★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]  (อ่าน 144125 ครั้ง)

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
นี่มันอะไรกันเนี่ย คิดไม่ถึงเลยว่าคนเขียนจะแต่งให้น้องจิตกหลุมรักจิน  o13

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
กลิ่นน้ำปรุงอะไรอ่ะ มีผลกับคนอย่างไงเนี่ย อีกคนเหม็น อีกคนหอม  :m28:


นั่นสิ   ยาเสน่ห์เลือกคนได้ด้วยเหรอ  ก็ได้กลิ่นทั้งพี่อินทร์ ทั้งจิ

ที่จริง ถ้าจิณห์ทำยาเสน่ห์ก็อยากให้กรรมสนองนะ  สงสารพี่อินทร์แค่จิลืมพี่อินทร์ ก็ว่าแย่แล้ว
ยังมาซ้ำเติมด้วยการทำเสน่ห์ให้จิไปหลงรักอีก

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ม่ายยยยยยย
 :z3:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
โอ้มาม่ายาวรึเปล่าแอบข้างตึก

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เอาแล้ววว

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
WARNING

 ตอนนี้ไม่ม่า แต่หน่วงใจเล็กน้อย ตอนที่ 36 ม่าแน่นอน ใครไม่ไหวให้รออ่านทีเดียวตอนอัปตอนที่ 37 แล้วนะคะ ตอนนั้นจะหมดม่าละ



Chapter 35: รักแรก

ความฟุ้งซ่านเรื่องพี่จิณห์วุ่นวายอยู่เต็มหัวผมตลอดอาทิตย์ ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย มันดูขัดแย้งไปหมด

ทั้งที่เขาไม่ชอบผม ผมเองก็ไม่ค่อยถูกชะตากับเขา แต่ผมดันไปมีความรู้สึกแปลกๆ ให้ มันโคตรจะไม่เมคเซ้นส์ และเพราะเหตุนี้ ผมก็เลยเกาะติดพี่อินทร์หนึบเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ เขาก็ดูแปลกใจอยู่เหมือนกันนะที่จู่ๆ ผมก็ไปเกาะเขาแจ แต่ดูท่าเขาจะชอบเพราะไม่ได้ว่าอะไรสักคำ แล้วก็ดูมีความสุขมากขึ้นด้วย ก่อนที่จะดูประหลาดใจเมื่อจู่ๆ ผมก็ถามขึ้น...

“เรามีอะไรกันครั้งแรกเมื่อไรครับ”

พี่อินทร์ที่กำลังดื่มน้ำอยู่ตรงหน้าตู้เย็นถึงกับสำลักพรวด หันมองหน้าผมอย่างรวดเร็ว

“ทำไมจู่ๆ ถึงถามล่ะ”

“จิอยากรู้”

“อยากรู้... ไม่ใช่ว่าอยากทำกับพี่เหรอ”

ก็ถามด้วยสีหน้าและท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยทุกทีแหละ ซึ่งเขาก็ไม่เคยทำจริงๆ หรอก  ได้แต่ทำเป็นถามผมแบบหมาหยอกไก่ไปอย่างนั้นแหละ เพราะจบท้ายจะเป็นการที่ผมมุ่ยหน้าใส่เขาทุกที แต่สำหรับวันนี้มันไม่ใช่ ผมพยักหน้าให้เป็นคำตอบ ทำเอาเขาต้องเบิกตาโตขึ้นมา

“พูดจริงดิ?”

สีหน้าของพี่อินทร์ดูตะลึงงันมากเลย แต่ที่ผมบอกไปเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงนะ บางทีการที่ผมมีอะไรกันกับเขา มันอาจจะทำให้ผมหยุดคิดฟุ้งซ่านถึงพี่จิณห์ได้ ไม่อย่างนั้นผมก็อยากจะเจอเขา คิดถึงเขาอยู่นั่นแหละ

เรื่องบ้าๆ นี่ไม่ควรเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่ผมไม่รู้จักดีอย่างนั้น แล้วก็การมีอะไรกันกับพี่อินทร์ บางทีอาจจะทำให้ผมจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง

พี่อินทร์เดินมานั่งข้างๆ ผม สีหน้ายังคงอึ้งงันไม่หาย ขณะที่ผมถามเขาอีกครั้ง

“ตกลงแล้วเรามีอะไรกันครั้งแรกเมื่อไรเหรอครับ”

“พี่ก็จำไม่ได้ว่าเมื่อไรเหมือนกัน แต่จำได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาว่า สายตายังไม่ละไปจากใบหน้าผม

“แล้ว...มันเกิดอะไรขึ้น”

ที่ถามไม่ใช่ว่าเพราะไม่รู้ว่าเรามีอะไรกันยังไง แต่อยากรู้รายละเอียดน่ะ พี่อินทร์เอื้อมมือมาจับมือผม ออกแรงบีบก่อนจะว่าออกมา

“พี่ชวนจิไปเที่ยวที่บ้านสวน จากนั้น...เราก็มีอะไรกัน”

“บ้านสวน?”

“อืม บ้านสวนของครอบครัวพี่ที่จันทบุรี”

ผมคุ้นกับบ้านสวนนะ ในหัวมีภาพรางๆ ผุดพรายขึ้นมาด้วย แต่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นหรือบ้านนั้นเป็นของใคร แต่ตอนนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ผมพูดในสิ่งที่คิดออกไปแล้ว

“พาจิไปที่บ้านสวนอีกครั้งได้ไหมครับ”

“ทำไมถึงอยากไปล่ะ”

“จิอยากจำพี่อินทร์ได้”

“...”

“อยากจำได้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน จิอยากจำได้ครับ”

พูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็คลี่ยิ้มออกมา เขาดึงผมเข้าไปกอดไว้

“พี่ก็อยากให้จิจำได้”

ผมรู้...

“แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เริ่มต้นกันใหม่ก็ได้”

จบท้ายด้วยการที่เขาพูดอย่างนี้ทุกที ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าเขาอยากให้ผมสบายใจ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมไม่สบายใจ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกที่มีต่อคนอื่นมารบกวนจิตใจตัวเอง หรือแม้แต่กระทั่งรบกวนใจพี่อินทร์จนทำให้เขาต้องเสียใจ

ความรู้สึกที่มีต่อพี่จิณห์ ผมจะต้องกำจัดมันออกไปให้ได้

ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาออกไปให้ได้...

 

หลังจากที่เราตกลงกันว่าจะไปเที่ยวบ้านสวนอีกครั้ง พี่อินทร์ก็เตรียมพร้อมทุกอย่างจนกระทั่งวันเดินทางมาถึง แน่นอนแหละว่าการไปบ้านสวนของเราในครั้งนี้มันคือการตกลงไปมีความสัมพันธ์ทางกายแบบลึกซึ้งเหมือนกับครั้งแรกที่เขาเคยพาผมไป ผมก็ไม่รู้หรอกว่าครั้งแรกระหว่างผมกับเขานั้นเกิดขึ้นได้ยังไง จนพี่อินทร์เล่าให้ฟังอย่างละเอียด ผมถึงได้รู้

“เป็นพี่เองแหละที่อยากมีอะไรกับจิก็เลยขอ จิก็ไม่เชิงว่ายอมหรอก ตอนนั้นจิมีอะไรบางอย่างคาใจอยู่เลยทำให้รักพี่เต็มร้อยไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจ สุดท้ายจิก็ยอม ความจริงแล้วเป็นฝ่ายรุกพี่เองด้วย พี่อาบน้ำอยู่ก็ไปหาถึงในห้องน้ำเลย ไม่คิดว่าจะเป็นคนใจร้อน”

เขาว่าขณะที่เราทั้งคู่นั่งเล่นกันอยู่ริมระเบียงในบ้านสวน ความจริงแล้วพวกเรามาถึงกันตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วล่ะ แต่ตอนนั้นพี่อินทร์พาผมไปเที่ยวเล่นกินผลไม้ไปทั่ว ตกเย็นถึงได้กลับมานั่งๆ นอนๆ ที่บ้านสวนซึ่งเป็นบ้านไม้ทรงไทย ภาพเลือนรางในความทรงจำของผมฉายชัดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นบ้านหลังนี้ ทว่าก็ยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่ได้อยู่ดี

ผมฟังพี่อินทร์เล่าแล้วก็ยิ้มออกมาบางๆ อึ้งเหมือนกันที่ได้ยินอย่างนั้น นึกว่าเขาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเสียอีก

“แล้วยังไงต่อเหรอครับ”

“พี่ก็ถามจินั่นแหละว่าจะทำจริงไหม ถามเหมือนกับที่ถามในตอนนี้ว่าจะทำจริงไหม”

“แล้วพี่อินทร์ได้ใส่ชุดนอนไม่ได้นอนให้จิฉีกทึ้งด้วยไหมครับ”

พี่อินทร์หัวเราะร่วนเลย “ใส่สิ”

“เห?”

“แต่จิไม่ได้ฉีกหรอกนะ ไล่ให้พี่ไปถอดออก จิบอกคลื่นไส้อะ”

ผมหัวเราะออกมาบ้าง แต่แล้วเขาก็ถามย้ำอีกครั้ง

“ตกลงจะทำจริงๆ ใช่ไหม”

ผมพยักหน้าให้ “จิอยากลอง”

ถึงผมจะไม่ได้รักเขาเหมือนคนรัก มีแต่ความรู้สึกแบบพี่น้อง ทว่ามันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมไม่สามารถไปจากเขาได้

เหมือนกับ...ผมถูกล่ามโซ่ไว้กับที่ทั้งๆ ที่ข้างหน้ามีกำแพงกั้นระหว่างผมกับเขา ไม่ให้เราเข้าหากันได้ หลายครั้งที่ผมคิดว่าบางทีผมอาจจะรักเขามากกว่าพี่น้อง แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ ทุกครั้งที่ความรู้สึกเหมือนจะเกินกว่าที่เป็นอยู่ อีกวันความรู้สึกนั้นก็จะหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกที ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมทรมานอยู่ไม่น้อยทีเดียว

“แน่ใจนะ?”

เขาย้ำมาอีกครั้ง ผมก็หัวเราะเบาๆ

“แน่ใจสิครับ พี่อินทร์ไม่ต้องถามจิแล้ว เริ่มอายแล้วเนี่ย”

คนตรงหน้าผมหัวเราะตอบรับบ้าง เขาจูงผมเข้าไปในห้องนอน ก่อนพาเดินมานั่งที่เตียง มองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มออกมา

“จะเริ่มกันเลยไหม”

พอเขาถาม ผมก็พยักหน้า รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าขึ้นมาทันที ความรู้สึกนี้ไม่ได้เหมือนกับตอนที่ผมรู้สึกกับพี่จิณห์ มันเป็นความเขินอาย แต่เป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกดีมากๆ

พี่อินทร์ประทับริมฝีปากลงมาบนหน้าผากผม ลากเรื่อยไปยังแก้มแล้วจรดที่ริมฝีปากเป็นที่สุดท้าย พอผละออกมาได้ เขาก็กระซิบ

“ไม่ต้องเกร็งนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้จิเจ็บ”

ผมรู้ว่าเขาไม่ทำให้ผมเจ็บหรอก ผมเลยผ่อนคลายมากขึ้น ปล่อยให้เขาได้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่ปกคลุมตัวผมอยู่ออก ไม่นานนัก ร่างกายของเราทั้งคู่ก็เปล่าเปลือย ถึงผมจะเคยเห็นเขาถอดเสื้อเดินในห้องหลายต่อหลายครั้ง แต่สำหรับในสถานการณ์อย่างนี้ มันทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองเลย

เขา...เซ็กซี่มาก

ยิ่งเขายิ้มแล้วขยับเข้ามาใกล้ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็เต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิม

“พี่รักจินะ”

จิก็รักพี่อินทร์...

ผมอยากพูดประโยคนี้บ้างเหมือนกัน แต่ความรู้สึกกลับไม่ได้รักเขาอย่างคนรักเลย จะให้พูดออกไปก็กลับว่าจะเป็นการทำร้ายความรู้สึกเขาเพราะผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับเขาจริงๆ ผมจึงได้แต่พยักหน้า ก่อนค่อยๆ เอนตัวลงนอนเมื่อถูกพี่อินทร์ดันให้ทิ้งตัวนอนราบ

ร่างกายเปล่าเปลือยของเขาขึ้นมาแทรกกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของผม จูบประทับที่ริมฝีปาก กระหวัดเกี่ยวกับปลายลิ้นอยู่ภายใน ปล่อยให้ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไปตามแขนและขา สัมผัสหวามไหวทำให้ผมคล้อยตามไปชั่วขณะ การถูกเขาสัมผัสไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย มันเป็นสิ่งที่...

...ที่ผมคุ้นเคย

ใช่ ความรู้สึกมันเป็นอย่างนั้น อบอุ่นและอ่อนโยน...สิ่งนี้คือสิ่งที่เป็นพี่อินทร์เสมอ

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อส่วนลึกสุดของร่างกายถูกรุกรานด้วยปลายนิ้ว ความเพลิดเพลินก่อนหน้าหดหายไปหมด ผมดันตัวเขาออกอย่างรวดเร็ว พี่อินทร์ก็ชะงักเช่นกัน ก่อนเขาจะมีสีหน้าไม่ดีสักเท่าไร

“ถ้าไม่ไหว อย่าฝืนนะจิ”

ผมลังเลไปเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าตัวเองไหวไหม เลยลองให้เขารุกล้ำอีกครั้ง แต่แล้วในหัวก็สับสนอลหม่าน ความรู้สึกดีๆ ที่มีกับเขาก่อนหน้ามลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

ผมไม่ไหว...

ไม่ไหวจริงๆ...

“จิไม่ไหวครับ”

ผมบอกไปตามตรง เท่านั้นพี่อินทร์ก็หยุดมือ

“พี่ก็คิดอยู่แล้วว่าต้องไม่ไหว”

เขายิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นทำให้ผมรู้สึกผิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะขอโทษ

“จิขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้ว่าอะไรจิเลย ไม่ต้องคิดมาก”

เขาดึงผมไปกอดปลอบ พอผละออกไป เราทั้งสองก็ดันตัวขึ้นนั่ง มองหน้ากันด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน ความเงียบทำให้เราอึดอัดไปตามๆ กัน แต่พี่อินทร์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นด้วยการชวนคุยขึ้นมา

“จิรู้ไหมว่าจิมีพี่เป็นคนแรก?”

ถึงจะไม่รู้แต่ผมก็เดาได้ เพราะตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยมีแฟนเลย เหตุผลก็คือ...

คือ...

...นึกไม่ออก

จำไม่ได้เลยว่าทำไมถึงไม่มีแฟน แต่รู้สึกเหมือนกับว่าผมมีอะไรค้างคาอยู่ในใจจนไม่สามารถคบหากับใครได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่เพราะพี่อินทร์ด้วย รู้สึกเหมือนจะเป็นเพราะพี่บุศย์ แต่...ผมกับพี่บุศย์เคยเป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอ

นึกไม่ออกเลย แต่ผมก็ไม่อยากจะนึกต่อสักเท่าไรเมื่อเห็นสายตาทะเล้นของพี่อินทร์ ทำให้ผมต้องถามบ้าง

“ทำเป็นดีใจที่จิเป็นคนแรก แล้วพี่อินทร์ล่ะ จิเป็นคนที่เท่าไรของพี่อินทร์”

ย้อนถามกลับไปก็เพราะอยากจะแกล้งให้เขาหน้าม้านนี่แหละ ทว่าคำตอบของเขากลับทำให้ผมต้องนิ่งงัน

“จิเป็นรักแรกของพี่”

ผมเบิกตาโตมองเขาเลย

“หืม?”

ดูแล้วไม่น่าจะเป็นแบบนั้น พี่อินทร์หล่อจะตาย นิสัยก็ดี ไม่น่าจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่พี่อินทร์ดันพยักหน้าหงึกหงัก

“อื้ม เป็นคนแรกของพี่ด้วย”

นั่นยิ่งทำให้ผมตกใจมากขึ้นไปใหญ่

“จริงเหรอ”

ผมถามเสียงดัง พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่ มิหนำซ้ำยังบอกว่า...

“แล้วก็จะเป็นรักครั้งสุดท้ายของพี่”

ถึงตอนนี้ ผมกำผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ แน่น ไม่อยากให้เขาพูดแบบนี้เพราะผมรับปากไม่ได้ว่าผมจะรักเขาเป็นรักสุดท้ายหรือเปล่า อะไรไม่ว่า ผมจะรักเขาแบบคนรักอีกครั้งได้หรือเปล่า ผมยังไม่รู้เลย และมันก็ทำให้ผมต้องพูดออกมา

“แต่จิไม่รู้ว่าจะต้องทำให้พี่อินทร์รอไปอีกถึงเมื่อไร”

“ไม่ต้องห่วงจิ พี่เคยบอกไปแล้วไงว่าพี่รอได้ พี่รอเก่งจะตาย”

เขายิ้มทั้งที่เก็บความเศร้าบนใบหน้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ผมเองก็อึดอัดใจ สงสารเขาก็ด้วย ที่สำคัญ...ผมเจ็บในใจขึ้นมา

ผมไม่อยากทำให้เขาเป็นแบบนี้ ถึงผมจะไม่ได้รักเขาแบบคนรัก แต่ผมก็มีเยื่อใย มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมไม่กล้าไปจากเขาสักที ทว่าบางที...การอยู่แบบนี้อาจจะไม่ช่วยอะไร

“แต่จิรักพี่อินทร์แบบพี่น้อง”

ในที่สุด ผมก็ตัดสินใจพูดออกไป บางทีการทำให้เขารู้ไว้สักหน่อยอาจจะเป็นการดี เผื่อเกิดอะไรขึ้นมา เขาจะได้มีเวลาทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะทั้งที่ผมพยายามจะลองมีอะไรกับเขาเหมือนตอนที่รักกัน แต่ผมกลับทำไม่ได้ทั้งที่เตรียมใจมาอย่างแน่วแน่แล้วว่ายังไงก็จะทำ ทว่าเขากลับตอบกลับเสียงแผ่ว

“พี่รู้อยู่แล้ว รู้...ว่าจิไม่ได้คิดอะไรกับพี่เลย” ผมก้มหน้านิ่ง พี่อินทร์เอื้อมมือมาจับมือผมไว้ พลันว่าเสียงเบา “แต่พี่ก็ยังรักจิเหมือนเดิมนะ”

ผมเองก็รู้อยู่แล้วเหมือนกัน แต่...เราจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปจริงๆ เหรอ

“พี่อินทร์ครับ บางทีจิว่าพี่อินทร์ไม่ต้อง...”

ผมจะบอกให้เขาไม่ต้องรอแล้ว แต่เขาก็ดันสวนขึ้นมา

“ไม่จิ อย่าบอกให้พี่เลิกรอ อย่าพูด”

เขาไม่ได้ตะคอกหรืออะไร พูดในน้ำเสียงปกติ แต่กลับทำให้ผมต้องปิดปากสนิท พอสบตาเขาแล้ว ผมก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในแววตานั้น

“อย่าพูดแบบนั้น ขอร้อง อย่าบอกให้พี่หยุด พี่บอกแล้วไงว่าพี่รอได้ พี่รอเก่ง”

“...”

“ให้พี่รอเถอะนะ ให้รอไปเถอะ รอแบบหวังลมๆ แล้งๆ หรืออะไรก็ได้ แต่อย่าบอกให้พี่หยุด พี่ทำไม่ได้”

“...”

“พี่รักจิแล้ว ต่อให้จิไม่รักพี่ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าไล่พี่ไป ให้พี่อยู่แบบนี้ มีความสุขไปวันๆ แบบนี้ พี่ก็พอใจแล้ว”

“พี่อินทร์...”

ผมครางออกมา ในใจปวดร้าวจนกลั้นน้ำตาไม่ไหว ผมไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้ ไม่อยากเห็นเขาพยายามทำตัวเข้มแข็งอีกแล้ว ผมพยายามจะรักเขาแล้ว... พยายามสุดๆ แล้ว แต่มันก็ไม่เทียบเท่ากับความรู้สึกที่ผมมีให้พี่จิณห์ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเลย

“จิต้องทำยังไง...ฮึก พี่อินทร์ จิต้องทำยังไงถึงจะรักพี่อินทร์ได้เหมือนเดิม...”

ผมทนไม่ไหวอีกแล้ว ปล่อยโฮออกมาจนได้ การที่เราอยู่กันอย่างนี้มันทรมานทั้งเขาทั้งผมเลย ถึงผมจะไม่ได้รักเขา พอมีความรู้สึกหนึ่งขึ้นมาเหมือนว่าจะรัก มันก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ความรู้สึกนั้นแตกสลายและหายไป ราวกับว่ามีใครบางคนไม่อยากให้ผมรักเขายังไงก็ไม่รู้ แต่ขณะเดียวกันก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมไม่สามารถปล่อยมือจากเขาได้

ผมต้องทำยังไงล่ะ ต้องทำยังไงถึงจะกลับมารักเขาเหมือนเดิมได้สักที ผมอยากรักเขา อยากจะหยุดสถานการณ์อย่างนี้แล้ว ไม่ใช่ไปมีใจให้กับคนที่ไม่สมควรอย่างนั้น!

พี่อินทร์ดึงผมเข้าไปกอดแน่น กระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ไม่ต้องทำอะไรเลย จิไม่ต้องทำอะไร แค่อยู่ข้างๆ พี่ก็พอแล้ว ไม่ต้องทำอะไร...”

“แต่จิ...”

“พี่รอได้ รอเก่งจะตาย...รอได้...พี่ไหว...”

เขาพร่ำพูดคำนั้นไม่หยุด ผมก็ร้องไห้ไม่หยุด จนกระทั่งเขาพึมพำออกมา

“พี่รอเจ้ามาชาตินึงแล้ว ไยจะรอเจ้าอีกสักหน่อยไม่ได้...พี่รอเจ้าได้เสมอ ระตูจรกา...”

ระตูจรกาอะไร...

ผมชะงัก มองหน้าเขาอย่างขอคำตอบ ทั้งที่ไม่พูดแต่พี่อินทร์ก็เหมือนจะเข้าใจว่าผมสงสัยอะไร เขาถอนหายใจออกมาแล้วจับผมให้นั่งตัวตรง

“จิรู้ไหม นิสัยไม่ดีของพี่คืออะไร”

“ครับ?”

“คือการที่มีอะไรแล้ว พี่ไม่เคยบอกหรือถามจิ ทุกครั้งที่เราทะเลาะหรือมีปัญหาเข้าใจผิดกัน ทั้งหมดเป็นเพราะพี่คิดอะไรก็ไม่เคยพูด เอาแต่คิดเองเออเอง ทำเองโดยไม่ถามจิสักคำ”

“...”

“แต่วันนี้พี่จะพูด พี่จะเล่าทุกอย่างให้จิฟัง ทุกอย่าง...ที่เป็นเรื่องของเรา”

ผมเข้าใจว่าเขาเล่าให้ผมฟังหมดแล้วนะ แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไร ได้แต่นั่งนิ่ง รอให้เขาเปิดปาก ทว่าเขากลับถามผมว่า...

“จิเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดหรือระลึกชาติได้ไหม”

ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี ผมเลยได้แต่นิ่ง ปล่อยให้พี่อินทร์พูดต่อ

“เรื่องที่พี่จะบอกหลังจากนี้มันอาจจะฟังดูไร้สาระ แต่พี่ขอยืนยันว่าทุกสิ่งที่พี่พูด มันคือเรื่องจริง”

เขาดูกังวลมากเลยที่จะเล่า ใช้เวลานานพอสมควรทีเดียวในการสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเปิดปากเล่า

“พี่คืออิเหนากลับชาติมาเกิด ส่วนจิก็คือระตูจรกา”

“...”

“อิเหนาแอบหลงรักระตูจรกามาตั้งแต่ชาติที่แล้ว แต่จรกาเกลียดอิเหนาเข้าไส้ ชาตินี้เกิดใหม่แต่จำอดีตชาติกันได้เพราะวิงวอนต่อองค์ประตาระกาหลา องค์เทวาต้นวงศ์อสัญแดหวาของพี่ จรกามาเกิดใหม่เพื่อจะมาครองคู่กับบุษบา ซึ่งก็คือไอ้บุศย์ ส่วนพี่มาเกิดใหม่ก็เพื่อจะตามมารักจรกาในชาตินี้”

“...”

“ส่วนสรัลก็คือสังคามาระตา ไอ้วิญคือวิหยาสะกำ...”

ผม...พูดอะไรไม่ออกเลย พอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่อินทร์ถึงได้ดูเป็นกังวลนักที่จะพูดเรื่องนี้ ก็มันดูไม่น่าเป็นไปได้เลยนี่นา อิเหนากับพวกคนอื่นๆ มันเป็นตัวละครในวรรณคดีไทยไม่ใช่เหรอ กลับมาเกิดใหม่อะไร!

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรหรอกนะ ได้แต่ฟังสิ่งที่พี่อินทร์พูดต่อ

“ชาติก่อนพี่ทำผิดกับจรกาไว้มาก ชาตินี้เลยตามมาขอแก้ตัว กว่าที่จิจะยอมปล่อยวางความแค้นในอดีตจนยอมมารักพี่ก็ใช้เวลานาน พี่ต้องทำให้จิเข้าใจว่าเมื่อชาติก่อนที่อิเหนาแกล้งจรกาไม่ใช่เพราะความตั้งใจ แต่เป็นเพราะความรักต่างหาก พี่เลยให้แหวนจิไป”

แหวน...

ผมนึกถึงแหวนทองที่ประดับนิลเม็ดใหญ่ในตู้เสื้อผ้าได้ขึ้นมา ทว่ายังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อ พี่อินทร์ก็สวนขึ้นมาแล้ว

“พอจิรักพี่แล้ว ดันกลายเป็นว่าจิผิดคำสาบานที่ว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนาในชาติที่แล้ว ทำให้ถูกลงโทษให้ฟ้าผ่าตาย”

“ฟ้าผ่าตาย?”

“ก็ไม่ใช่ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆ หรอก เป็นรอยฟ้าผ่าผุดขึ้นที่ตัวน่ะ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องไปอินโดนีเซีย”

“ทำไมเหรอครับ”

“ไอ้วิญบอกว่าสาบานไว้ที่ไหน ให้ไปถอนคำสาบานที่นั่น จิสาบานว่าจะไม่ญาติดีกับพี่ที่เมืองดาหา ตอนนี้เมืองดาหาคือตำบลหนึ่งในบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย เราเลยไปที่นั่นกัน”

ผมพยักหน้า ก็ยังไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดหรอกนะ อย่างที่บอกว่ามันเหลือเชื่อเกินไป แต่ผมก็ตั้งใจฟัง แถมยังมีคำถาม

“แล้วจิถอนคำสาบานได้ไหม”

“ได้” พี่อินทร์ว่ายิ้มๆ ซึ่งเป็นรอยยิ้มเศร้าๆ “แต่พอฟื้นขึ้นมา ความทรงจำของจิที่เกี่ยวกับพี่ รวมถึงอดีตชาติก็หายไป”

“ทำไมเหรอครับ”

“พี่เองก็อยากรู้” เขาว่า “แต่ให้พี่เดา พี่คิดว่าคงเป็นเพราะความปากพล่อยของพี่”

ผมขมวดคิ้วมุ่น “ยังไงเหรอครับ”

“ตอนนั้นจิอาการไม่ดีแล้ว เป็นตายเท่ากัน ขนาดจะพูดขอถอนคำสาบานเอง ยังพูดแทบไม่ไหว พี่ก็เลยบนบานไปว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ได้ ให้จิไม่รักพี่ก็ได้ แต่ขอให้จิมีชีวิตรอด”

“...”

“เรื่องที่พี่ยังไม่เคยเล่าก็มีเท่านี้แหละ จิเชื่อพี่ไหม”

ผมตอบไม่ได้อยู่ดีว่าเชื่อไหม มันยากที่จะเชื่อ อีกอย่าง ที่เขาเล่ามา ผมไม่คุ้นเลยสักอย่าง จะให้คิดว่าพี่บุศย์คือบุษบา สรัลคือสังคามาระตา พี่วิญญูคือวิหยาสะกำ มันก็ยากที่จะจินตนาการทั้งนั้น แต่สายตาที่พี่อินทร์มองผม มันก็บ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน

ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้โกหก แต่เชื่อสิ่งที่เขาเล่าไม่ลง...

เพราะเงียบ พี่อินทร์ก็เลยยิ้มออกมา บีบมือผมแน่น

“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ถือซะว่าพี่เล่านิทานให้ฟังก็แล้วกันนะ”

กลายเป็นอย่างนี้เสียได้ ผมเลยเบี่ยงประเด็นไปคุยเรื่องอื่นเพื่อไม่ให้บรรยากาศเสีย

“เมื่อเย็นจิเห็นพี่อินทร์เก็บดอกชบาที่หน้าบ้านมาตั้งหลายดอก เอามาทำไมเหรอครับ”

พยักพเยิดไปที่ดอกชบาซึ่งพี่อินทร์เอาในถาดวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ เขาลุกขึ้นไปหยิบมา จากนั้นก็เอามาทัดหูผมเสียอย่างนั้น ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เขาก็พูดออกมา

“พ่อดอกชบาของพี่”

คำนี้...หมายถึงผมจริงๆ ด้วย

“เมื่อชาติก่อนที่อิเหนาเจอกับจรกาครั้งแรก พี่เห็นจรกาเล่นอยู่เพียงลำพัง ก็เลยเข้าไปเล่นด้วย แล้วก็เก็บดอกชบาทัดหูให้ ถึงได้เรียกจรกากับจิว่าพ่อดอกชบา”

ทัดข้างหนึ่งเสร็จแล้ว ก็หยิบอีกดอกมาทัดให้อีกข้าง

“วันนั้นที่ละเมอก็เพราะฝันถึงจินี่แหละ”

เท่านั้นผมก็ชัดแจ้งทันทีว่าเขาเจ็บปวดแค่ไหน

ถึงขั้นน้ำตาไหล... ผู้ชายที่เข้มแข็ง อดทนเก่งอย่างพี่อินทร์ต้องเจ็บปวดแค่ไหนกันถึงหลั่งน้ำตาได้

ผมกำผ้าห่มแน่นกว่าเดิม ความรู้สึกผิดถาโถมจนผมเริ่มเกลียดตัวเองขึ้นมาแล้ว

ทำไมผมถึงไม่รักพี่อินทร์เหมือนเดิมสักที...ทำไม...

“พี่อินทร์... จิอยากรักพี่อินทร์นะ อยากรักจริงๆ...”

น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง ประโยคที่บอกกับเขามันทำให้ผมเจ็บที่หน้าอกมากๆ

รักเขาไม่ได้ แต่กลับไปจากเขาไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่มองเขาเจ็บปวด เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ได้แต่ทำทุกอย่างเป็นปกติทั้งที่มันไม่ปกติ

ทำไมเราสองคนจะต้องฝืนให้ต่างฝ่ายต่างทรมานกันขนาดนี้ด้วย...

ผมอยากจะถามเขาเหมือนกัน แต่คงถามไม่ได้แล้ว พี่อินทร์ไม่อยากฟังแน่ ผมจึงได้แต่เงียบ ปล่อยให้พี่อินทร์ดึงผมเข้าไปกอดแน่น กระซิบเสียงพร่าที่ข้างหู

“พี่ก็อยากให้จิรักพี่เหมือนกัน...รักแรกของพี่ พี่อยากให้มันเป็นรักครั้งสุดท้าย พี่จะรอ ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ...”

เป็นครั้งแรกที่เขาบอกความต้องการที่แท้จริงออกมาตามตรงหลังจากที่แสร้งทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่นาน และประโยคนั้นก็ทำให้ผมต้องกอดเขาแน่นกว่าเดิม

ความรู้สึกที่โอบล้อมเราสองคนอยู่ ไม่มีใครรับรู้ได้หรอกว่ามันทั้งเจ็บปวด ทั้งทรมานแค่ไหน

ผมอยากรัก เขาอยากให้ผมรัก แต่ต่างฝ่ายต่างทำให้มันเป็นไปตามนั้นไม่ได้ ยิ่งมีความรู้สึกของผมที่เกิดขึ้นกับพี่จิณห์เข้ามาแทรก อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะเลวร้ายไปหมด

ต้องทำยังไงถึงจะยุติสถานการณ์แบบนี้ได้...

ผมจะต้องทำยังไงกันถึงจะยุติความเจ็บปวดของเขาได้สักที...

------------------------------

บอกแล้วว่าหน่วงใจเล็กน้อย 555

จริงๆ ไม่ค่อยอยากมาชี้แจงอะไร แต่ต้องชี้แจงหน่อยเพราะช่วงนี้จะมีนักอ่านบางคนมา Blame หนูแดงเพราะเส้นเรื่องนิยายไม่โดนใจ (คือเขียนดราม่าขยี้ปมนี่แหละ พอมีช่วงดราม่าปุ๊บ เอ้า Blame คนเขียนเฉ้ย)

คืออย่างนี้ค่ะ งานหนูแดงเนี่ยมักไม่ค่อยไปในโทนเดียวกันทั้งเรื่อง จะมีธีมหนึ่งคลุมโทน แล้วเส้นเรื่องจะขึ้นๆ ลงๆ ตามปมและสถานการณ์ในเรื่อง อย่างเรื่องนี้ คลุมโทนคอเมดี้ หมายความว่า 70-80% จะเป็นคอเมดี้ แต่พอมาถึงปมหลักของพล็อต ยังไงก็ต้องดราม่าค่ะ แล้วก็จะเป็นแบบนี้ทุกเรื่องเพราะมันไม่ใช่แนว Slice of life หรือคอเมดี้ที่ไม่มีปมอะไรเลย จริงๆ แล้วมันคือสไตล์การเขียนน่ะนะ ใครที่เคยอ่านงานหนูแดงมาก่อนก็น่าจะพอคุ้นกันว่างานหนูแดงส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่โทนดราม่า แต่จะมีปมของเรื่องที่เป็นดราม่า ซึ่งเรื่องนึงก็จะมีประมาณ 1-3 ตอน แล้วแต่ความยาวของเรื่อง (แต่มีเรื่องแรกพบสบรักนะคะที่ไม่มีอะไรเลย คอเมดี้ทั้งเรื่อง มีดราม่าอยู่ครึ่งตอนแค่นั้นเอง XD) อันนี้จะเป็นสไตล์งานเขียนของหนูแดง

เลยอยากจะบอกกันว่าการที่อ่านงานหนูแดงแล้วไม่คลิกหรือไม่ถูกจริต มันไม่ใช่ปัญหาของหนูแดงที่จะต้องมาแก้เส้นเรื่องเพราะว่าใครสักคนอ่านแล้วไม่ชอบง่ะ ยิ่งการมา Blame เพราะว่าหนูแดงเขียนไม่ตรงใจ ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลยเน้อ เอาเป็นว่าขอความร่วมมือไม่ Blame นักเขียนไม่ว่าจะเรื่องไหนเพียงเพราะเขียนไม่ถูกใจเรานะคะ (แต่อินได้ ด่าตัวละครได้ ไม่ว่ากัน 555)

ช่วงนี้หนูแดงโดนทุกเรื่องเลย เดี๋ยว Blame ที่อัปช้า หรือไม่ก็อะไรทำนองนี้แหละ ซึ่งถ้อยคำที่ใช้ก็ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่อะเนอะ ส่วนตัวหนูแดงก็รับได้ค่ะเพราะเจ็บบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน แต่บ่อยไปก็ไม่ดี อยากให้รักษาบรรยากาศดีๆ ร่วมกันนะคะ

ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ ผ่านดราม่าตอนสองตอนไป มันก็คอเมดี้เหมือนเดิมละจ้า XD




ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เลยไม่กล้าเม้นท์  เพราะไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเบลมหรือไม่เบลม

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
เลยไม่กล้าเม้นท์  เพราะไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเบลมหรือไม่เบลม

เคยเห็นเมนต์ตัวเอง เมนต์แบบนั้นไม่เบลมค่า เมนต์แบบเบลมต้องไปไล่ดูในเด็กดี มาจริงจังมาก 555

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เข้าใจไรท์เตอร์นะ  เป็นกำลังใจให้ 
อย่าเพิ่งทิ้งเรื่องนี้ล่ะ :hao5:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เลยไม่กล้าเม้นท์  เพราะไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเบลมหรือไม่เบลม

เคยเห็นเมนต์ตัวเอง เมนต์แบบนั้นไม่เบลมค่า เมนต์แบบเบลมต้องไปไล่ดูในเด็กดี มาจริงจังมาก 555


ขอบใจจ้าหนูแดง 
ปวดใจแทนพี่อินทร์มาหลายบทแล้ว  จะทนปวดอีกสักบทสองบท
เชียร์วอลเล่ย์ทีมรักก็แพ้  อ่านนิยายพระเอกก็อกร้าว ผู้อ่านน้ำตาไหลนอง   :hao5: :hao5: :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
  :pig4:

 นี่เป็นคนชอบอ่านคำเขียนของwriterและcommentsก่อน
 
 แล้วก็นั่นแหละ อ่านแค่นี้ก็เกิดป อากร ป๊อด แ ห ก

 เป็นคน ขี้ใจง่าย และ ขี้อินมาก นะ ถ้างัยรอพาร์ทเพิ่มแล้วอ่านรวดเดียว (ขี้ กาก ด้วย... ยอมรับ)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นังเหนา จะบอกว่าใครกลับชาติมาเกิด ขาดใครไปหรือเปล่า ไม่เอ่ยถึงจินต์ อีน้องก็ไม่กล้าพูดซิ  :katai1:

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
อย่าไปสนเขา เราชอบอ่านงานของคุณ

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ถ้าตามท้องเรื่อง พี่น้องแลคู่รักต้องมาเจอะกันครบครัน ครบหน้า
อิเหนา บุษบา น้องชาย น้องสาว ถึงจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง
น้องจรการักแรกของพี่ยา สู้ต่อไป

ปล. เบลมน่าจะเพราะอ่านแล้วอินจัด
คิดอีกด้านคือเค้าชอบเรื่องนี้กันนะ
โอ๋ๆ  ไม่ต้องนอยด์
กดบวกเป็นกำลังใจ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เราชอบนะ เพราะรักมันซับซ้อนแต่บางทีก็ง่ายๆงี้แหละ

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
สาดมาเลยทีเดียวได้มั้ย สงสารอินทร์แล้ว ขอบคุณนักเขียนค่ะ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
มารอลุ้นว่า จิ จะรักพี่อินทร์ได้อีกมั้ย แต่จินต์ทำอะไรทำไมจิถึงคนึงหาได้ขนาดนั้น

ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
เป็นกำลังใจให้นะคะ งานเขียนของแต่ละคน มีเอกลักษณ์ มีวิธีเขียน วิธีเล่าเรื่องต่างกันไปตามสไตล์ของแต่ละคน จะลงช้า เร็ว ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัย หลายๆ อย่าง ความสะดวก หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้อ่านต้องเคารพ

ถ้าใครอยากได้อะไรที่ตรงใจ.. ไปแต่งเองดีมั้ยคะ ^^

สำหรับเรา บางช่วงบางตอนที่อ่าน ก็แอบขัดใจ แต่ก็ต้องเข้าใจทางเดินของเรื่องที่คนเขียนวางไว้ แต่ถามว่าชอบเรื่องนี้มั้ย? บอกเลยว่าชอบมาก เนื้อเรื่องปูทางไว้ให้ค่อยๆ แก้ปม ตัวละครมีความลื่นไหล จนถึงขั้นตอแหลสำหรับพี่อินทร์ (อันนี้ชมนะพ่อพระเอก พี่อินไปนิด 555) เนื้อเรื่องก็น่าสนใจ ที่ชอบมากก็คือ ช่างเอาพล็อตอิเหนาดั้งเดิม มาสอดแทรกแง่มุมตามจินตนาการได้แนบเนียนมากๆ...

ใครจะว่าอะไร ถ้าอ่านแล้วช่วยพัฒนาสมอง พัฒนางานเขียนเราได้ ก็เก็บเอาไว้เป็นครู อันไหนอ่านแล้วบั่นทอน ก็คิดซะว่า  มันคือบทเรียนที่ทำให้เรารู้จักอีกแง่มุมของความคิดมนุษย์

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือประสบการ์ณค่ะ ^^

สู้ๆ นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2018 20:41:07 โดย aha_aha »

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เจ็บปวดไปกับพี่อินทร์ ไม่น่าปากพร่อยพูดไปแบบนั้นเลยแต่ก็อย่างว่าช่วงความเป็นความตายของน้องจิเนอะนึกอะไรได้ก็พูดไม่ทันคิดถึงผลที่ตามมา ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะพี่อินทร์ :กอด1:

นิยายทุกเรื่องคนเขียนก็ต้องวางพล็อตมาแล้วว่าจะมีคอมเมดี้ ดราม่า เศร้าเคล้าน้ำตาช่วงไหนเนอะ ต้องมีมารยาทในการอ่านนิดนึงนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
 
WARNING
ตอนนี้แบ่งเป็นสองพาร์ตนะคะ ช่วงแรกม่านิดนึง ช่วงหลังคลายปมละ
ตอนหน้าไม่ม่าแล้ว สบายใจได้ ที่เหลือก็จะเป็นคลายปมจิณห์แล้วค่ะ


Chapter 36: สิ้นวาสนา
ยิ่งนานวัน ผมก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ปล่อยให้ความคิดล่องลอยทีไร ผมก็จะคิดถึงแต่ใบหน้าของพี่จิณห์ จนทำให้ผมเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือกระสับกระส่ายอยากเจอหน้าพี่จิณห์ทุกวัน
อยากเจอ อยากเห็น อยากอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา...
เป็นความรู้สึกที่ทำให้ผมปวดหัวเป็นอย่างมาก แรกๆ ก็พยายามฝืน แต่ช่วงนี้ชักจะไม่ไหวเพราะยิ่งฝืนเท่าไร ความรู้สึกนั้นก็ยิ่งทวีมากขึ้นและเหมือนจะกัดกินผมไปทีละน้อยจนเริ่มจะประสาทเสียและแสดงออกมาด้วยอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน
แน่ล่ะว่าคนที่โดนผมระเบิดอารมณ์ใส่บ่อยครั้งก็คือพี่อินทร์นี่แหละเพราะเขาอยู่ใกล้ชิดผมตลอดเวลา ถึงจะเป็นการหงุดหงิดใส่เขาโดยไม่มีเหตุผล แค่เห็นก็ขวางหูขวางตาแล้ว แต่พี่อินทร์ก็ไม่ว่าอะไรสักคำ มิหนำซ้ำยังเอาอกเอาใจจนผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่ดีทั้งกับตัวผม ทั้งกับเขา ไม่ดีกับใครทั้งนั้น
ผมใช้เวลาคิดทบทวนอยู่หลายวันว่าจะทำยังไงดีกับความสัมพันธ์ที่ไม่รู้ว่าจะมีจุดจบยังไงแบบนี้ ตอนแรกก็คิดเหมือนกับพี่อินทร์นั่นแหละว่าทนได้ รอได้ จนกว่าผมจะรักเขาได้เหมือนเดิม มันเป็นไปได้ ทว่าเอาเข้าจริง ความเป็นไปได้ดูเหมือนจะเท่ากับศูนย์เลย นอกจากผมจะไม่รักเขาแบบคนรักแล้ว ยังจะไปรักคนอื่นอีก
รักคนอื่น... กล้าที่จะใช้คำนี้แล้วเพราะความฟุ้งซ่านถึงพี่จิณห์มันมากจนผมชักแน่ใจความรู้สึกตัวเอง ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่อินทร์รู้ขึ้นมา มันจะเลวร้ายขนาดไหน
ผมจินตนาการไม่ออกสักเท่าไร แต่ก็พอจะเดาได้ว่าสิ่งที่ผมทำมันต้องไปทำร้ายเขาอย่างรุนแรงแน่
ถ้าไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เขาก็เจ็บ งั้นสู้ผมยุติเรื่องนี้ไปเลยดีกว่า อย่างน้อยเขาก็อาจจะไม่ต้องเจ็บมากถ้ารู้เรื่องนี้เร็วขึ้น...
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่าจะบอกเขาว่าผมมีใจให้คนอื่นไปแล้ว ไม่ว่ายังไงก็คงจะกลับไปรักเขาไม่ได้แม้ว่าอยากจะให้มันเป็นเหมือนเดิมแค่ไหนก็ตาม
แต่...การบอกความจริงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น ผมเลือกที่จะตีตัวออกห่างจากเขาทีละน้อยก่อน การสนิทกันมากแบบนี้มันดูรุนแรงไปถ้าเราเลิกกันกะทันหัน  ทว่าก็นั่นแหละ เป็นความคิดที่ค่อนข้างโง่เง่า เพราะคนอย่างพี่อินทร์ แค่ผมมีท่าทีเปลี่ยนไปหน่อยเดียว เขาก็รับรู้ได้แล้ว การที่ผมเลี่ยงที่จะพูดคุยกับเขาหรือเจอหน้าเขาน้อยลง มันทำให้เขาต้องมาดักรอผมที่หน้าตึกคณะหลังเลิกเรียนเสร็จ โดยที่ข้างหลังเขานั้นมีคนอื่นๆ มาด้วยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“วันนี้พี่มาชวนไปกินหมูกระทะ”
พี่อินทร์ยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหา ผมเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย เขาก็อธิบายออกมาอีก
“ช่วงนี้ดูจิเครียดๆ พี่เลยชวนพวกไอ้บุศย์ไปกินหมูกระทะกัน อยากให้จิไปด้วย จะได้หายเครียดนะ”
เป็นเหมือนเดิมทุกที เขาเป็นห่วงผม คิดถึงแต่ความรู้สึกผมทุกที แต่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกตัวเองเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ผมเริ่มทำตัวไม่ปกติกับเขาแล้ว ผมเชื่อว่าเขาก็รู้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้
“จิไม่ไปดีกว่าครับ พี่อินทร์ไปเถอะ”
ผมไม่อยากให้เขาต้องแกล้งทำตัวปกติอีกเลยปฏิเสธไป แต่พี่อินทร์กลับทำหน้าสงสัย
“ทำไมล่ะ”
“จิไม่อยากกินหมูกระทะ”
“ถ้าไม่อยากกินหมูกระทะ เราไปกินอย่างอื่นกันก็ได้นะ ชาบูไหม”
ยังคงยิ้มและเอาใจผมเหมือนเคย เห็นทีผมคงจะต้องหยุดหนีแล้วบอกไปตามตรง
“จิไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นแหละ”
“แล้วทำไมจิ...”
“จิแค่ไม่อยากไปกับพี่อินทร์”
บอกไปอย่างนั้น เขาก็นิ่ง กระนั้นก็ยังคงยิ้มค้าง
“จิเป็นอะไรหรือเปล่าช่วงนี้ เครียดอะไร เรื่องเรียนเหรอ”
ผมสูดหายใจเข้าปอด ตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องพูด ยื้ออีกไม่ได้แล้ว
“จิเครียดเรื่องของเรา พี่อินทร์ไม่รู้สึกบ้างเลยเหรอว่าช่วงนี้จิตีตัวออกห่าง”
เท่านั้นเขาก็เงียบ รอยยิ้มหายไปแล้ว เขาจะปฏิเสธก็ไม่ได้ อย่างที่ผมบอกว่าเขารู้สึก ผมเปลี่ยนไปทำไมเขาจะไม่รู้ เขาไม่พูดอะไร ผมก็เลยเป็นฝ่ายพูดแทน
“ตอนแรกจิก็ไม่คิดจะบอกพี่อินทร์ตอนนี้หรอกนะ กะว่าจะรออีกสักพัก”
“อย่าพูดนะจิ” ผมยังไม่ทันจะได้บอกอะไรเลย เขาก็โพล่งขึ้นมาอย่างนี้ สีหน้าดูไม่ดีเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ารับรู้ได้แล้วว่าผมจะบอกอะไรเขา “อย่าพูดมันออกมา”
แต่จะให้ผมเก็บงำยังไงได้ไหวล่ะ ต้องเห็นเขาเจ็บปวดอย่างนี้ไปอีกถึงเมื่อไร ผมทนไม่ไหวแล้ว
“จิว่าเราคงต้องห่างกันสักพักแล้วล่ะครับ จิไม่ไหวกับการที่เราเป็นอยู่อย่างนี้แล้ว”
สิ้นเสียง ทั้งผมทั้งเขาก็พากันเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ผมไม่ได้โล่งใจเลยที่ได้พูดมันออกไป ในใจหวาดหวั่นไปหมด อีกทั้งยังวิตก กลัวว่าเขาจะเจ็บปวดเกินกว่าที่ผมคาดเดาไว้ ทว่าชั่ววินาทีหนึ่ง พี่อินทร์ก็ฝืนยิ้มออกมาให้เห็น
“พี่บอกแล้วไงจิว่าพี่รอได้ นานแค่ไหนก็รอได้ จิอย่าคิดมาก”
เขาพูดประโยคเดิมซ้ำๆ ผมได้ยินเขาพูดว่ารอได้แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ผมนี่สิ จะให้เขารอแบบไร้จุดหมายอย่างนี้อีกนานได้แค่ไหนกัน บางทีการยุติความสัมพันธ์มันอาจจะเป็นหนทางที่ทำให้เขาเจ็บปวดน้อยที่สุด
“แต่จิไม่ไหวแล้วพี่อินทร์ จิทนอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว ให้จิทนเห็นพี่อินทร์เจ็บเพราะจิจำไม่ได้ ให้จิต้องพยายามรื้อฟื้นความทรงจำตัวเอง พยายามที่จะรักพี่อินทร์แบบเดิม มันทรมานนะ”
ในที่สุดผมก็บอกไปจนได้ พี่อินทร์ยิ้มเจื่อนไป ก่อนจะพึมพำออกมา
“จิ ขอร้อง พี่รอไหว รอได้จริงๆ นานแค่ไหนก็รอได้...”
เขาแทบจะก้มลงไปกราบผมอยู่แล้ว ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอก แต่ผมไม่ไหวแล้ว ผมทนเห็นเขาเจ็บปวดเพราะผมไม่รักเขาไม่ได้อีกแล้ว ยังไงวันนี้ผมก็ต้องพูด
“อย่ารอเลยพี่อินทร์ จิไม่อยากให้รอแล้ว”
“อย่าพูด!”
เขาเสียงดังออกมา ทำเอาผมสะดุ้งไปเล็กน้อย พอมองหน้าเขาก็เห็นสายตาปวดร้าว
“อย่าบอกให้พี่เลิกรอ อย่าไล่พี่ไป...ขอร้อง”
“...”
“อย่าพูดนะจิ...อย่าพูด”
จากนั้นก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ผม คว้ามือผมไปจับก่อนบีบแน่น
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่รอไหว พี่รอเก่งจะตาย”
“แต่พี่อินทร์จะเจ็บมากกว่านี้นะครับ...”
“พี่ไหว พี่ไม่เคยบอกว่าไม่ไหวเหรอ เคยคาดคั้นจิเหรอ ไม่เคยเลย... พี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าบอกให้พี่เลิกรอนะ”
ผมถึงกับต้องเม้มริมฝีปาก แวบหนึ่งเกือบจะเปลี่ยนใจอยู่แล้ว กระทั่งเห็นดวงตาของเขามีน้ำตาคลอน้อยๆ
“ให้พี่อยู่แบบนี้ อย่าให้พี่ไปไหนเลย ขอร้อง...”
ผมคิดว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจมาบอกเขามันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ในเมื่อเขายังบอกผมหมดทุกอย่าง ผมก็จะบอกเขาหมดทุกอย่างเหมือนกัน
“จิไม่อยากให้พี่อินทร์อยู่ด้วยแล้วครับ”
เท่านั้น พี่อินทร์ก็มีสีหน้าเจ็บปวดอย่างชัดเจน เขาละล่ำละลักถามผมเป็นการใหญ่
“ทำไมล่ะ พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่รอได้ พี่รอเก่ง พี่ไปทำอะไรให้จิไม่พอใจ จิถึงไม่อยากให้พี่รอ”
“พี่อินทร์ไม่ได้ทำอะไรให้จิไม่พอใจเลย ดีกับจิมาก ดีทุกอย่าง จิโชคดีแล้วที่มีแฟนอย่างพี่อินทร์”
“แล้วไล่พี่ทำไม”
“เพราะจินี่แหละ จิเป็นสาเหตุ...” พูดมาถึงตรงนี้ ผมก็สูดหายใจเข้าปอด ก่อนว่าออกมาตามตรง “จิไม่ได้รักพี่อินทร์แล้ว ทำยังไงมันก็ไม่รัก มีแต่ความรู้สึกแบบพี่แบบน้อง จะให้คิดแบบคนรักกัน จิทำไม่ได้”
“พี่รู้ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ เราก็ยังอยู่กันแบบนี้ได้”
เขายังคงดึงดัน แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ มันอยู่ไม่ได้ตราบใดที่...
“แต่จิรักคนอื่นที่ไม่ใช่พี่อินทร์ไปแล้ว”
...ตราบใดที่ใจผมเอาแต่พะวงคิดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่เขาอย่างนั้น
“จิรักคนอื่นไปแล้ว...”
ผมพึมพำ ไม่กล้าพูดเต็มปากสักเท่าไร ขณะที่คนตรงหน้าผมนิ่งงัน ดูช็อกกับสิ่งที่ได้ยินมากทีเดียว ความน่าอึดอัดลอยเข้ามาปกคลุมเราสองคน ผมบอกเขาไปอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเลย ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันถูกต้องหรือเปล่า รู้เพียงแต่ว่าความเจ็บปวดของเขาต้องยุติเสียที
“จิขอโทษนะครับ...”
ผมดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา ก่อนรีบก้าวออกจากอาคาร ทนมองเขาส่งสายตาเจ็บปวดให้อีกไม่ไหวแล้ว หน้าอกผมแน่นมาก... แน่นจนหายใจไม่ออก ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักเขา แต่ทำไม...
ทำไมผมถึงได้เจ็บปวดมากขนาดนี้...
ชั่วแวบหนึ่งก็มีความคิดประหลาดพร่างพรายเข้ามาในหัวฉับพลัน
ผม...อยากอยู่กับเขา
อยากอยู่ด้วยตลอดไป...
แต่แล้วมันก็มลายหายไปราวกับเป็นละอองฝุ่นที่ถูกลมพัด
ผมเกลียดความรู้สึกโลเลไปมาแบบนี้ที่สุด เมื่อไรมันจะหายไปสักที...
 
[Intara’s Part]
พี่รักจินะ!
ผมร้องตะโกนก้อง...ในใจ
บอกรักเขาแค่ในใจ
ในวินาทีนี้...ผมทำได้แค่เท่านี้ สิ่งที่อยากจะพูดมีอยู่ในใจมากมาย แต่กลับพูดไม่ออกสักคำเมื่อได้ยินจิระบอกว่าไม่อยากให้ผมรอแล้ว
จะไม่ให้ผมรอได้ยังไง ผมรอมาตั้งชาติหนึ่งแล้ว ยังไงผมก็จะรอ
จะรอ... ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ผมจะรอ!
แต่จะทำตัวดื้อดึงได้ยังไงกันเมื่อเขาเดินจากผมไปอย่างนั้น ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าสักวันเหตุการณ์แบบนี้มันต้องเกิดขึ้นถ้าเขาจำเรื่องของเราไม่ได้สักที แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ทั้งที่ผมก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับทำใจไม่ได้เลย ยิ่งเขาบอกว่าเขารักคนอื่นที่ไม่ใช่ผมแล้ว มันก็...
...บรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ออก ได้แต่ตัดพ้อบรรพบุรุษตัวเองที่ดูเหมือนจะสนุกกับการลงโทษผมที่ก่อเรื่องวุ่นวายเมื่อชาติก่อนเหลือเกิน
ทำไมองค์ประตาระกาหลาถึงได้ไม่เห็นใจผมสักนิด ผมเป็นลูกหลานสืบต่อสันติวงศ์แท้ๆ ทำไมถึงกลั่นแกล้งรังแกกันไม่หยุดไม่หย่อนอย่างนี้!
สิ่งที่ทำได้ก็คือการทอดมองตามแผ่นหลังเขาที่เดินจากไปเงียบๆ กระทั่งพวกไอ้บุศย์ที่ยืนรออยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาหา
“ไหวไหมไอ้อินทร์”
แล้วก็เป็นไอ้บุศย์ที่ร้องถามผม ดูท่าทางมันคงจะได้ยินว่าเมื่อครู่นี้ผมคุยอะไรกับจิระบ้าง ผมหันไปมองหน้ามันก่อนพยักหน้ารับน้อยๆ ทว่ามันกลับถอนหายใจออกมา จากนั้นสรัลที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยื่นทิชชูส่งให้
“แต่หนูว่าพี่อินทร์ไม่ไหว”
ผมมองด้วยความรู้สึกว่างเปล่า จากนั้นถึงได้รู้สึกตัวว่าที่ซีกแก้มของผมทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลอาบอยู่
จริงๆ แล้วผม...ไม่ไหว
ไม่ไหว...ไม่ไหวเลย
ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว...
ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสายพร้อมกับความปวดร้าวที่ท่วมท้น
หมดสิ้นความทรงจำก็เท่ากับว่าผมกับจิระหมดสิ้นวาสนากันไปด้วย เขาไม่ได้รักผมอีกต่อไปแล้ว...
ความสุขมันเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นเหลือเกิน...
หรือวาสนาจะชักพาให้เรามาพบกันแค่นี้ ระตูจรกา...
จะถามใครได้ล่ะนอกจากองค์เทพเทวาบนฟ้า ผมได้แต่ร้องตะโกนก้องในใจ ขณะที่วิญญูตบบ่าผมเป็นการปลอบใจ
“พักก่อนไหมไอ้อินทร์”
ผมมองหน้ามัน ไม่พยักหน้าหรือส่ายหน้า แต่คำตอบมันชัดเจนกับอาการนิ่งงันของผมว่าผมไม่ยอมปล่อยมือจากจิระอย่างแน่นอน
เท่านั้นคนอื่นๆ ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ก่อนจะเป็นไอ้บุศย์ที่ถาม
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”
“กูจะรอ”
“...”
“กูเชื่อว่าจิจะต้องกลับมา”
 “แต่กูว่า...”
“กูจะรอ! กูบอกแล้วไงว่าจะรอ! นานแค่ไหนก็จะรอ!”
ผมเผลอตวาดใส่เพื่อนตัวเองจนได้ จากนั้นเลยไม่มีใครพูดอะไร ได้แต่ตบบ่าตบไหล่ผมเป็นการปลอบประโลมแทน
ใครจะว่าผมโง่เง่าหรืออะไรก็ช่าง แต่ผมเชื่ออย่างนั้น... จิระจะต้องกลับมา ยังไงก็ต้องกลับมาแน่ แต่อาจจะต้องให้เวลาเขาสักหน่อย สิ่งที่ผมทำได้ก็คงมีแค่การรอเท่านั้น
จะรอจนกว่าจิระคนเดิมจะกลับมา...
 
ตั้งแต่วันนั้น พี่อินทร์ก็ไม่กลับห้องมาอีกเลย...
ผมพอจะรู้ว่าเขาไปอยู่ที่ห้องของเพื่อนคนไหน แต่ก็ไม่ได้ติดต่อเขาไป ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วง แต่ผม...ไม่มีหน้าที่จะไปพบเขาแล้ว
ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมซึ่งเป็นห้องของผมกับเขาคนเดียว มันทำให้ผมชัดเจนในความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ตอนนี้พอจะแบ่งได้ว่ามันมีอะไรบ้าง
ผมกระสับกระส่ายรุนแรงกว่าเดิมเพราะอยากเจอพี่จิณห์ แต่ขณะเดียวกัน... ผมก็กระสับกระส่ายอย่างรุนแรงเช่นกันที่ไม่ได้อยู่กับพี่อินทร์
ความรู้สึกทั้งสองอย่างมันรุนแรงมากจนผมแทบจะสติแตกอยู่แล้ว พี่บุศย์ที่อยู่ห้องข้างๆ แวะมาดูผมบ้างเป็นครั้งคราวเพราะเป็นห่วงที่เห็นผมดูอาการไม่ค่อยดีเช่นกัน แน่ล่ะว่าผมก็บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ทั้งที่ในใจแทบจะคลั่งตายเพราะความสับสนนี้
ผมต้องการใครกันแน่!?
เหมือนจะเป็นพี่อินทร์ แต่ทุกครั้งที่อยากเจอเขา ก็จะมีความรู้สึกที่มีต่อพี่จิณห์ทับซ้อนขึ้นมาทันที มีความกระเหี้ยนกระหือรืออยากเจอเขาสุดๆ ด้วย ดีที่ช่วงนี้เขาหายหน้าหายตาไป ไม่ได้มาตามดูผมอย่างเคย ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รอช้า ไปกับเขาอย่างแน่นอน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมฟุ้งซ่าน ในเมื่อไม่มีเรียน เป็นวันว่าง ผมก็เลือกที่จะอยู่ห้องทั้งวัน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไรนัก เพราะยิ่งอยู่ว่างๆ ผมก็ยิ่งคิดวุ่นวายไปหมด จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาจัดห้องหับเพื่อให้มีกิจกรรมอะไรทำไม่ให้คิดวุ่นวาย
ผมเก็บเสื้อผ้าที่ตากจนแห้งมากองบนเตียง พับเสื้อผ้าบางส่วนแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าเตรียมจะจัด ทว่าด้านในก็รกเกินกว่าจะใส่ของใหม่เข้าไปได้ ผมเลยต้องมานั่งจัดของเดิมก่อน หากแต่ขณะที่กำลังจัดเสื้อผ้าอื่นๆ อยู่นั้น มือก็ควานไปเจอเข้ากับถุงซิปที่พี่บุศย์เอามาให้ตั้งแต่ที่ออกจากโรงพยาบาลในครั้งนั้น
ในถุงนั้นมันมี...
“แหวน...”
ผมครางออกมา จำได้ว่ามันคือแหวนที่พี่อินทร์ให้ ก็ไม่ใช่จำตอนที่เขาให้ได้หรอก จำที่เขาเล่าให้ฟังได้น่ะ และอะไรไม่รู้ดลใจให้ผมหยิบแหวนวงนั้นออกมาพินิจ ตัวเรือนสีทองแกะสลักเป็นลวดลายสวยงาม ที่หัวแหวนมีนิลเม็ดโตประดับอยู่ มันไม่ใช่แหวนที่สวยร่วมสมัย แต่อะไรบางอย่างกลับทำให้ผมชอบมันในแวบแรกที่เห็น
ผมหยิบมันออกมาจากถุงซิป ลองใส่ทีละนิ้วก่อนจะพบว่ามันใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายได้ แต่นั่นไม่น่าแปลกใจเท่ากับการที่มีแสงสว่างสีทองประกายวาบออกมาเมื่อผมสวมแหวนนั้นลงไปบนนิ้วตัวเอง
นั่นมัน...อะไรน่ะ?
ไม่มีใครให้คำตอบผมได้หรอก ผมเองก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นแสงอะไร รู้แต่ว่าทันทีที่สวมแหวน หัวผมก็เกิดมึนงงไปหมด สายตาเริ่มพร่าเลือนจนมองอะไรได้ไม่ชัดเจน พลันในหัวผมก็มีเสียงของใครบางคนดังก้องเต็มไปหมด
 
‘ชบาดอกนี้ พี่ให้เจ้า’
 
‘สักวาสักวาจูบจรดรักแต่เจ้า ช่างยั่วเย้าเจรจารื่นหวานหู พี่ก็นึกรักเจ้าด้วยเอ็นดู ใคร่เทียบคูคู่ครองเป็นยาใจ…’
‘รัก...ฮึก...รักพี่เถิดเจ้าน้องจรกา อย่าพรากพาใจพี่ด้วยผลักไส รักเถิดหนารักพี่เป็นดวงใจ พ่อประไพเมตตาพี่เถิดเอย…’
‘จรกา...น้องจรกา...พี่รักเจ้าจรกา...รัก...รักมาตลอด...’
‘ตื่นมาฟังคำพี่หน่อยได้หรือไม่...ได้โปรด...จรกา...ฮึก...’
‘ชาตินี้พี่ทำผิดต่อเจ้ามากนัก แต่พี่จะขอสาบาน...ขอสาบานว่าชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้พบเจอเจ้า เมื่อนั้นพี่จะรักและดูแลเจ้ายิ่งชีพ จะทำให้เจ้าพบเจอแต่ความสุขเกษม พี่สาบาน...พี่ขอสาบาน...ฮือ...’
 
ผมพยายามที่จะสลัดเสียงนั้นออก แต่ไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมรับรู้ได้ว่ามันคือเสียงของใคร
 
‘ขอเทพยาดาผู้รักษาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จงรับรู้การกราบสักการะของข้าพเจ้า...นายอินทรา ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลที่ได้สร้างสมข้ามภพข้ามชาติมาแด่ทวยเทพเทวาผู้รักษา ผู้สถิต ผู้ดูแล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพื่อให้เป็นประจักษ์พยานแก่คำสัตย์สาบานของข้าพเจ้า...’
‘...ข้าพเจ้าขอสาบานได้ด้วยชีวิตว่าจะรักและภักดีกับนายจิระ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างข้าพเจ้าในขณะนี้ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะปกป้อง จะดูแล จะทำทุกอย่างเพื่อให้จิระมีความสุขไปชั่วชีวิต หากผิดคำสาบาน ขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไป ขอให้ท้าวเวสสุวรรณลงทัณฑ์ให้ตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป’
‘ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงเป็นพยาน...’
 
‘เพราะพี่จะมาบอกเจ้าว่ารักเจ้ามากเพียงใดในชาตินี้...’
‘พี่รักเจ้า...ระตูจรกา รักมาตลอด...รักเจ้า...’
 
เสียง...ของพี่อินทร์...
ตอนนี้ไม่ได้มีแค่เสียงแล้ว ภาพต่างๆ ก็เริ่มประดังประเดเข้ามาในหัว ภาพพี่อินทร์...ในชุดแปลกๆ ภาพผม ภาพผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ที่ให้ความรู้สึกว่าเธอคือพี่บุศย์ ภาพผู้ชายที่น่าจะเป็นสรัล ภาพพี่วิญญู ภาพของพี่จิณห์ และใครต่อใครที่ผมไม่เคยเห็นหน้า ทว่ากลับรู้จักดี แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับภาพที่พี่อินทร์ประคองผมซึ่งมีรอยอะไรก็ไม่รู้เต็มตัว ก่อนเสียงของเขาจะดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
‘แลกด้วยอะไรก็ได้ จะยอมแลกทุกอย่าง ให้เขาเลิกรักผมก็ได้ แต่ขอให้จิระมีชีวิตอยู่ ได้โปรด...องค์ประตาระกาหลา จะผีห่าซาตานที่ไหนก็ได้ ช่วยคนรักของผมด้วย...อย่าให้เขาตาย ช่วยเขาด้วย...’
 
และหลังจากนั้นก็ตามด้วยเสียงแห้งผากของผม...
 
‘ขอ...ถอนคำสาบานว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนา ผมรักเขา...อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป...’
 
ภาพที่เห็นในหัวชัดเจนมากแม้ว่าดวงตาจะพร่ามัว พลันน้ำตาไหลอาบใบหน้าโดยที่ไม่รู้ตัวเมื่อความทรงจำที่ขาดหายไปกลับคืนมาอีกครั้ง
ผม...
ผมจำได้...
จำได้แล้วว่าตัวเองคือใคร
ระตูจรกา! ผมคือระตูจรกา!
รีบดันตัวขึ้นทันทีแต่ก็เวียนหัวจนต้องทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ทว่าผมก็ไม่สนใจแล้วว่าตัวเองเป็นยังไง ได้แต่พยายามกระเสือกระสนเอาตัวเองออกไปนอกห้อง
ในเวลานี้ผมต้องเจอเขา...ยังไงก็ต้องเจอให้ได้
ไม่ใช่พี่จิณห์หรือใคร แต่เป็นพี่อินทร์คนเดียวเท่านั้น
พี่อินทร์...จิจำได้แล้ว
จำได้แล้ว... จำได้ทั้งหมดแล้ว!
แต่นั่นกลับเป็นสติสัมปชัญญะสุดท้ายที่ผมมี ก่อนที่มันจะขาดห้วงไปโดยไม่ทันตั้งตัว มีเพียงเสียงสุดท้ายของพี่อินทร์เท่านั้นที่ดังขึ้นในภวังค์
 
‘พี่รอเจ้ามาชาตินึงแล้ว ไยจะรอเจ้าอีกสักหน่อยไม่ได้...’
‘พี่รอเจ้าได้เสมอ ระตูจรกา...’
------------------------------
เห็นมะ ม่านิดเดียวเองคู๊ณณณ หัวใจกระดงกระดาษอะไร ไม่มี้~ XD ตอนหน้าก็กลับมาปกติละ ส่วนดราม่าแบบนี้ไม่มีแล้วค่ะ เหลือปมของจิณห์เป็นปมสุดท้ายก็จบเรื่องละ




ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ปกติไม่ชอบอ่านนิยายที่อ้างอิงมาจากวรรณกรรม หรือแฟนฟิคเท่าไร
เพราะรู้สึกว่าเอาตัวละครที่เขาสร้างมายำ เลยไม่ค่อยอิน
แต่อิเหนาเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจริงๆ เลยเอามาเขียนต่อ
อ่านแล้วสนุก มีพล็อตพลิกไปมา ให้ลุ้นให้ติดตาม ไม่ใช่เปิดอ่านมา เดาได้หมด ชอบค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
โอ   เห็นเพียงชื่อตอนก็เจ็บปวด
แอบเลื่อนเมาส์รัวๆลงไปอ่านตอนจบ
ว้าวดีใจ  จิจำพี่อินทร์ได้แล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
กลับมาเหมืิอนเดิมเสียทีเนอะน้องจิสงสารพี่อินทร์แย่แล้วเนี่ย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จำได้แล้ว ก็รีบไปหานังเหนาเลยนะ ไม่รู้ป่านนี้ไปนอนเน่าอยู่ห้องใคร  :angry2:

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ก่อนจะอ่านตอนนี้แบบเกียมใจมามาก แต่อ่านไปไม่ได้หนักหน่วงอย่างที้คิด หลุดพ้นแล้วววววววว นี่ถ้าพี่อินทร์จับน้องใส่แหวนแต่แรกก็จบแล้วป้ะเนี่ย5555

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
แล้วยังไงต่อล่ะทีนี้ บอกเลิกไปซะแล้ววววววว พี่อินทร์ใจขาดแล้ววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด