❤️You're my law of attraction ดึงดูดพิสูจน์รัก ❤️ ตอนที่ 10 | P.3 #66 |
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️You're my law of attraction ดึงดูดพิสูจน์รัก ❤️ ตอนที่ 10 | P.3 #66 |  (อ่าน 11466 ครั้ง)

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกใหม่เพิ่งหัดวายนะคะ นี่เป็นนิยายวายเรื่องแรกของเรา ขอฝากผลงานด้วยนะคะ :)

**ตอนที่ 1 ลงในคอมเม้นที่ 5 นะคะ**



ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2018 23:44:12 โดย dareammmmm »

ออฟไลน์ xexezero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 1 |
«ตอบ #1 เมื่อ23-04-2018 21:43:56 »

 o13

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 1 |
«ตอบ #2 เมื่อ26-04-2018 10:52:48 »

เรื่องน่าติดตาม แปะไว้ก่อน  :katai2-1: เดี๋ยวมาอ่าน/เม้นนะก๊าบ  :katai4: :pig4:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 1 |
«ตอบ #3 เมื่อ26-04-2018 11:44:13 »

ลงกฎด้วยค่ะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 1 |
«ตอบ #4 เมื่อ26-04-2018 22:01:16 »

สนุกครับ มายาวๆแต่อ่านเพลินไม่มีจุดน่าเบื่อเลย  :z2:
เรื่องเริ่มต้นมีปมให้น่าติดตามทั้งเรื่องน้ำยางที่โดนขโมย และพี่หมอห้องตรงข้ามที่คุ้นหน้าน้องหมอออม  :z1:
เดาว่านายหัวต้องโดนทำร้ายอะไรซักอย่าง แล้วไปเป็นคนไข้ของน้องหมอออมแน่นวล  :katai1:
ดำเนินเรื่องใช้ภาษาดีอ่านเข้าใจง่ายครับ  o13
รออ่านตอนต่อไปครับ
ปล.อย่าลืมแปะกฎเล้าตามที่พี่ๆน้องๆรีบนบอกนะครับ (สำคัญมาก)  :mew6:

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my Law of Attraction
«ตอบ #5 เมื่อ29-04-2018 15:29:43 »

** ย้ายตอนที่ 1 มาไว้ตรงนี้นะคะ เนื่องจากตัวอักษรเกิน 20,000 ตัว***

ตอนที่ 1

โรงพยาบาลสุราษฎ์ธานี
“โอ้โห นี่คุณจบเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองเลยหรือนี่”
น้ำเสียงของชายวัยกลางคนบ่งบอกถึงความตกตะลึง เขาลดมือที่ถือกระดาษใบหนึ่งลง แล้วมองชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามไม่ตอบอะไรนอกจากอมยิ้มเล็กน้อย ชายวัยกลางคนพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ใบหน้าขาวผ่องอมชมพูและริมฝีปากบางแดงระเรื่อบ่งบอกว่าเขาไม่เคยทำงานกลางแจ้งเลยสักครั้ง แว่นสายตากรอบดำตั้งบนดั้งจมูกโด่งเป็นสัน
“ดีมากเลย โรงพยาบาลของเราเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดก็จริง แต่เราก็ไม่เคยมีหมอเก่ง ๆขนาดที่ว่าจบเกียรตินิยมเหรียญทองมาทำงานใช้ทุนเลย ผมดีใจจริง ๆ ที่ได้คนเก่งอย่างคุณมาร่วมงานด้วยกัน” นายแพทย์วิธาน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยังกล่าวด้วยความชื่นชม
“ผมเองก็ดีใจครับที่ได้มาทำงานใช้ทุนที่นี่” นายแพทย์ธีทัตตอบอย่างอ่อนน้อม
“วันนี้คุณไปพักผ่อนเถอะ ผมให้คนเตรียมห้องพักไว้ให้แล้ว เสื้อกาวน์เครื่องแบบก็อยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ตอนเที่ยงจะมีงานเลี้ยงเล็ก ๆ ต้อนรับอินเทิร์นใหม่ ยินดีต้อนรับสู่บ้านแห่งนี้ครับ” ธีทัตยิ้มยกมือไหว้ผู้สูงวัยก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับไป
“อ้อ เดี๋ยวก่อน ผมลืมบอกคุณไปอย่างหนึ่ง”
ธีทัตชะงักแล้วเลิกคิ้วอย่างงุนงง
“ตอนนี้คุณเป็นหมอเต็มตัวแล้ว มีคำนำหน้าชื่อว่านายแพทย์แล้วด้วย งานที่นี่หนักนะไม่เหมือนสมัยเรียน มาแล้วห้ามกลับหลังหันเด็ดขาด ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามแอบรักคนไข้ด้วย” นายแพทย์วิธานบอกด้วยน้ำเสียงเจือความขบขัน ธีทัตยิ้มตอบ
“ผมไม่หันหลังกลับหรอกครับ ผมอาจจะดูเป็นคนบอบบาง แต่อันที่จริงแล้วผมอึดมากครับ ผมพร้อมที่จะเจอของจริงแล้วครับ ส่วนเรื่องสุดท้ายที่ท่านว่า มันไม่มีทางเกิดขึ้นกับผมแน่นอนครับ” ริมฝีปากบางแย้มยิ้ม
“โอเค งั้นก็ไปพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ”
ธีทัตเดินกลับออกมายังรถของตัวเองที่จอดอยู่หน้าแฟลตที่พักสำหรับแพทย์และพยาบาลประจำโรงพยาบาล ชายหนุ่มขนของใช้ส่วนตัวจากในรถขึ้นไปยังห้องพัก ห้องพักขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่นถูกทำความสะอาดรอรับเจ้าของห้องคนใหม่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเดินตรงไปยังห้องนอนจัดการปูที่นอนด้วยผ้าปูที่นำมาด้วย ชายหนุ่มมีของติดตัวมาด้วยไม่มากนัก นอกจากเสื้อผ้าแล้วส่วนใหญ่ก็มีหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ธีทัตเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ข้างในมีเสื้อกาวน์แบบสั้นแขวนเอาไว้แล้วสองสามตัว เขาหยิบตัวหนึ่งมาดู เสื้อกาวน์สีขาวสะอาดปักตราโรงพยาบาลไว้ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นชื่อของเขา “นพ. ธีทัต ลีพานิชย์สกุล”
“ในที่สุดก็ได้เป็นหมอเต็มตัวเสียที” เขาพูดกับตัวเองแล้วแขวนเสื้อกาวน์ไว้ตามเดิม ก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง ชายหนุ่มถอดแว่นสายตากรอบดำวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง ไม่นานเขาก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ธีทัตขับรถจากกรุงเทพมายังสุราษฎร์ธานีตั้งแต่เช้ามืด ชายหนุ่มอยากจะขับให้ถึงสุราษฎร์ธานีให้เร็วที่สุดจึงแวะพักระหว่างทางแค่สั้นๆ เท่านั้น เขาจึงอยากจะงีบหลับสักตื่นหนึ่งก่อนจะออกไปสำรวจรอบๆโรงพยาบาล

อีกมุมหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
รถยนต์เอสยูวีแบบขับเคลื่อนสี่ล้อวิ่งไปตามถนนลูกรังที่ล้อมรอบไปด้วยสวนยางพารา ถนนเส้นนี้ทอดยาวไปยังโรงงานแปรรูปน้ำยางสดแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยมีใบหน้านิ่งเฉย แต่แววตาคมเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เขากัดฟันด้วยความโกรธอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องที่คนงานโทรไปบอกเขาเมื่อสักครู่ น้ำยางสดที่คนงานเพิ่งกรีดทิ้งไว้เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาถูกขโมยไปเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว และยังจับมือใครดมไม่ได้ มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์โทรของผู้ช่วยคนสนิท
“สันต์เหรอ ฉันใกล้แล้ว บอกคนงานให้รอก่อน” เขาสั่งเสียงเข้ม เมื่อผู้ช่วยตอบรับก็กดสายวาง
ร่างสูงหนาล่ำสันกระโดดลงจากรถทันทีที่จอดสนิทหน้าโรงงาน กันยกรเดินหน้าเครียดเข้ามาในสำนักงาน ลูกน้อง 4-5 คนที่จับกลุ่มคุยกันรีบหลีกทางให้เขาทันที
“เป็นไง หายไปเยอะมั้ย” กันยกรถามด้วยน้ำเสียงห้วน
“หายทั้งหมด 25 ต้นครับนายหัว” คนงานคนหนึ่งตอบ
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ อย่างโกรธเคือง แต่แล้วก็ผ่อนลมหายใจยาว
“แล้วมีร่องรอยอะไรเหลือไว้บ้างมั้ย”
“มีแค่รอยเท้าครับ แต่เป็นรอยรองเท้าบูทยางที่ใครๆก็ใช้” คนงานตอบ
“เห็นทีจะต้องขึงลวดหนามซะแล้ว” กันยกรพึมพำ
“ปกติสวนของเราไม่เคยขึงลวดหนาม เพราะไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่มย่าม แต่เดี๋ยวนี้คนในหมู่บ้านมันเยอะมากขึ้นครับ บางคนก็ไม่คุ้นหน้า” สันต์ที่เป็นผู้ช่วยบอก
กันยกรพยักหน้าหงึกหงัก “วันนี้ให้คนมาขึงลวดหนามให้หมด ถ้าเป็นไปได้ก็ทำประตูรั้วด้วย ส่วนนี้ใครเป็นคนตัด เขียวรึเปล่า?” ชายหนุ่มหันขวับไปถามคนงานที่ชื่อเขียว
“ครับ ผมตัดอยู่กับไอ้ป้อม” คนงานที่ชื่อนายเขียวตอบ
“สันต์วันนี้เข้าเมืองไปกับเขียวและป้อม จัดการสั่งของที่จะมาทำรั้วให้หมด เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้ว ผมจะเข้าไปในโรงงานต่อ ขอบคุณทุกคนมาก” กันยกรเดินกลับเข้าไปในส่วนที่เป็นสำนักงานของโรงงาน
“นายหัวคะ หนูทำบัญชีค่าปุ๋ยสวนปาล์มเสร็จแล้วค่ะ” เด็กสาวที่เพิ่งเข้ามาทำงานแผนกบัญชียื่นแฟ้มให้ชายหนุ่มดู
“ขอบคุณนะนิด” กันยกรตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรที่สุด เขาไม่อยากให้เด็กที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่คิดว่าเขาเป็นเจ้านายที่ขี้โมโหและอารมณ์ร้าย แต่การที่โดนขโมยผลผลิตในสวนเป็นสิ่งที่กันยกรยอมไม่ได้จริง ๆ
ก่อเกียรติและกานดามีลูกด้วยกัน 3 คน ได้แก่ กันยกร กวิตา และกวินทร์ ทั้งสองตัดสินใจส่งลูกชายคนโตไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย เมื่อจบการศึกษากันยกรก็ได้รับการทาบทามให้ทำงานเป็นสถาปนิกประจำบริษัทแห่งหนึ่งในเมลเบิร์น ชายหนุ่มตอบตกลงทันทีโดยไม่ขออนุญาตพ่อและแม่นั่นทำให้ก่อเกียรติผู้เป็นพ่อโกรธมาก
 “ฉันส่งให้แกไปเรียนต่อเพื่อที่จะได้กลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว นี่อะไร? แกดันไปเรียนออกแบบบ้าบออะไรนั่น ยังไม่พอ เรียนจบแกก็ไม่คิดจะกลับบ้านมาทำธุรกิจต่อจากฉันอีก”
“พ่อครับ ชีวิตมันเป็นของผม ไม่ใช่ของพ่อ ผมไม่อยากทำสวนแบบพ่อ ถึงพ่อจะบังคับยังไงผมก็ไม่ทำหรอก”
“งั้นก็ตามใจ สุดท้ายแล้วแกก็จะรู้เองว่าแกควรทำอะไร”
และแล้วคำพูดของก่อเกียรติก็เป็นจริง เมื่อผู้เป็นพ่อเสียชีวิตลงกันยกรก็ตัดสินใจลาออกจากงานแล้วกลับมายังสวนยางพาราที่พ่อของเขาบังคับให้ทำ กวิตาและกวินทร์ยังอยู่ในวัยเรียนหนังสือ กานดาผู้เป็นแม่เองก็เป็นผู้หญิงม่ายตัวคนเดียว กันยกรจึงกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว เขายอมกลับมาทำสวนยางพาราเพื่อปกป้องในผลประโยชน์ของตนเองและน้องที่ยังเล็ก จากเงื้อมมือของญาติที่พร้อมจะเข้ามาฉกชิงได้ทุกเมื่อ ในวันแรกของการทำงานเป็นชาวสวน กันยกรเริ่มต้นจากศูนย์เขาเรียนรู้ทุกอย่างจากคนงานและพนักงานทุกคนในโรงงาน
“ไหวมั้ยกันย์ ให้แม่ช่วยมั้ยลูก” กานดาถามเมื่อเห็นลูกชายกำลังง่วนกับตัวเลขบัญชีตรงหน้า
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้ งานแค่นี้เอง” ชายหนุ่มยิ้ม ไม่อยากให้มารดาเป็นห่วง
“มาเถอะ แม่ช่วยดีกว่า อย่างน้อยก็ช่วยตรวจดูว่ากันย์คิดเลขถูกหรือเปล่า”
หลักจากบิดาเสียได้ 3 ปี กันยกรกลายเป็นชาวสวนเต็มตัว ผิวขาวที่ไม่เคยโดนแดดก็กลายเป็นผิวคล้ำ มือนุ่มที่เคยจับแต่ปากกาเขียนแบบกลายเป็นมือกร้านสากที่จับแต่จอบเสียม จากที่ไม่เคยรู้เรื่องการเกษตรก็ต้องเรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด จนกลายเป็นชาวสวนรุ่นใหม่และกลายเป็นที่ยอมรับจากคนในจังหวัดจนได้ตำแหน่งนายกสมาคมชาวสวนยางพาราประจำจังหวัด

ธีทัตลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เขามองเพดานสีขาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ห้องพักของโรงพยาบาล ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาไล่ความง่วงออกไป ข้างนอกท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขาหยิบแว่นตากรอบดำมาสวมก่อนจะเดินออกไปสำรวจรอบโรงพยาบาล โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ในเขตเมืองตรงข้ามมีเซเว่นอีเลฟเว่นและร้านค้าที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงอยู่ด้วยกันหลายร้าน ธีทัตคิดในใจว่ารอดตายแล้ว ตลอดระยะเวลา 6 ปีของการเป็นนักศึกษาแพทย์ ธีทัตจำเป็นต้องพึ่งพาร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงหลายครั้ง นั่นเป็นเพราะเมื่อเขาต้องอยู่เวรดึก กว่าจะเลิกเวรก็กินเวลาเกือบเที่ยงคืน หากอยู่เวรเช้าก็ต้องไปถึงโรงพยาบาลตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นพ้นขอบฟ้า ร้านค้าสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา
ชายหนุ่มกวาดอาหารแช่แข็งทุกชนิดที่วางอยู่บนชั้นวางของใส่ลงในตะกร้า หยิบขนมปังและเครื่องดื่มอีกสองสามขวดลงไปด้วย แล้วจึงเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ พนักงานเก็บเงินลอบมองชายหนุ่มผิวขาวริมฝีปากแดงตรงหน้าไม่วางตา
“พี่เป็นหมอคนใหม่เหรอคะ” เด็กสาวถาม
“ใช่ครับ เพิ่งมาวันนี้เอง” ธีทัตตอบ
“หูย ดีจังเลย โรงพยาบาลนี้ไม่มีหมอหล่อ ๆ มานานแล้ว กระชุ่มกระชวยหัวใจดีจัง”
ธีทัตหัวเราะแหะ ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกเขาตรง ๆ ว่าหล่อ หากอยู่ที่กรุงเทพเขาก็เป็นเพียงแค่เด็กแว่นเด็กเนิร์ดที่ชอบนั่งเรียนหน้าห้องเพียงเท่านั้น แต่อยู่ที่นี่เขากลายเป็นเทพบุตรรูปหล่อไปเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มเดินกลับมายังแฟลตที่พัก เห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อกาวน์ตัวสั้นและกางเกงแสล็คสีดำกำลังพยายามไขกุญแจประตูห้องตรงข้ามโดยที่หอบเอกสารเต็มสองมือ
“ให้ผมช่วยมั้ยครับ” ธีทัตอาสา
“อ้อ ขอบคุณมากครับ” ชายหนุ่มนิรนามส่งกุญแจให้ ธีทัตรับมาไขกุญแจแล้วเปิดประตูออกกว้าง
 “ขอบคุณมากนะครับ เอ่อ คุณคือ...”
“ผมชื่อธีทัตครับ เรียกผมว่าออมก็ได้ครับ ผมเพิ่งมาใหม่พักห้องตรงข้ามคุณนี่เอง”
“อ้อ คุณคงเป็นอินเทิร์นคนใหม่...ผมชื่อปฐวี เรียกผมว่าพี่วีก็ได้”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่วี” ธีทัตยื่นมือ แต่เพิ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายหอบเอกสารเต็มสองมือจึงชักมือกลับ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้นะ ไหน ๆ เราก็เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเพื่อนบ้านด้วย” ปฐวีหัวเราะเบา ๆ ข้อแขนที่เกร็งมานานเริ่มจะอ่อนล้า เขาจึงตัดบทด้วยการขอตัวเข้าห้องก่อน
ปฐวีวางเอกสารทั้งหมดไว้บนโต๊ะตัวเตี้ยในห้องนั่งเล่น แล้วจึงทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า
“ออม...ชื่อน่ารักดีนี่นา” ปฐวีอมยิ้ม
ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ความทรงจำอะไรบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวสมอง ชายหนุ่มใจเต้นตึกตักตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นรูปว่าหมออินเทิร์นชุดใหม่มีใครบ้าง สายตาของเขาสะดุดอยู่ที่หมออินเทิร์นคนหนึ่ง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาดูอ่อนเยาว์ ริมฝีปากหยักบางอมยิ้มนิดหนึ่ง ปฐวีรู้สึกคุ้นหน้าอินเทิร์นคนนั้นทันทีตั้งแต่แรกเห็น

กันยกรขับรถกลับบ้านในเวลาเย็น ความตึงเครียดที่มีมาทั้งวันเริ่มผ่อนคลายลงไปบ้าง แต่ยังไม่หมดเสียทีเดียว ถ้าจะให้หายกันยกรต้องแน่ใจก่อนว่าได้สามารถจับมือแมวขโมยน้ำยางพาราในสวนให้ได้เสียก่อน ชายหนุ่มกำลังจะเดินเข้าบ้านแต่กานดาผู้เป็นแม่ออกมาเสียก่อน
“กันย์มาพอดีเลย มาดูนี่สิว่าใครมาบ้านเราแน่ะ”
“ใครเหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างงุนงง กานดาไม่ตอบได้แต่ดันหลังลูกชายให้เดินเข้าไปในบ้าน
กวิตาและกวินทร์ น้องสาวและน้องชายของกันยกรนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่อเห็นพี่ชายคนโตทั้งสองจึงกวักมือเรียกพี่ชายให้นั่งลงด้วย กันยกรขมวดคิ้วยิ่งงุนงงมากขึ้น
“นี่มันอะไรกัน เล่นอะไรกันเนี่ย” เขาถามกวิตาที่นั่งตรงกันข้าม
“เรากำลังรออาหารมื้อพิเศษอยู่ค่ะ” กวิตาตอบ
“คนที่ปรุงอาหารมื้อนี้ก็เป็นคนพิเศษด้วยครับ” กวินทร์ที่นั่งติดกับกวิตาตอบยิ้ม ๆ
“ทาด่า!! อาหารมาแล้วจ้า” เสียงแหลมเล็กของใครคนหนึ่งทำให้กันยกรหันขวับไปมองที่ต้นเสียง
หญิงสาวร่างโปร่งบางเดินออกมาจากห้องครัว เธอสวมผ้ากันเปื้อนทับชุดเดรสยี่ห้อดัง ใบหน้าที่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ มีเม็ดเหงื่อผุดเล็กน้อย
“พราว!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมไม่บอกพี่ก่อนว่าจะมา” กันยกรร้องด้วยความดีใจและตกใจปนกันไป
“ถ้าบอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ นี่ค่ะ...พราวทำผักโขมอบชีสให้กินด้วยนะ” พราวพิชชาวางถ้วยเซรามิกที่มีผักโขมอบชีสร้อน ๆ ลงบนโต๊ะ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ติดกับกันยกร
“นึกยังไงถึงทำไอ้เจ้านี่ให้พี่กิน” กันยกรหันมาถาม
“ก็...มันเป็นอาหารอย่างเดียวที่พราวทำเป็นตอนไปอยู่ที่สิงคโปร์นี่คะ” หญิงสาวตอบ
“หนูพราวเพิ่งมาถึงวันนี้ ตอนที่แม่กำลังจะทำอาหารเย็น หนูพราวเลยขอทำอะไรชีส ๆ นี่ให้กันย์กินด้วย ลองชิมสักคำสิลูก” กานดาบอก กันยกรมองอาหารจานอื่นที่เป็นฝีมือของมารดาแล้วบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“หืม ดีนะครับที่มีอาหารที่แม่ทำด้วย ไม่งั้นผมคงต้องกินอาหารของยัยพราว ไม่รู้ว่าจะท้องเสียหรือเปล่า” ชายหนุ่มพูดจบมือเล็กบางของหญิงสาวก็ตีเพียะเข้าที่ต้นแขน
“ดูถูกกันเกินไปแล้วนะ ลองกินดูก่อนเถอะแล้วจะขอให้พราวทำให้กินอีกทุกวันเลย”
ชายหนุ่มจึงตักผักโขมอบชีสเข้าปากคำหนึ่ง กวิตา กวินทร์ และกานดาตักตาม เมื่อผักโขมอบชีสถูกส่งเข้าปากกวิตาและกวินทร์รีบคายทิ้งลงในจานของตัวเองเกือบจะทันที ในขณะที่กานดาและกันยกรยังรู้สึกเกรงใจหญิงสาวแขกของบ้านจึงพยายามกลืนอาหารในปากอย่างยากเย็น
“เป็นไงบ้างคะ” พราวพิชชาหันมาถามกันยกรและกานดา หลังจากที่สีหน้าเจื่อนเมื่อเห็นอาการของกวิตาและกวินทร์
“ก็...” กันยกรยกน้ำดื่มอึกใหญ่ “ก็ไม่เลวนักหรอก แค่ใส่ชีสเยอะไปหน่อย  แม่ว่าไงล่ะครับ”
“เอ่อ ป้าไม่ค่อยชอบชีสสักเท่าไหร่ เหม็นจะตาย” กานดาบอก
“ว้า พราวว่าพราวทำอร่อยแล้วนะคะ งั้นช่างมันเถอะค่ะ กินอาหารฝีมือป้าดาดีกว่า” พูดจบหญิงสาวก็ตักอาหารฝีมือกานดาเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
คืนนี้เป็นคืนฟ้าโปร่งลมเย็น ๆ พัดเข้ามาในห้องทำงานของกันยกรที่เปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้ ห้องทำงานนี้เคยเป็นห้องทำงานเก่าของก่อเกียรติมาก่อน หลังจากที่เจ้าของห้องเสียชีวิตกันยกรก็ยึดใช้เป็นห้องทำงานของตัวเอง ตู้หนังสือใหญ่ที่เคยมีหนังสือเกี่ยวกับการเกษตรเต็มแน่น ถูกแบ่งพื้นที่ให้หนังสือภาษาอังกฤษของผู้เป็นเจ้าของคนใหม่ กันยกรเงยหน้าเมื่อประตูถูกเคาะ 2-3 ครั้งแล้วเปิดออก
“อ้าว ว่าไงพราว ยังไม่นอนอีกเหรอ” เขาก้มหน้าลงมองจอคอมพิวเตอร์แล็บท็อปเมื่อเห็นว่าผู้ที่เปิดประตูเข้ามาคือพราวพิชชานั่นเอง
“ยังไม่ง่วงเลยค่ะ ป้าดาบอกว่าพี่กันย์ทำงานอยู่ในห้องนี้ เลยมาหาเพื่อนคุยด้วย พราวมารบกวนเวลาทำงานหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอก อยากคุยอะไรก็ว่ามาสิ” ชายหนุ่มละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์แล้วมองหญิงสาวที่เสมือนเป็นน้องสาวอีกคนหนึ่ง
พราวพิชชาเป็นลูกสาวคนเดียวของปกรณ์และอัมพร เพื่อนสนิทและลูกค้าคนสำคัญของก่อเกียรติที่กันยกรเคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ปกรณ์เป็นเจ้าของโรงงานน้ำมันปาล์มที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดชุมพร เขาจึงเป็นทั้งเพื่อนและลูกค้าที่สนิทกับครอบครัวของกันยกรมานาน หญิงสาวเพิ่งแต่งงานไปกับหลี่อี้นักธุรกิจชาวสิงคโปร์เมื่อกลางปีที่แล้ว
“ให้พี่ทาย พราวมีปัญหากับหลี่อี้ใช่มั้ย” ชายหนุ่มถาม
“พี่กันย์รู้ได้ไงเนี่ย ทายเก่งยังกะเข้ามานั่งในใจพราวงั้นแหละ”
ชายหนุ่มหัวเราะร่วน
“ไหนเล่ามาสิ”
“พราวเบื่อ พราวไม่ชอบที่ต้องนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับบ้านเลย หลี่อี้ไม่ยอมให้พราวทำอะไร จะออกไปหางานทำก็”
“ไม่ดีรึไง น่าอิจฉาออก มีแต่คนอยากนอนอยู่บ้านเฉย ๆ รอเงินจากผัวทั้งนั้นแหละ” กันยกรบอก
“มันไม่เหมือนกันนี่นา ที่โน่นน่าเบื่อจะตาย ประเทศก็เล็กนิดเดียว” กันยกรเลิกคิ้วอย่างเห็นใจ เขาไม่เคยเป็นผู้หญิง ไม่เคยต้องนอนอยู่บ้านเฉย ๆ จึงไม่รู้ว่ามันน่าเบื่อขนาดไหน
 “พราวก็เลยหนีมางั้นเหรอ? พ่อกับแม่รู้หรือเปล่าว่าหนีมาที่นี่” หญิงสาวส่ายหน้า ผมยาวดำขลับขยับไปมา
“ไม่รู้หรอกค่ะ พ่อกับแม่เค้าเห่อลูกเขยจะตาย ไม่มีใครเข้าข้างพราวหรอก” กันยกรคิดในใจ การเป็นภรรยาคนรวยมันดีอย่างนี้นี่เอง
“แต่พี่จำเป็นต้องบอกลุงกับป้านะ พราวหนีออกมาจากบ้านอย่างนี้คิดเหรอว่าหลี่อี้จะไม่เป็นห่วง หลี่อี้ต้องคิดว่าพราวหนีกลับมาเมืองไทยแน่นอน แล้วถ้าลุงปิกกับป้าอัมรู้เรื่องก็ต้องเป็นห่วงพราวมากๆ ยังไงพี่ก็ต้องบอกพ่อกับแม่ของพราว” ชายหนุ่มยืนยันเสียงแข็ง
“ก็ได้ค่ะ แต่ห้ามบอกหลี่อี้นะคะ” พราวพิชชาเสียงอ่อนลง
“พี่ไม่บอกก็ได้ แต่ถ้าพ่อกับแม่พราวบอกมันก็อีกเรื่องนึงนะ” กันยกรกดโทรออกหาปกรณ์ เขานึกอยากจะตีก้นพราวพิชชาเมื่อได้ยินน้ำเสียงโล่งใจของอีกฝ่าย
“ขอลุงคุยกับยัยลูกสาวตัวแสบหน่อยได้มั้ย” กันยกรยื่นโทรศัพท์มือถือให้หญิงสาวตัวต้นเรื่อง
“สวัสดีค่ะ” พราวพิชชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจื่อน แล้วนิ่งเงียบฟังปลายสาย บางครั้งเธอพยักหน้าอย่างยอมรับผิด พราวพิชชาพูดกับปกรณ์อีกสองสามคำก็วางสายลง
“พี่กันย์อย่าเพิ่งบอกหลี่อี้นะคะว่าพราวอยู่ที่นี่” หญิงสาวบอกเมื่อส่งโทรศัพท์คืนชายหนุ่ม
กันยกรคิดถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่เป็นสามีของพราวพิชชา ใบหน้ายาวรี ตาชั้นเดียวแบบคนที่มีเชื้อสายจีน ใบหูและใบหน้าจะกลายเป็นสีแดงเมื่อเขาโกรธ
“ก็ได้ พี่จะไม่บอก”
“ขอบคุณมากค่ะ พี่กันย์น่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวบอกแล้วโผเข้ากอดกันยกรแน่น
กันยกรมองพราวพิชชาจนเธอเดินออกไปจากห้องทำงาน เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารัวนิ้วพิมพ์ไลน์ด้วยความรวดเร็วแล้วส่งไปหาหลี่อี้ ส่งข่าวบอกหลี่อี้ว่าพราวพิชชาหนีมาหาเขาที่สุราษฎร์ธานี เป็นไปตามคาดว่าอีกฝ่ายกำลังวุ่นวายหาภรรยาที่หายตัวไป หลี่อี้กล่าวขอบคุณกันยกรอีกหลายประโยคเมื่อชายหนุ่มรับปากว่าจะดูแลภรรยาของเขาให้

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 2 |
«ตอบ #6 เมื่อ29-04-2018 15:40:40 »

ตอนที่ 2

งานเลี้ยงต้อนรับหมออินเทิร์นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามที่นายแพทย์วิธานผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกไว้จริง ๆ เป็นเพียงงานเลี้ยงอาหารกลางวันสำหรับบุคลากรในโรงพยาบาลเท่านั้น โต๊ะยาวถูกจัดอาหารหลากหลายชนิด โดยเน้นเฉพาะอาหารทะเลสด ๆ ซึ่งธีทัตดูจะถูกใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นปลาหมึกย่างตัวขาวอวบตรงหน้า ไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะพูดคุยกันเรื่องอะไร
“หมอออมจบเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองเลยเหรอคะ เป็นอาจารย์หมอที่ศิริราชพยาบาลได้เลยนะคะเนี่ย ทำไมถึงไม่เป็นอาจารย์ล่ะคะ” แพทย์หญิงสูงวัยที่นั่งติดกันถามธีทัต
“ผมไม่ชอบเป็นอาจารย์ครับ ผมคงสอนใครไม่ได้ด้วยก็เลยเลือกมาทำงานใช้ทุนดีกว่า” ธีทัตตอบ
“อ้อ เหมือนหมอวีเลยนะคะ”
“เอ้อ ว่าแต่ว่านี่หมอวีเค้าหายไปไหนอะ ทำไมยังไม่มาอีก”
“ขอโทษที่มาช้านะครับ ผมเพิ่งทำงานเสร็จ” ยังไม่ทันจะมีใครตอบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ประตู ธีทัตเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง
“เอ้า เชิญเลยหมอวี เพิ่งกินกันไม่นานนี่เอง” วิธานเชื้อเชิญ ปฐวีนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ยังว่างอยู่
“แหม ตายยากจังเลยนะ กำลังนินทาหมอวีอยู่พอดี”
“นินทาอะไรกันเหรอครับ”
“ก็นินทาว่าหมอวีไม่ยอมไปเป็นอาจารย์ แต่กลับมาทำงานใช้ทุนที่นี่ไงคะ”
 “วีรู้จักน้องเขารึยัง นี่หมอวี เป็นรุ่นพี่หมอออมด้วยนะจบจากศิริราชเหมือนกัน”
“รู้จักกันแล้วครับ หมอออมอยู่ห้องตรงข้ามกับห้องผม”
“อ้าว งั้นเรอะ ดีแล้วล่ะ ทำความรู้จักกันไว้นะ ยังไงก็ต้องร่วมงานด้วยกัน”
“พี่วีรุ่นไหนหรือครับ” ธีทัตหันมาถามอย่างสนใจ
“124 ครับ” ปฐวีบอก
“ผม 127 โอ้โห เราห่างกันตั้ง 9 ปีเลยหรือครับเนี่ย”

ธีทัตสวมเสื้อกาวน์สั้น ในมือถือสเตธ  กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องฉุกเฉิน พยาบาล 2-3 คนหันมามองเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป
“เอ่อ ผมชื่อธีทัตครับ เป็นอินเทิร์นมาใหม่...” ธีทัตแนะนำตัว
“อ้อ หมอออมใช่มั้ยคะ” พยาบาลสาววัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยภาษาไทยสำเนียงทองแดง
“ครับ”
“รู้แล้วค่า พี่ชื่อพิสมัย เรียกพี่ไหมก็ได้ ฮาย ตัวจริงหล่อหวาในรูปหล่าว”
“รูปอะไรเหรอครับ” ธีทัตถามด้วยความงุนงง
“ก็ใบส่งตัวหมอออมไง มันมีรูปอยู่ด้วย พอทุกคนเห็นรูปก็กรี๊ดกันยกใหญ่ โรงพยาบาลเราไม่มีหมอหล่อๆ มานานแล้ว”
“ตั้งแต่หมอวีก็ไม่มีเลยเนอะ” จินตนาพยาบาลรุ่นราวคราวเดียวกับพิสมัยบอก
“เวรดึกวันนี้ก็สบายๆ นะคะหมอ ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรหรอก ถ้าไม่ใช่สงกรานต์หรือปีใหม่จะไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ หมอจะนั่งที่โต๊ะตรงโน้นหรือจะมานั่งกับพี่ก็ได้นะคะ”
ธีทัตหัวเราะเบาๆ เขาเดินไปนั่งโต๊ะตัวนั้นแทนคำตอบ


โรงงานแปรรูปน้ำยางสดบรรยากาศเงียบเหงาเมื่อคนงานและพนักงานกลับกันหมดแล้ว กันยกรยังคงทำงานอยู่ในสำนักงาน กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เป็นยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ชายหนุ่มลุกขึ้นปิดคอมพิวเตอร์ สำรวจความเรียบร้อยก่อนจะปิดไฟและออกจากห้อง เขาแวะทักทายยามที่ทำงานกะดึกเฝ้าโรงงานแล้วจึงเดินไปยังรถคันใหญ่ที่จอดด้านหน้าโรงงาน ระหว่างที่ขับรถออกมาจากโรงงานนั้นกันยกรนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง จึงหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกไปยังบ้านของคนงานคนหนึ่ง
นายเสมกำลังกินข้าวเย็นกับครอบครัว เมื่อเห็นรถของกันยกรเลี้ยวเข้ามาในบ้านเขาก็วางมือจากอาหารก่อนจะออกไปต้อนรับผู้เป็นนาย
“น้าเสมอยู่บ้านมั้ยครับ” กันยกรทักทาย
“ขอโทษที่มาเอาตอนนี้นะน้าเสม”
“นายหัวมีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” เสมถามพลางเลื่อนแก้วน้ำให้กันยกร
 “ผมอยากจะทราบว่ามีใครเปลี่ยนท่อน้ำในสวนผลฝั่งทิศเหนือหรือยังครับ...”
กันยกรหยุดนิดหนึ่งเมื่อลูกชายคนเล็กของนายเสมวัย 7 ขวบเข้ามาเกาะขา ชายหนุ่มลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
“ป๋อง จะไปเล่นที่ไหนก็ไปไป๊ พ่อจะคุยเรื่องงานกับนายหัว” เด็กชายว่าง่ายปล่อยแขนที่เกาะยาวไปเล่นนอกบ้านตามประสาเด็ก
“เอ น่าจะเป็นไอ้ชัยนะครับ ทำไมหรือครับ”
“วันนี้มีคนบอกว่าน้ำยังซึมไปอยู่ พรุ่งนี้ให้คนที่รับผิดชอบฝั่งทิศเหนือมาเบิกเงินค่าท่อพีวีซีด้วยนะครับ”
กันยกรคุยกับนายเสมอยู่นานพอสมควร นายเสมจึงขอตัวไปหยิบบัญชีที่ตัวเองทำไว้ในบ้าน ระหว่างที่นั่งรออยู่นั้นกันยกรมองไปรอบๆ ตัวบ้าน เด็กชายป๋องยังคงเล่นอยู่นอกบ้าน ชายหนุ่มตะโกนบอกให้ระวังสัตว์เลื้อยคลานเพราะเริ่มมืดแล้ว แต่เด็กชายตอบกลับมาว่าไม่ต้องห่วง กันยกรหยิบมือถือขึ้นมาดู พราวพิชชาส่งไลน์มาบอกว่าหลี่อี้จะมาสุราษฎร์วันพรุ่งนี้ ยังไม่ทันจะได้ตอบกลับเสียงร้องของป๋องก็ดังขึ้น กันยกรตกใจ รีบพุ่งไปหาทันที
   “ป๋อง เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ป๋องทำหน้าเหยเก
   “หนูโดนงูกัด หนูเจ็บ” กันยกรเห็นรอยเขี้ยวสองรูบนขาของเด็กชาย มองไปรอบๆ เห็นงูเห่าตัวหนึ่งกำลังเลื้อยหนีเข้าป่า นายเสมเพิ่งจะวิ่งออกมาจากบ้าน
“ป๋องโดนงูกัด เอาผ้าหรือเชือกมาด่วนเลย”
นายเสมวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ไม่นานก็ถือเชือกเส้นหนึ่งติดมือมาด้วย กันยกรรีบรัดเชือกเหนือแผลและขันชะเนาะ เขารีบอุ้มเด็กชายขึ้นรถ
“เสมไปโรงพยาบาลกับผม คอยขันชะเนาะแผลไว้ด้วย”
กันยกรรีบสตาร์ทรถขับออกไปยังโรงพยาบาลทันที โชคทีที่บ้านของเสมไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักและเป็นเวลาใกล้ค่ำรถในตัวเมืองจึงมีไม่มาก ทำให้มาถึงโรงพยาบาลในเวลารวดเร็ว เขาจอดตรงหน้าห้องฉุกเฉินแล้วรีบอุ้มเด็กลงไป
“เด็กถูกงูกัดครับ” กันยกรบอกบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงออกมารอรับ เขารีบก้าวขายาวๆ ตามเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
“อ้าว นายหัว มีใครเป็นอะไรนิ” พิสมัยถามขึ้นเมื่อเห็นกันยกร
“เป็นอะไรครับ” นายแพทย์หนุ่มประจำห้องฉุกเฉินถามขึ้น
“เด็กถูกงูกัดครับหมอ” กันยกรรีบตอบ
“นานหรือยังครับ” แพทย์หนุ่มถามอย่างใจเย็น พลางก้มลงดูแผล
“ประมาณ 10 ไม่สิ 15 นาทีที่แล้ว”
แพทย์หนุ่มได้แต่พยักหน้า เขากระตุกปมเชือกที่รัดเหนือแผลออก กันยกรร้องโวยขึ้นมาทันที
“เฮ้ย หมอเอาเชือกออกทำไม เดี๋ยวพิษก็แล่นเข้าหัวใจหรอก”
“โดนงูอะไรกัดครับ” หมอหนุ่มยังถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เอ่อ...” กันยกรเงียบ กำลังนึกถึงงูตัวที่เลื้อยกลับเข้าในป่า
“น่าจะเป็นงูเห่ามั้งครับ ผมเห็นงูเห่าเลื้อยหนีเข้าป่า”
“คุณยังไม่รู้เลยว่าเด็กโดนงูอะไรกัด การปฐมพยาบาลที่คุณทำมันเป็นวิธีที่ผิด เอาเชือกรัดไว้นานๆ จะทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงที่ขา ถ้านานเข้าเซลล์อาจจะตายทำให้ต้องตัดขา นั่นอันตรายกว่าพิษงูเยอะ”
กันยกรรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าจนชา หน้าแดงไปจนถึงใบหู เขาจ้องหมอหนุ่มคนนี้เขม็ง มันเป็นสายตาที่คนงานต่างบอกต่อกันว่าเป็นสายตาพิฆาตแต่สิ่งที่ได้รับตอบก็คือการมองตากลับโดยไม่ได้เกรงกลัวสายตาของเขาแม้แต่นิดเดียว
“โอเค เตรียมเซรุ่มรวมด้วยนะครับ” ธีทัตหันไปบอกจินตนา
“ส่วนคุณ ญาติคนไข้กรุณาออกไปรอข้างนอกด้วยนะครับ”
“นายหัวรอข้างนอกก่อนนะคะ หมอฉีดเซรุ่มให้แล้วต้องรอดูอาการประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วลูกแกไปทำพรื่อถึงได้โดนงูขบ” ประโยคหลังพิสมัยหันไปถามนายเสมด้วยภาษาถิ่นใต้ขณะเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
กันยกรนั่งรอข้างนอกด้วยความรู้สึกหลากหลายปนกัน อย่างแรกคือเขารู้สึกเสียหน้าและอับอายที่โดนหมอคนนั้นบอกว่าการปฐมพยาบาลของเขาทำผิดวิธี อย่างที่สองคือหมอคนนั้นไม่ได้รู้สึกกลัวสายของเขายามโกรธที่ใครๆ ต่างก็บอกว่ามันดูน่ากลัว ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อคนได้เลย หมอคนนั้นไม่กลัวเขาเลยสักนิด ตาเรียวเล็กใต้แว่นกรอบดำนั่นเสียอีกที่มองกลับมาทำให้เขารู้สึกสะท้าน
“ไหม หมอคนนั้นคือใคร ทำไมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” กันยกรถามพิสมัยเมื่อหล่อนเดินตามออกมาถึงนอกห้องฉุกเฉิน
“อ๋อ เป็นหมอมาใหม่ค่ะ มาทำงานใช้ทุนที่นี่”
“ชื่ออะไร”
“ชื่อ ออ...”
ยังไม่ทันที่พิสมัยจะตอบคำถามของกันยกรก็โดนเรียกกลับเข้าไปยังห้องฉุกเฉินตามเดิม เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องฉุกเฉิน ธีทัตกำลังฉีดเซรุ่มให้กับผู้ป่วย
“พี่ไหมรู้จักพ่อเด็กด้วยเหรอครับ” ธีทัตถามพิสมัยขณะที่ใส่เครื่องช่วยหายใจให้เด็ก
“รู้จักค่ะ พ่อเด็กกรีดยางในสวนของนายหัวกันย์ อ้อ คนที่ตัวสูงๆ ตัวใหญ่ๆ น่ะค่ะ คนนั้นชื่อนายหัวกันย์ เมื่อก่อนพ่อกับแม่พี่ก็กรีดยางให้สวนเค้าเหมือนกัน สมัยที่นายหัวเกียรติพ่อของนายหัวกันย์ยังไม่ตาย พ่อเค้าใจดีมากเลยนะคะ ให้พี่ยืมเงินมาเรียนพยาบาลด้วย” พิสมัยตอบยาวเหยียด
“อ๋อ นายคนนั้นเป็นคนมีอิทธิพลแถวนี้เหรอครับ”
“ใช่ค่ะ แต่แกไม่ใช่มีอิทธิพลแบบนักเลงนะคะ แกมีสวนหลายไร่ค่ะ ทั้งสวนยาง สวนผลไม้ สวนปาล์ม โรงงานน้ำยางทางไปพุนพินก็ของนายหัวนี่แหละค่า อ้อ แกเป็นนายกสมาคมชาวสวนยางด้วยนิ”
“เป็นเยอะจังเลยนะครับ”
พิสมัยไม่เข้าใจน้ำเสียงประชดประชันของธีทัต เธอจึงคุยจ้อเล่าเรื่องต่อไปอีกหลายนาที ทำให้ธีทัตรู้ว่านายหัวที่ชื่อกันยกรคนนี้เป็นลูกชายคนโต ก่อนหน้านี้ไปทำงานที่อื่นซึ่งพิสมัยเองก็ไม่แน่ใจว่าที่ไหน แต่สุดท้ายก็ยอมกลับมาทำสวนต่อหลังจากนายหัวสมเกียรติเสียชีวิต
เวลาผ่านไปจนครบสองชั่วโมง ป๋องไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่นั่นไม่ได้หมายถึงสามารถกลับบ้านได้ ธีทัตเดินมาดูอาการของเด็กชายที่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ สีหน้าดีขึ้นแต่ยังต้องอยู่ในการดูแลของหมอ
“ผมว่าแอดมิดเลยดีกว่า รอดูอาการสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอาการก็ให้กลับบ้านได้” ธีทัตบอกพิสมัย หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย ธีทัตเม้มปากชั่งใจว่าจะไปบอกกันยกรด้วยตัวเองดีหรือจะให้พิสมัยบอกเอง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็นึกถึงจรรยาบรรณของแพทย์ที่แม้จะไม่ชอบหน้าผู้ชายคนนั้นสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
ธีทัตผลักประตูห้องออกมา กันยกรที่นั่งเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นหมอเขาก็รีบลุกขึ้นยืน แววตาที่จ้องเขม็งค่อยคลายลง
 ‘ผู้ชายคนนี้ตัวสูงจัง’ ธีทัตคิดในใจ เขาคิดว่าตัวเองที่สูงถึง 180 ซม.ก็สูงแล้ว แต่ผู้ชายคนนี้ตัวสูงกว่าเขา นั่นแสดงว่าต้องสูงเกือบสองเมตรแน่นอน
“เด็กเป็นยังไงบ้างครับ” กันยกรถามทันทีเมื่อธีทัตออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“ปลอดภัยแล้วครับ ให้เซรุ่มแล้วไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่ผมคงต้องให้อยู่โรงพยาบาลสัก 2 วันเพื่อรอดูอาการ ถ้าไม่แพ้ก็กลับบ้านได้”
“ขอบคุณมากนะครับหมอ” เสมจับมือธีทัต
“ขอบคุณนะครับ” กันยกรบอก
“ใครบอกคุณว่าถ้าถูกงูกัดแล้วต้องรัดเหนือแผล” ธีทัตถาม
“ก็...สมัยเรียนลูกเสือตอนเด็กๆ ไงครับ”
หมอหนุ่มถอนหายใจ
“เฮ้อ ก็สอนกันผิดๆอย่างนี้แหละ คนถึงจำเอามาใช้อย่างผิดๆ วันหลังห้ามทำแบบนี้อีกนะครับ มันอันตราย พวกคุณกลับไปพักก่อนเถอะครับแล้วค่อยมาเยี่ยมเด็กใหม่วันพรุ่งนี้” พูดจบธีทัตก็เดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากันยกรกำลังมองเขาอยู่
‘นพ. ธีทัต ลีพานิชสกุล’ กันยกรทวนชื่อหมอหนุ่มอยู่ในใจด้วยความสนใจ


ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 2 |
«ตอบ #7 เมื่อ29-04-2018 20:28:39 »

มาสั้นจัง  :katai1: อยากอ่านยาวๆนี่นา TT
เขาเจอกันล้าวววว  :hao6: :o8:
หมอออมมมม หมอเพิ่งมาใหม่ไม่ควรไปพูดแบบนั้นกับนายหัวกัยน์หรือใครๆรู้ไหม
ถ้าไม่หล่อแบบนี้เรียกว่าสร้างศัตรูนะ   :a5:
หรือเพราะอีโก้ที่จบเกียรตินิยมเลยทำให้เป็นคนแบบนี้ (ในชีวิตเราเคยเจอกับตัวครั้งนึง หมอหล่อแต่หยิ่ง พูดกวนๆแบบนี้ล่ะ โคตรไม่ชอบเลย)  :mew5:
พี่ไหม...คิดถึงโอปอล์ เรื่องเพื่อนสนิทอ่ะ :m20:

ปล.รุ่น124-127 ห่างกัน 9 ปีนี่ผิดปะครับ  :katai5:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 2 |
«ตอบ #8 เมื่อ29-04-2018 20:37:50 »

ติดตามต่อค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 2 |
«ตอบ #9 เมื่อ30-04-2018 10:42:15 »

 :L2: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 2 |
« ตอบ #9 เมื่อ: 30-04-2018 10:42:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 2 |
«ตอบ #10 เมื่อ30-04-2018 22:39:46 »

มาสั้นจัง  :katai1: อยากอ่านยาวๆนี่นา TT
เขาเจอกันล้าวววว  :hao6: :o8:
หมอออมมมม หมอเพิ่งมาใหม่ไม่ควรไปพูดแบบนั้นกับนายหัวกัยน์หรือใครๆรู้ไหม
ถ้าไม่หล่อแบบนี้เรียกว่าสร้างศัตรูนะ   :a5:
หรือเพราะอีโก้ที่จบเกียรตินิยมเลยทำให้เป็นคนแบบนี้ (ในชีวิตเราเคยเจอกับตัวครั้งนึง หมอหล่อแต่หยิ่ง พูดกวนๆแบบนี้ล่ะ โคตรไม่ชอบเลย)  :mew5:
พี่ไหม...คิดถึงโอปอล์ เรื่องเพื่อนสนิทอ่ะ :m20:


ปล.รุ่น124-127 ห่างกัน 9 ปีนี่ผิดปะครับ  :katai5:

- หมอออมนางมีอีโก้ค่ะ แต่นิดเดียวเท่านั้นแหละค่ะ นางจะออกแนวรำคาญนายหัวกันย์มากกว่าที่ปฐมพยาบาลแบบผิดๆ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ ส่วนอีตานายหัวนี่รู้สึกเสียหน้ามากกว่าค่ะ ปกตินางจะเป็นผู้นำมีแต่คนเกรงใจตลอด มาเจอหมอหน้าอ่อนแหกหน้าเข้าใจ รู้สึกเจ็บใจนิดๆ  :angry2:
- ใช่ค่ะ หมอออมกับหมอวีห่างกัน 9 ปีค่ะ หมอออมอายุ 23 หมอวีอายุ 32  o13

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 3 |
«ตอบ #11 เมื่อ30-04-2018 22:47:32 »

ตอนที่ 3

   กันยกรขับรถออกจากโรงพยาบาลกลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบเที่ยงคืน ป๋องยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลคงใช้เวลา 2-3 วันกว่าจะกลับบ้านได้ ร่างบางของพราวพิชชาตรงมายังโรงจอดทันทีที่เขาดับเครื่องยนต์สนิท
   “พี่กันย์หายไปไหนมา กลับดึกเอาป่านนี้ พราวไลน์ไปก็ไม่ยอมตอบ” หล่อนชักสีหน้าบึ้งนิดหนึ่ง
   “พี่ไปบ้านน้าเสมมา ที่ไม่ได้ตอบไลน์เพราะกำลังยุ่ง ป๋องโดนงูกัดพี่เลยพาไปโรงพยาบาล”
   “อ้าว” หญิงสาวหน้าเจื่อนลงนิดหนึ่งเมื่อได้รู้ความจริง “แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ”
   “ปลอดภัยแล้วล่ะ แต่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่ารอดูอาการสักวันสองวัน” กันยกรบอก พลางนึกถึงหมอหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง สวมแว่นกรอบดำใบหน้าอ่อนเยาว์
   “พี่กันย์ยังไม่ได้กินข้าวเย็นนี่นา หิวมั้ยคะ เดี๋ยวพราวยกมาให้” พราวพิชชาเอ่ยอย่างเอาใจ กันยกรเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้กินข้าวเย็น จึงพยักหน้าแล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหาร
   “เอามาเลยละกัน พี่หิวแล้ว”
ร่างบางเล็กหายไปในครัวขณะหนึ่งก็กลับมาพร้อมสำรับอาหารเย็นลงบนโต๊ะอาหาร กันยกรตักข้าวสวยร้อนๆ และฟักทองผัดไข่เข้าปากอย่างหิวโหย
“พรุ่งนี้หลี่อี้จะมาเมืองไทยค่ะ” พราวพิชชาบอกกันยกรด้วยน้ำเสียงเง้างอน
“ก็ดีแล้วนี่นา มีปัญหาอะไรก็คุยกันให้เข้าใจ พราวจะหนีปัญหาตลอดไปไม่ได้หรอกนะ”
“พราวเบื่อนี่นา หลี่อี้เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญที่สุดในโลก อยากจะหนีมาอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตให้มันรู้แล้วรู้รอด” เธอนึกถึงความน่ารำคาญของสามีที่จะต้องพบเจอในวันรุ่งขึ้น
“มาอยู่บ้านพี่ ไม่กลัวพี่หน้ามืดเผลอปล้ำเอารึไง” กันยกรพูดติดตลก
พราวพิชชาหัวเราะร่วน แต่แล้วก็แอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอมองชายหนุ่มที่กำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยฝั่งตรงข้าม หากสามารถขอพรได้เพียงข้อเดียวพราวพิชชาอยากจะขอพรให้กันยกรรักเธอ แต่มันก็เท่านั้นในเมื่อเธอรู้ดีว่ากันยกรเป็น ‘แบบ’ ไหน และคิดกับเธอเพียงแค่น้องสาวเท่านั้น
“พี่อิ่มแล้วล่ะ พราวขึ้นไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการทั้งหมดเอง” กันยกรรวบช้อนส้อม พลางเก็บจานชามที่ว่างเปล่าด้วยตัวเอง
“อย่านอนดึกนักนะคะ พรุ่งนี้พี่ต้องตื่นแต่เช้าอีก”
พราวพิชชากลับขึ้นไปยังห้องนอนของเธอ เมื่อร่างบางลับตาไปแล้วชายหนุ่มร่างสูงล่ำสันก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดไปที่แอพลิเคชั่นกูเกิลแล้วพิมพ์ชื่อ ธีทัต ลีพานิชสกุล ยังคงคิดอยู่ในหัวสมองของเขา ผลลัพธ์ที่ขึ้นมาทำให้กันยกรถึงกับนิ่งอึ้ง เพราะสิ่งที่ปรากฏขึ้นมานั้นเป็นข่าวที่เกี่ยวกับการศึกษาของธีทัตทั้งสิ้น

‘เด็กเตรียมฯ เจ๋ง คว้าเหรียญทองชีวะโอลิมปิก ธีทัตนำทีมเด็กเตรียมคว้าเหรียญทองโอลิมปิกวิชาการ...’
‘สุดเจ๋ง!! มารู้จักกับ ธีทัต ลีพานิชสกุล ที่ 1 กสพท.’
‘ธีทัต ลีพานิชสกุล นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 5 คว้าที่ 1 งานประกวดวิจัยสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์’
‘ออม-ธีทัต เผยเคล็ดลับสอบติดแพทย์อันดับ 1 ของประเทศไทย’


กันยกรเลือกเข้าไปอ่านข่าวหนึ่ง เป็นข่าวเกี่ยวกับการศึกษาที่สัมภาษณ์ธีทัตสมัยยังเป็นนักเรียนมัธยม 6 เด็กหนุ่มใบหน้าขาวผ่องในวัยนั้นตัดผมรองทรงสูง ดวงตาเรียวเล็กอยู่ใต้แว่นกรอบกระยังคงส่องประกายในแบบที่กันยกรคิดว่านี่คือความหยิ่งจองหอง กันยกรค่อยๆ อ่านข่าวทีละบรรทัดจนจบ

ประกาศกันไปแล้วสำหรับคะแนน กสพท  ประจำปี 2554 วันนี้เราได้คิวสัมภาษณ์ น้องออม-ธีทัต ลีพานิชสกุล เจ้าของคะแนนสูงสุดอันดับ 1 ในการสอบกสพท. โดยมีสถิติคะแนนถึง 90.53 ทำลายสถิติคะแนนกสพท.ในรอบ 13 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย น้องออมจบจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสายวิทย์-คุณภาพชีวิต เกรดเฉลี่ยถึง 3.9 เลยทีเดียว และยังเคยได้เหรียญทองจากชีวะโอลิมปิกอีกด้วย ว้าว! เก่งมากเลยใช่ม้า เอาล่ะ อย่ารอช้าเลย ไปฟังเคล็ดลับเรียนเก่งจากน้องออมกันเถอะ!!
ความรู้สึกหลังจากที่รู้คะแนนเป็นยังไงบ้างคะ ?
•   รู้สึกดีใจครับ เพราะผมคิดว่าผมเตรียมตัวมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่พอรู้ว่าได้คะแนนอันดับ 1 ก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยครับ
น้องออมรู้ตัวว่าอยากเป็นหมอตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ครอบครัวมีส่วนไหม?
•   ตั้งแต่คุณปู่ป่วยครับ ตอนนั้นผมอยู่ม. 3 ตอนแรกตั้งใจว่าโตขึ้นอยากจะเรียนบริหารเหมือนพี่ชาย เพื่อที่จะได้มาช่วยกิจการของครอบครัว แต่พออยู่ในเหตุการณ์ที่คุณปู่จากเราไปต่อหน้าต่อตา ก็เปลี่ยนความคิดตั้งแต่นั้นมาก อยากจะเป็นหมอรักษาคนไข้ ผมมีความฝันอยากจะเปิดคลินิกเพื่อการกุศลด้วยครับ แต่แค่คิดนะครับ (หัวเราะ)
หลังจากรู้ตัวเองแล้ว น้องออมเตรียมตัวตั้งแต่ตอนไหน และเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ?
•   ผมเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ม.3 เลยครับ พอรู้ว่าอยากจะเรียนหมอก็เตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมสายวิทย์ ผมตั้งใจเลือกสายวิทย์คุณภาพชีวิตอยู่แล้วครับ
ตารางการอ่านหนังสือของน้องออมเป็นแบบไหนคะ?
•   ผมเน้นอ่านทุกวันครับ ทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในแต่ละวัน จะอ่านวิชาละ 2 ชั่วโมงครับ อันนี้สำคัญมากครับ อาจจะเบื่อบ้างแต่ก็ต้องอ่านทุกวัน
การเลือก 4 อันดับในกสพท.*มีอะไรบ้างคะ?
       - อันดับที่1คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  อันดับที่ 2 คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี อันดับที่ 3 คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล และอันดับที่4 สถาบันแพทยศาสตร์ครับ ผมเลือกมหาวิทยาลัย M หมดเลย เพราะมีชื่อเสียงทางด้านแพทยศาสตร์อยู่แล้ว อีกอย่างผมเคยอ่านวิจัยของมหาวิทยาลัย M แล้วรู้สึกชอบ อยากเขียนงานวิจัยได้เก่ง ๆ แบบนี้บ้าง เลยเลือกมหาวิทยาลัย M หมดเลย…


    กันยกรอ่านไม่ทันจบก็ปิดมือถือแล้วขมวดคิ้วมุ่น พลางคิดในใจ ‘คนห่าอะไรจะเก่งขนาดนี้วะ’ พลางก็นึกถึงสายตาว่างเปล่าที่มองมายังตนเองแล้วรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกไปก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ เพราะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนขึ้นมาเสียดื้อๆ
   “ฮ้าด เช้ยยย” ธีทัตจามเสียงดัง โชคดีที่ออกเวรและกลับมายังห้องพักแล้ว เขายกนิ้วขึ้นขยี้จมูกนิดหนึ่ง ‘หรือว่าจะติดหวัดจากโรงพยาบาลแฮะ’ ธีทัตตัดความคิดนี้ออกไปเพราะเขาเป็นคนที่ล้างมือทุกครั้งหลังตรวจ และหมั่นใช้แอลกอฮอล์ล้างมือเสมอ ร่างสูงโปร่งเดินตรงไปยังห้องครัว เปิดตู้เย็นแล้วหยิบอาหารแช่แข็งที่ตัวเองซื้อตุนมาไว้เข้าไมโครเวฟ ส่วนตัวเองก็ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดโยนลงตะกร้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่อายใคร เพราะอยู่ในห้องส่วนตัว
   น้ำอุ่นจากฝักบัวคอยไล่ความเหนื่อยล้าออกไปเกือบหมด พลันใบหน้าคมเข้มของผู้ชายร่างสูงล่ำสันก็เข้ามาในสมอง ธีทัตลืมตาขึ้นทันที อมยิ้มนิดหนึ่งเมื่อนึกถึงสีหน้าที่ถอดสีของชายคนนั้นเมื่อเขาบอกว่าผู้ชายคนนั้นทำการปฐมพยาบาลผิดวิธี ธีทัตรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง และไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครเป็นอันขาด ชายหนุ่มรู้สึกสะใจนิดๆ ที่ได้ฉีกหน้ากันยกรต่อหน้าพยาบาลหลายคน หลังจากอาบน้ำเสร็จธีทัตแต่งตัวด้วยเสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงขาสั้น กำลังจะกินข้าวกล่อง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ชายหนุ่มชะงักช้อนในมือก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู ปฐวียิ้มให้อย่างอ่อนโยน พลางยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้
   “พี่ซื้อโจ๊กมาฝาก เจ้านี้อร่อยที่สุดในตลาดแล้วล่ะ เวรดึกเป็นไงบ้าง”
   “ไม่แย่เท่าไหร่ครับ เว้นแต่...” ธีทัตเว้นวรรคนิดหนึ่ง นึกถึงชายหนุ่มร่างสูงล่ำสัน ใบหน้าคมกรำแดดมีไรหนวดขึ้นมาทันที แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่พูดออกไป
“เว้นแต่อะไร” ปฐวีถาม
“อ้อ เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ ขอบคุณสำหรับโจ๊กนะครับ ผมจะเก็บไว้กินพรุ่งนี้เช้า”
“กินซะเลยสิ เก็บไว้ค้างคืนไม่อร่อยนะ”
“ผมอุ่นข้าวแล้วน่ะครับ ผมหิวมากอยากกินข้าวให้หนักท้องมากกว่า โจ๊กนี่ผมเก็บไว้กินตอนเช้าดีกว่าครับ”
“อ้าว งั้นเหรอ พี่ไปนอนก่อนนะ เจอกันพรุ่ง” ปฐวีส่งยิ้มให้นึกโกรธตัวเองที่น่าจะชวนคุยให้มากกว่านี้
**************************************************************************************************
กันยกรลงบันไดมาจากชั้นสองเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารเช้า พราวพิชชากำลังกินอาหารเช้าอยู่ หญิงสาวส่งยิ้มกว้างเมื่อชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามเธอ
“วันนี้มีอะไรกินบ้างเนี่ย” กันยกรถาม พลางมองอาหารที่ตั้งอยู่เต็มโต๊ะ เขาเดาว่าพราวพิชชาออกไปซื้อมาจากตลาดในตอนเช้า
“ข้าวเหนียวไก่ทอด ข้าวหมกไก่ ข้าวยำ โจ๊ก อ้อ มีปาท่องโก๋ ชาร้อน กาแฟร้อนด้วย พี่กันย์อยากกินอะไรคะ”
“โอ้โห ทำไมซื้อเยอะมาขนาดนี้ จะกินหมดรึเปล่าเนี่ย”
“พราวอยากกินนี่คะ ไม่ได้กินตั้งนานแล้ว ที่สิงคโปร์ไม่มีอะไรพวกนี้ให้กินหรอกค่ะ”
กันยกรหยิบห่อข้าวหมกไก่มาแกะใส่จาน ข้าวหมกสีเหลืองนวลพร้อมด้วยน่องไก่ชิ้นใหญ่ โรยหน้าด้วยหอมเจียวหอมกรุ่น พราวพิชชาเลื่อนถ้วยซุปไก่ร้อน ๆ มาให้เขา
“พราวซื้อซุปไก่มาด้วย จะได้ซดคล่องคอ”
กันยกรซดน้ำซุปกลมกล่อมลงคอ พราวพิชชาช่างสรรหาอาหารอร่อยได้ถูกใจเขาจริง ๆ แวบนึงเขานึกอิจฉาหลี่อี้ที่ได้ภรรยาช่างเอาอกเอาใจอย่างพราวพิชชา กานดาเดินลงมาจากชั้นสองกันยกรขมวดคิ้วนิดหนึ่ง
“เอ๊ะ แม่แต่งตัวจะออกไปไหนเหรอครับ”
“แม่มีนัดหมอไง อย่าบอกนะว่ากันย์ลืมไปแล้ว”
“เออ ผมลืมจริง ๆ ด้วยครับ” กันยกรเกาหัว “งั้นเดี๋ยวผมจะให้สันต์เข้าไปที่โรงงานแทนละกันครับ แม่กินข้าวก่อนสิครับ”
“ไม่ได้ แม่มีนัดหมอเบาหวาน หมอให้อดข้าวอดน้ำแล้วเจาะเลือดไง กันย์นี่ยังไงกันนะขี้ลืมจริงๆ”
“พราวขอไปด้วยนะคะ ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว”
“งั้นก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดหน่อย” กันยกรมองหญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น พราวพิชชาตะเบ๊ะรับคำก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของตัวเอง

ร่างสูงโปร่งในเสื้อกาวน์สั้นก้าวขาฉับๆ ด้วยความรวดเร็ว ธีทัตเพิ่งราวด์วอร์ด**  อายุรกรรมเสร็จแล้วกำลังจะไปยังหอผู้ป่วยนอก เขาเดินสวนกับพิสมัยที่หน้าแผนกอายุรกรรม หล่อนทักเขาด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นเคย
“วันนี้หมอออมออกโอพีดี*** แทนหมอปิงน่อ”
“ครับ” ธีทัตตอบสั้นๆ แล้วเดินไปล้างมือก่อนจะเข้าไปประจำที่โต๊ะในห้อง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนทำงาน หน้าจอแจ้งเตือนข้อความไลน์ ‘สู้ๆนะคะ หมอออมลูกรักของแม่’ ผู้ที่ส่งมาคือจารวี มารดาบังเกิดเกล้าของเขานั่นเอง ธีทัตอยากจะพิมพ์ตอบกลับยาวๆ แต่ก็ทำได้เพียงตอบแค่ว่า ครับผม เท่านั้น ชีวิตการทำงานเป็นหมอเต็มตัวทำให้ธีทัตสูญเสียเวลาส่วนตัวไปอย่างมาก แต่เขาก็เต็มใจเพราะเป็นหนทางที่เขาเลือกไว้แล้ว
“หมอออมคะ อันนี้แฟ้มคนไข้ค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งหอบแฟ้มคนไข้ปึกใหญ่เข้ามาให้เขา ชายหนุ่มพยักหน้า หยิบแฟ้มที่อยู่บนสุดขึ้นมาดู นางกานดา ธรรมสรณ์ เขาเปิดแฟ้มอ่านคร่าวๆ
“คุณกานดาค่ะ” เขาได้ยินพยาบาลหน้าห้องเรียกชื่อผู้ป่วย สักครู่หนึ่งประตูก็ถูกเปิดออก
หญิงวัยกลางคนปลายๆ คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง หล่อนยกมือไหว้ธีทัต ชายหนุ่มรับไหว้ตอบแล้วจึงผายมือให้หล่อน
“เชิญนั่งครับ”
คนไข้ที่ชื่อกานดายังไม่ทันจะนั่งลงตรงข้าม ก็มีร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินตามหล่อนเข้ามา ธีทัตจำหน้าเขาได้ทัน ผู้ชายตัวสูง ล่ำสัน ใบหน้าคมคาย ไรหนวดเขียวครึ้มขึ้นรอบริมฝีปากและคาง...คนที่เขาเจอเมื่อคืนนี้ ธีทัตมองเห็นความตกใจในแววตาของเขาแวบนึง แค่แวบนึงจริง ๆ สายตาคมก็กลับเป็นปกติ ชายหนุ่มร่างสูงยังไม่ทันปิดประตูก็มีหญิงสาวอีกคนเดินตามหลังเขามา หญิงสาวผิวขาวนวล ร่างเล็กบาง เธอยกมือไหว้หมอหนุ่มแล้วยิ้มให้เขา
‘นี่แห่กันมาทั้งบ้านเลยรึไงเนี่ย’ ธีทัตคิดในใจ
คนไข้นั่งลงตรงข้ามธีทัต หล่อนเอ่ยขึ้นก่อนอย่างเกรงใจ “ขออนุญาตให้ลูกชายเข้ามาด้วยนะคะ เขาอยากรู้ว่าป้าเป็นอะไรบ้าง”
“อ้อครับ ไม่มีปัญหาครับ” ธีทัตบอก พยายามไม่หันไปมองหน้าผู้ชายร่างสูงที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง เคียงข้างกับหญิงสาว ธีทัตคาดเดาว่าทั้งสองน่าจะเป็นคู่รักกัน
“วันนี้คุณหมอวัชรพรติดธุระนะครับ ผมก็เลยมาแทน เอาละครับ อืม...คุณป้าเจาะเลือดมาแล้วใช่มั้ยครับ ผมขอดูผลเลือดก่อนนะครับ” แพทย์หนุ่มพลิกไปดูกระดาษใบหนึ่งที่แนบไว้หน้าปกแฟ้ม
“ผลเลือดอยู่ในเกณฑ์ดีนะครับ แต่คุณป้าต้องลดอาหารรสจัดลงหน่อย อ้อ มีโรคความดันด้วยเหรอครับ ยาหมดหรือยังครับ ผมจะได้จ่ายยาให้ทีเดียวเลย” ธีทัตขยับเข้าใกล้กานดา ทาบสเตธบนอกด้านซ้าย
“ใกล้จะหมดแล้วค่ะ เอ...คุณหมอชื่ออะไร ป้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย” กานดาถาม นึกเอ็นดูในความน่ารัก มีน้ำใจของหมอหนุ่มคนนี้
“เอ่อ...ธีทัตครับ” ธีทัตตอบ เขาสัมผัสได้ว่าผู้ชายร่างสูงกำลังจ้องมองเขาอยู่
“ชื่อเล่นละคะ” กานดาถามอีก
“ออมครับ”
“อ้อ หมอออม” กานดายิ้มให้ธีทัตอย่างเอ็นดู
“อายุเท่าไหร่คะเนี่ย หน้าตาเด๊กเด็ก เรียนจบแล้วหรือคะ” พราวพิชชาถามแทรกขึ้นมา
 “ผมจะจัดยาให้คุณป้าหนึ่งอาทิตย์นะครับ อาทิตย์หน้ามาพบหมออีกครั้งนะครับ” ธีทัตจรดนิ้วลงบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ
“เรียบร้อยนะครับ เอาแฟ้มนี่ไปยื่นให้พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์นะครับ”
มือใหญ่หนายื่นเข้ามารับแฟ้ม มือขาวรีบชักกลับทันที เขาตีหน้าเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ขอบคุณนะครับ” กันยกรบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แฝงอะไรบางอย่าง
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ” หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังยกมือไหว้แล้วยิ้มกว้างอวดฟันขาวให้เขา ธีทัตยิ้มตอบ กันยกรมองท่าทีของทั้งคู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาจึงตัดบทด้วยการเลื่อนบานประตูออกทันที
เมื่อทั้งคนไข้และญาติคนไข้ออกไปหมดแล้ว ธีทัตพ่นลมหายใจเบา ๆ  อย่างนึกรำคาญ แววตาของนายหัวจ้องมองเขาเหมือนจะจับผิด
‘นี่คงคิดว่าเราคิดอะไรกับเมียตัวเองแน่ๆ น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นแฮะ หน้าตาก็ดีไม่น่ามาเป็นเมียไอ้นายหัวคนนี้เล้ย’

   “นี่พราว เมื่อกี้พี่เห็นนะว่าส่งยิ้มให้ไอ้หมอคนนั้นน่ะ” กันยกรกระซิบเสียงเบากับพราวพิชชาขณะที่กำลังรอรับยา
   “หมอเค้าน่ารักดีนะคะ หน้าเด๊กเด็ก น่าจะยังไม่ถึง 25” พราวพิชชากระซิบตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง
   “แต่เรามีสามีแล้วนะ อย่าลืมสิ”
   “ฮ่าๆ ไม่แน่นะคะ พราวอาจจะเปลี่ยนใจมาชอบคนที่เด็กกว่าก็ได้ค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงแล้วหัวเราะคิกคัก

*************************************************************************************
หมายเหตุ
*กสพท. คือ กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย
**ราวน์วอร์ด (Roundward) คือ การตรวจคนไข้ในหอผู้ป่วยใน โดยเดินดูทีละเตียง ส่วนใหญ่หมอจะเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า
***โอพีดี (OPD) คือ การตรวจคนไข้ในหอผู้ป่วยนอก

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 2 |
«ตอบ #12 เมื่อ30-04-2018 22:50:14 »

ติดตามต่อค่ะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตาม  :mew1:

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 1 |
«ตอบ #13 เมื่อ30-04-2018 22:50:57 »

o13

ขอบคุณนะคะที่ติดตาม  :mew1:

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 2 |
«ตอบ #14 เมื่อ30-04-2018 22:52:19 »

:L2: :pig4:

ขอบคุณนะคะที่ติดตาม  :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 3 |
«ตอบ #15 เมื่อ30-04-2018 23:19:02 »

คนไม่ชอบกัน อะไรก็ดูลบไปหมดเลย

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 3 |
«ตอบ #16 เมื่อ02-05-2018 15:10:54 »

คนไม่ชอบกัน อะไรก็ดูลบไปหมดเลย

 :L2: :pig4:

ขอบคุณค่ะที่ติดตาม รอดูต่อไปนะคะว่าจะชอบกันตอนไหน :mew4:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 3 |
«ตอบ #17 เมื่อ04-05-2018 09:10:57 »

เดี๋ยววันนี้มาเม้นตอนที่3ให้นะครับ  :mew3: :katai3:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 3 |
«ตอบ #18 เมื่อ04-05-2018 09:35:21 »

ติดตามต่อค่ะ

อยากรู้จะเริ่มชอบกันยังไง

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 3 |
«ตอบ #19 เมื่อ04-05-2018 19:46:47 »

เดี๋ยววันนี้มาเม้นตอนที่3ให้นะครับ  :mew3: :katai3:

ขอบคุณนะคะที่ติดตาม จะรออ่านคอมเม้นต์นะคะ  o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 3 |
« ตอบ #19 เมื่อ: 04-05-2018 19:46:47 »





ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 3 |
«ตอบ #20 เมื่อ04-05-2018 20:03:54 »

หมั่นไส้ความเย่อหยิ่ง ความขี้เก็กของหมอออมอ่ะ  :katai1: ถ้าฉันเป็นนายหัวกันย์ฉันไม่มีทางสนใจนายหรอก รู้เอาไว้ด้วย 555 คนอ่านอิน  :sad4:
แพรว...รู้ว่านายหัวกันย์เป็นเกย์ถูกมั้ย เลยชักอยากจะรู้เลยว่ารู้ได้ยังไง รีบมาเฉลยนะครับคุณคนเขียน  :katai1:
ตอนแรกจะบอกว่าผัดฟักทองของโปรดเราเลยยย แต่พออ่านลงมาเรื่อยๆ อ้าวทั้งข้าวหมกไก่ ข้าวยำ น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ โจ๊ก นี่ของโปรดเราทั้งนั้นนี่นา หิวเลยยย  :ling1: :katai5:
โอมม ตอนที่ 4 จงมา  :katai4: :hao3: :call:

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my Law of Attraction | ตอนที่ 4 |
«ตอบ #21 เมื่อ04-05-2018 21:16:20 »

ตอนที่ 4

ทันทีที่รถเรนจ์โรเวอร์สีดำเขรอะไปด้วยฝุ่นโคลนขับไปตามถนนโรยกรวดที่ทอดไปยังตัวบ้านสองชั้นหลังใหญ่ เห็นได้ชัดเจนว่าบางส่วนของตัวบ้านถูกต่อเติมใหม่ ผู้ออกแบบสามารถทำให้ตัวบ้านเก่าเข้ากับส่วนใหม่ที่ต่อเติมได้อย่างเข้ากันดี กันยกรขับรถตรงไปยังโรงจอดรถที่อยู่ห่างตัวบ้าน ยังไม่ทันที่รถจะจอดสนิท ชายหนุ่มคนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากตัวบ้าน คิ้วเข้มที่พาดเฉียงขมวดมุ่นจนเป็นปม เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน สอดชายเสื้อไว้ในกางเกงยีนส์เนื้อดี ทรงผมที่จัดแต่งไว้เป็นทรงอย่างดีเริ่มยับยู่ยี่ กันยกรเดาว่าเขาคงขยี้หัวด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าขาวใสตามแบบคนเชื้อสายจีนเริ่มแดงไปจนถึงใบหู ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอากาศร้อนหรือเพราะความโกรธกันแน่
มิสเตอร์ แบรนดอน ฟางอี้ หลี่ หรือที่พราวพิชชาชอบเรียกสั้นๆว่า หลี่อี้ ทายาทตระกูลหลี่เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ร่ำรวยที่สุดในเกาะสิงคโปร์ มิสเตอร์ โรเบิร์ต ชี เซียง หลี่ บิดาของหลี่อี้เป็นนักธุรกิจที่นอกจากจะเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาฯ ในสิงคโปร์แล้ว ตระกูลหลี่ยังลงทุนในธุรกิจอื่นๆ บนเกาะฮ่องกง และไต้หวัน จนติดอันดับ 1 ใน 50 ตระกูลมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย
 “ทำไมไม่บอกไอก่อนว่ายูจะกลับมาเมืองไทย รู้ไหมว่าทุกคนตามหากันให้ทั่ว ไอเกือบจะไปแจ้งความแล้วด้วย” ชายหนุ่มพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงบริทิชรัวเร็วทันทีที่พราวพิชชาลงมาจากรถ แต่หญิงสาวได้แต่ทำสีหน้าเมินเฉยให้สามี
“เราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะ” หลี่อี้เลิกคิ้ว ลืมตัวไปว่าตอนนี้เขาอยู่ในบ้านของกันยกร เจ้าของบ้านว่าอย่างไรเขาต้องว่าตาม พราวพิชชาเดินเชิดหน้าผ่านสามีของตัวเองไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง กันยกรถอนหายใจเบาๆ
เมื่อน้ำใบเตยเย็นกลิ่นหอมถูกเสิร์ฟตรงหน้า หลี่อี้ก็ยกขึ้นดื่มด้วยความกระหาย รสหวานหอมของน้ำใบเตยทำให้อารมณ์ร้อนของชายหนุ่มลดลง เขาหันมายิ้มให้กานดาเป็นเชิงขอบคุณ
 “ถ้าชอบก็เอาอีกแก้วก็ได้นะ ป้าทำไว้เยอะเลย พราวถามคุณหลี่สิว่าหิวหรือยัง ป้าจะให้เด็ก ๆ เตรียมอาหารเที่ยงไว้ให้” กานดาถาม ทำเป็นไม่สนใจในอารมณ์ขุ่นมัวของหนุ่มสาวทั้งสอง เรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องปกติของคนที่เป็นสามีภรรยากัน ในวัยสาวหล่อนเองก็มีเรื่องขัดใจกับก่อเกียรติบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งก็จบลงด้วยดีเสมอ
“เอาล่ะ เรามาคุยกันแบบผู้ใหญ่กันเถอะ” กันยกรเริ่มต้นพูดกับหนุ่มสาวทั้งคู่ด้วยภาษาอังกฤษ
“เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“เมื่อวันก่อนไอไปทำงานตามปกติ พอกลับมาถึงบ้านแม่บ้านก็บอกว่าพราวออกไปข้างนอก ตั้งนานยังไม่กลับมา พอโทรไปหาก็ไม่ติด นึกว่าโดนลักพาตัวไปเสียแล้ว ถ้ายูจะมาเมืองไทยก็น่าจะบอกกันสักนิด”
“ไอมาเมืองไทยก็เพราะว่าเบื่อ ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ บอกแล้วไงว่าจะหางานทำยูก็ไม่ยอม ยูออกไปทำงานทุกวันไม่เคยสนใจไอเลย ยูทิ้งให้ไออยู่บ้านคนเดียวทุกวัน รู้ไหมว่าบ้านยูมันน่าเบื่อขนาดไหน”
“ยูไม่ได้อยู่บ้านคนเดียวซะหน่อย ในบ้านเรามีแม่บ้านตั้งหลายคน” หลี่อี้เถียงกลับ พลางสบตากันยกรราวกับจะขอความช่วยเหลือ แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือความเงียบ
กันยกรนวดขมับเบาๆ รู้สึกคิดผิดที่ตัดสินใจมาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้คนที่เอาแต่ใจทั้งสองคน คนหนึ่งก็เป็นลูกสาวคนเดียว อีกคนถึงแม้จะไม่ใช่ลูกคนเดียว หลี่อี้มีพี่สาวและน้องสาวสามคน ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียว ทำให้เขาถูกเลี้ยงดูมาด้วยการโดนใจอยู่ตลอดเวลา
 “ยูตามไอมาถึงเมืองไทยแบบนี้ แล้วใครจะทำงานล่ะ งานของยูมันสำคัญมากไม่ใช่เหรอไง” พราวพิชชาพูดด้วยน้ำเสียงประชด
“ช่างมันเถอะ ไอมาตามง้อยูไง กลับไปสิงคโปร์กับไอเถอะนะ ไอคิดถึงยูจริงๆ” หลี่อี้อ้อนวอน เขาเอื้อมมือมาจะกุมมือบาง แต่พราวพิชชารู้ทัน เธอชักมือกลับก่อนที่จะเอื้อมถึง
“ไม่กลับ ยูกลับไปก่อนเถอะ”
 “ไม่!! ไอจะอยู่ที่นี่จนกว่ายูจะกลับบ้านไปพร้อมกับไอ” ชายหนุ่มประกาศกร้าว พราวพิชชาเบะปาก เพราะเธอรู้จักนิสัยหลี่อี้ดี เขาเป็นคนหนุ่มที่ทุ่มเทให้กับการบริหารธุรกิจมาก จนลืมไปว่าภรรยาของเขาเองก็ต้องการความรักความเอาใจใส่เช่นกัน หากให้เลือกระหว่างภรรยากับงานพราวพิชชามั่นใจว่าหลี่อี้ต้องเลือกงานก่อนเป็นอันดับแรก
 “คืนนี้ไอจะนอนกับป้าดา ถ้ายูจะอยู่ที่นี่ก็นอนห้องพี่กันย์ก็แล้วกัน”
“ว้อท?...อะไรนะ?”
หลี่อี้เสียงสูงเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งตรงหัวโต๊ะ เขานึกถึงเมื่อ 2 ปีก่อน...พราวพิชชาแนะนำให้หลี่อี้รู้จักกับกันยกรเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มร่างสูงล่ำสัน เขาสูงเกือบสองเมตร เวลายิ้มจะเห็นฟันขาวตัดกับผิวสีแทนกร้านแดด น้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้ภาษาอังกฤษสำเนียงออสซี่ของเขาฟังดูไพเราะยิ่งขึ้น พราวพิชชาเองก็ดูจะมีความสุขเมื่อพูดคุยกับผู้ชายที่เธอนับถือราวกับเป็นพี่น้องคนนี้ จนหลี่อี้นึกสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างแฟนสาวของเขากับชายหนุ่มคนนี้
“พี่กันย์คนนี้คิดอะไรกับยูรึเปล่า ทำไมเขาถึงแทคแคร์ยูดีเหลือเกิน”
พราวพิชชาหัวเราะร่วน “ยูจะบ้าเหรอ พี่กันย์เนี่ยนะ ฮ่าๆๆ เป็นไปไม่ได้หรอก”
“ทำไม?”
หลี่อี้ถามกลับด้วยความสงสัย ก็แฟนสาวของเขาออกจะสวยน่ารักขนาดนี้
“พี่กันย์เค้าชอบผู้หญิงซะที่ไหนเล่า”
“วาเลาเอ!!*  เป็นไปไม่ได้ ยูจะบอกว่า...เขาชอบผู้ชายอย่างนั้นเหรอ” หลี่อี้แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ก็ทำนองนั้นแหละ”

หลี่อี้ออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมจนหมาด เจ้าของห้องที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นกำลังขนย้ายเครื่องนอนชุดหนึ่งไปยังโซฟาเบดตัวใหญ่ที่อยู่มุมหนึ่งของห้อง
“คืนนี้ยูนอนบนเตียงก็แล้วกัน เดี๋ยวไอนอนบนโซฟาเอง” กันยกรบอก
“โอ้ โนๆ ยูนอนบนเตียงเถอะ ยูเป็นเจ้าของห้อง ไอนอนบนโซฟาได้”
“งั้นก็ตามใจ”
กันยกรเปิดตู้เย็นขนาดกลาง หยิบเบียร์ขวดเล็กออกมาเปิดฝาขวด แล้วหันมาบอกแขก
“ไอจะออกไปนั่งเล่นข้างนอก ในตู้เย็นมีเบียร์นะ ดื่มได้ตามสบายเลย” ร่างสูงบึกบึนนั้นเปิดประตูมุ้งลวดอย่างเบามือ ออกไปยังระเบียงกว้างด้านนอก หลี่อี้ถือวิสาสะเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์สิงห์ขวดหนึ่งแล้วเดินตามออกไป กันยกรจุดขดยาไล่ยุงแล้วเอนหลังบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง หลี่อี้ร้องว้าวเมื่อเห็นดาวระยับบนท้องฟ้ามืดสนิท พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป
“ยูรู้ไหมว่าที่สิงคโปร์ไม่มีดาวเลย” หลี่อี้บอกหลังจากถ่ายรูปเสร็จ เขายกเบียร์ขึ้นดื่ม
“อย่าบอกพราวนะว่าไอกินเบียร์ ไม่งั้นโดนด่าแน่เลย อิจฉายูจังได้กินเบียร์ทุกวัน”
“อิจฉายูมากกว่า ยูโชคดีนะที่ได้พราวเป็นเมีย พราวเป็นคนที่เอาใจใส่คนรอบตัว ไอว่าพราวน่าจะหายโกรธแล้วแหละ ง้อไม่กี่วันเดี๋ยวก็ดี”
หลี่อี้ลอบพินิจชายหนุ่มที่นั่งห่างออกไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกันยกรถึงไม่ชอบผู้หญิง ถ้าจะบอกว่าอกหักจากหญิงสาวก็ไม่น่าจะใช่  เพราะกันยกรเป็นคนหน้าตาดี ใบหน้าคมสันมีรอยตอหนวดที่เพิ่งขึ้น แผงอกกว้าง ตามแบบคนที่เล่นกีฬาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งหาคำตอบไม่เจอ ในเมื่อคิดไม่ออกก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มดีกว่า เบียร์ในมือหลี่อี้พร่องจนเกือบหมดขวด ใบหน้าขาวเนียนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ
“ไอมีคำถามอยากจะถามยู” เมื่อเริ่มกึ่มๆ เขาก็เริ่มมีความกล้าที่จะถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยมานาน
“ว่ามาสิ” ....กินไปขวดเดียว เมาแล้วเหรอวะ คออ่อนชิบหาย...กันยกรคิดในใจ
“ทำไมยูถึงไม่ชอบผู้หญิงล่ะ”
กันยกรแทบจะสำลักเบียร์ จริงอยู่ที่เขาไม่เคยปกปิดรสนิยมทางเพศแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะถามคำถามนี้กับเขาตรงๆ แม้แต่กานดาผู้เป็นแม่เองก็ตาม ไอ้ตี๋นี่มันกล้ามากเลยนะเนี่ย เขาคิดในใจ
 “อืม ไม่รู้สิ เพราะว่าผู้หญิงไม่มีอะไรที่น่าเร้าใจมั้ง” กันยกรหัวเราะเบาๆ
“ว้อท? ไม่เร้าใจยังไง ยูลองนึกภาพ...ผู้หญิงที่เซ็กซี่ดูสิ อ้ะนี่” หลี่อี้หยิบมือถือขึ้นมาเปิดในอัลบั้มรูป เขายื่นมือถือให้กันยกรดู เป็นภาพของหญิงสาวในชุดบิกินีหลายคน ทั้งสาวยุโรปผมทอง สาวเอเชียผมดำ แต่ละนางล้วนมีทรวดทรงองค์เอวดึงดูดเพศตรงข้าม
“เป็นไง ชอบไหม?” หลี่อี้ถาม
กันยกรส่ายหัว “ไม่อะ ก็มันไม่ชอบนี่นา นี่นายแอบเก็บรูปนางแบบพวกนี้ไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“ช่ายยยย”
เสร็จล่ะ เรื่องนี้ต้องถึงหูยัยพราว
“เอาล่ะ ไหนๆก็คุยกันเรื่องนี้แล้ว ขอถามกลับได้มั้ย”
“ได้เล้ยครับพี่” หลี่อี้ซดเบียร์จนหมดขวด
“ทำไมนายถึงแต่งงานกับพราว”
“อืม...” หลี่อี้เกาคางอย่างครุ่นคิด “ไอชอบผู้หญิงแบบพราว ยูรู้มั้ยว่าก่อนไอจะเจอพราว ไอเจอผู้หญิงมาหลายคนแล้ว แต่ทุกคนที่เข้ามาในชีวิตไอ มีแต่หวังเรื่องเงินทองทั้งนั้น อยู่มาวันหนึ่งไอก็พบพลังงานบางอย่างที่ทำให้ไอได้เจอพราว”
“พลังงานอะไร” กันยกรถามอย่างสนใจ
หลี่อี้ยิ้ม พลางกระซิบเสียงเบา “มันคือ กฎแรงดึงดูด Law of attraction งายยยย”
กันยกรขมวดคิ้วมุ่น “กฎแรงดึงดูด? คืออะไร?”

ธีทัตราวน์วอร์ดรอบดึกที่หอผู้ป่วยในเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับแฟลต ผู้ป่วยรายหนึ่งเป็นซีเวียเคสที่ธีทัตเป็นเจ้าของไข้ เมื่อเห็นว่าคนไข้ไม่มีอาการแทรกซ้อนก็เดินกลับมาจดขยุกขยิกลงบนแผ่นชาร์ตที่เคาน์เตอร์ นางพยาบาลสาวคนหนึ่งกำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ
“อ่านอะไรอยู่เหรอครับ” ธีทัตทักทายอย่างเป็นมิตร
“หนังสือที่คนเอามาบริจาคน่ะค่ะ พี่ว่างเลยหยิบมาอ่านเล่นๆ” หล่อนเงยหน้าขึ้นมาชูหน้าปกหนังสือให้เขา
“อ๋อ เดอะ ซีเคร็ต”
“หมอออมเคยอ่านเหรอคะ”
“เคยครับ เคยอ่านหลายปีมาแล้ว” ธีทัตพูดต่อโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นชาร์ต
“หมอออมคิดว่ากฎแรงดึงดูดมันมีจริงมั้ยคะ”
“อืม ไม่มีหรอกครับ ไอ้พลังที่แค่คิดอย่างเดียวแล้วมันจะเป็นไปตามที่เราคิด ถ้าผมคิดว่าผมอยากรวยแต่ไม่ทำงาน พี่คิดว่าผมจะรวยมั้ยครับ” ธีทัตหัวเราะเบาๆ ก่อนปิดแผ่นชาร์ตแล้วส่งคืน
“เออ นั่นสิ หมอออมพูดถูก ไอ้หนังสือพวกนี้ก็คงเขียนขึ้นมาเพื่อปลอบใจคนเท่านั้นแหละค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วยพลางปิดหนังสือ บทสนทนาของธีทัตและพยาบาลสาวจบลงด้วยเสียงออดที่ดังขึ้น หล่อนรีบลุกขึ้นไปยังเตียงคนไข้ที่กดออด
ธีทัตมองหนังสือปกสีน้ำตาลที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างครุ่นคิด แล้วก็ถือวิสาสะหยิบหนังสือเล่มนั้นติดมือกลับมาด้วย มันเป็นหนังสือที่เขาเคยอ่านก็จริงแต่มันก็เมื่อนานมาแล้ว เขาจึงจำได้เพียงรางๆ เท่านั้น วันนี้นึกอย่างไรก็ไม่รู้ที่อยากหยิบมาอ่านอีกรอบ

ในห้องที่มืดสนิทมีเสียงกรนเบาๆ มาจากโซฟาเบดมุมหนึ่งของห้อง ด้วยความแรงของแอลกอฮอล์ทำให้หลี่อี้หลับทันทีหลังจากที่ดื่มเบียร์ไปแค่ 2 ขวด แต่ร่างสูงบนเตียงยังคงลืมตาไม่ยอมหลับง่ายๆ เขานึกทบทวนสิ่งที่หลี่อี้เล่าให้เขาฟัง
“ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนมีชีวิตอยู่ด้วยกฎธรรมชาติชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ต้องอยู่ด้วยกฎอันทรงพลังนี้ มันคือกฎแรงดึงดูด กฎนี้จะควบคุมทุกอย่างให้เกิดขึ้นในชีวิตด้วยความคิด กฎแรงดึงดูดจะตอบสนองต่อความคิดของยู ไม่ว่ายูจะคิดอะไรก็ตาม สิ่งที่ยูต้องทำก็คือ คิดในสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น และห้ามให้ความคิดที่ขัดแย้งเข้ามาในหัวของยูเด็ดขาด”
“แล้ว...มันเกี่ยวกับการที่นายได้เจอพราวได้ยังไง?” กันยกรขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“ฮ่าๆๆ ก่อนหน้าที่ไอจะเจอพราว ไอเคยคบกับผู้หญิงคนนึง แต่สุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ทิ้งไอไปหาผู้ชายที่รวยกว่า ไอก็เลยคิดว่าไอจะต้องเจอผู้หญิงที่รักไอจริงๆ โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องเงิน แล้วไอก็ได้เจอกับพราว...”
“สิ่งนึงที่ยูต้องจำไว้ก็คือ ใจของยูมองเห็นสิ่งไหน ยูก็จะได้สิ่งนั้น”
“ใจมองเห็นสิ่งไหน แล้วจะได้สิ่งนั้นงั้นเหรอ” กันยกรพูดกับตัวเองเบาๆ
เขากำลังจัดระเบียบความคิดในหัวว่ากำลังคิดถึงอะไร แต่แล้วใบหน้าของคนหนึ่งก็เข้ามาในหัว ใบหน้าขาวใส ดวงตาเรียวยาวใต้แว่นทรงสี่เหลี่ยมดำฉายแววฉลาด ริมฝีปากแดงบางยกมุมยิ้มอย่างเหนือกว่า “เฮ้ย!” กันยกรสบถเบาๆ พลางสะบัดศีรษะ ทำไมอยู่ๆ ถึงคิดถึงไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นได้วะ ชายหนุ่มคิดในใจพลางพลิกตัวไปมาพยายามข่มตาให้หลับ แต่ทำอย่างไรก็สลัดภาพไอ้หมอนั่นไม่ได้เสียที
กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบเช้า กันยกรจึงได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และวันนี้เป็นวันที่เขาต้องไปคุมคนงานตัดแต่งกิ่งทุเรียน ตอนบ่ายก็ต้องไปประชุมที่สมาคมชาวสวนยางในตัวเมือง ชายหนุ่มจึงตื่นนอนด้วยสีหน้าอิดโรย
“นุ้ย วันนี้มีอะไรกินบ้าง เอาโกปี้ออมาให้หน่อย จาโก้ยมาด้วยนะ” กันยกรสั่งเด็กสาวรับใช้เป็นภาษาถิ่นใต้ ไม่นานกาแฟดำควันกรุ่นและปาท่องโก๋ร้อน ๆ ก็วางอยู่บนโต๊ะ ชายหนุ่มใช้มือบิแล้วฉีกปาท่องโก๋ออกจากกัน จิ้มชิ้นหนึ่งลงในถ้วยนมข้นหวาน
“คนอื่นหายไปไหนกันหมด”
“คุณพราวขับรถออกไปข้างนอกกับแฟนค่ะ คุณนายคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก นายหัวเอาข้าวเหนียวปิ้งไหมคะ วันนี้มีไส้กุ้งด้วย”
“เออ เอามาสิ ไม่มีนาซินาแฆหรอ” ชายหนุ่มมุ่ยหน้านิดหนึ่งเมื่อเด็กรับใช้บอกว่าไม่มีของกินของโปรดของเขา กานดาเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้ากังวล
“กันย์ วันนี้กลับมาเร็วหน่อยนะลูก น้ารีเข้าโรงพยาบาล แม่ว่าจะไปเยี่ยมเย็นนี้”
“อ้าว น้ารีเป็นอะไรเหรอครับ” กันยกรแกะข้าวเหนียวปิ้งเข้าปาก
“ไส้ติ่งอักเสบ เพิ่งเข้าโรงพยาบาลเมื่อคืน น้าเส็งเพิ่งโทรมาบอกเมื่อเช้านี้แหละ”
“วันนี้ผมมีประชุมที่สมาคมตอนบ่าย น่าจะเสร็จไม่เกิน 4 โมงเย็น ผมจะรีบกลับมารับแม่นะครับ แล้วนี่ยัยพราวกับหลี่อี้ไปไหนเหรอครับ”
“เห็นขับรถกระบะออกไปแน่ะ น่าจะพาหลี่อี้ไปตลาดเช้า ดูท่าเหมือนจะคืนดีแล้วล่ะมั้ง”
กันยกรยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก หยิบปาท่องโก๋ชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วเช็ดมือกับกางเกงยีนส์สีซีดตัวเก่าที่สวมอยู่

กันยกรก้าวขายาวๆ ไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ กานดาเดินตามมาห่างๆ พยายามเดินให้เร็วจนทันลูกชาย เขาได้คำตอบว่าอารีผู้เป็นน้าสาวเพิ่งย้ายจากห้องพักผู้ป่วยรวมมาพักอยู่ห้องพิเศษเมื่อบ่ายวันนี้ กันยกรกระชับกระเช้าผลไม้ในมือแน่นขึ้นแล้วหันมาบอกมารดา
“น้ารีอยู่ชั้น 4 ครับ ห้อง 416” ทั้งคู่เดินมาจนถึงลิฟต์ในห้องโถง
“หมิวรู้รึยังครับว่าน้ารีเข้าโรงพยาบาล” กันยกรถามกานดาถึงลูกสาวของอารี
“แม่ก็กำลังจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี หมิวมันเรียนจบแล้วทำงานต่อที่กรุงเทพ งานลิสต์ๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ แม่ก็เรียกไม่ถูก น้าเส็งกับน้ารีก็อยากจะให้กลับมาอยู่สุราษฎร์ก็ไม่ยอม”
“เด็กสมัยนี้ก็อย่างนี้แหละครับ ปล่อยให้ทำงานไปก่อนสัก 2-3 ปี พอเบื่อเดี๋ยวก็กลับมาบ้านเองแหละครับ”
กันยกรและกานดาเดินมาจนถึงห้อง 416 ป้ายหน้าประตูห้องระบุชื่อของอารี เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบหญิงวัยกลางคนนอนหลับตาอยู่บนเตียง ผมยาวดำแซมขาวแผ่กว้าง ใบหน้าซีดเซียวแทบจะกลืนกับปลอกหมอนสีขาว เข็มน้ำเกลือปักคาอยู่ที่มือซ้าย หล่อนลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ใบหน้าซีดเซียวนั้นเผยอยิ้มนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าใครมาเยี่ยม
“พี่ดา” อารีพยายามจะยันตัวขึ้นนั่งด้วยความลำบาก
“นอนเถอะ ไม่ต้องลุกหรอก แล้วนี่ทำไมอยู่คนเดียว เส็งไปไหนล่ะ” กานดาถามเมื่อไม่เห็นน้องเขย
“ไปรับหมิวที่สนามบิน มันโทรมาบอกว่าจะกลับมาเยี่ยม”
“หมอว่ายังไงบ้างครับน้ารี” กันยกรถามขึ้น
“เมื่อคืนปวดท้องมากจนเส็งพามาโรงพยาบาล หมอบอกว่าไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน หมอเพิ่งผ่าตัดไปเมื่อบ่ายนี้เอง เดี๋ยวหมอน่าจะมาอีกกันย์รอถามหมอเองละกัน น้าปวดจนไม่รับรู้อะไรแล้ว”
ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง ทั้งสามหันไปยังประตูเห็นร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อกาวน์ตัวสั้นสีขาวเดินเข้ามา ในมือถือสเตธมาด้วย เจ้าของร่างสูงโปร่งขมวดคิ้วนิดหนึ่ง แต่แล้วก็ปรับสีหน้าเป็นเฉยเมยไม่บอกอารมณ์ใดๆ เดินไปอีกฝั่งตรงข้าม รู้สึกได้ว่าร่างสูงใหญ่ฝั่งตรงข้ามกำลังมองตัวเองอยู่ แพทย์หนุ่มเสไปมองขวดน้ำเกลือนิดหนึ่ง
“คุณอารี เป็นไงบ้างครับ” ธีทัตก้มลงถามคนไข้
“ง่วงๆ ค่ะ”
“อ้อ ยาสลบน่าจะยังไม่หมดฤทธิ์ หมอขอตรวจหน่อยนะครับ” ธีทัตทาบหูฟัง
“ขอดูแผลนิดนึงนะครับ” เขาเปลี่ยนมาดูแผลผ่าตัด
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” กานดาถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
 “ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน หมอว่าอีก 2-3 วันก็กลับบ้านได้แล้วครับ” ธีทัตบอก แวบหนึ่งที่เขาเผลอไปสบตาดำคมเข้าจังๆ เพียงแวบหนึ่งจริงๆ แต่แล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง เด็กสาวคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาในห้องโดยไม่สนว่าคนในห้องกำลังทำอะไรอยู่
“แม่!!” เด็กสาวคนนั้นแผดเสียงแหลมเล็กออกมาก่อนจะแทรกตัวเข้าไปเกาะขอบเตียงระหว่างกานดาและกันยกร
“แม่เป็นไงบ้าง หนูตกใจหมดเลยตอนที่ป๊าโทรไปบอกว่าแม่ป่วย อ้อ สวัสดีค่ะป้าดา สวัสดีค่ะ พี่กันย์” เธอยกมือไหว้ญาติทั้งสองเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“แม่เค้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะหมิว หมอเพิ่งผ่าตัดไปเมื่อเที่ยงนี้เอง” กันยกรบอก
“ห๊า ผ่าตัด แม่เป็นอะไร ทำไมต้องผ่าตัดด้วย” เด็กสาวที่ชื่อหมิวหันมามองชายหนุ่ม กันยกรกลอกตาไปมา เหนื่อยใจกับอาการเล่นใหญ่ของญาติผู้น้อง
“ถามหมอเองละกัน คนนั้นเป็นหมอ” ชายหนุ่มชี้ไปยังคนที่ยืนตรงข้าม เด็กสาวมองตาม แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง เธอรู้สึกเหมือนมีลำแสงประหลาดสาดส่องออกมาจากตัวของชายหนุ่มที่ยืนฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง แว่นกรอบดำทรงสี่เหลี่ยมตัดกับผิวขาวอมชมพู มันไม่ได้บดบังเครื่องหน้าที่ได้รูปสวยเลยสักนิด ริมฝีปากแดงตามธรรมชาติบ่งบอกว่าเป็นคนสุขภาพดี ธีทัตยิ้มเห็นฟันขาวราวกับไข่มุกอันดามัน
“หล่อ...” เวณิกาเคลิบเคลิ้มราวกับต้องมนต์สะกด
“มีอะไรสงสัยจะถามหมอไหมครับ” ธีทัตมองเด็กสาวผู้มาใหม่
“คุณหมอชื่ออะไรคะ” เวณิกาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ธีทัตครับ” เจ้าของชื่อชี้ตรงที่ชื่อที่ปักบนหน้าอก
“ธีทัต...ชื่อเพราะจังเลยค่ะ น้องชื่อ ‘หมิวหมิว’ นะคะ” เวณิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สอง ยกมือขึ้นทัดผมกับใบหู
“เอ่อ...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวก่อนนะครับ” ธีทัตยิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป
“หมอหล่อจังเลยยย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอใครหล่อขนาดนี้มาก่อน หล่อแบบนี้เป็นดาราได้เลยนะ” เด็กสาวที่เพิ่งบอกว่าชื่อหมิวหมิวหรือชื่อจริงชื่อเวณิกาโพล่งขึ้นมา
“ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอใครหล่อเท่านี้มาก่อน”
“นี่ เพลาๆ บ้างนะ เรื่องบ้าผู้ชายน่ะ” เส็งดุลูกสาว
“แหม ก็หมอเค้าหล่อจริงๆ นี่ป๊า ถ้าได้แบบนี้เป็นลูกเขยจะเอาปะ” เวณิกาถามกลับ ภาพของธีทัตยังคงติดตา
“น่าเกลียด เป็นสาวเป็นแส้พูดจาอย่างนี้ได้ยังไง แล้วนี่ดูสิแต่งตัวอะไรก็ไม่รู้” อารีดุลูกสาวไปถึงการแต่งกายของเธอ เด็กสาวก้มลงมองกางเกงยีนส์ขาดๆ ของตัวเองสวมอยู่แล้วหัวเราะเบาๆ
กันยกรคุ้นเคยกับนิสัยคลั่งไคล้คนหล่อของเวณิกาดี เวลาเห็นผู้ชายหน้าตาดีทีไรญาติผู้น้องคนนี้จะต้องเป็นอันพร่ำเพ้ออยู่เรื่อยไป หนักเข้าหน่อยก็จะหาหนทางติดต่อ แต่ไม่เท่าไหร่เธอก็จะเบื่อไปเองโดยปริยาย เขาคงจะไม่ติดใจอะไรถ้าคนที่เวณิกาคลั่งไคล้ไม่ใช่ธีทัต ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจของกันยกร เป็นความรู้สึกที่อยากจะดีดญาติผู้น้องคนนี้ไปไกลสุดลูกหูลูกตา หากเป็นไปได้เขาอยากจะย่อส่วนหมอธีทัตให้เหลือตัวเล็กจิ๋ว แล้วเก็บไว้ในกล่องซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็น
เอ๊ะ! ทำไมเราต้องไม่อยากให้ยัยหมิวเจอหมอนั่นด้วยวะ
กันยกรคิดในใจ เสียงของเวณิกาดังขึ้นมาแทรกความคิด
“หมิวเป็นสไตลิสต์ค่ะป้าดา สไตล-ลิสต์ ป้าดาต้องตวัดลิ้นด้วย” เวณิกากำลังพุดคุยกับกานดาและคนรอบข้างอย่างสนุกสนาน แทบจะลืมถามถึงอาการป่วยของมารดาไปเสียสนิท
“เอ่อ ผมลงไปร้านกาแฟก่อนนะครับ มีใครอยากได้อะไรมั้ยครับ” กันยกรถาม เมื่อไม่มีใครอยากได้อะไรชายหนุ่มจึงออกจากห้อง ขณะที่เดินผ่านเคาน์เตอร์เขาก็ได้ยินเสียงพยาบาลคุยกันแว่วๆ
“หมอออมเขาดูเงียบๆเนอะ ไม่ค่อยคุยเท่าไหร่”
“อื้ม แต่เวลายิ้มน่ารักมาก เมื่อกี้หมอยิ้มให้ชั้นด้วยแหละ”
ทำไมใครๆ ก็ชอบหมอออมวะ
กันยกรยังคงถามตัวเองด้วยความว้าวุ่น
ชายหนุ่มเดินมาถึงร้านกาแฟสดร้านเดียวในโรงพยาบาล เสียงกรุ๋งกริ๋งดังขึ้นเมื่อเขาผลักประตูเข้าไป
“อเมริกาโน่ร้อน ไม่หวาน แก้วนึงครับ” ชายหนุ่มสั่ง
แม้จะเป็นเวลาเย็น แต่ภายในร้านคลาคล่ำไปด้วยลูกค้าทั้งญาติคนไข้ หมอ และพยาบาล กันยกรหลีกหนีลูกค้าในร้านไปยืนที่มุมหนึ่งไม่ห่างจากเคาน์เตอร์มากนัก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสไลด์หน้าจอเพื่อสงบอารมณ์
“อเมริกาโน่ร้อนไม่หวานได้แล้วค่า”
กันยกรพุ่งตัวเข้าไปที่เคาน์เตอร์ด้วยความรวดเร็ว แต่มีมือปริศนามือหนึ่งเอื้อมมาถึงแก้วก่อน
“โอ๊ะ แก้วนี้ของคุณหมอนะคะ คุณหมอมาสั่งก่อนค่ะ” พนักงานในร้านรีบบอก
กันยกรหันขวับตั้งใจจะขอโทษ แต่แล้วก็พบว่าเจ้าของมือปริศนานั้นคือคนที่เข้าเพิ่งนึกถึงด้วยความว้าวุ่นใจเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ร่างสูงในเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด สเตธสีน้ำเงินพาดไว้บนคอ ดวงตายาวเรียวใต้แว่นกรอบดำสบตากันยกรนิดหนึ่งก่อนจะหยิบแก้วกาแฟ ธีทัตแสร้งดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือในมืออีกข้างหนึ่ง กันยกรมองตามร่างสูงโปร่งที่เดินออกจากร้านไป ความคิดอย่างหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวสมอง แต่การกระทำกลับไวกว่า กันยกรรีบเดินตามร่างสูงนั้นไปจนถึงห้องโถงใหญ่ของตึก ธีทัตเอื้อมมือไปกดลิฟต์
“หมอครับ อย่าเพิ่งไป” ธีทัตชะงักฝีเท้าหันหลังกลับมา
“มีอะไรเหรอครับ”
“ขอเบอร์หมอหน่อยได้มั้ยครับ” กันยกรโพล่งออกไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
“จะเอาไปทำไมครับ” อีกฝ่ายขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“เอ่อ หมอก็รู้ว่าแม่ผมมีโรคประจำตัว ทุกวันนี้ผมเป็นคนดูแลแม่คนเดียว ถ้าอาการกำเริบขึ้นมา ผมจะได้ปฐมพยาบาลถูก” ธีทัตชั่งใจคิด กานดามีโรคประจำตัวคือความดันสูง ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนพร้อมกับอาการทางประสาทจะอันตรายมาก อาจจะนำไปสู่โรคหลอดเลือดในสมองและโรคหัวใจได้ แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจบอกไป
“ผมไม่ได้เป็นเจ้าของไข้แม่ของคุณนะครับ วันนั้นผมแค่ตรวจแทนหมอเจ้าของไข้ที่ลาหยุด” เสียงติ๊งดังมาจากลิฟต์ด้านหลัง เป็นสัญญาณเตือนว่าลิฟต์ที่กดเรียกไว้มาถึงแล้ว ธีทัตหันหลังกลับ ตาคมของกันยกรมองร่างสูงโปร่งที่เดินเข้าไปในลิฟต์ คนที่อยู่ในลิฟต์ขยับตัวเพื่อให้มีพื้นที่
“นึกแล้วว่าต้องไม่ใช่คนง่าย” เขาพูดกับตัวเองเบาๆ หลังจากที่ประตูลิฟต์ปิดลง
กันยกรนึกถึงคำพูดของหลี่อี้ที่บอกเขาเมื่อคืน
...กฎแรงดึงดูดจะตอบสนองต่อความคิดของยู ไม่ว่ายูจะคิดอะไรก็ตาม สิ่งที่ยูต้องทำก็คือ คิดในสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น และห้ามให้ความคิดที่ขัดแย้งเข้ามาในหัวของยูเด็ดขาด
กันยกรเพิ่งรู้ว่าเขาใช้กฎแรงดึงดูดโดยไม่รู้ตัว และนั่น...ทำให้ชายหนุ่มค้นพบคำตอบเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่เอง คำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมธีทัตถึงวนเวียนอยู่รอบตัวเขา ทำไมเขาถึงอยากจะดีดญาติผู้น้องไปให้ไกลสุดลูกหูลูกตา ทำไมเขาถึงอยากจะเก็บธีทัตไว้ดูคนเดียว...คำตอบของทั้งหมดก็คือ...เขาชอบธีทัต!!


_______________________________________________________________________________________
หมายเหตุ
*Walao eh!! เป็นภาษา Singlish ความหมายทำนองเดียวกับ Oh my god!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2018 21:19:52 โดย dareammmmm »

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 4 #21 |
«ตอบ #22 เมื่อ04-05-2018 21:33:55 »

รออ่านตอนหน้าอยู่นะคะ  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 3 |
«ตอบ #23 เมื่อ04-05-2018 21:36:05 »

หมั่นไส้ความเย่อหยิ่ง ความขี้เก็กของหมอออมอ่ะ  :katai1: ถ้าฉันเป็นนายหัวกันย์ฉันไม่มีทางสนใจนายหรอก รู้เอาไว้ด้วย 555 คนอ่านอิน  :sad4:
แพรว...รู้ว่านายหัวกันย์เป็นเกย์ถูกมั้ย เลยชักอยากจะรู้เลยว่ารู้ได้ยังไง รีบมาเฉลยนะครับคุณคนเขียน  :katai1:
ตอนแรกจะบอกว่าผัดฟักทองของโปรดเราเลยยย แต่พออ่านลงมาเรื่อยๆ อ้าวทั้งข้าวหมกไก่ ข้าวยำ น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ โจ๊ก นี่ของโปรดเราทั้งนั้นนี่นา หิวเลยยย  :ling1: :katai5:
โอมม ตอนที่ 4 จงมา  :katai4: :hao3: :call:

ขอบคุณนะคะที่ติดตาม ตอนที่ 4 มาแล้วน้าาา

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 4 #21 |
«ตอบ #24 เมื่อ04-05-2018 22:38:24 »

รออ่านตอนหน้าอยู่นะคะ  :call: :call: :call:

ขอบคุณนะคะที่ติดตาม เป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาา

ออฟไลน์ Jingjaij

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 4 #21 |
«ตอบ #25 เมื่อ07-05-2018 00:30:25 »

ชอบความจิบเบียร์เปิดใจแมนๆของหลี่อี้กะนายหัวมากค่ะ
เรื่องของหมอออมนายหัวต้องสู้นะคะ อิอิ

รอตอน5อยู่นะค้าาาา

 :katai2-1:

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 4 #21 |
«ตอบ #26 เมื่อ07-05-2018 08:42:36 »

ชอบความจิบเบียร์เปิดใจแมนๆของหลี่อี้กะนายหัวมากค่ะ
เรื่องของหมอออมนายหัวต้องสู้นะคะ อิอิ

รอตอน5อยู่นะค้าาาา

 :katai2-1:

ขอบคุณนะคะที่ติดตาม เป็นกำลังใจให้นายหัวด้วยนะคะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 4 #21 |
«ตอบ #27 เมื่อ07-05-2018 08:45:11 »

เดี๋ยววันนี้มาเม้นตอนที่4ให้นะครับ  :mew3: :katai3:

ออฟไลน์ dareammmmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 4 #21 |
«ตอบ #28 เมื่อ07-05-2018 08:47:07 »

เดี๋ยววันนี้มาเม้นตอนที่4ให้นะครับ  :mew3: :katai3:

รออ่านเลยค่ะ ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ  :mew3:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: You're my law of attraction | ตอนที่ 4 #21 |
«ตอบ #29 เมื่อ07-05-2018 20:59:47 »

ว้อท? พราวพิชชา หลี่อี้สามีเทอรักเทอขนาดนี้ เทอจะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ด้ายยย ไอไม่เห็นด้วย ถ้าเขาไม่รักเทอเขาจะบินตามมาง้อเทอถึงไทยแลนด์มั้ยยย คิดสิคิด เขาให้อยู่สบายๆเป็นคุณนายละยังจะเยอะอย่างอีก  :a5: #ทีมหลี่อี้นะพู่เลอ 555  :hao3:
กฎแห่งแรงดึงดูด จะดึงดูดหมอออมเข้าหานายหัวกันย์ยังไงนะ อยากเผือก 555  :hao6:
ข้าวเหนียวปิ้งจิ้มนมข้น อยากกินนนน แต่ทำไมไม่เช็ดมือกับทิชชูดีๆ ไปเช็ดกับกางเกงทำไมฮึนายหัว  :katai1:
อยากเป็นเพื่อนนายหัว อยากกินทุเรียนฟรี 555  :o8:
เห็นด้วยว่าหมิวเล่นใหญ่รัชดาลัยจริง เล่นใหญ่ไม่พอยังอ้อร้ออีก อ้อร้อที่แปลว่าแรดนะ เหอๆ อ่อแล้วหมอออมน่ะเขามีคนจองแล้ว ญาติผู้พี่หล่อนไง ไปงาบคนอื่นไป๊ ชิ่วๆ  :z6:
เอาละเหวย นายหัวรู้ตัวว่าชอบหมออมเข้าให้แล้ว  :laugh: ลุ้นๆรออ่านตอนที่5 นะคร้าบ  :really2: :pig4:

ปล.1 เจอคำผิดครับ = ทำให้เขาถูกเลี้ยงดูมาด้วยการ "โดนใจ" อยู่ตลอดเวลา <== "โดนตามใจ" ปะครับ  :hao4:
ปล.2 คนอ่านยังเม้นไม่เยอะ คนเขียนก็อย่าเพิ่งท้อล่ะ เป็นกำลังใจให้แต่งให้จบนะครับ  :L1: ในเล้ามีนิยายดีๆแบบนี้ที่ช่วงแรกอาจจะยังไม่มีคนสนใจเท่าไหร่หลายเรื่องมาก แต่เดี๋ยวซักพักจะมีคนอ่าน+คนเม้นเพิ่มมากขึ้นแน่นอน นิยายเรื่องนี้เหมาะจะเป็นเล่มมาก ย้ำว่าเขียนให้จบนะครับ เลามั่นใจว่าจะต้องมีสนพ.สนใจซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเล่มขาย 100% แล้วเลาจะตามไปอุดหนุนนะ  :katai3:
ปล.3 ลองเพิ่มชื่อภาษาไทย "กฎแห่งแรงดึงดูด" หรือชื่ออะไรที่คนแต่งคิดว่าเข้ากับเรื่องเข้าไปบนหัวกระทู้ด้วยดีมั้ยครับ เผื่อจะทำให้คนอ่านท่านอื่นสนใจเข้ามาอ่านเพิ่มขึ้นไรงี้ (ชื่อเรื่องก็สำคัญนะ)  :katai5: :katai4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด