2 Cake: Talk
“อ้าว ไหนมึงฝากกูซื้อน้ำไง” ไอ้เบนซ์ทำหน้าสงสัย เมือเห็นว่าตรงหน้าที่ผมนั่งอยู่มีขวดน้ำวางอยู่ก่อนแล้ว
“อืม” ผมไม่ตอบอะไร แต่เลือกที่จะหยิบขวดน้ำที่เบนซ์มันซื้อมาแล้วเปิดกิน
“สรุปได้ที่ฝึกงานแล้ว?” เกอร์ที่มาใหม่ถามพร้อมกับวางจานข้าวลง
“อืม”
“ที่?” เบนซ์ถามต่อ แต่ยังไม่ทันตอบ ไอ้เกอร์ก็เฉลยแทน
“สิงคโปร์ไง” ว่าพลางตักข้าวเข้าปาก “ไม่เคยจำอ่ะ มันพูดเป็นสิบรอบละ”
“มึงพูดเยอะหลายรอบเป็นกะเค้าด้วยเหรอวะเค้ก?” ไอ้เบนซ์หัวเราะ
“แล้วพวกมึงเอาไง?” ผมไม่ตอบ แต่เลือกถามกลับไปแทน
“ไม่รีบ ฝึกงานไปด้วย ทำโปรเจ็คไปด้วยยังทัน” เกอร์ว่า
“กูด้วย กูไม่อยากไปไกลเหมือนมึง เพราะงั้นกูไม่รีบ”
“ไม่อยากไปไกลหรือขี้เกียจ?” ผมถามอีก
ผมเลือกที่จะไปฝึกงานที่สิงคโปร์เพราะที่โน่นมีอะไรหลายอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะความเจริญก้าวหน้าในอุตสาหกรรมกรรม เทคโนโลยี และการพัฒนาประเทศ ยิ่งที่นั่นเป็นเกาะเล็กรายล้อมไปด้วยทะเลแต่กลับก้าวหน้าทางด้านการคมนาคมเป็นอย่างมาก ซ้ำยังพัฒนาในหลายๆด้านนำบ้านเราไปอีกหลายสิบปีด้วย คิดว่าน่าจะได้ประโยชน์กลับมาเยอะพอสมควร ปีสามนี้เลยตั้งใจลงเรียนเพื่อเก็บวิชาที่เหลือให้หมด และหาข้อมูลฝึกงานไว้ก่อน ก่อนที่จะไปฝึกจริงในปีสี่เทอมแรก ส่วนเทอมสุดท้ายจะได้มีเวลาทำโปรเจ็คจบอย่างเต็มที่
“เออ กูขี้เกียจ” แล้วไอ้เบนซ์มันก็หัวเราะหน้าตาเฉย ไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“แต่ขอไรอย่าง” ไอ้เกอร์เข้าโหมดจริงจัง “ตอนนี้ก็ได้ที่ฝึกงานแล้ว ลงวิชาเรียนก็ครบแล้ว ช่วยไปตัดผมและโกนหนวดอุบาทว์ๆนั่นสักที เห็นแล้วรำคาญตาชิบ”
“แบบนี้ก็ดีแล้ว” ไอ้เบนซ์รีบพูด “เพราะถ้าแม่งตัดผมแล้ว กูดรอปทันที”
“ถึงเฮียไม่ตัด พี่ก็ดรอป” บุคคลมาใหม่เอ่ยเสียงดังว่า ก่อนยกมือไหว้พวกผมทีละคน
“ขอร้องเถอะหญิง มึงช่วยทำตัวให้เหมือนผู้หญิงสมชื่อหน่อยจะได้มั้ย” ไอ้เบนซ์มองรุ่นน้องเอือมๆ
“งั้นพี่ก็ปฏิบัติตัวกะหนูเหมือนผู้หญิงก่อนสิ” น้องมันตอบกลับพร้อมกับยัดมะม่วงเข้าปาก ถ้าจำไม่ผิดมะม่วงนั่นไอ้เบนซ์เป็นคนซื้อมา
“พอเลยพอ” ไอ้เกอร์ยกมือห้ามทัพ ก่อนที่จะมีคนอื่นหันมามองพวกเรากันมากกว่านี้ เพราะตอนนี้เสียงดังกันเหลือเกิน แต่ถึงไม่ดังคนก็มอง ก็ไอ้เกอร์มันออกจะเด่น
“พี่ๆหวัดดีครับ” ไวท์ น้องรหัสไอ้เกอร์ผู้มาใหม่พร้อมกับนินิว น้องรหัสผม ยกมือไหว้
“อืม” ผมพยักหน้ารับ
“พี่ๆครับ ผมมีเรื่องจะขอร้อง” ไอ้ไวท์เริ่มจริงจัง
“ไม่ได้ไปทำใครท้องใช่มั้ย?”
“พี่เกอร์ ผมโสด”
“หรือมึงไปมีเรื่องกะใครอีก วันก่อนก็พวกไอ้สร ไปทะเลาะกะพวกถาปัตถ์ แม่ง ต้องให้กูไปเคลียร์”
“พี่เบนซ์ใจเย็น” ไอ้ไวท์รีบปราม ก่อนจะเริ่มอธิบายจริงจัง “คืองี้ ผมเป็นนักกีฬาฟันดาบของมอใช่ปะ แล้วมันมีโปรแกรมใหม่ที่จะต้องลงแข่งในเดือนหน้า โค้ชเพิ่งมาบอก ทำให้ต้องซ้อมทุกวัน”
“แล้ว?” ไอ้เกอร์ถามน้องรหัสมัน
“ผมก็ไม่รู้ไงว่าจะต้องลงแข่งโปรแกรมนี้อ่ะ แล้วก็ดันไปรับจ๊อบสอนพิเศษเอาไว้น่ะสิ”
“มึงจะโง่ไร แคนเซิลไปสิวะ” ไอ้เบนซ์แย่งถั่วหญิงกิน
“ทำได้ก็ดีสิ ผมรับตังค์มาแล้ว”
“เอาไปคืนสิวะ โง่อีก” ไอ้เบนซ์ตบหัวน้องมันอีกที
“ไม่ทันแล้ว ผมเอาไปจ่ายค่าหอที่ค้างไว้แล้ว” ไอ้ไวท์หน้าสลดลง ซึ่งพวกผมก็พอรู้มาบ้างว่ามันฐานะที่บ้านไม่ค่อยดี เรียนโดยใช้ทุนนักกีฬา และมักจะรับจ๊อบเพิ่มด้วย เคยเสนอตัวช่วยแล้วก็เสือกหยิ่งในศักดิ์ศรีอีก ไอ้เกอร์เลยตัดปัญหาด้วยการหาเรื่องเลี้ยงข้าวมันบ่อยๆ
“แล้วที่จะขอร้องคือ?” ไอ้เกอร์ถาม
“พวกพี่ช่วยไปสอนพิเศษแทนผมหน่อยดิ”
“ถ้าเด็กมึงเป็นผู้หญิง กูไป” ไอ้เบนซ์รีบเสนอตัว
“ทำดีหวังผล” หญิงได้ทีก็แขวะใหญ่
“เป็นผู้ชายครับ สอนแมท1 ตัวพื้นฐานเลย ที่เราเรียนตอนปีหนึ่งอ่ะ เห็นว่าทางนั้นอ่อนมากถึงมากที่สุด ถึงกับต้องดรอปไว้แล้วค่อยไปลงเรียนใหม่”
“นั่นโคตรง่ายเลยนะ”
“มึงว่าง่าย มึงก็ไปสอนสิวะเกอร์ ช่วยน้องรหัสมึงไง”
“สอนคนไม่เป็น ไม่ว่างด้วย” ไอ้เกอร์กับไอ้เบนซ์เริ่มเกี่ยงกัน
“ละทำไมไม่ให้ไอ้หญิง หรือไอ้นิวสอนวะ เพื่อนมึงก็มี ทำไมต้องเป็นพวกกู”
“ก็ผมบอกเขาว่าเป็นผู้ชายไงครับ ดังนั้นฝ่ายนั้นก็ต้องการให้คนที่สอนเป็นผู้ชายน่ะสิ”
“ไอ้เค้กไง” ไอ้เกอร์ชี้มาทางผม
“ทำไมต้องกู”
“ก็เพราะมึงเป็นมึงไง หล่อ รวย เก่ง เพราะงั้นมึงเลย ฮ่าๆๆๆ” แล้วไอ้เบนซ์ก็ระเบิดหัวเราะ มีอะไรน่าขำตรงไหน
“ช่วยน้องมันหน่อย เดี๋ยวแข่งโปรแกรมนี้จบแล้วค่อยหยุดก็ได้ อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่มีอะไรอยู่แล้วนี่” ไอ้เกอร์ว่า
“พี่เค้กครับ ช่วยผมด้วยนะครับ เริ่มพรุ่งนี้แล้วด้วย แต่ผมต้องไปซ้อมอ่ะ เนี่ยเดี๋ยววันนี้ก็ต้องไปละเนี่ย” ไอ้ไวท์ยกมือไหว้ “เดี๋ยวผมได้เงินจากงานแล้วเดี๋ยวผมคืนให้”
“ไม่ต้อง” ผมว่า
“ขอบคุณนะครับพี่เค้ก” ไอ้ไวท์ยกมือไหว้แล้วไหว้อีก
“กูยังไม่ได้รับปาก”
“อ้าว..” ไอ้ไวท์หน้าเหวอลงหลังจากที่ผมพูดจบ
“ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวมันก็จัดการให้เองนั่นแหละ” ไอ้เกอร์ปลอบ ว่าแต่นี่ผมต้องกลายไปเป็นติวเตอร์จริงๆเหรอ?
“พี่เค้ก อย่าลืมที่นิวบอกนะ” น้องรหัสผมที่นั่งเงียบอยู่นานเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วย
“อืม” ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้น
“มึงจะไปไหววะเค้ก” ไอ้เบนซ์เรียก
“ไปรับเพลง” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับพยักหน้าให้นิวที่ยกมือไหว้ และไม่ลืมที่จะหยิบน้ำขวดนั้นติดมือออกมาด้วย
“นี่มึงเป็นแฟนเพลงจริงเหรอวะ?” ไอ้เบนซ์ถาม
“...” แต่ผมไม่ได้ตอบ
“หึๆ” กลับเป็นไอ้เกอร์ที่เป็นฝ่ายหัวเราะขึ้นมา หลังจากที่ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป แหงล่ะ เกอร์มันรู้นี่ว่าอะไรเป็นอะไร
“เกียร์ของเพื่อนกูจะขายออกก็คราวนี้แหละโว้ยยยยยย ฮ่าๆๆ” ไอ้เบนซ์หัวเราะชอบใจ ทั้งที่ไม่ได้รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็เอาเถอะ ขนาดมึงยังเก็บไว้กับตัวอยู่เลย..
เกียร์อยู่ที่ใจ ใจอยู่ที่เกียร์
ฝากเกียร์ไว้กับใคร ..ฝากใจไว้กับคนนั้น
[/i]
ประโยคเสี่ยวๆที่รุ่นพี่มันสั่งสอนกันมา เด็กวิศวะทุกคนมันจำได้ขึ้นใจกันทั้งนั้นแหละ แต่กว่าจะมอบหัวใจให้ใครได้ มันก็ต้องผ่านกระบวนการคิดพิจารณากันมาแล้วทั้งนั้น ก็กว่าจะได้นี่
วิ่งไปตั้งกี่รอบ...
“ครับแม่” ผมรับสายบุพการี หลังจากที่ขับรถออกจากคณะมาได้ซักพัก ตอนนี้กำลังจะไปรับเพลง ดาวนิเทศฯ ปีเดียวกันกับไอ้เกอร์นั่นแหละ
[เค้กกลับบ้านรึเปล่าวันนี้]
“ไม่ครับ”
[ป๋าอยากกินข้าวด้วยนะลูก] แม่บอกอีก [เค้กไม่กลับบ้านมาสองอาทิตย์แล้วนะลูก]
“ยุ่งๆน่ะ ไว้วันหยุดก็แล้วกัน” ผมบอก
[แต่..]
“ผมขับรถอยู่ เท่านี้นะแม่” ผมตัดบทแล้ววางสายเลย นี่ผมไม่ได้กลับบ้านมาแค่สองอาทิตย์เองเหรอ นึกว่าเป็นเดือนแล้วซะอีก
ว่าแต่แมท 1 มันยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ ปกติวิชานี้เป็นวิชาที่นักศึกษาทุกคนจะเก็บเกรดง่ายนะ สงสัยต้องกลับไปรื้อดูซะแล้ว ว่าเล็คเชอร์วิชานั้นอยู่ตรงไหน จำได้ว่าไม่ได้ให้นิวเพราะน้องมันก็เรียนเก่งพอตัว และปกติเรื่องที่น้องเข้ามาคุยก็ไม่ค่อยปรึกษาเรื่องเรียนสักเท่าไหร่ ส่วนมากจะเป็นเรื่องอื่นซะมากกว่า..
สงสัยวันนี้ก็คงยังไม่ได้ตัดผมอีกตามเคย กว่าจะเสร็จธุระ ผัดไปอีกวันนึงก็แล้วกัน
TBC