Re: {{เคะราชินี}} == ♠ ที่รัก... เอียงคอมาอีกนิดสิ ♠ == || ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: {{เคะราชินี}} == ♠ ที่รัก... เอียงคอมาอีกนิดสิ ♠ == || ตอนพิเศษ  (อ่าน 10155 ครั้ง)

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ให้​กิน​เลือด​จาก​หัวใจ​ต้อง​มี​ความหมาย​อะไร​แน่ๆ​เลย​

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
รอถึงวันงานไม่ไหวแล๊ววววว ตื่นเต้ลอยากพบราชามังกร อิอิ

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1


เทศกาลขอบคุณเมจิคจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ แต่ตามบ้านต่างๆ ก็เริ่มประกับประดาด้วยแสงไฟและของตกแต่งกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วแล้ว

สถานที่จัดเทศกาลก็กระจายกันไปทั่วแดนมนุษย์และหลายแดนที่เหลือ แต่ที่ใหญ่ที่สุดคงเป็นที่แดนยักษ์เนื่องจากมีพื้นที่และทรัพยากรมากและด้วยขนาดตัวและอะไรหลายๆ อย่างทำให้การจัดงานออกมาน่าตื่นตาตื่นใจทุกที

แต่ดีแลนบอกกับโนอาห์ไว้แล้วว่าพวกเขาจะเที่ยวเทศกาลกันที่จัตุรัสกลางเมืองเพราะถึงจะเป็นงานเทศกาลแต่ลอร์ดเซอร์ราโนก็ไม่อยากออกไปไกลแดนมนุษย์มาก อีกอย่างคือดีแลนอยากพาโนอาห์เที่ยวจัตุรัสใหม่หลังจากรอบที่แล้วล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

ผู้คนในคฤหาสน์เซอร์ราโนก็ตื่นเต้นกับงานเทศกาลนี้ไม่แพ้คนอื่นๆ

“โนอาห์” ดีแลนเรียกคู่หมั้นที่ตอนนี้หยิบสตรอเบอร์รี่ขึ้นมาทาน ดูเหมือนเวทมนตร์คฤหาสน์จะรับรู้ได้ว่าโนอาห์ชอบทานผลไม้อะไร เจ้าผลไม้สีแดงนี่จึงมีมาให้เก็บทุกวัน

“หืม” โนอาห์ตอบรับพลางหาลูกที่สีแดงสดที่สุดในจาน

“ฉันมาคำถาม” ลอร์ดเซอร์ราโนพูดต่อ

ราชาแวมไพร์ถอนหายใจ

“ถ้านายถามคำถามนั้นอีกฉันจะไม่คุยด้วยแล้วนะ” โนอาห์พูดเสียงเข้ม เขาล่ะเบื่อคำถามเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เสียจริง ถ้าเขาอยากพูดเมื่อไหร่ เขาก็พูดเองแหละ

ดีแลนส่ายหน้า

“ฉันแค่จะถามนายว่าพรุ่งนี้นายอยากทำอะไรบ้าง”

โนอาห์มีสีหน้าอ่อนลงก่อนตอบ

“นายจัดการเองเลย ฉันไม่รู้หรอกว่าสมัยนี้เขาจัดกับยังไงแล้ว”

ดีแลนพยักหน้าตกลง จริงๆ แล้วไม่ได้ต้องจัดการอะไรมากเพราะเดี๋ยวถึงงานก็มีสิ่งดึงดูดความสนใจหมด เผลอๆ อาจไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ด้วยซ้ำ อย่างปีที่แล้วเขาไปกับท่านแม่ก็หมดเวลาไปกับซุ้มยิงปืนไปหลายชั่วโมงทั้งๆ ที่ตั้งใจเข้ามาเพียงแค่ไม่กี่นาที

เอาเป็นว่ารอดูพรุ่งนี้แล้วกัน…

 





ทันทีที่ก้าวเข้ามาในงานโนอาห์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง ทุกคนล้วนใส่เสื้อสีสันฉูดฉาดแบบไม่มีใครยอมใคร ตอนแรกราชาแวมไพร์ดึงดันจะไม่ใส่ชุดที่เพนนีหามาให้เพราะมันช่างไม่เข้ากับสไตล์เขาเลย แต่พอมาตอนนี้ก็รู้ว่าเขาแต่งได้เบาที่สุดในงานจริงๆ กับเสื้อสกรีนลายสายรุ้งเป็นแถบๆ แบบนี้

ดีแลนที่อยู่ข้างๆ เขาก็ใส่เสื้อคล้ายๆ กันจนเกือบเป็นเสื้อคู่

ตั้งแต่เขามาในงานโนอาห์และดีแลนก็โดนทักจากพวกแม่ค้าพ่อค้าตลอด ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเป็นคนจากเซอร์ราโนเพราะทุกคนก็โดนทักเหมือนกันหมด

อันที่จริงเรียกว่าพ่อค้าแม่ค้าก็ไม่ถูกเพราะตามธรรมเนียมแล้วของหรืออาหารที่อยู่ในเทศกาลจะไม่เก็บเงิน ถือว่าเป็นการแบ่งปันทรัพยากรของแต่ละเผ่าและเป็นการไม่แบ่งชนชั้นกันระหว่างคนรวยกับคนจน

เพราะเมจิคให้เวทมนตร์มาสำหรับทุกคน…

แต่พวกเขาอาจจะโดนทักจากประชาชนทั่วไปค่อนข้างเยอะ จริงๆ ต้องบอกว่าโนอาห์โดนทักมากกว่า ดูเหมือนว่าหลังจากงานประลองนั้น กลุ่มแฟนคลับท่านโนอาห์จะขยายตัวอย่างรวดเร็วบวกกับบรรยากาศในงานค่อนข้างเป็นมิตรเป็นพิเศษ ผู้คนเลยกล้าเข้ามาทักทาย

“ดีแลนๆ ฉันจะเอาอันนั้น” โนอาห์สะกิดดีแลนทันทีที่เห็นอะไรบางอย่างสะดุดตา

ลอร์ดเซอร์ราโนเพ่งดูว่าราชาแวมไพร์ชี้ไปที่อะไร

มันเป็นเหมือนซุ้มของหวานซุ้มหนึ่งที่ตกแต่งด้วยสีพาสเทลแถมมีน้ำตกช็อกโกแล็ตอันน่าล่อตาล่อใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโนอาห์อยากเข้าไปดู

แต่สิ่งมีชีวิตหูแหลมที่เฝ้าซุ้มอยู่ทำเอาดีแลนรู้สึกตะหงิดๆ

“โห…” โนอาห์หยิบของในซุ้มขึ้นมาหนึ่งไม้

สิ่งที่โดนเสียบไม้อยู่มีสีเดียวกับธีมของซุ้ม

พาสเทล…

แถมยังนิ่มมากๆ อีก

ดีแลนที่ตามมาจึงอธิบายให้โนอาห์ฟังว่าในมือของเขาคืออะไรเพราะสิ่งมีชีวิตหูแหลมที่เฝ้าซุ้มกำลังวุ่นกับการเอาของมาเติม

“มันคือมาร์ชเมลโล่น่ะ มีที่มาจากแดนเอลฟ์ นายลองกินดูสิ มันจะหวานๆ”

โนอาห์ทำตามที่ดีแลนบอก

หวานจริงๆ ด้วยแต่ที่ติดใจโนอาห์มากกว่าน่าจะเป็นรสสัมผัสของเจ้าก้อนกลมๆ นี่ที่ทั้งนุ่มทั้งเหนียวกำลังดีชวนให้เคี้ยวสนุก

“ท่านสามารถนำมาร์ชเมลโล่มาเคลือบช็อกโกแล็ตได้ที่น้ำตกช็อกโกแล็ตนะคะ” เอลฟ์สาวที่ตอนนี้ว่างแล้วเดินมาต้อนรับแขกคนใหม่ของซุ้ม เธอมีรูปลักษณ์เหมือนเอลฟ์สาวทั่วไป สูง ขาว ผมยาวสีทอง หูแหลม และที่สำคัญหน้าอกหน้าใจที่เหมือนเอาลูกโป่งน้ำยัดไว้

ราชาแวมไพร์และลอร์ดเซอร์ราโนตัดสินใจจะทำตามที่หล่อนแนะนำ ดูเหมือนมันจะเป็นเทรนการกินของหวานแบบใหม่ในแดนเอลฟ์

โนอาห์มองน้ำตกช็อกโกแล็ตที่ไหลลงมาไม่มีหยุดด้วยความสนใจ น้ำตกนี่น่าจะมีกลไกบางอย่างที่ทำให้ช็อกโกแล็ตที่ร่วงลงมาสามารถย้อนกลับขึ้นไปด้านบนได้

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังลองเคลือบมาร์ชเมลโล่ด้วยน้ำตกช็อกโกแล็ตอย่างสนุกสนาน คนที่ดีแลนไม่อยากให้โผล่มามากที่สุดก็เข้ามาทักทั้งคู่ด้วยความตื่นเต้น

“ท่านโนอาห์!” อันที่จริงน่าจะเป็นการทักราชาแวมไพร์คนเดียวมากกว่า

“ท่านมาคัส” โนอาห์ทักทายกลับไปเรียบๆ

เอลฟ์หนุ่มตรงหน้ามีสีหน้าปลื้มปลิ่มที่ท่านโนอาห์ของเขาเข้ามาเยี่ยมชมซุ้มของแดนเอลฟ์

“เป็นเกียรติของข้าแล้วที่ท่านโนอาห์ผู้งดงามเข้ามาในซุ้มมาร์ชเมลโล่ในทุ่งลาเวนเดอร์นี้”

โนอาห์กลั้นหัวเราะเล็กน้อยกับชื่อจริงๆ ของซุ้ม เขาไม่รู้ตั้งแต่แรกเพราะป้ายหน้าซุ้มเขียนเป็นภาษาเอลฟ์

“ท่านไม่เห็นต้องลำบากมาแดนมนุษย์ด้วยตัวเองแบบนี้เลย ท่านมาคัส” ดีแลนพยายามดึงความสนใจของเจ้าเอลฟ์หัวทองมาที่ตน

มาคัสส่ายหัวเหมือนท่านไม่รู้อะไรซะแล้ว

“ข้าน่ะ เป็นถึงว่าที่หัวหน้าเผ่าเอลฟ์ ก็ต้องมาผูกมิตรกับเพื่อนบ้านหน่อย”

ดีแลนเลิกคิ้วเป็นเชิงว่าจริงเหรอ

“เราว่าท่านอยากมาเจอโนอาห์มากกว่า”

“แหมะ ท่านนี่รู้ใจข้าจริงๆ ถ้างั้นข้าขอยืมตัวคู่หมั้นท่านสักพักได้หรือไม่”

คราวนี้ดีแลนเริ่มขมวดคิ้วอย่างระแวงแล้ว ขณะที่โนอาห์ฟังบทสนทนาของทั้งคู่ด้วยความสนใจแต่ก็ไม่ได้เข้ามาร่วมด้วยเนื่องจากปากไม่ว่าง

“ท่านจะเอาตัวคู่หมั้นเราไปทำอะไร”

“จุ๊ๆ ข้าไม่เห็นว่าท่านต้องทำเสียงเข้มอย่างนั้นเลย ข้าแค่จะพาท่านโนอาห์ไปแจกลายเซ็นเท่านั้นเอง”

“แจกลายเซ็น?”

 





ดูเหมือนว่ากลุ่มแฟนคลับท่านโนอาห์ที่ก่อตั้งโดยว่าที่หัวหน้าเผ่าเอลฟ์จะประสบความสำเร็จอย่างที่ดีแลนและตัวโนอาห์เองคาดไม่ถึง ถึงขนาดมีซุ้มในงานเป็นของตัวเอง!

โนอาห์ที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนตกใจเล็กน้อยที่เห็นสิ่งของต่างๆ สกรีนลายหน้าตัวเองเด่นหราอยู่ทั่วทั้งซุ้ม ถึงมาคัสจะเคยพูดถึงแล้วตอนงานเปิดตัว แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้…

ส่วนดีแลนได้แต่กุมขมับเมื่อสายตาเขาดันเหลือบไปเห็นหน้าคู่หมั้นตัวเองบนชุดเครื่องนอนตั้งแต่หมอน หมอนข้าง ไปจนถึงผ้าห่ม

“น่าประทับใจใช่ไหมล่ะท่านโนอาห์ นี่พวกเราแจกไปมากกว่าครึ่งแล้วนะ”

คำพูดของมาคัสทำให้โนอาห์ต้องเบิกตากว้างขึ้นไปอีกเพราะสินค้าที่เขาเห็นนี่มันก็มากมาย

“ส่วนตรงนั้นคือแถวที่กำลังรับของแจกอยู่” มาคัสผายมือไปอีกทางของร้าน

ทันทีที่คนในแถวเห็นว่าท่านโนอาห์กำลังมองมาก็ส่งเสียงกรีดร้องดังไปทั้งงาน

“กรี๊ดท่านโนอาห์!”

“ท่านโนอาห์มองมาทางนี้ด้วย!”

“ท่านโนอาห์ของข้า! ท่านโนอาห์ของข้า!”

ราชาแวมไพร์เข้าใจคำว่า ‘ติ่ง’ ก็วันนี้แหละ

 





สุดท้ายโนอาห์ก็ได้อยู่ในซุ้มของตัวเองที่ไม่ใช่ของตัวเองไปหลายชั่วโมง ในขณะที่ดีแลนก็ได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ คอยสกรีนคนที่เข้ามาขอลายเซ็นท่านโนอาห์และขอจับมือ

ไม่น่าเชื่อว่าคนเหล่านี้จะมีมากมายแถมมาจากหลายเผ่าพันธุ์ขนาดนี้ และที่ปกติไม่ค่อยมีใครเข้ามาทักก็เพราะโนอาห์มักจะออกมาข้างนองกับดีแลนซึ่งเป็นลอร์ดเซอร์ราโน การเข้ามารบกวนท่านลอร์ดดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก แต่สถานการณ์วันนี้มันต่างกันเพราะว่าเป็นงานเทศกาลแถมซุ้มนี้ก็สร้างมาเพื่อให้หวีดท่านโนอาห์โดยเฉพาะ

สุดท้ายโนอาห์ก็ออกมาได้ด้วยข้ออ้างว่าหิวแล้วอยากหาอะไรกินหน่อย ตอนแรกเจ้าเอลฟ์ก็ทำท่าจะไปหาอะไรมาให้ท่านโนอาห์ทาน แต่ดีแลนบอกก่อนว่าราชาแวมไพร์อยากไปดูซุ้มรอบๆ งาน มาคัสเลยต้องปล่อยโนอาห์ออกมา ท่ามกลางผู้คนที่ไม่ได้น้อยลงจากตอนแรกพากันจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้ลายเซ็นท่านโนอาห์

“เฮ้อ” โนอาห์เดินออกมาแล้วถอนหายใจปาดเหงื่อ

ดีแลนหยิบน้ำหวานที่เขาเอามาจากซุ้มข้างๆ ให้

“ขอบใจ” ราชาแวมไพร์กระดกแก้วขึ้นทีเดียวเลย มันเป็นน้ำผลไม้ที่ไม่ได้หวานมากแต่ออกแนวสดชื่นมากกว่า ดังนั้นน่าจะเป็นของแดนเฟย์

แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ไปหาอะไรทานตามที่อ้างไว้ คนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาขวางเสียก่อน

“อ๊ะ” โนอาห์ชะงักจากการหยุดเดินกะทันหันเมื่อมีคนอยู่ตรงหน้า

เมื่อราชาแวมไพร์และลอร์ดเซอร์ราโนเห็นว่าเป็นใคร ทั้งคู่ก็อุทานขึ้นมาทันที

“ดราโก!”

“ราชามังกร!”

ดราโกหรือราชามังกรไม่ได้สนใจดีแลน เขาจ้องไปที่ราชาแวมไพร์แบบไม่กระพริบตา

โนอาห์กลืนน้ำลายก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก

“ท่านก็มางานในแดนมนุษย์ด้วยเหรอ”

“หึ เจ้าคิดว่าข้าแค่มาเดินเล่นงั้นเหรอ” ดราโกตอบกลับด้วยคำถาม

“ท่านราชามังกร ถ้าท่านไม่มีอะไรก็ขอทางพวกเราด้วย” ดีแลนเอ่ยเสียงเรียบ เขารู้ดีว่าคู่หมั้นของเขากับราชามังกรตรงหน้าเคยรู้จักกันมาก่อน

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเป็นความสัมพันธ์แบบไหนเท่านั้นเอง

แถมความสัมพันธ์นั้นดูลึกซึ้งมากเสียด้วย

นี่แหละคือสิ่งที่เขากลัว

“ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ”

ดราโกตอบดีแลนก่อนที่ด้านหน้าลอร์ดเซอร์ราโนจะเป็นมังกรสีแดงตัวใหญ่!!

---------

*พนมมืออ้อนวอนขอเม้นนน*

 

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

เสียงจากคนทั้งจัตุรัสกลางเมืองร้องขึ้นมาทันทีเมื่อมังกรสีแดงตัวใหญ่ปรากฏออกมา ด้วยความสูงของมังกรแล้วน่าจะสามารถเห็นได้โดยคนทั้งจัตุรัส

หากแต่ว่าเสียงที่กรีดร้องขึ้นมาไม่ใช่เพราะความหวาดกลัวแต่เป็นเพราะความตื่นเต้นที่ได้เห็นมังกรตัวเป็นๆ เนื่องจากเทศกาลขอบคุณเมจิคเป็นเทศกาลกึ่งๆ งานแบ่งปันวัฒนธรรมระหว่างเผ่าอยู่แล้ว ทุกคนเลยไม่คิดว่ามังกรตัวโตนี่จะมีเจตนาร้ายอะไร ยิ่งกว่านั้นอาจคิดว่ามาโชว์อะไรสักอย่างด้วยซ้ำ

ยกเว้นก็แต่โนอาห์กับดีแลนที่ตอนนี้ทำหน้าเครียดพยายามคิดว่ามังกรตรงหน้าคิดจะทำอะไรและจะแก้ปัญหาสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี

“โนอาห์! เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าทำอะไรลงไป!” มังกรสีแดงคำรามเสียงดังใส่ราชาแวมไพร์

โนอาห์กำหมัดแน่น

คิดว่าเขาไม่รู้หรือ

คิดว่าเขาลืมเรื่องนั้นไปแล้วหรือ

ไม่เลย…

“ตอบข้ามาโนอาห์!”

“วิ่งไปอีกทางกันเถอะ” ดีแลนที่เห็นท่าไม่ดีแล้วจับมือราชาแวมไพร์ให้หันหลังกลับ

ตึง!

อุ้งเท้าพร้อมกรงเล็บแหลมคมของมังกรโผล่ขึ้นตรงหน้าคนทั้งคู่ทันที

คนที่มุงดูอยู่รอบๆ เริ่มวิ่งกันวุ่นเมื่อเห็นว่ามังกรตัวนี้ดูจะไม่ได้มาดีอย่างที่คิดตอนแรก เสียงกรีดร้องดังไปทั่วจัตุรัส

“ข้าชดใช้ความผิดของข้าไปแล้ว เจ้าจะเอาอะไรอีก!” โนอาห์ตอบด้วยเสียงอันดังไม่แพ้กัน

ราชามังกรทำหน้าพอใจที่สุดท้ายราชาแวมไพร์ก็พูดอะไรออกมาบ้างก่อนจะเอ่ยกลับ

“นี่แหละคือการแก้แค้นของข้า” พอดราโกพูดจบมังกรสีแดงตัวใหญ่ก็หายวับไปในพริบตาเหลือไว้แต่เพียงผู้คนที่มองมาทางโนอาห์ด้วยความตกตะลึง

ลอร์ดเซอร์ราโนนึกถึงหนังสือเกี่ยวกับแวมไพร์ที่เคยอ่านทันที

‘...แวมไพร์สามารถฟังและพูดภาษามังกรได้เพราะว่าอวัยวะในการออกเสียงและความถี่เสียงมีหูรับได้ค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก…’

และแน่นอนว่าความรู้ข้อนี้ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด แม้แต่เด็กเล็กๆ อาจจะรู้ด้วยซ้ำ

ดังนั้น…

“เมื่อกี้เขาพูดภาษามังกรไม่ใช่เหรอ”

“นี่มันอะไรกัน!”

“อย่าบอกนะว่าท่านโนอาห์เป็นแวมไพร์!”

“กรี๊ด! หนีเร็ว นั่นแวมไพร์เชียวนะ!”

คนในจัตุรัสวิ่งกันวุ่นไปหมด ถึงที่โนอาห์พูดจะได้ยินกันแค่ไม่กี่คนแต่ความตื่นตระหนกของคนทำให้คนทั้งจัตุรัสรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในไม่ช้า

“โนอาห์…” ดีแลนเรียกคนที่ยืนอยู่นิ่งๆ เสียงเบา

ราชาแวมไพร์เหม่อมองไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย เขารู้ดีว่าวันนี้จะต้องมาถึง วันที่ทุกคนรู้ว่าเผ่าพันธุ์ที่แท้จริงของเขาคืออะไร

เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้…

แวมไพร์… เผ่าพันธุ์ที่จะว่าน่ากลัวก็น่ากลัวกับความสามารถหลายๆ อย่างและที่สำคัญคือวิธีการกินอาหารของพวกเขา ถึงแม้ถูกแวมไพร์ดูดเลือดจะไม่ทำให้ถึงชีวิตก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนที่คอยจะกัดคอตัวเองหรอก

จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร แวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่โดดเดี่ยวมาก ถึงใครจะว่าว่าเป็นธรรมชาติของพวกแวมไพร์ที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนอื่น แต่การไม่มีพรรคพวกทำให้การดำเนินชีวิตในแดนอื่นเต็มไปด้วยความยากลำบาก ดังนั้นพอไม่มีราชาแวมไพร์ แดนแวมไพร์เลยตัดสินใจปิดตัวลง

และความจริงสองข้อนี้ก็กำลังตอกย้ำอยู่ในใจโนอาห์ที่มองผู้คนวิ่งออกห่างจากตัวเขาไปเรื่อยๆ

ตัวตนของเขามันน่ารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ?

ถ้าความรู้สึกเจ็บที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้เป็นแผนการแก้แค้นของราชามังกรตนนั้นแล้วแหละก็

เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ

สัมผัสที่ไหล่ทำให้โนอาห์หันกลับไปมองคนที่อยู่ข้างๆ

คนที่อยู่ข้างๆ มาตลอด…

“...กลับกันเถอะ” รอยยิ้มบางๆ ที่ไม่ค่อยส่งให้ใครถูกส่งมาให้ราชาแวมไพร์เหมือนที่ทำเป็นประจำ

ราชาแวมไพร์จับมือบนบ่าของตนก่อนจะหายตัวกลับคฤหาสน์

ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรอีกต่อไปแล้ว

 





ตุบ!

บนห้องโถงของคฤหาสน์ปรากฏคนสองคนที่เพิ่งหายตัวมา

เพนนีกับอีธานที่นั่งอยู่แปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติทั้งคู่จะกลับคฤหาสน์ด้วยวิธีแบบมนุษย์ปกติเพราะไม่อยากให้ใครสงสัยถึงความสามารถที่มนุษย์ไม่ควรมี

เพนนีทำท่าจะอ้าปากถามแต่เป็นจังหวะเดียวกับที่โนอาห์เดินผ่านทั้งสองคนแบบไม่ได้มองมาหรือทักทายด้วยซ้ำ

ขายาวรีบก้าวพาตัวเองไปที่ที่รู้สึกปลอดภัยที่สุด

ห้องนอนของพวกเขา…

ดีแลนวิ่งตามคู่หมั้นไปด้วยความเป็นห่วงโดยไม่ลืมบอกมารดาตัวเองว่าเดี๋ยวเล่าให้ฟัง

ปัง!

ประตูปิดใส่หน้าดีแลนพอดีตอนที่อยู่หน้าห้อง

ลอร์ดเซอร์ราโนค่อยๆ เปิดประตูบานใหญ่เข้าไปก่อนจะพบกันราชาแวมไพร์ที่ซุกหน้าลงกับเตียงนอน

ดีแลนก้าวเข้าไปหาช้าๆ ก่อนจะจับต้นแขนคนตรงหน้าไว้เป็นเชิงว่าเขาอยู่ตรงนี้นะ

โนอาห์ยังนอนหันหลังอยู่นิ่งๆ ความรู้สึกเจ็บยังคงอยู่เพียงแต่เขารู้ดี…

รู้ดีว่าแผนการของราชามังกรเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

อีกไม่นานเขากับดีแลนคงได้รับเชิญให้ไปเข้าที่ประชุมสภาของแดนมนุษย์หรืออาจจะเป็นสภาสิบสามเผ่าเพราะไม่มีทางมีใครยอมแน่ถ้าคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโนจะเป็นคนจากเผ่าอื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแวมไพร์หรือราชาแวมไพร์เลย

แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น

เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน…

เหนื่อยจนไม่อยากจะตื่นขึ้นมา...

เหนื่อยจนอยากจะหลับใหลไปอีกรอบ...

 





ราชาแวมไพร์ คนคนเดียวที่มีอำนาจเหนือแวมไพร์ทุกตนที่อยู่บนโลกใบนี้ เพียงคำสั่งเดียวก็สามารถสั่งให้แวมไพร์สละชีวิตตนเองได้ แต่จะเป็นแวมไพร์ธรรมดาหรือราชาแวมไพร์ก็ตาม สิ่งหนึ่งที่มีร่วมกันคือการชอบของสวยๆ งามๆ ชอบเก็บสมบัติของตัวเองอย่างหวนแหน

โนอาห์ลูบไข่มุกเม็ดใหญ่ที่ฝังอยู่บนบัลลังก์ของเขาอย่างพอใจ เพียงเท่านี้บัลลังก์ของเขาก็จะลอยได้

ราชาแวมไพร์ชื่นชมบัลลังก์เวอร์ชั่นใหม่ของตัวเองสักพักก่อนที่แวมไพร์ตนหนึ่งจะเข้ามา

“ฝ่าบาท ท่านโจเซฟมาหา”

โนอาห์พยักหน้าเป็นเชิงให้พาคนคนนั้นเข้ามาได้

“โนอาห์…” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพาให้โนอาห์ละความสนใจจากไข่มุกเม็ดงามไปที่คนที่มาใหม่

“โจเซฟ ว่างมาหาข้าหรือ ไม่ใช่ว่าแดนมังกรมีกบฏหรือไง”

ราชามังกรหัวเราะเสียงดังแต่แววตาไม่ได้หัวเราะไปด้วย

“ข้าจัดการได้น่า ช่วงนี้ดราโกเอาแต่บ่นว่าเจ้าไม่ไปเล่นกับเขาบ้างเลย”

“เด็กมังกรพลังงานเยอะขนาดนั้น คนแก่อย่างข้าตามไม่ทันหรอก”

“หึ ไม่จริงหรอก เจ้าทำให้ดราโกร้องไห้ตั้งหลายรอบ”

โนอาห์ถอนหายใจก่อนถาม

“แล้วนี่ตกลงเจ้ามาทำไมกัน”

ราชามังกรโจเซฟหัวเราะอีกรอบแต่คราวนี้ดูจริงใจกว่าก่อนเขาจะใช้มือจับผมอีกฝ่ายไปทัดหูอย่างอ่อนโยน

“ข้าจะมาหาคนรักตัวเองไม่ได้หรือไงกัน”

โนอาห์มองตรงไปข้างหน้าทำให้โจเซฟไม่ได้เห็นว่าโนอาห์รู้สึกอย่างไรกับคำพูดนั้น

 





โนอาห์ไม่เคยมีเพื่อน ไม่เคยมีคนที่อยู่ข้างๆ เขา มีแค่คนที่อยู่ต่ำกว่าเท่านั้น แวมไพร์ทุกตนล้วนถูกสอนโดยสัญชาตญาณให้เคารพราชาแวมไพร์ ดังนั้นคนที่จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดได้จึงเป็นคนจากเผ่าพันธุ์อื่น

และเผ่าพันธุ์ที่ไม่เคยกลัวแวมไพร์เลยก็มีอยู่เผ่าพันธุ์เดียว

มังกร…

ราชาแวมไพร์กับราชามังกรรู้จักกันมาหลายปีแล้ว

โนอาห์รู้ดีว่าโจเซฟไม่เคยคิดกับตนแค่เพื่อนเหมือนที่ตัวเองคิด

เพียงแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะกลัวจะเสียเพื่อนคนแรกและคนเดียวไป

พอสุดท้ายราชามังกรมาสารภาพเขาก็ตกลงคบด้วย

เพราะกลัวจะเสียเพื่อนคนนี้ไปอีกเช่นเดียวกัน…

แต่บางทีสำหรับราชาแวมไพร์โลภมากแบบเขาก็ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำจิตใต้สำนึก

เอ็นหัวใจมังกร…

วัตถุดิบหายากและมีค่ามากไม่น้อยไปกว่าเลือดของราชาแวมไพร์

ทุกๆ ครั้งที่โนอาห์เห็นโจเซฟ เขาจะนึกถึงเอ็นหัวใจที่ฝังไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายของราชามังกรอย่างไม่สามารถช่วยได้

สุดท้ายแล้วความคิดอยากครอบครองของมีค่านั้นก็อยู่เหนือกว่าเหตุผล ความเป็นเพื่อน หรือความเป็นคนรัก

ยิ่งเมื่อโนอาห์รู้ว่ามีวิธีเอาเอ็นหัวใจออกมาแบบไม่ทำให้มังกรตัวนั้นตาย ความต้องการยิ่งมีมากขึ้นเมื่อเขาคิดว่าเขาสามารถได้ทั้งสองอย่าง ทั้งเอ็นหัวใจและความสัมพันธ์ครั้งนี้

แต่ทุกอย่างเมื่อทำจริงมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่วางแผนไว้

คืนนั้นเป็นคืนวันแรม คืนที่แวมไพร์มีพลังสูงสุด ต่างจากมังกรที่มีพลังต่ำสุด

กรงเล็บแหลมคมของราชาแวมไพร์ค่อยๆ เลาะกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกของคนที่นอนหลับสนิท ถ้าจะพูดให้ถูกคือถูกทำให้สลบมากกว่า

เขาเห็นมันแล้ว…

หัวใจของราชามังกรที่กำลังเต้นตุ้บๆ เป็นปกติเหมือนเจ้าของไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

ผิดกับหัวใจของโนอาห์ที่กำลังเต้นเร็วด้วยความกลัวอะไรหลายๆ อย่าง

สายตาของโนอาห์กวาดไปทั่วอย่างรวดเร็วก่อนจะเจอกับเส้นยาวที่พันอยู่ที่ปลายหัวใจ มันเรืองแรงสีเขียวมรกตเหมือนเชิญชวนให้มีคนมาแย่งชิงมันไป

เล็บคมค่อยๆ เลาะเส้นนั้นออกจากหัวใจ มือขาวสั่นนิดๆ แต่ก็ยังเฉือนเอ็นหัวใจออกมาได้อย่างแม่นยำ

ทันใดนั้นหัวใจสีแดงคล้ำก็เต้นรัวเร็วขึ้นพร้อมๆ กับเสียงที่ดังขึ้นเหนือศีรษะของราชาแวมไพร์

“นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ!”

โนอาห์เด้งตัวขึ้นมาทันที ดวงตาสีแดงสบกับดวงตาของราชามังกร

ความตื่นตระหนกแล่นปราดไปทั่วสันหลังของราชาแวมไพร์ อุณหภูมิเลือดในกายตกลง

จิตใต้สำนึกสั่งให้แก้ปัญหาสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด

มือขาวหยิบมีดสั้นเล่มงามที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนข้างประดับเตียงแล้วปักเข้าไปในหัวใจที่กำลังเต้นตุ้บๆ อยู่ตรงหน้า!

“อั่ก!”

โนอาห์หายใจแรง มือไม้สั่นกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไป ดวงตาสีแดงสะท้อนภาพมือที่เปื้อนเลือดชุ่มไปทุกอณู

“ข้า… ข้าไม่ได้ตั้งใจ” เสียงที่โนอาห์เอ่ยออกไปเต็มไปด้วยความกลัวและตื่นตระหนก มือขาวพยายามจะเอามีดสั้นที่ตัวเองปักลงไปออก

แต่แค่เขาแตะเพียงนิดเดียว เลือดสีเข้มก็ไหลออกมาอีกระลอกใหญ่

ราชาแวมไพร์ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

“ไม่เป็นไร โนอาห์ ไม่เป็นไร” เสียงทุ้มพูดอย่างอ่อนโยน มือใหญ่พยายามเอื้อมมาประคองใบหน้างามที่เปียกชื้นจากเหงื่อและของเหลวอย่างอื่นที่ไหลออกมาจากดวงตา

“ข้า.. ข้า..”

“ชู่ว ไม่ร้องเด็กดี” โจเซฟพยายามปลอมคนที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก

“ฮึก…”

“ไม่เป็นไร โนอาห์ ไม่เป็นไร ข้าให้เจ้าได้ทะ.. ทุก.. อย่าง”

พยางค์สุดท้ายออกจากปากราชามังกรเป็นเวลาเดียวกับที่มือหนาที่ลูบไล้แก้มขาวอยู่ตกลงมาข้างตัว

“จะ.. โจเซฟ… โจเซฟ!” ราชาแวมไพร์เรียกชื่อคนที่ไม่อยู่ตรงนั้นแล้วเหมือนว่าเขายังมีความหวังอยู่

แต่เพียงไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าคนตรงหน้าไปเสียแล้ว… เพราะ… เขา...

“อ้ากกกก!”

โนอาห์กรีดร้อง

นี่เขาทำอะไรลงไป!

 

“สวัสดีท่านราชาแวมไพร์ ข้าโจเซฟแห่งเผ่ามังกร”

“อืม สวัสดีเช่นกัน ข้าโนอาห์”

 

“แดนมังกรนี่ช่างงดงามเสียจริง ต้นไม้เขียวไปหมด”

“แดนแวมไพร์ของเจ้าก็งดงามไม่แพ้กัน หิมะสีขาวดูแล้วช่างบริสุทธิ์ยิ่งนัก”

 

“ดราโกมากวนเจ้าอีกแล้วหรือ”

“ใช่ เจ้าสั่งสอนลูกเจ้าหน่อยก็ดีนะ มากรีดเลือดตัวเองต่อหน้าแวมไพร์แบบนี้ ไม่รู้คิดอะไรอยู่”

“ฮ่าฮ่า ดราโกเขาชอบเจ้านะโนอาห์”

 

“โนอาห์ ข้ารักเจ้านะ”

“ขะ… ข้า… ข้าก็รักเจ้าเหมือนกัน”

“ห๊ะ! จริงหรือ เจ้าอย่าล้อข้าเล่นนะ”

 

“โนอาห์”

“หืม”

“เจ้าช่วยเป็นพ่ออีกคนของดราโกได้ไหม”

 

“แล้วถ้ามีใครลอบเข้ามาในห้องนอนเจ้า เจ้าจะทำอย่างไรเนี่ย”

“นี่ไง ข้ามีมีดสั้นเล่มหนึ่งซ่อนเอาไว้ตรงนี้…”

 ----------------------

ขอถามสั้นๆ ว่าพีคมั้ยยยย

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ลอร์ดเซอร์ราโนได้แต่เดินวุ่นอยู่ภายในห้องนอนห้องใหญ่ของตัวเองกับคู่หมั้น

โนอาห์หลับไปนานแล้ว

นานถึงสามวัน…

เพนนีบอกกับลูกชายว่าราชาแวมไพร์เพียงแค่หลับใหลไปเท่านั้น ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าเขาอยากตื่น เขาก็จะตื่นขึ้นมาเอง

ดีแลนทวนคำคนเป็นมารดา

ถ้าเขาอยากตื่น…

แล้วถ้าโนอาห์ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกล่ะ?

จริงๆ แล้วดีแลนไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำเพราะสภาของแดนมนุษย์เรียกเขาไปประชุมด่วนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องคู่หมั้นของเขาถึงแม้ว่าในจดหมายจะไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไรก็ตาม

กฎหมายของแดนมนุษย์เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าคนที่เป็นลอร์ดและคู่ชีวิตจะต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น ไม่ใช่เผ่าพันธุ์อื่น ยิ่งเป็นแวมไพร์ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่

ดีแลนรู้ซึ้งแล้วว่าทำไมมารดาของตนถึงยอมเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมนุษย์ เพราะบิดาของเขาไม่ใช่ตาสีตาสาที่ไหนแต่เป็นถึงลอร์ดเซอร์ราโนคนก่อน

บางทีถ้าเขาไม่ได้เป็นลอร์ด ชีวิตอาจจะง่ายขึ้น

ดีแลนส่ายหัวให้ความคิดบ้าๆ ออกไปจากหัว

เขาเกิดมาในตระกูลนี้

เขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อตระกูล

รวมถึงเรื่องที่เขาทำผิดต่อกฎด้วย

 





“ตื่นเถอะ เด็กน้อย”

“...”

“เวลาของเจ้ามาถึงแล้ว”

“...”

“เจ้าอยากจะปล่อยเขาไปหรือ”

โนอาห์ที่เพิ่งได้สติตอบเสียงที่อยู่ในหัวเขากลับไปอย่างงุนงง

“ท่านเป็นใคร”

ตอนนี้เขามองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ร่างกายเขาก็ไม่รู้สึก แต่การรับรู้ในหัวของเขายังคงมีอยู่

“อ่า เจ้าไม่รู้จักข้าหรอกหรือ ข้าคือราชาแวมไพร์”

ถ้าตอนนี้โนอาห์มีร่างกายเขาคงห้ามไม่ได้ไม่ให้ขมวดคิ้วกับคำตอบ

“ราชาแวมไพร์? ข้าต่างหากคือราชาแวมไพร์”

“ใช่ เจ้าก็คือราชาแวมไพร์เหมือนกับข้า”

“เป็นไปไม่ได้ ราชาแวมไพร์มีคนเดียว”

“นั่นก็ถูกอีก ราชาแวมไพร์มีได้แค่คนเดียว…”

“แล้ว..”

“...ต่อรุ่น”

โนอาห์พลันเข้าใจในทันที

“ท่านคือราชาแวมไพร์คนก่อน?”

“ถูกต้องแล้ว”

“ท่านคือบิดาของข้า?”

“อันนี้ไม่ถูกต้อง เจ้าก็น่าจะรู้ว่าราชาแวมไพร์ไม่ได้เกิดแบบปกติเหมือนคนอื่นๆ”

ความหวังริบหรี่ในใจโนอาห์ที่ว่าตัวเองอาจจะมีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ ดับวูบลงทันที

“แล้วท่านมาหาข้าทำไม”

“เจ้าหลับไปนานเกินไปแล้ว”

“ข้าหลับไปกี่วัน”

“เจ็ดวันแล้ว เป็นระยะเวลาเดียวกับที่เจ้าลอร์ดนั่นกินไม่ได้นอนไม่หลับ”

“...”

“โนอาห์ เจ้าไม่อยากกลับไปหาเขาหรือ”

“ทำไมท่านถึงคิดว่าข้าอยากกลับไปหาเขา”

“แผลเป็นสองจุดที่หน้าอกข้างซ้ายของเจ้ายังยืนยันได้ไม่พออีกหรือ”

“...”

“เอาเถอะ เจ้าไม่อยากตอบก็ตามจะ…” ยังไม่ทันที่ราชาแวมไพร์คนก่อนพูดจบ โนอาห์ก็พูดสวนขึ้นมาก่อน

“ข้าทำผิดหรือไม่”

“หืม…?”

“เรื่องราชามังกรตนนั้น ข้าทำผิดหรือไม่”

ถึงจะไม่ถาม โนอาห์ก็รู้คำตอบนั้นอยู่แก่ใจตนเองดี

“เจ้าทำอะไรผิดล่ะ” ราชาแวมไพร์คนก่อนถาม

“ข้าฆ่าเขา! ท่านได้ยินไหมว่าข้าฆ่าเขา!”

“เด็กน้อย เจ้าเป็นคนพูดเองว่าเจ้าชดใช้ความผิดของเจ้าไปแล้ว แปดร้อยปีที่เจ้าทรมานยังไม่พออีกหรือ”

โนอาห์หวนนึกไปถึงช่วงเวลาก่อนที่อีธานจะเรียกเขาออกมา

ช่วงเวลาที่เขาหลับใหลไปและถูกบังคับให้ฝันถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำๆ วนไปวนมาเป็นเวลาหลายชั่วอายุขัยของมนุษย์

“...” ราชาแวมไพร์ไม่มีอะไรจะพูดต่อ เขาอยากจะโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อว่าเขาชดใช้ความผิดของเขาไปหมดแล้วอย่างที่พูดกับดราโก

แต่สายตาของเด็กคนนั้น เด็กคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้เขารู้ดี

รู้ดีว่าชดใช้ยังไงก็ชดใช้ไม่หมด…

“โนอาห์ ข้ารู้ว่าความรู้สึกผิดยังมีอยู่ในใจเจ้า แต่เจ้าจะจมอยู่กับมันไม่ได้ และข้าก็เชื่อว่าราชามังกรตัวนั้นก็ไม่อยากให้เจ้าจมอยู่กับมันเช่นเดียวกัน”

“แต่ว่าดราโก…”

“เด็กคนนั้นมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะแก้แค้น แต่เจ้าไม่คิดหรือว่าถ้าเขาอยากทำแบบนั้นจริงๆ เจ้าไม่ได้มีชีวิตอย่างสงบสุขมาได้ตั้งหลายเดือนแบบนี้หรอก”

โนอาห์หัวเราะเหอะ เนี่ยน่ะเหรอสงบสุข แต่เขาก็อดเห็นด้วยกับเสียงในหัวไม่ได้ที่ว่าคนที่เป็นถึงราชามังกรถ้าจะคิดแก้แค้นจริงจัง เขาคงได้สู้กันจนตายไปนานแล้ว

“ตกลงเจ้าจะยอมตื่นไหม”

“เดี๋ยวท่านก็รู้”

“ไปทำทุกอย่างให้ถูกต้อง โนอาห์”

 





ดีแลนที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงเห็นทันทีที่เปลือกตาที่ปิดมาตลอดหลายวันค่อยๆ ลืมขึ้น

“โนอาห์!”

“อืม…” ราชาแวมไพร์รู้สึกว่าร่างกายเขามันหนักๆ จากการที่ไม่ได้ใช้งานมาหลายวัน คนที่อยู่ตรงหน้ารีบหาขวดน้ำพร้อมหลอดมาให้เขา

โนอาห์ดูดน้ำเข้าปากที่แห้งผาก

แต่จากการหลับไปนานขนาดนี้ สิ่งที่เขาอยากได้ไม่ใช่น้ำเปล่าไร้รสชาติแบบนี้เสียหน่อย

ดังนั้น ลอร์ดเซอร์ราโนเลยได้สละเลือดเล็กน้อย

“สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” โนอาห์ที่รู้สึกดีขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม

ดีแลนหลบสายตา เพียงเท่านี้ราชาแวมไพรก็รู้แล้วว่ามันคงไม่ดีนัก

“นายนอนพักก่อนเถอะ เพิ่งฟื้นขึ้นมาแบบนี้คงเหนื่อย”

“ดีแลน” โนอาห์เรียกเสียงเข้มเป็นเชิงบังคับ ดีแลนที่ไม่สามารถต้านทานต่อความต้องการของราชาแวมไพร์ได้เลยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ราชาแวมไพร์ฟัง

คฤหาสน์เซอร์ราโนปิดไม่รับคนนอกและเปิดระบบระวังภัยสูงสุดมาได้สักพักแล้ว

สภาทั้งสองสภา สภาแดนมนุษย์กับสภาสิบสามเผ่าล้วนต้องการตัวโนอาห์และดีแลนไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น

เริ่มมีกระแสมวลชนขับไล่คู่หมั้นแวมไพร์ของลอร์ดเซอร์ราโน บางคนถึงขนาดบอกให้ดีแลนเอาคู่หมั้นคนเก่ากลับมาดีกว่า

ที่คาดไม่ถึงคงเป็นกลุ่มแฟนคลับท่านโนอาห์ที่ยังอยู่อย่างเหนียวแน่นคอยให้ข่าวเข้าข้างราชาแวมไพร์

รวมถึงเผ่ามนุษย์หมาป่าด้วย

แต่ที่น่าตกใจที่สุดคงเป็นแดนแวมไพร์ที่เริ่มมีความเคลื่อนไหว เครื่องมือตรวจสัญญาณเวทของชายแดนมนุษย์ติดกับแดนแวมไพร์ตรวจจับพลังเวทระดับสูงมาได้หลายวันแล้ว ชวนให้ทุกคนหวาดกลัวว่าแดนแวมไพร์จะเคลื่อนไหวยังไงเมื่อรู้ว่าคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโนเป็นพวกตัวเอง

อย่างไรก็ตาม โนอาห์รู้ดีว่าแวมไพร์ในแดนแวมไพร์รู้ว่าตั้งนานแล้วว่าราชาแวมไพร์ตื่นจากการหลับใหลแล้วเพราะแวมไพร์ทุกตนล้วนรู้สึกได้เวลามีคนเรียกราชาแวมไพร์ แถมยังมีใบหน้าเขาเด่นหราบนหนังสือพิมพ์อยู่หลายฉบับ แวมไพร์ซึ่งมีอายุยาวนานพอล้วนบอกได้อยู่แล้วว่าเขาเป็นราชาแวมไพร์ เพียงแต่เขายังไม่ได้มีคำสั่งใดๆ แวมไพร์ทั้งหลายเลยไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แต่พอแดนมนุษย์รวมถึงแดนอื่นๆ เริ่มมีท่าทีไม่เป็นมิตรต่อราชาแวมไพร์ของพวกเขา แวมไพร์ทั้งหลายเลยเตรียมพร้อมไว้เผื่อว่าราชาของพวกเขาจะเรียกกะทันหัน

“แล้วนายจะเอายังไงต่อ” พอเล่าจบดีแลนก็ถามคนตรงหน้า

“สภาเรียกหาฉันไม่ใช่เหรอ ก็ไปสิ” โนอาห์ตอบเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ

“พวกเขาจะสอบสวนนายนะ”

“ก็สมควร…”

ดีแลนถอนหายใจ เขาไม่รู้เลยว่าราชาแวมไพร์คิดอะไรอยู่ คนตรงหน้าเหมือนไม่อยากปิดอะไรอีกต่อไปแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

เหมือนกับว่ายอมแพ้แล้ว…

โนอาห์ตกใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆ วงแขนกว้างก็โอบรอบตัวเขาแน่น

ความอบอุ่นจากอ้อมแขนแทรกซึมไปทุกตารางนิ้วของผิวหนัง

ใครบอกว่าราชาแวมไพร์ให้ความอบอุ่นได้คนเดียว

แวมไพร์ธรรมดาอย่างคนตรงหน้าก็ทำได้...

“ดีแลน” ราชาแวมไพร์เรียกเสียงเบา

“โนอาห์ ฉันรักนายนะ” ลอร์ดเซอร์ราโนกระซิบลงที่ข้างหู

โนอาห์รู้สึกว่าเปลือกตาตัวเองเปียกชื้นแปลกๆ เมื่อได้ยินว่าคนตรงหน้าพูดอะไรออกมา

เขาอาจจะได้ยินประโยคนี้เป็นครั้งที่สองในชีวิต

แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเขาล้วนต่างกันอย่างสิ้นเชิง

และเป็นอีกครั้งที่โนอาห์รู้แก่ใจตัวเองดีว่า

ลอร์ดเซอร์ราโนตรงหน้าเอาหัวใจของเขาไปหมดแล้วพร้อมกับเลือดทั้งตัวของเขาด้วย

 ----------------------------

โนอาห์คนปากแข็งไม่บอกง่ายๆ หรอกจร้าาา ><

ออฟไลน์ love AJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2

ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากเห็นโนอาห์แสดงความเป็นราชา  :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

บรรยากาศภายในสภาที่แดนเฟย์เป็นไปอย่างที่คิด

ตัวแทนของแต่ละเผ่ามองมาที่ราชาแวมไพร์ที่ตอนนี้ไม่ได้ใช้เวทเปลี่ยนรูปลักษณ์แล้วด้วยความสงสัย คาดคะเน และหวาดกลัว

ไม่ได้มีแค่ตัวแทนของแต่ละเผ่าที่มา แต่รวมถึงตัวแทนจากเจ็ดตระกูลอันทรงเกียรติจากแดนมนุษย์ด้วยเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับแดนมนุษย์โดยตรง

คนเดียวที่เข้ามาทักพวกเขาก่อนที่การประชุมมีเพียงสองเดียวคือลอร์ดเฮนสลีย์ พี่ชายคนโตของอเล็กซ์ และเจ้าเอลฟ์ว่าที่หัวหน้าเผ่าเอลฟ์ซึ่งเข้ามาให้กำลังใจโนอาห์จนดีแลนอยากจะถีบมันออกไปไกลๆ

ส่วนราชามังกรผู้เป็นต้นเหตุของทั้งหมดขอตัวไม่มาร่วมการประชุมครั้งนี้ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่

โนอาห์เดินเข้ามาในสภาด้วยกันกับดีแลน

ดีแลนนั่งลงที่เก้าอี้ประจำก่อนที่ป้ายชื่อบนโต๊ะจะปรากฏชื่อลอร์ดเซอร์ราโนเหมือนที่เป็นทุกครั้ง

แต่ทันทีที่โนอาห์นั่งลงข้างๆ ป้ายชื่ออีกอันก็ปรากฏขึ้นข้างหน้ารวมทั้งสิ่งที่สลักอยู่บนนั้นด้วย

‘ราชาแวมไพร์โนอาห์’

ราชาแวมไพร์ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่เพราะเขาไม่ได้อยู่ภายใต้เวทเปลี่ยนรูปลักษณ์แบบครั้งแรกที่เขามาแถมครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรอีกต่อไป

ถ้าราชามังกรอยู่ที่นี่ นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่สภาสิบสามเผ่ามีที่นั่งจนเต็ม

เพียงแต่ว่าพอทุกคนเห็นป้ายชื่อด้านหน้าก็พากันหน้าถอดสีเนื่องจากคนที่อยู่ตรงหน้าทุกคนตอนนี้ไม่ใช่แค่แวมไพร์ธรรมดา

คำว่า ‘แวมไพร์’ กับ ‘ราชาแวมไพร์’ สองคำนี้ช่างให้ความรู้สึกต่างกันยิ่งนัก

อย่างไรก็ตามประธานสภาของเผ่าเฟย์ก็ยังทำหน้าที่ต่อไปได้อย่างเป็นปกติสมกับที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน ถึงแม้อาจจะไม่นานเท่าราชาแวมไพร์ก็ตาม

“ข้าขอทำการเปิดประชุมสภาครั้งด่วนพิเศษมา ณ ที่นี้...” เฟย์ชราพูดเปิดก่อนจะหันมาทางราชาแวมไพร์ “...ขอเชิญท่านราชาแวมไพร์โนอาห์ออกมาด้านหน้าด้วย”

เฟย์ชราเรียกโนอาห์ด้วยชื่อเต็มตามมารยาทในที่ประชุมเพียงแต่ว่าคำว่า ‘ราชาแวมไพร์’ ล้วนทำให้ทุกคนสะดุ้งไปตามๆ กัน

โนอาห์ลุกออกจากที่นั่งตัวเองก่อนเดินออกไปด้านหน้า ดีแลนมองมาอย่างให้กำลังใจ

ที่ประชุมแห่งนี้เป็นสภารูปครึ่งวงกลม ดังนั้นราชาแวมไพร์ที่ยืนอยู่ตรงกลางด้านหน้าเฟย์ชราเลยรู้สึกเหมือนทุกสายตาจับจ้องมาที่ตนเองในทุกทิศทุกทาง

ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเท่าไหร่นัก…

“เอาล่ะ เชิญท่านทั้งหลายถามได้ แต่พึงระลึกไว้เสมอ ท่านโนอาห์ก็มีเกียรติเท่าๆ กับทุกท่าน ณ ที่นี้” ประธานสภากล่าวเตือนด้วยความกลัวว่าจะมีใครพูดอะไรขัดใจราชาแวมไพร์เข้า พวกเขาไม่อาจรับมือกับราชาแวมไพร์ในโหมดอารมณ์เสียได้ ยิ่งนึกถึงฝูงแวมไพร์ที่คนตรงหน้าสามารถเรียกมาได้อีก

แต่ถึงเฟย์เฒ่าจะไม่เตือน ทุกคนในที่ประชุมก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรควรอะไรไม่ควรทำกับคนที่เป็นถึงราชาของเผ่าที่มีความอันตรายระดับเอสบวกบวกบวก

หารู้ไม่ว่าวันนี้โนอาห์ไม่ได้มีอารมณ์มาหาเรื่องกับใครแม้แต่น้อย

คนแรกที่ยกมือคือเสมียนประจำสภา ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะเขาคือคนที่รวบรวมคำถามที่ทุกคนน่าจะถามไว้

“เชิญ” ประธานสภาพูด

“ท่านโนอาห์ ข้าจะขอถามท่านทีละคำถาม บางคำถามอาจจะดูชัดเจนอยู่แล้ว แต่ก็อยากให้ท่านตอบเพื่อยืนยันอีกรอบ ดังนั้นโปรดตอบตามความเป็นจริงด้วย” ชายวัยกลางคนดูคงแก่เรียนพูดขึ้นตามธรรมเนียม

ราชาแวมไพร์พยักหน้าเป็นเชิงตกลงและให้ถามได้เลย

ลอร์ดเซอร์ราโนกระสับกระส่ายอยู่ที่ที่นั่งตัวเอง

ผลของการประชุมครั้งนี้ยังไงก็ต้องมีผลกระทบกับชีวิตพวกเขาทั้งคู่แน่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

“ทำไมท่านถึงสามารถพูดภาษามังกรได้” คำถามแรกถูกถามขึ้น

โนอาห์ตอบตามความเป็นจริง

“ก็อย่างที่ทุกท่านในที่นี้เห็น ข้าเป็นราชาแวมไพร์”

“ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาท่านทำอะไรบ้าง”

โนอาห์โคลงหัวก่อนตอบ

“ไม่ได้อะไรมาก ส่วนใหญ่ก็นอน” ราชาแวมไพร์ตอบตามความเป็นจริงเพราะถ้านับกิจกรรมทั้งหมดในช่วงแปดร้อยมีที่ผ่านมาเป็นการนอนหลับใหลไปสักเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์

“ต่อจากนี้ท่านมีแผนการจะทำอะไร”

โนอาห์กรอกตา

“ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ”

“ความเคลื่อนไหวที่แดนแวมไพร์มีจุดประสงค์อะไร”

“ข้าไม่รู้หรอก ข้าไม่ได้เป็นคนสั่ง แต่ถ้าพวกท่านไม่สบายใจ ข้าสามารถสั่งให้พวกเขากลับไปอยู่เงียบๆ แบบเดิมได้”

ที่ประชุมค่อนข้างแปลกใจกับการให้ความร่วมมือและความเป็นมิตรเป็นพิเศษจากราชาแวมไพร์

และแล้วก็มาถึงคำถามที่โนอาห์รู้ว่าอย่างไรก็คงต้องถูกถาม

“ความสัมพันธ์ของท่านกับลอร์ดเซอร์ราโนคืออะไรกันแน่”

ผู้ชมทุกคนนิ่งเงียบคอยฟังว่าโนอาห์จะตอบคำถามนี้อย่างไร

“ข้าเป็นคู่หมั้นของเขา เขาเป็นคู่หมั้นของข้า”

“ท่านทราบหรือไม่ว่าตามกฎหมายของแดนมนุษย์แล้ว คู่ชีวิตของคนเป็นลอร์ดต้องเป็นเผ่ามนุษย์เท่านั้น”

“ข้าทราบดี”

“ข้ามีคำถามเพียงเท่านี้ เชิญท่านทั้งหลายถามต่อได้เลย” เสมียนนั่งลงประจำโต๊ะของตัวเองเป็นสัญญาณว่าเขาได้ถามคำถามที่อยู่ในลิสต์ไปหมดแล้ว

โนอาห์กวาดตามองไปทั่วห้องประชุม แต่ละคนล้วนเสียวสันหลังไปตามๆ กันเมื่อดวงตาสีแดงสดจับจ้องอยู่

“พวกท่านมีคำถามอะไรต่อหรือไม่” เฟย์ชราเอ่ยขึ้นเมื่อที่ประชุมยังคงเงียบอยู่ ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ เพิ่มเติม

ทันใดนั้นก็มีมือมือหนึ่งชูขึ้นจากทางโต๊ะยาวของเจ็ดตระกูลอันทรงเกียรติ

“เรามีคำถาม”

“เชิญ” เฟย์ชราเอ่ยสั้นๆ

ราชาแวมไพร์จำชายคนนั้นได้ ต้องขอบคุณงานเลี้ยงเปิดตัวครั้งนั้นที่ทำให้เขารู้จักคนใหญ่คนโตของแต่ละเผ่าอย่างเช่น ลอร์ดราฟเฟอร์ตีคนนี้ เป็นต้น

อีกอย่างคือลอร์ดคนนี้คือบิดาของคู่หมั้นคนเก่าของลอร์ดเซอร์ราโนอย่างอลิซาเบ็ธ

ไม่แปลกใจเลยถ้าเขาคนนี้จะอยากเหยียบโนอาห์ให้จมดิน

“ในเมื่อท่านทราบดีว่าตำแหน่งที่ท่านอยู่ในแดนมนุษย์ไม่ได้มีไว้ให้คนนอกเผ่า ท่านจะยอมลงจากตำแหน่งนี้หรือไม่”

ดีแลนจ้องเขม็งไปที่คนถามทันทีก่อนจะหันกลับไปมองโนอาห์ที่ตอนนี้ก็มองมาทางเขาเหมือนกัน

ราชาแวมไพร์ตอบคำถามโดยที่ไม่ได้ละสายตาไปจากดีแลน น้ำเสียงที่ใช้หนักแน่นเหมือนต้องการยืนยัน

“ถ้าท่านหมายถึงตำแหน่งคู่หมั้นของดีแลน ข้าขอตอบว่าไม่”

โนอาห์รู้ดีว่าตัวเองกำลังท้าทายกฎหมายของแดนมนุษย์อยู่ แต่เขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าแดนมนุษย์ไม่มีทางปล่อยเขาให้อยู่ในตำแหน่งนี้แน่ เพราะด้วยฐานะราชาแวมไพร์ของเขาจะทำให้แดนมนุษย์อยู่ในสถานะเมืองขึ้นกลายๆ ต่อแดนแวมไพร์

“ถ้าอย่างนั้นท่านจะทำอย่างไรให้ถูกกฎหมาย และให้ความชอบธรรมกับมนุษย์ทุกคนในแดนมนุษย์”

ราชาแวมไพร์เงียบเพราะรู้ดีว่าทางเดียวที่จะทำให้ถูกกฎหมายก็คือยอมลงจากตำแหน่งคู่หมั้นของลอร์ดเซอร์ราโนซึ่งไม่ใช่ทางเลือกที่เขาจะเลือกตอนนี้แม้แต่น้อยกับอีกทางหนึ่ง…

“หรือว่าท่านจะยอมละทิ้งสายเลือดราชาแวมไพร์ของท่าน”

ทันทีที่ลอร์ดราฟเฟอร์ตีคนนี้พูดจบ ที่ประชุมก็ส่งเสียงตกใจทันทีรวมถึงโนอาห์และดีแลนด้วย

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้ว่าแวมไพร์สามารถละทิ้งสายเลือดตัวเองได้เหมือนที่เพนนี มารดาของดีแลน ทำ

ดีแลนเม้มปากแน่น เขารู้ดีว่าการเปลี่ยนตัวเองจากแวมไพร์มาเป็นมนุษย์ธรรมดาต้องจ่ายมากขนาดไหนจากที่มารดาของเขาเล่าให้ฟัง และแน่นอนว่าเขาไม่อยากให้คนที่เขารักจะต้องผ่านพิธีกรรมที่น่าเจ็บปวดนั้น

โนอาห์ครุ่นคิดในใจ

เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าทางนี้เป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาอยู่ในฐานะคู่หมั้นนี้ได้อย่างมั่นคง ถึงจะไม่ตลอดไป แต่อย่างน้อยก็มั่นคง

เพียงแต่แดนแวมไพร์ก็จะกลายไปแดนที่ไม่มีผู้นำไปตลอดกาลหรือไม่ก็จนกว่าราชาแวมไพร์คนใหม่จะถือกำเนิดขึ้น

และในวินาทีที่ราชาแวมไพร์จะตอบอะไรออกไปนั้นเอง

“ท่านประธานที่เคารพ เรามีอะไรจะพูดเสียหน่อย” ดีแลนยืนขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงอันดังทำให้ทั้งที่ประชุมหันมามอง

เฟย์เฒ่าเอ่ยตอบรับ

“เชิญท่านลอร์ดเซอร์ราโน”

ดีแลนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดในสิ่งที่เขาคิดไว้

“เราขอลงจากตำแหน่งลอร์ดเซอร์ราโนเอง...”

“...!!!” ไม่ใช่แค่ทั้งที่ประชุมตกใจ โนอาห์เองก็ตกใจเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้ว่าดีแลนคิดจะทำอะไรกันแน่

“ท่านประธาน เขาไม่ได้ตะ…” แต่ยังไม่ทันที่โนอาห์จะได้พูดอะไรออกไปได้จบ ดีแลนก็พูดขึ้นอีกประโยคเสียก่อน

“...เพราะว่าเราก็เป็นแวมไพร์เหมือนกัน”

ดีแลนถอนเวทเปลี่ยนรูปลักษณ์ออก เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นแวมไพร์ตั้งแต่สีตาไปจนถึงสีเล็บ

ดีแลนเหมือนได้ยินทั้งที่ประชุมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกัน

“ดีแลน” ราชาแวมไพร์ครางออกมาเบาๆ อย่างนึกไม่ถึงว่าคู่หมั้นของเขาจะตัดสินใจทำอะไรแบบนี้

ประธานสภารีบเข้าควบคุมสถานการณ์ที่เริ่มจะบานปลาย

“ถ้ายังไงขอเชิญลอร์ดเซอร์ราโนมาด้านหน้าด้วย”

ดีแลนเดินออกไปตามคำสั่ง ใช้เวลาไม่นานเขาก็พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ ราชาแวมไพร์เป็นที่เรียบร้อย

โนอาห์ดูจะยังช็อคอยู่ว่าตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นแวมไพร์

“ขอข้าถามหน่อยได้หรือไม่ว่าท่านเป็นแวมไพร์ได้อย่างไรกัน” เฟย์ชราถามในสิ่งที่อยู่ในใจทุกคนตอนนี้ ส่วนลอร์ดราฟเฟอร์ตีดูเหมือนจะอยากนั่งดูอยู่เงียบๆ ก่อน

ดีแลนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตอบ

“โนอาห์เป็นคนเปลี่ยนให้เป็นแวมไพร์...” ดีแลนเว้นไปสักพักก่อนพูดต่อ “...แน่นอนว่าด้วยความเต็มใจ”

ราชาแวมไพร์กรอกตา ก็ต้องด้วยความเต็มใจสิ ไม่งั้นคงนอนเป็นผักไปตลอดกาล

“ถ้าอย่างนั้น ท่านมีข้อเสนออะไรในการจัดการกับปัญหานี้หรือไม่”

“อย่างที่พูดไปตอนแรก เราจะลงจากตำแหน่งลอร์ดเซอร์ราโนเอง อย่างไรเสียคนที่เป็นตัวแทนของเผ่ามนุษย์ก็ควรเป็นมนุษย์ นั่นเป็นเรื่องหนึ่งที่เราเห็นด้วย”

“ข้าคงต้องถามความเห็นกับลอร์ดคนอื่นก่อน”

เฟย์ชราเดินไปที่โต๊ะของท่านลอร์ดต่างๆ

เสียงจอกแจกจอแจปรึกษากันดังขึ้นทั่วห้องประชุมทันที

ทุกคนล้วนแต่คาดคะเนว่าผลสรุปของการประชุมวันนี้จะออกมาแบบไหนและอนาคตทางการเมืองของแดนมนุษย์จะเป็นอย่างไร

ก๊อกๆ

เสียงเคาะค้อนดังขึ้นสองครั้งเป็นเชิงให้ทุกคนเงียบ เห็นได้ชัดว่าท่านประธานได้ข้อสรุปจากท่านลอร์ดทั้งหลายแล้ว

เฟย์ชรามองคนทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองก่อนจะพูดเสียงดังให้ทุกคนในที่ประชุมได้ยิน

“ที่ประชุมได้มีมติแล้ว ดีแลน เซอร์ราโนจะถูกถอดถอนออกจากการเป็นลอร์ดและการเป็นตัวแทนของแดนมนุษย์ โดยผู้รักษาการแทนขอให้เป็นตัวแทนคนก่อนหรือลอร์ดเฮนสลีย์ไปก่อนจนกว่าจะมีมติใหม่ เลิกประชุมได้”









เป็นไงบ้างแจ๊ะะะะ

 

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ราชาแวมไพร์ไม่รู้จะใช้คำพูดอะไรอธิบายการกระทำของคนที่ตอนนี้นอนเอกเขนกอยู่ข้างๆ ดี ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวตัดสินใจถาม

“ดีแลน นายทำแบบนี้ทำไมกัน” ดีแลนหรืออดีตลอร์ดเซอร์ราโนเงยหน้าขึ้นจากเอกสารราชการบางอย่างที่เขาต้องทำ

ดวงตาสีฟ้าอมแดงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีแดงสดของฝ่ายตรงข้ามก่อนตอบ

“ฉันไม่อยากให้นายเปลี่ยนเป็นมนุษย์แล้วก็ไม่อยากถอนหมั้นด้วย ถ้าตำแหน่งลอร์ดมันแลกได้ ฉันก็ยอมแลก อีกอย่างบางทีฉันก็รู้สึกเหมือนทรยศแดนมนุษย์กลายๆ ที่แวมไพร์อย่างฉันได้ปกครองแดนมนุษย์”

โนอาห์พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แต่อย่างสุดท้ายที่ดีแลนบอก เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนตรงหน้าจะมีความรู้สึกแบบนี้

“ฉันขอโทษ” ราชาแวมไพร์กล่าว

ดีแลนเลิกคิ้ว

“ขอโทษเรื่องอะไรกัน”

“ที่เปลี่ยนนายเป็นแวมไพร์”

“ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ถ้านายไม่เปลี่ยน ฉันก็คงนอนเป็นผัก”

“แต่มันทำให้นายเสียตำแหน่งลอร์ดไป”

ดีแลนถอนหายใจ

“โนอาห์…” อดีตลอร์ดเซอร์ราโนเรียกพร้อมกับเอามือของฝ่ายตรงข้ามมากุมไว้ “...ฉันเห็นนะว่านายกำลังยอมจะละทิ้งตำแหน่งราชาแวมไพร์ไป นายกำลังยอมจะเสียสละเพื่อฉันและเพื่อสถานะของพวกเรา แต่ว่านายช่วยฉันมากหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ขอเป็นฉันที่ช่วยนายบ้างได้ไหม”

โนอาห์รู้จะตอบอะไรไปนอกจาก…

“อือ….”

ดีแลนเบิกตาเล็กน้อยอย่างไม่คาดคิดกับสัมผัสบางเบาที่ข้างแก้มหลังจากเขาเอ่ยจบ

ราชาแวมไพร์รู้ดีว่าที่คนตรงหน้าพูดประโยคนั้นออกมาเมื่อคืนไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

มันเป็นเรื่องจริง… ความรู้สึกของดีแลนเป็นเรื่องจริง… จริงพอๆ กับความรู้สึกในใจเขาตอนนี้…

“ดีแลน…” โนอาห์เอามือไปจับที่ต้นคอของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนพูดต่อ “...ฉันก็รักนายนะ”

ดวงตาของดีแลนยิ่งเบิกกว้างขึ้นไปอีกกับประโยคที่เขาคอยถาม คอยรอคอยมาตลอด

ดีแลนรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงจนจะออกจากอก มือใหญ่โอบคนตรงหน้าเข้ามากอดอัตโนมัติ

เขาจึงรู้…

...รู้ว่าอีกคนก็ใจเต้นแรงไม่แพ้กัน

 





หนังสือพิมพ์ของเช้าวันต่อมาอุทิศครึ่งฉบับไปกับข่าวของโนอาห์และดีแลน ทั้งเรื่องที่โนอาห์เป็นราชาแวมไพร์และเรื่องที่ดีแลนก็เป็นแวมไพร์เช่นเดียวกันและยอมลงจากตำแหน่งลอร์ดเซอร์ราโน

ดีแลนรู้ดีว่าพ่อแม่ของเขาคงทราบเรื่องทั้งหมดจากหนังสือพิมพ์แล้วถึงแม้เขาจะไม่ได้เล่าอะไร แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพนนีก็ยังคงเอามาอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ทุกคนเหมือนเดิม อีธานก็จิบกาแฟยอมเช้าเหมือนเดิม ไม่มีใครมีท่าทีอยากพูดถึงเรื่องในหนังสือพิมพ์สักเท่าไหร่

แต่สุดท้ายดีแลนก็ทนไม่ไหว

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข่าววันนี้เป็นยังไงบ้าง”

ทั้งคู่เงยหน้าจากสิ่งที่ตัวเองกำลังทำมามองหน้าลูกชายคนเดียว

อีธานตอบสั้นๆ แค่ว่า

“ก็ดี”

ดีแลนกรอกตาในใจ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ไม่ได้อยากสนทนาเรื่องนี้มากนัก แต่ในใจของดีแลนกลัว… กลัวว่าครอบครัวจะผิดหวังในตัวเขาที่ทำให้ตระกูลเซอร์ราโนสูญเสียความเป็นลอร์ดไปตลอดกาล

“ดีแลน…” เพนนีเรียกคนเป็นลูกชายอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพูดประโยคที่ลบล้างความกลัวในใจของดีแลนไปหมดสิ้น “...พ่อกับแม่ภูมิใจกับสิ่งที่ลูกเลือกนะ”

“ท่านแม่…” ดีแลนคราง

“อย่างที่แม่เขาพูด พวกเราเห็นด้วยว่าลูกตัดสินใจได้ดีแล้ว” อีธานกล่าว

“ผมไม่ได้ทำให้ตระกูลเราตกต่ำลงใช่ไหม”

อีธานเลิกคิ้วเป็นเชิงแปลกใจกับคำถาม

“ตกต่ำ? ไม่มีทาง เซอร์ราโนก็ยังคงเป็นเซอร์ราโนถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งลอร์ด ยิ่งลูกเป็นแวมไพร์แถมมีคู่หมั้นเป็นถึงราชาแวมไพร์ พ่อว่าชื่อเซอร์ราโนน่าจะดังไปไกลกว่าที่เคยเป็นอีก” อีธานตอบตามที่ตัวเองคิดจริงๆ

ดีแลนคิดตามก่อนจะตระหนักว่าที่บิดาพูดฟังดูมีเหตุผล

“อีกอย่างนะดีแลน…” คราวนี้เป็นเพนนีที่พูดกับลูกชายบ้าง “...แม่รู้ดีว่าลูกคิดกับโนอาห์อย่างไร การทำตามหัวใจแบบนี้ ไม่ผิดหรอก”

ดีแลนรู้ดีว่าเขามีพ่อแม่ที่วิเศษที่สุดในโลก…

 





ราชาแวมไพร์ที่เพิ่งบอกความในใจไปเมื่อคืนกลับเป็นคนที่ไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่าย

เมื่อเช้าโนอาห์ก็รอให้ดีแลนตื่นแล้วลงไปก่อนถึงจะลึกจากที่นอน แถมยังไม่กล้าลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องนั่งเล่น ได้แต่หลบเลี่ยงไปที่สวนในคฤหาสน์ ที่ประจำที่เขาชอบมา

ให้ตายเถอะ…

โนอาห์สัมผัสได้เลยว่าหลายชั่วโมงที่ผ่านมานี้ เขาหน้าแดงไปหลายครั้งมากเพราะเอาแต่คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวนไปวนมา

นี่มันอาการสาวน้อยวัยแรกแย้มชัดๆ!

ราชาแวมไพร์แบบเขาไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ

“เฮ้อ…” โนอาห์ถอนหายใจเมื่อเขาคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอีกแล้วโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังคิดถึงอยู่มาอยู่ข้างๆ

“เอ๊ะ!” ราชาแวมไพร์อุทานด้วยความตกใจเมื่อดีแลนนั่งซ้อนลงด้านหลังเขาแล้วเอาคอมาเกยไหล่

เจ้าแวมไพร์นี่ชักจะได้ใจเข้าไปทุกที!

แต่โนอาห์ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร

“ทำไมไม่ไปทานข้าว”

“ก็ไม่หิว”

ดีแลนขมวดคิ้ว

“นายอยากดื่มเลือดหรือเปล่า”

“ดีแลน…” โนอาห์ไม่ตอบแต่เรียกอีกฝ่ายแทน

“หืม” ดีแลนตอบรับพร้อมกับเอามือไปเกี่ยวผมยาวของคนตรงหน้าเล่น

“ฉะ…”

แต่ยังไม่ทันให้โนอาห์ได้พูดอะไร เงาใหญ่ก็ปรากฏขึ้นกลางฟ้าบดบังแสงที่ส่องลงมา

ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจว่าสิ่งใดกันที่อยู่บนหัวพวกเขา

“อ่า…” ราชาแวมไพร์ครางออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไร

มันคือราชามังกรสีแดง

ไม่ทันกระพริบตาร่างมังกรนั่นก็เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์ธรรมดาอยู่ด้านหน้าคนทั้งคู่ ทันทีที่เท้าของดราโกสัมผัสกับพื้น สัญญาณเตือนว่ามีคนบุกรุกคฤหาสน์ก็ดังขึ้น

ราชามังกรขมวดคิ้วกับเสียงที่น่ารำคาญ ส่วนโนอาห์กับดีแลนตอนนี้อยู่ในโหมดระแวดระวังโดยสมบูรณ์

อีธานกับเพนนีวิ่งมาที่สวนในคฤหาสน์อย่างรีบร้อนหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณ

“สวัสดี” ดราโกเป็นฝ่ายเอ่ยอะไรออกมาก่อน

แต่ก็ไม่มีใครตอบอะไรออกไปด้วยยังคงดูท่าทีอยู่ว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน

ดราโกเลิกคิ้ว

“พวกท่านจะไม่เชิญแขกไปนั่งดีๆ หน่อยเหรอ”

“เผื่อท่านไม่ทราบ แขกเขาเข้ากันทางประตูคฤหาสน์” ดีแลนตอบกลับ

ดราโกโครงหัว

“ข้าแค่จะมาเคลียร์เรื่องราวทั้งหมดเท่านั้น” ราชามังกรพูดพร้อมมองไปทางคนเป็นราชาอีกคนหนึ่ง

โนอาห์ก็มองกลับอย่างไม่ละลดเช่นเดียวกัน

“อีกอย่าง ท่านไม่อยากรู้หรือว่า คู่หมั้นของท่านมีความสัมพันธ์ใดกับข้ากัน”

ดีแลนกัดฟันแน่น สมมติฐานของเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ไหลกลับเข้ามาในหัว

โนอาห์รู้ดีว่าราชามังกรตรงหน้ากำลังใช้ภาษาเพื่อยั่วยุให้ดีแลนคิดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เขาจึงพูดต่อ

“จะเคลียร์เรื่องอะไรกันล่ะ ‘เจ้าลูกชาย’ ”

ราชาแวมไพร์สัมผัสได้ถึงระลอกความตกใจที่ออกมาจากดีแลน เพนนี และอีธาน

ส่วนราชามังกร เมื่อเขาได้ยินประโยคนั้นถึงกับระเบิดออกมา

“ข้าไม่ใช่ลูกท่าน!”

“จริงเหรอ ได้ข่าวว่าเราทำสัญญากันชัดเจนนะ”

“ข้าฉีกสัญญานั้นไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว…” ดราโกจ้องเขม็งไปที่ราชาแวมไพร์ “...วันที่เจ้าฆ่าท่านพ่อของข้า!”

 





โอเค อย่างน้อยตอนนี้สมมติฐานที่อยู่ในใจดีแลนก็ตกไปเป็นที่เรียบร้อย จากบทสนทนาแล้ว โนอาห์กับดราโกไม่มีทางมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันแน่นอน แต่นั่นยิ่งทำให้ทุกคนอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นระห่างคนสองคนนี้กันแน่

“ดราโก เจ้าต้องการอะไรกันแน่” โนอาห์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขารู้และยอมรับว่าการกระทำที่ตนทำไปเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย เพียงแต่เขาก็เห็นด้วยกับราชาแวมไพร์คนก่อนเช่นกันว่าเขาได้ชดใช้และสำนึกความผิดนั้นแล้ว

ราชามังกรหัวเราะหึในลำคอรู้ดีว่าคำตอบของคำถามนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

“ข้าจะต้องการท่านพ่อของข้า”

“เจ้าก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว” หากดราโกฟังดีๆ น้ำเสียงของโนอาห์เจือไปด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้ของเขาเลย

“ใช่ สุดท้ายยังไงท่านก็ชนะ เพราะสิ่งที่ข้าต้องการมันไม่มีทางได้ แต่สิ่งที่ท่านต้องการมันยังคงมีอยู่!”

ราชามังกรหายตัวไปโผล่ที่ตรงหน้าดีแลนในพริบตา กรงเล็บมังกรที่แหลมคมไม่แพ้ของแวมไพร์จ่ออยู่ที่ต้นคอของดีแลน มืออีกข้างดึงหัวไปข้างหลังเพื่อเผยให้เห็นลำคอมากขึ้น

อีธานกับเพนนีสูดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตกใจแต่ก็ไม่กล้ากระทำอะไรบุ่มบ่าม

“ดราโก!” ราชาแวมไพร์เลือดขึ้นหัวทันทีเมื่อราชามังกรล้ำเส้น

โนอาห์สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมสติแล้วค่อยๆ พูด

“ดราโก ข้ารู้ว่าเจ้าแค้น แต่ว่าข้าชดใช้ความผิดนั้นไปแล้ว เจ้าจะให้อภัยข้าไม่ได้เลยหรือ”

ราชามังกรยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่มีความหมายใดๆ ดูเหมือนว่าคำพูดของราชาแวมไพร์จะไปสะกิดอะไรเข้า

“ให้อภัย? คิดว่าข้าไม่อยากหรือ คิดว่าข้าอยากโกรธท่านหรือ”

“....” โนอาห์ไม่ได้ตอบอะไรออกไป

“ข้าอยากจะก้าวเดินต่อไป โนอาห์ เป็นราชาที่ยิ่งใหญ่ดังที่ได้ให้สัญญาไว้กับท่านพ่อ และไว้กับเจ้า แต่ใจข้ามันกลับเจ็บปวดเหลือเกิน”

ราชาแวมไพร์ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อคนตรงหน้าเริ่มพูดความในใจออกมา

“ดังนั้นข้าจะขอแค่คำตอบสุดท้าย แล้วข้าจะไม่ปล่อยคู่หมั้นของเจ้า แต่เจ้าต้องตอบตามความเป็นจริงเท่านั้น”

โนอาห์มองหน้าดีแลนกับกรงเล็บมังกรที่จ่ออยู่ที่คอหอย ดูเหมือนเขาจะมีทางเลือกไม่มากนัก

“ตกลง”

ราชามังกรเงียบไปสักพักเหมือนกำลังไตร่ตรองก่อนตัดสินใจถามออกไป

“ท่านเคยรักท่านพ่อข้าบ้างหรือไม่ โนอาห์”

โนอาห์สะอึกกับคำถามแต่ก็ตอบตามความเป็นจริง

“ไม่”

ดราโกหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่น่าฟังเอาเสียเลย

กรงเล็บมังกรถูกถอนออกจากลำคอของดีแลนที่ถูกผลักให้ออกไปหาโนอาห์

โนอาห์รีบวิ่งเข้าไปดูคนเป็นคู่หมั้นเพื่อตรวจสอบว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แต่ก็พบแค่รอยข่วนของกรงเล็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดราโกมองไปที่คนทั้งคู่

“สุดท้ายท่านก็เป็นคนที่มีความสุขที่สุด”

ดราโกเค้นยิ้มแล้วแปลงร่างบินออกจากคฤหาสน์ไป

 





หลังจากนั้นก็เป็นคราวของราชาแวมไพร์ที่โดนสอบสวนชุดใหญ่ซึ่งโนอาห์ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตกับทั้งสามคนแต่โดยดี

อย่างไรเสียตอนนี้ทั้งสามคนตรงหน้าเขาก็เป็นเหมือนครอบครัวของเขาไปแล้ว…

“เฮ้อ… ยังดีที่ราชามังกรไม่ได้โกรธเธอมาก ไม่อย่างนั้นแดนมังกรกับแดนแวมไพร์คงได้เปิดฉากสงครามกันแล้ว” อีธานแสดงความคิดเห็นหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ

โนอาห์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

นี่ขนาดไม่โกรธมากนะเนี่ย...

ถึงเขาจะเป็นคนฆ่าพ่อของราชามังกร แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับดราโกก็ไม่ใช่แค่ฉาบฉวย และโนอาห์รู้ดีว่าเด็กคนนั้นยังมีความรักให้เขาอยู่

ฉะนั้นการกระทำที่ผ่านมาจึงเหมือนต้องการเรียกร้องความสนใจมากกว่าบวกกับไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร

เพนนีกับอีธานเดินออกไปแล้ว เห็นบอกว่ามีนัดกับเพื่อน

เหลือก็แต่โนอาห์กับดีแลนสองคน

“นี่… โนอาห์” ดีแลนถามเมื่อทั้งคู่พาตัวเองขึ้นมาถึงที่ห้องนอนเป็นที่เรียบร้อย

“หืม..?”

“ที่นายบอกรักฉันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม ไม่ใช่เหมือนราชามังกรคนก่อนนั่น”

ราชาแวมไพร์เข้าใจแล้วว่าทำไมดีแลนถึงนั่งเงียบมาตลอดหลังจากโนอาห์เล่าเรื่องในอดีตจบ

นี่คงกลัวว่าเขาจะบอกว่ารักเพียงแค่จะยื้อไว้เหมือนที่เขาเคยทำ

ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แม้แต่น้อย…

โนอาห์ถอนหายใจ

“ดีแลน นายยังจำวันที่เจอกับจาเร็ดที่จัตุรัสได้ไหม”

“จำได้สิ ที่นายให้ฉันดื่มเลือดจากหัวใจนายน่ะนะ”

โนอาห์พยักหน้าก่อนเอ่ยในสิ่งที่ทำให้หัวใจของอดีตลอร์ดเซอร์ราโนพองโต

“เลือดจากหัวใจคือสาบานรักของแวมไพร์...”







 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

การถ่ายโอนอำนาจจากตระกูลเซอร์ราโนไปให้ตระกูลเฮนสลีย์เป็นไปได้ด้วยดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะดีแลนยังขึ้นมาเป็นลอร์ดเซอร์ราโนได้ไม่นานและตระกูลเฮนสลีย์เป็นตระกูลที่ครอบครองตำแหน่งลอร์ดวาระที่แล้ว

ปัญหามีก็แต่ผู้คนหลายคนเริ่มมีท่าทีต่อต้านดีแลนและโนอาห์เนื่องจากทั้งคู่เป็นแวมไพร์กับราชาแวมไพร์ แต่ก็ไม่ได้มีใครจะทำอะไรได้มากนักเพราะความกลัวเผ่าพันธุ์ของทั้งสอง

ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มแฟนคลับท่านโนอาห์ที่ดูจะเปลี่ยนเจตนารมณ์กลุ่มเป็นทวงคืนความเป็นธรรมให้แดนแวมไพร์

แต่ก็เอาเถอะ…

อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมายุ่งอะไรกับดีแลนและโนอาห์

 





“ฉันเบื่อ” ราชาแวมไพร์เดินมาตรงหน้าอดีตลอร์ดที่นั่งจัดการเอกสารสักอย่างอยู่

ดีแลนเงยหน้าขึ้นมามองคู่หมั้นที่ตอนนี้หน้าบูดเป็นตูด ซึ่งก็สมควรอยู่เพราะหลายวันมานี้ทั้งสองคนไม่ได้ออกจากเขตคฤหาสน์เลย เหตุผลหลักๆ ก็คืออย่างที่บอกไปแล้ว ถ้าออกไปก็ไม่พ้นถูกมองแปลกๆ หนักสุดอาจมีคนเป็นลมไปต่อหน้า

“ฉันอยากไปตลาด” โนอาห์พูดต่อ

ดีแลนถอนหายใจ

“นายก็รู้ว่าตอนนี้ยังออกไปไหนไม่ได้หรอก”

“ดีแลน พวกเราจะเก็บตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ไปตลอดชีวิตไม่ได้นะ!”

“ฉันรู้ อย่างน้อยก็รอให้เรื่องพวกนี้มันซาๆ ก่อน”

โนอาห์ขมวดคิ้วเหมือนครุ่นคิดสักพักก่อนเสนอ

“ย้ายไปอยู่แดนแวมไพร์กันไหม”

ดีแลนถึงกับต้องวางปากกาที่ถืออยู่เมื่อได้ยินคำถามที่คาดไม่ถึง

โนอาห์รีบพูดต่อ

“ยังไงๆ พวกเราก็เป็นแวมไพร์ อยู่แดนมนุษย์ไปเขาก็ระแวง”

ดีแลนเห็นด้วยกับประโยคที่คนเป็นคู่หมั้นเอ่ยออกมาเพียงแต่ว่าเขายังเป็นห่วง

“แล้วท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ”

โนอาห์เม้มปากก่อนตัดสินใจตอบ

“พาไปแดนแวมไพร์ด้วยก็ได้ ปราสาทฉันมีห้องอยู่ต้องหลายห้อง”

“แล้วแดนแวมไพร์จะปลอดภัยกับมนุษย์เหรอ”

“ถ้าฉันสั่งไม่ยุ่งซะอย่าง ไม่มีใครกล้ายุ่งหรอก” ราชาแวมไพร์เอ่ยแล้วตบบ่าดีแลนเบาๆ

ถึงดีแลนจะไม่เคยคิดไปอยู่แดนแวมไพร์ด้วยคิดว่าแดนมนุษย์คือบ้านของตน แต่พอทุกคนรู้ว่าเขาเป็นแวมไพร์แล้ว เรื่องมันกลับเปลี่ยนไป ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเขาไม่สมควรจะอยู่ที่นี่ อยู่ที่บ้านหลังนี้…

แต่ไอเดียบ้านหลังใหม่ที่คู่หมั้นเขาเสนอก็น่าสนใจไม่เลว

“ก็เอาสิ” ดีแลนตอบ

โนอาห์เลิกคิ้วไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะตัดสินใจเร็วขนาดนี้

แต่ก่อนที่บทสนทนาจะได้ไปต่อเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น

ดีแลนทำท่าจะร่ายเวทวงจรปิดแต่ว่าเสียงกริ่งดันหายไปซะก่อน

“สงสัยเป็นแขกของท่านพ่อ” ดีแลนพูดอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นประตูห้องนอนของทั้งคู่ก็ถูกเคาะเสียงดังรัว

อดีตลอร์ดเซอร์ราโนขมวดคิ้วแล้วเดินไปที่ประตูคิดว่าใครกันที่เคาะประตูได้หยาบคาบแบบนี้

“ไอ้ดีแลน!” เป็นเพื่อนสนิทที่ตัดไม่ขาดของดีแลนนั่นเอง

“อเล็กซ์”

“ทำไมนายไม่บอกฉันฮะ! ว่านายเป็นแวมไพร์ แล้วเรื่องลงจากลอร์ดเซอร์ราโนนี่มันอะไร นายจะทิ้งแดนมนุษย์ไปเหรอ! อีกหน่อยฉันคงได้ยินว่านายย้ายไปอยู่แดนแวมไพร์สินะ!” อเล็กซ์ระเบิดคำพูดออกมายกใหญ่

ดีแลนถึงกับเกือบจะยกมือขึ้นมาปิดหูแต่ก็ต้องสะดุดกับประโยคสุดท้ายที่เพื่อนของเขาเหมือนจะเป็นหมอดู

ส่วนโนอาห์ได้แต่หัวเราะในใจ

“ใจเย็นๆ อเล็กซ์”

“ไม่ยงไม่เย็นแล้วโว้ย! นายยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหมฮะ!”

“อเล็กซ์!” คนที่เรียกไม่ใช่ดีแลนหรือโนอาห์แต่เป็นชายร่างใหญ่ที่ทั้งคู่เคยเจอมาสองสามครั้งแล้ว

“ท่านพี่! อย่าลากผมไปนะ! ผมต้องเคลียร์กับไอ้บ้านี่ก่อน!”

ลอร์ดเฮนสลีย์ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของน้องชายก่อนจัดการเอามือปิดปากที่ดูจะเป็นปัญหา

“อือๆ!! อ่อยอ่มอ่ะ!”

ดีแลนไม่รู้จะเหนื่อยใจดีหรือปลงตกดีกับเพื่อนสนิทนิสัยเด็กของตัวเอง

ส่วนโนอาห์ตอนนี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซะแล้ว ทำให้ลอร์ดเฮนสลีย์หันไปมองคนที่เพิ่งสังเกตเห็น

“ราชาแวมไพร์… ขอโทษด้วยที่อเล็กซ์เสียมารยาท”

โนอาห์นับถือลอร์ดเฮนสลีย์คนนี้อยู่หน่อยๆ ที่ไม่มีท่าทีอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าหนึ่งแวมไพร์หนึ่งราชาแวมไพร์ แต่ก็นั่นแหละคนคนนี้เป็นถึงลอร์ดแถมตอนนี้เป็นตัวแทนแดนมนุษย์อีก

“อื้อ! อื้อออ!!” แต่คนที่ดิ้นอยู่ในอ้อมแขนพี่ชายยังคงไม่ยอมแพ้ แต่แท่นแขนนั่นดูจากปริมาณกล้ามเนื้อแล้วคงแข็งแรงน่าดู โอกาสที่อเล็กซ์จะรอดออกมาได้คงยาก

“ท่านลอร์ดเฮนสลีย์ มีอะไรกันหรือ” อีธานที่เพิ่งเดินมาถึงมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างแปลกใจก่อนถามขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอก คนของเราเสียมารยาทเอง”

ตอนนี้อเล็กซ์ดิ้นน้อยลงแล้วด้วยรู้ว่าถ้าไม่ทำตัวดีๆ คงได้อยู่ในท่านี้ไปตลอดทั้งวันจนกว่าจะออกจากคฤหาสน์เซอร์ราโน

“อือออ” อเล็กซ์สะกิดพี่ชายตนเองที่สนทนาอยู่กับอีธาน

ลอร์ดเฮนสลีย์หันมามองก่อนพูด

“อยากให้ปล่อย ก็ทำตัวดีๆ”

อเล็กซ์พยักหน้าอย่างขยันขันแข็งทันที

ไม่นานนักแขนแกร่งก็ถูกถอนออก

น้องชายลอร์ดเฮนสลีย์ทำท่าจะตะโกนใส่ดีแลนอีกรอบแต่ก็นึกได้ทันว่าตนควรประพฤติตัวดีๆ อย่างน้อยก็ตอนที่อยู่ต่อหน้าพี่ชายแบบตอนนี้

ลอร์ดเฮนสลีย์มองน้องชายตนเองแบบข่มขู่เล็กน้อยก่อนเดินออกจากห้องไปกับอีธาน

“ดีแลน นายมีอะไรจะอธิบายไหม” ถึงเสียงของอเล็กซ์จะเบาลงแต่ความขุ่นเคืองในน้ำเสียงไม่ได้น้อยลงไปตามเลย

ดีแลนถอนหายใจก่อนตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนเป็นเพื่อนสนิทฟังตั้งแต่ตอนที่เขาป่วยแล้วต้องใช้เลือดของราชาแวมไพร์ในการรักษา

อเล็กซ์ตาโตขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่ดีแลนเล่า

“โห! นี่มันเจ๋งเป๊งเลย!” อเล็กซ์อุทาน “นายเปลี่ยนฉันอีกคนด้วยได้ไหมโนอาห์”

อเล็กซ์หันไปพูดกับคนที่หลบอยู่ที่มุมห้องเงียบๆ แต่คนที่ตอบคำถามกลับเป็นดีแลน

“ไม่ได้” ดีแลนพูดเสียงเข้ม

“เอ๊ะ! ฉันถามโนอาห์นะ”

ราชาแวมไพร์หัวเราะเสียงดังกับการกระทำของดีแลนก่อนอธิบายให้คนเป็นมนุษย์คนเดียวในห้องฟัง

“ไม่ได้หรอก อเล็กซ์ ไม่งั้นนายจะกลายมาเป็นคู่หมั้นฉันอีกคนนะ” โนอาห์พูด

“ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้” ดีแลนพูดเสริมเสียงเข้ม ถึงอเล็กซ์จะเป็นเพื่อนสนิทเขาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย แต่ราชาแวมไพร์ของเขาคนนี้ เขาไม่แบ่งให้ใครหรอก

แต่ดูเหมือนอเล็กซ์จะไม่ได้ฟังคำพูดของเพื่อนสนิท

“โธ่! ไม่เห็นเป็นไรเลยโนอาห์ เราก็เป็นคู่หมั้นที่ดีได้นะ”

“อเล็กซ์!”

สงสัยนับจากนี้นายน้อยแห่งตระกูลเฮนสลีย์คงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าคฤหาสน์เซอร์ราโนอีกต่อไป…

 





ดีแลนมองดูเงาสะท้อนบนกระจกของตัวเองแล้วใช้มือลูบรอยสองรอยที่หน้าอกข้างซ้ายของตนเบาๆ รอยนี้ติดตัวเขามาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ตั้งแต่วันที่โนอาห์บอกความหมายที่ซ่อนอยู่ให้เขาฟัง

เขายังจำความรู้สึกนั้นได้อยู่ ความรู้สึกตอนที่เขาตระหนักได้ว่าโนอาห์ก็คิดแบบเดียวกันกับเขาแต่ไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูดให้เขาได้ยิน

แต่การให้เขาประทับตราที่ไม่มีวันลบออกบนหน้าอกข้างซ้ายนั้นมีค่ามากกว่าคำรักยิ่งนัก

“ดีแลน” เสียงที่เรียกจากนอกห้องอาบน้ำทำให้ดีแลนออกจากภวังค์

“เสร็จแล้วๆ” ดีแลนเดินออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมของตัวเอง

ร่างสูงจัดการวางผ้าขนหนูดีๆ ก่อนเดินไปที่เตียงนอนที่มีอีกคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในเสื้อผ้าแบบเดียวกัน

“ช้า” โนอาห์ต่อว่าแต่มุมปากกลับยกขึ้นเมื่อได้รับสัมผัสอบอุ่นข้างแก้มและสัมผัสที่สะโพก

ไฟถูกดับลงแต่ดวงตาสองคู่ที่เรืองแสงในความมืดยังไม่ได้ปิดลงและอาจไม่ได้ปิดในตลอดคืนนี้

 





การเดินทางของเขายังไม่จบ อันที่จริงมันยังเดินทางไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำเมื่อคิดถึงอายุขัยของแวมไพร์

เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้

แต่สิ่งที่ทั้งคู่รู้คือ…

สาบานรักที่มอบให้กันนั้นไม่อาจลบล้างได้ด้วยกาลเวลา



-จบ (ไม่) บริบูรณ์-



ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสเข้ามาอ่านของเรา เหมือนฝันเป็นจริงเลยค่ะ ถึงแม้บางคนอาจจะไม่พอใจบ้างกับแนวทางที่เราดำเนินเรื่อง แต่เราก็ดีใจนะ อย่างน้อยเขาก็อินกับนิยายเรา แล้วก็ตามที่เคยถามทุกคนไปนะคะเรื่องการพิมพ์นิยาย เราได้ส่งไปให้สำนักพิมพ์แล้วค่ะ สนพ.ที่เพื่อนๆ บอกมานั่นแหละ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ขุ่นพี่โนอาห์ผ่านการพิจารณาด้วยนะคะ

ส่วนในหนังสือนั้น(ถ้าได้คลอดออกมา) สิ่งที่มีเพิ่มมาคือ!!! ตอนพิเศษ ชีวิตในแดนแวมไพร์ของทั้งคู่ค่าาาา ซึ่งเรามั่นใจว่าเต็มอิ่มแน่นอนนนน ทั้งน่ารักกุ๊งกิ๊ง เซะซี่(ฮี่ๆๆ) และอาจจะดราม่าเล็กน้อย(*ยิ้มเหี้ยม*) คือมันจะช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิคดีแลนและโนอาห์มากๆ ยังไงก็ช่วยเชียร์กันด้วยเด้อออ

หากคิดถึงกันก็กลับมาเยี่ยมได้ทุกเมื่อ แต่สำหรับวันนี้ ขอลาไปก่อน

แล้วพบกันใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อั่ย​ จบแล้วหรอคะ​ สนุกค่ะ​ ชอบบุคลิก​โนอามากเลยย​ ชอบบรรดาติ่งด้วย​ อยาก​อ่านความติ่งอีกเยอะๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เราชอบเรื่องนี้นะ เราว่าน่ารักกุ๊กกิ๊กสนุกดีอ่ะ

ออฟไลน์ yimganta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ถึงโนอาห์จะเป็นราชาแวมไพร์ที่รักความโดดเดี่ยวเหมือนแวมไพร์ตนอื่นๆ แต่ว่าการใช้เวลาทั้งวันอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่มาเป็นเวลาหลายวันนี่ทำให้เขาค่อนข้างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก





“ดีแลน”





“หืม”





ดีแลนนี่ก็อีกคน เดี๋ยวนี้เห็นว่าเขายอมอ่อนลงให้เยอะ บางทีเลยไม่ยอมทำตามคำสั่งเขาง่ายๆ ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ ถึงสุดท้ายแล้วจะยอมทำก็เถอะ





“ฉันอยากไปตลาด”





ดีแลนถอนหายใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้เป็นรอบที่ล้านและคำตอบเขาก็เป็นเหมือนเดิม แต่วันนี้ดูมันจะทำให้ราชาแวมไพร์ไม่พอใจกว่าปกติ





“ถ้านายไม่ไป ฉันไปคนเดียวก็ได้” โนอาห์พูดแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้องจริงๆ ดีแลนที่ไม่สามารถปล่อยให้คนตรงหน้าไปคนเดียวได้จึงรีบวิ่งไปจับข้อมือไว้





โนอาห์หันกลับมา ใบหน้าสวยงอง้ำ





“ปล่อย! ดีแลน ฉันจะไป”





ด้วยน้ำเสียงที่เป็นคำสั่งดีแลนที่เป็นแวมไพร์จึงไม่สามารถขัดใจราชาแวมไพร์ได้ อดีตลอร์ดเซอร์ราโนถอนหายใจอีกรอบก่อนพูด





“เฮ้อ ก็ได้ๆ แต่ฉันไปด้วย” เพียงเท่านั้นรอยยิ้มอย่างพอใจก็ประดับอยู่บนใบหน้าราชาแวมไพร์ทันที





ดีแลนมอง





เอาเถอะ ถ้ามันจะทำให้ราชาแวมไพร์ของเขามีความสุข สายตาของคนอื่นไม่เป็นผลหรอก

 















แต่ถึงดีแลนจะกล่อมตัวเองมากเท่าไหร่ว่าราชาแวมไพร์คือคนที่สำคัญกับเขาที่สุดตอนนี้ แต่สายตาของคนทั้งตลาดที่จับจ้องมาที่ทั้งคู่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเพิกเฉยได้ ยิ่งสายตาพวกนั้นมองมาด้วยความระแวง ความไม่เป็นมิตร บางคนถึงกับวิ่งหนี





ดีแลนคิดว่าตัวเองคิดถูกเป็นอย่างมากที่ตกลงจะไปแดนแวมไพร์กับโนอาห์ อย่างน้อยในที่นั้นทุกคนก็เป็นแวมไพร์เหมือนเขา ไม่ได้มีใครกลัวใคร แต่การย้ายไปก็ต้องใช้เวลาและตอนนี้พวกเขาก็อยู่แค่ขั้นตอนการเตรียมตัว





ส่วนทางด้านโนอาห์ เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาของคนรอบข้างเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความที่ค่อนข้างคุ้นชินมากกว่าเลยไม่ได้รู้สึกไม่สบายนัก แต่คนพวกนี้มันทำให้คู่หมั้นของเขารู้สึกไม่สบายใจ!





นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับราชาแวมไพร์ เมื่อก่อนเขาอาจจะชอบแสดงอำนาจความเหนือกว่าใส่อดีตลอร์ด แต่ว่าพอเขาสารภาพเรื่องนั้นออกไปปุ๊บ นิสัยความหวงของของราชาแวมไพร์ก็กำเริบขึ้นทันที





ดีแลนตอนนี้ก็เหมือนกับสมบัติที่มีชีวิตชิ้นหนึ่งของเขา และคนที่ทำให้คนของเขาไม่สบอารมณ์ก็ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ด้วยเช่นเดียวกัน





แต่ก่อนที่โนอาห์จะได้อารมณ์ขุ่นเคืองไปมากกว่านั้น สายตาก็ดันเลือบไปเห็นร้านค้าน่าเข้าร้านหนึ่ง





“ฉันอยากกินอันนี้” ราชาแวมไพร์สะกิดให้คนข้างๆ หันไปดู





ดีแลนมองร้านไอศกรีม มันเป็นร้านเปิดใหม่เพราะเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย





“ก็เอาสิ” ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้าน





ทันทีที่เจ้าของร้านเห็นคนทั้งคู่ก็เดินมาต้อนรับทันทีก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นคนที่อยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์มาตลอดหลายสัปดาห์นี้





โนอาห์ปล่อยคลื่นความเย็นอำมหิตไปที่เจ้าของร้านทันทีเมื่อไม่เห็นว่าเขาจะมาต้อนรับเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ที่ทยอยกันออกจากร้านไป





เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าของร้านจึงรีบกุลีกุจอมาต้อนรับทันทีถึงแม้มือจะสั่นเมื่อรู้ว่าอยู่ต่อหน้าแวมไพร์สองตนแถมคนหนึ่งเป็นถึงราชาแวมไพร์





“นายสั่ง” โนอาห์เลื่อนเมนูไปให้ดีแลนเหมือนปกติ มันติดเป็นนิสัยไปเสียแล้วที่จะให้คนเป็นคู่หมั้นสั่งอาหารให้เพราะดีแลนรู้จักแดนมนุษย์มากกว่าเขาแถมยังสามารถสั่งอาหารได้ถูกใจเขาเสมอ





เอาเป็นว่าเดี๋ยวไปแดนแวมไพร์เขาค่อยชดเชยให้แล้วกัน





ดีแลนรับเมนูมาก่อนจะจิ้มสั่งไอศกรีมที่เขาคิดว่าโนอาห์น่าจะชอบอย่างไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ ถึงมันจะไม่เหมือนสูตรท่านแม่ของเขาก็ตาม





เจ้าของร้านพยักหน้ารับออเดอร์ด้วยความกระตือรือร้นเกินเหตุทำให้โนอาห์ได้แต่ส่ายหน้า ถึงพวกแวมไพร์จะกลัวเขาอยู่ในใจลึกๆ แต่ถ้าทำตัวน่ารำคาญแบบนี้คงโดนเขาลงโทษไปนานแล้ว





โนอาห์กับดีแลนนั่งลงในร้านที่ตอนนี้ไม่เหลือคนอื่นแล้ว





บางทีราชาแวมไพร์ก็คิดว่าถ้าเป็นแดนอื่นอาจไม่กลัวเขาขนาดนี้ อย่างแดนมังกรหรือแดนเฟย์ แต่...





โนอาห์มองหน้าดีแลน

.



..ก็คนคนนี้ดันอยู่ในแดนมนุษย์นี่





“นี่ครับที่สั่ง เชิญทานกันตามสบาย” เจ้าของร้านเอาไอศกรีมถ้วยใหญ่สองถ้วยมาเสิร์ฟด้วยรอยยิ้มกว้างผิดปกติ แต่โนอาห์รู้ คนคนนี้กำลังกลัว





ราชาแวมไพร์จัดการไอศกรีมตรงหน้าทันที





ถึงมันจะไม่ได้อร่อยเท่าที่เพนนีหรือดีแลนทำให้ที่คฤหาสน์ แต่ความหวานของมันก็ช่วยจรรโลงจิตใจเขาได้ดี





อดีตลอร์ดมองหน้าคนที่ลงมือทานไอศกรีมด้วยความมุ่งมั่น





ตอนแรกที่เจอเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าราชาแวมไพร์จะมีรสนิยมชอบทานของหวาน มันช่างไม่เข้ากับชื่อเสียงอันฉ่าวโฉ่นั้นเสียเลย แต่มารดาของเขาบอกว่าที่แดนแวมไพร์อาหารหวานกว่าที่แดนมนุษย์มาก อาหารบางอย่างที่ไม่ใช่ของหวานบางทีอาจหวานกว่าของหวานในแดนมนุษย์อีก





ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อวันก่อนเขาเจอโนอาห์กำลังกินน้ำแข็งไสชามโตแทนอาหารเช้า...





แต่ถึงอย่างนั้นโนอาห์ก็ยังเงยหน้ามามองเป็นเชิงถามคนตรงหน้าว่าทำไมไม่ลงมือซะที





ดีแลนหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางนั้นและคราบไอศกรีมที่ติดอยู่ที่มุมปาก





“เลอะหมดแล้วโนอาห์” อดีตลอร์ดหยิบกระดาษทิชชู่ที่อยู่ข้างโต๊ะให้อีกฝ่าย





ดีแลนเลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับไป





“เช็ดให้หน่อยสิ” ราชาแวมไพร์พูดด้วยน้ำเสียงอย่างไรก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเขาก็ใช้กระดาษในมือนั่นเช็ดคราบที่เลอะออกให้ซะแล้ว





แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้สนทนาอะไรมากไปกว่านั้น เสียงกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น





ตอนแรกทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าเดี๋ยวคนที่มาเห็นว่าเป็นพวกเขาอยู่ในร้านก็คงกลับออกไปเองเหมือนกับเจ้าของร้านที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ร้านแล้ว แต่คนคนนั้นกลับ...





“สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอพวกท่านที่นี่นะคะ”





ดีแลนหันหลังไปมองเจ้าของเสียงที่ดังมาจากด้านหลังเขาก่อนจะครางออกมาอย่างไม่คิดว่าจะเจอกันอีก





“ท่านอลิซาเบ็ธ” เจ้าของชื่อยิ้มเศร้ากับสรรพนามที่คงความห่างเหินไม่เปลี่ยนกับตอนที่เจอกันครั้งสุดท้าย





โนอาห์รู้สึกหมดความสนใจในไอศกรีมตรงหน้าแปลกๆ





“ท่านมีอะไรกับพวกเราหรือเปล่า” ดีแลนถาม





“ฉันมีคำถามจะถามท่าน” อลิซาเบ็ธมองไปที่อดีตคู่หมั้นที่เคยเป็นถึงลอร์ด





ดีแลนถอนหายใจมองไปทางโนอาห์ก่อนตอบ





“ถามมาเถอะ”





หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดสิ่งที่อยู่ในใจมาเป็นเดือน





“ทำไมท่านถึงทิ้งฉันไป”





“พวกคุณอยากคุยอะไรก็คุยกันให้เสร็จเถอะ”





ทันทีที่อลิซาเบ็ธพูดคำถามออกมา โนอาห์ก็พูดแทรกขึ้นมาทันที ร่างบางลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยปล่อยให้ไอศกรีมที่ยังทานไม่หมดอยู่อย่างนั้นก่อนจะก้าวเท้าออกจากร้านไป





“โนอาห์!” ดีแลนเรียกชื่อคู่หมั้นก่อนทำท่าจะตามไปติดก็แต่มือที่คว้าเข้าที่ข้อพับเขา





อดีตลอร์ดหันกลับมามองคนที่ทำให้ราชาแวมไพร์เขาอารมณ์เสียทันที





อลิซาเบ็ธรู้สึกเย็นยะเยือกกับสายตานั้น





“ปล่อยฉัน”





หญิงสาวทำใจดีสู้เสือ





“ท่านต้องตอบคำถามฉันก่อน”





“อลิซาเบ็ธ ท่านก็รู้อยู่แก่ใจ ระหว่างเรามันไม่มีความรัก”





เหมือนมีลูกศรทิ่มเข้ากลางใจของหญิงสาว น้ำตาเริ่มเอ่อล้นถึงแม้หล่อนจะรู้ดีว่าน้ำตาของหล่อนไม่มีผลอะไรกับอดีตลอร์ดคนนี้เลยก็ตาม





“แล้วท่านรักท่านโนอาห์หรือ”





ดีแลนตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิด





“ใช่ ฉันรักเขา”





รอยยิ้มของหล่อนเปลี่ยนไปทันที จากรอยยิ้มเศร้าๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นแทน ก่อนที่จะพูดประโยคที่ทำให้ดีแลนร้อนรน





“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว สิ่งที่ฉันไม่ได้ ท่านก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงกร้าวอย่างที่ดีแลนไม่คิดว่าหล่อนจะมี





“ท่านหมายความว่าอย่างไร!” ในที่สุดดีแลนก็หมดความอดทน เริ่มตระหนักได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าตรงมีแผนการอะไรบางอย่างแน่นอน





และแผนการนั้นย่อมเกี่ยวกับคนรักของเขา...











 

โนอาห์เดินออกมาจากร้านไอศกรีมด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเหมือนที่มนุษย์ทุกคนเจอเมื่อเห็นคนรักตัวเองอยู่กับคนรักเก่า ถึงโนอาห์จะมั่นใจมากว่าดีแลนไม่เคยรักผู้หญิงคนนั้นเลยก็เถอะ





“หืม” ราชาแวมไพร์ออกจากพวังค์เมื่อสายตาที่ดีกว่ามนุษย์ของเขาเห็นชายชุดดำหลายคนหลบซ่อนอยู่ตามกำแพงและหลังคาของตึกแถวนั้น





ดูเหมือนจะมีคนเล่นไม่ซื่อ...





เห็นได้ชัดว่าถึงทุกคนจะรู้ว่าเขาเป็นราชาแวมไพร์ แต่ก็ยังมีคนอยากเข้ามาท้าทาย





สงสัยเขาคงหลับใหลไปนานเกินไป คนพวกนี้เลยไม่เคยเห็นความสามารถที่แท้จริงของเขา





โนอาห์กรอกตาอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีเมื่อคนเป็นคู่หมั้นใช้เวลาจัดการกับหญิงสาวคนนั้นนานเหลือเกิน





ตาของราชาแวมไพร์กระตุกเมือชายชุดดำบนหลังคาเริ่มเคลื่อนไหวเพิ่มความมั่นใจว่าเป้าหมายคือเขาไม่ใช่คนที่ยังอยู่ในร้านไอศกรีม





เอายังไงดี...





หนีจากสถานการณ์นี้ง่ายนิดเดียว แค่หายตัวแวบเดียว





แต่ว่า...





ถ้าได้เห็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเขาออกจากหอคอยก็ดูน่าสนุกไม่เบา





ร่างบางจึงไม่ได้ขัดขืนอะไรเมื่อสัมผัสได้ถึงเวทยาสลบที่ส่งมาทางเขา











 

“โนอาห์!” ดีแลนเรียกหาทันทีที่ออกมาจากร้าน อดีตลอร์ดเริ่มว้าวุ่นเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของราชาแวมไพร์ ยิ่งคิดถึงคำพูดของอดีตคู่หมั้นแล้วก็ยิ่งไม่สบายใจ





‘ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว สิ่งที่ฉันไม่ได้ ท่านก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน’





ไม่ผิดแน่... หล่อนวางแผนอะไรบางอย่าง





อะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคนรักของเขา!





ดีแลนวิ่งไปทั่วตลาดพยายามหาความผิดปกติใดๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่พบ ความร้อนรนยิ่งมีมากขึ้นก่อนที่ประโยคประโยคหนึ่งที่มารดาของเขาเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้วจะแวบเข้าหัวมา





‘…เลือดของราชาแวมไพร์ที่อยู่ในตัวลูกมีเศษเสี้ยววิญญาณส่วนหนึ่งอยู่ด้วย ราชาแวมไพร์เลยต้องการสัญญาหมั้น...’





มีเศษเสี้ยววิญญาณอยู่...





แปลว่าวิญญาณของพวกเขาเชื่อมต่อกันสินะ





ดีแลนพยายามตั้งสมาธิไปที่แกนวิญญาณในตัวเขามันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนทำได้แต่ไม่ค่อยมีใครทำกันเพราะไม่รู้จะมองแกนวิญญาณตัวเองไปทำไม





ใช้เวลาไม่นานนักดวงตาที่มองไปที่ความดำมืดก็เห็นแท่งแท่งหนึ่งอยู่ด้านหน้า อันที่จริงเรียกว่าแท่งก็ไม่ถูกควรจะเรียกว่าเสาต้นหนึ่งต่างหาก





อดีตลอร์ดมองแกนวิญญาณตัวเองที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นมาก น่าจะเป็นเพราะเลือดแวมไพร์ที่สามารถยืดอายุขัยของเขาได้





เพียงพริบตาเดียวดีแลนก็สังเกตเห็นวัตถุประหลาดที่เกาะอยู่ที่ใจกลางแกนวิญญาณของเขา มันให้ความรู้สึกอุ่นเหมือนสัมผัสจากราชาแวมไพร์





ไม่ผิดแน่...





ดีแลนเผ่งสมาธิทั้งหมดของตนไปที่เศษวิญญาณแปลกปลอมนั้นก่อนจะสัมผัสได้ว่ามันกำลังบอกว่าเจ้าของวิญญาณส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน





ดวงตาสีฟ้าอมแดงลืมขึ้นมา หน้าหันไปที่ทิศที่วิญญาณของโนอาห์เรียกร้องอยู่





ทันใดนั้นร่างของอดีตลอร์ดก็หายไปเหลือแต่ค้างคาวตัวน้อยที่บินตรงไปด้วยความเร็วสูง









 

โนอาห์กระพริบตาปริบๆ เมื่อสติสัมปชัญญะเริ่มกลับคืนมารวมถึงความรู้สึกที่แต่ละส่วนของร่างกายด้วย





นั่นทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังถูกผูกติดอยู่กับเก้าอี้เหล็กตัวหนึ่งด้วยเชือกกักกันพลังเวท





นับว่าคนที่จบเขามายังมีหัวอยู่บ้าง...





แต่เชือกกักกันพลังเวทเส้นแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอกนอกจากทำให้รู้สึกขืนๆ ตอนร่ายเวทเท่านั้น





โนอาห์พยายามขยับร่างกาย





“โอ๊ย!” แต่เข็มเสียบอยู่ที่ข้อพับเขาทั้งสองข้างควานไปในเส้นเลือดของเขาเกิดเป็นความเจ็บ





โนอาห์มองไปที่เข็มทั้งสองที่ต่อเข้ากับสายยางและถุงเก็บเลือดที่มีเลือดอยู่ในนั้นประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว





เอาล่ะ! เขาหงุดหงิดของจริงแล้ว ถึงเขาจะรู้ว่าคนพวกนี้มีเป้าหมายอยู่ที่เลือดของเขา แต่การจับเขามาใส่เข็มแบบนี้ ไม่สบอารมณ์อย่างแรง!





อีกอย่างเลือดของราชาแวมไพร์มีคุณสมบัติพิเศษก็จริง แต่ต้องเป็นเลือดที่ให้ด้วยความเต็มใจเท่านี้ ฉะนั้นการมารีดเลือดไปเองแบบนี้ ของเหลวสีแดงนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำเปล่าหรือเลือดของมนุษย์ธรรมดาๆ





ราชาแวมไพร์มองสายที่ระโยงระยางก่อนเริ่มคิดว่าจะหนีออกไปเองดีไหม





ไม่ได้ๆ! เขาต้องได้เห็นคู่หมั้นของเขาเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวก่อน!





แต่การนั่งอยู่เฉยๆ กับที่นี่มัน!!











 

ค้างคาวน้อยที่บินด้วยความเร็วสูงสุดใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ภายนอกดูเหมือนบ้านปกติทุกอย่าง





ยกเว้นก็แต่วิญญาณในตัวเขากำลังเรียกร้องอีกคนในนั้น!





ไม่ต้องใช้ความคิดดีแลนเปลี่ยนร่างกลับแล้วบุกเข้าไปในบ้านหลังนั้นทันที





ดีแลนก้าวทีละก้าวโดยใช้สัญชาตญาณที่จะนำพาแวมไพร์ไปหานายเหนือหัวของตน





เงียบมาก...





เงียบผิดปกติ...





ในที่สุดสัญชาตญาณของดีแลนก็พาเขามาถึงหน้าประตูบานหนึ่ง เขารับรู้ได้ทันทีว่าคนที่เขาต้องการอยู่หลังประตูบานนั้น





แอ๊ด...





ภาพตรงหน้าทำเอาท่านอดีตลอร์ดฉุนกึกทันที ของเหลวสีแดงไหลออกมาจากร่างคนรักของเขาที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเก้าอี้ กลิ่นเลือดตอนนี้มันไม่ใช่กลิ่นหอมหวานแบบที่เขาเคยได้กลิ่น มันเป็นกลิ่นคาวเลือดเหมือนสนิมเหล็ก เหมือนเลือดของมนุษย์ แต่มันก็ยังเป็นเลือดของโนอาห์ของเขา





และเลือดพวกนี้เป็นของเขาเท่านั้น! คนอื่นไม่มีสิทธิ์!!





“โนอาห์!”





.





.





.





แล้วดีแลนจะมาช่วยโนอาห์ทันหรือไม่นั้น...



ติดตามต่อในเล่มฮ้าาาาา (อุดหนุนเราหน่อยน้าาา เล่มแรกที่ทำเลย เราจะทำอย่างตั้งใจมากๆ)



ก่อนอื่นๆๆ ขออวดปกก่อน พร้อมไหมทู๊กคนนนนนน

แต่นแตนแต๊นนนน



https://photos.app.goo.gl/TFk3Zpv8cDwhf1Lx7  (แปะในเว็บแล้วสีเพี้ยนอะ ไม่รู้ทำไม)



จะมีอะไรในเล่มบ้าง

- เนื้อเรื่องหลักทั้ง 23 ตอน

- ตอนพิเศษต่อจากข้างบน

และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ!!

- ตอนพิเศษตั้งแต่ดีแลนกับโนอาห์ไปอยู่แดนแวมไพร์ (ยาวววมากกกก ยาวประมาณหนึ่งในสี่ของเนื้อเรื่องหลัก) ซึ่งทุกคนจะได้รู้ว่าชีวิตในแดนแวมไพร์จะบันเทิงและเคล้าน้ำตาขนาดไหน และยังมีปมอีกมากมาย(ที่คนอ่านอาจไม่คิดว่าเป็นปม)ที่รอวันคลี่คลาย





รายละเอียด

- ความหนา 245 หน้า

- ปก กระดาษอาร์ตการ์ด 260 แกรม พิมพ์ 4 สี 1 ด้าน (ปกหน้าและปกหลัง)  พร้อมเคลือบ

- เนื้อใน  กระดาษถนอมสายตา 75 แกรม พิมพ์ขาวดำ

- เข้าเล่ม ไสกาว

- ที่คั่นหนังสือขนาด 4 x 15 ซม.  (หรือเล็กกว่า) พิมพ์ 4 สี 1 ด้าน  ใช้กระดาษและเคลือบเหมือนกับปก

- ราคา 220 บาท (ยังไม่รวมค่าส่ง ems 50 บาท ลงทะเบียน 30 บาท)



ขั้นตอนการจอง

- เข้าไปที่ https://goo.gl/forms/2IMzGSaVBx2L0CMJ2  แล้วกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย

- โอนตังค์ (เนื่องจากว่าเราเป็นนักเขียนใหม่มากยังไม่รู้ว่าจะมีคนซื้อเท่าไหร่ เราจะให้จองถึงจำนวนที่เราจะทำก่อน ถึงจะรีบเปิดให้โอนนะคะ ฉะนั้นคอยอัพเดทหรืออ่านเมลล์ด้วยค่ะ)

- แจ้งโอนที่ https://goo.gl/forms/Gf2jLgFmOFQNdQcZ2



จองได้ตั้งแต่ วันนี้ - วันลอยกระทง (23 พ.ย. 2561)

โอนเงินได้ตั้งแต่เมื่อเปิดให้โอน - 30 พ.ย. 2561

จัดส่งเดือนธันวาคม



สุดท้ายยยยย อย่าลืมไปกดไลค์เพื่อรับข่าวสาร เช่น อัพเดทความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/MaddieTheWriter/  ช่วยเข้าไปกดไลค์กันเยอะๆ นะคะ



สามารถติดต่อนักเขียนได้ที่

Email : yimgantaอย่าแสดงเมลบนบอร์ด (สะดวกสุด)

โทร 0824981774 (บางทีเรียนอยู่อาจจะรับไม่ได้นะคะ)

Facebook : เพจด้านบนเลยยย

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด