ตอนที่ 14 : กระต่ายเอ๋อก็ยังเป็นกระต่ายเอ๋ออยู่วันยังค่ำ ผมมองสามหนุ่มเดินเรียงแถวกันเข้ามาในร้านแล้วอยากเอาของที่เตรียมไว้ไปซ่อน นึกสงสัยว่าผมคิดอะไรอยู่ตอนผุดไอเดียนี้ขึ้นมา เสื้อยืดลายฉลองครบรอบสองปีร้านออกแบบและสกรีนโดยผม คิดกับพี่ซินว่าจะได้ใส่เหมือนกัน แต่เห็นเแบรนด์เสื้อผ้าของแต่ละคนแล้วผมคงไม่กล้าขอให้เปลี่ยน
"มากันเร็วจัง" เสียงพี่ซินลอยมาเบาๆ คล้ายรำพึงรำพันกับตัวเองมากกว่า สีหน้าตื่นเต้นปนเกร็งที่มีหนุ่มหล่อถึงสามคนอยู่ในร้าน
"ผมยังไม่ได้นอนเลย" รามเท้าแขนลงบนเคาน์เตอร์ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่ซิน
"กลับบ้านไหม"
“เจ้าของร้านนี้ใจร้ายชะมัด เพิ่งมาถึงก็ไล่กลับ”
“เปล่านะ! พี่แค่เป็นห่วง”
“แค่นี้ก็คุ้มค่าที่อดนอน” รามส่งยิ้มให้พี่ซิน เป็นยิ้มที่ผมบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก บอกได้แค่ว่าไม่ต้องเป็นแฟนคลับอย่างพี่ซินหรอกครับเป็นใครก็ตายทั้งนั้น เจ้านายของผมยืนตัวแข็งยิ่งทำให้รอยยิ้มของรามกว้างขึ้น ดวงตาเป็นประกายแปลกๆ
“ไม่มีให้กูบ้างเหรอ” ผมหันไปทางต้นเสียง เห็นปอนชี้นิ้วไปยังเสื้อยืดที่กล้าใส่ กล้าหันมามองหน้าผม ผมรีบส่ายหน้า ไม่ทันคิดหรอกครับมันทำไปเอง
“มึงเอามาเผื่อไม่ใช่เหรอ”
กล้าเป็นเพื่อนที่น่ารักครับแต่จะน่าถีบก็วันนี้แหละ ทุกสายตาหันมามองผมเป็นตาเดียว โดยฉพาะตาดุๆ ของตฤน
“คือ..” ผมอึกอัก เพราะดันส่ายหน้าปฏิเสธไปแล้ว
“เสื้ออยู่ไหน”
“ในถุง” ผมชี้นิ้วไปที่ตู้หลังเคาน์เตอร์ มันเป็นไปโดยอัตโนมัติเมื่อโดนเสียงดุๆ ของตฤนถาม พี่ซินรีบหันไปหยิบถุงมาวางบนเคาน์เตอร์ให้ทันที
“ก็เห็นเสื้อที่ใส่มากันแล้วไม่กล้าขอให้เปลี่ยน” ผมแก้ตัวอุบอิบอยู่ในคอ ได้ยินเสียงตฤนถอนใจออกมาเบาๆ ผมอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
“เอาอะไรมาวัดว่าอะไรดีกว่าอะไร รู้ใจฉันเหรอ”
“โห~ ไม่เห็นต้องเอาอะไรมาวัดแค่มองก็รู้แล้ว”
“ตาถั่วน่ะสิ” ผมหน้าเหวอ เคยโดนว่าสมองเท่าเม็ดถั่วมาแล้วคราวนี้มีตาถั่วเพิ่มอีกอย่าง สงสัยต่อไปต้องเลิกกินถั่วอย่างถาวร ไม่อยากเหมือนไปมากกว่านี้
“อย่าดุไอ้ว่านนักเลยกูเข้าใจความคิดมัน เสื้อพวกมึงราคาเท่าไหร่ตัวหนึ่งคงหลายพัน เสื้อยืดมันตัวไม่ถึงร้อย จะไม่ให้มันคิดแบบนั้นได้ยังไง” กล้าออกโรงปกป้องผม แต่ผมรีบสะกิดแขนเพื่อนให้หันมามอง
“มึง งานนี้กูลงทุน ตัวนี้สองร้อยห้าสิบบาทอย่าลดเกรดกูขนาดนั้น”
“ฮ่าๆ” ปอนหัวเราะเสียงดังก่อนใคร ผมมองทุกคนตาปริบๆ ขำตรงไหนผมแค่ขอออกตัวนิดเดียว
“แต่ผมไม่ได้จ่ายนะ พี่ซินเป็นคนออกเงิน ผมเป็นคนออกแบบกับสกรีน”
“หือ? ว่านทำเองเหรอ” รามหันมามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ
“ใช่”
“สวยดี ฝีมือใช้ได้เลย นี่ยังนึกว่าไปจ้างออกแบบมา”
“จริงเหรอ!” ผมยิ้มด้วยความปลื้มใจ “จ้างได้นะผมรับ” ผมแซวเล่นแต่รามกลับจริงจัง
“ดีเลย ผู้จัดการผมอยากให้จัดแฟนมีตติ้งพอดี เดี๋ยวให้ว่านออกแบบเสื้อให้”
“ตกลง แต่ผมทำให้ฟรีนะไม่คิดเงิน”
“ไม่ได้สิ”
“ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นวันนี้รามมาช่วยพี่ซินก็ต้องจ่ายเงินสิ”
“เดี๋ยวไอ้ว่าน!” กล้ารีบเบรกผม “มึงจะพูดอะไรก็ได้แต่มึงจะพาความซวยมาหาพี่ซินไม่ได้”
“เออจริง” ผมตาโต ทุกคนพากันหัวเราะแม้แต่ตฤนก็ยังยกยิ้มที่ริมฝีปาก ผมต้องรีบแก้ตัวเสียงอ่อย “ผมแค่อยากเปรียบเทียบเฉยๆ”
“ฮ่าๆ ตกลงไม่จ่ายก็ไม่จ่าย เอาเป็นว่าผมเชิญว่านกับพี่ซินไปงานด้วยดีไหม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ”
“แล้วกูล่ะ” กล้าชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเมื่อเป็นคนที่ถูกลืม “กูก็อยากไปนั่งมองสาวๆ มั้ง”
“มึงด้วย กูแค่ลืมพูดชื่อ”
“โอเค แค่นี้กูพอใจ”
“หึๆ” ปอนหัวเราะในลำคอ ผมว่าสายตาปอนแปลกๆ หรือผมนอนไม่พอหว่า ทำไมวันนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คนสายตาแปลกๆ แม้แต่สายตาของตฤน
“ตกลงจะใส่เสื้อเหมือนกันใช่ไหม ใส่ก็เข้าไปเปลี่ยนข้างใน” กล้าชี้มือไปทางห้องด้านหลังร้าน อีกสิบกว่านาทีก็เปิดร้านแล้ว
“อืม” รามเดินนำไปก่อนเพราะเป็นคนเดียวที่เคยเข้าไปห้องด้านใน ตามหลังด้วยอีกสองหนุ่ม
“ว่านไปช่วยกูจัดป้ายหน้าร้านใหม่หน่อย” กล้าส่งสัญญาณให้ผม
“ได้” ผมเดินตามกล้าออกไปนอกร้าน
“อะไรเหรอวะ” ผมถามทันทีที่ประตูปิดลง
“มึงว่ารามจีบพี่ซินหรือเปล่าวะ”
“ไม่มั้ง พี่ซินอายุมากกว่ารามซักเจ็ดปีได้มั้ง”
“ก็นั่นแหละกูถึงไม่มั่นใจ แต่คำพูดกับท่าทางมันแปลกๆ”
“แค่เฟรนลี่หรือเปล่าวะ กูเห็นดาราก็เป็นประมาณนี้ อาจจะคิดว่าสนิทกันพอเล่นได้” มีแว่บหนึ่งที่ผมเองก็คิดเหมือนกล้า แต่ด้วยหลายปัจจัยทำให้ลังเล ดังนั้นการคิดในแบบที่ไม่ทำให้เจ็บน่าจะดีกับเจ้านายผมมากกว่า เหมือนผมกับตฤน ผมพอใจในจุดที่ตัวเองยืนอยู่ตอนนี้ก็จำตำแหน่งเอาไว้ ให้รู้ตัวว่าเราเป็นใครและทำอะไรอยู่ อย่าหลงไปกับมัน ถ้าได้แล้วอยากได้มากกว่านั้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไม่เคยมีความสุข สู้วันนี้จำว่าเราอยู่ตรงนี้ มีความสุขกับการเป็นแฟนคลับแบบนี้ อะไรที่มากกว่านั้นก็ขอให้ถือว่าเป็นกำไรชีวิตที่เข้ามา ถ้ามีก็สุขเป็นสองเท่า แต่ถ้าไม่มีเท่าที่ได้อยู่ตอนนี้ก็สุขใจ ผมคิดแบบนี้กับทุกเรื่อง ทำให้เต็มที่ ลองให้สุดกำลัง เมื่อไปจนสุดทางแล้วไม่ได้ก็กลับมาที่เดิม ขอแค่เราจำตำแหน่งตัวเองได้ การร่วงกลับลงมาจะไม่เจ็บสักนิดเดียว
“ก็จริงของมึง ดูๆ ไปก็แล้วกัน” กล้าพยักหน้าเห็นด้วยกับผม
“อืม”
• • • • • • • •
“ว่าน”
ผมติดลูกค้าอยู่จึงส่งสัญญาณบอกพี่ซินว่าปลีกตัวไปไม่ได้ พี่ซินพยักหน้าให้รู้ว่าเข้าใจแล้ว
“เดี๋ยวหยิบให้ค่ะ” ผมเห็นพี่ซินเดินออกจากเคาน์เตอร์ตรงไปยังชั้นหนังสือ เขย่งเท้าเอื้อมมือไปชั้นบนสุด แต่ถูกมือของรามชิงตัดหน้าหยิบเสียก่อน พี่ซินหมุนตัวกลับมามองจึงเหมือนตกอยู่ในวงแขนของอีกฝ่าย เสียงกรี๊ดดังเบาๆ จนผมแอบขำ น่าจะมีสาวๆ หลายคนอิจฉามีซินอยู่
“ขอบคุณ”
“ทำไมไม่เรียก ตัวเล็กนิดเดียวเดี๋ยวก็ล้ม”
พี่ซินทำตาโตมองหน้ารามเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
“คราวหน้าให้เรียกผม ตกลงไหม”
“....” ผมว่าพี่ซินคงสมองว่างเปล่าไปแล้วละครับ
“เข้าใจไหมครับ” รามก้มหน้าลงไปใกล้อีกนิดเมื่อยังไมได้คำตอบ พี่ซินย่อตัวลงโดยอัตโนมัติ
“อืมๆ” พี่ซินพยักหน้าแรงๆ ด้วยใบหน้าแดงแจ๋ไม่ยอมสบตาที่มองมา ผมเห็นรอยยิ้มเอ็นดูจุดขึ้นที่ริมฝีปากของราม ดวงตาของอีกฝ่ายทำให้ผมเริ่มคิดถึงคำพูดของกล้า
“อย่าซน ผมเป็นห่วง” รามหมุนตัวออกห่างจากพี่ซิน เจ้านายผมกลายเป็นขี้ผึ้งไปแล้ว ดีที่ยังยืนอยู่ได้ หนังสือในมือของรามถูกส่งต่อให้ลูกค้าที่ยืนรออยู่ ดูเหมือนคนมองก็ตะลึงพอๆ กับเจ้าของร้าน เพราะอาการยืนมือออกไปรับเงอะงะ พอๆ กับหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อ ผมว่าใครเห็นเหตุการณ์นี้โดยใกล้ชิดก็คงเขินทุกคน
ผมเสร็จจากการหาหนังสือให้ลูกค้าแล้วจึงเดินตรงไปหาตฤนที่ว่างอยู่พอดี ดึงแขนอีกฝ่ายให้เดินตามไปที่มุมร้านออกห่างจากคนอื่นๆ
“ผมถามอะไรหน่อยสิตฤน”
“อะไร”
“รามเป็นคนใจดีแบบนี้อยู่แล้วหรือว่า...” พอจะให้พูดจริงๆ ผมก็ไม่กล้า เอาน่าคนฉลาดอย่างตฤนต้องเข้าใจสิ ผมอยากถามให้แน่ใจจะได้รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง ผมเป็นห่วงพี่ซิน ถ้ารามทำเพราะเป็นหนุ่มเจ้าชู้ผมจะได้เตือนเจ้านายทัน
“แล้วนายคิดว่าไง”
“ถ้าให้ผมเดา ผมก็เดาจากที่เห็นว่ารามเหมือนสนใจพี่ซินเลย”
“ทีอย่างนี้ดันเก่ง”
“อะไรนะ! แปลว่าใช่เหรอ” ผมเบิกตากว้าง ตกใจจนเผลอขึ้นเสียงดัง ต้องรีบลดเสียงลงแทบไม่ทัน
“รามยังไม่ได้พูดอะไร แต่ฉันคิดว่าใช่”
“จริงเหรอ! ไม่อยากเชื่อเลย” ผมพูดกับตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดีใจ และกังวลใจแทนเจ้านาย
“วันหลังก็ช่วยเก่งแบบนี้กับทุกเรื่องด้วยนะ”
“เอ๋?” ผมเงยหน้ามองตฤน “หมายความว่ายังไง”
“ว่านายมันสมองเท่าเม็ดถั่ว เฮ้อ..กระต่ายเอ๋อก็ยังเป็นกระต่ายเอ๋อวันยังค่ำ” ตฤนใช้สองมือจับศีรษะผมโยกเบาๆ “หัดมองรอบๆ บ้าง มัวแต่เอ๋ออยู่ได้”
“ก็ถ้ารู้ว่าผมเอ๋อตฤนก็บอกผมตรงๆ สิ นี่รู้ว่าผมเป็นงี้แต่ก็ไม่ยอมพูด ใครสมองเท่าเม็ดถั่วกันแน่” ตฤนทำหน้าเหมือนอยากฟาดผมเข้าให้สักที
“ตกลงตฤนพูดถึงเรื่องไหน บอกผมมาเลย”
ดวงตาของตฤนมองผมนิ่ง ก่อนเสียงถอนใจจะดังออกมาเบาๆ “ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีสิ ลูกค้าเข้ามาแล้วนายไปดูเถอะ”
“อืม” ผมพยักหน้า ยังไงงานก็ต้องมาก่อน แต่สีหน้าเหนื่อยๆ ของตฤนทำให้ผมกังวลใจ ผมจึงชะงักฝีเท้าและหันกลับไปหาร่างสูงอีกครั้ง
“ผมไม่รู้ว่าตฤนหมายถึงเรื่องอะไรแต่ช่วยคิดถึงมันใหม่อีกทีเถอะนะ อะไรก็ตามที่ตฤนคิดว่าผมจะทำ ผมมั่นใจว่าต้องทำตรงข้ามกับที่ตฤนคิดไว้แน่ๆ เพราะผมชอบให้ตฤนยิ้มมากกว่าถอนใจ” ผมส่งยิ้มกว้างไปให้ตฤน อีกฝ่ายมองผมนิ่งก่อนรอยยิ้มบางเบาจะจุดขึ้นที่ริมฝีปาก สายตาที่มองมาอ่อนโยน
“ลูกค้ารอนานแล้วกระต่ายเอ๋อ”
“อ๊ะ! ลืมเลย” ผมหัวเราะแห้งๆ ยิ้มเขิน เพราะผมยืนหันหลังให้จึงมองไม่เห็นลูกค้า มัวแต่พูดเพลินลืมสนิทใจ
“ไปเถอะ”
“อืม” ผมรีบเดินกลับไปที่หน้าร้าน ขอโทษลูกค้าที่ปล่อยให้ยืนรอ ก่อนทำหน้าที่พนักงานอย่างขยันขันแข็ง
• • • • • • • •
เพราะการโปรโมตล่วงหน้าว่าวันฉลองครบรอบสองปีของร้าน นอกจากจะมีส่วนลด ของแจกของแถมมากมายแล้ว ยังมีพนักงานเป็นหนุ่มหล่อดีกรีนายแบบและดารามาช่วยดูแล ทำให้ร้านคึกคักมีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ ซึ่งปกติจะเงียบมาก
ผมลอบมองสามหนุ่ม เข้าใจคำว่ามืออาชีพแล้ว แม้ไม่รู้ข้อมูลหนังสือภายในร้านมากนักแต่ก็สามารถขายและแนะนำหนังสือได้อย่างมืออาชีพ วิธีเชิญชวนให้ซื้อวิธีเลี่ยงตอบคำถามที่ไม่รู้ต้องยกนิ้วให้ พี่ซินคิดเงินมือเป็นระวิง ส่วนผมกับกล้าช่วยกันจัดหน้าร้าน เติมหนังสือ เข้าไปช่วยอธิบายเรื่องย่อเมื่อสามหนุ่มเรียก กว่าจะบ่ายคล้อยก็เล่นเอาหมดแรง
วันนี้พี่ซินปิดร้านเร็วกว่าทุกวัน โดยทำป้ายแจ้งลูกค้าไว้ล่วงหน้าว่าจะปิดเวลาสิบห้านาฬิกา ความตั้งใจเดิมคือไปบ้านพี่ซินเพื่อทำอะไรกินกันสามคนเป็นการฉลอง แต่เมื่อมีสามหนุ่มมาด้วยพี่ซินจึงเปลี่ยนใจพาไปกินที่ร้านอาหารแทน
“อยากทานอะไรกันวันนี้พี่เลี้ยงเอง เป็นการขอบคุณที่มาช่วย”
“อะไรก็ได้ครับ” ปอนเป็นคนตอบพี่ซิน
“อะไรก็ได้งั้นไปบ้านพี่ซินเหมือนเดิม” กล้าพูดปนหัวเราะ ออกอาการแซวมากกว่าจะหมายความจริงจังตามนั้น
“เหมือนเดิมแปลว่าทีแรกจะไปบ้านพี่ซินกันเหรอวะ”
“ใช่” กล้าตอบคำถามปอน
“งั้นก็เอาตามนั้น” รามสรุปรวบรัดเล่นเอาเจ้านายผมตกใจจนตาโต
“อย่าเลย!” พี่ซินปฏิเสธ “บ้านพี่เล็ก รกด้วยอายเค้า”
“ผมเหนื่อย ง่วงด้วย ไม่อยากไปนั่งที่ร้าน”
“งั้นไว้พี่เลี้ยงวันหลังไหม กลับไปพักผ่อนกันก่อน”
“ไล่ผมสองครั้งแล้วนะครับคุณเจ้าของร้านใจร้าย”
พี่ซินทำหน้าเหมือนไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่กล้าตัดสินใจ หันมามองผมราวกับต้องการให้ช่วย ผมคิดอยู่อึดใจหนึ่งก่อนตัดสินใจ “ไปบ้านพี่ซินก็ดีครับ เหนื่อยกันมาทั้งวันจะได้นั่งกินสบายๆ “ ผมกล้าพูดเพราะรู้ว่าบ้านพี่ซินไม่ได้รกเลยสักนิด
“เอางั้นก็ดีนะ มีบอลด้วยจะได้นั่งดู” กล้ารีบเห็นด้วย “เราแวะซื้ออะไรที่ซุปเปอร์มาเก็ตเข้าไปทำเหมือนที่พี่ซินคิดไว้ทีแรกก็ได้นี่ใช่ไหม”
“เอางั้นเหรอ” เสียงพี่ซินอ่อย
“เอางั้นครับ” ไม่ใช่ผมหรือกล้าที่ตอบแต่เป็นราม พี่ซินทำหน้าปลงตกก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นอันว่าตกลงกันได้ด้วยดี ส่วนตัวผมได้แต่ภาวนาว่าการตัดสินใจเปิดทางให้รามครั้งนี้จะไม่ผิดพลาด เหมือนที่ผมกำลังเปิดทางให้กับตัวเองเช่นกัน ผมอยากลองทำตามหัวใจตัวเองสักครั้ง ไม่เป็นไรหรอกหากต้องร่วงหล่นลงมา เพราะผมรู้แล้วว่าความสุขในการชอบใครสักคนมันเป็นอย่างไร
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
จัดให้สำหรับคนรอโมเมนต์รามซินนะคะ ตอนหน้ากระต่ายเอ๋อจัดเต็ม ส่วนคู่สุดท้ายไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวมีมาให้อ่านแน่นอนค่า ><
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin