หลังจากวางสายจากเพื่อนสนิท อีธานก็เอาแต่หมุนโทรศัพท์ในมือและมองออกไปข้างนอกด้วยกริยาครุ่นคิด ซึ่งต้องยอมรับว่าเขากำลังพยายามหาทางแยกม่านเมฆกับเพื่อนของเขาออกจากกัน
การมาของไคลน์จะส่งผลกระทบต่อแผนการของเขาอย่างยิ่งยวด ผู้ชายคนนี้จะทำให้ม่านเมฆถอดใจและถอนตัวจากเกมจิตวิทยาที่เขาเริ่มต้นขึ้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้ เขาไม่ได้ทนวางแผนและเสี่ยงทุกอย่างมาเป็นเวลานานเพื่อมาค้นพบกับความพ่ายแพ้!
เขามาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ...และจะไม่มีวันทำอย่างนั้น!
ม่านเมฆจะเป็นกุญแจไขไปสู่การแก้แค้นของเขาอย่างเต็มรูปแบบ อีกฝ่ายคือหมากสำคัญที่เขาจะสูญเสียไปไม่ได้ มิฉะนั้นทุกอย่างที่เขาทนสร้างมาตลอดห้าปีที่ผ่านมาจะสูญสลายไปในพริบตา
แค่คิดว่าจะต้องเสียมันไปเขาก็ทรมานเสียยิ่งกว่าคิดถึงความตายเสียอีก!
เสียงประตูที่ดังขัดภวังค์ความคิดของเขา ดึงให้อีธานหันไปมองทางต้นเสียง ก็เห็นว่าเชสเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าร้อนรน
“เจ้านายครับ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายเจือไปด้วยแววร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
มาเฟียหนุ่มมองลูกน้องคนสนิทด้วยสีหน้าราวกับจะถาม “ว่าไงเชส"
“คนของเราโทรมารายงานด่วนครับว่าตอนนี้เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทกำลังมีปัญหาอีกแล้ว"
“หือ?”
เชสถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิด
“ก่อนหน้านี้มีคนยิงโค้ดใส่เว็บไซต์ของเราเยอะมาก และก่อนที่จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ของเราล่ม ฝ่ายนั้นได้แฮกยึดเว็บไซต์ของเราไปเรียบร้อยแล้วด้วยครับ และไอ้คนแฮกก็ฝากข้อความไว้หราหน้าเว็บไซต์เลยครับ ซึ่งผมเกรงว่านั่นอาจจะทำให้สามารถ...”
อีธานขัดขึ้น ไม่รอฟังเชสรายงานจนจบ “แล้วข้อความที่ฝากไว้เขียนมาว่าไง”
เชสถอนหายใจยาว ก่อนจะส่งแท็ปเล็ตที่เขาเปิดหน้าเว็บไซต์ของบริษัทให้แก่ผู้เป็นเจ้านาย
“นี่ครับ...”
‘ถึง Dragon
ผมกำลังรอคุณอยู่นะ...คุณรู้ว่าจะหาผมได้จากที่ไหน
ถ้าไม่อยากให้ผมเจาะระบบเข้าไปลึกมากกว่านี้...คุณควรจะมาหาผมภายในครึ่งชั่วโมงนับจากนี้
จาก Mars’
อ่านข้อความนั้นจบแล้วอีธานก็ได้แต่กลอกตาอย่างพยายามระงับอารมณ์ จริงๆ เขาควรรู้ด้วยซ้ำโดยไม่ต้องดูเลยว่านี่มันเป็นฝีมือใคร!
“ม่านเมฆ!”
เขากัดฟันเอ่ยชื่อตัวปัญหาออกมาแผ่วเบา ทว่ามันก็ไม่ได้เบามากพอ เพราะว่าเชสได้ยิน และนั่นก็ทำให้ผู้เป็นลูกน้องถามเขาออกมาว่า
“ฝีมือคุณม่านเมฆเหรอครับ?”
“ใช่…” อีธานตอบรับอย่างง่ายได้
“อ้าว” คราวนี่้เชสอุทานออกมาด้วยความงุนงง
“เตรียมรถซะเชส ฉันจะไปเคลียร์เรื่องนี้เอง” มาเฟียหนุ่มสั่งและลุกขึ้นยืน เป็นการบ่งบอกว่าเขาจะออกไป...เดี๋ยวนี้!
****
เสียงกระแทกปิดประตูดังลอดเข้ามาถึงห้องที่เขากำลังสนุกกับการเล่นกับลูกชายสุดที่รัก เสียงปิดประตูนั่นก็บ่งบอกได้แล้วว่าผู้มาเยือนคงจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นม่านเมฆกลับยิ้มอย่างชอบใจ
เพราะเขากำลังรอการมาของพายุลูกนี้อยู่น่ะสิ!
และสิ้นความคิดนั้น ประตูห้องนอนของเขาก็เปิดออกอย่างรุนแรง และผู้ชายคนนั้นก็โผล่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับตะโกนใส่หน้าเขาอย่างฉุนเฉียว
“คุณทำบ้าอะไรของคุณ...ม่านเมฆ!”
“อย่าตะโกนสิ” ม่านเมฆหัวเราะในใจอย่างลิงโลด ได้ผลจริงๆ ด้วยที่จะล่ออีธาน เฉินให้มาพบหน้าเขาได้ด้วยวิธีนี้ รู้อย่างนี้เขาน่าจะใช้มันตั้งแต่แรก ไม่น่ายอมสละเวลานอนกลางวันไปวิ่งไล่ตามหมอนี่เลย!
“นี่!” มาเฟียหนุ่มถลึงตาดุใส่เขาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านสักนิดกับสิ่งที่เขาทำลงไปก่อนหน้านี้ “อย่ามานั่งใจเย็นนะ เลิกเล่นบ้าๆ เสียที"
“แล้วยังไงล่ะ” ม่านเมฆย้อนกลับพลางยักไหล่อย่างไม่สนใจ
อีธานถอนหายใจยาว ม่านเมฆในมาดนี้มันเดาได้ไม่ยากหรอกว่าเขาต้องการอะไร แต่มันกลับก่อกวนอารมณ์โมโหของเขาสิ้นดี!
มาเฟียหนุ่มปิดเปลือกตาแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มองชายหนุ่มที่ตอนนี้จ้องมองเขานิ่ง ไม่มีอารมณ์จะรับมือกับความก่อกวนอีกต่อไปแล้ว
“คุณต้องการอะไรกันแน่...ม่านเมฆ"
“คุณต้องกลับไปเมืองไทยกับผม” นั่นเป็นจุดประสงค์เดียวที่ทำให้ม่านเมฆมาที่นี่ มายืนอยู่ตรงนี้ โอเค จริงๆ ก็มีเรื่องของบิดาเขาด้วยนิดหน่อย แต่ก็ไม่มากไปกว่าการจับตัวเขาส่งให้แก่พันธิตหรอก
“หึ” อีธานส่งเสียงหยันในลำคอ เป็นกริยาที่บ่งบอกชัดว่าไม่มีทางเป็นไปตามที่เขาต้องการ
“ถ้าไม่ยอม” ม่านเมฆเอ่ยเสียงเรียบ “ผมก็จะยิงโค้ดใส่เว็บคุณเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ แล้วคุณก็น่าจะรู้นะว่าถ้าผมโมโหมากๆ ผมจะเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ใหญ่ของไตรแอด แล้วผมก็จะ...” ชายหนุ่มเริ่มขู่เขาเรื่อยๆ ซึ่งอีธานได้แต่นึกเจ็บใจ เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มทำได้จริง ซึ่งเขาก็ได้แต่โทษพวกกรรมการนั่นแหละ ที่คิดอะไรโง่ๆ ด้วยการเอาเซิร์ฟเวอร์ทุกอย่างรวมกัน โอเค รู้อยู่ว่าพวกนั้นระแวงเขาถึงได้ยอมเสี่ยงเอาเครือข่ายมาตรวจสอบเขาอีกทางหนึ่ง และคิดแต่ว่าเครือข่ายตัวเองแข็งแกร่งไม่มีใครเจาะระบบเข้าไปได้ ซึ่งพวกเขาคิดผิด เพราะคนทำได้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วในเวลานี้!
“พอได้แล้ว” อีธานบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน คราวนี้ม่านเมฆคลี่ยิ้มหยัน
“โอเค เรามาเจรจากันที่นี่ก็ได้"
“...”
“ผมจะรอคุณพร้อมเจรจานะมิสเตอร์เฉิน แล้วในระหว่างนั้นผมก็จะ...”
“ไม่ต้องคิดจะทำอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ!” อีธานขัดเสียงเข้มเพราะเดาได้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกับเว็บไซต์และเซิร์ฟเวอร์ของเขา “ถ้าคุณกล้าทำ ผมจะบอกเพื่อนคุณว่าคุณอยู่ที่ไหน!”
จบคำพูดของเขา ม่านเมฆก็รีบกระโจนตามคนที่หมุนกายเดินหนีออกไปจากห้องนอนของเขาทันที ทว่าอีธานกลับไม่หยุดเดินเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ากำลังจะเอาคืนที่เขาแกล้งเขาก่อน
“ว่าไงนะ! เฮ้ นี่! เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งเดินหนีนะ นี่!”
*****
“คุณบอกว่าคุณเจอเพื่อนผมงั้นเหรอ!”
ม่านเมฆตะโกนเสียงดังลั่น หลังจากที่อีธาน เฉินยอมบอกเขาเรื่อง ‘เพื่อน’ ที่เพิ่งพูดถึงก่อนหน้านี้
ตอนนี้เขากำลังใจสั่น โอเค ยอมรับเลยว่าใจสั่นมากที่ได้ยินว่ามีเพื่อนของเขาอยู่ที่นี่ ไอ้บ้าคนไหนตามมาถึงที่นี่ แถมยังเสี่ยงโง่ๆ ด้วยการไปตามหาตัวเขากับอีธาน เฉิน!
“ใช่สิ” อีธานนยอมรับตามตรง
“ใคร?” ม่านเมฆถาม จ้องเขาอย่างคาดคั้น
“ก็เดาดูสิ...”
“พี่เหมเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจเท่าใดนัก
“หึ…” อีธานไม่ตอบ ทำเพียงส่งเสียงหยันในลำคอเท่านั้น
แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ม่านเมฆกระวนกระวายอยากรู้มากยิ่งขึ้น
“นี่” ชายหนุ่มเซ้าซี้ถาม “หรือเป็นไอ้บ้าไคลน์ นี่คุณ! ตอบคำถามผมมาเดี๋ยวนี้นะ”
“ทำไมผมต้องตอบคุณด้วย” เขาถามตรงๆ จ้องมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย
“คุณต้องตอบคำถามผม!”
ม่านเมฆเอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธที่พยายามจะระงับ
“งั้นคุณมีอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน”
อีธานเสนอทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยเสียเปรียบใครมาก่อน นั่นทำให้จากที่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบกลับกลายต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแทนเสียอย่างนั้น
ชายหนุ่มจ้องมองอีธานด้วยสายตาเป็นคำถามว่าเขาต้องการอะไร
“เอาคอมพิวเตอร์ของคุณมาให้ผม”
ม่านเมฆปฏิเสธทันควัน “ไม่!”
“ถ้างั้นผมก็จะ...” เขาพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ท่าทีเรียบเฉยของเขานี่แหละที่ทำให้ม่านเมฆต้องรีบเปลี่ยนใจ เพราะเขากลัวอีกฝ่ายจะทำอะไรเพื่อนเขา
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยวๆๆ” ชายหนุ่มเอ่ยร้องห้ามเสียงดังลั่น เมื่อมาเฟียหนุ่มกำลังจะลุกขึ้นยืน
อีธานหันไปทางชายหนุ่ม แล้วสั่งเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมไม่รับเจรจาเรื่องอื่น เอาคอมของคุณมาให้ผมเดี๋ยวนี้”
“คุณจะเอาไอ้จ๊าบไปจากผมจริงๆ เหรอ” เขามองเขาตาปรอย โอย…จะบ้าตายจริงๆ เขากับลูกชายของเขาไม่เคยห่างกันมาก่อน เขาไปไหนก็เอามันไปด้วย แต่อีธานกลับจะยึดลูกชายเขาไป
เขาต้องขาดใจตายแน่ๆ เลย!
สีหน้าแหยเกของเขาคงจะทำให้อีธานรู้สึกแปลกใจ มาเฟียหนุ่มมองเขาราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วถามเขาด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่นักออกมา “คุณติดคอมมากเลยหรือไง"
“นั่นชีวิตผมเลยนะ” ชายหนุ่มสารภาพออกมาตามตรง ตอนนี้แค่รู้ว่าเขากับลูกชายสุดที่รักจะแยกจากกันก็ทำใจไม่ได้เสียแล้ว
ของอย่างอื่นเขาไม่เคยยึดติดเลย ทว่ามีเพียงคอมพิวเตอร์...มีเพียงของสิ่งนี้เท่านั้นที่เขารู้สึกว่าห่างกันไม่ได้เอาเสียเลย
อีธานกระตุกยิ้มมุมปาก ไม่คิดว่าจะได้รู้ความลับเล็กๆ ของชายหนุ่ม “แต่ไม่ใช่ชีวิตของผม ฉะนั้นไปเอามา” ชายหนุ่มบอกเขาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเยือกเย็น แต่กลับกระทบใจของม่านเมฆอย่างแรงจนเขาแทบจะซวนเซ
“มิสเตอร์เฉิน!”
คนติดคอมพิวเตอร์ได้แต่ถลึงตาใส่อีธานอย่างโกรธเคือง
“เลือกเอา” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ระหว่างคอมพิวเตอร์กับเพื่อนของคุณ”
ม่านเมฆปิดเปลือกตาแน่น ถอนหายใจยาว และเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าของคนจำนนต่อทุกสิ่ง ซึ่งน้อยครั้งนักที่เขาจะรู้สึกเหมือนสิ้นท่าเช่นนี้
“ตกลงๆ ผมจะไปหยิบมาให้...” ชายหนุ่มเอ่ย รู้สึกเหมือนน้ำตาตกในอย่างไรชอบกล เป็นอารมณ์แปลกใหม่ที่เขาไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน เขาชักอยากจะร้องไห้อย่างไรก็ไม่รู้
“ไม่” อีธานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เพราะกลัวว่าม่านเมฆจะเล่นแง่ตุกติกอะไรอีก “เดินนำไป ผมจะไปหยิบเอามาพร้อมกับคุณ"
“นี่” ชายหนุ่มถลึงตาดุใส่เขา “จะขี้ระแวงไปไหน ยังไงห้องมันก็มีแค่นี้ ผมไม่หนีหายไปไหนหรอก"
“ผมไม่ได้กลัวคุณหนี แต่ผมแค่ไม่ไว้ใจคุณ”
ชายหนุ่มบอกถามตรง ขณะที่ม่านเมฆได้แต่ถลึงตาดุใส่เขาอีกครั้งด้วยความโกรธเคือง
******
เมื่อม่านเมฆส่งคอมพิวเตอร์สุดที่รักของเขาใส่มืออีกฝ่ายด้วยอาการอาลัยอาวรณ์อย่างสุดหัวใจเรียบร้อยแล้ว อีธานก็จับแม็คบุ๊คของเขาพลิกไปพลิกมาแล้วไม่พูดอะไร จนเขาต้องเอ่ยกระตุ้น
“ทีนี้ตอบคำถามเรื่องเพื่อนของผมได้หรือยัง”
อีธานมองเขานิ่ง ก่อนจะเริ่มตอบคำถามอย่างไม่โยกโย้อีกต่อไป
“เพื่อนของคุณมาหาผมเมื่อเช้า เห็นแนะนำตัวเองว่าชื่อไคลน์"
“ไคลน์งั้นเหรอ แล้วหมอนั่นมากับใคร?” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย
“มาคนเดียวสิ"
“หมอนั่นมาหาคุณทำไม”
“มาตามหาคุณไง” เขาตอบเสียงนิ่งๆ แต่ฟังแล้วกวนอารมณ์คนฟังเป็นที่สุด
ม่านเมฆพยายามจะไม่สนใจว่ามาเฟียหนุ่มกำลังก่อกวนอารมณ์ของเขา หรือไม่ก็พยายามเบี่ยงเบนไม่ให้เขาสนใจไคลน์ ชายหนุ่มรีบถามกลับ
“แล้วคุณตอบไปว่ายังไง”
“ผมไม่รู้” เขาตอบ ก่อนจะคลี่ยิ้มหยัน ม่านเมฆได้แต่ถลึงตาใส่คนโกหกหน้าตาเฉยตรงหน้า ถ้าอีธาน เฉินไม่รู้ ทั้งโลกใบนี้ก็คงไม่รู้แล้วล่ะว่าเขาไปอยู่ที่ไหน!
“หรือจะให้ผมบอกว่าเขาอยู่กับผมล่ะ” คราวนี้มาเฟียหนุ่มย้อนถามกลับบ้าง และเป็นคำตอบที่ทำให้เขาสะอึกพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว ทำได้แต่ถอนหายใจยาว ก่อนจะบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่พยายามอย่างยิ่งจะให้ฟังเรียบเฉย
“ไม่ต้อง งั้นรบกวนคุณเลยว่าห้ามบอกหมอนั่นเด็ดขาดว่าเจอผม”
คราวนี้เขามองเขาด้วยสุ้มเสียงติดจะขอร้อง อีธานเลิกคิ้วสูง มองชายหนุ่มอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไมคุณถึงไม่อยากให้เพื่อนช่วย เพราะถ้าไคลน์ช่วยคุณ...เขาน่าจะหาวิธีเอาตัวผมไปไทยได้ง่ายกว่าคุณลงมือทำคนเดียว” เขาถามอย่างสงสัยทว่าม่านเมฆส่ายหน้า
“นี่เป็นเรื่องของผม เป็นความผิดของผม ผมไม่ต้องการให้ใครมาเดือดร้อนแทน!”
“ก็ดี...ความเห็นเราตรงกันอย่างนี้ ผมก็จะช่วยกันเพื่อนของคุณให้เอง เพราะผมก็ยังไม่อยากให้คุณกลับไปตอนนี้เหมือนกัน”
อีธานตอบตกลงอย่างง่ายดาย ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขา ถ้าม่านเมฆไม่อยากจะกลับไปคนที่ได้ประโยชน์คือเขาเต็มๆ แล้วทำไมเขาจะไม่ช่วยอีกฝ่ายล่ะ
“คุณคิดจะทำอะไร” ม่านเมฆถามอย่างหวาดระแวง ก่อนจะเอ่ยสั่งห้ามเขาด้วยน้ำเสียงแข็งๆ “ห้ามทำอันตรายเพื่อนผมนะ”
อีธานไม่รับปาก ทว่าก็ยอมอ่อนข้อลงให้ม่านเมฆบ้าง “ถ้าเพื่อนของคุณไม่ใช้ความรุนแรงก่อน ผมก็จะไม่ใช้เหมือนกัน อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ผมสัญญาเลย”
“แน่ใจนะ” ชายหนุ่มถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าอีธานจะไม่ทำอันตรายไคลน์
“อือ…”
อีธานยอมพยักหน้ารับปากในที่สุด
แน่นอน…สิ่งที่เขาจะทำกับไคลน์มันไม่อันตรายหรอก ไม่อย่างนั้นเขาจะติดต่อไซมอนเพื่อนสนิทของตัวเองทำไมล่ะ!
*******************
“ฉันว่าช่วงนี้...อีธานแปลกไป” น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นภายในห้องทึมทึบแห่งหนึ่ง เจ้าของเสียงนี้เป็นชายร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนหันหลังให้กับกระจกกว้าง
“ยังไงครับ” ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังชายคนนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
ชายคนแรกถอนหายใจยาว ก่อนจะบอกเพียงแค่ว่า “ไม่รู้สิ...ฉันก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน"
“งั้นให้คนของเราที่ติดตามคุณชายเฉินเข้ามารายงานดีไหมครับ” ชายอีกคนที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าเสนอขึ้น ซึ่งชายคนแรกก็พยักหน้ารับ
“ก็ดี...ฉันอยากรู้ 'ทุกๆ รายละเอียด' ในชีวิตของอีธาน เฉิน”
“ได้ครับ ผมจะจัดการให้คุณทันทีเลย"
-----
*หนังสือวางจำหน่ายแล้วนะคะ*
ราคาปก 315
ยังไงก็ขอฝากไว้ด้วยน้าาา 555+
แฟนเพจ
https://web.facebook.com/Eigen.Author/