★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]  (อ่าน 144471 ครั้ง)

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
พี่อินทร์ ก็ยังคงความเป็นพี่อินทร์
เข้าใจเลยว่า ทำไมสมัยจิเป็นจรกาถึงได้เกลียดพี่อินทร์  พี่เล่นเพี้ยนซะขนาดนี้

แต่ชอบพี่อินทร์นะ  ไม่ค่อยฉวยโอกาสน้อง
ชาติก่อนก็รอให้น้องรักจนต้องตายจากกัน

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ทั้งตลก และสงสารพี่อินทร์
ยังมีดราม่าใหญ่รออยู่อีกด้วย

 :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เอ้อ พี่อินทร์   น้องจะอ้วกแล้ว55555  :angry2:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
 พี่อินทร์เล่นซะหมดอารมณ์

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ความรัชดาลัยอันนี้ยอมใจ
แต่เจอ ...พี่รักจินะ
ละลัยยยยยยยยยย
 :mew1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เนี่ยยย ก็พี่อินทร์ชอบแกล้งน้องแบบนี้อ่ะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เกลียดความตอแหล ดีดดิ้นเล่นใหญ่ของอิพี่อินทร์ :laugh:

ออฟไลน์ Cardiac

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
กว่าจะจำได้คงยาก แต่เริ่มสร้างความสัมพันธ์ใหม่รักกันใหม่ ง่ายกว่านะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 33: พ่อดอกชบา

สิ่งที่ยากที่สุดในการเป็นตัวเองก็คือการเป็นตัวเองนี่แหละ

ฟังแล้วอาจจะงงๆ หน่อย แต่เพราะผมต้องเห็นพี่อินทร์ทำดีกับผมทุกวันในฐานะแฟนแล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดกับเขา มิหนำซ้ำยังรู้สึกแย่กับตัวเองอีกที่จำเขาไม่ได้ ถึงเขาจะบอกอยู่บ่อยๆ ก็ตามว่าเราเริ่มต้นกันใหม่ได้ก็เถอะ

ใช่ เริ่มต้นกันใหม่ได้ สถานะแฟนหรืออะไรก็แล้วแต่ มันเริ่มต้นใหม่ได้ทั้งหมดนั่นแหละ ยกเว้นความรู้สึกว่ารักเขาที่ผมเริ่มต้นไม่ได้สักที

ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากรักเขานะ แต่ผมพยายามแล้ว มันไม่รู้สึกอะไรกับเขานอกจากความเป็นพี่เป็นน้องเท่านั้นจริงๆ ต่อให้วันนั้นได้จูบกันแล้วก็รู้สึกดีเอามากๆ ทว่าพอเอาเข้าจริง จูบนั่นมันก็แค่ความรู้สึกดีจากการได้สัมผัสกันตามสัญชาตญาณของมนุษย์น่ะ ผมก็ยังไม่รู้สึกรักเขาอยู่ดี

ผมต้องทำยังไงถึงจะกลับมารักพี่อินทร์ได้เหมือนเดิม?

ก็ได้แต่ถามคำถามนี้กับตัวเองคนเดียว ไม่กล้าถามใคร ไม่กล้าปรึกษาใครด้วย กลัวว่ามันจะไปเข้าหูพี่อินทร์แล้วจะทำให้เขาเศร้าไปมากกว่านี้ ผมรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั่นน่ะ เขาเศร้าแค่ไหน

เศร้าจะตาย... เพียงแต่เขาไม่เผยให้ผมเห็นก็เท่านั้น ถ้าผมตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาล่ะก็ ป่านนี้คงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง ทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในเวลานี้ก็คือการปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนตอนที่ผมยังรักเขา แต่ผมก็รู้สึกนะว่าการกระทำของพี่อินทร์มันไม่ค่อยธรรมชาติสักเท่าไร เวลาเขาจะทำอะไรก็ตามแต่ที่มีผมมาเกี่ยวข้องด้วย เขามักจะขออนุญาตก่อนเสมอ คนเป็นแฟนกันมันไม่ควรจะต้องมาพิธีรีตองอะไรมากมายใช่ไหมล่ะ โดยเฉพาะถ้ายิ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว แบบนี้มันโคตรแปลกเลย

ไม่ให้แปลกได้ไง ดูอย่างตอนนี้สิ จู่ๆ เขาก็ส่งข้อความมาบอกว่า...

‘พี่ขออนุญาตหึงจิได้ไหม’

...เรื่องแบบนี้มันต้องขออนุญาตกันด้วยเหรอ!?

พอมองไปที่หน้าตึกคณะซึ่งไม่ห่างจากบริเวณโต๊ะที่ผมนั่งอยู่เท่าไรก็เห็นเขายืนถือโทรศัพท์ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ถือกระเป๋าแฟ้มเอกสารการเรียนไว้ ใบหน้าระบายรอยยิ้มส่งให้ผม เป็นรอยยิ้มเหมือนหมาโกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์เวลาอ้อนเจ้านายเลย พอจะรู้อยู่หรอกว่าเพราะผมจำไม่ได้ว่าเป็นแฟนกับเขา เขาเลยไม่กล้าแสดงออกอะไรกับผมมากอย่างที่เคยทำก่อนหน้านั้น คงจะเพราะเกรงใจผม หรือไม่ก็กลัวว่าผมจะอึดอัดนั่นแหละ ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนก้มหน้าก้มตาส่งข้อความกลับไป

‘อยากหึงก็หึงสิ จิไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย’

‘งั้นพี่เดินเข้าไปหาแล้วไล่ผู้ชายที่นั่งล้อมจิอยู่ออกได้ไหม’

ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาจ้องมาที่ผมทั้งที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น ผมเลยเหลือบมามองยังบรรดาผู้ชายที่นั่งหน้าสลอนอยู่รอบข้าง

คนพวกนี้...เป็นรุ่นพี่คณะผม ก็มาจีบผมนั่นแหละ เหมือนกับว่าพวกเขากลับมาเกาะแกะผมอีกครั้งเพราะเห็นพี่อินทร์ไม่ได้ตัวติดกับผมสักเท่าไร ก่อนหน้านั้นได้ยินมาว่าพี่อินทร์เกาะติดผมจนใครเข้าใกล้ไม่ได้เลยน่ะ แต่อันนี้ผมจำไม่ได้

‘ถ้าจิไม่อยากให้ไล่ พี่ไม่ไล่ก็ได้ แต่พี่ขอไปนั่งข้างๆ ได้ไหม’

ยังไม่ทันจะพิมพ์อะไรตอบเลย พี่อินทร์ก็ส่งข้อความมาก่อนแล้ว ผมเลยตอบรับทันทีด้วยไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ

‘ได้สิครับ มาเลย’

พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นว่าพี่อินทร์พุ่งพรวดมานั่งข้างๆ ผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การปรากฏตัวของเขาทำเอาคนอื่นๆ ที่นั่งเอาอกเอาใจผมอยู่ถึงกับชะงัก รุ่นพี่คนหนึ่งรีบคว้าชีตเรียนขึ้นมาแล้วว่าเร็วๆ ทันที

“ติวควิซให้น้องจิน่ะ ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่”

พี่อินทร์ยังไม่ได้ถามอะไรด้วยซ้ำ ส่วนรุ่นพี่คนอื่นๆ ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้คู่แข่งตัวเองรับหน้าพี่อินทร์ไป แต่พี่อินทร์ไม่สนใจ หันมาถามผม

“ต้องติวอีกนานไหมจิ”

ผมเหลือบมองก่อนจะตอบตามความจริง

“พอสมควรครับ พี่อินทร์รอจิได้ไหม อยู่เป็นเพื่อนจิหน่อย”

ผมไม่ไล่เขาให้ไปที่อื่น แต่บอกให้เขานั่งรออยู่ข้างๆ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้เขาสบายใจได้ เขาก็พยักหน้ารัวๆ ขณะที่รุ่นพี่คนอื่นๆ หน้าเจื่อนลง บางคนก็ทำหน้าเหม็นเบื่อ ก็พอเดาได้อยู่หรอกว่าเป็นเพราะแฟนผมมานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วย ไม่เหม็นเบื่อสิแปลก

การติวควิซก็ดำเนินต่อไป เทอมนี้วิชาวิเคราะห์วรรณคดีไทยที่ผมเรียนเป็นเรื่องอิเหนา แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงจำเนื้อหาอะไรไม่ค่อยได้เลยทั้งที่เคยเรียนมาตอน ม.ปลาย มิหนำซ้ำก็เรียนเรื่องนี้ไปตั้งครึ่งเทอมแล้ว

มันเลือนรางมาก... รู้สึกว่าผมจะทำคะแนนได้เต็มในควิซครั้งก่อนด้วย แต่ทำไมถึงจำเนื้อหาไม่ค่อยได้สักเท่าไรกันนะ

ผมใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเลยทีเดียวในการจำชื่อตัวละครแต่ละตัว ติวไปได้สักพัก พี่อินทร์ก็เริ่มเลื้อยลงบนโต๊ะ ผมเหลือบไปมองก็เห็นเขาส่งสายตาละห้อยให้ผมอยู่ ตอนแรกมองแค่แวบเดียวแล้วไม่ได้สนใจ แต่พอหันไปมองอีกทีก็เห็นเขาเบะปากทำเหมือนจะร้องไห้

“เป็นอะไรเหรอพี่อินทร์”

แล้วในที่สุดก็เป็นผมที่อดถามไม่ได้ เขาเบะปากมากกว่าเดิมอีก ผมเลยกระซิบถามเขา

“พี่อินทร์เป็นอะไรครับ”

เขาไม่ตอบ แต่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ทั้งที่ยังตะแคงหัวแนบอยู่กับโต๊ะอย่างนั้น พอผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาดูก็พบว่า...

‘พี่หึงจิอะ’

‘หึงจะตายอยู่แล้ว’

‘ไม่อยากให้ใครมารุมล้อมแบบนี้เลย หวงงง’

‘ใจจะขาดอยู่แล้ว ฮือ...ไล่ไปได้ไหม ไม่ไหวแล้ว แงงง จิร้า~ พี่หึงไม่ไหวแล้วน้า~’

แล้วก็ตามมาด้วยการส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนร้องไห้มาอีกหลายตัว ผมเหลือบมองหน้าเขาก็เห็นว่าเขาเบะปากเบ้หน้าทำเหมือนจะร้องไห้ตามตัวการ์ตูนเลย

เขา...น่ารักมากๆ เลย

น่ารักจนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วก็...

“พอดีว่าจินัดกับพี่บุศย์ไว้น่ะครับ ติวกันแค่นี้ดีกว่า ขอบคุณที่มาติวให้จินะครับ”

...ไล่คนอื่นๆ ไปเสียเลย

รุ่นพี่พวกนั้นดูจะงงๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร คงจะเดาได้แหละว่าที่ผมตัดบทอย่างนั้นเป็นเพราะพี่อินทร์ ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไร ยอมลุกจากโต๊ะไปแต่โดยดี ที่ยอมง่ายๆ คงเป็นเพราะผมไม่ได้ร้องขอ พวกเขามาเองนี่แหละ ถึงได้พูดง่ายนัก

พอคนอื่นๆ ลุกไป เหลือแต่ผมกับพี่อินทร์สองคน เขาก็ลุกพรวดขึ้นมา ส่งเสียงออดอ้อนมาให้

“จะตายอยู่แล้ว...”

ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว สายตาก็ออดอ้อนมากเลย พอผมยิ้มแล้วยื่นมือไปจับมือเขา เขาก็กระเถิบเข้ามาหาทั้งๆ ที่หน้ายังคงนอนอยู่บนโต๊ะอย่างนั้น จากนั้นก็ส่งเสียงกระซิกๆ

“ฮือ... คนใจร้าย ปล่อยให้หึงอยู่ได้ ใจร้าย~ คุณจิระใจร้ายที่สุด!”

เป็นคำตัดพ้อที่ฟังดูไม่จริงจังเลย แล้วก็ไม่ได้ดูขัดตาด้วย ผมเห็นแต่ความน่ารักของเขา จนกระทั่ง...

“เป็นอะไรของมึงน่ะไอ้อินทร์ กำลังอ้อนเมีย?”

...พี่วิญญูมาถึง

ไม่ใช่แค่พี่วิญญู พี่บุศย์กับสรัลก็มาด้วยอย่างพร้อมหน้า ผมมองหน้าพวกเขาอย่างงุนงงนิดหน่อย ส่วนพี่อินทร์ก็เบ้ปากเงยหน้าขึ้นไปมองพี่วิญญู

“อิจฉาที่ไม่มีคนให้อ้อนล่ะสิมึงน่ะ”

เท่านั้นพี่วิญญูก็ส่งเสียงดังฮึในลำคอ

“ใครว่ากูไม่มีคนให้อ้อน”

“แล้วไหนล่ะ”

พี่วิญญูเหลือบมองไปทางพี่บุศย์เล็กน้อย แค่นี้ก็รู้กันชัดเจนเลยว่า...

“ตกลงพวกมึงเอาตูดดูดกัน?”

ไม่ใช่! รู้ชัดเจนเลยว่าคนที่พี่วิญญูอ้อนคือพี่บุศย์ต่างหาก! พี่อินทร์พูดบ้าอะไรของเขาวะเนี่ย!

พี่บุศย์กับสรัลหัวเราะกันร่วนเลย มีแต่พี่วิญญูเท่านั้นแหละที่ปั้นหน้าบูดบึ้ง ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหัวเสีย

“กวนตีนตลอดเวลาเลยนะมึง”

พี่อินทร์ก็ยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง ก่อนจะคว้าเอาน้ำแข็งในแก้วน้ำอัดลมของผมที่วางอยู่ปาใส่พี่วิญญู

“มึงก็เจือกตลอดเวลาเลยนะ”

“เฮ้ย เลอะเทอะ อย่า!”

พออีกฝ่ายโวยวายก็แทนที่พี่อินทร์จะหยุด เขาดันดูดน้ำอัดลมเข้าปาก และ...

“คร่อกๆๆ”

กลั้วปากอะ พอกลั้วจนเป็นพี่พอใจแล้วก็อมเอาไว้ ทำท่าจะพ่นใส่พี่วิญญู ผมเห็นก็รีบยื่นมือไปตะครุบปากเขาเอาไว้ พี่อินทร์เลยต้องกลืนน้ำลงไป ก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาขัดใจ

“คุณจิระ จะมาห้ามอินทราทำไม มันว่าอินทรา อินทราไม่ยอมนะฮ้า~”

กลายเป็นนางร้ายในละครหลังข่าวเฉยเลย ทำท่าสะดีดสะดิ้งมากระแซะข้างแขนผมเป็นการใหญ่ด้วย ผมหลุดขำออกมาบ้างแล้ว เขาน่ารักดีอะ ตลกดีด้วย ถึงแม้ว่าจะเกินเบอร์ไปหน่อยก็ตาม

“ทำไมพี่อินทร์ทำตัวไม่ค่อยปกติตลอดเลย หลุดออกมาจากศรีธัญญาปะเนี่ย”

ผมบอกไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็สวนขวับเลย

“พี่ก็ทำตัวปกติอยู่”

“นี่ปกติแล้วเหรอ”

ที่ดูๆ มันไม่ปกติอะ โคตรเพี้ยนเลยเถอะ แต่พี่บุศย์ พี่วิญญู แล้วก็สรัลที่นั่งฟังอยู่กลับพากันพยักหน้ารัวๆ

“ปกติแล้ว แบบนี้แหละปกติ”

“ปกติอะไร ติ๊งต๊องชัดๆ”

ผมเผลอทำปากยื่นใส่เขา ส่วนพี่อินทร์ก็เท้าคางลงบนโต๊ะแล้วถามผมพร้อมกับรอยยิ้ม

“แล้วจิรู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงชอบทำตัวบ้าๆ บอๆ ให้จิเห็นบ่อยๆ”

ผมส่ายหน้า เท่านั้นเขาก็ให้คำตอบ

“เพราะป่าปี๊อยากเห็นนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ยิ้มบ่อยๆ ไงครับ ยิ้มๆ น้า ไม่ทำหน้ากระรอกเนอะ”

มือยื่นมาบีบๆ แก้มผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำตัวมุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งใส่ผมชนิดไม่อายสายตาใครทั้งสิ้น พอผมเหลือบมองคนอื่นๆ พี่บุศย์ก็ทำเป็นหันไปคุยกับพี่วิญญู เอาอะไรก็ไม่รู้ในโทรศัพท์ให้ดูเป็นการใหญ่ ส่วนสรัลก็นั่งจ้วงขนมที่หยิบมาจากบนโต๊ะนั่นแหละ พลันแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

เออ ทีมเวิร์กดีมาก

ผมเลยให้ความสนใจกับพี่อินทร์อีกครั้ง และพอเห็นรอยยิ้มเขาแล้ว ผมก็อดมันเขี้ยวเขาไม่ได้

“น่าจับฟาด”

“ว้าย~ คนซาดิสม์”

“บางทีก็น่ากระทืบอะครับ จิว่าบางจังหวะ พี่อินทร์ก็กวนตีนอย่างที่พี่วิญญูว่าจริงๆ”

เท่านั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นขรม คนที่ดูสะใจมากกว่าใครเพื่อนดูเหมือนจะเป็นพี่วิญญู ขณะที่พี่อินทร์ทำหน้ากระเง้ากระงอด

“ใช่ซี่ พี่มันไม่ได้น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊นี่”

กอดอกทำแก้มป่องเหมือนเด็กเล็กๆ งอนเสียอย่างนั้น

เห็นท่าทางแบบนั้นแล้ว ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่า...

“พี่อินทร์น่ารักมากๆ เลยครับ”

พูดงึมงำพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้ตั้งใจให้เขาได้ยินด้วย แต่เขาดันได้ยินเต็มสองหู ใบหน้ามีรอยยิ้มประดับพรายอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็กระซิบบอกกับผม

“พี่ทำตัวน่ารักกับจิคนเดียวเท่านั้นแหละ พ่อดอกชบาน้อยของพี่”

ดอกชบา...อะไรน่ะ

ผมเอะใจขึ้นมาฉับพลัน มีความรู้สึกแปลกๆ กับคำนี้ แต่พี่อินทร์ก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ มิหนำซ้ำพี่บุศย์ยังคว้าชีตเรียนผมไปดู

“แล้วนี่อ่านอะไรอยู่”

“อิเหนาครับ ตอนศึกกระหมังกุหนิง จิมีควิซ”

“รู้ไหมว่าศึกนี้ใครแย่งใคร”

จู่ๆ พี่บุศย์ก็ถาม ผมก็ตอบเสียงดังฟังชัดเลย

“วิหยาสะกำมาแย่งบุษบาจากจรกาครับ พอชนะศึกแล้วก็เป็นอิเหนาที่แย่งบุษบาจากจรกาอีกที”

พี่บุศย์ชะงักทันควัน คนอื่นๆ ก็ชะงักไปด้วย พลันมองหน้าผมสลับกับมองหน้ากันไปมาเป็นการใหญ่ ท่าทางนั้นทำให้ผมสงสัยอยู่ไม่น้อย

“มีอะไรเหรอครับ”

“ไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีศึกครั้งนี้จะไม่ได้เกิดเพราะแย่งบุษบา”

เป็นสรัลบ้างแล้วที่ถามขึ้นมา ผมเลยถามเธอกลับ

“ถ้าไม่แย่งบุษบาแล้วจะแย่งใครล่ะ”

“อย่างเช่น...จรกาอะไรงี้”

พี่วิญญูพูดลอยๆ ผมนิ่วหน้าไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ

“จรการูปชั่วตัวดำอย่างนั้น ใครจะไปแย่งกันครับ อีกอย่างนะ เป็นผู้ชายด้วย เขาไม่แย่งผู้ชายกันหรอก”

“แต่อิเหนาก็มีบทร่ายที่ไปในทางมีสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันนะ บางทีอิเหนาอาจจะไม่ได้อยากได้บุษบา แต่อยากได้จร...”

“รสวรรณคดีมั้งพี่บุศย์ คนแต่ก็เสริมเติมเข้าไปแหละ จิว่านะ” พอผมสวนไปอย่างนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรมาอีกเลย เอาแต่มองผมกับพี่อินทร์สลับกันไปมา ผมเลยต้องร้องถาม “มีอะไรเหรอครับ ทำหน้าลำบากใจกันใหญ่”

แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบผม เหมือนทุกสายตาจะมองไปยังพี่อินทร์ ขณะที่พี่อินทร์ยังคงยิ้มร่าเหมือนเดิม

“จิอยากกินอะไรไหม เห็นติวมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หิวหรือยัง ให้พี่พาไปกินอะไรไหม”

“จิไม่...”

“ฮือ...หิวข้าวจังเลย อยากมีเพื่อนไปนั่งกินข้าวด้วยจังเลยน้า”

ผมกำลังจะตอบว่าไม่หิว แต่พี่อินทร์ดันสวนขึ้นมาด้วยประโยคนี้ ผมจะกล้าบอกได้ยังไงล่ะว่าไม่หิว เลยต้องตอบรับไป

“ไปก็ไปพี่อินทร์ ไม่ต้องอ้อนจิแล้ว วันนี้อ้อนจังเลยนะครับ เป็นไรเนี่ย”

พี่อินทร์ไม่ตอบ เอาแต่ยิ้ม พลันหันไปบอกเพื่อนๆ ตัวเอง

“กูพาจิไปกินข้าวก่อน ไว้ค่อยคุยกัน”

แค่นั้นก็พาผมออกจากโต๊ะมาเลย ปล่อยให้ทั้งสามคนที่เพิ่งมามองตามเราสองคน ส่วนผม...ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรหลังจากนี้ นอกจากจะเดินตามพี่อินทร์ไปยังโรงอาหารหลังตึกคณะเท่านั้น

 

เพราะไม่ได้มีควิซแค่คาบเดียวแล้วจบ แต่มันเป็นเหมือนสอบเก็บคะแนนย่อยกลายๆ ผมเลยต้องอยู่อ่านหนังสือดึกสักหน่อย

พี่อินทร์หลับไปนานแล้ว ผมเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ เห็นมันบอกเลขหนึ่งของวันใหม่ก็เลยลุกไปจะปิดไฟแล้วเข้านอน แต่ทว่าพอเดินผ่านเตียง ผมก็เห็นพี่อินทร์นอนกระสับกระส่ายไปมา อะไรไม่ว่า เหงื่อกาฬแตกพลั่กทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ผมอดที่จะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ได้ ก่อนจะต้องร้องถามเมื่อเห็นเขานิ่วหน้า ส่ายไปมา พึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์

“พี่อินทร์ เป็นอะไรไหมครับ”

ผมเขย่าตัวเขาเบาๆ เพราะเห็นเขาพลิกหน้าไปมาไม่เลิก แต่พอสัมผัสตัวเขาแล้ว ผมก็ต้องตกใจขึ้นมาน้อยๆ เมื่อรู้สึกถึงไอร้อนผะผ่าวจากกายเขา

ไม่สบายนี่...

ผมเลยรีบจับที่หน้าผากของเขาดู

ตัวร้อนจริงๆ ด้วย ไปทำอะไรมาน่ะ จู่ๆ ถึงได้ไม่สบายแบบนี้...

เป็นห่วงเขาขึ้นมาเลย บางทีผมอาจจะต้องปลุกเขาขึ้นมากินยาก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้ไปหาหมอ

แต่พอผมจะลุกจากเตียง จู่ๆ พี่อินทร์ก็ส่งเสียงแห้งผากออกมา

“พะ...พ่อ...”

ผมหันไปมองก็เห็นว่าที่หางตาของเขามีหยดน้ำตาไหลออกมา ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาคงฝันหรือละเมอถึงพ่อตัวเองไรงี้ แต่พอเขาเอ่ยประโยคใหม่ออกมา

“พ่อดอกชบาของพี่...”

ผมก็นิ่งงันไป...

ไม่ได้หมายถึงพ่อตามความหมายตรงๆ แต่หมายถึงใครบางคนที่เขาใช้สรรพนามนั้นแทนตัว

ผมไม่รู้หรอกว่าเขาหมายถึงใคร รู้แต่ว่าพอเขาพูดออกมาได้ประโยคหนึ่ง น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาเป็นสาย ก่อนจะกลายเป็นสะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่

“พะ...พ่อดอกชบา...ดอกชบา...ฮึก...”

ไม่รู้ทำไมในอกผมถึงได้ปวดแปลบขึ้นมา แล้วก็เศร้าขึ้นมาฉับพลันด้วย

ทั้งที่เขาหมายถึงใครก็ไม่รู้ แต่ผมกลับเจ็บปวดจนน้ำตาตัวเองก็ไหลเหมือนกัน ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากจะช่วยซับน้ำตาบนใบหน้าคร้ามของเขาพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลอาบหน้าตัวเองเงียบๆ

ที่ร้องไห้...ไม่ได้แปลว่าผมหึงเขา ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาด้วยซ้ำ มีแต่ความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้องไม่ต่างจากพี่บุศย์หรือพี่วิญญูเท่านั้น แต่ทำไมถึง...

...ทำไมพอเขาละเมอคำนี้ออกมา มันถึงทำให้ผมเศร้าได้ขนาดนี้

 ผมเลยเขย่าตัวเขาแรงขึ้น ปลุกให้เขาตื่น

“พี่อินทร์...ฮึก พี่อินทร์ตื่น”

เขาตื่นขึ้นมาจนได้ ปรือตามองผมครู่หนึ่งก็ร้องถามด้วยสีหน้าเหลอหลา

“จิร้องไห้ทำไม”

ถามทั้งๆ ที่เขาเองก็ยังมีน้ำตาไหลออกจากหางตาไม่หยุด ผมเลยสวนคืน

“จิต้องถามพี่อินทร์ต่างหากว่าพี่อินทร์ร้องไห้ทำไม แล้วนี่ไปทำอะไรมา ทำไมเป็นไข้ได้”

เขาได้สติขึ้นมาในตอนนี้ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาตัวเองก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

“สงสัยนอนน้อยหลายวันติดน่ะ ช่วงนี้พี่นอนไม่ค่อยหลับ”

นอนไม่ค่อยหลับเหรอ... ไม่เห็นเคยรู้เลยว่านอนไม่ค่อยหลับ ปกติก็เห็นเขาหลับทุกที

ไม่สิ ไม่เคยเห็นหรอก ผมเข้านอนก่อนเขาตลอด แต่ตอนตื่นดันตื่นหลังเขา ไม่รู้หรอกว่าเขาหลับสนิทหรือเปล่า แต่นั่นคงไม่สำคัญแล้วเพราะพี่อินทร์ยื่นมือมาซับน้ำตาให้ผม

“แล้วจิร้องไห้ทำไมคนดี บอกพี่ซิว่าใครแกล้ง”

ผมส่ายหน้า ตอบเสียงแผ่ว “จิก็ไม่รู้เหมือนกัน มันร้องออกมาเอง”

เขานิ่งไปครู่ก่อนจะยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรนะคนเก่ง นอนได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะนอนต่อแล้วเหมือนกัน”

ผมอยากจะพยักหน้าอยู่หรอก แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้รั้งเขาเอาไว้ พอเขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามให้ผม ผมก็เปิดปากออกมา

“จิอยากถามอะไรพี่อินทร์สักอย่าง”

“หืม?”

“เป็นแบบนี้ พี่อินทร์มีความสุขเหรอครับ”

“จิหมายความว่ายังไง”

“จิหมายถึง...” สูดลมหายใจเข้าปอดเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “...ที่พี่อินทร์แสร้งทำเป็นไม่พูดถึงเรื่องที่จิจำไม่ได้ว่าเราเคยรักกัน ทำดีกับจิ ทำตัวเป็นปกติทุกอย่างทั้งๆ ที่รู้ว่าจิลืมความรู้สึกนั้นไป พี่อินทร์มีความสุขเหรอ”

ผมเลี่ยงที่จะพูดว่า ‘ลืมว่าเคยรัก’ เพราะไม่อยากทำให้เขาเสียใจไปมากกว่านี้ ไม่รู้ทำไมยิ่งเห็นน้ำตาของเขา ผมก็ยิ่งสงสาร อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกว่า ‘พ่อดอกชบา’ ที่เขาละเมออกมา มันคือผมนี่แหละ

มันมีความหมายอะไร ผมก็ไม่รู้ ไม่มีความทรงจำนี้เลย รู้แต่ว่านั่นทำให้ผมสงสารเขามากขึ้นเข้าไปใหญ่ที่ผมเป็นแบบนี้ ผมรู้ว่าเขาเจ็บปวด รู้ด้วยว่าเขาทรมาน แต่เขากลบเกลื่อนทุกอย่างด้วยความบ้าๆ บอๆ และรอยยิ้ม

เขาเจ็บ...ทำไมผมจะไม่รู้

ทว่าพี่อินทร์กลับตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย

“มีความสุขสิ ได้อยู่กับจิแบบนี้ เห็นจิก่อนนอน ตื่นมาก็เห็นหน้าเป็นคนแรก เป็นแบบนี้ทุกวัน พี่มีความสุขจะตาย”

“แต่จิ...จิจำพี่อินทร์ไม่ได้”

“พี่รอได้”

เขาพูดมาแบบนี้ ผมก็นิ่งไปครู่

“แต่จิไม่รู้ว่าเมื่อไรจิจะจำเรื่องของเราได้”

“พี่รอได้จริงๆ นะจิ” เขาว่า พลันดึงผมเข้าไปหาแล้วว่าเสียงแผ่ว “พี่รอเก่งจะตาย เชื่อพี่สิว่าพี่รอได้”

ไม่แน่ใจนักว่าเขารออะไร รอให้ผมจำเรื่องระหว่างผมกับเขาได้ หรือรอให้ผมกลับไปรักเขาใหม่อีกครั้ง แต่ผมก็ไม่คิดจะถามอะไรเพิ่มเติมแล้วเมื่อสองมือใหญ่ประคองซีกแก้มผมเอาไว้

“ไหนๆ ก็รอมาตั้งนานแล้ว จะรออีกหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอก จิไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องห่วงอะไรเลย พี่รอเก่ง พี่รอได้”

เขาย้ำไปย้ำมาว่ารอได้ ที่เขาว่ารอมาตั้งนาน ผมไม่รู้หรอกว่ารออะไร ตอนนี้มีแต่พยักหน้าเร็วๆ พลันโผกอดเขา ไม่มีคำพูดใดจะพูดเหมือนกัน มันจุกที่ลำคอไปหมด อยากจะทั้งขอโทษเขาที่ผมไม่เหมือนเดิม อยากจะปลอบเขา แต่ดันปลอบตัวเองยังไม่ได้ เลยได้แต่เงียบให้เขาลูบหัวลูบหลังไปตามเรื่อง

“พี่จะรอ...จนกว่าชบาดอกตูมจะผลิบานอีกครั้ง”

เขาพึมพำอะไรสักอย่างออกมา ผมได้ยินไม่ชัดนักหรอก แต่รู้ว่าเขาพูดถึงดอกชบาอีกแล้ว คราวนี้ชัดเจนแล้วล่ะว่ามันหมายถึงผม

ทว่ามันคืออะไร ทำไมเขาถึงเปรียบเทียบผมกับดอกชบาอย่างนั้น

สักวัน...ผมจะต้องรื้อฟื้นความทรงจำเรื่องนี้ขึ้นมาให้ได้เลย

รอจิก่อนนะพี่อินทร์...

--------------------------------

หายไปหลายวัน อาการดีขึ้นแล้วค่ะ ยังเป็นภูมิแพ้นิดหน่อยแต่นั่งเขียนนิยายได้ละ 55

เต็มตอนแล้วเน้อ พรุ่งนี้มาอัปตัวอย่างตอนหน้าให้ค่า


ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :katai1: อึดอัดแทน ฮืออออ เมื่อไหร่นว้องชิจะจำได้

สงสารป่าปี๊ :z3: :z3:

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สงสารพี่อินทร์จนน้ำตาไหลเลยเนี่ย ไอ้ประโยคพี่รอเก่งพี่รอได้นี่มันโคตรลูซเซอร์ แบบทำอะไรไม่ได้นอกจากรอไปวันๆขอแค่ได้อยู่กับน้อง สงสารอ่ะ แล้วน้องจิก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากความเป็นพี่เป็นน้องไปอี๊ก ได้โปรดให้มาม่าหมดเร็วๆด้วยค่ะ :hao5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารพี่อินทร์ของนว๊อง :hao5:

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ฮือออออ ไม่เอาแล้วววว อ่านตอนพี่อินทร์นอนละเมอร้องไห้แล้วเราร้องตามเลยอ่ะ มันเจ็บปวดไปหมด
น้องจิจำพี่เค้าให้ได้เถอะนะ ทรมานมากเลย สงสาร ฮือออออออออออ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นังเหนา จำได้ซักทีซิ ว่าปากพล่อยพูดอะไรไว้นะ  :serius2:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เศร้าอ่ะ พี่อินทร์รอน้องนะ เมื่อไหร่จะหมดดราม่า อยากให้มีความสุขกันทั้งสองคนได้แล้ว :impress3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ตอนนี้ไม่ดราม่าค่ะ อ่านได้ ใจไม่บาง แค่เป็นการเปิดปมบางอย่างเฉยๆ เน้อ 





Chapter 34: กามเทพแผลงศร

[Intara’s Part]

“ตกลงมึงจะไม่บอกน้องมันจริงๆ ใช่ไหมว่าชาติก่อนเกิดเป็นใคร”

เสียงของไอ้บุศย์ดังขึ้นขณะที่มันมานั่งเป็นเพื่อนรอหมอเรียกเข้าไปตรวจอาการของผม ผมเหลือบมองมัน จากนั้นก็พยักหน้า

“อืม”

“ทำไมวะ น้องมันจำไม่ได้ ทำไมถึงไม่บอก”

มันว่าออกมาอย่างหงุดหงิด ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มันถามผมอย่างนี้ ตั้งแต่ที่จิระฟื้นขึ้นมา ผมก็ไม่พูดถึงเรื่องอดีตชาติเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอกหรอกนะ แต่จะให้บอกยังไงล่ะ ในเมื่อจิระจำไม่ได้ แล้วจู่ๆ ผมไปบอกว่าเขาคือจรกากลับชาติมาเกิด ส่วนผมคืออิเหนา แบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ขนาดบอกแค่ว่าเขาเป็นแฟนกับผม เขายังใช้เวลาพอสมควรเลยกว่าจะยอมรับเรื่องนี้ได้

ไอ้บุศย์ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ มันถอนหายใจออกมาแล้วถามผมด้วยน้ำเสียงระอา

“แล้วนี่ยังไง ไปทำอะไรมา ทำไมถึงไม่สบายได้”

“นอนน้อยหลายวันติดกันน่ะ ร่างกายมันเลยอ่อนเพลียมั้ง”

“ทำไมนอนน้อย”

ผมเหล่มอง ไม่ตอบ มันเลยสวนเข้าให้

“นอนน้อยหรือนอนไม่หลับ”

“อย่างหลัง”

“นานเท่าไรละ”

“ก็ตั้งแต่ที่กลับมาไทย”

“นอนไม่หลับเพราะเรื่องของจิล่ะสิ”

มันก็รู้ทันผมทุกทีแหละ ผมก็ไม่ปฏิเสธด้วย พยักหน้ารับไป ไอ้บุศย์ตบบ่าผมเบาๆ

“กูก็ไม่รู้จะช่วยมึงยังไงเหมือนกันนะเรื่องนี้ บางทีกูก็ขัดใจที่มึงไม่ยอมพูดถึงเรื่องชาติก่อน แต่กูก็เข้าใจเหมือนกัน ใครมันจะไปเชื่อว่าตัวเองเป็นจรกากลับชาติมาเกิด”

“กูเลยทำได้แค่รอให้จิรักกูอีกครั้งนี่แหละ”

ผมเสริมไปอย่างนี้ ไอ้บุศย์ก็มองหน้าผมอย่างเข้าใจ

“กูก็หวังให้เป็นอย่างนั้น เห็นมึงรอมานานแล้ว กูอยากให้มึงสมหวังสักที บางทีการเริ่มต้นใหม่อาจจะง่ายกว่า แล้วมึงคิดว่าจิจะรักมึงอีกครั้งไหม”

นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมสงสัยเหมือนกันนะ เพราะผมรู้สึกตลอดเลยว่า...

“กูว่าจิคิดกับกูแค่พี่น้องว่ะ”

“หืม?”

“ที่อยู่ด้วยทุกวันนี้คงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่จำอะไรไม่ได้ กูรู้ว่าจิก็พยายามที่จะจำความรู้สึกที่เคยมีให้กูอยู่ กูเองก็พยายามอยู่เหมือนกัน”

“...”

“กูจะรอจนกว่าจิจะรักกูเหมือนเดิม”

“ไอ้อินทร์...”

ไอ้บุศย์ถอนหายใจ ตบบ่าผมแรงๆ หลายครั้งติดกัน มันคงอึดอัดแทนผม แต่สำหรับผมแล้ว บอกเลยว่าความอึดอัดของผมไม่เท่ากับการที่จิระอึดอัด ผมรู้ว่าเขากำลังพยายาม ผมเองก็ต้องพยายามเหมือนกัน ถึงมันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่ผมก็เชื่อว่ามันคงไม่นานเกินกว่าทีจะรอไม่ได้

เพราะผมก็รอเขามาตั้งนานแล้ว จะรออีกหน่อยคงไม่เป็นไร...

 

บทสนทนาของผมกับไอ้บุศย์จบลงแค่นั้น พอหาหมอเสร็จ มันก็ขอแยกตัวไปเรียนในช่วงบ่าย ผมกลับหอไปพักผ่อนเพราะดูท่าแล้ววันนี้คงจะทำอะไรไม่ไหว จิระมีเรียนตอนบ่ายเช่นกัน ตอนเช้าก็มีเรียน เขาถึงไม่ได้ไปหาหมอเป็นเพื่อนผม

ผมกลับขึ้นไปที่ห้อง เอาคีย์การ์ดปลดล็อกประตู พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็มีใครบางคนพุ่งเข้ามาผลักหลังผมให้เข้าไปในห้องเต็มแรง ผมรีบกระโดดออกห่างไปตั้งหลัก ใจคิดไปแล้วว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนก็ต้องเป็นพวกมิจฉาชีพ แต่พอหันไปมองคนที่กำลังปิดประตูล็อกก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเป็น...

“ไอ้จิณห์...”

มันเข้ามาในหอได้ยังไง!?

ไม่ได้หมายถึงเข้ามาในห้องนะ แต่ผมกำลังสงสัยอยู่ว่ามันเข้ามาในตัวอาคารได้ยังไงต่างหาก เพราะคนนอกที่จะเข้ามาในอาคารได้จะต้องมีเพื่อนที่อยู่ที่นี่ลงไปรับ หรือไม่ก็ต้องมีคีย์การ์ด แล้วทำไมถึง...

“ใช้ทริคนิดหน่อย บอกกับคนที่อยู่ที่นี่ว่าขอติดเข้าไปด้วย จะไปหาเพื่อนก็เข้าได้ละ”

มันตอบทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ถามอะไรเลยสักนิด อย่างกับอ่านใจผมได้ แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่ากับการที่จู่ๆ มันก็โผล่หัวมาแบบนี้

“มึงต้องการอะไร”

การปรากฏตัวของมันไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน และผมก็เดาได้ว่าจะต้องเกี่ยวกับเรื่องของผมหรือไม่ก็จิระนี่แหละ

“ไม่เป็นมิตรเลยนะ ต้อนรับแขกกันแบบนี้เหรอ”

“ถ้ามึงไม่บอกก็ไสหัวออกไป”

“อืม เย็นชากับเมียเก่ามาก”

“อย่าให้กูต้องพูดซ้ำ”

ผมไม่ชอบเลยเวลามันพูดจาในลักษณะนี้ ถึงเมื่อชาติก่อนมันกับผมจะตบแต่งกันเป็นสามีภรรยา แต่มันก็เพียงในนามเท่านั้น มันเองก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยนอกจากเพื่อน ซึ่งตอนนี้ความเป็นเพื่อนนั้นก็ไม่มีหลงเหลือแล้ว ในเมื่อมันกวนประสาทอย่างนี้ ผมก็เลยเงียบ สุดท้ายจิณห์ก็ต้องเอ่ยออกมาเพราะถ้ามันไม่พูด ผมจับมันโยนออกไปแน่

“กูได้ข่าวว่าระตูจรกาความจำเสื่อม” ผมยังไม่ทันตอบ มันก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “เอ๊ะ ไม่ใช่ความจำเสื่อมสิ ต้องบอกว่าจำอะไรที่เกี่ยวกับมึงไม่ได้เลยมากกว่า ไม่รู้จักว่าอินทราเป็นใคร ไม่รู้ว่าตัวเองในอดีตชาติเป็นใคร หรืออิเหนาเป็นใคร น่าแปลกจังเลยนะ”

“ใครเป็นคนไปบอกมึง”

ผมถามเสียงต่ำ จิณห์ก็หัวเราะออกมา

“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้มีใครมาบอกหรอก กูตามดูมึงอยู่ตลอด รู้เองก็ได้มั้ง”

ผมก็น่าจะรู้นะว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่จะอะไรก็เอาเถอะ ผมไม่ค่อยโอเคกับการที่มันมายืนเสนอหน้าอยู่ในห้องของผมกับจิระเท่าไร อยากจะคุยอะไรก็รีบพูดๆ มา

“ตกลงมึงต้องการอะไร”

จิณห์ยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไรนัก ก่อนมันจะเดินเข้ามาใกล้

“กูจะมาบอกให้มึงเปลี่ยนใจ”

“...”

“ไหนๆ ระตูจรกาก็ไม่ได้รักมึงแล้ว มึงจะรอไปอีกทำไม รักคนที่รักมึงมาตลอดไม่ดีกว่าเหรอ”

ผมลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่น่าถามมันหรอกว่ามาหาผมทำไม ควรจะเดาได้ว่ามันต้องพูดเรื่องนี้

“จิจะรักกูหรือไม่รักยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่มึงจะมาสนใจ กลับไปซะ แล้วอย่าโผล่มาให้เห็นอีก ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เกรงใจ”

ผมเดินไปจะเปิดประตูให้มันกลับออกไป เหนื่อยใจจะคุยด้วย ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ผมบอกว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับมันนอกจากความเป็นเพื่อน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีเหลือแล้วด้วย แต่มันก็ยังตอแยไม่เลิก คงจะเหมือนผมนั่นแหละที่ตอแยจรกาไม่เลิก แต่สำหรับผมกับจิณห์มันเป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้ผมรู้ว่ามันรักผมมากแค่ไหน แต่ใจผมเป็นของจิระไปแล้ว ไม่ว่าชาติไหนก็เป็นของจิระ ต่อให้เขาไม่รักผม ผมก็ยังรักเขา

และเพราะเดินไปทำท่าจะเปิดประตู ไม่สนใจคนตรงหน้าอีกต่อไป จิณห์ก็ปั้นหน้าถมึงทึง ถลาเข้ามากระชากแขนผมเต็มแรง

“มึงจะมองกูหน่อยไม่ได้เลยหรือไงไอ้อินทร์ จะใจแข็งไปถึงไหนวะ!”

แล้วก็แผดเสียง ผมรู้แหละว่ามันคงจะอึดอัดเต็มทนแล้ว ไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจมันหรอกนะ เห็นแก่ที่สงสารที่มันเองก็ทรมานกับการรักผมข้างเดียวเลยทำเป็นไม่สนใจ แต่ครั้งนี้คงต้องพูดให้ชัดเจนอีกครั้ง

“อย่าพยายามเลยไอ้จิณห์ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน กูก็ไม่รักมึง”

“แต่จรกาไม่ได้รักมึงแล้ว...”

“ต่อให้จิไม่รักกู กูก็ไม่รักมึง พอได้แล้ว”

ผมว่าเสียงขุ่น จิณห์ก็ยิ่งมีสีหน้าเกรี้ยวกราด มือที่จับแขนผมอยู่บีบแน่นขึ้น ปลายเล็บจิกลงมาบนผิวเนื้อจนผมเจ็บแปลบขึ้นมา ผมตั้งท่ารอเผื่อว่ามันคิดจะทำอะไรบ้าๆ ทว่า...มันกลับไม่ทำอะไรร้ายแรงอย่างที่เคยทำกับผม แต่กลับดันให้ผมไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาใกล้ๆ จากนั้นก็ขึ้นมานั่งคร่อมทับบนหน้าขา ใช้แขนทั้งสองข้างยันกับกำแพงทางด้านหลังเพื่อไม่ให้ผมหนีไปไหน

“มึงนั่นแหละต้องพอได้แล้ว เลิกรักคนอื่นที่ไม่ใช่กูได้แล้ว พอสักที ต่อจากนี้มึงจะเป็นของกู”

พูดแล้วมันก็พยายามที่จะจูบผม ผมดันมันออก จังหวะนั้นเองที่เราชุลมุนกัน กลิ่นโคโลญจน์จากตัวมันโชยเข้าจมูกจนผมปวดหัวและทำให้หงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม ถึงจะเอะใจว่าทำไมมันถึงใส่น้ำหอมมากขนาดนี้ เพราะปกติแล้วตอนยังคบหากันเป็นเพื่อน มันเป็นพวกที่ไม่ชอบน้ำหอมน้ำอบเลย แม้แต่ตอนที่เป็นจินตะหราวาตี มันก็ไม่ชอบกลิ่นน้ำปรุงพวกนี้ อะไรไม่ว่า กลิ่นที่ลอยเข้าจมูกมันไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์ของน้ำหอมยุคปัจจุบัน แต่เป็นกลิ่นเหมือนน้ำปรุงที่ผมคุ้นเคยดีในชาติก่อน

ทำไมถึงพรมน้ำปรุงบนตัวกัน?

ทำไมก็ช่างเถอะ ผมต้องไล่มันไปก่อน อึดใจนั้นผมออกแรงผลักมันเป็นแรงจนมันกระเด็นลงไปกองอยู่กับพื้น ก่อนผมจะพรวดพราดลุกขึ้น ส่งเสียงแข็งด้วยความโมโห

“หยุดดันทุรังสักทีไอ้จิณห์ เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะเว้ย! ไม่รักก็คือไม่รัก ต่อให้ตายแล้วเกิดอีกสักกี่ชาติ กูก็ไม่รักมึง เลิกทำตัวงี่เง่าสักที!”

คำพูดของผมแรงพอที่จะทำให้ไอ้จิณห์หน้าม้านไปทันตา มันลุกขึ้นยืน เชิดหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงหัวเราะหยัน

“มึงบอกว่าบังคับกันไม่ได้งั้นเหรอ... ใช่ กูอาจจะบังคับมึงไม่ได้ แต่กูอาจจะบังคับคนอื่นได้”

ไม่รู้ทำไมผมถึงเอะใจขึ้นมาว่าคำว่า ‘คนอื่น’ ของไอ้จิณห์จะหมายถึงจิระ

“กูจะให้โอกาสมึงตัดสินใจอีกครั้ง” จิณห์ว่า ก่อนเดินเข้ามาใกล้ผม กลิ่นน้ำปรุงลอยโชยเข้าจมูกจนผมเวียนหัว เผลอเบือนหน้าหนีไปเล็กน้อย ได้สติอีกครั้งก็ตอนที่มันว่าเสียงต่ำออกมา “มึงจะรักกูได้หรือยัง”

“ไม่...”

“...”

“ไม่มีวัน... กูไม่มีวันรักมึง”

ผมตอบแบบไม่คิดเลย จิณห์ส่งเสียงดังฮึออกมาจากลำคอ

“กูมีคติอยู่อย่างนึง มึงอยากรู้ไหมว่าอะไร” พอผมไม่พูด มันก็ว่าออกมา “อะไรที่กูอยากได้ กูต้องได้ ถ้ากูไม่ได้ คนอื่นก็ไม่ต้องได้ทั้งนั้น”

“อย่ายุ่งกับจิระ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน”

ผมขู่ แต่มันดูจะไม่สนใจเลยเพราะเอาแต่ยิ้มหยัน ผมจ้องหน้ามันนิ่ง มันก็จ้องหน้าผมตอบนิ่ง ในแววตาของมันเต็มไปด้วยความแค้น ความเจ็บปวด ความรู้สึกต่างๆ ผสมปนเปกันไปหมดจนผมแยกแยะไม่ได้แล้วว่าอะไรบ้าง ผมเองก็ไม่สนใจแล้วด้วยนอกจากจะหันไปเปิดประตู แล้วโยนมันออกจากห้อง

“อย่ากลับมาอีก อย่ายุ่งกับจิ ไม่งั้นมึงกับกูเห็นดีกันแน่”

จิณห์ไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มเย้ยให้ พลันหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้ผมมองตามหลังมันด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีสักเท่าไรนัก

มันขึ้นมาหาถึงห้องขนาดนี้ มันต้องมีแผนอะไรแน่ เห็นทีผมคงต้องหาเรื่องพาจิระย้ายหอเพื่อความปลอดภัยแล้วล่ะ

 

ผมไม่ค่อยชอบเรียนเต็มวันสักเท่าไรเพราะมันทำให้เพลีย ยิ่งวันนี้นอกจากจะมีเรียนเต็มวันแล้ว ผมยังมีประชุมโปรเจ็กต์กับเพื่อนด้วย ฝนก็ดันมาตกอีก กว่าจะกลับถึงหอก็ดึก เลยต้องส่งข้อความมาบอกพี่อินทร์ก่อนว่าวันนี้กลับดึก เขาก็ดึงดันจะมารับผมที่หอเพื่อนให้ได้ พอผมปฏิเสธ เขาก็ตื๊อ ผมรู้ว่าเขาไม่สบาย ไม่อยากให้เขาลุยฝนมารับอย่างนั้น ตอนขากลับก็เลยไม่บอกเขาว่าจะกลับ ได้เวลากลับก็กลับเลย ไว้ถึงห้องแล้วค่อยขอโทษเขาอีกที

ทว่าพอเดินมาถึงหน้าหอ สายตาของผมก็เหลือบเห็นใครบางคนยืนอยู่ที่ลานจอดรถ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจหรอก แต่พอเห็นว่าใครคนนั้นคือ...

“พี่จิณห์...”

ไม่แน่ใจนักว่าทำไมผมถึงเอ่ยชื่อนี้ออกมา แต่ผู้ชายท่าทางสำอางคนนั้นที่ผมเห็นอยู่ มองปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่าเขามีชื่อนั้น อะไรไม่ว่า ผมเห็นเขาแล้วค่อนข้างตกใจมากด้วย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเขา ผมเห็นเขามาด้อมๆ มองๆ อยู่ที่หน้าหอหลายวันแล้ว ซึ่งใช่...เขามาดักรอผม ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ความทรงจำเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ผมไปรู้จักเขามันไม่มีเลย แต่สัญชาตญาณบอกกับผมว่าเขาคือคนที่ไม่น่าเข้าใกล้

พอเห็นอย่างนั้น ผมก็รีบก้าวเร็วๆ เข้าไปในหอก่อนที่เขาจะเห็น แต่คงไม่ทันแล้ว เขาเห็นผมเป็นที่เรียบร้อย พลันก็เดินเข้ามาหาด้วยความรวดเร็วเหมือนกัน ผมก็ไม่หยุดเดิน เขาเลยตวาดไล่หลังจนผมสะดุ้งโหยง

“จะรีบเดินไปไหนเล่า!”

ก็ไม่ทำให้ผมหยุดเดินได้อยู่ดี ก้าวจ้ำพรวดๆ หนีเลย จนแทบจะกลายเป็นวิ่งแล้วด้วยซ้ำ ก่อนที่ขาจะก้าวพลาดไปเหยียบแอ่งน้ำที่มีขี้ตะไคร่แล้วก็ลื่นพรืดก้นจ้ำเบ้าเต็มแรง

จะ...เจ็บมาก... เจ็บก้นกบมาก เจ็บจนน้ำตาเล็ด ลุกเองไม่ขึ้นเลย

พี่จิณห์ถอนหายใจใส่ผมเต็มแรงจนได้ยินเสียงชัดเจน เขาหยุดเดิน กอดอก ทำท่าเหมือนหัวเสียสุดกำลัง สีหน้าก็บ่งบอกชัดเจนด้วยว่าไม่สบอารมณ์ที่เห็นผมสักเท่าไร ยิ่งเปิดปาก...

“โง่”

...ก็ยิ่งชัดว่าเขาไม่ชอบหน้าผม แต่ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมไม่ชอบผมแล้วถึงมาดักรอเจอ ทำอย่างนี้ทุกวันด้วย แต่วันอื่นไม่ได้มาดักรอดึกแบบนี้ มีวันนี้นี่แหละที่เห็นเขาตอนดึก ผมก็ไม่ได้ฟ้องพี่อินทร์เพราะคิดว่าบางทีเขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้ชายที่มาตามจีบผม

แต่ทำไม...เขาถึงดูไม่ค่อยชอบหน้าผมกันล่ะ?

อะไรก็ช่าง ตอนนี้ต้องลุกก่อน ผมพยายามจะดันตัวขึ้นยืน แต่ก็ต้องเซถลาเพราะความเจ็บแปลบที่แล่นเข้ามาจู่โจมยังบริเวณก้นกบ วินาทีที่เซ ผมคิดว่าคงจะต้องล้มไปอีกรอบแล้ว หากทว่าก็มีมือของใครบางคนยื่นมาประคองผมเอาไว้ก่อน พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็น...

“อยากโดนด่าว่าโง่ซ้ำสองหรือไง”

...เป็นพี่จิณห์

เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาสวมเปื้อนคราบน้ำขังตามผมไปแล้วเรียบร้อย เขาพยุงผมไปยังม้านั่งใกล้ๆ แล้วก็เหวี่ยงออกห่างจากตัวเขาแบบไม่สนใจสักเท่าไรนัก ผมขบกรามแน่นเพราะแรงที่เขาเหวี่ยงมามันก็แรงพอที่จะทำให้เจ็บมากกว่าเดิมอยู่เหมือนกัน

จะเรียกว่าเขาช่วยหรืออะไรดีนะ จะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ ผมขอบคุณไปก่อนก็แล้วกัน

“ขอบคุณครับ”

พูดไปอย่างนั้น เสียงสบถดังฮึก็ลอยมาให้ได้ยินอีก ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่ผู้ชายที่มาตามจีบผมแล้วล่ะ คนพวกนั้นปฏิบัติกับผมดีกว่านี้ แต่...ก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้มีท่าทางอย่างนี้กับผม เท่าที่จำได้เขากับผมก็ไม่ได้รู้จักมัดจี่อะไรกันเท่าไร คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาจะเป็น...

...เป็นอะไรนะ

หยุดอยู่ที่ตรงนี้ทุกที นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาไม่ออกเลย ไม่รู้ว่ารู้จักกันได้ยังไง รู้แต่ว่าผมรู้จักเขา เขาก็รู้จักผม ผมไม่ถูกชะตากับเขาเท่าไร เขาเองก็ไม่ค่อยชอบผม แต่ก็ดันมาตามติดผมทุกวัน

มันดูแปลกๆ เนอะ...

ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ ผมก็ต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อจู่ๆ เขาก็โยนเสื้อคลุมของตัวเองมาพาดหัวผม

“เอามัดเอวซะ”

“ครับ?”

“ถ้าไม่อยากเดินโชว์กางเกงตูดขาดกลับเข้าหอก็ทำตาม ไม่ต้องถามมาก!”

เขาขึ้นเสียงมาอีกแล้ว ผมเม้มริมฝีปาก พยักหน้ารับคำเขาอย่างเร็วๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เอาเสื้อคลุมของเขามามัดเอวตัวเองอย่างทุลักทุเล เขาเห็นแล้วคงรำคาญมั้ง ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วก็ถลาเข้ามาแย่งแขนเสื้อในมือผมไป

“งุ่มง่ามมะงุมมะงาหรา น่ารำคาญ!”

ถึงปากจะว่า แต่มือกลับมัดแขนเสื้อคลุมเข้ากับเอวผม ผมยืนตัวแข็งทื่อเมื่อกลิ่นหอมของโคโลญจน์ผู้ชายอ่อนๆ จากตัวเขาลอยเข้าจมูก ก่อนที่ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายจะเต้นแรงเมื่อเหลือบมองซีกหน้าของเขาซึ่งอยู่ใกล้ผมเพียงคืบ

ความรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้านี่มัน...

ไม่อยากจะคิดเลยว่าผมกำลังรู้สึกอะไรบางอย่างที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น ยิ่งได้กลิ่นโคโลญจน์มากขึ้น ผมก็ยิ่ง...

...ยิ่งใจเต้น

ไม่สิ กลิ่นนั้นเหมือนจะไม่ใช่กลิ่นโคโลญจน์ เหมือนกลิ่นน้ำอบน้ำปรุงอะไรสักอย่าง แต่ผมก็ไม่สนใจจะหาคำตอบหรอก รู้แต่ว่าตอนนี้ผมต้องรีบสงบสติอารมณ์เพราะยิ่งพี่จิณห์เข้าใกล้ผมมากเท่าไร ก็เหมือนกับว่าผมจะเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง

ใบหน้าร้อนผะผ่าว ใจเต้นแรง มือไม้สั่นเทา... ความรู้สึกแปลกๆ นี่มันเหมือนกับ...

...กับคนกำลังมีความรักเลย

“มองหาอะไรไม่ทราบ รีบไสหัวไปได้แล้ว!”

จู่ๆ เขาก็ขึ้นเสียง ผมสะดุ้งอีกครั้ง พยักหน้ารับเขาเร็วๆ จากนั้นก็รีบหุนหันเข้าหอ ปล่อยให้เขายืนทำท่ากระฟัดกระเฟียดอยู่อย่างนั้น โดยที่ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลย

มันเรื่องบ้าอะไรกัน...

 

“ไหนบอกว่าจะโทรให้พี่ไปรับไง”

ทันทีที่เข้าห้องมาได้ พี่อินทร์ที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียงก็ถามอย่างรวดเร็ว ผมเหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของเขาแล้วก็ได้แต่ตอบไปตามความจริง

“จิเป็นพี่อินทร์ไม่สบายก็เลยไม่อยากให้ตากฝนน่ะครับ”

“ตากฝนอะไร พี่ขับรถไปรับอยู่แล้ว กางร่มไปก็ได้ จิกลับคนเดียวดึกๆ แบบนี้ พี่เป็นห่วงนะ”

ผมรู้ แต่ผมเองก็...

“จิก็เป็นห่วงพี่อินทร์เหมือนกัน ไม่อยากให้พี่อินทร์ไม่สบายหนักกว่าเดิมครับ”

...ใช่ ผมก็เป็นห่วงเขา แต่มันก็เป็นความเป็นห่วงแบบพี่น้องแหละนะ ต่างจากพี่จิณห์เมื่อกี้นี้...

ให้ตาย! หยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ทั้งที่ก็เห็นเขาตั้งหลายครั้ง แต่ทำไมวันนี้ถึงได้มีความรู้สึกบ้าๆ นี่โผล่มานะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้สนใจเขาขึ้นมากัน

ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย ได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งพี่อินทร์สังเกตเห็นแล้วถามขึ้น

“มีอะไรหรือเปล่าจิ ทำหน้ากระรอกเหม็นบูดใหญ่เลย ไหนใครแกล้ง ฟ้องพี่สิครับ”

พี่อินทร์ทำท่าจะลุกจากเตียงมาหาผม ผมหันไปมองก่อนก็เลยเป็นฝ่ายเดินไปนั่งที่เตียงแทน แต่นั่งแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองหน้าเขาจนเขาเลิกคิ้วสูง

“หืม? มีอะไรเหรอ”

ผมก็ไม่พูดอยู่ดีเพราะกำลังทบทวนความรู้สึกของตัวเองอยู่

โอเค ผมไม่ได้รักพี่อินทร์แบบคนรัก รักแบบพี่แบบน้อง แต่ถึงจะบอกอย่างนั้น เขาก็มีความพิเศษกว่าคนอื่น แน่นอนว่าพิเศษกว่าพี่บุศย์มากๆ เพราะผมทั้งรู้สึกผูกพัน ทั้งเป็นห่วงเขา เหมือนเขาเป็นครอบครัวเดียวกันกับผม ทว่าจะให้มีอะไรกัน มันก็กระอักกระอ่วน

ก็ผมไม่ได้รู้สึกกับเขาในลักษณะนั้น ไม่ได้รักเขาแบบนั้นนี่นา...

แต่ครั้งนี้ผมอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จู่ๆ ผมจะตกหลุมรักพี่จิณห์ในชั่ววินาทีอย่างนั้น ถ้าเป็นกับพี่อินทร์ ผมจะไม่แปลกใจเลย

“ว่าไงจิ มีอะไร”

เขาถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นผมไม่พูดสักที ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ตัดสินใจพูดออกมาจนได้

“พี่อินทร์ จิอยากขอลองทำอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

“ทำอะไรเหรอ”

ผมไม่ได้ให้คำตอบเป็นคำพูด พอสิ้นเสียงเขา ผมก็ขยับเข้าหาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักเขา พี่อินทร์เบิกตาโพลง รั้งเอวผมไว้ทันที

“เฮ้ยๆ จิ เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ มีอะไรหรือเปล่า”

แต่ก็ไม่ได้ดันผมออกแบบจริงจังหรอกนะเพราะตอนนี้ผมนั่งตักเขาเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ก่อนที่ผมจะประคองใบหน้าของเขา

“จิขอลองดมพี่อินทร์หน่อยได้ไหมครับ”

พี่อินทร์ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกเลย ผมก็ไม่รอให้เขาอนุญาตหรอก ซุกปลายจมูกลงบนซีกแก้มของเขา จากนั้นก็ไล่ต่ำลงไปยังลำคอ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำยาปรับผ้านุ่มบนเสื้อของเขาทำให้ผมอุ่นใจเหมือนเคย แต่...มันไม่ได้ทำให้ผมใจเต้นเหมือนกับได้กลิ่นของพี่จิณห์

ทำไม...

ทำไมของเป็นผู้ชายคนนั้น!

ผมผละออกมาพร้อมกับนิ่วหน้า พี่อินทร์ทำหน้าเหลอหลาทันควัน

“พี่เหม็นเหรอ ไม่ได้อาบน้ำวันเดียวเองนะ แต่เช็ดตัวแล้ว”

แล้วก็ยกแขนดมรักแร้ตัวเองใหญ่เลย ผมหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางส่งเสียงฟุดฟิดของเขา ก่อนจะประคองหน้าเขาเอาไว้

“ไม่ได้เหม็นสักหน่อย จิยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

พี่อินทร์ชะงัก ทำปากยู่ “แล้วจิทำไมทำหน้าเหมือนเหม็นเปรี้ยวพี่ง่ะ”

ไม่ได้เหม็นเปรี้ยว ผมหัวเราะร่วนจนได้ แต่ก็ไม่ได้บอกเขาหรอกว่าเพราะอะไร กลัวเขาจะคิดมาก ได้แต่ขอทำอย่างอื่น

“จิขอลองทำอีกอย่างได้ไหม”

“อะไรล่ะคราวนี้ อยากดมตรงไหนอีก”

“ไม่ได้อยากดมสักหน่อย”

“แล้วอยากทำอะไรหืม?”

“จิขอจูบหน่อยครับ”

พี่อินทร์ทำหน้าเหลอหลาหนักกว่าเดิมอีก คราวนี้ไม่ได้เป็นการแสร้งทำด้วย แต่เขาเหลอหลาจริงๆ ผมหัวเราะให้กับความน่ารักของเขา ขณะที่เขารีบบอกเร็วๆ

“พี่ไม่สบายอยู่นะ เดี๋ยวจิก็ติดไข้ไปด้วยหรอก”

“ไม่เป็นไรครับ”

ไม่เป็นไรจริงๆ ตราบใดที่ทำให้ผมมั่นใจได้ว่าความรู้สึกที่เกิดกับพี่จิณห์มันเป็นความบังเอิญหรือเรื่องบ้าๆ อะไร ผมก็ยินดีติดหวัดนะ

สิ้นเสียง ผมก็โน้มใบหน้าจูบลงไปบนริมฝีปากเขา พี่อินทร์ทำท่าเหมือนจะไม่ให้ผมจูบในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นว่าพลิกตัวมาจับผมลงนอนเสียอย่างนั้น แล้วก็เป็นฝ่ายดุนดันปลายลิ้นมาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นผมในโพรงปากด้วย

เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่เราจะผละออกจากกัน จูบของพี่อินทร์ยังคงให้ความรู้สึกดีเหมือนเคย ผมสบตากับเขาที่ตอนนี้หยักยิ้มให้ผมแล้วก็รู้สึกดีมากๆ แต่แล้วก็มีใบหน้าของใครบางคนทับซ้อนขึ้นมา

พี่จิณห์...

ไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม

ผมเม้มริมฝีปาก อึดอัดใจกับความรู้สึกแบบนี้มาก แต่ก็อดคิดถึงเขาไม่ได้ จนคนตรงหน้าผมเป็นฝ่ายถาม

“พี่รุกจิมากเกินไปหรือเปล่า”

เขาคงคิดว่าที่ผมนิ่วหน้าเป็นเพราะเขาแหละ ผมเลยรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ใช่หรอกครับ”

“แล้วจิทำหน้าเป็นกระรอกเหม็นเบื่อทำไมหืม?”

“จิแค่คิดว่าจะติดไข้พี่อินทร์หรือเปล่าแค่นั้นเอง”

เขาร้องอ๋อยาว จากนั้นก็หอมแก้มผมลงมาฟอดใหญ่

“ติดไข้แน่นอน ไหนๆ ก็จะติดแล้ว เอาให้เต็มที่ไปเลยเนอะ พี่ขอจูบอีกทีนะ”

ผมไม่ปฏิเสธหรอก จูบกับเขาอีกครั้ง รสจูบของเขาให้ความรู้สึกดีจริงๆ แต่พอหลับตา... คนที่ผมคิดถึงกลับไม่ใช่เขา

พี่จิณห์อีกแล้ว...

แล้วก็พานจินตนาการไปว่าจูบกับเขาด้วย จนทำให้ผมต้องผลักพี่อินทร์ออกห่าง พี่อินทร์ทำหน้าตกใจ ก่อนรีบพูดเร็วๆ

“พี่ขอโทษนะจิ ไม่โกรธนะ”

เขาคิดไปแล้วว่าผมผลักเขาเพราะเขาคุกคาม แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย ผมไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีด้วย จึงโผเข้ากอดเขา ทำให้เขางุนงงกับอาการผีเข้าผีออกของผมมากขึ้นไปใหญ่ ทว่าผมไม่พูดอะไรแล้ว ได้แต่พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้เพราะเริ่มแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ผมรู้สึกกับพี่จิณห์ มันคือ...

แม่ง ไม่อยากพูดเลย แต่ต้องยอมรับว่ามันคืออาการตกหลุมรัก ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่อินทร์

ทำไมกามเทพจะต้องมาแผลงศรใส่คนที่ไม่ใช่ด้วย ทำไมถึงไม่เป็นพี่อินทร์กัน

ทำไมถึงไม่เป็นคนตรงหน้าผมกันล่ะ! บ้าชะมัด!

---------------------------

อ่านมาถึงตรงนี้ แม่ๆ อาจจะหวั่นใจแทนพี่อินทร์ แต่เดี๋ยวพอเข้าดราม่าแรงๆ ทำใจบางแล้วจะเตือนก่อนล่วงหน้าค่ะ

ต้องขออภัยสำหรับใครที่รำคาญดราม่านะคะ เพราะเรื่องนี้ยังไงช่วงนี้ก็ต้องดราม่า ไม่งั้นปมจินตะหราวาตีจะจบยังไงคะคุณณณณ ข้อยต้องเก็บปม เข้าใจข้อยด้วยก้ะ จะให้ปล่อยปมนี้ไปเฉยๆ เรอะ มันม่ายช่ายยยย 55 ผ่านมันไปให้ได้นะทุกคน แต่โดยปกติก็ไม่ค่อยเขียนอะไรดราม่าสักเท่าไหร่หรอกค่ะ มีนิดๆ หน่อยๆ พอกรุบกริบ อรรถรสเนอะ XD

พรุ่งนี้เจอตัวอย่างตอนหน้าเด้อ ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยนะคะ ^^


ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 :pig4:
 เอาละเว้ย  ปวดเฮดกันไปยาวววววววว

 เรานะเรา  อิเหนา แล ระตูจรกา

ใยฟากฟ้ากลั่นแกล้งแสร้งเล่นตลก

สลับรักรวนอารมณ์ปั่นปมเหินระหก

หน้ายิ้มยกในอกร้าวร่ำไรหาใช่เวลา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2018 15:25:41 โดย wildride »

ออฟไลน์ Aeflizm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอน้ำร้อนด้วยค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
เห้ยยยยยยยยยยยย  สงสารพี่อินทร์เลย อย่างงี้มันเกินไปอะะะะะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
โอ้ยยยยยอ่านแล้วปวดหัวเลย จิณห์ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ นี่คิดว่าจิณห์จงใจทำให้จิหลงรักนะเพื่อจะให้พี่อินทร์เสียใจใช่ไหม และคืดว่าต้องเกี่ยวกับกลิ่นน้ำปรุงแน่ๆ ยาเสน่ห์เหรอหรืออะไร รอตอนหน้าไม่ไหวแล้วเรื่องยุ่งๆควรจบสักทีเถอะ สงสารอิพี่อินทร์มัน

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
นี่คิดไว้สองทาง หนึ่งคือนังพี่จินพรมน้ำปรุงมาเพื่อให้น้องจิที่กลับมาห้องได้กลิ่นน้ำหอมคนอื่น และดักเจอน้องจิหน้าหอเพื่อให้รู้ว่าคนๆนั้นเป็นตัวเอง สองคือน้ำปรุงที่ว่าคือยาเสน่ห์อะไรหรือเปล่า แต่สมมติฐานแรกแทบตัดทิ้งไปได้เลยเพราะนังพี่จินรู้อยู่แก่ใจว่าน้องมันความจำเสื่อม จะมาหึงมาหวงพี่อินทร์ทำไม นังนี่มันร้ายยยยยยยยยยย แค่นี้พี่อินทร์ก็เสียใจไม่พอใช่มะ ออกไปนะ ชิ้วๆ *สาดข้าวสารเสก*

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กลิ่นน้ำปรุงอะไรอ่ะ มีผลกับคนอย่างไงเนี่ย อีกคนเหม็น อีกคนหอม  :m28:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Ohhh....nooooooo  :ling1:  :ling1:  :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด