เรื่องสั้นตอนเดียวจบ : Lipstick kiss
ผมคิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ความคิดประหลาดที่กำลังก่อตัวเมื่อแค่มองดูรูปภาพเพื่อการโฆษณาของลิปสติกที่เพื่อนในสาขาเดียวกันโพสต์ขายกันให้รึ่ม ไม่น่าแปลกใจอะไร แต่สิ่งที่ทำให้ผมค้นพบว่าตัวเองบ้าหรือเกิดวิปลาสไปแล้วก็คือ ผมชอบริมฝีปากของนางแบบคนนี้เอามากๆ
ไม่ใช่ความชอบแบบปกติทั่วไปซะด้วยสิเพราะผมถึงขั้นเอาไปฝันถึง คงเพราะผมชอบเปิดดูภาพริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบแต่งด้วยลิปสติกหลากสี ยิ่งเป็นสีที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ มองดูเพียงเผินๆ เหมือนว่าเป็นสีแดงระเรื่อคล้ายกับไม่ได้แต่งแต้มลงไปด้วยซ้ำ
ผมชอบ
เข้าขั้นหลงใหล ไม่รู้ว่าทำไม….
บางทีมันอาจจะเป็นความชอบที่แปลกไปสักหน่อยก็เถอะ แต่เอาเข้าจริงๆร้อยทั้งร้อยไม่มีใครบ้าเพ้อพกได้เท่าผมแน่ๆ
และโชคก็เข้าข้างผม เมื่อช่วงบ่ายในวันที่อากาศไม่ร้อน ผลจากฝนที่ตกลงมาเมื่อคืนทำให้อากาศกำลังดี ไม่ร้อนจนน่าหงุดหงิด ผมเจอกับเป้ย ตัวแทนขายลิปสติกยี่ห้อแพงกำลังนั่งจดเลคเชอร์อยู่ที่ใต้อาคาร
ผมจึงเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะเลือกนั่งลงข้างๆกับเป้ย อีกฝ่ายเงยมองก่อนจะเอ่ยทักทายตามปรกติ ผมทำเป็นหยิบหนังสือออกมาอ่านฆ่าเวลาก่อนจะหาจังหวะเปิดการสนทนา
ผมลังเลใจอยู่นานที่จะถามข้อมูลของนางแบบสาวเจ้าของริมฝีปากสวยน่าจูบคนนั้น แต่เพื่อดับความวุ่นวายในใจของตัวเองด้วยนั่นแหละ ทำนองว่าไปเจอหน้ากันจะได้จบเรื่องไปซะ ผมจะได้เลิกฟุ้งซ่านซะที
“นี่เป้ย ที่มึงขายลิปเนี่ย ใช้ปากตัวเองโฆษณาเหรอวะ”ผมลองถามไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย เป้ยที่กำลังจดจ่ออยู่กับสมุดเลคเชอร์หันมามองผมด้วยสายตาแปลกใจก่อนจะไหวไหล่
“ฮ่าๆ บ้าเหรอ มึงดูปากกูซะก่อน กูให้เพื่อนเป็นพรีเซ็นเตอร์ต่างหาก ทำไมวะ”อีกฝ่ายถาม สีหน้าไม่ได้ตงิดใจอะไร ผมส่ายศีรษะ หยิบโทรศัพท์ออกมาทำทีไถเฟซบุ๊คเล่นไปเรื่อยเปื่อย ทว่าในใจเต้นรัวขึ้นมา
“กูแค่สงสัยไง เห็นว่าปากสวยดี ไม่แห้งๆแตกๆ”ผมบอก กลืนน้ำลายลงคอเมื่อเป้ยหันมามองหน้าผม คิ้วดกดำเลิกสูงอย่างแคลงใจ
“อ๋อ มันดูแลริมฝีปากดีจะตายไป รักสวยรักงามก็แบบนี้”
“…เหรอ”
“มีอะไรกันแน่ อยู่ๆก็มาถามเรื่องลิป”เป้ยจ้องมองผมนิ่งๆ ในหัวเริ่มตีรวน
“ก็…อยากซื้อลิปไปให้แฟนไง”ผมโกหกไป เป็นข้ออ้างที่ฟังเข้าท่าดี เป้ยยิ้มทันที
“ดีเลย สนใจใช่ไหม ลองเลือกๆให้แฟนดูก็ได้นะ”เจ้าตัววางงานที่กำลังทำอยู่ลงก่อนจะรีบหันมาพูดทันที เมื่อเห็นว่ากำลังจะตกลูกค้าได้ก็อธิบายสรรพคุณของลิปยี่ห้อนี้ให้ผมฟังเสียยาว ผมเริ่มลำบากใจเมื่ออีกฝ่ายเปิดรูปลิปสติกหลายเฉดออกมาให้ดูเรื่อยๆ
“…เอ่อ เลือกไม่เป็นว่ะ”ผมบอกไปตามตรง จ้องมองสีแดงที่มีโทนสีใกล้เคียงกัน
“ก็ลองนึกถึงปากแฟนมึงสิ ว่าสีไหนจะเหมาะเวลาอยู่บนปากสวยๆของแฟน”อีกฝ่ายเอ่ยยิ้มๆ ผมหัวเราะแห้งๆพยายามนึกถึงแฟนในจินตนาการ แต่ปรากฏว่าผมนึกถึงริมฝีปากของนางแบบคนนี้ทุกที ก็ยิ่งตอกย้ำว่าผมกำลังเพ้อเข้าขั้น ผมเม้มปากแน่น
ระหว่างที่นั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวยาว ก็มีเสียงร้องเรียกชื่อของเป้ย เสียงนุ่มทุ้มของผู้ชายทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองได้ไม่ยาก คนแปลกหน้าคนนี้ทำให้ผมอึ้งได้ไม่ยาก เป้ยโบกมือก่อนจะเรียกให้
“เบส” ให้มาหาที่โต๊ะ
เบส…คือชายหนุ่ม …รึเปล่า ผมไม่แน่ใจ
เพราะด้วยเรือนผมสีช็อกโกแลตยาวถึงหัวไหล่ เส้นผมเป็นเงาสวยถูกรวบไปครึ่งศีรษะเผยให้เห็นหน้าผากมน ใบหน้าเรียวขาว รูปร่างผอมสูง ในชุดเชิ้ตสีขาวผิดระเบียบกับกางเกงยีนส์สีเข้มแฟชั่น สะพายกระเป๋าผ้าสีน้ำเงิน อีกฝ่ายมาพร้อมกับกลิ่นหอมและที่น่าสะดุดใจกว่าคือริมฝีปากที่อวบอิ่มสีแดงระเรื่อผ่านการแต่งแต้มมาแล้ว
ผมอึ้ง
เพราะรูปปากดูคล้ายกับนางแบบที่ผมชื่นชอบ ในใจยิ่งกว่าผ่านการวิ่งมารอบสนาม ผมหันไปมองเป้ยเธอหันมาหัวเราะใส่ผมทันที
“เฮ้ย มึงถึงกับอึ้งไปเลยเหรอกรช”อีกฝ่ายย่นคิ้วแล้วหันไปยิ้มกับเพื่อนนายแบบลิปสติก ผมมั่นใจว่ามองไม่ผิดไป เพราะผมจำริมฝีปากนั้นได้ดี
“อะไรวะ”เสียงของเบสดูงงงวย เจ้าตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเป้ย สายตามองมาทางผม ดูจากลักษณะของอีกฝ่าย มั่นใจเกินร้อยว่าอีกฝ่าย ‘ไม่ใช่’ผู้ชายแบบเต็มตัว แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นสาวขนาดนั้น ผมมึนงงไปชั่วขณะ เป้ยเหลียวมาทางผม
“อ๋อ นี้ไอ้กรชเพื่อนกูเอง….คงไม่เคยเห็นแกมาก่อนไง…”เป้ยเอ่ย แล้วหันมาสะกิดแขนผมแล้วแนะนำให้ผมรู้จักคนที่นั่งอยู่อีกฝากของโต๊ะ
“นี่เบสเพื่อนกูเหมือนกัน เป็นนายแบบลิปสติกให้กูไง ...ปากสวยไหมล่ะ”เป้ยบอกยิ้มๆ ตีแขนผมไปด้วย ใจของผมแกว่งไปทันที เหลือบมอง 'นายแบบ' เจ้าของริมฝีปากสวยที่ผมหลงชอบอยู่นาน อีกฝ่ายจ้องมองมาด้วยแววตาสนใจขึ้นมาทำเอาผมร้อนวาบ เจ้าตัวหัวเราะในลำคอ ปากสีแดงเรื่อเผยยิ้มออกมา ผมจ้องมองรอยยิ้มนั้นอย่างเผลอตัว
หัวใจเต้นระส่ำ พบว่าตัวเองกำลังตื่นเต้น
“จริงเหรอ…ดูท่าคงจะแปลกใจนะ”เบสหันมาพูดกับผม แววตาสีน้ำตาลเข้มวาววับ เป้ยถ่องศอกเข้ากับเอวผมเต็มแรงจนต้องสะดุ้ง
“หะ…เอ่อ คิดว่าเป็นผู้หญิงซะอีก”ผมพึมพำ ไม่กล้าสบตากับคนตรงข้ามสักเท่าไหร่
“เออ กูถึงไม่บอกใครไง แต่ก็นะ ปากมันสวยจริงๆนั่นแหละ”เป้ยบอกอย่างไม่เอะใจอะไร ผมเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า เหลือบมองเบสอีกครั้งและพบว่าอีกฝ่ายกำลังมองผมอยู่เช่นกัน
ระหว่างนั้นเป้ยมันก็ลุกออกไปคุยโทรศัพท์หางออกไปหลายช่วงโต๊ะ ทำให้ผมต้องเผชิญหน้ากับเบส นายแบบลิปสติกสองต่อสอง มีความเงียบน่าอึดอัดกำลังก่อตัว
“ไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนเลยนะ”อีกฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ ผมเงยมองเบสทันที และสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกผมทำให้เดาอะไรได้ไม่ยาก
“ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเป้ยเท่าไหร่หรอก...แล้ว...เบสอยู่คณะอะไรเหรอ”ผมถาม
“เราเรียนจิตกรรมน่ะ”เบสตอบ ก่อนจะยิ้มให้ผม ริมฝีปากของอีกฝ่ายยังคงดูสวยในสายตาผมอยู่ดี ถึงอีกฝ่ายจะไม่ใช่ผู้หญิงก็เถอะ ผมมองเบสอยู่นาน มองเรือนผมสีเข้มที่ดูอ่อนนุ่มแล้วรู้สึกเสียดายเหมือนกัน
“อ๋อ...เหมาะกับเบสนะ”ผมบอกไป อีกฝ่ายยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะเท้าคางมองผมอย่างพิจารณา ทำเอาผมร้อนๆหนาวๆไปด้วย
“ว่าแต่สนใจลิปของเป้ยเหรอ”อยู่ๆเบสก็เอ่ยถาม ผมทำหน้าเหวอไป กลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิด “เปล่าหรอก...แค่เห็นว่าปากพรีเซนเตอร์สวยดี”ผมพึมพำบอกไป ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆมาจากเบส
“เมื่อกี้เป้ยมันก็โม้ไปเรื่อย ภาพโฆษณาผ่านการรีทัชมาหมดแล้วนั่นแหละ”แม้ว่าเจ้าตัวจะพูดแบบนี้ แต่ริมฝีปากที่ขยับอยู่ตรงหน้า เป็นเครื่องยืนยันว่าริมฝีปากของเบสดูสวยตามภาพจริงๆนั่นแหละ มันทำให้ผมอดกังวลไม่ได้ เพราะใจของผมยังคงเต้นรัวอยู่ดี
“ก็ยังออกมาสวยอยู่ดี”ผมบอกย้ำ จนเบสจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาจริงจังมากขึ้น อีกฝ่ายดูแปลกใจ
“เหรอ...แปลกนะเพิ่งเคยได้คำชม ปรกติก็ไม่เห็นมีใครถามถึงพรีเซนเตอร์ เธอเป็นคนแรกเลยนะ”เบสพูดยิ้มๆ ผมหัวเราะในลำคอ รู้สึกเหมือนมีดอกไม้งอกงามในใจ ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ใช่แบบที่ผมหวังไว้ เป็นผู้หญิงสวยๆสักคน แต่กลับเป็นผู้ชาย...
“อืม...แปลกเหรอ”ผมพูดเบาๆก่อนจะละสายตาจากเบส ไปมองหาเป้ยอีกฝ่ายยังคุยโทรศัพท์ไม่หยุด ผมหันกลับมามองคู่สนทนา พบว่าอีกฝ่ายขยับมานั่งอยู่ตรงหน้าผมแล้ว แม้จะอยู่คนละฟากโต๊ะแต่กลิ่นหอมของเบสยังลอยมาแตะจมูก
“เธอชื่ออะไรนะ ขออีกที”
“ชื่อกรชครับ”ผมตอบ เบสยิ้มมุมปากเมื่อผมพูดจบ ประสานตากับอีกฝ่ายช้า ๆ และพบว่าผมยังคงตื่นเต้นกับการได้พูดคุยกับเบส ราวกับว่าเจ้าตัวเป็นสาวฮอตอะไรแบบนั้น อีกฝ่ายพยักหน้า
“สนใจลิปตัวไหนไหม ซื้อไปให้แฟนอะไรแบบนี้”เบสถามด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ทำนองว่าหาลูกค้าให้เพื่อน
“ไม่มีแฟนหรอก”ผมตอบ ทั้งที่ในใจไม่ได้อยากพูดแบบนี้ อีกฝ่ายเลิกคิ้วมอง
ขณะนั้นเป้ยก็เดินกลับมาที่โต๊ะเจ้าตัวมองผมกับเบสที่กำลังคุยกันอยู่
“รู้จักกันไว้ก็ดีนะ จะได้เพิ่มลูกค้า เนี่ยกรชมันจะซื้อให้แฟน แกแนะนำให้มันหน่อยสิ”เป้ยบอก ผมอ้าปากพะงาบๆไม่ทันพูดแทรกเหลียวมองหน้าเบสที่ดูแปลกใจก่อนจะยิ้ม
“งั้นเหรอ…แฟนกรชนี่ขาวไหมจะได้เลือกสีให้เหมาะกับริมฝีปาก”เบสถาม ผมยังคงนึกอะไรไม่ออก ไม่อยากได้ลิปสักหน่อย
“ก็….ไม่เป็นไร ๆ”ผมบอกปัด ส่วนเป้ยได้แต่ทำหน้างง ไม่ได้พยายามยัดเยียดการขายลิปสติกให้ผมต่อ เบสขยับไปนั่งที่เดิมทางฝั่งตรงข้ามกับเป้ยตามเดิม ผมหยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่น เหลือบมองเบสอีกรอบ เห็นอีกฝ่ายกำลังเสยผมทัดใบหู ผมชะงัก ท่าทางจะดูแลตัวเองดีจริงด้วยนั่นแหละ ทว่าเจ้าตัวหันมองพอดี ผมจึงหลบสายตาไปมองทางอื่นแทน ก้มจิ้มโทรศัพท์อย่างบ้าคลั่ง
“เอออาทิตย์หน้า มึงไปเชียร์บอลเปล่า”เป้ยถาม กำลังเอ่ยถึงทีมฟุตบอลของคณะเรา ผมลังเลพยายามไม่สนใจสายตาของคนฝั่งตรงข้าม
“ไปสิ ว่างพอดี มึงไปไหม”ผมถามกลับ เป็นพยักหน้า “ไม่พลาดดูจะไปส่องผู้ชาย”เป้ยหัวเราะ ผมยิ้มก่อนจะพบว่าหมดเรื่องคุย จึงปลีกตัวกลับหอพัก ในใจยังคงค้างคากับเบส เจ้าของริมฝีปากสวยคนนั้นอยู่ ความรู้สึกเหมือนกำลังพลาดอะไรสักอย่าง
ผ่านไปเกือบสัปดาห์ ผมยังคงคิดเรื่องของเบสอยู่หลายรอบ แปลกใจตัวเองที่ไม่ได้ผิดหวังกับพรีเซนเตอร์ลิปสติกมากมายนัก นอนหลับตา ถอนหายใจยาว พยายามถามใจตัวเองว่ารู้สึกยังไงกับผู้ชายคนนั้น …เบส….
ผู้ชายสวยๆก็มีถมเถไปนี่
แต่คนที่ชอบปากของผู้ชายสวยๆนี่ผิดปรกติไหม หรือแค่หลงรูปลักษณ์ภายนอก…นี่ผมกำลังเบี่ยงเบนหรือเปล่า นอนกลิ้งตัวอยู่บนเตียงไปมาอย่างพะว้าพะวงใจ อยากจะตะโกนดังๆให้หายข้องใจไปเลย
ทำไงดีล่ะ…ผมจะเป็นเกย์หรือเปล่านะ?
ผมนอนแผ่หยิบโทรศัพท์ออกมาเข้าเฟซของเป้ย ไล่หารายชื่อเพื่อนของเธอเผื่อว่าจะเจอกับเฟซบุ๊คของหนุ่มเบส ไล่หาไปเรื่อยไปจนเจอเข้ากับแอคเค้าท์ที่ใช้ชื่อว่า Bestvisa
ผมชั่งใจอยู่หลายนาทีก่อนจะกดเข้าไปหน้าโปรไฟล์ อีกฝ่ายปิดไพเวทไว้ ผมจรดนิ้วจิ้มไปที่ Add friend ในใจเต้นรัวก่อนจะคว่ำโทรศัพท์ไว้ ในหัวตีกันวุ่น อีกฝ่ายจะคิดยังไงกับผมนะ จะคิดว่าผมมาตอแยอะไรแบบนั้นไหม ผมเปลี่ยนใจจะเลิกแอดเฟรนด์
ทว่าไม่ทันจะกดยกเลิก เบสก็กดรับเพื่อนไปแล้ว ทำเอาผมนิ่งงันไปมองแจ้งเตือนเงียบๆ ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปกดอัลบั้มรูปของอีกฝ่ายทันที รูปของเบสถูกถ่ายออกมาสวย ราวกับเป็นนายแบบรู้องศา ออกมาดูดีและ 'สวย'ทุกรูป เบสไว้ผมยาวมานาน ตั้งแต่ปีหนึ่ง เท่าที่เห็นอีกฝ่ายไม่ได้เกินชายไปสักเท่าไหร่ ไม่มีภาพแต่งหญิงทั้งที่ความสวยก็พุ่งจนทะลุจอออกมา นิ้วผมเผลอไปกดไลค์รูปของเบสเข้า ผมขมวดคิ้ว อีกฝ่ายต้องรู้แน่ว่าผมมาส่องเพราะรูปที่มือลั่นไปกดไลค์รูปที่อัพไว้เมื่อสามปีที่แล้ว
ขายหน้าชะมัด
ผมกัดปากก่อนจะเลื่อนไปกดช่องแชท
กรกช :: นี่เราเอง กรชนะ
ผมทักไป ไม่นานเบสก็อ่านแชทผม ก่อนจะตอบกลับไม่เร็วไม่ช้าเกินไป
เบส :: จำได้ๆ เธอที่ชอบปากเราใช่ไหม?
พอข้อความตอบกลับของอีกฝ่ายแล้ว ผมไม่ได้รังเกียจอะไรเลยสักนิด แต่กลับเผลอยิ้มออกมาซะได้ รู้ตัวก็แทบจะหุบปากไม่ทัน
กรกช ::555 นั่นแหละ
เบส :: มีอะไรรึเปล่า อยากได้ลิปให้แฟน?
ผมจ้องข้อความของเบสอยู่นิ่งๆ เดาอารมณ์อีกฝ่ายไม่ออก คงแค่อำผมแน่ๆ เพราะในเฟซบุคของผมก็ไม่ได้อัพเดทเกี่ยวกับแฟน ผมคิดอะไรไม่ออกนัก
กรกช ::ไม่อยากซื้อลิป ไม่มีแฟนหรอก
เบส ::อ้าว หลอกเป้ยงั้นสิ
กรกช ::ช่างเถอะ แล้วไปดูบอลกับเป้ยไหม
ผมถาม ตอนแรกตั้งใจจะไปหลอกถามไอ้เป้ยซะหน่อยว่ามันจะไปดูบอลคณะกับใคร แต่ตอนนี้ดันมีโอกาสคุยกับเบสแล้ว ผมเลยลองเสี่ยงดวง
เบส :: ไปสิ พลาดได้ไง
ผมยิ้มออกมาช้าๆ
:: มีอะไรหรือเปล่า...
ข้อความของฉีกฝ่ายทำให้ผมขมวดคิ้ว พยายามหาเหตุผลในการแชทกับอีกฝ่าย
กรกช :: เปล่าหรอก แค่อยากรู้จัก
เบส:: รู้จักเราน่ะเหรอ? ทำไมล่ะ?
กรกช :: ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่อยากคุย
ผมตอบตามที่รู้สึก ก่อนจะทึ้งศีรษะอย่างหมดหนทาง ผมส่งข้อความไปแล้ว อีกฝ่ายคงอ่านไปเรียบร้อย เบสจะคิดยังไงกัน?
เบส :: เพราะปากเราสวยหรือไง
คำตอบตอบของเบสทำให้ผมหัวเราะแห้งๆกับตัวเอง
กรกช:: ถ้าใช่ จะแปลกไหมล่ะ?
เบส :: แปลกมาก ปรกติ คนอื่นชอบหน้าเราที่หน้าตา ไม่ได้ชอบแค่ปากหรอก
เธอคงคิดว่าเราเป็นผู้หญิงล่ะสิท่า
ผิดหวังไหม
อีกฝ่ายตอบกลับมารัวๆ ผมนิ่งงัน มองข้อความในแชท ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆแล้วตอบกลับไปอย่างไม่เสแสร้ง
กรกช :: ไม่นี่
ผมมองแชทด้วยใจที่เต้นเป็นจังหวะ สำรวจตัวเองอย่างแน่ชัดแล้วว่าผมรู้สึกในทางบวกกับอีกฝ่าย คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก สำหรับผมชอบก็คือชอบ เบสก็ดูไม่เลวร้ายอะไร
ตั้งแต่ได้แชทกับเบส หนุ่มหน้าสวย ริมฝีปากน่าจูบ... ผมอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนี้ วันนั้นผมได้เบอร์ของเขามาด้วย แต่ยังไม่กล้าโทรไปคุยเท่าไหร่เพราะยังเขินๆอยู่ สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือผมยังคงจินตนาการถึงริมฝีปากของเบสอยู่เสมอ
จนกระทั่งถึงวันแข่งบอลของคณะ ผมไปที่สนามกีฬาของมหา’ลัย คณะของผมกำลังแข่งกับคณะวิทย์ฯ ที่สแตนเชียร์มีผู้ชมเป็นเด็กปีหนึ่งปีสองซะส่วนมาก ปีสามอย่างผมเลือกนั่งห่างออกจากกลุ่มคนเยอะๆ ผมเห็นกลุ่มของเป้ยแต่ไม่เห็นเบส ผมเลยเลือกนั่งออกห่างจากฝูงชน มองเกมส์กีฬาที่ใกล้จะจบลงแล้ว
ผมนั่งเหม่อมองสนามกีฬา ที่กำลังนับถอยหลังสู่ช่วงทดเวลา คณะของผมกำลังจะแพ้
“เหม่ออะไรอยู่ล่ะ”เสียงนุ่มของคนหน้าสวยดังขึ้น ผมเหลียวไปมองทางด้านหลัง เห็นว่าเบสนั่งอยู่ที่สแตนชั้นถัดไป นั่งเยื้องออกไปทางซ้ายมือ เจ้าตัวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์เช่นเดิม เรือนผมสีเข้มถูกรวบไว้ด้านหลัง ผมยิ้มให้อีกฝ่าย
“มานานหรือยัง”ผมถาม เลื่อนสายตาไปมองริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยสีอ่อนเข้ากับสีปากธรรมชาติของอีกฝ่าย อาจจะแดงระเรื่อมากกว่าปรกติแต่ก็ไม่เด่นเกินไป เบสยังคงโดดเด่น ผมใจเต้นระส่ำอีกครั้ง
“นานแล้ว แอบมองเธออยู่”
“จริงเหรอ”ผมเลิกคิ้วสงสัย อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆก่อนจะขยับตัวลงมานั่งข้างๆ บรรยากาศยามโพลเพล้ยามเย็นเริ่มทอแสงสีทอง คนเริ่มทยอยกลับออกจากสนาม แต่ผมไม่สามารถละสายตาไปจากคนข้างกายไปได้เลย
“จริงสิ...ไม่ได้พูดเล่นนะ”
“ไม่เรียกล่ะ”ผมถาม พยายามสบตากับอีกฝ่ายแต่พบว่าสายตาของเบสทำให้ผมร้อนวูบวาบ จ้องมองริมฝีปากที่ขยับไปมาแทน “ไม่อยากรบกวนไง กำลังเหม่อๆ”เบสพึมพำ ผมมองคนข้างๆ เพิ่งสังเกตว่าอีกฝ่ายเจาะหูหลายรู มีต่างหูสีดำเรียงกันสามอัน
ความเงียบเข้ามาครอบงำเราสองคน
“ตกลง/ที่คุย”
นึกอยากจะเริ่มบทสนทนาก็ดันพูดออกมาพร้อมกัน เราเลยละล่ำละลักต่างฝ่ายต่างตะกุกตะกัก “เธอพูดก่อนสิ”เบสบอก
ผมเม้มปาก พยายามทำใจกล้า “ที่คุยในแชทน่ะ...”
“ว่าไง...”เบสยิ้ม ผมพยายามไม่มองใบหน้าของอีกฝ่าย จ้องมองต้นขาของตัวเองไปพลางๆ “อันที่จริง เราคิดว่าภาพพรีเซนเตอร์เป็นผู้หญิงนั่นแหละ เลยชอบ...ตอนแรกอยากเจอนะ เพื่อที่จะสะหลัดความคิดบางอย่างออกจากหัวไปให้ได้”ผมกลั้นใจพูดออกไป สิ่งที่ติดค้างในใจ คือเรื่องริมฝีปากของเขา เบสมีสีหน้าแปลกใจ
“ความคิดอะไร?”
“เราคงจะบ้าจริงๆนั่นแหละ ที่เอาแต่คิดวนเวียนเกี่ยวกับ...ปากของเบสน่ะ”ผมพึมพำ ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายต่อไป หลังจากที่ได้เจอกันในคราวนั้น ผมก็ไม่ลืมริมฝีปากสวยๆไปได้เลย ผมเงียบ คนข้างตัวยกแขนขึ้นกอดอก
“ปากของเรา? ที่บอกว่าชอบน่ะเหรอ...นึกว่าเรื่องอะไร”เบสหัวเราะเบาๆ ผมมองหน้าอีกฝ่ายทันที นัยต์ตาเป็นประกายสดใส มุมปากมีรอยยิ้ม ทำให้ผมใจสั่น
“ไม่ได้พูดเล่นนะ”ผมทำหน้าจริงจัง เบสเงียบไปก่อนจะเหลียวมองรอบตัว ที่สแตนเชียร์เริ่มเหลือคนบางตา อีกฝ่ายขยับมาใกล้จนผมเกร็งไม่เป็นตัวเอง กลิ่นหอมประจำตัวของอีกฝ่ายลอยแตะจมูก
“วันนี้เราใช้ลิปแบบมีกลิ่น...ได้กลิ่นใช่ใหม”เบสเอ่ยถามเบาๆ เหลือบมองผมไม่ห่าง
“เอ่อ ได้กลิ่นสิ”ผมตอบ กลิ่นอ่อนๆของสตอร์เบอรี่น่ะ...จ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเบส เจ้าตัวเผยยิ้ม ริมฝีปากที่ไม่แห้ง ดูชุ่มฉ่ำจนอยากลองสัมผัสดูสักครั้ง......อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ในใจเต้นตึกตัก
“ชอบปากอย่างเดียวจริงๆเหรอ”เบสถาม ขยับหน้ามาใกล้จนทบจะเป่าลมหายใจรดใบหน้ากันได้ ผมคิดอะไรไม่ออก หัวใจทำงานหนักขึ้น ใบหน้าขาวๆกับกลิ่นของอีกฝ่ายยังไม่จางไปไหน
“...ไม่รู้สิ”ผมพึมพำ ประสานตากับคนตรงหน้า แทบหยุดหายใจเมื่ออีกฝ่ายขยับมาใกล้มากขึ้นอีก จนปรายจมูกสัมผัสกันได้ ผมเตลิด ไม่คิดว่าจะมีคนมองเราอยู่หรือไม่ ผมแค่ขยับไปแตะปากกับอีกฝ่ายช้าๆ ครอบงำริมฝีปากราวกับกำลังละเลียดเค้กชิ้นนุ่ม แค่สัมผัสเบาๆ แต่ทำให้หัวใจเต้นแรง ริมฝีปากของเบสนุ่ม มีรสของลิปสติกเข้ามาในปาก ผมกลืนน้ำลาย
“ตอบแบบนี้ เราก็ทำอะไรไม่ถูกนะ ไปที่อื่นเถอะ”เบสผละออกจากผมก่อนจะกระซิบบอก ร่างสูงดึงมือผมให้ลุกขึ้นยืน ผมเหลียวหน้ามองหลัง พบว่ามีคนอยู่ประปราย ไม่ถึงสิบคน ผมหน้าร้อนแม้จะมองไม่เห็นว่าเป็นใครแต่ก็ประเจิดประเจ้อเกินไปจริงๆ ผมกับเบสลงเดินจากอัศจรรย์ลงไปยังด้านล่าง
แรงดึงของเบสแรงพอที่จะชักจูงผมให้เดินตามไปอย่างไม่คิดจะหามปรามหรือถามไถ่ว่าอีกฝ่ายจะพาไปไหน รู้ตัวอีกที ผมก็พบว่าเราเดินผ่านหน้าห้องน้ำเข้ามา เสียงประตูปิดดังเบาๆ เบสดันผมเข้าไปในห้องน้ำแคบๆ จนชิดกับผนังห้อง ประตูห้องน้ำปิดสนิท ผมชะงักนิ่ง จ้องมองคนตรงหน้าที่ยืนประชิดกับผม
ผมกำลังโดนจู่โจมหรอกเหรอเนี่ย
“นี่...จะทำอะไร”ผมถาม เบสยิ้ม
“ถามเธออีกครั้งนะ”เบสยื่นหน้ามากระซิบ ขยับตัวเข้ามาใกล้จนแทบไม่มีช่องว่าง ผมไม่ขยับไปไหน ทั้งๆที่ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ผมกลับไม่ตกใจหรือผลักอีกฝ่ายไปให้พ้นๆ แค่ยินยอม... ใบหน้าของอีกฝ่ายคลอเคลียใกล้ๆ ผมเห็นริมฝีปากของเบสขยับ สองหูฟังเสียงของเจ้าตัวอย่างจดจ่อ
ปลายจมูกสัมผัสที่ใบหูของผมจนขนลุกวาบไปทั้งตัว ก่อนที่จะเลื่อนมาใกล้กับใบหน้า แววตาล้ำลึก ไม่ใช่แค่ล้อเล่น ผมใจเต้นแรง คิดว่าอีกฝ่ายก็เช่นกัน เบสเลื่อนหน้าเข้าหา
“ชอบแค่ปากจริงๆน่ะเหรอ”เบสกระซิบ ก่อนจะกดจูบลงมาอย่างแผ่วเบา หัวใจแทบหยุดเต้น ต่างจากเมื่อครู่ก่อนเพราะนั่นแค่ปากแตะปาก แต่ในตอนนี้อีกฝ่ายกำลังจูบผม
ผมเคลิ้มตามอีกฝ่าย รสสัมผัสของเบสเข้ามาในปาก ริมฝีปากนุ่มกำลังครอบครองปากของผมอย่างง่ายดาย กลิ่นหอมอ่อนๆยังคงอยู่ ผมเลื่อนมือไปกระชับต้นคอของอีกฝ่าย จูบลึกมากขึ้น เกาะเกี่ยวพัวพันเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน จนเบสถอนปากออกไป ผมจ้องมองใบหน้าแดงก่ำของคนตรงหน้า
“ว่าไง”เบสถาม ผมเบลอหนัก หวนนึกถึงคำถามก่อนหน้านั้น....’ชอบแค่ปากจริงๆเหรอ’ ผมหลุดยิ้ม ขยับไปจูบอีกฝ่ายต่อ แค่จูบธรรมดาๆ
“ชอบปากด้วย...”ผมตอบ ยื่นหน้าไปคลอเคลียกับอีกฝ่ายอย่างลืมอาย ขยับปากเข้าไปขบบกัดริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายก่อนจะกระซิบ
“แต่ตอนนี้ชอบเบสด้วย”ผมบอก
เบสยิ้ม ดวงตาฉายแววพอใจ ก่อนจะยิ้ม “แน่ใจ?”อีกฝ่ายถามย้ำ
“แน่ใจ...ที่ใจเต้นอยู่เนี่ย คงไม่ใช่แค่ชอบปากของเบสหรอกมั้ง”ผมบอกก่อนจะหัวเราะอย่างขัดเขิน เบสจึงค่อยๆยิ้มออก
หวังว่าผมจะไม่เพ้อไปเองคนเดียวนะ
“เราอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้”คำตอบของเบสทำให้ผมยิ้ม
“ขอชัดเจนกว่านี้สิ”ผมแกล้งพูด มองเบสอย่างไม่ละสายตา เจ้าตัวหัวเราะ
"ไม่น่าถาม ใครที่ไหนจะปล่อยให้จูบง่ายถ้าไม่ชอบ"
อีกฝ่ายตอบกลับมาทำให้หัวใจเบ่งบาน ผมดึงเจ้าตัวมากอด
ก๊อกก๊อก
ทว่ามีเสียงขัดจังหวะ
"อะแฮ่มๆ จะกินกันในห้องน้ำเหรอแก"เสียงของเป้ยดังมาจากหลังประตูห้องน้ำ ทำให้ผมหน้าร้อนฉ่า
เราสองคนมองหน้ากันก่อนจะหลุดหัวเราะด้วยกันทั้งคู่
หลังจากนั้นผมได้ทำความรู้จักกับเบสมากยิ่งขึ้น อีกฝ่ายไม่ใช่คนเรื่องเยอะและมีความสนใจคล้ายกัน ยิ่งทำให้เราเข้ากันได้ง่าย จนผมแทบไม่คิดถึงความเป็นเพศเดียวกัน
ผมชอบเบส
เบสชอบผม
มันมีแค่นี้จริงๆ ผมรับได้ที่อีกฝ่ายจะสวยเกินหน้าเกินตาผู้หญิงหรือสนใจเรื่องแฟชั่น เรื่องเครื่องสำอางค์ แต่เบสยังเป็นผู้ชายธรรมดาไม่สิ...เบสเป็นเกย์ต่างหาก...แต่ก็ไม่ใช่พวกตุ้งติ้งขนาดนั้น
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมีโอกาสเข้ามาที่ห้องนอนของเบส ไม่ต่างจากที่ผมวาดไว้ สะอาด และเต็มไปด้วยรูปวาดและเฟรมภาพ รวมไปถึงเครื่องสำอางค์ ผมเห็นลิปสติกเป็นกล่องเลย พอเข้ามาในห้องผมเดินเข้าไปนอนเล่นบนเตียง มองเบสที่กำลังลองสีลิปสติกแท่งใหม่อยู่
"เป็นไง"อีกฝ่ายหันมาหาผม เจ้าตัวใช้สีโทนส้มทำให้ริมฝีปากเด่นชัดขึ้น ผมมองอยู่นานก่อนจะพยักหน้า
“สวยแล้ว”
“ปากสวยล่ะสิ”
“เบสก็สวยไง” ผมบอกไปตามตรง เบสยิ้ม
เดินมาหาผมที่เตียงก่อนจะยื่นหน้ามาประทับจูบที่แก้มขวา ทำเอาผมใจสั่นเพราะกลิ่นของอีกฝ่าย ผมคว้าเอวของเจ้าตัวมาใกล้ดึงลงมานอนบนเตียง เบสโวยวายแต่ก็ไม่ถึงขั้นปฏิเสธ เส้นผมสีช็อกโกแลตปรกลงมาเกลี่ยข้างแก้มของผมไปด้วย
"ชอบทำให้หลง"ผมบอก เจ้าตัวหัวเราะก่อนจะเข้ามาจูบผมไม่ทันได้ตั้งตัว
"อือ"ผมครางเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมให้ผมหายใจได้ง่ายๆ ร่างด้านบนทาบทับลงมาผมยื่นมือไปสอดรั้งลำคอของเบสให้แนบแน่น เส้นผมในมืออ่อนนุ่ม อีกฝ่ายดูดกลืนผมเข้าไปได้ง่ายๆครอบครองริมฝีปากของผม เราจูบกันอยู่นาน
ตั้งแต่ที่้เราคบๆกันมา ผมกับเบส เราจูบกันบ่อยมาก แค่จูบสัมผัสนุ่มอุ่นของกันและกัน สูดกลิ่นหอมของอีกฝ่ายและรสแปลกของลิปสติก
"อืม"ผมผละออกจากเบสได้ก็แทบหมดลมหายใจ สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ
เบสหัวเราะก่อนจะลุกจากตัวผม รริมฝีปากบวมเจ่อไปทั้งคู่ สีลิปสติกบนปากของเบสหายไปบ้าง มันเลือนรางลงเพราะจูบของเรา
เสียงเคาะประตูห้องของเบสดังขึ้นหลายครั้ง คงเป็นเป้ยที่มาหาเบสอีกตามเคย เอาลิปสติกคอลเลคชั่นใหม่มาหาเบสทดลองใช้ เจ้าของห้องเดินออกจากห้องนอนไปยังห้องด้านนอกเพื่อเปิดประตูให้เพื่อน
ผมลุกออกจากเตียงเดินออกไปด้านนอกบ้าง เห็นเป้ยนั่งอยู่ที่ชุดโซฟาขนาดเล็กสีน้ำตาล เจ้าตัวเหลือบมองผม ส่วนเบสกำลังสนใจแท่งลิปมัน ไม่ทันที่ผมจะนั่งลง เป้ยก็ร้องทัก
"สงสัยจะชอบลิปกันทั้งคู่"
"หืม???"ผมมองเป้ยงงๆ เบสชะงักกึก
แกก็ไม่เช็ดหน้าให้แฟนบ้างนะ เลอะไปหมดแล้ว"คำพูดของเป้ยทำให้ผมรู้ตัว ใบหน้าร้อนจัด ผมยกมือมาแตะที่ใบหน้า เห็นว่าเบสกำลังยิ้มกว้าง
จ้องมองเบสอย่างคาดโทษก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ พบว่ารอยลิปสติกของเบสทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่ข้างแก้มและที่ริมฝีปากของผม
....เบสนะเบส ชอบทิ้งรอยลิปเอาไว้อยู่เรื่อย
ถึงจะอายแต่ผมยังคงยิ้มกว้างเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจ
เอื้อมไปเปิดน้ำ หยิบโฟมล้างหน้าออกมา
ในกระจกที่สะท้อนกลับมาเห็นรอยลิปสติกของเบส
…การแสดงความเป็นเจ้าของ
ผมยิ้มมีความสุข
ลิปสติกของเบส ผมก็ชอบเหมือนกัน
***จบ***
นี่ไม่ใช่โฆษณาลิปนะคะ555
ลองแต่งน่ารักๆดู
ขอบคุณค่ะ สนุกกับการอ่านนะคะ