Re: {{เคะราชินี}} == ♠ ที่รัก... เอียงคอมาอีกนิดสิ ♠ == || ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: {{เคะราชินี}} == ♠ ที่รัก... เอียงคอมาอีกนิดสิ ♠ == || ตอนพิเศษ  (อ่าน 10707 ครั้ง)

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 03:16:36 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

“เอ่อ… ผมคิดว่าอาการของลอร์ดเซอร์ราโนค่อนข้าง…” ชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบสีขาวเอ่ยออกมาอย่างกลัวสีหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าตนเอง “หมดหวัง”

เพล้ง! แจกันใบงามที่อยู่ใกล้ๆ แตกเป็นเสี่ยงๆ จากคลื่นเวทมนตร์ที่ควบคุมไม่ได้ของชายอีกคนที่อยู่ในห้อง

“มีอะไรที่พอจะทำได้บ้าง ข้าไม่มีวันปล่อยให้ลูกข้าตายไปแบบนี้แน่” น้ำเสียงในประโยคนี้ทำให้คนเป็นหมอรีบตอบทันที

“จริงๆ แล้ว มันก็มียาแก้อยู่ เพียงแต่ว่าสิ่งนั้นมันหายากมาก ไม่มีใครพบเห็นมาเป็นร้อยปีแล้ว”

“สิ่งนั้นคืออะไร ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้!”

คนเป็นหมอตัวสั่นกับน้ำเสียงทรงอำนาจที่ออกมาจากปากคนตรงหน้า ทำให้รีบตอบอย่างไม่ต้องคิด

“มันคือเลือดของราชาแวมไพร์ครับ” อีธาน เซอร์ราโนพลันเข้าใจในทันทีว่าทำไมหมอถึงใช้คำว่า ‘หมดหวัง’

ราชาแวมไพร์ ชื่อก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดา เขาเป็นเหมือนผู้ปกครองของเผ่าแวมไพร์เพียงแต่ไม่ได้ใช้อำนาจผ่านสภาหรือกฎหมายใดๆ เพราะอำนาจของราชาแวมไพร์อยู่ในกระแสเลือด แวมไพร์ทุกตนจึงไม่สามารถปฏิเสธหรือโค่นล้มอำนาจนั้นได้เลย ตามที่หนังสือในยุคนี้บอกน่ะนะเพราะว่าไม่มีใครเจอแวมไพร์ตัวเป็นๆ มาหลายร้อยปีแล้ว ไม่ต้องพูดถึงราชาแวมไพร์

สาเหตุที่ไม่มีใครเห็นแวมไพร์ก็เพราะเผ่าแวมไพร์เป็นเผ่าปิด ไม่มีคนเข้า ไม่มีคนออก ซึ่งก็ดีแล้วกับพวกมนุษย์ที่เป็นอาหารรสเลิศ เลยไม่มีใครไปบีบบังคับให้แวมไพร์ติดต่อกับโลกภายนอกบ้าง แต่มันจะไม่ดีตอนที่มีคนจำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือจากพวกแวมไพร์นี่สิ

อีธาน เซอร์ราโน ชายผู้เป็นพ่อของคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่าง ดีแลน เซอร์ราโนหรือลอร์ดเซอร์ราโนคนปัจจุบันและนายน้อยของคฤหาสน์ ห่อไหล่ลงอย่างหมดหวัง ถึงตระกูลเขาจะร่ำรวยและมีอำนาจมากอย่างไร เลือดของราชาแวมไพร์นั้นยิ่งกว่าคำว่าเป็นไปไม่ได้อีก

เขามองไปลูกชายที่ตอนนี้นอนเป็นผักอยู่บนเตียงมาสามวันแล้ว ร่างกายและใบหน้าที่เหมือนรูปสลักของชายหนุ่มวัยยี่สิบกลางๆ ไม่ตอบเสนอต่อสิ่งเร้าหรือยาขนานไหนทั้งนั้น

 





อีธานนั่งอย่างเหม่อลอยอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่นของบ้าน หมอประจำตระกูลกลับไปประมาณสามชั่วโมงแล้ว นั่นแปลว่าเขานั่งอย่างหมดอาลัยตายอยากมาสามชั่วโมงแล้วเหมือนกัน อีธานรู้สึกหิวน้ำเล็กน้อยเลยว่าจะไปหยิบน้ำกินเป็นเวลาเดียวกับที่สมาชิกตระกูลเซอร์ราโนอีกคนเข้ามาพอดี

“อีธาน” นางเป็นผู้หญิงที่อายุอานามใกล้เคียงกับอีธาน หล่อนยังดูดีเหมือนสาวๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นแม่คนแล้ว

“เพนนี…” อีธานเรียกภรรยาของเขาที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานเป็นทูตที่แดนของพวกเฟย์ก่อนนึกขึ้นได้ว่าหล่อนยังไม่รู้เรื่องของลูกชายว่าร้ายแรงขนาดไหน เพราะเขามัวแต่วุ่นวายกับการรักษาจนไม่ได้ส่งข่าว ภรรยาของเขารู้เพียงแค่ว่าลูกชายป่วยอยู่

เหมือนเพนนีจะสามารถสัมผัสถึงความเครียดได้

“ดีแลนเป็นอะไรมากหรือคะ”

อีธานหลับตาลงก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพนนีฟัง

“....ไม่มีใครเจอแวมไพร์หรือราชาแวมไพร์มาหลายร้อยปีแล้ว เพนนี อย่าว่าแต่ขอเลือดจากราชาแวมไพร์เลย”

เพนนีที่ฟังสามีตัวเองเล่าเสร็จก็มองหน้าอีธานผู้เป็นสามีอย่างตัดสินใจ

“แล้วถ้า… มันมีวิธีเรียกราชาแวมไพร์ล่ะคะ”

“ไม่มีหรอก หนังสือเกี่ยวกับพวกแวมไพร์มีอยู่แค่เล่มเดียวแถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกต้องขนาดไหน”

“แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันรู้ล่ะ”

“...!!”

 





ร่างสองร่างของนายท่านและนายหญิงแห่งคฤหาสน์เซอร์ราโนรีบวิ่งไปที่ห้องห้องหนึ่งในคฤหาสน์เป็นห้องที่สร้างไว้สำหรับการร่ายเวทมนตร์ขั้นสูงในที่นี้คือเวทอัญเชิญราชาแวมไพร์ที่ไม่ได้มีเขียนอยู่ในหนังสือเล่มไหนทั้งนั้น แต่กลับมีเขียนอยู่ในสมองของนายหญิงเซอร์ราโน

ห้องสำหรับเวทมนตร์ขั้นสูงนี้สร้างขึ้นจากอะไรไม่มีใครทราบได้ กำแพงรวมถึงหลังคาและพื้นห้องสร้างจากวัสดุปริศนาที่มีรูปลักษณ์เหมือนกระจก ว่ากันว่าห้องนี้มีมูลค่ามากกว่าคฤหาสน์ทั้งหลังเสียอีก

หลังจากทั้งคู่เข้ามาในห้องแล้ว ประตูก็หายไปโดยอัตโนมัติแทนที่ด้วยกำแพงคล้ายกระจกเหมือนกำแพงอื่นในห้องนี้ ทำให้คนที่อยู่ในห้องรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอีกมิติหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ส่วนไหนของมิตินี้กันแน่

“เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนร่ายเวทเอง ส่วนคุณแค่ตั้งสมาธิ นึกถึงแต่ความปรารถนาจะให้ราชาแวมไพร์มาปรากฏตัวต่อหน้าก็พอ” เพนนีพูดอย่างเป็นงานเป็นการ เธอไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้วเพราะตอนนี้ลูกเธอกำลังนับถอยหลังสู่ความตาย

“เพนนี ผมรู้ได้ไหมว่าคุณรู้เวทบทนี้ได้อย่างไร”

เพนนีสูดหายใจเข้าลึกๆ

“ไม่มีแวมไพร์ตนไหนไม่รู้วิธีเรียกราชาของตัวเองหรอกค่ะ” อีธานเบิกตากว้างกับคำตอบ

นี่แปลว่าภรรยาของเขาเป็น…

อีธานกลับมามีสมาธิกับงานตรงหน้าทันทีที่เพนนีดึงมีดสั้นเล่มเล็กออกมา

ปกติแล้วการร่ายเวทจะต้องแลกด้วยอะไรบางอย่างเสมอ ส่วนใหญ่จะเป็นพลังเวทมนตร์ที่สามารถฟื้นฟูได้ตามเวลา แต่เวทบทนี้ เพนนีบอกว่าจะต้องแลกด้วยเลือดครึ่งตัวของเขา คล้ายๆ เป็นการสังเวยอาหารอันโอชะให้กับราชาแวมไพร์

ปลายแหลมคมของมีดสั้นกดลงบนลำคอใกล้ลูกกระเดือกของของอีธานสลักเป็นภาษาอะไรบางอย่างที่อีธานมองผ่านกระจกแล้วอ่านไม่ออก ก่อนนึกขึ้นได้ว่ามันคงเป็นภาษาแวมไพร์

ทันทีที่เพนนีสลักตัวอักษรสุดท้ายเสร็จแล้วยกใบมีดออก ร่างทั้งร่างของอีธานพลันร้อนผ่าว อันที่จริงต้องพูดว่าเลือดทั้งกายมากกว่า อักษรแวมไพร์บนคอเรืองรองเป็นสีเดียวกับเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาตามแผลที่เปิดอยู่

“มีสมาธิเข้าไว้” เพนนีเตือนอีธานที่ตอนนี้สติเริ่มหลุดลอยจากการเสียเลือด

อุณหภูมิร่างกายของอีธานพุ่งถึงจุดสูงสุดก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงมาจนอีธานรู้สึกหนาว อักษรบนคอของนายท่านแห่งคฤหาสน์หยุดเรืองแสงแล้ว เขาจึงมองไปรอบๆ หวังว่าจะเห็นใครสักคนที่น่าจะเป็นราชาแวมไพร์

อีธานขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงก่อนจะต้องหลับตาลงจากลมแรงที่พัดมาจากไหนก็ไม่รู้ ลมนั้นหมุนรอบๆ ตัวอีธานอย่างแรง พลังเวทที่มากับสายลมนั้นเข้มข้นมากจนพื้นห้องเริ่มสั่นสะเทือน เพนนีเริ่มวิตกว่าห้องนี้จะรับความรุนแรงของเวทบทนี้ไม่ไหว

ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คิดหรือทำอะไรมากกว่านั้น ลมนั้นก็หยุดลง แต่พลังเวทอันเข้มข้นนั้นไม่ได้หายไปไหนเพราะเจ้าของพลังเวทเหล่านั้นปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว!

“ราชาแวมไพร์…” อีธานครางออกมาอย่างนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร

“ไง…” ร่างเรียวบางที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สีทองที่ลอยอยู่กลางอากาศเอ่ยทัก น้ำเสียงติดง่วงงุนเล็กน้อย ฟันเขี้ยวยาวกว่าปกติแสดงถึงเผ่าพันธุ์ มือที่มีเล็บสีดำยาวกว่าปกติยกขึ้นมาปิดปาก…

...หาว

“นึกว่าใครมารบกวนเวลานอนของข้า ที่แท้ก็พวกมนุษย์นี่เอง”

“ฝ่าบาท พวกเรามีเรื่องอยากให้ท่านช่วย” เพนนีคุกเข่าลงข้างๆ คนเป็นสามี ด้านหน้าบัลลังก์ของราชาแวมไพร์

ราชาแวมไพร์มองหญิงตรงหน้าก่อนเอ่ย

“อ่า...แวมไพร์ที่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาอยู่กับพวกมนุษย์” อีธานมองหน้าเพนนีด้วยความสงสัยจากคำที่ราชาแวมไพร์เรียก “เจ้าสินะที่เป็นคนเรียกข้ามา”

เพนนีรีบอธิบายสถานการณ์ของหล่อนให้ฟังด้วยความนอบน้อม ถึงเลือดแวมไพร์จะไม่ได้อยู่ในตัวหล่อนมาหลายสิบปีแล้ว แต่เธอแน่ใจว่าราชาแวมไพร์มีวิธีทำให้คนอื่นเชื่อฟังได้มากกว่าการบังคับผ่านสายเลือดแน่นอน

เมื่อหล่อนอธิบายจบราชาแวมไพร์ก็พูดขึ้น

“อ่า… งั้นก็หมายความว่า พวกเจ้าต้องการเลือดข้าสินะ”

ทั้งเพนนีและอีธานพยักหน้า

“แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าการดื่มเลือดแวมไพร์นั้นส่งผลอย่างไร”

อีธานมองหน้าเพนนี

“คนคนนั้นจะกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย” เพราะการดื่มเลือดแวมไพร์ก็เหมือนการแพร่เชื้อโดยการกัดของมนุษย์หมาป่า

“ใช่แล้ว เพียงแต่ว่าเลือดของราชาแวมไพร์จะไม่ใช่แค่ทำให้เปลี่ยนเป็นแวมไพร์นี่สิ”

นายหญิงของคฤหาสน์มองหน้าราชาแวมไพร์ด้วยความงุนงง

“เฮ้อ ราชาแวมไพร์ต่างจากแวมไพร์ทั่วไปตรงที่ในเลือดจะมีวิญญาณส่วนหนึ่งอยู่ด้วย และการแบ่งปันวิญญาณกันของแวมไพร์จะหมายถึง…”

เพนนีเบิกตากว้างเมื่อเข้าใจในสิ่งที่ราชาแวมไพร์ตรงหน้ากำลังบอก เธอจึงเติมคำต่อไปโดยอัตโนมัติ

“...การแต่งงาน”

“ใช่แล้ว”

“แล้วท่าน…” ...จะช่วยไหม เป็นคำถามในใจของคนทั้งคู่ที่ไม่ได้เอ่ยถามออกไป แต่ราชาแวมไพร์ก็เข้าใจสิ่งที่ทั้งคู่ต้องการสื่อ

“ข้าจะช่วยก็ได้” ราชาแวมไพร์ยกมือขึ้นมากอดอกอย่างคนเหนือกว่า “แลกกับสัญญาหมั้นหมายระหว่างข้ากับลูกชายของพวกเจ้า!”

 





ร่างบางของราชาแวมไพร์ตอนนี้กำลังพิงอยู่กับเก้าอี้หรูหราในห้องนอนแขกห้องหนึ่งในหลายห้องในคฤหาสน์เซอร์ราโน ดวงตาสีแดงเข้มกำมะหยี่จ้องมองไวน์ในมือด้วยความเคลิ้บเคลิ้ม ถึงไวน์ของพวกมนุษย์จะสู้ไวน์ของแวมไพร์ไม่ได้ แต่ไวน์ที่ดีที่สุดของตระกูลเซอร์ราโนก็ไม่ได้ขี้เหร่นัก

ถึงเขาจะหลับใหลไปหลายร้อยปีแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้หรอกนะ อย่างน้อยตระกูลเซอร์ราโนนี้เขาก็รู้จัก ถึงคนที่เขารู้จักน่าจะตายไปตั้งนานแล้วเถอะ

ตระกูลเซอร์ราโนเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลผู้ทรงเกียรติของแดนมนุษย์ซึ่งเป็นหนึ่งในแดนหลายๆ แดนบนโลกใบนี้ที่ประกอบด้วยตั้งแต่แดนเอลฟ์ แดนมนุษย์หมาป่า และแน่นอน แดนแวมไพร์ และแดนอื่นๆ อีกมากมาย รวมเป็นทั้งหมดสิบสามแดนถ้วน ถ้าไม่นับพวกที่อยู่ใต้น้ำอย่างพวกเงือกน่ะนะ

ราชาแวมไพร์นัดกับบิดาและมารดาของลอร์ดเซอร์ราโนว่าจะไปให้เลือดตอนเที่ยงคืนเพราะเป็นเวลาที่เลือดของแวมไพร์รวมถึงราชาแวมไพร์มีพลังสูงสุด

ก๊อกๆๆ

“เข้ามา” ราชาแวมไพร์เอ่ยพลันประตูแกะสลักบานงามของห้องเขาเปิดออก

เป็นนายหญิงของคฤหาสน์ที่เดินเข้ามา

“มีอะไรขาดเหลือหรือไหมท่าน”

“อ่า… ข้าว่าได้ไวน์อีกสักหน่อยก็ดี”

เพนนีพยักหน้ารับแต่ก่อนที่นางจะได้ไปทำตามที่ถูกสั่ง…

“แล้วก็อีกอย่าง...” ราชาแวมไพร์ยกไวน์ที่เหลือขึ้นดื่มจนหมด “...บอกคนอื่นด้วยว่าให้เรียกข้าว่า ‘โนอาห์’ ”

 





ราชาแวมไพร์หรือที่ตอนนี้มีชื่อเรียกว่าโนอาห์เดินออกจากห้องนอนชั่วคราวของตนไปตามทางเดินเพราะตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มสี่สิบห้าแล้ว

อันที่จริงไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาชื่อจริงๆ ว่าโนอาห์มากนัก เพราะก่อนที่เขาจะหลับใหลไป ตอนที่ยังอยู่ในแดนแวมไพร์ แวมไพร์ตนอื่นมักแทนเขาว่าฝ่าบาทกันมากกว่า แต่ในแดนมนุษย์นี้ ถ้าเขาคิดจะอยู่ที่นี่ ยังไงก็ต้องใช้ชื่อเพราะไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจสงสัยได้ว่าทำไมนายหญิงแห่งตระกูลเซอร์ราโนผู้ยิ่งใหญ่ถึงเรียกคู่หมั้นของลูกชายว่าท่านหรือฝ่าบาท แถวเขายังไม่มีแผนการบอกคนทั้งโลกว่าเขาเป็นราชาแวมไพร์ด้วยสิ

ขาเรียวยาวก้าวไปอย่างไม่รีบร้อนมากนักเพราะตามที่อีธานบอก ห้องนอนของดีแลน ลอร์ดเซอร์ราโนคนปัจจุบันไม่ได้อยู่ไกลจากห้องของเขามากนัก ถึงคฤหาสน์นี้จะคลอบคลุมพื้นที่เป็นไร่ก็ตาม

ใช้เวลาไม่นานนักร่างในชุดสีดำก็มาถึงห้องนอนมาสเตอร์ของคฤหาสน์ โนอาห์เพียงแค่วางมือแผ่วเบาลงบนลูกบิดประตู ประตูบานงามก็เปิดออก เผยให้เห็นเตียงหลังใหญ่ที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้มกลางห้องนอนอันกว้างขวาง บนนั้นมีร่างที่ไม่ไหวติงของลอร์ดเซอร์ราโนอยู่

ราชาแวมไพร์พิจารณาลอร์ดเซอร์ราโนคนปัจจุบันเล็กน้อย เขามีเค้าโครงของลอร์ดเซอร์ราโนเมื่อหลายร้อยปีก่อนคนที่เขารู้จักเล็กน้อย ผมสีน้ำตาลเข้ม โครงหน้าคมคายมีไรหนวดตามกรามไม่มากนัก ปากได้รูปตอนนี้ไม่ได้มีสีเลือดเรียกได้ว่าแถบจะกลืนหายไป หวังว่าหลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว คงไม่ทำให้เขาเบื่อเร็วนักจนต้องหนีกลับแดนแวมไพร์นะท่านลอร์ด

อีธานเดินเข้ามาหาราชาแวมไพร์

“ท่านโนอาห์…”

“โนอาห์” ราชาแวมไพร์แก้

อีธานจึงคิดว่าราชาแวมไพร์คงไม่อยากทำตัวเป็นทางการมากนัก

“เอ่อ โนอาห์ เธอจะให้ดีแลนดื่มเลือดของเธออย่างไรหรือ” อีธานที่ไปพักมาเรียบร้อยจากการเสียเลือดถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะดีแลนไม่ได้มีเขี้ยวยาวเหมือนของราชาแวมไพร์แถมตอนนี้ก็กำลังนอนเป็นผักอีกต่างหาก

“ไม่เห็นยาก” โนอาห์ตอบชายวัยกลางคน

ราชาแวมไพร์รอเวลาเล็กน้อยให้เข็มยาวของนาฬิกาชี้เลขสิบสองก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้เตียงหลังใหญ่

มือเรียวยาวรวบผมที่ยาวถึงกลางหลังไปด้านหลัง แล้วจึงปลดกระดุมเม็ดบนสุดที่อยู่ที่คอออก แก้วไวน์ที่หมดแล้วถูกราชาแวมไพร์เรียกมาไว้ในมือ มืออีกข้างเกร็งขึ้นเป็นเหมือนเกร็งเล็บทำให้เล็บสีดำยาวยาวขึ้นไปอีกและทำให้ปลายเล็บแหลมคมจนสะท้อนแสงไฟแวววาว

กรงเล็บกระชากหัวใจของราชาแวมไพร์ไม่ได้จะเห็นได้ง่ายนัก

เล็บยาวกรีดลงไปที่หลอดเลือดใหญ่ที่คอตนเอง แรงกดไม่ได้มากนักแต่กลับเหลือเฟือกับการทำให้ผิวหนังเปิดออก

เลือดสีแดงเข้มที่ถ้ามองไม่ดีอาจคิดว่าเป็นสีดำไหลออกมาจากรอบกรีดแล้วไหลเข้าไปในแก้วไวน์

โนอาห์ดึงแก้วไวน์ออกจากคอก่อนที่เลือดในนั้นจะถึงหนึ่งข้อนิ้วด้วยซ้ำเพราะแค่นี้ก็เหลือแหล่แล้ว

ร่างบางมองอย่างครุ่นคิดว่าจะเอาของเหลวเข้าปากคนตรงหน้าอย่างไรดีเพราะเวทยกของต่างๆ ใช้ควบคุมของเหลวอย่างนี้ไม่ค่อยดีนัก

ราชาแวมไพร์ยกแก้วขึ้นมาเสมอกับหน้าตัวเอง…

...แล้วดมเล็กน้อย

เหอะ! คิดเหรอว่าราชาแวมไพร์อย่างเขาจะป้อนทางปาก

ฝันไปเถอะ!

ราชาแวมไพร์ค่อยๆ กรอกของเหลวลงไปในปากที่เปิดออกนิดๆ ของลอร์ดเซอร์ราโน

ง่ายแค่นี้เอง!

ห้องทั้งห้องที่เงียบอยู่แล้วเหมือนจะเงียบลงไปอีกเมื่อของเหลวสีแดงเข้มไหลผ่านริมฝีปากสีซีดที่ตอนนี้มีสีสันขึ้นมาจากคราบเลือด

อีธานคิดในใจว่าถ้าเลือดของราชาแวมไพร์ไม่ได้ผล เขาคงต้องวางแผนจัดงานศพแล้วล่ะ

แต่ยังไม่ทันให้ใครพูดอะไร ร่างของดีแลน เซอร์ราโนก็เริ่มเปลี่ยนไป

ผมสีน้ำตาลเข้มยิ่งเข้มขึ้นไปอีกจนเกือบดำตัดกับผิวที่ขาวขึ้นกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะไม่ได้ขาวเหมือนจะเรืองแสงได้อย่างโนอาห์ แต่จะบรรยายว่าขาวราวหิมะก็ไม่ผิดมากนัก ฟันเขี้ยวยาวขึ้นจนคล้ายกับของราชาแวมไพร์ รวมถึงส่วนสูงและความแข็งแรงของร่างกายที่เพิ่มมากขึ้นด้วย แม้ว่าตอนที่นอนอยู่ตอนนี้จะมองไม่เห็นชัดก็ตาม

ดีแลนลืมตาขึ้นมารู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ค่อยคุ้นเคยกับร่างกายตัวเอง เผยให้เห็นดวงตาที่ตอนนี้เป็นสีฟ้าปนแดงกำลังมองมาที่คนแปลกหน้าตรงหน้า

ลอร์ดเซอร์ราโนรู้สึกว่าเลือดในกายร้อนผ่าวผิดปกติเมื่อมือเรียวสัมผัสที่ริมฝีปากเขาเหมือนจะเช็ดคราบอะไรบางอย่าง ไม่ใช่ว่ารู้สึกไม่ดี แต่ว่ารู้สึกดีเกินไปที่เขาก็อธิบายไม่ถูก รู้สึกเหมือนอยากกองลงแทบเท้าแล้วขอให้สัมผัสเขาอีก

นายท่านและนายหญิงแห่งเซอร์ราโนได้แต่ดีใจอยู่เงียบๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะราชาแวมไพร์ครอบครองพื้นที่ข้างเตียงไปเสียหมด

“ไงดีแลน” โนอาห์เอ่ยทักทาย

ดีแลนมองคนตรงหน้าแล้วเลียริมฝีปาก

เอ๊ะ อะไรหวานๆ อยู่ตรงริมฝีปากเขากัน

ลอร์ดเซอร์ราโนเลียริมฝีปากอีกรอบโดยไม่รู้ว่าทุกอย่างตกอยู่ใต้การสังเกตของราชาแวมไพร์

ดวงตาของดีแลนกลับมาโฟกัสภาพข้างหน้าอีกครั้งหลังจาก ของอร่อยที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากเขาหมดลง

“คุณเป็นใคร” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนแปลกหน้าที่ตอนนี้ครอบครองพื้นที่อีกครึ่งหนึ่งของเตียงและแทบจะก่ายตัวเขาอยู่แล้ว และดีแลนยังสงสัยอีกว่าคนตรงหน้าเป็นเผ่าอะไรกันแน่เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนมีเขี้ยวแวววาวแบบนี้แน่นอน

ยังไม่ทันที่โนอาห์หรือใครจะได้ตอบคำถามของดีแลน ชายหนุ่มดันเหลือบไปเห็นคราบเลือดจางๆ ที่ติดอยู่ที่คอของคนตรงหน้าเนื่องจากช่วงคอและหน้าอกมีส่วนโค้งมาก จึงไม่สามารถเอาเลือดที่ไหลออกจากใส่แก้วได้ทั้งหมด ทำให้มีคราบเลือดติดอยู่บริเวณรอบๆ รอยแผล

ความคิดแรกที่แวบเข้าหัวดีแลนไม่ใช่ความตกใจหรือขยะแขยงคราบเลือดแต่กลับเป็นความดึงดูดเหมือนกับอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากเขาก่อนหน้านี้ ทำให้เขาแปลกใจตัวเองเล็กน้อย

ยิ่งดีแลนสูดดม เขายิ่งได้กลิ่นหอมหวานทำให้เผลอยื่นหน้าเข้าไปใกล้บริเวณคอของร่างตรงหน้า ก่อนที่จะถูกมือเรียวที่ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนผลักลงกับที่นอนเหมือนเดิม ทำเอาจุกไปเลย

“จุ๊ๆ เวลาอาหารวันนี้หมดแล้วท่านลอร์ด”




ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

นายท่านและนายหญิงแห่งเซอร์ราโนรีบเดินเข้ามาดูลูกชายคนเดียวที่เตียง หลังจากราชาแวมไพร์เดินออกจากห้องไปอย่างสบายอารมณ์

“ดีแลน ลูกเป็นไงบ้าง” เพนนีถาม ลอร์ดเซอร์ราโนมองผู้เป็นมารดาที่มีสีหน้าอิดโรยแต่ก็มีความยินดี

“ก็ดีครับ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย” ยิ่งพูดดีแลนก็ยิ่งรู้สึกว่าปากของเขามันแปลกๆ ไป ทำให้เผลอยกมือขึ้นมาจับ

ไอ้แท่งแข็งๆ สองแท่งนี่มันอะไรกันเนี่ย!                                                                       

อีธานเห็นว่าคนเป็นลูกเริ่มรู้สึกตัวดีแล้วจึงอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงหลายชั่วโมงที่ผ่านมา

“งั้นก็แปลว่าผมต้องหมั้นกับโนอาห์หรือครับ”

“ใช่แล้ว ลูกโอเคหรือเปล่า”

“แล้วอลิซ?”

“พ่อฉีกสัญญานั้นได้”

“ถ้างั้นผมก็โอเค” ดีแลนคิดในใจว่าแต่งกับราชาแวมไพร์ยังไงก็ดีกว่ากับผู้หญิงที่เขาเคยพบหน้าแค่ครั้งสองครั้ง ถึงแม้เธอจะเป็นทายาทของเจ็ดตระกูลผู้ทรงเกียรติเหมือนกับเขาก็ตาม

ดีแลนถามต่อ

“แล้วเรื่องท่านแม่…” เพนนีถอนหายใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าคำถามนี้ต้องออกมาจากปาก

“ที่จริงแล้วแม่…”

เพนนีเล่าถึงเรื่องที่เธอตกหลุมรักกับอีธานแต่ทางเผ่าแวมไพร์ไม่ยอมให้เธอแต่งงานถ้าไม่ละทิ้งสายเลือดแวมไพร์ไปเสียก่อน ซึ่งการทำอย่างนั้นก็เหมือนละทิ้งความสามารถหลายๆ อย่าง เช่น การใช้เวทของแวมไพร์ และที่สำคัญที่สุดคืออายุขัยที่สั้นลงเท่ากับของมนุษย์ทั่วไป

แต่เธอไม่ได้ลงรายละเอียดตอนที่ถูกรีดสายเลือดแวมไพร์ออกไปมากนัก

เมื่อมารดาเขาเล่าจบ ดีแลนจึงถามต่อ

“แล้วนี่ผมต้องดื่มเลือดเป็นอาหารเหรอ” ดีแลนหวาดหวั่นเล็กน้อยกับความคิดที่จะต้องฝังเขี้ยวลงไปในคอใครเพื่อเลือดอุ่นๆ

อีธานมองไปทางเพนนี

“อันที่จริง...” เพนนีครุ่นคิดก่อนตอบ “แวมไพร์ไม่ได้ดื่มเลือดเป็นอาหาร แต่เพราะว่าร่างกายของแวมไพร์ปกติไม่สามารถผลิตความร้อนได้ยกเว้นราชาแวมไพร์ พวกเขาเลยต้องเอาความร้อนเข้าร่างกายด้วยการดื่มเลือดจากร่างคนเป็นๆ แต่ราชาแวมไพร์จะดื่มเลือดเพราะต้องการอาหารและพลังงานมากกว่า”

ลอร์ดเซอร์ราโนพยักหน้ารับ พยายามยอมรับกับสิ่งที่เขากำลังจะเป็นเพราะยังไงมันก็ดีกว่าความตาย อีกอย่างร่างแวมไพร์นี้ดูเหมือนจะทำให้เขาแข็งแรง ตัวใหญ่ และสูงขึ้นจากเดิมพอสมควร

“ตอนนี้ลูกคงยังไม่รู้สึกเพราะความร้อนจากเลือดของโนอาห์ยังอยู่ แต่อีกไม่กี่วันคงหมด จากนั้นลูกจะเข้าใจว่าหนาวจนปวดกระดูกเป็นอย่างไร”

“แล้วไม่มีวิธีอื่นนอกจากการดื่มเลือดแล้วหรือ” คราวนี้เป็นอีธานที่ถาม

“อันที่จริง มันก็มีอยู่”

“อะไรหรือครับ” ดีแลนถาม

“สัมผัสจากราชาแวมไพร์”

 







บิดาและมารดาของลอร์ดเซอร์ราโนออกไปแล้วเพราะอยากให้ลูกชายได้พักหลังจากเพิ่งเปลี่ยนร่างมาใหม่ๆ เพียงแต่ดีแลนไม่ได้มีความรู้สึกอยากพักหรืออยากนอนเลย ในหัวเขาตอนนี้มีแต่หน้าของโนอาห์หรือราชาแวมไพร์และรสชาติที่หลงเหลือบนริมฝีปากของเขา

ดีแลนคิดว่าจะมีวิธีไหมที่เขาจะได้ดื่มเลือดของโนอาห์อีกครั้ง

ยังไม่ทันที่ดีแลนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ประตูห้องนอนเขาก็เปิดออกโดยไม่ได้มีการเคาะก่อน

“ไง…” เป็นโนอาห์ที่เปิดประตูเข้ามา

“...” ดีแลนไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพราะตามัวแต่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้างามกับลำคอเรียวที่ไม่มีคราบเลือดเหลืออยู่แล้ว ทำให้อดเสียดายเล็กๆ ไม่ได้ รู้ตัวอีกทีร่างของเขาก็คุกเข่าอยู่หน้าราชาแวมไพร์แล้ว

“ฝ่าบาท” ดีแลนเรียกออกไปตามสัญชาติญาณ เลือดแวมไพร์ในตัวเขาบอกว่าคนตรงหน้าคือเจ้าของชีวิต คือคนที่เขาจะต้องรับใช้และเชื่อฟังจนกว่าร่างนี้จะแหลกสลายไป

โนอาห์มองร่างที่อยู่แทบเท้าเขาอย่างพอใจ

“เรียกข้าว่าโนอาห์เถอะ” ดีแลนพยักหน้า

ราชาแวมไพร์เดินตรงไปทีเตียงหลังใหญ่กลางห้องแล้วล้มตัวลงนอน

ดีแลนมองตามอย่างงุนงงก่อนถาม

“คนหมั้นกันก็ต้องนอนเตียงเดียวกันสิ” โนอาห์ตอบหน้าตาย

อันที่จริงตามธรรมเนียมของแดนมนุษย์ต้องแต่งงานกันก่อนถึงจะนอนห้องเดียวกัน แต่แวมไพร์อย่างเขาน่ะเหรอ จะขัดความต้องการของราชาแวมไพร์ผู้เป็นเจ้าชีวิตได้

ดีแลนเดินมานอนที่เตียงด้วย ตอนแรกเขาก็ไม่ง่วงเท่าไหร่หรอก แต่พอราชาแวมไพร์อยู่บนเตียงปุ๊บ เขาก็ง่วงปั๊บเลย

“โนอาห์” ดีแลนเรียกเบาๆ ระหว่างเอาผ้าขึ้นมาห่มให้ทั้งตัวเองและราชาแวมไพร์

“หืม?”

“อย่างนี้ ผมจะอยู่ในแดนมนุษย์ได้หรือ”

“ทำไมจะอยู่ไม่ได้” โนอาห์ขมวดคิ้ว

“ก็ผมเป็นแวมไพร์” ดีแลนกำลังหมายถึงกฎหมายของแดนมนุษย์ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าถ้าเจอแวมไพร์สามารถฆ่าได้ทันทีเพราะถือว่าเป็นภัยอันตราย ถ้าฆ่าได้น่ะนะ

จริงๆ แล้ว กฎหมายของแต่ละแดนจะแตกต่างกันไป เช่น ถ้าฆ่าแวมไพร์ในแดนเฟย์ผิดกฎหมายแต่ในแดนมนุษย์ไม่

“แล้วใครบอกให้เจ้าบอกคนอื่นว่าเป็นแวมไพร์กันล่ะ” ดีแลนมองหน้าคนพูดอย่างงงๆ โนอาห์จึงพูดต่อ “แวมไพร์มีเวทบทหนึ่งไว้ทำให้มีรูปลักษณ์เหมือนพวกมนุษย์ เอาเป็นว่าเดี๋ยวข้าจะสอนเจ้าแล้วกัน”

ราชาแวมไพร์ตอบแล้วผล็อยหลับไปในเวลากันรวดเร็ว

แวมไพร์มือใหม่คิดว่าคงมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้กันอีกมากก่อนหลับตามไป

 





แสงแดดยามเช้าลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่ผ้าม่านไม่ได้ปิดสนิททำให้แวมไพร์มือใหม่ตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกคันยุบยิบและแสบร้อนที่ผิวหนัง

ดีแลนตื่นเต็มตา ตอนนี้ทั้งร่างเขาโดยเฉพาะส่วนที่ไม่ได้ถูกปกปิดด้วยผ้าห่มหรือเสื้อผ้าปรากฏเป็นรอยแดงเหมือนผื่นขึ้น

ลอร์ดเซอร์ราโนถูผิวหนังตัวเองอย่างหงุดหงิดโดยเฉพาะผิวหน้า

เขาลืมไปเสียสนิทว่าแวมไพร์น่าจะแพ้แดด!

แวมไพร์มือใหม่รีบเดินไปปิดผ้าม่านให้สนิท พาให้อาการคันหายไป แต่ความแสบร้อนและรอยแดงเป็นปื้นๆ ไม่ได้หายไปด้วย

แล้วราชาแวมไพร์ของเขาล่ะ!

ดีแลนรีบพาตัวเองไปอยู่ข้างๆ โนอาห์ที่กำลังหลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราว พบว่าราชาแวมไพร์ไม่ได้มีปฏิกิริยาหรืออาการอะไรเป็นพิเศษ

ลอร์ดเซอร์ราโนถอนหายใจอย่างโล่งอก

ราชาแวมไพร์คงแข็งแรงต่อแสงแดดมากกว่าแวมไพร์ทั่วไปแหละมั้ง ดีแลนคิด

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของดีแลนจะทำให้โนอาห์ตื่นขึ้น

“อืม…” ดวงตาสีแดงเผยออกแล้วสอดส่องไปรอบๆ ก่อนจะเจอดีแลนแล้วถาม “แดงหมดแล้วดีแลน”

“มานี่มา” ราชาแวมไพร์กวักมือให้ดีแลนขึ้นไปบนเตียงเหมือนเดิม โน้ตไว้ในใจว่าวันนี้คงต้องสอนเวทพื้นฐานของเผ่าแวมไพร์ให้ก่อนที่แวมไพร์มือใหม่จะสลายเป็นผุยผง

แน่นอนว่าคนเป็นแวมไพร์ไม่สามารถขัดใจได้

โนอาห์ช้อนคางของลอร์ดเซอร์ราโนขึ้นมา ตรวจดูรอยแดงที่ส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวณคอและใบหน้า

อันที่จริงรอยพวกนี้ไม่ได้รุนแรงมากเพราะเพิ่งเกิดเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นแต่ก็ยังสร้างความรำคาญใจให้กับดีแลนอยู่ดี

ท่ามกลางความตกใจของลอร์ดเซอร์ราโน ลิ้นสีแดงสดของราชาแวมไพร์ก็สัมผัสกับผิวหนังบริเวณกรามของดีแลน

“อ่ะ! โนอาห์”

“ชู่ว อยู่นิ่งๆ สิ”

ทุกๆ ตารางนิ้วที่ลิ้นของราชาแวมไพร์ลากผ่านพาให้อาการแสบร้อนและรอยแดงหายไป ดีแลนจึงอยู่เฉยๆ เมื่อรู้ว่าโนอาห์กำลังทำอะไรอยู่

คุณสมบัติของน้ำลายราชาแวมไพร์คงไม่แพ้เลือดของเขาสินะ

ดีแลนหลับตารับสัมผัสด้วยความผ่อนคลาย ถึงเขาจะไม่เคยเข้าร้านสปาที่มารดาเขาชอบไปบ่อยๆ ดีแลนคิดว่านี่คงใกล้เคียงที่สุด

จนกระทั่งถึงจุดสุดท้ายบนใบหน้า

แผล็บ…

ริมฝีปากนั่นเอง

ดีแลนตกใจเล็กๆ แต่ก็พยายามไม่ตอบสนองอะไรมากเกินไป

“หึหึ” โนอาห์หัวเราะในลำคอก่อนจะ

กดจูบลงไปแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น

ดวงตาสีฟ้าอบแดงที่เบิกขึ้นอย่างคาดไม่ถึงกับการกระทำนี้ พบเพียงแต่เสียงหัวเราะอันไพเราะจากราชาแวมไพร์

“หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าเบื่อเร็วนักนะ ท่านลอร์ดเซอร์ราโน”

 





อาหารเช้าผ่านไปแล้ว ตอนนี้ทั้งโนอาห์และดีแลนกำลังมุ่งหน้าสู่ห้องฝึกเวทหลังจากราชาแวมไพร์บอกว่าจะสอนเวทพื้นฐานให้ ส่วนอีธานและเพนนีตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานเปิดตัวคู่หมั้นคนใหม่ของลูกชาย

ซึ่งก็คือเขาเองเนี่ยแหละ!

โนอาห์แอบไปรู้มาว่าจริงๆ แล้วลอร์ดเซอร์ราโนมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นหญิงสาวจากตระกูลผู้ทางเกียรติเหมือนกัน แต่อีธานจัดการฉีกสัญญาไปเรียบร้อยแล้วหลังจากเขายื่นข้อเสนอไปเมื่อวาน

อย่างไรก็ตามโนอาห์ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะยังไงตอนนี้ดีแลนก็เป็นแวมไพร์ ไม่มีมนุษย์ปกติที่ไหนอยากได้แวมไพร์เป็นสามีหรอก อีกทั้งดีแลนก็ไม่ได้ดูอาลัยอาวรณ์หล่อนเท่าไหร่เรียกว่าไม่ได้พูดถึงเลยดีกว่า

ห้องฝึกเวทในคฤหาสน์เป็นเหมือนห้องโล่งๆ ธรรมดาทั่วไปเพียงแค่ฉาบไว้ด้วยเวทป้องกันหลายขั้นเพียงป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากเวทที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบจากการร่ายครั้งแรก ถึงห้องนี้จะไม่ได้แข็งแรงเหมือนห้องที่ใช้ทำพิธีอัญเชิญราชาแวมไพร์ แต่ก็นับว่าใช้ได้

“เอาล่ะ อย่างแรกเลยสำหรับเวทของเผ่าแวมไพร์ก็คือ…” โนอาห์มองไปที่ดีแลน “ร่างกายของเจ้าจะต้องอุ่นอยู่เสมอ”

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้แวมไพร์ต้องดูดเลือดเป็นประจำเพราะถ้ามีศัตรูมาแล้วตนเองไม่สามารถร่ายเวทได้ก็จบ

“ข้าว่าเจ้าคงรู้แล้วว่าทำยังไงแวมไพร์ถึงอุ่น”

ดีแลนพยักหน้า แต่เขายังไม่หายสงสัยเลยถามต่อ

“แล้วพวกเราจะไปดูดเลือดใครล่ะ”

โนอาห์เลิกคิ้วก่อนตอบ

“อันที่จริงที่แดนแวมไพร์มีมนุษย์มากมายยอมเป็นแหล่งเติมเลือดของแวมไพร์โดยแลกกับการเป็นอยู่ที่สุขสบาย” และของมีค่าต่างๆ ที่แวมไพร์ชอบสะสม โนอาห์เติมต่อในใจ

“แต่แวมไพร์บางตนก็ชอบล่าเหยื่อเองมากกว่า” เพราะความตื่นตัวด้วยความกลัวของเหยื่อจะทำให้เลือดอุ่นเป็นพิเศษ

ดีแลนขมวดคิ้ว นี่แปลว่าเขาต้องไปแดนแวมไพร์หรือ?

ถึงเขาจะเป็นแวมไพร์แล้วแต่เขาก็ยังไม่อยากย่างกรายเข้าไปในแดนแวมไพร์อยู่ดี

“เห็นแก่ที่เจ้าเป็นคู่หมั้นข้า เอาเป็นว่า ข้าจะให้เจ้าดูดเลือดข้าแล้วกัน”

แววยินดีฉายขึ้นอย่างชัดเจนในตาของแวมไพร์ก่อนจะกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว

ใครจะไปโชคดีขนาดได้ดื่มเลือดราชาแวมไพร์มากกว่าหนึ่งครั้งในชีวิตบ้างล่ะ!

โนอาห์สอนดีแลนตั้งแต่เวทพื้นฐานที่ใช้ในการดำรงชีวิตอย่างเวทกันแดด แต่ไม่มีเวทที่ใช้เพิ่มความอบอุ่นของร่างกาย ไปจนถึงเวทใช้ล่าเหยื่ออย่างเวทเปลี่ยนรูปลักษณ์

ใช่แล้ว! เวทบทนี้จัดเป็นเวทไว้ใช้ล่าเหยื่อ เพราะมนุษย์ที่ไหนจะยอมให้คนมีเขี้ยวแบบแวมไพร์เข้าใกล้กัน

รวมถึงเวทแปลงร่างเป็นสัตว์ที่ทุกคนจับมาคู่กับแวมไพร์อย่างค้างคาวด้วย

ดีแลนรู้สึกงุนงงเล็กน้อยเมื่อเขารู้สึกว่าประสาทรับภาพตนเองหายไป แต่ยังสามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างได้อยู่ เหมือนมีอวัยวะบางอย่างที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวแทนดวงตา อย่างตอนนี้โนอาห์เสกแท่งอะไรยาวๆ ออกมาเพื่อให้พวกเขาเกาะ

ถึงตอนนี้เขาจะกลับหัวกลับหางอยู่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกมึนหัวแต่อย่างใด

“ร่างค้างคาวนี่สบายดีจริงๆ” เสียงเล็กๆ เหมือนเสียงหนูดังขึ้นข้างๆ แต่ดีแลนกลับเข้าใจอย่างน่าประหลาด คิดว่านี่คงเป็นเสียงของค้างคาวล่ะมั้ง

ดีแลนเริ่มจะเห็นด้วยกับราชาแวมไพร์ เหตุผลหลักคงเป็นเพราะร่างนี้เล็กกว่าร่างแวมไพร์มาก ทำให้กล้ามเนื้อที่คุ้นชินกับน้ำหนักมากผ่อนคลายเมื่อไม่ต้องทำงาน

เหมือนกับนอนอยู่บนปุยนุ่น

“ลองบินดูสิ” ราชาแวมไพร์กล่าวพร้อมกับทำเป็นตัวอย่างให้ดู

ดีแลนทุลักทุเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ทำใจให้เท้าตนเองปล่อยออกจากแท่งยาวๆ ได้ ลอร์ดเซอร์ราโนมึนเล็กน้อยเมื่อภาพในหัวกลับอย่างรวดเร็วแต่ก็หายไปในระยะเวลาไม่นาน

ภาพในหัวตอนนี้ของดีแลนเป็นภาพขึ้นๆ ลงๆ ตามจังหวะการขยับปีก

โนอาห์ปล่อยให้คู่หมั้นได้บินเล่นสักพักก่อนจะสอนเวทแปลงร่างกลับ

ปรากฏเป็นหนึ่งแวมไพร์และหนึ่งราชาแวมไพร์เหมือนเดิม

ลอร์ดเซอร์ราโนบิดหัวไหล่จากความเมื่อยที่สะสมตอนบิน เป็นเวลาเดียวกับที่ราชาแวมไพร์ค่อยๆ เดินเข้ามาหาจนอยู่ใกล้เพียงไม่ถึงครึ่งเมตร

“เอาล่ะ ทีนี้ถึงตาเจ้าจ่ายค่าสอนแล้ว”

“นายจะทำอะ…”

“ชู่ว ไม่ต้องกลัว” โนอาห์จับร่างที่สูงกว่าตนให้ก้มลงมาเล็กน้อย แล้วใช้มืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดออก

เพียงเท่านี้ดีแลนก็รู้แล้วว่าราชาแวมไพร์ของเขาต้องการอะไร เขาจึงเอียงคอให้อย่างรู้ความ

โนอาห์เลียปากตัวเอง ถึงเขาจะยังอิ่มอยู่จากเลือดที่อีธานสังเวยให้เมื่อวาน แต่เรื่องอะไรราชาแวมไพร์จะยอมให้วันหนึ่งผ่านไปโดยไม่มีเลือดตกถึงท้องล่ะ

อันที่จริงราชาแวมไพร์ไม่ได้ต้องการเลือดเพื่อความอบอุ่นของร่างกายเหมือนกับแวมไพร์ทั่วไป แต่ว่าสำหรับเขาเลือดก็ยังเป็นอาหารที่อร่อยกว่าอาหารทั่วไปของพวกมนุษย์อยู่ดี

เขี้ยวแหลมคมงอกยาวออกมาจากปากมากกว่าปกติเพื่อเปิดท่อในเขี้ยวให้พร้อมรับของเหลวสีแดงจากเหยื่อ

เมื่อดีแลนอยู่นิ่งๆ แล้ว โนอาห์ก็จัดการเอาปลายนิ้วมือไปสัมผัสที่ต้นคอหาว่าเส้นเลือดอยู่ตรงไหน

ด้วยความชำนาญ ไม่นานนักเขี้ยวแหลมก็กดลงบนผิวหนังขาว

แวมไพร์มือใหม่ครางออกมาเมื่อรู้สึกได้ว่ามีของแปลกปลอมแทรกผ่านผิวหนัง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเขาเป็นแวมไพร์หรือว่าอะไร ดีแลนไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิด มีเพียงความร้อนที่ไหลผ่านตั้งแต่ต้นคอเขาแล้วกระจายไปทั่วร่างจากหัวจนถึงปลายเท้า

มันไม่ใช่ความร้อนที่ทำให้เขารู้สึกแสบร้อนเหมือนแสงแดดในตอนเช้า แต่มันเป็นความร้อนที่ร่างกายแวมไพร์ของเขาดูดซับเข้าไปด้วยความพอใจ

ระหว่างที่ราชาแวมไพร์กำลังดื่มด่ำกับของเหลวสีแดงอยู่ ดีแลนสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเลือดเขาถูกดูดออกไปผ่านทางรอยแยกที่ต้นคอ

ความเร็วในการดูดนั้นน้อยกว่าที่ดีแลนคาดคิดไว้ มันไม่ได้เร็วมาก ออกแนวอ้อยอิ่งด้วยซ้ำไป

ผ่านไปสักระยะเวลาหนึ่ง ราชาแวมไพร์คิดว่าแค่นี้คงพอแล้วสำหรับวันนี้ จึงถอนเขี้ยวออกมา เขี้ยวยาวหดสั้นลงโดยอัตโนมัติแต่ไม่ได้หายเข้าไปในปากเลยเหมือนพวกมนุษย์

ดีแลนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะทันทีที่เขี้ยวนั่นถูกดึงออกไป ความร้อนที่มากับมันด้วยก็หายไปพร้อมกัน

ลอร์ดเซอร์ราโนยืดตัวขึ้นตามเดิม ดวงตาสีฟ้าแดงสบกับดวงตาสีแดงสด

จากนั้นก็เหมือนโดนมนตร์อะไรบางอย่าง มือของเขายืดออกไปเอง ไปสัมผัสกับไหล่ของราชาแวมไพร์ หมายจะดึงเข้ามาดูดเลือดบ้าง คิดว่ายังไงซะ ราชาแวมไพร์ก็บอกไว้แล้วว่าจะให้เขาดูดเลือด

โนอาห์ปล่อยให้ดีแลนทำจนกระทั่วเขี้ยวคมกำลังจะจ่อลงบนต้นคอเขาแล้ว

ราชาแวมไพร์จับคอของแวมไพร์ตรงหน้าแล้วบีบเบาๆ แต่ก็ทำให้ดีแลนชะงักในวินาทีสุดท้าย

“ใครอนุญาตให้เจ้าดื่มเลือดข้าตอนนี้กัน”






ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ดีแลนที่ตอนนี้เชี่ยวชาญเวทเปลี่ยนรูปลักษณ์แล้วออกจากคฤหาสน์เพื่อไปทำหน้าที่ในฐานะลอร์ดเซอร์ราโนแห่งแดนมนุษย์

สภาสิบสามเผ่าเป็นสภาที่ทำหน้าที่บริหารส่วนกลางของโลก แต่ละเผ่ามีที่นั่งสำหรับตัวแทนแค่หนึ่งคน ส่วนใหญ่จะเป็นประมุขหรือหัวหน้าของเผ่าหรือแดนนั้นๆ

ที่น่าสนใจคือกลุ่มคนที่กุมอำนาจในแดนมนุษย์คือเจ็ดตระกูลผู้ทรงเกียรติ นั่นหมายความว่ามีลอร์ดที่มีอำนาจเท่ากันทั้งหมดเจ็ดคน ทั้งเจ็ดคนนั้นเลยเวียนกันทำหน้าที่ในสภาสิบสามเผ่าคนละสิบปี นี่เป็นปีที่สองของลอร์ดเซอร์ราโน

การประชุมจะจัดขึ้นทุกๆ สองสัปดาห์เพื่อถกปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเผ่าที่แดนเฟย์ เพราะเฟย์ถือเป็นเผ่าที่เป็นมิตรและเป็นกลางกับทุกเผ่า คือถ้ามนุษย์หมาป่ากับแวมไพร์ตีกันจนเกิดเป็นสงคราม เฟย์ทั้งหลายก็ยังคงเป็นกลางและทำหน้าที่ส่วนของตัวเองไปเงียบๆ ต่างจากเผ่าอื่นที่อาจยื่นมือเข้ามาเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในระหว่างสงคราม

ดีแลนมองตัวเองในกระจกอีกรอบว่าตอนนี้เขามีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์แน่ๆ ก่อนเดินเข้าสภาไป นี่ก็เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเผ่าเฟย์ รักสวยรักงามจนมีกระจกติดอยู่ทุกๆ สองเมตร

ขนาดพืชพรรณที่นี้ยังปรับตัวโดยการมีใบเป็นกระจกจะได้กลมกลืนไปกับสิ่งรอบๆ เพื่อหลบเลี่ยงผู้ล่า

คิดดูแล้วกันว่าขนาดไหน!

ด้วยเวทเปลี่ยนรูปลักษณ์ ทำให้ดีแลนมีหน้าตาเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป ดวงตาสีฟ้า ผิวไม่ขาวมาก เขี้ยวหดสั้นเข้าไปในปาก แต่สิ่งที่ปกปิดไม่ได้คือส่วนสูงและความแข็งแรงของร่างกายที่เปลี่ยนไป

“ท่านลอร์ดเซอร์ราโน…” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ดีแลนหยุดเดินแล้วหันกลับไป

“ท่านมาคัส” ดีแลนก้มหัวทักทายตามมารยาท น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ เซอร์ราโนมักเก็บซ่อนอารมณ์เมื่อยู่ในที่สาธารณะเสมอ

มาคัสคนนี้เป็นหัวหน้า... อันที่จริงต้องบอกว่าลูกชายของหัวหน้าเผ่าเอลฟ์มากกว่า เพราะหัวหน้าจริงๆ ชรามากจนมาทำหน้าที่ไม่ไหวแล้ว และเผ่าเอลฟ์ก็ไม่ได้มีธรรมเนียมส่งทอดตำแหน่งหัวหน้าให้ลูกก่อนตาย

“เห็นท่านสบายดีแบบนี้ ข้าก็ดีใจ ได้ยินมาแว่วๆ ว่าท่านป่วยหนักมิใช่หรือ” น้ำเสียงและสีหน้าของมาคัสไม่ได้บ่งบอกความเป็นห่วงเลยสักนิด

“ยังไงซะ ตอนนี้ฉันสบายดี” ดีแลนไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ หัวหน้าเผ่าเอลฟ์คนนี้กับเขาไม่ค่อยญาติดีกันเท่าไหร่อยู่แล้ว เวลาอยู่ในสภามักจะขัดกันไปมา เหมือนตรรกกะของมนุษย์กับเอลฟ์จะตรงข้ามกันไปเสียทุกเรื่อง

“อ่า… งั้นก็ดีแล้วท่านลอร์ด ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ มนุษย์น่ะ ช่างอ่อนแอเสียจริง” ถึงตอนนี้ดีแลนจะไม่ได้มนุษย์แล้วแต่ก็อดรู้สึกกระทบกระทั่งไม่ได้กับคำพูดของมาคัส

“ระวังคำพูดหน่อยท่านมาคัส”

เอลฟ์หนุ่มเพียงแค่ยักไหล่ แล้วทำท่าจะเดินจากไปแต่เหมือนอาการปากเสียยังไม่หาย

“อ่อ… ข้าเกือบลืม แดนมนุษย์มีปัญหาอะไรภายในหรือเปล่า ท่านถึงได้ฉีกสัญญาคุณหนูอลิซาเบ็ธอย่างนั้น” มาคัสกล่าวถึงอดีตคู่หมั้นจากอีกตระกูลอันทรงเกียรติของลอร์ดดีแลน

“ระวังปากท่านด้วย” ดีแลนพยายามไม่ถูกยั่วยุด้วยคำพูด ซึ่งเขาเคยชินเสียแล้วเพราะเป็นหนึ่งในบทเรียนแรกๆ ของการเป็นลอร์ดเซอร์ราโนของเขา อีกอย่างหนึ่งคือเวทเปลี่ยนรูปลักษณ์มักไม่ค่อยเสถียรถ้าเขาปล่อยให้เวทมนตร์ไปตามอารมณ์มากเกินไป

“โอ๊ะ! ท่านลอร์ดโกรธเสียแล้ว ข้าต้องขอโทษด้วย” มาคัสพูออกมาด้วยระดับความจริงใจต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่เหมือนเอลฟ์หนุ่มจะยังไม่สะใจ “หวังว่าคู่หมั้นคนใหม่ของท่านจะไม่ทำให้ท่านเบื่อเร็วนัก”

พลั่ก!

“อ๋อย!” ร่างของเอลฟ์หนุ่มพลันถูกผลักไปกระทบกับกำแพงด้วยอารมณ์ที่มากขึ้นของแวมไพร์ อย่างไรก็ตาม พละกำลังของแวมไพร์ไม่ใช่จะเป็นสิ่งที่ดูถูกได้

รวมถึงความรู้สึกว่าจะให้ใครมาดูถูกราชาของตนไม่ได้ด้วย!

“ฉันบอกแล้วว่าให้ท่านระวังคำพูดด้วย”

ดูเหมือนมาคัสจะตกใจจนไม่ได้ตระหนักถึงพละกำลังอันมหาศาลเกินมนุษย์ของลอร์ดเซอร์ราโน

ยังดีที่ตอนนี้ในโถงทางเดินเข้าสภาไม่ได้มีคนอยู่

ดีแลนค่อยๆ ปล่อยมือออกจากอกของว่าที่หัวหน้าเผ่าเอลฟ์ แล้วเดินเข้าไปในสภาระหว่างที่มาคัสกำลังจัดเสื้อที่ยับยู่ยี่ให้เป็นเหมือนเดิมพลางเจ็บใจเงียบๆ

คอยดูในสภาก่อนเถะ!

 





“เอาล่ะ ได้เวลาเริ่มการประชุมสิบสามเผ่าครั้งที่สองหมื่นสี่พันหนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ด” เฟย์ชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้ากล่าว ทันทีที่เขาพูดจบคนทั้งสิบสองคน เอ่อ บางคนอาจไม่ใช่คน ก็นั่งลง เอ่อ บางคนที่ไม่ใช่คนอาจนั่งไม่ได้ ก็ยืนไป

การประชุมครั้งนี้ก็เริ่มเหมือนทุกๆ ครั้งด้วยการรายงานความเรียบร้อยจากเผ่าต่างๆ และความต้องการหรือเรื่องที่อยากได้รับความร่วมมือจากเผ่าอื่น เช่น เผ่าเพกาซัสขอร้องให้เผ่าคนแคระผู้เป็นผู้ส่งออกเชื้อเพลิงรายใหญ่จำกัดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เพราะเมฆที่เหล่าม้ามีปีกอาศัยอยู่เริ่มละลายแล้ว

เผ่าคนแคระฮึดฮัดเล็กน้อยเพราะโรงงานเหล่านั้นเป็นแหล่งรายได้หลักของเผ่าและทำให้คนแคระครองตำแหน่งรวยเป็นอันดับสองรองจากเผ่ามังกร แต่สุดท้ายตัวแทนเผ่าคนแคระก็ยอมรับปากว่าจะมีมาตรการแก้ปัญหานี้ออกมา

หรือไม่ก็เป็นเรื่องเผ่ามังกรบอกว่ามนุษย์หมาป่าเริ่มจะขยายพันธุ์มากเกินไปจนเบียดเบียนทรัพยากร

ตัวแทนเผ่ามนุษย์หมาป่าก็รับปากว่าจะเริ่มมาตรการคุมกำเนิดและใส่ตะกร้อครอบปากกับมนุษย์หมาป่าที่แพร่พันธุ์เกินโควตาที่กำหนดด้วยความอายเล็กๆ

จนกระทั่งมาถึงทีของเผ่าเอลฟ์เผ่าสุดท้าย

“เรียนท่านประธานที่เคารพ” มาคัสเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงหวานเจี๊ยบด้วยความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม “กระผมมาคัสมีความเป็นห่วงเป็นอย่างสูงต่อความปลอดภัยของเพื่อนบ้านของเรา…”

ดีแลนรู้สึกเหมือนเรื่องที่มาคัสกำลังจะพูดน่าจะเกี่ยวข้องกับตน เพราะเผ่าที่มีดินแดนติดกับแดนเอลฟ์มีเพียงเผ่ามนุษย์และเผ่าแวมไพร์ที่ปิดประเทศมาเป็นร้อยปีแล้ว แน่นอนว่าในสภา ‘สิบสามเผ่า’ นี้ก็ไม่มีตัวแทนของเผ่าแวมไพร์

“...อย่างเผ่ามนุษย์”

“อธิบายต่อสิ ท่านมาคัส” ประธานสภาเผ่าเฟย์รีบเร่งเพราะพวกเฟย์ผู้มีจิตใจดีงามมีนิสัยรักความสงบและความปลอดภัยทั้งของตนเองและเพื่อนๆ เผ่าอื่น

“คือมันเป็นอย่างนี้ท่าน…” มาคัสถอนหายใจแล้วส่งสายตาเหมือนสงสารมาทางดีแลนที่ตอนนี้ยังไม่มีอาการอะไรแสดงออกมาให้เห็นเหมือนไม่ได้ใส่ใจ

“อย่างที่รู้ๆ กันว่าเผ่ามนุษย์นั้นใช้ได้เพียงแค่เวทเท่านั้น ไม่ได้มีพลังวิเศษอะไรเหมือนพวกท่านๆ หรือข้า” ดีแลนหนังตากระตุกเมื่อมาคัสกล่าวดูถูกอดีตเผ่าของเขา

“ข้าจึงคิดว่าความปลอดภัยของเผ่ามนุษย์นั้นอยู่ในสภาวะวิกฤตเป็นอย่างมากเมื่อคิดถึงเผ่าแวมไพร์ที่อาจก้าวร้าวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้” คราวนี้ดีแลนหนังตากระตุกเมื่อมาคัสกล่าวถึงเผ่าจริงๆ ของเขา

อย่างน้อยราชาแวมไพร์ของเขาก็ไม่ได้ก้าวร้าว

อาจแค่ชอบเรียกร้องความสนใจมากไปหน่อยเท่านั้นเอง

“ข้าจึงคิดว่า ทหารเผ่าเอลฟ์ผู้ฝึกฝนการยิงธนูได้ไกลกว่าห้าร้อยเมตรมีความตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะปกป้องดินแดนให้เผ่ามนุษย์” ลอร์ดเซอร์ราโนมั่นใจเป็นอย่างมากว่ามาคัสไม่ได้มีเจตนาแค่จะมาปกป้องดินแดนให้แน่นอน เขาในฐานะผู้เคยเป็นมนุษย์มาก่อนรู้ดีว่าชายแดนระหว่างแดนมนุษย์กับแวมไพร์มีทรัพยากรธรรมชาติมีค่าอะไรบ้าง

“ท่านว่าอย่างไร ลอร์ดเซอร์ราโน” เฟย์ชราหันมาถามคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องที่มาคัสเสนอ

“ถึงท่านจะว่าเผ่ามนุษย์อย่างพวกเราไร้ประสิทธิภาพอย่างไร แต่เรื่องป้องกันดินแดงเราสามารถทำได้เองแน่นอน” ดีแลนเว้นวรรคไปเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “อีกอย่าง ท่านพูดเหมือนเป็นเอลฟ์แล้วจะเอาชนะแวมไพร์ได้”

มาคัสสะอึก

คนเป็นแวมไพร์ ถึงจะยังไม่เคยไปเยือนแดนแวมไพร์ รู้ดีว่าเผ่าเดียวที่พอจะสู้กับแวมไพร์ได้มีอยู่แค่มนุษย์หมาป่า คู่ปรับตลอดกาล กับเผ่ามังกรเท่านั้น

นอกนั้นเหรอ แค่แวมไพร์อ้าปากจะงาบก็เงียบกันหมดแล้ว

“ในเมื่อเผ่ามนุษย์ว่าอย่างนั้น ข้าก็คิดว่าไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้ งั้นก็ขอจบการประชุมเพียงเท่านี้”

แต่แน่นอนว่าเรื่องระหว่างเผ่าเอลฟ์กับเผ่ามนุษย์ยังไม่จบได้ง่ายๆ แค่นี้แน่นอน

 





ยังไม่ทันที่ลอร์ดเซอร์ราโนจะเดินออกมาจากโถงทางเดินของสภา ความเย็นเยือกไปถึงกระดูกก็กระทบเข้าดีแลนอย่างจัง มันไม่ใช่ความเย็นที่เขาคุ้นชิน แต่เป็นความเย็นที่สามารถสัมผัสได้จนถึงกระดูกและเส้นเอ็น

แวมไพร์หนุ่มมองไปรอบๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้สึกแบบเขาแถมหน้าต่างทุกบานก็ปิดอยู่ด้วย มาคัสที่ตอนนี้กำลังคุยกับสาวตัวแทนจากสักเผ่าก็คงไม่มีเวลามาร่ายเวทประหลาดๆ อะไรใส่เขาตอนนี้

ใช้เวลาไม่นาน ดีแลนก็เข้าใจว่าความหนาวเหมือนจะเสียดแทงเข้าไปในกระดูกนั้นมาจากร่างกายแวมไพร์เขาเอง

ลอร์ดเซอร์ราโนเข้าใจแล้วว่าทำไมแวมไพร์ถึงต้องดื่มเลือดอยู่เสมอ

ก็ไอ้ความหนาวแบบนี้มันไม่มีใครทนไหวหรอก!

“ท่านลอร์ดเซอร์ราโน” ยังไม่ทันที่ดีแลนจะหาทางออกไปจากที่นี่ ประธานสภาของเผ่าเฟย์ก็ดันมาทักเข้าเสียก่อน

“ท่านประธาน” ดีแลนฝืนตัวเองให้ทักทายกลับตามมารยาท ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายเขาจะเรียกร้องหาร่างอุ่นๆ ของราชาแวมไพร์ขนาดไหนก็ตาม

“เผ่าท่านโอเคใช่ไหม” ลอร์ดเซอร์ราโนเข้าใจว่าเฟย์ตนนี้ถามเพราะความเป็นห่วงตามธรรมชาติปกติของเผ่า

“ครับ ทางเผ่าแวมไพร์ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวมากนัก” ดีแลนตอบตามความเป็นจริง เพราะถ้ามีมนุษย์คนไหนเห็นแวมไพร์ ตอนนี้ข่าวคงแพร่ไปทุกซอกทุกมุมของแดนมนุษย์แล้ว

อย่างไรก็ตามจากที่ดีแลนเรียนรู้มา บางทีมนุษย์กับแวมไพร์ที่แปลงมาก็แยกจากกันไม่ออก

เหมือนตอนนี้ยังไงล่ะ!

“อ่า! งั้นก็ดีแล้ว อุ๊บ! ทำไมท่านตัวเย็นจัง ไม่สบายหรือเปล่า” เฟย์ชราถามเมื่อมือของเขาเผลอสัมผัสฝ่ายตรงข้ามขณะที่กำลังจะเดินผ่านไปพอดี

“เปล่าครับ ยังไงผมก็ขอตัวก่อน” ดีแลนรีบเดินออกจากตรงนั้นแล้วรีบมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์เซอร์ราโนทันทีเพราะคงไม่ดีแน่ถ้าเขาเผลอกัดใครขึ้นมาตอนนี้ เขาจึงไม่ได้ยินสิ่งที่เอลฟ์ชราพูดต่อ

“มนุษย์หนาวขนาดนี้ได้ด้วยหรือ”

 





โนอาห์กำลังมีความสุขกับนั่งดูเหล่านกน้อยในสวนกลางคฤหาสน์ส่งเสียงร้องกันไปมาอย่างสนุกสนาน

ดูเหมือนเวทมนตร์ในสวนของคฤหาสน์นี้จะทำงานดีเกินไปจนดึงดูดให้นกหลายๆ สายพันธุ์มารวมกันซึ่งถ้าเทียบกับแดนแวมไพร์ที่เขาเคยอยู่แล้วช่างต่างกันลิบลับ

แดนแวมไพร์เป็นแดนที่ดำรงอยู่ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง ยกเว้นเลือดที่ต้องการจากเผ่าอื่น เพราะพื้นที่ล้วนไม่เอื้ออำนวยต่อการขึ้นของพืชพรรณใดๆ เมื่อได้มาอยู่รอบๆ ธรรมชาติแบบนี้ โนอาห์จึงรู้สึกแปลกใหม่อยู่ไม่น้อย ในทางที่ดีนะ

ส่วนในมือเขาตอนนี้เป็นสตรอเบอร์รี่สีแดงสดลูกใหญ่ที่เก็บมาจากสวนผลไม้ในคฤหาสน์ มารดาของลอร์ดเซอร์ราโนน่าจะเป็นคนชอบปลูกนู่นนั่นนี่ เพราะถ้าเขาที่อยู่ในดินแดงแห้งแล้งของแวมไพร์มาทั้งชีวิตมาเจอพื้นที่ที่ปลูกอะไรก็ขึ้นอย่างแดนมนุษย์ก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน

และหลังจากตอนเช้าที่เพนนียัดเยียดให้เขากินผลไม้หลายๆ อย่าง ราชาแวมไพร์ก็ตัดสินใจว่าเจ้าผลไม้สีแดงนี่แหละที่เป็นเจ้าแห่งผลไม้

ไม่ใช่เพราะสีแดงสดเหมือนเลือดของมันนะ เพราะความหวานของมันต่างหาก!

แต่ดูเหมือนเวลาแห่งความสงบของโนอาห์จะอยู่ได้ไม่นานนักเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงลอร์ดเซอร์ราโนที่กำลังตรงมาทางคฤหาสน์ และความร้อนที่ปกติมีอยู่ในตัวของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทลดลงอย่างฮวบฮาบ

โชคดีเป็นของดีแลนที่ราชาแวมไพร์รู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร

ขายาวเดินไปรอแวมไพร์มือใหม่ในห้องนอนของทั้งคู่

ใช้เวลาไม่นานนัก ดีแลนในชุดเต็มยศของลอร์ดเซอร์ราโนก็มาปรากฏตัว

“โนอาห์… ฉัน…”

“มาหาข้า… เด็กดี… แบบนั้นแหละ” ดีแลนเดินเข้าไปหาแหล่งความร้อนเดียวในห้องตามสัญชาตญาณ

โนอาห์ลูบหัวของคนที่ตอนนี้เย็นเป็นน้ำแข็งและกำลังคุกเข่าอยู่แทบเท้าเขาที่นั่งอยู่บนเตียง

“ฉันหนาว”

“ข้ารู้”

คนใจร้อนไม่เหมือนอุณหภูมิร่างกายเอื้อมมือไปสัมผัสราชาแวมไพร์ที่ก็ไม่ได้ผลักไสออกไปแต่อย่างไร

ความร้อนจากผิวหนังของราชาแวมไพร์ไหลผ่านเข้าปลายนิ้วมือของดีแลนแล้วแพร่กระจายไปตัวร่าง

ถึงมันจะทำให้ลอร์ดเซอร์ราโนอุ่นขึ้นมาบ้าง

แต่ร่างกายเขายังตะโกนว่าต้องการมากกว่านี้!

ราชาแวมไพร์จัดการปลดกระดุมตัวเองออกเผยให้เห็นหน้าอกขาวเนียนที่เหมือนจะเรืองแสงได้ ถ้ามองให้ดีๆ จะเห็นเส้นเลือดสีน้ำเงินจางๆ พันอยู่ใต้ผิวหนังชวนให้แวมไพร์ที่ต้องการเลือดตอนนี้น้ำลายหก

โนอาห์ใช้มือขวาเลิกคอเสื้อให้ต่ำลงไปอีก ในขณะที่มือซ้ายลูบไปที่ต้นคอต้นเองแล้วกล่าวกับดีแลนว่า

“มาตรงนี้สิ แวมไพร์ของข้า”

แน่นอนว่าแวมไพร์ที่ว่าแทบจะกระโจนใส่ทันที เขี้ยวงอกยาวออกมาจากปากจนมีขนาดยาวกว่าปกติแล้วจ่อไปที่สายสีน้ำเงินที่ใหญ่ที่สุดใต้ผิวหนังตรงต้นคอ

ยิ่งลอร์ดเซอร์ราโนอยู่ใกล้ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมๆ ไอร้อนที่หมุนเวียนอยู่ในของเหลวเหล่านั้น

ไอร้อนที่เขาไม่มี!

มือของโนอาห์กดไว้ที่บ่าของดีแลนเบาๆ เป็นเชิงว่ายังไม่ให้แทงเขี้ยวแหลมนั้นเข้ามา แต่พนันได้เลยว่าถ้าเขาอนุญาตเมื่อไหร่ เขี้ยวที่ยังไม่เคยลิ้มรสของเหลวสีแดงมาก่อนคงปักลงในชั่วพริบตา

ในที่สุดราชาแวมไพร์ก็เอื้อมมือทั้งสองข้างไปที่ต้นคอด้านหลังของดีแลนแล้วตบเบาๆ

แวมไพร์ใช้สัญญาณนั้นเป็นการอนุญาต เขี้ยวแหลมแทงเข้าไปจนมิดทันที ไม่ทันให้โนอาห์ได้หายใจสักเฮือก

เลือดอุ่นๆ ในตัวราชาแวมไพร์ถูกดูดออกไปด้วยความเร็วมหาศาลเหมือนคนดื่มตะกละตะกลาม ไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน

มือเรียวต้องเปลี่ยนเป็นดันเตียงด้านหลังไว้เพื่อประคองตัวเองไม่ได้ล้มลงไปนอนบนเตียงจากแรงกดที่ต้นคอที่เพิ่มขึ้นทุกๆ วินาทีเหมือนแวมไพร์กระหายเลือดต้องการลงลึกไปมากกว่านั้นในร่างอุ่นๆ นี้

ทุกๆ หยดเลือดที่ไหลเข้าปากของลอร์ดเซอร์ราโนล้วนทำให้เขารู้สึกวูบวาบไปทั่วร่างเหมือนร่างกายยังปรับตัวไม่ทันกับความแตกต่างของอุณหภูมิที่มากมายขนาดนี้

ดีแลนรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ปากและลำคอของเขาร้อนมาก

แต่ก็เป็นความร้อนที่เขาเพลิดเพลินกับมัน

โนอาห์สัมผัสได้ว่าอุณหภูมิร่างกายของคนตรงหน้าเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่เป็นปกติแล้วจึงดันคางอีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงให้หยุด

ดีแลนผละออกเผยให้เห็นเขี้ยวที่ย้อมไปด้วยของเหลวสีแดง

“ดีแลน” เจ้าของชื่อเงยหน้ามองราชาแวมไพร์ “เจ้าลืมปิดปากแผล”

แวมไพร์มือใหม่มองไปที่ต้นคอด้านหน้าก่อนจะพบว่าเลือดสีแดงเข้มยังไม่หยุดไหลจากปากแผลที่เป็นรูเล็กๆ สองรู

ดีแลนรีบก้มลงไปอีกรอบเพื่อเลียปิดปากแผลทันทีเพราะกลัวว่าจะทำให้ราชาแวมไพร์เขาไม่พอใจ

รวมถึงเลือดไม่กี่หยดที่อยู่รอบๆ รอยเขี้ยวด้วย

ของดีอย่างนี้ จะกินเหลือได้ไงล่ะ ปัดโธ่!

“เปื้อนหมดแล้วดีแลน” โนอาห์ส่ายหน้าแล้วหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดรอบๆ ปากของคู่หมั้นเบาๆ

ถึงดีแลนจะเสียดายคราบเลือดที่อยู่บนผ้า แต่ได้รับสัมผัสจากราชาแวมไพร์แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน!

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

โนอาห์มาอยู่ที่คฤหาสน์เซอร์ราโนมาได้หนึ่งสัปดาห์เต็มแล้ว

กิจวัตรประจำวันก็ไม่มีอะไรมาก ตื่นเช้ามาถ้าหิวหน่อยก็ดื่มเลือดเจ้าแวมไพร์หน้าใหม่ที่นอนอยู่ข้างๆ แน่นอนว่าดีแลนยิ่งกว่าเต็มใจ จากนั้นก็เดินดูรอบๆ สวนว่ามีผลไม้อะไรใหม่ๆ ให้กินอีกไหมเพราะเท่าที่เขาสังเกตดูผลไม้ที่นี่จะออกดอกออกผลได้หลากหลายในต้นเดียว

เหมือนนายหญิงของคฤหาสน์จะรู้ว่าเขาชอบไอ้ผลไม้สีแดงนั่นมาก หลังอาหารเช้าจึงมีมาเสิร์ฟเกือบทุกวัน

จากนั้นถ้าเบื่อๆ ก็ออกไปธุระข้างนอกกับลอร์ดเซอร์ราโน และนั่นทำให้มีบางคน อันที่จริง หลายๆ คนเริ่มรู้แล้วว่าดีแลนฉีกสัญญาหมั้นของผู้หญิงที่ชื่ออลิซอะไรนั่นแล้วและเขานี่แหละที่เป็นคู่หมั้นคนใหม่แห่งตระกูลเซอร์ราโน

แต่คนเป็นราชาแวมไพร์ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการหมั้นกับพวกมนุษย์จะยุ่งยากขนาดนี้

ตอนนี้ด้านหน้าของโนอาห์เต็มไปด้วยกระดาษมากมายที่มีตัวหนังสือเรียงกันเป็นพรืด ส่วนใหญ่เป็นรายละเอียดว่าหลังแต่งงานแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ทิศทางของการใช้สมบัติและกิจการต่างๆ ที่ตระกูลเซอร์ราโนมีครอบครองไว้มากมาย รวมถึงว่าถ้าหย่ากันสมบัติส่วนไหนจะเป็นของใคร อะไรยังไง

นี่ยังดีที่ราชาแวมไพร์ไม่ได้มีทรัพย์สินอะไรในแดนมนุษย์ ไม่งั้นคงวุ่นวายกว่านี้อีกสองเท่า

ปกติถ้าเป็นที่แดนแวมไพร์ก็แค่มีงานฉลองนิดหน่อย ใหญ่หน่อยก็ให้ราชาแวมไพร์ไปเป็นประธานให้ แต่ไม่ได้ยุ่งยากถึงขนาดต้องทำสัญญาแบบนี้แน่

อันที่จริงแล้วแค่ดีแลนมีเลือดของเขาไหลเวียนอยู่ก็นับว่าเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว แบบไม่ต้องมีสัญญงสัญญาอะไรทั้งนั้น

“อ่า คงมีแค่นี้แหละ” อีธานพูดเมื่ออธิบายแต่ละจุดสำคัญในสัญญาให้กับราชาแวมไพร์โดยมีลูกชายเขาอยู่ข้างๆ

“ต่อไปก็เหลือแต่เซ็นสัญญา” นายหญิงของคฤหาสน์กล่าวต่อ

โนอาห์พยักหน้า

ดีแลนเอื้อมมือไปหยิบปากกามาก่อนแล้วเซ็น จากนั้นก็เป็นอีธานและเพนนี

ถึงคราวของราชาแวมไพร์ โนอาห์เซ็นด้านบนชื่อตนเอง แล้วเหลือบไปเห็นสองช่องด้านล่าง

“แล้วช่องบิดามารดาของผมนี่ล่ะ” โนอาห์ถาม

อีธานกระพริบตา แล้วจึงถาม

“พ่อแม่เธอว่างมาเซ็นไหมล่ะ”

“ผมไม่มีพ่อแม่หรอกนะ” โนอาห์ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชากว่าปกติ

“โอ้ ฉันเสียใจด้วย” เพนนีพยายามทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

“พวกคุณไม่ต้องเสียใจหรอก พ่อแม่ผมไม่ได้ตาย…” โนอาห์เว้นวรรคเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “...แค่ไม่ได้มีอยู่แต่แรกแล้ว”

“โนอาห์” ดีแลนเรียกเบาๆ เหมือนจับสังเกตความเศร้าในเสียงของราชาของเขาได้ ทำให้โนอาห์ได้สติแล้วพูดต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ช่างมันเถอะ พวกคุณไม่รู้ก็ไม่ผิดหรอก”

เพนนีเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องงานเปิดตัวคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโนในเดือนหน้า

งานเปิดตัวก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนเป็นงานเลี้ยงขนาดปานกลางที่เชิญตัวแทนทั้งสิบสามเผ่ามาและพวกเจ็ดตระกูลผู้ทรงเกียรติด้วย

นั่นหมายความว่าโอกาสจะป๊ะกับหล่อนที่เป็นอดีตคู่หมั้นมีค่อนข้างสูง ถ้านางมีหน้าตอบรับบัตรเชิญน่ะนะ

อย่างไรก็ตามโนอาห์ไม่ได้อะไรมากเรื่องหล่อนหรอก อันที่จริงยังจำชื่อนางไม่ค่อยได้เลยด้วยซ้ำ เพราะถ้ามีใครมาหาเรื่องเขาแล้วแวมไพร์ในอาณัติคนใหม่ไม่ทำอะไรก็เตรียมตัวบอกลาของเหลวสีแดง แล้วเผชิญกับความเหน็บหนาวได้เลย!

 





ตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าดีแลนคือราชาแวมไพร์ที่มีตาสีดำสนิทจากเวทเปลี่ยนรูปลักษณ์

ถึงลอร์ดเซอร์ราโนจะเห็นดวงตาสีดำคู่นี้บ่อยจนชินแล้วเพราะเวลาออกไปข้างนอกโนอาห์จะมีรูปลักษณ์แบบนี้เสมอ

แต่ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็ดีกว่าอยู่ดี!

รวมถึงเล็บและเขี้ยวยาวด้วย

ดวงตาสีดำคู่นั้นกำลังสอดส่องเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้า วันนี้กิจวัตรของราชาแวมไพร์เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะดีแลนพาเขามาทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

อันที่จริงโนอาห์ก็คิดว่าเขาอ่านภาษามนุษย์แตกฉานนะ แต่ทำไมเมนูพวกนี้มันชื่อประหลาดอย่างนี้ล่ะ!

“รับอะไรดีค่ะ” สาวเสิร์ฟในชุดยูนิฟอร์มของร้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกร็งๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเป็นลอร์ดและโนอาห์ ถึงเธอจะไม่รู้ว่าโนอาห์เป็นใคร แต่ในเมื่อเขาได้ร่วมโต๊ะอย่างเป็นส่วนตัวกับลอร์ดเซอร์ราโน ก็คงเป็นคนสำคัญไม่แพ้กัน

“เอาเป็น…” ดีแลนสั่งก่อน

ในที่สุดโนอาห์ก็ขอยอมแพ้กับภาษาต่างด้าวบนเมนู

ถึงเขาจะอยู่มาเป็นพันปีแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะเข้าใจทุกเรื่องนะ โดยเฉพาะเผ่ามนุษย์ที่เข้าใจยาก

“นายสั่งให้ฉันด้วยแล้วกัน” อีกอย่างที่เปลี่ยนไปพร้อมกับสีตาและรูปลักษณ์ก็คือการใช้สรรพนาม เพราะเป็นมนุษย์แล้วก็ต้องพูดให้เหมือนมนุษย์ อันที่จริงบางทีราชาแวมไพร์ก็ติดการใช้สรรพนามแบบนี้ไปแล้วเหมือนกัน

เมื่อดีแลนได้ยินดังนั้นก็ยกเมนูขึ้นมาดูใหม่ด้วยความตั้งใจมากกว่าเดิม

ราชาแวมไพร์ของเขาจะต้องได้ของที่อร่อยที่สุด!

สุดท้ายดีแลนก็จบที่สเต๊กเนื้อราดซอส แน่นอนว่าสเต๊กนั้นสั่งแบบแรร์สุดเพราะจากการศึกษาพฤติกรรมการกินของราชาแวมไพร์และตนเองตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็พบว่าอาหารที่แวมไพร์ชอบกินน่าจะเป็นแบบกึ่งสุกกึ่งดิบเพราะมันจะมีกลิ่นเลือดเล็กน้อย

ถึงเลือดสัตว์จะไม่สามารถทดแทนความต้องการของแวมไพร์ได้แต่อย่างน้อยก็กินเล่นๆ เป็นของกินเล่นเพลินๆ ได้

ใช้เวลาไม่นานทั้งสองเมนูก็มาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร

อีกอย่างที่ราชาแวมไพร์ไม่เข้าใจในแดนมนุษย์คืออาหารนี่จ่ายไปต้องแพง ทำไมให้ไม่ถึงครึ่งจาน

นี่มันหลอกลวงผู้บริโภคชัดๆ ในเมนูก็ดูเต็มจานดีออก!

แถมผักเขียวๆ ข้างจานพวกนี้มันอะไรกัน คนกินเนื้อตัวจริง ต้องกินแต่เนื้อเถอะ ไฟเบอร์ไม่เห็นจำเป็นกับราชาแวมไพร์อย่างเขาเลยสักนิด

ถึงสเต๊กเนื้ออันนี้จะอร่อยมากก็เถอะ

“ฉันไม่อิ่ม” โนอาห์พูดกับดีแลนหลังจากจัดการอาหารในจานตัวเองในเวลาไม่ถึงสิบนาที

“หืม งั้นสั่งอะไรเพิ่มไหม” ดีแลนถาม

“ไม่ ฉันอยากกินอันที่มันเย็นๆ หวานๆ” ราชาแวมไพร์กำลังพูดถึงสิ่งที่เพนนีซื้อมาฝากเขาเมื่อวานตอนเย็น

“นายหมายถึงไอศกรีม”

โนอาห์พยักหน้า

“เอาสิ ตรงหัวมุมนี้มีร้านอร่อยอยู่พอดี” ดีแลนพูดเสร็จแล้วเรียกพนักงานมาจ่ายเงิน

ก่อนออกจากร้านพนักงานยังมีหน้ามาบอกแล้วเจอกันใหม่

เจอกันใหม่ตอนที่อาหารที่เสิร์ฟเหมือนในเมนูแล้วกันนะ

หรือนั่นต้องใช้เวลาตลอดกาล?

 





แต่ยังไม่ทันเดินออกไปถึงร้านไอศกรีมที่ว่า ราชาแวมไพร์ก็ถูกอัดด้วยอะไรบางอย่างเสียก่อน

“อุ๊บ” ถึงจะไม่ได้แรงมากแต่ก็ทำให้โนอาห์จุกเล็กๆ เหมือนกัน

“เดินระวังหน่อย” น้ำเสียงอันตรายออกจากบอกของดีแลนที่ในมือตอนนี้จับข้อมือของเด็กชายหน้าตามอมแมมคนหนึ่งอยู่

เด็กชายคนนั้นทำท่าจะวิ่งพร้อมกับพยายามสะบัดมือให้หลุดเหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่าง

“อะฮ่า เจ้าหนีไปไหนไม่หรอก เด็กน้อย” เสียงเข้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นในทางที่เด็กชายเพิ่งวิ่งมา ผมสีทองยาวอร่ามและหูแหลมทำให้ลอร์ดเซอร์ราโนรู้ทันทีว่าคนคนนี้เป็นใคร

“ท่านมาคัส”

“ลอร์ดเซอร์ราโน” คนเป็นเอลฟ์ดูแปลกใจเมื่อเห็นเด็กที่ตนเองไล่ตามจับอยู่อยู่กับท่านลอร์ดแห่งแดนมนุษย์

“ท่านมาที่แดนมนุษย์ทำไมกัน” ดีแลนถามด้วยความระแวง

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะท่านลอร์ด ข้าก็แค่มาเดินเล่นดูความเป็นอยู่ของมนุษย์เท่านั้นเอง”

“แล้วท่านไล่ตามเด็กคนนี้ทำไม”

“อ่า ก็เจ้าหนูนี่ดันขโมยแอปเปิ้ลที่ข้าเพิ่งซื้อไป”

ดีแลนมองดูเด็กที่อยู่กับเขาก่อนตอบ

“ท่านคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ เราไม่เห็นเห็นแอปเปิ้ลที่ท่านว่าเลย”

มาคัสสำรวจดูเด็กชายหน้าตามอมแมม แล้วพบว่าไม่มีแอปเปิ้ลที่ว่าจริงๆ

“แต่ข้าเห็นกับตา”

“อาจเป็นคนอื่นก็ได้ท่าน”

ระหว่างที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่ เด็กชายที่รู้ว่ายังไงก็ไม่น่าหลุดจากมือที่จับอยู่ได้ก็เงยหน้าขึ้นมาสำรวจสถานการณ์รอบข้าง ทำให้โนอาห์ที่สังเกตการอยู่เห็นสีดวงตาของเด็กชายพอดี

มันเป็นสีเหลือง

เหลืองสด สีที่ไม่เหมือนกันมนุษย์

ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะรู้ว่าเขาสังเกตเห็นแล้วจึงหลุบตาลงต่ำเหมือนเดิมทันที

“ไปกันเถอะดีแลน” โนอาห์พูดขึ้นและนั่นทำให้มาคัสสังเกตเห็นคนที่มากับลอร์ดเซอร์ราโน

“อ่า ถ้าข้าเดาไม่ผิดนี่คงเป็นคู่หมั้นคนใหม่ของท่านสินะ”

ดีแลนไม่ได้ตอบอะไร มาคัสจึงพูดต่อ

“ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าคนนี้มีอะไรดี เป็นพวกชนชั้นสูงรึก็ไม่ใช่”

“ท่านมาคัส” ดีแลนกดเสียงต่ำเป็นสัญญาณ อันที่จริงถ้าเขาจัดการกับเจ้าเอลฟ์เจ้าปัญหาตรงหน้านี้ได้คงจัดการไปแล้วแต่ว่าตอนนี้เขาอยู่ในที่สาธารณะแถมคนเริ่มมุงกันแล้วด้วยว่าลอร์ดเซอร์ราโนกับเอลฟ์ผมทองมีเรื่องอะไรกัน

อีกอย่างราชาแวมไพร์ของเขาเป็นชนชั้นสูงกว่าเจ้าเอลฟ์โง่ๆ นี่อีก

“เอาล่ะๆ พอเลยทั้งคู่ เจ้าเอลฟ์นี่ ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใครใหญ่มาจากไหน แต่ฟังจากคำพูดแล้ว ก็คงเป็นแค่เอลฟ์ปลายแถวที่ได้แต่สะกดคำว่ามารยาทไม่เป็น”

“นี่เจ้า!”

“ไปกันเถอะดีแลน ฉันว่านายสัญญาอะไรฉันไว้บางอย่างนะ”

ลอร์ดเซอร์ราโนสงบสติอารมณ์แล้วดึงให้โนอาห์ออกเดิน

“เฮ้ แล้วเด็กคนนั้นล่ะ”

“ฉันจัดการเองมาคัส นี่แดนมนุษย์ไม่ใช่เอลฟ์”

จากนั้นดีแลนก็จัดการลากคู่หมั้นตัวเองออกมาทันทีโดยที่ไม่ลืมเด็กชายตัวน้อยด้วย

พอออกมาพ้นเอลฟ์หนุ่มแล้ว เด็กชายก็พยายามขันขืนออกจากการจับกุมของลอร์ดเซอร์ราโนสิ

“เจ้าจะพาข้าไปไหน” เสียงเล็กๆ พยายามเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของมือใหญ่

“ปล่อยเขาไปดีแลน” โนอาห์สั่งเสียงเรียบ

คนเป็นลอร์ดมองหน้าราชาแวมไพร์เล็กน้อย สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือ

เด็กชายวิ่งหายเข้าไปในฝูงชนทันทีที่เป็นอิสระ

“ทำไมถึงปล่อยเขาไป” ดีแลนถาม

“นายไม่อยากยุ่งกับเผ่าของเขาหรอก”

“เด็กคนนั้นไม่ใช่มนุษย์หรือ”

“ไม่เห็นดวงตาสีเหลืองของเขาเหรอ”

ดีแลนขมวดคิ้ว ดวงตาสีเหลืองสดเป็นสีที่ไม่ว่าเผ่าไหนก็เลือนแบบไม่ได้ สีเหลืองสดที่เหมือนสัตว์ป่า

“มนุษย์หมาป่า?”

โนอาห์พยักหน้า

“นี่ยังดีที่พวกเราอยู่ใต้เวทเปลี่ยนรูปลักษณ์ ไม่งั้นเจ้าหนูนั่นคงได้กลิ่นแวมไพร์จากนายไปแล้ว”

“แต่ฉันไม่ยักได้กลิ่นอะไรจากตัวเด็กนั่น” ดีแลนขมวดคิ้ว เพราะเท่าที่เขาศึกษามา แวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าเป็นเหมือนศัตรูคู่อาฆาตกันมาแต่ไหนแต่ไร พลัดกันเป็นผู้ล่า พลัดกันเป็นเหยื่อ สุดท้ายทั้งคู่สามารถดมกลิ่นกันและกันได้จากผลของวิวัฒนาการ

“ก็เหมือนกับที่มนุษย์หมาป่าไม่ได้กลิ่นของราชาแวมไพร์ แวมไพร์ก็จะไม่ได้กลิ่นของอัลฟ่ามนุษย์หมาป่า”

“เด็กคนนั้นเป็นอัลฟ่า?”

อัลฟ่าของมนุษย์หมาป่าก็เหมือนหัวหน้าฝูง อาจแตกต่างจากพวกแวมไพร์นิดหน่อยตรงที่อัลฟ่ามีมากกว่าหนึ่ง แต่ราชาแวมไพร์มีแค่คนเดียว

“พูดว่าลูกของอัลฟ่าน่าจะถูกกว่า”

ดีแลนพยักหน้า ปล่อยเด็กคนนั้นไปก็ถูกแล้วเพราะมนุษย์แม่ที่น่ากลัวรองจากมนุษย์แม่มังกรก็มนุษย์แม่หมาป่าเนี่ยแหละ

ไม่นานนักร่างของทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่ที่หัวมุมถนน

ไม่ใช่ร้านอะไรนอกจากร้านไอศกรีมที่ราชาแวมไพร์เรียกร้อง

“อ่า….” คนเป็นราชาแวมไพร์ตอนนี้มองดูถังไอศกรีมหลากสีด้วยความตาลาย ไม่อาจทราบได้ว่ารสที่ถูกใจเมื่อวานคืออันไหน

“รับไอศกรีมรสอะไรดีครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดีหลังตู้ไอศกรีมถาม แน่นอนว่าโนอาห์ยังไม่มีคำตอบให้

“ดีแลน อันไหนคืออันที่เพนนีเอาให้ฉันเมื่อวาน”

ลอร์ดเซอร์ราโนกระพริบตาก่อนตอบ

“ไอศกรีมเมื่อวานตอนเย็นน่ะนะ”

โนอาห์พยักหน้า

“พวกนั้นท่านแม่เป็นคนทำเองน่ะ”

“อ้าว”

ลอร์ดเซอร์ราโนโน้ตไว้ในใจว่าจะขอให้ท่านแม่ตนสอนวิธีทำไอศกรีมสูตรนั้น

“อืม เอาเป็นว่ารสนี้ไหม นายน่าจะชอบ” ดีแลนพูดพร้อมชี้ไปที่ถังไอศกรีมถังหนึ่งที่บรรจุไอศกรีมสีสายรุ้ง

โนอาห์พยักหน้า ยังไงเขาก็ไม่รู้อยู่แล้วว่ารสส่วนใหญ่มันเป็นยังไง เมื่อคำบรรยายข้างๆ ไม่ได้ช่วยเลยสักนิด

ถือซะว่าตามใจคนจ่ายเงินแล้วกัน

ในที่สุดทั้งสองคนก็ได้ไอศกรีมกันคนละโคนออกมาจากร้าน

รูปลักษณ์ของโนอาห์ก็ดูเข้ากับไอศกรีมที่เหลือดี คนจะมองก็แต่ท่านลอร์ดเซอร์ราโนที่ถือไอศกรีมหลากสีอยู่ในมือด้วยนี่สิ

“อร่อยดีไหม” ดีแลนถามราชาของตน

“อร่อยดี แต่ฉันชอบของที่แม่นายทำมากกว่า” โนอาห์เงยหน้าจากไอศกรีมขึ้นมาตอบ

ดีแลนคิดในใจว่าราชาแวมไพร์เสพติดของหวานของแดนมนุษย์ไปแล้วหรือเปล่า

แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางกลับ ลอร์ดเซอร์ราโนก็สังเกตเห็นร้านที่อีกด้านของถนนแล้วนึกขึ้นได้ว่า

“โนอาห์ ฉันว่าเราลืมเรื่องสิ่งที่สำคัญที่สุดไปนะ”

“หืม?”

“แหวนหมั้นไงล่ะ”


ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ในตอนบ่ายของเช้าวันรุ่งขึ้น ช่างอัญมณีชื่อดังถูกนัดอย่างกะทันหันที่คฤหาสน์เซอร์ราโน

“คุณเบน เชิญเข้ามาได้เลย” ลอร์ดเซอร์ราโนกล่าวแล้วพาชายที่ค่อนข้างชราแล้วไปที่ห้องรับแขกของบ้านที่มีราชาแวมไพร์นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่

ดีแลนแนะนำเบนช่างทำอัญมณีให้รู้จักกับคู่หมั้นคนใหม่ของเขา

“ยินดีที่ได้รู้จักท่านโนอาห์”

“ยินที่ได้รู้จักเช่นกัน”

เมื่อทุกคนนั่งเรียบร้อยแล้วดีแลนก็จัดการบอกความต้องการตนเองทันที

“เอาล่ะ ผมต้องการแหวนหมั้นสองวงสำหรับผมและโนอาห์”

“อ่า นั่นไม่มีปัญหา แล้วท่านมีแบบอะไรไว้ในใจหรือยัง” เบนถามพร้อมๆ กับดึงกระดาษและดินสอร่างออกมาจากกระเป๋าสะพายขนาดกลาง

“ผมร่างไว้คร่าวๆ แล้ว” ท่ามกลางความตกใจของราชาแวมไพร์และช่างอัญมณี ดีแลนก็เรียกแบบร่างที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อคืนหลังโนอาห์หลับไปแล้ว

ถึงดีแลนจะไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการวาดรูปแต่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร

แหวนบนกระดาษนั้นเป็นแหวนที่มีลวดลายซับซ้อนเหมือนเถาวัลย์ เถาวัลย์เหล่านั้นเหมือนจะไม่มีระเบียบแต่ทุกสายกลับมุ่งหน้าและพันรอบๆ อัญมณีตรงกลาง ทับทิมสีแดงสด

ส่วนตัวแหวนเป็นสีทอง

“ไม่ทราบว่าอันนี้สำหรับ…” ชายชราเว้นเป็นคำถาม

“แน่นอนว่าสำหรับโนอาห์”

คราวนี้เป็นความตกใจของราชาแวมไพร์บ้างแล้ว

อย่าบอกนะว่าเขาต้องเป็นคนออกแบบแหวนให้เจ้าลอร์ดข้างๆ น่ะ!

“แล้วของท่านลอร์ด?” เบนหันมาถามโนอาห์

นั่นไง! ว่าแล้วไม่มีผิด

“เอ่อ…” โนอาห์รวบรวมสติสักพักก่อนตอบ “ผมอยากได้แบบเรียบๆ มากกว่า แล้วก็หัวแหวนตรงกลางให้ใหญ่หน่อยแต่ว่าเป็นทับทิมอันเดียวกัน”

เบนพยักหน้าพลางสเก๊ตรูปบนกระดาษไปได้ ก่อนจะถาม

“งั้นท่านว่าแบบนี้เป็นอย่างไร” แต่เพิ่มลูกเล่นโดยการทำให้ทับทิมตรงกลางเป็นสี่เหลี่ยมมุมตัด แล้วเพิ่มลวดลายรอบๆ หัวแหวน

ราชาแวมไพร์ฟังความเห็นจากเบนและดีแลนก่อนเพิ่มรายละเอียดบางส่วนลงไปเล็กน้อย

แต่เหมือนราชาแวมไพร์จะไม่พอใจง่ายๆ เบนเลยต้องแก้ไปแก้มาตามที่โนอาห์บอกอยู่หลายรอบ แต่เขาก็ไม่ได้มีสีหน้าไม่พอใจอะไรเหมือนจะสนุกด้วยซ้ำ

ดีแลนดูดีใจที่โนอาห์ใส่ใจกับการออกแบบแหวนให้เขา

อันที่จริงธรรมเนียมการใส่แหวนนี่มีแค่เฉพาะเผ่ามนุษย์เท่านั้น ส่วนเผ่าอื่นส่วนใหญ่มักจะเพ้นท์อะไรตามตัวตามใบหน้ามากกว่า

ในที่สุดแบบแหวนที่ใช้เวลาไปสามชั่วโมงกว่าก็ได้เป็นฉบับไฟนอลซะที

“สุดท้ายผมขอวัดขนาดนิ้วท่านหน่อย”

ดีแลนและโนอาห์ยื่นมือซ้ายออกไป

เบนเรียกสายวัดมาวัด จากนั้นจึงกล่าวลาพร้อมบอกว่าจะนำแหวนมาให้ลองในอาทิตย์หน้า

“นายไม่เห็นบอกฉันว่าต้องออกแบบเอง” ราชาแวมไพร์เริ่มหันไปหาเรื่องผู้น้อย

“อ่า…ฉันก็ลืมบอกนายไป”

“...”

“เอาเป็นว่าขอโทษแล้วกัน”

“...” โนอาห์ยังคงทำหน้าบึ้งอยู่

“อืม งั้นให้ฉันง้อด้วยสิ่งนี้เป็นไง” ดีแลนพูดจบแล้วดีดนิ้วเรียกอะไรบางอย่างออกมาจากตู้เย็น

“อะไรน่ะ…” ถึงราชาแวมไพร์จะยังโกรธอยู่เล็กๆ แต่กลิ่นที่ลอยออกมาจากกล่องนั่นทำให้เขาต้องถาม

“ลองเปิดดูสิ” โนอาห์รับกล่องเย็นๆ นั่นมาแล้วเปิดออก

“อย่าบอกนะว่า…”

“ใช่แล้ว ไอศกรีมสูตรของแม่ฉันเอง”

“นายทำเองเหรอ?”

ดีแลนพยักหน้า

“ลองชิมดูสิ”

ลอร์ดเซอร์ราโนยื่นช้อนคันเล็กเหมาะกับการตัดไอศกรีมให้

“เอ๋?” โนอาห์งุนงงเมื่อเปิดออกมาแล้วเจอกับไอศกรีมประมาณสามลูกกับสิ่งที่อยู่ข้างๆ “นั่นมัน…”

“สตรอเบอร์รี่ไง ฉันเห็นนายชอบออกไปเด็ดเจ้านี่อยู่บ่อยๆ”

โนอาห์มองหน้าดีแลนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

เขาเป็นราชาแวมไพร์ก็จริง

มีคนรับใช้เขามากมายก็จริง

แวมไพร์ทุกตนทำตามคำสั่งเขาก็จริง

แต่ไม่เคยมีแวมไพร์ตนไหนสังเกตว่าเขาชอบอะไรมาก่อน…

“ขอบคุณมาก” โนอาห์พยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ขนาดพยายามแล้วก็ยังสั่นอยู่หน่อยๆ

แล้วรีบถือกล่องไอศกรีมวิ่งออกจากห้องไปทันที

เหลือแต่ดีแลนที่ยืนงง

 





ปิ๊บๆๆๆ

ดีแลนที่กำลังนั่งพักสายตาหลังจากจัดการเอกสารที่ส่งมาจากธนาคารและบริษัททั้งหลายที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่เสร็จได้ยินเสียงที่บ่งบอกว่ามีคนกดออดอยู่หน้าคฤหาสน์

คฤหาสน์เซอร์ราโนเป็นคฤหาสน์เวทมนตร์ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมคฤหาสน์หลังนี้ถึงไม่มีแม่บ้านหรือคนทำสวน คำตอบก็คือคฤหาสน์เวทมนตร์สามารถจัดการสิ่งเหล่านั้นเองได้รวมถึงตอบสนองความต้องการของเจ้าของบ้านในเรื่องต่างๆ ด้วย

คฤหาสน์เวทมนตร์หรือบ้านเวทมนตร์ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ และไม่ได้เกิดขึ้นได้ด้วยเงิน

มันต้องอาศัยความรักและความผูกพันของตัวคฤหาสน์และคนที่อยู่บ้านอย่างยาวนาน คฤหาสน์หรือบ้านนั้ถึงเริ่ม ‘มีชีวิต’ ขึ้นมาได้ และเป็นคฤหาสน์เวทมนตร์

ลอร์ดเซอร์ราโนร่ายเวทวงจรปิดปรากฏเป็นภาพหน้าประตูรั้วคฤหาสน์ตรงหน้า

“เจ้าอเล็กซ์มาทำอะไรเนี่ย” ดีแลนบ่นแต่ก็ใช้เวทเปิดประตูรั้วอนุญาตให้เข้ามาแล้วเดินไปรอที่ห้องรับแขก

หัวสีบลอนสว่างและเสียงร่าเริงที่เห็นก่อนเจ้าตัวทำให้เจ้าของคฤหาสน์รู้ว่า นี่แหละเพื่อนเขา ไม่ผิดคน

“ไฮ ดีแลน”

เจ้าของชื่อทักทาย อเล็กซานเดอร์ เฮนสลีย์ กลับ

เฮนสลีย์ นามสกุลที่ทุกคนรู้จักพอๆ กับเซอร์ราโน เพราะเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลอันทรงเกียรติ อเล็กซ์คนนี้ไม่ได้เป็นลอร์ดเหมือนกับดีแลนเพราะเป็นลูกคนเล็กแต่สนิทกันเพราะอายุอานามใกล้เคียงกัน

“นายมาทำไม”

“โหย พูดงี้กับเพื่อนได้ไงอะ เราเสียใจนะ ได้ยินไหมว่าเราเสียใจ”

ดีแลนได้แต่ส่ายหัวกับความดราม่าปัญญาอ่อนของเพื่อนตัวเอง ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเขานับคนตรงหน้าเป็นเพื่อนสนิทอย่างไร

“ถ้าจะมาแค่นี้ ไว้มาวันหลังแล้วกันนะ” ลอร์ดเซอร์ราโนไล่หลังจากหันไปดูนาฬิกาข้างฝาผนังแล้วพบว่านี่ค่อนข้างดึกแล้ว และที่สำคัญ

นี่มันเป็นเวลาดื่มเลือดของเขาแล้วโว้ย!

“ง่ะ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ เราแค่จะมาถามเรื่องนี้เอง” อเล็กซ์ชูกระดาษที่ถูกพับครึ่งอย่างสวยงามมาให้

ดีแลนรับมาเปิดดูก่อนพบว่ามันเป็นบัตรเชิญมางานเปิดตัวคู่หมั้นของเขา

“ถามอะไร” คราวนี้ดีแลนเริ่มระแวงแล้วว่าเพื่อนสนิทตัวเองจะมาไม้ไหน

“ก็ฉันว่ามันแปลกๆ อยู่นะ ไอ้โนอาห์อะไรนี่ ฉันไม่เห็นนายเคยพูดถึงเลยแล้วอยู่ๆ ก็หมั้นแถมมีงานเปิดตัวด้วย เลยอยากมาดูให้แน่ใจว่าไม่ได้ถูกเวททำเสน่ห์”

“อเล็กซ์ อย่าพูดถึงคู่หมั้นฉันแบบนั้น” ดีแลนกล่าวเสียงเข้ม ถึงอเล็กซ์จะไม่ได้พูดดูถูกเหมือนที่มาคัสทำ ออกไปทางล้อเล่นมากกว่า แต่ดีแลนก็ไม่ชอบอยู่ดี

ดีแลนเข้าใจที่อเล็กซ์พูดถึงงานเปิดตัวแบบนั้นอยู่ เพราะว่าปกติแล้วงานเปิดตัวคู่หมั้นจะมีเฉพาะคนที่มั่นใจแน่ๆ ว่าจะแต่ง โดยทั่วไปจะจัดก่อนงานแต่งประมาณหนึ่งปี

“แหนะๆ มีปกป้องกันด้วย” อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

“มีอะไรกัน” เสียงจากหน้าห้องลอยมากระทบหูของคนทั้งสองคน

เป็นโนอาห์ที่อยู่ในชุดนอนแขนยาวขายาวที่ยึดของดีแลนมาเป็นของตัวเอง

อเล็กซ์พุ่งเข้าไปหาคนมาใหม่ทันทีอย่างที่ดีแลนห้ามไม่ทัน

“สวัสดี ท่านคงเป็นท่านโนอาห์”

โนอาห์มองชายแปลกหน้าที่ดูไม่มีพิษมีภัยอย่างงงๆ แต่ก็งงได้ไม่นานเมื่ออเล็กซ์ดึงมือเขาไปแล้วทำท่าจะกดจูบลงมา

“อเล็กซ์!” แน่นอนว่าดีแลนวาร์ปมาได้ทันควันแล้วดึงมือของโนอาห์ออกไปกุมไว้

ราชาแวมไพร์ของเขา ใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะทั้งนั้นโว้ย!

“ใครน่ะ ดีแลน”

ลอร์ดเซอร์ราโนแนะนำเพื่อนสนิทของเขาให้คู่หมั้นด้วยความไม่เต็มใจอย่างแรง

อเล็กซ์โค้งตัวให้โนอาห์อย่างสวยงาม

โนอาห์หัวเราะออกมาเล็กน้อยกับท่าทางนั้น

ลอร์ดเซอร์ราโนกัดฟันกรอด

ให้ตายเถอะ! เขายังไม่ได้รับเสียงหัวเราะจากราชาแวมไพร์แบบนี้เลยสักครั้ง!

“แล้วนายมีอะไรหรือเปล่า” ดีแลนถามพยายามเปลี่ยนโฟกัสจากเพื่อนสนิทสุดกวนไปที่ราชาแวมไพร์

“ก็ไม่เห็นนายไปนอนซะที เลยมาดู”

อเล็กซ์ส่งสายตาไปทางเพื่อนสนิทเป็นเชิงว่า แหนะๆ มีนอนห้องเดียวกันด้วย เดี๋ยวก็ท้องก่อนแต่งหรอก

ลอร์ดเซอร์ราโนทำเป็นมองไม่เห็นสายตานั้น วิธีจัดการกับพวกเรียกร้องความสนใจคือไม่ต้องไปสนใจ

ยกเว้นการเรียกร้องความสนใจของราชาแวมไพร์ของเขาน่ะนะ

ทั้งสามคนคุยกันเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นอเล็กซ์ที่ถามเรื่องเขาสองคนเจอกันได้อย่างไร

แน่นอนว่าใครจะไปพูดความจริง

โนอาห์เลยตอบไปว่ารู้จัก(ก่อนไม่นาน)กับแม่ของดีแลน แล้วบังเอิญคุยกัน(เรื่องข้อแลกเปลี่ยน)ได้ถูกคอ เลยได้มาเจอกับลูกชายเขา(ที่นอนเป็นผักอยู่บนเตียง) ทุกคนเห็นว่าเหมาะสม(แบบบังคับเล็กๆ) เลยให้หมั้นกัน

อเล็กซ์ทำหน้าเหมือนบรรลุ

โนอาห์ที่เริ่มจะง่วงนิดๆ จริงๆ แล้วจึงขอตัวไปนอนก่อน

“ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมนายถึงหมั้นสายฟ้าแลบแบบนี้” อเล็กซ์เริ่มบทสนทนาหลังจากโนอาห์เดินหายลับเข้าไปในโถงทางเดิน

“...” ดีแลนไม่ได้พูดอะไร

“เอ้า! ถามฉันสิว่าทำไม”

“ทำไม”

อเล็กซ์กวักมือเป็นเชิงให้เข้ามาฟังใกล้ๆ

“ก็เขาดูน่ากินซะขนาดนี้”

ดีแลนคิดในใจว่าเขาตัดเพื่อนตอนนี้ทันไหม

“ทีนี้ เล่าให้ฉันฟังเร็วว่าถึงขั้นไหนกันแล้ว

แด่มือที่พาดอยู่ที่ไหล่เขาตอนนี้ ลอร์ดเซอร์ราโนขอตัดอเล็กซานเดอร์ เฮนสลีย์ออกจากสมุดเพื่อนสนิทอย่างเป็นทางการ…

 





กว่าดีแลนจะไล่อเล็กซ์ออกจากบ้านได้ ราชาแวมไพร์ก็หลับไปแล้ว

แล้วอย่างนี้ เขาจะดื่มเลือดอย่างไรเนี่ย

ลอร์ดเซอร์ราโนค่อยกระดึ๊บขึ้นไปบนเตียงกลางห้อง

“อืม…” โนอาห์ที่หลับไปแล้วครางออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว

“โนอาห์” ดีแลนที่เห็นว่าราชาแวมไพร์ไม่ได้หลับลึกมากจึงลองเรียกดู

“อื๊ม… ฉันจะนอน”

“แล้วอาหารฉันล่ะ”

โนอาห์นอนตะแคงหันหน้าไปทางดีแลนแล้วปรือตาใส่

“เอานี่ไปแล้วกัน”

ราชาแวมไพร์ยื่นมือออกไป

ดีแลนทำหน้างุนงง

“อะไรเหรอ”

“ก็กินจากข้อมือไง”

โนอาห์ตอบเหมือนอีกฝ่ายช่างโง่เสียเต็มประดา

ดีแลนกรีดร้องในใจ

ไม่ได้นะ!

มันไม่ได้ฟีล!

 


ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

“เผ่าเอลฟ์ชักจะกำเริบเสิบสานไปใหญ่แล้ว” ชายวัยกลางคนบนหัวโต๊ะเอ่ยขึ้นหลังจากอ่านหนังสือพิมพ์เสร็จ

ดีแลนที่ยังไม่ได้อ่านหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู

 

...ท่านมาคัส ผู้นำเผ่าเอลฟ์กล่าวกับเราว่าเขามีความเป็นห่วงความปลอดภัยแดนมนุษย์เป็นอย่างมากเมื่อมนุษย์เดินดินไม่ได้มีพลังวิเศษอะไรมาก อีกทั้งยังไม่รู้ว่าพวกแวมไพร์จะนึกคึกออกล่าอาหารในแดนมนุษย์เมื่อไหร่…

 

ดีแลนส่ายหน้า นี่มันประเด็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังจะเอามาเล่นอีกเหรอ

แต่ลอร์ดเซอร์ราโนต้องหัวร้อนทันทีเมื่ออ่านถึง

 

...ท่านมาคัสยังกล่าวอีกว่าการเมืองภายในแดนมนุษย์เริ่มไม่เสถียรหลังจากมีข่าวฉีกสัญญาหมั้น และการเตรียมการเปิดตัวคู่หมั้นคนใหม่ในอีกสามสัปดาห์ ว่าที่ผู้นำเผ่าเอลฟ์ยังบอกอีกว่าเท่าที่ตนได้รู้จัก โนอาห์ คู่หมั้นคนใหม่ของลอร์ดเซอร์ราโน พบว่าเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ทั่วไป แถมไม่มีประวัติใดๆ ที่แสดงถึงความสามารถ และไม่ได้มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง อันที่จริง เราไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขามาจากไหน...

...ท่านมาคัสกล่าวส่งท้ายว่า ลอร์ดแดนมนุษย์จะเอาคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้มาเป็นคู่ชีวิตจริงหรือ ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้า…

 

ดีแลนแทบอยากขย้ำกระดาษตรงหน้าแล้วเอาไปปาใส่หัวทองๆ ของเจ้าเอลฟ์นั่น

ราชาแวมไพร์เป็นคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้ากับผีสิ!

แถมยังไม่มีความสามารถ!

“ลูกจะเอายังไงต่อ เหมือนคนหลายคนก็เห็นด้วยกับมาคัสด้วยสิ” อีธานชี้ให้ผู้เป็นลูกชายเห็นบทสัมภาษณ์ของเหล่ามนุษย์ที่อยู่ในกรอบข้างๆ กับประเด็นเปิดตัวคู่หมั้นคนใหม่สายฟ้าแลบของลอร์ดเซอร์ราโน

ผู้คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาคัสในเรื่องที่โนอาห์ดูไม่เหมาะสมกับท่านลอร์ด อีกทั้งยังไม่มีประวัติที่แสดงถึงความสามารถใดๆ เป็นพิเศษ แล้วอย่างนี้ชาวเมืองให้มาอยู่ข้างกายท่านลอร์ดได้อย่างไร

โอเค ดีแลนยอมรับว่าเขาผิดเองที่ไม่ได้กระจายข่าวกับประชาชนด้วยตนเองให้เคลียร์ทำให้คนส่วนใหญ่ได้รับข่าวด้านเดียวจากมาคัสในหนังสือพิมพ์โง่ๆ นี้

แล้วเปลี่ยนทัศนคติของคนทั้งประเทศนี่ยากกว่าอะไรดี!

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เสียงที่ดังมาจากบันไดวนของคฤหาสน์เซอร์ราโนพาให้ชายสองคนที่กำลังปรึกษาหารือกันอยู่หันไปดู

“โนอาห์ เธอได้อ่านข่าวแล้วหรือ” อีธานถาม

ราชาแวมไพร์พยักหน้า

บิดาของลอร์ดเซอร์ราโนถามต่อ

“แล้วเธอจะเอาอย่างไร”

“อันที่จริง ผมก็อยากอยู่เฉยๆ อยู่หรอก เพราะอย่างไรคนพวกนั้นก็ทำอะไรผมไม่ได้”

แต่โนอาห์รู้ดีว่าเรื่องนี้จะทำให้ฐานะทางการเมืองของลอร์ดเซอร์ราโนสั่นคลอนได้ จึงพูดต่อ

“แต่เห็นแก่ดีแลน ผมจะแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง”

“นายจะทำอะไร?” ดีแลนถาม หรือว่าราชาแวมไพร์จะมีเวทวิเศษที่ทำให้คนเปลี่ยนความคิดได้? คงไม่มั้ง

“ในเมื่อผู้คนไม่เชื่อในความสามารถฉัน ก็พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นสิว่าฉันก็มีความสามารถ หึหึ”

ดีแลนและอีธานเหมือนเห็นปีกปีศาจแวบๆ

 





“ช่วงนี้นายมีเรื่องกับพวกเอลฟ์เหรอ” ราชาแวมไพร์เอ่ยถามอีกคนที่อยู่ในห้อง

อันที่จริง เขาเข้ามาในห้องนี้ไม่บ่อยหรอก เพราะมันเป็นห้องทำงานของลอร์ดเซอร์ราโนที่เต็มไปด้วยเอกสารอันน่าเบื่อ

ดีแลนได้ยินคำถามจึงเล่าให้คู่หมั้นฟังว่ามาคัสพูดในสภาว่าอะไรบ้าง

“เฮ้อ ดราม่าระหว่างเผ่านี่ช่างน่าปวดหัวเสียจริง แดนมนุษย์ไม่สนใจปิดแดนเหมือนเผ่าแวมไพร์บ้างเหรอ” ราชาแวมไพร์ว่าพลางเบะปาก

“ไม่ได้หรอก ถึงแดนมนุษย์จะมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์แต่อะไรหลายๆ อย่างยังต้องพึ่งพาเผ่าอื่นอยู่ อย่างด้านพลังงานก็ยังต้องซื้อจากพวกคนแคระ”

ดีแลนถามกลับว่าแดนแวมไพร์ปิดแดนได้อย่างไร อยู่ด้วยตัวคนเดียวได้หรือ

“อันที่จริง ถึงแดนแวมไพร์จะปิดแบบเป็นทางการ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีแวมไพร์ออกมาหรอกนะ อย่างน้อยนายก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้”

“นายพูดเหมือนมีแวมไพร์ตนอื่นอยู่ในแดนมนุษย์ด้วยนอกจากพวกเรา”

“แน่นอน อยากให้ฉันเรียกพวกเขามาไหมล่ะ”

ดีแลนส่ายหน้า

“กลับมาที่เรื่องเอลฟ์ นายมีวิธีอะไรหรือเปล่า” ดีแลนถามราชาแวมไพร์เพราะโนอาห์เป็นถึงผู้ปกครองสูงสุดของเผ่าแวมไพร์ เรื่องอะไรแบบนี้น่าจะถนัด

“อืม เอาแบบนี้แล้วกัน…” โนอาห์หักนิ้วตัวเองเกิดเป็นเสียงก๊อกๆ ชวนให้เสียวสันหลัง “...ประชุมสภาคราวหน้าเดี๋ยวฉันไปเอง”

“...!!”

 





ถึงตอนแรกดีแลนจะไม่เห็นด้วยเล็กน้อย แต่แวมไพร์ที่ไหนเลยจะสามารถขัดความต้องการของราชาแวมไพร์ได้ อีกทั้งโนอาห์ยังอธิบายว่านี่เป็นโอกาสดีที่ตนจะได้แสดงความรู้ความสามารถกับเผ่าเอลฟ์ผู้ดื้อด้านและทระนงตน

ณ ขณะนี้ ร่างบางของโนอาห์จึงมาปรากฏที่แดนเฟย์เป็นที่เรียบร้อย

ราชาแวมไพร์สูดกลิ่นหอมเฉพาะของเผ่าเฟย์แล้วจามออกมา

ให้ตายเถอะ ราชาแวมไพร์แบบเขาล่ะไม่ถูกกับกลิ่นบริสุทธิ์แบบนี้จริงๆ

ยังไม่ทันที่โนอาห์จะได้ก้าวเท้าเข้าสภา เสียงเสียงหนึ่งก็เรียกขึ้นก่อน

“อ่า นึกว่าใคร ที่แท้ก็คู่หมั้นคนใหม่ของท่านลอร์ดเซอร์ราโนนี่เอง”

เป็นมาคัสเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่เดินเข้ามาหาราชาแวมไพร์

โนอาห์รู้สึกคันเขี้ยวแปลกๆ กับคำพูดของคนตรงหน้า ทำให้อยากจะเฉาะต้นคอเอลฟ์หัวทองตรงหน้าชะมัด ราชาแวมไพร์จึงตอบกลับไปว่า

“ท่านคงเป็นตัวแทนเผ่าเอลฟ์สินะ แหมะ เป็นถึงหัวหน้า แต่แค่แอปเปิ้ลผลเดียวยังต้องมาขอจากแดนมนุษย์”

“นี่เจ้า!”

“แล้วก็อีกอย่างฉันชื่อโนอาห์ ลืมที่ตัวเองให้สัมภาษณ์ไปแล้วหรือ ท่านคงเป็นเอลฟ์ตนแรกที่เป็นความจำเสื่อม”

“เป็นแค่มนุษย์ อย่ามาปากดีหน่อยเลย” มาคัสพยายามกลับมาเป็นคนคุมเกม แต่ก็ไม่สำเร็จ

“เป็นมนุษย์แล้วไง คิดว่าท่านเป็นเอลฟ์แล้วจะเหนือกว่ามนุษย์งั้นหรือ ฉันบอกเลยว่าไม่”

“หน็อย คอยดูในสภาเถอะ!”

“ฉันว่าฉันควรจะเป็นคนพูดคำนั้นมากกว่า”

 





บรรยากาศในสภาสิบสามเผ่าเป็นเหมือนครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้เมื่อเป็นพันปีที่แล้ว ตั้งแต่สมัยที่แวมไพร์ยังไม่ปิดแดน พวกเฟย์ก็ยังคงเป็นประธานสภาเหมือนเดิม ที่แตกต่างคงเป็นปัญหาจากเผ่าต่างๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็มีแต่เรียกร้องว่าเผ่านี้ไปฆ่าเผ่านั้น เผ่านี้ไปทำสงครามกับเผ่านั้น

แต่ปัญหาตอนนี้ออกไปทางการดำรงชีวิตมากกว่า ทำให้โนอาห์รู้ว่าแต่ละเผ่าพึ่งพาอาศัยกันและกันมากกว่าเมื่อก่อนค่อนข้างมาก

ตัวแทนเผ่าหลายเผ่ามองมาทางโนอาห์ด้วยความสงสัย ก่อนหันกลับไปซุบซิบกัน

คาดว่าทุกคนคงได้ข่าวเกี่ยวกับเขามากบ้าง ไม่มากก็น้อย แถมพนันได้เลยว่าในสายตาคนอื่น เขาคงดูไม่ดีนัก

เหอะ! อย่าให้เขาได้เปลี่ยนร่างกลับร่างเดิมล่ะ!

น่ากลัวว่าคนพวกนี้คงหนีออกจากสภาอย่างด่วน

เท่าที่เขาได้ยินมา คนมักคิดว่าโนอาห์ได้ตำแหน่งคู่หมั้นคนใหม่มาเพราะรูปร่างหน้าตา

แต่ก็เอาเถอะ วันนี้เขาจะแสดงให้ตาแก่ทั้งหลายในสภาเห็นเองว่าเขามีดีมากกว่าแค่รูปร่างหน้าตา

ประธานสภาเผ่าเฟย์ไล่ให้ไปทีละเผ่าแสดงความคิดเห็นหรือเรียกร้องอะไรตามปกติ

รอบนี้เผ่าเฟย์ผู้ไม่ค่อยได้เรียกร้องอะไรบอกว่าพักนี้ความสามัคคีของทั้งสิบสามเผ่าเริ่มเจือจาง จึงอยากให้ทุกคนลองคิดกิจกรรมที่จะทำให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น

เหอะ สมเป็นเผ่าเฟย์จริงๆ

เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งสิบสามเผ่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อย่างน้อยทุกเผ่าก็มีศัตรูตามธรรมชาติที่ให้ตายก็ญาติดีกันไม่ได้

แต่ก็เอาเถอะ ราชาแวมไพร์เข้าใจว่าพักนี้ปัญหานี้คงมากกว่าปกติ

แต่ละเผ่าเรียกร้องสลับกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงคราวเผ่าเอลฟ์

โนอาห์บิดคอเล็กน้อยเป็นการเตรียมพร้อม

สงครามใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว

“สวัสดีท่านประธานที่เคารพ และหัวหน้าเผ่าทุกท่าน…” เอลฟ์หัวทองกระแอมเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “...หรือบางคนที่ไม่ใช่” มาคัสหันมามองทางโนอาห์

ราชาแวมไพร์ได้แต่หัวเราะในใจเมื่อคิดว่าคำพูดนั้นกระทบตัวมาคัสด้วย ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก

ตัวแทนเผ่าอื่นกลั้นหายใจรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“หลังจากที่ข้าได้เสนอน้ำใจในการช่วยปกป้องดินแดนของแดนมนุษย์ไปเมื่อการประชุมครั้งที่แล้ว คำปฏิเสธของลอร์ดเซอร์ราโนไม่สามารถยับยั้งความรู้สึกอยากช่วยของข้าได้…”

โนอาห์อยากจะอ้วก

อีกอย่างเขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทุกคนจะกลัวเผ่าเขามากกว่าเผ่าอื่นทำไม ในเมื่อพวกมังกรหรือมนุษย์หมาป่าก็สามารถสร้างวามเสียหายได้ไม่แพ้แวมไพร์ บางทีอาจมากกว่าด้วยซ้ำ

“ข้าเลยอยากให้ท่านทั้งหลายคิดดูว่าพวกเราจะทำอย่างไรเพื่อให้ปกป้องเผ่าน้องเล็กของพวกเราได้ และให้ผู้แทนของเผ่ามนุษย์ยอมรับความช่วยเหลือนี้”

ผู้แทนของทุกเผ่าหันมาทางโนอาห์ทันที

ราชาแวมไพร์เข้าใจแล้วว่าเจ้าเอลฟ์นั่นต้องการให้เผ่ามนุษย์ดูเป็นเผ่าที่อ่อนแอที่สุด ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แล้วบีบให้เขารับความช่วยเหลือจากการกดดันของเผ่าอื่น

ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ไม่มีทางได้กินราชาแวมไพร์หรอก

“ตัวแทนจากเผ่ามนุษย์ ท่านมีอะไรจะกล่าวหรือไม่” ประธานสภาเอ่ยถาม

แน่นอนว่าโนอาห์มี

ราชาแวมไพร์พยักหน้า

“ฉันขอทราบเหตุผลที่พวกท่านจะต้อง ‘เข้ามาแทรกแซง’ ดินแดนของเราหน่อยสิ” โนอาห์เริ่มพูดด้วยเสียงเข้ม

“อ่า เอาตรงๆ แล้วกันนะท่านโนอาห์ เผ่ามนุษย์น่ะอ่อนแอเกินไป ใช้ได้แค่เวทไม่ได้มีความสามารถพิเศษอย่างอื่น อย่างเผ่าเอลฟ์เราก็สามารถยิงธนูได้ไกล เผ่าคนแคระก็สามารถแปรธาตุได้ แถมแดนมนุษย์ยังอยู่ติดกับแดนแวมไพร์ที่เป็นเผ่าอันตรายระดับเอสบวกบวกอีก ข้าเลยอดยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้”

“ท่านมาคัส…” ในที่สุดราชาแวมไพร์ก็ทนไม่ไหว

“มีอะไรหรือ”

“หยุดทำตัวเหมือนตัวเองเหนือกว่าคนทั้งโลกได้แล้ว เพราะมันไม่เป็นความจริงเลยโดยเฉพาะที่บอกว่ามนุษย์อ่อนแอ”

“...!!”

“ยัง! ยังไม่จบ พวกท่านลองคิดดูว่าเทคโนโลยีต่างๆ ที่พวกท่านใช้กันอยู่ใครเป็นคนคิดกัน”

คำตอบเดียวกันเกิดขึ้นในใจของทุกคนในที่ประชุม

ถึงในโลกแห่งนี้จะมีเวทมนตร์แต่ถ้าจะใช้เวทมนตร์กับทุกอย่างก็เปลืองพลังเวทตาย เช่น ถ้าในหน้าร้อนคุณต้องการให้อากาศเย็นแล้วใช้เวทสร้างความเย็น คุณคงเป็นลมเพราะพลังเวทหมดในไม่กี่ชั่วโมง ดังนั้นจึงมีการสร้างสิ่งที่เรียกว่าเครื่องปรับอากาศ

“ถึงมนุษย์จะไม่มีพลังวิเศษอะไรที่แตกต่างจากเผ่าอื่นอย่างที่ท่านว่า แต่ท่านมาคัส ท่านหัวหน้าเผ่า พวกเขามีสมองมากกว่าพวกท่านในที่นี้รวมกันเสียอีก อีกอย่างพวกท่านคงลืมกันไปแล้วว่าจริงๆ แล้วพวกเราเป็นผู้รับใช้เวทมนตร์ พวกเรามีมารดาคนเดียวกันคือเมจิค(เวทมนตร์)

“ดังนั้นน่ะนะ เผ่าทั้งสิบสามเผ่าไม่มีใครอ่อนแอกว่าใคร หรือด้อยกว่าใครหรอก ทุกเผ่าล้วนมีสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี และสิ่งที่ทำได้ไม่ดีกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่เผ่าแวมไพร์ที่พวกท่านกลัวกันนักหนา

“อีกอย่างเผ่ามนุษย์กับเผ่าแวมไพร์อาจเป็นมิตรกันอย่างที่พวกท่านอาจไม่รู้ก็ได้”

“...” ทั้งที่ประชุมได้แต่นิ่งเงียบหลังจากโนอาห์กล่าวสุนทรพจน์เสร็จ

ทุกคนได้แน่คิดว่า คู่หมั้นคนใหม่ของลอร์ดเซอร์ราโนช่างน่ากลัวจริงๆ เล่นเอาท่านมาคัสถึงกับนั่งแหมะลงบนเก้าอี้ตัวเองอย่างไม่เป็นท่า

ดูท่าว่าศึกครั้งนี้ราชาแวมไพร์จะชนะขาดลอย

 





โนอาห์เดินออกจากที่ประชุมสภาอย่างสบายอารมณ์เมื่อจัดการปัญหาหนึ่งเสร็จ ที่นี้พวกคนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าก็จะไม่คิดว่าเขาเป็นคู่หมั้นที่ไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป

เอ๊ะ เขาทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของราชาแวมไพร์ต่างหาก ไม่ใช่ในฐานะคู่หมั้นของเจ้าแวมไพร์มือใหม่สักหน่อย

แต่ก็เอาเถอะ..

“ท่านโนอาห์” เสียงคุ้นหูเรียกจากด้านหลังทำให้โนอาห์หันกลับไป

ก่อนจะพบกับเจ้าเอลฟ์เจ้าเก่าเจ้าเดิม

อย่าบอกนะว่ามันยังไม่เข็ดจากในที่ประชุม

“...” ราชาแวมไพร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

“ท่านโนอาห์! ขะ… ข้า… ข้ามองท่านผิดไปแล้ว ข้าขอขอโทษท่านจากใจจริง ท่านช่างฉลาดเฉลียวยิ่งนัก แถมยังน่าเกรงขามมาก ยังไม่รวมถึงใบหน้าสวยๆ ของท่านอีก”

“...” พูดไม่ออกเลยทีเดียว

“ดังนั้น ข้าน้อยมาคัสผู้นี้ขอประกาศจะติดตามท่านตลอดไป!!”

“...!!!!”

กลุ่มแฟนครับท่านโนอาห์จึงก่อตั้งขึ้นด้วยประการฉะนี้...

 







ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

วันนี้อีธานอ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้าด้วยความงุนงงเมื่อเจอกับข่าวขอโทษของเจ้าเอลฟ์ผมทอง

 

...ท่านมาคัสผู้แทนของเผ่าเอลฟ์ออกมาขอโทษต่อพี่น้องประชาชนสิบสามเผ่าทุกคนโดยเฉพาะเผ่ามนุษย์ที่ตัดสินอะไรโดยไม่ได้รู้เห็นจริงก่อนในเรื่องคู่หมั้นคนใหม่ของลอร์ดเซอร์ราโน ท่านมาคัสบอกว่าท่านโนอาห์หรือคู่หมั้นคนใหม่นั้นมีความสามารถมาก และสง่างามอย่างหาใครเปรียบมิได้ อีกทั้งยังอวยพรให้ครอบครัวเซอร์ราโนมีชีวิตหลังแต่งงานที่ดี…

 

เอ๋… ไม่ใช่ว่าเจ้าเอลฟ์นี่มันไม่ชอบโนอาห์หรือ?

“ดีแลน ข่าวนี่มันอะไรกัน” อีธานหันไปถามผู้เป็นลูกชาย

ลอร์ดเซอร์ราโนรับหนังสือพิมพ์มาอ่านแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ

ราชาแวมไพร์ของเขาคงจัดการเจ้าเอลฟ์น่ารำคาญนั่นแล้วสินะ

“เมื่อวานโนอาห์ไปสภาแทนผม…” ดีแลนยังพูดไม่ทันจบ ร่างบางก็เดินลงมาจากบันไดพอดีแล้วกล่าวทักทายทุกคน

“อรุณสวัสดิ์” พร้อมกับหาวาปิดท้าย

“โนอาห์ นายมาก็ดีแล้ว เล่าเรื่องเมื่อวานให้ฟังหน่อยสิ”

ราชาแวมไพร์พยักหน้าแล้วเริ่มเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวานบ้าง แน่นอนว่ายกเว้นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเกินจะรับไหวของเอลฟ์หนุ่มผมทอง

ทันทีที่เล่าจบ ดวงตาทั้งสองคู่ก็ฉายแววชื่นชม

สมแล้วที่เป็นถึงผู้ปกครองของแวมไพร์ทั้งมวล!

“แล้วเรื่องประชาชนของพวกเราล่ะ” อีธานถาม

ถึงเจ้าเอลฟ์ต้นเหตุจะถูกจัดการอย่างอยู่หมัดแล้ว แต่ว่าสิ่งที่มันทำไว้ใช่จะสามารถลบล้างได้ในทันที ประชาชนที่ตอนนี้มีทัศนคติไม่ดีกับโนอาห์ก็ยังคงเป็นอย่างนั้นเพราะพวกเขาไม่ได้เข้าไปเห็นเหตุการณ์ในสภาด้วย

“เรื่องนั้นผมคิดไว้แล้ว” คราวนี้ดีแลนเป็นคนตอบ

ลอร์ดเซอร์ราโนเสนอว่าให้โนอาห์สมัครงานประลองเวทประจำปี

มันเป็นงานสำหรับหาว่าใครจะเป็นผู้ที่เก่งเวทที่สุดในแดนมนุษย์

“อืม น่าสนใจ” อีธานกล่าวเมื่อฟังไอเดียของผู้เป็นลูกชาย

“นายว่าไงโนอาห์” ดีแลนหันไปถามคู่หมั้น

“ไม่มีปัญหา กลัวก็แต่ว่าฉันจะเผลอใช้เวทที่ไม่ใช่ของมนุษย์น่ะสิ...”

 





ในบ่ายวันนั้น หลังจากที่โนอาห์ตอบตกลง ดีแลนก็พาคู่หมั้นตนเองไปสมัคร แน่นอนว่าผู้ต่างสนใจเมื่อเห็นลอร์ดเซอร์ราโนกับคนข้างๆ ที่โต๊ะรับสมัคร

“ท่านลอร์ด” ชายฉกรรจ์สองคนที่อยู่ที่โต๊ะลงทะเบียนลุกขึ้นทำความเคารพทันทีที่เห็นลอร์ดเซอร์ราโนมาที่โต๊ะ

“สวัสดี ฉันพาคนมาสมัครประลองเวท” ดีแลนผายมือไปทางโนอาห์

“ขอชื่อด้วย” ชายคนแรกถามราชาแวมไพร์

“โนอาห์” เสียงซุบซิบดังขึ้นทันทีเมื่อได้รับการยืนยันจากชื่อว่าคนคนนี้เป็นคู่หมั้นคนใหม่ของลอร์ดเซอร์ราโนที่กำลังเป็นข่าวดังในหนังสือพิมพ์

“นามสกุล” ชายคนที่สองถามบ้าง

โนอาห์เว้นช่วงไปสักพักก่อนตอบ

“ไม่มี”

คราวนี้เสียงซุบซิบยิ่งดังขึ้นไปอีก คนไม่มีนามสกุลสำหรับพวกมนุษย์มีเพียงกรณีเดียวคือถูกขับไล่ออกจากครอบครัว ซึ่งฐานะในสังคมมนุษย์ต่ำมาก

“เป็นอย่างที่เขาว่ากันเลย ท่านลอร์ดจะแต่งกับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า”

“ฉันจะเป็นลม ท่านลอร์ดเราไปสนใจคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน”

“นี่คงมีดีแค่หน้าตาสินะ ไม่รู้หลอกล่อให้ท่านลอร์ดหมั้นด้วยได้อย่างไร”

“ให้ตายเถอะ ตระกูลเซอร์ราโนตกต่ำขนาดนี้แล้วหรือ”

เป็นโชคดีหรือโชคร้ายของแวมไพร์และราชาแวมไพร์ก็ไม่รู้ที่มีประสาทสัมผัสดีกว่าคนปกติทำให้ได้ยินเสียงนินทาทั้งหลายอย่างชัดเจน

ดีแลนนับหนึ่งถึงสิบในใจพยายามห้ามสัญชาตญาณแวมไพร์ที่จะต้องปกป้องราชาแวมไพร์

ส่วนโนอาห์ได้แต่กรอกตากับความหูเบาและความขี้นินทาของพวกมนุษย์

อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าคนพวกนี้รู้ว่าเขาเป็นราชาแวมไพร์จะทำหน้ายังไง

ชายทั้งสองคนหันไปทำอะไรกับคอมพิวเตอร์สักพักก่อนจะยื่นสติ๊กเกอร์ที่มีหมายเลขหกหลักให้โนอาห์พร้อมบอกว่าลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว

“กลับกันเถอะ” ดีแลนชวนก่อนเขาจะสะกดอารมณ์ไม่ไหว

 





“โนอาห์ ฉันถามหน่อยสิ” ดีแลนเอ่ยขึ้นระหว่างที่โนอาห์กำลังกินไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ที่เพนนีทำให้อย่างละเมียดละไม

“หืม?”

“ทำไมนายไม่กลับแดนแวมไพร์”

“นายอยากให้ฉันกลับเหรอ” โนอาห์เลิกคิ้ว

ดีแลนถอนหายใจ

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“พวกนั้นไม่มีปัญหาอะไร ฉันจะกลับไปทำไม” ราชาแวมไพร์กล่าวแล้วตักไอศกรีมสีชมพูเข้าปากอีกคำ

“ถ้างั้น แล้วใครเป็นคนปกครองแวมไพร์กัน” ดีแลนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ในเมื่อราชาแวมไพร์ที่เป็นผู้ปกครองสูงสุดนั่งกินไอศกรีมอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้

“ก็ปกครองกันเอง แต่พวกเขารู้ดีว่าถ้าทำอะไรผิด…” โนอาห์เว้นวรรคไปสักพัก

“...” ดีแลนรู้สึกมีไอเย็นแปลกๆ ลอยมาจากคนตรงหน้า

“...ฉันจะโผล่ไปตรงหน้าได้เสมอ”

ราชาแวมไพร์ไม่ค่อยเป็นห่วงแดนแวมไพร์เท่าไหร่นัก เนื่องด้วยประชากรแวมไพร์ไม่ได้มีมาก แถมตามธรรมชาติแล้วแวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่รักสันโดษ ดังนั้นเรื่องกระทบกระทั่งระหว่างกันจะไม่ค่อยมี

จะมีก็แต่เรื่องแอบหลบออกมาเที่ยวเล่นนอกแดน

แต่ว่าถ้าไม่ถูกจับได้ ราชาแวมไพร์ก็ไม่เข้าไปยุ่งหรอก

เรื่องอะไรจะเอาความปวดหัวมาใส่ตัวเองเองเล่า?

“แล้วฉันนี่เข้าแดนแวมไพร์ได้หรือเปล่า” ดีแลนถามต่อในฐานะที่ตอนนี้เขาก็ถือว่าเป็นแวมไพร์ตนหนึ่ง

“ได้สิ นายอยากเข้าไปไหมล่ะ”

แน่นอนว่าดีแลนส่ายหน้า

ถึงเขาจะเป็นแวมไพร์แล้ว แต่เหมือนความเป็นมนุษย์จะยังมีอยู่เต็มเปี่ยม

อย่างน้องลอร์ดเซอร์ราโนก็ไม่อยากทิ้งพ่อแม่ตนที่อยู่ในแดนมนุษย์ไป

“แล้วแวมไพร์นี่ถ้าจะแต่งงานกับมนุษย์ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นมนุษย์เหรอ”

โนอาห์ขมวดคิ้วก่อนตอบ เขารู้ว่าดีแลนกำลังพูดถึงมารดาตัวเอง

“อันที่จริง ไม่จำเป็นหรอก แต่แวมไพร์ตนอื่นจะไม่ยอมกันมากกว่า”

“ทำไมกัน”

“เพราะแวมไพร์ถือคติคู่ชีวิตมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนใหญ่เลยกลัวว่าแวมไพร์ตนนั้นจะเข้าข้างพวกมนุษย์แล้วหักหลังเผ่าน่ะ”

ดีแลนพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว

“แล้วมันทำได้ยังไงกัน เปลี่ยนเผ่าเนี่ย?” ตั้งแต่เกิดมาดีแลนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามารถเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ตัวเองได้ด้วย

โนอาห์ช่างใจสักพักว่าจะตอบดีไหม

“มันเป็นพิธีกรรมโบราณ…” โนอาห์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ “แวมไพร์ตนนั้นจะต้องกรีดแก่นเวทมนตร์ของตนเองออกมาและรีดเลือดตัวเองออกให้หมดเพื่อให้หมดสภาพความเป็นแวมไพร์ จากนั้นก็เอาแก่นเวทมนตร์ของมนุษย์สักคนมาใส่แทน”

“...!!”

ถ้าอย่างนี้แปลว่าแม่ของเขาจะต้องฆ่าคนเพื่อให้ตนเองเปลี่ยนเป็นมนุษย์หรือ

ดูเหมือนโนอาห์จะรู้ว่าดีแลนคิดอะไรอยู่

“ใช่แล้ว แก่นเวทมนตร์นั้นจะต้องแย่งชิงมาจากมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจอยู่

“ทำไมกัน”

ดีแลนไม่คิดว่าแม่เขาผู้อ่อนโยนจะสามารถลงมือฆ่าใครได้

“ดีแลน ดีแลน…” โนอาห์เรียกชื่อเหมือนกำลังพูดกับเด็กน้อยที่อ่อนต่อโลก “เพราะรักยังไงล่ะ”

 





วันแห่งงานประลองเวทประจำปีมากถึงเร็วกว่าที่คิด วันนี้ราชาแวมไพร์ดื่มเลือดมากกว่าปกติเพราะรู้ว่าน่าจะต้องใช้พลังงานมาก

แต่คงไม่คณามือเท่าไหร่หรอก หึหึ

“ดีแลน! ท่านโนอาห์!”

“อเล็กซ์” ลอร์ดเซอร์ราโนแทบอยากจะเอาหัวโขกกำแพงเมื่อเห็นหัวสีบลอนสว่างและเสียงร่าเริงอันเป็นเอกลักษณ์ของเพื่อนสนิทเขา

“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นล่ะ ดีแลน” อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นหลังจากจับมือทักทายกับราชาแวมไพร์

“นายมาทำอะไรที่นี่” เอาล่ะ ลอร์ดเซอร์ราโนเริ่มระแวงแล้ว

“เอ้า! ถามมาได้ ก็มาประลองไง”

“มาประลองทำไม”

อเล็กซ์ถอนหายใจก่อนตอบ

“นายไม่รู้หรอกหรือว่างานนี้ทางเฮนสลีย์เป็นคนจัด แล้วตามธรรมเนียมตระกูลเฮนสลีย์จะส่งคนมาเข้าร่วมด้วยหนึ่งคน ซึ่งในปีนี้เป็นฉัน”

อเล็กซ์ทำหน้าเหมือนดีแลนช่างไม่เข้าใจอะไรบ้างเลย ก่อนจะพูดต่อ

“อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นเกียรติมากที่ได้มาแข่งกันคนสวย”

ดีแลนขบกรามแน่นกับน้ำเสียงเหมือนกำลังหยอดของเพื่อนสนิท

หมอนี่มันตั้งใจยั่วเขาชัดๆ

ส่วนโนอาห์พยักหน้าพอใจกับคำชม

เกิดเป็นราชาแวมไพร์ก็งี้แหละ!

“ว่าแต่วันนั้นในสภาสุดยอดไปเลยนะโนอาห์”

คราวนี้ราชาแวมไพร์กลับขมวดคิ้ว

“นายรู้ได้อย่างไร” เขาว่าในที่ประชุมมีแค่ตัวแทนแต่ละเผ่ากับท่านประธานสภานะ

“ชู่ว อย่าพูดดังไป เฮนสลีย์ก็มีสายอยู่ทั่วไปนั่นแหละ” อเล็กซ์ขยิบตาอย่างขี้เล่น

เฮนสลีย์เป็นตระกูลที่เป็นตัวแทนเผ่ามนุษย์ในวาระที่แล้ว ดังนั้นการที่ทางตระกูลจะยิ่งใหญ่และมีอำนาจกว่าตระกูลอื่นก็ไม่แปลก แต่เพราะเป็นเหมือนคนที่เพิ่งลงจากอำนาจ เฮนสลีย์ก็จะไม่ทำตัวเกินหน้าเกินตาทางฝั่งเซอร์ราโน

แต่ถึงขนาดแอบไปสอดแนมในสภานี่ถือว่าเกินหน้าเกินตาไปหรือเปล่า?

“โหย อย่าทำหน้าเครียดสิ ดีแลน ไปดูชาร์ตแข่งดีกว่า” อเล็กซ์ชี้ไปที่กระดานข้างๆ ที่มีกระดาษแผ่นใหญ่ติดอยู่พร้อมชื่อผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด กฎของการแข่งนี้ก็คือผู้ชนะจะได้ไปต่อ

ดีแลนมองหาชื่อคู่หมั้นตัวเองเป็นลำดับแรก

“นี่ไงชื่อนาย” ลอร์ดเซอร์ราโนชี้ให้ราชาแวมไพร์ดู

โนอาห์พยักหน้ารับ จะแข่งกับใครเขาก็ไม่ค่อยสนหรอก เพราะยังไงผู้ชนะงานประลองครั้งนี้ก็ต้องเป็นเขา

เพื่อเกียรติของราชาแวมไพร์หรอก

ไม่ใช่เพื่อเกียรติของคู่หมั้นลอร์ดเซอร์ราโน

เขาพูดจริงๆ นะ

จริงๆ นะ

ทำไมไม่เชื่อกันบ้างเลยล่ะ

 





โนอาห์มานั่งประจำที่ของตัวเองในขณะที่ดีแลนไปนั่งอยู่กับพวกคนดูและอเล็กซ์แยกไปอีกห้องเพราะชื่อของเขาอยู่กันคนละด้าน

แปลว่ามีโอกาสที่ราชาแวมไพร์กับทายาทแห่งเฮนสลีย์จะได้เจอกันในรอบชิงชนะเลิศ

อันที่จริงโนอาห์ก็ออกจะชอบนิสัยของเพื่อนสนิทดีแลนอยู่เล็กๆ เพราะในแดนแวมไพร์ไม่ค่อยเจอใครมีสดใสสว่างร่าเริงแบบอเล็กซ์มากนัก เขาเลยรู้สึกเหมือนได้น้องชายที่ชอบเลียแข้งเลียขามาคนหนึ่ง

“อ่า ท่านคงเป็นคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโนที่เขาว่ากันสินะ” คนที่นั่งข้างๆ โนอาห์เอ่ยขึ้นทำให้เขาต้องหันไปตอบ

อันที่จริงเขาไม่อยากคุยกับคนในห้องนี้เท่าไหร่เพราะอาจจะได้ขึ้นไปแข่งกันก็ได้ ใครจะไปรู้ แล้วยิ่งคุยกันก็เหมือนยิ่งเปิดเผยตัวตนให้คนอื่นรู้

แต่ในเมื่อวันนี้โนอาห์ตั้งใจมาแก้ไขความเข้าใจผิดของแดนมนุษย์ การสร้างศัตรูคงไม่อยู่ในแผนการของเขา

“ใช่แล้วล่ะ” คนที่ถามราชาแวมไพร์เป็นชายร่างใหญ่กำยำเหมือนมาประลองการต่อสู้มือเปล่ามากกว่าการประลองเวท

“ดูท่าแล้ว ท่านคงตั้งใจมาเอาแชมป์เพื่อสบคำสบประมาทสินะ”

โนอาห์ขมวดคิ้ว เหมือนชายคนนี้จะฉลาดใช้ได้

“ถูกต้องแล้ว”

ชายคนนั้นถอนหายใจเฮือก

“ฉันล่ะเบื่อคนสมัยนี้จริงๆ ไม่รู้จะมีอคติไปไหน คู่หมั้นลอร์ดเซอร์ราโน ท่านลอร์ดก็ต้องเป็นคนเลือกเอง แล้วท่านคงไม่เอาคนไม่เอาไหนมาเป็นคู่คิดหรอก”

โนอาห์ชักจะชอบชายคนนี้แล้ว

“อันที่จริง ฉันก็อยากอวยพรให้ท่านชนะหรอก คนพวกนั้นจะได้ตาสว่าง แต่ฉันดันเป็นคู่แข่งคนแรกของท่านนี่สิ”

“...!!”



ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

เสียงโห่ร้องดังก้องสนามเมื่อคู่แรกของการประลองขึ้นไปบนเวที โนอาห์ฟังประกาศแต่ฟังไปก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคนที่ขึ้นไปเป็นใคร

แสงสว่างหลากสีสาดเข้ามาในห้องเป็นพักๆ พร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างเจ็บปวด

ผ่านไปเพียงไม่คู่ในที่สุดก็ถึงเวลาของ…

“คู่ต่อไป! เมสัน บราวน์! กับ! โนอาห์!” เสียงประกาศโทรโข่งดังเข้ามาภายในห้อง

ราชาแวมไพร์และชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกขึ้นพร้อมกันแล้วเดินไปที่ประตู

ภาพภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาโนอาห์คือเหล่าผู้ชมนับหมื่นที่นั่งอยู่บนอัฒจรรย์

โนอาห์ก็อยากรู้เหมือนกันว่าดีแลนนั่งอยู่ตรงไหน แต่พอเห็นจำนวนคนแล้วก็ล้มเลิก

ก็มันยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก

“เชิญท่านทั้งสองขึ้นบนเวทีเลย” เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนหนึ่งผายมือไปทางบันไดที่ปลายริมสุดทั้งสองข้างของเวที

เมสัน ชายที่เป็นคู่ต่อสู้ของโนอาห์เสียสละไปที่บันไดอีกข้างที่ไกลกว่าแทน

เสียงจากผู้ชมทั้งที่โห่ร้องและโห่เชียร์พาให้เลือดราชาแวมไพร์ในตัวเขาค่อยๆ เดือดร้อนขึ้นมา

นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้รู้สึกเหมือนท่ามกลางสมรภูมิแบบนี้

อย่างเดียวที่สิ่งนี้แตกต่างจากสมรภูมิจริงๆ ก็คงเป็นไม่มีใครตายจากการประลอง คนแพ้ก็แค่แพ้

แต่ถ้าในสงครามแล้วล่ะก็ ชัยชนะเดิมพันด้วยชีวิต!

ราชาแวมไพร์แสยะยิ้ม

อันที่จริง ถ้าเป็นไปได้เขาอยากสู้ด้วยร่างราชาแวมไพร์มากกว่า แต่นั่นก็จะดูเป็นการเอาเปรียบเกินไป

กรรมการชุดสีส้มมองทั้งสองฝั่งที่เข้าประจำที่ตนเองอย่างพอใจ

แต่ก่อนที่เขาจะได้บอกเริ่มการประลองนั้น

“ท่านโนอาห์ สู้ๆ!” เสียงเสียงหนึ่งดังแหวกอากาศ เด่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงจอกแจกจอแจของคนอื่นๆ

โนอาห์ที่กำลังตั้งสมาธิหันไปมองแหล่งที่มาของเสียงทันที

นั่นมันไอ้เอลฟ์หัวทองนั่นนี่หว่า!

มาได้ไงกัน?

มาคัสเอลฟ์เจ้าปัญหาฉีกยิ้มทันทีที่เห็นโนอาห์มองมา

“วันนี้พวกเรามาเชียร์ท่านโนอาห์นะครับ! ใช่ไหมพวกเรา!!”

“ใช่แล้ว!”

“ใช่ครับท่านมาคัส!”

“ท่านมาคัสเชียร์ใคร เราก็เชียร์ด้วย”

แล้วเอลฟ์ลูกกระจ๊อกอีกเป็นสิบตัวนั้นมันอะไรกัน

ไม่ใช่ว่านี่เป็นงานของพวกมนุษย์หรือ?

โนอาห์รีบพาสติและสมาธิให้มาอยู่ที่เวทีตรงหน้าเพราะตอนนี้กรรมการจะบอกเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้

คู่ต่อสู่เขาหัวเราะขำเล็กน้อยกับกองเชียร์ส่วนตัวของท่านราชาแวมไพร์

“เอาล่ะ ระวัง!” เสียงที่ดังจากเวทขยายเสียงดังขึ้นจากทางฝั่งกรรมการ ยิ่งทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของคนทั้งคู่ เสียงจากอัฒจรรย์ดูเหมือนจะหายไปในหลุมดำ ต่างฝ่ายต่างจดจ้องแต่การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม เหมือนทั้งคู่หลุดเข้าไปอยู่ในอีกมิติหนึ่ง

กติกาของการประลองนี้มีเพียงแค่ใครไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้ก่อนถือว่าแพ้ และห้ามให้ถึงตายหรือพิการ

โนอาห์จึงคิดว่าทำให้หมดสติน่าจะง่ายที่สุดแล้ว

ในที่สุด…

“เริ่มได้!”

ตูม!

เมสันฉวยโอกาสเริ่มก่อน เปลวไฟยากเป็นสายพุ่งออกมาจากมือตรงไปยังที่ที่โนอาห์ยืนอยู่

ราชาแวมไพร์หลบได้ง่ายๆ ถึงเปลวไฟจะไม่ได้เล็ก แต่ด้วยระยะทางที่ห่างกันพอสมควรทำให้มาถึงได้ช้า

แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีเปลวไฟลูกที่สองตามมาติดๆ นี่สิ!

โนอาห์ยกมือขึ้นแล้วร่ายเวทเรียกน้ำตกทันที

น้ำและไฟชนกันเกิดเป็นเสียงฟู่พร้อมๆ กับไอน้ำมากมายพวยพุ่งออกมาแล้วลอยขึ้นไปบนอากาศ

หึ ไม่ใช่เล่นๆ นี่หน่า

แต่ไม่เป็นไรหรอก

ชายร่างใหญ่ร่ายเวทออกมาอีกครั้ง ครานี้เป็นฝูงมีดบินนับร้อย

โนอาห์แอบใช้ความเร็วของแวมไพร์เล็กๆ ในการหลบฝูงมีดบินนั้น

เมสันมองไปทางโนอาห์อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าสามารถหลบได้ ในขณะที่ผู้ชมบนอัฒจรรย์เริ่มบ่น

“ทำไมเอาแต่หลบล่ะ! สู้เขาหน่อยสิวะ!”

“นี่น่ะเหรอ คู่หมั้นท่านลอร์ด เวทสักบทยังไม่รู้จักเลยล่ะสิท่า”

“ฉันเบื่อแล้วนะ เอาแต่วิ่งไปวิ่งมาอยู่ได้”

แต่คนพวกนั้นไม่ได้รู้เลยว่าระหว่างที่โนอาห์วิ่งไปวิ่งมาบนที คอยหลบเวทที่พุ่งตรงมาทางเขา ระยะห่างระหว่างราชาแวมไพร์และชายฉกรรจ์ได้ลดน้อยลงทุกที

ดูเหมือนเมสันก็จะเริ่มจับสังเกตได้แล้ว ชายร่างใหญ่พยายามขยับถอยหลังไป

แต่ไม่ทันเสียแล้ว…

โนอาห์พุ่งเข้าตรงไปที่คู่ต่อสู้ด้วยเลยความเร็วสูงสุดที่มนุษย์จะทำได้เล็กน้อย

แล้ว…

พลั่ก!

ร่างสูงใหญ่ล้มหงายตึงลงไปกองที่พื้นทันทีที่หมัดของโนอาห์กระทบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง

โนอาห์ใส่พลังเวทเข้าไปในหมัดทำให้มันมีกำลังมากขึ้นอย่างที่ล้มช้างก็ยังได้

มันเป็นทริคที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึงเพราะว่ามนุษย์และเผ่าอื่นๆ ชอบใช้แต่พลังเวทจนลืมไปหมดว่าตัวเองก็มีมือมีเท้า

เสียงโหวกเหวกเงียบลงทันทีเมื่อเห็นคนที่ปล่อยพลังเวทอยู่ฝ่ายเดียวเป็นคนล้มลงไปเป็นคนแรก

ปี๊ด!

กรรมการเป่านกหวีดแล้วโชว์ป้ายว่าโนอาห์เป็นฝ่ายชนะพร้อมๆ กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขึ้น

“เมื่อกี้มันอะไรหน่ะ!”

“เธอเห็นไหม เขาล้มลงไปเลยน่ะ”

“ไอหย๋า เจ้าหนูนี่ไม่ได้มาเล่นๆ โว้ย”

“ตอนต่อยมือเขาเรืองแสงด้วยอะ!”

แพทย์สนามรีบร่ายเวทยกตัวของเมสันเข้าไปที่ห้องพักฟื้นทันที ส่วนโนอาห์เดินเข้าไปในห้องพักห้องเดิมด้วยรอยยิ้มเหี้ยมที่ยังไม่หายไปจากใบหน้า

ราชาแวมไพร์ได้ตื่นขึ้นแล้ว!

 





ดีแลนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อโนอาห์สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้ด้วยดี ตอนแรกเขาก็เป็นห่วงอยู่เพราะพี่ท่านเล่นไม่ร่ายเวทอะไรตอบกลับเลย เอาที่วิ่งไปวิ่งมา

แต่หมัดสุดท้ายนั่นน่าประทับใจมากที่เดียว จนผู้คนพากันชมไม่ขาดปาก

ก็นะ… เมสันคนนั้นตัวใหญ่ซะขนาดนั้น คงไม่มีใครคิดว่าจะสามารถล้มได้ด้วยการต่อยหมัดเดียวหรอก

แต่ที่เขารำคาญก็คือ

“ท่านโนอาห์เก่งที่สุดไปเลย!”

“อย่างนี้ชัยชนะอยู่แค่เอื้อมแน่ๆ”

“เอ้าพวกเราเชียร์กันต่อ ท่านโนอาห์จะได้ภูมิใจในตัวพวกเรา”

เพลงเชียร์ต่างๆ ที่ใส่ชื่อท่านโนอาห์ลอยเข้าหูดีแลนมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเพราะเจ้าพวกนี้ร้องเพลงเชียร์มาตั้งแต่โนอาห์เดินขึ้นสนามแล้ว

ดีแลนไม่รู้ว่าราชาแวมไพร์ของเขาไปสะกิดต่อมอะไรของเจ้าเอลฟ์หัวทองทำให้เอลฟ์นั่นพาพวกมากมายมานั่งเชียร์ท่านโนอาห์

แถมเสื้อที่พวกมันใส่นี่มันคืออะไรกัน!

กลุ่มแฟนคลับท่านโนอาห์เหรอ คงมีแต่เจ้าเอลฟ์หัวทองทำอะไรแบบนี้ได้!

ฮึ่ย!

 





ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ราชาแวมไพร์ก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้คนแล้วคนเล่า บางคนก็อยู่ได้นานหน่อย บางคนก็ถูกโนอาห์ล้มในเวลาไม่ถึงสิบวินาที

บอกแล้วว่าอย่าให้เครื่องราชาแวมไพร์ได้ติดเชียว

ตอนนี้เขากลัวแต่จะเผลอหนักมือบังเอิญฆ่าใครมากกว่า

เรื่องฆ่าแกงกันน่ะ เผ่าแวมไพร์ถนัดมากกว่าที่พวกคุณคิดเสียอีก

โอ๊ะ ลืมไป ตอนนี้เขาเป็นมนุษย์อยู่นะ

โนอาห์ประลองไปเพลินๆ ในที่สุดเขาก็ก้าวเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และถ้าเขาเดาไม่ผิดคู่ต่อสู้ก็คงเป็น…

“ต่อไป! รอบชิงชนะเลิศ! ท่านอเล็กซานเดอร์จากเฮนสลีย์! กับ! ท่านโนอาห์!”

เสียงโห่เชียร์ดังขึ้นทันทีที่เสียงประกาศประกาศจบ

โนอาห์บอกได้เลยว่าตอนนี้จากที่คนดูไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาเปลี่ยนมาเชียร์เขาได้มากกว่าครึ่งแล้วไม่รู้เป็นเพราะเสียงเพลงเชียร์อันน่าสยดสยองของเจ้าเอลฟ์นั่นที่เขาบังเอิญได้ยินหรือเปล่า

ยิ่งเอลฟ์มีความสามารถชักจูงคนด้วย

ราชาแวมไพร์หยุดความคิดไร้สาระก่อนจะก้าวออกไปที่หน้าเวทีเหมือนที่ทำมาเกือบสิบรอบ

คนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเพื่อนสนิทดีแลนที่ตอนนี้ดูแตกต่างไปมาก รอยยิ้มร่าเริงขี้เล่นไม่ได้ประดับอยู่บนหน้า นี่แก้มขวามีรอยบาดและร้อยไหม้เล็กน้อยจากการต่อสู้ในครั้งก่อน

ราชาแวมไพร์ก็รู้ดีว่าเขาเปลี่ยนไปเหมือนกันเมื่ออยู่ในการประลองนี้

อย่างน้อยดวงตากระหายเลือดของเขาก็ไม่สามารถปิดได้ และกล้ามเนื้อที่เริ่มรู้สึกอ่อนแรงนี้ด้วย

อเล็กซ์มองมาที่โนอาห์ ดวงตาแข็งกร้าวนั้นอ่อนลงเล็กน้อย

“ในที่สุดก็ได้เจอกันนะ ท่านโนอาห์”

“อืม ฉันไม่ออมมือให้หรอกนะ”

อเล็กซ์หัวเราะ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่จืดชืดสิ้นดี ก่อนตอบ

“ฉันก็หวังแบบนั้น”

ทั้งสองคนแยกกันไปขึ้นที่คนละด้านของเวทีที่ถูกเสกขึ้นมาใหม่ทุกครั้งที่คู่ประลองคนใหม่ขึ้นมา

ครั้งนี้โนอาห์จะประมาทไม่ได้ อย่างน้อยอเล็กซ์ก็อยู่ในตระกูลผู้ปกครองของเผ่ามนุษย์ แถมยังเป็นตระกูลที่มีอำนาจรองจากเซอร์ราโนอีกด้วย ทายาทคนนี้คงเอาเรื่องพอสมควร

กรรมการสั่งให้ทั้งสองฝ่ายประจำที่เหมือนที่ทำมาหลายครั้ง

“ระวัง! เริ่มได้!”

รอบนี้ทั้งคู่ไม่ได้ออกตัวเริ่มตั้งแต่กรรมการให้สัญญาณ

ทั้งโนอาห์และอเล็กซ์ต่างมองกันและกันแบบไม่กระพริบตา

โนอาห์เป็นฝ่ายขยับตัวก่อน

ก็ถ้าไม่มีใครขยับ วันนี้จะได้กลับบ้านไหมล่ะ ปัดโธ่

มือเรียวร่ายเป็นเวทน้ำแข็งขึ้นมา

น้ำแข็งปลายแหลมหลายอันพุ่งเข้าไปหาอเล็กซ์ทันที

แน่นอนว่าเขาก็สามารถหลบได้อย่างง่ายดาย เพราะโนอาห์ไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีเพียงแค่อยากให้อีกฝ่ายโต้ตอบกลับบ้าง

และมันก็ได้ผล

ทายาทเฮนสลีย์ร่ายเวทอะไรบางอย่างสักพัก

ตู้ม!

พื้นเวทีตรงที่โนอาห์ยืนอยู่ดันระเบิดออกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

ดีที่ประสาทสัมผัสของราชาแวมไพร์ดีกว่าปกติทำให้ร่างกายขยับไปด้านข้างโดยอัตโนมัติหลบระเบิดได้อย่างเฉียดฉิว

อันที่จริงราชาแวมไพร์ใช้แค่สัญชาตญาณตัวเองต่อสู้มาหลายคู่แล้ว

โนอาห์ไม่รอช้าตอบโต้กลับไปทันที

ทั้งคู่พลัดกันร่ายเวทไปมา ความเร็วนั้นช่างน่าตกใจจนคนบนอัฒจรรย์ได้แต่อ้าปากค้าง

ยังไม่มีใครได้แผลหรือบาดเจ็บจากการประลองครั้งนี้

จนกระทั่ง…

กริชด้ามยาวที่อเล็กซ์เสกออกมาตอนไหนก็ไม่รู้ลอยมาอยู่ตรงหน้าโนอาห์

ราชาแวมไพร์เสกเวทป้องกันขึ้นมาเป็นสิบชั้นจากความตกใจ

กริชเล่มนั้นกระทบเกราะแล้วแทนที่จะหายไปเหมือนปกติกลับพุ่งกลับไปยังที่ที่มันมาด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

ฉึก!

เสียงกริชทะลุผ่านเนื้อมากพร้อมกับเสียงสูดหายใจอย่างตื่นเต้นของคนดู

อเล็กซ์มองต้นแขนซ้ายของตนที่มีกริชที่เขาเสกมาปักอยู่พร้อมเลือดมากมายที่ไหลออกมาย้อมทั้งแขนของเขาให้เป็นสีแดงฉานแล้วไหลลงไปกองที่พื้นเป็นของเหลวกองย่อมๆ

อเล็กซ์หันไปมองใครบางคนที่อัฒจรรย์แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ

“ฉันจะทำให้เขาผิดหวังไม่ได้”

กลับมาที่โนอาห์

ราชาแวมไพร์เพิ่งเรียนรู้ว่าการเสกเวทป้องกันทับๆ กันจะทำให้สามารถสะท้อนกลับไปได้

เหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีนะที่กริชเล่มนั้นปักเข้าที่เจ้าของเอง

แต่มันจะไม่ดีก็ตรงที่เลือดมันไหลออกมาซะขนาดนั้นน่ะสิ!

กลิ่นหอมของเลือดลอยเข้าไปในโพรงจมูกของราชาแวมไพร์

โนอาห์เลียปากแห้งๆ ของตัวเอง กล้ามเนื้อที่อ่อนล้าจากการต่อสู้มาทั้งวันกำลังเรียกร้อง

ฮึ่ม คิดว่าเมื่อเช้าดื่มเลือดของดีแลนมาเยอะแล้วแท้ๆ แต่คงไม่มากพอสินะ

ก็เล่นไม่ได้ใช้เวทติดต่อกันนานๆ แบบนี้มานานแล้ว

ระหว่างที่ผู้คนกำลังลุ้นกันอยู่ว่าอเล็กซ์จะล้มไปเพราะบาดแผลที่ต้นแขนหรือเปล่า สายตาของราชาแวมไพร์กำลังพร่าลงอย่างควบคุมไม่อยู่

ไม่ได้การล่ะ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต้องกลับร่างเดิมตัวเองแน่เลย

โนอาห์จัดการร่ายเวทเรียกกริชเล่มนั้นออกมาจากต้นแขนของอเล็กซ์

ทายาทเฮนสลีย์ร้องด้วยความเจ็บปวด

กริชเล่มนั้นลอยมาทางราชาแวมไพร์ด้วยความเร็วสูงแต่หันด้านที่เป็นด้ามจับมา

ด้ามสีทองสลักลวดลายสวยงามของกริชเล่มนั้นกระทบที่ใต้คางของราชาแวมไพร์อย่างแรง

สติของเขาจึงค่อยๆ หายไป พร้อมๆ กับความรับรู้กลิ่นเลือดที่จมูก










ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

หลังจากที่โนอาห์หมดสติล้มลงจากการที่ด้ามกริชกระแทกคางอย่างแรง กรรมการที่เพิ่งนึกขึ้นได้ก็ประกาศว่าอเล็กซ์เป็นฝ่ายชนะ ก่อนที่ตัวอเล็กซ์เองจะล้มจากการเสียเลือดมากเกินไปภายในไม่กี่วินาที

แพทย์สนามจัดการพาร่างของทั้งคู่เข้าไปในห้องพยาบาลอย่างเร่งด่วน

ดีแลนที่สังเกตเห็นรีบลุกจากที่นั่งผ่านเหล่าเอลฟ์ที่กำลังส่งเสียงเสียดายว่าท่านโนอาห์ไม่น่าหมดสติไปเร็วแบบนี้เลย

ดูเหมือนทุกคนจะคิดว่าที่ด้ามกริชเล่มนั้นลอยเข้ามาหาโนอาห์เพราะอเล็กซ์เป็นคนร่ายเวท แต่สำหรับแวมไพร์ที่มีสายตาดีกว่าคนทั่วไปสังเกตเห็นดีว่าราชาแวมไพร์ของเขากำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้จากปริมาณเลือดมากมายที่ไหลออกมาจากอเล็กซ์

ในห้องพยาบาลเต็มไปด้วยผู้เข้าแข่งขันมากมาย อันที่จริงเรียกว่าทุกคนจะดีกว่า ดีที่ตอนนี้บางส่วนทยอยกลับกันไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่รอฟื้นอยู่มากมาย

ลอร์ดเซอร์ราโนเดินเข้าไปดูโนอาห์ด้วยความเป็นห่วงพยายามหลีกเลี่ยงร่างโชกเลือดของเพื่อนสนิทเพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเขาได้กลิ่นเลือดมนุษย์ตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น

เขาสาบานได้เลยว่าวินาทีที่โนอาห์ล้มลงไป หัวใจเขาเหมือนจะกองไปอยู่ที่พื้น

ฉะนั้น ถึงจะรู้ว่าแรงกระแทกแค่นั้นคงไม่ทำให้ราชาแวมไพร์เป็นอะไรไปหรอก แต่เขาก็อดเป็นห่วงมากๆ ไม่ได้

“เขาเป็นไงบ้าง” ลอร์ดเซอร์ราโนเอ่ยถามแพทย์ที่เพิ่งตรวจเช็คร่างกายโนอาห์เสร็จ

แพทย์คนนั้นทำความเคารพคนเป็นลอร์ดแล้วจึงตอบ

“ท่านโนอาห์ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่โดนกระแทกอย่างแรงจนสลบไปและมีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย”

ดีแลนพยักหน้าตอบรับ

ตอนนี้เขาเริ่มคิดว่าจะเอาคู่หมั้นกลับคฤหาสน์อย่างไร เพราะรู้ดีว่าทันทีที่โนอาห์ตื่นขึ้นมา เขาจะต้องได้ดื่มเลือดเป็นอย่างแรก

และการให้คนอื่นๆ ในห้องนี้เห็นโนอาห์ตอนดื่มเลือดคงไม่ดีเท่าไหร่หรอกมั้ง

ยังไม่ทันที่ดีแลนจะได้คิดอะไรออก เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ท่านโนอาห์!” เป็นมาคัสเจ้าเก่าเจ้าเดิมนี่เอง

ดีแลนเกือบยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากเมื่อเห็นว่าที่หัวหน้าเผ่าเอลฟ์เดินเข้ามาใกล้เตียงที่โนอาห์นอนอยู่ อันที่จริงต้องบอกว่าวิ่งมากกว่า

“ท่านมาคัส ใจเย็นๆ”

“ท่านจะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไรกัน ท่านโนอาห์ล้มไปขนาดนั้น!”

โอเค เขารู้แล้วว่าพวกเอลฟ์นอกจากจะชอบอวดแล้วยังเป็นเจ้าแม่เจ้าพ่อดราม่าอีก

“เขาแค่สลบไปเท่านั้นแหละ เดี๋ยวอีกสักพักก็ฟื้น” ดีแลนแย้งเป็นเวลาเดียวกับที่ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว “ไม่ทราบว่าท่านมาคัสจะสามารถหายตัวพาพวกเราไปที่คฤหาสน์ได้หรือไม่”

ความสามารถพิเศษของเผ่าเอลฟ์อีกอย่างก็คือการหายตัว

อันทีจริงแวมไพร์ก็สามารถหายตัวได้ แต่ใครจะไปอยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ล่ะ

“หืม แต่ท่านโนอาห์ยังไม่ฟื้นเลย”

“ฉันคิดว่าที่คฤหาสน์ โนอาห์จะฟื้นได้เร็วกว่าน่ะ ในห้องนี้เสียงดังจะตาย โนอาห์คงพักผ่อนได้ไม่เต็มที่หรอก” ลอร์ดเซอร์ราโนบอกเหตุผลที่คิดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ และเหมือนมาคัสจะคล้อยตามเสียด้วย

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีดีแลนและโนอาห์ในอ้อมแขนก็มาถึงหน้าคฤหาสน์เซอร์ราโนโดยสวัสดิภาพ มาคัสกำชับให้ดีแลนแจ้งข่าวถ้าโนอาห์ฟื้นแล้วถึงจะยอมกลับแดนตัวเองไป

ดีแลนพาราชาแวมไพร์ไปที่ห้องนอนของพวกเขาก่อนจะวางโนอาห์ลงบนเตียงเบาๆ

สีหน้าของราชาแวมไพร์ตอนนี้ดูเหนื่อยล้าซึ่งดีแลนก็เข้าใจเพราะโนอาห์ต้องสู้กับคนเป็นสิบๆ คนต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง

อันที่จริงความเหนื่อยล้าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของเหล่าแวมไพร์หรอก ดีแลนมั่นใจว่าโนอาห์สามารถสู้ต่อได้อีกเป็นหลายๆ ชั่วโมง ถ้าเจ้าอเล็กซ์ไม่ดันเลือดออกซะขนาดนั้นก่อนน่ะนะ

ดีแลนสางผมนุ่มๆ ของราชาแวมไพร์เล่น ตอนนี้มันไม่ได้ยาวเพราะโนอาห์ยังอยู่ในร่างมนุษย์อยู่

ภาพที่โนอาห์ล้มลงไปกลับเข้ามาในหัวเขาอีกครั้ง

“เฮ้อ…” ดีแลนไม่เข้าเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกผูกพันกับราชาแวมไพร์ตนนี้มากขนาดนี้ทั้งๆ ที่ยังอยู่ด้วยกันไม่ถึงเดือนที

ถึงจะบอกว่ามันเป็นสัญชาตญาณแวมไพร์ที่มีต่อราชาแวมไพร์ก็เถอะ

แต่ดีแลนรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำให้โนอาห์หลายๆ ครั้งไม่ได้เป็นเพราะสัญชาตญาณ ไม่ได้เป็นเพราะเลือดแวมไพร์ในกายเขาสั่งให้เขาทำ

แต่เพราะอะไร ดีแลนก็ไม่รู้เหมือนกัน

ลอร์ดเซอร์ราโนตัดสินใจหยิบหนังสือที่อ่านทิ้งไว้มาอ่านต่อ

มันเป็นหนังสือที่ท่านแม่ให้เขามา มันดูเก่ามากแล้วและด้านในนั้นล้วนเขียนด้วยภาษาแวมไพร์

ระบบภาษาของโลกทั้งสิบสามเผ่าค่อนข้างซับซ้อน กล่าวคือแต่ละเผ่าจะมีภาษาของตัวเองและใช้ภาษามนุษย์เป็นภาษากลาง

ง่ายๆ ก็คือสมมติว่าเขาเป็นเผ่าเอลฟ์ เขาจะสามารถรู้ภาษาเอลฟ์ได้โดยอัตโนมัติ แต่เขาจะต้องเรียนภาษามนุษย์เพราะเป็นภาษากลาง ในขณะที่เผ่าอื่นๆ ถ้าสนใจก็สามารถเรียนภาษาเอลฟ์ได้

ยกเว้นก็อยู่แต่ภาษาของเผ่าหนึ่งที่ไม่ว่าจะเรียนยังไงก็ไม่สามารถเรียนได้

ภาษามังกร…

อย่างไรก็ตามพรสวรรค์ของเผ่าแวมไพร์อีกข้อที่เขาเพิ่งค้นพบในหนังสือนี้ก็คือแวมไพร์สามารถฟังและพูดภาษามังกรได้เพราะว่าอวัยวะในการออกเสียงและความถี่เสียงมีหูรับได้ค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก

ดีแลนเปิดไปที่หน้าที่เขาอ่านค้างไว้

ลอร์ดเซอร์ราโนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังสือเกี่ยวกับแวมไพร์แบบละเอียดเล่มนี้ถึงไม่ได้รับการแปลเป็นภาษากลางอย่างภาษามนุษย์

ก็เพราะมันละเอียดเกินไปน่ะสิ

แวมไพร์ที่ไหนจะอยากให้คนนอกเผ่ารู้ ‘วิธีฆ่าแวมไพร์อย่างมีประสิทธิภาพ’ กัน

ดีแลนยังไม่ทันจะได้อย่างจบบท กรงเล็บแหลมคมของคนคนเดียวที่อยู่ในห้องนี้ก็ตะปบเข้าที่รอบคอเขา

ดีแลนตกใจได้ไม่นานก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างของตนเองโดนเหวี่ยงให้ติดกับเตียงเป็นที่เรียบร้อย โดยมีร่างของราชาแวมไพร์กดอยู่ด้านบน

ตอนนี้โนอาห์ตื่นเต็มที่แล้วและพอเห็น ‘มื้ออาหาร’ ของตนเองบวกกับท้องที่ว่างเหลือเกินก็ทนไม่ไหว

รอบคอของดีแลน ณ ขณะนี้เป็นสีแดงตามรอยนิ้วมือเป็นที่เรียบร้อย

ลอร์ดเซอร์ราโนสบตาที่เปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงสดเหมือนเดิมแล้วของราชาแวมไพร์ก่อนจะตัดสินใจอยู่นิ่งๆ รอดูว่าคนตรงหน้าจะทำอะไรต่อ

โนอาห์ที่ตอนนี้ถูกสัญชาตญาณครอบงำเต็มที่ซุกหน้าลงไปที่ต้นคอดีแลน

แต่ไอ้เสื้องี่เง่านี่มันขวางทางเขาอยู่!

ราชาแวมไพร์ยืดตัวขึ้นมาแล้วทำสิ่งที่ได้แต่ทำให้ดีแลนเบิกตากว้าง

แคว่ก!

เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดขาดออกเป็นสองชิ้นคามือราชาแวมไพร์เผยให้เห็นผิวขาวสว่างที่เป็นเงาวูบวาบตามร่องของกล้ามเนื้อ

โนอาห์เลียริมฝีปากก่อนจะ

ฉึก!

เขี้ยวแหลมแทงเข้าไปที่ต้นคอของดีแลนทันที

รอบนี้ลอร์ดเซอร์ราโนสัมผัสได้เลยว่ารอยแผลน่าจะใหญ่กว่าปกติเพราะราชาแวมไพร์แทงลงมาแบบไม่ได้นุ่มนวลหรือประณีตเลยแม้แต่น้อย

ของเหลวสีแดงถูกสูบออกไปจากร่างกายดีแลนในอัตราเร็วที่ทำให้เขารู้สึกวูบๆ อยู่น้อยๆ

ปึก!

โนอาห์ใช้มือจับกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มแล้วออกแรงเล็กน้อยให้ดื่มเลือดได้ถนัดขึ้น

แน่นอนว่าการทำแบบนั้นย่อมทำให้รอยเขี้ยวยิ่งเหวอะหวะเข้าไปอีกจนตอนนี้ของเหลวสีแดงนั่นไหลออกมาเปื้อนที่นอนบ้างแล้ว

แต่ดีแลนไม่ได้ใส่ใจ ตราบใดที่ราชาแวมไพร์ของเขาพอใจ

แต่ดูเหมือนโนอาห์จะดื่มเลือดเยอะกันไปแล้ว

ดีแลนจับที่ไหล่ของราชาแวมไพร์เบาๆ เป็นเชิงว่าเขาจะไม่ไหวแล้วเมื่อดีแลนเริ่มรู้สึกหน้ามืด

ยังดีที่สติของราชาแวมไพร์กลับมาแล้ว เขี้ยวแหลมถูกถอนออก บาดแผลถูกรักษาด้วยวิธีเดิม

ตอนนี้ตรงหน้าคนเป็นลอร์ดคือราชาแวมไพร์ที่อิ่มแปล้พร้อมกับมีคราบเลือดอยู่รอบปากยาวไปถึงคาง

“เปื้อนหมดแล้ว” ดีแลนพูดพร้อมใช้นิ้วมือเช็ดบริเวณแก้มเบาๆ

โนอาห์มองตาของดีแลนที่กำลังไล่สำรวจใบหน้าตนเองแล้วรู้สึกหวิวๆ ที่ท้องน้อยจนกระทั่งดวงตานั้นมาสบของตัวเองถึงจะได้สติขึ้นมา

“ฉันแพ้หรือ” คำถามที่ไม่มีบริบทออกมาจากปากโนอาห์ทำให้ดีแลนต้องใช้เวลาเล็กน้อยก่อนจะรู้ว่าโนอาห์หมายถึงอะไร

“ใช่ นายล้มลงก่อนอเล็กซ์ไม่กี่วินาที”

โนอาห์พยักหน้ารับรู้

ถึงเขาจะไม่ได้ที่หนึ่งแต่อย่างน้อยมนุษย์ทั้งแดนก็คงเห็นศักยภาพของเขาแล้วและถ้ายังมีใครต่อต้านเขาอีก ก็ลองมาเป็นคู่ประลองคนต่อไปของเขาแล้วกัน

ราชาแวมไพร์มองหน้าที่ดูเพลียๆ แล้วจากความรู้สึกที่ตนก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาก็พูดว่า

“นายนอนพักเถอะ”

 





โนอาห์รู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้นอนหลับหนึ่งตื่นและอาหารหนึ่งมื้อ อันที่จริงต้องบอกว่าอาหารมื้อใหญ่หนึ่งมื้อมากกว่า

ราชาแวมไพร์มองไปที่คฤหาสน์แห่งนี้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ตอนแรกที่เขาเลือกทำสัญญากับครอบครัวเซอร์ราโนก็เพราะต้องการอยู่ที่แดนมนุษย์สักพัก เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าถ้ามีคนรู้ว่าราชาแวมไพร์ตื่นขึ้นแล้วจะเป็นอย่างไร

โดยเฉพาะคนที่ทำให้เขาต้องหลับใหลไปหลายร้อยปี…

แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วราชาแวมไพร์ไม่สามารถอยู่ที่แดนมนุษย์ได้ตลอดหรอกรวมทั้งดีแลนที่ตอนนี้เป็นแวมไพร์แล้วด้วย

แวมไพร์จะแข็งแกร่งที่สุดก็ต่อเมื่ออยู่ในแดนแวมไพร์

ตอนนี้เขาขอเพลิดเพลินกับความสุขในแดนนี้ก่อนแล้วกัน

ปี๊บๆๆ

โนอาห์ขมวดคิ้วเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงแปลกประหลาดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเป็นเสียงสัญญาณบอกว่ามีคนอยู่หน้าประตูบ้าน

ราชาแวมไพร์ร่ายเวทที่เคยเห็นดีแลนใช้ก่อนจะเห็นว่าเป็นเบนช่างอัญมณีนี่เอง

โนอาห์ตัดสินใจเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้เบนเข้ามาเมื่อเห็นว่าตอนนี้ลอร์ดประจำคฤหาสน์กำลังพักผ่อนอยู่

“เอ๊ะ ท่านโนอาห์” เบนสั่งเสียงเหมือนตกใจที่เห็นเขาเป็นคนมาเปิดประตู

“ใช่แล้ว ฉันเอง”

“อ่า ผมแค่คาดว่าท่านจะยังอยู่ที่งานประลอง” ดูเหมือนข่าวที่เขาไปงานประลองกระจายไปไกลเหมือนกันนะเนี่ย

“ฉันเพิ่งฟื้นน่ะ จะเอามาก่อนไหม” โนอาห์เชื้อเชิญ

เบนส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรท่าน ผมแค่เอาแหวนที่สั่งมาให้เท่านั้น” ช่างอัญมณียื่นกล่องที่มีขนาดใหญ่พอสมควรให้โนอาห์

เบนทำท่าขอตัวกลับก่อนหลังจากบอกว่าถามมีอะไรต้องการแก้ก็สามารถติดต่อมาได้ทุกเมื่อ

โนอาห์กำลังช่างใจอยู่ว่าจะเปิดกล่องพร้อมกับดีแลนหรือว่าเปิดเองตอนนี้เลยดี

แต่สุดท้ายราชาแวมไพร์ก็ทนความอยากรู้และความชอบของสวยๆ งามๆ ของแวมไพร์ไม่ไหว กล่องที่ช่างอัญมณีให้มาจึงถูกเปิดออกเรียบร้อย

ในกล่องมีกล่องแหวนสีแดงกำมะหยี่อยู่สองกล่องสลักชื่อสีทองอย่างสวยงามว่ากล่องไหนเป็นของใคร

ในเวลาเดียวกับที่โนอาห์กำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดกล่องไหนก่อนดี ดีแลนก็มาโผล่ข้างๆ

“แหวนมาแล้วหรือ”

ดูเหมือนเสียงสัญญาณจะปลุกคนที่นอนหลับอยู่พอดี เสียงดีแลนตอนนี้จึงจะติดง่วงนิดๆ

“ใช่แล้ว” ดีแลนมองโนอาห์ที่ดูตื่นเต้นมากกว่าปกติก่อนจะนึกถึงข้อความหนึ่งในหนังสือเกี่ยวกับแวมไพร์ได้

‘แวมไพร์ทุกตนล้วนให้ความสนใจกับของสวยๆ งามๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่เป็นเครื่องประดับ เพราะมันเป็นสิ่งที่แสดงถึงฐานะและความสามารถในวัฒนธรรมของเหล่าแวมไพร์’

ไม่แปลกใจเลยที่ราชาแวมไพร์จะให้ความสำคัญกับแหวนขนาดนี้

แต่ก่อนที่ดีแลนจะร่วมวงเปิดกล่องเขาก็ถามคำถาม

“ราชาแวมไพร์อย่างนายคงมีสมบัติแบบนี้เยอะสินะ”

โนอาห์มองหน้าดีแลนแล้วหัวเราะก่อนตอบ

“ฉันขอเตือนนายในฐานะแวมไพร์ไว้อย่าง…” โนอาห์เว้นวรรค “...อย่าให้ความโลภของแวมไพร์ทำให้นายเห็นโลกชัดเจนลง”

“...”

“ของบางอย่างไม่ควรมาแลกกับความโลภของแวมไพร์หรอก”





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

โนอาห์เมื่อคิดว่าเขาพูดสิ่งที่อยู่ในใจมากเกินไปแล้วก็กลับมาให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ในมือต่อ

เขาตัดสินใจว่าจะเปิดของดีแลนก่อน

“ว้าว!”  โนอาห์มองแหวนตรงหน้าอย่างตื่นเต้น

นี่มันเหมือนที่เบนวาดให้เขาดูเลย

ด้วยสายตาของราชาแวมไพร์ที่มีสมบัติเป็นเครื่องประดับเหล่านี้อยู่มากสามารถบอกได้เลยว่าแหวนวงนี้ทำขึ้นด้วยความประณีตไม่แพ้ของที่แดนแวมไพร์

“เปิดของฉันบ้าง” ราชาแวมไพร์รบเร้า

ดีแลนยกกล่องแหวนขึ้นมาด้วยความทะนุทนอมแล้วเปิดออก

ลอร์ดเซอร์ราโนกำลังพอใจกับสิ่งที่เห็นตอนนี้เป็นอย่างมาก

นี่มันตรงกับที่เขาคิดไว้เลย!

หลังจากตรวจสอบดูความเรียบร้อยของแหวนเสร็จ ลำดับต่อไปก็…

ดีแลนสูดหายใจเข้าลึกๆ

“โนอาห์ ถ้านายจะกรุณา” ดีแลนงายมือข้างขวาไปด้านหน้าของราชาแวมไพร์

โนอาห์ส่งมือซ้ายไปวาง

แหวนวงงามถูกบรรจงใส่ที่นิ้วนางข้างซ้าย

ถึงตัวแหวนจะเย็นมากเพราะเป็นโลหะที่ราชาแวมไพร์กลับรู้สึกว่ามีกระแสอะไรบางอย่างอุ่นๆ วิ่งแปลบเข้าไปที่หัวใจ

“ตานายบ้างแล้ว”

ดีแลนหัวเราะก่อนจะส่งมือซ้ายให้

แหวนที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยถูกดันเข้าไปจนสุดความยาวนิ้ว

โนอาห์คลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้

ดีแลนตกตะลึง นี่เป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาตลอดชีวิตนี้

แต่ราชาแวมไพร์ทำให้ลอร์ดเซอร์ราโนตกตะลึงต่อโดยการวาดวงแขนขึ้นมาโอบรบคอคนตรงหน้าไว้แล้วกดตัวตัวเองลงไป

ดีแลนยื่นนิ่ง

นี่ราชาแวมไพร์กำลังกอดเขาอยู่เหรอ!

 





เช้าวันต่อมา

อีธานที่ตื่นเช้าสุดในบ้านบิดขี้เกียจที่โต๊ะอาหารก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ของเช้าวันนี้ออกมาอ่านเหมือนที่ทำมาทุกวัน

ดูเหมือนว่าการประลองเมื่อวานจะเป็นที่น่าสนใจของผู้คนน่าดู

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเมื่ออ่านเนื้อหาด้านใน

 

‘...งานประลอง ผู้ชนะที่แท้จริงคือใครกัน?!

ผู้ที่กรรมการประกาศว่าชนะงานประลองที่จัดขึ้นเมื่อวานคือท่านอเล็กซานเดอร์แห่งเฮนสลีย์ แต่เมื่อท่านอเล็กซานเดอร์ฟื้นขึ้นมาเขากลับบอกว่ากริชที่กระทบคางท่านโนอาห์อย่างแรงนั้นเขาไม่ได้เป็นคนทำทำให้ท่านอเล็กซานเดอร์ไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นผู้ชนะในงานประลองครั้งนี้...’

 

อีธานอ่านข่าวเสร็จแล้วหันไปมองหน้าคนเป็นลูกที่เพิ่งเดินลงมาจากบันไดพร้อมกับคู่หมั้น

“อรุณสวัสดิ์ ท่านพ่อ” ดีแลนทักทาย

อีธานรีบถามดีแลนและโนอาห์ทันทีว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น

ทั้งคู่เล่าเรื่องตามความเป็นจริงก่อนอีธานจะยื่นหนังสือพิมพ์ให้อ่าน

ลอร์ดเซอร์ราโนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อเล็กซ์คิดว่าคนที่ทำเป็นคนนอกไม่ใช่ตัวโนอาห์เองไม่งั้นคงยุ่งยากมากในการอธิบาย

ดีแลนเปิดหนังสือพิมพ์ไปอีกหน้าหนึ่งก่อนจะตกใจที่เห็นหน้าคู่หมั้นเขาเต็มหน้า ลอร์ดเซอร์ราโนรีบก้มลงอ่านเนื้อหาทันที

 

‘คู่หมั้นสุดเท่ของท่านลอร์ดเซอร์ราโน

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีแล้วว่าผู้ปกครองสูงสุดของเราท่านลอร์ดเซอร์ราโนได้แต่งตั้งคู่หมั้นคนใหม่ซึ่งก็คือท่านโนอาห์ที่ตอนนี้ทุกคนกำลังกรี๊ดกร๊าดกันอยู่นั่นเอง และในเมื่อวานนี้ท่านโนอาห์ก็ได้แสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกสายตา ดูรูปภาพประกอบได้ที่ด้านล่าง’

 

ภาพประกอบด้านล่างที่ว่าเป็นภาพโนอาห์ในกิริยาบทต่างๆ ในงานประลองซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนเขียนถึงเขียนเชียร์โนอาห์ซะขนาดนี้

ก็ขนาดเขาอยู่กับโนอาห์มาสักพักแล้ว แต่ภาพโนอาห์แบบซูมสิบเท่าจากอัฒจรรย์นี่ช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก

โนอาห์ดึงหนังสือพิมพ์ไปจะอ่านบ้างก่อนยิ้มอย่างพอใจที่แผนการสำเร็จไปได้ด้วยดี

แบบนี้เส้นทางคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโนคงราบรื่นขึ้นเยอะ

ไม่ใช่ๆ เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อไม่ให้ใครมาว่าเผ่าแวมไพร์ได้ต่างหาก!

ราชาแวมไพร์มองรูปประกอบด้านล่างก่อนจะพูดว่า

“อืม พวกเอลฟ์นั่นก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ”

ทันทีที่ดีแลนได้ยินเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่ารูปภาพพวกนั้นพวกเอลฟ์เป็นคนถ่าย

ฮึ่ย เขาให้ได้แค่งานประลองนะ เวลาอื่นอย่ามาถ่ายราชาแวมไพร์ของเขาแล้วกัน

 





เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหกเพราะงานเปิดตัวคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโนจะเริ่มขึ้นในวันมะรืนนี้แล้ว บัตรเชิญที่ส่งไปได้รับการตอบรับหมดแล้วไม่เว้นแม้แต่ตระกูลนั้น… ซึ่งดีแลนก็หวั่นๆ ใจอยู่เหมือนกัน

หวังว่าคงไม่เกิดอะไรขึ้น

เพนนีที่เป็นคนจัดการเรื่องอาหาร อันที่จริงเธอก็จัดการเกือบทุกอย่างนั่นแหละ ต้องเตรียมอาหารหลายอย่างเพราะแต่ละเผ่าก็มีข้อจำกัดด้านอาหารไม่เหมือนกัน เช่น เผ่านี้เป็นมังสวิรัติ เผ่านู้นเป็นสัตว์กินเนื้ออย่างเต็มตัวย่อยพืชไม่ได้เลย ยังดีที่มีเวทเก็บรักษาอาหาร

ส่วนด้านตัวเอกของงานนั้น…

“ดีแลน เอาไปเติมให้หน่อยสิ” โนอาห์ยื่นแก้วสีใสให้

ดีแลนส่ายหน้าใส่คนที่จัดการไอศกรีมที่เตรียมไว้สำหรับงานเปิดตัวไปแล้วสองแก้วถ้วน

“นายยังไม่อิ่มอีกหรือ”

โนอาห์เบนสายตามามองคนเป็นคู่หมั้น

“ดีแลน นายก็น่าจะรู้ดีว่าอาหารของมนุษย์แบบนี้ไม่ทำให้ฉันอิ่มหรอก”

ดีแลนคิดในใจว่าแค่ไอศกรีมเท่านั้นแหละก่อนจะต้องสะดุ้งกับประโยคต่อมา

“ดังนั้นก็ไปเอามาให้ฉันได้แล้ว!”

ลอร์ดเซอร์ราโนคิดว่าเขาคงต้องทำไอศกรีมเพิ่มแล้วแหละ ไม่งั้นมันคงหมดก่อนวันงาน

 





ในที่สุดวันงานก็มาถึง

คฤหาสน์เซอร์ราโนที่ร้อยวันพันปีถึงจะเปิดรับคนนอก ขณะนี้ประตูคฤหาสน์กลับเปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับบุคคลสำคัญๆ ที่จะมางานเปิดตัวครั้งนี้

อันที่จริงงานเปิดตัวนี้มันก็เหมือนเป็นงานเลี้ยงพบปะนั่นแหละ ทั้งให้คนอื่นพบปะกับคู่หมั้นคนใหม่ของลอร์ดเซอร์ราโนและให้คนสำคัญๆ มาพบปะกันเพราะไม่ใช่ว่าจะมีงานที่สามารถรวมคนที่มีอำนาจได้มากมายขนาดนี้ ดังนั้นคงไม่แปลกที่แต่ละเผ่าอาจใช้โอกาสนี้ตกลงเรื่องสัญญาหรือผลประโยชน์ระหว่างกัน

ฉะนั้น ถ้าคิดว่าเป็นงานโรแมนติกที่ลอร์ดเซอร์ราโนกับคู่หมั้นจะได้มาทำอะไรให้คนร่วมงานอิจฉา ก็คิดใหม่ได้เลย

ใช้เวลาพอสมควรคนถึงมางานกันครบเพราะพวกนี้บางทีเขาก็ตารางงานแน่นจนไม่อาจมาตรงเวลากันได้ทุกคน

ตอนนี้ในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์เซอร์ราโนจึงถูกบรรจุด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ถึงคนส่วนใหญ่จะมาจากแดนมนุษย์แต่เกือบครึ่งในที่นี้มาจากเผ่าอื่นทั้งสิ้น

ตอนนี้โนอาห์และดีแลนอยู่ในชุดเป็นทางการสีน้ำเงินเข้มพาให้ดูมีสง่าราศี แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของทั้งคู่วันนี้ดูจะเปล่งประกายมากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ทั้งคู่ยังอยู่ในห้องนอนของพวกเขาปล่อยให้อีธานและเพนนีรับแขกอยู่ด้านล่างเพราะตัวเอกก็ต้องออกเป็นคนสุดท้าย ถูกไหม

ก๊อกๆๆ

“ใครน่ะ” ดีแลนตะโกนถาม

“ฉันเอง” ลอร์ดเซอร์ราโนที่จำเสียงได้ก็ร่ายเวทเปิดประตููให้คนด้านนอกเข้ามา

เป็นเพื่อนสนิทของเขาเอง

“ไง อเล็กซ์” ดีแลนทักทายเพื่อนสนิทที่ก็อยู่ในชุดทางการเหมือนกัน นานๆ ทีจะเห็นมันยอมใส่

“ก็ดี แล้วนายจะลงไปยัง”

“คงอีกสักพัก”

ทั้งคู่พูดด้วยเสียงเบากว่าปกติเพราะว่าตอนนี้โนอาห์ตัวเอกของงานกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่

แต่ดูเหมือนเสียงของทั้งคู่จะไม่ได้เบาสำหรับราชาแวมไพร์

“อ่ะ ท่านโนอาห์ตื่นแล้ว”

ราชาแวมไพร์มองอเล็กซ์ก่อนจะทักทายเบาๆ แล้วบิดขี้เกียจ

ให้ตายเถอะ นี่มันเวลานอนแล้วชัดๆ ทำไมพวกมนุษย์ถึงชอบจัดงานเลี้ยงเวลาแบบนี้กัน โนอาห์คิด

อเล็กซ์มองหน้าโนอาห์แบบอึกอักๆ เหมือนอยากถามอะไรบางอย่างซึ่งโนอาห์ก็สามารถรับรู้ได้จึงเอ่ยว่า

“นายมีอะไรจะถามก็ถามมาเถอะ”

อเล็กซ์เม้มปากก่อนตัดสินใจเอ่ยถาม

“นายไม่ได้เป็นคนร่ายเวทนั้นใช่ไหม ในงานประลอง”

ดีแลนสะดุ้งในใจเมื่อเห็นว่าอเล็กซ์เริ่มสงสัย

ดีที่โนอาห์ควบคุมสีหน้าไว้ได้ก่อนถามกลับ

“ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

“ฉันไปถามมาทุกคนแล้ว ขนาดพี่ชายที่อยากให้ฉันชนะใจจะขาดยังปฏิเสธเลยว่าไม่ได้ทำ”

“แล้วฉันจะทำแบบนั้นไปทำกัน”

อเล็กซ์ขมวดคิ้วแล้วคิดตาม

“นั่นสิ” ใครจะไปทำให้ตัวเองสลบกัน “เฮ้อ ช่างมันเถอะๆ”

ทั้งคู่ถอนหายใจในใจอย่างโล่งอกที่อเล็กซ์ยอมถอยแต่โดยดี

หลังจากที่ทั้งสามคนคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ไม่นานเพนนีก็มาเรียกว่าพวกเขาทั้งคู่ลงไปได้แล้ว

เอาล่ะ ถึงเวลาที่คนจะได้ยลโฉมคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโนแล้ว

 





ทันทีที่ทั้งคู่เดินลงบันไดวนอันใหญ่ลงมา ทั้งห้องโถงต่างเงียบแล้วมองอย่างให้เกียรติ

ทุกทวงท่าของราชาแวมไพร์ล้วนเป็นที่จับจ้องเหมือนไม่สามารถต้านทานเลือดขัตติยะได้

แทบทุกคนในที่นั้นต่างคิดว่าลอร์ดเซอร์ราโนได้คนที่น่าอิจฉาที่สุดไปแล้ว

ดีแลนจูงมือโนอาห์จนถึงขั้นสุดท้ายของบันไดแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย

นานๆ ทีจะได้จับมือแบบนี้ใครจะไปยอมปล่อยง่ายๆ กัน

แต่ดีแลนก็แทบอยากปล่อยมือไปเขกกะโหลกคนที่เข้ามาทักพวกเขาเป็นคนแรกอย่าง…

“ท่านโนอาห์!”

...เจ้าเอลฟ์บ้านี่ไง!!

มาคัสเดินเข้ามาทักทั้งคู่ด้วยความสดใสร่าเริงผิดปกติ อันที่จริงเจ้านี่มันก็ผิดปกติมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แหนะๆ แถมยังจะฉวยโอกาสจับมือคู่หมั้นเขาอีก

“ท่านมาคัส” ลอร์ดเซอร์ราโนพูดก่อนที่โนอาห์จะได้ตอบอะไรให้เจ้าเอลฟ์นี่ได้เหลิง

มาคัสจำใจต้องให้ความสนใจกับดีแลนตามมารยาท

“ท่านลอร์ดเซอร์ราโน โทษทีๆ ข้าบังเอิญไม่เห็นท่าน”

ไม่เห็นกะผีสิ ก็เดินอยู่ข้างๆ โนอาห์เนี่ย!

ว่ากันว่าความรักทำให้คนตาบอด น่าจะจริง

ดีแลนได้แต่กัดฟันกรอดๆ

“ท่านโนอาห์ ท่านได้เห็นของที่กลุ่มพวกเราแฟนคลับท่านโนอาห์ทำออกมาขายหรือเปล่า”

โนอาห์ส่ายหน้า

ถึงตอนแรกจะรำคาญหน่อยๆ แต่ไปๆ มาๆ เจ้าเอลฟ์นี่ก็ตลกดีในความคิดของราชาแวมไพร์

ส่วนดีแลนก็ต้องสิบหนึ่งถึงสิบในใจไม่ให้ทำอะไรกับคนที่มาเต๊าะคู่หมั้นเขาอย่างออกหน้าออกตา

“แหมะ ช่างน่าเสียดาย แต่ไม่เป็นไร ข้าพกมาพอดี”

มาคัสร่ายเวทเอาอะไรบางอย่างออกมาแล้วส่งให้โนอาห์ดู

“นี่เป็นเสื้อที่เราทำออกขายเอง” โนอาห์ดูเสื้อสีขาวที่มีหน้าเขาเด่นหราอยู่พร้อมกับด้านบนที่มีชื่อกลุ่มแฟนคลับท่านโนอาห์

มาคัสที่เห็นโนอาห์สนใจก็รีบเสริมต่อ

“นอกจากนี้นะท่าน เรายังมีผ้าปิดปาก โปสการ์ด แท่งไฟ หรือแม้แต่หมอนข้างสกรีนรูปท่านโนอาห์เต็มตัวให้เอาไปนอนกอดกันด้วย”

เมื่อดีแลนฟังคำโฆษณาของหมอนข้างที่ว่าจบก็กำลังจะสวนกลับ แต่เพื่อนสนิทที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้พูดโพล่งขึ้นกลางวง

“นี่มันท่านมาคัสผู้ก่อตั้งกลุ่มแฟนคลับท่านโนอาห์หรือ เราขอเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่”

“อ่า ท่านอเล็กซานเดอร์แห่งเฮนสลีย์ ท่านก็เป็นแฟนคลับท่านโนอาห์เหมือนกันหรือ ได้เลยท่าน แล้วก็ในฐานะที่ท่านเป็นสมาชิกคนที่หนึ่งพันพอดี เราแถมฟรีหมอนข้างท่านโนอาห์ไปเลย”

ดีแลนยกมือมากุมหัว ขณะที่โนอาห์หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่แล้ว

 

ออฟไลน์ Tukta3039

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

ออฟไลน์ babaaa

  • tue10mar
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอสมัครเป็นแฟนคลับท่านโนอาห์ด้วยคนค่ะ

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ในที่สุดดีแลนก็จัดการสลัดเจ้าเอลฟ์ออกไปได้

“เป็นอะไรไปดีแลน หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว” โนอาห์ถามคนที่ลากเขาออกมา

“...”

“หึงเหรอ” ลอร์ดเซอร์ราโนชะงักไป

นี่เขาหึงหรือ…

ถ้าเขาหึงก็แปลว่า…

ยังไม่ทันให้ดีแลนได้ตอบอะไรกลับ ตัวเอกของงานก็ถูกทักอีกรอบ

“ท่านโนอาห์” ดีแลนรีบออกจากภวังค์แล้วมาอยู่ข้างๆ คู่หมั้นทันที ก่อนจะชะงักเพราะคนที่มาทักเป็น…

“มนุษย์หมาป่า” โนอาห์เอ่ยออกไป

คนตรงหน้าโยกตัวเป็นเชิงถูกแล้วก่อนชม

“ช่างสังเกตยิ่งนัก”

“ท่านจาเร็ด” ดีแลนเป็นฝ่ายเอ่ยทักบ้าง

“ท่านลอร์ดเซอร์ราโน…” มนุษย์หมาป่าตรงหน้าก้มหัวเล็กๆ เป็นเชิงทักทายก่อนจะพูดต่อ “...ท่านอยู่นี่ก็ดีเลย ข้ามีคำถาม”

“เชิญท่านถามได้เลย” ดีแลนพูดพร้อมคลี่ยิ้มแบบนักการเมือง อันที่จริง งานเปิดตัวนี่ก็เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองทั้งนั้น

“ช่วงนี้ท่านได้รับรองแขกแปลกๆ หรือเปล่า”

สายตาดีแลนบ่งบอกถึงความงุนงง ก่อนจะคิดแล้วตอบ

“ไม่นะท่าน”

จาเร็ด ยกมือขึ้นมากอดอกก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาสีเหลืองสดเหมือนสัตว์ป่าฉายแววอันตราย

“อืม ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่ท่านระวังตัวไว้ก็ดี ข้าได้กลิ่นแวมไพร์ในคฤหาสน์นี้”

ดีแลนก็โนอาห์แกล้งทำท่าตกใจ

โนอาห์ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจาเร็ดถึงได้กลิ่น ก็ดีแลนเพิ่งเปลี่ยนร่างเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเอง กลิ่นแวมไพร์เลยน่าจะยังติดบางส่วนของคฤหาสน์อยู่แบบจางๆ

สมองราชาแวมไพร์วิ่งเร็วจี๋คิดหาวิธีแก้ปัญหา

ให้ดีแลนอยู่ในร่างมนุษย์ตลอดเหรอ… คงไม่ได้ ดีแลนน่าจะพลังเวทมนตร์หมดก่อน

อ่า รู้แล้ว… แค่ไม่ให้มนุษย์หมาป่าเข้ามาในคฤหาสน์ก็พอ

“ขอบคุณท่านที่เตือน ไว้พวกเราจะหาที่มาของกลิ่นนั่นเอง” ลอร์ดเซอร์ราโนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

จาเร็ดมองดีแลนทีมองโนอาห์ทีก่อนขอตัวแต่ทั้งคู่เห็นได้ชัดว่ามนุษย์หมาป่ายังไม่หายระแวง

แหงล่ะ สำหรับมนุษย์หมาป่าแล้ว แวมไพร์ก็ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ

ยังดีที่จาเร็ดไม่คิดว่าพวกเขากำลังร่วมมือกับแวมไพร์ ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาใหญ่ได้

เมื่อจาเร็ดออกไปแล้วดีแลนก็ทำท่าอ้าปากเหมือนจะถามโนอาห์ว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี แต่โนอาห์ขัดไว้

“เดี๋ยวค่อยคุย มีคนเดินมาทางเรา” ลอร์ดเซอร์ราโนมองตามทางที่โนอาห์บุ้ยใบ้ไปแล้วได้แต่สบถในใจ

ให้ตายเถอะ!

คนคนนั้นเดินเข้ามาถึงตรงหน้าของทั้งคู่แล้วทัก

“ท่านโนอาห์ พี่ดีแลน”จากการเรียกและน้ำเสียงการเรียก แค่หลับตาโนอาห์ยังบอกได้เลยว่าคนคนนี้คือคู่หมั้นคนเก่าของลอร์ดเซอร์ราโน

ดีแลนเมินการเรียกอย่างสนิทสนมนั้นก่อนทักทายกลับ

“ท่านอลิซาเบ็ธ” แววตาของหญิงสาวตรงหน้าไหววูบกับสรรพนามที่ห่างเหินก่อนจะคิดได้ว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร

“ท่านลอร์ดเซอร์ราโน ยินดีกับท่านด้วย”

บรรยากาศอึดอัดตรงหน้าทำเอาราชาแวมไพร์อยากจะลากดีแลนไปที่อื่น

ให้ตายเถอะ คู่หมั้นเก่าของดีแลน ไม่ใช่คู่หมั้นเก่าของเขาซะหน่อย!

ดีแลนพยักหน้ารับคำยินดีนั้นก่อนทำท่าจะเดินออกไปถ้าหล่อนไม่เรียกอีกคนเอาซะก่อน

“ท่านโนอาห์” ราชาแวมไพร์พยักหน้ารับคำทักทายเบาๆ

“ท่านอลิซาเบ็ธ”

“ฉันเฝ้าฝันมาตลอดว่าจะได้มางานเปิดตัวคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโน…” หล่อนยิ้มกว้างขึ้นไปอีกก่อนพูดต่อ “...เพียงแค่ไม่คิดว่าจะได้มางานในตำแหน่งนี้”

 





งานเปิดตัวคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโนดำเนินไปเรื่อยๆ คนมากหน้าหลายตาเข้ามาทักทายทั้งคู่ ทั้งที่เป็นมนุษย์และไม่ใช่ ส่วนใหญ่มักจะเข้ามาแสดงความยินดีและคุยเกี่ยวกับเรื่องงานประลองที่ผ่านมา

ดีแลนต้องบอกเลยว่าโนอาห์ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด บางทีอาจเป็นเพราะทักษะการเข้าสังคมในงานเลี้ยงเป็นสิ่งที่ราชาแวมไพร์มีอยู่แล้ว ปัญหามีแค่โนอาห์ที่เพิ่งมาอยู่ในสมัยนี้บางทีก็ไม่รู้ว่าคนที่คุยด้วยคือใครชื่ออะไร

คนที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็เป็นคนใหญ่คนโตหรือผู้นำซึ่งคิดจะมาทดสอบคู่หมั้นคนใหม่ของลอร์ดเซอร์ราโน ไม่ว่าจะเป็นการถามคำถามยากๆ หรือคำถามที่เป็นนามธรรมเพื่อดูความคิดของราชาแวมไพร์ซึ่งแน่นอนว่าสามารถตอบได้อย่างน่าประทับใจ

ทางด้านโนอาห์นั้น

เขาไม่คิดเลยว่าไอ้งานเปิดตัวอะไรเนี่ยจะทำให้เขาเหนื่อยขนาดนี้ ทั้งต้องเดินไปเรื่อยๆ ทั้งต้องคิดตอบคำถามของพวกตาแก่หัวหงอกที่คิดจะลองเชิง

นี่มันเป็นเวลานอนของเขานะ!

ดูเหมือนว่างานเปิดตัวจะไม่ได้ใจร้ายกับโนอาห์มากนักเมื่อแขกหลายๆ ท่านพากับกลับแล้วเป็นสัญญาณให้ราชาแวมไพร์รู้ว่างานน่าเบื่อนี่กำลังจะจบลง

ดีแลนและโนอาห์กล่าวลาแขกเป็นครั้งที่สิบ

และในครั้งที่สิบเอ็ดนั้น

“ท่านดีแลน…” คนคนนั้นนิ่งไปสักพักก่อนพูดต่อ “...และท่านโนอาห์”

โนอาห์ที่ในใจกำลังเหม่อลอยถึงเตียงนอนแสนนุ่มหันกลับมาให้ความสนใจกับชายหนุ่มตรงหน้าทันที

ราชาแวมไพร์ขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าชายตรงหน้าช่างคุ้นตาเหลือเกิน

เพียงเสี้ยววินาทีโนอาห์ก็คิดออก

คนคนนี้มัน....!

ท่ามกลางความตกใจของลอร์ดเซอร์ราโน ชายหนุ่มตรงหน้าจับบ่าของโนอาห์แล้วลากเข้ามาให้ปากอยู่ที่ใบหูราชาแวมไพร์

ลมหายใจที่ร้อนกว่าปกติที่รดอยู่ที่หลังหูพาให้โนอาห์รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ ไม่ได้สนใจแรงบีบที่มือจากดีแลนที่มากขึ้น

ชายหนุ่มคนนั้นพูดกระซิบให้ราชาแวมไพร์ได้ยินเพียงคนเดียว

“คาดไม่ถึงว่าจะพบท่านที่นี่ ราชาแวมไพร์โนอาห์”

 





แขกคนสุดท้ายกลับออกไปแล้ว

โนอาห์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ในที่สุดเขาจะได้กลับไปนอนซะที

ราชาแวมไพร์มองคนข้างๆ ที่ไม่ได้พูดอะไรมาสักพักแล้ว

ดีแลนเงียบไปตั้งแต่ตอนที่ชายคนนั้น ชายคนที่โนอาห์ไม่อยากจะนึกถึงเลยเดินออกไป

ในที่สุดโนอาห์ก็เอ่ยถาม

“นายเป็นอะไรหรือเปล่า”

ดีแลนหลับตาคิดอะไรสักพักก่อนตัดสินใจถามออกไป

“คนคนนั้นเป็นอะไรกับนายเหรอ”

โนอาห์รู้ได้ทันทีว่าดีแลนหมายถึงใคร ชายหนุ่มคนนั้นนั่นเอง

“นายรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร”

แน่นอนว่าลอร์ดเซอร์ราโนที่อยู่ในตำแหน่งมาสองปีย่อมรู้จักแขกทุกคนในที่นี้

“ดราโกราชาแห่งเผ่ามังกร” ดีแลนตอบ

โนอาห์พยักหน้า

“ในเมื่อนายรู้ว่าเขาเป็นถึงราชามังกร ก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเขา”

เผ่ามังกร เผ่าพันธุ์ที่ทุกคนอยากเป็นมิตรด้วยเพราะกลัวการเป็นศัตรูมากกว่า

ยกเว้นราชาแวมไพร์เมื่อก่อนไว้คนหนึ่งแหละนะ

แต่ดูเหมือนยิ่งราชาแวมไพร์พูดแบบนั้น ดีแลนยิ่งรู้สึกไม่พอใจ

“แล้วทำไมเขาถึงดึงนายเข้าไปแบบนั้น” น้ำเสียงดีแลนเริ่มหงุดหงิด ในใจเริ่มตั้งสมมติฐานความสัมพันธ์ของคนสองคน

“นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”

คำตอบนั้นยิ่งทำให้ดีแลนคิดว่าสิ่งที่ตนคิดน่าจะเป็นความจริง ยิ่งประโยคที่ตามมาจากปากราชาแวมไพร์สนับสนุนความคิดของเขาเข้าไปใหญ่

“มันเป็นเรื่องของอดีตน่ะ”

 





คืนนั้นลอร์ดเซอร์ราโนนอนไม่หลับถึงจะเหนื่อยจากงานเมื่อตอนหัวค่ำ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างคู่หมั้นของเขากับราชาเผ่ามังกรรบกวนความคิดเขาอยู่ รวมถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นด้วย

ความรู้สึกแปลกๆ ที่เหมือนกับตอนที่เจ้าเอลฟ์นั่นเข้ามาทำตัวสนิทสนม

ก่อนที่ดีแลนจะนึกถึงคำถามจากราชาแวมไพร์ที่เขายังไม่ได้ตอบ

 

‘หึงเหรอ’

 

สามัญสำนึกของลอร์ดเซอร์ราโนตอบคำถามนั้นทันที

‘ใช่’

ให้ตายเถอะ คำตอบที่เพิ่งตระหนักได้ไม่ได้ช่วยให้ดีแลนรู้สึกสงบลงเลยสักนิด ยิ่งทำให้เขาคิดมากเข้าไปใหญ่

หึง… แบบนี้ไม่ได้แปลว่าเขา ‘รัก’ ราชาแวมไพร์แล้วหรือ

ดีแลนสะบัดหัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ โนอาห์เพิ่งมาอยู่กับเขาแค่เดือนกว่าๆ เอง ต้นรักคงไม่ได้ขึ้นเร็วขนาดนั้นหรอกมั้ง

แต่ว่าลอร์ดเซอร์ราโนก็ไม่สามารถหาคำตอบอื่นได้ที่ดูจะเป็นไปได้มากกว่านี้

ดังนั้น ตอนนี้คำถามก็มีอยู่คำถามเดียว

ราชาแวมไพร์ที่นอนอยู่ข้างๆ รักเขาบ้างหรือเปล่า…

 





ทางด้านราชาแวมไพร์ที่นอนหลับไปแล้วนั้น ถึงโนอาห์จะไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนคนข้างๆ แต่ราชาแวมไพร์ก็ไม่ได้หลับสบายมานักเมื่อคำพูดของราชาเผ่ามังกรยังดังก้องอยู่ในหัว

 

‘คาดไม่ถึงว่าจะพบท่านที่นี่ ราชาแวมไพร์โนอาห์’

 

ราชาแวมไพร์เจ็บใจเล็กๆ ที่ใช้ใบหน้าจริงของตัวเองด้วยไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักเพราะนี่ก็ผ่านไปหลายรุ่นแล้วถ้านับตามอายุขัยของเผ่ามนุษย์

โดยไม่ได้นึกถึงว่ายังมีเผ่ามังกร เผ่าที่อายุขัยยืนยาวเป็นพันปีอยู่ และแน่นอนว่ามังกรตัวนั้นจำเขาได้ เหมือนกับที่เขาก็จำมังกรตัวนั้นได้เหมือนกัน

มังกรตัวที่ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน

เหตุการณ์ที่เขาไม่มีทางลืม

เหตุการณ์ที่ความโลภมันเข้าบังตา

เหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องเสียคนคนนั้นไป

 

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชูป้ายไฟท่านโนอาห์ค่ะ 5555

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

“โนอาห์ เจ้าทำแบบนี้ทำไม”

‘ข้าขอโทษ’

“ยังไม่ตอบข้าอีก! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำกับข้าแบบนี้”

‘ข้าขอโทษ’

“เจ้ายังเป็นโนอาห์ที่ข้ารู้จักหรือเปล่า!!”

‘ข้าขอโทษ’

‘ข้าขอโทษ!’

‘ข้าขอโทษ!!’

 





เฮือก!

“แฮกๆๆ…” โนอาห์เด้งตัวขึ้นมาจากเตียงอย่างกะทันหันแล้วรีบยกมือทั้งสองข้างของตนขึ้นมาดูทันที

มือทั้งสองข้างนั้นขาวสะอาด

ต่างจากในความฝัน…

ราชาแวมไพร์สงบสติอารมณ์แต่ความรู้สึกผิดยังชัดอยู่ในใจ

ตอนนั้นเป็นครั้งเดียวที่เขารู้สึกกลัวของเหลวสีแดง

ทั้งๆ ที่เขาพูดกับตัวเองเป็นล้านรอบแล้วว่าเขาได้ชดใช้หนี้ครั้งนั้นไปหมดแล้ว

ให้ตายเถอะ…

โนอาห์หันไปมองดีแลนที่นอนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มดูเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ แต่ก็เข้าใจได้ว่างานเมื่อวานคงหนัก แถมยังต้องนอนดึกอีกต่างหาก

ราชาแวมไพร์ถอนหายใจ

ดีแลนนี่ก็อีกคน เป็นแวมไพร์ที่ไม่สมเป็นแวมไพร์เลย แวมไพร์ส่วนใหญ่มักจะเย็นชาและอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ลอร์ดเซอร์ราโนมักจะใส่ใจคนอื่นอยู่เสมอ

เอ่อ… อันที่จริงต้องบอกว่าใส่ใจเขาคนเดียวมากกว่า

จากการอยู่แดนมนุษย์มาได้สักพัก ราชาแวมไพร์ก็เริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบมนุษย์แล้ว

คุ้นเคยน่ะได้ แต่อย่าหลงแล้วกัน

เพราะอย่างไรก็ตาม สุดท้ายที่ที่เป็นของเขาก็คือแดนแวมไพร์

ตอนนี้โนอาห์แค่หวังว่าดีแลนจะไม่มีปัญหากับแดนแวมไพร์มากนัก

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดีแลนจะปรับตัวเข้ากับแดนแวมไพร์ก็ไหมและที่สำคัญกว่านั้น

แดนมนุษย์จะยอมปล่อยลอร์ดเซอร์ราโนไปไหม?

 





ในห้องที่แสงอาทิตย์ตอนเที่ยงทะลุผ่านเข้ามาไม่ได้ ชายหนุ่มที่นอนอยู่กลางเตียงใหญ่ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น

เขาหันไปดูนาฬิกาข้างฝาผนังก่อนจะพบว่านี่มันเลยเวลาอาหารเช้ามานานแล้ว แต่ดีแลนก็ไม่ได้ตกใจมากนัก

ลอร์ดเซอร์ราโนพลิกตัวไปอีกด้านก่อนจะพบกับภาพที่ไม่คาดคิด

ความว่างเปล่า…

คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที

ราชาแวมไพร์ของเขาไปไหนแล้ว?

ยังไม่ทันที่ดีแลนจะได้เรียกหาหรือทำอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“นี่แม่เอง ดีแลน” เป็นเพนนีนี่เอง

ดีแลนใช้เวทเปิดประตูให้แม่ของตนเดินเข้ามา

เพนนีเดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็นอาหาร

“อรุณสวัสดิ์ครับแม่”

“นี่เที่ยงแล้วนะลูก ยังจะอรุณสวัสดิ์อีก”

ดีแลนหัวเราะเบาๆ กับคำล้อของคนเป็นแม่

“นี่อะไรครับเนี่ย” ดีแลนชี้ไปที่รถเข็นที่แม่เขาเอามา

“อาหารไง เห็นลูกไม่ได้ลงไปซะที โนอาห์เลยบอกให้เอาขึ้นมาให้”

“โนอาห์?”

“ใช่แล้ว ถึงแม่จะไม่ได้เป็นแวมไพร์แล้ว แต่สัญชาตญาณแม่ก็บอกให้เชื่อฟังคำสั่งราชาแวมไพร์อยู่เรื่อย” เพนนีพูดด้วนสีหน้ายิ้มๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร

“แล้วตอนนี้โนอาห์อยู่ไหนครับ”

“อ๋อ ตอนนี้คงอยู่ในครัวน่ะ เห็นว่าจะพยายามทำไอศกรีมให้เป็นให้ได้”

ดีแลนพยักหน้ารับ

เพนนีเสกโต๊ะขึ้นมาคร่อมเตียงแล้ววางอาหารลงไป ครั้งสุดท้ายที่ดีแลนทานอาหารบนเตียงก็ผ่านมานานมากแล้ว

ลอร์ดเซอร์ราโนเปิดฝาที่ปิดชามอาหารเอาไว้ก่อนจะพบกับข้าวต้มปลาของโปรดของเขา

“นี่แม่ทำเองเหรอครับ”

“ใช่แล้วล่ะ แต่โนอาห์เป็นคนบอกให้แม่ทำเมนูนี้นะ”

ดีแลนพิจารณาคำพูดแม่ตนเอง ก่อนจะพยักหน้ารับ เขาไม่อยากคิดอะไรเข้าข้างตัวเองไปนัก

อะไรแบบที่ราชาแวมไพร์ก็รู้อาหารจานโปรดของเขาเหมือนกัน

ดูเหมือนเพนนีจะจับความผิดปกติอะไรบางอย่างได้

“ดีแลน ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า”

ลอร์ดเซอร์ราโนเงยหน้ามองมารดา

แต่ไหนแต่ไรมาผู้หญิงคนนี้ก็อยู่ข้างๆ เขามาตลอด รับฟังและเข้าใจ ดังนั้นถ้าจะให้เขาเอ่ยความไม่สบายใจกับใครได้ก็คงเป็นคนคนนี้

“ท่านแม่ครับ…” เพนนีตั้งใจฟัง “...ราชาแวมไพร์นี่สามารถบังคับความรู้สึกแวมไพร์ตนอื่นได้ไหมครับ”

ดีแลนกลัว... กลัวว่าที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้จะไม่ใช่ของจริง

หญิงวัยกลางคนกระพริบตาสองสามครับเหมือนกำลังประมวลผลก่อนยิ้มกว้างแล้วตอบ

“ไม่ได้หรอก ราชาแวมไพร์บังคับได้แค่การกระทำเท่านั้น ถ้าพูดถึงความรู้สึก นอกจากความรู้สึกภักดี ราชาแวมไพร์ไม่สามารถบังคับได้หรอก...”

ดีแลนไม่รู้อยากจะดีใจกับคำพูดแม่ของเขาหรือเปล่าโดยเฉพาะประโยคต่อมา

“...รวมถึงความรู้สึกรักด้วย”

“ท่านแม่ ผมไม่ได้…”

“ไม่ได้รักเหรอ โกหกแม่ไม่ดีนะดีแลน” เพนนีรู้ความรู้สึกของคนเป็นลูกตั้งแต่ดีแลนถามคำถามแรกแล้ว

ลอร์ดเซอร์ราโนทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก

หลงรักราชาแวมไพร์…

จะมีอะไรโชคร้ายกว่านี้อีกไหม

 





โนอาห์ชิมของหวานสีชมพูอย่างไม่แน่ใจ เขาว่าเขาก็ทำตามที่บอกทุกอย่างแล้วนะ ทำไมถึงออกมาไม่เหมือนกันล่ะ

ของเขาดูเหมือนรสชาติจางกว่าแปลกๆ

ราชาแวมไพร์ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ

“โนอาห์” เสียงเรียกจากประตูห้องครัวทำให้เจ้าของชื่อต้องหันกลับไปดู

“ดีแลน” ดูเหมือนความช่วยเหลือจะมาในเวลาที่ต้องการพอดี

ราชาแวมไพร์รีบกวักมือเรียกให้ลอร์ดเซอร์ราโนเดินเข้าไปหา

“ไหนนายบอกมาสิว่าฉันทำอะไรผิด” โนอาห์จัดการใช้ช้อนตักไอศกรีมที่เพิ่งทำเสร็จของตนเองเข้าปากคนเป็นคู่หมั้น

ดีแลนที่ถูกป้อนชิมไอศกรีมตรงหน้าอย่างตั้งใจก่อนจะขมวดคิ้ว

“โนอาห์…” ราชาแวมไพร์ทำหน้าเหมือนบอกมาซะทีว่าฉันทำอะไรผิด “...นายลืมใส่น้ำตาลหรือเปล่า”

“น้ำตาล?”

ดีแลนพยักหน้า ไอศกรีมที่เขาเพิ่งชิมไปไม่ได้ไม่อร่อยเพียงแต่มันไม่มีความหวานแบบที่ไอศกรีมปกติควรจะมี

โนอาห์คิดสักพักก่อนตอบ

“เป็นไปได้ งั้นนี่ก็ต้องทำใหม่เลยสิ” ราชาแวมไพร์บ่น

ดีแลนหัวเราะกับท่าทางนั้นเบาๆ

“มา ฉันช่วย”

จากนั้นดีแลนกับโนอาห์ก็เริ่มทำไอศกรีมของโปรดในแดนมนุษย์ของโนอาห์กันใหม่ ดีที่ดีแลนทำเป็นก่อนแล้วเลยไม่ได้วุ่นวายมากนัก

“ว้าว” โนอาห์มองไอศกรีมที่ออกมาจากเครื่องทำไอศกรีมแล้วก็ได้แต่น้ำลายหก

“อ่ะ เรียบร้อย” ดีแลนส่งถ้วยไอศกรีมที่มีไอศกรีมอยู่เต็มให้ราชาแวมไพร์

ลอร์ดเซอร์ราโนพาโนอาห์ไปนั่งที่โต๊ะดีๆ ก่อนกิน

ราชาแวมไพร์ไม่ได้ละเลียดไอศกรีมทีละนิดแบบกลัวจะหมดเพราะถ้าหมดเดี๋ยวก็ให้แวมไพร์ตรงหน้าไปทำมาเพิ่มได้

อ่า เป็นราชาแวมไพร์นี่มันดีจริงๆ เลย

ดีแลนมองหน้าราชาแวมไพร์ที่กำลังเพลิดเพลินกับของหวานในมือแล้วก็ได้แต่นึกถึงบทสนทนาของเขากับผู้เป็นมารดาเมื่อกี้นี้

รักงั้นเหรอ…

ถึงตอนนี้โนอาห์จะเป็นคู่หมั้นเขาแล้ว แต่ดีแลนรู้ดีว่าที่ราชาแวมไพร์ทำไปตอนแรกไม่ใช่เพราะรักเลยแม้แต่นิดเดียว

แล้วตอนนี้แหละ…

ลอร์ดเซอร์ราโนก็อยากจะถามอยู่หรอกนะ แต่ถ้าคำตอบไม่ใช่แบบที่เขาคิดล่ะ

รู้แล้ว! แบบนี้ต้องถามอ้อมๆ

ดีแลนกระแอมเบาๆ เรียกความสนใจจากโนอาห์

“โนอาห์ ตอนอยู่แดนแวมไพร์ นายเป็นอย่างไรเหรอ”

เอ๊ นี่มันจะอ้อมไปไหม

โนอาห์เลิกคิ้วเหมือนสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ คนตรงหน้าถึงถามคำถามนี้แต่ก็ยอมตอบ

“ก็ดี อยู่ในปราสาท ถ้าหิวก็มีคนเอามาให้กิน”

“แล้วในเวลาว่างล่ะ”

“อ่านหนังสือ ฝึกเวทใหม่ๆ ไม่ก็ไปหาเรื่องแดนอื่น” โนอาห์ส่งยิ้มอันตราย แต่มันจะดูไม่อันตรายตรงที่ที่มุมปากดันมีไอศกรีมติดอยู่น่ะสิ

“แวมไพร์เอาพวกเทคโนโลยีเข้าไปบ้างหรือเปล่า”

โนอาห์พยักหน้า

“เอาสิ โดยเฉพาะพวกเครื่องทำความร้อน ถึงมันจะทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นไม่ได้ แต่ก็ไม่มีแวมไพร์ตนไหนอยากนอนบนเตียงเย็นๆ หรอก”

“แดนแวมไพร์หนาวขนาดนั้นเชียว”

โนอาห์พยักหน้าอีกรอบ

“พวกเรามีแค่ฤดูเดียวคือฤดูหนาวน่ะ หิมะตกตลอดทั้งปี แต่ว่าหลังจากปิดประเทศ เทคโนโลยีหลังจากนั้นคงไม่ได้เข้าไปเท่าไหร่”

ลอร์ดเซอร์ราโนขมวดคิ้วก่อนจะถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยมาตลอด

“แล้วทำไมแดนแวมไพร์ถึงไม่ต้อนรับคนนอกกัน”

โนอาห์มองหน้าคนตรงหน้าแล้วตอบคำถามนั้นด้วยคำถาม

“แวมไพร์ปิดแดนตั้งแต่ตอนไหน”

“สักแปดร้อยปีก่อน”

“แล้วฉันหลับใหลไปกี่ปีก่อนที่พ่อนายจะปลุกฉันขึ้นมา”

“นายบอกว่าหลายร้อยปี… อย่าบอกนะว่า…” ดีแลนตกใจเล็กน้อยกับข้อสรุปที่ได้

“ใช่แล้ว แวมไพร์ที่ไม่มีราชาแวมไพร์ก็ไม่ต่างจากมนุษย์ที่ไม่มีเวทมนตร์หรอก”

ลอร์ดเซอร์ราโนอยากจะถามต่อว่าแล้วทำไมโนอาห์ถึงหลับใหลไปแต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าออกทะเลไปไกลแล้วจึงรีบดึงประเด็นกลับมา

“แล้วนายมีเพื่อนแวมไพร์บ้างหรือเปล่า” พอถึงคำถามนี้ราชาแวมไพร์ก็ดูหน้าหมองลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่มาก

“ไม่มีแวมไพร์ตนไหนอยากเป็นเพื่อนกับราชาแวมไพร์หรอก ในปราสาทก็มีแต่แวมไพร์รับใช้กับแวมไพร์ทหาร ฉันอยู่มากับสังคมที่ทุกคนสอนลูกตัวเองว่า ‘อย่าเล่นกับท่านราชาแวมไพร์’” โนอาห์เว้นวรรคไปสักพัก “แต่ถ้าเป็นเผ่าอื่นก็มีบ้าง” พอพูดถึงตรงนี้สีหน้าโนอาห์ก็ยิ่งหมองลงเข้าไปใหญ่ ดีแลนเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง

“อากาศที่แดนแวมไพร์เป็นอย่างไรเหรอ”

เอาล่ะ ตอนนี้ไปไกลแล้ว เขาจะลากกลับเข้าเรื่องยังไงเนี่ย!

 

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Chapter 13       

จาเร็ด ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าดิบเถื่อนและมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่พาดอยู่บนใบหน้าผู้นี้คืออัลฟ่าของเหล่ามนุษย์หมาป่า

อันที่จริงต้องบอกว่าหนึ่งในอัลฟ่าของมนุษย์หมาป่ามากกว่าเพราะพวกเขาอยู่กันเป็นกลุ่มๆ เพียงแต่ว่ากลุ่มเขาเป็นกลุ่มใหญ่สุดเลยได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนของมนุษย์หมาป่าทั้งหมด

ดังนั้นในวันนี้เขาจึงต้องมางานเปิดตัวคู่หมั้นคนใหม่ของลอร์ดเซอร์ราโน

จริงๆ แล้วจาเร็ดไม่ได้สนใจแดนมนุษย์มาหรอกเพราะไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องอะไรกันแถมดินแดนยังไม่ได้อยู่ติดกันเพราะถูกคั่นด้วยแดนแวมไพร์

แต่ทันทีที่จาเร็ดก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณเขตคฤหาสน์ก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อกลิ่นที่เขาได้กลิ่นตอนนี้เป็นกลิ่นที่ร้องเตือนให้สัญชาตญาณมนุษย์หมาป่าเขาทำงาน

กลิ่นของแวมไพร์

อัลฟ่าหนุ่มหันไปทางผู้ติดตามสองคนด้านหลังของเขา ดูเหมือนว่าทั้งคู่ก็ได้กลิ่นเหมือนกันกับเขาและเริ่มออกอาการระแวง

จาเร็ดบอกให้ทั้งคู่อยู่ด้านนอกคฤหาสน์คอยดูสิ่งผิดปกติในขณะที่ตัวเขาเข้าคฤหาสน์ไปร่วมงาน อย่างไรก็ตาม ผู้ติดตามไม่ได้รับเชิญให้เข้าไปในตัวคฤหาสน์อยู่แล้ว

ยิ่งจาเร็ดเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์มากเท่าไหร่ กลิ่นแวมไพร์ก็ยิ่งชัดขึ้นเท่านั้น เป็นเครื่องยืนยันว่าไม่ผิดแน่

แต่ว่ากลิ่นแวมไพร์นั้นไม่ได้แรงเหมือนกับมีแวมไพร์อยู่ใกล้ หมาป่าในตัวเขาบอกว่ากลิ่นของศัตรูตามธรรมชาตินี้เจือจางไปสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว

หรือว่าพวกแวมไพร์จะได้รับเชิญมางานเปิดตัวนี้ด้วย?

แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ในเมื่อขนาดประชุมสภาสิบสามเผ่า ตัวแทนจากแดนแวมไพร์ไม่เคยโผล่มาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ตอนนี้สมมติฐานที่เป็นไปได้มากที่สุดคือน่าจะเคยมีแวมไพร์แอบลักลอบเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้ ซึ่งถ้าเป็นความจริงก็ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ตระกูลเซอร์ราโนไม่ปล่อยไว้แน่

ดวงตาสีเหลืองสดเหมือนสัตว์ป่าพลันจับร่างสองร่างของลอร์ดเซอร์ราโนและคู่หมั้นที่ถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะชื่อโนอาห์ได้ก่อนจะตัดสินใจบอกทั้งคู่ถึงความผิดปกตินี้

“ท่านโนอาห์” เสียงทุ้มเรียก

“มนุษย์หมาป่า”

จาเร็ดแสดงท่าทีตอบรับ ดวงตาสีเหลืองของเขาคงเป็นสิ่งที่ทำให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขามาจากเผ่าอะไร

“ช่างสังเกตยิ่งนัก” จาเร็ดจับมือทักทายกับคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโน

มนุษย์หมาป่าขมวดคิ้ว อัลฟ่าในตัวเขาร้องเรียกว่ามีอะไรผิดไปจากปกติในตัวของมนุษย์คนนี้

จาเร็ดจัดการกดสัญชาตญาณนั้นลงไป บางทีหมาป่าในตัวเขาก็ชอบหาเรื่องแปลกๆ

“ท่านจาเร็ด”

“ท่านลอร์ดเซอร์ราโน”

คราวนี้หมาป่าในตัวเขาคำรามใส่ลอร์ดเซอร์ราโนในใจแต่เบากว่าของโนอาห์ จาเร็ดขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด เขาไม่คิดว่าวันนี้หมาป่าในตัวเขาจะก้าวร้าวขนาดนี้

ก่อนที่จาเร็ดจะควบคุมหมาป่าในตัวตัวเองไม่ได้ เขาตัดสินใจเข้าเรื่องทันที

“ท่านอยู่นี่ก็ดีเลย ข้ามีคำถาม”

“เชิญท่านถามได้เลย”

“ช่วงนี้ท่านได้รับรองแขกแปลกๆ หรือเปล่า”

“ไม่นะท่าน”

คำตอบไม่ต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้ พวกแวมไพร์คงไม่ได้เข้ามาแบบโจ่งแจ้ง บางทีอาจแอบเข้ามาแบบที่เจ้าของคฤหาสน์ไม่รู้ก็ได้

“อืม ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่ท่านระวังตัวไว้ก็ดี ข้าได้กลิ่นแวมไพร์ในคฤหาสน์นี้” จาเร็ดเห็นคนตรงหน้าทำหน้าตกใจทันที ส่วนคนเป็นคู่หมั้นข้างๆ

สงบ

สงบเกินไป

ผิดปกติ

สัญญาณเตือนในหัวจาเร็ดดังขึ้นทันที มนุษย์หมาป่าในตัวเขาที่ดูจะเกรี้ยวกราดกับคู่หมั้นคนใหม่ของลอร์ดเซอร์ราโนยิ่งพยายามจะออกมาควบคุมเขาอีก

“ขอบคุณท่านที่เตือน ไว้พวกเราจะหาที่มาของกลิ่นนั่นเอง” ถึงผู้นำแดนมนุษย์จะยืนยันแบบนั้นแต่จาเร็ดยังไม่หายระแวง มันมีอะไรผิดปกติแน่นอน

แต่ตอนนี้เขาต้องรีบออกจากคฤหาสน์แห่งนี้ก่อนเพราะหมาป่าในตัวเขาเริ่มคำรามเสียงดังเข้าไปทุกทีแล้ว จะปล่อยมันออกมากลางงานในตอนนี้คงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก

จาเร็ดเดินออกมานอกคฤหาสน์ ไม่ได้มีใครสนใจมากนัก เพราะบางทีคนใหญ่คนโตระดับนี้จะมีเรื่องด่วนเข้ามาเป็นเรื่องธรรมดา

มนุษย์หมาป่าสองตัวที่เป็นผู้ติดตามเดินเข้ามาหาผู้เป็นนายทันทีที่เห็นออกมาจากคฤหาสน์หลังงาม

“ท่านจาเร็ด”

“ไปคุยกันด้านนอก”

คนเป็นอัลฟ่าไม่มั่นใจว่าพวกมนุษย์มีเทคโนโลยีอะไรมาดักฟังหรือเปล่า ดังนั้นนอกเขตคฤหาสน์น่าจะปลอดภัยกว่า

“เคยมีแวมไพร์อยู่ในคฤหาสน์นั้นแน่ๆ”

“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อ”

“เราจะมาเล่นเกมจับแวมไพร์กัน”

สิ่งสิ่งหนึ่งที่จะทำให้มนุษย์หมาป่าผู้รักสงบที่สุดของเผ่ากลายเป็นมนุษย์หมาป่ากระหายเลือดได้ก็คงเป็นศัตรูตามธรรมชาติอย่างแวมไพร์

 





หนึ่งอัลฟ่าและสองเบต้ากำลังตั้งแค้มป์รอบๆ คฤหาสน์เซอร์ราโนเหมือนเป็นยามเฝ้า คนเป็นอัลฟ่าเป็นคนเดียวที่เอาตัวเองมาอยู่ในเขตคฤหาสน์ได้เพราะแวมไพร์จะไม่ได้กลิ่นอัลฟ่า

จาเร็ดสอดส่องผู้คนที่เริ่มทยอยกลับแดนตัวเองหลังจากงานเลิกก็ไม่ได้มีใครดูผิดปกติ

แถมกลิ่นแวมไพร์ตอนนี้ก็จางลงมากแล้ว

อัลฟ่าเริ่มคิดว่าจะกลับดีไหมเพราะอย่างไรถ้าแวมไพร์ตนนั้นไม่หวนกลับมารออยู่ตรงคฤหาสน์ก็ไม่มีประโยชน์

ทันทีที่จาเร็ดกำลังจะหันหลังกลับกลิ่นฉุนแสบจมูกก็วิ่งเข้ามาปะทะหน้า

กึก

คนเป็นอัลฟ่าถึงกับต้องกัดฟันแน่นไม่ให้หมาป่าในตัวออกมาจากกลิ่นที่เข้มข้น

ไม่ผิดแน่

ตอนนี้มีแวมไพร์อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้

จาเร็ดออกไปสมทบกับเหล่าเบต้าด้านนอก

“ได้มีใครเข้าไปในคฤหาสน์หรือเปล่า”

คนเป็นเบต้าที่รับหน้าที่เฝ้ารอบๆ คฤหาสน์ตอบทันที

“ไม่ครับ”

จาเร็ดใช้ความคิด

ไม่มีคนเข้ามา…

เวทหายตัว เขาก็สัมผัสไม่ได้…

คำตอบปรากฏขึ้นในใจชายเจ้าของดวงตาสีเหลืองที่ตอนนี้เป็นประกายวาววับทันที

แวมไพร์ตนนี้อยู่ในครอบครัวเซอร์ราโน!

 





จาเร็ดยิ่งมั่นใจในคำตอบตัวเองเข้าไปอีกเมื่อเฝ้าดูมาสองสามวันแล้วกลิ่นแวมไพร์ก็ยังไม่จางหายไป ถึงคนเป็นอัลฟ่าจะไม่ได้เห็นคนในคฤหาสน์แต่จากจมูกของเขาสามารถบอกได้ว่าแวมไพร์ในคฤหาสน์ยังไม่ได้หายไปไหน

ครอบครัวเซอร์ราโนมีใครบ้างกัน?

จาเร็ดถามตัวเอง

ลอร์ดเซอร์ราโนคนก่อน ลอร์ดเซอร์ราโนคนปัจจุบัน นายหญิงของลอร์ดเซอร์ราโนคนก่อน

และคู่หมั้นคนใหม่...

จาเร็ดมั่นใจมากว่าสามคนแรกเป็นมนุษย์อย่างแน่นอน เขารู้จักทั้งสามคนมาหลายปีแล้ว ที่นี้ก็เหลือแต่คู่หมั้นคนใหม่คนนี้…

อัลฟ่ายังจำได้ว่าข่าวเคยลงว่าประวัติของโนอาห์คนนี้ไม่สามารถหาได้ เหมือนอยู่ๆ ก็โผล่ออกมา แถมยังเข้ามาใกล้พวกมนุษย์ถึงขนาดเอาตำแหน่งคู่หมั้นของผู้นำแดนมนุษย์ได้อีก

โนอาห์คนนี้เป็นแวมไพร์ไม่ผิดแน่...

จาเร็ดเลียริมฝีปากตัวเอง

ได้เวลาล่าเหยื่อแล้ว!

 





จาเร็ดมองถุงผ้าขนาดเท่าฝ่ามือบนมือเขาอย่างพอใจ

มันคือสิ่งที่เขาสั่งให้พวกเบต้าสองตัวนั้นวิ่งกลับไปเอาที่แดนมนุษย์หมาป่าเพราะมันเป็นที่ที่เดียวที่สามารถหาเจอได้

ดอกไม้เลือด…

คนเป็นอัลฟ่าเปิดถุงผ้าดู ดอกไม้เลือดตอนนี้ถูกบดเป็นผงละเอียดเรียบร้อยเพื่อให้ออกฤทธิ์ได้มีประสิทธิภาพและเร็วขึ้น

ฤทธิ์ของมันคืออะไรน่ะเหรอ?

ก็ทำให้แวมไพร์ใช้เวทไม่ได้ชั่วคราวน่ะสิ แปลว่าเวทเปลี่ยนร่างก็จะใช้ไม่ได้ด้วย ที่นี้แวมไพร์ตนนั้นก็จะเผยร่างที่แท้จริงออกมา

อย่างไรก็ตาม จาเร็ดคิดว่าการบุกเข้าไปในคฤหาสน์เซอร์ราโนไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก

เหตุผลนั่นเหรอ?

ก็กลิ่นของแวมไพร์ตอนนั้นไม่ได้หายไปเป็นพักๆ เหมือนใช้เวทเปลี่ยนร่างอยู่ตลอดเวลา กลิ่นนั้นนกระทบจมูกของเขาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เหมือนแวมไพร์ตนนั้นอยู่อย่างเปิดเผยไม่ได้หลบซ่อน

แบบนี้แปลว่าพวกเซอร์ราโนรู้อยู่แล้วว่าโนอาห์คนนั้นเป็นแวมไพร์

มนุษย์ร่วมมือกับแวมไพร์หรือ?

หึ ถ้าเอลฟ์ตนนั้นรู้เข้าคงทำหน้าไม่ถูก

ดังนั้นการบุกเข้าไปในคฤหาสน์คงมีแต่แพ้กับแพ้

ใช่แล้ว…

เราต้องรอพวกเขาออกมา

ไม่นานเกินรอหรอก

 

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หมาบ้า  อยู่ดีๆก็ไปหาเรื่องชาวบ้านเขา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ดีแลนได้ข้อสรุปกับตัวเองว่าถ้าอยากรู้ว่าราชาแวมไพร์คิดอย่างไรกับเขาก็ควรถามตรงๆ ไม่งั้นทั้งชีวิตนี้เขาคงไม่ได้คำตอบ

แต่ว่าเขาจะต้องการรู้ไปทำไมกัน ในเมื่ออย่างไรตอนนี้โนอาห์ก็อยู่ในตำแหน่งคู่หมั้นเขาแล้วด้วย

แต่ความอยากรู้มันไม่สามารถต้านทานได้แถมเมื่ออยู่ในสถานะรักเขาข้างเดียวอีก

ดีแลนถูมือตัวเอง ตอนนี้ราชาแวมไพร์ของเขากำลังอ่านหนังสือบางอย่างที่เอามาจากห้องสมุดของคฤหาสน์อยู่บนเตียงหลังใหญ่ของพวกเขา

ขณะนี้เป็นเวลาใกล้จะได้เวลานอนแล้ว

ราชาแวมไพร์มีตารางเวลานอนที่ค่อนข้างจะเป๊ะมาก หนึ่งทุ่มเข้าห้องนอน สองทุ่มหัวถึงหมอนนอน ดีแลนคิดที่โนอาห์นอนเร็วน่าจะเป็นเพราะว่าที่แดนแวมไพร์ฟ้าน่าจะมืดเร็วมาก

และการที่บอกว่าใกล้เวลานอนแล้วแปลว่าใกล้เวลาอาหารของเขาแล้วเหมือนกัน

นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่เป็นกิจวัตร

ราชาแวมไพร์จะดื่มเลือดตอนเช้าส่วนดีแลนจะได้ดื่นเลือดตอนก่อนนอน ถ้าวันนั้นราชาแวมไพร์เห็นว่าวันนั้นควรจะได้ดื่มเลือดอะนะ

แต่ลอร์ดเซอร์ราโนค่อนข้างมั่นใจว่าวันนี้จะได้ดื่มเลือดเพราะเมื่อวานและเมื่อวานซืนเขาไม่ได้ดื่มเลือด ฉะนั้น ถ้าวันนี้ไม่ได้อีกพรุ่งนี้เขาคงหนาวจนตาย โนอาห์ไม่น่าต้องการแบบนั้นหรอกมั้ง

แน่นอนว่าดีแลนคิดถูก

พอใกล้เวลาเข้านอน ราชาแวมไพร์จัดการวางหนังสือที่อ่านค้างไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วกวักมือเรียกเขาที่นั่งอ่านเอกสารแต่จริงๆ แล้วคิดเรื่องนู้นนี่นั่นไปเรื่อยๆ อยู่บนโซฟาให้เข้าไปหา

“ฉันล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเป็นลอร์ดต้องทำงานอะไรมากมายขนาดนี้” โนอาห์เอ่ย เขาเห็นดีแลนนั่งอ่านแต่เอกสารอะไรก็ไม่รู้ต้องหลายชั่วโมงต่อวัน

“มันเป็นหน้าที่น่ะ ว่าแต่นายเถอะ ราชาแวมไพร์ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้เหรอ” ดีแลนถามกลับพลางพาร่างตัวเองขึ้นไปบนเตียง

โนอาห์ยักไหล่

“พวกแวมไพร์ไม่กล้าทำอะไรขัดใจฉันหรอก”

บทสนทนาจบลงเพียงแค่นั้นเมื่อราชาแวมไพร์แหวกเสื้อคลุมออก

ดีแลนขยับเข้าไปใกล้อย่างที่เคยทำ มือรวบผมของคนตรงหน้าออกไปด้านหลังเพื่อความสะดวก

โนอาห์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ

เดี๋ยวนี้ไม่ต้องให้เขาบอกอะไรแล้ว ทุกอย่างมันเป็นไปตามสัญชาตญาณ

ของเหลวสีแดงเข้มไหลเข้าปากของคนเป็นแวมไพร์

รสชาติและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยอบอวลอยู่ในปาก

ดีแลนบอกได้เลยว่าถึงเขาจะดื่มเลือดมาหลายรอบแล้ว แต่ความสุดยอดของมันทำให้เขาไม่รู้จักพอเสียที

เลือดอุ่นหยดสุดท้ายไหลลงลำคอก่อนที่ลอร์ดเซอร์ราโนจะดึงเขี้ยวออกแล้วปิดปากแผลให้ราชาแวมไพร์

กลิ่นหอมที่ยังหลงเหลืออยู่ในลำคอพาให้ดีแลนเผลอถามคำถามที่อยู่ในหัวมาตลอดทั้งวันทันที

“นายรักฉันบ้างหรือเปล่า” ดีแลนไม่อาจรู้ได้ว่าน้ำเสียงของตนตอนนี้เต็มไปด้วยความหวังขนาดไหน

โนอาห์ที่ได้ยินคำถามนั้นถึงกับชะงักไปก่อนจะตอบแบบปัดๆ

“ไร้สาระน่า นอนได้แล้ว” โนอาห์ขมวดคิ้วแล้วรีบปิดไฟล้มตัวลงนอน

ดีแลนที่ไม่ได้คาดหวังคำตอบแบบนั้นถึงกับช็อคไปแต่ก็ยังนอนลงข้างๆ อย่างงงๆ

คำตอบของราชาแวมไพร์ทำให้ดีแลนถึงกับพูดไม่ออก

ถึงราชาแวมไพร์จะไม่ได้ปฏิเสธเหมือนที่ดีแลนกลัว แต่การไม่ตอบรับแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการปฏิเสธไม่ใช่เหรอ

ลอร์ดเซอร์ราโนรู้สึกอึดอัดในใจแปลกๆ รวมทั้งรู้สึกจุกที่ต้นคอ พยายามคิดกับตัวเองว่าอย่างน้อยเขาก็โชคดีที่ได้อยู่กับโนอาห์ในฐานะคู่หมั้น แต่พอคิดว่าโนอาห์ไม่ได้คิดอะไรกับเขามันก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้

ทางด้านราชาแวมไพร์นั้น

โนอาห์แทบเกือบลืมหายใจเมื่อได้ยินดีแลนถามคำถามนั้นขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาที่ยังตกใจอยู่จึงบอกปัดๆ ไปแล้วล้มตัวลงนอนอย่างรวดเร็ว เขาสัมผัสได้ว่าคนข้างๆ ก็ล้มตัวลงนอนด้วยเช่นกัน

เขายังสัมผัสได้อีกว่าก้อนเนื้อที่หน้าอกข้างซ้ายเต้นเร็วขึ้นหลายเท่า

มือขาวกำผ้าห่มสีเข้มแน่น

เขาไม่รู้ว่าดีแลนคิดอะไรอยู่ถึงได้ถามคำถามนั้นออกมา สมองเขาเหมือนจะเออเร่อไม่สามารถตอบอะไรออกไปให้ดีกว่านั้นได้

แต่พอมาคิดถึงคำถามนั้นอีกที

‘นายรักฉันบ้างหรือเปล่า’

โนอาห์ถอนหายใจเงียบๆ ในใจ แค่คำถามนี้เขาก็รู้แล้วว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆ คิดอย่างไรกับเขา

เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก  คิดไม่ถึงว่าแค่ความใกล้ชิดกันในเวลาเพียงเท่านี้ทำให้เกิดอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้

ต้นรักที่เกิดขึ้นนี้ ดีกับพวกเขาแล้วใช่ไหม

คนเป็นราชาแวมไพร์สัมผัสถึงความเสียใจที่ออกมาจากร่างข้างๆ ได้

ไม่แปลก ถ้าเขาถามแล้วได้คำตอบแบบนั้นเขาก็คงเสียใจเหมือนกัน แต่ในใจลึกๆ แล้วเขาไม่อยากให้ดีแลนเสียใจ

ช่วยไม่ได้…

มือของราชาแวมไพร์เอื้อมไปพาดที่ลำตัวของคนข้างๆ ดีแลนสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนจะมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้พาหัวตัวเองมาอยู่บนต้นแขนเขาเป็นที่เรียบร้อย

นี่โนอาห์กำลังกอดเขาอยู่หรือ…

ดีแลนกระชับอ้อมแขนให้รู้สึกมั่นใจว่าราชาแวมไพร์อยู่ในนั้นจริงๆ

ถึงโนอาห์จะไม่ได้ตอบคำถามเขาหรือให้ความหวังใดๆ

แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ...

 





“นายเรียบร้อยหรือยัง” ดีแลนเอ่ยถามนอาห์ที่อยู่ในชุดคลุมสีดำพร้อมออกไปข้างนอก

โนอาห์พยักหน้าก่อนเดินตรงเข้าไปหาดีแลน

หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนทั้งดีแลนและโนอาห์ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมันอีกเหมือนกับว่าลอร์ดเซอร์ราโนไม่ได้เอ่ยประโยคนั้นออกไป

“แพลนวันนี้คืออะไรนะ” โนอาห์ถามอดรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆ ไม่ได้เมื่อวันนี้เป็นวันแรกที่จะได้ไปที่จัตุรัสกลางเมือง

“ฉันไปทำธุระที่ทำเนียบนิดหน่อย หลังจากนั้นเดี๋ยวพาไปทานอาหารกลางวัน ฉันจองโต๊ะไว้แล้ว” ถึงจัตุรัสกลางเมืองจะเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการสำคัญๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่บางส่วนก็เป็นร้านค้า แถมเป็นร้านค้าที่น่าสนใจกว่าในตลาดเสียอีกเพราะมีมาตั้งแต่ก่อตั้งเมือง

ราชาแวมไพร์พยักหน้ารับ

“ช่วงนี้พวกมนุษย์มีปัญหากันเหรอ”

ดีแลนเลิกคิ้วประมาณว่านายรู้ได้อย่างไร โนอาห์ถอนหายใจก่อนพูดต่อ

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรนายคงไม่ไปทำเนียบด่วนขนาดนี้หรอก” ใช่แล้ว ดีแลนเพิ่งรู้ว่าตัวเองต้องเข้าธรรมเนียบก็เมื่อเช้านี่เอง

ลอร์ดเซอร์ราโนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าราชาแวมไพร์ของเขารอคำตอบอยู่จึงเอ่ยขึ้น

“โรงงานระเบิดน่ะ เลยต้องใช้คำสั่งฉุกเฉิน”

โนอาห์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ถึงแดนมนุษย์จะมีเทคโนโลยีแสนวิเศษมากมายแต่บางทีก็ต้องแลกมาด้วยความอันตรายที่เทคโนโลยีนั้นอาจจะก่อได้

ดีแลนพูดเสริมต่อ

“จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่ตกลงกันว่าจะชดเชยอย่างไรเพราะโชคดีที่ไม่มีคนตาย”

พอจบประโยคนั้นดีแลนก็เร่งให้ออกเดินทางสู่จัตุรัสกลางเมืองเพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่นัดไว้เต็มที่แล้ว

ดีที่คฤหาสน์เซอร์ราโนอยู่ในเขตเมืองของแดนมนุษย์ทำให้อยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสมากนัก

ทำเนียบว่าการแดนมนุษย์เป็นตึกขนาดใหญ่สีขาวทำด้วยหินอ่อนทั้งหมดแล้วเคลือบน้ำยาพิเศษไม่ใช่หินอ่อนพวกนั้นกร่อน

ดูด้วยตาแล้ว ค่าสร้างตึกนี้คงแพงน่าดู โนอาห์คิด

ราชาแวมไพร์ที่สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างดันหลังดีแลนให้เข้าไปในตึก

“รีบเข้าไปเถอะ” ดูเหมือนดีแลนจะจับความเครียดในน้ำเสียงนั้นได้จึงไม่ได้ถามอะไร

พอทั้งคู่เข้ามาในตึกเรียบร้อยแล้วดีแลนจึงถาม

“มีอะไรหรือเปล่า”

“มีคนตามเรามา น่าจะตั้งแต่ที่คฤหาสน์แต่ฉันเพิ่งสัมผัสได้เมื่อกี้” โนอาห์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ถึงจะเครียดอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่เป็นราชาแวมไพร์ เขาย่อมคุ้นเคยกับเหตุการณ์อันตรายแบบนี้อยู่แล้ว

ปัญหาคือคนพวกนั้นตามพวกเขามาทำไม

และตามโนอาห์หรือดีแลนกันแน่

 





หลังจากนั้นดีแลนจึงตัดสินใจให้โนอาห์เข้าไปในห้องประชุมของทำเนียบด้วยจากที่ตอนแรกเขาว่าจะให้คนเป็นคู่หมั้นรออยู่ข้างนอก คนในที่ประชุมก็สงสัยเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของโนอาห์แต่ก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรออกไปเพราะอย่างไรแล้วคนที่ใหญ่ที่สุดในนี้ก็คือลอร์ดเซอร์ราโน ถ้าเขาอยากจะให้คนรักมาร่วมประชุมด้วย ใครก็ขัดเขาไม่ได้

แต่โนอาห์ไม่ได้มีอารมณ์จะไปต่อปากต่อคำในที่ประชุมของแดนมนุษย์สักเท่าไหร่ เขาเลยอยู่นิ่งๆ เหมือนเป็นผู้สังเกตการณ์มากกว่า

การประชุมจบลงในระยะเวลาไม่นานหลังจากทุกคนตกลงกันได้ว่าจะชดเชยให้ผู้เสียหายแบบเต็มจำนวนเพราะโรงงานนั่นเป็นของรัฐบาลทั้งหมด

ก็ดี… เขาจะได้ทานอาหารกลางวันสักทีหลังจากที่ต้องฟังคนนู้นคนนี้เสนอความเห็นกันไปมา

การปกครองแบบมนุษย์แบบนี้ถึงจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเพราะทุกคนมีสิทธิ์เสนอความคิดเห็นแต่ข้อเสียก็คือมันจะล่าช้าและอาจไม่ทันการเพราะไม่มีใครมีอำนาจเต็มมือในการสั่งการ

เทียบกับแดนแวมไพร์แล้ว ถ้าเขาสั่งเป็นคือเป็น ถ้าเขาสั่งตายคือตาย รวดเร็วกว่าเยอะ

ดีแลนที่เพิ่งประชุมเสร็จออกมาสมทบกับโนอาห์ที่ออกมาก่อนไม่นาน

“คนพวกนั้นไปหรือยัง” ดีแลนถาม

“ยัง แต่ว่าจัตุรัสคนเยอะแบบนี้คงไม่กล้าทำอะไรหรอก เอาเป็นว่าก็อยู่กับคนเยอะๆ ไว้แล้วกัน”

ดีแลนพยักหน้ารับแต่ในใจยังคงไม่หายเป็นห่วง

“งั้นเราไปกันเถอะ”

ทั้งคู่เดินเข้าไปในฝูงชนโดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้เข้าทางของคนที่ซ่อนอยู่

 





ดวงตาสีเหลืองสดมองตามคนที่เดินเข้าไปในฝูงชนด้วยความพอใจ บนหัวของเขามีหมวกอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นสีดวงตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าเขา ถึงแม้มนุษย์หมาป่าจะมีเวทเปลี่ยนร่างแต่เวทนั้นย่อมเอาความสามารถพิเศษของหมาป่าไปด้วยเพราะพรสวรรค์ของพวกเขาคือร่างกายที่แข็งแรงกว่าเผ่าอื่นๆ

มือใหญ่ล้วงกระเป๋าตรวจสอบดูว่าของที่จำเป็นต้องใช้ยังอยู่หรือไม่

จาเร็ดยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าผงดอกไม้เลือดยังคงอยู่ที่เดิม

เมื่อเช้านี้เขาตื่นเต้นมาที่กลิ่นแวมไพร์ที่เขาได้กลิ่นมาหลายวันเริ่มจางลงและหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงลอร์ดเซอร์ราโนและคู่หมั้นของเขาก็ออกมาจากคฤหาสน์

นั่นยิ่งยืนยันสมมติฐานของเขาเข้าไปใหญ่

อีกไม่นานหรอก

มนุษย์ทุกคนจะได้เป็นพยานว่าแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่า ใครจะรอด!




ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขอให้หมาป่าแพ้ทีเถอะ หมั่นไส้!!!

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สนุก​มาก​เลย​ค่ะ​ ชอบๆๆๆๆ​ ติด​ตาม​ค่ะ

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ร้านค้าในจัตุรัสกลางเมืองส่วนใหญ่เป็นร้านที่ค่อนข้างมีราคา แต่ถึงอย่างไรคนเดินก็ไม่ได้น้อยไปกว่าที่ตลาดอื่นเลยเพราะของที่นี่เป็นของที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหน

โนอาห์มองดูของข้างทางไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แวะซื้ออะไรเพราะตอนนี้เขาอยากทานอาหารกลางวันจะตายแล้ว

“ถึงแล้ว” ดีแลนหยุดเดินแล้วบอกคนข้างๆ

ร้านที่อยู่ตรงหน้าคนทั้งคู่ตอนนี้คือร้านอาหารที่ตบแต่งอย่างหรูหราแต่ก็ยังมีบรรยากาศเป็นกันเองอยู่ แถมร้านยังตั้งอยู่ในจุดที่มีคนเดินพลุกพล่านที่สุด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านถึงเต็มทุกโต๊ะ นี่ถ้าดีแลนไม่ได้จองไว้ก่อนคงต้องรอเป็นชั่วโมง

แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินเข้าร้านไปนั้น

ร่างร่างหนึ่งก็วิ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งคู่

ดีแลนชะงักก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ

“พวกเราขอทางด้วย”

ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย

ลอร์ดเซอร์ราโนมองชายตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา เขาเป็นชายร่างใหญ่ที่สวมหมวกที่ปิดบังใบหน้าไปซะครึ่งหนึ่ง จากท่าทางที่น่าสงสัยนั้น ดีแลนไม่แปลกใจเลยถ้าคนตรงหน้าไม่ได้มาดี

ทางด้านโนอาห์นั้น

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคนที่ตามพวกเขามาตั้งแต่ที่คฤหาสน์คือคนตรงหน้านี้ ปัญหาคือชายคนนี้ต้องการทำอะไรกันแน่

ถึงโนอาห์จะมั่นใจว่าเขาสามารถเอาตัวรอดได้จากความสามารถของราชาแวมไพร์แต่เขายังไม่อยากเปิดเผยตัวตนต่อหน้าหมู่คนเยอะขนาดนี้

“ข้าไม่ได้มีปัญหากับท่าน ท่านลอร์ดเซอร์ราโน” ในที่สุด ชายตรงหน้าก็พูดอะไรออกมา เสียงนั้นค่อนข้างคุ้นหูดีแลนอยู่ เป็นไปได้มากว่าเขาเคยเจอคนคนนี้มาก่อนแล้วเขาก็นึกขึ้นได้

“ท่านจาเร็ด”

ดีแลนกระชับมือที่จับโนอาห์อยู่ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่ามนุษย์หมาป่าตรงหน้าต้องการอะไร ไม่แน่ว่าจาเร็ดอาจรู้แล้วก็ได้ว่าพวกเขามีความลับอะไรอยู่

มนุษย์หมาป่าพยักหน้าเล็กน้อย

“ไม่ต้องห่วงหรอกท่านลอร์ด เป้าหมายของข้าไม่ใช่ท่าน…” จาเร็ดเว้นวรรคไปสักพักก่อนพูดเสียงเหี้ยม “...แต่คือคู่หมั้นของท่านต่างหาก”

ทันทีที่คนเป็นมนุษย์หมาป่าพูดจบ ผงอะไรบางอย่างก็ถูกสาดไปที่โนอาห์

ราชาแวมไพร์ที่นิ่งเงียบอยู่ตกใจทันทีเมื่อรู้ว่าสิ่งที่อัลฟ่าของมนุษย์หมาป่าสาดใส่เขาคืออะไร

ผงดอกไม้เลือด…

ดอกไม้ที่เหล่าแวมไพร์กลัวที่สุดเพราะฤทธิ์ของมันจะดูดพลังงานความร้อนในเลือดของแวมไพร์อย่างรวดเร็วทำให้แวมไพร์ต้องการพลังงานจากเลือดอย่างกะทันหัน

หรือพูดง่ายๆ ก็คือมันจะทำให้แวมไพร์เผยร่างจริงออกมานั่นเอง

โนอาห์เข้าใจแผนการของอัลฟ่าตัวนี้มัน มันต้องการให้เขาเปลี่ยนร่างเป็นแวมไพร์ท่ามกลางคนมากมายที่เริ่มเข้ามามุงดู

แต่เสียใจด้วยดอกไม้เลือดใช้ได้ผลกับแค่แวมไพร์ ไม่ใช่ราชาแวมไพร์

อย่างไรก็ตาม ปัญหาตอนนี้คือ…

ราชาแวมไพร์สัมผัสได้ว่าร่างของดีแลนเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ฉิบหาย… ผงดอกไม้เลือดนั้นถึงจะโดนโนอาห์เต็มๆ แต่บางส่วนของมันก็โดนดีแลนได้ ดีแลนซึ่งเป็นเพียงแวมไพร์…

“โนอาห์” ดีแลนกระซิบเสียงเบาให้ราชาแวมไพร์ได้ยินคนเดียว

โนอาห์กัดฟันแน่น จากน้ำเสียงของดีแลนโนอาห์บอกได้เลยว่าดอกไม้เลือดกำลังออกฤทธิ์

ยังดีที่ดีแลนไม่ได้โดนตรงๆ และเมื่อวานก็เพิ่งดื่มเลือดไปทำให้ไม่ได้เปลี่ยนร่างอย่างกะทันหัน แต่ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างก็คงอีกไม่นานหรอก

“เผยร่างที่แท้จริงของเจ้าออกมาซะ!” จาเร็ดตวาดใส่โนอาห์

ดีแลนอยากจะพูดอะไรกลับแต่แค่ควบคุมตัวเองให้อยู่ในร่างมนุษย์ เขาก็แทบตายแล้ว

“คิดว่าฉันเป็นอะไรกัน?” โนอาห์ตอบกลับพยายามทำให้ความสนใจของจาเร็ดอยู่ที่ตัวเอง

“ก็พวกแวมไพร์อย่างไรล่ะ!”

“ฉันไม่ใช่แวมไพร์”

“โกหก!”

อันที่จริงโนอาห์ไม่ได้โกหกสักหน่อย เขาเป็นราชาแวมไพร์ไม่ใช่แวมไพร์

ดีแลนเริ่มสีหน้าไม่ดีแล้ว โนอาห์รู้ว่าเวลาเหลือน้อยมากก่อนที่ลอร์ดเซอร์ราโนจะเปลี่ยนร่างเป็นแวมไพร์

แต่จัตุรัสนี้ก็คนเยอะเหลือเกิน จะหายตัวไปหรือบินหนีไป ทุกคนต้องรู้แน่ว่าเขากับดีแลนไม่ใช่มนุษย์ แถมจาเร็ดยังจ้องมองเขาไปทุกฝีก้าวถึงตอนนี้จะเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากผงดอกไม้เลือด

จาเร็ดขมวดคิ้ว

นี่มันนานจากที่เขาคาดการณ์ไว้มาก ถึงดอกไม้เลือดจะไม่ได้ใช้บ่อยแล้วแต่ก็ยังมีหนังสือเกี่ยวกับมันอยู่ว่ามันออกฤทธิ์ในระยะเวลาเท่าไหร่

ในที่สุดดวงตาสีเหลืองก็หันไปมองลอร์ดเซอร์ราโน

“...!!” แค่แวบเดียวจาเร็ดก็รู้ทันทีว่าคนที่ได้รับผลจากดอกไม้เลือดคือใคร

ว่าแต่ว่าทำไมกัน…

โนอาห์กัดฟันกรอด เขาเห็นแล้วจาเร็ดรู้ว่าดีแลนเป็นแวมไพร์

ตอนนี้เขากำลังคิดว่าจะหายตัวไปเลยดีไหม แล้วค่อยไปแก้ตัวทีหลัง หรือว่าจะรีบวิ่งออกไปหลบที่ตรอกข้างๆ นี้แล้วค่อยหายตัว

ไม่ดีแน่… จาเร็ดยังมองพวกเขาตาไม่กระพริบเลย ไม่แน่ว่าวินาทีที่เขาเริ่มวิ่ง กรงเล็บมนุษย์หมาป่าอาจมาจอดที่คอเขาก็เป็นได้ ความเร็วของมนุษย์หมาป่าไม่ใช่สิ่งที่จะดูถูกได้

ดังนั้นคงเหลือแค่ตัวเลือกเดียว หวังว่าเขาจะหาข้อแก้ตัวดีๆ ได้ว่าทำไมมนุษย์ถึงหายตัวได้

แต่ก่อนที่โนอาห์จะได้ลงมือร่ายเวทนั้น

“หยุดนะ!”

ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งวิ่งมาคั่นกลางระหว่างทั้งคู่และมนุษย์หมาป่าไว้ ดูท่าแล้วคงเป็นเด็กไม่มากกว่าสิบขวบ

“เจคอบ!” จาเร็ดเบิกตากว้างพร้อมเรียกเด็กตรงหน้า เห็นได้ชัดว่ารู้จักกันมาก่อน

โนอาห์มองเด็กชายตรงหน้าอย่างพิจารณา

อ่า.. ไม่ผิดแน่ ลูกหมาป่าที่โดนเจ้าเอลฟ์หาเรื่องวันนั้น

“พี่ชายทั้งสองหนีไปซะ ข้าจัดการเอง” ลูกมนุษย์หมาป่าพูดในสิ่งที่ดูเกินวัยออกมา

“เจคอบ เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้นะ! เขาเป็นแวมไพร์ ศัตรูของพวกเรา”

“ข้าติดหนี้พวกเขาไว้! ดังนั้นข้าขอสั่งว่าอย่าไปยุ่งกับพวกเขา” จาเร็ดเริ่มลังเล

โนอาห์เริ่มเข้าใจแล้วว่าเด็กคนนี้น่าจะมีตำแหน่งในฝูงสูงกว่าจาเร็ดที่เป็นอัลฟ่าเสียอีก ดังนั้นถ้าจาเร็ดอยากขัดคำสั่งของเจคอบ ทางเดียวที่จะทำได้คือต้องฆ่าเด็กคนนั้นก่อน

คำถามในใจโนอาห์คือ เด็กคนนี้อยู่ในตำแหน่งในของฝูงกันแน่ ถึงสามารถออกคำสั่งกับอัลฟ่าได้ แถมจาเร็ดยังไม่มีท่าทีจะจู่โจมเด็กคนนั้นอีก

แต่เมื่อเด็กคนนั้นเปิดโอกาสให้ราชาแวมไพร์แล้ว เขาจึงดึงมือของดีแลนแล้วออกวิ่งเข้าไปในตรอกเล็กๆ ทันทีก่อนจะใช้เวทหายตัวกลับคฤหาสน์เซอร์ราโน

เอาล่ะ… ปัญหาตอนนี้เหลืออยู่อย่างเดียวคืออาการกระหายเลือดของดีแลนกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

 





โนอาห์ลงจอดที่พื้นคฤหาสน์อย่างทุลักทุเลเล็กน้อยเพราะดีแลนเริ่มจะขาดสติแล้ว

ทันทีที่ราชาแวมไพร์ลุกขึ้นมายืนเต็มเท้าได้ก็ต้องล้มลงไปกองที่พื้นอีกรอบจากกระที่แวมไพร์ที่ตอนนี้อยู่ในร่างจริงแล้วพุ่งเข้าใส่แล้วทำท่าจะกระชากเสื้อคลุมของราชาแวมไพร์ออก

“กรี๊ด!”

แต่ก่อนที่ดีแลนหรือโนอาห์จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เพนนีที่ผ่านมาพอดีก็ร้องขึ้น หล่อนรู้ดีว่าสีหน้าตอนนี้ของแวมไพร์ตรงหน้าคืออะไรเพราะเธอก็เคยเป็นแวมไพร์มากก่อน

กระหายเลือดขั้นรุนแรง…

เพนนีที่เห็นโนอาห์ถูกดันไปติดพื้นจึงพยายามเข้าไปกระชากดีแลนให้ออกจากตัวโนอาห์โดยอัตโนมัติโดยไม่ได้นึกถึงเลยว่าตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่สามารถต่อกรกับแวมไพร์ได้ นับประสาอะไรกับแวมไพร์ที่อยู่ในโหมดกระหายเลือด

พลั่ก!

ดีแลนที่ตอนนี้ไม่มีสติหลงเหลืออยู่แล้วฟาดแขนด้วยเองอย่างแรง เพนนีตัวลอยไปติดผนัง โนอาห์เห็นท่าไม่ดีแล้ว

“หยุดเดี๋ยวนี้นะดีแลน!” ราชาแวมไพร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจที่ไม่ได้ใช้มานานแล้ว แต่แวมไพร์แบบที่ดีแลนเป็นตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะควบคุมได้ง่ายนัก

ดีแลนพยายามขู่กลับแล้วเอามือมาแถวๆ ต้นคอโนอาห์

ดวงตาของราชาแวมไพร์เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มทันที

ไม่ว่าแวมไพร์หน้าไหน ก็อย่าคิดจะขัดคำสั่งข้า!

“ข้าคือราชาแวมไพร์ ข้าคือกฎ เจ้าอย่างได้บังอาจขัดข้า ตอนนี้ไปรอนิ่งๆ ที่ห้องนอนได้แล้ว” คราวนี้โนอาห์ไม่ได้ตวาด แต่เลือดในกายดีแลนรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าคือราชาของเขา คนที่เขาไม่สามารถขัดคำสั่งได้

ลอร์ดเซอร์ราโนค่อยๆ ลุกขึ้นจากตัวของโนอาห์

ราชาแวมไพร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยแวมไพร์ที่กระหายเลือดอยู่ก็ยังรับคำสั่งของราชาแวมไพร์

ดีแลนเดินไปไกลระยะสายตาเขาแล้ว เอาล่ะ ตอนนี้ต้องไปดูอาการเพนนีก่อน

ราชาแวมไพร์จัดการอุ้มเพนนีไปไว้ที่โซฟากลางห้องรับแขกของคฤหาสน์หลังจากตรวจสอบดูแล้วว่านางไม่ได้เป็นอะไรมากนอกจากมีรอยกระแทกที่หัวนิดหน่อยและหมดสติไป

โนอาห์จัดการทำแผลแบบง่ายๆ ให้กับเพนนีพลางคิดไปว่าวันนี้พวกเขาโชคดีแค่ไหนที่เด็กคนนั้นเข้ามาช่วยได้ทันเวลา

ถ้าเกิดว่าช้ากว่านี้ไปอีกแค่หนึ่งวินาที

ราชาแวมไพร์แทบไม่อยากจะนึกเลยว่าผู้คนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับการที่ลอร์ดเซอร์ราโนผู้ปกครองสูงสุดของแดนมนุษย์แปลงร่างเป็นแวมไพร์คลุ้มคลั่ง

และดีแลนจะรู้สึกอย่างไรถ้าเขารู้ว่ามนุษย์ทั้งแดนพากันรังเกียจเขาที่เป็นแวมไพร์

โนอาห์รู้สึกเจ็บจี้ดที่อก

ทำไมกัน… ทำไมเขาถึงไม่อยากให้คนคนนี้ต้องเสียใจ ตั้งแต่เรื่องเมื่อคืนแล้ว

คำถามที่ดีแลนถามไหลกับเข้ามาในหัวราชาแวมไพร์อีกรอบ

‘นายรักฉันบ้างหรือเปล่า’

หรือว่าคำตอบของคำถามนี้จะเป็น…

 





ดีแลนที่ไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ได้แต่เดินไปเดินมาในห้องอย่างหงุดหงิด ตอนนี้ร่างกายของเขาเหมือนจะระเบิดออกมาจากความต้องการของเหลวสีแดงนั้น

แต่ว่าคำสั่งจากราชาแวมไพร์ต้องเป็นคำสั่ง

เขาจะต้องรอจนกว่าโนอาห์จะมาหาเขา

หวังว่าคงไม่นานนัก…

ดูเหมือนว่าคำขอของดีแลนจะเป็นจริงในไม่กี่อึดใจ

 

ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เด็กนั้นมีแววว่าจะทำให้สองเผ่าปรองดองกันได้นะ

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

หลังจากที่จัดการกับเพนนีเสร็จเรียบร้อยแล้ว โนอาห์ก็ตัดสินใจไปหาดีแลน

ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

เขารู้ดีว่าแวมไพร์ที่อยู่ในโหมดกระหายเลือดสามารถสร้างความเสียหายได้ขนาดไหน นี่ถ้าดีแลนไม่ได้รับคำสั่งจากราชาแวมไพร์โดยตรงแบบนี้ คาดว่าดีแลนคงได้ทำในสิ่งที่ตัวเองจะต้องเสียใจหลังจากได้สติ

เฮ้อ นี่ดีแลนยังไม่รู้เลยมั้งว่าเขาตีแม่แท้ๆ ของตัวเอง

แอ๊ด…

ดวงตาสีแดงประกายฟ้าหันมามองคนที่เข้ามาใหม่ทันที เมื่อรู้ว่าเป็นราชาแวมไพร์ดีแลนก็ทำท่าจะเข้ามาใกล้ แต่ราชาแวมไพร์ออกคำสั่งก่อน

“ดีแลน ไปนอนบนเตียง” ลอร์ดเซอร์ราโนที่ไม่สามารถขัดคำสั่งได้เลยจำใจเดินดุ่มๆ ไปที่เตียง

โนอาห์คิดกับตัวเองว่าจะทำ ‘แบบนั้น’ ดีไหม ในที่สุดราชาแวมไพร์ก็ตัดสินใจได้

ถึงจะไม่คาดคิดว่าจะมีวันนี้ในชีวิตเขา แต่ก็นับว่ามันได้เกิดกับคนที่เขาเห็นสมควร

“ดีแลน” โนอาห์เรียกเสียงเบา แต่คนที่สนใจก็ได้ยินเต็มหู

ราชาแวมไพร์หลับตาลงแล้วตัดสินใจเลิกเสื้อออก คราวนี้มันไม่ใช่แค่เปิดต้นคอเท่านั้น แต่เป็นการเปิดท่อนบนทั้งหมดของโนอาห์

ดีแลนเบิกตากว้าง เขาไม่รู้ว่าโนอาห์ต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่ด้วยคำสั่งเขาจึงได้แต่นั่งรอนิ่งๆ ถ้าไม่อยากให้ราชาแวมไพร์เขาอารมณ์ไม่ดีแล้วตัดสินใจให้เขาอดเลือดตาย

โนอาห์ในสภาพเปลือยท่อนบนอย่างสมบูรณ์แบบเดินเข้ามาใกล้ดีแลนจนกระทั่งใบหน้าเกือบชิดกัน

ดีแลนค่อยๆ ก้มหน้าตัวเองลงหาต้นคอของโนอาห์เรื่อยๆ เมื่อคนตรงหน้าไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเขาแต่อย่างใด

แต่ก่อนที่ลอร์ดเซอร์ราโนจะได้ฝังเขี้ยวตัวเองลงไปในต้นคอขาวสวยนั้น โนอาห์ก็พูดขึ้น

“ไม่ใช่ตรงนั้น” โนอาห์จัดการจับเรือนผมของฝ่ายตรงข้ามแล้วกดลงไปอีกให้ใบหน้าของอีกฝ่ายเลยต้นคอไป

ดีแลนเงยหน้ามองโนอาห์อย่างไม่เข้าใจ

โนอาห์ที่รู้ว่าดีแลนคิดอะไรอยู่จึงเอ่ยเพิ่มขึ้นว่า

“ตรงนี้ดีแลน เอาเขี้ยวนายเข้ามาตรงนี้” โนอาห์จับมือของอีกฝ่ายขึ้นมาแล้ววางลงบนหน้าอกข้างซ้าย

ถึงดีแลนจะยังไม่เข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ดูเหมือนสัญชาตญาณแวมไพร์ในตัวเขาจะเข้าใจ เขี้ยวสีขาวยาวจึงปักลงที่หน้าอกข้างซ้ายของโนอาห์ทันทีที่ราชาแวมไพร์พูดจบ

เลือดสีแดงเข้มไหลกระฉูดเข้าไปในปากของดีแลนอย่างที่เขาไม่ต้องออกแรงดูดมากนัก

ร่างทั้งร่างของดีแลนสั่นด้วยความพอใจ เลือดนี่มันหอมหวานกลมกล่อมมาก

มากจนทำให้ดีแลนลืมไปเลยว่าเลือดก่อนๆ ที่เคยดื่มมามีรสชาติอย่างไร

เพราะมันเป็นเลือดที่ส่งตรงมาจากหัวใจ...

ดีแลนยังคงดูดเลือดอย่างเพลิดเพลิน

ตอนนี้ร่างของโนอาห์กำลังนั่งคร่อมตักดีแลนอยู่เพื่อความสะดวกในการดูดเลือด ส่วนมือสองข้างของดีแลนก็โอบหลังโนอาห์ไว้เพื่อประคองไม่ให้ตก

มือของราชาแวมไพร์วางอย่างแผ่วเบาอยู่ที่เรือนผมสีน้ำตาลเข้ม

คำถามที่รอคำตอบอยู่

เขาได้ตอบไปแล้ว…







ดวงตาสีฟ้าแดงลืมขึ้นมา ภาพตรงหน้าคือเพดานของห้องนอนเขาที่คุ้นเคย ดีแลนขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะพบว่าเขาปวดไปทั่วร่างเหมือนเพิ่งทำกิจกรรมหนักๆ มา แต่สุดท้ายก็สามารถพยุงตัวขึ้นมานั่งได้

ลอร์ดเซอร์ราโนขมวดคิ้วเมื่อคนที่นอนอยู่ข้างๆ ดูผิดปกติไป

โนอาห์ยังคงนอนหลับอยู่เพียงแต่ว่าร่างกายส่วนบนที่โผล่พ้นขอบผ้าห่มมามันดันไม่มีอะไรปกคลุมเนี่ยสิ!

ดีแลนพยายามคิดทันทีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า สิ่งที่เขาจำได้มีแค่ไปเจอกับจาเร็ดอัลฟ่าของมนุษย์หมาป่าจากนั้นก็เป็นภาพเขากำลังดูดเลือดจากโนอาห์

ในที่ที่เขาไม่เคยดูดมาก่อน…

แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?

เอาล่ะ ทางเดียวที่จะรู้ได้คือ…

ดีแลนพยายามเลิกผ้าห่มที่คลุมร่างโนอาห์ออกอย่างแผ่วเบาก่อนกลืนน้ำลายเฮือกเล็กน้อยเมื่อสายตาเจ้ากรรมดันเห็นหน้าท้องเรียบเนียนสวยเป็นลอนน้อยๆ

ลอร์ดเซอร์ราโนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นกางเกงของราชาแวมไพร์ยังอยู่ดีมีสุข สงสัยเขาคงคิดมากเกินไป

ดีแลนดึงสายตาตนเองมาอยู่ใบหน้าของโนอาห์เหมือนเดิมและนั่นทำให้เขาเห็น

“นี่มันอะไรกัน” ดีแลนก้มตัวลงไปดูรอยอะไรบางอย่างบนหน้าอกขาวเนียน

มันเป็นรอยกลมๆ สองรอยสีแดงเข้มเหมือนเลือดที่แห้งกรัง

ดีแลนไม่เข้าใจ เมื่อคืนเขาไม่ได้ปิดปากแผลให้โนอาห์หรือ

ไม่ เขาปิดแล้ว

แล้วแผลนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน

โดยปกติแล้วพอแวมไพร์ดูดเลือดเสร็จจะเลียปิดปากแผลซึ่งสามารถทำให้แผลสมานกันที่ระยะเวลาที่รวดเร็วมากและไม่หลงเหลือร่องรอยอะไรไว้

แต่นี่…

“อือ…” โนอาห์ครางออกมาเบาๆ เมื่อดีแลนใช้มือลูบรอบๆ รอยแผล

ลิ้นและสมองของเขายังจำได้ดีว่าเลือดที่เมื่อคืนเขาได้รับมันสุดยอดขนาดไหน เขาคงไม่สามารถกลับไปดื่มเลือดที่ต้นคอเหมือนปกติได้แล้ว

เพราะเลือดที่ออกมาจากตรงนั้นมันช่างหวาน

หวานจนเหมือนจะทำให้เขาเสพติด…

“อืม นี่เช้าแล้วเหรอ” โนอาห์ขยับตัวบอดขี้เกียจก่อนภาพตรงหน้าจะโฟกัสเป็นภาพของดีแลน

ลอร์ดเซอร์ราโนที่เห็นคนตรงหน้าตื่นแล้วจึงถามเรื่องที่ตนเองสงสัยทันที

“รอยที่หน้าอกนายมันคืออะไรกัน”

โนอาห์กระพริบตาปริบๆ เหมือนกำลังประมวลคำถาม สมองตอนเช้าแบบนี้ช่างทำงานช้านัก

“อ๋อ รอยนี้น่ะนะ” โนอาห์ชี้ไปที่รอยที่หน้าอก

ดีแลนพยักหน้า

“นายจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยเหรอ” ราชาแวมไพร์ถามไปขมวดคิ้วไป เขาไม่คิดว่าดีแลนจะลืมไปทั้งหมดนะ

“จำได้สิ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเหลือรอยไว้ไม่เหมือนที่ต้นคอ”

ในที่สุดโนอาห์ก็เข้าใจคำถาม

“ไม่แปลก รอยแผลที่เกิดจากการดื่มเลือดจากหัวใจไม่มีทางหายไปหรอก”

ดีแลนมองตาโนอาห์

งั้นนี่แปลว่าเขาเป็นคนแรกที่ได้ดื่มเลือดแบบนี้จากราชาแวมไพร์เหรอ?

“แล้วทำไมนายถึงให้ฉันดื่มจากหัวใจ” ดีแลนถามต่อ

โนอาห์นิ่งเงียบไปสักพักก่อนตอบกลับด้วยคำถาม

“ไม่ชอบเหรอ”

ลอร์ดเซอร์ราโนส่ายหน้าทันที

“ไม่ใช่ ฉันแค่… สงสัย”

“งั้นนายก็ไปหาคำตอบเองแล้วกันนะ”

“โนอาห์…” ดีแลนเรียกเสียงอ่อน

ราชาแวมไพร์ยักไหล่ก่อนพูดแต่ก็ไม่ได้เฉลยให้หายข้องใจ

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้นายดื่มจากตรงนั้นบ่อยๆ หรอก”

“...”

 





ราชาแวมไพร์จัดการเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟังหลังจากรู้ว่าความทรงจำของดีแลนหยุดอยู่ตอนที่จาเร็ดคว้างผงดอกไม้เลือดใส่ก่อนจะจำได้อีกครั้งตอนที่โนอาห์ให้ดูดเลือด

พอเล่าจบดีแลนก็รีบวิ่งไปหามารดาตนทันที พอเห็นผ้าพันแผลที่คาดไว้บนหัวก็ยิ่งทำให้รู้สึกผิดเข้าไปอีก เดือดร้อนเพนนีต้องมาปลอบว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก

ส่วนโนอาห์ก็ยังเครียดอยู่ว่าทางเผ่ามนุษย์หมาป่าจะเคลื่อนไหวอะไรอีกหรือไม่แต่ก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกที่บนหน้าหนังสือพิมพ์ไม่มีอะไรผิดปกติเหมือนทุกคนจะเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเป็นแค่การเข้าใจผิดกันเฉยๆ ดูท่าทางมนุษย์หมาป่าคงแก้ตัวให้เรียบร้อย

ยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสัยสถานะของเด็กนั่นในฝูงเข้าไปใหญ่

โนอาห์ที่คิดอย่างเหม่อลอยอยู่ที่หน้าต่างก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเกล็ดอะไรบางอย่างร่วงลงมาจากฟ้า

ราชาแวมไพร์ขมวดคิ้ว

นี่มัน…

“อ้าว หิมะตกแล้วเหรอ เร็วแปลกๆ แหะปีนี้” อีธานที่เพิ่งลงบันไดมาพูดขึ้นทำให้คนทั้งบ้านหันมาดูหน้าต่าง

หิมะแรกของปี

ช่างงดงาม

ราชาแวมไพร์แตะกระจกที่ตอนนี้ดูดซับความเย็นเข้าไปแล้วก่อนจะหลับตาลง

คิดถึงแดนแวมไพร์จังเลย…

 





น่าแปลกที่แวมไพร์กลัวความหนาวเพราะไม่สามารถผลิตความร้อนเองได้ แต่ฤดูหนาวกลับเป็นฤดูที่แวมไพร์มีพลังสูงสุด ไม่งั้นแดนแวมไพร์คงไม่ตั้งอยู่ในแผ่นดินที่มีแต่ฤดูหนาวแบบนี้หรอก

หิมะที่โปรยปรายลงมายังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ทิวทัศน์ที่เคยเป็นถนนหนทางและต้นไม้ต่างๆ ตอนนี้ล้วนขาวโพลนจากหิมะ

เตาผิงในบ้านถูกก่อขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่โนอาห์มาอาศัยอยู่ที่นี่ จริงๆ แล้วคฤหาสน์หลังนี้มีระบบทำความร้อนอยู่ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนว่ารอบนี้ทุกคนเห็นด้วยที่จะให้เตาผิงโบร่ำโบราณได้ทำงานของมันสักที

ราชาแวมไพร์เดินไปที่ครัวกะว่าจะทำไอศกรีมสักหน่อยให้สมกับอากาศหนาวๆ แบบนี้ ถ้าดีแลนมาได้ยินความคิดนี้คงได้แต่ส่ายหน้า

แต่ก่อนที่โนอาห์จะได้เริ่มทำเขาก็คิดไปถึงหิมะที่กองเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ที่สวนของคฤหาสน์

อืม… มีหิมะเยอะขนาดนี้ เปลี่ยนไปทำ ‘อันนั้น’ ดีกว่า

โนอาห์จัดการรื้อห้องครัวหาวัตถุดิบที่จำเป็นต่อการทำขนมหวานหนึ่งเดียวที่มีจุดกำเนิดจากแดนแวมไพร์

ก่อนอื่นเลยก็ต้องเป็นเมเปิ้ลไซรัป

ราชาแวมไพร์มองของเหลวสีเหลืองทองในขวดแก้วอย่างพอใจ อย่างน้อยคฤหาสน์เซอร์ราโนก็มีรสนิยมใช้ได้ถึงมีเมเปิ้ลไซรัปของแท้

เวลาโนอาห์เห็นใครใช้เมเปิ้ลไซรัปที่ไม่ใช่ของแท้ก็อยากจะตบกระบาลมันจริงๆ เมเปิ้ลไซรัปที่ไม่ใช่ของแท้มันจะสีเข้มกว่า หนืดกว่า ขุ่นกว่า แต่ที่สำคัญคือสู้เมเปิ้ลไซรัปของแท้ไม่ได้เลยสักนิด!

พูดถึงเรื่องเมเปิ้ล ต้นเมเปิ้ลเป็นหนึ่งในไม่กี่ต้นที่สามารถขึ้นในแดนแวมไพร์ได้

วิธีการทำเมเปิ้ลไซรัปก็ไม่ยาก ก่อนอื่นก็ต้องต่อท่อจากตัวลำต้น น้ำที่ออกมาจะยังเป็นสีใสๆ อยู่ จากนั้นก็เอาไปต้มเอาน้ำออก ส่วนที่เหลือก็จะสีเข้มขึ้นจนเป็นสีเหลืองทอง

เห็นไหม ง่ายๆ แค่นี้เอง

เขาล่ะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบางคนถึงนิยมเมเปิ้ลไซรัปของปลอมในเมื่อมันเป็นแค่น้ำเชื่อมธรรมดาใส่กลิ่นเมเปิ้ล…

เอาล่ะ เขาว่าเขาออกนอกเรื่องไปมากพอแล้ว

ราชาแวมไพร์จัดการเทเมเปิ้ลไซรัปใส่หม้อแล้วเปิดไฟเพื่อที่จะต้มให้ได้ถึงอุณหภูมิที่ต้องการเป็นเวลาเดียวกับที่ลอร์ดเซอร์ราโนเดินเข้ามาเพราะไม่เห็นโนอาห์ในห้องนั่งเล่นสักพักแล้ว

“ทำอะไรน่ะ”

โนอาห์หันหน้าไปหาคนที่เข้ามาใหม่แล้วพูดขึ้น

“นายมาก็ดีเลย ถือนี่ไว้แล้วตามฉันมา” ราชาแวมไพร์จัดการยัดอะไรบางอย่างใส่มือของดีแลน

ดีแลนก้มลงมองมันเป็นถาดเปล่าขนาดใหญ่พอสมควรอันหนึ่ง

โนอาห์ลากดีแลนมาที่สวนของคฤหาสน์ก่อนบอกให้ตักหิมะทั้งหลายใส่ถาด

ดีแลนทำตามอย่างว่าง่าย จากกลิ่นหอมในห้องครัวแล้ว เขาคิดว่าราชาแวมไพร์น่าจะกำลังทำขนมอะไรบางอย่าง

ทุกคนอาจสงสัยกันว่าหิมะนี่มันกินได้ด้วยเหรอ มันไม่สกปรกเหรอ

คือถ้าเกิดว่าหิมะตกไม่มากมันก็จะคลุกไปกับเศษต่างๆ ที่พื้น แบบนั้นน่ะกินไม่ได้

แต่ว่าหิมะวันนี้ตกลงมาค่อนข้างมากจนหิมะที่อยู่ด้านบนไม่ได้สัมผัสกับอะไรทั้งนั้น มันจึงสะอาด

“นายตั้งใจจะทำอะไรเหรอ” ดีแลนตัดสินใจถามขณะที่วางถาดที่เต็มไปด้วยหิมะบนโต๊ะในห้องครัว

แต่โนอาห์ก็ยังไม่เฉลย

“ค่อยดูพร้อมกัน”

โนอาห์ที่เห็นว่าเมเปิ้ลไซรัปร้อนได้ที่แล้วจึงจัดการเทของเหลวสีทองลงบนถาดเป็นเส้นยาวประมาณหนึ่งฟุต จากนั้นจึงเอาไม้ไอศกรีมที่หลบอยู่ในตู้ห้องครัวมาวางทาบที่จุดเริ่มต้น

ราชาแวมไพร์นับหนึ่งถึงห้าในใจแล้วม้วนไม้ไอศกรีมด้วยความรวดเร็ว

เส้นเมเปิ้ลไซรัปที่อยู่ในสถานะกึ่งแข็งกึ่งเหลวถูกม้วนไปรอบๆ ไม้ไอศกรีม เกิดเป็นก้อนกลมๆ สีทองคล้ายๆ ลูกอม

โนอาห์มองดูความสำเร็จอย่างพอใจ

“อ่ะ นี่ของนาย” ราชาแวมไพร์ยื่นให้ดีแลน

“ให้ฉันเหรอ”

“ใช่ เกิดมาเป็นแวมไพร์ ไม่เคยกินอันนี้ ถือว่าเสียชาติเกิด” โนอาห์ตอบพลางขยับมือจะทำอีกอัน

“ฉันไม่ได้เกิดมาเป็นแวมไพร์สักหน่อย…” ดีแลนเถียงด้วยสีหน้ามีความสุข โนอาห์หันมามองแรงก่อนที่ลอร์ดเซอร์ราโนจะพูดต่อ “...แต่ก็ขอบคุณนะ”



แว้กกก อย่าเพิ่งปิดๆๆ เรามีคำถามมาถามเพื่อนๆ หน่อยค่าาา

คือเราอยากตีพิมพ์นิยายเรื่องนี้อะค่ะ เพื่อนๆ อยากให้เราส่งสำนักพิมพ์หรือตีพิมพ์เองดีคะ คือถ้าเป็นสำนักพิมพ์ก็อาจจะนานหน่อยเพราะต้องรอตรวจรอนู่นนี่นั่น แต่ถ้าตีพิมพ์เองก็ไม่รู้ว่ายอดจะดีหรือเปล่า

เอายังไงดีคะ??

ถ้าโหวตสำนักพิมพ์ช่วยบอกด้วยได้ไหมคะว่าสำนักพิมพ์ไหนดี?

ขอบคุณมากค่ะ ><

 

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไม่สันทัดกับเรื่องสำนักพิมพ์เลยจ้า ขอโทษด้วยนะ
 :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

วันนี้เราไม่ว่างเลยมาอัพให้แต่เช้าเลยจ้าาา แต่ว่าใครที่ยังไม่ได้อ่านของเมื่อวานเลื่อนไปอ่านตอนที่แล้วก่อนน้าาา

------------------

เพนนีที่ยังมีผ้าพันหัวอยู่ร้องกรี๊ดทันทีที่เห็นว่าโนอาห์ยกอะไรออกมาจากห้องครัว ส่วนอีธานมีสีหน้าสนใจเมื่อเห็นว่าในมือของราชาแวมไพร์ไม่ใช่ไอศกรีมเหมือนปกติ

“หยิบกันตามสบายเลย” เพนนีจัดการหยิบขึ้นมาหนึ่งไม้หลังจากที่โนอาห์พูดอนุญาต

“นี่คืออะไรเหรอ” อีธานถามราชาแวมไพร์ถึงสิ่งที่อยู่ในมือเขาเพราะภรรยาข้างๆ คงไม่สามารถตอบเขาได้ในตอนนี้

“Maple Taffy น่ะครับ ของว่างจากแดนแวมไพร์” โนอาห์แนะนำ

อีธานตัดสินใจเอาของหวานชนิดใหม่เข้าปากดู มันมีรสหวานของเมเปิ้ลไซรัปแต่ไม่ได้หวานจนเอียนเหมือนน้ำเชื่อม กลับกันมันเป็นความหวานที่เป็นธรรมชาติมาก แถมยังมีกลิ่นเมเปิ้ลที่ชัดเจน อีธานไม่ค่อยแน่ใจว่าผิวสัมผัสกรุบๆ เป็นพักๆ ด้านในคืออะไร แต่ก็ได้คำตอบเมื่อเห็นถาดที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาว

“แล้วดีแลนล่ะ” เพนนีถามหลังจากจัดการกับชิ้นแรกเสร็จแล้วกำลังจะหยิบชิ้นที่สอง

ลูกชายของเธอหายไปสักพักแล้วตั้งแต่บอกว่าจะไปหาโนอาห์ แต่นี่ราชาแวมไพร์ก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว

“อ๋อ เก็บครัวอยู่น่ะครับ” โนอาห์ตอบยิ้มๆ แน่นอนว่าหม้อทั้งหลายที่ใช้ต้มเมเปิ้ลไซรัปในตอนแรกล้วนเปื้อนของเหลวเหนียวๆ ทำให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่ เขาเลยถือว่าให้ดีแลนล้างไปเป็นค่าตอบแทนของว่างยามบ่าย

แต่ไม่ต้องสงสารลอร์ดเซอร์ราโนหรอก ยังไงซะ คฤหาสน์หลังนี้ก็เป็นคฤหาสน์เวทมนตร์ ทำความสะอาดแค่นั้นไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก

เพนนีพยักหน้ารับก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก

“คุณคะ แล้วเรื่องเทศกาลขอบคุณเมจิคไปถึงไหนแล้ว”

โนอาห์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เทศกาลนี้ยังคงอยู่

เทศกาลขอบคุณเมจิคก็คือเทศกาลรื่นเริงที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเมจิคผู้มอบเวทมนตร์ให้กับเหล่าบรรพบุรุษของแต่ละเผ่า ว่ากันว่าเธอเป็นหญิงสาวสวย ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเคยเห็นเธอมาก่อนแต่ก็มีรูปวาดงานศิลปะคาดการณ์รูปลักษณ์ของเธอไว้มากมาย

เอกลักษณ์สำคัญของงานนี้คือเป็นงานเฉลิมฉลองที่มีร่วมกันของทั้งสิบสามเผ่า เพราะฉะนั้นคนในแต่ละเผ่าสามารถไปมาหาสู่กันได้แบบไม่ต้องทำเอกสารแบบปกติ ดังนั้นในเทศกาลนี้จึงสามารถเห็นคนหลากหลายเผ่ามาเดินอยู่ในงานเดียวกัน ซึ่งนับว่าน่าตื่นตาตื่นใจมากเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสเห็นคนแคระ ยักษ์ หรือว่าเพกาซัสตัวเป็นๆ รวมถึงมังกรด้วย

พอคิดถึงตรงนี้โนอาห์หวนกลับไปคิดถึงหน้าคนที่เจอที่งานเปิดตัว

หวังว่าราชามังกรจะไม่วนเวียนมาแถวแดนมนุษย์นะ

อีธานคิดสักพักก่อนตอบ

“เห็นว่าปีนี้แดนมนุษย์รับผิดชอบเรื่องงานพิธีการน่ะ แต่พวกเฮนสลีย์น่าจะรับไปแล้ว ลองถามดีแลนดูสิ”

เพนนีพยักหน้ารับคำตอบ แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น

อีธานเป็นฝ่ายร่ายเวทวงจรปิดเอง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าตอนนี้เป็นคนที่โนอาห์คิดว่าจะไม่มายุ่งกับเขาแล้ว

อัลฟ่ามนุษย์หมาป่า…

เพนนีกับอีธานเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจว่ามนุษย์หมาป่ามาทำอะไรที่หน้าคฤหาสน์เซอร์ราโนกัน ในขณะที่โนอาห์เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อวานให้ทั้งคู่ฟังแบบเต็มๆ ทั้งสองคนคิดแค่ว่าดีแลนเกิดอยากเลือดขึ้นมากะทันหัน

ดีแลนที่ดูเหมือนจะร่ายเวทวงจรปิดเหมือนกันก็เห็นแล้วเช่นเดียวกันว่าใครอยู่หน้าคฤหาสน์

ลอร์ดเซอร์ราโนที่เพิ่งจัดการเก็บกวาดเสร็จเข้ามาสมทบกับคนทั้งสามคนด้วยความร้อนใจ

บิดาและมารดาของเขาล้วนงุนงงว่าทำไมเขาและโนอาห์ถึงมีสีหน้าเคร่งเครียด

ในที่สุดโนอาห์ก็เอ่ยขึ้น

“อัลฟ่าคนนั้นรู้แล้วว่าดีแลนเป็นแวมไพร์”

“...!!”

 





ดูเหมือนว่าเปิดประตูให้มนุษย์หมาป่าเข้ามาจะเป็นหนทางเดียวเพราะเขาและดีแลนก็อยากรู้เหมือนกันว่าจาเร็ดมาทำไม

แน่นอนว่าโนอาห์ยืนกรานให้อีธานและเพนนีออกไปก่อนเพราะนี่เป็นเรื่องของแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่า

ตอนนี้ตรงหน้าเขาทั้งคู่จึงเป็นใบหน้าดิบเถื่อนของอัลฟ่าที่เป็นแผลเป็นคาดยาวชวนให้สยองแปลกๆ

ดีแลนจ้องจาเร็ดไม่วางตา เขาไม่ไว้ใจคนคนนี้เลย สัญชาตญาณแวมไพร์ข้างในร้องเตือนตลอดว่าคนตรงหน้าคือศัตรู

“พวกท่านจะไม่เชิญข้านั่งหน่อยเหรอ” จาเร็ดพูดเรียบๆ

ลอร์ดเซอร์ราโนในฐานะเจ้าบ้านจึงเอ่ยให้นั่งที่โซฟากลางห้องรับแขกอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก ในขณะที่ตัวเองก็นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามข้างๆ กับคนเป็นคู่หมั้น

“ท่านมาที่นี่ทำไมกัน” ราชาแวมไพร์ถามขึ้น บรรยากาศในคฤหาสน์ตอนนี้ไม่ได้เป็นมิตรแม้แต่น้อย แต่โนอาห์ก็มั่นใจว่าสองแวมไพร์กับหนึ่งมนุษย์หมาป่า ยังไงฝ่ายเขาก็คงชนะ ยิ่งไม่มีคนอื่นให้กังวลว่าจะเปิดเผยความลับตัวตนของพวกเขาไปอีก

จาเร็ดหันมามองหน้าคู่หมั้นคนใหม่ของลอร์ดเซอร์ราโน คนที่เขาคิดผิดว่าเป็นแวมไพร์

“ท่านก็รู้ว่าข้ามาทำไมท่านโนอาห์ เรื่องเกี่ยวกับเมื่อวาน” จาเร็ดตอบพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้ดูคุกคามเท่าไหร่เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของเขาที่จะทำให้มีพลังสูงสุด

โนอาห์กับดีแลนไม่ได้ตอบรับอะไร จาเร็ดจึงพูดต่อ

“พวกท่านก็รู้ว่าแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าน่ะอยู่ร่วมกันไม่ได้…” จาเร็ดพูดพร้อมกับเลียเขี้ยวเหมือนสัตว์ป่าของตัวเองไปด้วย “...แต่ดูเหมือนว่าเด็กน้อยของข้าจะไปก่อเรื่องอะไรเข้าจนเป็นหนี้พวกท่านไปได้”

“ท่านต้องการอะไรบอกว่าตรงๆ ดีกว่า” ในที่สุด ดีแลนก็ทนไม่ไหว

“ใจร้อนจริงนะ ท่านลอร์ดเซอร์ราโน ไม่สมกับเป็นแวมไพร์เลย” อัลฟ่ามนุษย์หมาป่าพยายามยั่ว

โนอาห์กรอกตากับการทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ของหนึ่งแวมไพร์กับหนึ่งมนุษย์หมาป่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่เขาหลับใหลไปไม่มีแบบนี้หรอก เจอกันก็นัวเนียกันเลย

หมายถึงสู้กันนะ ไม่ใช่อย่างอื่น!

“เฮ้อ เข้าเรื่องเถอะท่านจาเร็ด”

อัลฟ่ามนุษย์หมาป่าหันมามองโนอาห์ก่อนพูด

“ข้าต้องการสัญญาสงบศึก”

โนอาห์เลิกคิ้ว ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคนตรงหน้าเพิ่งจู่โจมพวกเขาเหรอ

“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงพูดแบบนี้ล่ะ” คราวนี้โนอาห์สงสัยจริงๆ

“ข้าคิดว่าพวกเราสองเผ่าสู้กันมามากพอแล้ว แถมสาเหตุก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเกลียดขี้หน้ากันเพราะสายพันธุ์ อีกอย่างเด็กๆ รุ่นใหม่ก็เริ่มไม่มีสัญชาตญาณต่อแวมไพร์แล้วเพราะพวกแวมไพร์ปิดแดนมานานเกินไป เด็กน้อยของข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นถ้าพวกข้าจะหยุด ข้าก็อยากทำให้แน่ใจว่าทางแวมไพร์จะหยุดเหมือนกัน...”

คนเป็นอัลฟ่าอธิบายยาวเหยียด

ราชาแวมไพร์ขมวดคิ้วกับข้อมูลที่เพิ่งได้รับเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าการที่แดนแวมไพร์ถูกปิดจะสามารถส่งผลกระทบได้ขนาดนี้

“...อย่างไรก็ตามข้าอยากให้พวกท่านรู้ไว้ว่าทั้งหมดนี้เป็นความคิดจากเด็กน้อยของข้า” จาเร็ดพูดเสริม

“ท่านหมายถึงเด็กผู้ชายคนนั้น?” ลอร์ดเซอร์ราโนถาม เขาเริ่มผ่อนคลายกับคนตรงหน้าที่ดูจะมาดีจริงๆ แล้ว

“ใช่” จาเร็ดตอบสั้นๆ

“เขาอยู่ในฐานะอะไรของฝูงกัน” โนอาห์ถามในเรื่องที่ตนเองสงสัยอยู่ทันที

ดวงตาสีเหลืองอำพันมองตรงไปที่คนถาม

ความเงียบโรยตัวลงมาสักพักก่อนอัลฟ่าจะตอบ

“เขาอยู่ในฐานะเดียวกับท่านลอร์ดของท่าน ท่านโนอาห์” ไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านั้นราชาแวมไพรก็เข้าใจทันที

“แล้วเรื่องสัญญา?” ดีแลนถามต่อ

“เรื่องนั้นก็ต้องฝากท่านไปบอกนายของท่านด้วย”

เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นในตาของลอร์ดเซอร์ราโนก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้ายังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของโนอาห์ อย่างนี้จาเร็ดน่าจะยังเข้าใจว่าโนอาห์เป็นมนุษย์ธรรมดา

“ท่านหมายถึงราชาแวมไพร์?” ดีแลนถามให้แน่ใจ

จาเร็ดพยักหน้า

“หวังว่าท่านคงรู้ว่าเขาอยู่ไหน ไม่มีใครเห็นเขามานานแล้ว” คนเป็นอัลฟ่าเอ่ยโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ว่านั่งหัวโด่อยู่ข้างหน้า

โนอาห์นั่งนิ่งๆ ไม่ได้เข้าไปร่วมในวงสนทนา คิดว่าจาเร็ดเข้าใจแบบนี้ไปก็ดีแล้วเพราะไม่รู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้ารู้ว่ากำลังอยู่ต่อหน้าราชาแวมไพร์ หมาป่าในตัวเขาอาจออกมาอาละวาดได้ถึงเจ้าตัวอาจจะไม่เต็มใจ

สุดท้ายดีแลนเลยสัญญาว่าจะบอกราชาแวมไพร์ให้ จาเร็ดเลยทำท่าจะกลับแต่ก่อนหน้านั้น

“ข้าหวังว่าท่านจะปิดเรื่องที่ท่านเป็นแวมไพร์ไปได้อีกนานนะท่านลอร์ด พวกมนุษย์คงไม่ยอมรับผู้นำที่เป็นแวมไพร์หรอก” จาเร็ดพูด

ดีแลนตอบกลับไปว่า

“ปัญหาของเรา เราจัดการเองได้”

 





มนุษย์หมาป่ากลับไปแล้ว…

Maple Taffy ที่โนอาห์ทำไว้ก็ละลายหมดแล้วจนต้องเอาไปทิ้ง

โนอาห์รู้ดีว่าดีแลนกำลังเครียด เขาก็เครียดเหมือนกัน เรื่องที่อัลฟ่ามนุษย์หมาป่าพูดไว้ก่อนจะออกไป

ราชาแวมไพร์รู้ว่าฐานะแวมไพร์ของดีแลนจะเป็นปัญหาต่อตำแหน่งลอร์ดเซอร์ราโนตั้งแต่วันแรกที่เขาเปลี่ยนดีแลนให้เป็นแวมไพร์แล้ว

โนอาห์พยายามคิดว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย เพราะถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น ดีแลนก็คงไม่รอด

แต่ก็อดรู้สึกไม่ดีไม่ได้ที่ดีแลนจะต้องทิ้งทุกอย่างที่ตัวเองรู้จักไปเพียงเพราะว่าเป็นแวมไพร์เนื่องจากที่จาเร็ดพูดก็เป็นความจริง พวกมนุษย์ไม่มีทางรับผู้ปกครองที่เป็นแวมไพร์ได้หรอก

ตอนนี้ก็ได้แต่รอ…

...รอว่าความลับนี้จะแตกเมื่อไหร่

ทางด้านดีแลน

ลอร์ดเซอร์ราโนครุ่นคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว เขารู้ดีว่าไม่มีทางที่เขาจะได้อยู่ในตำแหน่งลอร์ดเซอร์ราโนไปได้ตลอด อย่างน้อยก็ต้องมีใครสักคนสังเกตเห็นว่าร่างกายเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเพราะพวกแวมไพร์มีอายุขัยที่มากกว่ามนุษย์หลายเท่า

ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะได้ใช้เวลาที่เหลือในแดนมนุษย์อย่างมีความสุข

และเก็บความลับนี้ให้นานเท่าที่เขาจะทำได้

แต่ถึงทั้งแดนมนุษย์จะหันหลังให้เขา เขาก็ยังมีแหวนที่มือข้างซ้ายนี้อยู่

สายลมเย็นที่ไม่รู้ลอดผ่านหน้าต่างมาได้อย่างไรกระทบกับหน้าของดีแลน

ลอร์ดเซอร์ราโนยิ้มก่อนคิดว่าตัวเองคงต้องทำตัวให้ชินกับอากาศแบบนี้มากขึ้นถ้าสุดท้ายแล้วต้องไปอยู่ที่แดนแวมไพร์จริงๆ

 





“นี่นายเครียดหนักจนเป็นบ้าแล้วเหรอ” โนอาห์ที่อยู่ในชุดกันหนาวแบบเต็มที่ทักคนที่เดินอยู่ข้างๆ

ดีแลนหัวเราะเบาๆ

“เอาน่า ถือซะว่ามาเดินเล่น”

“ตอนนี้น่ะนะ” โนอาห์กรอกตา ถึงตอนนี้หิมะจะหยุดตกแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าอากาศจะอุ่นขึ้นสักหน่อย ไม่รู้ว่ายีนแวมไพร์ในตัวลอร์ดเซอร์ราโนมันกลายพันธุ์ไปแล้วหรือยัง ดีแลนถึงชวนเขาออกมาที่สวนคฤหาสน์แบบนี้

แต่ก่อนที่ราชาแวมไพร์จะได้บ่นอะไรไปมากกว่านั้น สิ่งที่อยู่ต่อหน้าตอนนี้น่าสนใจกว่า

“ว้าว” โนอาห์เอื้อมมือไปหยิบผลไม้สีแดงสดของโปรดของเขาที่ตอนนี้มีรูปลักษณ์แปลกตาไปจากปกติมากเพราะที่ด้านบนของผลมีกองหิมะเล็กๆ กองอยู่เหมือนใส่หมวกแหลมสีขาว

ราชาแวมไพร์จัดการเขย่าผลไม้สีแดงนั้นเบาๆ ให้หิมะหลุดออกก่อนจะใส่เข้าปาก

รสชาติหวานๆ กับน้ำฉ่ำๆ เย็นๆ ชวนให้โนอาห์รู้สึกดีเหมือนได้กินผลไม้ที่เพิ่งออกจากตู้เย็น แตกต่างกันตรงที่ว่านี่เป็นตู้เย็นธรรมชาติ

ดีแลนมองคู่หมั้นอย่างเอ็นดู

โนอาห์มักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากๆ เสมอในเวลาปกติ ซึ่งเขาก็เข้าใจได้ว่าเพราะเป็นราชาแวมไพร์แถมมีชีวิตมานานอีก แน่โนอาห์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ มีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แสดงสีหน้าพอใจเหมือนเด็กๆ ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

ชวนให้เขาอยากถามคำถามนั้นอีกรอบ…

ราชาแวมไพร์ที่ตอนนี้มีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับอยู่ยื่นผลสตรอเบอร์รี่มาให้คนเป็นคู่หมั้น

ดีแลนรับมาก่อนตัดสินใจถาม

“โนอาห์ เรื่องคำถามเมื่อคืนนั้น นายจะตอบฉันได้หรือเปล่า”

โนอาห์ที่กำลังจะเอาผลไม้ก้อนเล็กๆ เข้าปากชะงักไปทันที

เสียงดีแลนที่ถามคำถามนั้นลอยเข้ามาในหัวราชาแวมไพร์เป็นรอบที่ล้าน

‘นายรักฉันบ้างหรือเปล่า’

ให้ตายเถอะ…

“อยากรู้ไปทำไมกัน?”

ดีแลนกำลังจะตอบแต่โนอาห์ก็พาเปลี่ยนเรื่องก่อน

ลอร์ดเซอร์ราโนถอนหายใจในใจ เขาไม่รู้ว่าที่โนอาห์เลี่ยงตอบคำถามนี้เป็นเพราะว่าคำตอบนั้นจะทำให้เขาผิดหวังหรือเปล่า

ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงเสียใจมาก

โดยไม่ได้รู้เลยว่าราชาแวมไพร์คนนี้ได้ตอบไปแล้ว…



-------------------------

*สอดส่องมองหาเม้น*  เม้นให้เค้าหน่อยสิตัวววว

 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด