ตอนที่ 20: รัก
-ตฤน-ผมขับรถออกจากสตูดิโอมุ่งหน้าไปยังหอพักของว่าน กระต่ายเอ๋อร้องเพลงงึมงำ หันมายิ้มให้ผมเป็นระยะ แววตาเขินแต่สุกใสเป็นประกาย ผมเป็นคนไม่ค่อยยิ้มแต่อยู่ใกล้กระต่ายเอ๋อเมื่อไหร่ผมมักยิ้มโดยไม่รู้ตัว
"ว่าน"
"ครับ"
"หยุดยิ้มได้แล้ว" ผมแกล้งแซวกระต่ายเอ๋อ
"ผมมีความสุข" ว่านยิ้มกว้าง สายตาที่มองมาจริงใจ
"หึๆ
“อยากรู้ชะมัดกล้ากับพี่ซินจะว่ายังไง ถ้ารู้ว่า..” กระต่ายเอ๋อหน้าแดงเรื่อ
“ว่าอะไร”
“ตฤนรู้อยู่แล้วยังมาถามผมอีก” ว่านย่นจมูกใส่ผม ดูน่ารักน่าชังจนผมต้องยกมือขึ้นขยี้ผมนุ่มของอีกฝ่าย มันเป็นเรื่องแปลกที่เรื่องเดิมๆ ที่เราเคยพบเจอกลับถูกเปลี่ยนมุมมอง ที่เคยรำคาญกลับไม่ ที่เคยไม่ใส่ใจกลับให้ความสำคัญ เหตุการณ์เดียวกันกลับให้ผลคนละอย่าง เพียงเพราะคำว่าชอบคำเดียว
ผมในวันที่มั่นใจแล้วว่าชอบว่าน เกิดคำถามขึ้นในใจว่าแล้วว่านล่ะคิดยังไงกับผม วูบหนึ่งความกังวลถาโถมเข้าใส่ ถ้าว่านสนใจผมแบบแฟนคลับเท่านั้น ถ้าว่านแค่ชื่นชมชื่นชอบผมอย่างที่พูดผลจะเป็นอย่างไร คำตอบเดียวที่ผมคิดได้คือผมไม่มีวันยอมปล่อยว่านไป
• • • • • • • •
“อะไร” ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นถุงที่แขวนอยู่กับกระจกมองข้าง “เสื้อยืด?” ผมคลี่เสื้อยืดสีขาวออกดู ด้านหน้าเป็นรูปวาดสีน้ำลาย dreamcatcher ตาข่ายสีน้ำตาลกับขนนกสีฟ้าอ่อนพลิ้วไหว แบบเดียวกับที่ว่านให้ผมในฐานะหวาน
ใส่นอนก็ยังดีนะ อย่าทิ้งเลย...ว่าน ผมอ่านข้อความในการ์ดแผ่นเล็ก
“ของผมเอง” ผมสบตากระต่ายเอ๋อ ทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าลุ้นของอีกฝ่าย
“ฉันไม่ได้สอบตกภาษาไทย อ่านออก” ผมตีหน้าตาย “นึกยังไงถึงเลียนแบบหวานเอาของมาแขวนไว้แบบนี้ แต่ก็ขอบคุณนะสวยดี”
กระต่ายเอ๋ออ้าปากค้าง ผมพยายามซ่อนรอยยิ้มให้มิดชิด “ขึ้นรถสิจะยืนเอ๋อยู่ทำไม”
“เดี๋ยวตฤน!” กระต่ายเอ๋อร้องเสียงหลง รีบวิ่งอ้อมรถเปิดประตูขึ้นมานั่ง
“คุยกันก่อน”
“เอาไว้ก่อนเดี๋ยวไปซื้อของไม่ทัน ป่านนี้พวกนั้นขับออกไปแล้วมั้ง” ผมหมายถึงรามกับปอน พวกผมมีหน้าที่แวะซื้อวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร เพื่อจัดเลี้ยงฉลองเปิดร้านครบสองปีที่บ้านของพี่ซิน
“แป๊บเดียว”
ผมแกล้งไม่รับมุกกระต่ายเอ๋ออยู่พักหนึ่ง แต่ปกปิดรอยยิ้มไว้ไม่ได้
“ตฤนรู้” ว่านชี้หน้าผมทำตาโต เมื่อถูกจับได้ผมจึงยอมรับ พร้อมกับตั้งคำถามว่าเพราะอะไรว่านถึงไม่ยอมบอกผมว่าตนเองคือหวาน สิ่งที่ได้ยินไม่ทำให้ผมแปลกใจแต่มันทำให้ผมแน่ใจว่าผมรักคนไม่ผิด
“ผมเคยคิดจะทำให้หวานหายไปตั้งแต่ช่วงที่เราเริ่มสนิทกัน แต่เพราะตฤนบอกว่าหวานเป็นคนที่ทำให้ตฤนยิ้มได้ ผมถึงไม่กล้าปล่อยหวานไป อย่างน้อยถ้าการมีอยู่ของหวานทำให้ตฤนมีความสุข ผมก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น ถึงหวานจะได้คะแนนของผมไปก็เถอะผมยอม”
จะมีสักกี่คนที่คิดเหมือนที่ว่านคิด จะมีสักกี่ครั้งที่คนดีๆ ผ่านมาให้เราได้พบเจอ ถ้าผมปล่อยมือนี้ไปผมคงเป็นผู้ชายที่โง่ที่สุด
“ไม่โกรธผมใช่ไหม อย่าโกรธเลยนะ ผมเจตนาดีจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงเลย” สายตาของว่านออดอ้อน ผมไม่รู้ว่าเจ้าตัวรู้ตัวหรือเปล่า ว่ามันทำให้ใจของผมอ่อนยวบแค่ไหน
“อืม” ผมรับคำในลำคอ รีบหันกลับไปมองหน้ารถ
“โกรธเหรอ” ว่านชะโงกตัวเข้ามาหาใช้เสียงอ้อนเต็มที่ ผมอดหันไปมองไม่ได้ สายตาจึงสบเข้ากับแววตางอนง้อของอีกฝ่าย
ผมเหมือนถูกคว่ำด้วยสายตาคู่นั้น กระต่ายเอ๋ออยากได้อะไรเอาไปได้เลย ผมยอมยกให้ทุกอย่างจริงๆ
“ตฤนคร้าบ
ผมรีบหันหน้าหนี แพ้เสียงอ้อนๆ ของกระต่ายเอ๋อจนหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ มันรู้สึกดีกับจิตใจอย่างบอกไม่ถูก
“ตฤนใจดีผมรู้ ไม่โกรธหรอก” สายตาและรอยยิ้มรู้ทันของว่านทำให้ผมนึกอยากแกล้ง ใครใช้ให้เดาถูกว่าผมกำลังเขิน
“ใช่ฉันไม่โกรธ”
“เยสสส” ว่านกำมือชูขึ้น ท่าทางดีใจจนออกนอกหน้า
“แต่ที่ฉันไม่โกรธ....” ผมทิ้งระยะคำพูด ดวงตาเป็นประกายวาววับ “เพราะฉันรู้มานานแล้ว”
ว่านยิ้มค้าง ปากเผยออ้าออกน้อยๆ ดึงดูดสายตาผมให้จ้องมอง นึกอยากลองสัมผัสสักครั้ง “กระต่ายเอ๋อเอ๊ย เอ๋อขนาดนี้คิดว่าไม่มีใครจับได้เหรอ”
กระต่ายเอ๋อหน้ามุ่ย ซักฟอกผมใหญ่ว่ารู้ได้อย่างไร รู้เมื่อไหร่ พอได้คำตอบก็เริ่มโวยวาย
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ของนั่นผมตั้งใจซื้อมาให้ตฤนกะจะให้เองกับมือ แต่พอตฤนบอกว่าคิดถึงหวาน ผมอุตส่าห์เสียสละความดีความชอบยกให้คนไม่มีตัวตนไป เพราะอยากให้ตฤนยิ้มได้ แล้วดูนะ มาวางกับดักผม” กระต่ายเอ๋อทำหน้าเป็นตูดเมื่อเห็นผมยิ้มชอบใจ
“โมโหทำไม นายอยากปิดฉันเอง”
“ใช่ ผมไม่ยอมบอกตฤน แต่ผมทำไปก็เพราะความเป็นห่วง”
“เข้าใจแล้ว” น้ำเสียงและดวงตาของผมอ่อนลง “ที่นายทำไปมันไม่เสียเปล่าหรอก ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร” กระต่ายเอ๋อเลิกหน้ามุ่ยกลับมายิ้มกว้างเหมือนเดิม ผมอิจฉาที่ว่านหาความสุขได้ง่ายดายนัก ดูเอาเถอะแค่นี้ก็ยิ้มดีใจใหญ่
“หายโมโหหรือยัง” ผมถามเสียงนุ่มเอาใจ
“นิดนึง”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าถึงจะรู้ว่าหวานกับว่านคือคนเดียวกัน แต่เรื่องที่หวานทำให้ฉันยิ้มได้ฉันพูดจริง นายจะหายโมโหไหม” ว่านจ้องหน้าผมนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ผมมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น อยากให้รู้ว่าผมจริงจังกับสิ่งที่พูดออกไป
“รู้ไว้เถอะฉันยิ้มได้เพราะนาย” ผมยื่นมือไปวางบนศีรษะเล็กๆ ของว่าน ขยี้ผมเบาๆ ก่อนปล่อย ได้แต่หวังว่าว่านจะรับรู้ถึงความรู้สึกของผม ฉันเป็นเหมือนหมีตัวนั้น ยิ้มได้เพราะมีนายอยู่ใกล้ อย่าไปไหนเลยนะกระต่ายเอ๋อ
• • • • • • • •
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากกินดื่ม พูดคุย ฉลองให้กับร้านหนังสือของพี่ซินแล้วกล้าก็ชวนทุกคนกลับ ปอนอาสาไปส่งกล้ากับรามที่บ้าน กระต่ายเอ๋อกลับกับผม
“ตฤนง่วงหรือเปล่า ผมไปส่งไหม”
“นายขับรถเป็นเหรอ”
“ไม่เป็น แต่ผมจะนั่งไปส่ง”
ผมปล่อยให้กระต่ายเอ๋อทำตามใจนั่งรถไปส่งผมจนถึงคอนโด หลังจากนั้นก็เป็นคราวของผมบ้างที่จะทำตามใจตัวเอง ด้วยการนั่งแท็กซี่ไปส่งกระต่ายเอ๋อยังหอพัก
“ง่วงไหม ง่วงก็นอนถึงหอนายแล้วฉันปลุกเอง”
“อื้อ” ว่านเอนตัวลง พิงศีรษะกับเบาะ ดวงตาปิดสนิท เพียงครู่เดียวลมหายใจก็สม่ำเสมอ ผมมองใบหน้ากระต่ายเอ๋อได้ไม่รู้เบื่อ เพิ่งเข้าใจคำว่าอยากให้ระยะทางยาวออกไปอีกนิด ไม่มีนาทีไหนที่ไร้ค่า
“ตฤนตื่นเถอะใกล้ถึงแล้ว” ผมหลับตานิ่งปล่อยให้ว่านเข้าใจว่าผมยังไม่ตื่น
“ตฤน” แขนถูกเขย่าเบาๆ ผมจึงลืมตาขึ้น
“ถึงแล้วเหรอ”
“อืม”
ผมขยับตัวขึ้นนั่งหลังตรง เผลอยกยิ้มมุมปากเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ใหญ่ ว่านดูตกใจที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองนอนซบไหล่ของผมอยู่ เสียงบ่นตัวเองดังเบาๆ หารู้ไม่ว่าผมต่างหากที่เป็นฝ่ายดึงว่านเข้ามาชิด
“ตฤนจะนั่งคันนี้กลับเลยไหมไม่ต้องลง แต่อย่าเผลอหลับในรถอีกนะ” ว่านลดเสียงลง คงไม่อยากให้คนขับได้ยิน
“ลงก่อนดีกว่า ยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย หาอะไรดื่มให้หายง่วงค่อยเรียกรถกลับ ไม่งั้นเผลอหลับยาวแน่”
“ก็ดีเหมือนกัน” ว่านพยักหน้า
“ตรงหัวมุมมีร้านสะดวกซื้อ” ว่านเดินนำผมไปตามทางเท้าหลังลงจากรถแท็กซี่ ผมเดินตามว่านไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
“ไหวไหม” ว่านถามขึ้นเมื่อเห็นว่าความง่วงของผมยังอยู่แม้จะดื่มน้ำเข้าไปแล้ว
“เดินกลับหอนายเถอะ เดินสักนิดน่าจะดีขึ้น”
“อืม” ว่านพยักหน้า มองผมด้วยสายตาเป็นห่วง ผมได้แต่แอบลุ้นอยู่ในใจว่าท่าทางที่แสดงออกไปจะทำให้กระต่ายเอ๋อเชื่อไหม
“ถ้าไม่ดีขึ้นไปพักที่ห้องสักแป๊บไหม แต่ห้องผมเล็กนะ” ผมหลุบตาลงต่ำ ไม่อยากให้ว่านเห็นแววตา
“อย่าเลย นายเหนื่อยแล้ว” ผมพูดด้วยท่าทางเนือยๆ
“ไม่เป็นไรขึ้นไปได้ ผมยังไม่ง่วง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้” โล่งอกไปทีที่คราวนี้กระต่ายเอ๋อตกหลุมที่ผมขุดล่อไว้ ช่างไม่รู้เลยว่าผมไม่อยากกลับคอนโด
“ค้างที่นี่ได้ไหม”
“หะ!” ว่านหมุนตัวมามองหน้าผม สีหน้าตกใจ
“นายได้ยินแล้วน่า”
“แต่..แต่..” ว่านหน้าตาตื่นพูดไม่เป็นประโยค
“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะฉันลองถามดู พอนอนแล้วมันไม่อยากลุก เพิ่งรู้ตัวว่าเหนื่อยมากยืนเกือบทั้งวัน” ผมอ้างเหตุผลที่รู้ดีว่าคนมีน้ำใจอย่างว่านไม่มีทางปฏิเสธ
“อืม ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แต่อาบน้ำก่อนนะจะได้สบายตัว” ว่านเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าค้นหาบางอย่าง ก่อนยื่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาให้ผม ผมรับมาคลี่ออกดูก่อนที่คิ้วจะขมวดเข้าหากัน
เสื้อผ้าที่เห็นมีขนาดใหญ่กว่าเจ้าของห้องมาก ดูยังไงก็ไม่ใช่ของว่านแน่ ของใคร! หัวใจของผมร้อนรุ่มขึ้นมา ความรู้สึกหึงหวงยังไม่เท่ากับความกังวลเมื่อคิดว่าผมอาจมาช้าไป
"ของกล้า"
หน้าของผมขึ้นสีแดงเรื่อ ดูเหมือนความหึงหวงจะทำให้คนเราขาดสติ ผมรู้อยู่แล้วว่ากล้ามักมาค้างกับว่าน แต่ในวินาทีนั้นกลับคิดไม่ถึง
"มีอะไรเหรอ"
"ไม่มี" ใครจะยอมเสียหน้าบอกว่าผมกำลังหึงจนหน้ามืด
ผมปิดเปลือกตาเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด เสียงฝีเท้าของว่านหยุดลงใกล้เตียง “ช้า” ผมพูดขึ้นโดยไม่ลืมตา
“ทำไมไม่นอนก่อน”
“ฉันนอนเปิดไฟไม่ได้”
“ผมลืมบอกให้ตฤนปิดไฟได้เลย เดี๋ยวผมใช้แสงไฟจากในห้องน้ำได้”
“ช่างเถอะ มานอนได้แล้ว”
“อืม”
ว่านใช้เวลาอีกพักหนึ่งก่อนไฟกลางห้องจะดับลง ที่นอนข้างตัวยุบลงตามน้ำหนัก เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ แม้ไม่มีแสงไฟภายในห้อง แต่แสงที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้รู้ว่าใบหน้าของผมมีบางอย่างบดบังแสง
“อะไร”
“นึกว่าหลับแล้ว”
“นายนอนไม่นิ่งฉันจะหลับได้ยังไง”
“ใครบอก! ผมนอนนิ่งไม่รู้จะนิ่งยังไงแล้ว ไม่กล้าขยับตัว”
“แน่ใจ?”
“ก็แค่หยุกหยิกนิดหน่อยเอง”
“นอนได้แล้ว”
“ตฤน” เสียงเรียกชื่อผมแผ่วเบา
“ว่า” ผมหลับตานิ่ง รอคอยให้อีกฝ่ายพูด
“มีคนที่ชอบหรือยัง”
“ถามทำไม”
“ก็อยากรู้” เสียงของว่านเบาจนเหมือนลอยมาจากที่ไกลๆ
“จะรู้ไปทำไม”
“บอกหน่อยไม่ได้เหรอ” เสียงคนพูดจ๋อย ผมถอนใจออกมาช้าๆ
“มีแล้ว”
ทุกอย่างเงียบสนิท ก่อนเสียง “อืม” จะดังขึ้นเบาๆ น้ำเสียงของว่านเศร้าสร้อย
ผมพลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าหา ลืมตาขึ้นมามองหน้ากระต่ายเอ๋อ "สมองนายนอกจากเท่าเม็ดถั่วแล้วยังความจำปลาทองด้วยใช่ไหม"
"มั้ง" ว่านไม่ต่อล้อต่อเถียงกับผมเหมือนเช่นทุกครั้ง
"ใช่แน่" ผมพลิกตัวกลับไปนอนหงาย หลับตาลง "นายถึงจำไม่ได้ว่าฉันเคยบอกว่าชอบใคร"
"บอกเมื่อไหร่ ไม่เคยบอกผมสักที" เสียงพึมพำดังเบาๆ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายทิ้งตัวลงนอน ผมนับตัวเลขในใจช้าๆ อยากรู้ว่ากระต่ายเอ๋อของผมจะใช้เวลานานแค่ไหน
สิบเจ็ด สิบแปด สิบเก้า... เสียงลุกพรวดพราดดังขึ้น เงาของว่านบดบังลงมาที่ใบหน้า
“ตฤน”
“ตฤนตื่นอยู่หรือเปล่า”
ผมเลือกที่จะนอนนิ่ง อยากให้ว่านมีเวลาคิด ว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าผมอาจว่านอยู่ ได้แต่ภาวนาว่าหลังผ่านค่ำคืนนี้ไป พรุ่งนี้สายตาของว่านจะยังมองผมเหมือนเดิม หรือหากไม่เป็นอย่างนั้นผมก็พร้อมจะบอกว่านว่าผมแค่แหย่เล่น ผมทำได้ทั้งนั้นถ้ามันทำให้ว่านยังอยู่ตรงนี้ต่อไป
“ผมชอบตฤนนะ”
เสียงกระซิบดังแผ่วเบา หัวใจของผมเหมือนถูกเติมเต็ม ความกังวล ความไม่แน่ใจหายไปสิ้น ในความมืดสลัว ผมพลิกตัวนอนตะแคงข้าง แตะริมฝีปากลงบนหน้าผากของว่าน รอยยิ้มพึงใจฉายชัดทั้งปากและตา
“ฉันก็รักนาย กระต่ายเอ๋อ”
• • • • • • • •
“ตฤน!”
ว่านดูแปลกใจที่เห็นผมเดินเข้าไปในร้าน ผมสบตากับว่านแต่เดินตรงไปหาพี่ซินที่เคาน์เตอร์แทน
“พี่ซินครับ ถ้าผมจะขอยืมตัวลูกน้องพี่ซินไปแล้วให้เจ้าปอนอยู่ทำงานแทนได้ไหมครับ”
ดูเหมือนไม่ใช่แค่ปอนเท่านั้นที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือผม แม้แต่พี่ซินกับกล้าก็ยินดี
“ขอบคุณครับ” ผมค้อมศีรษะให้พี่ซิน หันมาสบตากับว่าน “ไปกันเถอะ”
“ไปไหนเหรอ” ว่านถามเมื่อขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“ทำงาน”
“ทำงาน~”
“หึๆ”
“ก็นึกว่า...” ว่านพูดค้างไว้แล้วเงียบไป ผมไม่ถามว่าว่านนึกว่าอะไร เพราะคืนนี้ผมอยากให้ว่านรู้ว่าผมคิดอะไรมากกว่า
• • • • • • • •
“ผู้จัดการคนใหม่เหรอคะตฤน พี่มลออกแล้วเหรอ” เคธี่ เพื่อนนางแบบเดินเข้ามาทักเมื่อเห็นว่านคอยดูแลผม “ผู้จัดการผมยังเป็นพี่มลเหมือนเดิม”
“อ้าวเหรอคะขอโทษที่เข้าใจผิด งั้นคนนี้ก็เพื่อนตฤนสินะคะ”
ว่านคลี่ยิ้มกว้าง เตรียมรับการแนะนำชื่อจากผมเต็มที่ ผมมองใบหน้าด้านข้างของว่านด้วยสายตาเอ็นดู ดวงตาคู่นั้นเป็นมิตรและจริงใจเสมอ
“เปล่า นี่แฟนผม”
ว่านยิ้มค้างหันมามองผมตาโต จนผมอดยิ้มขำไม่ได้ ขอโทษนะที่ทำให้นายตกใจ ฉันตั้งใจไว้ว่าหลังจากเสร็จงานจะหาที่เงียบๆ คุยกับนายแบบเป็นเรื่องเป็นราว ถึงไปรับมาจากที่ร้าน แต่เมื่อเคธี่ถามขึ้นมา คำตอบในใจของฉันมีเพียงคำตอบเดียว ฉันแนะนำนายเป็นอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ
“ผมเป็นแฟนตฤนตั้งแต่เมื่อไหร่” ว่านถามผมทันทีที่ขึ้นรถ ยกมือขึ้นกอดอก ทำหน้าขึงขังแต่ไม่น่ากลัวสักนิด ออกจะน่าเอ็นดูเสียมากกว่า
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“ตอนนี้เลย ไม่งั้นห้ามไปไหน” กระต่ายเอ๋อทำเสียงดุ
“ก็ได้ตามใจนาย แต่ขอเลื่อนรถไปจอดด้านหลังสตูฯ ก่อนจะได้คุยกันสะดวก”
“อนุมัติ”
“หึๆ” เจ้าตัวจะรู้ตัวไหมว่าท่าทางที่ทำอยู่ตอนนี้มันน่ารักขนาดไหน
“ถามมา” ผมเอนตัวพิงเบาะ หันหน้าไปทางว่าน หลังจากจอดรถเรียบร้อย
“ผมเป็นแฟนตฤนตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เมื่อคืน”
“เมื่อคืน?” ว่านตาโต เผลอปากออกน้อยๆ
“ก็ตอนที่นายบอกชอบฉัน” ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ สายตาไม่อาจจะจากริมฝีปากที่เผยออยู่ตรงหน้า อยากรู้จริงว่ามันจะนุ่มแค่ไหน
“เดี๋ยว~ ตกลงไม่ได้หลับเหรอ ได้ยินหมดเลยเหรอ”
“หึๆ”
“ทำแบบนี้มันไม่ถูก” กระต่ายเอ๋อหน้ามุ่ย ปากยื่นออกน้อยๆ ผมพยายามละสายตาแต่มันทำไม่ได้จริงๆ
“ไม่ดีหรือไงที่ฉันไม่ปฏิเสธคำบอกรักของนาย” ผมโยนความผิดให้ว่านเสียอย่างนั้น บอกตรงๆ ว่าพอโดนกระต่ายเอ๋อซักมันรู้สึกเขินขึ้นมา จะถูกจับได้ไหมนะว่าผมหลงกระต่ายเอ๋อแค่ไหนถึงห้ามปากตัวเองไม่ได้ อยากแสดงความเป็นเจ้าของ อยากประกาศให้ทุกคนรู้ รู้สึกมากจนต้องพูดออกมาแม้ว่าจะยังไม่ได้ขอกับเจ้าตัว
“ใครขอ แล้วผมก็พูดแค่คำว่าชอบด้วย”
“อยากอกหักเหรอ” ผมมองว่านด้วยสายตายั่วเย้า ต้องไปให้สุดครับ อย่าให้กระต่ายเอ๋อจับได้เป็นอันขาด
“ก็น่าสนุกดี”
“กระต่ายเอ๋อ!” ผมหุบยิ้มฉับ เมื่อกระต่ายเอ๋อยิ้มตาพราวตอบผม ทำหน้าเหมือนจะกระโดดหนีกันไป
“ทำไมเมื่อคืนผมเรียกถึงไม่ตอบ”
“...” ผมเงียบสนิท ใครจะยอมบอกว่าผมกลัวบอกชอบไปแล้วจะโดนทิ้ง
“ตฤน”
“..”
“ตฤนครับ” เสียงอ้อนๆ ทำเอาใจผมละลายสุดท้ายต้องยอมเปิดปาก
“ฉันอยากรู้ก่อนว่านายคิดยังไง”
“แค่นี้ก็ต้องกลัวเสียหน้าด้วย บอกผมก่อนก็ไม่ได้”
“นายมันสมองปลาทอง”
“เฮ้อ พูดแบบนี้ผมจะไม่เชื่อแล้วนะว่าตฤนก็ชอบผม”
“จำไมได้ใช่ไหม ฉันเคยพูดว่ากับบางคนถึงอยากพูดออกไปตรงๆ แต่พอคิดว่าถ้าบุ่มบ่ามแล้วมีโอกาสจะเสียคนๆ นั้นไปฉันก็ไม่กล้า บางคนก็มีความหมายกับเรามากเกินไป”
สีหน้าของว่านค่อยๆ เปลี่ยนไป รอยยิ้มกว้างเต็มไปด้วยควาเข้าใจ
“ตฤนชอบผมไหม” เสียงของว่านอบอุ่นและอ่อนโยน “ผมเป็นผู้ชายนะ”
ผมสอบตากับว่านนิ่ง ดวงตาค่อยๆ อ่อนแสงลง “มากที่สุด”
ดวงตาของว่านสุกใส รอยยิ้มเต็มไปด้วยความสุขจนรู้สึกได้ “เด็กน้อยของผมน่ารักที่สุดเลย”
“กระต่ายเอ๋อ!” เจ้ากระต่ายนี่จะทำให้ผมเขินไปถึงไหน
“ไม่เป็นไรนะ ผมจะดูแลตฤนเอ..อื้อ!”
ผมดึงกระต่ายเอ๋อเข้ามาหา จัดการปิดปากช่างเจรจานั้นเสียด้วยริมฝีปากของตัวเอง เจ้าตัวจะยิ่งได้ใจหรือเปล่าถ้ารู้ว่าผมหลงใหลรอยจูบนี้เข้าให้แล้ว
ไม่สิผมหลงกระต่ายเอ๋อจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
• • • • • • • •
ผมเผลอยิ้มเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป ความหอมหวานยังติดอยู่ที่ริมฝีปากและในความรู้สึก
“ว่าน”
“ครับ” สายตาที่มองมาใสกระจ่าง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ
“โกรธหรือเปล่าที่ฉันทำเหมือนรวบรัดนาย”
“ไม่โกรธ” ว่านส่ายหน้า ดวงตาพราวแสงยิ่งขึ้นกว่าเดิม “มันเขี้ยวมากกว่า”
“มันเขี้ยว!” ผมสับสนกับการใช้ศัพท์ของว่าน “เอาดีๆ มันเขี้ยวหรือหมั่นไส้”
“มันเขี้ยว” ว่านยังยืนยันคำเดิม
“ทำไมเป็นแบบนั้น”
“ตฤนเขินใช่ไหมล่ะ เขินที่จะบอกชอบผมเลยทำเป็นท่ามาก”
ผมนั่งเงียบ เจ็บใจนิดๆ ที่กระต่ายเอ๋อเดาถูก
“รู้ไหมว่าทำไมหมีหน้าบึ้งชอบอยู่กับกระต่าย” กระต่ายเอ๋อชะโงกหน้าเข้ามาหา ยิ้มกว้าง
“ทำไม”
“เพราะกระต่ายรู้ใจหมีหน้าบึ้งที่สุดน่ะสิ” ดวงตาของว่านกระจ่างใส “ไม่ต้องพูดว่าชอบผมก็ได้ถ้าตฤนไม่อยากพูด เพราะสำหรับผมแค่รับรู้ว่าตฤนชอบก็พอแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกถ้านายไม่ชอบยิ้ม มันไม่สำคัญเท่ากับว่าตัวตนของนายเป็นยังไง นายคอยดูแลฉัน คอยปกป้องสัตว์ในป่านี้ นายระวังนายพรานให้พวกเรา นายคอยช่วยเหลือสัตว์ตัวอื่นโดยไม่พูด นายรู้ไหมว่านายเป็นหมีที่ใจดีที่สุดในป่านี้เลย” หมีหน้าบึ้งจ้องมองกระต่ายสีขาว มองรอยยิ้มกว้างและดวงตาเป็นมิตร ตลอดมาหมีหน้าบึ้งอยากยิ้มเพียงแต่มันแสดงออกไม่เป็น มันจึงมีความสุขมากที่กระต่ายเข้าใจ
“นายยิ้มแล้ว” กระต่ายร้องออกมาด้วยความดีใจ หมีหน้าบึ้งตกใจเพราะมันไม่รู้ตัวเลย
“นายยิ้มแล้วดูใจดี แต่ถึงไม่ยิ้มนายก็ยังใจดี ดังนั้นไม่ว่านายจะอยากยิ้มหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตัวตนของนายได้ ฉันมีความสุขที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย”“ฉันก็มีความสุข” หมีหน้าบึ้งยิ้มกว้าง มันรู้แล้วว่ามันไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แค่มีความสุขในแบบที่มันเป็นก็พอ ฉันจะเป็นหมีหน้าบึ้งที่มีความสุขที่สุดในโลก
“ว่าน”
“ครับ”
“ฉันรักนาย”
หมีหน้าบึ้งแม้จะพูดไม่เก่งแต่เพื่อกระต่ายเอ๋อของมันแล้ว มันเต็มใจ
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin