★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]  (อ่าน 144039 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่อินทร์น่ารักอ่ะ :o8:

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
   :pig4:
 
 เห็นชื่อตอนก็ว่าคงไม่มีรัย แค่ เสือโคร่ง VS เสือดาว คงไปเดตเที่ยวธรรมชาติงี้

  พออ่านจบเท่านั้นแหละ  อุทานในใจให้ลั่นว่า ... เ -ี้ ย !! (สัตว์ที่ไม่ต้องอยู่ในสวนสัตว์)

ทำไมไม่มีใครเตือนก่อน ..นี่เป็นคนใสไสยฯ งัย  :ling2:




ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
แย้วยูกแมวตัวเย็กๆ ก็โดนพ่อเสือโคร่งกินจนขยับตัวไม่ได้ :laugh: หวานไปเรื่อยๆนะ

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
555555เกลียดการพนมมือไหว้เพดาน ประสาทมากพี่อินทร์ :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
กำลิังฟินขณะอ่านพอมาท่อนเพลงไอ้เธอคือนางแมวยั่วสวาทนี่ทำเอาหมดอารมณ์ตามจิเลยขำก๊ากเลย

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แบบนว้องจิโดนอิพี่ผีบ้าเบรกไปสามที รอบแรกเปิดมาพี้ใส่ชุดเสือโคร่งเป็นเพื่อน รอบสองพนมมือไหว้เพดาน รอบสามร้องเพลง เป็นนี่นี่หนีออกจากห้องไปแล้ว ทนอยู่กับคนบ้าไม่ได้555555 แต่แหมน้องรักผัว นว้องจิจะทน

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เพิ่งมาอ่านนนน เล็งไว้ตั้งแต่เปิดเรื่อง แต่ไม่มีโอกาสอ่านสักที แงงง เสียใจทำไมเพิ่งมาอ่านตอนนี้
สนุกมากเลยค่ะ น้องน่ารักมากๆๆๆ แต่ยอมใจพี่เค้า นี่พระเอกที่แรดที่สุดที่อ่านมาเลยมั้งคะ 55555555555
ขำอะ เครียดแทนน้องเลยยยย ตอนฟีลกู้ดก็ฟีลกู้ดจนนุเขินไปหมด แต่บทจะดราม่านุก็น้ำตาไกลเปงสัยยย
คุณหนูแดงหลอกนุ แงงงง นุร้องไห้ไปเรยยยย เขินพ่อเขินแม่ไปโม้ดดดดด นั่งกระซิกๆอยู่ แงงงง
ดีกันแล้วนะตอนนี้ อย่าให้มีเรื่องอะไรอีกเลยนะะะ แงงงง นิยายสนุกมากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะตัวเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ส่ายหัวให้กับความย้าของอิพี่อินทร์จริงๆ พี่อินทร์โว้ยยยยย จะมีสักฉากมั้ยที่เท่ๆเหมือนพระเอกปกติทั่วไปน่ะ หือ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8


Chapter 39: เมียเอก

ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมและพี่อินทร์เมื่อคืนนี้เป็นวันแรกของอิเหนากับจรกาที่ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขที่สุดแล้ว ผมไม่เคยรักพี่อินทร์ได้มากเท่าเมื่อคืนมาก่อน และมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าเราสองคนจะตายจากกันอีกชาติ

ผมปรือตาขึ้น ยิ้มน้อยๆ ให้กับคนข้างกายที่ตอนนี้ใส่ชุดนอนไม่ได้นอนลายเสือโคร่งอีกแล้ว เห็นเมื่อคืนก่อนนอนบ่นว่าแอร์หนาว พอผมจะลดแอร์ลง เขาก็ดันคว้าเสื้อมาใส่ ซุกตัวใต้ผ้าห่ม นอนกอดกับผมแน่นๆ แทนเสียอย่างนั้น เขาบอกว่าปล่อยให้แอร์หนาวแล้วได้กอดกัน ดีกว่าร้อนแล้วต่างคนต่างนอนไรงี้ ดูจะเป็นเหตุผลต๊องๆ หน่อยๆ แต่ผมก็ยอมตามใจเขา ช่วงนี้ต้องตามใจเขาให้หมดทุกอย่างเลย ชดเชยที่ผมทำให้เขาเสียใจแบบไม่ได้ตั้งใจ

มองซีกหน้าคร้ามของพี่อินทร์ที่ยังจมอยู่ในห้วงนิทรา มือก็เอื้อมไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเขาอย่างลืมตัว พี่อินทร์ลืมตาขึ้นในตอนนี้ ก่อนจะร้องทักผมด้วยน้ำเสียงแหบแห้งน้อยๆ

“จะลักลับพี่เหรอ”

“ใครว่า จิปัดผมออกจากหน้าให้ต่างหาก”

ผมแกล้งทำแก้มป่อง เขาเลยเอื้อมมือมาดึงเป็นการใหญ่

“ว้า เสียดายจัง นึกว่าจะลักหลับพี่ซะอีก อุตส่าห์นอนรอ”

เนี่ย ก็เป็นเสียอย่างนี้ พอกลับมาปกติได้ ก็ทั้งต๊องทั้งหื่นเลย

“จิไม่ลักหลับพี่อินทร์หรอก เมื่อคืนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทำไม่ไหวแล้วครับ”

“แต่พี่ยังทำไหวนะ”

ไม่พูดเปล่า ยังพลิกตัวมาคร่อมผมหน้าตาเฉยอีกด้วย ผมเลยรู้ว่าเขาไม่ได้หลับอยู่หรอก แค่นอนหลับตาเฉยๆ เท่านั้น จริงๆ คงตื่นมาตั้งนานแล้ว

“พอก่อนไหมพี่อินทร์ เดี๋ยวจิก็เดินไม่ได้หรอก”

“ถ้าจิเดินไม่ได้ พี่จะอุ้มเอง อยากไปไหนบอกเลย พี่จะอุ้มไปทุกที่ แต่ขอพี่กินอีกรอบนะเจ้าแมวเหมียวตัวเย็กๆ”

พูดจบก็แกล้งซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอผมเสียอย่างนั้น ผมรู้ว่าเขาไม่ทำจริงๆ หรอก แค่หยอกให้ผมหัวเราะเท่านั้น ผมก็ชอบให้เขาทำแบบนี้นะถ้ามันไม่ชวนให้จั๊กจี้จนเกินไป

“พี่อินทร์ พอแล้ว จิจั๊กจี้”

เริ่มจั๊กจี้มากละ ผมเลยร้องห้าม แต่พี่อินทร์ก็ไม่หยุด รั้งสองมือของผมขึ้นเหนือหัว จากนั้นก็ว่ากะลิ้มกะเหลี่ย

“ไหนๆ ขอดูหน่อยซิว่ายูกแมวตัวเย็กๆ ของป่าปี๊สึกหรอตรงไหนบ้าง เดี๋ยวป่าปี๊รักษาให้นะ”

พลันก็หยอกเย้าผมอีก เสียงหัวเราะของผมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ได้แค่ครู่เดียวเท่านั้นเพราะระหว่างที่ถูกพี่อินทร์ซุกไซ้ยังลำคอ จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดผลัวะเข้ามา ทั้งผมทั้งพี่อินทร์พากันสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบมองไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็ว

“เรียกตั้งนาน นึกว่าเป็นอะไร ที่แท้ก็เล่นจ้ำจี้”

พอเห็นว่าคนที่เข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าวคือพี่บุศย์กับพี่วิญญู ผมก็รีบผลักพี่อินทร์ให้ลงไปจากร่างตัวเองทันทีพร้อมกับใบหน้าร้อนฉ่าด้วยไม่คิดว่าจู่ๆ พวกเขาจะเข้ามาในห้องอย่างนี้ ประเด็นคือ...

แม่งเข้ามาได้ยังไงวะ ไม่ใช่ห้องของตัวเองนะเว้ย!

พี่อินทร์ก็คงคิดเหมือนผมนั่นแหละ เพราะตอนนี้หัวคิ้วเขาย่นยู่เลย

“เอาคีย์การ์ดมาคืนน่ะ เมื่อกี้เคาะเรียกแล้ว ไม่เห็นมาเปิด นึกว่าเป็นอะไรก็เลยเปิดเข้ามาดู เป็นห่วง”

พี่บุศย์เปิดปากอธิบายก่อนที่จะมีใครได้ถามด้วยซ้ำ แถมคำว่าเป็นห่วงก็ทำให้ผมพูดอะไรต่อไม่ออกด้วย มีแต่พี่อินทร์เท่านั้นที่ว่าเสียงเขียว

“อย่างน้อยก็โทรเข้ามาหาก่อนสิวะ ไม่ใช่โผล่พรวดเข้ามางี้”

พี่บุศย์พยักหน้า จากนั้น...

“มึงปิดเครื่อง”

พี่อินทร์หันไปคว้าโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู หน้าจอดำสนิทอย่างที่เพื่อนเขาบอก

ปิดเครื่องจริงๆ นั่นแหละ เห็นพี่อินทร์บอกว่าไม่อยากให้ใครมากวนเวลาส่วนตัวของเราสองคนก็เลยปิดเครื่องไว้น่ะ

แต่ผมว่าการที่พี่บุศย์กับพี่วิญญูโผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ คงไม่ใช่แค่เรื่องเอาคีย์การ์ดมาคืนแน่ คงมีเรื่องสำคัญ ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้ถาม พี่วิญญูก็จ้องมายังผมเขม็ง ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกตัวว่ากำลังสวมอะไรไว้อยู่

ก็สวมชุดนอนไม่ได้นอนไงเล่า! ไอ้บ้าเอ๊ย! เขารู้รสนิยมมึงกันหมดเลยเนี่ยไอ้อิเหนา!

มองอย่างเดียวก็ทำให้ผมอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้วนะ พี่วิญญูดันถามออกมาอีก

“มึงให้น้องจิใส่ชุดเชี่ยไรเนี่ย!”

พี่วิญญูถึงกับสบถหยาบคายออกมาทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่ค่อยพูดจาอย่างนี้เท่าไร มิหนำซ้ำยังไปคว้าเอาชุดอื่นๆ ที่วางกองอยู่บนโซฟาขึ้นมาดูพร้อมกับเบ้หน้า

“รสนิยมมึงนี่น่าขนลุกจังวะ”

รสนิยมเรื่องอะไร ไม่ต้องให้เขาอธิบายก็รู้กันโดยถ้วนหน้า พี่บุศย์ก็หัวเราะแห้งๆ เลย ส่วนพี่อินทร์ก็ถลึงตาใส่เป็นพัลวัน ก่อนคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมตัวผมอย่างรวดเร็ว

“มองนว้องจิตัวเย็กๆ ของกูทำไม อยากถูกควักลูกตาเหรอไอ้วิหยาสะกำ!”

ทั้งห่อ ทั้งกอด หายใจไม่ออกแล้ว!

เดชะบุญที่พี่อินทร์ยอมคลายมือเมื่อเห็นผมดิ้นขลุกขลัก ผมเลยโผล่เฉพาะหัวออกมา ขณะที่พี่อินทร์ยังเอาเรื่องพี่วิญญูไม่เลิก

“ถ้ามึงอยากดูนักก็ดูกูนี่!”

จะห้ามก็ห้ามไม่ทัน พี่อินทร์ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นพร้อมกับชุดนอนไม่ได้นอนลายเสือโคร่งบนลำตัว ผมเกือบหลุดกรี๊ดสาวแตกเพราะคิดว่าพี่อินทร์ปล่อยให้หรรมต่องแต่งแกว่งไกว จากนั้นก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเขาสวมกางเกงบ็อกเซอร์อยู่ คงจะไปเอามาสวมตอนผมยังไม่ตื่นนั่นแหละ แต่ถึงจะสวมอะไรปิดท่อนล่าง ก็ไม่อาจทำให้พี่วิญญูหยุดเบ้หน้าได้เลย ตอนนี้ทำหน้าตาคลื่นเหียนสุดจะทน ก่อนหันไปเกาะไหล่พี่บุศย์

“ขอเกาะแป๊บนะบุศย์”

“เป็นอะไรน่ะวิญ”

“เราจะอ้วก”

ผมถึงกับหัวเราะพรืดเลย

เห็นไหม ไม่ใช่มีแค่กูจะอ้วกอะ คนอื่นก็จะอ้วก มึงไปถอดชุดมุ้งออกเดี๋ยวนี้!

พี่บุศย์ก็หัวเราะออกมายกใหญ่ ลูบหลังลูบไหล่พี่วิญญูจนอาการดีขึ้น พี่วิญญูถึงได้ครางออกมา

“แถวนี้มีวัดใกล้ๆ ไหม”

“ก็มีอยู่นะ ทำไมเหรอ”

“เราอยากไปอาบน้ำมนต์” จากนั้นก็ลูบหน้าลูบตาตัวเองเป็นการใหญ่ “ทำไมกูจะต้องมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ด้วย ทุเรศลูกตาฉิบ ขนลุกเลยเนี่ย”

แล้วเขาก็ตัวสั่นแบบขนลุกขนพองไปแป๊บหนึ่ง ลูบแขนตัวเองเป็นการใหญ่ให้รู้ว่าขนลุกจริงๆ ผมก็เห็นด้วยกับที่พี่วิญญูพูดแบบไม่มีข้อโต้แย้งเลย

พี่อินทร์! อย่าเป็นภาระของสังคม เอาชุดมุ้งไปเผาทิ้งเดี๋ยวนี้!

“ถ้ามึงจะมีรสนิยมแบบนี้นะ ทำไมไม่สั่งซื้อหูกับหางแมวแบบปลั๊กมาให้น้องจิใส่เลยวะ เอาแบบสั่นได้ด้วย ตอบโจทย์รสนิยมมึงเลย”

หูแมวพอเข้าใจได้ แต่หางแมวแบบปลั๊กกับสั่นได้นี่นี่ มันใช่ไอ้ที่แบบว่าเสียบ...เอ่อ...เข้าไปในก้นแล้วก็เป็นไวเบรเตอร์ด้วยใช่ไหม

ใช่แน่นอนเพราะพอพี่อินทร์ได้ยิน เขาก็เบิกตาโต ทำหน้าตาน่ากลัว ชี้หน้าพี่วิญญูทันใด

“กำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้วไอ้วิหยาสะกำ กล้าพูดจาล่วงเกินน้องจรกาของกูถึงขนาดนี้ บอกมาเลยนะว่า...”

ว่า?

“...ไปสั่งซื้อที่ไหน”

เสียงอ่อนเสียงหวานเลย โอ๊ย! มันใช่ไหมล่ะโว้ย!

“ถามไรมึงเนี่ย” พี่วิญญูเบ้หน้า

“เอาน่า บอกกูหน่อย” พี่อินทร์ก็คะยั้นคะยอ

“มึงก็เสิร์ชๆ หาเอาในกูเกิล มีเยอะแยะ เสิร์ชว่าหางแมวแบบสั่น เข้าไปเว็บแรกเลย”

“เว็บนี้เหรอ” พี่อินทร์คว้าโทรศัพท์ผมไปเสิร์ชแล้วชูให้พี่วิญญูดู

“เออ เว็บนี้แหละ ส่งของจริง ราคาไม่แพง”

พี่อินทร์พยักหน้า จากนั้นก็หรี่ตา

“ว่าแต่...ทำไมมึงรู้ว่าส่งของจริง ราคาไม่แพงหืม?”

พี่วิญญูถึงกับสะอึก ปล่อยให้พี่อินทร์ได้เอาคืน

“หรือว่า... รสนิยมแปลกๆ ดีเนอะไอ้บุศย์”

หันไปถามพี่บุศย์เสียอย่างนั้น ขณะที่พี่วิญญูก็เอาแต่อึกๆ อักๆ พลันหน้าแดงขึ้นมา แค่นี้ผมก็รู้เลยว่าสองคนนี้มีซัมธิงกันอย่างแน่นอน ไม่ใช่ซัมธิงธรรมดาด้วย แต่ต้องลึกซึ้งถึงขนาดที่ผมเองก็จินตนาการไม่ออกแน่

“ถึงวิงยูจะไม่ล่ายเป็งเหมือนนว้องจิตัวเย็กๆ แต่ก็น่ายัก เป็นวิงยูตัวยักษ์ๆ แทนก็ได้เนอะ ใช่ไหมไอ้บุศย์”

พี่อินทร์หันไปว่าเสียงสองใส่พี่บุศย์กับพี่วิญญูเสียอย่างนั้น ได้ทีก็ไล่ต้อนใหญ่เลย ทำเอาพี่วิญญูที่ตอนแรกปากดีค่อนขอดหน้าแดงมากขึ้นไปใหญ่ ตอนนี้เม้มปากแน่นแล้วด้วย ผมดูก็รู้ว่าเขากำลังเขินอายสุดกำลัง พอตั้งสติได้ เขาก็สวนคืน

“มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย อย่ามายัดเยียดรสนิยมแปลกๆ ให้กูนะเว้ย”

“กูไม่ได้มีรสนิยมแปลกๆ สักหน่อย”

“แค่ใส่ชุดนอนไม่ได้นอนลายเสือด้วยกันทั้งคู่ก็แปลกแล้ว”

รอบนี้พี่วิญญูได้แต้ม พี่อินทร์ทำหน้ามุ่ยบ้าง ส่วนผมก็ซุกหน้าลงไปในผ้าห่ม

โอ๊ย! พี่อินทร์อย่ายอมแพ้ แพ้แบบนี้ไม่ได้ โดนไล่ต้อนแล้วอายนะเว้ย!

“กูถามหน่อย ทำไมต้องลายเสือวะ”

แล้วพี่วิญญูก็อดถามขึ้นมาไม่ได้อีก เพราะนอกจากรสนิยมเพี้ยนๆ ของเขาแล้ว ก็มีเรื่องเซ้นส์แฟชั่นนี่แหละที่ฉูฉาดเหลือเกิน

พี่อินทร์มองหน้าคนถามพลางขมวดคิ้ว

“มึงไม่เคยได้ยินสุภาษิตโบราณเหรอวะ”

“สุภาษิตอะไรวะ”

เป็นพี่บุศย์ที่เงียบอยู่นานถามขึ้นบ้าง พี่อินทร์ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยให้เห็นชุดนอนไม่ได้นอนลายเสือโคร่งชัดๆ ก่อนตอบ

“เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวแล้วได้กัน”

เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้โว้ย! เสือได้กันนี่มันสุภาษิตประเทศไหนของมึงเนี่ย!

มิหนำซ้ำยังจะมีหน้ามาพูดอีก

“อีกอย่างนะ กูถือคติว่า...”

ว่า?

“ไก่เห็นตีนงู กูเห็นนมจิ”

ไม่ใช่โว้ย!

จากนั้นก็ผ่อนเสียงลงเล็กน้อย ว่าด้วยสีหน้าทะลึ่งตึงตัง

“หรรมก็เห็น”

ไม่ต้องบอก ชาวบ้านเขาก็รู้!

โอเค ตอนนี้กลายเป็นว่าผมอายเพราะพี่อินทร์ละ ยื่นยาออกจากผ้าห่ม ถีบเข้าไปที่สะโพกพี่อินทร์ไม่แรงนักเป็นการเตือนให้เขาหุบปากเสียที พี่วิญญูก็หัวเราะกิ๊กเลย ส่วนพี่บุศย์ก็เห็นชัดเจนอะว่ากำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ พลันก็แสร้งตีหน้าขรึม ว่าเสียงขุ่นเสียอย่างนั้น

“คุยอะไรไร้สาระกันอยู่ได้ กูไม่ได้เอาคีย์การ์ดมาคืนมึงอย่างเดียวหรอกนะ กูจะมาคุยธุระ”

อยากจะกราบจตุรทิศ ในที่สุดก็เปลี่ยนเรื่องคุยกันได้สักที

“แล้วมึงมีธุระอะไร”

“กูจะมาคุยเรื่องไอ้จิณห์”

พูดมาแค่นั้น ความครื้นเครงก่อนหน้าก็หายวับไปกับตา ไม่ใช่แค่พี่บุศย์แล้วที่ดูเครียด พี่อินทร์ก็ดูเครียดเช่นกัน

“มีอะไรวะ”

“ช่วงนี้ไอ้จิณห์มันมาแอบดักเจอมึงบ้างไหม”

พี่อินทร์ส่ายหน้า “เท่าที่เห็นก็ไม่มีนะ ทำไม”

“กูกับวิญคุยกันเรื่องที่ไอ้จิณห์มันรู้เรื่องต่างๆ ที่เราไม่รู้ แล้ววิญก็สงสัยขึ้นมาอย่างนึงน่ะ”

“เรื่อง?”

“สงสัยว่าบางทีไอ้จิณห์มันอาจจะมีตำรามนตร์อยู่”

คำพูดนั้นทำให้ผมกับพี่อินทร์มองหน้ากัน ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ก่อนที่พี่บุศย์จะเริ่มอธิบายขึ้น

“กูเคยบอกใช่ไหมว่าในวังหลังจะมีความเชื่ออะไรแปลกๆ ทั้งเรื่องยาเสน่ห์อะไรต่างๆ ที่ทำให้พระสวามีรักหลง เรื่องการกำจัดศัตรูหัวใจอะไรเทือกนี้ จริงๆ แล้วของพวกนี้มีแต่ปุโรหิตเท่านั้นที่ทำให้ได้ แต่ที่กุเรปันสั่งห้ามเรื่องเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนมีโทษถึงตาย มันก็เลยต้องใช้ตัวช่วยกันหน่อย”

“อย่าบอกนะว่า...”

“ใช่ ตำรามนตร์ รวมสารพัดสูตรมนตร์ขาวมนตร์ดำว่าด้วยเรื่องของการทำให้ลุ่มหลง”

ทุกคนเงียบนิ่งไปทันที ผมก็ไม่เคยเอะใจมาก่อนเหมือนกัน คาดไม่ถึงด้วยว่ามันจะมาเกี่ยวโยงกันแบบนี้ แต่ก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายจะสนใจสักเท่าไรนัก แต่เมื่อชาติก่อน พี่บุศย์เกิดเป็นหญิงและใช้ชีวิตอยู่ในวังหลังมาก่อน ก็ไม่แปลกที่จู่ๆ เขาจะคิดขึ้นมาได้

“กูปรึกษากับวิญมาหลายวันแล้ว ตอนแรกก็ไม่กล้าบอกมึงเพราะไม่แน่ใจ แต่พอวิญบอกว่าที่รู้ว่าต้องไปถอนคำสาบานที่ไหนเพราะที่บ้านของวิญรับซื้อของโบราณ แล้วก็มีตำราภาษาชวานี่เป็นมรดกตกทอดอยู่ด้วย กูก็เลยคิดว่าไอ้จิณห์ก็น่าจะต้องมีเหมือนกัน ถึงจะไม่รู้ว่ามันมีจริงๆ หรือเปล่าก็เถอะนะ ส่วนที่มึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับยาเสน่ห์ ตอนนี้กูรู้แล้วว่าเพราะอะไร วิญไปค้นข้อมูลมาให้”

“ตกลงเป็นเพราะอะไร”

“เพราะมึงไม่ใช่คนของชาตินี้ พูดง่ายๆ ก็คือมึงระลึกชาติได้ ถือว่าเป็นคนมาจากอดีตชาติ ยาเสน่ห์จะมีผลต่อคนที่มีจิตผูกพันอยู่ในชาติที่มันถูกปรุงขึ้นเท่านั้น ดังนั้นตอนที่จิจำอดีตชาติไม่ได้ถึงได้โดนฤทธิ์ของยาเสน่ห์เข้าไปยังไงล่ะ”

ค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย แต่ผมก็เข้าใจนะ มิน่าล่ะ พอความทรงจำในอดีตชาติกลับมา ความลุ่มหลงในตัวพี่จิณห์ของผมก็อันตรธานหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นทันที

“แล้วกูต้องทำยังไงกับมันต่อ”

พี่อินทร์มีสีหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมอีก เพราะพวกเราพอจะรู้ได้ว่าพี่จิณห์คงไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ คำถามของเขาไม่มีใครให้คำตอบได้เลยสักนิด พวกเราเงียบกันไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว ก่อนที่พี่บุศย์จะว่าออกมา

“เอาเป็นว่าระวังตัวไว้แล้วกัน ไอ้จิณห์มันถือว่าตัวเองเป็นเมียเอก จู่ๆ มึงมามีคนอื่นที่ไม่ใช่มันเหมือนเคย มันกัดไม่ปล่อยแน่”

พี่บุศย์ว่าอย่างรู้ทันว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงเขาไม่บอก ทุกคนก็น่าจะพอเดาได้

 

หลังจากที่พี่บุศย์กับพี่วิญญูออกจากห้องไป ผมก็อดไม่ได้ที่จะนั่งขบคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พอมาคิดดูดีๆ แล้ว เมื่อชาติก่อน คนที่น่าสงสารนอกจากจรกาที่ทนทุกข์กับการถูกดูแคลนมาทั้งชีวิต กับอิเหนาที่ต้องถูกคนรักเกลียดชังยันเงาทั้งชาติ ก็มีจินตะหราวาตีนี่แหละที่น่าสงสารอีกคน

การเงียบไปของผม ทำให้พี่อินทร์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ โพล่งขึ้น

“คิดอะไรอยู่เหรอจิ”

“คิดเรื่อยเปื่อยน่ะครับ”

“คิดเรื่องไอ้จิณห์เหรอ”

ถึงจะไม่ตอบไปตามตรง แต่พี่อินทร์ก็รู้ทันผมอยู่ดี ผมไม่มีอะไรจะต้องปิดบังก็เลยพยักหน้ารับ และพอผมตอบรับไปอย่างนั้น เขาก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น

“จิไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรจิอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ถ้ามันมายุ่มย่ามกับจิอีก พี่จะ...”

จากนั้นเขาก็เงียบไป ให้ผมได้ถามขึ้น

“พี่อินทร์จะทำไมครับ”

“พี่จะฆ่ามันทิ้ง”

เขาสบตาผม แววตาที่มองมาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่คนจะทำเรื่องโหดร้ายได้ง่ายๆ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมแล้วล่ะก็ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และแน่นอนว่าผมไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่

“พี่อินทร์ จิขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม”

“หืม? ว่าไง”

“ลองคิดดูดีๆ แล้ว จิว่าที่พี่จิณห์เป็นอย่างนี้ สาเหตุที่แท้จริงก็มาจากพี่อินทร์นะ”

เขามีสีหน้างุนงงไป ก่อนจะครางออกมา

“จิกำลังจะบอกว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่?”

ผมพยักหน้าทันควัน “ถ้าพี่อินทร์ไม่วางแผนทำเรื่องบ้าๆ เมื่อชาติที่แล้ว ไม่ให้พี่จิณห์มาร่วมมือกับแผนต๊องๆ จนเรื่องมันเลยเถิด ไม่ขอให้พี่จิณห์สัญญาว่าให้ตามมาช่วยในชาติใหม่ จิว่าเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก”

“...”

“ลองคิดดูดีๆ สิครับว่าจริงๆ แล้วเป็นความผิดใครกันแน่”

พี่อินทร์ระบายลมหายใจออกมา เขาเข้าใจสิ่งที่ผมพูดแล้ว ก่อนครางเสียงแผ่ว

“พี่ขอโทษ”

“จริงๆ แล้วคนที่พี่อินทร์ควรขอโทษ ไม่ใช่จิหรอกนะ แต่เป็นพี่จิณห์ต่างหาก เพราะพี่อินทร์ไปสร้างบ่วงคล้องเขาเอาไว้ มันถึงส่งผลกระทบอย่างนี้”

“แล้วจิอยากให้พี่ทำยังไง”

เขาถามออกมาราวกับว่าจนปัญญาแล้ว ผมยิ้มให้เขาบางๆ

“จิอยากให้พี่อินทร์คุยกับพี่จิณห์ครับ”

“พี่ก็คุยแล้ว คุยตั้งหลายครั้งแล้วด้วย...”

“หมายถึงให้คุยดีๆ ไม่ใช่เอะอะก็ตั้งท่าจะต่อยเขาน่ะ” พี่อินทร์ชะงัก ผมก็เลยว่าต่อ “อย่างน้อยเขาก็เป็นเมียเอกของพี่อินทร์นะครับ”

ดูท่าทางผมคงพูดไม่เข้าหูเขาล่ะมั้ง พี่อินทร์มีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาน้อยๆ ก่อนจับไหล่ผมให้หันไปมองเขาตรงๆ

“จิฟังพี่นะ ไม่มีใครเป็นเมียเอกพี่ทั้งนั้น เพราะเมียของพี่มีแค่คนเดียว” พลันก็แย้มยิ้มขึ้นมา “คนนั้นก็คือจิ แค่จิคนเดียวเท่านั้น ใครต่อใครที่จิเคยได้ยินว่าเป็นเมียพี่ นั่นก็แค่ในนาม หัวใจของพี่ไม่เคยมอบให้ใคร มีแต่น้องจรกากับจินั่นแหละ”

จากนั้นก็ประทับจูบลงมาเบาๆ ที่ริมฝีปากผม ผละออกไปได้ก็กระซิบเสียงแผ่ว

“จิระ...เมียเอกและเมียคนเดียวของพี่”

ทั้งที่ไม่ควรจะรู้สึกดีในเวลาเคร่งเครียดอย่างนี้ แต่คำพูดของเขากลับทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาเสียได้ มิหนำซ้ำยังยิ้มหน้าบานให้กับเขาอีก ก่อนจะพึมพำเสียงเบาตอบรับ

“จิรู้แล้ว”

“เป็นเมียของพี่ตลอดไปนะ”

ได้เลย...และก็จะรักตลอดไปด้วย

เป็นเมียเอกแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ...

 ---------------------------

มีหลายคนสงสัยเรื่องเรือพี่บุศย์กับพี่วิญญูว่าใครจะรุกจะรับ ถ้าอ่านดีๆ จะเห็นหนูแดงใบ้มาตลอดว่าใครรุกใครรับนะ ฮินท์คือใครผัวกว่า คนนั้นแหละรุก 555

ในเล่มกับอีบุ๊กจะมีตอนพิเศษของคู่นี้ยาวๆ แน่นอนค่ะ เป็นการเท้าความว่ามาเจอกันได้ยังไงกระทั่งมาเป็นแฟนกัน ส่วนตอนพิเศษอื่นๆ ก็เป็นเรื่องจิปาถะ รวมๆ แล้วน่าจะ 10 ตอนได้ ซึ่งหนูแดงจะลงแค่ตัวอย่างให้อ่านนะคะ ใครอยากอ่านเต็มๆ ต้องไปสอยรูปเล่มหรืออีบุ๊กเอาเน้อ

ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยจ้า อีก 2-3 ตอนก็จบละ ใครยังอยู่ ชูมือให้รู้หน่อยว่ายังอยู่ จะได้รีบปั่นมาลงให้อ่านจ้า



ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
จะอ้วกตามคูมวิงยู55555555

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เพราะรักจึ่งทำทุกอย่างไม่เลือกวิธี
แต่ใจใครก็ใจมัน รักใครเข้าแล้วมันห้ามได้ที่ไหน
อินทราควรคุยแหละ จะได้เข้าใจ แลให้อภัย
เรื่องราวจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง เอเวอร์ แอนด์ อาฟเตอร์ นับจากชาตินี้เป็นตันไป อย่างจริงๆ จังๆ ซะที

กดบวกขอบคุณ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :katai2-1: สำนวนบ้าบอของอิเหนา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งานนี้รอพรีออเดอร์ รัวๆๆๆจ้ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เชียร์ให้อินทร์คุยกับจินห์แบบจริงจังเหมือนกัน เรื่องราวจะได้จบ น้องจิตัวเย้กๆจะได้ปลอดภัย เนอะนว้องจิเนอะ /ขยำแจ้มนุ่มๆของนว้อง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไก่เห็นตีนงู กูเห็นนมจิ  :hao6:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 40: บ่วงจินตะหราวาตี

ถึงจะรับปากผมว่าจะคุยกับพี่จิณห์ดีๆ แล้วคุยให้รู้เรื่อง เอาเข้าจริงมันก็ดันเป็นเรื่องยากสำหรับพี่อินทร์เสียอย่างนั้น ยิ่งช่วงนี้ที่พี่จิณห์เริ่มกลับมาด้อมๆ มองๆ ตามผมบ้าง ตามพี่อินทร์บ้างอีกแล้ว พี่อินทร์ก็ดูจะหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่นเมื่อคืนนี้ที่ผมกลับห้องทีหลังแล้วเจอพี่จิณห์ดักรออยู่หน้าหอ เขาก็แทบจะพุ่งลงไปข้างล่างเพื่อไปยำพี่จิณห์เลย ผมจึงต้องรีบแก้ตัวให้เป็นการใหญ่ว่าพี่จิณห์ไม่ได้ทำอะไร แค่มายืนด้อมๆ มองๆ แล้วก็ไม่ได้เห็นผมเพราะผมหลบเข้าหอมาก่อน พูดไปอย่างนั้น พี่อินทร์ถึงจะอารมณ์เย็นขึ้น

ก่อนหน้านี้ที่ผมเคยคิดว่าอิเหนากับจรกาคงไม่สามารถปรองดองกันได้ แต่ตอนนี้ผมคิดแล้วล่ะว่าคนที่ไม่สามารถปรองดองกันได้คืออิเหนากับจินตะหราวาตีต่างหาก

บอกตรงๆ ผมสงสารพี่จิณห์มากเลยนะ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันที่อิเหนาจะมารักเพราะใจของอิเหนามอบให้จรกาหมดแล้ว แต่ก็ยังขอตามข้ามชาติมาด้วยเพราะหวังในใจลึกๆ ว่าตัวเองจะถูกเหลียวมองบ้าง

ความรักที่ไม่ได้รับการตอบรับเป็นเรื่องที่ทรมานให้คนเจ็บปวดปางตายมากที่สุด ผมรู้ดี และเชื่อว่าพี่อินทร์ก็ต้องรู้ดีด้วยเพราะเขาเองก็สัมผัสมาทั้งชาติแล้ว

และเพราะเหตุนี้ผมจึงพยายามอธิบายให้พี่อินทร์ฟังว่าทำไมผมถึงอยากให้คุยกับพี่จิณห์ดีๆ

ถ้าไม่คุย เรื่องก็ไม่จบ

ถ้าไม่คุย ทุกอย่างมันก็จะคาราคาซังอย่างนี้ต่อไปอีก ทีเขายังพยายามอธิบายทุกอย่างให้ผมรับรู้ด้วยการใช้แหวนเป็นสื่อกลางเลย แล้วทำไมเขาจะบอกกับพี่จิณห์ไม่ได้ล่ะว่าทุกอย่างมันควรมีจุดหยุดที่ตรงไหน

พอให้เหตุผลอย่างนี้ พี่อินทร์ก็ใจเย็นขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ไม่วายตัดพ้อกระเง้ากระงอด

“เป็นห่วงจินตะหราวาตีกันเลยนะ เห็นอกเห็นใจที่พี่ไม่รักอย่างโน้นอย่างนี้ ทีตอนไม่รักพี่นี่ไม่เห็นเป็นห่วงที่พี่ถูกจิกระทำให้เจ็บช้ำน้ำใจบ้างเลย”

ทำปากยู่ๆ มาอีก เขาน่ารักมากเลย แต่ก็น่าเหยียบด้วยในคราวเดียวกัน

“ก็ตอนนั้นพี่อินทร์ทำจิเข้าใจผิดนี่ จิจะไปเห็นใจได้ยังไงล่ะ”

“จิระคนลำเอียง~”

ทำเป็นดิ้นๆ แด๊ะแด๋ ผมก็เลยทุบเข้าให้ไม่แรงนัก ก่อนจะกลั้วหัวเราะ

“มัวแต่เล่นอยู่ได้ เอาเป็นว่ารับปากจิแล้วนะว่าถ้าเจอกับพี่จิณห์ พี่อินทร์จะคุยกับเขาดีๆ ตกลงไหมครับ”

พี่อินทร์ทำท่าฮึดฮัดเหมือนไม่อยากรับปากเท่าไร ผมก็เลยเรียกไปอีกครั้ง

“พี่อินทร์”

“ก็ได้ๆ แต่จิต้องชดใช้ให้พี่ด้วยนะที่ชาติก่อนเกลียดพี่เข้าไส้แบบนั้น ไม่งั้นพี่ไม่ยอมจริงๆ ด้วย นว้องจิคนใจร้าย~”

“รู้แล้วน่า จิสัญญาครับ เลิกแด๊ะแด๋แล้วพาจิไปกินข้าวได้แล้ว หิวจนสั่นแล้วเนี่ย”

พอบอกไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็หยุดเล่น พาผมลงมาด้านล่างหอ เตรียมตัวจะไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งในละแวกนั้นกัน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสายตาของพวกเราเหลือบมองไปเห็นใครบางคนที่โผล่มาด้อมๆ มองๆ พวกเราเกือบทุกวัน

“นั่นมัน...”

เป็นพี่อินทร์ที่ครางออกมา สีหน้าและแววตาทะเล้นของเขาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปเป็นตึงเครียดทันที ผมรีบจับมือเขาไว้เป็นการเตือนสติว่าให้ใจเย็นๆ เพราะคราวนี้พี่จิณห์ไม่ได้มายืนด้อมๆ มองๆ อยู่ที่รถตัวเองในที่จอดรถเหมือนเคยแต่อย่างใด แต่กลับมายืนดักอยู่หน้าทางเข้าหอเลย มิหนำซ้ำยังจะหันมาเห็นพวกเราทั้งที่ยังไม่ทันจะได้หลบอีก

เป็นเรื่องแน่ๆ เลยวันนี้...

“กลับขึ้นห้องกันเถอะ”

พี่อินทร์ออกปาก สายตายังคงมองไปที่พี่จิณห์ซึ่งทอดสายตามาทางเราพลางยิ้มเยาะ ผมไม่เห็นเลยว่ามันจะเป็นรอยยิ้มที่น่ามองตรงไหน มันเหมือนการเย้ยหยันตัวเองที่มาเห็นภาพบาดตาบาดใจมากกว่า ซึ่งในการเอ่ยปากชวนของพี่อินทร์ในครั้งนี้ ผมก็ไม่ได้ขัดอะไร ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว คงยังไม่เหมาะที่จะคุยอะไรสักเท่าไรนัก

แต่พอเราสองคนหันหลังให้ พี่จิณห์ก็เดินมาทุบประตูกระจกดังปังๆๆ จากนั้นก็ทุบไม่หยุด จนใครต่อใครในละแวกนั้นหันไปมองเป็นตาเดียว

ผมสะดุ้งโหยงน้อยๆ ด้วยความตกใจ หันไปมองแล้วก็ได้แต่หวั่นในใจน้อยๆ เมื่อเห็นว่าลุง รปภ.ที่อยู่ตรงนั้นเข้ามาห้ามปรามพี่จิณห์เป็นพัลวัน

ที่หวั่นใจไม่ใช่เรื่องที่เขาจะถูกลุง รปภ.ลากตัวไปหรอก แต่หวั่นใจว่าถ้าวันนี้เราไม่คุยกันกับเขา มีหวังวันหน้าคงจะมีเรื่องชวนให้ปวดหัวมากกว่านี้แน่ ผมก็เลยกระตุกมือพี่อินทร์ที่จูงผมไปที่ลิฟต์ พอเขาหันมามอง ผมก็เอ่ยปาก

“พี่อินทร์ จิว่าเราคงต้องคุยกับเขาแล้วล่ะ”

“คุยอะไร” พี่อินทร์ถามเสียงเครียด

“คุยว่าทุกอย่างมันควรจบน่ะครับ”

พอบอกไปอย่างนี้ คนตรงหน้าผมก็เงียบนิ่งไปครู่ สายตาบ่งบอกชัดเจนเลยว่าไม่อยากทำ ผมเลยต้องร้องขอเขา

“นะพี่อินทร์ จิว่ามันควรจบได้แล้ว คุยกับพี่จิณห์เถอะนะครับ”

“แต่พี่...”

“จิขอร้อง คุยกับเขาดีๆ แค่ครั้งเดียว เรื่องจะได้จบ ไม่งั้นเขาก็ไม่หยุดทรมานตัวเองสักที ถือว่าจิขอนะครับ”

“...”

“นะพี่อินทร์”

“ก็ได้ พี่จะคุย แต่แค่ครั้งเดียวนะ แล้วพี่จะไม่คุยอีกเพราะคนอย่างมัน คุยไปก็เสียเวลาเปล่า ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอก มันไม่ฟัง”

“ได้ครับ แต่คุยดีๆ นะ”

ผมเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวนี่แหละ กลัวว่าพี่อินทร์จะใช้อารมณ์อีกถ้าอีกฝ่ายยียวนกวนประสาทเหมือนเคย ยิ่งเขาตอบรับด้วยการเงียบแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่ทางออก ผมก็เกิดใจไม่ดีขึ้นมา ทว่าพี่อินทร์ก็กระชับมือผมแน่นราวกับกำลังบอกให้ไม่ต้องกลัว

กระทั่งเขาเปิดประตูแล้วร้องบอกลุง รปภ.ว่าพี่จิณห์เป็นเพื่อนเขานั่นแหละ ทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดเครียดยิ่งกว่าเดิม

“นึกว่าจะทำเหมือนกูเป็นอากาศธาตุซะแล้ว”

เป็นประโยคแรกที่พี่จิณห์พูดขึ้น ใบหน้าหล่อยังคงมีรอยยิ้มเย้ยหยันเช่นเคย แต่พี่อินทร์ไม่หือไม่อืออะไร นอกจากจะว่าเสียงเรียบ

“กูมีเรื่องจะคุยด้วย”

“หืม? นึกยังไงอยากคุยกับกู คิดถึงเมียเอกขึ้นมาหรือไงพ่ออิเหนา”

ว่าพลางเหล่มองมาทางผม ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้านิ่ง ปล่อยให้พี่อินทร์จัดการ

“ไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟแล้วกัน เรื่องจะได้จบสักที”

 

ไม่กี่นาทีให้หลัง พวกเราสามคนก็มานั่งประจันหน้ากันในร้านกาแฟใต้หอพัก ถึงบรรยากาศในร้านจะน่านั่ง กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นๆ ลอยมาแตะจมูกชวนให้ผ่อนคลาย ทว่าบรรยากาศที่โต๊ะของพวกเราไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด มีแต่ความกดดันที่ดูเหมือนจะทวีมากยิ่งขึ้นเมื่อพี่อินทร์กับพี่จิณห์ต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ

คนหนึ่งจ้องด้วยความเหนื่อยหน่าย อีกคนจ้องด้วยความรักระคนเคียดแค้น... ผมซึ่งอยู่ตรงกลางโคตรจะอึดอัดเลย

“ว่าไงพระสวามี อยากจะคุยอะไรหืม?”

เป็นพี่จิณห์ที่ทำลายความเงียบขึ้นมาหลังจากที่ยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นดื่ม พี่อินทร์ขมวดคิ้วมุ่น ดูไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไรนักที่ถูกเรียกอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ นอกจากจะพูดสิ่งที่ควรพูดเท่านั้น

“กูอยากจะคุยกับมึง...เรื่องของเรา”

“เรื่องของเรา?”

พอพี่จิณห์เลิกคิ้วสูง พี่อินทร์ก็ขยายความ

“เรื่องที่มึงคอยตามรังควานกูกับจิแบบนี้ไง กูคิดว่ากูต้องคุยกับมึงจริงๆ จังๆ สักที”

เพราะน้ำเสียงเขาเครียดเกินไป ผมเลยบีบมือพี่อินทร์ที่จับมือผมอยู่ใต้โต๊ะเบาๆ เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเขาต้องใจเย็นและคุยกับอีกฝ่ายดีๆ พี่อินทร์ก็ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากนะในการเก็บอารมณ์ ผมรู้ว่าเขากำลังพยายามเพื่อผม ผมสัมผัสได้

ส่วนพี่จิณห์ พอได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าที่มีรอยยิ้มหยันระบายอยู่ในตอนแรกก็มลายหายไป เหลือเพียงแต่สีหน้าเคร่งเครียดเท่านั้น

“มึงอยากจะบอกอะไร”

พี่อินทร์สูดหายใจเข้าปอด “กูอยากให้มึงเลิกรักกูสักที”

คำพูดนี้เหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางกระหม่อมของผู้ชายอีกคนซึ่งไม่ใช่ผม เขาหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะว่า

“มึงกำลังจะบอกกูว่ากูต้องหยุดรักมึงเพราะมึงรักไอ้เวรนี่งั้นเหรอ!”

ชี้นิ้วมาที่หน้าผมอีก พี่อินทร์ดูไม่พอใจมากเลยแต่ผมไม่ถือสา ได้แต่บีบมือเขาเป็นการบอกให้ใจเย็นๆ ขณะที่พี่อินทร์ใช้เวลาครู่หนึ่งเลยทีเดียวกว่าจะตอบรับ

“ใช่ กูอยากให้มึงเลิกรักกูเพราะกูไม่มีวันรักมึงได้”

                เท่านั้นพี่จิณห์ก็มีสีหน้าสับสน เขาคงไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะต้องมาได้ยินเรื่องแบบนี้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าเขามาดักรอพวกเราทำไมก็เถอะ แต่ได้ยินพี่อินทร์พูดอย่างนั้นก็คงจะช็อกไปเหมือนกัน

“ที่ผ่านมา มึงไม่รู้เลยเหรอว่ากูรักมึงมากแค่ไหน จู่ๆ มาบอกให้กูเลิกรักมึงเพราะมึงรักคนอื่นแบบนี้ มึงเป็นบ้าไปแล้วเหรอไอ้อินทร์! มึงเห็นความรักของกูเป็นอะไร!”

เขาเริ่มโวยวาย คนรอบข้างหันมามองเราแล้ว ผมอยากจะบอกให้เขาใจเย็นๆ อีกคนแต่คงจะไร้ประโยชน์ ที่สำคัญ พี่อินทร์คงไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้นด้วย เขาจึงรีบว่าขึ้น

“ความรักของมึงก็คือความรักของมึง กูรู้ว่ามึงรักกู แต่เรื่องของความรู้สึก มันบังคับกันไม่ได้หรอกนะ ต่อให้มึงมาขอให้กูรัก กูก็ทำไม่ได้”

“แต่มึงมาบอกให้กูเลิกรักมึงเนี่ยนะ ในเมื่อมึงรู้ว่ามันทำไม่ได้ แล้วมึงมาบอกให้กูเลิกรักทำไม!”

สีหน้าของพี่จิณห์เริ่มดูไม่ดีแล้ว ทั้งเสียใจ ทั้งโกรธเกรี้ยวในคราวเดียวกัน ขณะที่พี่อินทร์เอ่ยเสียงเรียบเหมือนเดิม

“งั้นก็ถือซะว่ากูขอร้อง กูอยากให้มึงเข้าใจสักทีไอ้จิณห์ ว่าการที่กูไม่รักมึง มันหมายความว่าไม่รัก ขอร้องล่ะ เข้าใจกูหน่อยเถอะ เป็นแบบนี้มันทำให้กูเหนื่อยใจ”

น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนเลยทีเดียวว่ารู้สึกอย่างที่พูด พี่จิณห์กำมือที่วางอยู่บนโต๊ะแน่น จากนั้นก็ว่าเสียงเรียบเช่นกัน

“ไม่ใช่กูไม่รู้ว่าไม่รักคือไม่รัก แต่มึงเข้าใจไหมว่ากูรักมึง ถ้าไม่มีไอ้เวรนี่อยู่สักคน อย่างน้อยมึงก็ต้องหันมามองกูบ้าง!”

ขึ้นเสียงนิดๆ ในท้ายประโยค ที่น่าตกใจคือตอนนี้ใบหน้าหล่อๆ มีน้ำตาไหลอาบ ผมอึดอัดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก รู้สึกผิดขึ้นมาที่ขอให้พี่อินทร์มาเคลียร์กับคนตรงหน้า

บางที...การพูดให้ชัดเจนแบบนี้มันก็อาจจะไม่ช่วยอะไรก็ได้ ผมอาจตัดสินใจผิดที่ให้พี่อินทร์คุยให้เด็ดขาดในวันนี้

เว้นก็แต่พี่อินทร์ที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย นอกจากจะจับมือผมใต้โต๊ะไว้แน่นราวกับปลอบใจว่าไม่เป็นอะไร ราวกับว่าสิ่งที่ผมขอร้องให้เขาทำมันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

“มึงรู้เอาไว้ไอ้จิณห์ ต่อให้ไม่มีจรกาหรือจิ ไม่ว่ายังไงกูก็ไม่รักมึง”

“แต่มึงก็ต้องมองกู! อย่างน้อยก็ต้องมองกูบ้าง!”

เขาเหมือนคนไม่ยอมรับความจริงยังไงก็ไม่รู้ ผมรู้ว่าพี่อินทร์ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการอดทนไม่โวยวายใส่คนตรงหน้า ก่อนว่าออกมาอีกครั้ง

“จิณห์ ฟังกูนะ” พลันจ้องหน้าพี่จิณห์เขม็ง “ต่อให้ไม่มีจิระ กูไม่รักมึงก็คือไม่ได้รัก เรื่องของความรัก มันบังคับกันไม่ได้อย่างที่มึงบอกนั่นแหละ เข้าใจหรือเปล่า แล้วก็ไม่มีใครแทนที่ใครได้ด้วย ที่กูมาคุยกับมึงตรงๆ แบบนี้ กูแค่อยากให้มึงเข้าใจสถานการณ์ เข้าใจทุกอย่างว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เลิกทรมานตัวเองสักที”

เท่านั้นพี่จิณห์ก็เหมือนจะหมดความอดทน เขาส่งเสียงสะอื้นออกมา ไม่อายสายตาใครทั้งนั้น

“แล้วมึงจะปล่อยให้กูเป็นแบบนี้เหรอ เป็นมึงไม่ใช่เหรอที่เริ่มเรื่องทั้งหมด ถ้ามึงไม่ให้บุษบามาชวนกูเข้าร่วมแผนบ้าๆ ของมึง กูจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ถ้ากูไม่เคย...ฮึก...ไม่เคยเจอมึง กูจะรักมึงไหม ความผิดกูเหรอที่รักมึงหมดหัวใจแบบนี้ กูถามว่าเป็นความผิดกูเหรอ!”

“กูขอโทษ”

พี่อินทร์คงทำอะไรดีไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาถึงได้พูดแค่นี้ พี่จิณห์สะอื้นไห้อยู่พักหนึ่งก็หันมามองผม ก่อนจะว่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“พวกมึง...ฮึก...พวกมึงจะรับผิดชอบยังไง จะรับผิดชอบความรู้สึกกูยังไง!”

สายตาที่เขามองพวกเรา...มันดูอาฆาตแค้นเป็นอย่างมาก ผมสั่นเทาขึ้นมาน้อยๆ เมื่อสบดวงตาคู่นั้น อะไรบางอย่างในแววตาของเขาทำให้ผมหวั่นเกรง ยิ่งถูกเขาถามเสียงขุ่น

“ว่าไง กูถามว่าจะรับผิดชอบความรู้สึกกูยังไง”

พลางหันมามองทางผม ผมก็ยิ่งสั่นเทาหนัก มิหนำซ้ำยังอึกอักอีกด้วย

“อะ...เอ่อ...”

“อย่ายุ่งกับจิ เรื่องนี้จิไม่เกี่ยว”

พี่อินทร์รีบออกตัวเมื่อเห็นว่าพี่จิณห์จะมาเอาเรื่องกับผม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาละสายตาไปจากการจ้องหน้าผมเขม็งได้เลย ผมจึงสูดลมหายใจเข้าปอด รวบรวมความกล้าพูดออกไป

“จิก็ไม่รู้จะรับผิดชอบยังไงนะครับพี่จิณห์ เพราะเรื่องนี้ก็เกินความสามารถของจิจริงๆ จิบังคับให้ใครไปรักใครไม่ได้”

“ถ้างั้นมึง...”

“แล้วจิก็เลิกกับพี่อินทร์เพื่อรับผิดชอบความรู้สึกของพี่จิณห์ไม่ได้ด้วยเหมือนกันครับ จิเลิกรักพี่อินทร์ไม่ได้ คงรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้ ขอโทษด้วยครับ”

ผมสวนขึ้นมาราวกับรู้ว่าเขาจะพูดอะไร พี่จิณห์เม้มริมฝีปากแน่น เบนสายตาไปทางพี่อินทร์แทน

“อย่างน้อย...ฮึก...อย่างน้อยก็รักกูบ้างเถอะ จะเศษเสี้ยวความรักอะไรก็ได้ มองกูบ้าง...”

เขาน่าสงสารมากเลยในความรู้สึกผม ตอนนี้เขาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นขอร้องให้พี่อินทร์มอบเศษเสี้ยวความรักให้แล้ว ผมก็รู้ทันทีว่าเขายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้พี่อินทร์มองเห็นเขาบ้าง ผมก็รอดูว่าคนข้างกายผมจะตอบว่าอะไรอย่างใจจดใจจ่อ คิดว่าเขาคงจะใจอ่อนเหมือนกับที่ผมรู้สึกในตอนนี้ แต่ทว่า...

“คนไม่รัก ต่อให้เป็นแค่เศษเสี้ยวของความรัก มันก็ไม่มีให้ ตัดใจเถอะไอ้จิณห์ กูไม่ได้รักมึง...ไม่เคยเลยสักนิด”

เป็นคำพูดที่ใจร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินจากปากของเขา พี่จิณห์น้ำตานองหน้ายิ่งกว่าเดิม ว่าเสียงเครือ

“แต่กูรักมึงนะ ทำทุกอย่างได้เพื่อมึง บอกมาสิว่าอยากให้กูทำอะไร มึงบอกมา กูจะทำ...ฮึก กูจะทำให้...”

ผมบีบมือพี่อินทร์น้อยๆ เป็นสัญญาณให้เขาทำอะไรสักอย่าง ตอบรับไปก็ได้ แค่แบ่งเศษเสี้ยวความรักให้ ผมไม่ถือสาหรอก พี่จิณห์น่าสงสารจนผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

หากแต่พี่อินทร์ก็คือพี่อินทร์ ถึงจะบ้าๆ บอๆ แต่เขาก็เป็นคนยึดมั่นถือมั่น รักผมมั่นคงยังไงก็รักอย่างนั้น ไม่รักพี่จิณห์ยังไงก็ไม่รักอย่างนั้น

“มึงไม่ได้รักกูหรอก” เขาว่า “มึงรักตัวมึงเอง เพราะถ้ามึงรักกูจริงๆ มึงคงไม่คิดฆ่ากูตอนที่มึงผิดคำสาบานแล้วคิดว่าตัวเองจะตายหรอก จริงไหม”

จู่ๆ ก็พูดถึงตอนที่เขาถูกพี่จิณห์แทงขึ้นมา พี่จิณห์ก็ชะงักกึกเลย มองหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงโทนเดิม

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้น กูยอมรับแต่โดยดีว่าเป็นความผิดของกูเอง ถ้ากูทำให้มึงเจ็บปวด กูขอโทษ”

“มันไม่พอ...”

“กูรู้ว่าแค่คำขอโทษมันไม่พอ แต่กูขอโทษ... ตัดใจเถอะไอ้จิณห์ มึงจะได้มีความสุขสักที อย่างที่กูบอก เลิกทรมานตัวเองสักที นี่ไม่ใช่ความเป็นห่วงหรืออะไร กูแค่อยากให้มึงหลุดจากบ่วงที่กูเป็นคนคล้องเอาไว้ กูอยากให้มึงมีความสุข”

สิ้นเสียงก็ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงแววตาปวดร้าวของพี่จิณห์เท่านั้นที่กำลังบอกกับทุกคนว่าเขาทรมานมากแค่ไหน ก่อนที่ครู่หนึ่งน้ำตาจะเหือดแห้ง จากนั้นเขาก็ว่าเสียงต่ำ

“กูเคยบอกมึงแล้ว...ถ้ากูไม่ได้ ใครหน้าไหนก็ต้องไม่ได้มึงทั้งนั้น” จากนั้นก็ปราดสายตามามองผม “ไม่มีวัน...มึงไม่มีวันได้ไอ้อินทร์ไปจากกู”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น เป็นครั้งแรกที่ผมกลัวคนตรงหน้า ก่อนจะได้สติเมื่อพี่อินทร์ตัดบท

“กูว่าคุยกับมึงไม่รู้เรื่องละ ไร้ประโยชน์” พลันก็ลุกขึ้นยืนแล้วกระตุกมือเป็นสัญญาณให้ผมลุกขึ้น “ไปกันเถอะจิ พี่ถือว่าพี่ทำในสิ่งที่พี่ควรจะทำแล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีการคุยอะไรกันอีก”

แน่ล่ะว่าเขาไม่ได้บอกพี่จิณห์คนเดียว แต่บอกผมเป็นนัยด้วยว่าห้ามขอร้องให้เขามาคุยกับพี่จิณห์อีก ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ลุกขึ้นตามพี่อินทร์ แต่ก่อนที่เราจะออกจากร้านไป พี่อินทร์ก็ทิ้งท้าย

“บ่วงที่คล้องคอมึงอยู่ เอาออกสักที มึงจะได้มีความสุข...จินตะหราวาตี”

สิ้นเสียงก็ปล่อยให้พี่จิณห์นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวที่โต๊ะตัวเดิมโดยที่เราสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันหลังจากนั้นอีก

 

หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่กล้าพูดเรื่องพี่จิณห์กับพี่อินทร์อีกเลย ไม่กล้าแม้แต่จะคุยเรื่องเหตุการณ์วันนั้นด้วย ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ซึ่งพี่อินทร์ก็ทำตัวตามปกติทุกอย่าง แต่ในใจลึกๆ แล้ว ผมเชื่อว่าสิ่งที่พี่อินทร์กระทำวันนั้นมันไม่จบแค่นั้นแน่

คนอย่างจินตะราวาตี... มีเหรอที่จะยอมง่ายๆ

ผมเชื่ออย่างนั้น พี่อินทร์ก็เชื่ออย่างนั้น ใครๆ ก็เชื่ออย่างนั้น เพียงแต่ไม่มีใครพูด มีแค่การเตือนให้ผมระวังตัวเท่านั้นเพราะต่างคนต่างไม่ไว้ใจเพราะไม่รู้ว่าพี่จิณห์จะมาไม้ไหนอีก แต่ก็นับว่าพอจะสบายใจขึ้นได้เปลาะหนึ่ง ด้วยพี่จิณห์ไม่มาโผล่หน้าให้พวกเราเห็นแล้ว เรียกได้ว่าหายไปจากสารบบชีวิตเลยก็ว่าได้

ทว่า...นั่นเป็นเพียงความคิดที่ผิด เขาไม่ได้มาดักรอพวกเราที่หน้าหอก็จริง แต่มาดักรอผม...ที่หน้าตึกคณะ

เสียงซุบซิบของผู้หญิงกลุ่มข้างหน้าที่เห็นผู้ชายหน้าตาดีทำให้ผมเสียวสันหลังวาบ และรู้สึกไม่ดีกว่าเดิมเมื่อตระหนักได้ว่าคนที่พวกเธอกรี๊ดกร๊าดนั้นคือใคร

พี่จิณห์ยังคงแต่งตัวดีตามสไตล์ของเขา แต่ที่ดูไม่ดีก็คือดวงตาบวมเป่งที่ดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มา และสีหน้าเรียบนิ่งจนดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ร้ายไปกว่านั้นก็คือการมาดักรอผมนี่แหละ

เขาต้องการอะไร...

แน่นอนว่าผมไม่โง่พอที่จะไปถามเขาตรงๆ แน่ พอเห็นปุ๊บ ผมก็เตรียมตัวจะเลี้ยวกลับเข้าตึกคณะแล้วโทรให้พี่อินทร์มาหาเลย ผมไม่เสี่ยงไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ หรอก แต่ถ้าคิดว่าผมจะหนีเขาได้ มันคือความคิดที่ผิด เพราะทันทีที่ผมหันตัวหนี เขาก็พุ่งเข้ามาหาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะจับแขนผมไว้แน่นเมื่อเห็นผมทำท่าจะเดินหนี

“คิดว่าจะหนีไปไหน ระตูจรกา”

“พี่จิณห์มีธุระอะไรกับจิเหรอครับ”

ผมถามพลางแสร้งทำเป็นไม่รู้ เขาก็ไม่สนที่จะอธิบายเหมือนกัน พูดในสิ่งที่อยากพูดเท่านั้น

“ไปด้วยกันหน่อย กูมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

ผมส่ายหัวพรืด พยายามบิดแขนออกจากการเกาะกุม

“พอดีจิมีนัดกับเพื่อนไว้น่ะครับ คงไปด้วยไม่ได้ ต้องขอตัวก่อน...”

เขาไม่ปล่อย อีกทั้งยังกระชับฝ่ามือที่จับแขนผมอยู่แน่นขึ้นอีก ก่อนจะออกแรงกระชากเข้าหา ว่าเสียงต่ำใส่ทันทีที่ผมถลาเข้าไปใกล้

“กูบอกให้ไปด้วยกันหน่อย”

“แต่จิ...”

“ไปกับกู”

พูดยังไม่ทันจบ เขาก็ใช้มืออีกข้างป้ายอะไรบางอย่างมาที่ปลายจมูกผม

กลิ่นนั้น...หอม แล้วก็ชวนให้มึนงงเป็นอย่างมาก สิ่งที่ผมตั้งใจจะพูด เรื่องที่ตั้งใจจะปฏิเสธ มลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ผมมองหน้าเขาด้วยความมึนงงครู่หนึ่ง กระทั่งเขาพูดขึ้นอีกครั้ง

“ขึ้นรถไปกับกู...เดี๋ยวนี้”

ทั้งที่รู้ดีว่าควรปฏิเสธ แต่ผมกลับควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ริมฝีปากเผยออ้าออกไป ตอบกลับเขาเสียงแผ่วราวกับถูกมนตร์สะกดเสียอย่างนั้น

“ครับ”

พลันตรงไปที่รถของเขาที่จอดเอาไว้ ขึ้นนั่งบนเบาะโดยสารข้างคนขับให้เขาได้สตาร์ตรถแล้วขับออกไปโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะพาไปที่ไหน

ตอนนี้ผม...ไม่เป็นตัวของตัวเองไปแล้ว

-------------------------

มาอัปแล้วววว คิดว่าตอนหน้าก็อาจจะเป็นตอนสุดท้าย แล้วก็เป็นบทส่งท้ายแล้วค่ะ จบละถ้าแก้ปมทุกอย่างหมดนะ

ฝากกำลังใจไว้ให้กันล่วยเน้อ


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โดนยาอีกแล้ว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ por_pla4u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รักนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ กับอิพี่อินทร์อ๊องๆ ใกล้จบแล้วสินะ  :mew2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เลิกรักอินทร์ แล้วไปเปิดสำนักยาเสน่ห์เถอะ
รวยกว่าเยอะ!!! 55555

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เลิกตอแยพี่อินทร์แล้วไปเปิดตำหนักหมอจิณห์น่าจะรุ่งกว่าเยอะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สงสัยจิณห์ต้องการตายคา teen นังเหนาแน่ ๆ วอนซะแล้ว  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด