ตอนที่ 8 : โลกไม่ได้มีเราเพียงสองคน (2) “ว่านผมถามอะไรหน่อย”
“ได้สิ” ผมเดินช้าลงเพื่อรอฟังสิ่งที่รามอยากรู้ ร้านหมูกระทะไม่มีที่จอดรถเป็นของตัวเองจึงต้องหาที่จอดห่างออกไป รามทักผมระหว่างเดินไปที่ร้าน
“เจ้านายว่านไม่ชอบขี้หน้าผมเหรอ” ผมเบิกตากว้าง อยากจะร้องออกมาว่าคิดอยู่แล้วเชียว
“เปล่า ทำไมรามคิดแบบนั้น”
“รู้สึกเหมือนถูกเกลียดขี้หน้าชอบกล” รามพยักพเยิดไปยังแผ่นหลังของคนที่เดินนำลิ่วไปข้างหน้า
“พี่ซินคงเขินๆ มั้งเจอดารา” ผมไม่กล้าเอาความลับของพี่ซินมาเปิดเผย จึงพูดกลางไว้ก่อน
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แล้วไป”
“ไม่มีอะไร อย่าคิดมาก”
“อืม”
ผมต้องก้มหน้าลงซ่อนยิ้ม พี่ซินหนอพี่ซินอยู่ดีไม่ว่าดีจะกลายเป็นแอนตี้แฟนเหมือนผมซะแล้ว
“ลุงสวัสดีครับ” กล้าทักทายเจ้าของร้าน ผมเคยมากินหลายหนแต่ไม่บ่อยเท่าเพื่อน เพราะติดว่าต้องทำงานพิเศษเกือบทุกวัน
“หลังร้านเลย ลุงจัดที่ให้แล้ว”
“ขอบคุณครับ”
“หลังร้านเลยเหรอวะ” ผมมองหน้ากล้า นึกสภาพไม่ออกว่ามันจะเป็นยังไง เอาสามคนนี้ไปยัดไว้หลังร้านจะไหวหรือเปล่า
“มันโอเคเชื่อดิวะ”
“เออ” ผมยอมเชื่อเพื่อน พวกเราเดินตามกล้าจากหน้าร้านผ่านโต๊ะที่ตั้งอยู่มากมายไปจนถึงหลังร้าน เมื่อกล้าเปิดประตูออกไป สิ่งที่เห็นทำให้ผมประหลาดใจเพราะมันดีกว่าที่คิด ด้านหลังเป็นพื้นที่โล่ง มีโต๊ะหินอ่อนตั้งติดกันสองชุด บนโต๊ะมีเตาสำหรับปิ้งย่างตั้งไว้ให้เรียบร้อยสองชุด
“พวงมึงนั่งรออยู่นี่แล้วกัน กูไม่อยากให้คนในร้านแตกตื่น เมื่อกี้ตอนเดินผ่านก็เห็นมองมาหลายคน เดี๋ยวกู ไอ้ว่านไปตักมาให้ใครจะกินอะไรก็ว่ามา”
“พี่ไปด้วย!” พี่ซินแตกตื่นทันทีที่ได้ยิน ดูเหมือนการต้องอยู่กับชายหนุ่มสามคนเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่พี่ซินจะรับมือไหว
“อย่าไปเลยครับ” เสียงห้ามเป็นของราม “ถ้าให้พี่ไปตักให้ผมออกไปเองดีกว่า”
“ไม่เป็นไรพี่ไปเอง” พี่ซินรีบปฏิเสธ ท่าทางยังไงก็ไม่ยอมอยู่รอ
“มึงต้องคีพลุคพระเอกขนาดนี้เลยเหรอวะ” กล้าแซวเพื่อนที่รู้จักกันมานานแต่เพิ่งมีโอกาสสนิทสนม
“เปล่า กูแค่รู้จักเกรงใจผู้ใหญ่”
ผมว่าคงเหมือนมีมีดสักสิบเล่มปักอกพี่ซินอยู่แน่ๆ ครับตอนนี้
“ปล่อยพี่เขาไปตักเถอะจะได้เลือกที่อยากทาน” ปอนช่วยชีวิตพี่ซินเอาไว้ รอยยิ้มที่ส่งมาทำใบหน้าหล่อเหลาดูละมุนตา
“ไอ้ปอนพูดถูก” คนที่นั่งเงียบมานานเพิ่งออกความคิดเห็น “ว่าน”
“ครับ”
คนตั้งใจจะพูดต่อหยุดชะงักมองหน้าผมเหมือนไม่เชื่อหู แต่พอผมส่งยิ้มกว้างไปให้กลับทำหน้าบึ้งใส่ “ตฤนจะฝากเอาอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมตักให้” ผมถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเลิกพูดไปเสียเฉยๆ
“....”
ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆ ของตฤน เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า “มีอะไรหรือเปล่า” ผมก้มลงมองตัวเอง ซิบก็รูดดีแล้วไม่แตก เสื้อก็ไม่มีตรงไหนเปื้อนให้อาย แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
“ฝากหยิบหมูไม่ติดมันมาให้ด้วย”
“ได้ เดี๋ยวผมหยิบมาให้” ผมตอบรับตฤน คิ้วขมวดมุ่นเพราะยังหาสาเหตุอาการแปลกๆ ของอีกฝ่ายไม่ได้ จนเดินออกมาตักอาหารแล้วผมก็ยังเลิกคิดไม่ได้
“เอาอันนี้ อันนี้ด้วย อันนี้”
“พี่ซินไม่ชอบกินอาหารทะเลไม่ใช่เหรอครับ” ผมทักเพราะคราวนี้พี่ซินเน้นตักของทะเลเสียส่วนใหญ่
“อืม แต่รามชอบ”
“เอ๋?” ผมว่าผมไม่ได้ยินรามบอกอะไรนะ
“พี่ซินรู้ได้ไง” กล้ายื่นหน้าเข้ามาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น กล้าก็คงเหมือนผมจำได้ว่ารามไม่ได้ฝากให้หยิบอะไรเป็นพิเศษ
“รู้สิ พี่ตามอินสตาแกรมของรามอยู่ เห็นทานอะไรก็ใส่แต่กุ้งแต่ปลาหมึก”
“โอ้~” ผมกับกล้าอุทานขึ้นพร้อมกัน “รักจริงๆ” กล้าแซวกึ่งประชดนิดๆ พอขำกัน
“มาก~” แต่พี่ซินกลับยิ้มรับหน้าบาน
“ทีอยู่ต่อหน้าไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลยครับพี่ซิน เมื่อกี้รามมาถามผมด้วยว่าพี่ซินเกลียดขี้หน้ารามหรือเปล่า”
“ไม่จริง!” พี่ซินตาโตมาก ผมว่าอีกนิดก็น่าจะตาค้างแล้ว
“จริงพี่”
“แล้วว่านตอบไปว่ายังไง”
“ก็บอกว่าพี่ซินไม่ได้เกลียดแต่รักมากต่างหาก”
“ว่าน~ ทำอย่างนี้กับพี่ไมได้นะ พี่กลับก่อนดีกว่าไม่อยู่แล้ว”
“ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ ก็บอกไปว่าคงเขินๆ ที่เจอดารา รามก็ไม่ได้ติดใจอะไร”
“โอ๊ยค่อยยังชั่ว” พี่ซินมีสีหน้าโล่งอกมาก
“จะรอดไหมพี่กว่าจะกินเสร็จ” กล้าเริ่มไม่แน่ใจจนต้องถามออกมา
“เดี๋ยวพี่นั่งกินเงียบๆ กินอย่างเดียวไม่พูดอะไรเลย”
“ไม่รอดแน่” ผมฟังคำตอบพิ่สินแล้ว ได้แต่ส่ายหัวพร้อมฟันธง
“ไม่รู้แล้ว รีบๆ ตักเถอะเดี๋ยวข้างในหิวกัน”
“หิวอะไรกินพี่ซิน ขนมปังไปตั้งสามสี่ก่อน ปอบจริงๆ”
“อย่าว่าราม รามทำอะไรก็ไม่ผิด”
“เฮ้อ กรรมของผม” กล้าส่ายหัวก่อนเดินแยกไปตักของอย่างอื่น พอเงียบเสียงผมก็อดคิดถึงเรื่องที่สงสัยเมื่อครู่ไม่ได้ ผมทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่าทำไมตฤนถึงมีท่าทางแปลกชอบกล
• • • • • • • •
“เป็นนายแบบ ดาราอย่างพวกมึงนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ ของอร่อยก็ไม่ได้กิน” กล้าถามขณะที่มือก็คีบหมูสามชั้นแทบไม่ติดเนื้อเข้าปาก
“ก็พอกินได้แต่มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
“พูดงี้มึงต่อยกูเลยดีกว่า” กล้ามองแรงใส่ปอน อีกฝ่ายจึงหัวเราะออกมา
“แต่มึงก็ไม่หยุดกินใช่ไหม”
“จะหยุดทำไม บอกแล้วว่าของอร่อย” ว่าแล้วกล้าก็คีบมันอีกชิ้นเข้าปากให้ปอนดู หูผมฟังคนอื่นพูดกันแต่ตาก็คอยเหลือบมองตฤน
“ตฤนไม่กินกุ้งเหรอ” ผมมองตฤนอยู่นานจนมั่นใจแล้วจึงถามขึ้น
“ไอ้ตฤนมันชอบกินแต่มันไม่ชอบแกะ” ปอนชิงตอบผมเสียเอง “ปกติมันมีสาวๆ แกะให้” คนพูดยักคิ้วให้เพื่อน
“งั้นผมแกะให้ ถึงจะไม่ใช่สาวๆ แต่ผมแกะกุ้งเป็น” ” ผมยิ้มกว้างทั้งปากและตา รีบหยิบกุ้งที่ปิ้งสุกแล้วมาใส่ในจานตัวเอง
“ไม่เป็นไร” เสียงห้วนๆ ไม่บ่งบอกว่าเจ้าตัวเกรงใจหรือรำคาญไม่อยากให้ผมยุ่งกันแน่ ผมไม่อยากให้ตฤนอึดอัดจึงตัดสินใจถามออกไปตรงๆ
“ผมกวนเกินไปหรือเปล่า บอกได้นะ ไม่รู้ว่าอันไหนที่แฟนคลับทำแล้วทำให้คนที่ชอบรำคาญ”
ตฤนมองหน้าผมนิ่ง ผมเองก็รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แต่สุดท้ายคำตอบที่ได้หล่นตุ๊บลงบนจานตรงหน้าผม เล่นเอายิ้มแก้มแทบปริ ก็ตฤนเล่นคีบกุ้งโยนลงบนจานผมสามสี่ตัว
“ตฤน” ผมเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนเอาใจ
“อะไรอีก นายเป็นแฟนคลับที่คำถามเยอะที่สุด วุ่นวายที่สุดเลยรู้ไหม”
“ผมจะบอกว่าตัวนี้มันไม่สุก” ผมคีบกุ้งตัวหนึ่งขึ้นมา พยายามกลั้นหัวเราะจนปากสั่นน้อยๆ แต่ดูเหมือนว่ามีคนไม่อยากกลั้นถึงสามคน เพราะเสียงหัวเราะของราม ปอนและกล้าดังประสานกันขึ้นมา
“ผมบอกเฉยๆ” ผมทำหน้าจ๋อยแต่ตาเป็นประกาย ตฤนที่โก๊ะกังนิดๆ แบบนี้น่ารักที่สุด
“อย่าไปถือสาว่านมันเลยตฤน มันไมได้ตั้งใจกวนตีนมึงหรอก นิสัยมันเป็นแบบนี้ชอบพูดชอบถามอะไรตรงๆ”
“อืม” ตฤนทำเสียงในลำคอ ผมหันไปยิ้มขอบคุณกล้าที่ช่วยออกหน้าให้เพื่อน
“มีใครเอาพริกบ้าง” กล้ายื่นถ้วยพริกที่ตักมาเสียเต็มเพราะเจ้าตัวชอบทานเผ็ดออกไปข้างหน้า เผื่อแผ่ให้ผู้ร่วมโต๊ะคนอื่น รามกับปอนตักคนละหนึ่งช้อน แต่ตฤนไม่มีทีท่าจะตักเพิ่มจากที่มีอยู่ “มึงไม่เอาเหรอ”
“ไม่ล่ะ”
“ไอ้ตฤนมันกิดเผ็ดไม่ค่อยได้ ไม่ใช่ว่าปากทนรสเผ็ดไม่ได้นะ แต่กินทีไรปากแดงหน้าแดงมันเลยไม่ค่อยกิน”
“โอ้~ต้องน่ารักมากแน่ๆ ผมชักอยากเห็น.. อุ๊บ!” ผมตาโตรีบยกมือขึ้นตะครุบปากตัวเองก่อนส่งยิ้มแหยๆ ไปให้คนที่เอ่ยปากชม ลืมไปว่าตฤนไม่ชอบให้ชมว่าน่ารัก
“ฮ่าๆ กูเข้าใจแล้ว” ปอนหัวเราะลั่น สายตาที่มองผมปะปนระหว่างรู้สึกถูกใจกับขบขัน
“รู้อะไรเหรอ” เมื่อเรื่องมันเกี่ยวกับผมก็ต้องถามให้รู้เรื่อง
“รู้ว่าทำไมไอ้ตฤนถึงบอกว่าว่านเป็นคนที่จัดการได้ยากมาก ฮ่าๆ ตั้งแต่เป็นเพื่อนมันมาได้ยินมาหมดทั้งคำชมมัน คำด่ามัน แต่ไม่ยักเจอใครชมว่ามันน่ารักแถมมองด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนว่าน มึงเลยดูแบ๊วไปเลยว่ะ ฮ่าๆ “ ตอนจบประโยคปอนหันไปตบบ่าเพื่อนแรงๆ
“ก็ตฤนน่ารักจริงๆ” ผมพูดอุบอิบอยู่ในลำคอ ไม่รู้ว่าใครเห็นตฤนเป็นแบบไหน แต่ผมเห็นตฤนเป็นแบบนี้ ถึงไม่กลัวที่จะเข้าใกล้อีกฝ่าย แม้จะได้ยินกิตติศัพท์ความหยิ่งและร้ายกาจมามากแค่ไหนก็ตาม
“มึงเห็นกันหรือยัง” คราวนี้ตฤนจ้องมาที่ผมแม้จะพูดกับเพื่อนก็ตาม
“เห็น” รามพยักหน้า ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก “อย่างที่มึงเล่าเลย”
ผมฟังแล้วยิ้มกว้างจนตาหยี “ผมต้องเป็นแฟนคลับที่น่าอิจฉามากแน่ๆ ตฤนเอาเรื่องของผมไปพูดกับเพื่อนด้วย” ผมดีใจจริงๆ ไม่ได้ประชดแต่อย่างใด
“ฮ่าๆ ปกติเขาต้องรู้สึกแบบ..เฮ้ย!เอาเราไปนินทาเหรอไม่ใช่เหรอว่าน อย่าดีใจสิ เราต้องสงสัยต้องโกรธ” ดูเหมือนปอนจะสนุกไปกับทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับตฤน
“ก็ผมไม่รู้สึกแบบนั้นนี่” ผมส่ายหัว
“เอ๋อ”
“อีกแล้ว!” ผมหันไปทำหน้าไม่ชอบใจใส่ตฤน แต่แทนที่อีกฝ่ายจะโกรธดูเหมือนหน้าดุๆ นั้นกำลังพยายามกลั้นยิ้ม เพราะดวงตาเป็นประกายวาววับ
“แล้วตกลงมึงแค่พูดถึงหรือเอาเพื่อนกูไปนินทาจริงๆ” กล้าถามแทรกด้วยท่าทางสบายๆ แต่ดวงตากลับจริงจัง
“ไม่ได้นินทา เล่าให้ฟังปกติ”
“มึงเป็นอะไรกับมันหรือเปล่าวะ กูถามไอ้ตฤนทีไรมึงตอบแทนทุกที” กล้าหันไปจ้องหน้าปอนแทน
“ความลับแตกจนได้!” ปอนยกมือทาบอกทั้งสองข้าง เล่นใหญ่จนผมยังขำ ก่อนจะปรับท่าทางกลับเป็นชายหนุ่มมาดเท่คนเดิม
“ไมได้เป็นอะไร มันไม่ค่อยพูดส่วนกูชอบพูด กูเลยเป็นคนตอบให้”
“ก็แล้วไป”
“ไม่เห็นพี่ซินคุยเลยครับ” เสียงทักของรามทำให้พวกผมทั้งหมดหยุดบทสนทนา สายตาทุกคู่จับจ้องไปพี่ซิน ผู้ซึ่งเงยหน้าขึ้นช้าๆ ปากยังคาบหมูสามชั้นที่พยายามกัดให้ขาดอยู่ ก่อนเนื้อหมูชิ้นนั้นจะตกลงไปนอนแอ้งแม้งในจานด้วยความตกใจของพี่ซิน
“พี่หิวค่ะ”
พี่ซินหนอพี่ซิน ผมว่าพี่ซินก็คงกำลังนึกด่าตัวเองอยู่ในใจเหมือนกัน
“งั้นทานต่อเลยครับขอโทษที่ขัดจังหวะ”
“ค่ะ” แล้วพี่ซินก็ก้มหน้าก้มตากินเพื่อหลบสายตา ผมมั่นใจว่ารามต้องเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์แน่ว่าพี่ซินหิว คงไม่คิดว่าอาการพี่ซินแปลกๆ แต่อย่างใด ว่าแต่..ผมลอบมองใบหน้าด้านข้างของตฤน แล้วอาการแปลกๆ ก่อนหน้านี้ของตฤนล่ะมันคืออะไรนะ จนป่านนี้ผมก็ยังไม่ได้คำตอบเลย
“เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง” พี่ซินออกปากเมื่อทุกคนอิ่มหนำสำราญดีแล้ว
“ผมขอเลี้ยงแทนได้ไหมครับ เป็นการขอโทษที่วันนี้เข้าไปกวนที่ร้าน”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เอ่อ..พี่อาวุโสสุดในนี้ ทำงานทำการแล้วด้วยจะให้น้องๆ เลี้ยงได้ยังไง”
“งั้นก็มองผมว่าเป็นผู้ชายสิครับ ผู้ชายที่อยากช่วยจ่ายให้กับผู้หญิงที่มาด้วย ไม่ใช่น้องที่มากับพี่”
ผมคิดว่าณ จุดนี้พี่ซินอาจจะระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆได้ จึงรีบส่งซิกให้กล้าเข้าช่วยเหลือทันที
“หารกันดีกว่ามันเป็นบุฟเฟ่ต์ราคาเดียวอยู่แล้ว อันนี้ของกู ไอ้ว่านกับพี่ซิน สามหัว” กล้าเปิดกระเป๋าตังค์หยิบเงินมาวางไว้บนโต๊ะ เดี๋ยวผมค่อยคืนให้เพื่อนทีหลัง
“ให้ทางนี้ออกดีแล้ว ไม่ได้มากินหมูกระทะอร่อยๆ แบบนี้นานมาก” ปอนหยิบเงินยัดคืนใส่กระเป๋าเสื้อของว่าน“ขอบคุณที่ชวนมา”
“กูไม่ได้ชวน รามมันถามอยากตามมาด้วยเอง บอกว่าไม่ได้กินนานแล้ว”
“มึงแม่งกวนตีนดี เห็นหน้ามาตั้งนานนึกว่า..”
“ไม่เหมือนอย่างที่คิด?”
“เปล่า โคตรเหมือนอย่างที่คิด”
“ฮ่าๆ” กล้าหัวเราะถูกใจในขณะที่ปอนยิ้มกว้าง
“อยากมาอีกเมื่อไหร่ก็บอก กูสนิทกับเจ้าของร้าน”
“กูมาแน่ ขอบใจนะ” รอยยิ้มของปอนที่ส่งให้กล้า ผมว่าเพื่อนผมมีเพื่อนใหม่แล้ว ไม่ใช่คนไม่สนิทสนมกันอีกต่อไป
“ตกลงมึงจะเลี้ยงให้ได้ใช่ไหม กูจะได้เรียกลุงมาคิดเงิน”
“ใช่ ไอ้รามจะเลี้ยง”
“ฮ่าๆ มึงแม่งก็กวนตีนนี่หว่านึกว่าจะเป็นหนุ่มเฟรนลี่ขยี้ใจสาวๆอย่างเดียวเสียอีก” ปอนยักคิ้วให้กล้าแทนคำตอบ สุดท้ายรามก็เป็นคนเลี้ยงอย่างที่ตั้งใจ ผมเลยพลอยได้อานิสงส์กินของอร่อยแบบสบายกระเป๋าไปด้วย
“ตฤนขอถามอะไรนิดได้ไหม” ผมขยับเข้าไปใกล้ตฤน ระหว่างเดินกลับไปที่รถ ผมรอจังหวะนี้มานาน
“อืม”
“วันนี้ผมทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า”
“ไม่มี”
“งั้นเหรอ” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าครุ่นคิด
“ถามทำไม”
“ก็วันนี้ตฤนทำท่าแปลกๆ ตอนที่เรียกผมแล้วจู่ๆ ก็ทำท่าเหมือนไม่อยากพูดด้วยแล้ว เหมือนไม่พอใจอะไรขึ้นมา ผมไม่ได้จะเซ้าซี้นะ ไม่ตอบก็ได้ แต่ที่ถามเพราะจะได้ระวัง วันหลังจะได้ไม่ทำอีก”
“...”
“มีแน่ๆ เลยใช่ไหม ไม่อย่างนั้นคงตอบแล้วว่าไม่มี” ผมคาดเดาจากความเงียบของอีกฝ่าย “ผมทำอะไรหว่า นึกยังไงก็นึกไม่ออก”
เสียงถอนใจหนักๆ ดังขึ้น ผมเลยยิ่งจ๋อย “นายพูดเพราะ”
“หา!” ผมตกใจจนเผลอหยุดเดินทำให้ร่างสูงต้องหยุดเดินตามไปด้วย ก็ใครจะคิดละครับว่าจะเจอคำตอบนี้
“จริงเหรอ”
“ปกตินายพูดแทนตัวว่าฉันนาย ไม่เคยพูดคำว่าครับ มันเลยแปร่งหู”
“อ๋ออ โล่งใจไปที” ผมยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ “ก็ตฤนชอบให้ผมพูดเพราะผมก็เลยพูด”
“ฉันเปล่า”
“ตฤนชอบ”
“ฉันไม่เคยพูด”
“ก็ปอนบอก ที่ร้านไงจำได้ไหม”
“อายุเท่าไหร่ ทำไมถึงโดนหลอกง่าย”
“ไม่จริงน่า ตฤนชอบผมรู้”
“ไอ้เด็กเอ๋อเอ๋ย”
“ก็อายุเท่ากันละน่า”
“เถียงเหรอ”
“แล้วชอบหรือเปล่า”
“ไม่ชอบให้เถียง”
“เห็นไหม ก็แปลว่าชอบให้พูดเพราะ”
“....”
“ต่อไปจะพูดครับทุกคำเลย” ผมส่งยิ้มกว้างจนตาหยีไปให้
“เกินไป”
“ผมก็ชอบนะ ตฤนจะพูดบ้างก็ได้”
“ฝันไปเถอะ”
“ตฤนครับ”
“..”
“ตฤนคร้าบ”
“ติ..” มือใหญ่เอื้อมมาปิดปากผม ดวงตาของเราสบกันนิ่ง จู่ๆ หัวใจของผมก็เต้นตึกตักขึ้นมา
“ไม่พูดแล้ว” ผมพูดอู้อี้อยู่ใต้มือของตฤน หัวใจเต้นแรงจนไม่เหมือนไม่ใช่ของตัวเองที่ผมรู้จัก ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“แน่ใจ”
“อื้อ”
“ก็แค่นั้น” ผมมองตามมือตฤน เมื่อกี้ยังอยากให้รีบเอาออกอยู่เลยแต่ตอนนี้ดันกลับเสียดาย
“ตฤน”
ร่างสูงหันขวับมามองผม ผมรีบยกสองมือขึ้นกางกั้น
“จะบอกแค่ว่าผมพูดเพราะกับตฤนเพราะผมอยากพูด”
“...”
“ไม่ได้เหรอ”
“ตามใจ”
“บอกแล้วว่าตฤนน่ารัก”
“ไอ้กระต่ายเอ๋อ!!”
“ฮ่าๆกลัวแล้วคร้าบบ” ผมรีบวิ่งหนีตฤนไปหากล้า ริมฝีปากแทบหุบยิ้มไม่ได้ พี่ซินพูดถูกว่าโลกนี้ไม่ได้มีเราแค่สองคน แต่ถึงโลกไม่ได้มีแค่เราสองคนก็ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นโลกที่มีอีกคนหนึ่งอยู่ก็พอ ความสุขที่ผมอยากได้ไม่ใช่สิ่งยิ่งใหญ่ ขอแค่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ ผมก็มีความสุขมากพอแล้ว
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ฟินเล็กๆ ไปก่อนนะคะ ตอนหน้าจะเริ่มรุกหนัก กระชับฉับไว แต่ใครรุกแรกกว่ายังไม่เฉลยนะคะ (แต่ตฤนน่ะเป็นรุกแน่ๆ ค่า)
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin