"คงอีกสักพักอ่ะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาก ยังดูแลได้"

"งั้นเรารีบกลับเถอะ คิดถึงมันแล้วอ่ะ" พูดเสร็จก็เดินนำไปที่รถทันที หึ เด็กน้อยเอ้ย









.............................................................




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 15:05:58 โดย sweetbutter »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0




PART  บัตเตอร์



วันนี้เป็นวันบวงสรวงซีรี่ส์ที่ผมได้รับบทแสดงนำครั้งแรก ผมออกมาจากห้องพี่แฟรงค์ตั้งแต่เช้าเพราะต้องเตรียมตัวและต้องไปก่อนพิธีเริ่ม พอไปถึงก็เจอนักข่าวหลายสำนักที่มารอสัมภาษณ์จนทีมงานต้องมาจัดการระบบระเบียบกัน

ตลอดการบวงสรวงผมได้แต่ขอให้ซีรี่ส์เรื่องนี้ประสบตวามสำเร็จ เพราะได้รับการคาดหวังเอาไว้เยอะ และจะได้เป็นการตอบแทนทีมงานที่ลงทุนลงแรงทุกคนด้วย หลังจากบวงสรวงและถ่ายรูปรวมเรียบร้อยผมก็ต้องแยกตัวออกมาเพื่อให้สัมภาษณ์กับบรรดานักข่าว

คำถามช่วงแรกก็ถามทั่วไปเกี่ยวกับซีรี่ส์อย่างพวกเนื้อเรื่อง ความรู้สึกที่ได้รับบท จนมาถึงเรื่องคดีความ

"ตอนนี้เรื่องคดีความไปถึงไหนแล้วคะ" พี่นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้นมา

"ทางตำรวจรู้ตัวคนทำและกำลังจะออกหมายเรียกครับ"

"แล้วบัตเตอร์จะทำยังไงต่อครับ"

"ตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นกระบวนการทางกฎหมายแล้วล่ะครับ"

"แล้วพอทราบสาเหตุที่เขาทำไหมครับ"

"อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ"

"เกี่ยวกับเรื่องที่หาว่าเราเด็กเส้นตอนแคสบทด้วยหรือเปล่าคะ" มาแล้วประโยคคำถามวัดใจ

"ผมไม่รู้นะครับว่าเขาทำเพราะเหตุผลไหน ผมไม่ได้เป็นเด็กเส้นอะไรทั้งนั้น ผมมาตรงนี้เพราะผมอยากทำ มันเป็นความฝันของผมจริงๆ"

"คือมีข่าวว่าบัตเตอร์สนิทกับทายาทคนเล็กของนักธุรกิจคนดัง เพราะเหตุผลนี้ด้วยหรือเปล่าครับที่เสริมว่าเราเป็นเด็กเส้น"

"กับพี่เขาเรารู้จักกันเพราะเราเคยทำงานด้วยกันครับ พี่เขาไม่เคยมายุ่งหรือถามเรื่องนี้ด้วยซ้ำ"

"แสดงว่าหลังจากทำงานด้วยกัน ยังมีการติดต่อกันอยู่" เดี๋ยวนะ ทำไมจู่ๆคำถามกลายเป็นถามเรื่องผมกับพี่แฟรงค์ไปซะได้ล่ะเนี่ย

"ครับ มีคุยไลน์ มีเจอกันบ้างครับ"

"ความสัมพันธ์ตอนนี้คืออยู่ในขั้นไหนแล้วคะ" หืม?

"ไม่มีขั้นไหนครับ เราเป็นพี่น้องกัน พี่เขาเห็นว่าเป็นเด็กต่างจังหวัดเลยสงสารมั้งครับ 555555"

"แล้วมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ไหมครับ" ยังไม่จบอีก

"โอ้ยยยยพี่ 55555555 เป็นพี่น้องกันครับ พี่น้องกัน" ผมพูดย้ำอีกครั้ง ย้ำทั้งพี่นักข่าวและความรู้สึกของตัวเอง ผมเฝ้าแต่บอกตัวเองไม่ให้คิดเกินคำว่าพี่น้อง หาเหตุผลมาอธิบายสิ่งที่อีกฝ่ายเขาทำให้ คิดว่าพี่เขาคงแค่เอ็นดูหรือสงสารเด็กไกลบ้านคนนี้แค่นั้น คิดแบบนี้แล้วเจ็บหน้าอกแปร๊บๆแฮะ




หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จก็กลับเข้าไปรวมกับคนอื่นๆเพื่อฟิตติ้งอีกนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกัน ตัวผมเองก็มีถ่ายรายการต่อกว่าจะเสร็จทุกอย่างก็ปาไปเกือบ 4โมงเย็น เลยให้พี่ออยแวะส่งที่ร้านมัมเพราะนัดไว้กะพี่แฟรงค์

"อ่าว วันนี้มาซะเย็นเลยนะ" มัมทักขึ้นมาทันทีที่เห็นผมก้าวเข้าไปในร้าน

"เพิ่งเลิกงานอ่ะครับ ฮืออออ เหนื่อยอ่ะ" ผมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง เหมือนพลังชีวิตลดลงเกือบศูนย์

"เลือกแล้วก็ทนไปนะหนู 5555555" มัมนั่งลงฝั่งตรงข้ามพูดปลอบ?

"ถ้าเป็นพี่แฟรงค์คงบอกให้น้องเลิกทำอ่ะ"

"เอาสิ มันเลี้ยงเราได้สบายอยู่แล้ว รวยจะตาย"

"มัมมมมมมม ฮืออออ ไมชอบพูดงี้อ่ะ" พูดจบผมก็แนบหน้ากับโต๊ะ เนี่ยเพราะมัมชอบพูดเงี้ย บางทีมันก็ไม่กล้าสู้หน้าอีกคนเหมือนกันนะ

"หืม ทำไม มัมว่ามัมพูดความจริงนะ"

"ไม่จริงอ่ะ น้องกับพี่เขาไม่ได้เป็นไรกันซะหน่อย"

"งั้นก็เป็นสิ" มัมพูดด้วยหน้าตาจริงจัง แต่ผมว่าผมเห็นสายตาวิบวับนั้นนะ

"เป็นได้ไงเล่า พี่เขาเป็นผู้ชายนะ เขาไม่มาชอบแบบน้องหรอก"

"แบบเรามันเป็นยังไง แล้วเคยถามมันแล้วเหรอ"

"ก็พี่เขาเพอร์เฟคขนาดนั้น เขาจะมามองคนอย่างน้องเหรอ"

"คนอย่างไอ้แฟรงค์น่ะ มันไม่แคร์อะไรหรอก มันคิดแค่อย่างเดียว คือทำยังไงก็ได้ให้คนที่มันรักมีความสุข เห็นมันนิ่งๆแบบนั้น แต่ถ้าอีกฝ่ายมีปัญหามันพร้อมพุ่งเข้าชน จะให้พูดตรงๆคงประมาณมองดูห่างๆแต่ถ้าเราล้มหรือแค่ทำท่าจะล้มมันจะเป็นคนแรกที่มาพยุงเรานั่นแหละ"

"ผมสับสนจริงๆนะมัม บางครั้งมันแยกไม่ออกว่าสิ่งที่พี่เขาทำมันหมายความว่ายังไง น้องไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง การคิดไปเองคนเดียวมันเจ็บจริงๆนะครับ"

"มัมถึงอยากให้บัตถามมันไง เคลียร์ๆกันไป แต่เชื่อเถอะว่ามันก็คิดไม่ต่างจากเราหรอก"

"........"

"อ่อ นิสัยอีกอย่างของไอ้แฟรงค์น่ะ"

"ครับ?"

"เวลามันอยากได้อะไรมันต้องเอามาให้ได้ แล้วอย่างไอ้แฟรงค์น่ะมันไม่ใช่เสือนะ แต่มันคือนายพราน"

ผมไม่ทันได้พูดอะไรอีกก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามากลายเป็นอันสิ้นสุดบทสนทนา




คนมาใหม่คือพี่แฟรงค์กะพี่ดี้ คนตัวสูงพอเห็นผมนั่งอยู่ก็เดินมานั่งลงข้าง ปล่อยให้มัมกับพี่ดี้ปะทะฝีปากกันไป ผมก้มหน้ากลั้นหัวเราะจนคนข้างๆหันมามอง ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดชะงักเมื่อมีคนเข้ามาใหม่อีก2คน คนแรกคือพี่เค แต่อีกคนไม่รู้จักแหะ พอแค่เห็นหน้าคนไม่คุ้นพี่ดี้ก็รีบเข้าไปทำความรู้จักจนโดนพี่เคด่า แต่พี่แกก็ไม่เห็นแคร์ยังเซ้าซี้จนอีกคนต้องแนะนำตัว พี่เขาชื่อต้นน้ำ ชื่อเท่ดีอ่ะ แล้วก็ดูเหมือนจะเกิดสงครามย่อมๆของพี่ๆสามคนจนมัมต้องเอ่ยปากไล่ให้ไปหาที่นัก ผมเลยลุกไปช่วยมัมเก็บร้านจนใกล้จะเสร็จนั่นแหละก็โดนไล่ให้มานั่งคุยกับพวกพี่ๆเขา

"ตั้งแต่เช้ากินไรยัง"

"กินพร้อมกับพี่ออยตั้งแต่บ่ายแล้ว"

"แล้วตอนนี้หิวหรือเปล่า"

"นิดหน่อยอ่ะ พี่ล่ะ"

"อ่ะแห่มมมม" จู่ๆพี่ดี้ก็ส่งเสียงขัดขึ้นมา "ไม่ได้อยู่กัน2คนไหมอ่ะ เฮลโลลลล"

"แล้วมึงจะไปเสือกอะไรกับเขาวะ" เลยโดนพี่เคด่าไปหนึ่งดอก

"หึ ใช่ซี้ กูมันตัวคนเดียว" ฮืออออออ ผมรีบก้มหน้าหลบเลย เขินนะเนี้ย

รอจนมัมเก็บร้านเสร็จถึงได้ยกโขยงกันออกไปหาอะไรกินกัน ร้านที่จะไปเป็นร้านริมแม่น้ำ บรรยากาศดีมาก พี่แฟรงค์เคยพาไปอยู่ 3-4 ครั้ง ไปกี่ครั้งก็ประทับใจ เราเอารถไปแค่ 2คัน คือของพี่เคกะพี่แฟรงค์ โดยที่พี่ดี้ติดไปกับรถพี่เค มัมกับผมมารถพี่แฟรงค์

"วันนี้ตำรวจโทรหาหรือเปล่า" จู่ๆพี่แฟรงค์ก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่ารถติดไฟแดง

"โทรนะพี่ เขาบอกว่าคนทำเข้ามอบตัวแล้ว"

"........สิ" พี่เขาพูดอะไรนะ ได้ยินไม่ถนัดเลย

"เขามาขอโทษแล้ว เราควรถอนแจ้งความไหม"

"ไม่ จะไม่มีการถอนแจ้งความอะไรทั้งนั้น"

"พี่.." ผมโอดครวญ

"ตีงูอย่าแค่ตีให้แค่หลังหัก วันนี้เขาทำกับเราได้ วันหน้าเขาก็ไปทำกับคนอื่นได้"

"แต่มันทำลายอนาคตเขานะพี่"

"แล้วตอนที่เขาทำล่ะ อย่าบอกว่าไม่ได้คิด คนเราจะทำอะไรแบบนี้โดยไม่คิดก่อนไม่ได้หรอก" สะอึกเลยครับ

"แต่ผมสงสารเขา"

"สงสารส่วนสงสาร แต่คนแบบนี้ต้องได้รับบทเรียน"

"แต่..."

"อย่าพยามพูดอะไรอีกเลย นี่คือสถานเบาที่สุดแล้วจริงๆ" พูดเสร็จพี่เขาก็หันหน้าหนีโดยไม่ให้ผมได้โต้แย้งอะไรได้อีก

"มัมเห็นด้วยกับพี่แฟรงค์นะบัต"

"มัม" มัมไม่เข้าข้างน้องเหรอ

"คนพวกนี้ยิ่งเราไม่ทำอะไรยิ่งเล่นแรง มันไม่เหมือนพวกที่โพสในโซเชียลนะ พวกนั้นแค่เราไม่สนใจเดี๋ยวก็หยุด แต่พวกนี้ไม่ใช่ วันนี้เขาทำลายข้าวของ แต่ถ้าวันหนึ่งสิ่งที่เขาจะทำลายคือตัวบัตล่ะ" เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ผมเองก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้เหมือนกัน

"เอาไว้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นแล้วกัน คนที่คิดจะทำจะได้คิดได้"

"ก็ได้ครับ" ผมจำยอม แม้จะสงสารแค่ไหน แต่พอนึกถึงสิ่งที่เขาทำมามันก็เกินไปจริงๆ ถ้าเขาทำแค่ตัวผมคงไม่ว่าอะไรแต่ถ้าวันหนึ่งเขาทำร้ายคนที่ผมรักล่ะ ผมคงทนอยู่เฉยไม่ได้แน่ๆ

"ถึงแค่มือตำรวจก็ดีแล้ว อย่าถึงขั้นกว่านั้นเลย" หืม?

"ขั้นกว่าคือไรอ่ะ" ผมถามออกไปตรงๆ อะไรคือขั้นกว่า แล้วดูเหมือนจะรู้กันแค่ 2คนด้วย

"ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปรู้มันเลย" อ่ะ ตัดบทเลย เซ็ง!

มื้อเย็นวันนี้มีเจ้ามือกระเป๋าหนัก คือพี่แจ็คคู่หมั้นมัมนั้นเอง อิ่มจังตังค์อยู่ครบจริงๆ พอแยกย้ายกันกลับ ผมกับพี่แฟรงค์เลยตัดสินใจเดินเล่นอยู่แถวนั้นสักพัก เรายืนมองผิวน้ำเงียบโดยมีเสียงเพลงจากร้านอาหารแล้วนั้นเปิดคลอไปด้วย




หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน

ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายเราเอง

หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บด้วยกัน

ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา

แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน



พอได้อยู่ด้วยแบบนี้ ยอมรับจริงๆว่าผมมีความสุขมาก มันเป็นเวลาที่เราไม่ต้องคิดถึงอะไร ไม่ได้พูดคุยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหงา รับรู้ได้ว่ายังมีอีกคนอยู่ข้างๆ มีคำถามที่อยากถามมาตลอด แต่ในเวลานี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง มันเป็นความกลัวอยู่ในใจลึกๆ กลัวว่าจะเป็นแค่ผมที่รู้สึกไปเอง กลัวถ้าพูดออกไปจะทำให้เราไม่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่รู้จะอยู่กับความรู้สึกครึ่งๆกลางๆแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน

ภาวนาว่าสักวันผมจะมีความกล้าหาญมากพอจะก้าวข้ามความกลัวไปได้



................................................................




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 15:06:39 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0



เคร้งงง!!!

เฮื๊อกกกก

สะดุ้งสุดตัว สรุปว่าเช้านี้ผมโดนปลุกด้วยเสียงโครมครามในห้อง หันไปมองคนข้างอัตโนมัติแต่ก็เจอแต่ความว่างเปล่า สะบัดหัวไล่ความงัวเงียก่อนจะเดินออกไปตามเสียง

ก้าวขาเข้าไปในครัวก็เจอกับคน1คนกับแมวอีก1ตัวที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกันอยู่

"ชัคกี้อย่าปัดของสิ" คนตัวเล็กเท้าเอวชี้หน้าเจ้าตัวเล็กบนโต๊ะที่ตอนนี้เขี่ยนู้นนี่เล่นไม่สนใจคนตรงหน้าสักนิด พอทำอะไรไม่ได้ก็ทำท่าฟึดฟัดดูแล้วไม่ได้ต่างจากตัวที่ตัวเองดุเลย

"หึหึ"

"อ่าว ตื่นแล้วเหรอพี่" เมื่อได้ยินเสียงด้านหลัง

"เล่นปลุกซะดังขนาดนั้น"

"หงึ โทษชัคกี้เลย มันปัดกะละมังหล่น" พลางชี้ตัวต้นเหตุที่ตอนนี้กระโดดหนีไปแล้ว "อ่ะ อย่ามาชิ่งหนีนะ"

ผมส่ายหัว "แล้วนี่จะทำอะไร"

"ว่าจะทำไข่กระทะอ่ะ"

"ทำเป็น?"

"ไม่อ่ะ เดี๋ยวเปิดกูเกิ้ลเอา" ครัวผมจะไม่ไหม้ใช่ไหม

"โถ่ นึกว่าทำเป็น"

"เดี๋ยวก่อนๆ" พร้อมทำท่ามั่นอกมั่นใจ "พี่รอดูได้เลย"

"พี่จะได้กินใช่ไหม"

"ได้กินดิ เชื่อหนมกินได้เลย"

"งั้นก็ตามสบาย แต่อย่าเผาครัวพี่แล้วกัน" พูดเสร็จก็หันหลังเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวโดยไม่สนใจเสียงฟึดฟัดตามหลังสักนิด





หลังจากมื้อเช้าที่ค่อนข้างตื่นตาตื่นใจปนประหลาดใจผ่านไปเราก็ย้ายมานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นแทน

"เออ พี่เดี๋ยววันนี้ผมย้ายไปอยู่คอนโดใหม่เลยนะ"

"อ่าว ทำไมรีบอ่ะ"

"ก็เกรงใจอ่ะ มารบกวนหลายวันแล้ว เปลืองน้ำเปลืองไฟพี่เปล่าๆ"

"พี่เคยพูดเหรอ"

"ก็ไม่เคยพูดไง แต่ผมเกรงใจไง เนี่ยแม่สอนมาดี เห็นไหม"

"หึ แล้วจะไปกี่โมง"

"รอพี่ออยอีกสักพักอ่ะ"

"เดี๋ยวพี่ไปส่ง ให้พี่ออยไปรอที่นั่นเลย" ผมเองก็อยากไปดูที่ดูทางสักหน่อย

"เอ้ย ไม่เอาอ่ะ มาอาศัยอยู่ด้วยยังต้องไปส่งอีก" คนตัวเล็กส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก

"ไม่ใช่ประโยคคำถาม ไปเก็บของ เดี๋ยวไปส่ง"

"เดี๋ยวนะ แบบนี้ก็ได้เหรอ?"

"ไปเก็บของ"

"เดี๋ยวดิ"

"นี่คือประโยคคำสั่ง"

"โว้ยยยยยย" แล้วก็เดินลงส้นเท้าจากไป เด็กน้อยเอ้ย





วันนี้ทั้งวันจึงหมดไปกับการจัดของเข้าห้องใหม่กับบัตเตอร์ ผมไล่สำรวจทุกซอกทุกมุม ห้องค่อนข้างกว้าง มีห้องนอนแยกต่างจากห้องเดิมที่เปิดไปก็เจอกับเตียงนอนเลย มีครัวมีห้องนั่งเล่น โอเคเลยแบบนี้

"เสร็จแล้วไปหาไรกินกันไหม หรือจะสั่งมากินที่ห้อง" ผมถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนทิ้งตัวลงโซฟาอย่างหมดแรง

"อยากกินชาบูแต่ขี้เกียจออกไปอ่ะ"

"งั้นไม่ต้องกิน"

"อื้อ วันหลังก็ได้" จากนั้นก็ผล่อยหลับไปเลย สงสัยเหนื่อยจริง ก็น่าจะเหนื่อยหรอก วิ่งวุ่นไปนู้นไปนี่งานก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอก เล่นไปเสียเยอะ หึ

ผมทรุดตัวลงนั่งบนพรมมองอีกคนที่ตอนนี้หลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาตัวยาว แพขนตาที่ทั้งหนาทั้งยาวที่ตอนนี้กำลังปิดบังดวงตาใสสีน้ำตาลเข้มแสนสวย จมูกเล็กแต่โด่งได้รูป หน้าขาวใส แก้มขาวที่ดูเหมือนจะมีเนื้อเยอะกว่าส่วนอื่นๆ อยากบีบจัง ริมฝีปากอวบอิ่มที่ไม่ว่าจะเผลอมองกี่ครั้งก็ต้องคอยห้ามใจตัวเองทุกที ดูรวมๆแล้วโคตรน่ารัก บางมุมก็ดูหล่อมากจริงๆ

ไล่เกลี่ยแก้มนิ่มเบาๆ คิ้วบางขมวดนิดๆเมื่อมีอะไรมารบกวน หึ

"โอ้ย" คนเผลอหลับสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจอผมบีบแก้มอย่างแรง

"มานอนอะไรตอนนี้ เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก"

"หงึ ก็มันง่วงอ่ะ" พูดจบก็มุดโซฟาต่อ

"ไม่นอนดิ หิวข้าว ไปหาไรกินกัน"

"ฮือออ ง่วงงงงงงง" ยังงอแงไม่เลิก

"ไปล้างหน้าป่ะ เดี๋ยวก็หายง่วง เร็วหิวข้าว"

"ก็ได้" ผมไล่ตรวจเช็ครอบๆห้องอีกทีก่อนจะมานั่งรออีกคนที่ตอนนี้กำลังจัดการตัวเองอยู่ คงไม่ไปนั่งหลับในห้องน้ำหรอกนะ

นั่งรออยู่เกือบ10นาทีกว่าเจ้าตัวจะออกมา นี่เข้าไปหลับแล้วสะดุ้งตื่นใช่ไหมเนี่ย

"เข้าไปหลับต่อในห้องน้ำป่ะเนี่ย นานเกิ๊น"

"บ้า พี่ก็พูดไป ใครจะเข้าไปนอนในห้องน้ำ"

"โอเค เชื่อก็ได้"

"วุ้ย"





หลังจากมื้อค่ำผ่านไปผมก็มาส่งอีกคนที่คอนโดโดยที่ต้องพยามห้ามใจไม่ขึ้นไปข้างบนเพราะกลัวจะไม่อยากกลับห้องตัวเอง แล้วอีกอย่างคนตัวเล็กเองพรุ่งนี้เริ่มถ่ายซีรี่ส์แล้วด้วย หลังจากหักห้ามใจตัวเองจนขับรถกลับมาถึงห้องตัวเองได้ก็รีบจัดการเทอาหารให้เจ้านายที่พอเห็นหน้าผมก็ขว้างค้อนวงใหญ่ใส่ทันที บ่าวอย่างผมเลยต้องรีบกุรีกุจอปรนนิบัติท่านอย่างไว คิดเอาไว้ว่าสิ้นเดือนนี้คงต้องเอาไปไว้บ้านใหญ่สักที เพราะเดี๋ยวใกล้สอบแล้วด้วย แค่คิดก็เหนื่อยรอเลยล่ะครับ เมื่อนายท่านพึงพอใจก็เดินสะบัดหางจากไปโดยไม่สนใจทาสอย่างผมอีกเลย

"พอใจก็เดินหนีเลยนะ ไอ้หม่น" แล้วผมก็โดนสายตาพิฆาตจ้องมองทันที

"ทำไม เดี๋ยวจะเอาไปปล่อยให้ดู" พอผมพูดแบบนี้ไอ้แมวหม่นก็สะบัดหน้าแล้วเดินหนีไม่สนใจผมอีก ดีจริงๆ ถ้ามันพูดได้คงได้ฟาดฝีปากกันบ้าง

พอจัดการทุกอย่างในห้องเรียบร้อยก็ไปจัดการตัวเองต่อ พอหัวถึงหมอนก็สลบไปเลย ตื่นอีกทีตอนโทรศัพท์ส่งเสียงดังเพราะมีคนโทรเข้า

"ฮัลโหล" ผมรับสายทั้งๆทียังงัวเงีย เหลือบตามองดูนาฬิกาตอนนี้เพิ่งจะตี3 ใครมันโทรมาวะ

"พี่" หืม บัตเตอร์เหรอ

"ห๊ะ?"

"พี่แฟรงค์" ผมยกโทรศัพท์ดูเบอร์ที่โทรเข้าเป็นคนตัวเล็กจริงๆ

"เป็นอะไรหรือเปล่า ให้พี่ไปหาไหม" ผมพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน ลุกขึ้นนั่งทันที

"ไม่ต้องมาพี่ ไม่ได้เป็นอะไร ใจเย็นๆนะ"

"แล้วทำไมโทรมาดึกดื่นแบบนี้ล่ะ พี่ก็นึกว่าเกิดอะไรขึ้น"

"ผมนอนไม่หลับ มันตื่นเต้นอ่ะ"

"โถ่ ถ้าบอกช้ากว่านี้คือออกจากห้องไปที่รถแล้วนะ"

"ฮะฮ่า เว่อร์ไปพี่"

"จริงๆ ตอนนี้ตาสว่างแล้วเนี้ย"

"ฮา ผมขอโทษ"

"เออๆ แล้วไปกองกี่โมงเนี่ย" พออีกคนไม่เป็นไรจริงๆก็วางใจ แต่จะให้หลับตอนนี้ก็หลับไม่ลงแล้ว เลยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนที่นอนแทน

"6โมง" คนปลายสายตอบมาเรียบๆ

"6โมงเย็นเหรอ?" นี่ไม่ได้กวนตีนนะครับ

"6โมงเช้านี่แหละพี่ ฮือออออ ผมตื่นเต้นอ่า" ปลายสายครวญ

"ทำอย่างกับไม่เคยทำ" ผมถึงกับส่ายหัว

"มันไม่เหมือนกันไง นั่นแค่ตัวประกอบนิดๆหน่อยๆ แต่นี่แสดงนำเลยนะ แสดงนำอ่ะพี่ ฮือออออออ"

"5555555555 เอาเวลาคร่ำครวญไปพักผ่อนเตรียมร่างเตรียมสมองไว้ทำงานไม่ดีกว่าเหรอ"

"มันนอนไม่หลับอ่ะ พี่เข้าใจผมไหมเนี่ย" เสียงโวยวายยังดังไม่เลิก

"นอนนับแกะดิ"

"ลองแล้ว"

"ฟังเพลง"

"นี่ก็แล้ว"

"แล้วจะให้พี่ทำไง" ผมพูดอย่างจนปัญญา จากตอนแรกว่าจะนอนเล่นอยู่บนเตียงเลยเปลี่ยนใจเดินไปหยิบกีตาร์แล้วเปลี่ยนจากโทรคุยเป็นวีดีโอคอลแทน

"พพพพพพพพพพพพพี่" เสียงครวญดังมาพร้อมกับใบหน้าใสที่ตอนนี้กำลังงอง้ำอยู่

"555555555555555 ไมหน้ายู่ยี่งั้นอ่ะ"

"ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ผมนอนไม่หลับอ่า"

"555555555555555555"

"หน้าไม่ใสผมจะโทษพี่" อ้าว ไหงมาโทษกันแบบนั้นอ่ะน้อง

"แล้วจะให้พี่ทำไงครับ หืม" ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

"อ๊ะ มะ..ไม่รู้ดิ ผมถึงได้โทรหาพี่ไงเล่า" คนปลายสายตอบอ้อมแอ้ม

"ม่ะ งั้นเดียวพี่เล่นกีตาร์ให้ฟัง" ผมวางโทรศัพท์พิงกับกองผ้าห่มตรงหน้า มือก็ไล่คอร์ดกีตาร์ไปเรื่อย

"ร้องเพลงด้วย"

"ตัวเองฟังเพลงยังไม่หลับ แล้วฟังพี่ร้องแล้วเราจะหลับเหรอฮะ"

"ไม่รู้อ่ะ ร้องด้วย" คนในจอพูดอย่างเอาแต่ใจ หึ นอนไม่หลับอย่าโทษกันนะ



แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย

แอบส่งใจให้นิดๆ แต่ดูเธอช่างเฉยเมย

เอาล่ะ เตรียมใจไว้หน่อย มันจะหัวก้อยต้องเสี่ยงกัน



"เย..."

"พอเลยนะ นอนไม่หลับหรอกเพลงนี้อ่ะ จะลุกขึ้นเต้นแล้วเนี้ย" บัตเตอร์รีบสั่งหยุดทันที

"อ่าว แล้วจะเอาเพลงไร"

"ไม่รู้อ่ะ พี่ก็ร้องมาดิ"





ฉันก็เป็นคนหนึ่งเหมือนใคร

ไม่ได้ลงมาจากฟ้าหรือดาวดวงไหน

ไม่ได้วิเศษหรือมีมากมาย

ให้เธอได้เท่านี้แค่เพียง หัวใจ

ใจของฉันมันรอให้เธอรับไป

ใจของฉันที่ข้างในมีเพียงคำว่ารักแค่เธอเก็บไว้

และจะไม่คิดมีคนอื่น ไม่คิดมีใครอีก

โปรดให้ความรักจากคนที่แสนธรรมดา

คนนี้พาเธอลอยไปแสนไกล

ให้สุดขอบฟ้าที่ตรงดวงดาว

ความหวานเธอเป็นคนเติมได้ไหม

โปรดมอบความรัก ให้คนที่แสนธรรมดา

คนนี้ให้ฉันได้พอเข้าใจ ว่าคนอย่างฉัน

ยังพอจะมีความหมาย ด้วยรักด้วยใจ จากเธอ

เพราะว่าที่ข้างในตรงกลางหัวใจ

มันไม่มีเผื่อ มีเหลือให้ใครคนไหน

ในยามที่แดดทอดลงพื้นทราย

สดใสไม่ต่างจากยิ้มของเธอ




สรุปคืนนั้นไม่มีใครได้นอนทั้งสิ้น เราคุยกันหลายเรื่อง เล่าสิ่งต่างที่เคยผ่านพบแลกเปลี่ยนกันและกัน มันเหมือนเราก้าวเข้าใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิมแม้จะต้องแลกด้วยอาการมึนๆอึนๆก็ตามที





** คนที่แสนธรรมดา - พอส Ft. นะ โพลีแคท



...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 15:07:48 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0




"อย่าลืมไปรับฟาร์ด้วยล่ะ"

ตอนนี้ผมพาตัวเองมาที่สนามบินเพื่อมารอรับคนๆหนึ่ง ที่เกิดก่อนหน้าผมแค่ 5ปี มีศักดิเป็นพี่ชายแท้ๆของผมเอง โดยมีพี่คนโตอีกคนชื่อพี่เฟิร์ตที่เกิดห่างจากผมตั้ง8ปี แต่ตอนนี้ไปดูกิจการฝั่งยุโรปแทนคุณอภิชาติ ที่ไปปูทางไว้ให้ช่วงที่ผมเรียน ม.ต้น ทำให้ได้เจอหน้าพ่อตัวเองแค่ตอนปิดเทอมอยู่เกือบ 6ปี พอพี่เฟิร์ตจบโทก็ไปรับช่วงต่อ คุณอภิชาติอยู่สอนงานอีกเกือบปีกว่าจะกลับมาไทยถาวร พอฟาร์จบป.ตรี คุณอภิชาติก็ให้ไปต่อโทที่อังกฤษ จบแล้วจะได้อยู่ช่วยพี่เฟิร์ตต่อเลย แต่นี่เห็นว่าอยากพักร้อนเลยขอกลับเมืองไทยสักหน่อย อันที่จริงผมว่ามันต้องมาป่วนอะไรแน่ๆ แค่คิดก็ขนลุกละ




"ไฮฮฮฮ น้องเล็ก" ตอนนี้มีชายร่างสูงใหญ่ไล่เลี่ยกับผมมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า หน้าตาหล่อเหลา รอยยิ้มสุดแสนจะกระชากใจนั่น ทำเอาบรรดาผู้หญิงที่ผ่านไปผ่านมาแอบมองกันเป็นแถว

"เฮ้ ไม่คิดจะทักทายพี่ชายคนนี้หน่อยหรือไง" ฟาร์โวยวายขึ้นเมื่อเห็นว่าผมทำท่าไม่สนใจแล้วหันหลังเดินหนี

"อะไรเนี่ย ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่คิดถึงกันหน่อยเหรอ"

"เพิ่งเจอกันเมื่อเดือนที่แล้วเหอะ" ผมสวนขึ้นเมื่ออีกฝ่ายทำท่าน้อยอกน้อยใจ ทั้งๆที่เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งไปเจอกันที่ญี่ปุ่นแท้ๆ

"สำหรับพี่ชายคนนี้ ห่างกันแค่ชั่วโมงเดียวก็นานเกินไปแล้ว" แล้วก็ทำท่ามือกุมหัวใจแล้วทรุดลงนั่ง ทำให้คนผ่านไปผ่านมาพากันมอง น่าอายชะมัด

"อย่าทำตัวน่าอายน่า ไปขึ้นรถ ง่วงนอนจะแย่"  ผมไม่สนใจรีบเดินหนีทันที ปล่อยให้อีกคนเข็นกระเป๋าวิ่งตาม


กว่าจะฝ่ารถติดกับเสียงน่าหนวกหูจนมาถึงบ้านได้ ผมอยากจะหักพวงมาลัยเข้าข้างทางไม่รู้กี่รอบ แล้วก็กว่าจะตกลงกันได้ว่าฟาร์ให้มานอนที่บ้านใหญ่ก็เสียเวลาไปอีกหลายนาที ร่ำร้องจะไปนอนคอนโดผมให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องไหม



"ป้านวลลลลลล" พอวางกระเป๋าได้ก็รีบฟาร์รีบวิ่งเข้าไปหาป้านวลที่ออกมารอรับทันที น่าหมั่นไส้

"คุณกลาง เป็นไงบ้างคะ ไม่เจอกันนานเลย"

"ไม่สบายเลยครับ ไม่ได้กินของอร่อยๆที่ป้านวลทำ ดูสิ กลางผอมลงไปเยอะเลยเห็นไหม" พร้อมทำท่าออดอ้อนออเซาะ คันเท้าเลยครับ

"โธ่ แล้วจะมาอยู่นานไหมคะ เดี๋ยวป้าจะขุนให้อ้วนกว่าเดิมเลย" ไม่ต้องไปเชื่อมันมากหรอกครับป้า มารยาทั้งนั้น

"ยังไม่แน่ใจเลยครับ รอใหญ่มันตามมาอีกที" นี่มีอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าเนี่ย

"อ่าว คุณใหญ่มาด้วยเหรอคะ"

"ครับ จะตามมาอาทิตย์หน้า กลางทนคิดถึงฝีมือป้านวลไม่ไหวเลยขอกลับมาก่อนน่ะครับ" เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนคงคุยกันอีกนาน ผมเลยเดินแยกขึ้นมาบนห้อง ขอนอนต่อเถอะ



Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr

กำลังจะล้มตัวลงนอน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดซะก่อน ผมมองหน้าจอดูเบอร์โทรเข้า เป็นเบอร์คนตัวเล็กที่ตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่กองถ่าย

"พี่แฟรงค์"

"หืม" ผมล้มตัวลงนอนห่มผ้าเตรียมนอนเต็มที่

"ทำไรอ่ะ"

"กำลังจะนอนต่อ มีอะไรหรือเปล่า"

"เปล่า แค่จะถามว่าพรุ่งนี้ว่างไหม"

"ไม่ได้มีนัดไปไหนนะ ทำไม"

"พรุ่งนี้ผมก็ไม่มีถ่าย" แล้วปลายสายก็เงียบไป

"แล้วยังไงต่อ" ผมเริ่มไล่ไล่ต้อน ตอนนี้ไม่ง่วงแล้วครับ

"ก็ไม่ยังไงหรอก แค่จะบอกว่าพรุ่งนี้ไปร้านมัมนะ แค่นั้นแหละ" จากนั้นก็วางสายไปเลย เอ้า ยังไม่ทันจะรู้เรื่องเลยนะ ผมเลยต้องโทรกลับไป

"กี่โมง" ไม่ทันให้อีกฝ่ายขานรับก็ถามสวนไปก่อนเลย

"อะไรกี่โมง" ส่งเสียงตอบกลับมาแบบ งงๆ

"พรุ่งนี้จะไปร้านเจ็กี่โมง"

"ไม่แน่ใจอ่ะ คืนนี้ไม่รู้จะเลิกกองดึกหรือเปล่าด้วย"

"อ่าว งั้นจะไปทำไมอ่ะ นอนพักอยู่ที่ห้องไม่ดีกว่าเหรอ"

"ก็ไม่เจอมัมนานแล้วไง คิดถึง"

"แล้วเกี่ยวไรกะพี่ล่ะ" ผมสวนทันที

"เออ ก็อยากเจอพี่ด้วยไง พอใจหรือยัง ชิ"

"55555555555555555" ผมหัวเราะลั่นอย่างอารมณืดีที่ทำให้อีกฝ่ายยอมพูดตรงๆ

"ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ ไม่อยากเจอก็ไม่ต้องมา แค่นี้แหละ"

"เดี๋ยวดิ ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ไป คิดมากน่าเราน่ะ"

"ชิ"

"โอเค งั้นเดี๋ยวคืนนี้พี่กลับไปนอนที่คอนโดแล้วกัน"

"อ่าว แล้วตอนนี้อยู่ไหนอ่ะ"

"อยู่บ้านใหญ่"

"เหรอ แต่คิดถึงชัคกี้เหมือนกันนะ"

"จะมาหามันไหมล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พามา"

"เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันพี่ ผมไปถ่ายต่อละ"

"โอเค ตั้งใจทำงานล่ะ"

"ครับผม" แล้วก็วางสายไป อันที่จริงผมไม่ได้เจอคนตัวเล็กมาเกือบๆ 2อาทิตย์แล้วเหมือนกันนะ หลังจากที่วันที่เริ่มถ่ายซีรี่ส์ ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบ 2 เดือนแล้ว ผมย้ายชัคกี้มาอยู่บ้านใหญ่เกือบเดือนแล้วเหมือนกัน ทำให้บัตเตอร์ไม่ได้เจอชัคกี้เลย



ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขัดความคิดผมซะก่อน

"เล็ก นอนหรือยัง" เสียงฟาร์ดังอยู่หน้าห้องสรุปว่าผมจะไม่ได้นอนจริงๆใช่ไหม

"มีไร" ผมเปิดประตูให้อีกคนเข้ามาในห้อง

"ป๊าว" เสียงโคตรมีพิรุธ

"ไม่มีก็ออกไป ง่วงจะนอน" ผมเอ่ยไล่

"เดี๋ยวดิ กะพี่นี่เย็นชาเหลือเกิน ต้องตัวเล็กน่ารักหรือไงถึงจะไม่เย็นชาด้วยน่ะ"

"ต้องการอะไร" ผมเริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว การที่ฟาร์มันพูดแบบนี้แสดงว่ามันต้องรู้อะไรมาไม่มากก็น้อย หึ ตัวอยู่คนละทวีปยังไม่วายมายุ่งเรื่องคนอื่นได้อีกนะ

"อะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ก็แค่อยากคุยกับน้องชายให้หายคิดถึงแค่นั้นเอง"

"ไม่"

"พี่ไม่มีอะไรหรอก แต่ไอ้ใหญ่ไม่แน่" ฟาร์พูดแค่นั้นก่อนจะออกจากห้องผมไป หมายความว่าไงที่บอกว่าพี่ใหญ่ไม่แน่ คืออะไร.....




"หวัดดีพี่" บัตเตอร์ทักขึ้นเมื่อเปิดประตูขึ้นรถมาแล้ว

"หวัดดีครับ ไปร้านเจ็เลยนะ" ผมออกรถทันทีที่เห็นอีกคนคาดเข็มขัดเรียบร้อย

"มัมไม่อยู่อ่ะพี่"

"อ่าว แล้วเอาไงล่ะ อยากไปไหนหรือเปล่า"

"อยากกินแซลม่อน" แล้วก็หันมายิ้มหวานให้

"ร้านเดิมนะ" ผมหมายถึงร้านประจำที่ผมกับบัตเตอร์ไปกินด้วยกันบ่อยๆ ของเขาดีแล้วก็เป็นส่วนตัวด้วย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะร้านปิด ดูท่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดีซะแล้วล่ะ

"โหยยยย อยากกินแซลม่อนนน" คนนั่งข้างโวยวายขึ้นมา

"เอาไงดี" ผมหันไปถามคนนั่งข้างๆ


Rrrrrrrrrrrrrrrrr

ยังไม่ทันได้ข้อสรุปโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นซะก่อน

คุณหญิงมารตี........

"ครับคุณหญิง"

"คุณคนเล็กอยู่ไหนคะ"
"คุณเล็กอยู่แถวXXครับ คุณหญิงมีอะไหรือเปล่า"

"อยู่กับใครหรือเปล่าคะ" หืม หมายความว่าไง

"คุณเล็กอยู่กับบัตเตอร์ครับ" คนตัวเล็กหันมามองเมื่อผมเอ่ยชื่อเขาออกไป

"ดีเลยค่ะ ตอนเที่ยงพาน้องมาทานข้าวด้วยกันสิคะ คุณหญิงอยากเจอ"

"อ่า เดี๋ยวชวนน้องเขาให้นะครับ แต่คุณเล็กไม่รับปากนะ"

"ค่ะ เจอกันที่โรงแรมXXXX นะคะชวนน้องมาให้ได้นะ"

"ครับผม" ผมวางสาย "คุณหญิงชวนไปกินข้าวด้วยกัน ไปไหม"

"ที่ไหนอ่ะ"

"โรงแรมXXXX"

"โห ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งผมที่หน้าคอนโดก่อนก็ได้"

"แต่ที่นั่นแซลม่อนขึ้นชื่อมากเลยนะ ปูนำเข้าจากญี่ปุ่นอีก"

"หงึ ..." ผมเห็นว่าแอบกลืนน้ำลายนะ 555555

"ไปเถอะ คุณหญิงเขาอยากเจอ" สุดท้ายต้องเอาคุณหญิงมาอ้าง

"อ่ะ ไปก็ได้ครับ" พออีกฝ่ายตกลงผมก็ออกรถทันที ระหว่างทางก็โทรนัดกับทางคุณหญิงเรียบร้อย ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงที่นัดหมาย ก็เจอคุณหญิงมารตีกับคุณอภิชาตินั่งรออยู่ก่อนแล้ว

"สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า" บัตเตอร์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เรียกรอยยิ้มจากคุณอภิชาติกับคุณหญิงมารตี

"บัตเตอร์มานั่งข้างคุณแม่นะคะ" พูดเสร็จก็ดึงคนตัวเล็กไปนั่งข้างๆ
พอนั่งกันเรียบร้อยคุณอภิชาติก็เรียกบริกรมาสั่งอาหาร ผมนั่งมองบัตเตอร์ที่ตอนนี้นั่งคุยกับคุณหญิงมารตีอย่างออกรส รอยยิ้มหวานที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักไม่มีทีท่าว่าจะหุบลง บรรยากาศโดยรอบดูสดใสไปหมด

"ไง มองไม่กระพริบตาเลยนะ" ก่อนจะโดนเสียงคนคุ้นเคยขัดขึ้น ผมหันไปมองก็เจอเขากับฟาร์ที่ตอนนี้ดูจะอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน

"อ่าว คุณคนกลาง ทำไมมาช้าจังคะ" คุณหญิงเอ่ยทักคนมาใหม่

"รถติดครับ แต่คุณกลางรีบสุดๆแล้วนะ" พูดเสร็จก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม

"อ่อค่ะ งั้นนั่งลงทานข้าวค่ะ นี่คุณหญิงจะแนะนำคนให้รู้จัก"

"ครับ?"

"นี่ค่ะ น้องบัตเตอร์แฟนคุณคนเล็กค่ะ" จบประโยคผมกับบัตเตอร์ได้แต่นั่งอึ้ง เดี๋ยวนะ ทำไมเข้าใจไปแบบนี้เนี้ย

"คุณหญิงงงง" ผมครวญ

"ทำไมคะ คุณหญิงเข้าใจอะไรผิดเหรอ ก็เห็นคุณคนเล็กพาเข้าบ้านมาเปิดตัว"

"5555555555555555555"เกิดเสียงหัวเราะดังลั่นจากคนหัวโต๊ะกับคนข้างๆ ส่วนคนตัวเล็กที่ตอนนี้หน้าแดง หูแดง สายตาเหวอๆ

"ไม่ใช่นะครับคุณป้า พี่แฟรงค์ ฮือออ อธิบายสิ"

"อ่าว ไม่ใช่เหรอ พ่อเห็นคนเล็กส่งคนไปจัดการเรื่องคดีของน้องอยู่นิ" เอาล่ะครับตอนนี้คุณอภิชาติผสมโรงด้วยแล้ว

"จัดการ จัดการอะไรเหรอครับ" คราวนี้เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงคาดคั้นแทน ผมถึงกับตบหน้าผาก อุตสาห์ไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะ

"ก็คนเล็กเขาให้ลูกน้องไปเคลียกับฝั่งนั้น เพราะเห็นว่ามีเส้นมีสาย พี่เขากลัวว่าคนผิดจะไม่ได้รับโทษเลยจัดการนิดหน่อยน่ะ" ตอนนี้ผมได้แต่นั่งเงียบๆแล้วล่ะครับ

"อย่าโกรธคุณคนเล็กเลยนะคะ ฝ่ายนั้นเล่นมาก่อน ส่วนเราก็แค่จัดการให้มันดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นแค่นั้นค่ะ" คุณหญิงช่วยอธิบายอีกแรง

"ขอบคุณครับ ไม่เห็นต้องทำให้ขนาดนี้แท้ๆ" บัตเตอร์พูดด้วยสีหน้าเกรงใจ

"น้องบัตเป็นแฟนคุณคนเล็กก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวศิลาวัฒนชัยนะคะ เราปกป้องคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ" คือคุณหญิงยังปักใจเชื่อว่าบัตเตอร์เป็นแฟนผมอยู่ใช่ไหมเนี่ย

"แต่...."

"ทานอาหารกันเถอะครับ คุณกลางหิวมากเลย คุณเล็กก็หิวเหมือนกันใช่ไหม?" เสียงฟาร์ขัดขึ้นมาก่อนที่คนตัวเล็กจะเอ่ยอะไรออกมาอีก ประจวบกับอาหารเริ่มเข้าเสริฟพอดี เป็นอันว่าบทสนทนาเมื่อกี้เป็นอันตกไปแล้วหันไปสนใจอาหารตรงหน้าแทน
มื้ออาหารจบไปแต่พวกเราก็พากันมานั่งคุยกันที่ห้องทำงานคุณอภิชาติต่อ เพราะคุณหญิงมารตีอยากอยู่คุยกับคนตัวเล็กต่อ ตอนนี้บัตเตอร์เองก็ดูเหมือนจะลืมๆเรื่องเมื่อตอนมื้อกลางวันไปแล้ว นั่งคุยกันอยู่นานก่อนจะขอตัวกลับเพราะใกล้จะเย็นแล้ว ก่อนกลับคุณหญิงก็เหมือนจะไม่อยากให้กลับจนบัตเตอร์ต้องสัญญาว่าวันหยุดครั้งหน้าจะเข้าไปที่บ้านถึงได้ยอมปล่อยให้กลับ


"พี่แฟรงค์" บัตเตอร์เรียกผมก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องเจ้าตัว

"หืม?"

"ให้คุณแม่เข้าใจผิดแบบนั้นดีแล้วเหรอ" น้องหมายถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันใช่ไหม

"ก็ถ้าเราไม่สบายใจ เดี๋ยวพี่ไปบอกคุณหญิงเองก็ได้"

"ก็....." คนตรงหน้าที่ตอนนี้พูดอ้ำอึ้ง

"ก็อะไร"

"ก็เดี๋ยวพี่พาแฟนจริงๆไปหาท่าน มันจะไม่น่าเกลียดไปหรือไง"

"หึ"

"อะไร"

"คิดมากน่า ตอนนี้เราเองก็ไม่มีใคร พี่เองก็ไม่มีใคร มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่"

"พี่แฟรงค์!!"

"5555"

"หัวเราะอะไร" ตอนนี้น้องมองอย่างหาเรื่องแล้วครับ

"พี่จะบอกไว้อย่างนะ"

"ว่า"

"พี่ไม่เคยพาใครเข้าบ้านนอกจากไอ้ดี้กับไอ้เค เพราะมันสองคนคือเพื่อนของพี่"

"...."

"แต่กับเรา แน่นอนไม่ใช้เพื่อนแน่ๆ" ผมจ้องลึกเข้าไปที่ดวงตาใสที่ตอนนี้มีแววตาหวั่นๆ "แล้วพี่เองก็ไม่ได้อยากมีน้องด้วย"

"พี่.." น้องพูดไม่ทันจบผมก็คว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด

"พี่ทำขนาดนี้ ยังไม่รู้จริงๆเหรอ" เชยคางน้องขึ้นให้เงยมาสบตากัน

"ไม่รู้.. อือ" ผมก้มจูบปากสีชมพูนั้นเบาๆ เน้นย้ำให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความรู้สึก

"พี่น้องกันเขาคงไม่จูบกันแบบนี้ใช่ไหม" ตอนนี้คนในอ้อมกอดได้แต่ซุกอยู่กับอกผม

"งื้ออ"

"หึ บัตเตอร์ครับ" ผมเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมาอีกที "เป็นแฟนกันนะ" ผมได้รับคำตอบเป็นดวงตาใสที่เบิกกว้างอย่างคนตกใจสุดขีด น้องอ้าปากพะงาบๆเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่พูดไม่ออก

"ผม ผม... ฮืออออ"

"555555 ยังไม่ต้องรีบตอบหรอก ดูกันไปก่อนก็ได้ ถึงเวลานั้นพี่จะถามอีกทีนะครับ"

"ก็ ก็ได้ครับ" คนในอ้อมกอดผมตอบรับเบาๆ

"งั้นคืนนี้พี่ไปก่อนนะ" ก้มจูบหน้าผากน้องเบาๆก่อนจะผละออก

"ครับ" ตอบรับทั้งๆที่ยังหน้าแดง ไม่อยากกลับเลยอ่ะ อยู่ต่อได้ไหม







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 15:09:04 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0



Part ฟาร์

ผมนั่งรอน้องชายคนสุดท้องในห้องนั่งเล่นเงียบๆ จอทีวีตรงหน้าก็เปิดไว้แต่ไม่ได้สนใจจะดูเท่าไหร่ ในใจก็นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อกลางวัน เด็กผู้ชายคนนั้น อันที่จริงตัวเขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาหรือไม่พอใจอะไร เพราะเชื่อใจน้องชายด้วยส่วนหนึ่งและแววตาของเด็กคนนั้น แววตาที่ดูซื่อๆไม่น่าจะมีพิษมีภัย รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาทางสีหน้าแววตาเสียหมด ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้คิดถึงคนๆนั้น พอนึกแบบนี้ก็อยากจะถอนหายใจแรงๆสักที

ย้อนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

"มึงจะกลับไทยเมื่อไหร่" จู่ๆไอ้เฟิร์สก็ถามขึ้นขณะนั่งทานมื้อเย็นกัน ไอ้เฟิร์สแก่กว่าผมแค่3ปี เวลาอยู่กันแค่ 2คนก็ตามภาษาผู้ชายมึงๆกู แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนในบ้านหรือในครอบครัวก็ต้องแทนตัวเองด้วยศักดิ์ลำดับการเกิด ผมเป็นลูกคนกลางก็ต้องแทนตัวเองว่ากลาง ไอ้เฟิร์สเป็นพี่ใหญ่ก็ต้องแทนตัวเองว่าใหญ่
"อาทิตย์หน้า มีไร" ผมตอบห้วนๆ
"เปล่าหรอก" มันเองก็ตอบมานิ่งๆ ในบรรดา 3คนพี่น้อง ไอ้เฟิร์สมันจะนิ่งสุดถอดแบบคุณอภิชาติมาเต็มๆ ตามมาด้วยน้องเล็ก ส่วนผมรู้สึกจะร่าเริงแบบคุณหญิงมารตีมากกว่า หึ ถ้าเป็นแบบเดียวกันหมด เวลาอยู่กัน 3คนพี่น้องคงเงียบเป็นป่าช้า
"มึงมีอะไรหรือเปล่า" ตามประสาแหละครับ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด ถึงมันจะนิ่งดูเดาความคิดไม่ออกแต่ก็ใช่จะดูยากอะไร
"กูอยากเจอเด็กคนนั้น"
"บัตเตอร์?" ผมเห็นแววตาวิบวับแปปหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย "มึงจะทำอะไรกันแน่"
"มึงล่วงหน้าไปก่อนเลยแล้วกัน เดี๋ยวกูเคลียงานเสร็จแล้วจะตามไป" พูดจบมันก็ลุกออกไป ผมได้แต่ถอนหายใจ ฟาร์เครียด




"เป็นบ้าอะไร นั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่ได้" เสียงน้องเล็กดังขึ้นเรียกสติผมที่ตอนนี้ยุ่งไปหมด นี่ผมนั่งเครียดจนไม่ได้ยินเสียงรถเลยเหรอเนี่ย
"......" เมื่อเห็นผมไม่ตอบอะไรน้องชายก็เตรียมหันหลังเดินออกไป
"เดี๋ยว!"
"อะไร"
"ขอคุยด้วยหน่อยสิ" ผมเดินออกมาที่สระว่ายน้ำ ยืนรออยู่สักพักน้องเล็กก็เดินตามออกมา
"เรื่องอะไร" ไม่มีอ้อมค้อมตามสไตล์เขาล่ะ
"วันนี้มองไม่เห็นดาวเลยเนอะ"
"ถ้ายังไม่เข้าเรื่องเล็กจะขึ้นห้องแล้วนะ" ไม่มีอารมณ์สุนทรีเลยแหะ
"เรื่องเด็กคนนั้น"
"ใคร?" น้องเล็กทำท่าสงสัย
"....." ผมไม่ตอบ ได้แต่มองหน้าน้องนิ่งๆ
"บัตเตอร์?" ผมพยักหน้าตอบ "ทำไม"
"รู้จักกับน้องมานานหรือยัง"
"ไม่ใช่ว่าตามสืบมาหมดแล้วหรอกเหรอ"
"หึหึ" ผมได้แต่หัวเราะในลำคอ มันก็จริงหรอกนะที่เราจะต้องการรู้ความเป็นไปของน้องของนุ่ง ก็เพราะสืบมาหมดแล้วนี่แหละถึงได้เครียดอยู่แบบนี้ เฮ้อ
"เฮ้อ แล้วตกลงเป็นแฟนกันยัง" เอาเถอะ เดี๋ยวไอ้ใหญ่กลับมาค่อยคิดอีกที
"หึ ยังอ่ะ น้องยังไม่พร้อม"
"พยามเข้าล่ะ พี่อยู่ข้างเล็กเสมอรู้ใช่ไหม"
"ครับ" น้องเล็กตอบมาซะเพราะพริ้งคงเพราะเห็นมาว่าผมไม่ได้เล่นสนุกเหมือนทุกที "แล้วพี่ใหญ่..."
"มันเองก็คิดไม่ต่างจากพี่หรอก มันรักเล็กขนาดไหนไม่รู้เหรอ" ผมยิ้มเสริมเพื่อย้ำสร้างความมั่นใจในคำพูดอีกแรง
"...." น้องเล็กไม่ได้พูดอะไรแต่พยักหน้ารับ ยิ่งเห็นน้องแบบนี้ก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้มีอุปสรรคอะไรมากล้ำกลาย แต่ถ้าจะมีผมนี่แหละที่จะปัดเป่ามันออกไปเอง


ตอนนี้ผมนั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำคนเดียว น้องเล็กขึ้นห้องไปแล้ว กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาขัดเสียก่อน


Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr
 
"BiGBro"

"พรุ่งนี้มารับที่สนามบินด้วย" เดี๋ยวดิ แบบนี้ก็ได้เหรอวะ
"เฮ้ย ไหนมึงบอกจะมาอาทิตย์หน้าไงวะ"
"ทำไมต้องถามวะ บอกให้มารับก็มาสิ"
"คือมึง..."
"พูดมากว่ะ เจอกันพรุ่งนี้" แล้วก็วางสายไป เฮ้ย มาเร็วเคลมเร็วกว่าบางหน่วยงานอีกนะครับ จากตอนแรกคิดว่าจะยืดเวลาไปอีกเกือบอาทิตย์กลายเป็นมาจ่อตูดซะอีก เครียดดด จบเรื่องนี้คงต้องหาหมอปลูกผมชุดใหญ่ซะแล้วสิ เฮ้อออออออ



สนามบินสุวรรณภูมิ

"ว่าแต่กู มึงก็วุ่นวายเหมือนแหละวะ" ผมบ่นกรอกหูไอ้ใหญ่
"มึงมันพูดมาก" มันสวนกลับเสียงนิ่ง เหี้ยมจริง
"เหอะ แล้วจะเข้าบ้านเลยไหม"
"เออ เพลียจะแย่" แล้วมันก็เอนเบาะหลับหน้าตาเฉย คือมึง กูน้องมึงไหมไม่ใช่คนขับรถ ห่าจิก
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ไอ้ใหญ่พอลงจากรถได้ก็ตรงดิ่งขึ้นห้องทันที ไม่เอ่ยทักใครทั้งนั้น นิสัยแย่ว่ะ พี่ใครวะ



"อ่าว คุณคนกลาง ไปไหนมาครับ" เสียงคุณหญิงมารตีดังขึ้นจากทางด้านหลัง เออ ผมยังไม่ได้บอกคุณหญิงเลยนี่หน่าว่าไอ้ใหญ่กลับมา
"ไปรับพี่ใหญ่มาครับ"
"เอ๋! ทำไมไม่บอกกันก่อนคะ แล้วไปไหนแล้วล่ะ" คุณหญิงมองหาไอ้ใหญ่ ที่ตอนนี้เปิดตูดไปแล้ว
"ขึ้นห้องไปแล้วครับ เห็นบอกว่าเพลียๆ"
"อ่อ โอเคค่ะ งั้นวันนี้คุณหญิงลงครัวเองดีกว่า อยู่กันพร้อมหน้า อิอิ" คุณหญิงเดินอารมณ์ดีเข้าครัวไป ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่คนเดียว เป็นลูกคนกลางที่ไม่มีใครสนใจจริงๆสินะ น้ำตาจะไหล
"คุณกลางรบกวนหลบหน่อยค่ะ หนูจะถูพื้น" โฮฮฮฮ เป็นไอ้ฟาร์นิมันน่าน้อยใจจริงๆ ทำไรได้ล่ะครับก็ได้แต่เดินปึงปังขึ้นห้องไป




Part เฟิร์ส

หลังจากที่เดินขึ้นห้องมาผมเองก็ไม่ได้นอนพักอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก ก่อนจะเดินไปหยุดที่หัวตียงหยิบกล่องในลิ้นชักที่ล็อคเก็บอย่างดี ความทรงจำเมื่อครั้งไปอยู่กับคุณยายตอนม.ต้น

"เฟิร์สๆ ออกมาผ่อน้องน้อยนิหลุ" เสียงยายจันทร์ซึ่งเป็นยายแท้ๆของผมดังขึ้น
ผมเดินออกมาตามเสียงเรียก เจอเข้ากับเด็กน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยดูอ้วนตันเป็นตัวการ์ตูนในโฆษณายางรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง พอเห็นหน้าผมเจ้าตัวก็วิ่งเตาะแตะไปหาคุณแม่ตัวเอง ก้มหน้าก้มตาซุกอกคนเป็นแม่ใหญ่ สร้างเสียงหัวเราะกันครื้น
"มาๆ มาไหว้น้าอังเปิ้นหน่อยลูก" ผมยกมือไหว้ตามที่ยายจันทร์บอก "น้าอังเปิ้นไปอยู่เมืองนอกมา ต๋อนนี้ปิ๊กมาอยู่บ้านละ"
"ครับ" ผมตอบรับแต่สายตามองเด็กอ้วนบนตักน้าอังแทน เด็กน้อยพอเห็นว่าผมมองอยู่ก็ยิ่งหมุดอกแม่ตัวเองใหญ่ หึหึ
"เอ้า น้องบัต อายอ้ายเปิ้นก่า" น้าอังพูดแล้วก็พยามแงะน้องออกจากตัวเอง เด็กน้อยเองก็ยิ่งหมุดเหมือนลูกลิงเกาะแม่ไม่ยอมปล่อย
"ไปกินขนมไหม" ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหา เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินว่ากินขนม หึ เด็กอ้วนเอ้ย
"ผ่อเลาะ ได้ยินกำว่าขนมละหูตั้งเลยเน้อ" น้าอังพูดพลางส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ยายจันทร์ถึงกลับหัวเราะ
"ป่ะ" ผมลองยื่นมือออกไปลองใจเด็กอ้วนดู รออยู่พักหนึ่งเจ้าตัวถึงจะค่อยๆยื่นมือมาจับมือผม นั้นคือจุดเริ่มต้นของผมกับเด็กคนนั้น บัตเตอร์




หลังจากวันนั้นเจ้าตัวก็มักจะมาปลุกผมเกือบทุกเช้า บางคืนก็มานอนด้วย พอไม่ให้มาก็งอแงจะเอาผมไปนอนด้วยให้ได้จนน้าอังกับสามีอ่อนใจ ตลอดช่วงปิดเทอมความทรงจำของผมก็จะมีเด็กอ้วนติดเข้ามาด้วย วันที่ผมต้องกลับกรุงเทพเจ้าตัวก็โยเยเกาะผมแจไม่ยอมให้ผมกลับ ใช้ไม้อ่อนไม้แข็งก็ไม่เป็นผล จนผมต้องตัดสินใจย้ายไปเรียนที่เชียงใหม่ตามใจเจ้าเด็กอ้วน พอสมใจเจ้าตัวก็ดีใจใหญ่ จากที่ติดแจอยู่แล้วก็เพิ่มเลเวลขึ้นไปอีกเพราะกลัวผมเปลี่ยนใจกลับกรุงเทพ
ผมไปอยู่กับคุณยายจันทร์ได้เกือบ 5ปีก็ต้องย้ายกลับมากรุงเทพ เพราะคุณยายท่านเสีย คุณหญิงไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว คราวนี้ดีหน่อยที่เด็กอ้วนโตพอจะเข้าใจอะไรๆแล้ว แม้ตอนลากันจะงอแงไม่อยากให้กลับอยู่บ้างก็ตาม




ก๊อกๆ
ผมเลิกเหม่อเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
"คุณใหญ่คะ คุณหญิงเชิญที่ห้องอาหารค่ะ" เสียงแม่บ้านเรียกอยู่หน้าห้อง
"เดี๋ยวลงไปครับ" ผมตอบออกไปพลางเก็บกล่องเข้าที่เดิม ก่อนจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาลงไปที่ห้องอาหาร


"สวัสดีครับคุณอภิชาติ คุณหญิงมารตี" ผมยกมือไหว้คนทั้งคู่ก่อนจะนั่งลงทางด้านขวาของคุณอภิชาติ
"สวัสดีครับพี่ใหญ่" น้องเล็กยกมือไหว้ผมอย่างเคย เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะตอนน้องเล็กยังเด็กผมเองก็ไม่อยู่เชียงใหม่กับยายจันทร์ทำให้บางครั้งระหว่างเรามันก็ออกจะอึดอัดนิดหน่อย
"คุณคนใหญ่กลับมาทำไมไม่บอกคุณหญิงก่อนคะ"
"อยากเซอร์ไพร์น่ะครับ" ผมตอบยิ้มๆ
"ค่า เนี่ยถ้าคุณคนใหญ่กลับมาไวกว่านี้อีกนิดจะได้เจอแฟนคุณคนเล็กแล้วน้า" เสียงคุณหญิงมารตีร่าเริงเหมือนเคย อันที่จริงถ้าบนโต๊ะนี้ไม่มีคุณหญิงกับไอ้กลางโต๊ะอาหารคงเงียบน่าดู
"หืม มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมถามออกไปเหมือนไม่รู้อะไร ไอ้กลางถึงกลับหันมามองหน้า
"ยังไม่ใช่แฟนหรอกครับ เพิ่งรู้จักกันไม่นานนี่เอง" สายตาน้องเล็กบ่งบอกทุกอย่างเวลาพูดถึงใครอีกคน สายตาที่บอกว่ารักว่าห่วงหาขนาดไหน
"แหม่ คุณหญิงอุตสาห์พูดขนาดนั้นแล้วนะคะ คุณคนเล็กนี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ"
"โถ่คุณหญิงครับ มันไม่ได้ง่ายขนาดนะครับ"
ผมมองดูคู่แม่ลูกหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ผมคิดถึงความรู้สึกแบบนี้ ผมว่าคนที่อยู่ไกลบ้านคงเข้าใจ
"เออ แล้วพรุ่งนี้พี่ใหญ่จะไปไหนหรือเปล่า" ไอ้กลางพูดขึ้นเมื่อเห็นผมนั่งเงียบ
"ว่าจะออกไปหาเพื่อนเก่าซะหน่อยน่ะ ทำไมเหรอ"
"อยากได้คนขับรถไหม เดี๋ยวกลางขับให้" หืม ผมว่ามันทำตัวแปลกๆนะ ปกติมันคงไม่มาทำอะไรแบบที่ให้ตัวเองลำบากหรอก ยิ่งเฉพาะกับผมด้วยแล้วเนี่ย
"ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกลางจะเบื่อซะเปล่า" ผมตอบปฏิเสธไป
"ไม่เบื่อๆ เดี๋ยวกลางไปด้วยนะ" แน่นอนแล้วล่ะว่ามีอะไรแอบแฝงแน่ๆ
"อยากขับรถเอง พอจำทางได้อยู่"
"งั้นเดี๋ยวกลางนั่งเป็นเพื่อน ให้กลางไปด้วยนะ" มันยังไม่เลิก
"เอางั้นก็ได้ พอดีไอ้สกายอยากเจอกลางพอดีเลย" ผมเอาชื่อเพื่อนสนิทในกลุ่มขึ้นมาอ้าง ไอ้สกายนี่เป็นเกย์ขนานแท้แล้วก็ชอบแกล้งไอ้กลางที่สุด แกล้งขนาดที่ว่าไอ้กลางกลัวที่จะได้เจอเลยล่ะ
"อ่ะ.. มะ ไม่เป็นไร กลางอยู่บ้านรอพี่ใหญ่ก็ได้ครับ" ผมได้แต่กลั้นขำ เห็นหน้าซีดๆของมันแล้วก็ได้แต่แอบขอโทษอยู่ในใจ
สรุปมื้ออาหารได้จบลงด้วยดี พอเสร็จแล้วก็ย้ายมานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ผมไม่ได้กลับบ้านมาเป็นปี พอมาเจอบรรยากาศแบบนี้โคตรมีความสุข ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง



"ใหญ่ ขอคุยด้วยหน่อยสิ" ไอ้กลางดักหน้าผมก่อนที่ผมจะเข้าห้องตัวเอง
"เข้ามาคุยข้างในสิ" ผมเดินนำมันเข้าห้อง
"ขออะไรอย่างได้ไหม" มันมองหน้าผมด้วยสายตาวิงวอน
"อะไร"
"อย่าทำน้องเล็กเสียใจ กูขอแค่นี้"
"....." ผมไม่ตอบ ไอ้กลางนิ่งอยู่นานกว่ามันจะถอนหายใจแรงๆแล้วเดินออกจากห้องไป
"กูไม่กล้ารับปากจริงๆว่ะ"



Rrrrrrrrrrrrrrrrr

"เหี้ยเฟิร์ส กลับมาไม่บอกกูเลยนะห่า"
"กูเพิ่งมาถึงไหมล่ะ"
"เออๆ พักผ่อนๆเว้ย"
"เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปหาที่ร้าน"
"เออ เดี๋ยวเจ๊อ้อมคนนี้จะเลี้ยงน้องเฟิร์สเองนะจ๊ะ"
"หึหึ"




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 15:09:52 โดย sweetbutter »

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #24 เมื่อ16-06-2018 18:28:35 »

 :pig4:

ออฟไลน์ กฤตย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #25 เมื่อ20-06-2018 14:34:15 »

 :z1: :z1: :z1มาต่อไวๆนะครับ

ออฟไลน์ Merai_View Ha Bin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #26 เมื่อ25-06-2018 00:06:03 »

รอค่าาาา

... เพิ่มชื่อตอนหรือบทได้มั้ยอ่ะคะ จะได้ไม่ตาลายและหาตอนใหม่ได้ง่ายหน่อยอ่ะค่ะ แฮ่

ออฟไลน์ sweetbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0


Part เฟิร์ส


"ร้านเอิงลอดูว์ยินดีต้อนรับครับ" ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปที่ร้านก็ได้ยินเสียงใสเอ่ยทักทายขึ้นมาทั้งๆที่ยังก้มหน้าเช็ดโต๊ะอย่างขันแข็งอยู่

"......" ผมไม่ได้ตอบรับอะไรได้แต่ยืนมองคนตรงหน้าเงียบ จนคนตัวเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมาดูเมื่อเห็นคนที่เข้ามาเงียบไป

"เชิญนั่งก่อนเลยครับพอดีเจ้าของร้านออกไปคุยโทรศัพท์แปปเดียวเดี๋ยวเข้ามาครับ" พูดจบก็ยิ้มหวานให้อีก1ที หึหึ ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆสินะ

ผมเดินไปนั่งโต๊ะใกล้ๆเคาน์เตอร์มองไปรอบๆร้านไม่เจาะจงตรงไหนเป็นพิเศษ นึกนับถือความบ้าของเพื่อนสนิทเหมือนกัน เห็นบ้าๆบอๆสมัยเรียนจะจัดร้านออกมาสวยขนาดนี้ ตอนเลือกเรียนมหาลัยก็ลงคณะครุศาสตรคิดว่าคงเป็นครูอยู่ที่ไหนสักที่เสียอีก พอเรียนจบเจ้าตัวกลับเบนเข็มไปทำงานด้านอื่นซะงั้น จนมาจบที่ร้านนี้นี่แหละ

รออยู่พักใหญ่เจ้าของร้านก็เดินหน้ายุ่งกลับเข้ามา ใครขัดใจอะไรอีกล่ะ

"อ่าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" อ้อมทักขึ้นเมื่อเห็นว่าผมนั่งรออยู่

"สักพักแล้วล่ะ"

"เออๆ กินน้ำไรไหมเดี๋ยวกูทำให้" พูดจบก็เดินไปรอที่เคาน์เตอร์ "อ่ะๆ ถ้าให้มึงสั่งคงไม่พ้นกาแฟ เดี๋ยวกูถามผู้ช่วยก่อน บัตเตอร์" เจ้าตัวพูดรัวเร็วก่อนจะหันไปคุยเด็กน้อยข้างตัว

"ครับ" เสียงใสตอบรับ

"บัตเตอร์ดูหน้าไอ้นั่นนะ แล้วบอกมัมมาว่ามันเหมาะกับเครื่องดื่มแบบไหน" พูดไม่พอยังชี้นิ้วให้คนข้างตัวดูอีก

"อืมมมม "

"ยกเว้นกาแฟนะ มันกินทั้งชีวิตมันละ" ผมมองดูคนตัวเล็กที่ทำท่าทางคิดหนัก

"เออ ลองชาเลมอนโซดาดูไม่ครับ"

"แน่ะ เมนูโปรดใครหว่า" อ้อมเอ่ยหยอก

"ใคร เมนูโปรดน้องเหอะ" เจ้าตัวปฏิเสธหน้าแดง

"จ้าๆ เออ จริงสิ ลืมแนะนำ บัตเตอร์ นี่เพื่อนมัม ชื่อเฟิร์ต พี่ชายคนโตไอ้แฟรงค์มัน"

"อ่า สวัสดีครับ" คนตัวเล็กยกมือไหว้อย่างนอบน้อม กริยาน่ารักไม่ต่างจากตอนเด็กๆ

"แล้วนี่ บัตเตอร์ แฟนน้องชายคนเล็กมึงอ่ะ"

"มัม!!" คนตัวเล็กทำท่าตกใจ รู้สึกหน้าตึงหน่อยๆแหะ

"อะไร มัมพูดอะไรผิดหรือไง" อีกฝ่ายทำท่าไม่ได้รู้สึกผิดอะไร

"ไม่ใช่แฟนสักหน่อย วู้" ปฏิเสธทั้งๆที่หน้าแดงๆ ก้มหน้าทำนู้นนี่โดยไม่สนเสียงหัวเราะของเพื่อนสนิทผมสักนิด

"จ้า ไม่ใช่ก็ไม่ใช่  เออ เลมอนโซดาแล้วกันนะมึง" พูดเสร็จก็หันไปชงเครื่องดื่มให้ผมต่อ ชักไม่อย่างกินแล้วสิ "แล้วน้องชายมึงอ่ะ"

"คนไหนล่ะ" ผมถามกลับไป

"บัตเตอร์ ไอ้แฟรงค์ไปไหนนะ" อ้อมหันไปถามคนข้างกายที่ตอนนี้กดมือถือรัวๆ

"เรียนครับ แต่ไม่ยอมเรียน อ่ะ!" บัตเตอร์หน้าเหวอเมื่อเจอเพื่อนสนิทผมหลอกถาม "มัมอ่ะ"

" 5555 โอเคๆ ไม่แกล้งละ 5555555" อ้อมยอมลามือเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้ายู่ใส่

"แล้วนี่มึงจะอยู่เมืองไทยนานไหมเนี่ย" ได้ฤกษ์หันมาสนใจผมสักทีนะ ก่อนจะมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน

"ก็คงสักพักอ่ะ มาให้คุ้ม คงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกนาน"

"ทำไมวะ"

"บริษัทกำลังขยายไปทางอเมริกา เจ้าเล็กจบแล้วก็คงต้องตามไปช่วยทางนู้นก่อน" พอมีชื่อน้องชายผมก็เรียกความสนใจจากคนตัวเล็กได้ทันที

"อ่าว ไม่รอให้มันจบโทก่อนเหรอวะ"

"ที่นู้นก็เรียนได้ สะดวกดีด้วย"

"เออเว้ย คนบ้านนี้ จบแล้วส่งออกนอกหมด เฮ้อ" อ้อมถอนหายใจใส่อย่างเซ็งๆ

"หึ" ผมได้แต่หัวเราะในลำคอ "มันคือหน้าที่ มึงก็รู้" ผมได้แต่นั่งคนน้ำในแก้ว อันที่จริงมันก็ไม่เชิงจะเป็นหน้าที่หรอกครับ แต่เพราะคุณอภิชาติ กับคุณหญิงมารตีไม่เคยบังคับหรือกำหนดชีวิตพวกเราพี่น้อง ทางกลับกันให้อิสระพวกเราตัดสินใจเองตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยถึงไม่บังคับแต่ก็ต้องอยู่ในสายตาเสมอ ก็คงเพราะแบบนี้การได้ช่วยแบ่งเบาพวกท่านก็ถือว่าคือสิ่งที่พวกเราได้ตอบแทนพระคุณแล้ว

"เออๆ แล้ววันนี้จะไปไหนต่อหรือเปล่า"

"ไม่อ่ะ มาหามึงโดยเฉพาะเลย"

"โห้ ที่รัก ทำไมน่ารักขนาดนี้ คิดถึงเค้ามากเลยสินะ" อ้อมทำท่าจะเข้ามาหยิกแก้ม ผมเลยเขยิบออกห่างทันที

"ขนลุก โอ้ยย" พูดจบก็โดนทุบที่แขนไปหนึ่งที โห่ นี่ผู้หญิงจริงป่ะเนี่ย ถ้าใช่ก็เป็นผู้หญิงยุคเมโสโปเตเมีย ล้มเสือได้ด้วยมือเปล่าแน่ๆ

"ปากเสีย เดี๋ยวกูตบให้อีกที" ไม้วายยกมือขึ้นมาขู่อีกที

"คิกคิก" เสียงหัวเราะดังขึ้นเรียกความสนใจ

"หัวเราะอะไรเนี่ย"

"มัมกับพี่เฟิร์ตสนิทกันจริงๆนะครับ"

"เหอะ ไม่ได้อยากสนิทหรอก ก็ตั้งแต่เข้าโรงเรียนก็เจอแต่หน้ามันเนี่ย"

"โห้ นานเหมือนกันนะครับ"

"อันที่จริงมีช่วงที่ห่างตอนมันไปอยู่กับคุณยายที่เชียงใหม่แหละ เออ บ้านคุณยายมึงอยู่ไหนนะเฟิร์ต"

"แถวๆxxx"

"อ่ะ แถวบ้านผมนิ" หึ จะจำได้หรือยังนะ "ขอโทษนะครับ คุณยายพี่เฟิร์ตชื่ออะไรเหรอครับ"

"ยายจันทร์ครับ คุณยายจันทร์ เศษฐเจริญชัย" ผมยิ้มกว้าง

"พี่ใหญ่!!!" บัตเตอร์ตาโตก่อนจะโผเข้ามากอดผม "คิดถึงจังครับ"

"หึ ตอนแรกจำกันไม่ได้แท้ๆ" ผมรับคนตัวเล็กเข้าอ้อมกอด ความโหยหาตลอดเวลาหลายปีของผมบรรเทาลงอย่างไม่น่าเชื่อ คิดถึง คิดถึงมากจริงๆ

"ฮือออ หายไปไหนมาทำไมไม่ติดต่อน้องเลย" บัตเตอร์งอแงใหญ่

"ขอโทษครับ ยกโทษให้พี่ใหญ่นะ" ผมผละออกมาลูบหัวเช็ดน้ำตาคนตรงหน้า

"ฮือออออออออ" บัตเตอร์ยังงอแงไม่เลิก ก้มหน้าเอาหัวมุดอกผมอยู่แบบนั้น

"เดี๋ยวนะ นี่มันเรื่องไรเนี้ย" สีหน้าอ้อมสงสัยอย่างมาก "อย่าบอกนะว่า.."

"เออ นี่แหละ รักแรกของกู"

"พี่ใหญ่ / ไอ้ใหญ่ !! "



ตอนนี้เราทั้ง 4 คนนั่งมองหน้ากันไปมา ส่วนเจ๊ขอตัวไปชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าก่อน

"หมายความว่าไงครับ" ผมเปิดบทสนทนาขึ้นก่อน เมื่อเห็นส่าพี่ใหญ่ไม่คิดจะเอ่ยอะไรออกมา

"ก็ตามนั้น" พี่เขาตอบด้วยท่าทางเฉยชา แต่แววตากลับสะท้อนความจริงทุกอย่างออกมา สายตาที่มุ่งมั่นและไม่มีแววโกหกเลยสักนิดเดียว

"ไม่ตลกนะเว้ยไอ้ใหญ่"

"กูก็ไม่ได้ตลกนิ" ท่าทางเฉยชาไม่มีเปลี่ยน ตอนนี้ในหัวผมตีกันวุ่นวายไปหมด คนหนึ่งก็พี่ชาย อีกคนก็คนที่ชอบ

"พี่ใหญ่ อย่าแกล้งพี่ๆเขาสิครับ" บัตเตอร์นั่งเขย่าแขนคนข้างตัวจนตัวเกือบโยกตาม

"......." แต่พี่ใหญ่ก็ไม่ได้ตอบอะไร ไม่มีท่าทีปฏิเสธอะไรเลยด้วยซ้ำ บัตเตอร์ได้แต่ส่งสายตาสั่นไหวมาให้

"กูไม่สนหรอกนะว่าน้องจะเป็นรักแรกหรือรักที่เท่าไหร่ของมึง แต่ตอนนี้น้องมันเป็นแฟนไอ้เล็ก ซึ่งมึงไม่มีสิทธิมายุ่ง" พี่กลางเริ่มขึ้นเสียง ตอนนี้สถานะการณ์เริ่มตึงเครียด

"แน่ใจว่าเป็นแฟน?" ถึงตรงนี้ผมก็พูดไม่ออก มันคือเรื่องจริงที่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน

"น้องกับพี่แฟรงค์เป็นแฟนกันครับ" จู่ๆเสียงใสก็ดังขัดขึ้นมา

"บัตเตอร์ / น้อง"

"จริงๆครับ " น้ำเสียงหนักแน่นมาพร้อมสายตาแน่วแน่ ผมยิ้มกว้าง

"ทั้งๆที่พี่มาก่อนน่ะนะ"

"ขอโทษครับ แต่น้องกับพี่แฟรงค์รักกันจริงๆ"

"พี่ไม่ยอมหรอกนะ"

"ขอโทษครับพี่ใหญ่ เรื่องนี้ผมขอไม่ยอมเหมือนกันครับ" ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าไปจับมือคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนตาม

"..........."

"มึงเห็นแล้วนะไอ้ใหญ่ แต่ถ้ามึงยังดันทุลัง กูเองก็จะไม่ยอมให้มึงทำอะไรน้องมันแน่นอน" พี่กลางกลางสนับสนุนผมเต็มที่

"เฮ้ออออออ นี่กูแพ้จริงๆแล้วใช่ไหม"

"มึงไม่ได้แพ้เฟิร์ส แค่มึงไม่ได้เป็นผู้เข้าแข่งขันตั้งแต่แรกแล้ว" เจ๊ที่หายไปนานเอ่ยขึ้นมา "เพราะน้องมันไม่ได้มองมึงหรือไอ้แฟรงค์เป็นคู่แข่งกันตั้งแต่แรกไหม"

"กับพี่ใหญ่ พี่เป็นพี่ชายที่น้องรักที่สุดเสมอครับ" ตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานอย่างที่ชอบทำเสมอ
"โอเคๆ จบละเนอะ" พี่กลางย้ายไปนั่งข้างพี่ใหญ่โดยมีเจ๊นั่งขนาบอีกข้าง บรรยากาศเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง



Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

"ครับคุณหญิง" พี่ใหญ่รับโทรศัพท์

"สำเร็จไหมคะ" เสียงดังลอดผ่านโทรศัพท์ออกมา หืม

"เรียบร้อยแล้วครับ คราวนี้ยืนยันจากปากน้องเองเลย" พี่ใหญ่ตอบกลับปลายสายด้วยสายตาพราวระยับ

"ดีมากค่ะ เย็นนี้อย่าลืมชวนน้องมาทานข้าวที่บ้านนะคะ"

"ครับ" จากนั้นพี่ใหญ่ก็วางสายไป ท่ามกลางสายตาทุกคนที่มองอย่างสงสัย

"คุณหญิงโทรมา?" แล้วก็เป็นพี่กลางที่ถามแทนทุกคน

"อืม"

"แล้วอะไรคือสำเร็จไหม ตกลงมันเรื่องไรกันเนี้ย"

"ไม่ต้องยุ่งหรอกน่า พูดมากกูโทรตามไอ้สกายมาดีกว่า คิดถึงมันชะมัด"

"มึง นี่น้องไง น้องที่คลานตามมึงออกมาอ่ะ"

"5555555555555555"





.................................................................................
เป็นคนคิดชื่อตอนไม่เป็นค่ะ นึกไม่ออกว่าจะตั้งยังไง ขนาดชื่อเรื่องยังคิดได้แบบนี้เลยค่ะ 55555555555
ขอบคุณที่ติดตาม ที่เข้ามาอ่านนะคะ / กราบ :mew1:




ออฟไลน์ กฤตย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: มัดใจนายซุป'ตาร์ (Y)
«ตอบ #28 เมื่อ02-07-2018 15:55:53 »

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: มาต่อไวๆนะครับ รบกวนใส่ตอนด้านบนด้วยนะครับ ไม่รู้มาอัฟตอนไหนเลย

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด