✘✘เกลียดสัมผัส✘✘ แทน⇌ครูซ ║ ตอนพิเศษ ขอเพียงชั่วนิรันดร์​ ║ (25/4/2561) P.2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✘✘เกลียดสัมผัส✘✘ แทน⇌ครูซ ║ ตอนพิเศษ ขอเพียงชั่วนิรันดร์​ ║ (25/4/2561) P.2  (อ่าน 16003 ครั้ง)

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สวัสดีค่ะ เราขอชี้แจ้ง นิยายเรื่องเกลียดสัมผัส นิดหนึ่ง
นิยายเรื่องนี้บางคนอาจจะเคยอ่านแล้วเพราะเราเคยลงไว้ในเล้า
แต่เอาออกไปเพื่อทำการรีไรต์เนื้อหาและตรวจคำผิด ตอนนี้จึงนำมาลงให้อ่านกันใหม่
หวังว่านิยายเรื่องนี้จะให้ความสนุกแก่คนอ่านไม่มากก็น้อยนะคะ
เกริ่นมาเริ่มเหมือนคำนำรายงาน 55555 งั้นพอก่อน ไปอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ


*****************************************************************************************
 

ชื่อเรื่อง เกลียดสัมผัส


 

CRUZ

ตัวตนที่หลากหลายดึงดูดให้เขาหมกมุ่น

อยากรู้อยากสัมผัสให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ของอีกฝ่าย

ยิ่งรู้จักยิ่งลุ่มหลง

ยิ่งใกล้ชิดยิ่งเสพติด

ท้าทายจนอดตื่นเต้นไม่ได้ทุกครั้งที่พบเจอ

มันจะรู้สึกดีแค่ไหนนะ

ถ้าคนที่ไม่เคยยอมลงให้ใคร

ยอมแค่เขาเพียงคนเดียว

 

TAN

เสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานของเขาไม่เคยมีใครได้ยิน

ชายคนนั้นได้ยิน

น้ำตาที่หลั่งรินออกมาไม่เคยมีใครเหลียวแล

ชายคนนั้นสนใจ

ความรักที่เขาไม่เคยได้รับ

ชายคนนั้นมอบให้

เขาไม่เคยเชื่อในศาสนา เลิกศรัทธาในทุกสิ่ง

เมื่อเฝ้าภาวนาแล้วไม่เคยได้รับความเมตตา

แต่ตอนนี้เขาอยากลองอ้อนวอนอีกสักครั้ง

ขอชายคนนี้ให้แก่เขา

ขอคนๆ นี้เพียงคนเดียวให้อยู่เคียงข้างกัน

นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะขอ

โปรดมอบชายคนนี้ให้เขาชั่วนิรันดร์

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2018 17:00:03 โดย chanlee »

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หากวันนั้นไม่ได้พบเจอกัน

ชีวิตของเขาคงดับสูญไปพร้อมความเดียวดายตลอดกาล

...................................................................

ตอนที่ 1

“ยินดีที่ได้ร่วมงานด้วยกันครับ” รอยยิ้มพร้อมมือหนายื่นมาตรงหน้าเพื่อสร้างสัมพันธไมตรี ทำให้ชายหนุ่มชะงักตัวมองเล็กน้อย เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากก่อนยื่นมือไปจับตามธรรมเนียมที่พึงกระทำ สัมผัสเปียกชื้นจากฝ่ามืออีกฝ่าย ทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน สมองด้านชา ขนอ่อนลุกชันไปทั่วร่างกาย ตรงที่แตะโดนกันราวกับมีหนอนตัวเล็กๆ นับร้อยที่มองไม่เห็นกำลังดิ้นพล่านเพื่อชอนไชเข้าสู่ผิวหนังของเขาอยู่ คันหยุบหยับอยากเกาแทบขาดใจแต่ใบหน้าคมคายกลับแสร้งฉีกยิ้มให้คู่สนทนาโดยไม่มีหลุดพิรุธเลยแม้แต่น้อย

“ทางเราก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับบริษัทของคุณโทมัสครับ” ชายหนุ่มก้มศีรษะเพื่อแสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งผลตอบรับก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้ อีกฝ่ายรู้สึกประทับใจกับการเจรจาทำสัญญาในครั้งนี้เป็นอย่างมาก

“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“เชิญครับ ไว้ทางเราจะติดต่อกลับไปอีกครั้ง วันนี้ขอบคุณมากนะครับ” ชายหนุ่มยืนเต็มความสูง ยิ้มละมุนแล้วผายมือให้อย่างสุภาพ ดวงตาสีนิลจับจ้องร่างอ้วนท้วมของคู่สนทนาไปจนสุดสายตาเมื่ออีกฝ่ายเดินพ้นกำแพงกั้น รอยยิ้มก็จางหายไปจากใบหน้า มือสองข้างกำจิกกันแน่นจนซีดขาว

รังเกียจ

ขยะแขยง

ภายในหัวมีสองคำนี้วนเวียนไปมาไม่ยอมหยุด รู้สึกพะอืดพะอมจนอยากอาเจียนออกมา ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามข่มอารมณ์ไว้ไม่ให้ตัวเองเผลอแสดงพฤติกรรมประหลาดออกไปต่อหน้าผู้คน เขาเรียกชำระเงินค่าเครื่องดื่มแล้วรีบย่ำเท้าตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

ปึง! ซ่า

ชายหนุ่มเปิดก๊อกน้ำด้วยใบหน้าเหยเก ดวงตาแดงก่ำจากการอดกลั้น กดสบู่ล้นฝ่ามือแล้วออกแรงขัดถูจนผิวหนังมีแต่รอยแดง คนที่เข้ามาใช้บริการห้องน้ำต่างพากันหันมามองด้วยความสงสัย เขารับรู้แต่ก็ไม่อาจห้ามการกระทำของตนได้ เพราะหากตอนนี้ไม่ได้ทำความสะอาดมือเขาคงต้องขาดใจตายแน่ๆ

ยืนล้างอยู่นานจนมือเริ่มเหี่ยวซีด เหงื่อไหลซึมตามกรอบหน้าจากภาวะตึงเครียด แต่ต่อให้ล้างสักเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกสะอาดสักที อยากถลกหนังลอกออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

“คุณผู้ชายมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” เสียงเอ่ยทักอย่างสุภาพจากพนักงานสวมชุดสูทหยุดการกระทำแสนบ้าคลั่ง การปรากฏตัวเข้ามาภายในห้องน้ำของอีกฝ่ายทำให้ความคิดยุ่งเหยิงเมื่อครู่เบาบางลง สติเริ่มคืนกลับมา

“ไม่มี” ตอบด้วยเสียงเย็นชาก่อนหันหลังก้าวเดินออกไปในทันที คงจะมีใครไปแจ้งเกี่ยวกับท่าทางของเขาในห้องน้ำ พนักงานจึงเข้ามาทักถึงที่ ร้านอาหารสุดหรูมีผู้พลุกพล่านแบบนี้เป็นสถานที่น่ารังเกียจที่สุด หากไม่ใช่เพราะงานเขาจะไม่มีวันมาเหยียบเด็ดขาด

ปกติเขาไม่ได้มีหน้าที่มาเจรจากับลูกค้าข้างนอกแต่วันนี้คนที่รับผิดชอบงานติดธุระสำคัญ เขาจึงโดนคนมีอำนาจสั่งให้มาแทน ทั้งที่รู้ว่าเขาเกลียดการพบเจอคนขนาดไหนก็ยังกล้าที่จะสั่ง ใบหน้าชายหนุ่มบิดเบี้ยวไปตามแรงอารมณ์ ยามนึกถึงสัมผัสน่ารังเกียจก็คันไปทั่วร่างกายจนต้องใช้เล็บเกาซ้ำๆ ยิ่งเจ็บปวดทรมานมากเท่าไหร่ความอึดอัดใจก็เริ่มเบาบางลงเท่านั้น

พอถึงบริษัทเขาก็หยิบผ้าปิดปากมาใส่แล้วเดินตรงไปห้องทำงานของตนทันที ระหว่างทางมีพนักงานก้มหน้ายกมือไหว้ตลอดแต่ชายหนุ่มกลับไม่ชายตามองหรือรับไหว้ใครสักคน หากเป็นพนักงานทั่วไปคงโดนเขม่นใส่แล้วแต่เพราะชายหนุ่มคือส่วนหนึ่งของบริษัทนี้ ทุกคนถึงเกรงใจไม่กล้าแสดงท่าทีออกมา

คุณแทน หรือ แทนฟ้า วราวุธกิจ อายุยี่สิบหกปี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัท วี.เค. กรุ๊ป จำกัด คนที่ใครๆ ก็ต่างพากันอิจฉา แทนเกิดมาในตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศ เรียนจบปริญญาโทด้วยวัยเพียงสิบแปดปี ความจำที่เป็นเลิศบวกกับมันสมองที่ดีกว่าคนปกติหลายเท่าทำให้แทนสามารถเข้าทำงานในบริษัทของตระกูลได้ตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบปี เป็นผู้จัดการฝ่ายที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่ถอดแบบมาจากย่าผู้ซึ่งเคยเป็นดาราดังเมื่อสี่สิบปีก่อนทำให้เขาเป็นที่จับตามอง แต่ด้วยนิสัยชอบเก็บตัวไม่เข้าสังคมทำให้ข้อมูลส่วนตัวของแทนในสื่อนั้นมีอยู่เพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับญาติพี่น้องคนอื่นในตระกูลที่ชอบออกงานเลี้ยงสังคมอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อถึงที่หมาย แทนก็ตรงดิ่งไปเข้าห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องทำงานที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษเพื่อชำระสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่ติดตามร่างกายให้เรียบร้อยแล้วจึงค่อยกลับมานั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ตลอดยามบ่ายโดยไม่ได้หยุดพักจนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมการเปิดเข้ามาอย่างถืออภิสิทธิ์

“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” น้ำเสียงเรียบนิ่งส่งผลให้แทนมองหน้าผู้พูดด้วยท่าทางเย็นชาไม่แพ้กัน ชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับเขา รูปร่างสูงใหญ่ที่ยังคงความดูดีเอาไว้เสมอสาวเท้าเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงาน ไร้เสียงทักทายจากคนที่ก้มหน้าจมกองเอกสาร

ใช่... แทนไม่คิดสนใจการมาเยือนของทศพล

“ฉันจ้างเลขามาให้แก พรุ่งนี้เขาจะเข้ามาทำงาน” สิ้นเสียงบอกเล่า แทนขมวดคิ้วแน่นไม่พอใจ

“ผมไม่ต้องการ”

“ฉันไม่ได้ถามความสมัครใจของแก แค่มาบอกให้รับรู้” ทศพลจ้องหน้าลูกชายด้วยสายตาไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่ครอบครัวตนก็เลี้ยงมาเหมือนกัน ทำไมแทนถึงได้มีนิสัยแปลกแยกจากญาติพี่น้องมากมายนัก

“อย่าลืมกลับบ้านด้วย แม่เขาเป็นห่วง” ทศพลถอนหายใจแล้วเอาแฟ้มสีดำยื่นไปให้ แต่แทนไม่รับซ้ำยังเบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากมองกันอีก

“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วเชิญออกไปด้วยครับ ผมจะทำงาน” แทนก้มหน้าอ่านเอกสารต่อไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ การกระทำไร้มารยาทเหมือนไม่เห็นหัวกันทำให้ทศพลบันดาลโทสะขึ้นมา

“แกนี่มัน!...ไอ้ลูกนอกคอก!” สิ้นเสียงตะโกนด่า ใบหน้าสะบัดอย่างแรงจากการตบด้วยแฟ้มหนา แม้แรงกระแทกจะทำให้มุมปากมีเลือดไหลออกมาแต่แทนกลับมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“ถ้าแม่แกไม่บอกให้มาหา ฉันคงไม่มาเหยียบที่นี่หรอก!” ทศพลเดินจากไปด้วยความโมโห

ปัง!

เสียงปิดประตูดังลั่น แทนเงยหน้าขึ้นมามองเก้าอี้ที่เคยมีคนนั่งอยู่เมื่อครู่ด้วยสายตาว่างเปล่า

“ไม่เคยขอให้มา” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคใต้ลิ้นชักขึ้นมาฉีดทั่วบริเวณจนพอใจถึงเดินไปทำแผลที่ริมฝีปาก มันเริ่มอักเสบอย่างเห็นได้ชัด แทนคาดว่าอีกไม่ช้ามันคงบวมเป็นจ้ำม่วงไม่น่ามอง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะหากต้องออกไปข้างนอกอย่างไรก็ต้องใส่ผ้าปิดปากอยู่แล้ว ใช่ว่าใครจะมองเห็นเสียเมื่อไหร่กัน

ร่างสูงยืนพิงโต๊ะเหม่อมองออกไปทางหน้าต่างด้วยสายตาหมองเศร้าในแบบที่ไม่เคยมีใครได้เห็น

“น่าเบื่อ” แทนหัวเราะขึ้นจมูกทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวเดิมเพื่อจัดการเอกสารที่ทำค้างจากเมื่อครู่ต่อแต่สายตาของเขากลับสะดุดเข้ากับแฟ้มสีดำหนาที่คนเป็นพ่อยื่นให้ ชายหนุ่มมองอย่างชั่งใจก่อนเอื้อมมือไปหยิบถุงมือขึ้นมาสวมใส่ ภายในแฟ้มมีข้อมูลส่วนตัวและภาพถ่ายของคนคนหนึ่ง

นายครูซ เจนซัน อายุยี่สิบสี่ปี เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ปัจจุบันอาศัยอยู่กับแม่และน้องสาว แทนเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นข้อมูลที่ละเอียดมากเกินไป ตั้งแต่ประวัติครอบครัว ประวัติการทำงาน และข้อมูลส่วนตัวเชิงลึกที่ปกติใบสมัครงานไม่มีให้กรอก คาดว่านี่คงไม่ใช่ประวัติที่เลขาคนนี้เต็มใจให้แต่เป็นการจ้างสืบประวัติของทศพลเสียมากกว่า

ตาแก่นี่ยังเป็นคนน่ารังเกียจอยู่เหมือนเดิม ทำแต่เรื่องที่เขาไม่ชอบ แม้จะไม่ต้องการเลขาแต่คงจะปฏิเสธออกไปไม่ได้ แทนไม่อยากทำให้เรื่องวุ่นวายเพราะถ้าหากปัญหาระหว่างเขากับทศพลไม่จบลงสักทีแล้วคนเป็นย่ายื่นมือมาเข้ามาจัดการทุกอย่างให้เรื่องจะยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิม

เปิดไปจนแผ่นสุดท้ายก็พบรูปถ่ายขนาดฝ่ามือเป็นภาพชายหนุ่มลูกครึ่งมีรอยยิ้มหวานประทับมุมปาก แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนประเภทที่เขาเกลียดที่สุด แต่ก็คงอยู่ได้อีกไม่นานหรอกเพราะไม่เคยมีใครทนอยู่ใกล้เขาได้เลยสักคน แทนปิดแฟ้มลงหันไปสนใจกับเอกสารเหมือนเดิม เขานั่งจมอยู่กับกองงานหลายชั่วโมงจนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าไปมองนาฬิกาบนฝาผนังห้องซึ่งเป็นตอนที่เข็มสั้นกับเข็มยาวชี้ไปยังเลขสิบสองพอดี

เที่ยงคืนกลายเป็นเวลาเลิกงานปกติของแทนไปซะแล้ว ชายหนุ่มเป็นคนที่ไม่เคยสนใจกับการกะเกณฑ์เวลาในการทำงานเนื่องจากไม่ชอบความค้างคา ถึงแม้จะกลับไปพักผ่อนแต่หากงานไม่เสร็จเขาก็ไม่สามารถข่มตานอนได้อยู่ดี คงเป็นเพราะแบบนี้พ่อกับย่าถึงยังไม่ตัดเขาออกจากกองมรดกหลายหมื่นล้าน แทนส่ายหน้าให้ความคิดของตัวเองแล้วปิดประตูห้องทำงานเตรียมตัวกลับไปพักผ่อนยังคอนโดส่วนตัวที่อยู่ถัดออกไปจากบริษัทไม่มากนัก

เช้าวันใหม่ยังเหมือนเดิมทุกวัน ไม่มีอะไรให้ลุ้นหรือน่าตื่นเต้น ชายหนุ่มใช้ชีวิตเป็นวังวนเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อแปดปีก่อนเป็นอย่างไรตอนนี้ก็ยังเหมือนเคย หากคนอื่นมองชีวิตของแทนคงรู้สึกถึงความน่าเบื่อไร้สีสัน แต่สำหรับเจ้าตัวการใช้ชีวิตแบบนี้คือสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว อะไรก็ตามหากดูเป็นปัญหาที่ทำให้ชีวิตด่างพร้อยเขาก็พร้อมจะตัดมันทิ้งโดยไม่สนใจ ยกตัวอย่างเช่นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้

“สวัสดีครับ ผมครูซ เจนซัน ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ” ใบหน้าเนียนใสกับรอยยิ้มจริงใจทำให้แทนรู้สึกอึดอัดใจกับการพูดคุยกับเลขาคนใหม่

“อืม” แทนพยักหน้ารับแล้วก้มลงอ่านเอกสารโดยไม่มีการต่อบทสนทนาใดๆ ทั้งสิ้น

“คุณแทนมีอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษไหมครับ” ครูซเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่ม ที่เขาถามแบบนี้ก็เพื่อจะได้เรียนรู้ความต้องการของอีกฝ่ายเพราะเลขาคือตำแหน่งงานที่ต้องใกล้ชิดและเป็นแขนขาให้กับผู้เป็นนาย แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือความเงียบที่คนตรงหน้าไม่สนใจจะตอบ แทนพลิกกระดาษไปมาเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่หนุ่มลูกครึ่งเอ่ยไปเมื่อครู่ ครูซขมวดคิ้วเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้า ครูซพยายามจะตั้งคำถามอีกครั้งทั้งที่ในใจเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาเนื่องจากไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

“คุณไปทำงานเถอะ” คนเป็นนายเงยหน้ามาสบตาเล็กน้อยพลางโบกมือไล่ เลขาหนุ่มชะงักตัวก่อนก้มหัวเป็นการตอบรับแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป

ครูซยืนพิงประตูเม้มปากแน่นด้วยความไม่เข้าใจ ถ้าจะพูดให้ถูกเขารู้สึกเสียหน้ามากกว่าเพราะทั้งชีวิตไม่เคยถูกเมิน เขามักเป็นที่สนใจ ทุกคนต่างอยากเข้าหา ไม่มีสักครั้งที่รู้สึกไร้ตัวตนเหมือนยามที่ยืนอยู่ตรงหน้าแทน ดวงตาสีนิลแสนเย็นชา เสียงเรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ ยิ่งอีกฝ่ายใส่ผ้าปิดปากไว้ ครูซยิ่งไม่สามารถคาดเดาลักษณะนิสัยของเจ้านายได้เลย

งานครั้งนี้คงยากสำหรับเขาไม่น้อย ครูซถอนหายใจแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานหน้าห้อง หลังเช็คตารางงานและเรียบเรียงสิ่งที่จำเป็นต้องทำเสร็จ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจลุกไปบริเวณจุดพักผ่อนที่มีของพร้อมทุกอย่างเพื่อบริการพนักงาน ระหว่างทางชายหนุ่มเป็นที่สนอกสนใจของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา ด้วยรูปร่างหน้าตาและตำแหน่ง เลขาของคุณแทน ที่ไม่เคยมีใครได้ครอบครอง

“นี่ไงแก คนที่เป็นเลขาคุณแทน” พนักงานฝ่ายบัญชีร่างอวบสะกิดเพื่อนที่นั่งข้างกันให้หันไปมองครูซที่เพิ่งเดินมาถึง

“หนุ่มลูกครึ่งซะด้วย” กลุ่มพนักงานสาวเมื่อหันไปมองครูซที่ส่งยิ้มเล็กน้อยมาให้ต่างร้องอุทานออกมาด้วยความชอบใจเพราะนานๆ ทีจะมีหนุ่มหล่อเข้ามาใหม่ทำให้อดตื่นเต้นไม่ได้

“น้องเพิ่งมาใหม่ใช่ไหม พี่ชื่อจ๋านะ” สาวร่างอวบเดินเข้าไปแนะนำตัวแซงหน้าเพื่อนๆ ที่นั่งมองด้วยความอิจฉา

“สวัสดีครับผมครูซ” ชายหนุ่มยิ้มรับคำทักทาย เขากลายเป็นจุดศูนย์กลางที่ดึงดูดสายตาของทุกคนไปในทันที ความรู้สึกแบบนี้ล่ะที่ครูซคุ้นเคย

“ไม่ต้องพูดสุภาพขนาดนั้นก็ได้ พูดตามปกติเถอะคนกันเอง” แล้วหลังจากนั้นครูซก็ถูกดึงเข้าสู่บทสนทนาที่ทุกคนต่างยิงคำถามใส่ไม่หยุด ทั้งเรื่องส่วนตัวบ้างเรื่องทั่วไปบ้างจนมาถึงสิ่งที่ทุกคนต่างค้างคาใจและอยากรู้มากกว่าเรื่องไหน

“พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ” พนักงานชายฝ่ายไอทีทนความสงสัยไม่ไหวจึงเป็นหน่วยกล้าตายเอ่ยออกไป

“ครับ?”

“มาทำงานเป็นเลขาคุณแทนได้ไง” สิ้นคำถามรอบข้างก็เงียบสงัดราวกับเครื่องเล่นเพลงที่ถูกปิดเสียงลง ทุกสายตาจับจ้องตรงมาอย่างรอคอยคำตอบ

“ผมสมัครเข้ามาตามปกติครับ”

“ไม่มีใครที่รู้จักอยู่ในบริษัทบ้างเลยเหรอ” หลายคนคิดว่าที่ครูซเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ได้เพราะเส้นสาย

“ไม่มีครับ” เป็นเรื่องจริงเพราะเขามาสมัครด้วยตัวเองพร้อมรับการทดสอบความรู้แข่งขันกับคนครึ่งร้อย กว่าจะได้มาทำงานในตำแหน่งนี้ถือว่ายากพอดูแต่เงินเดือนที่ได้ก็สูงลิบเช่นกัน หากเอ่ยไปทุกคนคงได้ตกตะลึงแน่นอน

“แปลกมาก รู้ไหมพี่เห็นคุณทศพลเปิดรับสมัครเลขาคุณแทนมาเกือบหกปีแต่ไม่เคยมีใครผ่านคุณสมบัติเลยสักคน” เกิดเสียงดังเซ่นแซ่ไปทั่วบริเวณสร้างความแปลกใจให้กับคนที่บังเอิญเดินผ่านมา แทนหยุดชะงักเท้าแล้วหันไปฟังบทสนทนาเมื่อครู่ โดยที่ไม่มีใครสังเกตหรือหันมาสนใจบานประตูที่เพิ่งเลื่อนเปิดเลยสักนิด

“เหรอครับ” ครูซยิ้มรับแต่สมองกำลังประมวลสถานการณ์ทุกอย่างอยู่เงียบๆ 

“ใช่ อย่าหาว่าพี่เม้าท์เลยนะ แต่คุณแทนเป็นคนที่ไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์เท่าไหร่ แถมชอบแสดงท่าทางรังเกียจคนอื่น” พนักงานทุกคนต่างพยักหน้าและส่งเสียงเห็นด้วยกับจ๋าสาวร่างอวบ ครูซรับฟังแต่ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเพราะเขาชอบที่จะเรียนรู้และตัดสินคนด้วยตัวเองมากกว่า

“หน้าหล่อๆ ไม่ได้ช่วยลบล้างความเย็นชาลงเลยสักนิดเดียว พี่เข้าไปรายงานสถิติทีไรแทบร้องไห้ทุกที” พนักงานชายใจสาวส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว เมื่อนึกถึงยามที่ตนอยู่กับคุณแทนสองคน ถึงเจ้านายจะหล่อถูกใจขนาดไหนแต่สายตาเย็นชากับน้ำเสียงเรียบนิ่งก็ทำเขาหวาดผวาทุกครั้ง

“ถ้าว่างมากนักก็กลับไปทำงานได้แล้ว ถึงบริษัทจะไม่กำหนดเวลาพักแต่ก็ควรรู้หน้าที่ของตัวเองบ้าง” พนักงานมีอายุคนหนึ่งบอกด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิ

“อุ้ย! *คุณพัชชา”* หญิงวัยกลางคนเธอทำงานที่นี่มานานหลายสิบปีรู้เห็นอะไรมาเยอะจึงไม่ไปสุมหัวกับคนอื่นหากแต่เอ่ยด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่อยากให้เลขาคนใหม่ออกจากตำแหน่งไวด้วยขี้ปากของพวกช่างจ้อ เพราะคงมีโอกาสน้อยนักที่คุณแทนจะมีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่

“จะชงอะไรล่ะ” พัชชาถามพร้อมกวักมือเรียกให้ครูซเดินเข้ามาในโซนชงเครื่องดื่ม ซึ่งพนักงานหลายคนที่ยืนขวางทางอยู่ดูจะเกรงใจผู้หญิงคนนี้มากจึงก้มหน้าหลีกทางให้ ครูซก้าวมาหาพัชชาด้วยความรู้สึกถูกชะตา อาจเป็นเพราะด้วยอายุและการพูดจาดูคล้ายกับแม่ของเขา

“ผมแค่อยากมาชงกาแฟให้คุณแทนแต่ไม่ทราบว่าเขาชอบรสชาติแบบไหน”

“เรื่องอาหารเครื่องดื่มเธอไม่ต้องใส่ใจหรอก คุณแทนเขาจัดการตัวเองได้แค่ช่วยทำงานให้เต็มที่ก็พอ”

“ใช่ๆ คุณแทนเขาไม่แตะของที่ใช้ร่วมกับคนอื่น แถมเป็นอะไรที่มาจากพนักงานอย่างเราอย่าหวังเลย” คาดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับพนักงานคงไม่ดีเท่าไหร่ ทุกคนถึงพยายามพูดถึงอีกฝ่ายในเชิงลบให้เขาฟัง ครูซยิ้มรับทุกคำพูดทำให้หลายคนยิ่งอยากเล่า ชายหนุ่มลูกครึ่งจึงได้ฟังเรื่องราวของแทนจากปากคนอื่น มากมาย สำหรับเขานี่เป็นการเก็บข้อมูลไม่ได้มีจุดประสงค์อยากนินทาเหมือนหลายคน ในเมื่อแทนนั้นเข้าถึงยากเขาก็จำเป็นต้องรู้เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับอีกฝ่ายให้มาก แต่ไม่ใช่ว่าจะตัดสินคนคนหนึ่งจากคำบอกเล่า เขาแค่อยากรู้ว่าภาพลักษณ์ที่ทุกคนมองแทนว่าเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนแบบไหน แน่นอนว่าครูซต้องอยากเรียนรู้ด้วยตัวเอง

พัชชาไม่พอใจกับคำวิจารณ์แต่เธอไม่เถียงเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร คนพวกนี้ตัดสินจากการกระทำที่ผ่านมาของคุณแทน จะไปนั่งอธิบายให้ทุกคนเข้าใจก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะคุณแทนก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอเอ่ยลาครูซแล้วเดินออกไปทันที

“คุณแทน” พัชชาเรียกคนตรงหน้าด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมายืนอยู่ตรงนี้

“สวัสดี” แทนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนทุกที พัชชาเป็นบุคคลเดียวในบริษัทที่ไม่ถูกเมินและยังได้รับการทักทายเสมอจากคนเป็นนาย

“มานานแล้วหรือคะ” พัชชายิ้มใจดีให้เช่นเคยไม่เปลี่ยนแปลง แทนพยักหน้ารับน้อยๆ

“คุณแทนไม่สมควรต้องมาฟังอะไรแบบนี้เลย”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” แค่บังเอิญผ่านมาได้ยินชื่อของตนอยู่ในบทสนทนาจึงหยุดฟังถึงได้รู้ว่าพนักงานต่างคิดกับเขาแบบไหน แต่มันก็ไม่ได้สลักสำคัญว่าใครจะคิดอย่างไร เพราะชายหนุ่มสนใจแค่ผลงานเท่านั้นหากยังทำงานได้ดีอยู่เรื่องอื่นเขาก็ไม่หยิบยกเอามาเป็นอารมณ์

พัชชามองเจ้านายหนุ่มด้วยความห่วงใย นับวันคุณแทนของเธอช่างดูห่างไกลออกไปทุกที กลัวว่าหากไม่จับยึดเอาไว้แน่นๆ คนตรงหน้าจะเลื่อนหายไปจนไม่อาจจับแตะได้อีกเลย

“เรื่องเลขาคนใหม่ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกฉันนะคะเดี๋ยวช่วยจัดการให้”

“ตอนนี้ยังไม่มี”

“ดีแล้วค่ะ มีคนมาช่วยแบ่งเบางานให้คุณแทน ฉันก็ดีใจ” พัชชาพยักหน้ารับ เอื้อมมือมาลูบแขนตามความเคยชินและพูดคุยกับแทนต่ออีกไม่กี่ประโยคก่อนเดินจากไปทำงานต่อ ชายหนุ่มมองตามไปจนสุดสายตา ในชีวิตเขามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสัมผัสร่างกายแล้วไม่เกิดอาการขยะแขยง หนึ่งในนั้นก็คือ พัชชา ผู้เป็นทั้งพี่เลี้ยงตอนเด็กและคนสอนงานให้แก่เขา



ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูทำให้แทนเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์พลางถอนหายใจเบื่อหน่าย เพราะแบบนี้ไง เขาถึงไม่อยากมีเลขา ชอบมาเสนอหน้าในยามที่เขาไม่ต้องการ

“ผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ” แทนกำปากกาในมือแน่นด้วยความอึดอัดใจ ปกติห้องทำงานของเขาไม่ใช่ที่ที่ใครก็สามารถเข้าออกได้ง่ายๆ แต่วันนี้มันเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งได้แล้ว คิดไหมว่าเขาต้องมาคอยนั่งฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อมากมายขนาดไหน

 “คุณ... // เปิดเข้ามา!” แทนตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงกระชากที่บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงจนต้องหาที่ระบาย ชายหนุ่มนั่งจิกมือตัวเองจนหนังถลอกเลือดไหลซิบออกมาแต่ว่าครั้งนี้ดูจะไม่ค่อยได้ผลเพราะความอึดอัดใจกับความเครียดไม่ได้จางลงไปสักนิด

“วันนี้ตอนบ่ายสามมีนัดทำสัญญากับบริษัท เจ.เค. นะครับ” ครูซรับรู้ได้ถึงบรรยากาศมาคุในห้องที่คนเป็นเจ้านายแผ่ออกมา เขาเดินไปใกล้แล้วยื่นแฟ้มรายละเอียดงานให้

“ไม่มี”

“ครับ?” เสียงแผ่วเบาที่เอ่ยออกมาทำให้ครูซขมวดคิ้วสงสัยขยับตัวเข้าไปหา แทนตกใจกับการโน้มตัวลงมาใกล้จึงรีบลุกขึ้นถอดหลังไปยืนชิดกำแพงพร้อมพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังลั่น

“จะไม่มีการนัดเจอใครทั้งนั้น!” เลขาหนุ่มมองการกระทำนั้นด้วยความแปลกใจ เจ้านายรังเกียจเขาถึงขนาดนี้เลยเหรอ แม้จะรู้สึกเสียหน้าแค่ไหนแต่ครูซก็ยังไม่ลืมหน้าที่ตัวเอง

“แต่วันนะ... // ผมบอกไม่ก็คือไม่” คนเป็นเลขายังพูดไม่ทันจบ เจ้านายหนุ่มก็พูดตัดหน้าแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงมุมกระจกใสที่สามารถมองเห็นวิวได้ทั่วเมืองหลวง

“แต่มีสัญญาที่ต้องเซ็น” ครูซย้ำอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจกับพฤติกรรมของแทนเลยสักนิด ถ้าไม่ชอบหน้ากันก็ไม่น่าจะเอามาเหมารวมกับงานเลย ทั้งที่ดูเป็นคนที่จริงจังแท้ๆ

“งานนี้สำคัญมากนะครับ” แทนฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดในใจ สิ่งที่เขาเกลียดคือการที่ใครมาบังคับสั่งให้ทำนู่นทำนี่

“ถ้าสำคัญขนาดนั้นก็ไปเองสิ!!”

ครูซยืนนิ่งเมื่อได้ฟังเจ้านายตนพูดจบประโยค



TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 2

“สวัสดีครับผมครูซเป็นตัวแทนของบริษัท วี.เค. กรุ๊ป จำกัด” ครูซยกมือไหว้คู่ค้าคนสำคัญ อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจที่เห็นชายหนุ่มลูกครึ่งแทนที่จะเป็นหลานชายของตน

“สวัสดี” ทรรศพลยิ้มวางมาดนั่งลงฝั่งตรงข้ามพลางมองสำรวจครูซตามนิสัยปกติของนักธุรกิจ

หน้าตาดี มีเสน่ห์และดูอบอุ่น ลักษณะแบบนี้ทำให้ทรรศพลนึกถึงแทนทันที ไม่ใช่เพราะเหมือนกันแต่รู้ว่าหลานตนเกลียดคนจำพวกไหนต่างหาก

“เธอเป็นใครล่ะ ฉันไม่เคยเห็นหน้า” ทรรศพลมักนัดมาพูดคุยเรื่องสัญญาข้อตกลงระหว่างบริษัทกับแทนเป็นประจำ อันที่จริงเขาเพียงแค่ต้องการพูดคุยกับหลานชายของตนเท่านั้นแต่ถ้าบอกออกไปตามตรงก็รับรู้ได้เลยว่าไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะยอมมานั่งคุยเล่นด้วยกันแน่นอน เขาจึงหาข้ออ้างเรื่องงานมาใช้ตลอดซึ่งก็แล้วแต่อารมณ์ของแทนว่าจะมาหรือไม่มา

“ผมเป็นเลขาคุณแทนครับ” คำตอบของครูซสร้างความตกใจให้กับทรรศพลไม่น้อย

“เลขา? หึ..ดี ๆ” ทรรศพลนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สร้างความฉงนให้กับครูซอีกครั้ง ทำไมพอบอกว่าเป็นเลขาของคุณแทนทีไร ทุกคนต้องมีปฏิกิริยาแปลกประหลาดตลอดเลย

“เอาสัญญามาสิเดี๋ยวเซ็นให้แต่ต้องอยู่คุยกันก่อนนะ” ทรรศพลปลดมาดนักธุรกิจออกไปเหลือเพียงชายกลางคนที่ดูเป็นมิตรเท่านั้น ครูซยื่นเอกสารไปให้ ทรรศพลรับมาอ่านรายละเอียดจนแน่ใจเขาจึงจับด้ามปากกาสีทองยี่ห้อดังขึ้นมาเซ็นอย่างอารมณ์ดี

“ขอบคุณมากครับ” ครูซรับเอกสารคืนมาแล้วยิ้มยกมือไหว้ด้วยความโล่งอก ทีแรกชายหนุ่มนึกว่าจะล่มไม่เป็นท่าซะแล้วเพราะปกติคนมีระดับขนาดเป็นผู้บริหารหากถูกหักหน้าด้วยการผิดนัดคงจะไม่จบลงด้วยดีแบบนี้แน่

“ทำงานกับแทนมากี่วันแล้วล่ะ”

“วันแรกครับ”

“ฮ่าๆ วันแรกก็ดูจะเป็นงานหนักใช่ไหม อย่างนี้แหละอดทนเข้าไว้” ทรรศพลยิ้มเมื่อนึกถึงหลานชายของตน แทนไม่ใช่คนพูดเก่ง หน้าก็นิ่งไม่แสดงออกว่ารู้สึกอย่างไร แต่อย่างน้อยเมื่อก่อนก็ยังมีแววตาซุกซนตามประสาเด็กทั่วไปอยู่บ้าง แต่ตอนนี้สิแววตานั้นเปลี่ยนไปราวกับคนละคนไม่เป็นประกายเช่นวัยเยาว์หากแต่เย็นชาจนคนเป็นอารู้สึกห่างไกลออกไปเหมือนไม่ใช่คนคุ้นเคย

“ผมจะพยายามครับ” ครูซตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เดิมทีชายหนุ่มไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่าย ๆ อยู่แล้วยิ่งถูกต่อต้านยิ่งอยากเอาชนะ มันเป็นข้อเสียของเขาที่ไม่เคยมีใครรับรู้จึงถูกมองว่าแสนดีมาโดยตลอด เพราะการเอาชนะของครูซมักออกมาในรูปแบบของการทำให้อีกฝ่ายไว้ใจแล้วยอมอ่อนให้ตน ทำให้เชื่องคล้ายการฝึกสัตว์ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนม้าพยศคงมีสัญชาตญาณเตือนจึงออกแรงต่อต้านตั้งแต่แรกเห็น

“ใครเป็นเจ้านายของคุณ” เมื่อคุยกันไปสักพัก ประโยคคำถามพร้อมสายตาจับจ้องมองมาที่ครูซเพื่อเคล้นหาคำตอบ

“เจ้านายของผมคือคุณแทนครับ” ครูซพูดไปตามที่คิดด้วยท่าทีปกติไม่ได้หวาดหวั่นกับสายตาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

“คุณไม่คิดเหรอว่าคนจ่ายเงินคือเจ้านาย” ทรรศพลยิ้มมุมปากแล้วเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเพื่อสร้างแรงกดดัน เขาทำงานมานานย่อมรู้ดีว่าจะปั่นประสาทอย่างไรให้คนหลุดแสดงธาตุแท้ออกมา

“คุณทศพลเป็นคนเลือกผมก็จริงแต่เงินเดือนที่จ่ายเป็นของบริษัท ผมทำงานตำแหน่งเลขาของคุณแทน ผมจึงคิดว่าเขาเป็นเจ้านายไม่ใช่คนอื่น” ทรรศพลเลิกคิ้วสูงในใจเริ่มรู้สึกถึงความสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น

หนุ่มลูกครึ่งดูเป็นบุคคลที่ใจเย็นและสุภาพแต่ทรรศพลรับรู้ได้ถึงอำนาจความเด็ดขาดในตัวชายคนนี้ ครูซเหมาะที่จะเป็นผู้นำมากกว่าผู้ตาม ชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะจัดการกับหลานชายตนอย่างไร

หากเปรียบครูซเป็นครูฝึก แทนเป็นม้าพยศ ทรรศพลก็คงเป็นผู้ชมที่ชื่นชอบการแสดงโชว์สุดๆ

“อยู่นานๆ ล่ะ ฉันอยากมีเรื่องสนุกให้ติดตามช่วงนี้มีแต่เรื่องน่าเบื่ออยู่พอดี” ทรรศพลยิ้มแย้มด้วยสายตาที่เป็นประกาย ครูซตอบรับไม่เต็มเสียงเพราะไม่แน่ใจในเจตนาของคนตรงหน้า หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็ต่างเอ่ยลาและกลับไปทำหน้าที่ของตน ครูซเดินทางกลับด้วยรถยนต์ส่วนตัว เขาขับมาด้วยตัวเองเนื่องจากที่นี่ไม่ได้อยู่ไกลจากบริษัทมากนักและอีกอย่างค่าน้ำมันสามารถเบิกได้เต็มจำนวนในกรณีอยู่ในระหว่างการทำงาน

บริษัท วี.เค. กรุ๊ป จำกัด ถือว่าเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ของประเทศที่ทุกคนต่างต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพราะนอกจากจะให้ค่าตอบแทนสูงยังมีสวัสดิการที่ดีคอยรองรับอยู่ด้วย อีกทั้งครอบครัวผู้บริหารก็เป็นไฮโซคนดังที่ทุกคนต่างรู้จักและหาข่าวได้ไม่ยากเพราะออกงานสังคมบ่อย

ยกเว้นก็แต่ แทนฟ้า ที่ไม่ค่อยมีคนรับรู้เรื่องราวสักเท่าไหร่ ก่อนมาทำงานครูซก็พยายามหาข้อมูลส่วนตัวของอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนทุกอย่างเป็นปริศนาไม่มีสิ่งใดแสดงถึงตัวตนของแทนปรากฏอยู่ในสื่อเลยแม้แต่น้อย นอกจากรูปถ่ายไม่กี่ภาพเมื่อหลายปีก่อนตอนรับปริญญา

“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มลูกครึ่งเอ่ยทักทศพลที่เดินสวนกันระหว่างทางเดิน อีกฝ่ายมีสีหน้าบึ้งตึงบ่งบอกได้ดีว่าอารมณ์เสียสุดขีดแต่พอหันมาสบตาเข้ากับครูซก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ยกมือขึ้นมาตบไหล่กว้างทักทายด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ทศพลพูดคุยตามมารยาทไม่กี่คำก็เดินจากไป ครูซก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ถึงทศพลจะคนเป็นเลือกเขาเข้าทำงานแต่ก็อย่างที่ตอบไปก่อนหน้านี้ เจ้านายของเขาคือแทนเพราะฉะนั้นก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องไปตีสนิทกับอีกฝ่ายมากมายเกินความจำเป็น

“คุณแทนขออนุญาตนะครับ” ครูซตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปเนื่องจากยืนเคาะมานานร่วมสิบนาทีแล้วแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เลขาหนุ่มมองไปทั่วห้องไม่พบเจ้านายตน จึงเดินไปวางแฟ้มเอกสารการเซ็นสัญญากับคุณทรรศพลไว้บนโต๊ะ เตรียมเดินกลับไปนั่งทำงานหน้าห้องเช่นเดิมแต่เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้เขาชะงักเท้าที่จะก้าวออกไป

เพล้ง!

ครูซหันกลับไปมองอีกครั้งแต่ภายในห้องทำงานก็ไม่มีสิ่งใดปรากฏอยู่เช่นเดิม มีเพียงเสียงแก้วแตกคล้ายถูกทำลายดังขึ้นเรื่อยๆ คิ้วหนาขมวดหากันด้วยความสงสัย

อ๊ากกกกกก เพล้ง!!

ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เขาหันตามเสียงกรีดร้องที่ดังลั่นออกมาจากผนังทึบสีดำข้างตู้เอกสารขนาดใหญ่ เลขาหนุ่มย่างก้าวเข้าไปใกล้บานประตูเรื่อยๆ เหงื่อใสไหลตามขมับจากภาวะกดดัน

กึก!

ผนังสีดำสามารถเลื่อนได้?

ครูซเอื้อมมือไปเลื่อนประตูจนสุด ดวงตาสีน้ำตาอ่อนเบิกกว้าง ภาพตรงหน้าทำเอาเขาตกใจขาแข็งแทบก้าวไม่ออก เศษแก้วและข้าวของกระจายเต็มพื้นพร้อมเลือดสีแดงสดที่ไหลออกจากมือทั้งสองข้างของคนตรงหน้า

เพล้ง!!

“คุณแทนหยุดก่อนครับ!” ครูซตั้งสติรีบก้าวเข้าไปฉุดข้อมือหนาที่ปาจานกระเบื้องเข้ากับผนังห้องจนแหลกละเอียด เศษแหลมคมกระจายบาดไปตามตัวของแทน

“ปล่อย!! อย่ามาจับ...อุบ อ้วก!” แทนกระชากแขนให้หลุดจากครูซแล้วรีบก้มหน้าโก่งคออาเจียนตรงซิงค์ล้างจาน ครูซกำขมับมึนงงไม่รู้ต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร

“รังเกียจๆ ๆ ๆ” ภายในห้องสี่เหลี่ยมมีเพียงเสียงพึมพำจากร่างสูงที่สวมเสื้อเชิ้ตเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ครูซเดินเข้าไปใกล้แทนอีกครั้งแต่กลับถูกปากล่องข้าวใส่จนตัวเลอะไปหมด

“อย่า...อย่าเข้ามา!” แทนตะคอกเสียงดัง หน้าเริ่มบิดเบี้ยวไปตามแรงอารมณ์ ผนังสีขาวสะอาดเปื้อนเลือดสีแดงสดเป็นแนวยาวเพราะแทนใช้พยุงตัวเดิน ครูซยืนนิ่งด้วยความสับสนเขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไร คนตรงหน้าดูไม่มีสติและบ้าคลั่งเกินกว่าจะพูดคุยด้วย เลขาหนุ่มเดินถอยหลังเว้นระยะห่างไว้เล็กน้อยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายอึดอัดใจ

“ออกไป” เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาคล้ายคนหมดแรง

ตุบ!

“คุณแทน!!” ครูซวิ่งเข้าไปพยุงร่างสูงที่ร่วงลงพื้น แขนขาวโดนเศษแก้วบาดจนเลือดไหลไม่หยุด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

“ทำใจดีๆ ไว้นะครับเดี๋ยวผมพาไปโรงพยาบาล” ครูซบอกกับแทนที่หน้าซีดเซียว เขาตัดสินใจอุ้มคนเป็นนายขึ้นทันทีแม้ส่วนสูงและน้ำหนักไม่ต่างกันมากแต่ด้วยความตกใจบวกกับเป็นคนแข็งแรงทำให้ครูซสามารถยกอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

“ปล่อย...ไม่ไป” แทนส่ายหน้าพยายามผลักครูซให้ปล่อยตนลงแต่ด้วยแรงที่น้อยนิดจึงเหมือนเป็นการเอามือแปะไปตามตัวอีกฝ่ายเท่านั้น

“ต้องไปครับคุณเลือดออกเยอะมาก” ครูซไม่ฟังคำทักท้วงของแทน เลขาหนุ่มรีบก้าวไปที่ประตูด้วยความรวดเร็ว

“ถ้าใครเห็นผมในสภาพนี้...คุณตายแน่!” แทนฝืนตัวกำคอเสื้ออีกฝ่ายแน่น ครูซชะงักเท้าลงไม่ใช่เพราะกลัวคำขู่แต่ถ้าจะให้ออกไปด้วยสภาพนี้จริงๆ คงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่และส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแทนอยู่ไม่น้อย

“คุณแทนมีชุดเปลี่ยนไหมครับ” ครูซถามพลางเดินไปวางเจ้านายตนให้นอนลงบนโซฟา แทนนอนนิ่งชี้นิ้วไปที่ห้องลับ เลขาหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปทันที ร่างสูงเริ่มหายใจหอบขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มเอามือเช็ดตามตัวด้วยความรู้สึกรังเกียจสัมผัสจากอีกฝ่ายยิ่งเช็ดยิ่งรู้สึกไม่พอ จากใช้ฝ่ามือเริ่มเปลี่ยนมาใช้เล็บจิกไปตามแขนข่วนอย่างแรงเพื่อให้หนังถลอกหลุดออก

“พอเถอะครับ เลือดไหลออกมาหมดแล้ว!” ครูซที่เดินกลับมาพร้อมเสื้อจับมือแทนให้หยุดข่วนแขนตัวเองเสียที

“อย่ามาจับ!” แทนดิ้นไม่ยอมให้โดนตัว เลขาหนุ่มปล่อยมือแล้วยื่นเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย

“เปลี่ยนเถอะครับแล้วเรารีบไปทำแผลกัน” แทนกำลังจะหยิบแต่ครูซนึกขึ้นได้ว่ามือแทนเปื้อนเลือดอยู่จึงดึงกลับ ทำให้เจ้านายหนุ่มขมวดคิ้วไม่พอใจ ครูซตัดสินใจเปลี่ยนให้ แทนพยายามปัดแต่ไม่มีแรงจึงนอนหันหน้าหนีจิกมือเข้าหากันระบายอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในอก เลขาหนุ่มปลดกระดุมออกถอดชุดตัวเก่าทิ้งแล้วสวมชุดใหม่เสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว

“ไม่ไป” แทนจ้องหน้าครูซด้วยสายตาจริงจัง

“ต้องไปครับ แผลคุณใหญ่มาก” ครูซส่ายหน้าแล้วก้มลงทำท่าคล้ายจะอุ้มอีกครั้ง

“ไปส่งที่คอนโดก็พอ อุปกรณ์มี” แทนยกมือดันหน้าอกให้ครูซออกห่าง ครูซนึกตามก่อนพยักหน้าตกลงเพราะถ้ามัวแต่เถียงกันอยู่แบบนี้คงไม่ได้ไปสักที

“อย่าจับ!” แทนปัดมือไม่ยอมให้อีกฝ่ายพยุง

“ขอเถอะครับถ้าไม่งั้นผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาลจริงๆ ด้วย” ครูซเผลอดุออกไปตามนิสัยพี่คนโต แทนจ้องอีกฝ่ายนิ่งอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมให้ครูซกอดเอวเขาประคองไว้ แทนกัดริมฝีปากแน่น ขนอ่อนลุกไปทั้งตัวรู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอาเจียนออกมา ไม่ได้ใกล้ชิดใครเท่านี้มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้แต่สำหรับชายหนุ่มความรู้สึกยามสัมผัสร่างกายของคนอื่นก็ยังแย่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

โชคดีที่มีประชุมเกี่ยวกับนโยบายใหม่ของบริษัทจึงไม่มีคนอยู่บริเวณนี้ การเดินทางไปยังลานจอดรถเลยผ่านไปด้วยดี ครูซรู้สึกได้ว่าคนด้านข้างเริ่มทิ้งน้ำหนักมาฝั่งตนมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงรีบเปิดรถตัวเองแล้วจับเจ้านายเข้าไปนอนที่เบาะหลังด้วยความทุลักทุเล

“คุณแทน...คุณแทนครับ” ครูซจับตัวแทนเขย่าพร้อมเรียกอีกฝ่ายอย่างตกใจเพราะใบหน้าซีดเซียวไม่มีการตอบสนองนอกจากลมหายใจที่หอบถี่ขึ้น เขาจึงตัดสินใจรีบขับรถไปโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เลขาหนุ่มขับมาด้วยความรวดเร็ว พอมาถึงทางจอดผู้ป่วยฉุกเฉินบุรุษพยาบาลก็รับไปส่งต่อให้หมอทันที

ครูซนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เขารู้สึกทั้งเป็นห่วงและกังวล ครูซสงสัยว่าอะไรทำให้คนคนหนึ่งเป็นได้ถึงขนาดนี้ แทนทำร้ายตัวเอง กรีดร้องราวกับคนเสียสติ เจ้านายตนเป็นอะไรกันแน่?

“คนไข้เสียเลือดมากทำให้เพลียหมดสติแต่ไม่เป็นอันตรายครับให้นอนพักผ่อนสักพักคงฟื้น” หลังจากรอมาเกือบชั่วโมงคุณหมอก็ออกมาแจ้งให้ทราบแล้วย้ายตัวคนไข้ไปห้องพักวีไอพี เมื่อจัดการธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ครูซก็เดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อความสะอาดร่างกายที่เปื้อนรอยเลือดไปทั่วตัวเนื่องจากเขาชอบออกกำลังกายจึงมีเสื้อผ้าสำรองและอุปกรณ์อาบน้ำไว้ท้ายรถไม่ต้องไปซื้อใหม่ให้วุ่นวาย หลังจากอาบน้ำเสร็จเลขาหนุ่มก็ลงไปซื้อของกินและผลไม้ที่ศูนย์อาหารของโรงพยาบาลและถือโอกาสไปหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาทำงานด้วย

กึง

เสียงขยับตัวจากเตียงเรียกให้ครูซเงยหน้าขึ้นจากงาน เลขาหนุ่มเห็นเจ้านายลืมตามองไปทั่วห้องจนสายตามาหยุดอยู่ที่ตน ครูซดูไม่ออกว่าคนตรงหน้าคิดอะไรเพราะดวงตาสีดำสนิทนั้นช่างดูว่างเปล่าเหลือเกิน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำที่ไม่มีทางพบเจอสิ่งใดเลยนอกจากความมืดมิด

“ดื่มน้ำไหมครับ” ครูซลุกเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง คนเป็นนายไม่ตอบหันหน้าหนีแต่เลขาหนุ่มกลับเข้าไปพยุงอีกฝ่ายให้นั่งพิงหมอนแล้วยื่นแก้วน้ำให้ แม้แทนจะไม่ชอบใจนักแต่ไม่มีแรงต่อต้านจึงรับมาดื่มด้วยความหิวกระหายครูซมองตามร่างกายของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยบาดแผล มีหลายจุดที่ต้องเย็บ ปากสีแดงสดตอนนี้ก็ซีดจางมีแต่รอยแผลจากการขบกัด

“พามาที่นี่ทำไม” เสียงแหบจากอาการเจ็บคอเอ่ยถามออกมาด้วยความยากลำบาก

“คุณหมดสติ” ครูซตอบ หยิบแก้วน้ำในมือของแทนคืนมา แต่เพียงนิ้วสัมผัสกันเล็กน้อยก็ทำให้แทนรีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาเช็ดอย่างแรงจนแผลที่เย็บไว้ปริมีเลือดซิบออกมา ครูซยืนมองนิ่งเขาเกือบเอื้อมมือไปแล้วแต่นึกขึ้นได้ว่าถ้าเขาจับเข้าไปจริงๆ ทีนี้แทนได้เช็ดจนแขนถลอกเลือดท่วมห้องแน่

“จะกลับ” เมื่อแทนเช็ดจนสาแก่ใจก็หันมาออกคำสั่งกับครูซ

“อยู่ดูอาการก่อนเถอะครับ”

“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่ง!!” แทนพยุงตัวพยายามจะเดินลงจากเตียง

“ให้ผมโทรบอกคุณทศพลไหม” ครูซเอ่ยถามออกไปด้วยความไม่รู้ เขาเพียงต้องการให้คนเป็นพ่อมารับลูกชายกลับเพราะอย่างน้อยแทนคงไม่รังเกียจเหมือนที่ทำกับเขา

“อย่ามาแส่!” แทนสะบัดผ้าห่มเปื้อนเลือดใส่หน้าของครูซด้วยความโกรธ ฝ่ามือขาวกำจิกเข้าหากันจนของเหลวสีแดงไหลหยดเป็นทางยาว ครูซตกใจจะเข้าไปห้ามแต่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาก่อน

Rrrr Rrrr

“ว่าไงเค้ก” ครูซกดรับสายน้องสาวแต่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่กับคนตรงหน้า

“พี่ครูซไม่กลับบ้านเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะนี่ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว

“พี่ยังทำงานไม่เสร็จ น้องนอนก่อนเลย พี่อาจจะกลับช้าหน่อยฝากบอกแม่ว่าไม่ต้องรอนะ”

“โอเคเดี๋ยวน้องบอกแม่ให้ ฝันดีค่ะ” พอพูดเสร็จครูซก็ก้มเก็บผ้าห่มไปวางไว้ที่โซฟาแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมกะละมังอันเล็กในห้องน้ำ

“กลับไป” ครูซไม่ได้ตอบรับอะไรเพียงแค่เดินถือของเข้าไปหาเจ้านายตน แทนมองด้วยความไม่เข้าใจจนอีกฝ่ายคว้าแขนตนไปจับ

“ปล่อย!! บอกให้ปล่อยไงวะ!” แทนฝืนตัวดึงแขนกลับแต่ครูซกำไว้แน่นไม่พูดไม่จาจนแทนเริ่มโมโหขึ้นมา คว้าแก้วน้ำปาใส่อย่างแรง

เพล้ง!

ครูซหลบทันแต่โดนน้ำที่เหลือก้นแก้วสาดเข้าใบหน้าเต็ม ๆ

“ฮึก...แฮ่ก ปล่อย” แทนอึดอัดกับการสัมผัสจนลมหายใจเริ่มหอบถี่ขึ้นมาอีก ขยะแขยง เหมือนถูกแมลงมีขนกำลังไต่หยุบหยับไปตามร่างกาย ไม่ชอบ...เขาไม่ชอบเลย

“อยู่นิ่งๆ ครับ” ครูซไม่สนใจว่าแทนจะพูดหรือจะด่าอะไร เลขาหนุ่มหยิบผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดตามแขนและตัวที่มีรอยเลือดไหลซึม แทนพยายามดิ้นให้หลุดจากมือที่รั้งแขนตนไว้ หากยามปกติเขาคงสู้แรงได้แต่ตอนนี้รู้สึกตึงแผลไปหมดจะขยับก็ทำได้ไม่เต็มที่

“ปล่อย!!!” แทนกระชากมือออกจนกระแทกเข้ากับใบหน้าของครูซ เลขาหนุ่มจับมุมปากตัวเองเบาๆ ความแสบกับกลิ่นคาวเลือดทำให้ครูซขบกรามแน่น แทนมองแล้วแสยะยิ้มไม่ได้มีความสำนึกผิดมีแต่ความสะใจที่ทำให้อีกฝ่ายเลือดออกได้

“ผมจะให้หมอกับพยาบาลมาเช็ดตัวกับทำแผลให้นะครับ” ครูซหลับตาลงพยายามข่มความโกรธไว้ในใจ เขากำลังจะเอื้อมมือไปกดปุ่มเรียกที่ตั้งอยู่ข้างหัวเตียง แต่แทนที่ได้ฟังตกใจจนลืมตัวรีบคว้ามือเรียวมาจับไว้เสียก่อน

“อย่า!” แทนเกลียดโรงพยาบาลแต่ที่เกลียดกว่าคือหมอกับพยาบาล

“คุณเลือดออกตัวก็เปื้อนแล้วยังไม่ให้ผมแตะตัวอีก...จะให้ทำอย่างไร!” ครูซขมวดคิ้วขยับเข้ามาใกล้จับมือแทนกำไว้แน่นตามอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครทำให้เขาอารมณ์ร้อนได้ง่ายเท่านี้มาก่อน

“เดี๋ยวทำเอง” แทนตอบหน้านิ่งทั้งที่สภาพตัวเองแย่เกินกว่าจะทำอะไรได้

“อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นผมเรียกหมอ” ครูซคลายมือที่บีบแทนไว้แล้วหันไปหยิบผ้าที่ตกอยู่บนเตียงมาชุบน้ำบิดหมาดใหม่อีกครั้ง แทนรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนเพราะไม่อยากเจอหมอจริงๆ เขารู้สึกเสียหน้าและแค้นใจไม่ใช่น้อย แทนเกลียดคนตรงหน้าตั้งแต่แรกเห็น

เขารับรู้ได้ว่าคนคนนี้จะทำให้ชีวิตเขาผิดเพี้ยนไปจากเดิม ชายหนุ่มจึงพยายามออกห่างมากกว่าที่เคยทำ แต่สิ่งที่ได้กลับมากลายเป็นว่าอีกฝ่ายดันสัมผัสเขามากกว่าทุกคนรวมกันทั้งปีเสียอีก นี่แค่วันเดียวเองนะ

“แผลเริ่มปริแล้วเดี๋ยวรอคุณหลับ ผมค่อยให้หมอเข้ามาเย็บให้” ครูซพูดออกมาเป็นการบอกให้แทนรับรู้ เจ้านายหนุ่มหลับตาลงเป็นการปิดบทสนทนา ครูซส่ายหน้าไม่ใส่ใจเอื้อมมือไปปลดเชือกชุดคนไข้

“จะทำอะไร” แทนจับมือเรียวไม่ให้ขยับแต่ไม่อาจสู้แรงได้ ครูซจึงแหวกเสื้อออกจนเห็นร่างกายอีกฝ่ายชัดเจน เขาชะงักมือลงเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยแผลเป็นตามร่างกายแทน รอยแผลจากของมีคมกระจายอยู่ทั่วลำตัวขาวซีด ตอนแรกที่เห็นรอยแผลที่ข้อมือแทนเขาก็รู้สึกหดหู่แล้ว พอมองทั่วกายอีกฝ่ายยิ่งรู้สึกสงสาร คนเราต้องใช้ชีวิตมาในรูปแบบไหน ถึงอยากจบชีวิตตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนขนาดนี้

“ผมขออนุญาตเช็ดตัวนะครับ” ครูซรู้ตัวว่าเสียมารยาทมองร่างกายอีกฝ่ายแบบพิจารณามากเกินไปจึงหันไปจับผ้าชุดน้ำบิดหมาดเตรียมทำความสะอาดร่างกาย

“ข้างในไม่ต้อง” แทนจับข้อมือครูซรั้งไว้อีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะใช้ผ้าเช็ดหน้าอกตน

“ตัวคุณแทนเปื้อนเลือดต้องเช็ดครับ” ครูซปัดมือแทนออกแล้วลงมือเช็ดไปตามแผงอกขาวทันที แม้จะรู้ว่าเป็นรอยแผลเป็นแต่ถึงอย่างนั้นครูซก็ยังคงทำด้วยความนุ่มนวลแผ่วเบาราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเจ็บ

“...” แทนกัดปากแน่น ตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ เขารู้สึกแปลกๆ กับการกระทำของเลขาหนุ่ม เขาไม่เคยถูกดูแลด้วยความเอาใจใส่เช่นนี้และไม่เคยให้ใครถูกตัวใกล้ชิดมานานเหลือเกิน

“ทำแบบนี้แผลจะยิ่งเปิดนะครับ” จับมือขาวให้หยุดจิกที่นอนแล้วเดินไปหยิบหมากฝรั่งในกระเป๋าทำงานมาจับยัดใส่ปากแทนทันที ครูซคิดว่าวิธีนี้คงช่วยให้อีกฝ่ายมีที่ระบายอารมณ์แทนการทำร้ายตัวเองเพราะน้องสาวเขาเวลาอารมณ์ไม่ดีเธอก็มักเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นประจำ

“เคี้ยวไปครับ อย่ากัดปากหรือกำมือ” แทนมองครูซนิ่งแต่ก็ทำตามเพราะเขารู้สึกเจ็บไปทั้งตัวแล้วเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยสักอย่างมันทนไม่ได้ ระบายอารมณ์กับการเคี้ยวหมากฝรั่งก็ดี เมื่อตอนเรียนเขาใช้วิธีนี้บ่อยแต่พอทำงานต้องใส่ใจในภาพลักษณ์จึงไม่เคยได้เคี้ยวอีกเลย

“น่ารังเกียจ” แทนพูดออกมาเมื่อมือเรียวนุ่มสัมผัสเข้ากับกล้ามหน้าท้องที่ขึ้นรูปสวย

“ทำไมถึงชอบพูดคำนี้จังครับ” ครูซเงยหน้าจากท้องขาวมองแทนที่จ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ก็เพราะมันน่ารังเกียจไง”

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 3

หลังจากที่ครูซเช็ดตัวให้แทนเสร็จ เลขาหนุ่มก็กลับมานั่งทำงานต่อไม่ได้เข้าไปรบกวนให้เจ้านายลำบากใจ แต่แทนยังหลับไม่ลงอยู่ดี เขาไม่เคยต้องมาอยู่ร่วมห้องกับใครนาน ๆ แบบนี้โดยเฉพาะเวลานอน

“กลับไปเถอะ” แทนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติไม่ได้มีอารมณ์ฉุนเฉียว ซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะหลุดมาดและสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มบ้าคลั่งได้ขนาดนี้ก็คือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ แทนรังเกียจคนคนนี้ยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งๆ ที่พยายามหนีแทบตายดันเสนอหน้ามาจับแขนเขาเสียได้ แค่นึกถึงความร้อนจากฝ่ามือหนาเขาก็แทบอยากหยุดหายใจแล้ว ไม่รู้คิดอะไรขึ้นมาอยู่ดีๆ ก็นึกอยากขอโทษที่ใช้แฟ้มตบหน้าเขาจนเลือดออก ตลกสิ้นดี!

“ผมจะรอคุณนอนหลับก่อน” แผลที่มือของแทน ครูซช่วยห้ามเลือดไปก็จริงแต่มันปริเป็นรอยใหญ่หากปล่อยไว้อาจติดเชื้อได้ ครูซจึงอยากรอให้แทนหลับแล้วค่อยตามหมอมารักษาอีกทีเพราะเขาคาดเดาได้ไม่ยากว่าถ้าตามมาตอนที่อีกฝ่ายยังรู้สึกตัวอยู่คงได้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก

แทนถอนหายใจตะแคงหันหลังให้ทันที ถึงชายหนุ่มจะไม่อยากเจอหมอแต่แผลที่มือก็เจ็บปวดเกินกว่าที่จะปฏิเสธดังนั้นถ้าจะพบเขาขอแบบไม่ต้องรับรู้อะไรดีกว่า ผ่านไปสักพักใหญ่ชายหนุ่มเผลอหลับไปด้วยความเพลีย ครูซเดินไปดูเจ้านายตนพอเห็นว่าหลับลงแล้วจึงไปตามหมอมาเย็บแผลให้ใหม่

“ช่วงนี้ให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการใช้มือในทุกกิจกรรมนะครับ” หมอหันมากำชับกับครูซที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างเตียง

“ครับ”

หลังจากหมอและพยาบาลออกไปครูซก็เดินไปเก็บของเพื่อกลับบ้านตามที่บอกไว้กับแทน ตอนนี้เป็นเวลาตีห้าแล้วแต่เขายังไม่ได้นอนเลยสักนิด ชายหนุ่มเดินไปที่ลานจอดรถด้วยสภาพอ่อนแรงถึงงานนี้จะหนักขนาดไหนก็ต้องอดทนเพราะค่าตอบแทนที่สูงลิบเช่นนี้ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ

เมื่อกลับถึงบ้าน ครูซทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ข้าวของในมือก็ยังไม่ทันได้เก็บแต่ชายหนุ่มง่วงเกินกว่าจะมาสนใจ วันนี้เป็นวันที่หนักสำหรับเขาเหลือเกิน

“ครูซ...ลูก” แรงเขย่ากับน้ำเสียงหวานอันคุ้นเคยปลุกให้ครูซงัวเงียตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มนั่งขยี้ตามึนงง รู้สึกยังนอนไม่เต็มอิ่ม

“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอจะสิบโมงครึ่งแล้วนะ” แอนนี่ลูบผมที่ชี้ฟูอย่างเอ็นดูแต่เหมือนประโยคคำถามของเธอจะทำให้ลูกชายตกใจจนตื่นเต็มตา

“ไปครับแม่” ครูซสะบัดผ้าเด้งตัวขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวด้วยความเร่งรีบ ว่าจะออกตอนแปดโมงแท้ๆ ดันหลับยาวซะได้

“ไม่กินข้าวก่อนล่ะ” คนเป็นแม่ถามเมื่อเห็นลูกวิ่งลนลานไม่มีสติ

“ไม่ทันแล้ว...สวัสดีครับ” เลขาหนุ่มหอบข้าวของพะรุงพะรังหอมแก้มแอนนี่เสร็จก็วิ่งขึ้นรถแล้วเร่งขับไปให้ถึงโรงพยาบาลให้ไวที่สุด คนเป็นแม่ได้แต่มองตามด้วยสายตาเป็นห่วง ดูท่างานใหม่คงจะหนักไม่ใช่น้อยถึงทำให้คนใจเย็นอย่างครูซดูกระวนกระวายได้ขนาดนี้

โรงพยาบาล

“ตื่นแล้วเหรอคะ” รอยยิ้มพร้อมมืออุ่นนุ่มที่จับลงบนแขนทำให้แทนสะดุ้งสุดตัว ดวงตาสีนิลเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“ปล่อย!” แทนสะบัดแขนออกรีบลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบผ้าห่มสีขาวมาเช็ดมือเพื่อให้ความรู้สึกขยะแขยงนี้หมดไป

“คนไข้คะ เดี๋ยวบาดแผลจะฉีกอีกนะคะ” พยาบาลสาวเดินเข้าไปจับมือแทนออกจากผ้าห่มด้วยความไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้จะส่งผลเสียต่อตัวเธออย่างไร

“ออกไป! อึก” แทนผลักออกอย่างแรงจนเธอล้มไปกองกับพื้น เขาไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกเจ็บหรือไม่ เขาแค่ต้องการให้คนสกปรกพวกนี้ออกไปไกลๆ ก็พอ

“ว้าย!” หญิงสาวยกมือป้องกันตัวเองขณะถูกชายหนุ่มปาหมอนและผ้าห่มใส่อย่างแรง

“น้องแทนชอบชุดนี้ไหม”

“ชะ...ชอบ แทนชอบ”

“งั้นเรามาเล่นบทคนไข้กับนางพยาบาลกันดีกว่า น้องแทนเป็นคนไข้แขนหักที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้”


ภาพหญิงสาวในชุดพยาบาลซ้อนทับขึ้นมาในหัวทำให้แทนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ต้องหยุด หยุดผู้หญิงคนนี้! ไม่อย่างนั้นเธอจะทำร้ายเขา!

“ตายไปซะๆ” แทนกรีดร้องออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ มือสองข้างคว้าทุกสิ่งที่อยู่ใกล้มือขว้างปาใส่อีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย

ในขณะเดียวกัน ครูซที่เดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากด้านใน เขาเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีจึงรีบเปิดประตูเข้าไปทันที ภาพที่ปรากฏข้างหน้าทำเอาหัวใจหล่นวูบ

“คุณแทน!” ครูซวิ่งเข้าไปจับตัวแทนที่กำลังคว้าแจกันขว้างใส่หญิงสาวที่ล้มลงบนพื้น

“เอามันออกไปๆ ๆ” ครูซรวบตัวแทนไว้ในอ้อมแขนแล้วกระชากแจกันในมือวางไว้ที่เดิมพลางหันไปส่งสัญญาณให้พยาบาลรีบออกไป หญิงสาวลุกขึ้นด้วยใบหน้าซีดเผือดตัวสั่นเทาอย่างเสียขวัญ

ปึง

“ใจเย็นครับ เธอออกไปแล้ว ไม่เป็นไรๆ” ครูซพูดปลอบอยู่แบบนั้นจนแทนที่ดิ้นพล่านค่อยๆ สงบลง ครูซคลายอ้อมกอดมองแทนที่ใบหน้าชื้นเหงื่อ ตาแดงก่ำ ถ้าเมื่อกี้เขามาช้าไปนิดเดียวมีหวังพยาบาลสาวได้เจ็บตัวแน่

“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้คนพวกนั้นเข้ามา” แทนที่สติเริ่มกลับคืนมาผลักครูซออกห่าง ส่งสายตาเข้มที่บ่งบอกว่าโกรธจัด

“ขอโทษครับ” ครูซก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิดที่ดันมาสายเกินไปจนทำให้เรื่องบานปลาย

“พากลับเดี๋ยวนี้” แทนลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือตามนิสัยปกติ ครูซกำลังจะเอ่ยห้ามแต่แทนหันมาชี้หน้าไว้ก่อน

“เป็นเลขาไม่ใช่เหรอ ไม่คิดจะฟังคำสั่งกันบ้างหรือไง”

หลังจากครูซออกไปจัดการธุระเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ พร้อมกับจ่ายค่าทำขวัญให้พยาบาลเสร็จ แทนก็แต่งตัวรอไว้ก่อนแล้ว ครูซจึงแค่หยิบข้าวของเดินตามเจ้านายของตนไป

“ไหวไหมครับ” ครูซถามออกมาเมื่อเห็นแทนเริ่มลูบแขนตัวสั่นๆ แทนส่ายหน้าพะอืดพะอมกับสภาพแวดล้อมที่มีแต่หมอพยาบาลเดินสวนกันขวักไขว่ ครูซเห็นท่าไม่ดีจึงพยุงตัวแทนเลี้ยวเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านหน้าทันที

“อึก...อ้วก!” แทนดันครูซออกห่างแล้วโก่งคออาเจียนออกมาอย่างทรมาน แก้มสองข้างแดงก่ำมีน้ำตาไหลซึม ครูซอยากช่วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากจึงเดินไปหยิบกระดาษทิชชูมายื่นให้

“นี่ครับ” มือสั่นเทายื่นมารับไปเช็ดปากด้วยท่าทีอ่อนแรง ตอนนี้แทนปวดหัวจนเบลอไปหมดภายในหูได้ยินแต่เสียงวิ้งอยู่ตลอดเวลา ภาพตรงหน้าก็มีแสงวิบวับลอยไปมา เลขาหนุ่มรีบเข้าไปพยุงเจ้านายตนทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ

“ปวดหัว” แทนพึมพำเผลอพิงอกครูซโดยไม่รู้ตัว

“ดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนไหมครับ” ครูซประคองแทนไปล้างหน้าล้างตาพลางพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายอยู่ต่อ

“ไม่..พากลับต้องกินยา” เขาขาดยาไมได้ ถ้าขาดยาต้องบ้าตายแน่ๆ แทนดันตัวออกจากครูซแล้วพิงกำแพงพยุงตัวไว้

“ยาขอหมอเอาก็ได้นี่ครับ”

“พากลับ!” แทนตวาดลั่นอย่างไม่พอใจ

“คุณแทนอยู่ที่ไหนครับ” ครูซเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็หมดหนทางจะเกลี้ยกล่อมจึงยอมแพ้ไม่อยากพูดมากจนทำให้ทะเลาะกันอีก

“คอนโดข้างบริษัท” แทนเดินเซนำครูซออกไป แต่เดินมาไม่เท่าไหร่ร่างสูงก็หยุดหอบหายใจรุนแรงเพราะผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมาทำให้เขารู้สึกตาลายและขยะแขยงเนื้อตัว

“ขออนุญาตนะครับ” ครูซดึงแทนเข้ามาหาแล้วโอบเอวพยุงเดิน แม้จะไม่ชอบสิ่งที่หนุ่มลูกครึ่งทำแค่ไหนแต่วินาทีนี้ขอแค่ให้หลุดพ้นจากโรงพยาบาลได้เขาก็ยอม

เมื่อถึงรถครูซรีบเปิดประตูแล้วจับให้แทนนอนเบาะหลัง เลขาหนุ่มยืนปาดเหงื่อมองเจ้านายตนที่นอนขดตัวกอดตัวเองไว้แน่น เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียยิ่งขึ้นจึงปิดประตู อ้อมกลับไปประจำตำแหน่งแล้วขับรถไปยังคอนโดข้างบริษัททันที เมื่อมาถึงครูซช่วยพยุงแทนที่นั่งหน้านิ่งไม่พูดไม่จาเหมือนกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่างอยู่

“อยู่ชั้นไหนครับ”

“ชั้น 10 ห้อง J101” แทนพูดจบก็หันหน้าไปอีกทางไม่อยากมองว่าตนใกล้ชิดกับอีกฝ่ายแค่ไหน ครูซพยักหน้ารับแล้วกดชั้นสิบไม่นานลิฟต์ก็พาทั้งคู่มาถึงห้องของแทน

พอเข้ามาภายในห้องหรู เลขาหนุ่มก็พาเจ้านายไปนั่งลงบนโซฟาก่อนลงมือถอดรองเท้าและปลดกระดุมเสื้อออกเพื่อให้ร่างสูงได้หายใจสะดวกขึ้น แทนดิ้นใช้เท้าถีบให้อีกฝ่ายออกห่างจากตน

“ออกไปได้แล้ว!” ทนไม่ไหว เขาไม่ชอบให้ใครมาอยู่ในห้องของตน คนน่ารังเกียจจะทำให้ทุกอย่างในนี้สกปรกไปด้วย แค่คิดว่าจะมีร่องรอยของใครอยู่ในห้องตนสติเขาก็แทบหลุดแล้ว

“ผมจะออกก็ต่อเมื่อคุณยอมรับข้อตกลง” ครูซจ้องแทนด้วยสายตาจริงจัง แต่คนฟังกลับนิ่วหน้าไม่ชอบใจในประโยคนี้ของเลขาหนุ่ม “คุณต้องวิดีโอคอลหาผมตลอดเวลา ผมโทรมาคุณต้องรับ ไม่อย่างนั้นผมจะกลับเข้ามาหาคุณอีก”

“...” แทนขมวดคิ้วแน่น จ้องอีกฝ่ายเขม่น เขาเกลียดความวุ่นวายโดยเฉพาะการตามติดแบบนี้ เขาเกลียด เกลียดมันทุกอย่าง!

“เข้าใจไหมครับ” ครูซจ้องตาแทนพร้อมเดินเข้ามาใกล้เพื่อยืนยันคำพูด เขารู้ว่าแทนไม่มีทางยอมทำตามง่ายๆ แต่มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขารู้ว่าคนตรงหน้ายังปลอดภัยไม่ได้ทำอะไรที่เสี่ยงต่อการเจ็บตัวอีก

“คุณแทนเข้าใจไหมครับ” ครูซย้ำคำพูดอีกครั้ง

“เออ” แทนรีบพยักหน้าเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ครูซพอใจกับคำตอบจึงหยิบโน้ตบุ๊กตัวเองออกมาตั้งไว้บนโต๊ะกลางห้องพร้อมวิดีโอคอลเข้าโทรศัพท์มือถือของตนเพื่อดูความเคลื่อนไหว เขารู้ว่าทำแบบนี้แทนยิ่งไม่ชอบ แต่เมื่อได้ทำงานในตำแหน่งนี้แล้วเขาก็อยากทำให้เต็มที่เหมือนกัน แม้แทนจะไม่พอใจในบางการกระทำแต่ถ้าสิ่งนั้นมันส่งผลดีต่อเจ้านายของตน เขาก็พร้อมจะทำให้สมกับค่าจ้างและความไว้ใจที่ได้รับมา

หลังจากครูซออกไปแทนก็นั่งพักจนร่างกายเริ่มมีแรงจึงลุกไปหยิบยาบนโต๊ะมากิน จิตใจที่กระวนกระวายมาทั้งวันเริ่มสงบลงเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ มือกำกระปุกยาสีขาวไว้แน่น ในใจนึกโกรธตัวเองที่เมื่อวานลืมหยิบติดตัวไปด้วย

แทนยืนเหม่อลอยอยู่สักพักก่อนเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อล้างสิ่งสกปรกที่ติดตัวมาตั้งแต่โรงพยาบาล ร่างเปลือยเปล่าที่สะท้อนในกระจกเงามีแต่ร่องรอยของแผลเต็มไปหมดทั้งรอยเก่าและรอยใหม่ ที่เขามักใส่เสื้อแขนยาวก็เพื่อปกปิดร่องรอยพวกนี้ให้พ้นจากสายตาผู้คน เพราะคนพวกนั้นไม่สมควรได้รับรู้ ความเจ็บปวดและตัวตนที่สมเพชของเขา ไม่มีใครสมควรได้รับรู้

แทนสะดุ้งเมื่อปลายเท้าสัมผัสเข้ากับความเย็นของน้ำที่ล้นออกจากอ่าง ชายหนุ่มเผลอเหม่อไปไกลจนลืมดูว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว มือซีดเอื้อมไปปิดก๊อกเสร็จก็หันไปหยิบสบู่เหลวเทลงอ่างพร้อมทิ้งตัวลงไปแช่

“อืม!” ชายหนุ่มร้องออกมาเมื่อแผลสัมผัสเข้ากับน้ำสบู่ ความรู้สึกปวดแสบทำให้น้ำตาไหลซึมออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็ได้ไม่คิดที่จะลุกออกเพราะยิ่งเจ็บแสบมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเท่านั้น ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แทนจึงเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาเช็ดล้างทำความสะอาดแต่ดูเหมือนแผลจะเริ่มอักเสบอีกครั้งเพราะโดนทั้งน้ำและสารเคมีเข้าไป ระหว่างที่กำลังพันแผลอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นต่อเนื่องไม่ยอมหยุดแต่แทนไม่ได้สนใจเขายังคงทำความสะอาดแผลไปเรื่อยๆ

“คุณแทนครับ!” เสียงเรียกที่ดังมาจากโน้ตบุ๊กบนโต๊ะทำให้แทนหันไปดู เขาเห็นใบหน้าเรียบตึงของเลขาหนุ่มที่กำลังยกมือถือขึ้นโทรอยู่ตลอดเวลา

“รับสายผม” ครูซรู้สึกเป็นห่วงเพราะเจ้านายตนหายไปนานไม่ยอมอยู่ในรัศมีของกล้อง แทนแสยะยิ้มมุมปากก่อนเดินเข้าไปใกล้ให้อีกฝ่ายเห็นหน้า ครูซถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นแทนยังดูปกติดีอยู่แต่พอสังเกตอย่างละเอียดก็เห็นมือที่บวมเป่งกับผมเปียกชื้น

“คุณแทนอาบน้ำเหรอครับ”

“ทำไม” แทนถามกลับไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

“เดี๋ยวแผลอักเสบ”

“ไม่ทันล่ะ” แทนยกมือเข้าไปใกล้กล้องทำให้ครูซเห็นรอยเลือดและน้ำเหลืองสีใสไหลออกมาปนกัน

“คุณรีบไปเอาน้ำเกลือล้างเดี๋ยวนี้เลย”

“ต้องฟัง?” แทนยกเท้าขึ้นมาบังกล้อง ครูซจึงไม่เห็นอะไรนอกจากฝ่าเท้าของอีกฝ่าย

“คุณทะ..” ร่างสูงถีบโน้ตบุ๊กจนร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง

“พูดมากน่ารำคาญ!” แทนกระทืบจนหน้าจอและตัวเครื่องหลุดออกจากกันจนสภาพยับเยินไม่มีชิ้นดี ใบหน้าขาวมีเหงื่อไหลซึมตามขมับเพราะออกกำลังไปเมื่อครู่ แทนเดินไปหยิบน้ำดื่มอย่างสบายใจ ก่อนหน้าจอจะดับเขาเห็นอีกฝ่ายทำหน้าช็อกด้วย หึ! สะใจเป็นบ้า ใครใช้ให้มันมาสั่งคนอย่างเขากัน

เสียงมือถือยังดังมาอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้ทำให้แทนหันไปสนใจ ชายหนุ่มยังคงยืนเปิดตู้เย็นหาอะไรทำอาหารเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แทนปล่อยให้เสียงโทรศัพท์มือถือเงียบไปเอง ชายหนุ่มลงมือทำอาหารเสร็จก็นำมานั่งทานจนอิ่มถึงทานยาตามที่ครูซบอกไว้ก่อนกลับ

กริ๊ง

แทนยกน้ำขึ้นดื่มพร้อมเดินไปหยุดตรงหน้าประตูที่มีมอนิเตอร์แสดงใบหน้าของผู้มาเยือน

“คุณแทน” เสียงตึงๆที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจยิ่งทำให้แทนยิ้มสะใจ “ถ้าคุณผิดสัญญาผมก็จะทำเหมือนกัน...สวัสดีครับคุณทศพล” ครูซหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกด้วยสายตาที่ขุ่นมัว

เมื่อได้ยินชื่อคนที่อยู่ในประโยค แทนรีบกระชากเปิดประตูพุ่งเข้าไปคว้ามือถืออีกฝ่ายไว้ทันทีแต่ครูซไวกว่าจับข้อมือแทนกระชากเข้าหาตัว ตามจริงเขาไม่ได้โทรหาทศพลตามที่อ้างเพียงแต่ต้องการขู่แทนเท่านั้น เขาเดาว่าคนตรงหน้าคงมีปัญหากับพ่อแน่ๆ ถึงมีปฏิกิริยาที่รุนแรงทุกครั้งเมื่อเขาเผลอเอ่ยถึง ซึ่งก็คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะวิธีนี้ดูจะใช้ได้ผลทีเดียว

“คุณ-ทำลาย-ของ-ผม” ครูซพูดช้าๆ เน้นมาทีละคำเพื่อให้แทนรู้ว่าได้ทำผิดอะไรลงไป แต่คนตรงหน้าเพียงแค่ดึงมือตัวเองกลับมาเช็ดเสื้อด้วยสายตารังเกียจ

“แล้ว?” ครูซเห็นสีหน้าที่ไม่มีทีท่าสำนึกก็ยิ่งโกรธจนตัวสั่น ทั้งๆ ที่เขาอุตส่าห์เป็นห่วงยอมลืมเรื่องไม่ดีที่อีกฝ่ายทำใส่แต่คนคนนี้กลับทำทุกอย่างพัง

“คุณรู้ไหนว่าในนั้นมีของสำคัญอยู่มากขนาดไหน!” ครูซเก็บงานที่ทำเสร็จไว้ในนั้นเกือบครึ่งแถมมีรูปภาพมากมายที่สะสมไว้ตั้งแต่สมัยเรียน ดีที่บางส่วนเคยแบ็คอัพเอาไว้แล้วแต่รูปใหม่ๆ ยังไม่ทันได้เก็บไว้เลย

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม” แทนเห็นอีกฝ่ายเผลอก็รีบแย่งมือถือ วิ่งกลับเข้าห้องพยายามจะปิดประตูแต่ครูซคว้าบานประตูไว้ทันแล้วดันตัวเข้าไปข้างในด้วย

 “เอาคืนมา” ครูซมองอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง ในยามปกติเขาถือเป็นคนที่ใจเย็นมีความอดทนแต่กับคนตรงหน้าดูจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ แทนยืนหน้านิ่งปล่อยมือถือเครื่องสีขาวตกลงบนพรมอย่างไม่ใส่ใจ เลขาหนุ่มถอนหายใจสะกดอารมณ์ก้มลงเก็บแต่ก่อนที่มือเรียวจะคว้าได้ เท้าขาวก็กระทืบลงมาอย่างแรงจนหน้าจอแตกร้าวเป็นแนวยาว วินาทีนั้นคล้ายเชือกเส้นบางๆ ในใจของครูซขาดสะบั้นลง

“จะมีปัญหาให้ได้เลยใช่ไหม” ครูซลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมองแทนด้วยสายตาลุกโชน

“คนที่เริ่มก่อนมันคือคุณ” แทนตอบหน้านิ่งเตะซากมือถือไปทางครูซด้วยอารมณ์ไม่คงที่ แทนไม่ใช่คนชอบสานต่ออะไรกับใครเท่าไหร่ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดีแต่ครั้งนี้เขากลับชื่นชอบที่จะเห็นคนตรงหน้าหลุดตัวตนออกมา เห็นแล้วสะใจ ไอ้พวกชอบเสแสร้งก็แบบนี้ โคตรเกลียด เกลียดตั้งแต่ที่เห็นหน้าครั้งแรก ชอบทำเป็นคนดีสุดท้ายก็ดีแตกทุกคน

“คุณไม่ชอบผมเพราะอะไร ผมไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจกัน” ครูซสบตากับแทนอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าใครรู้สึกแบบไหนกับตน ถึงแทนจะแสดงท่าทีไม่ชอบทุกคนแต่กับเขากลับแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจ

“เพราะเป็นคุณไง” รอยยิ้ม ท่าทางใจดี คำพูดสุภาพ บรรยากาศรอบตัวคนๆ นี้ทำให้เขานึกถึงผู้หญิงน่ารังเกียจ เหมือนกันจนอึดอัด เหมือนกันจนอยากทำลาย

“ผมทำไม ตอบมาสิว่าผมมันทำไม!” ครูซตะโกนถามไปอย่างเหลืออด ทั้งที่เขาพยายามมากมายขนาดนี้ทำไมถึงต้องถูกเกลียดเอาง่ายๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่บอกเหตุผลด้วย

“ออกไป” แทนชี้นิ้วไปทางประตูด้วยท่าทางเย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำอะไรผิดยิ่งทำให้ครูซรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ทำไมต้องมีแต่เขาที่รู้สึกแย่กัน

“ไม่!” แทนถอยหลังเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงคุกคามจากอีกฝ่าย แม้ในใจจะเริ่มหวั่นแต่สีหน้าของเจ้านายหนุ่มก็ยังเรียบนิ่งเช่นเคย

“ผมจะอยู่ดูแลคุณไม่ให้คลาดสายตาเลยล่ะ” ครูซยิ้มหวานไปให้แต่สายตาที่แทนเห็นมันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

“ออกไป!”

หมับ

“ปล่อย!” แทนพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของครูซที่รัดแน่นจนขยับตัวไม่ได้ สัมผัสแนบชิด ลมหายใจที่พ่นมารดต้นคอทำให้เรี่ยวแรงหายไป ชายหนุ่มทรุดลงกับพื้นพร้อมลมหายใจหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนครูซรู้สึกได้

“ปล่อย ฮึก...แฮ่กๆ” ร่างสูงแนบไปกับแผ่นอกของครูซตามแรงกอดรัดจากอีกฝ่าย

“คุณดื้อเมื่อไหร่ผมจะกอดให้แน่นแบบนี้อีก” ครูซกระซิบข้างหูแทนด้วยน้ำเสียงดุที่แฝงไปด้วยอำนาจ

“ฮึก...ปล่อย” แทนรู้สึกคันไปทั้งตัวอยากเกาใจแทบขาดแต่ทำไม่ได้เพราะครูซรัดไว้แน่นมาก

“จะดื้ออีกไหม” เสียงเข้มเอ่ยถามชิดปลายหูทำให้แทนยิ่งพะอืดพะอมอยากขย้อนอาหารออกมา

“อึก...ปละ อ้วก” ครูซเห็นท่าไม่ดีก็ตัดสินใจปล่อยแทนแล้วคว้าถังขยะอันเล็กที่วางอยู่ข้างโต๊ะยื่นจ่อรอรับอาเจียนจากเจ้านายตน แทนจับถังขยะไว้แน่นพร้อมอ้วกออกมาจนแสบท้องไปหมด ใบหน้าสีแดงก่ำมีน้ำตาไหลออกมาเป็นทางยาว ครูซเห็นแบบนั้นจึงลุกไปหยิบน้ำในครัวพร้อมทิชชูเอามาส่งให้แทนที่นั่งร้องไห้ออกมาเพราะแสบคอแสบท้อง

“ดื่มน้ำก่อน” ครูซยื่นน้ำไปให้แต่แทนไม่มีแม้แรงจะขยับ ครูซจึงพยุงอีกฝ่ายให้นั่งโซฟาแล้วป้อนน้ำ แทนดื่มเข้าไปอย่างกระหายจนน้ำไหลออกตามมุมปาก

“ตอนนั้นผมเช็ดตัวให้ยังไม่เป็นขนาดนี้เลย” ครูซหยิบทิชชูเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและริมฝีปากสีซีดที่สั่นเล็กน้อยจากอาการหอบ

“ฮึก...ใกล้ไปไม่ชอบ” เสียงแผ่วเบาจากแทนทำให้ครูซพยักหน้าเข้าใจ

“มันคือการลงโทษไง” แม้ฝ่ามือเรียวจะไล่เช็ดหน้าให้อย่างเบามือแต่น้ำเสียงและแววตากลับให้ความรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายต้อนให้จนมุมอย่างไรไม่รู้

“เพราะคุณไม่ชอบผมเลยทำ”

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2018 02:46:25 โดย chanlee »

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 4

“ได้เวลาประชุมแล้วครับ” ร่างสูงโปร่งเดินถือเอกสารมายืนข้างกายคนเป็นนาย

“อืม” แทนเพียงตอบรับแล้วลุกขึ้นเดินนำออกไปทันที

หลังจากเหตุการณ์ระเบิดอารมณ์ใส่กันเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนทั้งสองคนก็สร้างระยะห่างต่อกันมากขึ้น โดยเฉพาะแทน เจ้านายหนุ่มไม่พูดคุยหรือเฉียดตัวเข้าไปใกล้เลขาตนแม้แต่น้อย ซึ่งครูซเองพอดูออกจึงเว้นระยะที่ไม่ไปทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ การทำงานของทั้งคู่จึงไม่เต็มที่นัก แต่สำหรับแทนบางอย่างที่ปกติตนต้องทำเยอะจนล้นมือตอนนี้ก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด จากเวลาเลิกงานคือเที่ยงคืนตอนนี้กลับเสร็จก่อนสามทุ่มด้วยซ้ำ แม้จะเลยเวลาบริษัทปิดแต่เลขาหนุ่มก็ไม่ได้กลับบ้านไปก่อนเช่นพนักงานคนอื่น ครูซยังคงนั่งทำงานจนกว่าเจ้านายตนจะเลิกถึงกลับพร้อมกัน แม้แทนจะรู้สึกไม่ชอบการมีเลขาตามติดแต่ก็รู้สึกชื่นชมในการทำงานของครูซอยู่ไม่น้อย หากอีกฝ่ายทำงานตำแหน่งอื่นเขาคงรู้สึกดีกว่านี้
.
.
.
.
ห้องประชุม

“แบบบันทึกสถิติครั้งก่อนหายไปไหน” แทนอ่านแฟ้มในมือนิ่ง เสียงเรียบกับท่าทางเย็นชากว่าปกติทำให้บรรยากาศในห้องยิ่งกดดันขึ้นไปอีก พนักงานต่างมองหน้ากันตื่นตระหนกกับความผิดพลาดของงาน

“ผมถาม” แทนเงยหน้าขึ้นมากวาดตามองทุกคนในห้องประชุม

“คะ...คือ ผมเห็นว่ามันเป็นสถิติเก่าไม่จำเป็นแล้วเลยยุบทิ้งไปครับ” ศุภชัยหัวหน้างานที่อาวุโสที่สุดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประหม่า

“ถ้าสิ่งที่คุณพูดออกมาไม่จำเป็นจริงๆ งั้นสำหรับบริษัทนี้คุณก็คงไม่จำเป็นเหมือนกัน” แทนวางแฟ้มลงแล้วลุกขึ้นยืนจัดสูทให้เข้าที่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทำให้คนทั้งห้องเหงื่อตก โดยเฉพาะศุภชัยที่นั่งมือสั่นอย่างคุมไม่อยู่

“ผมขอโทษครับ อย่าไล่ผมออกเลยนะครับคุณแทน” ชายวัยกลางคนก้มหัวขอโทษในความผิดพลาดของตน หากเขาถูกไล่ออกคงลำบากแน่ๆ เมื่อความกดดันและเครียดเพิ่มขึ้นน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม สร้างความสงสารให้กับบุคคลที่เห็นยกเว้นแต่แทนที่ชายตามองไม่ได้สนใจอะไรเดินไปที่ประตูทางออก

“คุณแทนครับ” ครูซอดสงสารไม่ได้จึงรีบร้องทักออกไปก่อนที่เจ้านายตนจะเอื้อมมือจับลูกบิดประตู

“ผมยังไม่ได้บอกว่าจะไล่ออก กลับไปทำงานส่งให้ผมก่อนห้าโมงเย็น” แทนหยุดอยู่หน้าประตูห้องแล้วหันมามองศุภชัยที่ยิ้มกว้างพร้อมยกมือไหว้

“คราวหน้ากรุณาเก็บอารมณ์ส่วนตัวไว้อย่าได้นำมาใช้กับงานด้วยนะครับ” แทนสบตาครูซแล้วกวาดตามองทุกคนในห้องประชุมที่ต่างพากันก้มหน้าหลบสายตาด้วยความหวั่นใจ เจ้านายหนุ่มมองภาพข้างหน้าด้วยความรู้สึกสมเพช ความจริงงานนี้เป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันแต่กลับไม่มีใครเอ่ยปากออกมาแสดงความผิดกับศุภชัยเลยสักคน ทุกคนต่างกลัวแล้วหยิบยื่นให้ใครสักคนรับผิดแต่เพียงผู้เดียวเพื่อให้ตัวเองรอด หึ! จะผ่านไปนานแค่ไหน คนพวกนี้ก็ยังน่าขยะแขยงอยู่เสมอ

“คุณแทน” ระหว่างที่แทนกำลังหยิบขวดแอลกอฮอล์ขนาดเล็กขึ้นมากดล้างมือ เสียงทุ้มนุ่มของครูซก็เอ่ยเรียกขึ้นมาก่อน เจ้านายหนุ่มใช้หางตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย ไม่ได้หยุดก้าวเท้าตามเสียงเรียกเพียงเดินให้ช้าลงเท่านั้น แต่สำหรับครูซที่ทำงานมาสักพักรับรู้ว่าการแสดงออกแบบนี้คืออนุญาตให้พูดออกมาได้

“ขอบคุณครับ”

“คุณมาขอบคุณผมเรื่องอะไร” แทนชะงักเท้าหันกลับไปถามครูซที่ยืนอมยิ้มอยู่

“เรื่องที่ไม่ไล่คุณศุภชัยออก” เขาคิดว่าเจ้านายตนนั้นใจดีกว่าที่คิด

“มันไม่เกี่ยวกับคุณ ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเอาความรู้สึกมาใช้กับงาน” แทนมองด้วยสายตาตำหนิ ทั้งที่ในความจริงเขาคิดจะไล่ศุภชัยออกแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมตอนสบตาเข้ากับครูซเขาถึงเปลี่ยนใจ อาจจะเพราะเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ การที่จะช่วยใครสักคนย่อมต้องมีผลประโยชน์แอบแฝงเสมอ แต่กับศุภชัยนั้นครูซได้ประโยชน์อะไรตอบแทนกันล่ะ ในเมื่อทั้งสองคนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำ

“ครับ ผมเข้าใจ” ครูซพยักหน้ารับพร้อมถามในสิ่งที่อยากรู้กลับไปเช่นกัน “แล้วคุณเข้าใจหรือเปล่า คุณแน่ใจใช่ไหมว่าตัวเองไม่ได้กำลังทำแบบนั้นอยู่”

แทนจ้องคนตรงหน้านิ่ง เขาเข้าใจดีในสิ่งที่ครูซต้องการจะบอก แต่ทิฐิในใจนั้นมีมากเกินกว่าจะยอมรับ

“คุณแทนคะ” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่หันไปมอง

“สวัสดีพัชชา” แทนเอ่ยทักทายหญิงตรงหน้าเหมือนเช่นเคย

“แผลดีขึ้นแล้วใช่ไหม” รอยยิ้มห่วงใยที่ส่งให้มาอย่างล้นเปี่ยมทำให้ครูซสัมผัสได้ว่าพัชชานั้นคงรักและหวังดีกับคุณแทนอยู่มาก

“อืม...วันหลังอย่ามาถามข้างนอกอีก” เขาไม่อยากให้ใครรู้หรือได้ยินเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ พัชชาพอได้ฟังก็ยกยิ้มเล็กน้อยไม่ได้มีท่าทีกลัวเหมือนคนอื่น

“คุณแทนอย่าลืมไปร่วมงานค่ำนี้ที่เรือนใหญ่นะคะ” พัชชายื่นซองสีขาวซึ่งมีตราประทับสีทองของตระกูลให้ร่างขาวที่มองนิ่งไม่คิดจะหยิบจนครูซต้องรับไว้ให้เอง

“ไม่... // คุณแทนก็รู้ว่างานนี้ปฏิเสธไม่ได้” หญิงสาวเอ่ยดักไว้ก่อนที่เจ้านายจะพูดในสิ่งที่เธอรู้ดี แทนชักสีหน้าเล็กน้อยแล้วไม่รอฟังอะไรอีก ร่างขาวเดินหน้านิ่งขบอารมณ์ไปทางห้องทำงานทันที

“ครูซตามคุณแทนไปที่งานด้วยนะ” เมื่อคล้อยหลังเจ้านายพัชชาก็หันมากำชับกับครูซทันที “เธอรู้ใช่ไหมว่าคุณแทนกับคุณทศพลไม่ลงรอยกัน”

พัชชาคิดว่าเธอมองคนไม่ผิด ครูซเป็นคนฉลาดและเรียนรู้ไวเธอมั่นใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องเริ่มเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มากก็น้อย การที่ครูซยังสามารถทำงานกับแทนมาได้เกือบหนึ่งเดือนถือเป็นเครื่องการันตีได้ดีทีเดียว

“พอทราบครับ” ครูซพยักหน้าตอบรับ

“พยายามกันคนออกห่างคุณแทน...ทำได้ใช่ไหม” พัชชาเธอไม่มีสิทธิ์ไปร่วมงานภายในเพราะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะดูแลคุณแทนได้อีกแล้วจึงอยากฝากฝังไว้กับเลขาคนใหม่ที่ในสายตาเธอดูเป็นคนที่พึ่งพาและไว้ใจได้

“ผมจะพยายามครับ”

“ฝากด้วยล่ะ ฉันไปก่อนนัดลูกค้าไว้” ครูซยกมือไหว้พัชชาที่เดินออกไปอย่างเร่งรีบ

หลังจากเหตุการณ์ที่พวกเขาทะเลาะกันที่คอนโด คนที่เข้ามาจัดการปัญหาและดูแลแทนต่อให้ก็คือพัชชา แทนเป็นคนโทรตามให้มาอยู่เฝ้าเพราะครูซไม่ยอมกลับเนื่องจากต้องการเอาคืน ตอนนั้นครูซทั้งโกรธและสับสนอยู่มากแต่พอได้ลองคุยกับพัชชาก็เข้าใจอะไรมากขึ้น พัชชาไม่ได้เล่าอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวแต่เธอพูดถึงการทำงานและสิ่งที่แทนต้องรับผิดชอบ เรื่องที่แทนชอบหรือไม่ชอบ มันทำให้เขารู้สึกพอจะรู้ว่าควรวางตัวอยู่ตรงไหน ในตอนแรกเขาคงจะไปทำอะไรสักอย่างที่แทนไม่พอใจจึงถูกปฏิบัติกลับมาเช่นนั้น ระยะหลังมาครูซจึงลองไม่เข้าไปหาเกินควรแค่ทำให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขามีตัวตน ดูเหมือนวิธีนี้จะได้ผลกับแทนแต่ก็ไม่ได้มากพอจะทำให้อีกฝ่ายเปิดรับเขามากเท่าไหร่เช่นกัน

Rrrr Rrrr

ครูซหยิบมือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เขาลังเลใจที่จะกดรับแต่ด้วยมารยาทคงปล่อยผ่านไปไม่ได้

“สวัสดีครับ”

“นึกว่าจะไม่รับสายกันแล้วซะอีก” เสียงประชดน้อยใจจากหญิงสาวในสายทำให้ครูซถึงกับกุมขมับอย่างลำบากใจ

“ผมเพิ่งประชุมเสร็จน่ะครับ”

“ไม่ต้องมาอ้างหรอก ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยที่เธอไม่รับสายพี่” ครูซเงียบไปไม่ได้ตอบรับเพราะเป็นจริงเช่นที่หญิงสาวพูด เขาพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับอีกฝ่ายมาตลอด

“ครูซ...กลับมาทำงานกับพี่เถอะนะ เราสองคนทำงานด้วยกันดีที่สุดแล้ว ผลงานก็กำลังไปได้ด้วยดี” เสียงหวานพูดหว่านล้อมเพื่อจะนำชายหนุ่มมาไว้ข้างกายเช่นเดิม

“ผมขอโทษด้วยนะครับแต่ตอนนี้ผมมีที่ทำงานใหม่แล้วคงจะกลับไปทำด้วยไม่ได้จริงๆ”

“ถ้าครูซกลัวจะมีปัญหาเพราะเฟยอีก ครูซไม่ต้องห่วงพี่บอกเลิกกับเขาแล้ว” ครูซชะงักเล็กน้อยเมื่อฟังคำบอกเล่าจากหญิงสาว

“ไม่ใช่หรอกครับ...ต่อให้ไม่มีเรื่องคุณหยางเฟยเข้ามาผมก็คงตอบรับความรู้สึกของคุณขิมไม่ได้อยู่ดี สำหรับผมคุณขิมเป็นเจ้านายและพี่ที่ดีเท่านั้น” ครูซอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาไม่รู้เหมือนกันว่าพูดประโยคนี้ไปแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วเพราะถึงเขาจะย้ำสักเท่าไหร่คนในสายก็ดูจะไม่ยอมเปิดใจรับฟังเลยสักนิด

“พี่ไม่ยอมหรอกนะ! พี่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้านายใหม่ของครูซจะปล่อยให้อยู่ได้นานขนาดไหน” น้ำเสียงกระชากแตกต่างกับเมื่อครู่ลิบลับทำให้ครูซตัดสินใจจบบทสนทนาชิงวางสายก่อนทันที แม้จะดูเสียมารยาทต่ออีกฝ่ายก็ตาม

“ผมขอตัวทำงานก่อนนะครับ” ครูซกดวางโดยไม่สนใจเสียงเรียกของหญิงสาวที่เอ่ยรั้งตนไว้

“เฮ่อ...” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่กับคิ้วหนาที่ขมวดจนเป็นปมบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวรู้สึกเครียดกับเรื่องนี้แค่ไหน

 คุณขิมหรือเขมิกา คือเจ้านายเก่าของครูซ เธออายุยี่สิบหกปีเป็นสาวสวยที่หนุ่ม ๆ ทุกคนต่างชื่นชอบ เธอทำงานเก่งแถมเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวโชติที่เปิดบริษัทเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ครูซทำงานกับเธอตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ เธอจึงถือว่าเป็นเจ้านายคนแรกที่ชายหนุ่มทำงานด้วย ครูซเป็นคนเรียนรู้ไวและใส่ใจในทุกรายละเอียด การทำงานเป็นเลขาของเขาถือว่าทำได้ดีมาก แต่คงจะดีเกินไปจนทำให้เขมิกาหวั่นไหวกับการดูแลเอาใจใส่จนเกิดเป็นความรักขึ้นมา ทั้งที่ตัวเธอเองนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว การแสดงออกว่าชื่นชอบครูซเปิดเผยมากจนทำให้คู่หมั้นไม่พอใจ ส่งคนมาข่มขู่ครูซถึงที่บ้านบ่อยครั้ง ครูซไม่ได้กลัวแต่เพราะในบ้านไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว เขามีทั้งแม่และน้องสาวที่ต้องปกป้องดูแล คนทั้งคู่ไม่ควรต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบนั้น ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะถอยออกมาแม้จะขาดรายได้ไปเกือบสองเดือนเนื่องจากต้องหางานใหม่ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อได้เข้ามาทำงานในบริษัท วี.เค. กรุ๊ป จำกัด กว่าเขาจะได้เข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ครูซต้องผ่านด่านการคัดเลือกมากมายจากทศพลที่เข้มงวดในการตัดสินเพราะถ้าหากเลือกคนความอดทนต่ำคงมาร่วมงานกับแทนไม่ได้แน่ๆ ซึ่งครูซก็พิสูจน์คุณสมบัติตัวเองจนมายืนอยู่ตรงนี้

ปึง

“จะไปไหนเหรอครับ” ครูซเงยหน้าจากจอคอมเอ่ยถามแทนที่สวมถุงมือและใส่แมสปิดปาก

“โรงพยาบาลวีเค” แทนพูดจบก็โยนกุญแจลงบนโต๊ะทำงานแล้วเดินนำออกไปทันที ครูซหยิบกุญแจรถพร้อมคว้าของสำคัญใส่กระเป๋าออกวิ่งตามแทนที่ยืนรอลิฟต์อยู่ เมื่อทั้งคู่มาถึงรถ เจ้านายหนุ่มก็เดินไปเปิดประตูหลังทิ้งตัวลงนอนบนเบาะแล้วหลับตาลงอย่างรวดเร็ว ครูซสังเกตเห็นรอยเลือดที่ไหลซึมเปื้อนแมสจึงหยิบทิชชูยื่นไปให้

“เช็ดก่อนครับ” แทนลืมตาขึ้นมามองก่อนตัดสินใจคว้ามาเร็วๆ เพราะไม่ต้องการใกล้ชิดหรือสัมผัสกับอีกฝ่ายมากนัก ความรู้สึกร้อนผ่าวจากอ้อมกอดของครูซเมื่อครั้งก่อนเขายังจำได้ดีว่าน่าสะอิดสะเอียนแค่ไหน ครูซเองก็รู้ตัวจึงเดินกลับไปที่นั่งคนขับพร้อมขับออกสู่ถนนใหญ่ซึ่งโปร่งโล่งไม่มีรถมากนักเนื่องจากเป็นเวลากลางวัน โรงพยาบาลที่แทนบอกกับครูซนั้นเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ไกลออกไปแถวชานเมืองต้องขับรถประมาณชั่วโมงกว่า

บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสนิทมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานอยู่ ครูซขับรถไปตามหน้าที่ ส่วนแทนนอนหลับตาจมไปกับความคิดตัวเอง

“คุณแทนครับงานคืนนี้... //อย่าเพิ่งพูด” เสียงเย็นชาทำให้ครูซเงียบลง เลขาหนุ่มเพียงต้องการขออนุญาตตามไปด้วยเนื่องจากรับปากพัชชาไว้แล้ว แต่งานเลี้ยงในครั้งนี้เป็นงานภายในครอบครัวเขาจึงไม่แน่ใจว่าสมควรไปหรือไม่

ปัง

แทนปิดประตูรถพร้อมสูดหายใจเข้าก่อนค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปในโรงพยาบาลที่เขาจำเป็นต้องมาทุกเดือนเมื่อยาหมด ร่างสูงเร่งก้าวเท้าไปที่ลิฟต์เพื่อไปยังห้องที่นัดไว้ เขาพยายามไม่มองด้านข้างที่มีหมอกับพยาบาลเดินสวนกันไปมา

ตึง พลั่ก

“ว้าย!”

แทนที่รีบไม่ทันได้ระวังชนเข้ากับพยาบาลสาวจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้นเกิดเสียงดังเรียกสายตาจากผู้คนทั่วบริเวณ ชายหนุ่มยืนมองนิ่งไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวอย่างที่ควรทำ คนรอบข้างจึงมองมาด้วยสายตาตำหนิ

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ครูซที่เพิ่งเดินตามมารีบก้มไปพยุงให้พยาบาลสาวยืนขึ้น

“ไม่เป็นไรค่ะ” เมื่อแทนเห็นว่าครูซจัดการเรื่องนี้ให้แล้วจึงเดินต่อเพื่อไปยังจุดนัดหมาย

“ขอโทษด้วยนะครับ เขาไม่สบายอยู่” เลขาหนุ่มเอ่ยขอโทษแทนเจ้านายตนเสร็จก็รีบวิ่งตามไปทันที แม้แทนจะเห็นแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้กดลิฟต์รอ เขาทำเพียงยืนมองร่างโปร่งวิ่งอย่างเร่งรีบจนแก้มแดงฝาด ครูซยืนหอบหายใจพลางมองแทนที่ยืนเกาแขนมาตั้งแต่เมื่อครู่ ทีแรกเขาคิดว่าแทนรังเกียจตนจึงขยะแขยงไม่ชอบให้ถูกตัวแต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแทนเป็นกับทุกคน แค่สัมผัสเล็กน้อยเจ้านายตนก็จะหยิบแอลกอฮอล์มาฉีดหรือไม่ก็เข้าห้องน้ำไปล้างมือเป็นประจำ แผลที่มือเลยหายช้าแม้ไม่อักเสบแต่ก็ยังไม่หายสนิท ถ้าอีกฝ่ายเชื่อเขาเรื่องการดูแลรักษาแผล ป่านนี้คงไม่ต้องมานั่งทรมานเจ็บมือแล้วแท้ๆ

“มองอะไร” แทนหันมาจ้องครูซนิ่ง เลขาหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าแล้วหันกลับไปมองตัวเลขลิฟต์ที่ขึ้นสูงเรื่อยๆ จนมาหยุดชั้นที่สิบ

ตึ๊ง

“คุณแทนไม่สบายเหรอครับ” ครูซเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ...รอผมอยู่ตรงนี้” แทนเดินมาหยุดหน้าประตูไม้แกะสลักลวดลายสวยงามที่ดูไม่เหมือนห้องตรวจสักเท่าไหร่ ครูซเดินไปรอที่เก้าอี้หน้าห้องตามคำสั่ง แต่ก่อนที่แทนจะเดินเข้าไปเขาได้โยนโทรศัพท์ลงบนตักครูซ เลขาหนุ่มมองด้วยความไม่เข้าใจจนเห็นสายเรียกเข้าดังขึ้น

“จัดการ” แทนพูดแค่นั้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้อง ครูซจ้องหน้าจอที่ไม่ปรากฏชื่อผู้โทรก่อนกดรับ

“สวัสดีครับ”

“ใคร?” หญิงมีอายุเอ่ยถามเสียงห้วน

“ผมครูซเป็นเลขาของคุณแทนครับ”

“ฝากบอกแทนฟ้าด้วยว่าให้มางานคืนนี้...ถ้าไม่มาฉันจะไปหาเอง” น้ำเสียงมีอำนาจเอ่ยสั่งอย่างเด็ดขาด ครูซยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไปอีกฝ่ายก็ตัดสายไปก่อนแล้ว งานคืนนี้มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไงกัน เลขาหนุ่มได้แต่คิดสงสัยแต่ไม่มีใครที่สามารถไขปริศนาให้เขาได้กระจ่างสักคน



ภายในห้อง

“นี่ยังไม่ถึงครึ่งเดือนเลยนะมาอีกแล้วเหรอ” เสียงทะเล้นหยอกล้อจากหนุ่มหน้าใสที่นั่งเล่นเกมในคอมทำตัวไม่เหมือนหมอทั่วไป

“อย่าพูดมาก” แทนตอบหน้านิ่งแล้วยื่นเงินไปให้ปึกหนึ่งซึ่งมีแต่แบงก์พันนับสิบๆ ใบ

“ใจคอจะติดสินบนกันทุกทีเลยหรือไง” แม้คำพูดเหมือนจะไม่เห็นดีเห็นงามด้วยแต่ฝ่ามือเล็กก็ยื่นมารับไปนับอย่างละเอียด เมื่อเห็นจำนวนที่พอใจแล้วร่างบางจึงเดินไปไขกุญแจตู้ยาด้านหลังหยิบกระปุกออกมาวางตรงหน้าแทน

“อย่ากินเยอะเกินไปล่ะ มันไม่ใช่เยลลี่” คำพูดทีเล่นทีจริงจากผู้ชายหน้าหวานตรงหน้าไม่ได้สร้างความสนใจเท่ากับยาที่แทนเห็น เขากำลังจะคว้ามาถือแต่อีกฝ่ายกลับดึงไปซ่อนไว้ที่หลังพร้อมสีหน้ายิ้มแย้มที่เห็นแล้วทำให้แทนคิดหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย เขาไม่ใช่คนชอบหยอกล้อกับใคร

“ต้องเรียกว่าไงก่อน”

“เอามา”

“เร็วๆ” ร่างบางเอ่ยเร่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ไวน์”

“น้องไวน์ดิ” แทนมองนิ่งพร้อมเดินหันหลังกลับทันที เขาพยายามควบคุมอารมณ์ที่เริ่มไม่คงที่ถ้าชายหนุ่มตรงหน้ายังล้อเล่นอยู่อีกคงได้มีปะทะอารมณ์กันแน่

“อ่ะๆ ไม่แกล้งละ แต่พูดจริงๆ นะพี่...อย่ากินเยอะ ถึงจะไม่ใช่ยาอันตรายแต่ผลข้างเคียงมันก็มีอยู่ นี่ถ้าพ่อรู้ไวน์โดนตีพร้อมไล่ออกแน่ๆ” ไวน์รีบเดินไปขวางไว้แล้วยื่นกระปุกยาไปให้ แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง คนอะไรไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ร่างบางขมวดคิ้วขัดใจเล็กน้อย

“อืม” แทนเพียงตอบรับตัดรำคาญ เขาหยิบยาแล้วเดินผ่านร่างบางออกไปทันที ครูซที่นั่งอยู่ข้างนอกหันมามองเจ้านายตนที่ถือกระปุกสีขาวเต็มสองมือ

“ใครอะ” เสียงใสเอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้ ไวน์แทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่พลางมองครูซตั้งแต่หัวจรดเท้า

“สวัสดีครับ ผมครูซเป็นเลขาคุณแทน” ครูซยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอ็นดูเพราะด้วยใบหน้าที่ดูเด็กกว่าอายุบวกกับเป็นคนตัวเล็กจึงทำให้ไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วไวน์อายุอ่อนกว่าแทนแค่ปีเดียวเท่านั้น

“เลขาที่เขาพูดถึงกันนี่” ไวน์เดินเข้าไปมองรอบตัวครูซอย่างสนใจ

“กลับ” แทนพูดแค่นั้นแล้วก้าวเท้าเร็วๆ ไปยังลิฟต์ ครูซจึงเอ่ยลาไวน์แล้วรีบเดินตามเจ้านายตนที่ดูท่าทางจะอารมณ์ไม่ค่อยดี พออยู่บนรถเขาจึงถือโอกาสบอกเรื่องที่คุยโทรศัพท์

“คุณผู้หญิงในสายเธอฝากมาบอกให้... // อืม” ครูซยังพูดไม่ทันจบแทนก็ตอบรับแล้วเพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าใครเป็นคนโทรมา

“ผมต้องไปด้วยไหม” ครูซหันมามองแทนที่นั่งนวดขมับด้วยท่าทางเหนื่อยใจ

“อย่าให้ใครโดนตัวผมรวมถึงคุณด้วย” แทนเอ่ยออกมาเรียบๆ ครูซพยักหน้ารับแล้วขับรถต่อไป แทนนั่งเท้าแขนมองออกไปนอกกระจก การมีเลขาสำหรับเขาก็ไม่ได้แย่ไปซะหมด อย่างน้อยก็มีคนขับรถพร้อมไม้กันหมา  ทุกอย่างจะดีกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายไม่ยุ่งวุ่นวายและใกล้เขามากเกินไป

ก่อนหน้านี้ถ้าพัชชาไม่เตือนสติ เขาคงไม่รู้ว่าเผลอแสดงตัวตนด้านไหนให้ครูซได้เห็นไปบ้าง ตอนนั้นภายในหัวเขามันสับสนไปหมดจนยากเกินที่จะห้ามตัวเองไม่ให้นึกถึงอดีตที่พยายามเก็บซ่อนมันไว้ เขาเป็นหัวหน้าเป็นนายคนจึงไม่สมควรเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน แม้ครั้งนี้จะทำยากแต่แทนก็พยายามฝืนการกระทำตัวเองเพื่อให้ทุกอย่างเป็นมืออาชีพเหมือนเช่นเคยที่ผ่านมา

“ผมต้องแต่งตัวแบบไหนครับ ชุดนี้สุภาพพอไหม” ครูซถามออกมาระหว่างจอดรถติดไฟแดงก่อนถึงบริษัท แทนมองพิจารณาอีกฝ่ายด้วยหางตาแล้วพยักหน้ารับเบาๆ

ถึงแม้แทนจะพูดกับตนน้อยและแสดงท่าทีเย็นชาแต่ในความรู้สึกของครูซคืออีกฝ่ายยอมอ่อนลงให้มากกว่าตอนแรกที่พบกัน เพราะตอนนั้นต่อให้เขาถามไปเป็นสิบประโยคคนหน้านิ่งก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเลยแม้แต่น้อย

“แวะส่งที่คอนโด เจอกันตอนหนึ่งทุ่ม” ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองอีกนานกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน ครูซจึงขับรถไปส่งแทนแล้วหาข้าวทานก่อนกลับไปนั่งทำงานต่อ จนถึงเวลานัดครูซก็ไปรับแทนที่คอนโด เขาโทรไปหาเจ้านายตนแต่อีกฝ่ายตัดสายทิ้ง เขาจึงนั่งรออยู่ที่ห้องล็อบบี้ของคอนโดซึ่งไม่นานร่างสูงก็เดินมาด้วยชุดสูททันสมัยที่ทำให้เจ้าตัวดูดีขึ้นไปอีกแม้ใบหน้าหล่อนั้นจะเรียบนิ่งเหมือนเช่นเคยก็ตาม ครูซเดินเข้าไปหาเพื่อช่วยถือกล่องของขวัญขนาดกลางที่แทนถือมาด้วยมือข้างเดียว

“ผมช่วย” แทนโยนใส่ทันทีโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว ครูซตกใจไม่น้อยแต่ดีที่คว้าไว้ได้ทันก่อนตกลงพื้น แทนหัวเราะขึ้นจมูกก่อนเดินนำไปจนถึงรถส่วนตัวที่จะขับไปงานเลี้ยง เขาเดินไปนั่งตำแหน่งคนขับโดยที่สั่งให้ครูซนั่งเบาะหลังเนื่องจากไม่อยากอยู่ใกล้กันเกินไป และอีกอย่างเขาไม่ชอบให้ใครมาแตะรถคันนี้สักเท่าไหร่ ภายในรถเงียบสนิทเหมือนเช่นเคยจนรถสีดำคันงามจอดอยู่หน้าบ้านทรงไทยล้านนาหลังใหญ่ที่มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่าห้าสิบไร่ ครูซหมุนตัวมองไปรอบๆ อย่างชื่นชมในความงาม สวนที่จัดอย่างลงตัวกับชานระเบียงที่ประดับด้วยไฟสีนวลทำให้ทุกอย่างในนี้ดูหรูหราและอบอุ่นเสียจนเขารู้สึกอยากกลับไปหยิบกล้องโปรสุดโปรดมาถ่ายเก็บไว้เหลือเกิน ระหว่างที่เลขาหนุ่มดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้าง เสียงเย็นชาก็ได้เอ่ยคำสั่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างออกมา

“อย่าลืมสิ่งที่ผมสั่งไป”

“ครับ ผมไม่ลืม” ครูซพยักหน้ารับพร้อมคิดทวนคำสั่งที่อีกฝ่ายบอกกับเขาระหว่างนั่งรถมาที่นี่

หนึ่ง อย่าให้ใครโดนตัว

สอง อย่าให้อีกฝ่ายแตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 5

“แทนฟ้า” ร่างบางวิ่งเข้ามากอดแทนจากทางด้านหลังไม่ทันให้ได้ตั้งตัว ครูซที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบหันมามองแต่พอเห็นว่าเป็นใครจึงไม่ได้เข้าไปกั้นให้ออกห่างจากเจ้านายตน

“ปล่อยผมก่อน” แทนแกะมือเรียวออกอย่างสุภาพแต่น้ำเสียงเรียบนิ่งก็ทำให้คนเป็นแม่รู้สึกผิดหวังอยู่ในใจเสมอ แทนอาศัยจังหวะที่ทุกคนเผลอเช็ดมือเข้ากับกางเกงอย่างนึกรังเกียจ

“ลูกทานข้าวมาหรือยัง” ไพลินฝืนยิ้มมองลูกชายอย่างรักใคร่และเป็นห่วง ลูกเธอไม่ค่อยกลับบ้านไปหาก็ไม่ค่อยอยู่ห้อง วันๆ ทำแต่งาน นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่ไม่ได้พบกัน

“ผมทานมาแล้ว” แทนตอบเพียงสั้นๆ คนเป็นแม่ก็ยิ้มรับพยายามชวนคุยต่อ

“แล้วลูกเป็นยะ... // คุณย่าอยู่ไหนครับ” แทนพูดแทรกขึ้นทันทีไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดเรื่องอื่นเพราะไม่ชอบตอบคำถามเรื่องเดิมซ้ำซากมันน่ารำคาญ

“อยู่ห้องนกยูงจ้ะ” เสียงกับหน้าตาที่ดูเศร้าหมองลงทำให้ครูซรู้สึกเห็นใจหญิงตรงหน้าไม่น้อย

“งั้นผมขอตัวก่อน” แทนก้มหัวให้แล้วเดินผ่านไป การแสดงท่าทีเหมือนคนอื่นคนไกลกับแม่ตัวเองทำให้ครูซรู้สึกประหลาดใจแต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายตน ชายหนุ่มจึงทำได้แต่เพียงปล่อยไปไม่เก็บมาใส่ใจมากนัก

“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้ใครมาโดนตัวผม” แทนหันมามองครูซด้วยสายตาตำหนิ

“แต่นั่นคุณแม่”

“ไม่มีข้อยกเว้น” ครูซพยักหน้าตกลงเพราะถึงพูดไปก็ใช่ว่าแทนจะรับฟัง

“ครับ”

“ถ้ายังไม่อยากถูกไล่ออกทำตามที่สั่ง...เข้าใจใช่ไหม” แทนเดินนำไปแต่ก็ไม่วายหันมาพูดขู่อีก ครูซพยักหน้าตอบรับ ทั้งคู่เดินไปจนถึงห้องกระจกใสใกล้บริเวณริมสระบัวที่มีต้นนกยูงออกดอกสีแดงเต็มไปหมด นี่คงเป็นที่มาของชื่อห้องพักริมน้ำแห่งนี้ 

ครูซเดินตามแทนเข้าไปภายในงานที่มีผู้คนมากมายยืนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน หลายคนเป็นไฮโซคนดังที่คุ้นหน้า ครูซทำงานในสังคมพวกนี้มาก่อนจึงพอทราบชื่อและหน้าที่การงานของแต่ละคนอยู่ไม่น้อย

“อ้าวมาแล้วเหรอแทนฟ้า” เสียงคุ้นหูทำให้ครูซหันไปมองจึงพบเข้ากับหญิงสูงวัยที่แต่งตัวด้วยผ้าไหมสีเขียวมรกตสวมเพชรระยิบระยับนั่งบนโซฟาสีทองตัวใหญ่กลางห้องซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางที่ผู้คนต่างให้ความสนใจ

“สวัสดีครับคุณย่า นี่ของขวัญ” แทนหยิบของขวัญจากมือครูซส่งต่อให้คุณรัศมีที่รับไปแล้ววางไว้บนโต๊ะไม่ได้ดูตื่นเต้นหรือดีใจที่ได้ ซึ่งแทนเองก็ไม่เคยหวังจะเห็นท่าทางแบบนั้นจากย่าเช่นกันเพราะรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้

“ขอบใจหลานมาก มานั่งด้วยกันก่อนสิ” คุณหญิงรัศมีกวักมือเรียกให้แทนเข้าไปนั่งใกล้ๆอีกที่ซึ่งว่างอยู่เหมือนเว้นไว้ให้ใครสักคน

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวสักพักผมก็กลับแล้ว” แทนส่ายหน้าปฏิเสธ ชายหนุ่มไม่ชอบตกเป็นจุดสนใจเขาไม่ชอบถูกจับจ้อง ตอนนี้ก็อึดอัดใจจะแย่อยู่แล้ว สายตานับสิบนับร้อยมองมาอย่างสนอกสนใจกับหลานชายซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนนอกคอกที่ตระกูล วราวุธกิจ ไม่เคยพาออกสื่อหรือแนะนำต่อสาธารณชนเลยสักครั้ง การจะพบเจอจึงเป็นเรื่องยากพอควร

“อยู่ก่อน” เพียงเสียงเข้มพร้อมสายตากดดันจ้องมองมาก็ทำให้แทนพยักหน้าตกลงอย่างไม่เต็มใจ แม้เขาจะต่อต้านทุกคนแต่กับหญิงสูงวัยตรงหน้า เธอร้ายเกินกว่าจะต่อกรด้วย

“มานั่งสิ เลขาหลานเหรอ...ดูดีนี่ ทำงานเป็นไงบ้าง” แทนไม่ได้นั่งลงตรงที่คุณหญิงรัศมีชี้แต่เลือกที่จะนั่งตรงข้ามเพื่อหลีกเลี่ยงตำแหน่งที่ว่างอยู่ เพราะเขารู้ดีว่ามีไว้เพื่อใคร

“ทำงานดีครับ” แทนตอบออกไปตามความจริงโดยไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับครูซคำชมจากเจ้านายเป็นอะไรที่เกินคาดทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างพอใจ

“งั้นก็ดีแล้ว หลานได้กลับบ้านบ้างไหม” คุณหญิงรัศมีถามในสิ่งที่แทนไม่เคยชอบใจที่จะต้องตอบเพราะหากตอบไปแล้วสิ่งที่คนเป็นย่าจะพูดก็เหมือนเดิมทุกๆ ครั้ง

“ไม่ครับ”

“กลับบ้างแล้วกันนะ พ่อเขาเป็นห่วง”

“ครับ” แทนนั่งหน้านิ่งแต่ครูซสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าไม่ปกติ มือขาวเริ่มจิกเข้าหากันแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เพราะครูซยืนบังอยู่คนอื่นจึงไม่เห็น

“คุณแทนครับ” ครูซเพียงเอ่ยเรียกสติคนด้านข้างเบาๆ แทนกระพริบตาก่อนค่อยๆ คลายมือออก ชายหนุ่มก้มหน้าลงไม่อยากมองบุคคลมาใหม่ที่เดินเฉียดเขาไปเมื่อครู่

“สวัสดีครับคุณแม่” ทศพลเดินเข้าไปไหว้แล้วกอดคนเป็นแม่อย่างรักใคร่

“มานั่งก่อนตาทศ วันนี้งานจะเริ่มสองทุ่ม” คุณรัศมียิ้มแย้มกับลูกชายคนโปรดแต่เมื่อเห็นหลานชายตนนั่งนิ่งไม่พูดจาก็ทำให้เธอขัดใจในมารยาทอยู่ไม่น้อย

“แทนฟ้า!” เสียงตวาดดังทำให้ทุกอย่างทั่วบริเวณเงียบลงทันที สายตาต่างจับจ้องมาที่แทนอย่างใคร่รู้ ในบรรดาญาติทั้งหลาย ไม่มีใครชอบชายหนุ่มหน้านิ่งเท่าไหร่เพราะท่าทางเย็นชาและสายตาที่มองคนอื่นอย่างรังเกียจเสมอ แทนที่ตอนแรกนั่งนิ่งก็ยอมยกมือไหว้ลวกๆ ไม่เต็มใจที่จะทำนัก

“ทำดีๆ” คุณหญิงรัศมีส่งสายตาเฉียบคมกดดัน ครูซไม่รู้ว่าควรช่วยเจ้านายตนจากสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี เขามองคนข้างกายอย่างครุ่นคิดแต่แทนเพียงยกมือไหว้พร้อมพูดสวัสดีอีกครั้งด้วยท่าทีปกติ พอทำเสร็จก็นั่งเงียบไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีอะไรออกไป คุณหญิงมองอย่างพอใจจึงหันไปพูดคุยกับคนอื่นตามปกติ บรรยากาศรอบข้างจึงเริ่มกลับมาคึกคักเช่นเคย

สายตาทอดมองมาของทศพลทำให้ครูซก้มให้เล็กน้อยเป็นมารยาท ซึ่งทศพลก็เพียงพยักหน้ารับแล้วหันกลับมาจ้องหน้าลูกชายที่ไม่ยอมมองหน้าตนเหมือนเดิม คนเป็นพ่อได้แต่ได้สงสัยว่าเพราะอะไรลูกชายตนถึงเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ถึงจะอยากรู้มากขนาดไหนแต่แทนก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้ทศพลได้ถามเลยแม้แต่ครั้งเดียว หลังจากนั้นไม่นานงานวันเกิดคุณรัศมีก็เริ่มขึ้น ทุกคนย้ายไปร่วมฉลองกันที่ชานระเบียงขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีอาหารหรูหรามากมายให้เลือกสรร ทุกคนต่างดูสนุกสนานกันยกเว้นเพียงแทนที่ยืนอึดอัดใจอยู่ริมทางออก

“คุณแทนครับน้ำ” ครูซยื่นแก้วน้ำไปให้อีกฝ่ายแต่แทนเพียงหันมามองแล้วไม่ได้รับไป

“ไม่เอา”

“หรือคุณอยากหยิบเองครับ เดินไปไหมเดี๋ยวผมบังคนให้” ครูซเสนอหนทางให้ แทนมองไปรอบตัวอย่างชั่งใจก่อนพยักหน้าตกลง เขาก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาแล้วเหมือนกันหาอะไรดับกระหายหน่อยก็ดี ครูซยืนบังเจ้านายตนให้ออกห่างจากทุกคนด้วยร่างกายที่สูงโปร่งทำให้ไม่เป็นอุปสรรค แทนหยุดอยู่ตรงหน้าเครื่องดื่มก่อนลงมือทำเองทุกอย่างโดยไม่ให้พนักงานเสิร์ฟช่วย เขาไม่ชอบรับอาหารหรือเครื่องดื่มจากใคร ครั้งก่อนที่ยอมเคี้ยวหมากฝรั่งที่ครูซยื่นให้ก็เพราะมันจำเป็นจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางยอมรับง่ายดายแบบนั้นแน่นอน

แทนเทน้ำจากขวดแก้วใสที่เข้าใจว่าเป็นน้ำอัดลมธรรมดาโดยไม่รู้เลยว่าข้างในผสมโซดาและแอลกอฮอล์เอาไว้ค่อนข้างแรงเลยทีเดียว อาจจะเป็นเพราะชายหนุ่มไม่คุ้นเคยกับเครื่องดื่มจำพวกนี้เลยแยกแยะไม่ออกบวกกับอึดอัดกับสายตาผู้คนจึงรีบดื่มโดยไม่ได้สนใจจะดมหรือดูว่าในมือตนคืออะไร ครูซที่มัวแต่ยืนบังคนให้ก็ไม่ได้หันมามองว่าคนข้างกายได้คว้าสิ่งต้องห้ามเข้าปากไปแล้วเรียบร้อย

“อ้า...ไม่ใช่” แทนที่ดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ตกใจในรสชาติที่บาดคอจนร้อนไปหมด ครูซที่ได้ยินเสียงร้องอุทานรีบหันมามอง

“คุณแทนดื่มอะไร” ครูซคว้าแก้วมาดมถึงรู้ว่านี่เป็นเหล้าดีกรีแรง

“ร้อน” แทนเริ่มหายใจติดขัดหน้าแดงก่ำตามไรผมมีเหงื่อผุดออกมา ครูซเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปประคองแต่ก็นึกได้ว่าตอนนี้อยู่กลางงาน หากเขาทำอะไรที่โจ่งแจ้งเกินไปอาจทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

“คุณแทนไหวนะครับ ไปที่รถกัน” ครูซเพียงเดินเข้าไปชิดแล้วจับต้นแขนดันให้เจ้านายตนเดิน แทนที่เริ่มรับรู้ว่าอีกไม่นานเขาต้องสูญเสียความเป็นตัวเองก็รีบก้าวยาวๆ ไปที่ลานจอดรถทันที

“อึก” แทนเกาแขนตัวเองจนหนังถลอกแต่เหมือนอารมณ์ที่พุ่งสูงไม่ได้หายไปเลย ชายหนุ่มจึงกัดไปตามนิ้วและฝ่ามือจนเลือดไหลซึมเป็นทางยาว ครูซที่หยิบกุญแจออกจากกระเป๋าพอเงยหน้ามาเห็นก็รีบคว้ามือขาวให้ออกห่างจากฟันคม เลขาหนุ่มใช้หลังมือเช็ดหยดเลือดที่ไหลเลอะไปตามขอบปากให้ลวกๆ ก่อนจับตัวอีกฝ่ายดันเข้าไปในรถเพื่อหลบสายตาจากรถที่ขับเข้ามาจอดใหม่

“คุณแทนใจเย็นครับ”

“ฮือ หยุด...หยุดสักที!!” แทนกัดปากกั้นน้ำตาที่เริ่มเอ่อไหลออกมา

น้องแทนจ๋า ทานเยอะๆ สิ

น้องแทนชอบชุดไหนมากกว่ากัน

น้าทำแรงๆ แบบนี้น้องแทนมีความสุขไหม


ภาพหญิงสาวผมยาวที่มีดวงตาเศร้าโศกกับรอยยิ้มน่าสะอิดสะเอียนฉายในหัวของแทนซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด แทนร้องไห้จนตัวโยกไม่อยากคิดไม่อยากเห็น

ครูซแทรกตัวเข้าไปนั่งข้างแทนแล้วรีบปิดประตูทันทีเพราะไม่อยากให้เจ้านายตนเป็นจุดสนใจจากผู้คนที่เริ่มทยอยออกจากรถหรูที่จอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“คุณแทน” ครูซเขย่าตัวแทนที่ตอนนี้ดวงตาเริ่มหลุดลอยไปไกลเหมือนจิตใจไม่อยู่กับตัวแล้ว ครูซจับแทนนอนลงแล้วถอดสูทออกให้ แทนที่เหม่อลอยอยู่ไม่ได้สนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า นอนแน่นิ่งดวงตาไร้แววเหมือนคนไร้วิญญาณ

คงต้องพากลับห้องก่อน คิดได้ดังนั้น ครูซจึงปีนเบาะกลับไปนั่งประจำที่คนขับแล้วสตาร์ทรถขับกลับคอนโดทันทีแต่เนื่องจากเป็นวันศุกร์รถจึงค่อนข้างติดยาวทำให้ใช้เวลาในการขับรถนานกว่าปกติ ระหว่างทางครูซหันกลับไปมองเจ้านายตนเป็นระยะ ส่งเสียงเรียกออกไปแต่ก็ไม่เคยได้ยินเสียงตอบรับกลับมาเลยสักครั้ง แทนนอนนิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลซึมอยู่ตลอดเวลา

“คุณแทนครับ” เมื่อมาถึงคอนโดครูซก็เดินไปเรียกให้อีกฝ่ายลงจากรถ

“ไม่...อย่าจับ อย่าโดนตัวผม” แทนดิ้นถอยตัวไปชิดประตูรถอีกฝั่งอย่างหวาดกลัว

“ผมไม่จับก็ได้แต่กลับห้องกันเถอะครับ” ครูซปล่อยมือออกจากแขนแทนที่ตอนนี้นั่งกุมหน้าร้องไห้ไม่ยอมหยุด

“ไม่กลับ ไม่อยากเจอน้าเบล” แทนส่ายหน้าไปมาแล้วผลักครูซให้ถอยห่าง

“น้าเบล? ไม่มีใครอยู่ในห้องนะครับ” ครูซบอกแทนที่เดี๋ยวนั่งร้องไห้เดี๋ยวนั่งหน้านิ่ง

“ไม่จริง! น้าเบลอยู่ทุกที่” แทนตะโกนใส่เหมือนโมโหที่อีกฝ่ายไม่เชื่อ

“ไม่มีใครจริงๆ ครับ”

“จะฆ่าให้ใช่ไหม”

“ครับ?” เสียงแผ่วเบาที่เอ่ยออกมาทำให้ครูซขมวดคิ้วสงสัยพร้อมเอาหน้าเข้าไปใกล้เพื่อฟังให้แน่ใจว่าแทนพูดอะไรกันแน่

“จะฆ่าผู้หญิงคนนั้นให้ใช่ไหม อึก...ถ้าเจอน้าเบลจะทำร้าย ฮือ...ไม่ชอบไม่อยากทำแบบนั้นด้วยมันสกปรก” แทนพูดไปร้องไห้ไปจนครูซสับสน ไม่รู้ว่าเรื่องที่คนตรงหน้าพูดคือเรื่องจริงหรือเพราะเมากันแน่

“ผมไม่ฆ่าแต่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณแทนหรอกครับ ผมสัญญา” เรื่องอะไรจะไปรับปากว่าจะฆ่าใครสุ่มสี่สุ่มห้ากัน

“เกลียดสัญญา! ห้ามสัญญา!” ครูซสะดุ้งตกใจที่อยู่ๆ แทนก็กระชากคอเสื้อตนเขย่าอย่างแรง

“ครับๆ ผมจะไม่ให้ใครโดนตัวไม่ให้ใครมาทำร้ายคุณแทนเพราะงั้นเราขึ้นห้องกันเถอะครับ” ครูซใช้น้ำเสียงนุ่มเอ่ยชวนให้แทนสงบลงก่อนพาเดินขึ้นลิฟต์ไปยังห้องที่ครั้งก่อนมีเรื่องราวแย่ๆ เกิดขึ้นที่นี่

“จะไปไหน!”

“เอาน้ำครับ” ครูซมองหน้าแทนงง ๆ เมื่อเจ้านายตนเดินมาขวางพร้อมผลักไม่ให้ไป

“ห้ามไปเดี๋ยวมันจะมาทำร้ายผม!”

“ไม่มีใครหรอกครับ”

“โกหกๆ ๆ มีสิ...มี มันมี มันจะมาหามันชอบมาตอนกลางคืน” แทนทั้งจิกและขยี้หัวเดินไปเดินมาเหมือนคนคิดไม่ตก

“คุณแทน” ครูซรั้งข้อมืออีกฝ่ายให้หยุดจิกผมตัวเองเสียที

“ห้ามหลับ หลับไม่ได้ ฮือ...ห้ามๆ ๆ”

“คุณแทนมานั่งกับผม” ครูซเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่ายไม่ให้หลงกับภาพในหัวมากเกินไป

“ไม่ จะอาบน้ำเกลียดร่องรอยพวกนี้เกลียดๆ” แทนเริ่มถอดเสื้อตัวเองออกแล้วเอาเล็บข่วนไปทั่วตัว ใบหน้าหล่อบิดเบี้ยวเหยเก น้ำตาใสก็ไหลรินไม่ขาดสาย ครูซเดินเข้าไปหาพร้อมดึงคนข้างหน้ามากอดไว้แน่น เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกทำวิธีนี้แต่คนข้างหน้าดูหวาดกลัวเกินไป โดดเดี่ยวอ้างว้างจนเขาทนยืนมองเฉยๆ ไม่ได้

“ไม่สกปรกหรอกครับ ไม่เป็นไร” ครูซลูบหลังกว้างอย่างปลอบโยน แทนแม้ตอนแรกจะขัดขืนแต่เมื่อได้รับความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมายังร่างกายก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจึงเริ่มค่อยๆ สงบลง

“ห้ามไปไหน เฝ้าผมไว้ดีๆ อย่าให้น้าเบลเข้ามา” แทนที่สติไม่หลงเหลืออยู่แล้วร้องขอออกไป

“ครับ”

“อาบน้ำก่อน” แทนผลักครูซให้ห่างจากตัว เขามองรอบข้างอย่างหวาดหวั่นภาพในอดีตทับซ้อนไปมาทำให้เขาสับสนจนแยกเรื่องจริงกับภาพลวงไม่ออก แทนเดินไปยืนใต้ฝักบัวโดยที่ยังไม่ถอดกางเกงด้วยซ้ำ ครูซลังเลใจอยู่หน้าห้องน้ำว่าสมควรเข้าไปดูเจ้านายตนดีหรือไม่

เพล้ง!

จนกระทั่งได้ยินเสียงกระจกแตกชายหนุ่มถึงรีบก้าวเข้าไปในห้องน้ำทันที

“คุณแทน!”

“อ้ากกกกกกกกกก” แทนหยิบของขว้างปาใส่กระจกไม่ยอมหยุด แม้ครูซจะพยายามรั้งไว้แต่แรงที่เยอะกว่าปกติทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถห้ามคนตรงหน้าได้เต็มที่

“ไหนบอกว่าจะไม่ให้มันเข้ามาไง!!” แทนแหกปากร้องลั่นดิ้นไปมาอย่างไม่พอใจจนในที่สุดก็หลุดจากอ้อมแขนของครูซ

“ไม่มีใครจริงๆ ครับ”

“โกหก โกหก โกหก!!” แทนกระชากแขนครูซลากออกมาจากห้องน้ำแล้วเหวี่ยงใส่โซฟาอย่างแรง ครูซกุมท้องเพราะจุกจากแรงกระแทก เขาเงยหน้ามองแทนอย่างหวั่นใจ คนตรงหน้าดูบ้าคลั่งและสับสนจนไม่เหลือสติอยู่อีกแล้ว

“เกลียดๆ มันจะมาเอากู!” แทนขว้างปาทำลายข้าวของจนทั้งห้องอยู่ในสภาพเละเทะไม่มีชิ้นดี

“คุณแทนตั้งสติหน่อยสิครับ อุบ” ครูซเบิกตากว้างทันทีที่ปากสีซีดประกบลงมาอย่างแรงพร้อมมือที่กระชากหัวจิกให้เขาเอียงหัวให้ได้องศา

“อือ อ่อย” ครูซดิ้นสุดตัวเมื่อแทนขบกัดเข้ากับริมฝีปากเขาจมเขี้ยวจนเลือดไหลซึมออกมามากมายสร้างความเจ็บปวดให้ชายหนุ่มไม่น้อย ครูซตั้งสติยันเท้าถีบท้องอีกฝ่ายจนล้มไปกองอยู่ที่พื้น มือเรียวจับริมฝีปากตัวเองแล้วต้องร้องซี๊ดออกมาด้วยความเจ็บ ครูซมองแทนที่เริ่มขยับตัวด้วยความกังวลแม้ตอนแรกจะห่วงสภาพคนตรงหน้าแต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงตัวเองมากกว่า

“ทำร้ายกู! มึงเป็นพวกเดียวกับมันใช่ไหม” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามด้วยแววตาดุดันจนครูซเริ่มนั่งไม่ติด เขาลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตูทันทีแต่ก่อนที่ร่างโปร่งจะจับลูกบิดประตูได้ แรงกระแทกอย่างแรงจากของแข็งก็ทำให้เขาล้มลงที่พื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“มึงต้องรับผิดชอบ” แทนเดินถือแจกันที่ทำจากไม้เข้าไปหาครูซด้วยสายตาเหม่อลอย

“คุณแทนตั้งสติหน่อยสิครับ” ครูซกุมไหล่ขวาที่ถูกฟาดพร้อมขยับถอยหลังไปเรื่อยๆ จนติดกับผนังห้อง

“หุบปาก ทั้งที่บอกว่าจะช่วยฆ่าแท้ๆ”

“คุณแทน อืม!” ครูซพยายามดิ้นให้หลุดแต่แทนไม่ออมแรงให้อีกฝ่ายขยับออกห่าง คนหน้านิ่งบังคับจูบอย่างป่าเถื่อนทั้งขบกัดและดูดดึงจนปากสีชมพูอ่อนแดงฉานไปด้วยเลือด กลิ่นคาวคละคลุ้งไปจนทำเอามึนหัว ครูซสะบัดใบหน้าออกรวบรวมแรงทั้งหมดผลักแทนแล้วรีบลุกขยับไปที่ประตูอีกครั้ง แต่ข้อเท้ากลับถูกกระชากจนเสียหลักล้มฟาดกับพื้น แขนขวาที่รองรับแรงกระแทกสร้างความเจ็บปวดให้แก่เขามากยิ่งขึ้นไปอีก

“ไม่อยากทำกับน้าเบล รังเกียจ มึงพามันมาต้องรับผิดชอบ” แทนเตะท้องครูซจนร่างโปร่งกอดท้องตัวงอ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสิ้นฤทธิ์ จึงจับข้อเท้าลากไปกับพื้นจนถึงห้องนอน ร่างสูงเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าหาของบางอย่าง ครูซที่ได้โอกาสก็ฝืนลุกขึ้นเดินกุมไหล่ไปที่ประตูแต่เพียงเสี้ยววิเขาก็ถูกผลักลงบนเตียงนุ่ม

“คุณแทนผมขอร้อง ปล่อยผมเถอะ”

“ทำไมตอนกูขอร้อง เขายังไม่ปล่อยกูเลย” แทนจับเนกไทมัดข้อมือทั้งสองข้างจนแน่น ครูซทั้งขอร้องทั้งด่าทอแต่อีกฝ่ายก็ไม่สนใจแถมยังทำหน้าเฉยเมยหยิบเนกไทอีกเส้นมาปิดปากไม่ให้เขาส่งเสียง

“อื้อ” ครูซร้องออกมาอย่างหวาดกลัวเมื่อมือขาวกระชากเสื้อเชิ้ตแขนยาวออกอย่างแรงจนกระดุมหลุดออกจากกันทั้งแผงเผยให้เห็นกล้ามท้องขาวที่เรียงตัวสวยกับตุ่มไตสีแดงสด แทนปลดเข็มขัดครูซออกพร้อมรูดซิปกางเกงสแลคสีดำลงด้วยท่าทางสับสนและโมโห

“อ่อย อือ” ครูซดิ้นออกจากฝ่ามือหนาที่สัมผัสเข้ากับร่างกายอย่างหยาบโล้นไม่มีความปรานีเลยสักนิด แทนใช้เล็บกรีดข่วนสร้างรอยแดงไปทั่วตัวอีกฝ่าย

“รังเกียจ!” แทนพึมพำไปด้วยน้ำตาที่ไหลนองหน้า จิกหัวให้ครูซเงยหน้าขึ้นพร้อมขบติ่งหูไล่ลิ้นสอดเข้าไปภายในช่องหูอย่างหื่นกระหาย ครูซจิกเท้าเข้ากับที่นอนเกร็งตัวขนอ่อนลุกชันไปทั่วกาย แม้เขาจะเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาบ้างแต่มันผ่านมานานเสียจนแทบจำความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ครูซสะดุดสุดตัวเมื่อแทนขบกัดติ่งหูด้วยเขี้ยวแหลมจนรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวของเลือด แทนลูบผมนิ่มของครูซอย่างเพลิดเพลินพลางไล้ลิ้นดูดเลียเลือดสีแดงสดที่ไหลเปื้อนไปทั่วลำคอขาว

“เจ็บไหม” สิ้นเสียงกระซิบถามจากแทน ครูซก็พยักหน้ารับหวังไว้ลึกๆ ว่าแทนจะได้สติแล้วปล่อยตนไป

“งั้นอย่าขัดคำสั่งสิ” แทนจิกหัวครูซให้เงยขึ้น เลียน้ำใสที่ไหลออกจากหางตาจนหมดสิ้นแล้วฉีกยิ้มสุดมุมปาก เป็นครั้งแรกที่แทนยิ้มให้เขาแต่ครูซกลับไม่รู้สึกดีใจสักนิดที่เห็นเพราะมันดูน่ากลัวเกินไปเหมือนการหลอกให้เหยื่อตายใจแล้วลงมือฆ่าอย่างทารุณ มือขาวที่ผิวสะดุดไม่เรียบเนียนเนื่องจากบาดแผลทำให้ครูซรู้สึกหวั่นใจทุกครั้งที่มือไล้ไปทั่วกาย

“อื้ม” ครูซดิ้นสุดตัวทันทีที่ปากร้อนครอบลงที่ยอดอกสีแดงสด ร่างโปร่งสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่เพราะเป็นจุดที่อ่อนไหวง่าย แทนใช้มือข้างเดียวจับข้อมืออีกฝ่ายรั้งเหนือหัว ส่วนอีกมือรองแผ่นหลังดันให้ครูซแอ่นอกเข้าหาใบหน้าเขามากขึ้น ลิ้นร้อนไล้วนรอบฐานอย่างหยอกล้อก่อนใช้ฟันขบดึงขึ้นอย่างแรง

เจ้านายหนุ่มสลับปากครอบลงบนยอดอกสีสดสวยทั้งสองข้างจนชุ่มก่อนขบกัดลงมาเรื่อยจนถึงแอ่นสะดือจึงแหย่ลิ้นลงไปชอนไชเพิ่มความรู้สึกวาบหวิวให้อีกฝ่าย มือที่ผละออกจากข้อมือครูซเริ่มจับและบีบคลึงยอดอกที่เต่งตึงเป็นไตจากแรงกระตุ้น ครูซหอบหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแทนเอามือไล้ไปตามโคนขาด้านในจนมาหยุดที่แก่นกายซึ่งขยายขึ้นเต็มขนาดเพราะการปลุกเร้าแสนช่ำชอง

“น้าเบลไม่มีวันได้กูไป” เสียงกระซิบแหบซ่านข้างหูทำให้ครูซขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณที่ร้องเตือนว่าสิ่งอันตรายกำลังมาถึง

แทนเอื้อมมือไปดึงเนกไทที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายออกพร้อมส่งนิ้วเข้าไปคว้านในปากอุ่นอย่างสนุกสนาน ครูซมองแทนด้วยสายตาโกรธเคือง เขาจงใจกัดนิ้วขาวอย่างแรงจนรับรู้ได้ถึงหยดเลือดที่ไหลผ่านลำคอ แทนไม่ได้โกรธแต่กลับหัวเราะชอบใจพลางถอดเข็มขัดและกางเกงของตนที่เปียกชื้นจากการอาบน้ำออกจนหมด

“ผมขอร้อง ปล่อยผมเถอะ” ถ้าเขาไม่ถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมแบบนี้คงได้หนีออกไปนานแล้ว

“ถ้าไม่ใช้ของกูกับมึง น้าเบลจะมาเอา กูไม่ชอบ อึก....กูเกลียด” แทนยังพูดจาไม่รู้เรื่องใบหน้าแดงก่ำจากอาการเมาไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด ครูซพยายามมองหาทางหนีแต่ก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่พอจะช่วยเขาได้ ระหว่างที่ครูซมองไปทั่วห้องแทนก็แทรกตัวเข้ามาระหว่างขาขาวจนชิดแนบไปทุกส่วน เลขาหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังสัมผัสเข้ากับแท่งเอ็นร้อนที่จ่ออยู่

“ปล่อย!!” ครูซดิ้นถีบตัวเองให้ถอยห่างจากแทน เขาทุ่มแรงสุดชีวิต จะไม่ยอมนอนนิ่งให้ผู้ชายด้วยกันมาทำบ้าๆ แบบนี้กับร่างกายตนแน่ แทนไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่มองการดิ้นรนของครูซแล้วทำให้นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ฉายกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง

“ฮือ น้าเบลอย่าทำ แทนขอร้อง”

“โอ๋เด็กดีอย่าร้องไห้เลย น้องแทนชอบมัน น้องแทนอยากทำ น้าเบลรู้”


“ไม่...ไม่...ต้องรีบแล้ว!” แทนร้องออกมาเสียงดัง กระชากข้อเท้าครูซรั้งเข้ามาหาตัวก่อนแทรกกายไประหว่างขาแล้วจับต้นขาอ้าให้กว้างออกเผยให้เห็นช่องทางที่ปิดสนิทอยู่ ช่องทางที่ไม่เคยได้ใช้งานในรูปแบบนี้ย่อมไม่พร้อมจะรับอะไรที่ใหญ่โต

“แทนหยุด! บอกให้หยุดไง!” ครูซดิ้นอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ยอม ต่อให้ถูกทำร้ายขนาดไหนเขาทนได้แต่ต้องไม่ใช่วิธีนี้ มันเกินรับไหว แทนไม่ฟังเสียงตะโกนลั่นจากอีกฝ่าย ชายหนุ่มหน้านิ่งเพียงจับท่อนเอ็นไปจ่อแล้วกดเข้าไปภายในเนื้อนุ่มอุ่นทีเดียวสุดความยาว

“โอ๊ย!!” ครูซเบิกตากว้างเกร็งตัวแน่นด้วยความเจ็บปวดที่กำลังโจมตีจนร่างกายสั่นสะท้านไปหมด น้ำตาไหลออกมามากมายบ่งบอกได้ถึงความทรมานที่ได้รับจากอีกฝ่าย แทนนิ่งค้างไว้เพราะรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่แน่นเกินไปจนท่อนเอ็นแทบปริแตก ครูซกัดมือที่ถูกมัดไว้ห้ามเสียงสะอื้น ในชีวิตเขาเจอความเจ็บมามากมายแต่ไม่มีครั้งไหนเลยจะเทียบได้เท่าครั้งนี้

“ผ่อนคลายหน่อย” แทนก้มมากระซิบข้างหูครูซเพราะจุกจากแรงบีบรัด หากเมื่อไหร่ก็ตามที่เลขาหนุ่มขัดขืน แรงกระแทกจากด้านล่างก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนชายหนุ่มได้แต่ยอมอ้าปากให้แทนดูดดื่มลิ้นและริมฝีปากของตนตามที่ต้องการ

“ผมเกลียดคุณ” ในชีวิตครูซไม่เคยใช้คำนี้กับใครและไม่คิดจะใช้แต่กับคนตรงหน้าที่ทำลายทุก ๆ อย่าง เขาพร้อมจะมอบให้ คนคนเดียวที่ทำให้เขาเกลียดได้ คนคนเดียวที่เขาจะไม่ยอมพ่ายแพ้!!

“กูก็เกลียดมึง” แทนพูดจบก็ขยับสะโพกเข้าออกอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่นรุนแรง ทำให้ร่างโปร่งหัวสั่นคลอนไปมาตามแรงกระแทก ครูซมองทุกการกระทำด้วยสายตาที่แค้นสุดหัวใจ

เขาจะต้องอยู่เหนือคนคนนี้ให้ได้ จะทำให้อีกฝ่ายยอมก้มหัวให้คนอย่างเขาให้ได้!

“อืม~” แทนครางออกมาอย่างเสียวกระสันเมื่อแรงบีบรัดของครูซไม่ได้ลดน้อยลงเลย ชายหนุ่มห่างจากของพวกนี้มาเป็นหลายปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเสร็จลงอย่างรวดเร็ว ครูซขมวดคิ้วแน่นเมื่อรับรู้ถึงน้ำอุ่นที่พุ่งเข้ามาภายในร่างกายมากมาย เขาไม่ได้มีรู้สึกร่วมไปด้วย ไม่มีอารมณ์ใดเลยนอกจากความทรมานที่ได้รับ

“ห้ามหนีไปไหน ห้ามให้น้าเบลเข้าใกล้ ห้ามทิ้งกูไว้คนเดียว” แทนถอนแกนกลางออกจากช่องทางฉีกขาดที่มีเลือดไหลซึม ทิ้งตัวนอนร้องไห้ข่วนไปทั่วกายอย่างนึกรังเกียจ แต่ครั้งนี้ครูซไม่ได้ร้องห้ามออกไปเหมือนทุกครั้ง เลขาหนุ่มเพียงมองด้วยสายตาครุ่นคิดถึง สมองประมวลเรื่องราวต่างๆ อย่างละเอียด

ความเจ็บปวด ความไม่ยุติธรรมพวกนี้ เขาไม่มีวันยอมรับ ในเมื่อทำลงไปแล้วก็จงชดใช้ให้สาสมจนกว่าเขาจะพอใจก็แล้วกัน

“คุณจะต้องชดใช้” ครูซพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนสติจะดับวูบลงไปด้วยความอ่อนเพลีย

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 6

ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ความรู้สึกแรกคือเจ็บตึงไปทั่วร่างกาย เขาพยุงตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแต่ระหว่างที่กำลังจะเอื้อมมือไปจับผ้าห่มที่กองอยู่ตรงเอวก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อสัมผัสเข้ากับผิวหนังที่ร้อนระอุของคนข้างกาย

“เฮ้ย!!” แทนขยับออกห่าง มองร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเลขาตนด้วยความสับสน คำถามมากมายถาโถมเข้ามาไม่หยุด

มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร มันเกิดอะไรขึ้น

ร่างสูงยกมือกุมศีรษะพยายามคิดทบทวนอย่างหนักจนพอปะติดปะต่อเรื่องราวเมื่อคืนได้ ใบหน้าคมก็ซีดเผือดลงทันที

อุบ

แทนเอามือปิดปากไว้ รู้สึกสะอิดสะเอียนจนทนแทบไม่ไหว สองเท้ารีบดีดตัววิ่งไปโก่งคออาเจียนในห้องน้ำ แผ่นหลังกว้างกระตุกตามจังหวะการบีบตัวของลำไส้ ปากอ้ากว้างขย้อนน้ำย่อยออกมาไม่หยุด ดวงตาสองข้างแดงก่ำมีน้ำตาไหลคลออยู่ มือเท้าจิกเกร็ง ชายหนุ่มอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุงจึงล้างปากแล้วทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง

น่ารังเกียจ เขาทำเรื่องน่ารังเกียจลงไปแล้ว*!*

มือขาวทุบตีตัวเองอย่างโมโห ภาพครูซที่นอนหน้าซีด เนื้อตัวมีแต่เลือดและบาดแผลทำให้เขารู้สึกผิด มันเหมือน...เหมือนกับที่เขาถูกกระทำเมื่อตอนเด็กไม่มีผิด

“ไม่ได้ตั้งใจ” แทนเอ่ยออกมาเสียงเบา สองมือกำจิกผมตัวเองแน่น พยายามห้ามไม่ให้สมองกลับไปนึกถึงภาพในอดีตแสนโหดร้าย แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งกระตุ้นให้ความทรงจำชัดเจนยิ่งขึ้น เสียงกรีดร้อง ท่าทางดิ้นรนอย่างทรมาน ภาพของครูซกับเขาในวัยเด็กซ้อนทับกัน  ต่างกันตรงที่เมื่อก่อนเขาเป็นผู้ถูกกระทำแต่ตอนนี้เป็นเขาที่กระทำเรื่องเลวร้ายกับคนอื่น

เขาไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้นเลยสักนิด

“ขอโทษ...ผมขอโทษ...ขอโทษ” เสียงสะอื้นไห้ดังก้องอยู่ในห้องน้ำนานนับชั่วโมง จนอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเริ่มสงบลงร่างสูงถึงยอมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วไปยืนดูหนุ่มลูกครึ่งที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง

“อือ” ร่างบอบช้ำครางออกมาเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงผิดปกติเนื่องจากการอักเสบของบาดแผลและพิษไข้ แทนมองภาพตรงหน้าด้วยความสะเทือนใจ ใบหน้าใสที่เคยมีเลือดฝาดประดับอยู่ข้างแก้มเสมอตอนนี้กลับซีดเซียว ริมฝีปากกระจับสวยเป็นแผลแตกระแหง เนื้อตัวมีแต่รอยบวมช้ำเขียวแกมม่วง ทั้งรอยกัดรอยข่วน หนักสุดคงเป็นช่องทางหลังที่มีเลือดแห้งติดอยู่บ่งบอกได้ดีว่าเมื่อคืนชายหนุ่มเจ็บปวดทรมานแค่ไหน

“ขอโทษๆๆๆๆ” แทนพูดซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง แต่ไม่ว่าเขาจะพูดไปมากมายเพียงใดก็ไม่สามารถลบล้างความดำมืดที่ติดอยู่ในใจได้เลย

“หนะ...หนาว” เสียงแหบแห้งละเมอออกมาเรียกให้ร่างสูงได้สติ เขาขยับเข้าไปหา แก้เนกไทที่รัดข้อมืออีกฝ่ายจนบวมออกให้พร้อมหยิบผ้ามาห่มคลุมร่างกายเพิ่มความอบอุ่น แทนมองใบหน้าครูซสลับกับมือตัวเองไปมาอย่างมึนงง เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี ให้กินยา เช็ดตัวหรือปล่อยไว้แบบนี้ เมื่อคิดไม่ตกชายหนุ่มจึงตัดสินใจโทรไปหาใครคนหนึ่งที่พอจะช่วยได้

*“ว่าไงลูกพี่ ถ้าจะมาเอายาอีกบอกเลยนะครั้งนี้ไม่ขาย”* เสียงใสเจื้อยแจ้วเอ่ยทักอย่างคนอารมณ์ดี

“ไม่ใช่”

“แล้ว*?”*

“มาหาที่คอนโดหน่อย” แทนคุยโทรศัพท์พลางมองครูซที่นอนตัวสั่นเทา ฟันกระทบกันจนได้เสียงกึกกักอยู่ตลอดเวลา หลายช่วงที่อีกฝ่ายมีอาการหอบเกร็งเหมือนหายใจไม่ออก ดูน่ากังวลจนไม่อาจละสายตาได้เลย

“ด่วนไหม”

“ด่วน”

*“เคๆ ไอ้เภาปล่อยกูดิ // จะไปไหน วันนี้นัดไปเที่ยวแล้วนะ // ทำงานโว้ย! คนนี้เงินหนัก”* แทนส่ายหัวหน่ายใจกับบทสนทนาในสายก่อนกดวางแล้วเดินไปยืนสังเกตอาการใกล้ๆ

“แฮ่ก” อยู่ดีๆ ครูซก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเหมือนฝันร้ายทำเอาแทนสะดุ้งตกใจตามไปด้วยเพราะกำลังดูรอยแผลตามตัวอีกฝ่ายอยู่

“ทะ แทน” เสียงเรียกแผ่วเบาทำให้เจ้าของชื่อยืนแข็งทื่อทำตัวไม่ถูก เขานิ่งอยู่หลายนาทีก่อนเอ่ยปากพูดในสิ่งที่สมควรจะพูดออกไป “ขอโทษ”

เลขาหนุ่มปวดหัวมากเกินจนไม่สามารถประมวลเหตุการณ์อะไรได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องรู้สึกโกรธหรือตอบรับอะไรกลับไป ตอนนี้ทุกอย่างดูเบลอไปหมดเพราะพิษไข้

“จับมือหน่อย” เขาเพียงต้องการมือใครสักคนมากุมไว้เหมือนยามปกติที่แม่จะคอยจับเสมอหากไม่สบาย เพราะการทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง แทนมองมือเรียวที่ยื่นมาหาอย่างสับสน หากปกติชายหนุ่มคงปัดทิ้งไม่ไยดีแต่ตอนนี้สภาพของครูซน่าสงสารเกินกว่าจะปฏิเสธ แทนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนยื่นมือไปสัมผัสกับมืออีกฝ่าย แค่เพียงครูซรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ชายหนุ่มก็ดึงมากอบกุมไว้แน่น

แทนใจเต้นแรงด้วยความกลัว เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้...ไม่ชอบเลยสักนิด อุณหภูมิร้อนผ่าวจากร่างกายคนอื่น สัมผัสเปียกชื้น น่าขยะแขยง

ร่างสูงนั่งหลับตาจิกมืออีกข้างลงบนผ้าปูเพื่อบรรเทาอาการสั่นเทาที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นแบบนี้เสมอเมื่อเข้าใกล้คนอื่น ใช่ว่าไม่เคยเข้ารับการรักษา เขาทำมาหมดแล้วสารพัดวิธีแต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จถ้าไม่พึ่งยาระงับประสาท

Rrrr Rrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกางเกงสแลคตรงปลายเท้าของแทน ชายหนุ่มก้มมองก่อนเอี้ยวตัวไปหยิบขึ้นมาโดยไม่ให้มือที่กุมกันไว้หลุดออก

คุณแม่

แทนมองชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจออย่างชั่งใจก่อนกดรับ เขาคิดว่าคนเป็นแม่คงห่วงลูกชายอยู่ไม่น้อยเพราะสายป่านนี้แล้วแต่อีกฝ่ายยังไม่ได้กลับบ้าน

“ครูซอยู่ไหนลูก เมื่อคืนแม่โทรหาตั้งหลายสาย” เสียงสั่นเครือร้องถามอย่างเป็นห่วงยิ่งทำให้แทนรู้สึกผิดขึ้นไปอีก

“ขอโทษครับ ผมเป็นเจ้านายของครูซ” แทนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรที่มักใช้แสร้งทำเวลาต้องติดต่อธุรกิจ

“เอ่อ...สวัสดีค่ะ ครูซเขาไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” แอนนี่แปลกใจที่เจ้านายมารับสายแทนลูกชายตน

“เขามาทำงานกับผมที่ต่างจังหวัดครับ ตอนนี้หลับอยู่เพราะขับรถเดินทางไกลคงเพลียมาก”

“โล่งอกไปที”

“ถ้าเขาตื่นผมจะรีบให้โทรกลับนะครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้เป็นห่วง”

“ไม่เป็นไรค่ะ แม่แค่เป็นห่วงเพราะปกติเขาจะโทรมาบอกก่อนตลอดสงสัยวันนี้จะลืม งั้นแม่ไม่รบกวนแล้วค่ะ”

“ครับ” แทนกดวางสายแล้วมองภาพหน้าจอที่สว่างขึ้นมา บุคคลทั้งสามยิ้มมองตรงมาที่กล้อง ใบหน้าคล้ายคลึงกันจนไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มคือแม่กับน้องสาวอย่างแน่นอน แทนวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วนั่งตะแคงข้างหันหน้าไปทางประตูห้องเพื่ออย่างน้อยจะได้ไม่ต้องมองเห็นว่ามือของเขานั้นถูกใครกักกุมไว้

แม้จะพยายามไม่สนใจแต่แทนก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกกลัวที่พุ่งขึ้นมาในใจ มองรอบกายก็ไม่พบสิ่งใดที่จะดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย ร่างสูงจึงยกนิ้วมือขึ้นมาจรดปากแล้วขบกัดเล็บทีละนิ้วเพื่อระบายความอัดอั้นในอก หากแค่ป่วยทั่วไปเขาไม่มีทางแยแสแน่ๆ แต่นี่เป็นผลที่เกิดมาจากการกระทำเลวร้ายของเขา จึงปล่อยผ่านไปไม่ได้เพราะรับรู้ดีว่าความรู้สึกของคนถูกกระทำอย่างทารุณมันเป็นเช่นไร

กริ๊ง

เมื่อแทนได้ยินเสียงกดกริ่งก็พยายามจะคลายมือจากการกอบกุมของอีกฝ่ายแต่จนแล้วจนรอดก็เอาออกไม่ได้เพราะครูซเล่นดึงเข้าไปนอนกอดไว้แนบอก ไม่นานนักโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

“ลูกพี่มาเปิดสิวะ ยืนรอจนเมื่อยขาไปหมดแล้วเนี่ย รู้ไหมไวน์อุตส่าห์รีบมาทั้งๆ ที่กำลังจะไปเดทเลยนะ” เสียงบ่นจากคนปลายสายทำให้แทนขมวดคิ้วหงุดหงิด เขาไม่ชอบคนพูดมาก

“7895”

“อะไรอะ”

“รหัส”

“อาการหนักขนาดเดินออกมาเองไม่ได้เลยเหรอ...” แทนตัดสายทิ้งก่อนที่อีกคนจะพูดจบประโยค เขาขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดกับคนอย่างไวน์เพราะมันจะไม่มีทางจบลงง่ายๆ แน่

“ไงลูกพี่ อาการเป็นไงไหนบอกหมอมาสิ...เฮ้ย!!” ไวน์ที่ตอนแรกพูดหยอกล้อแทนอยู่ พอเห็นสภาพห้องพังยับเยินก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปทางห้องนอนทันทีเพราะกลัวว่าคนหน้านิ่งจะทำอะไรสิ้นคิดอีก แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้องนอน สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาไวน์ช็อกยิ่งกว่า ภาพแทนเปลือยท่อนบนโชว์กล้ามหน้าท้อง ใส่กางเกงขายาวเพียงตัวเดียวนั่งกุมมือเลขาหนุ่มอยู่บนเตียง ซึ่งดูแค่นี้ก็รู้ว่าไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่แน่ๆ ในสายตาเขาไม่ว่ามองจากมุมไหนก็ไม่อาจคิดเป็นเรื่องอื่นไปได้เลยนอกจากเรื่องใต้สะดือ

“คืออะไร” ไวน์เอ่ยถามออกไปเหมือนสติได้หลุดลอยหายออกจากร่างไปแล้ว แทนไม่ตอบแต่พยายามดึงมือให้หลุดจากครูซ ดึงไปดึงมาจนสุดท้ายก็สำเร็จเมื่อแทนตัดสินใจกระชากออกอย่างแรง

“ใจเย็น! เดี๋ยวเขาเจ็บหนักกว่าเดิมหรอก!” ไวน์ร้องห้ามด้วยน้ำเสียงจริงจังหลังเห็นรอยแผลโดนทำร้ายทั่วร่างกายเพราะผ้าห่มหลุดลงจากแรงกระชาก แทนที่ไม่ได้ตั้งใจก็พยักหน้ารับแล้วลุกหลีกทางให้ไวน์เดินเข้าไปดูอาการ

“ทำเกินไปหรือเปล่า” ร่างบางขมวดคิ้วแน่นเมื่อสำรวจตามตัวหนุ่มลูกครึ่งที่นอนหอบหายใจแรงจากพิษไข้ มือเล็กจับขาสองข้างอ้าออกเพื่อดูบาดแผล ช่องทางด้านหลังอักเสบทั่วตัวมีแต่รอยฟกช้ำโดยรวมแล้วอาการหนักสาหัสอยู่ไม่น้อย ไวน์ถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นสภาพของครูซ คนทำก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนหน้านิ่งที่ยืนจ้องอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ด้านข้าง

“พาไปโรงพยาบาลเถอะ” สิ้นคำพูดของไวน์ แทนชะงักตัวทันที สำหรับคนอื่นอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแต่สำหรับชายหนุ่ม ที่นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายในตัวเลือกที่เขาจะก้าวเข้าไป

“รักษาที่นี่ไม่ได้หรือไง” 

“ไอ้ได้มันก็ได้อยู่หรอกแต่ใครจะดูแล” ไวน์รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรคนอย่างแทนก็ไม่มีทางดูแลใครได้หรอก แล้วยิ่งเห็นแผลบนตัวของครูซเขาไม่ค่อยกล้าเสี่ยงปล่อยให้นอนอยู่นี่เท่าไหร่เพราะมีคนอารมณ์แปรปรวนที่ไม่รู้จะเผลอคลั่งขึ้นมาอีกตอนไหน

“จ้าง” แทนยื่นข้อเสนอให้

“ผมไม่ใช่หมอกระเป๋านะครับ มีเวรต้องเข้า” ไวน์พูดพลางเปิดกระเป๋าปฐมพยาบาลที่ใส่ยาและอุปกรณ์การแพทย์มาจนเต็มพื้นที่ เขาเอาอุปกรณ์ที่ต้องใช้ออกมาจัดเรียงแล้วให้แทนไปเอากะละมังใส่น้ำกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาให้เพื่อทำความสะอาดเนื้อตัวที่เลอะเทอะจากคราบเลือดและน้ำคาวขุ่นที่ยังคั่งค้างอยู่ข้างในช่องทางด้านหลัง

“ถ้าไม่อยากให้ไป งั้นดูแลเองได้ไหมล่ะ ถ้าได้ก็โอเค” ไวน์เช็ดตัวครูซพร้อมเอาปรอทวัดไข้สอดใต้รักแร้เพื่อดูอุณหภูมิ แทนที่ได้ยินข้อเสนอก็เงียบลงขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด

“ส่งโรงพยาบาลเถอะง่ายกว่า ไข้สูงขนาดนี้ไม่มีใครดูแลได้ตายแน่ๆ” หมอหน้าเด็กดูค่าปรอทแล้วสรุปเองทันทีเพราะจะไปหวังให้แทนดูแลก็คงเป็นไปได้ยาก

“จะทำ”

“ฮะ!? มึงอะนะ” ไวน์ตกใจจนเผลอหลุดพูดคำหยาบตามนิสัยปกติ แต่ที่อยู่กับแทนแล้วไม่พูดเพราะรู้ว่าคนหน้านิ่งไม่ชอบ แต่ว่าก็ว่าเถอะคนอย่างแทนเนี่ยนะจะอาสาดูแลคนอื่น

“อืม” แทนคิดว่าเรื่องแบบนี้มันน่าอายเกินกว่าจะให้ใครหลายคนมารับรู้ แถมครูซยังถูกผู้ชายด้วยกันกระทำคงรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย เขาจึงยอมทำให้เพื่อชดใช้ความผิดที่ตนก่อ

“หวังว่าจะไม่ทำให้แย่ลงกว่าเดิม” ไวน์ขยับตัวคุกเข่าระหว่างขาของครูซ หมอหนุ่มสวมถุงมือก่อนบีบเจลหล่อลื่นทาแล้วแทรกนิ้วเข้าไปคว้านสิ่งที่คั่งค้างอยู่ภายใน แทนจ้องมองช่องทางที่มีเลือดไหลซึมออกมาพร้อมน้ำขาวขุ่นอย่างรู้สึกผิด แต่เพียงไม่นานที่ฝืนมองความพะอืดพะอมก็เริ่มตีขึ้นมาที่คอทำให้ต้องวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำอีกครั้ง ยิ่งจำได้ว่าสัมผัสเนื้อตัวอีกฝ่ายไปมากขนาดไหนก็ยิ่งขยะแขยงตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

“กินยายัง!” เสียงตะโกนถามจากในห้องทำให้แทนนึกได้ว่าตนลืมกินยาอีกแล้ว ร่างสูงรีบเดินไปหยิบยามากินแล้วนั่งพักสมองบนโซฟาด้านนอกรอไวน์รักษาเสร็จ จะว่าไปพักหลังเริ่มมีคนมาที่ห้องของเขาบ่อยเกินไปแล้วตั้งแต่มีเลขาหนุ่มเข้ามาในชีวิต ทั้งที่เขาพยายามออกห่างแล้วแต่ทำไมทุกครั้งถึงลงเอยแบบนี้ทุกที ทำไมครูซถึงไม่เหมือนคนอื่นที่เขาผลักไสให้หายออกไปจากชีวิตได้ง่ายๆ ทำไมครูซถึงพุ่งเข้ามาใกล้เขายิ่งกว่าที่ใครเคยทำ เขาไม่เข้าใจเลย

ไวน์เช็ดตัวให้ครูซเรียบร้อยก็หยิบเสื้อผ้าจากตู้ของแทนมาใส่ให้ ก่อนลงมือฉีดยาลดไข้ พร้อมจัดยาเตรียมไว้ ตามจริงในใจเขาก็อยากให้ครูซไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่ว่าปฏิกิริยาของแทนที่มีต่อครูซนั้นน่าสนใจ มันแปลกตรงที่แทนเกลียดการสัมผัสร่างกายคนอื่นแต่กลับทำเรื่องแบบนี้กับเลขาหนุ่มได้ เห็นแบบนี้แล้วเขาอยากลองเสี่ยงดูสักครั้งว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงแทนได้หรือไม่ ญาติที่เคยใช้ชีวิตได้ปกติจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า

ไวน์อยากลองเสี่ยงดูแม้สิ่งที่ทำอาจจะมีผลเสียต่อตัวครูซก็เถอะ แต่อย่างไรเขาก็เป็นหมอเถื่อนรับสินบนจากแทนมานักต่อนักแล้วเพิ่มเรื่องปล่อยคนไข้ไว้กับคนป่วยทางจิตอีกสักเรื่องคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“จำยาได้ใช่ไหม” ไวน์ถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะดูแลคนป่วยให้หายดี ไม่ใช่ทำให้เป็นหนักกว่าเดิม

“อืม” แทนตอบรับหน้านิ่งเหมือนเคยทำให้ไวน์รู้สึกหมั่นไส้อยู่ในใจ

อยากรู้ชะมัดว่าตอนทำเรื่องอย่างว่าหน้ายังจะนิ่งอยู่ไหม...หึ! วันหลังไว้ค่อยถามครูซเอาแล้วกัน

หลังจากไวน์กลับไปแทนก็ลงมือทำกับข้าวทานเพราะเริ่มหิวแล้ว เขาทำข้าวต้มหมูเผื่อครูซด้วยแต่เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ตื่นเขาเลยจัดการก่อน หลังจากทานข้าวทานยาเสร็จแทนก็เริ่มเก็บห้องที่รกเกินทน แทนไม่ชอบให้ใครเข้ามาในห้องส่วนตัวเพราะฉะนั้นการดูแลทำความสะอาดชายหนุ่มจึงทำเองทั้งหมด ระหว่างที่เก็บห้องอยู่พัชชาก็โทรมาหาถามเรื่องหยุดงาน เขาเพียงตอบไปว่าทำธุระข้างนอกโดยพาครูซมาด้วยเท่านั้น ดีที่เธอไม่ใช่คนช่างซักไซ้น่ารำคาญเลยคุยง่าย ผ่านไปหลายชั่วโมงแทนจึงเข้าไปดูครูซในห้อง

“อึก” ครูซที่ตื่นอยู่แล้วร้องออกมาเพราะปวดไหล่ขวา

“หิวยัง” แทนยืนถามเฉยๆ ไม่ได้เข้าไปวัดไข้หรือเช็ดตัวอย่างที่ควรทำ ชายหนุ่มไม่เคยดูแลใครดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไรบ้าง เขาเพียงเข้าใจว่าหาข้าวหายาให้ทานก็พอ นานๆ ทีค่อยเช็ดตัว ครูซพยักหน้ารับ ตอนนี้อาการเขาเริ่มดีขึ้นเพราะได้พักผ่อนเต็มที่บวกกับยาฉีดลดไข้ที่ออกฤทธิ์ไว แทนเดินออกไปครู่หนึ่งแล้วกลับเข้ามาพร้อมชามข้าวต้มและยาตามที่ไวน์สั่งกำชับไว้ เจ้านายหนุ่มยื่นชามให้เลขาตนแต่นึกขึ้นได้ว่าอีกคนป่วยอยู่เลยวางชามไว้บนโต๊ะหัวเตียงก่อนเขาไปพยุงด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ เพราะไม่อยากโดนตัวอีกฝ่าย ใช้เวลาสักพักกว่าจะจัดท่าให้คนป่วยนั่งได้ แทนยื่นชามข้าวต้มให้แต่ครูซขยับแขนไม่ได้จึงส่ายหน้าให้อีกฝ่ายรับรู้ เจ้านายหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วยุ่งก่อนหยิบช้อนตักข้าวป้อน

“อ้าปาก” แทนสั่งเพราะครูซไม่ยอมอ้าปากรับสักที

“มันร้อนคระ...อุบ ค่อกๆ” ครูซที่กำลังอ้าปากพูดสำลักออกมาทันทีที่แทนยัดข้าวเข้าปากโดยไม่สนใจจะฟังสักนิด แต่พอเห็นปากอีกฝ่ายที่เริ่มพองขึ้นแทนก็เพิ่งรู้ตัวว่าทำพลาดอีกแล้ว เขารีบวางชามแล้วเดินออกไปหยิบน้ำแข็งมาถูปากกระจับที่ตอนนี้สภาพแย่เต็มทน ครูซไม่พูดอะไรเพียงมองการกระทำของอีกฝ่ายนิ่ง ที่เขาไม่โวยวายต่อว่าแทนทันทีที่ตื่นมาเพราะรู้ดีว่าการทำอย่างนั้นไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เขาจึงเลือกที่จะคอยสังเกตพฤติกรรมอีกฝ่ายก่อนว่ามีแนวโน้มไปทางใดถึงจะหาวิธีปราบให้เลิกพยศได้ ใช่ว่าจะไม่โมโหแต่ถ้าเขาอยากเอาชนะคนตรงหน้าก็คงต้องอดทน

“ดีขึ้นยัง” แทนเอาน้ำแข็งที่ละลายใกล้หมดยัดปากครูซเพราะขี้เกียจเดินไปทิ้ง ซึ่งครูซก็ไม่ว่าอะไรนอกจากอมไว้แล้วพยักหน้าตอบรับ พอกินน้ำแข็งเสร็จแทนก็หยิบชามข้าวต้มมาถือไว้ใหม่แต่คราวนี้เขาเป่าก่อนแล้วค่อยป้อน ครูซอ้าปากรับข้าวเรื่อยๆ จนหมดชาม พร้อมกินยาตามจนเสร็จก็ไม่ได้ขยับไปไหนเพราะแทนนั่งกำยาอีกอันไว้ในมือแน่น เลขาหนุ่มมองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปจนอีกฝ่ายจับตนนอนลงเหมือนเดิมเลยเข้าใจว่าจะให้นอนพักผ่อนตามปกติแต่มือหนากลับรั้งขอบกางเกงเขาลงด้วย

“จะทำอะไรครับ” ครูซใจเต้นแรงด้วยความกลัว ที่นิ่งๆ ไม่ใช่ไม่รู้สึกแต่เขาไม่อยากแสดงอาการให้แทนรับรู้มากกว่า

“ทายา” แทนชูหลอดยาสีขาวให้ดู ครูซไม่ได้โง่ถึงจะได้ไม่รู้ว่าต้องทาตรงไหน

“เดี๋ยวผมทำเอง” ครูซพูดออกไปโดยลืมคิดไปว่าสภาพแขนตัวเองตอนนี้เป็นอย่างไร

“แขนเจ็บไม่ใช่เหรอ?”

“แล้วคุณไม่รังเกียจหรือไง” ครูซสบตากับแทนที่ยืนจิกมือจนเลือดไหลซึมตั้งแต่เข้าห้องมาแล้ว

“รังเกียจ” ถึงครูซจะรู้คำตอบแต่พอได้ฟังคำนี้ทีไรเขาก็รู้สึกไม่ชอบใจทุกที คำคำนี้ดูรุนแรงเกินไปที่จะใช้กับคนที่มีชีวิตและจิตใจ

“แต่ผมเป็นคนทำก็ต้องรับผิดชอบ” รับผิดชอบ? เลขาหนุ่มฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ของเจ้านาย

“รับผิดชอบของคุณแทนคืออะไรครับ?” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองมาอย่างคาดหวัง ทำให้คนหน้านิ่งคิดไม่ตกเหมือนกันว่าต้องรับผิดชอบมากแค่ไหน จนกว่าจะหายป่วยหรือว่าจนกว่าเขาจะไม่รู้สึกผิด

“คุณต้องการอะไรล่ะ” แทนเลือกที่จะถามอีกฝ่ายกลับ

“ถ้าขอจะยอมให้หรือเปล่าครับ” แทนพยักหน้า ถ้าเป็นเพราะเรื่องอื่นเขาคงไม่ต้องมารู้สึกผิดแบบนี้ แต่กับเรื่องโหดร้ายที่เขาทำลงไปต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็คงใช้ไม่หมด เขารู้ดีเพราะมันตามมาหลอกหลอนเขาเป็นสิบ ปีโดยที่ไม่มีใครรับผิดชอบ เขาไม่อยากเป็นแบบนั้นไม่อยากเป็นปีศาจที่ไม่รู้จักสำนึกผิดกับบาปที่ตนได้ก่อไว้

“ช่วยยอมรับผมเข้าทำงานจริงๆ ได้ไหมครับ” คำขอของครูซเป็นอะไรที่ผิดคาด แทนคิดว่าจะขอทรัพย์สินหรือเงินทองแต่คนตรงหน้ากลับขอแค่ได้ทำงานอย่างเต็มที่

“คุณแทนช่วยรับฟังคำพูดผม เชื่อใจผมให้มากกว่านี้ได้ไหมครับ” แทนสบตาครูซอย่างสับสน มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ สิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบทำไมถึงกลายเป็นเรื่องงานไปได้

“คุณต้องการแค่นี้?” ครูซพยักหน้ารับ ชายหนุ่มเป็นคนชอบเอาชนะก็จริงแต่วิธีนั้นไม่ใช่การใช้กำลังหรืออำนาจ เพราะถ้าชนะจากสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงชัยชนะแค่เพียงชั่วคราว แต่หากเอาชนะใจคนได้ต่างหากคือชัยชนะที่แท้จริง และแทนคือบุคคลที่ท้าทายที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ

“ครับ...ผมต้องการแค่นั้น” แค่ค่อยๆ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแทน เขาอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าได้เป็นคนสำคัญของคนที่ปิดกั้นตัวเองขนาดนี้

เขาจะกลายเป็น คนพิเศษ ขนาดไหนกันนะ

“อืม ผมตกลง” แทนที่รู้สึกผิดอยู่เต็มอกยอมตกปากรับคำขอของครูซอย่างว่าง่าย



TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 7

หลังจากที่ทั้งคู่พูดคุยกันด้วยเรื่องสำคัญจบ แทนก็นั่งทำใจอยู่สักใหญ่ก่อนหันไปสั่งให้ครูซนอนคว่ำลงเพื่อทายาให้

“ผมเจ็บไหล่” ครูซส่ายหน้าบอกแทนที่ยืนรออยู่ เจ็บไหล่อยู่บวกกับช่องทางหลังที่บวมช้ำทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถขยับตัวได้จริงๆ แทนกัดริมฝีปากแน่นก่อนตัดสินใจก้มลงมาจับร่างโปร่งให้นอนหงายก่อนเอื้อมมือสั่นเทาดึงขอบกางเกงลงเพื่อทายาตามที่ไวน์บอก

ตามจริงหมอไวน์จะทำให้ก็ได้แต่เขาเลือกที่จะให้แทนเป็นคนทำเพราะอยากรู้ว่าร่างสูงจะกล้าพอไหม ถ้ากล้าจริงๆ เขาคงมีคนเข้ามาช่วยให้แทนหายจากอาการทางจิตเสียที

“คุณแทน” ครูซเรียกอีกฝ่ายขึ้นมาทันทีที่นิ้วเรียวแตะลงตรงช่องทางที่บวมแดง ความกลัวที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาเมื่อคืนเริ่มหวนกลับมาทำให้ใบหน้าเนียนมีเหงื่อผุดขึ้นตามขมับ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“อะไร!” เสียงเข้มถามออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ อีกฝ่ายจะรู้บ้างไหมเขาต้องใช้สมาธิบังคับมือตัวเองไม่ให้สั่นขนาดไหน

“ผมกลัว” แทนชะงักมือลงทันที

“แค่ทายา...ไม่ต้องกลัวหรอก” ครูซพยักหน้ารับ แทนจึงดึงรั้งสะโพกกลมให้ลอยขึ้นก่อนเอาหมอนมารองด้านหน้าไว้เพื่อให้ง่ายต่อการทายา ครูซหลับตาเกร็งตัวทันทีที่นิ้วเรียวพร้อมยาเย็นๆ ป้ายลงที่ช่องทางด้านหลัง

“อย่าเกร็ง มันเอาเข้าไม่ได้” แทนว่าออกมา เมื่อช่องทางสีแดงช้ำรัดแน่นจนเขาไม่สามารถล้วงเข้าไปทายาภายในให้ได้ ครูซเมื่อได้ยินก็เริ่มหายใจเข้าออกลึกๆ พยายามผ่อนคลายเท่าที่จะทำได้แต่จนแล้วจนรอดครูซก็ไม่สามารถหายเกร็งได้เสียที แทนที่อยากทำให้เสร็จๆ จึงเริ่มไล้นิ้ววนไปวนมาสร้างความวาบหวิวให้ร่างโปร่งไม่น้อย

“คุณแทนอย่า!” ครูซขยับสะโพกหนีนิ้วเรียวที่เริ่มอยู่ไม่สุข

“ผมไม่อยากอยู่ในท่านี้กับคุณทั้งวันหรอกนะ” แทนขบฟันพูด ชายหนุ่มพยายามข่มความรู้สึกขยะแขยงที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนตัวสั่นไปหมด เขาต้องรีบทำให้เสร็จสักทีไม่งั้นได้อ้วกแตกตรงนี้แน่ๆ

“อืม~คุณแทน!” ครูซสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือขาวเอื้อมมาบีบคลึงท่อนเนื้อที่นอนแน่นิ่งอย่างปลุกเร้า

“อยู่นิ่งๆ” เสียงเข้มเอ่ยดุ แทนรั้งสะโพกกลมที่ขยับหนีให้กลับมาอยู่ที่เดิมพร้อมชักรูดท่อนเนื้อร้อนในมือเพื่อสร้างอารมณ์ให้อีกฝ่าย ครูซพยายามดิ้นให้หลุดแต่ด้วยแรงที่มีไม่มากทำให้ร่างโปร่งได้แต่กำมือจิกที่นอนแน่นด้วยความเสียวสะท้าน แทนหลับตานิ่งไม่อยากมองสิ่งที่ตนกำลังทำกับร่างโปร่งตรงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเนื้อกระทบเข้ากับฝ่ามืออยู่ดี ชายหนุ่มเริ่มระบายอารมณ์กับการกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดสีสดไหลไปตามคางหยดลงบนก้นเนียนขาว

“ถ้าคุณไม่อยากถูกทำแบบนี้ก็ฟังผม” ครูซจิกผ้าปูที่นอนแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บใจ เขาถูกทำลายศักดิ์ศรีไม่เหลือชิ้นดี อยากให้มันจบไวงั้นเหรอ...ถ้าเขาไม่ให้ความร่วมมือล่ะ คนหน้านิ่งจะทำยังไงกัน ครูซเกร็งตัวไม่ผ่อนคลายตามที่แทนบอก ทำให้นิ้วเรียวไม่สามารถเข้าไปในช่องทางได้เสียทีจนแทนหงุดหงิด ชายหนุ่มลืมตามองร่างโปร่งที่นอนบิดตัวหนีออกจากฝ่ามือตน

“อย่าทำให้ผมรู้สึกทนไม่ไหว!” แทนคำรามออกมาแต่ครูซก็ยังไม่หยุดดิ้น ชายหนุ่มกระชากให้ร่างโปร่งนอนหงายแล้วบีบเข้าที่คอเรียว ครูซสบตาแทนไม่ได้หลบหรือแสดงท่าทีกลัวกับพฤติกรรมฉุนเฉียวของเจ้านายตน เขาเพียงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าซีดเซียวเบาๆ แล้วประคองเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาให้ แทนที่โมโหไม่ได้สติเริ่มคลายมือออกเมื่อได้รับสัมผัสร้อนจากฝ่ามือนุ่ม ดวงตาที่สั่นไหวไปมาทำให้ครูซดึงแทนเขามากอดไว้แน่นแม้เขาจะเจ็บแขนแต่ก็ไม่ได้คลายออก

“คุณทำผมเจ็บ” ครูซลูบหัวแทนไปมาอย่างเบามือ แทนที่หลุดเข้าไปในภวังค์ไม่ได้ลุกหนีตามปกติ ชายหนุ่มนอนทับร่างโปร่งแล้วร้องไห้ออกเรื่อยๆ เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเมื่อผ่านไปสักพักก็เงียบลง

“เกลียด” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยออกมาแผ่วเบาแต่ด้วยระยะที่ใกล้ชิดกันมากทำให้ครูซได้ยินอย่างชัดเจน

“เกลียดใคร”

“เกลียดตัวเอง” แทนตอบเสร็จก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ทำไมต้องเกลียดล่ะ รู้สึกแบบอื่นไม่ได้เหรอครับ” ครูซยกมือลูบหลังแทนอย่างปลอบโยน ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นแทนร้องไห้ทีไรความรู้สึกโกรธเกลียดที่เคยมีจะหายไปทันทีเหลือแต่ความรู้สึกสงสารขึ้นมาแทนเสมอ

“บนโลกนี้มีความรู้สึกแบบเดียวเท่านั้นแหละ คุณไม่รู้หรือไง?” แทนที่เริ่มสติหลุด เอื้อมมือไปยังช่องทางด้านหลัง

“อ่ะ! ปล่อย” ครูซร้องออกมาเมื่อแทนขยับนิ้วฝืนกดเข้าไปในช่องทางบวมช้ำจนเขารู้สึกเจ็บ

“นี่รู้อะไรไหม” แทนกระซิบข้างหูครูซแล้วหัวเราะเบาๆ ครูซที่พยายามดิ้นอยู่ต้องหยุดลงทันทีเมื่ออีกฝ่ายป้ายยาทาเข้าไปภายในแล้วกระแทกนิ้วอย่างแรงจนรู้สึกจุก

“เด็กดื้อต้องโดนลงโทษ” แทนมองครูซที่หน้าแดงจากพิษไข้ไอความร้อนที่แผ่ซ่านจากตัวอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกดี เขาชอบสีหน้าเจ็บปวด ชอบท่าทางดิ้นรน มันไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่เคยรู้สึกแย่ ครูซเองก็รู้สึกเหมือนกันใช่ไหม



“ฮือ ๆ ขอโทษครับน้าเบล”

“เด็กดื้อต้องถูกลงโทษ”




“แทนหยุด!” ครูซร้องห้ามทันทีเมื่อนิ้วที่สองเริ่มสอดใส่เข้ามา

“ทำไมไม่ชอบเหรอ?” แทนถามออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัยพร้อมก้มมองช่องทางที่ตอดรัดนิ้วตนอยู่ ครูซจ้องหน้าแทนที่เริ่มดูไม่ปกติเท่าไหร่ด้วยใจหวั่นๆ เขานึกถึงคำพูดของหมอหน้าเด็กที่บอกกับตนเมื่อตอนเช้าขึ้นมาทันที

“อย่าเพิ่งไปขัดใจแทนมันตอนนี้นะ สภาพจิตใจไม่ปกติแถมลืมแดกยาเข้าไปอีกถ้าคลั่งขึ้นมาจะยุ่ง เข้าใจใช่ไหมเนี่ย เฮ้! พอมีสติอยู่ไหม”

“อืม”

ครูซตื่นมาตอนที่ไวน์แต่งตัวให้พอดี หมอหนุ่มจึงเอ่ยเตือน ตอนนั้นเขาตอบรับไปด้วยความรำคาญเพราะง่วงอยู่เลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก

“อึก..เจ็บ” นิ้วที่สามที่แทรกเข้ามาภายในทำให้ครูซน้ำตาซึมออกมาทันที แทนที่เห็นก็ก้มมาเลียซับให้พร้อมไล่จูบมาจนถึงริมฝีปากที่แตกและมีเลือดคั่งอยู่ แทนใช้ลิ้นเลียไปทั่วจนปากบางชุ่มไปด้วยน้ำสีใส

“เจ็บมากไหม” แทนขยับนิ้วเข้าออกพร้อมกับชักรูดท่อนเอ็นร้อนในมือไม่ยอมปล่อยให้ครูซได้หยุดพัก

“เจ็บ” ครูซสบตาแทนนิ่ง ก่อนยกมือข้างซ้ายจิกกระชากผมสีนิลเข้ามาใกล้แล้วกัดคออีกฝ่ายอย่างโมโห

“อ๋อ! เจ็บแบบนี้...ชอบเหรอ” แทนพยักหน้าก่อนก้มลงมากัดคอครูซคืนเหมือนที่อีกฝ่ายทำกับตนจนเลือดสีสดเปื้อนติดริมฝีปากอิ่ม

“ไม่ได้ชอบ! ค่อกๆ” ครูซตะโกนบอกก่อนไอออกมาอย่างเจ็บคอ

“แล้วชอบอะไร” แทนเอียงหน้าถามด้วยท่าทางเหมือนเด็กขี้สงสัย

“ไม่ชอบอะไรทั้งนั้น” ครูซฝืนความเจ็บใช้มือผลักแทนแต่แรงอันน้อยนิดก็ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย ครูซที่มัวแต่ผลักแทนอยู่ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อท่อนแข็งร้อนถูกจ่อแนบตรงช่องทางด้านหลัง

“อย่า! โอ๊ย!” แทนกระแทกลงไปทันทีเมื่อครูซพูดจบ ครูซได้แต่อ้าปากค้างด้วยความเจ็บแม้จะไม่เท่าครั้งแรกแต่ก็จุกจนตัวสั่นไปหมด เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าแทนฝังใจอะไรกับเซ็กส์นักหนาถึงได้ทำมันทุกทีที่สติหลุดทั้งที่ปกติเกลียดการสัมผัสโดนตัวคนอื่นขนาดนั้นแท้ๆ

“ทำแบบนี้ทำไม” ครูซจ้องตาสีดำสนิทที่เหม่อลอยไปไกลอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย

“เกลียดเลยต้องทำ!” ครูซรู้ชะตากรรมของตัวเองหลังจากนี้ เขาจึงไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะรู้ว่าต่อให้พยายามแค่ไหนก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี

“อืม” ครูซยกมือมากัดทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับอีกฝ่าย แม้จะพยายามห้ามแต่ร่างกายกลับปรับตัวเข้ากับขนาดของแทนจนไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป ความเสียวแปลบที่แล่นขึ้นมาตามแนวสันหลังทำให้ครูซเผลอหลุดครางออกมา ชายหนุ่มไม่ใช่คนมีประสบการณ์เรื่องเพศเยอะจึงดูจะแพ้ทางแทนไปเสียหมด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะจับตรงไหนเขาก็รู้สึกสะท้านเสียวจนเจ็บใจตัวเองอยู่ไม่น้อย

“อื้ม~” แทนที่เห็นสีหน้าของครูซก็แสยะยิ้มออกมา เกลียดหน้าแดงๆ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์แบบนี้จัง

“อ้าปาก” แทนสั่งแต่ครูซไม่ได้ทำตาม แทนจึงไม่สนใจสอดนิ้วกระแทกเข้าไปทันที นิ้วเรียวบีบลิ้นสีแดงสดเล่นอย่างเพลินมือจนน้ำสีใสไหลเยิ้มจากมุมปาก

“อึก อะ!” ครูซร้องออกมาเมื่ออีกฝ่ายขยับสะโพกกระแทกเข้ามาแรงขึ้นเรื่อยๆ จนความรู้สึกเสียวพุ่งขึ้นสูงทำให้หัวเบลอไปหมด แทนก้มจูบริมฝีปากที่แดงช้ำจากแรงบีบของนิ้วอย่างเร่าร้อน ชายหนุ่มเกี่ยวกระหวัดลิ้นเข้าด้วยกันอย่างเผลอไผล ครูซไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนยกมือไปโอบกอดคออีกฝ่ายเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีตอนที่แทนครางอยู่ใกล้หูแล้ว

“รัดแน่นเกินไป”

“อ้า~ ” แทนจับครูซพลิกตัวโดยไม่ให้แท่งร้อนหลุดออกจากช่องทางอ่อนนุ่มที่บีบรัดจนเขาเสียวไปหมด แทนรั้งสะโพกกลมให้แนบชิดตนแล้วกระแทกกระทั้นตามความรู้สึกที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อกระทบกันบวกกับเสียงครางต่ำดังไปทั่วบริเวณ ทั้งสองคนต่างไม่รับรู้อะไรนอกจากความสุขสมที่ได้เสพจากกายของกันและกัน จนสุดท้ายครูซทนไม่ไหวปลดปล่อยออกมาทั้งๆ ที่ไม่ได้แตะต้องแกนกลางแม้แต่น้อย แทนที่โดนช่องทางร้อนนุ่มบีบรัดอย่างแรงก็ทนต่อไปไม่ไหวฉีดน้ำสีขุ่นพุ่งเข้าไปภายในมากมายจนไหลย้อนออกตามง่ามขาขาว แทนถอดท่อนเอ็นที่เริ่มอ่อนตัวลงแล้วทิ้งตัวนอนหอบข้างครูซที่หมดสติไปด้วยพิษไข้

“ฮึก..ห้ามตายนะ” แทนรั้งครูซเข้ามากอดไว้ ตอนนี้ในหัวแทนมีแต่ภาพเบลอๆ สลับทับซ้อนกันไปมาจนเขาแยกความจริงกับภาพในอดีตไม่ออก



“น้องแทนว่าน้าเบลจะสวยอยู่ไหมถ้าโดดจากตรงนี้ไปนอนอยู่นั้น” ผู้หญิงสวมชุดพยาบาลหันมายิ้มหวานในเด็กน้อยที่ยืนกอดเสาริมดาดฟ้าแน่นด้วยความกลัว

“ว่าไง! น้าจะสวยอยู่ไหม!” หญิงสาวเดินมากระชากแขนเล็กเขย่าไปมาพร้อมตะคอกใส่เสียงดัง

“ฮือ...สวย” เด็กน้อยพยักหน้ารับ พอได้คำตอบที่พอใจเธอก็เดินไปกระโดดเต้นอยู่ริมรั้วเตี้ยๆ ที่สร้างมาเพื่อกันคนพลัดตก

“งั้นเรามาแข่งกัน ใครถึงข้างล่างก่อนชนะ ฮ่าๆ” หญิงสาวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาไหลนองหน้า “เราไปอยู่ด้วยกันแค่สองคนนะ แค่น้าเบลกับน้องแทนไปอยู่ด้วยในที่ที่ไม่มีใครหาเราเจอ ไม่มีใครทำร้ายเรา”

“ฮึก...ไม่เอา แทนกลัว!” เด็กน้อยกรีดร้องสุดเสียงเมื่อถูกกระชากแขนให้ไปยืนข้างกันริมรั้วกั้น สายลมที่พัดโชยมาทำให้เส้นผมปลิวพันกันยุ่งเหยิงหากแต่คนทั้งคู่ไม่มีใครสนใจที่จะปัดออก ต่างคนต่างหลุดเข้าไปอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง คนหนึ่งหวาดกลัวสุดหัวใจ อีกคนอยากละทิ้งแล้วทุกสิ่ง

“ถ้าน้องแทนไม่ไปด้วยกัน งั้นน้าเบลไปคนเดียวก็ได้” น้าสาวจับใบหน้านิ่มของเด็กน้อยขึ้นมารับจูบจากเธอ ลิ้นเล็กสอดเข้าไปในปากหญิงสาวตามความเคยชินทั้งสองต่างแลกลิ้นกันไปมาจนน้าสาวเป็นคนผละออก

“จูบลาจากน้านะ ฝากบอกพี่ทศด้วยว่าน้ารักเขามาก” ร่างผอมบางเดินไปหยุดริมตึกส่งยิ้มแสนเศร้ามาให้หลานชายสุดรัก ปากอิ่มสีแดงสดขยับพูดเบาๆ ว่าลาก่อน

“อ้ากกกกกก!!” เด็กน้อยกรีดร้องแทบสิ้นสติเมื่อร่างของน้าสาวร่วงหายไปกับตา




“อึก หนาว” ครูซลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อทนความหนาวเย็นต่อไปไม่ไหว ร่างกายเขาหนักอึ้งไปหมด ชายหนุ่มพยายามขยับตัวควานหาผ้าห่มแต่สิ่งที่มือสัมผัสได้คือร่างกายของอีกคนที่นอนขดตัวอยู่ข้างๆ กัน ครูซปวดหัวเหมือนสมองจะระเบิด เพดานห้องหมุนไปมาทำให้ลายตาจนแทบอ้วก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจสะกิดคนข้างตัวแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่ถ้าตอนนี้ไม่มีคนช่วย เขาต้องตายแน่ๆ ร่างเปลือยเปล่าเริ่มขยับตัวตื่นขึ้นเมื่อถูกรบกวนจากการนอน แทนลืมตามองคนตรงหน้าก่อนร้องไห้ออกมาแล้วคว้าตัวครูซไปกอดไว้แน่น

“ไม่เอา...ห้ามตาย...ฮือ....ห้ามๆ” ครูซรู้สึกไม่สนิทใจนักกับการโดนตัวกับอีกฝ่ายเท่าไหร่แต่ด้วยแรงที่แทบไม่เหลืออยู่ทำให้เขาทำได้เพียงเบี่ยงหน้าหนี ครูซปล่อยให้แทนกอดอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายเลิกร้องไห้แล้วค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนออก แทนจับหน้าครูซให้หันมาสบตาตนก่อนไล้นิ้วตั้งแต่คิ้วลงมาเรื่อยๆ จนถึงริมฝีปากที่ซีดแตกมีรอยเลือดแห้งติดอยู่ ครูซไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่แล้วเขาเองก็ไม่อยากที่จะคิดอะไรด้วยเพราะลำพังแค่ประคองสติไม่ให้สลบไปก่อนก็ยากเกินจะทำไหว แทนนั่งจ้องหน้าครูซอยู่สักพักถึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ยังดีที่ก่อนไปหยิบผ้าห่มผืนหนามาคลุมตัวไว้ให้ ไม่อย่างนั้นเลขาหนุ่มได้หนาวสะท้านจนตายแน่ ครูซกระชับผ้าห่มเข้าหาตัวแน่นก่อนลืมตามองเหม่อไปที่เพดานขาวอย่างใช้ความคิด

เขาควรทำอย่างไรต่อไปดี...ถอยห่างหรือจะเดินหน้าต่อ ถ้าเป็นแค่เรื่องทำงานชายหนุ่มไม่มีทางยอมแพ้แน่ๆ แต่นี่มันเกินกว่าจะยอมรับได้ เรื่องแบบนี้เขาไม่ควรได้พบเจอ

ปึง!

เสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมร่างสูงที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วเรียบร้อย แทนเดินถือกะละมังอันเล็กพร้อมผ้าเช็ดตัวไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนดึงผ้าห่มออกจากตัวครูซและเริ่มลงมือเช็ดตัวให้ ครูซมองการกระทำของแทนไปเรื่อยๆ ภายในห้องไม่มีเสียงอะไรนอกจากเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานอยู่ แทนเช็ดร่างกายครูซทั่วทั้งร่างกายด้วยมือที่สั่นเทาแต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็กลั้นใจทำจนเสร็จ

“ทำอะไร” ครูซตกใจจับมือขาวที่กางขาตนอ้าออกกว้าง แทนปัดมือเรียวทิ้งไม่ได้ตอบให้กระจ่างแต่กดนิ้วกลางเข้าไปในช่องทางคว้านนิ้วเอาน้ำคาวขุ่นที่คั่งค้างอยู่ออกมาให้จนหมด ครูซจิกที่นอนแน่นหันหน้าหนีภาพน่าอายตรงหน้า ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมรับเรื่องที่ตัวเองถูกกดได้หรอก แทนหาชุดนอนใหม่มาใส่ให้แล้ววางโทรศัพท์มือถือไว้บนที่นอน

“บอกแม่คุณว่ามาทำงานกับผมต่างจังหวัด...อีกหลายวันถึงจะกลับ” ครูซขมวดคิ้วยุ่งกับคำว่าหลายวันของแทน แต่เขาเลือกที่จะเงียบไม่ตอบโต้อะไรไป

“แม่ครับ...” เมื่อเห็นครูซคุยโทรศัพท์กับแม่ตามที่ตนบอกไว้จนเสร็จ แทนจึงเดินออกไปข้างนอกสักพักก็กลับมาพร้อมข้าวต้มร้อนที่ทำเหลือไว้จากตอนกลางวัน ครูซนอนตะแคงมองแทนที่เดินลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงด้วยใบหน้านิ่งๆ เหมือนเช่นเคย

“ลุกไหวไหม” ครูซไม่ตอบ แทนจึงวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะ เข้าไปประคองร่างโปร่งจัดท่าให้นั่งพิงหมอนเรียบร้อยแล้วตักข้าวขึ้นมาเป่าก่อนยื่นไปจ่อปากบางที่แตกแห้งจากการถูกทำร้าย ครูซจ้องช้อนตรงหน้าสลับกับดวงตาสีนิลที่เย็นชานิ่งสงบเหมือนคราวแรกที่พบกัน ปกติ...นี่คือแทนในยามปกติ เลขาหนุ่มอ้าปากรับข้าวจากเจ้านายตนไปเรื่อยๆ จนหมดชาม แทนยื่นยามาให้ห้าเม็ด ครูซหยิบขึ้นมากินอย่างว่าง่าย ร่างกายเขาไม่พร้อมรับมือกับอะไร เลี่ยงการปะทะกับแทนดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้

“ไม่คิดจะฆ่าตัวตายใช่ไหม” อยู่ๆ แทนก็เอ่ยถามขึ้นมาหลังนั่งจ้องครูซไม่ยอมขยับไปไหน

“ไม่รู้สิ” ครูซหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่คิดจะฆ่าตัวตายหรอกแต่แค่ไม่รู้จะต้องพูดหรือรู้สึกอย่างไรกับแทนกันแน่ เกลียด...โกรธ...โมโหหรือสงสาร ตอนนี้ในหัวเขามันว่างเปล่าไปหมดแล้ว

“ห้ามทำ!” ครูซลืมตามองแทนที่กำมือเขาไว้แน่น ดวงตาสีนิลที่สั่นไหวกับน้ำใสที่เอ่อคลอเป็นอะไรที่ทำให้ครูซรู้สึกสนใจ เขาถูกดวงตาคู่นี้ดึงดูดอีกแล้ว

“ถ้าผมอยากทำคุณจะห้ามได้หรือไง” ครูซบีบมือขาวคืนด้วยแรงทั้งหมดที่มี ในตอนแรกแทนตกใจจะชักมือกลับแต่ก็นึกเปลี่ยนใจปล่อยให้ครูซกำไว้อย่างนั้น แม้จะรู้สึกไม่ดีกับการสัมผัสแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้หายไปไหน ยังมีชีวิตและลมหายใจอยู่

“ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการแต่ขออย่างเดียว...ห้ามตาย” ครูซยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินประโยคนี้จากแทน เลขาหนุ่มเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าขาวแผ่วเบาแล้วจับประคองไว้ก่อนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบชิดใบหู

“ผมไม่ตายง่ายๆ หรอกถ้าคุณแทนยังอยู่ข้างผม ยังรักษาสัญญาที่จะยอมรับผมเข้าทำงานด้วยใจจริง แต่ถ้าวันไหนผมฆ่าตัวตายขอให้รู้ไว้เลยว่ามันเพราะคุณคนเดียว!”

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 8

แสงไฟที่ยังคงส่องสว่างมาจากห้องนั่งเล่นแม้เป็นเวลาตีสามกว่า ทำให้ครูซที่ตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกรู้สึกสงสัยจึงเดินออกไปดูให้แน่ใจว่าแทนทำอะไรอยู่กันแน่ถึงยังไม่นอน เลขาหนุ่มยังเจ็บเสียดๆ ที่ช่องทางอยู่บ้างแต่ก็ดีขึ้นเมื่อได้พักมาสามวันเต็ม

“คุณแทนทำไมยังไม่นอนครับ” ครูซถามแทนที่นั่งอยู่บนพื้นพรม เอนหลังพิงโซฟาพิมพ์งานอย่างเคร่งเครียด “คุณแทน” ครูซเรียกย้ำอีกครั้งเมื่อคนหน้านิ่งไม่ยอมตอบคำถาม

“ทำงาน” เสียงห้วนที่บ่งบอกได้ว่าไม่เต็มใจจะตอบทำให้ครูซถอนหายใจ

“ตีสามแล้วไปนอนเถอะ” เนื่องจากหยุดงานไปหลายวันทำให้เอกสารสำคัญมีตกหล่นจากการตรวจสอบไปบ้าง แทนจึงเครียดไม่ใช่น้อย

“นอนไม่หลับ” แทนพูดจบก็กลับไปจดจ่อกับงานตรงหน้าโดยไม่สนใจว่าตอนนี้ครูซจะอยู่ใกล้ตนขนาดไหนก็ตาม

“คุณจะดื้อกับผมจริงๆ เหรอครับ” ครูซเอื้อมมือไปโอบรอบตัวแทนแล้วดึงอีกฝ่ายมากอดไว้หลวมๆ แทนที่ไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งจนทำเมาส์หล่นจากมือก่อนสะบัดตัวออกรีบลุกไปยืนอยู่อีกมุมห้องทันที

“ไปนอนกันเถอะ” ครูซกดเซฟงานแล้วพับหน้าจอลง แทนขมวดคิ้วแน่นเขาไม่ชอบพฤติกรรมของอีกฝ่ายเลยจริงๆ บอกว่าหลับไม่ลงยังจะต้องมาบังคับอะไรกันอีก น่ารำคาญ!

“ช่วยพยุงผมหน่อย” ครูซยกมือไปหาแทนที่ยืนหน้านิ่งไม่ยอมขยับตัวไปไหน “แทนครับ” ครูซยกยิ้มหวานแกล้งแทนที่ดวงตาเริ่มคุกรุ่นไปด้วยไฟของโทสะ เขาไม่ชอบท่าทีหยอกล้อของครูซมันเหมือนกับว่าอีกฝ่ายมองเขาเป็นตัวตลก

“ผมไม่ชอบ”

“โอเค...งั้นไปนอนกัน” ครูซพยักหน้ารับแล้วเปลี่ยนท่าทีกลับมาเป็นปกติ แทนกลั้นใจเดินไปจับแขนประคองครูซให้ยืนขึ้นแล้วพาไปยังห้องนอน ตลอดสามวันที่ผ่าน ชายหนุ่มลูกครึ่งบังคับให้คนหน้านิ่งนอนด้วยกันบนเตียง อีกฝ่ายทำตามแต่เมื่อเขาหลับลงเมื่อใดร่างสูงจะรีบวิ่งไปอาบน้ำแล้วหนีออกไปนอนข้างนอกเสมอ ครูซรู้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะเขาอยากค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่บังคับฝืนใจอีกฝ่ายมากเกินความจำเป็น

“พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้าน” ครูซบอกกับแทนที่ทิ้งตัวนอนอีกฝั่งของเตียง แม้ไม่มีเสียงตอบรับแต่เลขาหนุ่มก็รู้ว่าอีกคนได้ยินในสิ่งที่เขาพูด แทนทำตามที่ให้ไว้กับครูซจริงๆ ถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม การใช้ชีวิตอยู่กับอีกฝ่ายมาสามวันทำให้เขารู้อะไรขึ้นเยอะ เจ้านายชอบทำอะไรด้วยตัวเอง ทั้งทำความสะอาดห้องซักผ้ารีดผ้าทำกับข้าว และกิจกรรมยามว่างที่ดูจะโปรดมากก็คือการออกกำลังกาย ชอบถึงขนาดสร้างห้องหนึ่งเป็นฟิตเนสส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ ครูซเห็นวันหนึ่งแทนทำสิ่งเดิมซ้ำกันอยู่ไม่กี่อย่างวนไปวนมา เขาเชื่อแล้วจริงๆ ว่าแทนมีความสามารถมากพอที่อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวมาเป็นห้าหกปีโดยไม่มีเลขาอยู่ข้างกาย แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งเดียวที่ร่างสูงทำน้อยที่สุดในแต่ละวันก็คือ การนอน แทนมักเอาเวลาไปทุ่มกับทุกสิ่งโดยเหลือเวลานอนแค่วันละสามถึงสี่ชั่วโมงเท่านั้น และต้องทานยานอนหลับเป็นประจำแต่น่าแปลกใจตรงที่แม้จะใช้ยาแต่กลับนอนได้น้อยเหมือนเดิม ครูซจึงรู้สึกว่าร่างกายของแทนคงจะดื้อยาแล้วล่ะ

“คุณแทนเขยิบเข้ามาเถอะครับ คุณจะตกเตียงแล้วนะ” ครูซมองแผ่นหลังกว้างที่นอนชิดริมเตียง

“นอนไปเถอะอย่ามายุ่ง” แทนตอบกลับมาด้วยเสียงหงุดหงิดที่มักใช้กับครูซอยู่เป็นประจำ เมื่อร่างสูงไม่สนใจคำพูดของเขา ครูซจึงเอื้อมมือไปคว้าเอวอีกฝ่ายรั้งเข้ามาใกล้

“ทำอะไร!” แทนดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของครูซที่โอบกอดไว้แน่น

“กอดไงครับ” ครูซเอาขาเกี่ยวตัวแทนเข้ามารวบไว้ไม่ให้ดิ้นมาก แทนที่กำลังพยายามดิ้นในทีแรกต้องหมดแรงลงดื้อๆ เมื่อเจอเสียงกระซิบและลมหายใจแผ่วเบาที่เป่าอยู่ข้างหู จุดอ่อนของแทนที่ครูซเพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้

“มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกครับ” แทนตัวสั่นจนครูซรู้สึกได้แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ

“ขอร้อง...อึก! ปล่อย” แทนจิกเตียงระบายอารมณ์ความรู้สึกต่อต้านสัมผัสจากครูซอย่างรุนแรง 

“ผมเป็นของคุณไง...ผมไม่สกปรกหรอก” ครูซกระซิบบอกข้างหูแทนที่ตอนนี้แดงก่ำจากการที่เลือดสูบฉีดตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง

“ไม่...” แทนหลับตานิ่งนอนหอบหายใจแรง ในท้องรู้สึกปั่นป่วนไปหมดจนต้องเอามือไปกุมไว้เพื่อลดแรงบีบตัวของลำไส้

“ผมจะไม่ฆ่าตัวตาย จะอยู่ข้างๆ คุณตราบเท่าที่คุณยังรักษาสัญญา” ครูซจูบลงบนขมับชื้นเหงื่อก่อนจับพลิกให้แทนหันหน้ามาทางตนแล้วดึงอีกฝ่ายมากอดไว้แนบอก มือเรียวลูบหลังปลอบโยนคนในอ้อมแขนที่ตัวสั่นไม่ยอมหยุด แทนก้มหน้าซุกอยู่ที่อกของครูซอย่างช่วยไม่ได้เพราะร่างโปร่งรัดตัวเขาไว้แน่นมาก

“ผมไม่สกปรกหรอก” ครูซพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนแทนเริ่มคลายการเกร็งตัวลง “ผมจะอยู่ข้างๆ คุณ” หัวสมองแทนเริ่มเบลอเพราะฤทธิ์ยาที่ทานเข้าไปก่อนนอน สัมผัสอุ่นกับน้ำเสียงปลอบโยนยังคงดังอยู่ในโสตประสาทจนสติเริ่มจางหายไป ครูซที่ยังลืมตามองเหม่ออยู่ในความมืดยิ้มออกมาเล็กน้อยที่คนในอ้อมแขนหลับลงไปอย่างง่ายดาย

ทำได้แล้ว ทำให้แทนหลับก่อนเขาได้แล้ว ภายในอกรู้สึกยินดีกับความสำเร็จเล็กๆ ได้อย่างน่าตกใจ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ หมกมุ่นกับคนในอ้อมแขนจนไม่สนใจเรื่องเลวร้ายที่ได้ผ่านพ้นมา ทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงได้ลืมเลือนความรู้สึกโกรธแค้นที่เคยมีอยู่

ครูซแต่ได้แต่คิดถามตัวเองอยู่ในใจ แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดหาคำตอบสักเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ ความง่วงเข้ามารบกวน ความคิดจึงเริ่มเลือนรางและเพียงไม่นานชายหนุ่มก็ผล็อยหลับไป   

แสงสว่างของแดดยามเช้าปลุกให้ครูซลืมตาตื่นขึ้น เขารู้สึกสมองปลอดโปร่งเพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มแล้ว แต่สัมผัสอุ่นในอ้อมแขนทำให้เขาแปลกใจไม่ใช่น้อย

แทนยังคงหลับอยู่? ปกติเขาตื่นมาไม่เคยเจออีกฝ่ายเลยสักครั้ง ครูซนอนจ้องหน้าร่างสูงอย่างพิจารณา แทนเป็นคนขาวซีด ขาวกว่าเขาที่เป็นลูกครึ่งเสียอีกอาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่เคยออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งทำให้ผิวไม่เคยถูกแสงแดด ริมฝีปากบางกระจับแดงระเรื่อตัดกับผิวขาวซีดยิ่งส่งให้แทนดูโดดเด่น คิ้วเข้มกับตาเรียวมีเสน่ห์อย่างดุดัน แต่ความเย็นชาภายในแววตาก็ทำให้หลายคนต่างกลัวที่จะต้องสบตาด้วย แต่ใครเลยจะรู้ว่าดวงตาสีนิลดวงนี้หลั่งน้ำตาออกมามากมายแค่ไหน ครูซไม่รู้ว่าเคยมีคนเจอแทนในสภาพเหล่านั้นไหมแต่สำหรับเขา ต่อให้โกรธแค่ไหนเพียงเห็นน้ำสีใสคลออยู่ในดวงตาสั่นไหวคู่นี้ เป็นอันต้องเอื้อมมือไปคว้าตัวอีกฝ่ายมากอดปลอบเสียทุกที บางครั้งเขาไม่ได้นึกอยากทำแต่มือมันขยับไปเองโดยไม่ทันได้คิดไต่ตรองเลยด้วยซ้ำ

“ในเมื่อมาทำให้ผมรู้สึกสนใจขนาดนี้ก็ช่วยรับผิดชอบความรู้สึกแปลกๆ ของผมด้วยแล้วกันนะครับ” ครูซพูดจบก็กระตุกยิ้มมุมปาก ใช้มือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังกว้างพลางนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนผ่านไปสองชั่วโมงกว่า แทนถึงค่อยรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแรกที่รับรู้ได้คือแรงลูบหัวแสนแผ่วเบาที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายคล้ายถูกห้อหุ้มด้วยไออุ่น

“ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบถามข้างหูพาให้ขนอ่อนทั่วกายลุกชัน อกซ้ายเต้นแรงด้วยความตกใจ

“เฮ้ย!” แทนเด้งตัวออกจากแขนของครูซทันที ดวงตาเบิกกว้าง ชายหนุ่มยันตัวลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วแต่เพียงเท้าแตะพื้น ภาพตรงหน้าก็ดำมืด ภายในหัวสมองชาวับจนทำให้ร่างสูงร่วงไปนั่งกับพื้นเนื่องจากโรคความดันต่ำที่เป็นอยู่

“เป็นอะไรหรือเปล่า!” ครูซขยับตัวลุกไปนั่งคุกเข่าข้างกัน ดูแทนที่กุมจมูกตัวเองไว้แน่น

“อย่า!” แทนปัดมือครูซที่เอื้อมมาจับปลายคางตนทิ้งด้วยท่าทีรังเกียจ แต่ครูซไม่ได้สนใจกำข้อมือหนาดึงออกแล้วเชยคางให้เงยขึ้นเพื่อดูจมูกที่กระแทกกับขอบเตียงอย่างแรง

“เลือดออก” ครูซจับหน้าแทนให้ก้มต่ำลง บีบนวดเบาๆ ตรงสันดั้ง “เวลาตื่นอย่าเพิ่งรีบลุกสิครับ ร่างกายมันปรับไม่ทัน” ครูซหยิบกระดาษทิชชูบนโต๊ะข้างเตียงเช็ดเลือดที่ไหลออกมาเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง แทนที่ยังไม่หายมึนหัวอยู่จึงนั่งนิ่งหลับตาแน่น

“เงียบ!” แทนจิกแขนครูซอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด ครูซรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ได้ร้องห้ามออกไปปล่อยให้ร่างสูงกำมือจิกแขนตนอยู่แบบนั้น เลขาหนุ่มรอจนเลือดหยุดไหลถึงได้ปล่อยมือออกจากจมูกโด่ง

“ยังเจ็บอยู่ไหม” ครูซสบตากับแทนที่นั่งจ้องหน้าเขานิ่งๆ ไม่ยอมพูดอะไรออกมา ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบเมื่อทั้งคู่ต่างอยู่ในห้วงความคิดของตน แทนแปลกใจที่ตัวเองนอนหลับไปทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของครูซทั้งคืนและยังรู้สึกนอนเต็มอิ่มแบบที่ไม่ได้เป็นมานานมากแล้ว ทำไมเขาถึงหลับลึกได้ขนาดนั้นกัน...

กริ๊ง

เสียงกริ่งที่ดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหลุดจากภวังค์ แทนลุกขึ้นเดินไปที่ประตูด้วยความสงสัย ปกติไม่เคยมีใครมาหาเขาในเวลาแบบนี้ เพราะถ้าเป็นพัชชาเธอมักโทรมาบอกก่อนเสมอ

ร่างสูงชะงักเท้านิ่งเมื่อเห็นภาพของคนที่ปรากฏอยู่บนมอนิเตอร์ มาทำไม มาได้ไง เหงื่อใสเริ่มผุดขึ้นตามขมับ แทนเดินก้าวถอยหลังกลับโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งชนเข้ากับแผ่นอกของครูซที่เดินออกมาดู

“เป็นอะไร” ครูซถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นเจ้านายตนสะดุ้งสุดตัว แทนไม่ตอบแต่รีบเดินกลับไปยังห้องนอนทันที ครูซมองตามจนสุดสายตาก่อนหันไปดูมอนิเตอร์ถึงเข้าใจในทันทีว่าทำไมเจ้านายตนถึงเดินหนีไปแบบนั้น จากที่เขาลอบสังเกตมาตลอด แทนไม่ชอบเข้าใกล้คนในครอบครัว เขายังจำสายตาและท่าทางตอนที่อีกฝ่ายเจอหน้าคุณหญิงรัศมีได้ดี ไม่สบตา ไม่มองหน้า ดูกังวลอยู่ตลอดเวลา

เสียงกดกริ่งยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ครูซเดินตามแทนไปในห้องนอนก็เห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่งสายตาหลุดลอยไปไกล

“จะให้เปิดไหมครับ”

“ไม่!” แทนส่ายหน้าแล้วก้มมองมือที่บีบกันไว้แน่น

“ถ้าไม่เปิดให้แล้วจะมีปัญหาตามมาหรือเปล่า” แน่นอนว่าต้องมี การที่คุณหญิงรัศมีมาหาหลานชายถึงคอนโดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง ตั้งแต่แทนออกมาอยู่คนเดียวนี่เป็นครั้งที่สองที่คนเป็นย่ามาหา แล้วการที่เธอมานั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดี

ครูซเห็นสีหน้าคิดไม่ตกก็เดินเข้าไปนั่งลงข้างกัน แทนขยับออกห่างแต่ก็ไม่ได้ลุกหนี

“ผมจะอยู่ข้างๆ ไม่ให้ใครมาถูกตัวคุณ แบบนี้โอเคไหมครับ” แทนหันมามองครูซอย่างชั่งใจ เสียงกริ่งกับเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมาพร้อมกันทำให้เขารู้สึกกดดันยิ่งขึ้น แทนขบปากแน่น สองมือกำจิกกันอย่างใช้ความคิดจนสุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับเบาๆ

“อย่าผิดคำพูด” ครูซยกยิ้มรับ แทนจึงเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อเห็นเลขาตนเดินออกไปเพื่อต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ครูซที่ออกมาจากห้องวิ่งไปล้างหน้าล้างตาในห้องครัวด้วยความเร่งรีบ พอเช็ดหน้าเสร็จก็เดินไปเปิดประตูห้องทันที

“เธอ!” คุณหญิงรัศมีแปลกใจที่เห็นหนุ่มลูกครึ่งแทนที่จะเป็นหลานชายของตน

“สวัสดีครับ” ครูซยกมือไหว้แล้วขยับตัวออกห่างจากประตูเพื่อให้คุณหญิงเดินเข้ามาข้างใน

“แทนฟ้าอยู่ไหน” คุณหญิงนั่งลงบนโซฟาแล้วใช้สายตามองครูซตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

“คุณแทนไม่ค่อยสบายครับ ตอนนี้เข้าห้องน้ำอยู่” ครูซตอบด้วยท่าทางสุภาพ

“แล้วเธออยู่ที่นี่?” ดวงตาคมดุจ้องมองด้วยความสงสัยเพราะปกติแทนฟ้าไม่ใช่คนที่ปล่อยให้คนภายนอกเข้ามาในห้องตัวเองได้ง่ายๆ

“ผมมาช่วยดูแลคุณแทนครับ” ครูซคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องถามแน่ๆ เพราะตอนนี้เสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่เป็นชุดนอน

“ช่างเถอะ...ไปตามแทนฟ้ามา” คุณหญิงรัศมีโบกมือไล่ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจนัก ครูซจึงพยักหน้ารับรีบเดินเข้าไปในห้องนอนทันที

“คุณแทน” ครูซสะกิดแทนที่ยืนจ้องกระจกอยู่ในห้องน้ำ

“หยิบยาให้หน่อย” แทนยืนพิงอ่างล้างหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ได้แสดงอาการผิดปกติอะไร

“ไม่ต้องหรอกครับ” ครูซดึงข้อมือแทนให้ออกจากห้องน้ำแต่อีกฝ่ายขืนตัวไว้

“ผมจำเป็นต้องกิน!” ตลอดสองวันที่ผ่านมา ครูซบังคับไม่ให้แทนทานยาอะไรเลยนอกจากยานอนหลับ เขาจึงไม่มั่นใจนักว่าจะไม่เผลอแสดงอาการผิดปกติให้ย่าได้เห็นเพราะคนพวกนั้นไม่สมควรต้องมารับรู้ความน่าสมเพชของเขา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ มีผมอยู่ด้วยทั้งคน” ครูซอยากให้อีกฝ่ายก้าวข้ามความคิดที่ว่าต้องพึ่งแต่ยาตลอดเวลา เขาอยากให้แทนสงบสติอารมณ์ได้ด้วยตัวเองบ้าง

“ไม่ได้...ทำไม่ได้ ผมทำไม่ได้” แทนส่ายหน้าพยายามยื้อแขนออกจากมือครูซ

“ผมสัญญาด้วยชีวิตว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณแน่ๆ” น้ำเสียงหนักแน่นและสายตาจริงจังทำให้ความกังวลใจที่มีอยู่ของแทนลดน้อยลง แต่ใช่ว่ามันจะหมดไป

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ...คุณเคยบอกว่าจะเชื่อใจผมไม่ใช่เหรอ” ครูซทวงสัญญาที่อีกฝ่ายเคยบอกไว้ แทนหลับตาพยักหน้าตอบน้อยๆ ก่อนตัดสินใจเปิดประตูเดินออกไปพบกับคุณหญิงรัศมีที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์

“สวัสดีครับ” แทนยกมือไหว้ด้วยท่าทางนิ่งขรึม

“ไปหาพ่อบ้างหรือยัง” คุณหญิงรัศมีเดินไปนั่งลงโซฟาพร้อมหยิบซองจดหมายสีขาวจากกระเป๋าหนังสัตว์ราคาแพงยื่นให้แทนที่นั่งอยู่โซฟาตัวถัดไป

“ยังครับ” แทนไม่ได้รับเพราะครูซหยิบมาถือไว้ให้แล้ว

“ทำไมไม่ไป รู้ไหมว่าเขาเป็นห่วงแกแค่ไหน” เสียงตำหนิจากคนเป็นย่าทำให้แทนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจแต่ก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนอาการไว้ เมื่อไม่ได้คำตอบจากหลานชาย คุณหญิงรัศมีจึงเปลี่ยนเรื่องพูด

“พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงเปิดบริษัทใหม่ของเขมิกาลูกสาวเจ้าสัวโชติ” ครูซขมวดคิ้วแน่นทันทีเมื่อได้ยินชื่อเจ้านายเก่าตนอยู่ในประโยคบอกเล่า “ฉันจะให้แกไปกับตาทศ”

“ผมไม่ไป!” แทนกระชากเสียงตอบด้วยท่าทางไม่พอใจทำให้คุณหญิงรัศมีที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา

“แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!...กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ไม่เคยออกงานสังคมเลย ตอนนี้เขาลือกันไปทั่วแล้วว่าแกมันบ้าผิดปกติ ครอบครัวถึงไม่ยอมให้ออกสื่อ รู้บ้างไหมห๊ะ!” คุณหญิงที่ห่วงหน้าตาทางสังคมยอมไม่ได้ที่จะให้ใครต่อใครมาว่าตระกูลวราวุธกิจที่ยิ่งใหญ่มานาน

“ผมไม่ชอบ” แทนจิกหน้าขาตัวเองแน่นไม่ยอมปล่อยแม้ครูซจะพยายามสะกิดให้เลิกทำก็ตาม

“ทุกคนต้องตามใจแกหมดหรือไงแทนฟ้า” คุณหญิงจ้องหน้าคนเป็นหลานนิ่ง สายตาที่ดุดันและรอยยิ้มเสแสร้งทำให้แทนรู้สึกคันไปทั่วตัว รังเกียจ คนคนนี้น่ารังเกียจ

“ไม่ต้อง..ไม่..ผมไม่ต้องการ” เหงื่อที่ไหลไปตามขมับของแทนทำให้ครูซเริ่มกังวล เขาจับบ่ากว้างไว้ทันทีเมื่อเห็นเจ้านายตนเริ่มพูดคำเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา

“อย่ามาทำเป็นอวดเก่งไปหน่อยเลย ที่แกมีทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะฉันคนนี้หรือไง” คุณหญิงรัศมียังพูดกดดันต่อไปเพื่อดูความสัมพันธ์ของหลานตนกับเลขาหนุ่ม เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าร่องรอยตามร่างกายครูซเกิดจากอะไร “ถ้าสิ่งที่ทำให้แกเกลียดพ่อมาจากเรื่องนั้น ฉันขอให้แกลืมๆ มันไปซะ แค่ผู้หญิงต่ำทรามคนเดียวจะไปยึดติดอะไรนักหนา”

“หึ! ผู้หญิงต่ำทรามกับผู้ชายชั่วช้าแบบพ่อน่ะเหรอ” แทนลุกขึ้นถอยห่างจากคุณหญิง หัวเราะอย่างนึกสมเพช ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปคนตรงหน้าก็ยังมีความคิดสกปรกไม่เคยเปลี่ยนทั้งๆ ที่เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นก็เพราะเธอแท้ๆ

“แทนฟ้า! แกไม่มีสิทธิ์มาว่าตาทศ!” คุณหญิงยืนตัวสั่นด้วยความโกรธเมื่อฟังคำพูดเสียดสีลูกชายเธอ

“ถ้าให้ไปกับผู้ชายคนนั้น ผมไม่ไป!” แทนกระชากซองขาวจากมือเลขามาฉีดต่อหน้าต่อตา ทำให้ไฟในใจเธอระเบิดปะทุออกมา

เพี๊ยะ!

ครูซหน้าหันไปตามแรงตบ คุณหญิงรัศมียืนอึ้งที่หนุ่มลูกครึ่งเอาตัวมารับฝ่ามือเธอ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ แทนที่ถูกดึงให้ซ่อนอยู่ข้างหลังยืนกำแขนครูซแน่นด้วยความรู้สึกขยะแขยง อีกแค่นิดเดียวฝ่ามือน่ารังเกียจนั้นก็จะสัมผัสหน้าเขาแล้ว

“ดูท่าทางเลขาคนใหม่จะทำงานได้ดีเกินหน้าที่ไปหน่อยแล้วมั้ง” คุณหญิงรัศมีเหยียดยิ้มมองหน้าครูซด้วยสายตาอำมหิตแต่ชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวเหมือนคนทั่วไป ครูซจ้องกลับไปด้วยท่าทีนิ่งสงบ ไม่มีความลังเลใจหรือสั่นไหวอยู่เลย ทำให้คุณหญิงรู้สึกสนใจไม่ใช่น้อย นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีใครกล้าจ้องตาเธอแบบนี้ แม้แต่แทนที่พยศร้ายขนาดไหนยังไม่กล้าที่จะท้าทาย

“แทนฟ้า...แกต้องไปงานพรุ่งนี้” คุณหญิงเดินเข้ามาใกล้คนทั้งสองมากขึ้น ครูซไม่ได้ถอยหนีแต่จับแทนให้อยู่ข้างหลังตน แทนเองก็กำแขนครูซบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง อาการหอบเริ่มเป็นหนักจนชายหนุ่มตัดสินใจก้มแนบหน้าเข้ากับบ่าของเลขาเพื่อกันไม่ให้ย่าสังเกตเห็น

“นี่ไม่ใช่คำขอแต่เป็นคำสั่ง ถ้าไม่อยากให้คนของแกเดือดร้อนก็จงไปซะ” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยจบก็โยนบัตรเชิญอันใหม่ปาใส่หน้าครูซแล้วก้าวเท้าจากไปด้วยท่าทางข่มอำนาจ เสียงประตูปิดลงดังลั่นตามแรงกระชากของหญิงสูงวัย บ่งบอกได้ดีว่าเธอนั้นโกรธมากเพียงใด

แทนหลับตาขบกรามแน่นจนเอ็นตรงคอขึ้นเป็นเส้น ในใจปั่นป่วนไปหมดด้วยความวิตกกังวล คุณย่าไม่ใช่คนที่สมควรไปต่อกรด้วย เธอทำได้ทุกอย่างที่ต้องการไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

“คุณแทนไหวไหมครับ” ครูซจับมือแทนที่จิกแขนตนออกแล้วดึงให้ไปนั่งลงบนโซฟา ครูซหยิบกระดาษทิชชูเช็ดตามใบหน้าชื้นเหงื่อ ร่างสูงหอบหายใจแรงจนเขาต้องปลดกระดุมสองเม็ดบนออกเพื่อให้อีกฝ่ายหายใจได้สะดวกขึ้นก่อนเดินไปเอาน้ำให้ครัวมาให้ดื่มแก้กระหาย

“นี่ครับ” แทนรับมาดื่มจนหมดแก้วโดยที่ไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มน้อยๆ จากครูซ ปกติเขายื่นอะไรไปแทนมักปัดทิ้งตลอดแต่ตอนนี้...

“ทำบ้าอะไร!” อยู่ๆ แทนก็โวยวายขึ้นมาทำให้ครูซหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“ครับ?” ครูซมองตามแทนที่เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงหายไปในห้องนอนแล้วกลับออกมาพร้อมของในมือ

“ทำแบบนี้ทำไม” ครูซเข้าใจในทันทีเมื่อแทนยื่นกล่องยามาให้ตน

“ก็ผมสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ให้ใครมาโดนตัวคุณ” ครูซนั่งลงกับพื้นหยิบสำลีขึ้นมาพร้อมใส่ยาเตรียมทำแผลที่มือแทน ที่เขาเลือกทำให้คนตรงหน้าก่อนเพราะเลือดสีสดไหลออกมาจากรอยแผลเก่าที่ไม่หายสักที ส่วนปากเขาถึงจะแตกแต่ไม่ได้เจ็บมากมายไว้ค่อยทำทีหลังก็ได้

“!!” แทนตกใจกับสัมผัสอุ่นที่จับข้อมือเขาไว้แน่น ชายหนุ่มกำลังจะสะบัดออกแต่เมื่อสบเข้ากับสายตาจริงใจและรอยยิ้มปลอบโยนจากครูซ เขาก็เลือกที่จะยอมนั่งนิ่งๆ ให้อีกฝ่ายทำแผลให้ ไม่รู้เพราะอะไรถึงยอมให้จับ ไม่รู้ทำไมอาการสั่นถึงหายไป

สำหรับแทน เขาเชื่อว่าคนใจดี ยิ้มง่าย มักเป็นคนน่ากลัว เมื่อไหร่ก็ตามที่เราตายใจ คนพวกนี้จะทรยศหักหลังได้อย่างเลือดเย็น ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่ทำไมตอนนี้เขาถึงปล่อยให้ครูซล้ำเส้นเข้ามาเรื่อยๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกเชื่อใจขึ้นมาอย่างที่ไม่ควรจะเป็น เพราะอะไรกัน แทนมองใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งที่ดูตั้งอกตั้งใจในการทำแผลให้เขามาก มือเรียวสัมผัสอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าเขาจะแตกสลายถ้าทำแรงเกินไป ไม่เข้าใจเลยสักนิด ไม่โกรธ ไม่เกลียดเขาเลยหรือไง เขาทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นแท้ๆ

“เจ็บหรือเปล่า” แทนใช้นิ้วชี้แตะลงบนมุมปากของครูซที่มีเลือดไหลซึมออกมาอย่างลืมตัว พอดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเงยขึ้นมามอง ร่างสูงถึงได้สติชักมือกลับด้วยความตกใจแล้วเบนหน้าหนี มองไปทางอื่นทำเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ผม...ไม่เจ็บครับ” ครูซตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่าแทนจะยื่นมือมาแตะปากตน นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายจับตัวเขาโดยที่ไม่ได้มีอาการผิดปกติ

“มองอะไร” ถามเสียงห้วนเมื่อถูกหนุ่มลูกครึ่งจับจ้องใบหน้าอยู่นาน ครูซหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของเจ้านายหนุ่ม ทำตัวเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำความผิดแล้วโวยวายกลบเกลื่อน

“เลิกมองสักที!” แทนหยิบหมอนปาใส่หน้าครูซด้วยความหงุดหงิด พลางถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงนอนหันหน้าเข้าพนักพิงเพราะไม่อยากเห็นรอยยิ้มสดใสจากอีกฝ่าย

“รู้ตัวไหมครับว่าคุณแทนน่ารักขึ้นเยอะเลย” ครูซก้มกระซิบข้างใบหูที่แดงก่ำ แม้รู้ว่าถ้าพูดออกไปจะทำให้แทนไม่พอใจแต่เขาก็รู้สึกอดใจไม่ไหวจริงๆ 

“หุบปาก!!”

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 9

“พี่ครูซ” เสียงเรียกพร้อมแขนเรียวที่รัดรอบเอวทำให้ชายหนุ่มยิ้มรับ

“ว่าไง” ครูซยกมือขยี้ผมนุ่มอย่างเอ็นดู

“คิดถึงจังเลย” น้องสาวตัวน้อยของครูซปีนี้ก็จะอายุสิบเจ็ดปีแล้วแต่ยังชอบอ้อนเหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด เค้กเป็นเด็กติดพี่เพราะครูซเลี้ยงมาตั้งแต่จำความได้ เธอเป็นคนขี้อายไม่ใช่คนช่างพูดนัก เพื่อนเลยน้อยตามไปด้วยแต่เด็กสาวไม่เคยใส่ใจ เพราะตอนนี้เธอมีทุกอย่างที่เคยต้องการแล้ว มีพี่ มีแม่ มีบ้าน ในชีวิตเธอมีแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

“ช่วงนี้ทำงานหนักไปหรือเปล่าลูก” ครูซมองแอนนี่ที่ทำหน้ากังวลใจไม่ยอมทานข้าวเช้าเสียที

“ไม่หรอก แม่อย่าคิดมากสิ” ครูซยิ้มแล้วตักกับข้าวใส่จานให้แม่ตน แอนนี่พยักหน้ารับแต่ในใจก็ยังกังวลอยู่ดี ตั้งแต่ลูกชายเธอได้งานใหม่ครอบครัวเธอก็แทบไม่ได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักเท่าไหร่

“เจ้านายพี่เขาใจดีเท่าพี่ขิมไหม” เสียงสงสัยจากน้องสาวทำให้ครูซอดที่จะนึกขำไม่ได้

“อืม...ใจดีมาก” ครูซส่ายหน้ายิ้มๆ กับความคิดของตน การกระทำของคุณแทนไม่ได้ใกล้เคียงกับคำนี้เลยแต่ทำไมไม่รู้เขาถึงคิดว่าอีกฝ่ายใส่ใจกับทุกสิ่งมากกว่าที่เห็นและดูจะใจดีในแบบที่คนอื่นไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

“เป็นผู้ชายใช่ไหม?” เค้กมองหน้าพี่ชายตัวเองด้วยความแปลกใจ ปกติพี่ครูซยิ้มบ่อยอยู่แล้วแต่ว่าครั้งนี้ดูจะพิเศษกว่าครั้งไหน คนที่ทำให้ดวงตาพี่ชายเธอเป็นประกายเหมือนเจอของถูกใจขนาดนี้ จะเป็นคนแบบไหนกันนะ

“ทำไมน้องดูสนใจจัง หื้ม?” ครูซยกมือลูบแก้มนิ่มอย่างหยอกล้อ

“เค้กกลัวพี่ครูซชอบเขามากกว่าพี่ขิมนี่” ครูซชะงักมือลงทันทีเมื่อฟังคำตอบจากน้องสาว

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าพี่กับคุณขิมไม่ได้เป็นอะไรกัน” ครูซรู้สึกหนักใจไม่น้อยที่น้องสาวตนดูจะชอบเขมิกาเจ้านายเก่าของตนมาก

“แต่พี่ขิมรักพี่ครูซ!” เด็กสาวน้ำตาคลอมองหน้าพี่ชายอย่างน้อยใจที่อีกฝ่ายพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเข้มเชิงดุ

“พอๆ อย่าทะเลาะกันเวลากินข้าว” แอนนี่ร้องห้ามสองพี่น้องที่ทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้อีกแล้ว ตลอดสองปีที่ทำงานกับเขมิกามาเธอมักเข้าทางน้องสาวของเขาอยู่เสมอ เค้กเป็นเด็กเข้าหาคนไม่เก่งจึงทำให้ไม่มีเพื่อน วันๆ อยู่แต่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปไหน พอมีใครมาตามใจคอยพาไปเที่ยวด้วยเป็นประจำทำให้เค้กนั้นติดเขมิกามาก ตอนเขาจะลาออกน้องสาวถึงขั้นร้องไห้ไม่พูดด้วยอยู่เป็นอาทิตย์จนครูซต้องให้แม่ช่วยกล่อมให้ถึงกลับมาคุยกันได้ตามปกติ

อันที่จริงเขาลาออกจากงานเก่าเพราะอีกฝ่ายรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเกินไป ครูซรู้ว่าเขมิกาชอบตนแต่เขาคิดกับเธอแค่เจ้านายเลยตัดสินใจจบปัญหาด้วยการลาออก ตอนแรกก็คิดหนักอยู่เหมือนกันเพราะรายได้หลักของที่บ้านมีเขาคนเดียวที่เป็นคนหา แต่เกิดเหตุการณ์ที่คู่หมั้นของเขมิกามาอาละวาดที่บ้าน ครั้งนั้นจึงเป็นจุดเปลี่ยนของทุกๆ อย่าง เขาตัดสินใจลาออกมาโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ทั้งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดแต่วันนี้กลับต้องไปร่วมงานเปิดตัวบริษัทใหม่ของเธอ เขาคิดไม่ตกเลยว่าจะต้องทำตัวอย่างไรเพราะที่ผ่านมาเขาคงจะทำให้เธอโกรธไม่ใช่น้อย

“น้องรีบกินหน่อย พี่ต้องไปทำงาน” ครูซหยิบกระเป๋าทำงานและข้าวของจำเป็นไปใส่ไว้ในรถ เค้กรีบทานอย่างรวดเร็วก่อนวิ่งตามออกมาในเวลาไม่นานนักเพราะกลัวทำให้พี่ชายไปทำงานสาย

“สวัสดีครับแม่ ฟอด” ครูซไหว้แอนนี่พร้อมหอมแก้มเหมือนทุกทีก่อนออกจากบ้าน คนเป็นแม่ลูบหน้าลูบตาอวยพรให้ก่อนหันมารับไหว้ลูกสาวคนเล็กที่กอดแล้วหอมแก้มเธอเหมือนคนเป็นพี่ไม่มีผิด

“เดินทางดีๆ นะ” แอนนี่ส่งยิ้มให้ลูกๆของเธอก่อนมองตามรถที่แล่นออกไปจนสุดสายตาด้วยความรู้สึกเป็นสุข กว่าจะมีทุกอย่างเช่นวันนี้ได้ครอบครัวเธอต้องผ่านความลำบากมามากมายนัก เธอรู้สึกขอบคุณลูกชายอยู่เสมอที่อดทนและพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าจนขาดช่วงชีวิตวัยเด็กที่สมควรใช้ไป แต่ครูซก็ไม่เคยบ่นให้ได้ยินสักครั้ง มีเพียงรอยยิ้มมอบให้เธอเสมอไม่ว่าเรื่องราวจะแย่เพียงใดก็ตาม

หลังจากที่ครูซไปส่งน้องสาวที่โรงเรียนเสร็จ ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าไปที่คอนโดเจ้านายตนทันที เมื่อวานตอนค่ำแทนมาส่งครูซที่บ้าน ระหว่างอยู่บนรถเลขาหนุ่มได้เล่าว่าเคยทำงานกับเขมิกาให้อีกฝ่ายฟังเผื่อว่าตอนเจอกันจริงๆ จะได้ไม่ลำบากใจเวลาเธอเข้ามาพูดคุยด้วย แทนเพียงรับฟังเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา ครูซจึงถือว่าอีกฝ่ายรับรู้แล้ว

ตู๊ด ตู๊ด

“.......”

“คุณแทนผมรออยู่ข้างล่างนะครับ”

“มาทำไม”

“มารับไงครับ”

“........” สายตัดไปโดยไม่มีตอบรับจากคนในสาย ครูซไม่ได้ถือสาอะไรแค่เก็บโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งซื้อมาใหม่ใส่กระเป๋ากางเกง  ชายหนุ่มนั่งรออยู่ในล็อบบี้พลางทอดมองผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา โดยไม่ได้สังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมายังตนตลอดเวลาตั้งแต่ครูซเดินเข้ามาภายในอาคารแล้ว

กึก

เสียงรองเท้าหนังขัดเงาอย่างดีที่หยุดอยู่ตรงหน้าเรียกสายตาที่เหม่อลอยอยู่ให้หันกลับมาสนใจบุคคลที่ยืนหน้านิ่งถือกระเป๋าเอกสารเต็มสองมือ

“สวัสดีครับ” ครูซยิ้มให้แทนพร้อมลุกขึ้นหยิบของจากอีกฝ่ายมาถือไว้เองทั้งหมด แทนพยักหน้าให้เพียงเล็กน้อยก่อนเดินนำไปยังลานจอดรถด้านข้างที่มีไว้สำหรับบุคคลภายนอก ทั้งคู่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงบริษัท วันนี้แทนดูเงียบผิดปกติจนครูซรับรู้ได้แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่ถามหรือพูดออกไป เพราะไม่อยากไปทำให้แทนหงุดหงิดใจจนทะเลาะกันอีก คนทั้งคู่ใช้เวลาอยู่กับงานของตนที่คั่งค้างมาหลายวันจนลืมดูเวลาว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว กระทั่งนาฬิกาแจ้งเตือนของครูซดังขึ้นบ่งบอกว่าถึงเวลาเตรียมตัวไปงานเลี้ยง เขาถึงเดินไปแจ้งกำหนดการกับแทนที่ก้มหน้าก้มตาจมอยู่ในกองเอกสารด้วยท่าทางเคร่งเครียด

“คุณแทนครับถึงเวลาแต่งตัวแล้ว” แทนที่นั่งตรวจงานอยู่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“หยิบยาหลังตู้ให้หน่อย” ครูซมองเจ้านายตนที่นอนฟุบหน้าลงบนกองเอกสารด้วยท่าทางเหนื่อยล้า เลขาหนุ่มไม่ได้เดินไปหยิบของตามที่เจ้านายสั่งแต่กลับเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแทน

“ปวดหัวเหรอครับ” แทนครางตอบรับในลำคอโดยไม่ได้สังเกตว่าครูซมายืนอยู่ด้านข้าง หนุ่มลูกครึ่งดึงเก้าอี้เลื่อนให้หันมาทางตน แทนที่นอนก้มหน้าอยู่สะดุ้งตกใจเงยขึ้นมามองก็พบเข้ากับใบหน้าของครูซที่อยู่ใกล้มากจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่พ่นอยู่ข้างหู ซึ่งทำให้จู่ร่างกายของแทนหมดแรงลงดื้อๆ

“ผมมีวิธีที่ดีกว่าทานยาอีกนะ” ครูซสบตาแทนแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้

“ออกไป” แทนผลักไหล่ให้ครูซถอยห่างแต่เมื่อเจอปากบางสีสวยพ่นลมใส่หูก็ทำเอามืออ่อนแรงหดไปในทันที ครูซยิ้มขำนิดๆ ก่อนดึงเก้าอี้เลื่อนเข้ามาหาตัวเองแล้วเอื้อมมือไปจับแก้มแทนให้เงยหน้าขึ้น สีหน้าบิดเบี้ยวทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังฝืนทนต่อสัมผัสขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้หยุดมือที่ไล้ไปตามโครงหน้าจนมาหยุดที่ขมับแล้วนวดคลึงเบาๆ ให้แทนผ่อนคลาย

“ไม่ต้องคิดอะไร แค่หลับตาแล้วหายใจเข้าออก” สัมผัสอุ่นกับเสียงนุ่มของครูซทำให้แทนสับสน ในใจเขาคิดรังเกียจแต่ร่างกายกลับนั่งเฉยไม่ผลักอีกฝ่ายออกเหมือนที่ควรจะเป็น

“ไม่ต้องกังวล หายใจสบายๆ” ครูซมองแทนที่ค่อยๆ หลับตาลงอย่างว่าง่ายแล้วรู้สึกดี เขาชอบสีหน้าผ่อนคลายของแทนแบบนี้มากกว่าท่าทีเย็นชา เมื่อนวดไปได้สักพัก ครูซก็เรียกแทนให้ลุกขึ้นไปแต่งตัว แทนทำตามไม่ได้มีท่าทีต่อต้านทำให้ครูซแปลกใจไม่น้อยแต่เขาไม่คิดจะทักออกไปให้เรื่องเสียจึงได้แต่ยิ้มกับพฤติกรรมประหลาดของคนหน้านิ่ง

“คุณแทนจะใส่ของทั้งหมดนี่ลงในกระเป๋าเสื้อไม่ได้นะครับ” ครูซมองสารพัดสิ่งทำความสะอาดที่แทนยัดใส่กระเป๋าเสื้อสูทจนมันโป่งออกมาเป็นรอยขวดแอลกอฮอล์

“งั้นเอากระเป๋าถือมา” แทนหันไปชี้กระเป๋าเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ครูซมองตามแล้วส่ายหน้ารีบร้องห้ามความคิดสุดพิลึกนี้ทันที

“เราไปงานเลี้ยงนะครับ” สายตาคมมองกลับมาอย่างไม่พอใจ ไอ้นู่นก็ไม่ได้ไอ้นี่ก็ไม่ได้ เขาเลี่ยงงานพวกนี้มาได้โดยตลอดทำไมต้องมาพลาดท่ายายแก่นั่นคราวนี้ด้วยก็ไม่รู้

“งั้นแบ่งมาให้ผมเถอะครับ ถ้าจะใช้ค่อยมาเอา” ครูซล้วงมือเข้าไปหยิบของออกมาจากเสื้อสูทที่แทนสวมอยู่ ร่างสูงขยับออกห่างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สะบัดตัวออก ครูซหยิบออกมาแบ่งเอาที่จำเป็นจริงๆ ไป ส่วนที่ไม่สมควรเอาไปก็นำออก เช่น สเปรย์ฆ่าเชื้อ ถุงมือ หน้ากากอนามัย เมื่อจัดการกับการแต่งตัวและรายงานรายละเอียดของงานให้แทนฟังเสร็จ ครูซก็ขับรถพาเจ้านายไปยังโรงแรมหรูใจกลางเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก งานในครั้งนี้มีสื่อมวลชนมาทำข่าวมากมายเพราะมีแต่คนดังมาร่วมงานค่อนข้างเยอะ

“ผมจะไม่เข้างานจนกว่าจะถึงเวลาเปิดตัว” แทนพูดพลางมองไปยังประตูทางเข้างานที่มีผู้คนเดินเบียดเสียดเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

“ไม่ได้หรอกครับ” ครูซลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้แทน เจ้านายหนุ่มถอดหายใจก่อนก้าวเท้าลงมาด้วยท่าทีที่ไม่เต็มใจนัก

“คุณแทนครับ” ครูซเรียกแทนที่เหม่อลอยไม่ยอมขยับตัวเดินสักที แทนที่ได้สติก็เดินนำไปโดยมีครูซเดินตามหลัง ระหว่างทางที่ชายหนุ่มก้าวไป เขาสามารถเรียกสายตาจากผู้คนทั่วบริเวณ ด้วยรูปร่างหน้าตาและการเป็นคนในตระกูลดังทำให้นักข่าวพากันกดชัตเตอร์จนเกิดแสงแฟลชจากทั่วสารทิศกระหน่ำสาดใส่คนทั้งคู่ แทนตาพร่าจากแสงสว่าง กลิ่นสาบของผู้คนทำให้เขามึนหัว เสียงตะโกนถามดังมาไม่ขาดสายแต่เขากลับฟังไม่รู้เรื่อง ร่างกายโซเซ ขาสองข้างหมดแรงที่จะก้าวเดินต่อไป ครูซเห็นสีหน้าเจ้านายตนไม่ค่อยดีเท่าไหร่จึงรีบกันพวกสื่อที่ต่างเดินเข้ามาหาพร้อมยิงคำถามใส่มากมาย

“ขอโทษนะครับ วันนี้ไม่สะดวก” ครูซหันไปบอกสื่อแล้วโอบตัวแทนที่ถูกเบียดจนเริ่มมีอาการสั่น เลขาหนุ่มเดินแทรกผู้คนโดยเอาตัวเองเป็นเกราะบังไม่ให้ใครเข้าถึงตัวแทน ครูซฝ่าฝูงชนมาในงานได้ก็รีบพาแทนไปเข้าห้องน้ำทันที

“อ้วก!” แทนพุ่งตัวไปอาเจียนในห้องน้ำด้วยความพะอืดพะอม ครูซเข้าไปใกล้แล้วลูบแผ่นหลังกว้างให้ผ่อนคลาย แทนยืนอาเจียนจนหมดแรงก็ทรุดนั่งพิงขาครูซที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

“ไหวไหมครับ” ครูซก้มลงประคองแทนให้ลุกขึ้นแล้วพาไปล้างหน้าล้างตา

“เอายามา” แทนยื่นมือสั่นๆ ค้นตามกระเป๋าเสื้อสูทสีเข้มของครูซ ครั้งนี้เลขาหนุ่มรู้ว่าอาการของอีกฝ่ายหนักเกินกว่าที่จะทนได้เขาจึงไม่ห้ามเหมือนทุกที แต่เป็นคนหยิบออกมาแล้วยื่นให้เองเลย

“เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้แต่ต้องเลิกข่วนตัวเองก่อน” ครูซบอกพลางจับมือขาวที่เกามือตัวเองจนเป็นรอยแดง

“รีบมา” แทนพยักหน้าหลับตาพยายามห้ามความรู้สึกขยะแขยงที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ครูซเร่งเท้าเดินออกไปขอน้ำขวดจากจุดบริการเครื่องดื่มในงานแต่ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจะมุ่งหน้ากลับไปหาเจ้านายตนต้องหยุดชะงักลงเพราะหญิงสาวที่ยืนขวางทางอยู่

“สวัสดีครับคุณขิม” ครูซยกมือไหว้แต่เธอกลับทำหน้าบึ้งตึงใส่

“ไม่คิดจะเข้ามาทักทายกันเลยใช่ไหม” เขมิกาเห็นครูซตั้งแต่เดินเข้างานมาแล้ว เธอเฝ้ามองตามหนุ่มลูกครึ่งอย่างจับจ้องหวังให้หันกลับมามองเธอบ้างแต่ครูซกลับไม่แม้จะชายตาแลเลยด้วยซ้ำ

“ผมขอโทษครับ” ครูซเอ่ยออกไปด้วยความร้อนใจที่ปล่อยให้แทนอยู่ในห้องน้ำคนเดียวนานๆ สีหน้าและท่าทางเร่งรีบของคนตรงหน้าทำให้เขมิกาสงสัยอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มคอยมองออกไปนอกงานตลอดเวลาแม้จะยืนคุยกับเธออยู่ก็ตาม

“ครูซเป็นอะไรจะ... // ผมขอตัวก่อนนะครับ!” ครูซยอมเสียมารยาทพูดตัดบทเขมิกาแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็วทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียหน้าเพราะเมื่อครู่มีสายตาจ้องมองทั้งคู่อยู่มาก เธออายจนต้องเดินกลับไปหาพ่อตัวเองที่นั่งมองตั้งแต่เธอลุกจากโต๊ะไปหาเลขาเก่าแล้ว

“ถ้าคนมันไม่ใช่ก็อย่าไปฝืนเลย” น้ำเสียงห่วงใยจากเจ้าสัวโชติไม่ได้ทำให้เขมิกาได้สติขึ้นมา เธอเพียงนั่งขบฟันอย่างเจ็บใจ พลางคิดหาวิธีที่จะทำให้ครูซรักเธอให้ได้

ครูซที่วิ่งมาถึงห้องน้ำกลับไม่เจอแทนอยู่ในนั้น ชายหนุ่มเดินวนไปวนมาอย่างกังวลใจก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาอีกฝ่าย

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

“....”

“คุณแทนอยู่ไหน!” ครูซยืนขมวดคิ้วแน่น เขาร้อนใจและรู้สึกผิดที่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน

“มาหาหน่อย” เสียงหอบหายใจแรงของแทนยิ่งทำให้ครูซเป็นห่วง

“อยู่ไหนครับ” ครูซถามย้ำอีกครั้ง

“ระเบียงฝั่งขวา”
เมื่อได้คำตอบครูซก็รีบวิ่งไปหาอีกฝ่ายทันที เลขาหนุ่มมาถึงก็เห็นแผ่นหลังกว้างนั่งหลบมุมอยู่ที่ริมระเบียงห่างจากคนอื่น

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” แทนไม่ตอบแต่คว้าน้ำจากมือครูซมาเปิดแล้วดื่มตามหลังกินยาลงไป มือสั่นเทาทำให้น้ำจากขวดไหลเปียกไปตามคอและเสื้อจนชุ่มไปหมด ครูซหยิบผ้ามาเช็ดตามใบหน้าที่ชื้นเหงื่อ

“ทำไมถึงออกมาข้างนอกล่ะ” ครูซเช็ดไปตามลำคอและเสื้อที่เปียก แทนหลับตานิ่งไม่ตอบ ครูซก็ไม่คิดจะถามต่อจนผ่านไปสักพักแทนก็พูดออกมาเอง

“เจอผู้ชายคนนั้น เขาเข้ามาทัก...รังเกียจ” ครูซรู้ในทันทีว่าคนที่แทนพูดถึงคือใคร เพราะมีไม่กี่คนที่ทำให้แทนควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้

“คุณทศพล... // อย่าพูดถึง!” ครูซกำลังจะถามต่อแต่แทนร้องห้ามออกมาเสียก่อน เลขาหนุ่มจึงปิดปากเงียบลงไม่ได้เอ่ยอะไรที่ทำให้เจ้านายไม่สบายใจอีก

“ผมโอเคแล้ว...เข้างานเถอะ” แทนที่เริ่มผ่อนคลายจากอาการตึงเครียดเป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินนำเข้าไปในงานเอง เมื่อทั้งคู่เข้ามาก็เลยเวลาเปิดตัวไปแล้ว แทนไม่ได้เข้าไปนั่งยังโต๊ะที่จัดไว้ให้สำหรับบริษัทเพราะมีทศพลนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาเลือกเดินไปบริเวณโต๊ะแถวหลังที่มีไว้เพื่อรองรับแขกที่มาเพิ่ม

“สวัสดีค่ะคุณแทนฟ้า” น้ำเสียงอันคุ้นเคยทำให้ครูซที่มองสำรวจอาการแทนอยู่หันไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาทักทาย

“สวัสดีครับคุณเขมิกา...ยินดีด้วยกับงานในครั้งนี้นะครับ” แทนฝืนส่งยิ้มการค้าไปให้เหมือนทุกครั้งที่ต้องทำต่อหน้าทุกคน

“ขอบคุณมากค่ะที่มา...แม้จะมาสายก็ตาม” รอยยิ้มที่ปั้นแต่งและคำพูดประชดทำให้แทนรู้สึกหน้าตึงขึ้นมาในทันที เขามีความรู้สึกไม่ชอบคนตรงหน้าเลยจริงๆ

“แต่งานในครั้งนี้คงต้องขอบคุณครูซมากเหมือนกันนะคะ ที่ร่วมกันสร้างขึ้นมาแต่คงจะดีกว่านี้ถ้าเธอกลับมาอยู่กับพี่...ใช่ไหมคะคนเก่ง” มือเรียวเล็กยกขึ้นมาจับไหล่ครูซด้วยท่าทางสนิทสนม ครูซยิ้มรับตามมารยาทแล้วขยับตัวออก แทนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เขาไม่ชอบที่ผู้หญิงคนนี้มาแตะตัวครูซด้วยท่าทางน่ารังเกียจ

“เมื่อก่อนนะครูซเขาน่ารักมากเลย เวลาขิมไม่สบายก็ตามมาดูแล วันพิเศษก็มีของขวัญมาเซอร์ไพรส์ตลอด” เขมิกาพูดด้วยท่าทางมีความสุข เธอจงใจที่จะพูดให้ตัวเองดูพิเศษสำหรับครูซ ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าผู้หญิงหลายคนที่เข้าหาครูซนั้นไม่มีใครน่ากลัวเท่าแทนฟ้าสักคน อาจจะเพราะคนเหล่านั้นไม่เคยได้รับสายตาแบบนี้จากครูซ...สายตาที่พิเศษกว่าคนอื่น

“แล้วน้องเค้กเป็นไงบ้าง ช่วงนี้บ่นคิดถึงพี่บ่อยๆ พี่เองก็อยากเข้าไปหาอยู่เหมือนกัน” แทนยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิด เขาไม่ชอบน้ำเสียงและสายตาของหญิงสาวที่ใช้พูด ครูซสังเกตแทนที่เริ่มปล่อยบรรยากาศมาคุออกมาเรื่อยๆ จนเขารู้สึกอยากพาอีกฝ่ายกลับคอนโดซะเดี๋ยวนั้น

“ครูซ!”

“ครับ” ครูซที่มัวแต่มองแทนอยู่ไม่ได้ตอบคำถามเขมิกา เธอจึงแสดงท่าทีโกรธออกมา ผู้คนในงานเริ่มหันมาสนใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้มากขึ้นเพราะน้อยครั้งที่จะเห็นคนลึกลับอย่างแทนออกงานและน้อยครั้งที่จะเห็นเขมิกาเข้าไปทักทายผู้ชายคนอื่นก่อน

“เค้กบอกพี่ว่าครูซทำงานหนักกลับบ้านดึกทุกวัน ตอนอยู่กับพี่ พี่ยังไม่เคยทำให้ครูซเหนื่อยขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ ครูซจะทนไปทำไม! กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมเถอะนะ” เขมิกาโยนความอายยอมเสียศักดิ์ศรีที่เคยมีมากมายต่อผู้ชายหลายคนให้ครูซคนเดียว เธอยอมทุกอย่างหากจะได้ชายหนุ่มมาครอบครอง

“ผมเต็มใจที่จะทำครับแล้วก็ไม่ได้เหนื่อยอย่างที่คุณขิมคิด” ครูซพูดออกไปด้วยความรู้สึกที่มีต่อแทน  ทุกวันนี้แม้จะมีเรื่องราวที่มันหนักหนาเข้ามาแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ครูซรู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยจนสู้ไม่ไหว เขาชอบที่จะดูแลและเฝ้าดูคนหน้านิ่งที่มีหลากหลายมุมที่คนอื่นไม่เคยเห็น ยกเว้นเขา...เพียงคนเดียว

“ถ้าเรื่องคู่หมั้นไม่ต้องห่วงนะ พี่เลิกกับเขาแล้ว” เขมิกาเอื้อมมือมาจะจับข้อมือครูซแต่แทนที่จ้องอยู่ก่อนแล้วรีบปัดมือเรียวออกไปอย่างแรงจนทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ตกใจกับการกระทำนั้นไม่น้อย

“ทำอะไรของคุณ!”

“สกปรก” แทนพูดออกด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่ดวงตากลับจ้องมองอย่างดุดันจนเขมิกาไม่กล้าที่จะตอบโต้ออกไป ครูซที่เห็นคนในงานเริ่มหันมาสนใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ก็รีบลุกขึ้นบังแทนจากสายตาผู้คนทันที

“กลับกันเถอะครับ” ครูซจับลงบนไหล่กว้างแต่กลับถูกสะบัดออกอย่างแรงจนชายหนุ่มหน้าเสีย “คุณแทน” ครูซเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงนักยิ่งทำให้เขมิกามั่นใจมากขึ้นไปอีกว่า แทนฟ้าคงมีความสำคัญต่อครูซไม่มากก็น้อย

“อย่าเพิ่งจับ” แทนพยายามห้ามเสียงตัวเองไม่ให้สั่น เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ ไม่ชอบสายตาผู้คนที่จับจ้องมา ไม่ชอบสัมผัสที่โดนมือหญิงสาวตรงหน้า เขาเกลียด...เกลียด! ครูซที่เห็นท่าทางของแทนก็รู้ในทันทีว่าเจ้านายหนุ่มกำลังควบคุมตัวเองไม่อยู่

“ผมขอตัวนะครับ” ครูซก้มหัวให้เขมิกาก่อนฉุดแขนแทนให้ลุกขึ้นยืน

“ปล่อย!” แทนสะบัดตัวออกแต่ครูซไม่ยอมปล่อยคว้าตัวแทนมาโอบไว้แล้วรีบประคองออกจากงานเพราะบรรดาไฮโซที่ยืนมองอยู่เริ่มหันไปนินทากระซิบกระซาบกันแล้ว ครูซดึงรั้งแขนกับแทนจนมาถึงรถก็โดนอีกฝ่ายกระชากคอเสื้อกระแทกเข้ากับประตูรถเต็มแรงจนจุกท้อง

ผลัก! ตึง!

“คุณแทนผมเจ็บ” ครูซร้องบอกไปแต่ก็ไม่ได้ผลักแทนออก เขาเลือกที่จะยกมือโอบแทนเข้ามากอดไว้เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ใช้ได้ผลเวลาคนหน้านิ่งสติหลุด แทนที่ยืนตัวสั่นในตอนแรกอยู่ๆ ก็อ้าปากกัดซอกคอเนียนของครูซเต็มแรงด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หนุ่มลูกครึ่งสะดุ้งสุดตัวด้วยความเจ็บปวดแต่ก็น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธอีกฝ่ายที่ทำร้ายร่างกายตนเลยแม้แต่น้อย

“ใจเย็นๆ” ครูซไม่ได้ห้ามการกระทำป่าเถื่อนของแทน เขาแค่ยกมือลูบผมสีนิลเบาๆ เป็นการปลอบโยน ผ่านไปสักพักร่างสูงก็คลายปากออกแล้วเลียเลือดที่ไหลซิบออกมาให้จนหยุดไหล

“อย่าทำอีก” แทนก้มหน้าซบไหล่ครูซพร้อมจิกแขนอีกฝ่ายแน่นเหมือนเป็นการออกคำสั่งมากกว่าคำขอร้อง

“อย่าให้ใครมาโดนตัวคุณอีก...ผมไม่ชอบ!”

TBC.


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 10

 “อึก...แฮ่ก” ร่างสูงของแทนนอนดิ้นระส่ำระสายไปมาอยู่บนเตียงกว้างด้วยใบหน้าชื้นเหงื่อ ความฝันที่เหมือนดังความจริงในอดีตคอยตามหลอกหลอนทุกครั้งยามชายหนุ่มหลับตาลง ความทุกข์ทรมานจากการถูกทำร้ายและหักหลังจากคนที่ไว้ใจมักถูกฉายซ้ำในห้วงนิทรา คอยตอกย้ำความโหดร้ายที่เขาเคยพบเจออยู่เสมอ



“แทนฟ้ามาหาคุณแม่หน่อยสิครับ” เด็กน้อยในวัยหกขวบวางสมุดวาดภาพในมือลงแล้วเดินไปหาหญิงสาวซึ่งยืนยิ้มโบกมือเรียกหา แต่เมื่อมาถึงโซฟาในห้องนั่งเล่นก็พบว่าไม่ได้มีเพียงแม่ของตนอยู่เท่านั้น ในห้องนี้ยังมีผู้หญิงหน้าตาคล้ายแม่นั่งอยู่ด้วย ดวงตาสีนิลมองด้วยความสนใจเพราะน้อยครั้งที่จะมีใครเข้ามาในบ้านหลังนี้ การปรากฏตัวของหญิงสาวแปลกหน้าจึงเป็นสิ่งน่าตื่นเต้นสำหรับเด็กน้อย

“นี่น้องสาวคุณแม่ ชื่อน้าเบลนะจ๊ะ” ไพลินผู้เป็นแม่จับแขนเล็กของลูกชายดึงเข้ามาหาน้องสาวที่นั่งลงกับพื้นเพื่อทักทาย

“สวัสดีจ้ะ” รอยยิ้มและสัมผัสนุ่มนวลที่แนบลงบนแก้มนิ่มทำให้ เด็กชายรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนยามที่คุณแม่โอบกอดไว้ สัมผัสแผ่วเบาที่ลูบไล้อย่างเอ็นดู

“สวัสดีครับน้าเบล” เด็กน้อยยกมือไหว้แล้วยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความไร้เดียงสา

“ต่อไปนี้น้าเบลจะมาดูแลน้องแทนตลอดเวลาเลยนะ ดีใจไหมครับจะได้มีเพื่อนเล่นด้วยแล้ว” ไพลินอุ้มลูกชายขึ้นมากอดแล้วหอมอย่างรักใคร่ ที่เธอจ้างน้องสาวต่างแม่ที่กำลังลำบากเรื่องเงินมาช่วยดูแลลูกชายก็เพราะว่าช่วงนี้เธอมักไม่ค่อยว่างอยู่ดูแลเนื่องจากต้องตามสามีไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง เธอจึงกลัวลูกจะเหงาจึงตัดสินใจเรียก น้ำเพชรหรือเบล น้องสาวที่ห่างกัน 3 ปี มาช่วยเลี้ยงลูกชายของเธอที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าสังคม

แทนฟ้า เป็นเด็กฉลาดมีไอคิวสูงกว่าเด็กทั่วไป แต่กลับเป็นคนพูดน้อยและขี้อายมาก ทำให้ลูกชายเธอไม่มีเพื่อนเลย แทนฟ้ามักเล่นอยู่คนเดียวและพูดแค่กับคนใกล้ตัวเท่านั้น หากไม่มีเธออยู่ด้วย เด็กน้อยก็แทบไม่อ้าปากพูดกับใครก่อน

“น้องแทนชอบทานเค้กไหม วันนี้น้าเบลเอามาด้วยนะ” ไพลินมองน้องสาวกับลูกชายเธอด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่ทั้งคู่เข้ากันได้ดี ลูกชายเธอดูเหมือนจะพอใจกับพี่เลี้ยงคนใหม่อยู่ไม่น้อย

“ขอบใจนะที่มาช่วยดูแลแทนฟ้า” ไพลินลูบหัวน้องสาวที่ไม่ค่อยได้พบกันสักเท่าไหร่ เพราะที่จากที่พ่อกับแม่เธอเลิกรากันแล้ว เธอนั้นอยู่กับแม่ส่วนพ่อแต่งงานมีครอบครัวใหม่

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...เบลเต็มใจ” สายตาที่หญิงสาวมองไปยังเด็กน้อยไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ามันไปเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความแค้น

หลังจากนั้นไม่นานน้ำเพชรก็ย้ายมาอยู่บ้านพี่สาวถาวร โดยมีหน้าที่เลี้ยงแทนเป็นหลัก เด็กน้อยติดน้าสาวมากเพราะเธอใจดีและนอนกอดเขาทุกคืน ไม่ต้องเหงาเหมือนเมื่อก่อนที่พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน

“น้องแทน เรามาเล่นอะไรสนุก ๆ กันดีกว่า” เด็กน้อยที่นั่งทำการบ้านอยู่เงยหน้าขึ้นมามองน้าสาวอย่างสนใจ

“เล่นครับ” น้าสาวแสยะยิ้มมุมปากก่อนรั้งเด็กน้อยมานั่งบนตักตนซึ่งหลานชายก็เอามือเกาะไหล่ไว้กันตกด้วยความเคยชิน

“ไหนลองอ้าปากสิ” สิ้นคำสั่ง ปากน้อย ๆ ก็ค่อย ๆ อ้าออกอย่างว่าง่าย ก่อนที่นิ้วเรียวสวยจะสอดเข้าไปในปากแล้วใช้นิ้วบีบคลึงลิ้นนิ่มไว้แล้วคลายออก

“อืม นะ น้า อื้ม” เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าน้าสาวกำลังทำอะไรแต่เขาไม่ได้รู้สึกสนุกกับสิ่งที่เล่นอยู่เลยจึงพยายามสะบัดหน้าให้หลุดจากมือที่บีบประคองหน้าไว้อย่างแรงจนเด็กน้อยรู้สึกเจ็บกรามไปหมด

“อย่าดิ้น!” เสียงตวาดทำให้แทนตกใจจนเผลอขบฟันลงเข้ากับนิ้วที่อยู่ในปาก

เพี๊ยะ!

ใบหน้าเล็กสะบัดอย่างแรงจากแรงตบของน้าสาวที่นั่งกุมมือมีเลือดซิบออกมา

“ฮือ ๆ” เด็กน้อยเอานิ้วแตะมุมปากตัวเองมาดูเมื่อเห็นเลือดก็ร้องไห้อย่างเสียขวัญ

“หยุดร้อง!”​ น้าสาวเอามืออุดปากหลานชายตัวเองไว้เพื่อกลบเสียงร้องที่เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอกลัวใครมาได้ยินเข้า แทนเริ่มดิ้นออกจากอ้อมแขนของหญิงสาว

“น้าเบลขอโทษ หยุดร้องเถอะนะเด็กดี” น้ำเสียงปลอบโยนกับมือนิ่มที่ลูบหลังอยู่ทำให้เด็กน้อยสงบลง

“โอ๋ๆ เด็กดีของน้า” หญิงสาวประคองหน้าหลานชายให้เงยขึ้นก่อนก้มไปเลียรอยเลือดที่เปื้อนตรงมุมปากจนหมดสิ้น

“ฮือ...แทนเจ็บ” เด็กน้อยกุมแก้มตัวเองไว้ แม้จะกลัวน้าสาวแต่เขาก็รักเธอมากเหมือนกัน ด้วยความเป็นเด็กจึงแยกไม่ออกว่าสิ่งไหนควรเข้าหาหรือถอยห่าง

“น้าจะเลียรักษาให้ อ้าปากสิ” เด็กน้อยกลัวเหตุการณ์จะกลับไปเหมือนเมื่อครู่จึงขบริมฝีปากไว้แน่นไม่ยอมเปิดปากตามที่น้าสาวสั่ง

“อยากโดนตบอีกใช่ไหม!” ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวก่อนอ้าปากออกทันทีที่เห็นฝ่ามือง้างขึ้นสูง

“อะ อื้ม!” ดวงตาสีนิลเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อน้าสาวสอดลิ้นเข้าในปากตน เด็กน้อยดิ้นสุดกำลังแต่ต้องหยุดลงเพราะแรงจิกกระชากผม ลิ้นอุ่นที่ชอนไชไปทั่วในโพรงปากทำให้แทนรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ตรงคอ เขาหายใจไม่ออก มันอึดอัดและทรมาน




“ฮือๆ ไม่!” ร่างสูงสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้าย แทนลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาเจียนแต่สิ่งที่ออกมากลับมีแต่น้ำย่อยเพราะชายหนุ่มไม่ได้ทานข้าวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขามัวแต่วุ่นวายอยู่กับงานเลี้ยงบ้าๆ นั่นจนไม่มีเวลาไปทำกับข้าว มาถึงห้องแทนก็อาบน้ำนอนทันทีด้วยความเพลีย

“โอ๊ย!” ความปวดที่พุ่งขึ้นมาในท้องทำให้แทนทรุดตัวไปนอนกับพื้นห้องอย่างหมดแรง ชายหนุ่มปวดแสบไปหมดจนรู้สึกทรมาน เขานอนกุมท้องอยู่สักพักให้อาการมันทุเลาลงจึงค่อยๆ คลานไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรออกโดยไม่ทันได้คิดว่าจะโทรหาใครแต่ปลายนิ้วมือกลับกดหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจ

ตู๊ด ตู๊ด

“ครับคุณแทน” เสียงงัวเงียของครูซทำให้แทนรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อยที่โทรไปปลุกตอนตีห้า

“ปะ...ปวดท้อง”

“เป็นหนักหรือเปล่าครับ!” ครูซที่ได้ยินน้ำเสียงขาดๆ หายๆ ของแทนก็ตื่นเต็มตาขึ้นมาทันที

“มันแสบ”

“ผมจะรีบไปถือสายรอไว้นะ” แทนล้มตัวนอนบนเตียงมือกุมท้องไว้แน่น เขาได้ยินเสียงจากปลายสายเรียกอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มตอบกลับบ้างเงียบไปบ้างเพราะอีกฝ่ายถามถี่จนเริ่มรู้สึกรำคาญ

“คุณแทนครับ”

“หุบปากแล้วรีบมาหาผมซะ!” แทนกดวางสายแล้วฝังหน้าลงกับหมอน เขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลงเลยสักนิด

ครูซที่ถูกตัดสายก็ยิ่งกังวลใจกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป เขาเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วที่สุดในชีวิตโดยที่ไม่คิดเลยว่าตนเองจะกล้าทำ ถนนในยามใกล้รุ่งไม่มีรถวิ่งมากนักทำให้ชายหนุ่มมาถึงคอนโดเจ้านายตนไวกว่าปกติมาก เมื่อมาถึงครูซก็รีบวิ่งขึ้นลิฟต์ด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ดีที่ครั้งก่อนคุณแทนให้เขาลงรายชื่อบุคคลที่สามารถเข้าออกที่นี่ไว้จึงไม่ต้องถูกตรวจสอบก่อนขึ้นมาเหมือนทุกที

ติ๊ด

มือเรียวกดรหัสตัวเลขที่จำได้ขึ้นใจก่อนรีบวิ่งตรงไปที่ห้องนอนทันที

“คุณแทน!” ครูซตกใจกับสภาพของเจ้านายตนที่นอนอาเจียนเป็นเลือดเปื้อนไปทั่วเตียง ครูซวิ่งไปประคองศีรษะของแทนไว้บนตักตัวเองแล้วตรวจวัดชีพจรที่ดูเหมือนจะเต้นช้าลงกว่าปกติ

“คุณแทนตอบผมหน่อย” ครูซลูบแก้มแทนแผ่วเบา พยายามรั้งสติอีกฝ่ายไว้ไม่ให้หลับไปเสียก่อน แทนที่สมองเบลอไปหมดคว้ามืออุ่นกำไว้แน่นอย่างหาที่พึ่งก่อนอาเจียนออกมาอีกครั้ง

“อ้วก! อึก แฮ่ก ปะ..ปวด” ความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นทำให้น้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย ครูซเห็นสีหน้าของแทนก็รู้สึกสงสารจับใจ เขาตัดสินใจอุ้มแทนขึ้นแม้ว่าจะลำบากหน่อยเพราะด้วยรูปร่างและส่วนสูงที่แทบไม่ต่างกันเลย ครูซอุ้มแทนลงลิฟต์ด้วยความทุลักทุเล

“คุณแทนอดทนไว้นะ” ครูซพูดปลอบแทนที่นอนร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนตน แทนเกร็งตัวจนครูซรับรู้ได้ เหมือนว่าอีกฝ่ายพยายามอดกลั้นลมหายใจเพื่อลดความเจ็บปวดบริเวณท้อง

“ครูซ อึก เจ็บ..ครูซ” แทนที่ได้ยินเสียงอ่อนโยนก็ร้องเรียกออกมาไม่หยุด มือขาวกำขยุ้มชุดนอนของครูซจนยับยู่ยี่เพื่อระบายความทรมาน ครูซจึงจูบลงบนขมับเพื่อปลอบให้แทนรู้สึกสบายใจขึ้น ให้แทนรับรู้ว่ายังมีเขาอยู่ข้างๆ เมื่อลิฟต์ถึงชั้นล่างครูซก็เรียกยามให้ช่วยเปิดประตูและประคองแทนไปที่รถของตน สภาพเปื้อนเลือดของคนทั้งคู่สร้างความแตกตื่นให้พนักงานไม่น้อย รวมถึงแขกบางรายที่กำลังเตรียมตัวไปทำงานด้วย

“คุณแทนปล่อยผมก่อน” ครูซพยายามรั้งมือขาวที่กอดรัดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย แต่แทนที่สติเริ่มหายไปแล้วไม่ฟังกลับตะกายกอดแน่นกว่าเดิมเสียจนครูซขยับไม่ได้

“พี่ครับ ช่วยขับไปส่งที่โรงพยาบาลหน่อยได้ไหมครับ” ครูซหันไปร้องขอยามที่เข้ามาช่วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบตกลงทันทีเมื่อเห็นแทนเริ่มสำลักเลือดออกมาอีกครั้ง ครูซจับศีรษะแทนวางไว้บนตักตน เขาพยายามเรียกชื่อแทนไว้ตลอดเวลา

“อึก ฮือๆ น้าเบลช่วยแทนด้วย” ครูซมองแทนที่ละเมอเรียกชื่อ น้าเบล ออกมา เขาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญต่อแทนอย่างไรกันแน่เพราะชื่อนี้มักปรากฏออกมาเสมอในเวลาที่อีกคนอยู่ในสภาวะควบคุมตัวเองไม่ได้ ที่เขาถูกอีกฝ่ายทำร้ายก็เพราะเธอคนนี้ แต่ตอนนี้ทำไมกลับเรียกหาไม่ขาดปากกันนะ

“คุณแทน ผมอยู่นี่” ครูซลูบผมแทนปลอบประโลม ชายหนุ่มบีบมือขาวที่ประสานกันไว้แน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นแทนเริ่มดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด ครูซเห็นท่าไม่ดีก็โอบร่างสูงมากอดไว้ทั้งตัวเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายขยับตัวมาก เมื่อมาถึงแทนก็ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันที

“ขอบคุณมากนะครับ นี่เงินค่าเสียเวลา” ครูซหยิบแบงก์สีม่วงจากกระเป๋าเงินให้ลุงยามที่ยิ้มดีใจเอ่ยขอบคุณก่อนขอตัวกลับไปทำงาน

ครูซนั่งบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ตั้งแต่รู้จักกับแทนมาเขารู้สึกว่าตนนั้นเข้าโรงพยาบาลบ่อยเหลือเกิน ชายหนุ่มเริ่มจะไม่ชอบที่นี่ซะแล้วสิเพราะมาเมื่อใดก็มีแต่เห็นอีกฝ่ายเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเห็นใบหน้าเรียบนิ่งมีแต่คราบน้ำตายิ่งทำให้เขารู้สึกอยากดูแลให้ดีจนไม่ต้องให้แทนมาที่นี่บ่อยๆ อีกแล้ว ครูซมองประตูสีขาวที่ปิดสนิทอย่างเหม่อลอย ความเย็นที่มาจากเครื่องปรับอากาศกับบรรยากาศวุ่นวายที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกของผู้คนทำให้เขาเข้าใจขึ้นแล้วว่าทำไมแทนจึงรู้สึกเกลียดโรงพยาบาลขนาดนั้น

เสียงเปิดประตูทำให้ครูซรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย

“คุณเป็นญาติเจ้าของไข้ใช่ไหมครับ”

“ครับ”

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วอีกสักพักเราจะย้ายเข้าห้องพักฟื้นให้ แต่เดี๋ยวคุณตามหมอมาฟังผลด้วยนะครับ” เมื่อหมอบอกรายละเอียดเสร็จก็กลับเข้าไปดูแลต่อ ครูซจึงไปทำเรื่องห้องพักให้แทนและเดินไปฟังผลตามที่นัดไว้กับแพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าแทนเป็นกระเพาะอักเสบจากการทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานบวกกับพฤติกรรมที่ทานข้าวไม่เป็นเวลาและอาเจียนอยู่บ่อยครั้งทำให้มีอาการรุนแรงถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด สิ่งที่ควรทำคือลดปริมาณยาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำเป็นประจำไม่อย่างนั้นอาการจะเป็นเรื้อรังไม่หายขาด

“คุณแทน” ครูซนั่งมองใบหน้าซีดเซียวที่นอนนิ่งหลับตาไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อยู่บนเตียง จะเป็นอย่างไรกันนะถ้าคุณแทนไม่โทรมาหาเขา ยิ่งคิดคิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน

“ขอบคุณนะครับที่นึกถึงผมก่อน” ครูซก้มลงจูบหน้าผากมนแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ เขาโทรบอกพัชชาแล้วอีกสักพักเธอก็คงมาถึง ครูซต้องกลับไปทำงานเพราะเขาหยุดไปเยอะเหลือเกิน งานที่คั่งค้างก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน

“สวัสดีครับ” ครูซที่ออกมาจากห้องน้ำก็เจอพัชชาพอดี เธอรับไหว้แล้วเดินไปดูแทนด้วยความเป็นห่วง

“อีกสักพักใหญ่ๆ กว่าเขาจะฟื้น” ครูซเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง

“ขอบใจเธอมากนะที่ช่วยดูแลคุณแทนอย่างดี” พัชชายิ้มให้ครูซที่มองแทนไม่ได้ละสายตาไปไหน

“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ” ครูซเผลอยกมือลูบใบหน้าแทนตามความเคยชินโดยลืมไปว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงเขาอยู่แค่คนเดียว พัชชามองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ เธอไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้าจับแทนแบบนั้น สายตากับการกระทำที่อ่อนโยนของครูซที่มีต่อแทนมันมากเกินกว่าเจ้านายและเลขาทั่วไป

“ผมขอตัวไปทำงานก่อน ถ้าคุณแทนตื่นกรุณาโทรบอกผมด้วยนะครับ” ครูซก้มหัวให้หญิงสาววัยกลางคนซึ่งเป็นบุคคลเดียวที่เจ้านายตนไม่เคยผลักไสเหมือนที่ทำกับคนอื่น

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะโทรบอกเธอเอง” พัชชายิ้มให้ครูซที่ทำหน้าลังเลใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป



หากคุณแทนจะมีใครสักคนดูแลคอยอยู่ข้างๆ เธอก็รู้สึกดีใจแต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาในรูปแบบนี้ ตัวเธอไม่มีปัญหา แต่คนในครอบครัวคุณแทนไม่น่าจะยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ โดยเฉพาะคุณหญิงรัศมีถ้ารู้เรื่องเข้า เธอต้องวางแผนทำอะไรสักอย่างแน่ๆ ซึ่งคงไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่นัก

พัชชาก็คงได้แต่ภาวนาให้ความสัมพันธ์ในครั้งนี้รอดพ้นสายตาคุณหญิงไปได้ ไม่อย่างนั้นคุณแทนของเธอต้องลำบากแน่นอนหรือไม่เธอคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว

ร่างสูงที่เริ่มรู้สึกตัวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดบริเวณท้อง พัชชาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาลุกขึ้นมาดูแทนที่กะพริบตาตื่นขึ้นมา

“เจ็บมากไหม” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใจดีพลางเทน้ำใส่แก้วยื่นไปให้แทนดื่ม

“อึก” แทนอ้าปากดูดน้ำจากหลอดอย่างกระหายแต่ก็ต้องสำลักออกมาเพราะรู้สึกแสบท้องไปหมดเมื่อน้ำไหลผ่านลำคอลงไปที่ลำไส้ พัชชารีบวางแก้วแล้วประคองให้แทนลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอื้อมมือไปปุ่มเรียกพยาบาล

“อย่า!” แทนร้องห้ามออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะทำอะไร พัชชาชะงักมือลงแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดไปตามตัวที่เปียกน้ำ ภายในห้องเกิดความเงียบขึ้นมาแต่ไม่ได้สร้างความรู้สึกตึงเครียดหรืออึดอัดอะไรเพราะเวลาที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอเนื่องจากไม่ใช่คนช่างพูดทั้งคู่

“ไปไหน” แทนมองไปทั่วห้องแล้วเอ่ยถามออกไปเมื่อไม่พบคนที่พาตนมาที่นี่

“ทำงานค่ะ” พัชชาตอบกลับไปเพียงสั้นๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือโทรไปหาครูซตามที่รับปากไว้

“ครับ” พัชชายิ้มออกมาอย่างเอ็นดูที่อีกฝ่ายรับสายได้รวดเร็วราวกับจับโทรศัพท์มือถือไว้ตลอดเวลา

“คุณแทนฟื้นแล้วนะ”

“ผมขอคุณกับเขาหน่อยได้ไหม” พัชชาไม่ได้ตอบรับแต่ยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้แทนที่จ้องมองมาตั้งแต่เธอหยิบออกมาโทรแล้ว

“...” แทนมองชื่อบนหน้าจอแล้วยกขึ้นแนบหู

“คุณแทนเป็นไงบ้างครับ”


“....” เสียงที่ร้องถามด้วยความเป็นห่วงทำให้แทนรู้สึกแปลก ๆ

“อยากทานอะไรไหมเดี๋ยวผมทำไปให้” ครูซที่ไม่ได้ยินเสียงจากแทนก็เริ่มนั่งไม่ติด กังวลไปต่างๆ นานา ว่าเจ้านายตนเจ็บคอมากหรือเปล่าหรืออาการหนักจนไม่มีแรง

“....”

“ตอบผมหน่อยสิครับ” เสียงอ้อนขอจากครูซทำให้แทนยกมือปิดหน้าด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเขากำลังร้อนขึ้นเพียงเพราะได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องหา

“..มา”

“ครับ?” ครูซถามอีกครั้งเมื่อได้ยินไม่ชัด

“กลับมาหาผมเดี๋ยวนี้” แทนกัดริมฝีปากตัวเองแน่นกำมือเข้ากับที่นอนเพื่อลดความรู้สึกน่าอายที่พูดประโยคนั้นออกไป

“ผมจะรีบไปครับ”
เมื่อได้คำตอบที่พอใจแทนก็กดวางสายทันทีชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์มือถือคืนพัชชาที่ยืนยิ้มไม่ได้พูดทักอะไร แต่ทำไมแทนถึงรู้สึกว่าทำแบบนี้มันน่าอายกว่าถามออกมาตรงๆ เสียอีก

TBC.


ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 11

หลังจากเหตุการณ์ที่แทนเข้าโรงพยาบาลในครั้งนั้น ครูซก็หันมาใส่ใจในเรื่องของอาหารการกินมากยิ่งขึ้น อาหารในแต่ละมื้อชายหนุ่มจะเป็นคนเลือกและพิจารณาตามความเหมาะสม ไม่รสจัดไป สารอาหารครบถ้วน และดูแลเป็นพิเศษในเรื่องของยา ครูซตั้งนาฬิกาในมือถือไว้คอยแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่แทนจะต้องทานยาตามที่หมอสั่ง

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์อาการปวดท้องของร่างสูงจึงดีขึ้นเรื่อยๆ ร่วมถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ที่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นจนคนสนิทอย่างพัชชาสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จากที่เธอเคยคิดว่าจะคอยดูคนทั้งคู่อย่างเงียบๆ กลับต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อทุกอย่างชัดเจนมากจนเธอไม่อาจนิ่งนอนใจได้อีก หากความสัมพันธ์ในครั้งนี้หลุดรอดไปถึงหูคุณหญิงรัศมีเมื่อไหร่ เธอเกรงว่าแทนจะต้องลำบากในการรับมือกับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน หญิงแก่ต้องวางแผนเพื่อหาทางบีบบังคับเจ้านายตนเหมือนที่ผ่านมา และครั้งนี้พัชชารู้สึกได้ว่าแทนจะอ่อนแอกว่าครั้งไหนเมื่อจุดอ่อนที่ไม่เคยมี ถูกกระชากออกจากอกไปอยู่ในกำมือของคนที่มีอำนาจเหนือกว่า ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ คงไม่ต้องคาดเดาเลยว่าเรื่องราวจะไปจบลงตรงจุดไหนเพราะใครก็ตามถูกคุณหญิงหมายตาไว้ ไม่มีทางอยู่อย่างสุขสบาย

ซึ่งพัชชายอมรับไม่ได้ที่ร่างสูงจะต้องถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เธอไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อต้านคุณหญิง วันนี้เธอจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องแทน แม้จะผิดสัญญากับอีกฝ่ายแต่ถ้ามันช่วยให้เจ้านายหนุ่มรอดพ้นจากการถูกทรมานได้ เธอยอมถูกโกรธ

“ฉันไม่อยากเล่าอะไรมากเพราะรู้ดีว่าเล่าไปแกคงไม่เชื่อ ลองเปิดดูเองเถอะ”

ชายวัยกลางคนเอื้อมมือไปหยิบกล่องเหล็กสนิมเขรอะมาถือไว้ เขาไม่เชื่อเรื่องที่อีกฝ่ายเล่ามา แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าไม่อาจปฏิเสธออกไปได้ว่าไม่ใช่ความจริง

“!!!” ดวงตาเบิกกว้าง สองมือสั่นเทาเมื่อหยิบอัลบั้มรูปเก่าที่ถูกเก็บไว้ภายในกล่องเหล็กสนิมเขรอะขึ้นมาเปิดดู ภาพการละเล่นวิตถารต่างๆ ถูกถ่ายออกมาได้อย่างโหดเหี้ยม เด็กน้อยซึ่งถูกทรมานไม่ใช่ใครอื่น เด็กคนนั้นคือลูกชายของเขาเอง ลูกชายที่ตอนนั้นอายุไม่ถึงสิบสามปี

“แทนฟ้า” ทศพลครางร้องเรียกชื่อลูกชายจบก็สะอึกในลำคอจนพูดอะไรไม่ออก น้ำสีใสล้นทะลักออกมาจากเบ้าตาอย่างที่ไม่อาจอดกลั้นไว้ได้ สีหน้าทรมานใจ ปากเล็กที่อ้ากว้างเพื่อกรีดร้องในรูปทำให้เขาล้มทั้งยืน แขนขาเรียวเล็กของเด็กถูกพันธะการไว้ด้วยโซ่เส้นหนาไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยง บาดแผลตามร่างกายมากมายจนไม่อาจแยกได้เลยว่าเนื้อผิวปกติสีอะไรกันแน่

ราวกับหัวใจถูกควักออกมาจากอกแล้วกรีดซ้ำๆ ด้วยมีดแหลมคม เหมือนคนที่ถูกฆ่าให้ตายทั้งเป็น ทศพลปล่อยโฮร้องออกมาสุดเสียงด้วยความเศร้าใจ สงสารลูกและโกรธแค้นตัวเอง

“แกรู้เรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้ว ทำไมถึงปิดบังฉันด้วย” ทศพลถามพัชชาด้วยเสียงสั่นเทา หัวใจเขาแทบสลายเมื่อได้รู้ในสิ่งที่โหดร้ายเกินกว่าคนคนหนึ่งจะยอมรับได้

“นานมาก...มากจนฉันไปไหนจากคุณแทนไม่ได้แล้ว ส่วนว่าทำไมต้องปิดบังถามแม่แกเองเถอะ เพราะเธอเป็นคนบอกให้ฉันเก็บเป็นความลับ” พัชชาสบตาสีนิลที่เหมือนกับชายหนุ่มอีกคนที่เธอเลี้ยงดูมาราวกับลูกหลาน

“ทำไมคุณแม่ไม่เคยบอกฉันเลย!” ทศพลทุบโต๊ะด้วยใบหน้าแดงก่ำ โมโหที่ตนเป็นพ่อแท้ๆ แต่เรื่องของลูกชายตัวเองกลับไม่เคยรับรู้

“อย่าโทษคนอื่นเลย ถามตัวแกเองเถอะว่าเคยคิดจะใส่ใจหรือเปล่า”

“พัชชา!” ทศพลกระชากเสียงเรียก

“แกก็รู้เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นเพราะใคร” พัชชาเอามือเช็ดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ออกเร็วๆ ทศพลเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็อารมณ์เย็นลง เขานั่งพิงเก้าอี้ทำงานอย่างหมดแรง

ทุกวันที่ผ่านใช่ว่าเขาจะมีความสุข ความผิดในครั้งนั้นที่เขาก่อขึ้น ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะลืมเลือนไปจากหัวใจได้ ยิ่งมารับรู้ความจริงเกี่ยวกับลูกชายตน สำหรับเขาความตายก็คงยังไม่สาสม ความผิดในครั้งนี้เขาจะชดใช้มันอย่างไร จะชดใช้ให้แทนฟ้าอย่างไรกัน

“ฉันเป็นคนทำให้ลูกเป็นแบบนี้ เป็นเพราะฉัน แทนฟ้าถึงทรมานขนาดนั้น” ทศพลเงยหน้าขึ้นเพื่อห้ามน้ำตาที่คลออยู่ไม่ให้ไหลออกมา

“ไม่ใช่แกคนเดียวหรอกที่รู้สึกผิด...ฉันเองก็ไม่ต่างกัน” ทุกวันนี้เธอจึงอยู่เคียงข้างคุณแทนเพื่อชดใช้ความผิดที่ทำให้เด็กคนหนึ่งต้องทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็นเพราะเกมอารมณ์ของผู้ใหญ่ที่ขาดสติ หากย้อนเวลากลับไปได้เธอคงไม่ยอมรับปากที่จะช่วยเบล ให้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้แน่ ๆ เธอจะห้ามใจตัวเองไม่ให้หลงไปกับคำลวงแสนหวาน

“ฉันอยากคุยกับลูก” ทศพลรู้สึกผิดอยากขอโทษที่ทำให้ลูกต้องตกเป็นเหยื่อจากการกระทำให้อดีตของตน

“มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว เด็กคนนั้นไม่เหมือนเดิม” พัชชาลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมแล้วหยิบสมุดไดอารี่ที่เธอเก็บไว้ในวันที่ไปช่วยแทนออกจากขุมนรก ความรู้สึกและความคิดที่บิดเบี้ยวของเด็กคนหนึ่งถูกบันทึกอัดแน่นอยู่ในนี้ เธอจึงอยากให้ทศพลได้ลองอ่านดูเผื่อจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น

“แล้วฉันจะทำอะไรให้ลูกได้บ้าง ชดใช้อะไรให้ลูกได้บ้าง” ทศพลหยิบสมุดไดอารี่มาถือไว้แนบอก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของใครเพราะสมุดเล่มนี้เขาเป็นคนซื้อให้แทนก่อนไปทำงานที่ฮ่องกงเมื่อสิบกว่าปีก่อน

“อย่าให้แม่แกมาทำร้ายคุณแทนก็พอ” พัชชาสบตาที่แดงก่ำของทศพลอย่างจริงจัง เพราะในตอนนี้คนที่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงมีแค่คุณหญิงรัศมีเท่านั้น เธอยอมผิดสัญญากับแทนมาบอกความจริงกับทศพลก็เพื่อเรื่องนี้ คนที่พอจะเป็นเกราะป้องกันเจ้านายเธอได้ก็คงมีแต่ทศพลคนเดียว

“ฉันจะปกป้องลูก” แม้คนที่ต้องต่อกรด้วยคือเจ้าชีวิตที่ชี้ทางเดินให้กับเขาตั้งแต่เกิดก็ตาม

“ทำให้ได้ก็แล้วกัน ฉันไปล่ะ แกก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย หน้าตาโทรมจนดูไม่ได้แล้ว” พัชชาบ่นออกไปตามประสาเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งมหาลัย ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่คงดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องมาแตกหักกันเพราะเรื่องผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตใครอีกหลายคนที่เกี่ยวข้อง

“พัช ขอบใจแกมากนะ” ทศพลลุกไปกอดเพื่อนสนิทที่ไม่ได้คุยกันแบบนี้มาเป็นเวลาสิบปีแล้ว

“ไม่เป็นไร” พัชชากอดตอบพลางลูบหลังหนาที่ต้องแบกรับหน้าที่ไว้บนบ่ามากมายจนบางครั้งก็ลืมคนรอบข้างไปบ้าง แต่เชื่อเถอะเพื่อนของเธอคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรแค่คนที่ยอมเป็นหุ่นเชิดให้แม่จนไม่เหลือทางเดินในชีวิตตัวเองก็เท่านั้นเอง



**ต่อด้านล่าง**

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
**ต่อ**

“พี่ครูซจะไปไหนคะ!” เสียงตะโกนเรียกทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองก่อนจะเปิดประตูรถ

“ไปหาคุณแทน” ครูซบอกไปตามความจริง

“แต่นี่วันอาทิตย์นะ ทำไมพี่ยังต้องทำงานอีก” เค้กกอดแขนพี่ชายตนไว้แน่น เธอรู้สึกน้อยใจที่ครูซไม่สนใจเธอเหมือนเมื่อก่อน เอาแต่นึกถึงเจ้านายที่ชื่อแทน ไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำแต่เธอกลับรู้สึกไม่ชอบอีกฝ่ายเอาเสียเลย

“พี่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไปทำงานนี่คะ” ครูซกอดน้องสาวที่หน้าบูดบึ้งอย่างเอ็นดู

“แต่วันนี้น้องอยู่บ้านคนเดียว” เสียงแผ่วเบาที่ร้องบอก ทำให้ครูซรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ครูซขมวดคิ้วคิดหนัก วันนี้เขานัดคุณแทนว่าจะพาไปห้างเพื่อเดินเล่น โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย เพราะกว่าจะรบเร้าให้อีกฝ่ายยอมออกไปข้างนอกด้วยได้ เขาต้องใช้เวลาตั้งเกือบเดือน

“ไม่เป็นไรค่ะ น้องอยู่ได้” เค้กปล่อยแขนออกจากพี่ชายแล้วเดินก้มหน้าซ่อนน้ำตาเข้าไปบ้านไป ยิ่งเพิ่มความรู้สึกผิดให้ครูซมากขึ้นไปอีก ชายหนุ่มยืนขมวดคิ้วชั่งใจอยู่นานก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทรหาเจ้านายตน

 “คุณแทนครับ” ครูซเอ่ยทักไปด้วยความประหม่า

“....อืม” แทนตอบรับเพียงสั้นๆ ทำให้ครูซรู้สึกใจชื้นขึ้นมาไม่น้อยเพราะมีไม่กี่ครั้งที่โทรไปแล้วแทนจะตอบกลับมา

“คือว่าผมขอ...” อยู่ๆ ครูซก็กลัวคำพูดปฏิเสธจากแทนขึ้นมาจนพูดไม่ออก

“ขอ?” แทนทวนคำพูดของครูซอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน

“คุณแทนครับผมขอพาน้องสาวไปด้วยได้ไหม” ครูซพูดออกไปในที่สุดแต่ปลายสายกลับเงียบจนเขาเริ่มใจไม่ดี

“.........”

“คุณแทน”

“คุณไปกับน้องเถอะ”

“ผมสัญญาไว้แล้วว่าจะพาคุณไป” กว่าจะทำให้แทนเชื่อใจหรือไว้ใจเท่าทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอย่างนั้นเขาไม่มีทางยอมผิดคำพูดแน่ ส่วนเค้กไว้พาไปดูหนังตอนเย็นเป็นการไถ่โทษก็ได้

“อีกประมาณยี่สิบนาทีผมคงไปถึง” ครูซบอกจบก็เก็บมือถือใส่กระเป๋าเสื้อแล้วเดินเข้าบ้านไปหาน้องสาวที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าทีวี โดยลืมกดวางสายอีกฝ่าย ทำให้แทนได้ยินทุกอย่างที่ครูซพูด

“ร้องไห้ทำไมคะ ไม่สวยเลย” ครูซกอดเค้กไว้ในอ้อมแขนแล้วโยกตัวไปมาเพื่อปลอบให้น้องสาวเลิกน้อยใจ

“อึก น้องไม่ได้ร้อง” เค้กซุกหน้าเข้ากับอกอุ่นของพี่ชายเพื่อซ่อนใบหน้า ครูซก้มมองแล้วหอมลงบนกลุ่มผมนิ่มอย่างรักและเอ็นดู

“เดี๋ยวเย็นนี้พาไปดูหนัง ตกลงไหม”

“จริงนะ” เค้กเงยหน้าขึ้นมามอง

“ไม่ผิดสัญญาหรอก” ครูซตอบกลับยิ้มๆ ก่อนขอตัวไปข้างนอก วันนี้น้องคงเหงากว่าปกติถึงงอแงร้องไห้แบบนั้นเพราะแม่นัดเจอเพื่อนเก่ากว่าจะกลับก็น่าจะดึกพอควร

RrrrRrrr

“ครับคุณแทน” ครูซรีบกดรับทันทีเพราะนับครั้งได้เลยที่แทนจะโทรมาหาเขาเอง

“พาน้องมา” เขาอึ้งไปเล็กน้อยกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

“ได้เหรอครับ”

“อืม” แทนตอบเสร็จก็วางสายไปทันที ครูซลดมือลงมองโทรศัพท์แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขาเรียกน้องสาวให้ขึ้นรถไปด้วยกันก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปยังจุดหมายปลายทาง

“สวัสดีค่ะ” เค้กยกมือไหว้เจ้านายของพี่ชายที่ดูไม่ยินดียินร้ายกับอะไรทั้งสิ้น คุณแทนเป็นคนหล่อก็จริงแต่ใบหน้านิ่งราวกับหุ่นยนต์และดวงตาสีนิลนั้นไร้อารมณ์จนดูน่ากลัว

“สวัสดี” แทนทักทายเพียงเล็กน้อยแล้วสบตากับครูซในกระจกส่องหลัง ร่างสูงนั่งเท้าคางมองวิวที่ผ่านไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย ครูซยิ้มกับการทักทายที่แปลกออกไปจากทุกที แทนที่ทำตัวไม่เนี้ยบแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับยีนส์สีซีดทำให้อีกฝ่ายดูสบายตามากขึ้น

ครูซขับรถพาทั้งคนคู่ไปห้างที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เมื่อมาถึงก็เดินนำไปที่ร้านอาหารชื่อดังซึ่งเคยออกรายการทีวีหลายต่อหลายครั้ง มีใบการันตีรสชาติอาหารติดอยู่ด้านหน้าหลากหลายใบ เค้กมองดูทั่วร้านอย่างตื่นเต้น การตกแต่งร้านสไตล์โมเดิร์นเสริมให้ร้านดูทันสมัยและน่าเข้า ระยะห่างระหว่างโต๊ะอาหารก็กำลังดีมีความเป็นส่วนตัว เด็กสาวจับชายเสื้อพี่ชายไว้แน่นเมื่อรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อยเพราะนานๆ ทีจะได้ออกมาทานข้าวข้างนอก ถึงจะรู้ว่าครูซมีเงินจ่ายได้สบายแต่เธอติดนิสัยประหยัดมาตั้งแต่เด็กทำให้ไม่คุ้นชินกับร้านที่ดูหรูหราเช่นนี้

“คุณแทนครับ มานั่งนี่” ครูซหันกลับมาเรียกคนหน้านิ่งที่ยืนกอดอกเดินตามอยู่ด้านหลังเงียบๆ  แทนพยักหน้ารับแล้วตรงไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อีกฝ่ายบอก เขาไม่ชอบห้างสรรพสินค้า ไม่เคยคิดอยากจะเดินเข้ามาเฉียดเลยด้วยซ้ำ ผู้คนพลุกพล่าน กลิ่นน้ำหอม กลิ่นเหงื่อยามเดินสวนกันพาให้รู้สึกคลื่นไส้ หากไม่ใช่เพราะเผลอไปพูดตกลงกับหนุ่มลูกครึ่งตอนไม่สบาย อย่างไรเขาก็ไม่มีวันยอมเดินเข้ามาในที่แบบนี้แน่นอน 

ครูซลอบสังเกตใบหน้าของแทนที่ถึงจะติดเย็นชาไปสักนิดแต่ก็ไม่อาจปกปิดความหงุดหงิดใจผ่านสายตาได้ เขารู้ว่าแทนไม่ชอบกินข้าวนอกบ้านเพราะคิดว่าอาหารที่คนอื่นทำนั้นสกปรก เขาจึงพยายามฝึกให้อีกฝ่ายกินมาตลอดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลคราวนั้น เพราะถ้ายังติดเลือกกินอยู่คงไม่มีทางหายจากอาการกระเพาะอักเสบแน่ ซึ่งในตอนแรกร่างสูงไม่สามารถทานข้าวจากร้านอาหารได้เลย ตักเข้าปากได้คำเดียวก็อาเจียนออกมาจนหมดท้อง นั่งร้องไห้น้ำตาซึมจนเขาเกือบใจอ่อนล้มเลิกความคิดไปหลายครั้ง แต่เมื่อนึกถึงผลระยะยาวก็ฝืนทำมาตลอด

ครูซเริ่มลองจากอาหารที่เขาทำซึ่งผลปรากฏว่าอีกฝ่ายกินได้โดยไม่มีอาการผิดปกติอะไร พอลองแกล้งบอกว่าอาหารที่ซื้อมาเขาเป็นคนทำ อีกฝ่ายก็ยังกินได้ตามปกติ ครูซจึงจับจุดได้ว่าแทนนั้นมักหมกมุ่นอยู่กับคำว่าของที่มาจากคนอื่นนั้นสกปรกทำให้ไม่กล้ากิน เขาจึงลองให้อีกฝ่ายคิดเสมอว่า ทุกสิ่งที่เขาเป็นคนยื่นให้นั้นเป็นอาหารที่เขาทำเอง ไม่สกปรก ไม่ได้มีเชื้อโรคน่ารังเกียจเหมือนที่นึกกลัว แม้ตอนแรกจะผ่านไปอย่างยากลำบาก แทนตักข้าวเข้าปากทั้งน้ำตา มือไม้สั่นจนเขาต้องนั่งป้อนคำต่อคำแต่เมื่อฝึกบ่อยๆ เข้าทุกอย่างก็ดีขึ้น หลังจากนั้นครูซจึงทำเป็นนิสัยไม่ว่าจะกินข้าวที่ไหน เขาจะเป็นคนหยิบจานยื่นให้แทนเองกับมือ

“น้องเอาอะไร” ครูซถามเค้กที่จิ้มนิ้วไปทั่วเมนู

“อันนี้ค่ะ” เค้กชี้สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าแต่สายตากลับจับจ้องไปยังลาซานญ่าหมู ครูซเห็นท่าทางสองจิตสองใจก็ยิ้มขำยกมือลูบผมนิ่มอย่างเอ็นดู

“ถ้าอยากกินอะไรก็สั่งมาเลยพี่เลี้ยงเราได้อยู่แล้ว ตัวเล็กนิดเดียวแบบนี้ยิ่งต้องกินเยอะๆ รู้ไหม” ทุกการกระทำของทั้งคู่อยู่ในสายตาแทน ชายหนุ่มรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมองภาพที่ครูซเอาใจใส่น้องสาว เขาเป็นลูกคนเดียวจึงไม่เข้าใจความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้สักเท่าไหร่

“อย่างเดียวเหรอ” ครูซถามลองเชิงเพื่อหยอกน้องสาวตัวเองเล่น แต่เค้กก็ยังพยักหน้ายืนยันเพราะรู้ว่าถึงจะสั่งมาเธอก็คงกินไม่หมดอยู่ดี

“คุณแทนล่ะครับ” ครูซถามเจ้านายตนที่นั่งเท้าแขนเหม่อมองออกไปนอกกระจกใสที่มองเห็นวิวสวนน้ำพุนอกห้างได้ทั่วบริเวณ

“แล้วแต่คุณ” ครูซพยักหน้ารับยิ้มๆ ก่อนสั่งไปอีกสองสามอย่างทั้งของแทนและของตัวเอง ที่ครูซเลือกร้านอาหารจานเดียว เพราะถึงแทนจะทานอาหารข้างนอกได้บ้างแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทานอะไรร่วมกับคนอื่นได้ แค่อีกฝ่ายยอมเดินตามเข้ามาในร้านกับพวกเขาก็แทบเรียกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว

“อยากไปดูอะไรกันเป็นพิเศษไหม” เค้กส่ายหน้า ส่วนแทนไม่ตอบเพียงสบตาครูซแล้วเท้าคางมองออกไปนอกกระจกใสเหมือนเดิม ครูซยกมือเกาแก้มแก้เก้อ สำหรับแทนเรื่องไม่ค่อยพูดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว กับเค้กก็เหมือนกันถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวหรือสนิทด้วยก็แทบไม่อ้าปากเลย ครูซจึงเลือกที่จะนั่งนิ่งไม่พูดอะไรเพราะรู้ดีว่าถึงพูดไปก็ไม่มีใครตอบ สักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ ครูซหยิบจานของแทนมาไว้ฝั่งตนแล้วหยิบช้อนขึ้นมาเช็ดด้วยกระดาษทิชชูก่อนส่งคืนให้ เค้กมองพฤติกรรมแปลกประหลาดของพี่ชายตนกับเจ้านายอย่างสงสัย ในเมื่อจานอาหารก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมกินต้องรอให้พี่ชายตนหยิบไปหยิบมาทำไม

“ทานกันเถอะ” เมื่อครูซพูดจบทุกคนก็ลงมือทานอาหารส่วนของตัวเอง แต่เค้กก็ยังสอดส่องสายตามองคนทั้งคู่ที่เคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ รับรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรแม้ไม่ได้พูดคุยกันเลยก็ตาม แค่แทนวางช้อนลงครูซก็ยกแก้วน้ำของตัวเองไปยื่นให้กับมือ พฤติกรรมแปลกประหลาดเกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้านายกับลูกน้องสมควรทำและมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายปกติเขาทำกัน เธอสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆ แทนก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย ดวงตาสีดำสนิทจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอเหมือนพยายามสำรวจหาอะไรบางอย่าง

“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ...เดี๋ยวพี่มานะ” ครูซลุกจากไปทิ้งให้คนทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ โดยต่างฝ่ายต่างไม่ยอมละสายตาไปไหน แทนที่ไม่อยากมีปัญหากับเด็กสาวตรงหน้าสักเท่าไหร่จึงเอ่ยปากทำลายความเงียบขึ้นมา

“มีอะไร” ร่างสูงหยิบยาที่พกมาใส่ปากก่อนดื่มน้ำตาม ชายหนุ่มรู้สึกโชคดีที่ครูซไม่อยู่เพราะไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายต้องร้องห้ามไม่ให้เขากินแน่ๆ

“คุณคิดอะไรกับพี่ครูซหรือเปล่าคะ” เค้กถามออกไปด้วยความอยากรู้ เพราะถึงเธอจะเด็กแต่ก็แยกแยะอะไรได้บ้างแล้ว สิ่งที่พี่ครูซกับคุณแทนทำอยู่ไม่ใช่แค่คนรู้จักกระทำต่อกันแต่มันพิเศษมากกว่านั้น

“ทำไมต้องคิด” แทนนั่งพิงเก้าอี้ยกแขนขึ้นมากอดอกแน่น เขาไม่ชอบพูดเรื่องแบบนี้กับใครสักเท่าไหร่ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ มันน่ารังเกียจ เค้กที่เห็นท่าทางไม่ชอบใจของอีกฝ่ายก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาทันทีด้วยความสงสารพี่ชาย เพราะถ้าคุณแทนไม่คิดอะไรจริงๆ พี่ชายเธอต้องอกหักแน่เลย เธอมองออกว่าครูซไม่ได้รู้สึกกับแทนแค่เจ้านาย จากสายตาและการกระทำที่ใส่ใจดูแลมันมากพอที่จะอธิบายความรู้สึกของพี่เธอได้

“เป็นอะไรหรือเปล่าเค้ก” ครูซที่เพิ่งกลับมานั่งลงบนเก้าอี้แล้วยกมือลูบแก้มนิ่มอย่างปลอบโยนเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแดงก่ำคลอ

“เปล่าค่ะ” เค้กแสร้งยิ้มแล้วลงมือกินต่อเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แต่ยิ่งเห็นภาพพี่ชายเธอดูแลเจ้านายเป็นอย่างดีก็ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บใจที่อีกฝ่ายมาทำให้ครูซคิดไปไกล เพราะแทนไม่แม้แต่จะร้องห้ามในสิ่งที่ครูซหยิบยื่นให้เลย แบบนี้พี่เธอต้องถูกหลอกจนเสียใจแน่ๆ เค้กกัดปากแน่น เด็กสาวตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความไปหาใครบางคน

“เข้าร้านนี้กัน” ครูซที่เดินจับมือเค้กอยู่เรียกให้แทนหยุด เขาเดินนำเข้าไปเลือกเสื้อให้กับน้องสาว แทนรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยที่ต้องเข้าร้านเสื้อผ้าผู้หญิงแต่ก็ยอมเข้าไปยืนรอ ครูซเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่นจนเค้กที่มาด้วยรู้สึกกลัวว่าแทนจะรำคาญ แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างนั้นแม้ใบหน้าหล่อจะนิ่งแต่ก็เดินตามพี่ครูซไปด้วยท่าทีสงบไม่ได้มีแววว่าจะร้องโวยวายเลยสักนิดแตกต่างจากเธอที่อยากบ่นออกไปเหลือเกินว่าเมื่อยขาแล้ว

“คุณแทนมานี่สิครับ” แทนส่ายหน้ากอดอกพิงกำแพงเหมือนเดิม เพราะรู้ว่าถ้าเขาไม่เข้าไปเดี๋ยวอีกฝ่ายก็เป็นคนเดินมาหาเองอยู่ดี ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ครูซหยิบเสื้อยืดสีเทาเข้มทาบไปบนตัวแทนแล้วพยักหน้ายิ้มกับความคิดตัวเอง คุณแทนเหมาะกับสีเข้มจริงๆ น่ะแหละ

“ไม่ใส่แขนสั้น” แทนผลักเสื้อยืดออกจากตัว

“ผมรู้...ไว้ใส่แค่ที่ห้องไงครับ” รอยแผลเป็นที่ข้อมือและตามแขนทั้งสองข้างมันเยอะจนแทนเลือกที่จะใส่แขนยาวไว้ตลอดเวลาแม้จะอยู่ในห้องก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นแทนก็ไม่ได้ห้ามครูซที่เดินไปจ่ายเงินค่าเสื้อของตนกับน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่ยอมรับน้ำใจพวกนี้ แต่สำหรับครูซความรู้สึกมันต่างออกไป ถึงจะไม่ชอบแต่เขาก็ไม่อาจพูดปฏิเสธออกไปได้เหมือนทุกที

“ครูซ! น้องเค้ก! บังเอิญจริงๆ เลย” เสียงผู้หญิงที่ดังขึ้นมาจากข้างหลังทำให้แทนขมวดคิ้วแน่น กลิ่นน้ำหอมที่โชยมาตามลมทำให้ชายหนุ่มใช้มือถูจมูกด้วยความไม่ชอบใจ

“คุณขิม?” ครูซเรียกอีกฝ่ายด้วยความสงสัยต่างจากเค้กที่ยิ้มดีใจเดินเข้าไปทักทายด้วยความสนิทสนม

“วันนี้พี่ว่างพอดีเลยมาเดินเล่น ไม่คิดว่าจะได้เจอเราสองคน โชคดีจริงๆ เลย” เขมิกากอดแขนครูซกับเค้กคนละข้าง โดยที่ไม่ได้สนใจจะทักทายแทนที่ยืนอยู่ด้วยเลยสักนิด แทนเองก็เบี่ยงหน้าหนี เขาเคยบอกครูซไปแล้วว่าไม่ชอบให้ผู้หญิงคนนี้มาถูกตัวอีกฝ่าย มันทำให้เขารู้สึกรังเกียจ ในใจร้อนวูบวาบจนมือไม้มีแต่เหงื่อ

“คุณแทน” ครูซเรียกอย่างตกใจเมื่อเห็นคนหน้านิ่งหันหลังเตรียมเดินออกจากร้าน ชายหนุ่มรีบดึงแขนเขมิกาออกแล้วคว้าเอวแทนไว้แน่น

“อย่ามาจับ!” แทนสะบัดตัวออกแต่ครูซก็คว้ามาโอบไว้เหมือนเดิม

“คุณแทนอย่าเดินหนีผม” เค้กมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกว่าคำตอบก่อนหน้านี้ของแทนดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่แล้วเพราะปฏิกิริยาแบบนี้มันเกินกว่าที่คาดไว้เสียอีก

“สวัสดีค่ะคุณแทน” เขมิกาเอ่ยทักออกไปเมื่อเห็นว่าตัวเองเริ่มไม่มีบทบาทในสายตาครูซ แทนหันมามองด้วยสายตาดุดัน จากตอนแรกที่ตั้งใจจะหลบออกไปสงบสติอารมณ์ที่เริ่มปั่นป่วน แต่ตอนนี้เขารู้สึกไม่จำเป็น เขาไม่ยอมทิ้งหนุ่มลูกครึ่งไว้ตรงนี้แน่ๆ แทนกระชากแขนครูซเข้ามาหาตัวแล้วใช้นิ้วคีบแขนเสื้อเค้กดึงให้เดินออกจากร้านด้วยกัน แม้เด็กสาวจะงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่ก็รู้สึกดีที่แทนไม่พาพี่ชายหนีไปแล้วทิ้งเธอไว้ในร้านคนเดียว

“เดี๋ยวสิ...มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ!” เขมิกาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแทน เธอรู้สึกเสียหน้าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนเธอเป็นคนไร้ตัวตน ครูซที่เริ่มเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้วก็คิดหาทางออก

“ผมกำลังจะกลับพอดีครับ”

“ครูซ! พี่ขอพูดอะไรด้วยหน่อยได้ไหม” เขมิกาพูดขัดครูซทันทีเพราะรู้ว่าหนุ่มลูกครึ่งกำลังหาทางชิ่งหนีเธออีกแล้ว แม้เธอจะทำตัวตื๊อจนบางทีดูน่าอายไปบ้างแต่ใช่ว่าเธอจะไร้ความรู้สึก

“คือผมกำลังจะกลับ” ครูซพูดพลางมองหน้าแทนที่เบนหนีไปอีกทางด้วยสายตาเป็นห่วง เขมิกากัดริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บใจ ทั้งที่ครูซพูดอยู่กับเธอแท้ๆ แต่กลับไม่ชายตามองเธอสักนิด เขมิการู้สึกว่าต่อให้แทนไม่ต้องพยายามอะไรก็ได้รับความสนใจจากครูซไปทั้งหมด ต่อให้ทำหน้าเย็นชาหรือไม่พูดอะไรเธอก็ไม่อาจสู้ได้จริงๆ เหมือนกับเธอแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่งเลยด้วยซ้ำ

“แปบเดียวนะครูซ พี่ขอ” ครูซเห็นสีหน้าจริงจังของเขมิกาก็ตัดสินใจตอบตกลงเพราะอยากจบปัญหาเรื่องพวกนี้เสียที ชายหนุ่มหันไปสบตากับแทนก่อนเดินนำเขมิกาไปทางลานจอดรถ ซึ่งแทนกับเค้กก็ยืนรออยู่ห่างๆ ทั้งคู่ไม่ได้ยินว่าครูซกับเขมิกาพูดอะไรกันแต่สีหน้าของครูซดูไม่สบอารมณ์จนเค้กรู้สึกกลัว เธอเคยเห็นพี่ชายเธอโกรธอยู่แค่ครั้งเดียวในชีวิต และหวังให้เป็นครั้งสุดท้ายเพราะมันรุนแรงเกินกว่าที่ใครจะสามารถจินตนาการได้ว่าคนยิ้มง่ายใจดีอย่างครูซจะกล้าทำ

“แม่งเอ๊ย!” ร่างสูงสบถคำหยาบออกมาสุดเสียง สองเท้ารีบวิ่งไปกระชากตัวคนยิ้มหวานไว้ข้างตัวทันทีหลังเขมิกาดึงคอเสื้อชายหนุ่มรั้งลงมาจูบปากอย่างดูดดื่ม ครูซเช็ดปากแล้วถุยน้ำลายลงพื้น แทนยืนมองด้วยตัวสั่นเทา มือที่สัมผัสร่างกายอีกฝ่ายอยู่รู้สึกคันไปหมด เขารังเกียจครูซที่มีสิ่งสกปรกติดตัวแต่ก็ไม่สามารถปล่อยมือจากอีกฝ่ายได้ เขาไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องคนคนนี้

“คุณแทนใจเย็นก่อน” ครูซดึงแทนให้ไปอยู่ด้านหลังแต่ชายหนุ่มกับคว้าใบหน้าเนียนขึ้นมาจ้องมองริมฝีปากบางที่มีรอยลิปสติกเปื้อนอยู่ด้วยสีหน้าข่มอารมณ์ ครูซกลัวอีกฝ่ายคลั่งจึงรีบดึงให้ไปยืนอยู่ข้างน้องสาวตนเหมือนเดิม

“ไม่เป็นไร ผมจะรีบคุยให้เสร็จรอก่อนนะ” ครูซดันตัวแทนไปพิงผนังแล้วผละออก

“รีบๆ ก่อนที่จะทนไม่ไหว” ร่างสูงพยักหน้ารับแล้วหยิบยาขึ้นมากินด้วยมือสั่นเทา ชายหนุ่มพยายามกลืนลงไปแม้จะยากลำบากเพราะไม่มีน้ำ แต่เขารู้ตัวว่าต้องใช้มันไม่อย่างนั้นได้คลุ้มคลั่งอาละวาดอีกแน่ เค้กมองหน้าแสนอึดอัดใจของครูซแล้วจึงตระหนักว่าเธอตัดสินใจผิดมหันต์ที่ส่งข้อความเรียกให้เขมิกามาหา วันนี้พี่ชายของเธอดูผ่อนคลายมากกว่าครั้งไหนๆ แต่เธอกลับทำลายมันลงกับมือ

“เค้กขอโทษ” เด็กสาวหันไปพูดบอกกับแทน

“ขอโทษเรื่องอะไร” แทนตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาจากครูซ ดวงตาลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ

“เค้กเป็นคนบอกให้พี่ขิมมาเอง” เด็กสาวก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด แทนหันกลับมามองเด็กสาวข้างกาย เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมากแต่ก็พยายามข่มไว้

“อย่าทำอีก...ผมไม่ใช่คนมีความอดทนสูง” แทนขบฟันแน่น เค้กพยักหน้ารับแล้วหันกลับไปมองพี่ชายตนอีกครั้งก่อนจะเบิกตากว้างร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นเขมิกาตบครูซอย่างแรงจนหน้าหัน เธอวิ่งร้องไห้ออกไปโดยที่ครูซยังยืนนิ่ง ไม่มีใครได้ยินว่าครูซพูดอะไรเธอจึงมีปฏิกิริยาแบบนั้นแต่คงเป็นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์ไม่น้อย

“ไปดูหนังกันเถอะ” ครูซเดินกลับมาหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น เค้กกำลังจะก้าวไปหาพี่ชายแต่ถูกแทนที่ยืนอยู่ข้างกันเดินตัดหน้าไปคว้าร่างโปร่งกระชากเข้ามาหาตัวเสียก่อน

“โอ๊ย!” ครูซร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อแทนหยิบผ้าเช็ดหน้ามาถูปากบางอย่างแรงจนทำให้เลือดสีแดงสดไหลออกมามากกว่าเดิม

“ฮือ...พี่ครูซ” เค้กเห็นว่าพี่ชายเจ็บก็ร้องไห้จะเข้ามาช่วยแต่สายตาของครูซที่สั่งเตือนไว้ทำให้เธอได้เพียงแต่กัดมือห้ามเสียงสะอื้น

“อื้อ!!” ครูซตกใจเมื่ออยู่ๆ แทนก็ประกบปากจูบอย่างดูดดื่มต่อหน้าต่อตาน้องสาวตนที่เบิกตากว้างมองอยู่ ชายหนุ่มพยายามจะผลักออกแต่คนหน้านิ่งกลับกระชากผมให้เงยรับจูบต่อ แทนดูรุนแรงและไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้ยืนอยู่ที่ไหน สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดภายในโพรงปากอุ่น บดเบียดร่างกายเข้ามาใกล้  ดูดกลืนแบบไม่เว้นช่องให้ได้หายใจ ครูซพยายามดิ้นแต่ถูกฟันคมขบกัดริมฝีปากเป็นการเตือนว่าไม่ให้ขัดขืน ร่างโปร่งจึงทำได้เพียงยอมอ้าปากรองรับแรงอารมณ์ของอีกฝ่ายที่พุ่งขึ้นสูง

“จุ๊บ อืม~” แทนดูดกลีบปากเรียวเพื่อลิ้มรสชาติของเลือดสีแดงสดที่ไหลออกจากแผล ครูซรู้สึกเจ็บจนน้ำตาซึม คนที่จ้องดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอยู่จึงยกนิ้วขึ้นมาเกลี่ยหยดน้ำออกให้อย่างเบามือก่อนจับเอียงองศาหน้าเพื่อยึดครองลมหายใจ ฝ่ายเค้กที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่ยืนจับรถเพื่อประคองตัวไว้ไม่ให้ไหลไปกับพื้นเนื่องจากอาการแขนขาอ่อนแรงอย่างกะทันหัน แม้แทนจะรุนแรงแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าพี่ชายไม่ได้โดนทำร้ายแต่กลับกำลังได้รับความทะนุถนอมจากอีกฝ่ายอยู่ สงสัยเธอคงจะเริ่มบ้าแน่ๆ ถึงมองเป็นแบบนั้นไปได้

“พี่ครูซ” เค้กเรียกพี่ชายทันทีเมื่อเห็นคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพ ครูซรู้ว่าถึงจะดึงดันไปแทนก็ไม่สนใจอยู่ดีจึงผลักอีกฝ่ายติดกำแพงแล้วเอาตัวคร่อมไว้ไม่ให้ใครเห็นหน้าเจ้านายตน อย่างน้อยวิธีนี้ก็ช่วยให้ภาพของแทนไม่ไปโชว์หราอยู่หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์

เมื่ออารมณ์ที่รุ่มร้อนเริ่มเบาบางลง แทนจึงถอนริมฝีปากออก ฝังหน้าลงกับไหล่กว้างของครูซ มือขาวกำเสื้อของอีกฝ่ายแน่นจนยับยู่ยี่ไปหมด สมองคิดหาเหตุผลของการกระทำจนตีกันวุ่นวายไปหมด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้แค่กับครูซเท่านั้น เขาหวง หวงจนแทบคลั่งเมื่อเห็นใครแตะต้อง เขาไม่อยากให้ใครได้สัมผัสอบอุ่นนี้ไป เขาอยากเก็บไว้คนเดียว ให้เขาเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ

“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ” ครูซจูบขมับแทนแผ่วเบา สองมือโอบกอดอย่างปลอบโยน ไม่มีคำพูดกล่าวโทษหรือต่อว่ากับการกระทำแสนป่าเถื่อนเมื่อครู่เลยสักนิด เค้กมองครูซที่ลูบหลังเจ้านายหนุ่มด้วยความห่วงใยแล้วได้แต่ทำใจยอมรับความจริง เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เธอรับรู้ได้ในทันทีว่าคงจะไม่มีผู้หญิงคนไหนได้หัวใจพี่ชายเธอไปครองอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเขมิกาหรือแฟนคนแรกของครูซก็ตาม เพราะคนเหล่านั้นไม่เคยได้รับแววตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาเช่นนี้จากพี่ชายเธอเลยสักครั้ง

ไม่มีใครเลยสักคนที่จะทำให้พี่ครูซแสดงออกถึงความต้องการได้ขนาดนี้



TBC.


ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 12

22/06/25xx

วันนี้พ่อให้สมุดไดอารี่กับแทน ชอบมากเลยแต่ว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่พาแทนไปฮ่องกงด้วยนะ

17/07/25xx

ไม่อยากเล่นเกมกับน้าเบลแล้วแทนเจ็บ แต่น้าเบลก็ใจดีทำขนมเค้กให้กินตลอด แทนรักน้าเบลแต่ไม่อยากเล่นด้วย

20/07/25xx

น้าเบลบอกว่ารักแทนที่สุด ไม่มีใครรักแทนเท่าน้าเบลอีกแล้วเพราะพ่อกับแม่ไม่อยากให้แทนเกิดมา มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่านะ แทนเสียใจที่พ่อกับแม่ไม่ต้องการ

23/07/25xx

วันนี้ไปบ้านคุณย่า ไม่มีใครเล่นกับแทนเลยยกเว้นน้องไวน์  น้องไวน์ใจดีชวนว่ายน้ำด้วย แทนอยากเล่นแต่น้าเบลไม่ให้ น้าเบลบอกคนอื่นสกปรกถ้าไปเล่นด้วยตัวจะสกปรกตาม แทนไม่เข้าใจ

30/07/25xx

ไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว มีแต่คนแกล้ง แทนไม่ได้เป็นใบ้สักหน่อย ทำไมเพื่อนถึงชอบล้อว่าเป็นไอ้ใบ้ แทนพูดได้ แทนไม่ได้เป็นใบ้

01/08/25xx

พ่อไม่มางานวันเกิดแทน พ่อไม่รักแทนแล้ว แทนเกลียดพ่อ พ่อผิดสัญญา

12/08/25xx

น้าเบลพาไปสวนสนุกได้เล่นตั้งหลายอย่างสนุกมากเลยแต่ชอบชิงช้าสวรรค์ที่สุด แทนรักน้าเบล

16/08/25xx

แม่ซื้อขนมมาฝากอีกแล้ว แทนอยากเลือกเองมากกว่า ทำไมแม่ไม่ให้ไปด้วย เกลียดแม่

--/--/--

เกลียดพ่อ คนโกหก

--/--/--

ทำไมไม่มีคนรักแทน แทนเหงา น้าเบลชอบเล่นเกมที่ทำให้เจ็บ เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย ไม่อยากเล่นแล้ว

--/--/--

น้าเบลบอกว่าเราเป็นคนรักกัน แทนไม่ชอบเลยต้องเล่นเกมเจ็บตัวมากขึ้น อยากเป็นเหมือนเดิมมากกว่า

21/12/25xx

พ่อกับแม่ชอบโกหกตอแหลเหมือนที่น้าเบลบอก

23/12/25xx

ไม่ชอบลิ้นน้าเบล หายใจไม่ออก อึดอัดจนอยากอ้วก

24/12/25xx

วันนี้ป่วยน้องไวน์กับอาทรรศเลยมาเยี่ยม เอารถถังบังคับมาให้ด้วย ชอบมากแต่ต้องซ่อนเอาไว้ใต้เตียงเดี๋ยวน้าเบลเอาไปทิ้งอีก

30/01/25xx

เพื่อนชอบแกล้ง เกลียด อยากทำให้มันเจ็บบ้าง หายไปจากโลกนี้ให้หมดได้ก็ดี

17/04/25xx

ไม่เคยมีใครสนใจแทนเลย

18/04/25xx

วันนี้เจอลูกหมาตัวสีขาวน่ารักมาก มันขี้อ้อนสุดๆ น้าเบลให้เลี้ยงได้ด้วย ตั้งชื่อว่าปลาทู เพราะมันชอบกินปลาทูมาก

22/05/25xx

รักปลาทู เพื่อนที่ดีที่สุดของแทน

15/06/25xx

เกลียดน้าเบล ไม่อยากอยู่ด้วย น้าเบลใจร้าย

12/12/25xx

น้าเบลบอกว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว

--/--/--

ฆ่ามันทำไม เกลียดน้าเบล ใจร้าย น้าเบลน่าจะตายๆ ไปซะ ตายแทนเจ้าปลาทู

--/--/--

คิดถึงเจ้าปลาทู อยากเล่นปาบอลด้วยอีก

--/--/--

อยากกลับบ้าน พ่อกับแม่มารับแทนที ได้โปรด แทนหิว แทนเจ็บ น้าเบลเอาแต่ตีแทนทั้งวันเลย

--/--/--

น้าเบลทำเรื่องน่ารังเกียจ สกปรกไปหมดแล้ว ปวดจนฉี่ไม่ออก

--/--/--

น้าเบลเจอไดอารี่ที่ซ่อนไว้ อ่านไปหัวเราะไป ทั้งที่แทนเขียนด่าน้าเบล แต่ทำไมถึงไม่โกรธเลยสักนิดเพราะน้าเบลรักแทนหรือเปล่านะ แต่ถ้าน้าเบลรักแทน ทำไมต้องล่ามโซ่ไว้ด้วย

--/--/--

เมื่อไหร่จะตายไปสักที

--/--/--

เหม็น อยากอาบน้ำ

--/--/--

เกลียดทะเล เกลียดเสียงคลื่น เกลียดท้องฟ้า เกลียดน้าเบล

--/--/--

เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด

--/--/--

อยากกลับบ้าน ใครก็ได้ช่วยแทนด้วย หิวจะตายอยู่แล้ว

--/--/--

กรีดแขนแล้วทำไมไม่ตายเหมือนในหนัง หรือว่าต้องกรีดให้ลึกกว่าเดิม

--/--/--

น้าเบลชอบให้ยัดเข้าไปแรงๆ มันเจ็บมาก ไม่ชอบ

--/--/--

น้าเบลร้องไห้ตอนที่แทนกรีดแขนตัวเอง ร้องทำไมไม่เห็นเข้าใจ น้าเบลอยากให้แทนตายไม่ใช่เหรอ

--/--/--

ตายซะได้ก็ดี ตายไปให้หมด ตายให้หมดทุกคน

--/--/--

คิดถึง ไม่มีใครให้นอนกอดเลย เหงา คิดถึงน้าเบล น้าเบลทิ้งแทนไว้คนเดียว น้าเบลใจร้าย

--/--/--

อย่าทิ้งแทนไว้คนเดียว

--/--/--

อยากตาย​


ทศพลน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่ออ่านบันทึกของลูกชายจบ ทำไมเมื่อก่อนเขาไม่เคยสังเกตเลย เขาปล่อยให้ลูกทรมานมานานขนาดนี้ได้อย่างไร

“พ่อขอโทษ” เรื่องพวกนี้ไม่ควรไปตกอยู่ที่แทนเลย มันเป็นความผิดของเขา ผิดที่เขาหนักแน่นไม่พอ หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะเลือกไม่ใจดีกับน้องสาวของไพลินเด็ดขาด จะไม่ปล่อยให้เรื่องราวเลยเถิดจนอีกฝ่ายกลับมาแก้แค้นด้วยวิธีที่โหดร้ายกับลูกชายตน

.

.

.

“คุณแทนอยากทานอะไรครับ” ครูซเอ่ยถามเจ้านายที่นั่งอ่านเอกสารด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“อะไรก็ได้” แทนตอบโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่เอกสาร นิ้วขาวไล่ตามตัวอักษรไปทีละตัวเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง

“พักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมมาตรวจอีกที” ครูซเดินเข้าไปใกล้แล้วคว้าแฟ้มเอกสารมาถือไว้ ร่างสูงคงจะเคยชินกับการต้องทำทุกอย่างเองจนบางทีก็ลืมไปว่ามันเป็นงานของเขา

“ไม่เหนื่อย” แทนเงยหน้ามองครูซที่ยืนอยู่ข้างกาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงขยับหนีอีกฝ่ายไปไกลแต่ตอนนี้แทนชักจะรู้สึกชินที่เห็นครูซยืนอยู่เคียงข้างเสียแล้ว

“ถึงเวลาพักก็พักสิครับ” ครูซยิ้มให้แล้วหมุนตัวก้าวไปที่ประตูห้อง แทนมองตามไปจนเลขาหนุ่มปิดประตู ชายหนุ่มถึงหลุดยิ้มออกมา ทำตัวอย่างกับผู้ปกครองบางทีเขาก็สงสัยนะว่าตำแหน่งเจ้านายกับลูกน้องนี่สลับกันหรือเปล่า คนหน้านิ่งอารมณ์ดีได้ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

 “.....” แทนมองคนที่เปิดประตูเข้ามาด้วยสายตาเย็นชา

“ไม่คิดจะทักทายฉันหน่อยเหรอ” คุณหญิงรัศมีเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมหยิบเอกสารบนโต๊ะของแทนขึ้นมาเปิดดู

“สวัสดีครับ” แทนจิกมือลงบนหน้าขา ห้ามความรู้สึกขยะแขยงที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นย่าหยิบจับข้าวของตน

“ช่วงนี้หยุดงานบ่อยเหลือเกินนะ อย่าคิดว่าพัชชาช่วยปิดแล้วฉันจะไม่รู้” คุณหญิงรัศมีมองหน้าหลานชายด้วยสายตาจ้องจับผิด แทนไม่ตอบแต่เบนหน้าหนี เขาไม่อยากมอง ไม่อยากเห็น แค่อยู่ในห้องด้วยกันเชื้อโรคจากลมหายใจของยายแก่ก็พรั่งพรูจนน่าสะอิดสะเอียนไปทั่วทั้งห้องแล้ว

“ฉันส่งชื่อแกไปร่วมงานที่ภูเก็ต ควงหนูซาร่าไปด้วย แกผิดนัดเธอมาหลายครั้งแล้ว” แทนเงยหน้าขึ้นมามองคุณหญิงรัศมีด้วยความไม่พอใจ

“ผมไม่ไป”

“แกขัดฉันได้เหรอ” เธอไม่ชอบคนขัดคำสั่ง ยิ่งต่อต้านยิ่งอยากสั่งสอนให้หลาบจำ ในบรรดาหลานทั้งหมด คนที่พยศร้ายที่สุดก็คือแทนฟ้า ชายหนุ่มนิ่งและเงียบรับฟังเธอเสมอแต่ไม่เคยทำตามคำสั่งเธอสักอย่าง ต้องบังคับและข่มขู่ถึงจะยอมลงให้

“แล้วไปทำงามหน้าอะไรไว้ที่ห้าง อย่านึกว่าฉันไม่รู้ จะผิดเพศก็หัดเลือกที่ซะบ้าง อย่ามาทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลต้องเสื่อมเสีย” แทนชะงักเมื่อได้ฟังคำด่าทอ รู้ได้ไง... ใบหน้าซีดเผือกของหลานชายทำให้คนเป็นย่ายิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเหนือกว่า

“ผมไม่ไป” แทนยืนยันคำเดิมแม้ในใจจะเริ่มกังวลไปหมด กลัวว่าหญิงแก่น่ารังเกียจจะทำอันตรายแก่ครูซ

“ตามใจ...เผื่อฉันจะส่งคนไปเอ็นดูเลขาแกเยอะ ๆ” คุณหญิงรัศมีนั่งกอดอกด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ที่ขู่ออกไปเธอไม่ได้แค่พูดให้สนุกปากเพราะคนอย่างเธอพูดจริงทำจริงเสมอ

“อย่ายุ่งกับเขา!” แทนกัดฟันพูดพลางจิกฝ่ามือห้ามอารมณ์ตัวเองที่รู้สึกอยากฆ่าคนตรงหน้าให้ตายคามือ หงุดหงิดไม่ชอบเวลาถูกกดดัน ถ้าฆ่าให้ตายได้ก็อยากทำ เอาแจกันฟาดลงไปบนรอยยิ้มน่ารังเกียจนั่น จิกกระชากลูกตาที่มองเหยียดหยาม กระทืบลงปากโสมมที่พูดแต่เรื่องน่าขยะแขยง

“ฉันต้องฟังแกไหมแทนฟ้า ตอบสิ...” คุณหญิงเดินเข้าไปใกล้แต่แทนรีบลุกก้าวถอยหลังห่างออกมาทันที ความรู้สึกขยะแขยงทำให้ร่างกายสูงสั่นเทา เหงื่อไหลออกตามขมับ มือขาวเริ่มข่วนสะเปะสะปะไปตามตัวเพราะรู้สึกเหมือนเชื้อโรคจากหญิงแก่กำลังแพร่กระจายมาหาเขา

“ถ้าเลขาสำคัญนักก็ไปงานนี้ซะ ถ้าไม่...เดี๋ยวฉันจะกำจัดมันออกไปจากชีวิตให้ เอาแบบไม่เจ็บตัวมากแต่จำไปจนวันตายเหมือนน้าเบลดีไหมนะ” จบคำพูดแสนร้ายกาจ คุณหญิงรัศมีก็หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลโยนลงบนโต๊ะ

“แล้วอย่าให้มีภาพอุบาทว์พวกนี้ส่งมาที่บ้านฉันอีก ไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่แทนฟ้า” คุณหญิงหยิบกระเป๋าหนังสัตว์สุดหรูขึ้นมาสะพายก่อนเดินออกไปทิ้งให้คนเป็นหลานคลุ้มคลั่งกับสิ่งที่เธอเพิ่งทำ

“แม่งเอ๊ย!” แทนระบายอารมณ์ด้วยการเตะโต๊ะกระจกกลางห้องอย่างแรงจนมันแตกกระจายเต็มพื้น

อีกแล้ว! ทำไมชีวิตเขาต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ พวกนี้ด้วย! หรือคำสาปมันกำลังจะกลับมา คำสาปที่น้าเบลเคยพูดไว้ เมื่อเขาต้องการอะไรสิ่งนั้นต้องถูกทำลาย มันจะต้องหายไปจากเขาตลอดกาล แทนยืนกัดเล็บด้วยภาวะกดดัน กัดจนฟันคมขบเข้ากับเนื้อ กัดต่อไปจนเลือดไหลทะลักออกมาจากปลายนิ้ว เนื้อตัวสั่นไปหมดด้วยความกลัว กลัวถูกแย่งไปอีก

“ไม่จริงหรอก...น้าเบลตายไปแล้ว น้าเบลตายไปแล้ว” แทนกระชากผมตัวเองไปมาแรงๆ เพื่อย้ำว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่คำพูดของน้าสาวก็ตามมาหลอกหลอนจนเขากลัวแทบสิ้นสติ

ครูซจะไม่หายไปเหมือนเจ้าปลาทู ครูซจะไม่หายไป



“กินเข้าไปสิเจ้าหมาน้อย” แทนในวัยสิบขวบมองลูกสุนัขสีขาวอย่างเอ็นดู เด็กชายเก็บมันกลับมาจากหลังโรงเรียนตอนยืนรอรถที่บ้านมารับ

“ทำอะไร” น้าสาวถามอย่างสงสัย เมื่อไม่เห็นหลานชายขึ้นบ้านสักที

“เลี้ยงหมาครับ” แทนหันไปยิ้มให้น้าเบลแล้วยกลูกสุนัขอวด ซึ่งน้อยครั้งที่หญิงสาวจะเห็นหลานชายส่งยิ้มให้เธอด้วยท่าทางมีความสุข

“ไปเอามาจากไหน” น้าสาวมองลูกสุนัขสีขาวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เธอเกลียดสัตว์ทุกชนิดโดยเฉพาะสุนัขเพราะมันทำให้เธอนึกถึงวันเกิดเมื่อสิบปีที่แล้ว วันที่ทศพลซื้อสุนัขให้เป็นของขวัญ

“หน้าโรงเรียน แม่มันตาย แทนสงสารเลยเอามาเลี้ยง” เด็กชายแทนฟ้าเล่าให้ฟังพลางช้อนอุ้มลูกสุนัขขึ้นมาหอมอย่างรักใคร่ เขาชอบสุนัขตัวนี้มาก มันน่ารัก ในบรรดาพี่น้องห้าตัว มันเป็นตัวเดียวที่เข้ามาคลอเคลียอ้อนให้เขาเล่นด้วย

“แทนเลี้ยงได้ใช่ไหม” ดวงตาสีนิลจ้องมองน้าเบลอย่างมีความหวัง เขาอยากได้มาเลี้ยงเพราะมันน่ารักเหลือเกิน ขนสีขาวของมันทั้งนุ่มและนิ่ม เขาไม่อยากแยกจากมัน

“ได้สิ..แต่ต้องรักมันให้มาก ๆ นะ” หญิงสาวลูบแก้มใสที่แดงปลั่งสุขภาพดีของแทนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ครับ” แทนพยักหน้าตอบตกลงทันที หลังจากนั้นทุกวันเด็กชายจะใช้เวลากับสุนัขตัวน้อยตลอด เขาไปไหนก็จะมีเจ้าสี่ขาคอยเดินคลอเคลียเสมอ แทนรักมันมากเพราะมันแสดงออกว่าต้องการเขาแบบที่ใครไม่เคยมอบให้ ความรักและความซื่อสัตย์ที่ได้จากปลาทูเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กชายยิ้มหัวเราะออกมาด้วยใจจริง จนเวลาผ่านไปเกือบสามเดือน ในเย็นวันหนึ่งที่แทนกลับมาจากโรงเรียนแล้วไม่เห็นเจ้าปลาทูวิ่งมาหาเช่นทุกวัน เขารู้สึกกังวลใจจึงวิ่งตะโกนหาไปทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบ จึงเดินเข้าไปถามน้าสาวที่กำลังทำคุกกี้อย่างอารมณ์ดีอยู่ในครัว

“น้าเบลเห็นปลาทูไหมครับ” แทนร้องถามด้วยใบหน้าชื้นเหงื่อ

“เห็นสิ...มันนอนรอแทนอยู่ในศาลาไง” น้าสาวฉีกยิ้มกว้างหากแต่นัยน์ตาสีเข้มนั้นไร้แววจนน่ากลัว เด็กชายค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกห่างด้วยความหวาดหวั่นก่อนวิ่งสุดฝีเท้าไปที่สวนหลังบ้านซึ่งมีศาลาริมน้ำเก่าๆ ตั้งอยู่ ที่นี่ไม่ค่อยมีคนมาต้นหญ้ารอบบริเวณจึงเริ่มขึ้นสูง เด็กชายวิ่งไปจนถึงศาลาแต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ากลับทำให้ตกใจแทบสิ้นสติ

“อะ อ๊าก” แทนกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อสุนัขที่ตนแสนรักนอนหายใจรวยรินเลือดท่วมตัวจนขนสีขาวกลายเป็นสีแดงฉาน ตากลมสีน้ำตาลอ่อนทะลุออกจากเบ้า ลิ้นเล็กๆ จุกปากมีเลือดไหลซึมออกมา สภาพมันเหมือนถูกทุบตีอย่างแรง เด็กชายประคองกอดมันไว้แนบอก น้ำตาหลั่งไหลออกมาแทบเป็นสายเลือด เสียงสะอึกสะอื้นดังไปทั่วบริเวณ

“ฮือ ยะ..อย่าตายนะ อึก ห้ามตาย ได้โปรด ฮือ ๆ” แทนร้องอ้อนวอน หางน้อยกระดิกไปมาเมื่อแทนลูบสัมผัสราวกับว่ามันรอคอยเขามาโดยตลอด แทนกำลังจะอุ้มพามันไปหาหมอแต่เสียงลมหายใจและหางที่หยุดนิ่งไปทำให้หัวใจของเด็กชายแตกสลายทันที

“อ๊าก ม่ายย อึก ฮือ” เด็กน้อยก้มหน้าซุกร่างสุนัขแสนรักกอดแน่นไม่ยอมปล่อย

“ตายซะแล้ว น่าสงสารจัง” น้าสาวเดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างหน้าแทนที่ร้องไห้เจียนจะขาดใจ

“ฮือๆ น้าเบลทำมันทำไม!” เด็กชายรู้ในทันทีว่าใครเป็นคนทำเพราะในบ้านหลังนี้คนที่กล้าทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้มีอยู่แค่คนเดียว

“น้องแทนอยากรักมันมากกว่าน้าทำไมล่ะ” หญิงสาวประคองใบหน้าหลานชายมากดจูบไล้ลิ้นเลียคราบน้ำตาโดยไม่มีการสำนึกผิดแม้แต่น้อย

“จำไว้ ต้องรักน้าที่สุดคนเดียว ไม่อย่างนั้นน้าเบลจะตามไปฆ่าให้หมดทุกคนเลย...”



**ต่อข้างล่าง**

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
**ต่อ**

ร่างสูงทำลายข้าวของในห้องระบายอารมณ์ ความรู้สึกที่มีต่อครูซเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้แทนคลุ้มคลั่ง ยิ่งคิดว่าต้องเสียครูซไปอีกคนเขาก็ไม่อยากอยู่แล้ว

ทำไมตอนนั้นไม่ตายไปพร้อมน้าเบลนะ

ทำไมเขาต้องทนทรมานใช้ชีวิตอันไร้ค่ามาจนทุกวันนี้ด้วย

ตายซะก็จบ

ตาย!

“คุณแทนอย่า!!” ครูซทิ้งข้าวของในมือวิ่งไปโอบแทนที่กำลังใช้มีดกรีดข้อมือตัวเอง ครูซใจหายใจคว่ำ ถ้าเขาเข้ามาไม่ทันได้ส่งคุณแทนเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งแน่

“ฮือๆ” แทนร้องไห้สุดเสียง แค่คนเดียวขอแค่คนนี้คนเดียว คนเดียวที่จะไม่ยอมเสียไปอีกแล้ว

แทนกระชับกอดครูซไว้แน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป ครูซไม่รู้ว่าเพราะอะไรแทนถึงสติหลุดขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนเขาออกไปก็ดูปกติดีทุกอย่าง แต่ภาพที่แทนยกมีดจ่อที่ข้อมือด้วยสายตาเหม่อลอยทำให้เขากลัวจับใจ

“หายใจเข้าลึกๆ” ครูซลูบหลังแทน พยายามบอกให้อีกฝ่ายควบคุมลมหายใจ แทนทำตามที่ครูซบอกผ่านไปสักพักจนอาการหอบเกร็งเริ่มดีขึ้น ครูซสอดมือสางผมสีดำสนิทอย่างปลอบโยน สัมผัสที่อบอุ่นจากครูซทำให้แทนรู้สึกต้องการมากขึ้น

อยากครอบครอง

อยากเป็นเจ้าของ

อยากเก็บไว้คนเดียว

“โอ๊ย!” ครูซร้องออกมาเมื่ออยู่ๆ แทนก็กระชากแล้วเหวี่ยงตัวเขาลงกับโซฟาอย่างแรงก่อนคร่อมตัวทับไว้

“ห้ามตาย...อยู่กับผมนะ” แทนจิกมือครูซขึ้นมากดจูบก่อนกัดลงจมเขี้ยว

“ผมจะอยู่ให้คุณรับผิดชอบไปอีกนาน” เมื่อครูซตอบรับแทนก็ก้มลงมาจูบกลีบปากสีสวย เขาขบกัดอย่างแผ่วเบาแล้วเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ครูซนิ่วหน้าเพราะความเจ็บจากฟันคมที่เม้มกัดไปทั่วจนริมฝีปากมีเลือดไหลเยิ้มเปื้อนไปตามลำคอ

“อื้ม! คุณแทนปล่อยผมก่อน” ครูซรู้สึกแสบจนต้องร้องห้าม

“ไม่!” แทนปลดเนกไทแล้วนำมาผูกข้อมือครูซไว้แน่นทั้งที่ปากยังตามประกบอยู่ไม่ห่าง ครูซไม่ทันได้ระวังพอรู้ตัวอีกทีก็ดิ้นด้วยความตกใจ

“ผมไม่หนีหรอกอย่ามัดเลย” ครูซไม่ชอบที่ถูกจำกัดอิสระในการเคลื่อนไหว มันเหมือนเขาถูกอีกฝ่ายบังคับทั้งที่ตามจริงเขาเต็มใจที่จะถูกสัมผัสจากแทน ถ้าเขายอมให้แทนบังคับแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันจะทำให้แทนติดเป็นนิสัยว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายต้องการเขาต้องใช้กำลังบังคับถึงจะได้มา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยในความรู้สึกของครูซ

“โกหก” แทนจับข้อมือครูซกดไว้แน่น

“ผมไม่เคยโกหกคุณ” ครูซสบตาแทนเพื่อยืนยันคำพูดตน ร่างสูงมองอย่างลังเลก่อนค่อยๆ ยื่นมือไปแกะเนกไทออกให้

ผลัก

ครูซพลิกตัวคร่อมทับแทนไว้แล้วประกบจูบอย่างดูดดื่ม คนใต้ร่างอ้าปากรับด้วยความโหยหา ตอนนี้ในหัวชายหนุ่มว่างเปล่าไปหมด เขาเพียงต้องการสัมผัสอบอุ่นแบบนี้ไว้ อยากครอบครอง อยากรับรู้ว่าคนตรงหน้าจะไม่มีวันหายไป

“อ่ะ!” แทนสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียวบีบคลึงที่ตุ่มไตสีชมพูของเขา ครูซดูดไซร้ตามซอกคอขาวอย่างเผลอไผล กลิ่นของแทนไม่ได้หอมหวานเหมือนหญิงสาว มีแต่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อด้วยซ้ำ แต่ทำไมไม่รู้เขาถึงชอบที่จะสูดดมนัก ให้ความรู้สึกสะอาดจนเขาอยากทำให้เปรอะเปื้อนจนทนไม่ไหว

“ครูซ” แทนกระชากหัวครูซให้มองสบตาก่อนแลบลิ้นเลียปากบางของหนุ่มลูกครึ่งจนมันชุ่มไปด้วยน้ำสีใส ครูซพยุงตัวมองดวงตาฉ่ำวาวที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์แล้วใจสั่น เขาไม่ใช่คนมีประสบการณ์เรื่องเพศเยอะ เขาห่างหายไปหลายปีจนเหมือนร่างกายจะถูกกระตุ้นได้ง่ายดายเพียงแค่เห็นสีหน้าเร้าอารมณ์ของอีกฝ่าย

“เอาลิ้นออกมา” สิ้นคำสั่ง ครูซก็ค่อยๆ อ้าปากแลบลิ้นสีแดงสดที่บวมเป่งเพราะถูกอีกฝ่ายดูดดึงก่อนหน้านี้

“อ๊ะ!” ครูซร้องมาเมื่อถูกฟันคมขบกัดอย่างแรงจนกลิ่นคาวสนิมคละคลุ้งไปทั่วปาก แทนเลียปากตัวเองที่เลอะหยดเลือดจากลิ้นนุ่มของครูซก่อนเงยหน้าดูดทุกหยาดเลือดที่หลั่งไหลออกมา พลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีครีมอ่อนออก มือสอดเข้าไปบีบคลึงทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง แต่เมื่อรู้สึกไม่ถนัดเขาเลยกระชากตัวครูซให้อยู่ใต้ล่าง

“คะ...คุณแทน” ครูซร้องเรียกเสียงสั่นเมื่อแทนครอบริมฝีปากลงบนยอดอกแล้วใช้ฟันขบดึงจนเจ็บไปหมด แต่ความเสียวสะท้านก็มากเกินจนไม่สามารถปฏิเสธได้ มือขาวลูบไล้จับไปทั่วผิวเนียน แทนกระชากเสื้อเชิ้ตของครูซให้พ้นตัวก่อนทาบทับลงไป ยิ่งตัวเบียดเสียดกันมากเท่าไหร่ ความรู้สึกต้องการก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น แทนจิกหัวให้ครูซเงยขึ้นรับจูบป่าเถื่อนที่ไม่มีความอ่อนโยนอยู่เลยสักนิด หยดเลือดที่ไหลออกจากลิ้นยิ่งทำให้แทนคลั่ง อยากกลืนกิน อยากกัดจนไม่ให้เหลือซาก

“อื้ม” ครูซกำเสื้ออีกฝ่ายแน่นเพื่อระบายความเจ็บ แต่น่าแปลกที่ยิ่งเจ็บมากเท่าไหร่ ร่างกายเขากลับต้องการยิ่งขึ้น อยากให้แทนสัมผัสจนแทบทนไม่ได้ ทั้งคู่ต่างแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม มือลูบไล้ไปทั่วตัวตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อแทนแทรกตัวไปอยู่ระหว่างขาก็ทำเอาหนุ่มลูกครึ่งสะดุ้งสุดตัว

“เดี๋ยวครับ!” ครูซถึงรู้สึกว่าต้องการแต่เขาไม่อยากอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรองรับความต้องการอีกแล้ว

“เงียบ” แทนไม่สนใจเอื้อมมือไปแกะกระดุมแล้วรูดซิปกางเกงออก มือขาวดึงกางเกงในสีขาวลงแล้วคว้าแกนกลางของครูซขยับปลุกเร้าจนเจ้าตัวร้องครางออกมา ใบหน้าแดงก่ำกับดวงตาสีน้ำตาลที่คลอไปด้วยน้ำตาทำให้แทนรู้สึกตื่นเต้น ถ้ามากกว่านี้ล่ะ จะร้องไห้หรือเปล่า แทนแสยะยิ้มแล้วเอาลิ้นแตะส่วนปลายที่เริ่มมีน้ำปริ่มอยู่ ครูซที่รับรู้ถึงสัมผัสอุ่นชื้นก็สะดุ้งสุดตัวด้วยความเสียวกระสัน

“อึ่ม!..อืม” มือไม้สั่นไปหมด หัวขาวโพลง ลิ้นที่ทั้งนิ่มและอุ่นไล้วนไปตามความยาวก่อนครอบลงไป ส่วนมือขาวเคล้นไปตามลูกบอลแฝดอย่างปลุกเร้า ครูซกัดแขนตัวเองระบายความเสียวซ่านที่แทนมอบให้ ยิ่งปากอิ่มแกล้งขบเบาๆ ตามแกนกลางร่างโปร่งยิ่งสั่นสะท้าน แทนคายท่อนเนื้อในปากแล้วใช้มือชักรูดให้อย่างรวดเร็ว อยากเห็นสีหน้าทรมานแทบขาดใจของอีกฝ่าย ซึ่งภาพตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผิดหวังสักนิด ใบหน้าที่แดงก่ำไปด้วยอารมณ์ราคะกับน้ำตาที่ไหลจากดวงตาคู่สวย ร่างกายบิดเร้าไปมาด้วยความต้องการ

“ร้องสิ...อยากฟัง” แทนยื่นมือไปปัดแขนครูซที่กัดห้ามเสียงครางอยู่ออก แต่คำสั่งที่น่าอายเกินไปทำให้ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

“อืม..อ๊า~ คะ คุณแทนแรงไปแล้ว!” เมื่อไม่ยอมทำตามที่บอก แทนจึงบีบรัดท่อนเอ็นในมืออย่างแรงจนครูซร้องออกมาสุดเสียง

“อย่าขัดคำสั่ง” ร่างสูงกระซิบชิดริมฝีปากบางแล้วดูดเม้มอย่างหยอกล้อ ครูซพยักหน้ารับอย่างจำยอม เห็นดังนั้นแทนถึงใช้ลิ้นลากเลียตั้งแต่ปลายคางไปถึงหน้าอกแล้วดูดกลืนตุ่มไตทั้งสองข้างก่อนไล้ลิ้นไปยังแกนกลางที่มีน้ำไหลเยิ้มออกมาบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวที่ใกล้ถึงเวลาปลดปล่อย แทนหยุดขยับมือแล้วใช้นิ้วชี้กดปิดกั้นรูไว้แกล้งไม่ให้ครูซได้ปลดปล่อย

“อ้า~ แฮ่ก ๆ คุณแทน ผะ ผมอึดอัด อื้ม!” ครูซจิกมือลงบนโซฟาแน่น ไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อ หน้าอกกระเพื่อมตามลมหายใจที่หอบเร็ว แทนจ้องภาพข้างหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่สายตาที่ใช้มองกลับโลมเลียจนคนใต้ร่างใจสั่น ครูซรู้สึกว่าแทนมีความขัดแย้งในตัวมากจนเขาสับสน ทั้งที่เกลียดสัมผัสแต่ทำไมถึงได้ทำเรื่องอย่างว่าเก่งได้ขนาดนี้กันนะ....

“อ๊ะ!” ครูซสะดุ้งสุดตัวเมื่อแทนบดขยี้ปลายยอดแกนกลางของเขา

“อย่าเหม่อ” แทนพูดจบก็ครอบปากลงบนท่อนเนื้อที่สั่นไหวรุนแรงจากความต้องการ ครูซเริ่มเกร็งตัวเมื่อดูดเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งชักรูดทั้งหนักแน่นและรวดเร็ว อีกมือก็เคล้าคลึงลูกแฝดอย่างหยอกเย้า

“อึ่ก...อ้า~ อื้ม!!” ครูซผลักให้แทนออกห่างเมื่อใกล้จะถึงจุดสุดยอด แต่ดูเหมือนแทนจะจงใจไม่เอาริมฝีปากออก ทั้งดูดดึงและใช้ลิ้นรัวลงบนส่วนปลายทำให้ครูซทนไม่ไหวปลดปล่อยน้ำคาวขุ่นออกมามากมายจนไหลทะลักออกตามมุมปาก

“สกปรก” แทนคายน้ำคาวขุ่นลงบนฝ่ามือ จ้องมองด้วยความรู้สึกรังเกียจแต่กลับกลืนกินบางส่วนที่อยู่ในปากลงไป รสชาติแย่ แทนเลียริมฝีปากที่เปื้อนอยู่พลางมองครูซที่นอนหอบหลับตาหน้าแดงก่ำ เห็นแล้วรู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอยากทำให้แดงช้ำไปหมดทั้งตัว

“โอ๊ย!” ครูซลืมตาขึ้นทันทีเมื่อถูกกัดต้นขาขาวอย่างแรง แทนสบตาครูซแล้วลากลิ้นไปถึงหน้าท้องขาวที่ขึ้นรูปซิกแพคสวยงาม ตามตัวของครูซเรียบเนียนไม่มีขนสักเส้นให้แทนรู้สึกสากมือ

“อึ่ก” ครูซหอบหายใจแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อถูกกระตุ้นจากอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ปลดปล่อยไปแล้วแต่ร่างกายกลับตื่นตัวได้ง่ายจนเขาอาย

“อย่าให้ใครมาจับคุณแบบนี้” แทนสอดนิ้วแทรกเข้าไปในปากอุ่น บีบคลึงลิ้นสีแดงเล่นอย่างเพลินมือเขารู้ความหมายคำว่า เอ็นดู ของคุณหญิงรัศมี รู้ดีว่ามันทำให้คนเป็นบ้าได้อย่างไร

“ผมไม่ชอบของสกปรก” ถ้าจะร่างกายนี้จะสกปรก เขาขอเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ทำ “เข้าใจไหม” แทนกระซิบข้างหูครูซแล้วสอดลิ้นเข้าไปโลมเลีย ครูซขยับออกห่างเล็กน้อยก่อนพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้าง

“ผมจะทำตามที่คุณแทนสั่ง ถ้าคุณเชื่อฟังผมให้มากๆ” ครูซโอบคอแทนเข้ามาใกล้จนหน้าผากแนบชิด สายตาที่สอดประสานกันทำให้คนทั้งคู่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

“หึ” แทนไม่ชอบใจกับประโยคอวดดีแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาพยุงตัวลุกขึ้นแล้วฉุดครูซให้ลุกมาจัดการกับตัวเองที่เลอะเปรอะเปื้อน แทนลุกไปเข้าห้องน้ำซึ่งสั่งทำพิเศษไว้ในห้องทำงานเพราะไม่ชอบเข้าไปใช้ปะปนกับคนอื่น ในห้องทำงานนี้จึงมีทั้งห้องน้ำและเคาน์เตอร์สำหรับชงเครื่องดื่มอยู่หลังผนังสีดำที่สามารถเลื่อนเปิดได้

ซ่าๆ

สายน้ำที่ไหลจากฝักบัวทำให้แทนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ชายหนุ่มเริ่มจัดการกับแกนกลางที่ขยายตัวอยู่ให้สงบลง ที่แทนเลือกหยุดไว้แค่นั้นเพราะรู้ตัวเองดีว่าถ้าสานต่อแล้วเขาคงไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ทำป่าเถื่อนกับอีกฝ่ายได้แน่

​เขาเสพติดความรุนแรง ชอบสีหน้าที่ร้องไห้อ้อนวอน เขาเกลียดสิ่งที่น้าเบลทำไว้แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านั้นหล่อหลอมให้เขามีรสนิยมเสพสมทางเพศแบบนี้ ก่อนหน้านี้แทนไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับใครเลยนอกจากน้าเบล ซึ่งเขาเรียนรู้ทุกอย่างในสิ่งที่เด็กไม่สมควรได้รู้จากน้าสาว มันยาวนานและมากพอจะทำให้จำได้ขึ้นใจว่าควรทำแบบไหนให้อีกฝ่ายรู้สึกดี เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะถูกทุบตีเสมอ ความรู้สึกรังเกียจขยะแขยงทุกครั้งที่ได้ทำ มันยังฝังใจเขามาจนทุกวันนี้ แต่น่าแปลกที่กับครูซเขากลับไม่ได้รู้สึกแย่มีแต่ความสุขสม ทั้งที่เรื่องพวกนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเขามาก่อน แต่กับครูซเขาไม่อาจห้ามความต้องการแสนวิปริตของตัวเองได้ แทนรู้ตัวว่าครูซพิเศษกว่าคนอื่นสำหรับเขา หนุ่มลูกครึ่งสามารถอยู่ใกล้เขาในแบบที่ใครก็ไม่สามารถทำได้ เป็นตัวเขาเสียเองที่เป็นฝ่ายเรียกร้องหาโดยที่ไม่รู้สึกรังเกียจรุนแรงเหมือนเคย เพียงแค่รอยยิ้มและสัมผัสอันอบอุ่นก็ทำเอาอารมณ์บ้าคลั่งที่เคยมีเบาบางลงไปได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ยาเลยสักนิด มันเป็นเพราะอะไรกัน...

ก๊อกๆ

“คุณแทนครับนานเกินไปแล้วนะ” แทนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกจากคนในห้วงความคิด ครูซเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้อนรนเพราะแทนไม่ตอบรับอะไรกลับมาสักที

“รู้แล้ว!” แทนบอกกลับ มือขาวเอื้อมไปปิดฝักบัวแล้วเดินไปแต่งตัวใหม่ในมุมห้องที่แบ่งเป็นโซนตู้เสื้อผ้าเอาไว้

“โอเคไหมครับ” ครูซที่นั่งรออยู่ข้างนอกพอเห็นแทนออกมาก็รีบพุ่งเข้าไปสำรวจตามตัว เพราะกลัวว่าคนหน้านิ่งจะเผลอทำร้ายตัวเองอีก

“ดูแลตัวเองก่อนเถอะ” แทนว่าแล้วใช้นิ้วเกลี่ยริมฝีปากบางที่มีเลือดแห้งติดอยู่

“ผมไม่เจ็บคระ โอ๊ย!” ครูซยังพูดไม่ทันจบแทนก็กดลงไปที่แผลอย่างแรงจนปากแผลเปิดเลือดไหลซึมออกมา

“เจ็บแล้วนี่” แทนแสยะยิ้มมุมปากแล้วโยนผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ให้ ครูซรับมาถืออย่างงงๆ

“ผมไม่ชอบให้คุณสกปรก” แทนพูดจบก็เดินผ่านหน้าครูซไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าว

“เดี๋ยวผมใส่จานให้... // ผมจะรอทานพร้อมคุณ”

“แต่..” ครูซอยากให้แทนรีบทานเพราะถ้าเลยเวลาอาหารโรคกระเพาะอักเสบจะกำเริบ

“อย่าขัดคำสั่งผมบ่อยๆ สิ มันไม่ค่อยน่ารักเลยนะ” จบประโยคเรียบนิ่งของแทน ครูซก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที มือไม้เก้กังไปหมด เขาไม่เคยเจอแทนในโหมดนี้เลยทำตัวไม่ค่อยถูก สายตาจับจ้องกับรอยยิ้มจางๆ แบบนั้นทำให้ใจเขาเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา

“รอสักครู่นะครับ” ครูซไม่สามารถโต้ตอบอะไรกลับไปได้ จึงได้แต่เม้มปากเพื่อกลั้นรอยยิ้มของตนแล้วรีบหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ เลยสักนิด

“ยา..คุณเป็นยาของผม” ยากล่อมประสาทที่ทำให้เขาเลิกคลั่งเพียงแค่ได้รับสัมผัสอันอบอุ่นกับรอยยิ้มแสนอ่อนโยน

TBC.


ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 13

ร่างสูงทิ้งตัวลงแช่น้ำในอ่างที่มีฟองสบู่สีขาวนวลลอยอยู่ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการทำงานและปัญหาที่พากันเข้ามาในชีวิตอย่างไม่จบไม่สิ้น แทนหลับตายกมือนวดระหว่างคิ้วให้หายตึงเครียด วันนี้การได้ปะทะคารมกับคุณหญิงรัศมีทำให้เขารู้ว่าตัวเองยังอ่อนแอมากนักที่จะต่อกรกับคนเป็นย่า ทั้งยังเผยจุดอ่อนให้อีกฝ่ายได้เอาไปเป็นข้อต่อรองในการบังคับให้ตนยอมอยู่ภายใต้อำนาจ ลำพังแค่ตัวเองแทนคงไม่เป็นกังวลขนาดนี้ แต่นี่มันรวมถึงชีวิตของคนอื่นด้วย เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าครูซถูกย่าสั่งกำจัด อีกฝ่ายจะมีสภาพแบบไหน เขาอยากปกป้องอยากดูแลแต่อำนาจที่มีอยู่ในมือมันน้อยนิดเมื่อเทียบกับคุณหญิงรัศมี มันคล้ายกับการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ต่อให้พยายามแค่ไหนไม้ซีกก็แตกหักอยู่ดี

ทุกวันนี้ที่แทนยอมฟังคำสั่งจากคุณหญิงรัศมีก็เพราะอีกฝ่ายยื่นข้อเสนอเอาไว้ ข้อเสนอที่ว่า ถ้ายอมทำตามที่สั่งพัชชาจะปลอดภัย พี่เลี้ยงคนสนิทของชายหนุ่มรู้เห็นเรื่องในครอบครัว วราวุธกิจ มากเกินไป ทำให้ครั้งหนึ่งเกือบถูกฆ่าปิดปากแต่แทนไปร้องขอกับคนเป็นย่าไว้ อีกฝ่ายจึงได้มีคำข่มขู่มาใช้บังคับตนอยู่ตลอด ไม่ใช่ว่าไม่เคยพยายามพาตัวเองให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์พวกนี้ แทนพยายามมาทั้งชีวิตทำมาตลอดจนบางครั้งมันก็เหนื่อยจนหมดแรงที่จะดิ้นรน หมดกำลังใจที่จะไขว่คว้าอิสรภาพ เพราะไม่รู้ว่าต้องก้าวไปทางไหนถึงจะหลุดพ้นจากเส้นทางที่ถูกคุณหญิงวาดเขียนไว้ให้

“อึก...ฮือ” ไหล่กว้างสั่นไหวตามแรงสะอื้น หยดน้ำสีใสพรั่งพรูออกจากดวงตาไม่ขาดสาย อารมณ์ซึมเศร้าหดหู่กำลังโจมตีร่างสูงจนความคิดบิดเบี้ยว แทนเริ่มแยกความจริงกับจินตนาการไม่ออก ชายหนุ่มเอาทุกอย่างมาผสมปนเปไปหมดจนเกิดภาพหลอนขึ้นในหัว

“ไม่..ไม่..ไม่...ไม่” ภาพครูซกับพัชชาถูกฆ่าฉายซ้ำไปซ้ำมาในราวกับหนังสั้น มือขาวจิกกระชากผมตัวเองดึงรั้งไปมาเพื่อหยุดภาพในหัวที่ไม่ยอมหายไปสักที แทนปล่อยโฮออกมาสุดเสียง

เขามันเป็นตัวซวย เป็นตัวกาลกิณี เขาเกิดมาเพื่ออยู่เพียงลำพัง หากรักและต้องการใครคนคนนั้นต้องมีจุดจบที่เจ็บปวดทรมาน

ยิ่งคิดเรื่องในอดีตยิ่งตอกย้ำให้คลุ้มคลั่ง ร่างน้าสาวที่นอนตัวผิดรูปมีเลือดทะลักออกจากปาก เบ้าตากับมันสมองสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นถนน ภาพสุนัขแสนรักตายคาอก เหตุการณ์โหดร้ายที่ชายหนุ่มเคยได้รับกำลังกัดกินจิตใจจนดำมืด

“คุณแทน! เปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้!” เสียงทุบประตูและตะโกนเรียกจากข้างนอกไม่ได้ทำให้แทนหลุดจากภวังค์ มือขาวกำด้ามมีดที่พกติดไว้ตลอดเวลาแน่นแล้วค่อยๆ ยกขึ้นจ่อกับลำคอที่เอียงปรับองศาให้ง่ายต่อการปาดที่สุด บานประตูไม้แกะสลักสวยงามถูกชายหนุ่มลูกครึ่งกระแทกตัวใส่จนพังกองไปอยู่บนพื้นห้อง แทนยืนนิ่งมองกระจกที่สะท้อนภาพครูซ

“ครูซยังไม่ตาย” ปากอิ่มฉีกยิ้ม เขาทิ้งมีดในมือแล้วเดินไปหาอีกฝ่ายด้วยความดีใจ

เพี๊ยะ!

หน้าแทนสะบัดไปตามแรงตบ มือขาวยกขึ้นมาแตะแก้มตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกตัว

“ห้ามไม่ให้ผมตาย ห้ามไม่ให้ผมทิ้ง แล้วทำไมคุณกลับทำแบบนี้ล่ะครับ” ครูซเตะมีดให้พ้นจากรัศมีใกล้ตัวแทนก่อนผลักร่างเปลือยเปล่าให้ชิดกำแพงแล้วคร่อมตัวทับไว้ ท่าทางเย็นชาที่ไม่เคยได้รับจากครูซทำให้แทนรู้สึกเสียใจจนทนแทบไม่ไหว

“ขอโทษ ขอโทษ อย่าทิ้งผมนะ ขอโทษ” แทนร้องไห้แล้วพูดออกมาซ้ำๆ ครูซมองใบหน้าขาวที่มีรอยแดงจากฝ่ามือตนนิ่ง ไม่ได้กอดหรือพูดปลอบโยนเหมือนทุกครั้ง

“ถ้าผมมาไม่ทัน คุณจะฆ่าตัวตายเพื่อความสบายใจคนเดียวใช่ไหม” ครูซพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่เหมือนเคย สายตาที่จ้องมองมาก็ว่างเปล่าไม่อ่อนโยนเหมือนเก่า แทนส่ายหน้าไปมา เขาไม่ชอบแบบนี้เลย ไม่ชอบแบบนี้

“ฮือ! ขอโทษๆ” แทนก้มหน้าซบลงบนไหล่กว้าง มือขาวโอบรอบเอวสอบไว้แน่น

“ผมไม่ยกโทษให้” ครูซดันแทนให้ออกห่างก่อนดึงร่างขาวให้ยืนอยู่ใต้ฝักบัวแล้วเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างฟองสบู่ออกให้ แทนที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่ให้อภัยก็ยืนร้องไห้ไม่หยุด มือขาวจิกทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจแต่ครูซกลับนิ่งเฉย ทำเพียงยืนอาบน้ำให้จนเสร็จแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่างกายที่เริ่มสั่นจากอากาศหนาวเย็น

“หยุด” ครูซปัดมือแทนไม่ให้จิกแขนตัวเอง แต่แทนไม่หยุดซ้ำยังทำรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ถ้ายังไม่หยุดดื้อ ผมไม่รักจริงๆ ด้วย” แทนหยุดทุกการกระทำแล้วหันไปจ้องมองใบหน้าครูซด้วยดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำสีใส ภาพที่เห็นเบลอไปหมดจนไม่สามารถรับรู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไรขณะพูดคำนั้นออกมา

“รัก...อย่าเลิกรัก ...รักผมเถอะนะ” แทนเช็ดน้ำตาออกแรงๆ แล้วสบตากับครูซที่แม้ไม่ได้ยิ้มให้ดังเช่นทุกครั้งแต่สายตาจริงจังก็สามารถบอกได้ว่าที่พูดออกมานั้นไม่ใช่เรื่องโกหก

“อย่าดื้อกับผมให้มันมาก” แทนพยักหน้ารับแล้วเดินไปกอดร่างโปร่งแน่น ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวอีกฝ่ายทำให้อารมณ์ซึมเศร้าและสิ้นหวังค่อยๆ ลดน้อยลง ครูซพาแทนออกไปแต่งตัวและเช็ดผมให้เรียบร้อย

“อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ” ครูซพูดขณะทายาที่เป็นรอยฟกช้ำตามแขนให้แทน

“มันไม่รู้สึกตัว...ผมเห็นคุณกับพัชชาตาย ผมไม่อยากอยู่คนเดียว” แทนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แค่พูดถึงภาพในหัวที่ครูซถูกยิงเลือดท่วมทั้งตัวก็ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นส่ำแล้ว เขากลัวจะเสียคนตรงหน้าไป

“เป็นความผิดผมเองที่ห้ามไม่ให้คุณแทนทานยา” ครูซรู้สึกว่าช่วงหลังที่ตนบังคับไม่ให้แทนทานยาระงับประสาท อาการอีกฝ่ายก็เป็นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ

“ยา...ยาหมดแล้วต้องไปเอา” แทนลุกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่ายา ร่างสูงเดินวนไปวนมาหายาตามชั้นวางและโต๊ะภายในห้องนั่งเล่น ครูซมองตามแทนที่เดินไปทั่วห้องด้วยความรู้สึกสงสาร

“คุณแทนมานั่ง” ครูซเอ่ยเรียกแต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจยังคงเดินหายาต่อไปเรื่อย ๆ จนใบหน้าขาวเริ่มชื้นเหงื่อเพราะความกังวลที่หายาไม่เจอ

“คุณแทน” เรียกย้ำอีกครั้งแต่แทนก็ยังไม่สนใจจะหันมามองเหมือนเดิม “ยาอยู่นี่” ครูซยื่นยาที่พกติดตัวไว้ตลอดเผื่อยามเวลาจำเป็นที่แทนต้องใช้ แทนที่เห็นยาอยู่ในมือครูซก็รีบหยิบมาแกะแล้วยัดใส่ปากทันทีก่อนวิ่งไปเปิดน้ำในตู้เย็นดื่มตามอึกใหญ่ เมื่อเห็นร่างสูงทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปหา

“ไปนอนกันเถอะครับ” ครูซจูงมือแทนที่ตอนนี้ดูเหมือนสติไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยให้เดินไปเข้าห้องนอนด้วยกัน เมื่อมาถึงเตียงคนหน้านิ่งก็ดึงแขนอีกคนให้ล้มตัวนอนอยู่ข้างกัน ซึ่งหนุ่มลูกครึ่งไม่ได้ขัดขืนเพราะอยากให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนเสียที

“ฝันดีครับ” ครูซโอบแทนเข้ามาใกล้กดจูบลงบนขมับแล้วกอดไว้แน่นจนอีกฝ่ายหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยฤทธิ์ยา หนุ่มลูกครึ่งจ้องมองใบหน้าขาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย วันนี้ทั้งวันเขาเจอแทนมาทุกอารมณ์ทุกรูปแบบจนไม่รู้ว่าตัวตนไหนคือตัวตนที่แท้จริงกันแน่ แทนที่นิ่งขรึม แทนที่ร้องไห้ง่ายหรือแทนที่บ้าคลั่งเสพติดความรุนแรง ตัวตนของแทนเป็นแบบไหนกัน

“เฮ้อ...” ครูซถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญก่อนหน้านี้ หากเขาไม่ฉุกคิดสักนิดคงมาไม่ทันแน่ๆ ตอนแรกที่เขาสงสัยคือแทนมีพฤติกรรมแปลกไปตั้งแต่เขาขับรถมาส่งอีกฝ่ายที่คอนโด ร่างสูงอยู่ไม่นิ่งมือไม้สั่นไปหมดและซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทนยังดูปกติอยู่เลย

ครูซส่งแทนเสร็จก็ขับรถกลับบ้านด้วยความไม่สบายใจ จนสุดท้ายนึกขึ้นได้ว่าหมอไวน์เคยทิ้งเบอร์ไว้ให้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าโทรไปถามให้แน่ใจ หมอไวน์พอฟังครูซเล่าเสร็จก็พูดออกมาประโยคเดียวว่า กินยาหรือยัง ประโยคนี้มันทำให้เขารู้ว่าตัวเองทำพลาดไปแล้วที่บังคับไม่ให้แทนทานยา ยิ่งฟังหมอไวน์เล่ายิ่งรู้สึกผิด เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่แทนเป็นอยู่ผิดไปจริงๆ

“แทนเป็นโรคซึมเศร้าและมีอาการทางจิต แต่เจ้าตัวปฏิเสธการรักษาจากจตแพทย์เลยขอรับแต่ยามากินเพื่อกดอาการไม่ให้กำเริบ ที่อยู่ได้ปกติเพราะกินยาอยู่ทุกวัน พูดตามตรงนะหมอเขาไม่มีหลักการรักษาแค่จ่ายยาหรอก ผมถึงลักลอบขายกันเอง ถึงมันจะผิดจรรยาบรรณแต่มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยญาติผมได้ ยาที่แทนกินประจำไม่ได้มีฤทธิ์ขนาดกินปุ๊ปแล้วหายปั๊ปอย่างที่เห็นหรอก แต่มันเป็นคิดของแทนเองต่างหาก มันคิดว่าถ้ากินแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น จะว่าคล้ายกับการสะกดจิตตัวเองก็ได้ ในเมื่อผู้คนรอบตัวไม่สามารถให้ความรู้สึกพึ่งพาได้ ความหวังทั้งหมดเลยไปลงอยู่ที่ยา”

พอเขาฟังจบก็รีบวนรถกลับไปหาแทนเพราะพฤติกรรมที่เห็นก่อนหน้านี้คืออาการแรกเริ่มของโรคซึมเศร้า เมื่อมาถึงครูซยืนกดกริ่งอยู่ร่วมห้านาทีแต่แทนกลับไม่มาเปิด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกดรหัสเปิดเข้าไปเอง ครูซวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันทีเมื่อไม่เห็นแทนอยู่บริเวณห้องนั่งเล่น เขาได้ยินเสียงร้องไห้สะอื้นดังออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอน ทำให้ครูซรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายอยู่ในนั้น เขาพยายามเคาะเรียกหลายต่อหลายครั้งแต่แทนก็ไม่ตอบกลับมาจนสุดท้ายเขาทนรอต่อไปไม่ไหวถึงคว้าเก้าอี้มาพังกลอนประตูก่อนใช้ไหล่กระแทกเข้าไป

ภาพแทนถือมีดกำลังจะปาดลงบนลำคอมันทำให้อารมณ์ที่เคยสงบนิ่งของครูซถูกพัดให้ปั่นป่วนไปหมด เขาโกรธที่อีกฝ่ายคิดทำร้ายตัวเองง่ายๆ ทั้งที่เขาพยายามดูแลเอาใจใส่แต่แทนกลับไม่มีสายตาลังเลใจหรือกลัวที่จะตายอยู่เลยแม้แต่น้อย เขาทนไม่ไหวถึงขั้นตบหน้าอีกฝ่ายเพื่อเรียกสติ โกรธจนไม่อยากโดนตัวแทนเลยด้วยซ้ำเพราะกลัวจะห้ามตัวเองไม่ให้ระเบิดอารมณ์ใส่ไม่ได้แต่เมื่อเห็นใบหน้าขาวเต็มไปด้วยน้ำตากับคำอ้อนวอนไม่ให้เขาทิ้งไป คำพูดและสายตาของแทนทำให้ครูซมั่นใจในความรู้สึกตัวเองมากยิ่งขึ้น ถึงกล้าพูดคำนั้นออกไป คำว่า รัก ที่ไม่เคยเอ่ยให้ใครฟังนอกจากคนในครอบครัว แม้จะเป็นแฟนคนแรกครูซก็ไม่เคยพูด แต่กับแทนเขาอยากบอก อยากจะแสดงออกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ เผื่อว่าความรู้สึกที่เขามีให้จะแทรกซึมลงไปลดความทุกข์ทรมานภายในใจของแทนได้บ้าง

ครูซไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งเป็นได้ถึงขนาดนี้ แต่เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่มีทางทิ้งแทนให้เดินอย่างโดดเดี่ยวแน่นอน ถึงจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่เขาก็จะไม่ปล่อยมือแทนให้แบกรับความเจ็บปวดคนเดียวอีกต่อไป เขาเป็นคนชอบเอาชนะ ยิ่งยากยิ่งอยากอยู่เหนือกว่า แต่สำหรับแทน ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เขาไม่เคยรู้สึกสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้เลย ...แม้แทนจะเป็นฝ่ายเรียกร้องหาเขาก่อน แต่ในความรู้สึกของครูซ ตัวเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายตกหลุมพรางที่ตนทำไว้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

“ผมไม่ทิ้งคุณแทนหรอกครับ” ครูซจูบลงบนกลุ่มผมสีดำสนิทก่อนค่อยๆ ขยับตัวลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วมาทิ้งตัวนอนข้างแทนอีกครั้ง

“ไปหาหมอหรือยัง” แทนเอ่ยถามครูซที่มารอรับที่คอนโดหลังจากถูกตนสั่งห้ามขับรถมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม เพราะแขนขวาอักเสบจากการกระแทกประตูห้องน้ำคืนนั้น

“ไปมาแล้วครับ” ครูซตอบรับ จะคว้ากระเป๋าทำงานของแทนมาถือให้เหมือนทุกทีแต่อีกฝ่ายกลับยกหลบแล้วมองด้วยสายตาไม่พอใจนัก ทำให้ครูซขมวดคิ้วสงสัย

“เอากุญแจมา” แทนแบมือขอกุญแจรถจากครูซ เพราะไม่อยากให้เลขาหนุ่มทำงานหนักจนกระทบกระเทือนกับแขนขวาที่กำลังเจ็บอยู่ เขายังรู้สึกผิดไม่หายเมื่อตื่นมาเจอต้นแขนของครูซที่ปวดช้ำจนห้อเลือดจากการกระแทกประตู หนำซ้ำยังใช้แขนรองหัวเขาต่างหมอนให้อีก ตกใจแทบตายเมื่ออีกฝ่ายขยับแขนไม่ได้จนต้องรีบขับรถพาไปโรงพยาบาลที่เกลียดแสนเกลียด ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมากแค่อักเสบบวมช้ำ พักการใช้แรงหนักๆ สักระยะก็กลับมาใช้งานได้ปกติ

“ผมหายแล้วครับ”

“เงียบ!” แทนกระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิด ครูซถึงยอมยื่นกุญแจให้ตัดปัญหา ไม่อยากเถียงให้อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดี ทั้งสองคนเดินไปขึ้นรถด้วยกันแต่ครั้งนี้ตำแหน่งคนขับกับคนนั่งสลับต่างออกไปจากทุกที ระหว่างทางไปบริษัททั้งรถตกอยู่ในความเงียบเหมือนย้อนกลับไปในตอนแรกที่ทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ มันเป็นเช่นนี้มาทั้งสัปดาห์หลังเกิดเหตุการณ์ที่แทนพยายามฆ่าตัวตาย เช้าวันถัดมาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป แทนถอยห่างจากครูซจนรู้สึกได้ แม้จะพูดคุยกันปกติแต่หนุ่มลูกครึ่งก็รู้ว่าอีกฝ่ายได้เปลี่ยนไปแล้ว จะพยายามถามถึงสาเหตุแต่แทนไม่เคยเปิดโอกาสให้ได้ถามเลยสักครั้ง ครูซจึงยอมอยู่ในจุดที่แทนต้องการให้เขาอยู่เพราะไม่อยากฝืนบังคับแทนที่ต้องอดทนต่อความกดดันที่มีมากมายอยู่แล้ว

“เลิกจ้อง” เสียงเย็นชาพูดเตือนออกมา เมื่อดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าของตนตั้งแต่ขึ้นรถมาเสียที ถึงจะไม่ได้รู้สึกรังเกียจสายตาที่ครูซมอบให้แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกแปลกไปจนทำตัวไม่ถูกอยู่เหมือนกัน

“ทำไมครับ” ครูซไม่ได้สะทกสะท้านกับท่าทีไม่พอใจของแทนแม้แต่น้อย แทนมองอีกฝ่ายด้วยหางตาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจนถึงบริษัท ร่างสูงรีบลงจากรถแล้วเดินตรงดิ่งออกไปทันทีโดยไม่คิดจะดับเครื่องยนต์เลยสักนิด ทำให้ครูซต้องเอื้อมมือไปดึงกุญแจออกเองและจัดการล็อกรถให้เรียบร้อย

“เฮ้อ...” ถอดหายใจออกมายาวเหยียดก่อนยกมือลูบหน้าแรงๆ เรียกสติให้กลับมาจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน ครูซทนมาทั้งอาทิตย์กับท่าทีที่แทนมอบให้ มันน่าหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่เปลี่ยนไป แทนไม่ยอมให้เขาโดนตัวมากเท่าที่เคย หลีกเลี่ยงที่จะคุยด้วยตลอด พอถามจี้มากๆ ก็ใช้ความเงียบจบบทสนทนาเป็นประจำ เขาอึดอัดใจจนแทบอยากง้างปากแทนให้พูดออกมาเลยด้วยซ้ำ ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการเป็นห่วงเขาอยู่เป็นระยะ เขาคงระเบิดอารมณ์ใส่ไปนานแล้ว

ครูซมองแขนขวาที่ใช้กระแทกประตูห้องน้ำในคืนนั้นแล้วถอดหายใจออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มจำได้ดีว่าสีหน้าของแทนแย่แค่ไหนยามเห็นต้นแขนของเขาเต็มไปด้วยรอยช้ำสีม่วงกระจายเป็นวงกว้าง เขาพยายามไม่แสดงความเจ็บปวดให้อีกฝ่ายเห็นแต่ก็เหมือนจะไร้ประโยชน์เพราะแทนคิดโทษตัวเองไม่ยอมฟังอะไรเลย พูดขอโทษด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจากการกลั้นน้ำตานับครั้งไม่ถ้วน แม้เขาจะบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่หลังจากวันนั้นแทนก็เว้นระยะห่างจากเขาอย่างที่เห็น

“ครูซ” เสียงคุ้นเคยของพัชชาเรียกให้ชายหนุ่มที่ขมวดคิ้วยุ่งเดินอยู่หันกลับไปมอง

“สวัสดีครับคุณพัชชา” ครูซเอ่ยทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของพัชชาทำให้เธอรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ปกติสักเท่าไหร่

“นี่รายชื่อแขก” ครูซรับแฟ้มรายชื่อบรรดาไฮโซซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ต้องเรียนรู้ก่อนไปร่วมงานที่ภูเก็ตอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า งานในครั้งนี้เป็นงานใหญ่ที่รวบรวมคนมีหน้ามีตาทางสังคมมาร่วมไว้มากมาย จุดประสงค์หลักของผู้คนที่มาก็คือสร้างชื่อเสียงให้ตนดูดีและสร้างไมตรีกับแวดวงนักธุรกิจด้วยกัน ชายหนุ่มเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อสองวันก่อน ตอนแรกคิดว่าแทนจะต้องโวยวายแน่เพราะเป็นงานเต้นลีลาศแต่ทุกอย่างผิดคาด เจ้านายตนไม่พูดหรือค้านอะไรออกไปสักคำ นั่งฟังพัชชาพูดนิ่งเฉย แตกต่างจากครูซที่เริ่มกังวลไปต่างๆ นานา

“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” พัชชาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทำให้ครูซรู้สึกสบายใจทุกครั้งเมื่อพูดคุย

“คุณแทนแปลกไป ผม...” ครูซพูดแค่นั้นแล้วก็หยุดลง เมื่อเห็นพนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางตนกับพัชชา

“ตามมา” พัชชาเดินนำครูซไปยังห้องทำงานของเธอ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่สมควรพูดตรงทางเดิน หากใครได้ยินเข้าจะเอาไปนินทาได้ ร้ายแรงกว่านั้นคือรู้ไปถึงหูคุณรัศมีที่จ้องจะหาจุดอ่อนมาบังคับแทนอยู่ประจำ

“แปลกไปแบบไหน” คำถามของพัชชาทำให้ครูซที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามกันชะงักลงทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ครูซสบตาพัชชาก่อนตัดสินใจเล่าให้ฟังเพราะคงไม่มีใครที่รู้จักแทนดีไปกว่าผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว

“ไม่ยอมให้ผมโดนตัว แถมยังพูดน้อยกว่าเดิม” พัชชาเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะคิดว่าแทนเปลี่ยนไปแต่เพราะที่ครูซเล่ามามันก็เป็นเรื่องปกติของแทนที่ปฏิบัติกับคนรอบข้างอยู่แล้ว ครั้งก่อนที่ตนเห็นครูซลูบใบหน้าของแทนยามหลับก็ว่าแปลกมากพอดู แต่ถึงขั้นพูดออกมาว่าไม่ยอมให้โดนตัวแสดงว่าคงสามารถสัมผัสกันจนเป็นเรื่องปกติ คุณแทนที่เกลียดสัมผัสจนแทบคลั่งยอมให้ครูซขนาดนี้ นี่ต่างหากที่เรียกว่าแปลกไป

“คุณแทนไม่ชอบโดนตัวใคร ไม่ค่อยพูด เขาเป็นแบบนั้นกับทุกคน” พัชชาพูดบอกไปด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่มีคนตรงหน้าเข้ามา คุณแทนของเธอก็เปลี่ยนไปมากจนน่าตกใจ สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจากเจ้านายตนก็ได้เห็น เธอยังจำได้ดีกับคำสั่งที่เรียกให้ครูซกลับมาหาที่โรงพยาบาล คนที่ไม่เคยเรียกร้องหรือต้องการใครกลับเป็นฝ่ายร้องหาเสียเอง ซึ่งแม้แต่กับเธอคุณแทนก็ไม่เคยเรียกหาแบบนั้นเลยสักครั้ง

ครูซเงียบลงเมื่อคิดตามคำพูดของพัชชา แต่ดูเหมือนจะคิดตรงข้ามกับสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ ทุกคน เขาเหมือนคนอื่นๆ ที่คุณแทนไม่เห็นความสำคัญอย่างนั้นเหรอ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ร้อนไปทั้งตัวเหมือนทุกอย่างใกล้ปะทุออกมาจนอดกลั้นต่อไปไม่ไหว ปกติชายหนุ่มไม่เคยโกรธหรืออารมณ์ร้อนกับเรื่องอะไรง่ายๆ แต่พอเป็นเรื่องของแทนทีไรเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยอยู่ทุกที

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ครูซลุกขึ้นยืน ก้มหัวให้พัชชาแล้วเดินตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็วแต่ก่อนจะออกไปประโยคสุดท้ายของพัชชาทำให้ครูซฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“ที่คุณแทนแปลกไปคือยอมให้เธอเข้าใกล้ขนาดนั้นมากกว่า... คิดเหมือนกันไหม”

“ผมเข้าไปนะครับ” แทนที่พิมพ์งานอยู่เงยหน้าไปมองที่ประตูเล็กน้อยอย่างชั่งใจก่อนตอบรับกลับไป เพียงเสี้ยววิประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมร่างโปร่งของครูซที่เดินจ้ำอ้าวมาทางแทนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่นัก

“ทำอะไร!” แทนร้องถามครูซด้วยความตกใจที่อยู่ๆ เก้าอี้ทำงานก็ถูกดึงให้เลื่อนหันหน้าไปทางอีกฝ่าย โดยที่ครูซคุกเข่าอยู่ระหว่างขาตน

หมับ

“เฮ้ย!” แทนสะดุ้งสุดตัว พยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกท่อนแขนกอดรัดรอบเอวและใบหน้าเนียนซบลงตรงอก

“ขอผมอยู่แบบนี้สักพักนะ” ครูซร้องขอด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน แทนจึงยอมอยู่นิ่งๆ แล้วยกมือลูบผมนิ่มด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ก้มมองเสี้ยวหน้าของครูซที่หลับตาเหมือนกำลังชาร์จพลังจากเขาอยู่

“เป็นอะไร” แทนถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่ตั้งใจจะถอยห่างจากครูซเพื่อความปลอดภัยของอีกฝ่ายแล้วแท้ๆ เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้แต่เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าตนไม่มีกำลังพอจะปกป้องใครได้เลย จึงไม่อยากพาคนตรงหน้าเข้ามาเสี่ยงด้วย

“เสียใจที่คุณแทนไม่สน” ครูซเงยหน้าสบตากับแทนที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว

“มันดีที่สุดแล้ว...เชื่อผมเถอะ” แทนหลบตาจากครูซแล้วเบนหน้าหนี ชายหนุ่มกลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ไหว กลัวว่าจะยอมกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เก็บอีกฝ่ายไว้ข้างกายแม้จะรู้ว่ามันอันตรายแค่ไหนก็ตาม

“บอกเหตุผลมาสิ” ครูซลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วยกมือคร่อมตัวแทนไว้ จมูกโด่งไล่สูดดมไปตามใบหน้าขาวของแทนอย่างอ้อนวอน แทนนั่งจิกมือเข้ากับเบาะเก้าอี้แน่นเมื่อเจอลมหายใจที่อีกฝ่ายตั้งใจพ่นใส่หู

“อื้ม~” แทนร้องออกมาเสียงแผ่ว ร่างกายสั่นไหวเมื่อถูกริมฝีปากนุ่มอุ่นจูบเม้มไปตามใบหู เรี่ยวแรงที่มีหดหายไปหมด ร่างสูงได้แต่หอบหายใจแรงขึ้นเมื่อถูกครูซปลุกปั่นอารมณ์ มือนิ่มเกลี่ยทั่วแก้มใสก่อนไล่นิ้วกรีดผ่านลำคอไปถึงหน้าอกเบาๆ ให้ความรู้สึกเสียวสะท้าน

“หยุด!” แทนผลักหัวครูซที่เริ่มดูดเม้มต่ำลงไปที่หน้าอกจนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำ

“เคยบอกแล้วนี่ว่าอย่าดื้อกับผม” ครูซปัดมือขาวออกแล้วยืดตัวขึ้นกระซิบข้างหูแทนที่แดงก่ำจากแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง มือเรียวสอดเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีขาวลูบไล้ไปมาตามหน้าท้องที่ขึ้นรูปสวยงาม แทนมัวแต่หลบริมฝีปากที่จ่อใกล้หูจนลืมปัดมือเรียวที่บีบเคล้นไปตามลำตัว

“จำได้ไหมว่าผมพูดอะไรในคืนนั้น” ครูซเอ่ยถามเสียงจริงจัง แทนหลับตาลงหลบสายตาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้ใจสั่น เขาจำได้ดีว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร เขาไม่มีทางลืมแน่ ๆ คำที่ทั้งชีวิตเคยคิดว่าไม่ต้องการ คำที่เคยคิดว่าน่ารังเกียจ แต่พอได้ยินจากปากของครูซ เขากลับรู้สึกดีจนอยากเก็บอีกฝ่ายไว้ข้างกาย อยากขังไว้ไม่ให้ใครพบใครเห็น ความรู้สึกอยากครอบครองมันรุนแรงจนบางครั้งเขาก็กลัวว่าอาจพลั้งทำร้ายเข้าสักวัน

“ถ้าจำไม่ได้ผมจะได้ย้ำ”ครูซพูดน้ำเสียงราบเรียบ มือเรียวไล้ลูบไปตามแนวสันหลังจนทำให้แทนเสียววาบที่ท้องน้อย มือขาวจิกเข้ากับแขนของครูซอย่างลืมตัว

“ขอร้อง...อย่าพูด” แทนซบหน้าลงบนไหล่ของครูซแล้วยกมือโอบกอดร่างโปร่งแน่น ถ้าเขาได้ฟังมันอีก เขาคงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปจากชีวิตได้แน่ๆ ถึงแม้ครูซจะเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวของวิญญาณ เขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ

“ถ้าคุณพูดอีกครั้ง...ผมคงกักขังคุณไปตลอดชีวิต” ครูซยกยิ้มเมื่อได้ฟังแทนพูดจบประโยค

“คุณแทนไม่คิดเหรอ ว่ามันเป็นสิ่งที่ผมต้องการไม่ต่างกัน”

TBC.​

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 14

ท้องทะเลสีครามกว้างใหญ่ หาดทรายสีขาวนวลที่ทอดยาวสุดสายตา เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งเป็นทำนองผ่อนคลาย สายลมที่พัดเอื่อยๆ หอบละอองจากน้ำทะเลขึ้นมาทำให้รู้สึกเหนียวตัว ภาพธรรมชาติงดงามทำให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศหลงใหลพากันมาเยี่ยมเยือนมากมายตลอดทั้งปีไม่เว้นแม้แต่วันนี้

“ครูซ” แทนเอ่ยเร่งเสียงเรียบเมื่อยืนรอคนข้างกายติดต่อประชาสัมพันธ์ของโรงแรมมาสักพักแล้ว

“ใกล้เสร็จแล้วครับ” ครูซยกมือลูบหลังแทนเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มตึงเครียดกับบรรยากาศรอบตัวที่มีผู้คนพลุกพล่าน แทนถอนหายใจมองภาพท้องทะเลที่ฉายชัดเจนอยู่เบื้องหน้า น้ำสีฟ้าใสกับหาดทรายขาวยังคงงดงามและน่ากลัวไม่เคยเปลี่ยน แทนยังจำได้ดีว่าครั้งสุดท้ายที่เขามาเหยียบทะเลเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่างในวันนั้นยังคงฝังแน่นอยู่ภายในหัว เขาเคยชอบทะเลมาก...และก็เกลียดมันมากเช่นกัน

“ขออภัยในความล่าช้านะคะ” พนักงานสาวยกมือไหว้กล่าวขอโทษด้วยท่าทางนอบน้อม เมื่อระบบข้อมูลเกิดการผิดพลาดทำให้ห้องที่จองไว้ชั้น VIP มีคนเข้าพักแล้ว ทางโรงแรมจึงย้ายห้องให้โดยลดราคาครึ่งหนึ่ง

“ไม่เป็นไรครับ” ครูซยิ้มส่ายหน้าไม่ถือโทษ ก่อนหันไปสะกิดแทนที่ดูเหม่อลอยตั้งแต่มาถึงภูเก็ต ครูซก้าวนำแทนไปยังห้องพักโดยใช้ตัวบังนักท่องเที่ยวที่เดินสวนไปมาให้

“คุณแทนจะพักผ่อนหรือหาอะไรทานก่อนครับ” ครูซถามแทนที่นั่งหลับตานิ่งอยู่บนโซฟาตัวหรู ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา

“นอน” ครูซพยักหน้าเข้าใจแล้วหยิบกระเป๋าเดินทางของแทนไปจัดเรียงให้เรียบร้อย ทั้งคู่พักอยู่ห้อง VIP ขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวทำให้ห้องดูผ่อนคลายและสว่างตา ภายในมีสองห้องนอนพร้อมห้องน้ำภายใน และมีโซนครัวขนาดกลางที่สามารถทำอาหารทานเองได้ ครูซเป็นคนเลือกจองที่นี่เอง เขาไม่ได้เข้าพักในโรงแรมที่บริษัทจัดให้เพราะที่นั่นมีคนเยอะและวุ่นวายมากกว่า

เมื่อจัดของให้แทนอยู่แล้วเจอเข้ากับมีดพกขนาดเหมาะมือ ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วยุ่งทันที บอกแล้วแท้ๆ ว่าอย่าเอามาไว้ใกล้ตัว ถ้าอีกฝ่ายปกติดีก็พอจะยอมเข้าใจว่าเป็นของสะสม แต่นี่จะหลุดคลั่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ยังมาพกของอันตรายแบบนี้อีก มือเรียวตัดสินใจเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมเหมือนที่ผ่านมา

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นเรียกสายตาให้ครูซที่เลือกชุดนอนให้อีกฝ่ายอยู่หันไปมอง แทนพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวโดยเปลือยท่อนบนซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่เรียงตัวสวยกำลังพอดี ผมสีดำสนิทเปียกลู่ไปตามโครงหน้า ครูซคิดว่าแทนเป็นคนมีเสน่ห์แบบลึกลับน่าหลงใหลอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน คนทั่วไปไม่มีสักคนที่ให้ความรู้สึกแบบนี้ แทนดูอันตรายแต่ก็ดึงดูดเสียจนละสายตาจากไปไม่ได้

“นี่ครับ” ครูซยกยิ้มเมื่อแทนเริ่มตาขวางใส่เขาที่จ้องอยู่นาน แทนหยิบชุดนอนจากมือครูซมาใส่เรียบร้อยก็เดินไปทิ้งตัวนอนคว่ำลงบนเตียงทั้งที่ผมยังเปียกชื้นอยู่

“เป่าผมก่อน” ครูซเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วจับปลายผมดูว่าชื้นมากเพียงใด แทนขยับหนี เงยเสี้ยวหน้าขึ้นมองสบตาครูซ

“มันเป็นหน้าที่คุณไม่ใช่เหรอ” ครูซเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจก่อนหลุดขำออกมา คุณแทนอันตรายจริง ๆ นั่นแหละ แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบใบหน้านิ่ง ๆ แต่ทำไมเขากลับมองว่ามันเป็นการเอาแต่ใจที่ดูน่ารักอยู่ไม่น้อย ครูซส่ายหน้ายิ้มๆ เดินไปหยิบไดร์เป่าผมที่โรงแรมมีไว้บริการในห้องน้ำ มาเสียบปลั๊กข้างเตียงและลงมือเป่าผมสีดำขลับ มือนิ่มที่สางผมไปมาทำให้แทนเคลิ้มหลับไป ครูซเป่าไปเรื่อย ๆ จนผมแห้งสนิท

“ฝันดีครับ” ครูซกดจูบลงบนขมับแทน ชายหนุ่มดึงผ้าขึ้นมาห่มร่างสูงแล้วปิดไฟในห้องนอนให้ ครูซเดินออกไปรับลมตรงชานระเบียงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม สองสัปดาห์ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเขากับคนหน้านิ่งถือว่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แม้แทนจะยังพูดน้อยและหน้านิ่งเหมือนเคย แต่ครูซก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายแสดงถึงความต้องการออกมามากกว่าแต่ก่อน ยอมให้เขาโดนตัวโดยไม่ขัดขืนหรือแสดงท่าทีรังเกียจ

“น้าเบล” ครูซพูดชื่อที่แทนมักเอ่ยเรียกออกมาทุกครั้งที่สติแตก ชายหนุ่มสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เกี่ยวข้องกับเจ้านายตนอย่างไรกันแน่ แต่จะให้ไปถามเจ้าตัวก็ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ให้ไปถามพัชชาก็เกรงใจ ครูซจึงทำได้เพียงสังเกตและเรียบเรียงปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยตัวเอง ซึ่งที่เขารับรู้ก็คือ แทนเกลียดผู้หญิงคนนี้มาก และคงรักมากเช่นกัน เพราะบางครั้งก็ร้องตะโกนด่าบางครั้งก็เรียกหาไม่ขาดปาก

หลังจากอยู่กับแทนมาหลายเดือนทำให้ครูซเรียนรู้ว่า คนแบบแทนไม่มีตรงกลาง หากอารมณ์พุ่งขึ้นสูงก็สามารถทำลายได้ทุกสิ่ง แต่เมื่อใดอารมณ์ดิ่งลงก็ร้องไห้ทุกข์ทรมานบอบบางจนเหมือนจะแตกหักได้เพียงสัมผัสเบา ๆ ตัวตนหลากหลายของแทนทำให้ครูซหมกมุ่น ชายหนุ่มอยากรู้อยากสัมผัสให้ลึกถึงแก่นแท้ของอีกฝ่าย ยิ่งรู้จักยิ่งดำดิ่ง ยิ่งใกล้ชิดยิ่งเสพติด มันท้าทายจนอดตื่นเต้นไม่ได้ทุกครั้งที่พบเจอ

ครูซรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอย่างที่ใคร ๆ คิด เขามีมุมที่ใครต่อใครก็คาดไม่ถึง ซึ่งแทนรู้ข้อเสียนั้นดี ถึงได้พูดอยู่บ่อยครั้งว่าเกลียดรอยยิ้มเสแสร้ง เกลียดการกระทำจอมปลอม ซึ่งครูซไม่ปฏิเสธ เขาเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่ทำแบบนี้มานานจนมันเป็นตัวตนของเขาไปเสียแล้ว

จุดเริ่มต้นก็มาจากการที่ไม่อยากให้แอนนี่ และเค้กรู้สึกแย่ ครูซถึงพยายามทำตัวเป็นลูกและพี่ที่ดี คอยยิ้มและให้กำลังใจอยู่เสมอ เมื่อนำไปใช้กับคนรอบข้างก็ทำให้รู้ว่าการที่จะทำให้คนยอมรับและอยู่ใต้อำนาจไม่ใช่แค่มาจากกำลังและมันสมองเท่านั้น ความรู้สึกก็สามารถทำได้ไม่ด้อยไปกว่าสองสิ่งนั้นเลย เผลอๆ อาจจะใช้ได้ผลมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ถ้าเมื่อใดเกิดความผูกพันไว้เนื้อเชื่อใจความสัมพันธ์ก็จะยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น แต่ใช่ว่าครูซจะเลือกใช้วิธีนี้กับทุกคน เขาเลือกใช้แค่กับคนที่อยากใช้ เพราะถึงภาพลักษณ์จะดูเป็นมิตรและใจดีแต่ที่จริงครูซติดจะรำคาญผู้คนอยู่ไม่น้อย ทำให้เจ้าตัวไม่มีเพื่อนสนิทสักคน มีแค่เพื่อน เพื่อนที่อยู่ในระดับเดียวกันหมด เพื่อนที่ขีดเส้นแบ่งไว้ชัดเจนว่าไม่สามารถเข้ามาก้าวก่ายกับชีวิตของชายหนุ่มได้ ครูซเชื่อว่าตนมีแค่แม่และน้องก็พอแล้ว ไม่ต้องการหาใครเข้ามาเพิ่มในชีวิต

แต่นั้นมันก่อนเจอแทน แทนที่ดึงดูดเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตา แทนที่เห็นแล้วอยากได้อยากเอาชนะ ในตอนนั้นครูซเริ่มคิดว่าการที่มีอีกฝ่ายอยู่ข้างกายคงจะดีไม่น้อย มันจะรู้สึกดีแค่ไหนนะถ้าคนที่ไม่เคยยอมลงให้ใคร ยอมแค่เขาเพียงคนเดียว ที่ยอมทนให้อีกฝ่ายทำร้ายขนาดนั้นไม่ใช่ไม่กล้าที่จะขัดขืน แต่ในเมื่อทำแบบนั้นแล้วมันทำให้เขาได้เข้ามายืนอยู่ในกำแพงสูงของแทนมันก็คุ้มไม่ใช่เหรอ

“แทนฟ้า วราวุธกิจ” ครูซยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ คุณแทนน่ารัก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดแบบนั้น ทั้งเอาแต่ใจ ทั้งขี้อ้อนแบบที่ไม่รู้ตัว ยิ่งต่อต้านยิ่งน่าเอ็นดู ที่เขาพูดว่ารักไม่ได้โกหก เขารู้สึกจริง ๆ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใคร ถ้าให้พูดง่าย ๆ ไม่เคยมีใครทำให้ต้องการมาก่อน ต่อให้เป็นผู้หญิงสวยน่ารักมากแค่ไหนก็ไม่เคยสนใจ เขาจึงมีแฟนเพียงแค่คนเดียวช่วงปี 1 และหลังจากเลิกกันไปก็ไม่คิดจะมีอีกเลย ครูซรู้จักเว้นระยะห่างทำให้คนรอบข้างไม่สามารถก้าวเข้ามาในชีวิตส่วนตัวได้ ยกเว้น เขมิกา ผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงและพุ่งชนเข้าใส่แบบไม่คิดชีวิต ครูซเคารพนับถือหญิงสาวในด้านการทำงานแต่ว่าในด้านอื่นเธอติดลบ เธอทำหลาย ๆ อย่างให้เขารู้สึกหน่ายใจ เธอเข้ามายุ่งวุ่นวายกับครอบครัวของเขา ครอบครัวที่หวงยิ่งกว่าอะไรในชีวิต และล่าสุดเธอจูบเขาจนทำให้แทนแทบคลั่ง เขาหงุดหงิดใจจนอยากระเบิดอารมณ์ใส่แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะไม่ใช่วิสัย มีเพียงประโยคเดียวที่พูดออกไปเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง ประโยคเดียวที่เธอก็คงตกใจไม่น้อยที่ได้ฟังถึงตบหน้าเขาเสียเต็มแรง

“ผมไม่มีวันรักคุณขิม...เพราะทั้งตัวและหัวใจของผม คุณแทนเอาไปหมดแล้ว”



งานเลี้ยงการกุศลที่ครูซกังวลและเป็นห่วงจนว้าวุ่นใจกลับผ่านไปด้วยดีราวกับเรื่องมหัศจรรย์ เมื่อแทนเก็บอาการได้ดีจนเขาอดทึ่งไม่ได้ ร่างสูงสามารถยื่นมือจับใครต่อใครด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ครูซรู้ว่ามันเป็นเพียงหน้ากากที่อีกฝ่ายใช้เพื่อการทำงาน แต่ก็เป็นเรื่องตลกร้ายที่หลังจากการจับมือทุกครั้งแทนต้องหันมาเช็ดมือกับเสื้อสูทเขาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว เดือดร้อนเขาที่ต้องคอยบังคอยกันไม่ให้ใครเห็นเข้า และในงานครั้งนี้ทำให้ครูซได้พบผู้หญิงที่คุณหญิงรัศมีเลือกไว้ให้แทนเป็นครั้งแรก

ซาร่า เธอเป็นลูกครึ่งอิตาลีที่สวยเซ็กซี่ อายุยี่สิบสี่ปีแต่มากด้วยความสามารถและทรงเสน่ห์ หากเป็นชายหนุ่มทั่วไปต้องยินดีอย่างสุขล้นที่ได้ยืนข้างสาวงามตลอดทั้งงาน แต่ในเมื่อคนที่ได้สิทธินั้นเป็นแทน เรื่องราวก็ผิดไปจากปกติมากนัก นอกจากจะไม่สนใจ แทนยังถามคำตอบคำจนเธอคงจนปัญญาที่จะสรรพหาเรื่องราวมาเล่าให้ฟังถึงได้เดินหน้าบึ้งตึงกลับไปก่อนงานเลิกเสียอีก และก็เป็นโชคดีที่คู่เต้นรำของแทนกลับไปแล้ว ทำให้เขาไม่ต้องไปเต้นแร้งเต้นกาให้เสียแรง แทนนั้นเต้นไม่เป็นและไม่เคยคิดจะเรียนเพราะคงขยะแขยงเต็มทนถ้าต้องไปยืนใช้อากาศหายใจร่วมกับใครต่อใครอย่างใกล้ชิด

หลังจากกลับมาจากภูเก็ต งานหนักก็รอพวกเขาอยู่ที่นี่อย่างไม่มีความปรานี เมื่อการประชุมบริษัทจะเริ่มขึ้นอีกสามวันข้างหน้า ทั้งครูซและแทนต่างนั่งทำงานกันหัวหมุนตลอดทั้งวันไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจหายคอกันเลยทีเดียว ครูซวิ่งประสานงานตั้งแต่ฝ่ายการตลาดยันฝ่ายบุคคลเพื่อหาหลักฐานและข้อมูลต่าง ๆ ตามที่เจ้านายตนสั่ง แทนเองก็นั่งจับจ้องอยู่หน้าจอคอมและเอกสารวันละเป็นสิบๆ ชั่วโมงโดยไม่คิดจะหยุดพักเลยด้วยซ้ำหากครูซไม่ห้ามหรือเตือนขึ้นมา

“ครูซ เอกสารที่ผมให้ไปขอที่ฝ่ายขายได้มาหรือยัง” แทนถามเลขาตนที่นั่งทำงานอยู่ตรงข้ามกันโดยที่สายตายังคงมองหน้าจอคอมและรัวนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์จนเกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณห้องทำงาน

“คุณติ๊กบอกจะส่งมาให้ประมาณสี่โมงเย็นครับ” แทนครางรับในลำคอและกลับไปจดจ่อกับงานต่อ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างทำงานในส่วนของตัวเองอย่างเคร่งเครียดเพราะมีเวลาเคลียร์งานเหลืออีกเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้นก่อนนำเสนอผลสรุปยอดขายตลอดปีในที่ประชุมใหญ่ ทั้งสองต่างจมอยู่ในกองเอกสารและตารางสถิติจนลืมมองเวลาว่าได้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว

“คุณแทน!” ครูซที่เงยหน้าขึ้นมาพักสายตาร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นเลือดไหลออกจากจมูกของแทนหยดเปรอะเสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นวงกว้าง ชายหนุ่มล้วงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อและลุกเดินไปยืนข้างแทน ก่อนกดซับเลือดกำเดาให้

“เรื่องปกติ” แทนบอกปัดไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาเป็นแบบนี้เสมอเวลาเครียดและอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ ครูซจับแทนให้เอนใบหน้ามาทางตนแล้วกดบีบปลายจมูกเพื่อห้ามเลือด

“ผมไม่อยากเห็นเลือดออกจากตัวคุณบ่อย ๆ หรอกนะ” ครูซบอกเสียงจริงจัง มือเรียวลูบแก้มแทนแผ่วเบาอย่างปลอบประโลม แทนหลับตาลงแล้วใช้หน้าผากพิงกล้ามหน้าท้องของครูซพักสมอง เขาชอบอุณหภูมิร่างกายอุ่นกำลังดีของครูซ เขาชอบน้ำหนักมือที่สร้างความผ่อนคลาย หลายๆ อย่างในตัวครูซทำให้แทนเสพติดจนรู้สึกขาดไม่ได้ ครูซสามารถดับความคลุ้มคลั่งได้ทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถทำอะไรได้มากกว่ายากดประสาทพวกนั้นที่เขาทานเป็นประจำ นี่เป็นเหตุผลที่ช่วงหลังมาเขายอมทำตามที่อีกฝ่ายขอร้องเรื่องให้ลดปริมาณในการทานยาลง

“เลือดหยุดแล้ว...คุณแทนพักก่อนเถอะครับ” ครูซประคองใบหน้าแทนมองจมูกที่แดงก่ำของอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจโล่งอก

“อืม” แทนพยักหน้ารับแล้วนั่งพิงเก้าอี้จ้องมองไปยังกระจกใสที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ในเมืองหลวงได้อย่างสวยงาม ท้องฟ้าสีส้มแกมเหลืองส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ทำให้ตึกรามบ้านช่องเหมือนถูกย้อมเป็นสีเดียวกันไปหมด

“..!” แทนสะดุ้งเมื่อถูกความเย็นประกบเข้าที่ใบหน้าโดยไม่ได้ทันตั้งตัว

“แปบเดียวครับ” ครูซบอกพร้อมนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดรอยเลือดออกให้อย่างเบามือจนสะอาด แล้วยื่นเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ให้แทนเปลี่ยน เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยทั้งคู่ก็กลับไปนั่งทำงานต่อ เพราะแทนไม่อยากนั่งพักอยู่เฉย ๆ เขาไม่ชอบความค้างคาจึงอยากทำงานให้เสร็จโดยเร็ว นาฬิกาเดินไปอย่างรวดเร็วจากห้าโมงเย็นเมื่อครู่ที่ครูซมองตอนนี้กลับชี้เลขเก้าบ่งบอกว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว

“เหลืออีกเยอะไหมครับ” ครูซเอ่ยถามแทนที่ยังคงนั่งจับจ้องจอคอมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“...” แทนไม่ได้ตอบกลับมาเพราะเมื่อใดที่ใช้สมาธิจดจ่อชายหนุ่มจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง แทนจะสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว ครูซเห็นดังนั้นเลยไม่อยากกวนจึงเดินไปเก็บและเรียบเรียงเอกสารที่ตั้งสูงอยู่บนโต๊ะทำงาน วันนี้ทั้งวันครูซเข้ามาทำงานกับแทนในห้องไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยด้วยซ้ำ จะมีก็เพียงช่วงพักกลางวันที่ออกไปซื้อข้าวมาทานกับแทน บรรยากาศในบริษัทดูวุ่นวาย ทุกคนเดินขวักไขว่วิ่งสวนกันไปมาเพื่อประสานงาน มันเป็นสิ่งที่แปลกตาและต่างออกไปในความรู้สึกของครูซ ระหว่างบริษัทเก่ากับที่นี่ เขาไม่เคยเห็นการประชุมที่จัดอย่างยิ่งใหญ่และตรวจสอบความถูกต้องอย่างเปิดเผยแบบนี้มาก่อน แม้ที่เก่าจะมีการตรวจสอบการทุจริตแต่ก็ไม่ได้มีการโต้วาทีหรือนำเสนอรายละเอียดเช่นนี้ ครูซจึงเข้าใจในทันทีว่าทำไมบริษัท วี.เค. กรุ๊ป จำกัด ถึงพัฒนาก้าวไปไกลจนเป็นแนวหน้าและแบบอย่างให้กับบริษัทอื่นๆ

“ครูซ” เลขาหนุ่มเงยหน้ามองตามเสียงเรียกของเจ้านายตน

“ครับ?” ครูซวางเอกสารในมือลงแล้วลุกเดินไปหาทันทีเมื่อเห็นแทนทำสีหน้าเหยเก

“มานี่” แทนหลับตายกมือนวดระหว่างคิ้วเพื่อลดความปวดหัวที่สะสมความเครียดมาตลอดทั้งวัน เขาปวดหัวมากจนเหมือนสมองใกล้จะระเบิดออกมาเต็มที

“ปวดมากใช่ไหม” ครูซเอ่ยถามกำลังจะนวดคลึงขมับให้แทนเหมือนทุกทีแต่กลับถูกปัดมือทิ้งเสียก่อน ชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่งเพราะถูกปฏิเสธแต่เพียงเสี้ยววิ เขาก็ยิ้มออกมาอย่างขบขันเมื่ออีกฝ่ายหยิบแอลกอฮอล์ล้างมือยื่นมาให้ตน คุณแทนก็คงเป็นคุณแทนอยู่เหมือนเดิม รักสะอาดและเกลียดสิ่งสกปรก ครูซเอื้อมมือไปรับมาบีบทาจนทั่วมือแล้วถึงลงมือนวดให้ นิ้วเรียวที่ให้น้ำหนักที่พอดี ความอุ่นที่เคล้าคลึงไปตามขมับและศีรษะทำให้แทนรู้สึกผ่อนคลาย ความตึงเครียดเริ่มลดน้อยลง

“งานเหลืออีกเยอะหรือเปล่า” ครูซกดจูบลงบนเส้นผมสีนิล เขาห้ามใจตัวเองไม่ไหวเมื่อเห็นแทนเอียงหน้าเข้าหามือตนด้วยท่าทีคล้ายการออดอ้อนแบบนั้น มันดูน่ารักจนเขาอดจะยิ้มกว้างไม่ได้

“เสร็จแล้ว” แทนไม่ว่าอะไรแม้ครูซจะกดจูบลงหลายต่อหลายครั้ง เขารู้สึกดีเกินกว่าจะสั่งห้ามในสิ่งที่ตนก็ต้องการไม่ต่างกัน สัมผัสที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเอาใจใส่

“งั้นกลับกันเถอะครับ เดี๋ยวจะดึกมากกว่านี้” แทนพยักหน้ารับ ชายหนุ่มกดเซฟงานและจัดแยกแฟ้มเอกสารที่จำเป็นแยกไว้ในชั้นวาง ครูซเองก็เดินจัดของและเก็บเศษกระดาษที่วางเกลื่อนอยู่ตามพื้นไปทิ้งลงในถังขยะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยทั้งคู่ก็เดินทางกลับ ครูซเป็นคนขับรถไปส่งแทนที่คอนโดเช่นทุกวัน ภายในรถเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยเนื่องจากอาการอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยที่ได้รับ

“ฝันดีครับ” ครูซบอกแทนเมื่อมาถึงที่หมาย แต่หนุ่มหน้านิ่งกลับนั่งเฉยๆ มองครูซอย่างพิจารณาก่อนตัดสินใจพูดอะไรที่ทำให้คนฟังตกใจอยู่ไม่น้อย

“นอนกับผม” แทนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงอยู่ในประโยคนี้ เขาเพียงพูดอย่างประหยัดคำก็เท่านั้นเอง และที่พูดชวนก็เพราะสีหน้าของอีกฝ่ายนั้นดูเหนื่อยอ่อนจนน่าเห็นใจ กว่าครูซจะขับรถถึงบ้านคงได้นอนตอนขึ้นวันใหม่พอดี

“ครับ?!” ครูซเบิกตากว้าง พยายามตั้งสติกับสิ่งที่ได้ยินแต่แทนไม่รออะไรนอกจากออกคำสั่งอีกครั้งติดต่อกันทันที

“เร็ว…ง่วง” ครูซพยักหน้ารับก่อนวนรถไปจอดในบริเวณจอดรถสำหรับบุคคลภายนอก เขาดับเครื่องลงด้วยความมึนงงก่อนเดินตามแผ่นหลังกว้างไปเรื่อย ๆ ราวกับถูกมนต์สะกดให้ไม่สามารถขัดคำสั่งของอีกฝ่ายได้เลย*!*

เมื่อเข้ามาถึงภายในห้อง แทนก็ตรงดิ่งเข้าไปอาบน้ำทันที ครูซจึงยืนเคว้งคว้างอยู่สักพัก ชายหนุ่มลูบหน้าแรง ๆ ให้หายสับสนกับสถานการณ์แปลกประหลาด ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาแม่เพราะกลัวเธอจะรอเขาอยู่จนดึกดื่น ครูซบอกแอนนี่ไปตามตรงว่ามาค้างที่คอนโดของแทนเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบตื่นเช้ามาเตรียมงานที่บริษัท แอนนี่เข้าใจแม้จะรู้สึกเป็นห่วงลูกชายอยู่ไม่น้อยที่ทำงานหนัก แต่เธอก็ไม่อยากพูดอะไรมากมายเพราะครูซโตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว เธอจึงไม่เข้าไปก้าวก่ายในชีวิตการทำงาน เมื่อวางสายลง ครูซก็เดินไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟานิ่มอย่างเหนื่อยล้า มือเรียวแกะกระดุมเสื้อและปลดเข็มขัดออก เขาหายใจได้สะดวกขึ้นเมื่อไม่ต้องทนอยู่ในชุดทำงานแสนอึดอัด เขาไม่ได้ชอบแต่งตัวทางการสักเท่าไหร่ แม้ใครต่อใครต่างเอ่ยชมว่าเขานั้นดูดีเมื่อแต่งมัน ครูซชอบแต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืดและกางเกงขาสามส่วนมากกว่า ถ้าใครมาเห็นเขาตอนอยู่บ้านคงจะตลกดีพิลึกที่เห็นหนุ่มลูกครึ่งแต่งตัวราวกับคนแก่อายุมากที่ปลงตกไม่สนใจแฟชั่น

“อาบน้ำ”

ครูซคว้าผ้าเช็ดตัวที่ถูกโยนใส่ไว้ได้ทันก่อนจะกระทบเข้ากับใบหน้าตน เขาลุกขึ้นนั่งมองแทนที่ยืนกอดอกอยู่ในชุดนอนแขนยาวสีดำสนิท ตอนนี้แทนมีลักษณะราวกับยมทูตหน้าตาดีซึ่งอยู่ในหนังที่เขาเคยดู ผมสีดำขลับ ตาสีนิลแสนเย็นชากับชุดสีดำและใบหน้าเรียบเฉยเหมือนซะจนอยากคว้ากล้องมาถ่ายเก็บไว้ดูเล่น แต่คิดว่าถ้าตนทำคงโดนอีกฝ่ายจิกกัดด้วยสายตาหรือไม่ก็ทำร้ายร่างกายให้เลือดตกยางออกเป็นแน่

“ไปอาบน้ำ” แทนพูดย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นครูซไม่ยอมขยับตัวเสียที ครูซในตอนแรกที่คิดจะถามอะไรบางอย่าง กลับเพียงส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัวตามที่แทนเร่งเร้า เมื่อครูซหายลับตาไป แทนก็คว้ายานอนหลับบนชั้นวางของแล้วเดินไปหาน้ำดื่มในครัว แต่ก่อนหยิบขึ้นมาทานกลับมีความคิดหนึ่งวิ่งแทรกขึ้นมาเสียก่อนทำให้เขาชะงักมือลง แทนรู้สึกว่าไม่จำเป็น เขามีครูซมานอนด้วยคงไม่จำเป็น  แทนเพียงดื่มน้ำ เอาขวดยาไปเก็บไว้ที่เดิม แล้วกลับเข้าห้องนอนนั่งอ่านหนังสือรออีกฝ่ายอาบน้ำ ไม่นานนักครูซก็เดินออกมาด้วยชุดนอนสีดำสนิทไม่ต่างกับแทนเลยสักนิด ครูซนำผ้าเช็ดตัวไปตากแล้วทิ้งตัวนอนบนที่นอนข้างแทนที่ยังคงอ่านหนังสือนวนิยายสืบสวนสอบสวนในมือ

“ชอบเหรอครับ” ครูซรู้ว่าถามไปแทนก็ไม่ตอบอยู่ดี แต่ก็อดถามไม่ได้

“อืม” แต่น่าแปลกที่ครั้งนี้แทนกลับตอบกลับมาด้วยเวลาอันรวดเร็ว

“ทำไมครับ” ครูซถามต่ออย่างนึกสงสัย

“....ก็แค่ชอบ” ครูซเห็นดวงตาสีนิลสั่นไหวแต่เพียงพริบตาก็กลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิม แทนชอบอ่านนิยายสืบสวนก็เพราะทุกตัวละครที่ตกเป็นเหยื่อในเหตุการณ์โหดร้ายมักมีนักสืบหรือผู้คนต่างหยิบยื่นความยุติธรรมให้ จะช้าหรือเร็วตอนจบตัวละครเหล่านั้นก็ได้รับการปลดปล่อยจากความทุกข์เสมอ

ตอนจบที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตเขา

ครูซรับรู้ได้ว่าแทนเริ่มจมดิ่งเข้าไปความคิดด้านลบอีกแล้วจึงนอนตะแคงกอดเอวแทนไว้แน่นแล้วจ้องมองอีกฝ่ายอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ แทนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อได้รับไออุ่น เขากะพริบตาถี่ๆ แล้วกลับไปตั้งใจจดจ่อที่หนังสืออีกครั้ง แต่ผ่านไปสักพักชายหนุ่มก็ไม่เปลี่ยนหน้ากระดาษเสียที

“สนุกไหม”ครูซถามลองเชิงเมื่อเห็นท่าทีแปลกไปของอีกฝ่าย

“สนุก” คุณแทนเป็นคนที่สนใจอะไรได้เพียงแค่หนึ่งอย่างในเวลาเดียว หากคุณแทนสามารถตอบเขาได้ ก็แสดงว่าจิตใจของอีกฝ่ายคงไม่ได้จดจ่ออยู่กับหนังสือเล่มหนาในมืออีกแล้ว

“ถ้าง่วงก็นอนกันเถอะครับ” แทนไม่ตอบเพียงแต่ลุกไปวางหนังสือเข้าชั้นแล้วปิดไฟ ก่อนจะทิ้งตัวชิดริมขอบเตียงเหมือนทุกครั้งที่นอนด้วยกัน แล้วก็เป็นครูซที่เอื้อมมือไปคว้าเอวแทนมานอนกอดไว้เหมือนเคย

“ฝันดีครับ” ครูซกดจูบลงบนท้ายทอยของแทน กระชับอ้อมกอดให้แนบชิด แทนเบียดแผ่นหลังเข้ากับอกครูซมากขึ้นเพื่อตอกย้ำให้สบายใจว่าครูซอยู่ข้างๆ ตอกย้ำว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ความอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวอีกฝ่าย จังหวะการเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมอ ลมหายใจรดต้นคอทำให้แทนรู้สึกดีจนน้ำตาไหลออกมาแม้จะพยายามกลั้นแต่เขาไม่สามารถห้ามได้จริงๆ เขาไม่เคยต้องการ เขาเคยดูถูกผู้คนที่อยากได้อยากถูกรักและเอาใจใส่ แต่วันนี้เขารู้แล้วว่า ตัวเขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนพวกนั้น แม้อยากปฏิเสธ แต่ตอนนี้ความรู้สึกสุขใจที่มีอีกคนอยู่เคียงข้างก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาชอบและต้องการสัมผัสจากครูซมากเพียงใด

“ฝันดี” เสียงทุ้มที่กระซิบตอบกลับนั้นแผ่วเบาจนแทบจับใจความไม่ได้ แต่ด้วยระยะที่ใกล้กันทำให้ครูซได้ยินชัดเจน นิ้วเรียวสอดประสานเข้ากับนิ้วขาวของแทนแล้วบีบกระชับเพื่อบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขารู้สึกยินดีแค่ไหนที่ได้ยิน

“ผมรักคุณ” เสียงสุดท้ายที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้แทนยิ้มออกมาก่อนหลับใหลไปในห้วงนิทรา

TBC.


ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 15

“กลับไป” แทนพูดเสียงเข้มเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าครั้งนี้ตนจริงจังหลังจากได้ยินเสียงไอของครูซมาตั้งแต่เช้า ชายหนุ่มกล่าวเตือนหลายรอบแล้วว่าให้กลับไปพักผ่อนแต่ครูซดึงดันจะอยู่ไม่ยอมทำตามเสียที อาการก็ดูจะหนักขึ้นเรื่อยๆ

“ผมไหวหยะ.. แค่ก” ครูซยืนไอออกมาหน้าดำหน้าแดงจนตัวสั่น แทนเห็นท่าไม่ดีก็รีบลุกไปพยุงตัวร่างโปร่งให้นั่งลงบนโซฟา อุณหภูมิจากร่างกายครูซทำให้แทนรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก

“ตัวร้อน” แทนใช้หลังมือวัดไข้ตามใบหน้าและซอกคอ หน้าของครูซแดงก่ำจากพิษไข้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคลอไปด้วยน้ำตา

“อ๊ะ! อย่าถอดนะครับ เดี๋ยวคุณติดหวัด” ครูซยื้อมือแทนไว้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะจับผ้าปิดปากของตนออก

“หายใจออกหรือไง” แทนรู้ว่าเวลาใส่แมสปิดปากนั้นอึดอัดแค่ไหนเพราะใส่อยู่บ่อยครั้ง

“ไม่เป็นไรครับ” ครูซตอบไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ครูซเป็นคนแข็งแรง นาน ๆ ทีถึงจะไม่สบายแต่หากเป็นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะเป็นหนักจนถึงขั้นนอนซม ครูซถึงพยายามรักษาสุขภาพอยู่เสมอแต่ช่วงหลังมา ทั้งทำงานหนักและอดนอนทำให้ร่างกายอ่อนเพลียง่ายกว่าแต่ก่อน

“กลับ” แทนดึงแขนให้ครูซลุกขึ้นแต่อีกฝ่ายก็รั้งตัวไว้ไม่ยอมทำตาม

“ผมไม่อยากปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว แค่กๆ” ครูซเป็นห่วงแทนเพราะหลังจากประชุมใหญ่เมื่อเดือนก่อน คุณหญิงรัศมีได้ประกาศเรื่องงานหมั้นหมายของแทนกับซาร่ากลางงานประชุม ทำเอาคนแตกตื่นกันทั้งบริษัทโดยเฉพาะเจ้าตัวที่ถูกเอ่ยถึง แทนตะโกนปฏิเสธออกไปทันทีเมื่อฟังจบ คุณหญิงคงรู้สึกโกรธที่ถูกหักหน้าอยู่ไม่น้อย พักหลังถึงได้เอางานใหญ่ยากๆ ส่งมาให้พวกเขาทำตลอดจนเวลานอนแทบจะไม่มี

“ไปคอนโดผม” แทนตัดสินใจพาครูซไปคอนโดตนเพื่อตัดปัญหา เพราะรู้ดีว่าครูซเป็นคนหัวแข็งมากกว่าที่ทุกคนเห็น หากเลือกหรือเชื่อในเรื่องอะไรแล้วยากที่จะไปเปลี่ยนแปลง

“ไม่เป็นไรมาก พักผ่อนเยอะ ๆ กินยาเดี๋ยวก็หาย” ไวน์เก็บอุปกรณ์การแพทย์ต่าง ๆ ใส่ลงในกระเป๋าหลังตรวจร่างกายให้ครูซเสร็จ แทนกอดอกพิงกำแพงมองร่างโปร่งที่นอนหลับด้วยใบหน้าอ่อนเพลีย นึกสงสารอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายก็เพราะเขา แต่ถ้าจะให้ปล่อยให้ครูซเดินจากไปก็เป็นเรื่องยาก เขาทำไม่ได้จริง ๆ

“...” แทนยื่นเงินปึกหนึ่งให้แล้วเดินออกไปนั่งทำงานต่อที่โซฟาในห้องนั่งเล่น อีกสักพักหมอไวน์ก็เดินตามออกมา คนตัวเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างแทนแล้วสะกิดเรียกอยู่หลายที ทำให้แทนต้องถามออกไปอย่างนึกรำคาญ

“มีอะไร” ไวน์ยิ้มออกมาแก้มแทบฉีกเมื่อเห็นแทนหันมาสนใจสักที

“สรุปยังไงกัน” น้ำเสียงสงสัยกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนตรงหน้า เป็นภาพคุ้นเคยที่แทนมักเห็นเสมอตั้งแต่เด็ก ไวน์ที่เต็มไปด้วยเรื่องสงสัยและมีท่าทีร่าเริงอยู่ตลอดเวลา บางครั้งแทนก็คิดอิจฉาในสิ่งที่ไวน์เป็น เขาเองก็อยากแสดงความรู้สึกให้ทุกคนได้รับรู้ แต่มันก็เป็นเพียงความคิดเพราะสุดท้ายเขาก็คือเขา เขาไม่สามารถเป็นใครได้นอกจากตัวเอง

“...” แทนไม่ตอบนั่งพิมพ์งานต่อไป

“ตอบสิๆ ๆ” ไวน์เขย่าแขนแทนไปมาก่อกวนไม่หยุดไม่หย่อนทำให้คนอารมณ์ร้อนเริ่มหงุดหงิดใจ

“ไวน์!” เสียงตวาดเข้มทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งรีบปล่อยมือออกจากอีกฝ่ายทันที

“ไม่อยากรู้ก็ได้...ทำไมชอบดุจริง คนอุตส่าห์เป็นห่วง” ไวน์เขยิบห่างออกมา บ่นแทนไปเรื่อยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาคนรัก

“เภามารับกูด่วนๆ เลย ปีศาจจะแดกหัวกูแล้ว” แทนไม่สนใจคำประชดประชัน นั่งทำงานต่อไป ไวน์เองก็นั่งนิ่งๆ ไม่อยากไปกวนอารมณ์แทนอีก ทั้งคู่ต่างคนต่างอยู่ในมุมของตัวเอง มันเป็นเช่นนี้เรื่อยมาตั้งแต่ไวน์จำความได้ แทนที่นิ่งเงียบ สายตาเย็นชา มนุษยสัมพันธ์แย่

เขาทั้งสองเป็นญาติกัน วราวุธกิจ เป็นตระกูลเก่าแก่มีญาติพี่น้องเยอะ แต่คนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาหลานของคุณหญิงย่าก็คือ แทน เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ แต่ไวน์เห็นอีกฝ่ายเป็นไอดอลในใจมาตลอด เพราะแทนเป็นคนหล่อ เรียนเก่ง ฉลาดเป็นกรดและมีบุคลิกภาพเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก พ่อเขา ทรรศพล เอ็นดูคอยเอ่ยชมไม่ขาดปาก ตอนแรกไวน์รู้สึกหมั่นไส้ ไม่ชอบตามประสาลูกหวงพ่อ แต่พอได้ลองคุยได้ลองเล่นด้วยก็ทำให้รู้ว่า แทนมีอะไรมากกว่าที่เห็น มีแค่เขาคนเดียวในบรรดาญาติทั้งหมดที่แทนยอมเล่นด้วย เขารู้สึกเป็นคนพิเศษ แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ เราก็ห่างกันไป ไวน์หมกมุ่นอยู่กับการเรียนเพราะต้องการเป็นหมอ

จนเวลาผ่านไปคนไข้คนแรกที่เขาช่วยชีวิตในฐานะแพทย์ ก็คือ แทน คนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจอกันในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้น ร่างสูงนอนแน่นิ่งเลือดท่วมเตียงตามข้อมือมีรอยกรีดลึก ไวน์ยังจำภาพนั้นได้ดี เขาช็อกมาก ในหัวลืมไปหมดทุกสิ่งที่สมควรทำ ถ้าพ่อไม่เตือนสติเขาคงเสียแทนไปตลอดกาล หลังจากวันนั้นมาเขากับพ่อได้สัญญากันไว้ว่า จะช่วยเหลือแทนไม่ให้อีกฝ่ายทุกข์ทรมานมากเท่าที่จะทำได้ ไวน์กับทรรศพลไม่รู้ว่าทำไมแทนถึงป่วยเป็นโรคจิตเวช ไม่มีใครรู้สาเหตุและแทนก็ไม่เคยคิดจะเล่าหรือพูดอะไรให้ฟัง แทนไม่ยอมให้ใครสัมผัสร่างกายนอกจากสามคนที่อยู่เคียงข้างและหวังดีจริง ๆ ซึ่งก็คือ ไวน์ ทรรศพล และพัชชา

“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กินยาเยอะแล้วใช่ไหม” ไวน์ถามออกไปโดยที่สายตายังจับจ้องใบหน้าแทนอย่างพิจารณา

“อืม...” แทนเงยหน้ามองสบตากับไวน์ คนที่เขาพอจะนับเป็นเพื่อนได้

“ดีแล้ว” ไวน์ยิ้มแล้วบีบไหล่หนาให้กำลังใจ เขาไม่เคยอยากเป็นญาติกับแทน เพราะรู้ว่าแทนเกลียดสายเลือดตัวเองขนาดไหน เขาเคยบอกต่อหน้าแทนด้วยซ้ำว่าเราอย่านับญาติกันเลย เป็นเพื่อนกันดีกว่า เขาไม่อยากถูกเกลียด สิ่งที่แทนตอบกลับมาเป็นสิ่งที่ไวน์ยังรู้สึกดีทุกครั้งที่นึกถึง รอยยิ้มมุมปากกับน้ำเสียงที่พูดออกมาเบา ๆ ว่า เพื่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแทนชอบสถานะนี้มากกว่าการเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเป็นไหน ๆ

RrrrRrrr

“โหล...เออ ๆ รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวลงไปหา” ไวน์รับสายพูดคุยอยู่สองสามประโยคจนเสร็จก็ลุกสะพายกระเป๋าเตรียมตัวกลับ

“แทนฟ้ารับ!”

หมับ

แทนยกมือคว้าวัตถุหลอดใสขนาดเหมาะมือที่ไวน์โยนมาให้

“เอาไว้ใช้” ไวน์ยักคิ้วกวน ๆ แล้วรีบปิดประตูห้องทันทีเมื่อเห็นแทนก้มหน้าอ่านหลอดครีมในมือ

“หล่อลื่น...” แทนนิ่งชะงักไปสักพักก่อนแสยะยิ้มร้ายออกมา ถึงไวน์จะน่ารำคาญอยู่มากแต่ก็รู้ใจเขาอยู่ไม่น้อย

ร่างโปร่งขยับตัวไปมาเมื่อนอนเต็มอิ่มแล้ว เปลือกตากะพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับความสว่างภายในห้องนอน

“เป็นไง” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามจากข้างกายทำให้ครูซหันไปมองอย่างมึนงง เมื่อเห็นแทนนั่งถอดเสื้อบนตักมีโน้ตบุ๊กวางอยู่ ครูซขมวดคิ้วยุ่งค่อยๆ ใช้สมองประมวลภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่กว่าจะรู้เรื่องชายหนุ่มก็นอนนิ่งไปหลายนาที

“ครูซ” แทนจับใบหน้าเนียนให้หันมามองตนเมื่อเห็นท่าทีเหม่อลอยไม่ค่อยมีสติ

“ครับ?”

“ยังปวดหัวอยู่ไหม” แทนถามย้ำอีกครั้ง ครูซส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยมีร่างสูงคอยพยุงและจัดการเอาหมอนรองหลังไว้ให้การกระทำเล็กน้อยที่สื่อให้เห็นถึงความเอาใจใส่ทำให้ครูซอดจะยิ้มไม่ได้

“กี่โมงแล้วครับ”

“สองทุ่มครึ่ง” ไม่น่าล่ะ เขาถึงรู้สึกว่านอนเต็มอิ่มเหลือเกิน นอนไปเกือบสิบชั่วโมงแบบนั้น คืนนี้จะนอนหลับหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ทำไมไม่ใส่เสื้อ” ครูซถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะปกติแทนมักใส่เสื้อแขนยาวอยู่เสมอ

“ร้อน” แทนเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ 28 องศาตามคำแนะนำของหมอไวน์ ที่บอกว่าอุณหภูมิห้องแบบนี้เหมาะกับคนที่มีไข้

“เดี๋ยวมา” แทนพับหน้าจอโน้ตบุ๊กวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียงแล้วลุกออกไปนอกห้องไม่นานก็กลับพร้อมข้าวต้มกับซองยาที่หมอไวน์เตรียมไว้ให้ ครูซรับมาทานอย่างว่าง่าย แต่ทานไปได้ไม่มากก็ต้องหยุดเพราะรู้สึกขมคอพะอืดพะอมจะอ้วก แทนเห็นแบบนั้นจึงไม่ได้บังคับ ชายหนุ่มเก็บชามข้าวต้มมาถือไว้แล้วยื่นยากับน้ำไปให้อีกฝ่ายเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย แทนก็เอาไปเก็บล้างข้างนอก ครูซนั่งหลับตาลงเมื่อมองทุกอย่างในห้องเริ่มหมุนไปมา เขาไม่ชอบตอนไม่สบายเลยจริง ๆ มันทั้งทรมานและอึดอัดใจที่ทำอะไรเองไม่ได้

“เป็นอะไร” แทนเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเตียง ตบแก้มครูซเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วยุ่ง กัดริมฝีปากแน่น

“เริ่มปวดหัวอีกแล้ว” ครูซคว้าตัวหนาของแทนมากอดไว้แน่น เอาใบหน้าซุกไว้ตรงไหล่กว้าง ตัวคุณแทนเย็น...อุณหภูมิแบบนี้ทำให้เขารู้สึกดี

“เช็ดตัวแล้วค่อยนอน” แทนดันตัวครูซออกแล้วลุกไปจัดการเอากะละมังเล็กรองน้ำอุ่น พร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาเช็ดตัวให้ครูซ มือขาวแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีครีมออกให้แล้วค่อยๆ เช็ดซับความร้อนตามร่างกายครูซ ผิวขาวขึ้นสีชมพูอมแดงเมื่อถูกความอุ่นจากผ้าบิดหมาด แทนเช็ดท่อนบนเสร็จก็ถอดกางเกงออกให้แล้วเริ่มทำความสะอาดส่วนล่าง ครูซที่ตอนแรกนอนนิ่งให้แทนทำความสะอาด เริ่มขยับตัวหนีมือขาวที่ลูบแถวต้นขาตนด้วยความรู้สึกประหลาด

“อยู่นิ่ง ๆ” แทนกดสะโพกครูซลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังขยับหนีไม่ยอมอยู่เฉย ๆ

“อื้ม! พอเถอะครับ” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุเพราะแทนไม่แม้แต่จะหยุดฟัง ครูซรีบจับมือแทนที่เริ่มสอดเข้าไปเช็ดภายในบริเวณแกนกลาง

“ไม่ทำอะไรหรอกน่า” แทนปัดมือครูซออกอย่างนึกรำคาญ มือขาวใช้ผ้าเช็ดไปตามแกนกลางของครูซก่อนจับอีกฝ่ายพลิกคว่ำแล้วถอดกางเกงในออกเป็นสิ่งสุดท้าย

“คุณแทน! แค่ก ๆ” ครูซร้องห้ามเสียงดังจนเจ็บคอ แรงที่มีเริ่มหดหาย ชายหนุ่มปวดหัวจนเบลอไปหมดมือเรียวกำจิกผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อสัมผัสของเนื้อผ้าถูซับไปตามก้อนเนื้อนิ่มสองข้าง มือเย็นจับก้อนเนื้อนุ่มแยกออกจากกันก่อนลากผ้าเช็ดไปตามร่องแนวยาวอย่างเชื่องช้า

“อ่ะ! พอเถอะครับ ผมปวดหัว” ครูซเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง เสียงหอบหายใจกับท่าทางดิ้นรนทรมานของอีกฝ่ายกระตุกอารมณ์ของแทนมาก จนชายหนุ่มเริ่มปวดหนึบที่แกนกลาง

“หยุดดิ้น เลิกห้าม...ไม่งั้นผมทำจริง ๆ แน่” แทนก้มกระซิบที่ใบหูก่อนกดจมูกหอมแก้มเนียนอย่างนึกหมั่นเขี้ยว ตามจริงภายในใจเขาอยากจิกกระชากผมนิ่มแล้วกัดคอให้เลือดซิบแต่ก็ต้องสะกดอารมณ์ความต้องการเพราะอีกฝ่ายกำลังป่วยอยู่ ครูซหยุดดิ้นนอนให้แทนเช็ดตัวและแต่งชุดนอนให้จนเสร็จ

“จะไปไหน” ครูซคว้าข้อมือขาวไว้ทันทีเมื่อเห็นแทนลุกขึ้นยืน

“เก็บของ”

“ไม่...อยู่กับผม” ครูซส่ายหน้าดึงดันไม่ยอมปล่อย ใบหน้าติดจะร้องไห้กับท่าทีร้องขอทำให้แทนขบฟันแน่น เห็นแบบนี้แล้วเขาไม่สามารถปฏิเสธอีกฝ่ายได้จริง ๆ

“คุณหายเมื่อไหร่ผมทำแน่” แทนบอกอย่างคาดโทษก่อนวางกะละมังเล็กในมือไว้ที่พื้นแล้วล้มตัวนอนข้างครูซ

หมับ

แรงกอดรัดที่เอวพร้อมใบหน้าเนียนที่ซบลงตรงแขนทำให้แทนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เวลามีใครต้องการเรามันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง วันนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจ

“หายไว ๆ” แทนจูบลงบนผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างหวงแหน ครูซเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เขาไม่ต้องการเสียไป ต่อให้คนที่ต้องต่อกรด้วยจะเป็นคุณหญิงรัศมี เขาก็พร้อมจะพุ่งชนอย่างไม่เกรงกลัวอีกแล้ว และในเกมครั้งนี้เขาต้องเป็นผู้ชนะ เพราะไม่อย่างนั้นชีวิตของคนในอ้อมแขนคงต้องถูกทำลายย่อยยับแน่ ๆ และมันเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น

RrrrRrrr

เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นบนหัวเตียงปลุกให้แทนตื่นขึ้นมาจากนิทรา ชายหนุ่มลูบหน้าตัวเองแรง ๆ ให้หายจากอาการง่วงก่อนเอื้อมมือไปหยิบมาดูว่าใครโทรมา

แทนถอนหายใจ แกะท่อนแขนของครูซออกจากตัวแล้วค่อยๆ ลุกออกไปคุยข้างนอกเพราะกลัวทำให้ครูซตื่นแม้อีกฝ่ายจะดูหลับลึกอยู่มากก็ตาม

“ถ้ามีเลขาแล้วเสียงานแบบนี้ ฉันกำจัดทิ้งให้เอาไหม!” เสียงวางอำนาจของคนในสายทำให้แทนเบ้หน้าอย่างนึกรังเกียจ แต่เขาไม่ได้สนใจจะตอบคำถามนับสิบที่คนเป็นย่าพูดมาเลยสักนิด ชายหนุ่มเพียงเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่มเงียบๆ “แกจะเล่นสงครามประสาทกับฉันใช่ไหมแทนฟ้า”

“คิดว่าไงล่ะ” แทนกดเปิดโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องแล้วส่งข้อความไปให้พัชชาเพื่อดำเนินตามแผนที่วางไว้

“แทนฟ้า! แกคงลืมข้อตกลงของเราไปแล้ว”

“หึ...เคยลงไปตรวจสอบอะไรเองนอกจากสั่งการบ้างหรือเปล่าครับ” เขามีสมองพอที่จะไม่โง่เต้นตามเกมบ้าๆ ของคุณหญิงรัศมี ที่ผ่านมายอมทำตามก็เพราะไม่มีเหตุผลมากพอที่จะเอาตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวาย แต่ครั้งนี้มันคุ้มที่จะเสี่ยง แทนถึงกล้าลงมือทำ

“แกหมายความว่าไง” น้ำเสียงสงสัยไม่ไว้ใจของคนเป็นย่าทำให้แทนแสยะยิ้ม

“...” คุณหญิงรัศมีที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากแทนก็ยิ่งบันดาลโทสะมากยิ่งขึ้น

“แล้วเราจะได้เห็นดีกันว่าเลขาแกจะอยู่อย่างสุขสบายไหม!”

ตุบ

แทนปาโทรศัพท์มือถืออัดกับกำแพงด้วยความฉุนเฉียว เขาไม่ชอบน้ำเสียงข่มขู่ของยายแก่นั้นเลยให้ตายเถอะ นึกว่าเขาโง่มากจนยอมให้เหยียบอยู่ตลอดปีตลอดชาติเลยหรือไง

ติ๊ง

แทนก้มมองข้อความตอบกลับจากพัชชาแล้วยกยิ้มมุมปาก เกมได้เริ่มขึ้นแล้ว คุณหญิงรัศมีที่อยู่ในบทคนล่ามานานลองเป็นคนถูกล่าบ้าง ดูสิว่าคราวนี้จะเป็นอย่างไร

เช้าวันต่อมาอาการของครูซดีขึ้นกว่าเดิม ไข้ลดลง มีแรงช่วยเหลือตัวเองได้ แทนจึงวางใจที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องเพียงคนเดียว แม้ตามจริงเขาจะอยากอยู่เฝ้าแต่วันนี้มีประชุมกับฝ่ายขายที่ต้องไปนำเสนองานให้ลูกค้าอีกสองวันข้างหน้า เขาเลยจำเป็นต้องไปเพราะเป็นงานใหญ่ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด*.*

ตุบ!

“คุณคิดว่าลูกค้าจะสนใจการนำเสนองานแบบท่องจำของคุณเหรอ?” แทนโยนแฟ้มรายละเอียดงานลงบนโต๊ะประชุมแล้วนั่งกอดอก ตาคมจ้องใบหน้าพนักงานชายหญิงสามคนที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าโปรเจคเตอร์

“ว่าไงครับ...คุณคิดว่าเขาจะสนใจงานของคุณไหม” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามย้ำออกไปอีกครั้งเมื่อไม่ได้รับคำตอบ บรรยากาศภายในห้องประชุมเต็มไปด้วยความกดดัน เวลาแบบนี้เท่านั้นที่คนอย่างแทนจะพูดเยอะ ซึ่งเป็นการพูดที่ทำให้คนฟังกลัวจนแทบไม่กล้าขยับตัว

“ผมถามแล้วไม่ตอบได้เหรอครับ!” แทนพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นทำให้พนักงานที่ขวัญเสียอยู่ก่อนแล้วสะดุ้งตกใจทำหน้าตาหวาดผวากับความเข้มงวดของเจ้านาย ถึงพวกเขาจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยรู้สึกชินเลยแม้แต่น้อย

“มะ...ไม่สนใจครับ” ผู้ชายเพียงคนเดียวในกลุ่มรวบรวมความกล้าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทา บ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นรู้สึกประหม่าแค่ไหน

“ทำไม” สิ้นคำถามทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศชัดเจน แทนยังคงจับจ้องใบหน้าแต่ละคนด้วยสายตาดุดัน ที่วันนี้คนหน้านิ่งโหดและดุมากกว่าปกติไม่ใช่แค่เพราะการนำเสนองานที่บกพร่องแต่เพราะมีเรื่องของครูซคอยกวนใจอยู่ตลอดเวลาด้วย เขารู้ดีว่าไม่สมควรเอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งกับงาน แต่ตอนนี้เขาทำไม่ได้จริง ๆ

“ฮึ่ม!” แทนหลับตาพยายามห้ามอารมณ์ตัวเองที่เริ่มพุ่งสูงขึ้น งานชิ้นนี้เขามอบหมายให้ไปตั้งแต่สองเดือนก่อนแต่ผลลัพธ์ที่ได้มากลับตรงข้ามกับระยะเวลาที่ให้ไปเหลือเกิน ตัวชิ้นงานกับรายละเอียดนั้นถือว่าทำได้ดี แต่การนำเสนอไม่มีลูกเล่นหรือเทคนิคดึงดูดใจเลยสักนิด ยืนพูดเหมือนท่องจำ ทำให้ความน่าสนใจลดลง จุดที่สมควรเน้นก็ละเลย คำพูดมีแต่น้ำที่ฟังจับใจความสำคัญไม่ได้

“บอกผมมาตามตรง พวกคุณเริ่มซ้อมกันเมื่อไหร่” พนักงานมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ต่างคนต่างผลักหน้าที่ให้คนใดคนหนึ่งพูด โดยไม่มีใครกล้าตอบคำถามของแทนสักคน

“ผมให้เวลา 1 นาทีในการอธิบายไม่งั้นก็ออกจากบริษัทไปได้เลย” แทนยืนขึ้นจัดสูทให้เข้าที่เตรียมเดินออกจากห้องประชุม เขาไม่ชอบคนขาดความรับผิดชอบ เพราะถึงจะมีความสามารถ ทำงานงานเก่งสักแค่ไหนแต่ถ้าขาดสิ่งนี้ไป คนคน นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับคนทำงานไม่เป็น ซึ่งคนประเภทนี้ไม่เหมาะกับการทำงานอะไรทั้งสิ้น

“ ระ.. เราซ้อมกันจริงจังเมื่อสองวันก่อนค่ะ ก่อนหน้านั้นรูปแบบงานมีปัญหาเลยต้องตามแก้ เราไม่มีเวลาซ้อมกันเลยค่ะ” พนักงานสาวรีบบอกด้วยความร้อนรนกลัวถูกไล่ออก ใบหน้าทั้งสามคนซีดเผือด มือไม้สั่นไปหมด เพราะรับรู้ว่าเจ้านายหนุ่มพูดจริงทำจริง ตัวอย่างก็มีให้เห็นนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ทำงานกับอีกฝ่ายมา

“แล้วคิดว่าผมให้เวลาคุณไปสองเดือนเพื่ออะไรกัน” สำหรับแทนทุกงานย่อมมีปัญหาเสมอแต่มันอยู่ที่คนทำจะทุ่มเทแค่ไหนเท่านั้นเอง

“ผมให้โอกาสคุณพิสูจน์ตัวเองด้วยงานนี้ ถ้าผ่านก็อยู่ต่อ แต่ถ้าไม่...คงจะรู้นะว่าหมายถึงอะไร” แทนพูดจบก็หันหลังเปิดประตูเดินออกไปทันทีทิ้งให้คนในห้องประชุมแข้งขาอ่อนด้วยความตึงเครียด

“โคตรเย็นชาเลย” เสียงสั่นเทาของพนักงานสาวคนหนึ่งพูดออกมาอย่างสุดทนกับภาวะกดดันที่ได้รับ

“....แต่เราก็ทำงานแย่จริง ๆ นั่นแหละ” หญิงสาวอีกคนพูดแย้งออกไปเพราะที่ผ่านมาพวกเธอมัวแต่ประมาทเนื่องจากเห็นเวลาเหลือเยอะจนไม่ได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ผลเลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น

แทนนั่งทำงานจนถึงหกโมงเย็นก็เตรียมตัวกลับไปเฝ้าไข้ครูซต่อ เพราะไวน์ที่วานให้ไปดูแลครูซตั้งแต่ตอนเที่ยงต้องกลับไปเข้าเวรที่โรงพยาบาล

“โอ๊ย! กว่าจะมาได้” หมอไวน์เด้งตัวลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นแทนเปิดประตูห้องเข้ามา ร่างบางสะพายกระเป๋าเป้แล้วรีบวิ่งไปหยิบรองเท้าผ้าใบมาใส่

“เป็นไง” แทนก้มหน้าถามไวน์ที่นั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่ตรงพื้นหน้าห้อง

“ถามถึงใคร? ถ้าผมตอนนี้ก็รีบสุดตีน แต่ถ้าครูซก็ดีขึ้นแล้ว มีไข้อ่อนๆ พักอีกนิดก็หาย”

“ขอบใจ” แทนยื่นเงินให้ตามความเคยชิน ไวน์ยิ้มกว้างรับไปยัดใส่กระเป๋ากางเกงแล้วยกมือไหว้ พวกเขาทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะแทนจะไม่รับอะไรจากใครฟรี ๆ เงินจึงเป็นสิ่งที่ไวน์ได้จากแทนเสมอ

“ไปนะลูกพี่ ไว้เจอกันใหม่” พูดจบร่างบางรีบเปิดประตูพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว หลังจากอีกฝ่ายออกไปแทนก็เดินเข้าไปในห้องนอน แต่ชายหนุ่มกลับเจอแต่ห้องว่างเปล่าไม่มีใครอยู่

“ครูซ” แทนส่งเสียงเรียก

“ครับ” เสียงตอบรับดังมาจากในห้องน้ำตามด้วยร่างโปร่งในชุดนอนใหม่ ใบหน้าดูสดใสมากกว่าเมื่อเช้า

“อาบน้ำ?” แทนขมวดคิ้วเมื่อเห็นผมที่เปียกชื้นอยู่เล็กน้อย

“ครับ หมอไวน์บอกอาบได้แต่ให้อาบน้ำอุ่น” ครูซพยักหน้ารับกำลังจะเอื้อมมือไปช่วยแทนถือของ แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหลบขยับหนี

“สกปรก”

“เอ่อ...ขอโทษครับ”

“ผยังไม่ได้อาบน้ำอย่าเพิ่งมาโดน” แทนอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นครูซหน้าเสียกับการกระทำของตน

“เปียก” แทนพูดแล้วชี้นิ้วให้ครูซไปเป่าผมให้แห้ง ครูซยิ้มพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินกลับไปเป่าผมต่อในห้องน้ำ แทนหยิบของใช้และเสื้อผ้าไปอาบน้ำข้างนอก เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแทนจึงเดินไปทานข้าวที่ไวน์ทำไว้ให้ ส่วนครูซทานไปก่อนหน้านั้นแล้วเพราะต้องทานยาให้ตรงเวลา

“ทำไมไม่พัก” แทนที่เปิดประตูห้องนอนเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ เมื่อเห็นร่างโปร่งนั่งเปิดแฟ้มเขียนเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงาน

“ผมหายแล้วครับ” ครูซหันกลับไปตอบด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวกับสีหน้าเย็นชาของแทนเหมือนคนอื่น

หมับ

ครูซสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกกระชากให้ลุกขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มือขาวทาบไปตามใบหน้าและซอกคอเพื่อวัดไข้ แรงที่อีกฝ่ายใช้ไม่ได้นุ่มนวลเหมือนผู้หญิงหรือมือเบาเหมือนหมอไวน์ แต่ทำไมครูซถึงชอบความรู้สึกดิบเถื่อนแบบนี้ของคนตรงหน้าก็ไม่รู้ เขารู้สึกว่านับวันตัวเองยิ่งประหลาดมากขึ้นทุกที

“ตัวร้อน” แทนขมวดคิ้วยุ่ง ถึงร่างโปร่งจะไม่ตัวร้อนเท่าเมื่อวานแต่ก็ใช่ว่าจะหายดี

“ผมไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ครับ วันนี้ก็นอนมาทั้งวันแล้ว เพิ่งตื่นมาตอนเย็นด้วยซ้ำ” ครูซพูดให้แทนฟังพลางเดินตามแรงดึงของอีกฝ่ายไปนั่งลงบนเตียงอย่างว่าง่ายแทนไม่สนใจคำพูดครูซ ชายหนุ่มจับผ้ามาห่มให้แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างกัน โยนรีโมททีวีใส่แล้วหันไปหยิบโน้ตบุ๊กข้างเตียงเปิดงานขึ้นมาทำ

“ทำไมไม่เปิด” แทนถามขึ้นหลังพิมพ์งานไปได้สักพักแต่ครูซก็ยังนั่งนิ่งไม่ได้เปิดทีวีดู

“คุณทำงานอยู่นี่ครับ” ครูซไม่ได้มีเจตนาจะว่าแค่พูดไปตามความจริงเพราะเขาไม่อยากรบกวนสมาธิของแทน

“ไปไหนครับ!” ครูซคว้าเอวแทนไว้ก่อนที่ร่างสูงจะลุกลงจากเตียง

“ข้างนอก”

“แล้วทำไมคุณแทนต้องออกไปด้วย” แทนเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นท่าทีหงุดหงิดใจของอีกฝ่าย เขาแค่อยากให้ครูซดูอะไรเพลิน ๆ จะได้ไม่เบื่อ พอเห็นครูซบอกไม่เปิดเพราะตนทำงานอยู่เลยจะออกไปให้

“...” แทนไม่ได้ตอบกลับไปแค่จ้องหน้าครูซอย่างพิจารณากับพฤติกรรมแปลก ๆ

“ไม่ต้องไป ทำงานที่นี่แหละ” ครูซบีบเอวแทนแรงขึ้น น้ำเสียงที่ใช้ก็ดูติดจะอารมณ์เสียจนแทนที่ฟังอยู่เริ่มไม่พอใจ

“เป็นอะไร” แทนถามออกไปอย่างอดไม่ได้

“...เปล่าครับ” ครูซถอนหายใจแล้วตบแก้มตัวเองเบาๆ เรียกสติ เมื่อคิดได้ว่าทำตัวไม่ดีใส่แทน เวลาเขาไม่สบายทีไรมักอารมณ์เสียง่าย แทนเห็นสีหน้าสำนึกผิดของครูซก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่นั่งพิมพ์งานต่อ ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีเสียงบทสนทนาดังขึ้นอีกเลยเป็นชั่วโมง

หมับ

แรงกอดที่เอวกับใบหน้าอุ่นของครูซที่ซบลงบนไหล่กว้าง ทำให้แทนชะงักมือที่กำลังพิมพ์งานลงทันที ถึงจะไม่ได้รังเกียจสัมผัสจากครูซแต่แทนก็ไม่ชินกับการถูกจู่โจมแบบนี้จากอีกฝ่ายอยู่ดี

“ผมขอโทษ” เสียงนุ่มที่พูดกระซิบใกล้หูทำให้อีกคนมือไม้อ่อนปล่อยโน้ตบุ๊กที่วางไว้บนตักร่วงตกลงบนพื้นห้องเสียงดัง

โครม

“ขอโทษครับ”

“!!!!” แทนเบิกตากว้างตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่ใช่เรื่องโน้ตบุ๊กตกแต่เป็นริมฝีปากนุ่มหยุ่นที่กดลงบนหัวไหล่ ความร้อนที่ส่งผ่านมายังทำให้แทนคิดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น

“อย่าโกรธผมนะครับ”

“ไม่ได้โกรธ” แทนขยับตัวออกจากครูซเมื่อเริ่มรู้สึกแปลกขึ้นมาเมื่อถูกอีกฝ่ายสัมผัส จึงแสร้งตีหน้านิ่งทำทีเป็นไม่สนใจ

“คุณโกรธ” ครูซพูดด้วยเสียงสั่นไหวเมื่อเห็นใบหน้าเรียบนิ่งเย็นชาของแทน

“ก็บอกว่าไม่!” แทนตอบกลับอย่างหัวเสีย เขาพยายามห้ามความต้องการของตัวเองที่เริ่มอยากทำรุนแรงกับคนตรงหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบทนไม่ไหว

“งั้นจูบสิ จูบผม...แล้วผมจะยอมเชื่อ” สายตาท้าทายกับใบหน้าคาดหวังของครูซทำให้ความอดทนของแทนสิ้นสุดลง มือขาวกระชากผมนิ่มเข้ามาใกล้แล้วบดขยี้กลีบปากสีสดอย่างแรงตามอารมณ์ ฟันคมไล่ขบกัดไปทั่วตามที่ใจต้องการ กลิ่นเลือดคาวคละคลุ้งยิ่งกระตุ้นความต้องการของร่างสูง

แทนส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวานอย่างจาบจ้วง ดูดกลืนลิ้นนิ่มราวกับหิวกระหาย ทั้งสองเกี่ยวกระหวัดลิ้นเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ครูซพลิกลิ้นหนีการขบกัดจากแทนอย่างรู้ทันนั้นยิ่งทำให้แทนรู้สึกสนุก ชายหนุ่มบีบกรามครูซเชิดขึ้นแล้วกดจูบอย่างดูดดื่มไล้ลิ้นเลียไปทั่วภายในโพรงปากอุ่นจนน้ำหวานสีใสไหลออกตามมุมปากทั้งคู่

“หึ” ครูซหัวเราะในลำคอเมื่อแทนไล่กัดลิ้นเขาไม่ทัน อีกฝ่ายจิกกระชากผมตนให้แนบชิดยิ่งขึ้น มือเรียวยกลูบหลังกว้างให้ใจเย็นก่อนเป็นฝ่ายไล่ลิ้นไปตามคมเขี้ยวอย่างหยอกล้อ การกระทำของครูซทำให้แทนใจเต้นไม่เป็นส่ำ มันทั้งเร้าใจและตื่นเต้น ยิ่งเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายยิ่งอยากขบกัดให้แดงช้ำไปทั้งตัว มือขาวสอดเข้าไปภายในชุดนอนลูบไล้และบีบเคล้นจนขึ้นรอยแดงทั่วลำตัวเนียน แม้แทนจะทำรุนแรงและป่าเถื่อนขนาดไหนแต่ครูซกลับไม่เอ่ยห้ามสักคำจนเป็นแทนเองที่ผละออกมาแล้วสบตาสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องใบหน้าตนอยู่ตลอดเวลา

“จะไม่ห้ามกันจริง ๆ ใช่ไหม” แทนกัดฟันถาม ข่มอารมณ์ความต้องการที่พลุ่งพล่านจนร่างกายรุ่มร้อนไปหมด ถึงเขาจะเป็นโรคเกลียดสัมผัสแต่อย่างไรก็เป็นผู้ชาย ความต้องการทางเพศย่อมมีมากอยู่แล้ว ยิ่งอยู่ใกล้กับคนที่ชอบยิ่งอยากครอบครอง

“แล้วคุณแทนอยากหยุดไหมล่ะครับ” ครูซไม่ตอบแต่เป็นฝ่ายถามกลับไป

“.......” แทนชะงักลงเมื่อฟังจบ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดกับสีหน้าแบบนี้จากครูซ สิ่งที่อีกฝ่ายทำไม่ต่างอะไรกับการยั่วให้เขารู้สึกควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาเคยคิดและพูดว่าครูซนิสัยเสียอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ว่าครั้งไหนก็ไม่อาจเทียบเท่าครั้งนี้เลยสักนิด

“ครูซคุณมันร้าย"

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ ​16

"ครูซคุณมันร้าย"

"ร้ายไม่เท่าคุณแทนหรอกครับ" ครูซตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่

“ผมอาจจะทำคุณเจ็บ” แทนกระซิบบอกชิดหูครูซ มือขาวกำจิกผ้าปูแน่นเพื่อระบายอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในอก ความต้องการครอบครองร่างกายของครูซมันมีมากซะจนแทนรู้สึกกลัวตัวเอง กลัวจะห้ามไม่ให้รุนแรงกับคนตรงหน้าไม่ได้

“ตามใจคุณแทนเลยครับ” ครูซตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ได้มีแววกังวลใจหรือกลัวอยู่แม้แต่น้อยเพราะที่ผ่านมาชายหนุ่มตัดสินใจยอมรับเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มมีความรู้สึกกับแทนมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องแล้ว แต่ใช่ว่าเขาจะชอบอยู่ตำแหน่งนี้สักเท่าไหร่ ที่ยอมเพราะรู้ดีว่าอย่างไรแทนก็ไม่มีทางให้เขาเป็นคนโอบกอดแน่ ๆ

เมื่อครูซพูดจบ ฟันคมก็ขมกัดลงบนใบหูทันที ความเจ็บจี๊ดที่พุ่งมาพร้อมกับความวาบหวิวทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งกำแขนอีกฝ่ายแน่น ลิ้นร้อนเปียกชื้นไล่เลียเข้าไปในช่องหูอย่างหื่นกระหาย มือขาวทั้งสองก็เคล้นบีบตามลำตัวเนียนไปมาเพื่อปลุกเร้า ยิ่งสัมผัสผิวกายที่แผ่ความร้อนออกมาเพราะพิษไข้ยิ่งกระตุ้นให้แทนอยากโลมเลียไปทั่วตัว

“อื้ม!!” ใบหน้าครูซเหยเกเมื่อถูกแทนกระชากชุดนอนออกเต็มแรงจนกระดุมหลุดกระจายไปคนละทิศคนละทาง สาบเสื้อบาดผิวเนียนจนเกิดรอยแดงเป็นแนวยาว แทนมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ มือขาวลูบไปตามรอยจ้ำแดงช้า ๆ แล้วกดลงจูบคล้ายการปลอบโยน แต่แรงที่แทนใช้ทำให้ครูซน้ำตาซึม ยามปากร้อนดูดเลียความเจ็บแสบก็เพิ่มมากขึ้น แต่น่าแปลกตรงที่ครูซกลับรู้สึกสุขสมและเสียวกระสันจนหัวสมองเบลอไปหมด ทำอะไรไม่ถูกนอกจากเท้าแขนมองกลุ่มผมสีนิลที่ก้มต่ำทำรอยแดงไปทั่วหน้าอกและลำตัวของตน

“อ่ะ อือ~” ครูซกัดริมฝีปากแน่นกลั้นเสียงครางน่าอาย หลังถูกแทนใช้ลิ้นเลียวนไปมารอบฐานยอดอก มืออีกข้างก็ใช้เล็บกรีดไล้สะกิดตุ่มไตเล่นจนมันแข็งชูชันสีแดงก่ำ แทนจ้องมองเม็ดเล็ก ๆ ทั้งสองข้างแล้วเลียริมฝีปากราวกับเจออาหารอันโอชะ ก่อนครอบปากลงไปดูดกลืนตามที่ใจปรารถนา ร่างโปร่งบิดกายดิ้นเมื่อถูกรัวลิ้นที่ยอดอก เสียงหอบหายใจถี่ที่ปนมากับเสียงครางกระตุ้นให้แทนอยากกระแทกเข้าไปในตัวอีกฝ่ายซะเดี๋ยวนั้น แต่สติที่มีอยู่ร้องเตือนอยู่ในหัวว่าเขาไม่สมควรทำเพราะมันจะไม่ต่างอะไรกับที่เขาบังคับใช้กำลังกับอีกฝ่ายในตอนแรกเลย

“ชอบไหม” แทนเชยคางครูซให้เงยสบตาตนแล้วกระซิบถามชิดริมฝีปากแดงเจ่อจากแรงจูบอันป่าเถื่อน

“แฮ่ก ชะ... ชอบครับ” ครูซตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนัก เพราะลำพังแค่หายใจให้ทันก็ยากพอดูอยู่แล้ว

“งั้นครางดังๆ สิผมชอบ” แทนยกยิ้มมุมปากขยับเบียดร่างกายแนบชิดกับครูซมากยิ่งขึ้นจนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างระหว่างทั้งคู่อยู่เลย

“ทำไมเวลาแบบนี้ถึงพูดเก่งจังครับ” ครูซอดพูดล้ออีกฝ่ายไม่ได้ เพราะปกติกว่าคุณแทนจะยอมอ้าปากพูดแต่ละคำต้องให้เขารอลุ้นแล้วลุ้นอีก แต่เวลาแบบนี้กลับพูดเก่งแถมเอาแต่พูดประโยคที่ทำให้เขาใจสั่นไม่หยุดอีกต่างหาก

“ไม่ชอบเหรอ?” น้ำเสียงเรียบนิ่งกับจมูกโด่งของแทนที่เกลี่ยไปมาตามแก้มเนียนทำให้ครูซรู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด

คนที่ปกติเย็นชาไม่ชอบพูดทำตัวน่ารักแบบนี้ใส่เขา! เป็นใครจะทนไหวกัน

ผลัก

“ชอบครับ!” ครูซจับแทนพลิกให้อยู่ใต้ร่างตนแล้วกดจูบลงบนแก้มใส แทนยกมือดึงใบหน้าครูซเข้ามาใกล้แล้วเอียงคออ้าปากรอรับลิ้นนุ่มจากอีกฝ่าย

“ฮึ่ม! น่ารัก” ครูซพูดออกมาอย่างสุดทนกับแทนที่เหมือนรู้ว่าทำแบบไหนถึงจะกระตุ้นตนให้คลั่งตายได้ ร่างโปร่งก้มประกบสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวตวัดอย่างดุเดือด มือประคองใบหน้าอีกฝ่ายไว้แน่นหมุนปรับเปลี่ยนองศาหน้าให้แน่นชิดมากยิ่งขึ้นก่อนผละออกแล้วก้มลงไปสูดดมกลิ่นกายของแทนตามซอกคอขาว

“ครูซ...” แทนร้องเรียกหลังถูกลมหายใจที่มีไอร้อนเป่าใส่หู จุดอ่อนที่ไม่มีใครรู้นอกจากคนตรงหน้า

“ครับ” ครูซกระซิบตอบพลางสอดมือเข้าไปในกางเกงนอนของแทน กอบกุมแกนกลางร้อนที่สั่นระริก

“อ่ะ...อื้ม!” แทนหลับตาแน่นเมื่อถูกมือนุ่มบีบคลึง ครูซจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือสลับกับใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเสียวของแทนแล้วตัดสินใจก้มใบหน้าต่ำลงไป ใช้ลิ้นแตะปลายยอดที่มีน้ำสีใสไหลปริ่มออกมา ชายหนุ่มแตะลิ้นย้ำ ๆ อยู่หลายทีจนแทนทนไม่ไหวถึงกระชากจิกผมครูซให้ครอบปากลงไปที่แกนกลางของตน แต่เพราะครูซไม่ได้อ้าปากรองรับอยู่ทำให้ท่อนเอ็นเสียดสีไปตามใบหน้าเนียนจนน้ำจากปลายยอดเลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วแก้ม

“อืม~ อย่าแกล้ง” ร่างสูงกัดฟันเตือน เขาไม่ใช่คนมีความอดทนอะไรมากมายอยู่แล้ว หากถูกครูซยั่วอยู่แบบนี้อีก คงมีหวังจับอีกฝ่ายกระแทกไม่ยั้งแน่ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทั้งที่เมื่อก่อนเกลียดเรื่องพวกนี้มากมายแต่ตอนนี้กลับอยากได้จนตัวสั่นไปหมด

ครูซเห็นว่าแทนเริ่มทรมานก็รีบอ้าปากรับท่อนเอ็นแข็งเข้าไปภายในปาก แต่ขนาดที่ยาวมากทำให้ครูซไม่สามารถดูดกลืนเข้าไปได้ทั้งหมด ต้องใช้มือชักรูดให้โดยที่ลิ้นคอยโลมเลียอยู่บนปลายมน ความอุ่นร้อนจากโพรงปากนุ่มทำให้แทนแทบสิ้นสติ มือเท้าจิกผ้าปูแน่นด้วยความเสียวที่แล่นไปทั่วกายจนขนอ่อนลุกชัน

“Fuck!” แทนสถบออกมาเสียงดังลั่นเมื่อครูซดูดอมบอลแฝดของเขาในขณะที่มือขยับชักขึ้นลงอย่างรวดเร็วเป็นจังหวะ ชายหนุ่มไม่อยากเสร็จด้วยปากจึงจิกท้ายทอยรั้งอีกฝ่ายออก ทำให้น้ำสีใสไหลยืดเป็นสายยาวเชื่อมระหว่างลิ้นนุ่มกับท่อนเอ็นแข็ง ภาพตรงหน้ากระตุ้นสัญชาตญาณดิบในกายแทนมากขึ้นจนเขาไม่อาจรั้งแรงไว้อย่างที่ตั้งใจ แทนดึงร่างโปร่งกดแนบไปกับเตียงนุ่มแล้วแทรกตัวไปอยู่ระหว่างขาของครูซ ร่างสูงยืดตัวขึ้นถอดเสื้อที่ใส่อยู่ขว้างทิ้งอย่างไม่สนใจจนเผยให้เห็นหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแน่น ครูซขบปากมองด้วยความรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ เพราะถึงอยากจะตามใจแทนแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าจะคุ้นชินกับการเป็นฝ่ายถูกกระทำ

“โอ๊ย!” ครูซร้องออกมาเมื่อถูกฟันคมกัดเข้าที่ยอดอกเต็มแรง กลิ่นคาวคละคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ เสียงดูดที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกได้ดีว่าแทนหื่นกระหายต้องการที่จะครอบครองอีกฝ่ายมากเพียงใด

ผลุบ

ครูซมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างงุนงง เมื่อแทนดีดตัวลุกจากเตียงก้าวเท้ายาว ๆ ไปรื้อของในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าแล้วโยนหลอดใสลงบนเตียงพลางถอดกางเกงกองไว้กับพื้นจนร่างกายเปลือยเปล่า ครูซจ้องมองของที่แทนลุกไปหยิบมาอย่างสงสัย

“หล่อลื่น....” มือเรียวเอื้อมไปหยิบขึ้นมาอ่านก่อนทำหน้าปั้นยากเมื่อรู้ว่ามันคืออะไร เขาไม่เคยคิดว่าคุณแทนจะเก็บของแบบนี้ไว้ในห้องนอน คนหน้านิ่งมีเรื่องมาเซอร์ไพรส์เขาได้ตลอดจริง ๆ

พรึ่บ

แทนกระชากกางเกงนอนครูซออกทำให้เจ้าตัวผวาเฮือกเพราะมัวแต่เหม่อ มือขาวจับขาครูซอ้าออกกว้างแล้วแทรกตัวเข้าไปแนบชิดบดเบียด จนร่างโปร่งรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่เสียดสีเข้ากับแกนกลางของตนซึ่งขยายจนปวดหนึบเช่นกัน

“อม” นิ้วขาวแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่น ครูซอมและเลียตามความต้องการของแทน จนนิ้วขาวเปียกชุ่ม แทนถึงดึงออกแล้วเอื้อมไปป้ายคลึงปากทางสีชมพูอ่อนที่ปิดสนิท ครูซบีบไหล่แทนแน่นเมื่อรู้สึกกลัวและตื่นเต้นผสมปนเปไปหมด

“อย่าเกร็งสิ มันเข้าไม่ได้” แทนบอกเสียงเรียบแล้วก้มดูดยอดอกอีกฝ่ายเพื่อปลุกอารมณ์ ครูซก้มหน้าซบกับซอกคอของแทนแล้วพยายามผ่อนลมหายใจ สักพักแทนก็สามารถแทรกนิ้วแรกเข้าไปในช่องทางร้อนที่ตอดรัดได้ ที่ใช้น้ำลายเป็นตัวช่วยเพราะรู้สึกว่าแบบนี้มันเร้าอารมณ์มากกว่า ส่วนสารหล่อลื่นเก็บไว้ใช้ตอนสอดใส่

สวบ สวบ

แทนขยับนิ้วให้คุ้นชินก่อนค่อย ๆ เพิ่มเข้าไปจนครบสามนิ้ว เขาชักมือเข้าออกแรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับรูดแกนกลางของครูซ ปากก็ดูดกลืนยอดอกทั้งสองข้างให้ไม่ขาด ทำให้ครูซหายใจหอบถี่ด้วยความเสียว

เมื่อเห็นว่าร่างกายครูซเริ่มพร้อมแล้วจึงเอื้อมหยิบเจลหล่อลื่นออกมาเทใส่มือแล้วนวดคลึงไปที่ท่อนเอ็นของตน ก่อนป้ายไปที่ช่องทางของครูซจนเปียกชุ่มไปหมด ความเย็นจากเจลทำให้ร่างโปร่งขยับตัวหนีเนื่องจากไม่คุ้นชินแต่ก็ถูกแทนกระชากเอวกลับมาอยู่ที่เดิมอย่างรวดเร็ว

“เอาเข้านะ” แทนบอกพลางบีบก้อนเนื้อนิ่มสองข้างแยกออกจากกัน

“ครับ...” ครูซตอบรับเสียงเบาหวิว ก่อนขยับขาอ้าออกมากกว่าเดิมตามแรงดึงของอีกฝ่าย แทนแทรกตัวไปอยู่ระหว่างขาของร่างโปร่งโดยใช้เข่ารองสะโพกมนไว้แล้วจับท่อนเอ็นซึ่งแข็งตัวจนปวดหนึบจ่อถูไถไปที่ช่องทางสีสวย ครูซหัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็พยายามผ่อนคลายที่สุดเพราะรู้ดีว่าถ้าฝืนเกร็งตัวเขาเองที่จะเจ็บ

อึก..สวบ

“...!” แทนค่อย ๆ กดแทรกส่วนหัวเข้าไปด้วยความใจเย็นก่อนกระแทกเข้าไปมิดแท่งเมื่อครูซเผลอ ร่างโปร่งกัดปากแน่น รู้สึกจุกและเจ็บหน่วงบริเวณช่องทางหลังที่ถูกรุกล้ำ น้ำตาสีใสไหลซึมออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แทนขบกรามฝืนเกร็งแช่ท่อนเอ็นให้ครูซปรับตัวก่อนขยับสะโพกเข้าออกแรงตามอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นสูง

“แม่ง!” แทนสถบออกมาเมื่อแกนกลางถูกผนังอ่อนนุ่มของครูซกระตุกตอดรัดแน่นจนความเสียวแผ่ซ่านไปทั่วตัว ภายในสมองขาวโพลนสติแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แทนคิดอะไรไม่ออกนอกจากโหมแรงกระหน่ำแกนกลางเข้าออกช่องทางสีชมพูอ่อนที่เริ่มช้ำและบวมแดงจากการถูกเสียดสี

“อื้อ..เจ็บ” ครูซกำท่อนแขนของแทนแน่นเมื่อถูกอีกฝ่ายกัดลงบนแก้มด้วยความหมั่นเขี้ยว แทนผละออกแล้วก้มจูบปิดปากสวย ส่งลิ้นเข้าไปกวาดต้อนทั่วโพรงปากหวานจนน้ำลายไหลยืดออกมาตามมุมปาก มือขาวยังขยับชักรูดแกนกลางของครูซตามจังหวะการกระแทก มืออีกข้างก็ใช้เล็บกรีดข่วนไปทั่วลำตัวเนียนจนผิวขาวเป็นรอยริ้วสีแดงยาวไปทั่วท้องและหน้าอก ยามที่เหงื่อไหลผ่านบาดแผลนั้นสร้างความเจ็บแสบให้ครูซจนร่างกายสั่นระริก ไม่ใช่เพราะความทรมานแต่กลับมีแต่ความรู้สึกสุขสมกับความเจ็บปวดที่ได้รับทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรเป็นอย่างนี้แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกได้ ครูซคงเสพติดความรุนแรงจากแทนไปเสียแล้ว

“อ้า!” แทนครางออกมาด้วยความเสียวกระสัน ใบหน้าเหยเก กล้ามหน้าท้องเกร็งแน่นจนขึ้นเป็นลอนสวย ครูซที่จ้องมองแทนอยู่ตลอดเวลาเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมไปทั่วใบหน้าออกให้อย่างเบามือ ก่อนใช้แขนคล้องคอแทนดึงเข้ามาหาตัว ริมฝีปากนุ่มกดจูบที่ปลายจมูกโด่งของแทนแล้วลากผ่านไปที่แก้มใสทั้งสองข้างก่อนจบลงที่ปากสีชมพูอ่อนอย่างอ้อยอิ่ง ครูซไม่ได้รุกล้ำเข้าไปทำเพียงจูบลงบนกลีบปากนิ่มย้ำๆ อย่างหยอกล้อจนเป็นแทนเสียเองที่ทนไม่ไหวต้องใช้มือบีบปากอีกฝ่ายให้อ้าออกแล้วส่งเรียวลิ้นเข้าไปดูดเม้มตามอารมณ์ดิบเถื่อนจนกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปาก

“ครูซ! ...คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า” แทนผละปากออกมาร้องคำรามในลำคอ ก่อนจับร่างโปร่งพลิกคว่ำรั้งสะโพกให้ลอยเด่นแล้วทาบตัวทับลงไปโดยที่ไม่ให้แกนกลางหลุดออกจากช่องทางด้านหลัง ครูซใช้มือเท้าเตียงพยุงตัวเอาไว้เพื่อรับแรงกระแทกจากแทนที่หนักหน่วงขึ้น ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังสร้างความสยิวให้ครูซไม่น้อย

“มะ มันแปลก ๆ” ครูซร้องบอกเมื่อแกนกลางของแทนกระแทกเข้าไปโดนจุดหนึ่งภายในช่องทางจนทำให้เขาเสียวแทบขาดใจ ตัวสั่นสะท้านไปหมดไม่มีแรงพยุงตัว

“ตรงนี้?” แทนถามพลางกระแทกเข้าไปจุดเดิมซ้ำ ๆ จนครูซครางออกมาสุดเสียง แทนยกยิ้มอย่างพอใจแล้วกอดกระชับร่างโปร่งที่ทรุดลงไปนอนราบกับเตียงจนเกือบทำให้ท่อนเอ็นที่เชื่อมอยู่หลุดออกจากกัน

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วห้อง ร่างโปร่งหัวสั่นหัวคลอนตามแรงที่ร่างสูงขยับสอดใส่ ยิ่งอารมณ์พุ่งสูงขึ้นยิ่งทำให้ทั้งคู่เร่งจังหวะมากขึ้น

“ครูซ...ครูซ” แทนกอดซ้อนหลังครูซ เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมา

“อึก ผะ.. ผมทนไม่ไหว” ครูซร้องด้วยเสียงแหบซ่าน แทนจึงเร่งมือชักรูดท่อนเนื้อในมือถี่ขึ้น มือเรียวจิกแขนแทนที่คร่อมทับไว้แน่นระบายความต้องการ เขาไม่เคยรู้เลยว่าด้านหลังก็สร้างความรู้สึกแบบนี้ได้เหมือนกัน

“อื้ม!!!” ครูซเกร็งตัวปลดปล่อยน้ำคาวขุ่นออกมาเต็มมือแทน เนื้ออ่อนนุ่มภายในช่องทางด้านหลังเต้นตุบๆ  บีบรัดแกนกลางของแทนแน่นจนเขาเสียววูบไปทั่วตัว แทนจับครูซที่หอบหายใจนอนตะแคงข้างสอดมือยกขาข้างหนึ่งขึ้น มือขาวคว้าท่อนเอ็นสอดใส่เข้าไปใหม่แล้วขยับโยกเอวกระแทกใส่เต็มแรงในจังหวะถี่ยิบจนเหงื่อโซมกายด้วยความสุขสมที่ได้รับ ปากอิ่มกัดบ่าขาวของครูซจมเขี้ยวก่อนเกร็งตัวปลดปล่อยน้ำคาวขุ่นพุ่งฉีดเข้าไปมากมายจนล้นทะลักไหลย้อยออกมาจากช่องทางหลัง แทนกอดครูซจากข้างหลังซบหน้าเข้ากับซอกคอชื้นเหงื่ออย่างเหนื่อยหอบ

“ผมรักคุณ” ครูซกดจูบลงบนท่อนแขนที่สอดรองศีรษะตนไว้ แทนไม่ได้พูดอะไรกลับมาเพียงแค่กระชับกอดให้แน่นขึ้นแล้วหอมลงบนไหล่มนอย่างแผ่วเบา การกระทำสำคัญกว่าคำพูด คำนิยามนี้อธิบายตัวตนของแทนได้ดี ครูซถึงไม่เคยเรียกร้องหรือบังคับถามกับอีกฝ่ายว่ารู้สึกอย่างไร

“อย่าทิ้งผมนะ” แทนพูดบอกด้วยน้ำเสียงสั่นไหว ยิ่งได้ใกล้ชิดผูกพันกับครูซมากขึ้นเท่าไหร่ เขายิ่งกลัวการสูญเสียมากขึ้นเท่านั้น เพราะในชีวิตไม่เคยมีอะไรที่เขาต้องการแล้วได้มาครอบครองอย่างแท้จริง

“ผมไม่ทิ้งหรอกครับ...ไม่มีวัน” ครูซตอบอย่างหนักแน่น มือทั้งคู่สอดประสานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว  ความอบอุ่นกระจายแผ่ซ่านอยู่ภายในอกข้างซ้าย ครูซชอบช่วงเวลาเช่นนี้ ช่วงเวลาที่สุขสงบ กาลเวลาที่ไหลรินไปอย่างช้าๆ ชอบแต่ก็กลัวเพราะจิตใต้สำนึกกำลังร้องเตือนว่าก่อนพายุใหญ่จะมาคลื่นลมมักเงียบสงบเสมอ


TBC.


ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 17

“ช่วงนี้แทนฟ้าสบายดีหรือเปล่าคะพี่ทศ” ไพลินเอ่ยถามสามีที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในมือด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนดังเช่นทุกวัน

“ก็น่าจะดีมั้ง...เดี๋ยวนี้มีเลขาคอยช่วย งานคงน้อยลง” ทศพลพูดพลางเปลี่ยนหน้ากระดาษด้วยท่าทีปกติ แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแววตายามพูดถึงลูกชายดูผ่อนคลายมากกว่าเมื่อก่อนมากนัก

“พี่ทศชวนลูกมาทานข้าวที่บ้านหน่อยได้ไหม ลินคิดถึง” ไพลินถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เธอไม่ได้เจอลูกชายมานานหลายเดือนแล้ว เคยโทรไปหาอยู่หลายครั้งแต่แทนก็ไม่เคยรับแม้แต่สายเดียว ไพลินทั้งเสียใจและน้อยใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจหรือเห็นแม่อย่างเธออยู่ในสายตาเลยสักนิด

“พี่ว่าลินคงพอรู้คำตอบอยู่แล้วนะ” ทศพลพับหนังสือพิมพ์ในมือลงบนโต๊ะอาหาร ก่อนยกกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมขึ้นมาจิบเพื่อคลายความเครียดที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าหม่นหมองของภรรยาตน

“ลูกยังคิดว่าเราไม่รักอยู่อีกเหรอคะ”เสียงเอ่ยถามแผ่วเบาของไพลินทำให้ทศพลลุกเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน มือหนาลูบหลังเล็กปลอบประโลมให้อีกฝ่ายคลายความเสียใจลง

“ลินทำอะไรผิด ฮึก ทำไมครอบครัวเราถึงกลายเป็นแบบนี้ ฮือ...” ไพลินยกมือปิดปากกลั้นสะอื้น ดวงตากลมคลอไปด้วยน้ำตา ไพลินคิดทบทวนมาตลอดว่าเธอทำอะไรพลาดไปตอนไหนแทนฟ้าถึงทำตัวเหินห่างจากเธอราวกับไม่ใช่แม่ที่ให้กำเนิดออกมา สายตาเย็นชาที่ลูกชายใช้มองเธอเปรียบดั่งมีดคมที่คอยกรีดลึกลงไปในดวงใจ

“สักวันแทนฟ้าคงเข้าใจ...” และคงมีสักวันที่เขาจะกล้าพูดความจริงให้ภรรยาฟังถึงความผิดพลาดที่เขาได้ก่อไว้

“ไม่ต้องห่วง พี่จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น” ทศพลขบกรามแน่นกลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นออกมา ตอนนี้สิ่งที่คนเป็นพ่ออย่างเขาพอจะทำได้ก็มีแต่คอยดูแลอยู่ห่าง ๆ สนับสนุนสิ่งที่ลูกชายเลือก แม้ว่าเรื่องนั้นจะทำให้รู้สึกลำบากต่อการตัดสินใจแค่ไหนก็ตาม

“พี่ครูซพูดจริงนะ!” เค้กร้องถามด้วยความดีใจ มือเล็กกอดรอบเอวสอบของพี่ชายแน่นเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ายืนยันคำพูดก่อนหน้านี้ “ดีจัง นานๆ ทีพี่ครูซจะได้หยุดงาน” เด็กสาวยิ้มแก้มแทบปริ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเว็บหาสถานที่ท่องเที่ยวทันที ครูซยกมือลูบผมนิ่มอย่างเอ็นดูกับท่าทางตื่นเต้นเกินเหตุของน้องสาว

“แล้วจะไม่กระทบงานใช่ไหมลูก เจ้านายเขายอมเหรอ หยุดหลายวันแบบนี้” แอนนี่อดเป็นกังวลไม่ได้เพราะกำหนดการไปเที่ยวที่ครูซบอกต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งสัปดาห์แน่ๆ

“ไม่หรอกครับ คุณแทนเป็นคนเอ่ยปากเองด้วยซ้ำ” พอได้ฟังเธอก็คลายความกังวลลงแล้วระบายยิ้มออกมาเพราะนานแล้วเหมือนกันที่ครอบครัวเธอไม่ได้ไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ยิ่งพักหลังเห็นครูซทำงานหนักมากขึ้นเป็นเท่าตัวก็เป็นห่วงอยู่ไม่น้อย ไปพักผ่อนครั้งนี้คงทำให้ลูกชายเธอผ่อนคลายมากขึ้นไม่เคร่งเครียดจนเกินไป

“พี่แทนไปด้วยไหม” เค้กเอ่ยถามออกมาด้วยความเคยตัว เพราะปกติเวลาครูซพาเธอออกไปเที่ยวข้างนอกเมื่อไหร่ก็มักพาเจ้านายหน้านิ่งติดตัวไปด้วยตลอด ทำให้เด็กสาวเริ่มสนิทใจที่จะพูดคุยด้วยมากขึ้นจนถึงขั้นเรียกว่า พี่แทน ด้วยซ้ำซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไรที่เค้กเรียกออกไปแบบนั้น

“คุณแทนทำงาน” ครูซหุบยิ้มลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคนที่ทำให้เขาคิดมากมาตลอดทั้งวัน

“อดเลย~ น้องเพิ่งซื้อหมากฝรั่งสายไหมมาลองกินด้วยกันแท้ๆ” เค้กทำหน้าเสียดายบ่นพึมพำเล็กน้อยแล้วก้มหน้าไปสนใจเว็บแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่อ โดยลืมคิดไปว่าตอนนี้ไม่ได้มีแค่เธอกับพี่ชายอยู่กันเพียงสองคนในห้องนั่งเล่นเท่านั้น

“ลูกเคยพาน้องไปเจอคุณแทนด้วยเหรอ?” แอนนี่ถามอย่างแปลกใจ ถ้าแค่ครั้งสองครั้งลูกสาวเธอไม่มีทางพูดถึงหรือแสดงท่าทีแบบนี้ให้เห็นแน่ๆ เพราะรู้ดีว่าเค้กเป็นเด็กที่เข้าสังคมไม่เก่งและไม่มีความกล้าพอที่จะพูดถึงใครด้วยความสนิทสนมแบบนั้น

“ครับ” ครูซตอบกลับไปตามตรง แอนนี่ยิ้มรับมองใบหน้าลูกชายอย่างพิจารณา

“วันไหนพาคุณแทนมาทานข้าวที่บ้านบ้างสิ แม่อยากขอบคุณที่เขาใจดีกับพวกเรา” เธออยากเจอผู้ชายคนนี้มานานแล้วเหมือนกัน คนที่ทำให้ลูกชายเธอยิ้มออกมาด้วยใจจริงเพียงแค่ได้ยินชื่อ

“ครับ...ครูซไปนอนนะแม่ ไว้พรุ่งนี้เราค่อยออกเดินทางกัน”

“จ๊ะ ฝันดีลูก” แอนนี่เห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนของลูกชายก็ดันหลังให้อีกฝ่ายเดินขึ้นห้องไปนอนพักผ่อนเพราะตอนนี้ก็ดึกพอสมควรแล้วเหมือนกัน

“ฝันดีค่ะพี่ครูซ!” เค้กที่มัวแต่เล่นโทรศัพท์มือถือเงยหน้าขึ้นมาตะโกนไล่หลังพี่ชายตนที่เดินขึ้นบันไดไป ครูซตอบกลับน้องสาวสองสามคำก่อนเปิดประตูเข้าห้องนอน

ปึง

ร่างโปร่งวางข้าวของลงบนโต๊ะมุมห้องแล้วเดินไปล้มตัวนอนลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน ภายในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟหน้าบ้านที่สอดส่องเข้ามาพอให้เห็นรางๆ มือเรียวนวดคลึงระหว่างคิ้วให้คลายความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน

“เฮ้อ~” ครูซถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของแทนเมื่อเช้านี้

“ผมให้คุณพักอาทิตย์หนึ่ง พาครอบครัวไปเที่ยวด้วย”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะไม่คิดมากแบบนี้เลย แต่ช่วงหลังมานี้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นทุกวันทำให้เขาเป็นห่วงแทนจนว้าวุ่นใจไปหมด เริ่มจากหลายวันก่อนพัชชาเพิ่งลาออกจากบริษัทไปอยู่ต่างประเทศ ไม่มีใครรู้เหตุผลเลยสักคนว่าเพราะอะไรเธอถึงทำแบบนั้น แต่เขาคิดว่าเจ้านายตนคงมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่อย่างนั้นคนหน้านิ่งต้องรู้สึกตกใจบ้างไม่ใช่เหยียดยิ้มราวกับพอใจเสียมากมาย เมื่อคุณหญิงรัศมีมาโวยวายถามหาพัชชาถึงห้องทำงาน แล้วยิ่งแปลกไปอีกเมื่อแทนลุกขึ้นมาทำเรื่องลาหยุดให้เขาไปเที่ยวด้วยตัวเองทั้งๆ ที่ปกติไม่ใช่คนใส่ใจในรายละเอียดยิบย่อย แต่ครั้งนี้กลับจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ ทั้งจองโรงแรม จ้างคนนำเที่ยวหรือแม้กระทั่งเที่ยวบินไปกลับ ทุกอย่างดูเหมือนถูกจัดวางไว้อยู่แล้ว รอเพียงให้เขาเดินไปตามแผนที่กำหนดให้ เขาพยายามจะไม่คิดมากแต่ทุกการกระทำของอีกฝ่ายช่างน่าสงสัยเหลือเกิน  ครูซรู้สึกกังวลใจจนวันนี้ไม่มีสมาธิทำงานเลยสักนิด

ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...

คิ้วหนาขมวดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับสายเขาเสียที แม้จะโทรไปไม่ต่ำกว่าห้าสายแล้ว ครูซยกนาฬิกาข้อมือมาดูเพื่อตอกย้ำว่าตนนั้นไม่ได้โทรไปผิดเวลา ห้าทุ่มครึ่ง คือเวลาที่ครูซจะโทรหาแทนก่อนนอนทุกวัน และไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายจะปล่อยให้เขารอสายนานขนาดนี้

“คุณแทนอยู่ไหนครับ?” ครูซถามออกไปทันทีเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

“ห้อง” แทนตอบกลับมาหลังเงียบไปสักครู่ ครูซเองก็อยากจะเชื่อแบบนั้นแต่เสียงพูดคุยที่ดังแทรกเข้ามาทำให้เขารู้ว่าร่างสูงไม่ได้อยู่ในห้องแน่ๆ

“บอกผมไม่ได้เหรอ”

“......”

“อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณจะปลอดภัยเถอะครับ ขอร้อง...” ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ แต่ในความรู้สึกของเขา มันอันตราย... เขากลัวเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เพราะตั้งแต่คุณหญิงรัศมีมาอาละวาดเรื่องพัชชาที่ห้อง แทนก็เงียบลงไปมาก เย็นชากว่าเดิมหลายเท่าตัวไม่เว้นแม้กระทั่งกับเขา ถามคำตอบคำตลอด พอเข้าไปวุ่นวายมากๆ ก็โดนดุด้วยสายตาทุกที

“คุณแทน” ครูซเรียกแล้วยกหน้าจอมาดูเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนานจนเขานึกว่าถูกตัดสายไปแล้วเสียอีก

“ผมไม่เป็นไร” แทนตอบกลับมาเสียงเรียบนิ่งตามนิสัย

“อืม” ครูซนอนจ้องเพดานใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อย แทนเองก็ไม่ใช่คนช่างพูดจึงทำเพียงถือสายรอ ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมพวกเขาทั้งคู่จนเวลาผ่านไปร่วมสิบนาทีได้

“ครูซ” แทนเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่น้อยครั้งจะได้ยินน้ำเสียงที่ติดจะอ้อนอยู่ไม่น้อย

“ครับ?” ครูซอดตอบรับไม่ได้แม้ในใจจะอยากลองแสดงอาการไม่พอใจให้อีกฝ่ายรับรู้เสียบ้างว่าการถูกเงียบใส่บ่อย ๆ รู้สึกอย่างไร

“ขอบคุณที่อยู่ข้างกัน ฝันดี...”


ครูซที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ฟังประโยคสุดท้ายจากแทน ถ้านี่คือวิธีเลี่ยงประเด็นไม่ให้เขากังวลใจบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

เชื่อเถอะ คนที่ร้ายที่สุดคือแทนไม่ใช่เขา เพราะเพียงแค่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็ทำเอาใจอ่อนไปกว่าครึ่งแล้ว อยากจะโกรธอยากจะว่าอะไรก็เป็นอันต้องยอมแพ้ไปเสียทุกที



“คุณแทนคะ” พัชชาเรียกเจ้านายหนุ่มที่ขอตัวออกมาคุยโทรศัพท์ด้านนอกได้สักพักแล้ว

“บางที...ผมก็เบื่อ” แทนพูดออกไปโดยที่สายตายังเหม่อมองไปยังภาพทิวทัศน์สวยงามของเมืองกรุงยามค่ำคืน เขาไม่ใช่คนชอบความวุ่นวาย การที่ต้องมาเจรจาร่วมมือกับพวกตำรวจและนักสืบที่พัชชาไปติดต่อมาให้เป็นอะไรที่สร้างความอึดอัดใจให้เขาจนแทบคลั่ง กลิ่นน้ำหอม กลิ่นสาบเหงื่อ เสียงพูดคุยและลมหายใจน่าสะอิดสะเอียนของคนในห้องประชุม เกือบทำให้เขาอาเจียนออกมาแล้วด้วยซ้ำ ดีที่ครูซโทรมาได้ถูกจังหวะเขาถึงมีโอกาสขอตัวออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ข้างนอกแบบนี้

“ช่วยอดทนอีกนิดนะคะ บ่วงที่ติดพวกเรามานานจะได้หายไปเสียที” พัชชาเดินเข้ามาลูบหลังกว้างของแทนอย่างให้กำลังใจ

“ส่งคนไปคุ้มกันแล้วใช่ไหม” การปล่อยให้ครูซไปอยู่ไกลตัวแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่แทนต้องการเลยแม้แต่น้อย เขาฝืนความรู้สึกตัวเองเป็นอย่างมากถึงจะยอมเอ่ยปากให้อีกฝ่ายหยุดงานแล้วเดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัวหนึ่งสัปดาห์ ไม่ได้อยากทำแต่ก็ต้องทำเพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะกันครูซไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายในครั้งนี้

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง” แทนพยักหน้ารับแล้วเดินกลับเข้าไปประชุมต่อในห้องพิเศษบนตึกสูงใจกลางเมืองของตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง

 “หลักฐานถูกทำลายทิ้งไปเมื่อสี่ปีก่อน ตอนนี้ผมกำลังพยายามให้คนแกะรอยอยู่ คงอีกสักพักกว่าจะได้ทั้งหมดมาอยู่ในมือเรา”

“อีกฝ่ายไม่รู้ตัวใช่ไหม”

“ไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน คนของฝั่งเขามีฝีมือมาก”

“งั้นก็ระวังกันหน่อย อย่าให้แผนเสียตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม”

แทนนั่งมองกลุ่มคนที่ถกปัญหากันด้วยสายตาเรียบนิ่ง ผลประโยชน์ อำนาจ ชื่อเสียง สิ่งเหล่านี้คือแรงผลักดันให้คนกระหายที่จะทำงานให้กับเขา

หึ...ในชีวิตจริงมันไม่มีเหมือนในหนังในละครที่จะมีคนมาช่วยผดุงความยุติธรรมให้ฟรีๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอก เขาเองก็ชินชาแล้วเรื่องเผชิญหน้ากับความต้องการของคน

ตัวเขาเองในตอนนี้ก็คงไม่ต่างกัน...เพราะอยากครอบครองของสำคัญเพียงหนึ่งเดียว เขาถึงยอมเสี่ยงทำเรื่องอันตรายอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน

“หมายความว่าไง” คุณหญิงรัศมีเงยหน้าขึ้นมามองเลขาตนทันทีเมื่อฟังคำบอกเล่าของอีกฝ่ายจบ

“ที่ดินจังหวัดพังงาของคุณหญิงถูกปล่อยขายไปแล้วครับ” ชายวัยสี่สิบที่ทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของคุณหญิงรัศมีมาเป็นสิบปีพูดออกไปด้วยใบหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลซึมทั่วมือเพราะภาวะกดดันที่กำลังเผชิญอยู่

เพล้ง!!

จานกระเบื้องสีขาวนวลพร้อมผลไม้ถูกคุณหญิงปัดทิ้งด้วยความโมโห

“ใครทำ! แล้วแกปล่อยให้เกิดแบบนี้ขึ้นได้ไงสุชาติ!!” เสียงตวาดพร้อมข้าวของบนโต๊ะทำงานถูกขว้างปาใส่ร่างของสุชาติอย่างแรง ซึ่งชายวัยกลางคนทำได้เพียงก้มหน้าก้มตารับอารมณ์โทสะของอีกฝ่าย เรื่องนี้เขาทราบมาหลายชั่วโมงแล้วแต่กว่าจะทำใจกล้ามาแจ้งข่าวให้แก่คนเป็นนายได้ก็นานพอดู

“ชาวบ้านบอกว่ามีคนของบริษัทเราไปเสนอขายที่ดินคืนด้วยราคาต่ำ...ผมส่งคนไปตามสืบมาคนที่อยู่เบื้องหลังคือ คุณแทนครับ”

“แทนฟ้า?!”

“ใช่ครับ...ดูเหมือนคุณแทนจะแอบเข้าไปแทรกแซงชื่อผู้ถือครองที่ดินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาวางแผนแยบยลมากทำให้เราไม่ทันได้รู้ตัว ชื่อเจ้าของโฉนดถูกโอนเปลี่ยนมือไปก่อนที่เราจะไปทำเรื่องถือครองเสียอีก ใบที่เรามีอยู่เป็นการจดซ้อนเขาถือว่าเป็นโมฆะ สรุปภาพรวมแล้วขาดทุนไปเกือบแปดร้อยล้าน ส่วนเงินที่คุณแทนได้จากการเวียนขายที่คืน ตอนนี้ถูกโอนเข้าบัญชีการกุศลทั่วประเทศเรียบร้อยแล้วครับ” สุชาติพูดรายละเอียดให้ฟังพร้อมวางแฟ้มเอกสารยืนยันคำพูดตนให้คุณหญิงรัศมีดู เธอหยิบขึ้นมาอ่านด้วยใบหน้าเครียดตึง มูลค่าเงินหลายร้อยล้านที่สูญไปทำให้เธอกรีดร้องออกมาสุดเสียง

“มันกล้าทำกับฉันถึงขนาดนี้เลยเหรอ! ไอ้คนทรยศ อกตัญญู!!” คุณหญิงขบฟันพูดด้วยความคับแค้นใจ ที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินทอง นักธุรกิจต่างแย่งชิงกันมาหลายปีเพราะเป็นแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีทิวทัศน์สวยงาม ด้านหน้าสามารถมองเห็นทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ฉากหลังเป็นภูเขาเขียวชอุ่มเหมาะแก่การก่อสร้างโรงแรมเป็นอย่างมาก แต่ปัญหามันติดตรงที่มีชาวบ้านตั้งรกรากอยู่มานานทำให้กำจัดออกยาก เธอลงทุนจ้างนายหน้ามาล่อลวงพวกชาวบ้านหน้าโง่จนได้ที่ดินมาครอบครอง เธอวางแผนจะสร้างโรงแรมต้นปีหน้า เม็ดเงินมหาศาลกำลังจะเข้ามาหาเธอแท้ ๆ แต่ไอ้หลานสารเลวกลับทำตัวเป็นมารหัวขนมาขวางทางทำให้ทุกอย่างผิดแผนไปเสียหมด

“ทำอย่างไรก็ได้เอาโฉนดของฉันคืนมา...ถ้าทำไม่ได้เราคงเจอหน้ากันวันนี้เป็นวันสุดท้าย” คุณหญิงรัศมีนั่งไขว่ห้างส่งยิ้มให้เลขาตนที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า สุชาติรู้ดีว่าเจอกันวันสุดท้ายหมายความว่าอย่างไร เขาทำงานกับเธอมานาน เห็นทุกอย่างมามากจึงไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ ว่าต่อให้ต้องทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหนเขาก็พร้อมยอมทำเพราะไม่อย่างนั้นคนที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกตามล่าจะกลายเป็นเขาเสียเอง

“ครับ ผมจะทำให้ได้” สุชาติโค้งตัวน้อมรับคำสั่งจากคนเป็นนาย

“ติดต่อนายดำให้ฉันด้วย มีงานสำคัญให้ทำ” คนดื้อด้านไม่รู้จักเชื่อฟังต้องถูกสั่งสอน สงสัยเพราะเธอใจดีปล่อยให้ทำตามใจมาสักพักใหญ่ถึงได้กล้าจองหองขึ้นขนาดนี้ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์วิปริตกับเลขา เรื่องหักหน้าเธอกลางที่ประชุมไม่ยอมหมั้นหมายกับซาร่า ล่าสุดช่วยให้พัชชาหนีหายไปจากประเทศไทย ทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำสร้างความเคืองแค้นแก่เธอเป็นอย่างมาก คุณหญิงรัศมีไม่เคยโกรธใครมากมายเท่านี้มานานแล้วเพราะคนสุดท้ายที่มันกล้าลองดีได้หายไปจากโลกใบนี้อย่างไม่มีวันกลับ

“แล้วเราจะได้เห็นดีกันแทนฟ้า!” ดวงตาสีนิลที่คล้ายคลึงกับใครบางคนเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม สำหรับหญิงแก่การที่จะมีอำนาจอยู่เหนือทุกคน ความปรานีต้องไม่มีอยู่ในหัวใจ แม้คนคนนั้นจะมีสายเลือดของเธอไหลเวียนอยู่ในร่างกายก็ตาม และครั้งนี้ก็ไม่มีคำว่ายกเว้น
.
.
.
.
“สี่ทุ่มกว่าแล้วกลับเถอะครับ” เสียงทุ้มที่ดังผ่านมาตามสายทำให้คนฟังคิดถึงใบหน้าและสัมผัสของอีกฝ่ายจนแทบทนไม่ไหว

“ยังไม่เสร็จ” แค่ไม่เจอมาสามวันก็ทำเอาแทนไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือทั้งวัน เหตุผลแค่นี้คงพอรู้แล้วว่าทำไมงานที่ไม่ได้มากมมายอะไรถึงไม่ยอมเสร็จสักที

“พรุ่งนี้ค่อยทำต่อก็ได้”

ยิ่งฟังยิ่งอยากเจอ หงุดหงิด! แทนขมวดคิ้วยุ่งเตะถังขยะที่อยู่ใกล้เท้าเต็มแรงก่อนก้มหน้าซบลงกับโต๊ะพยายามห้ามความคิดตัวเองที่อยากพูดออกไปเหลือเกินว่า กลับมาหาเขาเดี๋ยวนี้

“กลับเถอะครับ ผมเป็นห่วง” ครูซยังพูดต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าแทนไม่ยอมรับปากเสียที แทนที่ฟังอยู่ระบายลมหายใจออกมาอย่างนึกเบื่อหน่ายเพราะต่อให้กลับห้องไปจะช้าจะเร็วเขาก็นอนไม่หลับอยู่ดีเหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง

“กลับเถอะนะครับ” ให้ตายเถอะ อย่ามาทำเสียงอ้อนใส่ตอนที่ไม่ได้อยู่ใกล้กันได้ไหม แทนยกมือขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ

“อื้ม” สุดท้ายแทนที่ไม่ชอบการถูกสั่งหรือถูกบงการชีวิตจากใครกลับตอบตกลงง่ายๆ เพียงเพราะคนคนนั้นคือครูซ คนที่ทำให้เขาแทบคลั่งตายเพราะไม่ได้พบหน้าและรับสัมผัสอันอ่อนโยน ทั้งคู่พูดกันอีกไม่กี่ประโยคก็วางสาย แทนกดเซฟงานที่ไม่ได้มีความคืบหน้าเลยแม้แต่น้อยเสร็จก็เก็บแฟ้มเข้าที่ก่อนคว้ากุญแจรถเดินลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถ

ร่างสูงชะงักเท้าลงเมื่อสัญชาตญาณบอกว่าตัวเองกำลังถูกจับจ้องอยู่จากใครบางคน ดวงตาสีนิลกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณแต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดเลยนอกจากตัวเขาเพียงคนเดียว ซึ่งมันส่อถึงความผิดปกติเพราะบริษัทเขาเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมาก ลานจอดรถมักมียามเดินตรวจตราเสมอไม่เคยขาดแต่วันนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา

ผลัก! ตุบ!

“!!” เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทนตั้งตัวไม่ทัน ร่างสูงถูกกดอัดเข้ากับประตูรถอย่างแรงจนจุกแทบขยับตัวไม่ได้ มือถูกจับไพล่หลังไว้พร้อมมีดคมที่จี้ลงบนคอขาว

“อยู่นิ่งๆ ถ้าไม่อยากตาย” เสียงเหี้ยมกระซิบบอกก่อนจับแทนเหวี่ยงไปที่รถตู้สีดำสองคันที่พุ่งมาจอดรออยู่ด้านข้าง ร่างสูงไม่ได้รู้สึกกลัวโลหะสีเงินที่ส่องสว่างอยู่ตรงคอตนแม้แต่น้อยเพราะเขาชินชาแล้วยามที่มันกรีดลึกลงไปตามผิวหนัง แต่ที่ทำให้เขาไม่ชอบใจคือการถูกมือสากแสนโสโครกจับตัวต่างหาก

“ปล่อยกู!” แทนคำรามออกมาอย่างโมโห แรงดิ้นมหาศาลทำให้คนที่จับแขนอยู่ถึงกลับล้มลงไปกองอยู่บนพื้น แทนพลิกตัวคว้ามีดที่คนร้ายทำตกปักลงไปที่หน้าขาของมันเต็มแรง

ปึก!

“อ๊ากกกกกกกก” คนร้ายกุมขาข้างที่ถูกแทงร้องออกมาสุดเสียงด้วยความทรมาน เลือดสีแดงฉานกระจายเต็มทั่วพื้น แทนอาศัยจังหวะนั้นลุกพยุงตัววิ่งหนีสุดกำลังก่อนที่อาการจะกำเริบขึ้นมาจนเขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้

“ไปจับตัวมันมา!!” ชายรูปร่างสูงใหญ่เดินลงมาจากรถตู้แล้วแผดเสียงตะโกนดังก้องไปทั่วบริเวณ สิ้นเสียงคำสั่งชายนับสิบก็วิ่งกรูเข้าไปหาแทนที่เริ่มก้าวเท้าได้ช้าลงเพราะเริ่มมีอาการหอบเกร็ง

ผลัก โครม!

คนร้ายถีบไปกลางหลังกว้างเต็มแรงทำให้ร่างสูงเสียหลักล้มลง ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นแต่ก็ถูกกระทืบซ้ำลงไปอีกจนทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนกุมท้องด้วยความเจ็บปวด

“จับมันมัดไว้ เร็ว!” แทนรู้สึกมึนหัวไปหมดเมื่อถูกมือใครต่อใครกอดรัดไปทั่วทั้งตัว สัมผัสหยาบโลนน่ารังเกียจที่ดึงรั้งแขนขาไว้ทำให้ชายหนุ่มกลัวจนตัวสั่น

“ปล่อย! อ๊ากกก” รังเกียจ น่ารังเกียจ แทนน้ำตานองหน้าเมื่อถูกมือคนร้ายคนหนึ่งเอื้อมมาปิดปาก แขนขาวถูกกระชากให้ไพล่หลังก่อนใช้เชือกเส้นหนารัดไว้แน่นจนแทนไม่สามารถขยับได้

เพี๊ยะ

“หุบปาก น่ารำคาญจริงวะ!” หัวหน้าใหญ่เดินเข้าไปตบใบหน้าแทนเต็มแรงเพราะหงุดหงิดใจที่อีกฝ่ายสร้างความวุ่นวายให้กับงานของตน

“อึก...ฮือๆ” แทนพยายามหันหน้าหนีผ้าเช็ดหน้าสีเข้มที่คนร้ายยื่นมาปิดจมูก แต่ก็ไม่อาจต่อต้านได้เพราะถูกมือหนาจิกกระชากผมให้เงยขึ้นเพื่อสูดดมกลิ่นฉุดของยาสลบ และเพียงไม่นานภาพเบื้องหน้าเริ่มเลือนราง สมองไม่สามารถสั่งการอะไรร่างกายได้เลย อยากจะดิ้นอยากจะผลักไสไม่ให้ใครสัมผัสแต่ร่างกายกลับนิ่งเฉยปล่อยให้คนร้ายแบกขึ้นรถตู้สีดำติดฟิล์มหนาทึบ แทนถูกโยนให้นอนบนเบาะโดยมีลูกน้องของนายดำจับตึงร่างไว้แน่น

“บอกให้อีนิ้งเตรียมตัวไว้ด้วย” นายดำโยนโทรศัพท์มือถือให้ลูกน้องคนหนึ่งในรถแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องแผนการต่างๆ ต่อ แม้แทนจะได้ยินแต่ก็ไม่สามารถประมวลเหตุการณ์หรือคำพูดของใครได้อีก สมองเบลอไปหมดจนเขาจับใจความอะไรไม่ได้สักอย่างและหลังจากนั้นไม่นานทุกสิ่งรอบข้างก็ค่อยๆ ดำมืด เสียงพูดคุยจางหายไป ความคิดสุดท้ายก่อนจมดิ่งสู่ห้วงนิทราคือ เขาอยากเจอครูซเหลือเกิน

TBC.​

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 18

“แล้วเงินที่ตกลงกันเอาไว้ล่ะพี่ดำ” เสียงพูดคุยที่ดังอยู่ภายในห้องนอนปลุกให้ร่างสูงตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง ดวงตาสีนิลหรี่ลงเพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่าง ร่างกายของแทนเมื่อยล้าไปหมดจะขยับมากก็ไม่ได้เพราะถูกเชือกรัดมือรัดเท้าเอาไว้อย่างแน่นหนา

“กูบอกว่าทำเสร็จก็ให้เลยไง มึงจะเซ้าซี้อะไรนักหนา!” ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาแทนช็อกตัวสั่นด้วยความกลัว หญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งเปลือยกายยืนพูดคุยกับคนที่จับตัวเขามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“แหม~ ฉันทำงานก็ต้องอยากได้เงินเป็นธรรมดาสิ” นิ้งกอดรัดกล้ามแขนของนายดำแน่นโดยใช้หน้าอกถูไถยั่วยวน แทนมองแล้วรู้สึกพะอืดพะอม ภาพร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวทำให้เขานึกถึงอดีต

“เออๆ” นายดำพยักหน้ารับตัดรำคาญ ถึงนิ้งจะถูกสเปกแต่พูดมากขนาดนี้เขาก็ขอปล่อยผ่านแล้วกัน คนประเภทนี้ไม่สมควรยุ่งด้วยเพราะอาจทำให้ความลับรั่วไหลได้

“มันตื่นแล้วมึงไปจัดการซะ” นายดำหันไปเห็นแทนตื่นพอดีก็ผลักนิ้งเข้าไปหาแล้วจึงเดินออกนอกห้อง พร้อมจัดการล็อกประตูให้เสร็จสรรพ

“งานนี้ดีจริงๆ ได้คนหล่อแถมเงินหนัก” นิ้งมองใบหน้าแทนอย่างพิจารณา ปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีแดงยกยิ้มด้วยความพอใจเพราะส่วนใหญ่เธอมักเจอแต่คนแก่ เฒ่าหัวงูบ้ากาม

“ปล่อยกู!!” แทนร้องโวยวายออกมาสุดเสียงเมื่อถูกมือนุ่มนิ่มสอดเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีขาว ลูบไล้กล้ามเนื้ออย่างปลุกเร้า

“ได้ปล่อยแน่ค่ะ แต่หลังจากเสร็จกิจก่อนนะ” นิ้งยิ้มหวาน ส่งสายยั่วยวนให้ก่อนใช้มือแกะกระดุมเสื้อของแทนออกอย่างรวดเร็ว ร่างสูงพยายามดิ้นให้เชือกที่รัดมือไว้หลุดออกแต่ไม่ว่าจะออกแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยซ้ำยังทำให้ข้อมือและข้อเท้าถูกเสียดสีจนเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา

“ฮือๆ อย่า...ไม่เอา! ฮึก” แทนร้องไห้จนตัวโยกเมื่อถูกริมฝีปากนุ่มกดจูบลงผิวกาย รสสัมผัสและความอุ่นนุ่มนวลของร่างกายสตรีเพศยังคงเหมือนเดิม เหมือนที่ชายหนุ่มเคยเสพสมเมื่อครั้งเยาว์วัย

“ฮึ่ม! ปล่อยกู! อ๊ากกกกก” แทนผวาเฮือกเมื่อถูกปลดกางเกงสแลคพร้อมกางเกงในลงไปกองไว้ที่หน้าขา ภาพในวัยเด็กตอนถูกน้าเบลกระทำผุดขึ้นมาในหัวมากมาย การละเล่นวิตถาร ท่าพิสดารต่างๆ ที่ถูกบังคับให้ทำ สร้างความบ้าคลั่งขึ้นมาภายในใจ ร่างสูงดิ้นพล่านแหกปากร้องไม่หยุด

“พี่มาช่วยจับหน่อยสิ ดิ้นแรงมากเลย” นิ้งตกใจผละออกจากแทนแล้ววิ่งออกไปตามคนมาช่วย เธอมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงสาร กามอารมณ์ที่มีก่อนหน้านี้หายไปแทบไม่มีเหลืออยู่ เธอทำงานด้านนี้มานานเคยเจอแต่คนเต็มใจสมยอม พอมาพบคนที่ร้องไห้กลัวสุดขีดแบบนี้ทำให้สะเทือนใจอยู่ไม่น้อย

หมับ

“อึก ฮือ...น้าเบลไม่เอาๆ แทนขอโทษ” ร่างสูงถูกนายดำและลูกน้องจับแขนกับขายึดไว้กับเตียงไม่ให้ดิ้น สัมผัสหยาบโลนที่ดึงรั้ง ลมหายใจร้อนที่พ่นใส่ใบหน้าทำให้แทนอาเจียนออกมาจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อน

“ร้องทำเหี้ยอะไรนักหนา มึงแค่เอากับอีนี่ก็จบแล้ว” นายดำจิกผมแทนเต็มแรงด้วยความโมโหเมื่ออีกฝ่ายทำให้เตียงเลอะไปหมด เขาอยากฆ่าไอ้หน้าหล่อนี่จริงๆ มันทำเขาเสียเวลากับงานง่ายๆ แบบนี้มาหลายชั่วโมงเกินไปแล้ว

“ชักช้าทำไมวะ! รีบทำสิหรือมึงอยากตาย!!!” เสียงขู่กรรโชกของนายดำทำให้นิ้งสะดุดตกใจรีบก้าวเท้าเข้าไปหาแทนทันที แม้ตอนนี้จะไม่อยากทำแต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะขืนทำแบบนั้นคนที่จะซวยคงเป็นเธอซะเอง

ปากนิ่มของหญิงสาวครอบลงไปบนแกนกลางอ่อนตัว ดูดเลียจนเกิดเสียงดังลั่นไปทั่วห้อง ลูกน้องสองคนของนายดำมองภาพตรงหน้าตาไม่กะพริบจนเริ่มมีอารมณ์ตามไปด้วย แทนขยับตัวไปมาหนีสัมผัสน่าขยะแขยงที่หญิงสาวตรงหน้ากำลังมอบให้ แต่เมื่อผ่านไปไม่นานร่างกายก็ตื่นตัวขึ้นอย่างง่ายดาย

“หึ! ทำเป็นขัดขืนมึงก็มีอารมณ์กับมันนี่หว่าไอ้หน้าหล่อ” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยยิ่งทำให้แทนรู้สึกขยะแขยงตัวเอง นายดำหยิบผ้ามัดปากแทนหลังเห็นร่างสูงเริ่มกัดปากจนเลือดไหลเป็นทางยาว บทกามอารมณ์เริ่มบรรเลงต่อไปโดยมีผู้ขับเคลื่อนคือหญิงสาวผู้ช่ำชองในบทรัก แม้แทนอยากปฏิเสธแต่ร่างกายเขากลับตอบสนองทุกสัมผัสเร่าร้อนที่อีกฝ่ายมอบให้ ร่างกายที่ถูกฝึกมาเพื่อทำเรื่องน่าสมเพช ร่างกายแสนโสมม

“น้องแทนชอบใช่ไหมเวลาน้าทำแบบนี้” น้าสาวฉีกยิ้มมองหลานชายใต้ร่างที่นอนร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด
“เราเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ร้องไห้ทำไมหืม...ต้องดีใจสิเด็กดี” นิ้วนิ่มเกลี่ยไล้ไปทั่วแก้มใสเปียกชุ่ม ก่อนก้มใช้ลิ้นเลียชิมน้ำรสเค็มด้วยสีหน้าสุขสม สะโพกกลมยกขึ้นลงเร่งจังหวะวาบหวิว แต่เด็กชายกลับทำหน้าเหยเกเมื่อรู้สึกจุกและเจ็บแกนกลางที่ยังไม่ถึงวัยพร้อมใช้งาน
“ดูสิ น้าดูดกลืนแทนเข้าไปหมดเลยนะ” น้าสาวจิกกระชากผมสีนิลให้เงยมามองแกนกลางที่ผลุบเข้าไปในร่างกายของเธอ
“ฮือๆ แทนเจ็บ” เด็กชายยกมือดันร่างกายน้าสาวออกห่าง
“จำไว้นะเด็กดี นั่นเขาเรียกว่าความสุข ยิ่งเจ็บยิ่งสุข ยิ่งทุกข์ทรมานยิ่งสุขสม”

​.
.
.
.
.
Rrrrr Rrrrr

ครูซขมวดคิ้วยุ่งเมื่อได้ยินเสียงดังรบกวนเวลานอน มือเรียวควานหาโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงสะเปะสะปะไปทั่ว พอเจอก็หยิบมารับโดยที่ไม่ทันได้ดูว่าใครเป็นคนโทรมา

“ครูซ! คุณอยู่ไหน! มาด่วนเลย!! // อ๊ากกก”

“ครับ?” ร่างโปร่งหายงัวเงียขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของแทนดังแทรกเข้ามาในสาย

“พวกผมไม่มีใครหยุดแทนได้สักคน คุณช่วยมาดูมันให้หน่อย” ไวน์พูดไปหอบไปเหมือนกำลังใช้แรงทำอะไรอยู่สักอย่าง

“คุณแทนเป็นอะไร!” ครูซลุกจากเตียงวิ่งไปหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่ด้วยความรวดเร็ว

“เดี๋ยวค่อยเล่า กละ.. // ไวน์! กูจะต้านแรงพี่เขาไม่อยู่แล้ว // แปบ ๆ มึงกดไว้ก่อน” เสียงความวุ่นวายที่ดังแทรกเข้ามาทำให้ครูซกระวนกระวายใจ มือเรียวกำโทรศัพท์มือถือแน่นขึ้นเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดภายในอก

“คุณแทนอยู่ไหน!!” ครูซตะคอกถามออกไปด้วยความร้อนใจหลังไวน์ปล่อยให้ชายหนุ่มรอสายมาหลายนาทีแล้ว ยิ่งได้ยินเสียงโวยวายร้องไห้แทบขาดใจของแทนยิ่งทำให้ครูซเดือดพล่าน มือไม้สั่นไปหมด

“ส่งข้อความไปให้แล้วรีบมา // ปล่อย! ฮือๆ ตู๊ด...”  สายถูกตัดไปพร้อมเสียงร้องไห้ของแทนที่ทำเอาคนฟังปวดใจ

“บ้าเอ๊ย!!” ครูซสถบออกมาสุดเสียง มือเรียวคว้ากุญแจรถได้ก็รีบวิ่งออกไปทันทีโดยที่ไม่สนใจจะล็อกประตูบ้านด้วยซ้ำ พอกระโจนขึ้นรถได้ครูซก็เหยียบคันเร่งจมมิดขับพุ่งทะยานไปยังเส้นทางที่หมอไวน์ส่งมาให้

ความจริงกำหนดกลับจากต่างจังหวัดคือพรุ่งนี้แต่ครูซทนกังวลใจเกี่ยวกับแทนไม่ไหวจึงขอแม่กับน้องกลับมาก่อนโดยจงใจไม่บอกแทนเพราะเขารู้ดีว่าถ้าบอกไปอีกฝ่ายต้องไม่พอใจแน่ๆ ที่ขัดคำสั่ง แต่ตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณตัวเองเหลือเกินที่ตัดสินใจนั่งเครื่องบินกลับมาก่อน เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถขับรถมาหาแทนได้ในเวลาแบบนี้

ถนนยามตีสี่กว่าโล่งมากทำให้ครูซสามารถขับมาถึงที่หมายในเวลาอันรวดเร็ว บ้านหลังใหญ่สไตล์ยุโรปตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างหน้า ประตูรั้วมีการ์ดและตำรวจยืนออกันเต็มพื้นที่ บรรยากาศดูตึงเครียดจนครูซที่อยู่ในรถยังสัมผัสได้ มือเรียวกดโทรหาไวน์พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนประตูรั้วลวดลายสวยงามจะเปิดออกพร้อมสายตานับสิบที่พุ่งมองมาอย่างสำรวจ แต่วินาทีนั้นครูซไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากเหยียบคันเร่งเข้าไปจอดภายในบ้านด้วยความร้อนใจ

“คุณแทนอยู่ไหน!” ทันทีที่ลงจากรถ ครูซก็พุ่งตัวเข้าไปถามไวน์ที่ยืนน้ำตาคลออยู่หน้าประตูบ้าน ไวน์ไม่ตอบแต่วิ่งนำครูซขึ้นบันไดไปชั้นสอง ไม่ต้องให้ร่างบางบอกครูซก็รู้ได้ในทันทีว่าแทนอยู่ห้องไหนเพราะมีเพียงห้องเดียวที่มีเสียงโครมครามดังลั่นออกมา

ครูซกระชากประตูเปิดเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพตรงหน้าทำเอาเขาแทบล้มทั้งยืน ร่างกายที่เขาเฝ้าถนอมมาตลอดตอนนี้กลับเต็มไปด้วยบาดแผล ดวงตาสีนิลแดงช้ำมีน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เสียงร้องหวาดผวาเหมือนมีดคมที่กรีดลึกเข้าไปถึงกลางใจ

“ฮือๆ ออกไป!!!” แทนถีบทุกคนที่เข้ามาใกล้ไม่ยอมให้ใครแตะตัว ตอนนี้แขนทั้งสองข้างถูกผ้าพันรัดไว้หลวมๆ เพื่อป้องกันการทำร้ายตัวเอง ไวน์ฉีดยาระงับประสาทให้แล้วก่อนหน้านี้แต่พอตื่นขึ้นมาแทนก็มีอาการอีก เขาจะฉีดซ้ำก็ไม่ได้เพราะร่างกายอีกฝ่ายอ่อนแอเกินไปหากไม่ได้ทานข้าวทานยาจะช็อกเอาได้

หมับ

“คุณแทน” ครูซคว้าร่างสูงมากอดไว้แน่น กลิ่นคาวเลือดจากตัวอีกฝ่ายคละคลุ้งไปทั่วเตียงเนื่องจากไม่มีใครสามารถเช็ดตัวให้ได้สักคน มือเรียวเร่งแกะผ้าที่รัดแขนแทนออกเพราะรู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายไม่สามารถขยับตัวได้อย่างที่ต้องการ เขาไม่อยากให้แทนรู้สึกเหมือนถูกบังคับ ยิ่งทำแบบนี้แทนยิ่งต่อต้าน เมื่อแขนเป็นอิสระแทนก็ทุบตีผลักให้ครูซออกห่างทันที

“อย่าจับ! สกปรก! ฮึก ปล่อย” แทนดิ้นร้องห้ามอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้แทนไม่มีสติจะแยกแยะพอว่าใครเป็นใครเขารู้เพียงว่าทุกอย่างน่ากลัว น่าขยะแขยงไปหมด

ครูซกอดรัดแทนไว้แน่นแม้จะถูกทุบถูกเข่ากระแทกไปตามตัวจนจุกแต่เขาก็ไม่อยากปล่อย เขาไม่อยากห่างจากคนหน้านิ่งอีกแล้ว

“ชู่...ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ” ครูซกระซิบข้างหูแทน ลูบหลังปลอบโยนไม่หยุด ร่างกายของแทนสั่นเทา ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสียงหอบหายใจดังถี่บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวหวาดกลัวแค่ไหน

“ผมเป็นของคุณไงครับ” ครูซโอบกอดแทนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน มือเรียวลูบผมสีนิลเบาๆ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ในตอนแรกหลั่งไหลออกมาเมื่อมือขาวยกขึ้นมากอดตอบ ครูซไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายไม่ว่ากับเรื่องอะไรแต่สำหรับครั้งนี้มันสุดจะทนแล้วจริงๆ แทนที่เขาเฝ้าถนอมดูแลเอาใจใส่ แทนที่เขารักมากมายถูกทำร้ายจนร่างกายยับเยินขนาดนี้ สภาพจิตใจไม่ต้องพูดถึง บ้าคลั่งจนสติไม่หลงเหลืออยู่เลยสักนิด ใครที่มันกล้าทำ เขาสาบานเลยว่าจะลากคอมันมารับผิดชอบให้ได้!

“ครูซ....” แทนมองใบหน้าของครูซด้วยความสับสน ชายหนุ่มทั้งอยากกอดทั้งอยากผลักไส แต่ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่ได้รับทำให้แทนหลับตาลงแล้วเลือกที่จะกอดรัดครูซไว้

“ครับ ผมเอง” ครูซกดจูบลงบนขมับชื้นเหงื่อของแทนอย่างรักใคร่ สัมผัสอ่อนโยนที่คุ้นเคย น้ำเสียงที่ชอบฟังทำให้แทนผ่อนคลายมากขึ้น ความตึงเครียดความหวาดกลัวเริ่มจางหายไป

“ครูซ...ครูซ...ครูซ” แทนเรียกชื่อครูซซ้ำไปซ้ำมาคล้ายคนกำลังเพ้อละเมอ

“ไม่เป็นไร ผมอยู่นี่แล้ว” ครูซกระชับกอดแทน ทุกคนที่อยู่ในห้องเมื่อเห็นแทนสงบลงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะหลายชั่วโมงที่ผ่านมาไม่มีใครสามารถหยุดคนสติแตกแบบแทนได้เลย ร่างสูงแหกปากอาละวาด ใครเข้าใกล้ก็ทำร้ายจนเจ็บตัวไปตามๆ กัน หนักสุดคงเป็นพยาบาลสาวที่ถูกถีบอย่างแรงจนล้มกระแทกโต๊ะหัวแตกต้องพาไปเย็บแผลเกือบสิบเข็ม เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายไวน์ก็หันไปไล่ทุกคนให้ออกไปข้างนอกเหลือเพียงแค่เจ้าตัวกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งพิมพ์งานอยู่มุมห้องเงียบๆ

“ครูซ” แทนเคลิ้มจะหลับหลายรอบแต่ก็สะดุ้งตื่นมาทุกครั้ง

“หลับเถอะ ผมไม่ไปไหนหรอกครับ” ครูซกระซิบบอกข้างหู ลูบแก้มขาวที่บวมช้ำจากการถูกทำร้ายด้วยสัมผัสแผ่วเบา ทั้งที่เขาไม่ใช่คนที่ถูกกระทำ แต่กลับทุกข์ทรมานใจมากมายเหลือเกิน หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่ไปเที่ยวต่างจังหวัด เขาจะไม่ยอมทำตามคำสั่งแทนเด็ดขาด ครูซกอดร่างสูงแนบอกพลางดึงผ้าห่มผืนหนาคลุมตัวให้ มือเรียวลูบหัวลูบหลังปลอบทุกครั้งที่แทนผวาตกใจ

“ครูซ” แทนเรียกครูซอยู่แบบนั้นจนทนความอ่อนล้าของร่างกายไม่ไหวจมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา ผ่านไปสักพักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลับสนิทแล้วหนุ่มลูกครึ่งจึงขยับตัวพยุงร่างสูงนอนหนุนหมอนเพราะไม่อยากให้แทนตื่นมาแล้วรู้สึกเมื่อยตัว แต่ระหว่างจัดท่านอนให้สายตาครูซก็สะดุดเข้ากับรอยดูดสีแดงจางๆ ตามซอกคอขาว ไวเท่าความคิด มือเรียวแกะกระดุมเสื้อออกอย่างรวดเร็วเพื่อมองให้แน่ชัด

“ฮึ่ม!” ครูซขบกรามขมวดคิ้วยุ่ง ไฟในใจลุกโชน คนหน้านิ่งเกลียดสัมผัสยิ่งกว่าอะไร ไม่มีทางที่จะยอมให้ใครมาแตะตัวแบบนี้แน่ๆ นอกเสียจากถูกบังคับ

ในชีวิตครูซเขาไม่เคยอยากตามไปฆ่าใครเท่านี้มาก่อน ร่างกายที่เขามีสิทธิ์ครอบครองเพียงคนเดียว ถูกสารเลวที่ไหนมาทิ้งรอยไว้เต็มไปหมด

โครม!

ครูซลุกขึ้นถีบตู้เสื้อผ้าเต็มแรงด้วยอารมณ์ร้อนที่พลุ่งพล่านไปทั่วกาย ใคร...มันเป็นใคร!

“เฮ้ย! ใจเย็น แทนมันเพิ่งหลับ” หมอไวน์วิ่งไปรั้งตัวครูซไว้เมื่อเห็นร่างโปร่งกำลังจะทำร้ายข้าวของที่อยู่ใกล้ตัวอีก ครูซชะงักตัวลงเมื่อได้ยินชื่อแทน ชายหนุ่มหลับตาลงสูดหายใจเข้าออกช้าๆ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไป เขาต้องรู้เดี๋ยวนี้ และต้องรู้ทุกเรื่อง

“บอกมา! ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!!!” เสียงตะโกนถามที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นทำให้ไวน์สะดุ้งตกใจ ใบหน้ายิ้มแย้มดวงตาอ่อนโยนของคนตรงหน้าในตอนนี้มันไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว คนใจเย็นเวลาโกรธขึ้นมามักน่ากลัวมากกว่าคนปกติหลายเท่า ไวน์เพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็วันนี้นี่เอง

 “ใจเย็นก่อน ตอนนี้ผมเองก็บอกอะไรคุณมากไม่ได้” ร่างบางขยับตัวออกห่างจากครูซเล็กน้อยเมื่อบรรยากาศรอบๆ ตัวอีกฝ่ายดูน่ากลัวจนไม่น่าเข้าใกล้

“ทำไม!” ครูซที่นอตหลุดไปแล้วตะคอกถามเสียงดังจนชายหนุ่มที่นั่งทำงานอยู่ตรงมุมห้องทนมองไม่ได้จึงเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งสองคน เขาไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายทำพฤติกรรมไม่ดีใส่ไวน์

“สงบสติอารมณ์หน่อย ยังมีคนที่คุณต้องดูแลอยู่ ถ้าใช้อารมณ์แบบนี้เดี๋ยวก็พังหมดทุกอย่างหรอก” เภาพูดเตือนเสียงเข้มแล้วดันตัวไวน์ให้ยืนหลบอยู่หลังตน ซึ่งร่างบางรีบเกาะชายเสื้อคนรักไว้แน่นชะโงกมองหนุ่มลูกครึ่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ ที่จะคุยด้วย

“ขอโทษ” ครูซคลายกำหมัด ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ เมื่อเห็นท่าทีสงบลงแล้วไวน์จึงพูดอธิบายให้ฟังต่อ

“ผมไม่ได้รู้เรื่องมากสักเท่าไหร่ น้าพัชชาเป็นคนพาแทนมาหาผมตอนเช้ามืด เธอมาส่งแล้วก็รีบร้อนออกไป” พอไวน์พูดจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคำตอบของเขาคงทำให้หนุ่มลูกครึ่งไม่สบอารมณ์ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อสิ่งที่ไวน์พูดเป็นความจริง ตัวเขาเองก็อยากรู้ พยายามถามแล้วแต่พัชชาก็ไม่ยอมบอกหรือเล่าอะไรให้ฟังเลยนอกจากพูดแค่ว่า ทุกอย่างใกล้ถึงจุดจบแล้ว

“เธออยู่ไหน”

“ไม่รู้ ก่อนหน้านี้ผมพยายามโทรหาอยู่แต่ว่าติดต่อไม่ได้” ไวน์ส่ายหน้าไปมา

“เธอบอกแค่ว่าอีกสองวันจะกลับมา ให้คุณอดทนรอก่อน พอถึงตอนนั้นจะยอมบอกทุกอย่างเอง” ครูซนิ่งเงียบไป กำลังใช้สมองคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา เรียงรายชื่อคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่ามีใครบ้าง แล้วคนที่ทำมีเหตุผลอะไร คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของชายหนุ่ม

“ผมว่าตอนนี้คุณช่วยดูแลคุณแทนก่อนเถอะ เผื่ออาการดีขึ้น คำตอบทุกอย่างอาจจะออกมาจากปากของเขาเองก็ได้” เภาเอ่ยแนะนำ ครูซหันไปมองแทนด้วยสีหน้านิ่งๆ

“สองวัน...ได้ สองวัน” เวลาแค่นี้เท่านั้นที่จะปล่อยให้พวกมันลอยนวลอยู่อย่างสุขสบาย ครูซเป็นพวกหวงของ อะไรก็ตามที่ขึ้นชื่อว่าของเขา ชายหนุ่มจะถนอมดูแลรักษาไว้อย่างดี ใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำลายหรือแตะต้อง เขาไม่เคยยุ่งหรือคิดร้ายกับใครแต่ถ้ามันกล้าล้ำเส้น เขาจะทำให้มันเจอนรกที่แท้จริง นรกที่เขาเคยมอบให้ใครคนหนึ่ง จนคนนั้นหายไปจากวงจรชีวิตเขาตลอดกาลโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ความลับนี้เลยสักคน

เฮือก

แทนผวาตื่นขึ้นด้วยความกลัวเมื่อรับรู้ว่าร่างกายของตนกำลังถูกใครบางคนสัมผัสอยู่

“ออกไปๆ อ๊ากก ไม่เอา!!” ร่างสูงออกแรงดิ้นทันทีโดยไม่ทันได้ดูว่าเจ้าของมือคือใคร ภายในหัวของแทนมีแต่ภาพน้าเบลกับนิ้งกำลังเล่นสนุกกับร่างกายตน สัมผัสโสมมที่ตราตรึงไปทั่วตัวทำให้เขานึกเกลียดร่างกายตัวเอง

สกปรกต้องเอาออกไป ต้องกรีดหนังขูดเนื้อออกไปให้หมดจะได้สะอาดสักที

“คุณแทนใจเย็น ๆ” ครูซรีบทิ้งผ้าเช็ดตัวผืนเล็กในมือ คว้าแขนขาวกดล็อกเข้ากับเตียงเมื่อเห็นแทนใช้เล็บกรีดข่วนไปตามตัวจนหนังถลอกเลือดไหลซิบออกมา

“อ๊ากกกก ปล่อย! ต้องเอาเลือดออก สกปรกๆ ๆ ๆ ๆ” แทนตะเกียกตะกายให้หลุดจากการกักกุม หนุ่มลูกครึ่งเริ่มต้านแรงอีกฝ่ายไว้ไม่ไหวจึงขยับตัวคร่อมทับไว้เพื่อไม่ให้ร่างสูงอาละวาดทำร้ายตัวเองอีก

“คุณแทนมองผม!” ครูซใช้มือข้างหนึ่งจับปลายคางมนหันมาทางตนตรงๆ แต่แทนกลับสะบัดหน้าหนีร้องโวยวายไม่ยอมหยุด

“ฮึก ฮือ…ออกไป!! เกลียดๆ ๆ”

“ถ้ายังดื้อแบบนี้ผมไม่รักแล้วนะครับ!”

“อึก...รัก ห้ามเลิกรัก!!” จากที่ตอนแรกดิ้นหนี ตอนนี้แทนกลับคว้าท่อนแขนของครูซมากอดไว้แน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจากหายไป ครูซยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อรู้วิธีจะปราบพยศแทนได้ เขาจำได้ว่าครั้งก่อนเคยพูดแบบนี้แล้วแทนยอมฟังคำสั่งจากเขา

“ครับ ผมรักคุณ” ครูซยกมือลูบผมสีดำของแทนอย่างปลอบโยน สัมผัสกับอุณหภูมิร่างกายที่คุ้นเคยทำให้แทนค่อยๆ สงบลง หนุ่มลูกครึ่งจึงพูดขออนุญาตเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ซึ่งร่างสูงพยักหน้าตกลงอย่างง่ายดาย แต่ทุกครั้งที่มือเรียวเปลี่ยนตำแหน่งเช็ด ร่างสูงก็จะสั่นเทาขึ้นมาทันที ท่าทีของแทนทำครูซปวดใจ เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายรู้สึกกลัวและต่อต้านเขาในบางครั้ง

“ครูซ!” อยู่ๆ แทนก็ร้องไห้จิกเล็บลงบนแขนของครูซเต็มแรงจนเจ้าตัวสะดุ้งตกใจ

“เดี๋ยว! คุณแทนมีอะไร” ครูซกอดรัดเอวแทนไว้ทันก่อนที่คนหน้านิ่งจะพุ่งตัววิ่งลงจากเตียง

“น้าเบลมาอีกแล้ว ไม่อยากทำ ฮือๆ” ดวงตาสีนิลกวาดมองไปทั่วห้องอย่างหวาดระแวงพลางเบียดตัวเข้าหาครูซ

“คุณแทนฟังผม...ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากเรา” มือเรียวประคองใบหน้าเปื้อนน้ำตาให้หันมาสบตาตน ครูซเกลี่ยแก้มขาวไล่น้ำตาออกให้อย่างเบามือ

“ฮึก มะ มีจริง ๆ เมื่อคืนผมยังเข้าไปอยู่ในตัวเธออยู่เลย!!” แทนแหกปากทุบตีครูซด้วยความโมโหเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อคำพูดตน ร่างโปร่งที่นั่งโอบเอวคนหน้านิ่งอยู่สติแทบขาดผึงเมื่อได้ยินอะไรที่บาดหู

“หมายความว่ายังไง” ครูซคว้าข้อมือขาวกำไว้แน่นแต่แทนกลับขืนตัวออก ยิ่งเห็นท่าทีต่อต้านยิ่งสร้างความขุ่นเคืองใจ

“ฮือ...สกปรก ผมสกปรก” ครูซฉุดกระชากแขนกับแทนไปมาไม่ให้อีกฝ่ายทำร้ายตัวเองแต่เพียงเสี้ยววิที่ครูซถูกถีบจนเสียหลัก แทนก็กลิ้งตัวไปคว้าของบนโต๊ะข้างเตียงมาถือไว้ทันที

ขวับ ฉึก

“คุณแทนหยุด!”ครูซร้องห้ามเมื่อแทนยกด้ามปากกาปักลงบนแขนตัวเองเต็มแรงจนเลือดสีแดงสดทะลักพุ่งออกมา

“หึๆ” ร่างสูงฉีกยิ้มหลังเห็นเลือดตัวเองหยดลงบนเตียงเป็นวงกว้าง ดีแบบนี้สิดี ต้องเอาออกเยอะ ๆ จะได้สะอาด

มือขาวกำลังจะกรีดแผลใหม่เพิ่ม แต่ถูกกระชากแขนแย่งปากกาปาทิ้งไปเสียก่อน มือเรียวหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ตกอยู่บนเตียงขึ้นมากดแผลห้ามเลือด

“คิดจะทำอะไร” ครูซเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาแข็งกร้าว ตอนนี้อารมณ์ของหนุ่มลูกครึ่งตีกันวุ่นวายไปหมด ทั้งอยากปกป้องดูแล ทั้งอยากจัดการให้หลาบจำเรื่องทำร้ายตัวเอง ทั้งอยากจับมาเคล้นถามเรื่องที่ถูกทำร้าย เขาอยากทำอะไรหลายๆ อย่างแต่ก็ทำไม่ได้

“สกปรกต้องเอาเลือดออก ขยะแขยง” แทนตอบกลับมาอย่างเหม่อลอย ร่างสูงเกาไปตามร่างกายไม่ยอมหยุดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว ครูซไม่ได้เข้าไปห้ามแค่ยืนมองอย่างพิจารณาอยู่สักพัก แล้วค่อยดึงแขนอีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปในห้องน้ำแทนไม่ได้ดิ้นหรือขัดขืนอะไร ร่างสูงดูจะสงบลงเมื่อเอาเลือดออกจากร่างกายไปแล้วตามที่ต้องการ ครูซพาแทนมาหยุดยืนอยู่ตรงอ่างล้างหน้า มือเรียวหยิบยาสีฟันบีบลงบนแปรงสีฟันแล้วยื่นให้

“ทำความสะอาดร่างกายกัน” แทนได้ยินคำว่าสะอาดก็รีบคว้าแปรงมาถือไว้ด้วยความรีบร้อน มือขาวขัดถูไปมาอย่างรุนแรงเมื่อนึกถึงลิ้นนุ่มเล็กที่สอดเข้าเกี่ยวกระหวัดภายในโพรงปากตน ครูซที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังรั้งข้อมือแทนไว้แล้วดึงแปรงสีฟันออกจากปากอิ่มเมื่อเห็นเลือดเริ่มไหลเยิ้มออกมาจนฟองสีขาวเปลี่ยนเป็นชมพู

“ผมทำให้” ครูซกระซิบบอกชิดปลายหูด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มแบบที่แทนชอบฟัง มือเรียวจับร่างสูงพลิกตัวหันหน้ามาทางตนแล้วขยับเข้าไปอยู่ระหว่างขาแทน ใช้มือบีบสันกรามเบาๆ ให้อีกฝ่ายอ้าปากออก แล้วสอดแปรงเข้าไปทำความสะอาดให้อย่างเบามือ แทนจ้องมองใบหน้าเรียบนิ่งของครูซด้วยความรู้สึกเบลอๆ เขามึนเพราะไข้และฤทธิ์ยาจนประสาทหลอน แยกความจริงกับความคิดจินตนาการไม่ออก ที่อาละวาดไปก่อนหน้านี้ก็เพราะภาพในอดีตที่ฉายแทรกเข้ามาในหัว ทั้งสองคนต่างคนต่างเงียบจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เมื่อแปรงฟันบ้วนปากเสร็จครูซก็จับแทนนั่งลงบนขอบอ่าง ลงมือเปิดน้ำอุ่นใส่สบู่เหลวลงไป

“ผมถนอมของผมมาอย่างดี ดูแลให้ความรัก ปราบพยศจนน่ารักขนาดนั้นแท้ๆ” ครูซพูดพลางกดจูบไปตามรอยบวมช้ำบนใบหน้าแทนอย่างรักใคร่ มือเรียวจับแขนขาวที่มีบาดแผลใหม่ขึ้นกดจูบ ดีที่ปากกาไม่ได้แหลมคมมากปากแผลเลยไม่ลึก

“ครูซ...ครูซ...ครูซ” ในบางครั้งแทนมักเรียกหาซ้ำๆ ย้ำๆ อยู่แบบนี้ อาจเป็นเพราะความคิดสุดท้ายก่อนจะสติแตกคืออยากเจอครูซเหลือเกิน อยากอยู่ใกล้  อยากเห็นหน้า อยากสัมผัส เขาคิดถึง

“ครับคนดี” ครูซก้มจูบลงบนหน้าผากมนค้างไว้สักครู่แล้วค่อยผละออก

“อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวอีก” แทนซบหน้าเข้ากับหน้าท้องของครูซ มือขาวกอดรัดรอบเอวไว้แน่น

“คุณแทนเป็นคนสั่งให้ผมไปไม่ใช่เหรอครับ”

“ไม่สั่งแล้ว ฮึก ไม่ให้ไปแล้ว ฮือๆ”

“อย่าร้องไห้เลย...ผมไม่ทิ้งหรอกครับ” ครูซยกมือลูบผมสีดำสนิทอย่างปลอบประโลม เขาอุตส่าห์ขุดหลุมพรางไว้ดักรอขนาดนี้แล้ว ใครจะทิ้งลง ม้าพยศสีนิลที่น่าหลงใหลตัวนี้ไม่มีวันที่ใครจะได้ครอบครองอีกนอกจากเขาเพียงผู้เดียว

หลังจากนั้นไม่นานน้ำในอ่างก็เต็ม ครูซจึงลงมือถอดเสื้อผ้าแทนออกให้จนร่างกายเปลือยเปล่า หนุ่มลูกครึ่งประคองให้ร่างสูงขยับเข้าไปนั่งแช่ตัวในน้ำอุ่น โดยที่เขานั่งลงบนขอบอ่างคอยถูสบู่และสระผมให้

“อาบน้ำเสร็จตัวก็สะอาดแล้ว” ครูซบอกยิ้มๆ ไล้นิ้วไปตามโครงหน้าแทนแผ่วเบา ก่อนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบชิดใบหูนิ่ม

“ส่วนสัมผัสจากคนอื่น...ผมจะลบมันออกให้เอง”

TBC.


ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 19

“ยะ อย่า” แทนสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกลิ้นร้อนโลมเลียไปตามกกหู สัมผัสเปียกชื้นทำให้ชายหนุ่มตัวสั่นเทา แม้เจ้าของสัมผัสจะเป็นคนคุ้นเคยแต่เหตุการณ์เลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้ร่างสูงหวาดระแวง

“ผมไม่ชอบ...รอยพวกนี้” ครูซพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน นิ้วเรียวไล้ลูบไปตามรอยดูดสีกุหลาบตั้งแต่ลำคอลงมาถึงหน้าท้องขาว ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด อยากลบออกไปให้หมด หวงจนแทบเป็นบ้า เขาพยายามประคองสติไม่ให้อารมณ์เสียใส่อีกฝ่ายตั้งแต่เจอร่องรอยพวกนี้

“สกปรก อึก..ไม่เอา!” แทนส่ายหน้าผลักครูซให้ออกห่างแล้วกระเถิบตัวชิดขอบอ่างอีกด้านหนึ่ง ท่าทางต่อต้านทำให้เลขาหนุ่มขมวดคิ้วหน้าตึงขึ้นมาทันที

“รังเกียจผมเหรอครับ” ถึงจะรู้คำตอบแต่มันอดประชดไม่ได้จริง ๆ

“ไม่...ไม่ใช่ ผมสกปรก” สำหรับแทนคำว่ารังเกียจที่มีต่อครูซมันหมดไปนานแล้ว ตอนนี้ที่น่ารังเกียจมันตัวเขาเองต่างหาก ครูซเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของแทนก็ถอนหายใจลูบหน้าลูบตาตัวเองแรงๆ ให้หายอารมณ์เสีย

“คุณแทนมาหาผม” ร่างสูงยังนั่งนิ่งไม่ยอมขยับมาหาเขาที่นั่งอยู่บนขอบอ่าง “ไม่สกปรกหรอกครับ ผมรักคุณ ไม่มีอะไรต้องคิดมาก” มือเรียวคว้าไหล่กว้างดึงเข้ามาหาตัวแล้วโอบกอดไว้ หยดน้ำที่เกาะตามผิวของอีกฝ่ายซึมผ่านเสื้อผ้าที่ครูซใส่อยู่จนเปียกชุ่ม ความอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาทำให้แทนเบียดตัวเข้าหา ยกมือกอดเอวสอบแล้วซบหน้าเข้ากับอกแกร่ง

“อื้ม!” แทนย่นคอหนีเมื่อฟันคมขบกัดซอกคอขาวซ้ำบนรอยดูดสีจาง ชายหนุ่มรู้สึกแสบแต่เพราะเป็นครูซถึงไม่ได้ผลักออก ความกลัวในรสสัมผัสยังคงมีอยู่มากแต่ที่มากกว่าคือ กลัวอีกฝ่ายไม่รัก

“คุณแทนขยับมาครับ” ครูซทรุดนั่งลงในอ่างอาบน้ำพร้อมดึงร่างสูงให้เข้ามาชิดตัว ทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน ใกล้จนเข่าแทนแนบเข้ากับกล้ามหน้าท้องของครูซ ลมหายใจที่พ่นรดลงใบหน้ายิ่งทำให้คนหน้านิ่งตัวสั่นมากขึ้นกว่าเดิม

ครูซลูบต้นขาขาวต่ำลงไปเรื่อยๆ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ แต่สัมผัสวาบหวิวทำให้คนหน้านิ่งหวาดผวา ผลักไหล่อีกฝ่ายออกเต็มแรงจนเซไปกระแทกขอบอ่างอีกฝั่งเต็มแรง แทนไม่ได้ตั้งใจแต่มันเป็นไปเองตามสัญชาตญาณ ห้องน้ำตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาสักคำ มีเพียงสองสายตาที่สอดประสานกัน คนหนึ่งเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว คนหนึ่งก็ราบเรียบเย็นชาจนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่

“ขอโทษ” แทนเม้มปากแน่นมองใบหน้านิ่งเฉยของอีกฝ่าย เขาไม่ชอบเวลาครูซเป็นแบบนี้เลย

“มาหาผม” ครูซเอ่ยเรียกด้วยท่าทางปกติ ไม่ได้ออกคำสั่งหรือแสดงอาการคุกคาม เขาไม่อยากฝืนบังคับให้แทนรู้สึกไม่ดี แต่เขาก็ไม่อาจทำใจปล่อยให้สัมผัสของคนอื่นอยู่บนตัวอีกฝ่ายนานๆ โดยที่เขาไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของทาบทับลงไป

“ขอโทษ...อย่าโกรธ” แทนขยับตัวไปกอดครูซไว้แน่น ในโลกนี้ไม่มีใครต้องการเขาก็ได้ แต่ขอแค่ครูซ แค่ครูซคนเดียวที่ไม่อยากให้จ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้น

“ไม่โกรธครับอย่าร้องเลย” ครูซยกมือลูบแผ่นหลังอย่างปลอบโยน กดจูบลงบนใบหน้าขาวซับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย แม้จะไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ว่าแทนใส่ใจในตัวเขามากกว่าที่คิด

“อึก ไม่จับ!!” แทนดิ้นทุบแขนครูซที่กอบกุมส่วนนั้นของตัวเองไว้อย่างหยอกเย้า

“ทำไมครับ” ครูซเบ้หน้าเล็กน้อยด้วยความรู้สึกเจ็บก่อนดันตัวแทนให้เอนหลังชิดกับผนังอ่างแล้วคร่อมตัวทับไว้ไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นมาก

“มันเข้าไปในตัวผู้หญิงคนนั้นแล้ว ไม่ทำ!! ครูซอย่าทำ สกปรก!!” ไม่อยากให้ครูซสกปรก ไม่อยากทำให้ต้องแปดเปื้อนไปด้วยสิ่งโสมมที่ติดตัวเขามา

“มองผม สนใจแค่ผม” ร่างโปร่งแนบหน้าผากชิดกับอีกฝ่ายพร้อมพูดคำนี้ซ้ำไปซ้ำมาราวกับเป็นการสะกดจิตให้หลงลืมทุกสิ่งเพื่อให้ภายในสมองเหลือเพียงแค่ภาพของเขาเท่านั้น

“สกปรก...ไม่ทำ” แทนส่ายหน้าจับมือครูซให้หยุดปัดป่ายไปมาตรงส่วนนั้นของเขาเสียที

“คุณแทนครับ ถ้าไม่ให้ทำตรงนี้” นิ้วเรียวจิ้มเบา ๆ ลงไปบนแท่งเนื้อสีสวยที่ขยายจนเต็มขนาดก่อนลากผ่านต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงช่องทางด้านหลังสีชมพูอ่อนซึ่งปิดสนิทอยู่ “งั้นผมทำตรงนี้แทนได้ไหม” เสียงกระซิบข้างหูสร้างความวาบหวิวภายในช่องท้องของแทนจนปั่นป่วนไปหมด เขาพยายามดันอกไม่ให้อีกฝ่ายเบียดตัวเข้าใกล้ แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าไม่คิดจะสนใจ ซ้ำยังขยับเข้ามาชิดจนร่างกายแนบกันไปทุกส่วนแทบไม่มีช่องว่าง

“รักนะครับ” ครูซกระซิบข้างหูจบก็ประกบปากปิดเสียงร้องห้ามของแทนทันที ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากนิ่ม เกี่ยวตวัดไปตามไรฟัน ดูดกลืนทุกหยาดน้ำหวานที่ไหลล้นออกมาตามขอบปาก แม้ในตอนแรกแทนจะต่อต้านแต่เมื่อถูกสัมผัสแสนคุ้นเคยหลอกล่อก็ยอมโอนอ่อนตามอารมณ์อีกฝ่ายอย่างง่ายดาย ดวงตาของครูซลุกโชนไปด้วยความต้องการ ใบหน้า ริมฝีปาก ดวงตา ทุก ๆ อย่างที่เป็นแทน เขาหวง เขาอยากครอบครองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว

“อ๊ะ!” เสียงครางหลุดออกมาจากปากอิ่มยามนิ้วเรียวบดขยี้ลงบนยอดอก ครูซขบกัดไปทั่วซอกคอขาวไม่เว้นแม้กระทั่งหลังใบหู แทนทั้งเจ็บทั้งเสียวจนตัวงอ

“ลุกขึ้นหน่อยครับ” ครูซดันให้แทนนั่งลงบนขอบอ่างด้านติดกับกำแพง ก่อนจับขาอีกฝ่ายแยกออกแล้วแทรกตัวไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลาง ปากอุ่นครอบลงบนยอดอกสีสวยที่แข็งเป็นไต มืออีกข้างเลื่อนต่ำลงไปกอบกุมแท่นเอ็นแข็งชักรูดเพื่อคลายความทรมานให้ ร่างสูงหลับตาแน่นเมื่อถูกจู่โจมทั้งข้างบนและข้างล่างพร้อมกัน ภายในหัวมึนงงจนลืมที่จะต่อต้านเช่นตอนแรก

เสียงจูบเม้มตามผิวกายดังก้องไปทั่วห้องน้ำ ครูซก้มโลมเลียตั้งแต่ยอดอก หน้าท้อง แอ่งสะดือจนถึงแกนกลางที่ปริ่มน้ำสีใส ลิ้นเรียวเลียส่วนปลายแล้วครอบปากลงไปพร้อมขยับเข้าออกเป็นจังหวะ แทนขบกรามแน่นลืมตามองดูครูซดูดกลืนแกนกลางของตนเข้าไปในโพรงปากนุ่มที่เริ่มบวมแดงจากการเสียดสี ความรู้สึกดีที่มาพร้อมกับความกลัว ทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมา มือไม้สั่นเทาไปหมด เหงื่อไหลซึมไปตามขมับ ทั้งที่ใจอยากผลักไสแต่ร่างกายกลับต้องการ มันเป็นความทรมานที่สร้างความสุขสมให้จนไม่อาจปฏิเสธได้ ร่างกายแทนตื่นตัวง่ายเสมอ แค่แตะเล็กน้อยก็กระตุ้นให้ทุกส่วนนั่นรุ่มร้อนไปหมด ครูซเอื้อมไปหยิบสบู่เหลวบีบใส่มือแล้วลูบวนไปมาที่ช่องทางด้านหลังก่อนค่อยๆ กดแทรกนิ้วกลางเข้าไปภายในที่ฝืดเคือง

“อือ! คระ.. ครูซพอก่อน” แทนนิ่วหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกอึดอัดและเจ็บหน่วงบริเวณช่องทางหลัง

“รัก..ผมรักคุณ” ไม่ได้รังเกียจ แต่แทนไม่ชอบเป็นฝ่ายถูกกระทำ เขาไม่ชอบอยู่ในสภาวะควบคุมอะไรไม่ได้

“ให้ผมลบรอยพวกนี้ ให้ผมรักเถอะครับ” ครูซพร่ำบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม สีหน้าและท่าทางอ้อนวอนทำให้เริ่มใจอ่อน

“อ้าปาก” แทนจิกกระชากผมนิ่มให้เงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน ครูซทำตามอย่างว่าง่ายแต่เพียงเสี้ยววิก็ต้องร้องออกมาสุดเสียง เมื่อฟันคมกัดริมฝีปากเขาเต็มแรงไม่มีความปรานีเลยสักนิด ปากชาลิ้นชาแทบไร้ความรู้สึก ครูซพยายามพลิกลิ้นหนีฟันคมอยู่หลายครั้ง รอดบ้างพลาดบ้างจนเลือดกบปาก กลิ่นคาวคละคลุ้งยิ่งกระตุ้นให้แทนกระหายจนไม่สามารถหยุดความต้องการส่วนลึกในจิตใจได้ ชายหนุ่มดูดกลืนทุกหยาดเลือดราวน้ำหวานแสนอร่อย ยิ่งเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวทรมานของครูซยิ่งอยากทำลายอีกฝ่ายให้ย่อยยับคามือ มือขาวบีบกรามแน่นไม่ให้ครูซขยับหนี แทนรัวลิ้นใส่จนครูซทรุดตัวไหลลงไปนั่งกองที่ก้นอ่างโดยมีมือขาวโอบประคองเอวเอาไว้

จุ๊บ!

“อ๊า แฮ่ก..” ทันทีที่ผละออกจากกัน ร่างโปร่งก็หอบหายใจรวดเร็วเพื่อโกยเอาอากาศเข้าปอดหลังถูกคนหน้านิ่งช่วงชิงไปจนแทบไม่เหลืออยู่ แทนจูบเก่งเกินไปขนาดเขาที่เป็นผู้ชายเหมือนกันยังแพ้แบบไม่ติดฝุ่น

“ครั้งเดียว”

“โอ๊ย!” ครูซเบ้หน้าเมื่อหัวไหล่เนียนถูกร่างสูงกัดลงจมเขี้ยว

“ผมจะยอมคุณแค่ครั้งนี้เท่านั้น” เพราะเป็นครูซ คนที่เขายอมให้รัก ยอมให้สัมผัส เขาถึงไม่อยากเห็นสีหน้าและแววตาที่เหมือนจะขาดใจตายยามมองรอยดูดแสนโสมมบนตัวเขา

ครูซยกยิ้มพอใจ กดจูบลงบนแก้มขาวเป็นการขอบคุณ มือเรียวกอบกุมแท่งร้อนลูบขยับเป็นจังหวะกระตุ้นอารมณ์ ปากบางจูบซับต้นขาด้านในลงไปเรื่อยจนเกือบถึงช่องทางสีสวย แต่ถูกมือขาวจิกกระชากผมห้ามไว้ก่อน ถึงครูซจะไม่นึกรังเกียจแต่แทนไม่ชอบ คนรักสะอาดไม่นึกพิสมัยให้ปากนุ่มของอีกฝ่ายก้มลงไปทำพิเรนทร์บริเวณนั้นแน่ๆ หนุ่มลูกครึ่งเข้าใจดีจึงผละปากออกแล้วเลื่อนริมฝีปากดูดเม้มไปตามกล้ามท้อง แหย่ลิ้นโลมเลียร่องเล็กกลางท้องอย่างหยอกล้อ สร้างความเสียวกระสันให้ร่างสูงจนขนอ่อนลุกชันไปทั่วตัว

“อึก” นิ้วเรียวกดแทรกเข้าไปภายในช่องทางอีกครั้ง ความคับแน่นยังมากเหมือนเคย รัดจนไม่สามารถขยับนิ้วได้ต้องแช่ไว้นิ่งสักพัก เนื้อนุ่มภายในถึงคลายแรงตอดรัดลง นิ้วเรียวขยับเข้าออกเพื่อเตรียมความพร้อม แทนมองการกระทำของครูซด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ ชายหนุ่มไม่นิยมอะไรที่มันชักช้าเนิบนาบเห็นแล้วพาลอารมณ์เสีย

ผลัก

ครูซตกใจรีบคว้าขอบอ่างพยุงตัวไว้หลังถูกแทนผลักให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน มือขาวดึงกางเกงยางยืดของเขาออกอย่างรวดเร็วแล้วจับแกนกลางอวบขยับสองสามทีก่อนจ่อไปที่ปากทางปิดสนิท

“เฮ้ย! คุณแทนหยะ..อ๊า!” ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค แทนก็กดสะโพกยัดท่อนเอ็นร้อนของครูซเข้าไปในช่องทางทีเดียวมิดแท่ง เนื้อนุ่มภายในตอดรัดจนครูซเสียวตัวสั่น กล้ามหน้าท้องยิ่งขึ้นรูปชัดเจนเพราะอาการเกร็ง

“คุณแทนอย่าเพิ่งทำเดี๋ยวเจ็บ!” ครูซกัดฟันเอ่ยห้าม ประคองสะโพกกลมกดนิ่งไว้ไม่ให้คนด้านบนฝืนขยับตัว แทนหน้าแดงก่ำน้ำตาไหลเป็นทางยาว ปากอิ่มขบกันแน่นจนบวมช้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน แล้วยิ่งไม่ได้เบิกทางให้พร้อมก่อนแบบนี้ ช่องทางฉีกขาดแน่นอน

“อย่าจับ!” แทนตะคอกเสียงเข้มเมื่อครูซกำลังจับตัวเขาพลิกเปลี่ยนท่า แทนไม่ชอบถ้าถูกควบคุม ชายหนุ่มไม่ชินและไม่มีวันชิน เขาไม่อยากเป็นฝ่ายถูกกระทำ มันทำให้นึกถึงบทรักจากพวกผู้หญิงน่ารังเกียจที่เฝ้าบังคับให้เขาเป็นที่รองรับอารมณ์อย่างไม่มีทางเลือก

“เจ็บไม่ใช่เหรอครับ” ครูซลูบหลังปลอบโยน พลางพยุงตัวนั่งดีๆ โดยมีแทนนั่งคร่อมหันหน้าเข้าหากันอยู่ ท่านี้ทำให้ช่องทางกลืนกินท่อนเอ็นร้อนจนสุดโคน ครูซอยากเปลี่ยนท่าเพื่อไม่ให้แทนเจ็บมากแต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย เขาจึงไม่อยากขัดใจ

“หุบปาก” แทนบีบกรามให้อีกฝ่ายอ้าปากออกก่อนสอดลิ้นเข้าไปชอนไชทุกซอกทุกมุมภายในโพรงปากอุ่น ดูดกลืนรสคาวสนิมอย่างหื่นกระหาย แขนขาวโอบรอบคอครูซไว้พยุงตัวก่อนยกสะโพกขึ้นสูงจนแท่งร้อนเกือบหลุดออกแล้วกดกระแทกลงไปใหม่ เพื่อคลายความอึดอัดภายในช่องทาง ครูซเหยียดขาออกไปรองรับแรงกระแทกกระทั้นจากอีกฝ่าย น้ำในอ่างคล้ายจะเป็นเครื่องช่วยต้านแรงในการขยับ แต่ที่จริงกลับเพิ่มแรงดันในการสอดใส่ในแต่ละครั้งมากจนคนทั้งคู่เสียวกระสันหลุดเสียงครางออกมาไม่ขาด

“อ้า~ คุณแทน” ครูซครางเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังเมื่อช่องทางตอดรัดท่อนเอ็นของเขาแน่น ชายหนุ่มลูบไล้มือไปทั่วกายขาว โดยมืออีกข้างคอยชักรูดแกนกลางร่างสูงให้เป็นจังหวะตามแรงขย่มขึ้นลงของเจ้าตัว

“อึก! ครูซ...ครูซ” แทนแก้มแดงปลั่ง ดวงตาสีนิลฉ่ำเยิ้มไปด้วยอารมณ์ใคร่ ปากอิ่มร้องเรียกหาไม่ขาด เขาชอบสีหน้าแทนตอนนี้ สีหน้าที่ต้องการเขาอย่างเต็มเปี่ยม สีหน้าที่ใครในโลกก็ไม่มีวันได้เห็น

“ครูซ ห้ามเลิกรักนะ อือ..ห้าม” เสียงกลั้นครางกับคำสั่งที่ดังข้างหู เป็นอะไรที่น่ารัก ไม่รู้ว่าคนอื่นมองแทนอย่างไร แต่สำหรับครูซ แทนน่ารักเสมอ เขาคิดแบบนั้นมาตลอด ถึงตอนนี้เขาก็ยังคงมองว่าคนหน้านิ่งน่ารักมากกว่าใครที่เคยเห็นมา

“ผมหลง อ่ะ! จะแย่อยู่แล้ว..” มากกว่านี้เขาคงอกแตกตาย ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้รู้สึกมากมายขนาดนี้

“ฮึก..” การรับตัวตนของครูซเข้าไปในร่างกายไม่ได้แย่อย่างที่คิด ถึงจะเจ็บแต่ก็เสียวสะท้าน เป็นความรู้สึกที่วูบวาบข้างในช่องท้องและทรมานแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แรงกระแทกที่ดันสวนเข้ามาเหมือนการตอกย้ำว่าเราเป็นคนคนเดียวกันแล้ว เป็นของกันและกันโดยไม่มีอะไรมาแยกได้ ทั้งคู่ต่างโถมแรงเข้าใส่กันจนอารมณ์เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ น้ำในอ่างกระเพื่อมตามแรงเคลื่อนไหวบางส่วนก็สาดกระเซ็นออกไปบนพื้นห้องน้ำ

“ฮึก..แฮ่ก” แทนเริ่มหมดแรงทิ้งตัวนั่งลงบนตักครูซ ใบหน้าแดงก่ำซบไหล่เนียนพักหายใจ ครูซหอมแก้มแทนอย่างนึกหมั่นเขี้ยวก่อนจับขาอีกฝ่ายอ้าออกกว้างดันให้แผ่นหลังนาบลงไปกับขอบอ่าง หนุ่มลูกครึ่งเท้าแขนคร่อมร่างสูงไว้ แล้วเริ่มขยับสอดใส่อีกครั้งไม่ให้อารมณ์ขาดช่วง ปากกระจับจูบเม้มไปตามซอกคอขาว ลิ้นเรียวเลียไปทั่วใบหูจนเปียกชุ่ม

“อ้า!” แทนจิกเล็บลงบนเอวสอบของครูซระบายความเสียวกระสันยามแท่นร้อนของอีกฝ่ายตอกเข้ามาถูกจุดที่ไวต่อความรู้สึกภายในช่องทาง ชายหนุ่มอธิบายความรู้สึกไม่ถูก มันทั้งหน่วงทั้งเสียว ความสุขสมทวีมากขึ้นจนถึงขีดจำกัด แทนครางสุดเสียงเมื่อเขาสามารถเสร็จได้โดยที่ไม่ได้แตะแกนกลางเลยด้วยซ้ำ

“อื้ม...คุณแทน” ครูซขบกรามแน่นเมื่อช่องทางตอดรัดท่อนเอ็นถี่ยิบ ร่างโปร่งเร่งจังหวะกระหน่ำเอวรัวใส่อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นไปทั่วห้อง จนวินาทีสุดท้ายที่ความรู้สึกทุกอย่างวิ่งไปหยุดอยู่ปลายแกนกลางแล้วพากันพุ่งทะลักออกมาเต็มช่องทางสีแดงช้ำ ครูซหอบหายใจด้วยความสุขสม เหงื่อไหลโซมกาย

“ง่วง” เสียงงัวเงียแผ่วเบาเอ่ยเรียกสติให้ร่างโปร่งรีบถอดแกนกลางออกจากตัวอีกฝ่าย

“คุณแทนไหวไหมครับ” ร่างสูงไม่ตอบ ปรือตามองเล็กน้อยก่อนหลับลงไปในอ้อมแขนของครูซที่โอบประคองไว้ อาจจะเป็นเพราะความเพลียที่สะสมมานานบวกกับทำเรื่องใช้แรงแบบนี้อีกทำให้ไม่สามารถฝืนความง่วงได้ ครูซจับแทนหันหลังเอนพิงอกตนแล้วเอื้อมมือลอดขาขาว กดนิ้วเรียวสอดเข้าไปในช่องทางสีแดงช้ำคว้านเอาน้ำคาวขุ่นกับเลือดออกมาจนหมด ก่อนเช็ดตัวแล้วอุ้มอีกฝ่ายไปนอนบนเตียง ส่วนสูงทั้งสองคนต่างกันไม่มาก แทนอาจจะมากกว่าสองสามเซ็น แต่น้ำหนักครูซมั่นใจว่าแทนเบากว่าแน่นอน เขาถึงสามารถอุ้มได้โดยไม่พากันกลิ้งไปเสียก่อน ครูซแต่งตัวให้แทนเสร็จก็เข้าไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนโทรหาหมอไวน์เพราะร่างสูงเริ่มตัวรุมๆ คล้ายจะเป็นไข้ขึ้นมาอีก

ก๊อกๆ

ร่างบางเคาะประตูสองสามครั้งพอเป็นพิธีแล้วเปิดเข้ามาทันที

“ยังไม่ตื่นอีกเหรอวะ” ไวน์เลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจพลางจิ้มมือถือส่งข้อความหาคนรัก

“ตื่นแล้วครับแต่ผมพาไปอาบน้ำมา” ครูซขยับตัวลงจากเตียงเพื่อให้ไวน์นั่งตรวจร่างกายของแทนที่นอนหลับหน้าซีดเซียวอยู่

“ให้มันกินข้าวกินยาแล้วใช่ไหม” หนุ่มลูกครึ่งส่ายหน้า กำลังจะบอกถึงสาเหตุแต่หมอหน้าเด็กก็พูดแทรกออกมาก่อนโดยไม่เว้นจังหวะให้เขาได้มีโอกาสพูดเลยสักนิด

“ทำไมไม่ให้มันกินก่อนล่ะ อย่าไปตามใจมันมากสิ ถึงมันจะบอกไม่หิวก็ต้องบังคับ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะหายวะ ข้าวก็ไม่กินยาก็ไม่กิน จะให้ฉีดตลอดก็ไม่ได้นะ ร่างกายมันจะไปทนไหวได้ไง ถึงจะถึกเป็นช้างเป็นม้าแบบนี้ก็เถอะ คนเขาห่วง...อ๊ะ!” ไวน์ซึ่งนั่งบ่นอยู่ชะงักมือที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อแทนลงหลังเห็นรอยดูดรอยกัดบวมแดงตั้งแต่หลังใบหูลามลงไปถึงซอกคอขาว ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา ร่างกายในร่มผ้าก็คงลายพร้อยไม่ต่างจากที่เห็นแน่ ทั้งที่โดนทำเรื่องแบบนั้นใส่จนอาละวาดสติแตกแต่ร่างสูงกลับยอมทำมันอีกครั้งกับเลขาหนุ่ม ผู้ชายคนนี้คงสำคัญสำหรับแทนมากจริงๆ

“คุณไวน์ช่วยตรวจข้างหลังให้ด้วยนะครับ” เสียงพูดของครูซปลุกให้หมอไวน์หลุดจากภวังค์

“เฮ้อ~ คุณคงเจ็บมากสินะ” เขาในฐานะเพื่อนพ่วงตำแหน่งญาติคงต้องมีหน้าที่ช่วยรับผิดชอบในความรุนแรงที่แทนได้ก่อไว้

“ไม่ใช่ผมครับ...คุณแทน” ครูซตอบกลับไปด้วยท่าทีปกติแต่ทำเอาคนฟังเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ร่างบางมองคนทั้งคู่สลับไปสลับมาด้วยสีหน้าเหวอสุด ๆ จะคิดว่าหนุ่มลูกครึ่งโกหกก็ไม่น่าจะใช่เพราะโดยรวมแล้วร่างกายอีกฝ่ายก็ดูปกติดี ซ้ำร้ายคนที่ดูแย่กลับเป็นไอ้โหดหน้านิ่งที่นอนขมวดคิ้วยุ่งอยู่บนเตียง

“มึงจะบอกกูว่า ไอ้แทนมัน?!” ร่างบางช็อกจนหลุดพูดคำหยาบตามนิสัยปกติออกมา เขาไม่เคยคิดว่าแทนจะทำเพื่อหนุ่มลูกครึ่งถึงขนาดนี้ ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำ ยอมอยู่ภายใต้ร่างคนอื่น ยอมทำเรื่องที่เกลียดแสนเกลียด คนหน้านิ่งที่เขารู้จักได้เปลี่ยนไปแล้ว  เปลี่ยนไปจนเขาอดตกใจไม่ได้

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 20

สองวันผ่านไป ครูซก็ได้รับการติดต่อกลับมาจากพัชชา เธอนัดเขาออกไปพบที่โรงแรมนอกตัวเมืองแห่งหนึ่ง ทันทีที่เห็นหน้ากัน ชายหนุ่มก็ยิงคำถามใส่ไม่หยุดจนหญิงวัยกลางคนต้องยกมือห้าม บอกให้ใจเย็นแล้วรับฟังเรื่องที่เธอจะพูดอย่างมีสติ

ซึ่งเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมาครูซคาดเดาถูกไปเกินครึ่ง คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดคือคุณหญิงรัศมี แต่ที่ทำให้เขารู้สึกอึ้งจนแทบลืมหายใจก็คือ แทนรู้อยู่แล้วว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น จึงสั่งให้เขาหยุดงานไปหนึ่งสัปดาห์เพื่อกันให้ออกห่างจากเรื่องอันตราย

“เรารู้ว่าคุณหญิงต้องเอาคืนเรื่องที่ดินแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเอาคืนด้วยวิธีนี้ ฉันพลาดเองที่ไม่ได้ส่งคนไปคุ้มกันคุณแทน” พัชชาเหม่อมองไปนอกหน้าตาด้วยสายตาหมองเศร้า เธอรู้สึกผิดสุดขั้วหัวใจ เช้าวันนั้นเธอถูกสั่งให้ไปสืบข้อมูลลับกับพวกตำรวจที่ต่างจังหวัด โดยเจ้านายหนุ่มบอกให้เอาบอดี้การ์ดที่จ้างมาไปด้วยเพื่อสะดวกในการทำงาน แม้ตอนแรกเธอจะปฏิเสธเพราะเป็นห่วงแต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้ จึงต้องปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ทำงานคนเดียวในบริษัท วันนั้นทั้งวันเธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับการหาหลักฐานเพื่อเปิดโปงคุณหญิงจนลืมนึกถึงร่างสูงไปเสียสนิท การลงพื้นที่เป็นไปอย่างราบรื่นจนน่าแปลกใจ ปกติแหล่งกบดานของพวกค้ายามักมีลูกน้องเดินคุมอย่างหนาแน่นแต่ในวันนี้กลับเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด พอมารู้เหตุผลทีหลังว่าทำไมก็สายไปเสียแล้ว เมื่อร่างสูงเอาตัวเองเป็นเป้านิ่งเพื่อดึงดูดความสนใจ

หลังจากทำงานเสร็จเธอก็โทรไปรายงานผลเหมือนทุกที แต่ไม่สามารถติดต่อแทนได้ เธอร้อนใจพยายามขับรถกลับมาด้วยความรวดเร็วแต่ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะไปถึงคอนโด พัชชาอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรตอนเห็นสภาพร่างสูงนอนกรีดร้องอยู่กับพื้นห้อง เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกทำร้าย เธอรีบตามคนมาช่วยพาแทนไปส่งที่บ้านหมอไวน์แล้วกลับมาสืบหาตัวคนร้ายต่อ เริ่มตั้งแต่เช็คกล้องวงจรปิด ภาพที่เห็นก็คือร่างสูงถูกชายสามคนแบกขึ้นมาในห้องตอนตีสี่กว่า หนึ่งในคนร้ายมีรอยบากลากยาวตั้งแต่หน้าผากจนถึงคาง ตำหนิบนใบหน้าทำให้เธอรู้ในทันทีว่ามันคือใคร นายดำเป็นหัวหน้าใหญ่ในวงการค้ายา มันเป็นลูกน้องในเครือของคุณหญิงรัศมี จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงสามารถเข้าออกคอนโดแห่งนี้ได้อย่างเปิดเผยในเมื่อเจ้าของที่นี่คือคุณหญิง พัชชาจำหน้านายดำได้แม่น หากเมื่อใดที่ต้องการกำจัดใครหญิงแก่จะส่งมันไปหาเหยื่อเสมอ และครั้งหนึ่งพัชชาเองก็เคยเกือบถูกมันฆ่าเช่นกัน ดีที่ตอนนั้นคนหน้านิ่งช่วยห้ามเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว

“ทำไมคุณแทนต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย” ครูซขมวดคิ้วยุ่ง เขาไม่เข้าใจว่าแค่เรื่องที่ดินภาคใต้ที่คุณหญิงได้มาอย่างไม่ถูกต้องจากการหลอกลวงชาวบ้านจะทำให้ร่างสูงยอมเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือคนที่ไม่รู้จัก

“เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น” พัชชาละสายตาจากหน้าต่างหันมาจ้องใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่ง คนที่ทำให้แทนกล้าลุกขึ้นมาต่อต้านกับคนเป็นย่า

“เรื่องที่ฉันจะเล่าให้เธอฟังเป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ถ้าฟังจบแล้ว ฉันขอร้องเธอ โปรดอย่าได้ทิ้งเด็กคนนี้ไปเลยนะ” ทุกถ้อยคำ ทุกประโยคที่ถ่ายทอดออกมาราวกับหนังโศกนาฏกรรมที่สร้างความสะเทือนใจให้กับครูซ เขาไม่คิดว่าคนคนหนึ่งต้องมาพบเจอเรื่องราวโหดร้ายมากมายเพียงนี้

ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

ถูกทารุณกรรม

เห็นคนฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา

เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นตอนที่แทนอายุยังไม่ถึงสิบสามปีด้วยซ้ำ

อดีตที่ผ่านมาหล่อหลอมให้คนร่างสูงเติบโตมาในลักษณะนี้ มีความคิดความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนไปจากคนปกติ ใครจะล่วงรู้ว่าภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยแสนเย็นชาต้องเก็บซ่อนความขมขื่นไว้มากมายขนาดไหน ครูซเองก็คงไม่มีวันเข้าใจหากไม่ฟังความจริงทั้งหมดจากปากของพัชชา เพราะมีหลายต่อหลายครั้งที่ชายหนุ่มนึกสงสัยในพฤติกรรมแปลกๆ ที่อีกฝ่ายแสดงออก ถึงตอนนี้เขาคิดว่าแทนนั้นเข้มแข็งอยู่ไม่น้อยที่ผ่านมันมาได้

หลังพูดคุยเสร็จ ชายหนุ่มก็ขับรถกลับอย่างว้าวุ่นใจ คิดอยู่เพียงอย่างเดียวคือ อยากกลับไปโอบกอดแทนให้แน่น อยากปลอบประโลมไม่ให้ต้องทุกข์ทรมานใจ  ทำอะไรก็ได้ที่บ่งบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขารัก รักโดยไม่สนว่าในอดีตที่ผ่านมาคนหน้านิ่งจะเป็นอย่างไร พบเจอสิ่งใดมาบ้าง เมื่อขับรถมาถึงคอนโด สองเท้าก็ออกวิ่งในทันที ความห่วงหาในใจล้นทะลักออกมาจนเวลารอบกายดูหมุนช้าไปหมด แค่ยืนรอลิฟต์ก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิด ไม่นานนักร่างโปร่งก็มาถึงห้องนอนของคนที่คิดถึง  เขาเดินช้าๆ เข้าไปใกล้ก้มมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลอยู่ หนุ่มลูกครึ่งล้มตัวนอนลงข้างกันก่อนสอดแขนรองใต้คออีกฝ่ายแล้วโอบเข้ามากอดไว้แนบอก กอดเพื่อส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่เขามี ความรัก ความห่วงใย ความสงสาร แต่เพราะแรงที่ใช้มากเกินไปทำให้แทนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

“ครูซ” เสียงงัวเงียเรียกสติให้คนที่กำลังเหม่อลอยอยู่ก้มลงไปมองคนในอ้อมแขน

“หิวไหมครับ” ครูซถามยิ้มๆ มองร่างสูงที่ขยับใบหน้าซบลงบนอกเขา มือขาวตวัดกอดเอวไว้แน่น อ้อน...ช่วงนี้ชอบอ้อนให้เขารู้สึกใจสั่นอยู่เรื่อยเลย

“ไปไหนมา” แทนตื่นขึ้นมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้วแต่ไม่เห็นหนุ่มลูกครึ่งอยู่ในห้องจึงนอนรอจนหลับไปอีกรอบ ช่วงที่ผ่านมาเหมือนร่างกายแทนอ่อนเพลียมากถึงได้ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาซึ่งมันผิดวิสัยคนนอนไม่หลับ ทำให้เวลาตื่นนอนเขามักจะปวดหัวทุกครั้งเหมือนร่างกายยังไม่ชินกับนาฬิกาชีวิตใหม่ที่ต่างออกไปจากเดิม

“ผมไปเอาเอกสารที่ต้องเซ็นมาให้” ไม่ได้อยากโกหกแต่ครูซไม่อยากให้แทนคิดมาก และอีกฝ่ายคงไม่พอใจกับการที่เขารับรู้ถึงอดีตที่พยายามฝังเก็บไว้จากปากคนสนิทอย่างพัชชา

“....” แทนไม่ได้สงสัยอะไรเพียงยกมือขึ้นมานวดระหว่างคิ้วให้คลายความมึนงงหลังตื่นนอน

“ลุกไปอาบน้ำแล้วทานข้าวกันเถอะครับ” ครูซจูบลงบนขมับแทน ฉุดแขนให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน ร่างสูงทำตามอย่างว่าง่ายไม่ได้อิดออดอะไร หนุ่มลูกครึ่งหาเสื้อผ้ามาวางเตรียมไว้ให้ก่อนเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ แทนกำลังบีบยาสีฟันใส่แปรงอยู่ตรงอ่างล้างหน้าโดยโน้มตัวพิงขอบอ่างไว้เพื่อพยุงไม่ให้น้ำหนักทิ้งลงไปยังส่วนล่างมากนัก ท่ายืนขัด ๆ เหมือนไม่สบายตัวทำให้ครูซรู้สึกผิดไม่อยู่ไม่น้อย

“ยังเจ็บอยู่ไหมครับ” ช่องทางด้านหลังฉีกขาดจนลุกไม่ได้หนึ่งวันเต็ม ยังดีที่แทนเป็นคนแข็งแรงจึงสามารถกลับมาเดินเหินได้ตามปกติ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือร่างสูงชินชากับความเจ็บปวด ไม่ใช่ไม่รู้สึกแต่ว่าอดทนมาตลอดจนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว

“ไม่เท่าไหร่” แทนบอกปัดๆ ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่เหมือนร่างโปร่งจะไม่คลายความกังวลเลยสักนิด ใบหน้าเนียนยังคงขมวดคิ้วยุ่ง ยืนจ้องอีกฝ่ายไม่ลดละ ตอนที่ครูซโดนแทนกดถึงจะถูกทำรุนแรงป่าเถื่อนขนาดไหนแต่ก็ไม่เคยฝืนเข้ามาภายในตัวเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียวหากไม่นับช่วงแรกที่ทำไปโดยไร้สติ คนหน้านิ่งมักเตรียมความพร้อมให้เสมอ เขาเลยไม่เคยได้รับบาดเจ็บรุนแรง แตกต่างจากบทรักที่เขาเป็นฝ่ายกระทำ เขาไม่มีสิทธิ์ควบคุมอะไรสักอย่าง เลยทำให้คนใจร้อนเจ็บตัวหนักแบบนี้

“ขอโทษครับ” ครูซกอดแทนจากข้างหลัง วางคางไว้ที่ไหล่อีกฝ่าย ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาหมองลงจนแทนต้องเอื้อมมือไปลูบผมปลอบประโลมไม่ให้คิดมาก

“ผมคงไม่เหมาะจะกอดคุณแบบนั้น” พูดยอมรับออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ถึงตอนเป็นฝ่ายทำเขาจะมีความสุขแต่ต้องมาเห็นร่างสูงเจ็บตัวแบบนี้ เขายอมถูกกดเองเสียดีกว่า

“หึ” แทนแค่นหัวเราะในลำคอก่อนบ้วนปากแล้วหันไปหอมแก้มครูซเป็นการตอบรับ บทรักของครูซก็ไม่ได้แย่แต่แทนว่ามันไม่ทันใจ เขาชอบเป็นฝ่ายกระแทกเข้าไปในตัวครูซมากกว่า ชอบเห็นสีหน้ากึ่งสุขกึ่งเจ็บของอีกฝ่าย

“รีบอาบน้ำนะครับ ผมไปจัดโต๊ะรอ” ครูซจูบหลังคอขาวเบาๆ แล้วผละออกไปเตรียมอาหารพร้อมยาไว้ให้ หลังจากทานข้าวทานยาเสร็จทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง แทนจะใช้เวลานั่งจ้องหน้าจอคอมวันละหลายๆ ชั่วโมงเพื่อเคลียร์งานที่ทำค้างไว้ โดยมีครูซคอยช่วยดูแลอยู่ข้างกัน มีแค่บางเวลาที่หนุ่มลูกครึ่งจะออกไปบริษัทเพื่อประสานงานให้ แต่ก็ไม่มากนักเพราะเขาเป็นห่วงร่างสูง ไม่อยากให้อยู่ในห้องโดยลำพัง ทั้งคู่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ราวกับก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แทนไม่พูด ครูซไม่ถาม ต่างคนต่างทำตัวปกติ แม้ในใจจะรู้ว่าทุกอย่างนั้นไม่ใกล้เคียงกับคำว่าปกติเลยก็ตาม 

.

.

.

ตอนนี้แทนไม่ได้ออกไปไหนมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ชายหนุ่มอาการหนักกว่าเดิมมาก ไม่ใช่แค่สัมผัสหรือใกล้คนอื่นไม่ได้ ตอนนี้แค่เห็นใครที่ไม่ใช่ครูซ ชายหนุ่มก็ตัวสั่นไม่หยุด จิตใจหดหู่จนไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกที่แสนสกปรก แม้กระทั่งพัชชาหรือหมอไวน์ก็ไม่สามารถแตะตัวได้เหมือนเมื่อก่อน แทนจึงทำได้แต่อยู่ในห้องค่อยๆ ทานยาปรับสารเคมีในสมองให้กลับมาอยู่ในสภาวะคงตัวอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่เพราะร่างกายที่รับยามานานเริ่มดื้อยาแล้ว ต้องเพิ่มยาที่แรงขึ้นอีกบวกกับสภาพจิตใจที่ต่อต้านอย่างรุนแรงก็ทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร

“คุณแทนวันนี้ผมเข้าบริษัทนะครับ ข้าวเช้ากับข้าวเที่ยงอยู่ในครัว อย่าลืมทานยาด้วย ถ้ามีอะไรโทรหาผมได้ตลอดเวลาเลยนะ” ครูซจูบหน้าผากมน เกลี่ยผมที่ยาวปรกหน้าออกให้อย่างเอ็นดู

“อืม~” แทนกึ่งหลับกึ่งตื่น ครางตอบรับอย่างงัวเงียก่อนเปิดเปลือกตามองคนที่คร่อมร่างตนไว้ มือขาวรั้งแขนเสื้ออีกฝ่ายแน่นเมื่อสมองเพิ่งประมวลสิ่งที่ได้ยินว่า ครูซจะไม่อยู่ด้วย

“เดี๋ยวผมรีบกลับครับ ไม่เกินห้าโมงเย็น” เห็นท่าทางน่ารักแบบนี้ทำเอาไม่อยากออกไปไหนเลย หนุ่มลูกครึ่งจับตัวแทนพลิกขึ้นมานอนบนตัวเขาแล้วลูบหลังกว้างเบาๆ แทนซบหน้าลงกับหน้าอกครูซ

“รีบกลับมานะ” แทนชอบนอนท่านี้มาก ยามที่ร่างกายถูกห่อหุ้มอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่น เขารู้สึกปลอดภัย

“ครับ ผมจะรีบกลับ” หลังจากครูซออกจากห้องไปร่างสูงก็นอนหลับไปอีกหนึ่งตื่น ก่อนลุกมากินข้าวกินยาตอนเที่ยง กิจวัตรประจำของแทนก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง ตื่นนอน กินข้าวกินยา ทำงาน ออกกำลังกาย แล้วก็นอน ทุกๆ วันหมดไปอย่างเลื่อนลอยแต่น่าแปลกที่เขากลับชอบชีวิตแบบนี้ ไม่ต้องออกไปไหน ไม่ต้องพบเจอใคร มีแค่เขากับครูซสองคนก็เพียงพอแล้ว

.

.

.

ภายในตึกร้างสภาพทรุดโทรมย่านชุมชนแออัด หัวหน้าค้ายาเสพติดรายใหญ่กำลังหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจหัวซุกหัวซุน ในมือมันมีปืนสีดำขลับอยู่หนึ่งกระบอก แขนซ้ายถูกยิงจนเลือดหยดเป็นทางยาว ใบหน้าเคร่งเครียดมีเหงื่อไหลนองด้วยสภาวะกดดัน

“แม่งเอ้ย!!” นายดำสบถออกมาเมื่อได้ยินเสียงตำรวจพูดเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว มันชะโงกหน้าลงไปมองด้านล่างที่มีตำรวจหลายสิบนายถือปืนอยู่ในท่าพร้อมยิง ตลอดชีวิตมันไม่เคยต้องมาอยู่ในสภาพจนตรอกขนาดนี้มาก่อน ลูกน้องมันหลายคนถูกวิสามัญไปแล้ว เหลือเพียงมันที่ไหวตัวทันหลบหนีออกมาได้จากการล่อซื้อยาจากสายตำรวจ มันค้ายามาตลอดชีวิต เส้นสายที่อยู่เบื้องหลังก็เยอะจึงไม่เคยกลัวกับการถูกจับแต่ครั้งนี้มันคาดว่าตัวเองคงไปขัดขารายใหญ่เข้าถึงถูกเล่นงานเอาได้

“กูไม่ออกไปหรอกโว้ย! อยากจับก็เข้ามา” ถ้าจะตายก็ตายอย่างนักเลง มันไม่สนใจอีกแล้ว

เสียงรอบข้างเงียบไป ทุกอย่างนิ่งสงบจนอดแปลกใจไม่ได้ นายดำชะโงกหน้าออกไปดูอีกครั้ง มันขมวดคิ้วยุ่งเมื่อไม่เห็นตำรวจอยู่เลยสักคน มันหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง และเพียงเสี้ยววิมือที่ถือกระบอกปืนอยู่ก็โดนยิงเข้าอย่างจัง มันร้องออกมาสุดเสียงด้วยความทรมาน นอนดิ้นพล่านกับพื้น เลือดสีสดทะลักของมาจากปากแผลไม่หยุด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนมันไม่ทันได้ระวังตัวจึงถูกมือปืนที่ดักซุ่มอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกร้างจัดการเข้าจนได้

“ห้ามเลือดก่อน” เสียงตำรวจตะโกนคุยกันดังขึ้นมาอีกครั้ง มันถูกปฐมพยาบาลก่อนโดนจับใส่กุญแจมือพาขึ้นรถไปที่ห้องขังทันที นายดำนั่งพิงกรงขังด้วยสภาพอิดโรยจากการเสียเลือด มันเกือบหลับลงไปแล้วหากไม่ได้ยินเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นดังขึ้นมาเสียก่อน

“เป็นไงบ้างครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มประทับอยู่บนใบหน้า

“มึงเป็นใคร” นายดำถามด้วยความสงสัย เขาไม่รู้จักหนุ่มลูกครึ่งคนนี้

“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก แค่วันนี้ผมมีเรื่องอยากถาม แหล่งผลิตยาล็อตใหญ่ของคุณหญิงรัศมีอยู่ที่ไหนครับ”

“มึงเป็นตำรวจหรือไงวะ ทำไมกูต้องบอกมึงด้วย” หน้าตาท่าทางดูสำอางขนาดนี้ไม่น่าจะใช่แน่ๆ

“ผมไม่อยากเสียเวลากับคุณมากเดี๋ยวจะกลับไปไม่ทันนัดสำคัญ รีบบอกมาก็พอว่าอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นผมจะส่งคนไปรับน้องไนท์ที่โรงเรียน”

“มึงอย่ามายุ่งกับลูกกู ไอ้สัด! มึงเป็นตำรวจเหี้ยอะไรมาข่มขู่คนอื่นวะ!!”

“คุณก็บอกอยู่นี่ว่าผมไม่ใช่ตำรวจ แล้วมันก็ดันเป็นเรื่องจริงที่ผมไม่ใช่ ผมถึงเข้ามาทำหน้าที่แทนตำรวจที่มีจรรยาบรรณค้ำคออยู่ไงครับ ตอนนี้มีสองตัวเลือกให้คุณ หนึ่งยอมบอกมาทุกอย่างที่ผมอยากรู้ สองปิดปากเงียบต่อไปปล่อยให้ลูกกับภรรยาตกอยู่ในอันตราย บอกก่อนนะว่าผมพูดจริงทำจริง” ดวงตาจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่นทำให้คนฟังใจแกว่ง ถึงมันจะเลวขนาดไหนแต่เรื่องครอบครัวมันรักยิ่งกว่าชีวิต

“มึงอย่ายุ่งกับลูกเมียกู!”

“งั้นถือว่าคุณเลือกแล้ว” รอยยิ้มหวานที่ส่งมาไม่ได้ทำให้คนที่ได้รับรู้สึกดีเลยสักนิด นายดำเม้มปากแน่นมันชั่งใจอยู่สักพักก่อนพูดทุกเรื่องที่รู้ให้หนุ่มลูกครึ่งฟังจนหมดสิ้น

“ผมให้สัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับครอบครัวของคุณ แต่สำหรับคุณหญิงรัศมีผมไม่รับประกัน ถ้าคุณยังมีปากเอาไว้พูด มีมือเอาไว้เขียน เธอคงไม่ปล่อยไว้ง่ายๆ” นายดำชะงักตัวลงเมื่อฟังจบ ทำไมมันจะไม่รู้ว่าชีวิตหลังต่อจากนี้ของมันจะเป็นอย่างไร

“กูคงไม่ออกไปอีกแล้ว กูขอร้องมึงสักอย่าง ช่วยลูกช่วยเมียกูด้วย ห้องใต้ดินบ้านกูมีเงินอยู่ในนั้นสิบล้านมึงเอาไปเลย”

“ผมไม่ได้อยากได้เงิน...แต่สิ่งที่ผมต้องการ คุณให้ได้เสมอ” มือเรียวหยิบเชือกไนล่อนสีขาวยื่นผ่านซี่กรงเหล็กให้ นายดำมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสลับกับหนุ่มลูกครึ่ง มันแคลนยิ้มออกมาแล้วหยิบไปกำไว้แน่น

“มึงแค้นอะไรกูขนาดนั้นวะ หึ! หรือกูไปลากเมียมึงมานอนด้วย”

“ไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง คุณคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมใช้ความอดทนมากขนาดไหน”

“ฮ่าๆ งั้นมึงคงไม่ต้องทนแล้วล่ะ กูจะไปให้สาสมกับที่มึงต้องการ แต่กูขออย่างเดียวครอบครัวกูต้องปลอดภัย”

“ผมไม่รับปาก” ร่างโปร่งกอดอกแสยะยิ้มร้าย

“มึง!” นายดำกำกรงเหล็กแน่น ถลึงตาใส่ด้วยความโมโหสร้างเสียงหัวเราะให้กับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก  เขากับมันก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ บ้าคลั่งเมื่อของรักถูกทำลาย แต่มันคงจะโชคดีกว่าเขา ที่แค่โดนข่มขู่ไม่ใช่ถูกทำให้ย่อยยับลงไปจริงๆ

“แต่จะพยายามทำให้ครับ” ไอ้ฝรั่งนี่คงจะเกลียดมันจริงๆ ถึงได้กวนประสาทกันจนวินาทีสุดท้าย

“มึงไม่ออกไปสักทีวะ” นายดำที่ฝืนความเจ็บใช้มือผูกเชือกกับกรงเหล็กหันไปถามหนุ่มลูกครึ่งที่ยืนมองมันไม่วางตา

“ผมอยากเห็น” น้ำเสียงเย็นชาตอบกลับไปราวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา

“มึงมันโรคจิต” ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำด่าทอ เขาสนใจแค่สิ่งที่คนตรงหน้าจะทำต่อจากนี้ไปต่างหาก

“อย่าลืมที่ตกลงกันไว้” นายดำสั่งเสียก่อนจะสอดคอเข้าไปในห่วงเชือก มันหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนทิ้งน้ำหนักลงคุกเข่ากับพื้น เชือกดึงรั้งคอไว้แน่น ร่างกายกระตุกดิ้นไปมาตามกลไกของร่างกาย ดวงตาที่ปิดลงในตอนแรกเบิกกว้าง เส้นเลือดในตาปูดบวมก่อนแตกกระจายจากแรงดันจนเลือดไหลทะลักออกจากเบ้า ลิ้นห้อยจุกปาก เสียงลมหายใจดังขึ้นเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนความทุกข์ทรมานจะหยุดนิ่งลง

ภาพทุกอย่างอยู่ในสายตาของหนุ่มลูกครึ่ง เขาไม่ได้สงสาร ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นนอกจากความคิดที่ว่าสาสมแล้วกับสิ่งที่มันทำเอาไว้กับคนของเขา สาสมแล้วที่กล้ามาแตะต้องสิ่งที่เขารัก

.

.

.

“กลับมาแล้วครับ” เสียงนุ่มทุ้มเรียกให้คนที่กำลังนั่งจ้องหน้าจอคอมเงยหน้าขึ้นมามอง

“กลับช้า” แทนพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิดใจ ตอนนี้หกโมงครึ่งเลยเวลาที่อีกฝ่ายบอกว่าจะกลับมาเป็นชั่วโมงแล้ว

“ขอโทษครับ” ครูซไม่ได้พูดหาข้อแก้ตัว ชายหนุ่มเพียงเดินไปล้างมือแล้วกลับมาทรุดนั่งลงกับพื้นข้างแทนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หนุ่มลูกครึ่งคว้ามือขาวซีดขึ้นมากดจูบก่อนแนบหน้าลงบนต้นขาร่างสูง

“เหนื่อยเหรอ” สีหน้าดูอ่อนล้า บวกกับท่าทางผิดปกติไปจากทุกวันทำให้แทนอดที่จะถามออกไปไม่ได้ เขารู้สึกผิด งานในบริษัทครูซรับทำเองมากกว่าครึ่งเพราะเขาไม่สามารถไปทำงานได้

“ไม่เหนื่อยหรอกครับ คุณแทนหิวหรือยัง”

 “อืม”

“งั้นรอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมไปทำให้”

“ไม่ต้อง ทำไว้แล้ว” มื้อค่ำวันนั้นผ่านไปอย่างเรียบง่ายแต่ทำเอาครูซยิ้มไม่หุบ นานๆ ทีจะได้กินอาหารที่แทนทำเพราะปกติจะมีแต่เขาที่ทำให้ตลอด ทั้งที่ความจริงแล้วคนหน้านิ่งทำอร่อยกว่าเสียอีก แทนที่กินยาเสร็จก็ลุกมานั่งดูโทรทัศน์รอครูซเก็บล้างจานในห้องนั่งเล่น

เมื่อเวลา 13.00 น.ตำรวจได้บุกทลายกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่ใจกลางเมือง หัวหน้าใหญ่มีชื่อว่านายดำอายุ 38 ปีและลูกน้องได้มีการลับลอบขนยาเสพติดจำนวนมากข้ามประเทศ......... มีโทษประหารชีวิต

“นี่อะไร” แทนหันกลับไปถามคนข้างตัวที่เพิ่งนั่งลงข้างกันตอนข่าวจบพอดี  “ครูซ” ร่างสูงเรียกย้ำอีกครั้งด้วยความกังวล ข่าวนี้จะไม่น่าแปลกใจเลยหากภาพในนั้นไม่มีใบหน้าของครูซอยู่ในทีมสืบสวนของตำรวจด้วย ครูซนั่งนิ่งไม่ได้มีสีหน้าสะทกสะท้าน มือเรียวเอื้อมไปหยิบรีโมทในมือแทนมากดปิดโทรทัศน์ลงหลังไม่มีใครให้ความสนใจกับมันอีก

 “ก็สมควรแล้วนี่ครับ” ครูซสบตาแทนพูดตามที่ใจคิด เขาทำแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่พวกมันทำกับแทน เขาอยากฆ่ามันด้วยมือตัวเองให้สาสมกับความเลวที่มันก่อ แต่สิ่งที่ได้ยินจากปากครูซทำเอาใจแทนเต้นด้วยความหวาดกลัว กลัวจะสูญเสียอีกฝ่ายไป

“อย่ายุ่งกับเรื่องนี้” แทนกำข้อมือของครูซแน่น เน้นย้ำคำพูดตนด้วยท่าทางจริงจัง ถ้ายายแก่นั้นเห็นข่าวนี้มันต้องพุ่งเป้าไปล้างแค้นที่ครูซแน่ๆ

“ถ้าเรื่องที่กำลังพูดถึงอยู่เกี่ยวกับคุณแทน ผมคงยอมทำให้ไม่ได้และอย่าได้คิดจะไล่ผมให้ออกห่างจากเรื่องนี้เพราะไม่มีวัน” ครูซบิดมือออกจากการกอบกุม เขาไม่ชอบเวลาที่แทนกันเขาออกจากทุกเรื่อง เขาทำอะไรได้มากกว่าที่อีกฝ่ายคิด ไม่มีใครทนยืนมองคนที่รักถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้หน้าตาเฉยหรอก

“มันเป็นเรื่องของผม คุณไม่เกี่ยว!” สิ้นคำพูด ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ใจของครูซราวกับมีใครควักออกมาบีบเล่น มันปวดไปหมด ไม่เกี่ยว คุณแทนพูดออกมาได้ไงกัน

“ก็ได้ครับ งั้นเราต่างคนต่างทำเรื่องของตัวเองไม่ก้าวก่ายกัน แล้วอย่าลืมว่าคุณแทนก็ไม่มีสิทธิ์สั่งผมเหมือนกัน” ครูซบอกแทนจบก็ลุกขึ้นยืนเดินไปคว้ากุญแจรถบนโต๊ะ เขาไม่อยากอารมณ์เสียใส่แทน ถึงรู้ว่าอีกฝ่ายพูดด้วยความเป็นห่วงแต่มันก็มีบางอย่างที่ติดอยู่ในใจว่าจริงๆ แล้วแทนยอมรับเขาเข้ามาในชีวิตหรือยัง ถึงจะแสดงออกว่าเขานั้นพิเศษกว่าคนอื่น เป็นคนที่แทนต้องการแต่บางครั้งเขากลับรู้สึกห่างไกลจากอีกฝ่ายมากเหลือเกิน

“ไปไหน” แทนรีบลุกเดินตามไปแต่ครูซไม่สนใจไม่แม้แต่จะหันกลับมาตอบคำถามเลยสักนิด มือเรียวคว้าลูกบิดเปิดประตู แต่ระหว่างที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปแทนก็ใช้มือซ้ายดันประตูปิดไว้ก่อน มือขวาโอบล้อมเอวสอบรั้งเข้ามาหาตัว จนอกหนาแนบชิดเข้ากับแผ่นหลังอีกฝ่าย กลายเป็นว่าตอนนี้แทนคร่อมตัวครูซที่หันหลังอยู่เอาไว้ แทนรั้งเอวของครูซดึงเข้ามาชิดตัวมากขึ้น แต่ครูซขืนตัวไว้ไม่ยอมเอนไปหาตามแรงดึง

“หันมา...ครูซ!” แทนกำแขนครูซแน่นขึ้นแล้วกระชากให้หันกลับมาก่อนผลักให้อีกฝ่ายติดกับประตู เขาไม่ชอบเวลาที่หนุ่มลูกครึ่งทำเป็นเมินกันแบบนี้ ทำเหมือนกับเขาไม่มีค่าพอที่จะใส่ใจ

“ทำผมเจ็บอีกแล้วนะ” ครูซเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พลางสบตาแทนนิ่ง ใบหน้าที่มักเฉยชาอยู่เสมอตอนนี้กลับแดงก่ำไปหมด ดวงตาก็คลอไปด้วยหยดน้ำใสที่พร้อมไหลออกมาทุกเมื่อ ครูซถอนหายใจออกมายาวเหยียด เล่นมาทำหน้าตาแบบนี้ใส่ แล้วเขาจะทนเฉยต่อไปได้ไงกัน

“ผมเป็นห่วง...คุณเป็นคนเดียวที่ผมเสียไปไม่ได้” แทนดึงครูซเข้ามากอดรัดแน่น น้ำตาที่เอ่ออยู่ไหลออกมาจนเปียกชุ่มไปทั่วซอกคอของครูซ ทำเอาอารมณ์ขุ่นมัวก่อนหน้านี้หายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน

“อย่าพูดว่าผมไม่เกี่ยวอีกนะครับ” ครูซยกมือกอดตอบพลางลูบผมสีนิลให้คลายกังวล

“ขอโทษ ผมจะไม่พูดอีก” เสียงสั่นครืนทำเอาใจครูซสั่นไหวไปด้วย

“เลิกร้องเถอะครับ ตาแดงหมดแล้ว”

“มันใกล้จบแล้ว อย่าเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเลยนะ”

“ครับ” เขาแพ้ทางร่างสูงจริงๆ แค่เห็นน้ำตากับใบหน้าหมองเศร้าเป็นอันต้องยอมทำตามทุกอย่างแบบขัดไม่ได้ทุกที หลังจากตกปากรับคำกับแทนไปในวันนั้น ครูซก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องแผนการของอีกฝ่ายอีก แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไป เมื่อคุณหญิงรัศมีปักใจเชื่อไปแล้วว่าคนที่กำลังตามล่าคดีในอดีตของเธออยู่คือครูซ

**ต่อข้างล่าง**
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2018 01:48:40 โดย chanlee »

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
**ต่อ**
.

.

.                 

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ตามไปดี ๆ อย่าส่งเสียง” ครูซที่กำลังเดินออกจากคอนโดเพื่อไปทำงานตามปกติ ถูกชายชุดดำไม่ต่ำกว่าห้าคนรุมทำร้ายแล้วลากขึ้นรถตู้โดยมีมีดจ่อคอขาวข่มขู่

“พวกคุณเป็นใคร” ชายหนุ่มพยายามประคองสติไว้แล้วใช้มือล้วงเข้าไปให้กางเกงเพื่อกดเปิดสัญญาณ GPS ครูซคิดล่วงหน้าไว้แล้วว่าสักวันหนึ่งเขาต้องถูกเล่นงานแน่ๆ จึงเตรียมพร้อมตั้งรับไว้เสมอ

“มึงไปขัดขาใครไว้ล่ะ”

“ผมไม่รู้ ผมไม่เคยไปทำเรื่องไม่ดีใส่ใคร” ครูซพยายามเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันด้วยการพูดคุย

“หึ...เรื่องดี ๆ ที่มึงทำนั่นแหละส่งผลเสียต่อเจ้านายกู!!” ชายคนที่จ่อมีดขู่อยู่เค้นเสียงพูดด้วยความรำคาญใจแล้วจิกกระชากผมนิ่มเต็มแรง สร้างความเจ็บปวดให้แก่ครูซไม่น้อย

“แล้วถ้าไม่อยากตายไวก็ช่วยหุบปากด้วย อย่าหาว่ากูไม่เตือน” ครูซไม่รู้ว่ากดเปิดสัญญาณ GPS ติดแล้วหรือยัง เขาไม่อาจก้มไปดูให้แน่ใจเพราะกลัวถูกจับได้เรื่องจะวุ่นวายไปมากกว่านี้จึงจำยอมนอนนิ่งๆ ไม่ให้พวกคนร้ายผิดสังเกต ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนพยายามสอดส่องมองออกไปนอกรถเพื่อดูเส้นทางแต่ว่ากลับมองไม่เห็นอะไรสักอย่างเพราะทั้งรถติดฟิล์มดำสนิท และกระจกหน้ารถก็ไกลเกินกว่าจะมองไปถึงเพราะถูกกดศีรษะให้แนบไปกับเบาะรถ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงรถตู้ก็จอดสนิทในโกดังร้างแหล่งหนึ่ง ครูซถูกจับลากให้เดินเข้าไปข้างใน บริเวณโดยรอบมีต้นไม้และหญ้าสูงขึ้นเต็มไปหมด ที่นี่เหมือนที่กบดานเพื่อหลบสายตาจากผู้คน เพราะข้างนอกดูเป็นโกดังร้างแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยของอำนวยความสะดวกซ้ำยังติดแอร์เหมือนเป็นบริษัทย่อมๆ ด้วยซ้ำ ครูซกัดฟันแน่นเมื่อถูกคนร้ายถีบที่หลังอย่างแรงจนล้มไปกองอยู่ที่พื้น

กึง กึง

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นเรียกให้ครูซเงยหน้าขึ้นไปมอง

“คุณหญิงรัศมี” ครูซเอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าออกมา หญิงสูงวัยที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงเหยียดยิ้มมุมปากมองสภาพครูซที่นอนเปื้อนฝุ่นด้วยสายตาสมเพช

“ดูแกจะไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่นะที่เห็นฉัน” ครูซไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นยืนแล้วจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งเฉยสร้างความเดือดดาลใจให้คุณหญิงรัศมีไม่น้อยเพราะไม่เคยมีใครแสดงท่าทีแบบนี้กับเธอมาก่อน ดวงตาที่ไม่มีความหวาดกลัวหรือสั่นไหวอยู่เลย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความท้าทายมันน่าทำลายให้ย่อยยับ

เพล้ง

“แกส่งหลักฐานไปให้พวกตำรวจใช่ไหม!!” หญิงสูงวัยหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้มือปาไปที่ใบหน้าของครูซเต็มแรงแต่ชายหนุ่มไหวตัวหลบทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ

“แกเกือบทำสำเร็จแล้ว แต่คงต้องแสดงความเสียใจด้วยที่ฉันมีเส้นสายมากกว่าที่แกคิด หึ...แล้วรู้ไหมไอ้พวกลองดีมันต้องเจอกับอะไร”

หมับ

“อึก!” ชายชุดดำสองคนเข้ามาล็อกตัวครูซไว้แน่นไม่ให้ร่างโปร่งขยับตัวหนีได้

“แกเล่นผิดคนแล้ว! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน” หญิงแก่กำลังง้างมือฟาดลงบนใบหน้าของครูซแต่มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังแทรกขึ้นมาก่อน ทุกคนหยุดนิ่งมองเพ่งไปที่ครูซ

Rrrr Rrrr

“หยิบมาให้ฉัน” สิ้นเสียงทรงอำนาจ ชายชุดดำก็รีบล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงครูซส่งให้คุณหญิงทันที ครูซภาวนาขออย่าให้คนที่โทรมาเป็นแทนเลย ไม่อย่างนั้นคุณหญิงคงใช้เขาเป็นเครื่องมือล่ออีกฝ่ายออกมาแน่

“ห่างกันไม่ได้เลยสินะ” หญิงสูงวัยยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ “ฉันรับให้ก็แล้วกันนะ แทนฟ้าคงเป็นห่วงแกแทบแย่แล้ว”

ครูซขบกรามแน่นเมื่อเห็นคนตรงหน้าสไลด์นิ้วมือรับสายด้วยท่าทีสบาย ๆ

“อยู่ไหน”

“เป็นห่วงกันเสียจริงนะ”

“คุณย่า”

“ดีที่ยังจำกันได้และถ้าแกยังจำได้อีกอย่างก็คือ...ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่งกับมัน” ที่จริงเธอคิดจะกำจัดครูซไปตั้งนานแล้วแต่ช่วงหลังมานี้มีแต่เรื่องวุ่นวายให้ตามแก้ ทำให้ไม่ได้ลงมือเสียทีจนมันหันมาแว้งกัดเธอด้วยการร่วมมือกับพวกตำรวจจับแก๊งนายดำเพื่อเค้นให้พวกนั้นซัดทอดคดีอุ้มฆ่าในอดีตมาถึงเธอ วินาทีที่ได้รู้ข่าว คำว่า ตาย เท่านั้นที่เธอจะมอบให้หนุ่มลูกครึ่ง

“อย่ายุ่งกับเขา!”

“ฉันไม่ใช่เลขาที่ต้องฟังคำสั่งจากแก!” คุณหญิงหัวเราะสะใจหลังได้ยินเสียงอาละวาดจากหลานชายในสาย นี่แหละคือสิ่งที่เธอต้องการ แทนยามบ้าคลั่งไร้สติทำอะไรตามสัญชาตญาณ แทนที่กลายเป็นสัตว์ป่า มันทำให้เธอควบคุมง่ายขึ้นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ใช้สมองเหมือนปกติ

“บอกลามันซะสิก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก...ตลอดกาล” โทรศัพท์มือถือถูกยื่นมาตรงหน้าครูซ แต่ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะส่งเสียงอะไรออกมาสักอย่าง เพราะเขารู้ดีว่าถ้าพูดอะไรออกไปเพียงนิดเดียวคงทำให้แทนคลั่งจนทนไม่ไหวแน่ๆ

“พูด” คุณหญิงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแต่ก็ไม่อาจทำให้ครูซอ้าปากพูดอะไรออกมา “ฉันบอกให้พูดไง!” เสียงตวาดลั่นดังขึ้นพร้อมเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าขาวเต็มแรง

เพี๊ยะ

“ได้...ถ้าอยากลองดีนัก ซ้อมมันจนกว่าจะอ้าปากร้องออกมา” คุณหญิงกดวางสายแล้วหันไปสั่งลูกน้องด้วยสายตาเหี้ยมโหด

ผลัวะ ผลัก

“อึก” ทั้งกำปั้นและฝ่าเท้านับสิบที่กระหน่ำทำร้าย ชายหนุ่มพยายามปัดและสวนคืนแต่แรงของคนหนึ่งคนก็ไม่อาจสู้ชายฉกรรจ์ที่ยืนล้อมอยู่ได้ ร่างโปร่งนอนคู้ตัวยกแขนป้องกันหน้ากับศีรษะเอาไว้ ครูซไม่กังวลอะไรเลยนอกเสียจาก อย่าให้แทนมาตกหลุมพรางคุณหญิงตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เขาตั้งใจทำไว้ทั้งหมดอาจสูญเปล่าลงไปในพริบตา

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 21

“รับ...รับ ๆ รับสิวะ!!” แทนโทรกลับไปหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล อีกฝ่ายไม่ยอมรับสายซ้ำยังปิดเครื่องหนีอีก

“อ๊ากกกกก” เสียงกรีดร้องบ้าคลั่งดังก้องไปทั่วห้อง ดวงตาสีนิลแดงก่ำราวกับเปลวไฟที่พร้อมแผดเผาทุกสิ่ง นิ้วมือจิกเกร็งไปหมดอย่างควบคุมไม่ได้ ภายในหัวแทนมีแต่ภาพโชกเลือดของครูซเต็มไปหมด สิ่งที่ชายหนุ่มกลัวกำลังจะเกิดขึ้นจริงด้วยน้ำมือของคนชั่วช้าที่พรากทุกสิ่งในชีวิตเขาไปอย่างเลือดเย็น

ไม่มีวัน...

จะไม่มีใครมาพรากครูซไปจากชีวิตเขาได้อีก…

แทนกัดฟันแน่นเดินไปกดรหัสปลดล็อกตู้เซฟแล้วหยิบปืนสีดำขวับขนาดเหมาะมือขึ้นมาถือไว้ ภายในใจมีแต่ความมืดมนครอบงำ วินาทีนี้หากมีใครเข้ามาขวางทาง ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลสักนิดที่จะเหนี่ยวไกปืนปลิดชีวิตมันให้สิ้นซาก เขาอุตส่าห์ใช้วิธีประนีประนอมจัดการอีกฝ่ายด้วยหลักฐานยื่นให้ตำรวจเพื่อไปต่อสู้ในศาลต่อ ไม่เคยคิดใช้กำลังหรือใช้วิธีสกปรกทำร้ายลับหลังเลยสักครั้ง แต่อีแก่นั้นกลับขโมยสิ่งสำคัญสิ่งเดียวของเขาไปหน้าตาเฉยแบบนี้ ต่อให้ฆ่าให้ตายคามือก็ยังไม่สาสมกับความโกรธแค้นในใจเลยสักนิด

Rrrr Rrrr

เสียงโทรศัพท์มือถือดังแทรกขึ้นมาก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูห้องออกไปข้างนอก มือขาวล้วงเข้าไปในกางเกงหวังให้เป็นเบอร์ครูซโทรเข้ามา เพราะอย่างน้อยจะได้รู้ว่าครูซยังปลอดภัย แต่ความหวังอันน้อยนิดก็ดับวูบลงไปเมื่อชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคือ

พัชชา

แทนรับสายพลางกดลิฟต์ด้วยสีหน้าถมึงทึง ใจจดจ่ออยู่กับสถานที่ที่คุณหญิงรัศมีจะเอาตัวครูซไปซ่อนไว้

“คุณแทนอยู่ไหน!! อย่าออกจากห้องเด็ดขาดนะคะ!!”

"ทำไม” เสียงร้อนรนเหมือนรู้อะไรบางอย่างของพัชชาทำให้แทนนึกสงสัยขึ้นมาทันที

“มันอันตรายค่ะ คุณแทนรอฟังข่าวอยู่ที่ห้องเถอะ อย่าเพิ่งออกมาเลยเดี๋ยวเรื่องครูซฉันกับตำรวจจะบุกเข้าไปช่วยเอง”

“หมายความว่าไง” แทนชะงักเท้าที่กำลังวิ่งไปที่ลาดจอดรถลง ในใจภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลยเพราะไม่อย่างนั้นไม่ใช่แค่ครูซที่จะตกอยู่ในอันตรายคนเดียว มันอาจรวมถึงครอบครัวอีกฝ่ายด้วย คนอย่างคุณหญิงรัศมีไม่มีทางปล่อยให้ใครที่เกี่ยวข้องกับคดีด้านมืดของเธอหลุดรอดปลอดภัยไปแน่

“....ครูซเขาเสนอตัวมาล่อให้คุณหญิงเปิดเผยแหล่งค้ายาเสพติดค่ะ” พัชชาเงียบไปช่วงอึดใจก่อนค่อย ๆ บอกความจริงออกมา

“คุณเอาครูซมายุ่งกับเรื่องนี้ทำไม!!!” เมื่อได้ฟังคำบอกเล่า ใจแทนก็ลุกโชนราวกับมีน้ำมันราดลงไปบนกองไฟที่กำลังคุกรุ่น เขาไว้ใจพัชชาให้จัดการทุกอย่าง เขายอมอยู่นิ่ง ๆ เป็นเป้าจนถูกทำร้ายก็เพื่อกันไม่ให้ครูซ​เข้ามายุ่งกับเรื่องอันตราย แต่ทุกอย่างกลับผิดไปจากที่คิดไว้ทั้งหมดคนที่เขาอยากผลักออกให้ไกลจากเรื่องนี้มากที่สุดกลับตกไปอยู่ในมือของอีแก่ปีศาจนั่น

“ใจเย็น ๆ นะคะเดี๋ยวฉันไปรับที่คอนโด // ส่งมา!! ส่งที่อยู่นั้นมาให้ผมเดี๋ยวนี้!!!” แทนตะคอกเสียงดังลั่น เท้าก็เตะทำลายข้าวของใกล้ตัวระบายอารมณ์ที่ปะทุอยู่ภายในอก ชายหนุ่มดูบ้าคลั่งจนยามที่รักษาความปลอดภัยอยู่ใกล้ ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปห้ามหรือตักเตือนอย่างที่สมควรทำ

“ครูซยอมทำแบบนี้ก็เพื่อคุณนะคะ คุณแทนไม่ควร... // กูบอกให้ส่งมา!!” คำหยาบที่หลุดออกมาจากปากแทนทำให้พัชชาตกใจอยู่ไม่น้อย อารมณ์ของเจ้านายเธอรุนแรงเกินกว่าที่พูดคุยด้วยเหตุผลเหมือนทุกที ครั้งนี้ต่อให้ใครมาห้ามคุณแทนก็คงคลั่งจนฉุดไม่อยู่แล้ว คนที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กอย่างเธอรู้ดีว่าคงมีแต่วิธียอมโอนอ่อนให้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นคุณแทนต้องคิดทำอะไรที่น่ากลัวจนเธอเองก็ไม่อาจคาดเดาได้แน่ ๆ สถานการณ์ตอนนี้ก็แย่พออยู่แล้วถ้าต้องมาจัดการทั้งสองเรื่องพร้อมกันคงพังไม่เป็นท่า

“ก็ได้ค่ะ...แต่คุณแทนห้ามเข้าไปคนเดียวก่อนเด็ดขาด” พัชชาตัดสินใจส่งข้อมูลไปให้อย่างจำใจ เธอเป็นห่วงแต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของคนเป็นนายได้ เมื่อได้สถานที่ที่แน่นอน แทนก็รีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งแทบมิด บีบแตรใส่รถทุกคันที่วิ่งขวางทาง ขับผ่าไฟแดงโดยไม่สนสักนิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาทีช่างเนิ่นนานเหลือเกิน มือขาวกำจิกพวงมาลัยรถไว้แน่น พยายามประคองสติตัวเองไม่คลุ้มคลั่งจนประสาทหลอนเหมือนทุกทีเพราะหากพลาดไปแม้แต่นาทีเดียวแล้วครูซเป็นอะไรไป เขาคงไม่มีแรงที่จะหายใจต่อไปบนโลกแสนโสมมใบนี้อีก

.

.

.

.

“!!!” ร่างโปร่งที่นอนขดตัวกอดตัวเองไว้แน่นค่อย ๆ คลายออกเมื่อคุณหญิงรัศมีสั่งให้ลูกน้องหยุดทำร้ายร่างกาย

“ยิ่งแกทำแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันเกลียด...รู้ไหมว่าทำไม” หญิงสูงวัยเดินเข้าไปใกล้ร่างโปร่งที่นอนสะบักสะบอมแล้วใช้ส้นสูงเขี่ยใบหน้าที่บวมช้ำด้วยความสะใจ

“แกมันเหมือนกับอีนังนรกที่ชื่อเบลไม่มีผิด ฉันสั่งให้คนซ้อมมันแทบตายแต่ดันไม่ร้องออกมาสักแอะ มีแต่สายตาจ้องมองอย่างอาฆาตแค้น คงเพราะแบบนี้หรือเปล่า...แทนฟ้าถึงหลงแกนักหนา”

“เป็นตัวแทนของน้าสาวอันเป็นที่รักไง หึ ๆ” ครูซฟังสิ่งที่คุณหญิงรัศมีพูดจบก็รู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัว ลืมความเจ็บปวดตามร่างกาย ลืมแม้กระทั่งจะหายใจเมื่อสิ่งที่ได้ยินไปกระทบเข้ากับความคิดลึกๆ ที่อยู่ภายในใจของครูซมาโดยตลอด

เขาเคยคิดหาเหตุผลมากมายว่าทำไมคุณแทนถึงยอมรับเขาเข้ามาในชีวิตง่ายดายกว่าคนอื่น…

ทำไมคุณแทนถึงแสดงท่าทีทั้งรังเกียจและต้องการออกมาพร้อมๆ กัน…

เพราะเขาเหมือนใครคนนั้นเหรอ…

เขาเป็นแค่ภาพทับซ้อนของใครในความทรงจำของคุณแทน…

แค่ตัวแทนจริง ๆ หรือเปล่า…

​เป็นแค่นั้น…

 “เงียบทำไมล่ะ ยอมรับความจริงไม่ได้เหรอ” คุณหญิงรัศมีหัวเราะสะใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของครูซ จุดอ่อนของคนที่อยู่รอบตัวแทนฟ้าก็คือ การที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าตัวเองมีความสำคัญต่ออีกฝ่ายแค่ไหน แทนฟ้าไม่ใช่คนช่างพูด การแสดงออกก็แย่แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก คนอย่างหลานชายเธอไม่ใช่ประเภทจะไปเปิดปากบอกรักใครแน่นอน เพราะอย่างนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ย่อมมีช่องโหว่มากมายให้เธอหยิบขึ้นมาปั่นประสาทอีกฝ่ายเล่น

“ฉันพูดจี้ใจดำแกไปใช่ไหม” ครูซไม่ตอบ ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกแล้วพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง มือซ้ายประคองไหล่ขวาไว้ตลอดเวลา เนื่องจากถูกลูกน้องของคุณหญิงคนหนึ่งกระทืบจนไหล่หลุด ความเจ็บปวดรุนแรงมากขึ้นจนใบหน้าเนียนซีดเซียวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ครูซสะบัดหัวสองสามทีเมื่อรู้สึกมึนหัว ภาพข้างหน้าเริ่มเลือนราง

“เอามันไปขัง” คุณหญิงหันไปสั่งลูกน้องหลังเห็นสภาพของครูซดูไม่สู้ดีนัก ที่ให้มันพักไม่ใช่เพราะเห็นใจ แต่เพื่อความสะใจต่างหาก ภาพความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของมันหลานชายเธอสมควรได้เห็นกับตาตัวเอง บทลงโทษสำหรับคนที่คิดทรยศหักหลังเธอ บทลงโทษที่จะทำให้แทนฟ้าจดจำไปจนวันตาย

ผลัก

ร่างโปร่งถูกจับโยนลงบนพื้นก่อนที่ประตูเหล็กบานหนาจะถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว บรรยากาศในห้องทั้งอับชื้นและเต็มไปด้วยฝุ่น ลังไม้เก่ากับเศษเหล็กสนิมเขรอะวางระเกะระกะซ้อนกันจนแทบไม่มีที่ว่าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนพยายามสอดส่องมองช่องทางหลบหนี แต่น่าเสียดายที่นี่เป็นห้องปิดตาย ทางออกมีอยู่ทางเดียวคือประตูเหล็กซึ่งลงกลอนล็อกจากด้านนอก

ครูซนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนตัวเพราะไม่อยากให้บาดแผลได้รับการกระทบกระเทือนมากยิ่งขึ้น เลือดสีแดงสดไหลซึมตามมุมปากและหางคิ้ว มันอักเสบจนทำให้รู้สึกปวดตุบ ๆ ไม่ยอมหยุด พื้นปูนก็เย็นเฉียบจนร่างกายเริ่มด้านชา

สภาพเขาตอนนี้คงเละไม่มีชิ้นดี คุณหญิงดูจะแค้นมากกับเรื่องที่เขาทำ แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องที่เธอรับรู้ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะยังมีเรื่องการโอนย้ายเปลี่ยนกรรมสิทธิ์การถือครองหุ้นของบริษัทอยู่อีก เขากับพัชชาช่วยกันเปลี่ยนชื่อเจ้าของเป็นแทนหมดทุกอย่าง ถึงจะได้มาอย่างผิดกฎหมายแต่เชื่อเถอะว่าไม่มีใครเอาผิดได้ ในเมื่อตำรวจและทนายทั้งหมดเป็นคนของฝั่งเขา ตามจริงแทนกับพัชชาไม่ได้ต้องการจะฉวยโอกาสเอาสมบัติพวกนี้มาเป็นของตน แต่เป็นครูซเองที่เสนอให้พัชชาฟังเพราะชายหนุ่มเชื่อว่าการที่เรื่องวุ่นวายจะจบลงจริง ๆ โดยไม่มีการล้างแค้นเกิดขึ้นอีกคือการทำให้คุณหญิงรัศมีหมดอำนาจและเงินทอง หมดหนทางที่จะปีนขึ้นมาอยู่ในจุดเดิม ครูซรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันเสี่ยงอันตรายแต่มันก็คุ้มที่จะลองเพราะเขาคงทนมองแทนถูกทำร้ายซ้ำๆ ต่อไปไม่ไหวแล้ว ถึงเขาจะหวั่นไหวหรือลังเลกับการกระทำบางอย่างของแทน แต่เขาก็รักและเป็นห่วงเกินกว่าจะมานั่งใส่ใจในเรื่องพวกนี้ รอให้ทุกอย่างจบลง เขาจะไปถามทุกเรื่องที่อยากรู้จากปากของคนหน้านิ่งเอง

ปัง!!!!!

เสียงปืนดังสนั่นกับเสียงคนตะโกนโวยวายไม่ได้ศัพท์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนครูซตั้งตัวไม่ทัน เงยหน้าขึ้นไปมองอีกทีประตูเหล็กก็ถูกเปิดออกแล้ว

“ลากมันออกมาเร็ว” ลูกน้องตัวใหญ่สามคนเดินไปจิกหัวแล้วกระชากลากถูให้ครูซลุกเดินออกมาข้างนอก เสียงปืนกระหน่ำยิงดังมาไม่ขาดสาย ทำให้ครูซใจเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะไม่ใช่แค่เสียงปืนที่ดังไปทั่วแต่เสียงก่นด่าของคนหน้านิ่งก็ดังแทรกเข้ามาด้วย

“ครูซอยู่ไหน!!”

“ไม่ต้องใจร้อนหรอก เดี๋ยวแกก็จะได้เห็นมันตายต่อหน้าชัด ๆ ”

“มึงเดินให้มันเร็ว ๆ หน่อยสิวะ!” แรงกระชากทำให้ครูซที่ร่างกายบาดเจ็บอยู่ล้มลงอย่างแรงจนเข่าแตก เลือดไหลออกมามากจนเปื้อนพื้นเป็นรอยยาวตามทิศทางที่ถูกลากไป ทันทีที่ร่างโปร่งพ้นขอบกำแพงที่กั้นไว้ ดวงตาสีนิลก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ แทนโกรธจนหน้าดำหน้าแดง มือที่จับปืนสั่นไปหมดเมื่อเห็นภาพตรงหน้า สภาพหนุ่มลูกครึ่งเละไม่มีชิ้นดี เลือดที่ไหลออกมาจากหัวคิ้วและมุมปากทำให้แทนคลั่งแทบบ้า ร่างกายของครูซมีแค่เขาคนเดียวที่มีสิทธิ์ทำให้บาดเจ็บ เขาคนเดียวที่มีสิทธิ์ทำให้อีกฝ่ายเลือดออก พวกมันกล้าดีอย่างไงมาทำคนของเขาขนาดนี้

“กูจะฆ่ามึง!!!” เสียงคำรามเกรี้ยวกราดราวกับสัตว์ร้ายกระหายเลือด ฟันกรามบดกัดกันอย่างเคียดแค้น แววตาดุดัน แทนอยากฉีกร่างพวกสารเลวเป็นชิ้น ๆ

ร่างโปร่งซึ่งถูกซ้อมจนร่างกายสะบักสะบอมถูกลากออกมากองไว้ที่พื้นโดยมีปืนจ่อไว้ที่ขมับ ไม่ให้ขัดขืน

“คุณแทน” ครูซเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงแผ่วเบา คนหน้านิ่งยืนประจันหน้ากับคนเป็นสิบด้วยสีหน้าดุดันบ้าบิ่นไม่มีความกลัวหรือความลังเลที่จะเดินเข้ามาหาครูซเลยแม้แต่น้อย

“เข้ามาอีกก้าวเดียวฉันให้ลูกน้องยิงกระบาลมันแน่” คุณหญิงกอดอกยืนจ้องตาหลานชายตนที่โกรธตัวสั่นจนแทบลุกเป็นไฟ ภาพตรงหน้าสร้างความสะใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก มีไม่กี่เรื่องที่ทำให้แทนฟ้าไร้สติจนพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบคู่แข่งทุกด้านแบบนี้

“อย่าทำเขา!!” แทนร้องห้ามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของหนุ่มลูกครึ่งที่ถูกลูกน้องจิกผมให้เงยหน้าขึ้นมาหลังใกล้หมดสติ ครูซน้ำตาคลอตามกลไกความเจ็บปวดของร่างกายแต่มันกลับสร้างความเดือดดาลใจให้คนหน้านิ่งจนแทบบ้า น้ำตาของครูซไม่ควรมีใครสมควรได้เห็น!

“วางปืนลง” คุณหญิงยิ้มมุมปากบอกเงื่อนไขกับแทนที่ชักสีหน้าใส่ ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกจึงจำยอมส่งปืนในมือให้ลูกน้องที่เดินเข้ามาประกบตนสองคน เมื่อปืนถูกยึด แขนทั้งสองข้างของแทนก็ถูกพวกมันจับตรึงไว้ไม่ให้ขยับ

“ฮึ่ม!!” แทนร้องออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อทำอะไรไม่ได้สักอย่าง สัมผัสน่ารังเกียจที่โดนตัวก็ทำให้พะอืดพะอมจนแทบอ้วก ตัวแทนสั่นไปหมดอย่างนึกขยะแขยงแต่ดวงตาสีนิลก็ยังคงจับจ้องใบหน้าครูซอยู่ตลอดเวลา

“เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นก็เพราะตัวแกเองนะ จำไม่ได้เหรอ...แกเองที่บีบบังคับให้ฉันต้องเล่นบทโหด ชอบต่อต้านดีนัก เป็นไงล่ะ!!”

“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!!!”

“ทำไม? รักมันมากนักเหรอ มันเหมือนนังเบลของแกมากสินะ หึ...เหมือนทั้งแววตาและนิสัยจองหอง เห็นแล้วฉันอยากบดขยี้ให้ตายกับมือ”

“หุบปาก!” แทนตะคอกเสียงดังลั่นเมื่อเห็นคนเป็นย่าพูดถึงชื่อคนที่เขาไม่อยากให้ครูซรับรู้ขึ้นมา

“แกต่างหากที่ต้องหุบปาก!! ตอนนี้แกมีสิทธิ์มาสั่งฉันด้วยเหรอแทนฟ้า...แกมันไม่รักดี ฉันอุตส่าห์วางแผนชีวิตดี ๆ ไว้ให้ กลับไม่เอา ไปคว้าผู้ชายด้วยกันมาทำเมีย โง่เหมือนแม่แกไม่มีผิด หึ เชื้อมันคงไม่ทิ้งแถว! ไหนๆ เลขาแกก็จะตายอยู่แล้ว งั้นฉันเล่าความลับของแกให้มันฟังก่อนตายดีกว่า”

“อย่า!! อย่าพูด!!” แทนสะบัดตัวให้หลุดจากการจับกุมเพื่อจะวิ่งเข้าไปหาแต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อกระบอกปืนสีดำมืดจ่อแนบไปกับขมับครูซมากขึ้น ร่างโปร่งเองก็พยายามประคองสติไว้ไม่ให้สลบลงไปเสียก่อนแต่ช่างยากเต็มทนเมื่อร่างกายอ่อนล้าเหลือเกิน

“ฮ่าๆ ไม่อยากให้มันรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ ดี..เพราะยิ่งแกอยากปิดฉันยิ่งอยากเล่า” คุณหญิงฉีกยิ้มหัวเราะอย่างสะใจกับท่าทางของหลานชาย

“เอาตั้งแต่ตอนไหนดีน้า..ตอนที่แม่แกมันโง่พาน้องสาวเข้าบ้านมาจับผัวตัวเองทำชู้ หรือตอนที่น้องสาวมันเอาลูกชายของพี่มาทำผัวดีล่ะ”

“หยุด!! กูบอกให้หยุด!!” แทนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง จ้องมองใบหน้าของครูซไม่ละสายตา เรื่องพวกนี้ครูซไม่สมควรรับรู้ อดีตสกปรกของเขาที่ผ่านมันน่าขยะแขยงเกินไป เขาไม่อยากให้ครูซรังเกียจ ไม่อยากให้ครูซเกลียดเขา

“รู้ไหมยิ่งมองมันฉันยิ่งเกลียด ซ้อมเกือบตายแต่ไม่ร้องสักแอะ สงสัยต้องใช้วิธีเดียวกับน้าสาวสุดที่รักของแกแล้วมั้งแทนฟ้า” คุณหญิงหันไปแสยะยิ้มให้ลูกน้องคนสนิทที่อยู่ข้างกัน มันทำงานกับเธอมานาน รู้ดีว่าสิ่งที่เจ้านายตนต้องการคืออะไร เพราะวิธีนี้มันทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

“ไม่!!!” แทนกรีดร้องแทบสิ้นสติเมื่อเห็นครูซถูกจับกดลงกับพื้นแล้วมีลูกน้องผู้ชายคร่อมทับลงไป ร่างโปร่งที่ถูกซ้อมอย่างหนักไม่มีแรงพอจะปกป้องตัวเอง แขนขาถูกจับตรึงไว้ไม่ให้ขัดขืน ใจแทนเต้นแรงด้วยความกลัวจนเจ็บไปหมด มันเหมือนจะระเบิดออกมาจากในอกเมื่อนึกถึงสิ่งที่ครูซกำลังจะถูกกระทำ

“กูจะฆ่ามึง! กูจะฆ่ามึง!!” แทนออกแรงสุดตัวทั้งถีบทั้งต่อยจนหลุดจากการจับกุม ชายหนุ่มคว้าปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวของลูกน้องมาได้ กดปลดล็อกปืนอย่างชำนาญมือก่อนเล็งไปที่หัวคนที่กำลังคร่อมตัวครูซอยู่อย่างรวดเร็ว

ปังๆ ๆ

เลือดและมันสมองไหลกระจายเต็มพื้น ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน แทนยิงกราดทุกคนที่เข้ามาขวางทาง ร่างพวกมันร่วงลงราวกับใบไม้ เขาไม่สนใจที่จะมองด้วยซ้ำว่าพวกมันเป็นใครหน้าตาอย่างไร ภายในหัวแทนคิดอยู่อย่างเดียวคือ ต้องฆ่าพวกมันให้หมดก่อนที่มันจะพรากครูซไป

“จับมันไว้สิ!!!” คุณหญิงตกตะลึงกับภาพตรงหน้ารีบวิ่งไปอยู่ด้านหลังของลูกน้องที่แตกตื่นถอยไปรวมตัวกันอยู่เป็นกระจุก

เธอไม่คิดว่าแทนฟ้าคนเดียวจะสามารถฆ่าคนภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ถึง 5 ชีวิต กระสุนทุกนัดไม่มีพลาดแม้แต่ลูกเดียว หนำซ้ำแทนฟ้ายังเล็งจุดตายได้อย่างแม่นยำ แม้จะรู้ว่าหลานชายเป็นพวกอัจฉริยะมีความสามารถรอบด้านมากกว่าคนปกติแต่ไม่คิดว่าจะรวมถึงเรื่องนี้อยู่ด้วย

แทนพุ่งเข้าหาครูซที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว เนื้อตัวของหนุ่มลูกครึ่งเต็มไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็นจากศพซึ่งนอนเกลื่อนอยู่ล้อมตัว

“ครูซ” สัมผัสคุ้นเคยที่โอบรอบตัวทำให้ร่างโปร่งลืมตาขึ้น ครูซไม่มีแรงแม้แต่จะพูดจึงทำได้เพียงยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น ตัวแทนสั่นไปหมด หัวใจเหมือนถูกบีบด้วยคีมเหล็ก เจ็บปวดใจจนน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เขากลัว กลัวเหลือเกินที่จะสูญเสียคนตรงหน้าไป

“ฮึก ครูซ” แววตาที่ดุดันแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าครู่หนึ่ง มือขาวประคองครูซมาพิงอกไว้อีกมือจับปืนเตรียมเล็งไว้ที่อีกฝ่ายตลอดเวลา แม้อยากจะพาหนุ่มลูกครึ่งหนีใจแทบขาดแต่แทนทำไม่ได้ด้วยตัวคนเดียว เขาไม่สามารถฆ่าพวกมันไปพร้อมกับอุ้มครูซได้ ในเวลานี้คงต้องรอกำลังเสริมเท่านั้น

“ไปเอาตัวมันมา” คุณหญิงออกเสียงสั่ง แต่ลูกน้องต่างพากันลังเลที่จะเข้าไป ถึงในมือจะมีอาวุธพร้อมและคนมากกว่า แต่สัญชาตญาณนักล่าที่แผ่ออกมาจากตัวแทนทำให้พวกมันกลัว ใบหน้านิ่งเยือกเย็นราวกับคนไร้วิญญาณ ดวงตาที่ไม่มีความเกรงกลัวอยู่แม้แต่น้อย

“เร็วสิ!” คุณหญิงตวาดออกไปเมื่อไม่เห็นมีใครขยับตัวเข้าไปตามที่สั่ง ลูกน้องสะดุ้งตกใจ คนที่อยู่ใกล้กว่าวิ่งเข้าไปหมายจะจับตัวแต่มือแทนก็รัวกระสุนกลับมารวดเร็ว

ปัง! ปัง!

ร่างลูกน้องสองคนที่เป็นหน่วยกล้าตายวิ่งเข้ามาหาแทน ถูกยิงร่วงนอนจมกองเลือดไม่ไหวติง บรรยากาศรอบข้างยิ่งทวีความตึงเครียดและกดดันจนลูกน้องคนหนึ่งทนไม่ไหว

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย กูจะไม่ทนแล้วโว้ย!!” มันแหกปากดังลั่น แววตาหลุกหลิกไปมาเหมือนหมาจนตรอกที่กลัวสุดขีด แทนประคองครูซหลบหลังตัวเองแล้วเอื้อมไปคว้าปืนอีกกระบอกที่อยู่ในมือศพมาถือไว้

“หยุดนะ!!! แกจะทำอะไร!!” คุณหญิงร้องตกใจเมื่อเห็นลูกน้องสติแตกกำลังจะเหนี่ยวไกปืนใส่หลานชายตน ถึงเธอจะทำร้ายและข่มขู่แทนฟ้ามาสารพัดแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่คิดจะฆ่าหลานชายตัวเอง

“กูไม่โง่ให้มันมาฆ่ากูหรอกอีแก่!” ความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากตัวแทนทำให้ลูกน้องไม่ฟังคำสั่งรีบยิงปืนใส่ทันที แต่ด้วยมือสั่นเทาของมันทำให้วิถีกระสุนเบี้ยวพลาดเป้าไปมาก แทนจึงเอี้ยวตัวพาครูซหมอบหลบทันก่อนรัวกระสุนปืนเจาะกะโหลกมันจนล้มไปนอนกองที่พื้น

“กูไม่เอาด้วยแล้ว! ฆ่ามัน!!” ลูกน้องที่เหลือส่งเสียงโวยวายขึ้นทันทีเมื่อมองภาพสยดสยองตรงหน้า พวกมันชินกับคนตาย ชินกับเลือดและปืน แต่คนที่เก่งขนาดฆ่าคนอื่นได้ราวกับเรื่องง่ายดายแบบนี้เพิ่งเคยเจอ ลูกกระสุนไม่มีพลาดแม้แต่ลูกเดียว สายตาเหี้ยมโหดไม่มีความกลัวและความลังเล คำสั่งที่ว่าจับเป็นห้ามฆ่าสำหรับพวกมันในตอนนี้ไม่มีคนไหนสนใจสักนิด เงินที่ได้จากคุณหญิงแม้จะเยอะแต่พวกมันไม่อยากเสี่ยงชีวิตมาตายอย่างน่าอายเป็นฝูงด้วยน้ำมือของผู้ชายคนเดียวเด็ดขาด

“หยุด!! ฉันบอกให้หยุดไง!!! ฉันจ่ายเงินพวกแกไปแล้วนะ!!!” คุณหญิงรัศมีร้องห้ามสุดเสียงเมื่อเห็นปืนนับสิบกระบอกเล็งไปที่หลานชายเธอ ถึงแทนฟ้าจะเก่งขนาดไหนแต่ถูกรุมขนาดนี้ไม่มีทางรอดแน่

“อย่าอยู่เลยมึง!”

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 22

เสียงปืนดังสนั่นไปทั้งโกดัง กระสุนจากทั่วสารทิศพุ่งเจาะทะลุร่างลูกน้องของคุณหญิงรัศมีอย่างแม่นยำ เลือดสีแดงสดกระเซ็นออกจากตัวพวกมันจนเจิ่งนองเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ บนพื้นปูนที่สร้างขึ้นไม่สม่ำเสมอ

เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมการ์ดยืนเรียงรายกันเต็มพื้นที่ทั้งในและนอกโกดัง เหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีแต่สิ่งที่ทำให้หญิงสูงวัยเบิกตากว้างตกใจจนแทบลืมหายใจก็คือ...

“ตาทศ!!”

ร่างของทศพลที่ทรุดล้มลงกับพื้นหลังวิ่งเอาตัวรับกระสุนแทนลูกชาย แทนชะงักนิ้วที่กำลังจะเหนี่ยวไกปืน มองร่างคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าพ่อนอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าตน

“กรี้ดดดดดด ไม่!! โฮ..ตาทศลูก” คุณหญิงกรีดร้องแทบขาดใจวิ่งเข้าไปโอบกอดลูกชายคนโตไว้ในอ้อมแขน น้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสายเสียงสะอื้นไห้ดังก้องไปทั่ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้าไปตรวจดูสภาพศพที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นและบางส่วนเข้าไปจับคุณหญิงแยกออกจากตัวทศพล พัชชาเองก็วิ่งนำทีมแพทย์เข้ามาดูแลครูซและทศพลด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

แม้ในใจจะสั่นไหวกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่แทนก็ทำเป็นไม่ใส่ใจนัก ชายหนุ่มเพียงก้มหน้าลงโอบอุ้มครูซที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นเดินไปวางลงบนเปลที่ทีมแพทย์แบกมาให้อย่างเบามือ แต่ในขณะที่แทนกำลังจะก้าวเท้าตามไปก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้เขาตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที

“ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น!”

ราวกับเวลารอบตัวหยุดหมุนลง สมองมันด้านชาไปหมด แขนขาเหมือนถูกโซ่เส้นหนามาล่ามเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้ ถึงจะรู้สึกเกลียดคนคน นี้ขนาดไหน แต่ภายในใจลึก ๆ แล้ว แทนก็ไม่เคยอยากให้อีกฝ่ายตายเลยสักครั้ง

ไม่เคยต้องการให้พ่อจากไปแบบนี้...

ชายหนุ่มก้มมองมือทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยเลือด กลิ่นคาวคละคลุ้งลอยมาตามสายลม ภาพความวุ่นวายที่วิ่งผ่านตัวไปมาเป็นเครื่องกระตุ้นให้เขาบ้าคลั่ง ภายในหัวมันแปรปรวนไปหมด ดวงตาสีนิลสั่นระริก ลมหายใจหอบถี่จนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว

ครูซบาดเจ็บนอนไม่ได้สติ...

พ่อที่แสนเกลียดตาย…

เสียงกรีดร้องแทบขาดใจของหญิงแก่...

ทุก ๆ อย่างทำให้แทนสติขาดผึง ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองจับจ้องไปยังคุณหญิงที่นั่งร้องไห้พยายามคลานเข่าเข้าไปหาทศพล *ใบหน้าแสนเจ็บปวดทรมานของมันยังไม่เพียงพอ มันต้องมากกว่านั้น!* แทนเดินหน้านิ่งเข้าไปกระชากผมหญิงสูงวัยอย่างแรงจนอีกฝ่ายล้มกลิ้งไปกับพื้น

"โอ๊ย!!"

“คุณแทนอย่าค่ะ” พัชชาที่กำลังนั่งดูอาการของทศพลอยู่ร้องห้ามออกมาด้วยความตกใจ

เพี๊ยะ

“กูเกลียดมึง มึงทำลายชีวิตกู กูเกลียดมึง!!” แทนระบายความโกรธแค้นด้วยการตบหน้าคุณหญิงเต็มแรงแล้วตรงเข้าไปบีบคออีกฝ่ายสุดแรงเกิด บีบจนคนเป็นย่าหน้าเขียวตาเหลือก ดิ้นไปดิ้นมาอย่างทุรนทุราย แม้จะรังเกียจและรู้สึกขยะแขยงเนื้อตัวของอีกฝ่ายแค่ไหน แต่ความโกรธแค้นในใจมีมากกว่าจนแทนเลือกที่จะปลดปล่อยมันด้วยการบีบรัดคอให้มันตายคามือ

“ปล่อยก่อนครับคุณแทน!!” ตำรวจสามนายช่วยกันดึงรั้งอยู่นานกว่าจะทำให้แทนปล่อยมือออกจากคอของคุณหญิงรัศมีได้

“ค่อก อึก แค่ก ๆ” คุณหญิงนอนชักตัวกระตุกกุมคอไอกับพื้นอย่างหมดสภาพ เธอเกือบหมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายไปเสียแล้วหากแทนปล่อยช้ากว่านี้ ​เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นเธอก็รีบตะเกียกตะกายตัวคลานถอยห่างจากร่างสูงซึ่งจ้องมองมาด้วยสายตาดุดันเหมือนสัตว์ป่าที่พร้อมพุ่งขย้ำเหยื่ออยู่ตลอดเวลา

“ปล่อยกู!! กูจะฆ่ามันๆ อ๊ากกกก” แทนตวาดลั่นสะบัดแขนให้หลุดจากการดึงรั้ง ดวงตาสีนิลยังคงจับจ้องใบหน้าของนังปีศาจร้ายที่พรากความสุขของชีวิตเขาไปหลายต่อหลายครั้ง

“กูจะทำให้มึงหมดสิ้นทุกอย่าง ให้มึงไม่เหลืออะไรเหมือนที่ทำไว้กับกู!!!” แทนพูดลอดไรฟันด้วยเสียงเย็นยะเยือก ดวงตาสีนิลแดงก่ำไปด้วยความโกรธแค้น พยายามกระชากตัวให้หลุดจากการดึงรั้งของตำรวจสามนาย คุณหญิงนอนน้ำตาไหลหอบหายใจเหนื่อยอ่อน เธอได้แต่มองใบหน้าของหลานชายโดยไม่มีกะจิตกะใจจะตอบอะไรกลับไปเพราะภายในหัวของเธอตอนนี้มีเพียงลูกชายคนโตที่ถูกปั๊มหัวใจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน   

“หมอไวน์!” พัชชาเรียกหมอร่างเล็กที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในโกดังด้วยความดีใจ เธอโทรหาหมอหน้าเด็กให้มาช่วยตั้งนานแล้วแต่อีกฝ่ายติดผ่าตัดใหญ่อยู่ทำให้มาถึงล่าช้า

“จับล็อกไว้กับพื้นเลย!” ไวน์ตะโกนสั่งคนที่อยู่รอบตัวให้มาช่วยหยุดแทนที่ดิ้นหนีอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มทำร้ายทุกคนที่เข้าใกล้โดยไม่สนใจสักนิดว่าคนคนนั้นเป็นใคร สายตาดุดันมองทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวเป็นศัตรูไปหมด

“อ๊ากกกกกก!!!” ทั้งตำรวจและการ์ดหลายนายช่วยกันจับแขนและขาแทนกดล็อกไว้กับพื้นเพื่อไม่ให้ร่างสูงออกแรงพยศได้

“พี่ใจเย็นดิวะ!” ไวน์นั่งชันเข่าข้างร่างสูงด้วยสีหน้ากังวลใจ มือเรียวเล็กรีบเปิดกล่องหยิบเข็มออกมา ดูดยาจากขวดแก้วเล็กจนเต็มก่อนกดฉีดปลายแหลมของเข็มลงบนต้นแขนซ้ายของแทนอย่างชำนาญ ร่างสูงที่ดิ้นอย่างบ้าคลั่งค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ ก่อนหมดสติไปด้วยฤทธิ์ยา

.

.

.

.

ปวด

ปวดร้าวไปทั้งตัว

ครูซขยับเปลือกตาขึ้นเมื่อรู้สึกตัว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่ลงเล็กน้อยเพราะยังไม่ชินกับแสงสว่างที่ส่องผ่านผ้าม่านสีอ่อนเข้ามาภายในห้อง ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งตัวแต่ที่เด่นชัดที่สุดคือความหนักอึ้งที่มือขวา มันไม่ใช่ความเจ็บปวดที่มาจากอาการบาดเจ็บแต่มันหนักชาคล้ายถูกอะไรบางอย่างกดทับเอาไว้เป็นเวลานาน

ครูซเหลือบตาไปมองความอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่บนมือของตนด้วยความสงสัย

กลุ่มผมสีดำสนิทแสนคุ้นตานอนแนบใบหน้าเข้ากับมือเขา ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังคงหลับสนิทอยู่ ครูซกะพริบตาถี่ๆ เพื่อคิดทบทวนเรื่องราวก่อนลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่ออีกฝ่ายดูปกติดี ไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างที่กังวล เพราะภาพสุดท้ายที่ชายหนุ่มจำได้คือกระบอกปืนนับสิบจ่อยิงมายังคนหน้านิ่ง ตอนนั้นเขาทั้งหวาดกลัวและตึงเครียด แต่สมองกลับรู้สึกมึนเบลอจนไม่อาจฝืนร่างกายให้ประคองสติอยู่ได้ ทุกอย่างดับวูบเหมือนถูกดึงลงไปใต้ก้นทะเลลึกที่ดำมืด ถ้าหากฟื้นขึ้นมาแล้วเขาไม่พบแทนนอนอยู่ข้างกายแบบนี้ เขาคงจะสติแตกไม่น้อย

ใบหน้าของแทนดูอิดโรย ใต้ดวงตาเป็นสีดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด รอยขีดข่วนมีให้เห็นตามแก้มและซอกคอ ทั้งรอยเก่ารอยใหม่แต่ที่ทำให้คนมองใจกระตุกก็คือมือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยคราบเลือดซึ่งไม่ต้องให้ใครบอก ครูซก็รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าตัวทำเอง เพราะมันมีแต่รอยเล็บจิกฝังลึกลงบนผิว ไหนจะรอยฟันที่ขบกัดจนเป็นรูปชัดเจน ระหว่างที่เขาหมดสติไป คนหน้านิ่งต้องทนอยู่ในสภาวะเครียดและกดดันขนาดไหนกัน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกสงสาร ครูซยกมืออีกข้างลูบบนกลุ่มผมนิ่มก่อนไล้ลงลูบใบหน้าอย่างปลอบโยนเมื่อเห็นแทนตัวสั่นผวาเหมือนฝันร้าย ชายหนุ่มนอนมองอีกฝ่ายพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มารู้ตัวอีกทีแสงแดดที่เคยส่องผ่านเข้ามาภายในห้องเริ่มอ่อนแสงลง และลำคอของเขาก็ร้อนผ่าวราวกับทะเลทรายที่ขาดน้ำเช่นกัน

“คะ..ค่อก คุณทะ...แทน” ครูซฝืนตัวเองส่งเสียงปลุกอีกฝ่าย แม้ใจจริงจะยังอยากให้แทนพักผ่อนต่อแต่เขากระหายน้ำมากเกินกว่าจะทนรอได้ เพียงไม่นานแทนก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ปรากฏเข้ามาในสายตาก็คือ รอยยิ้มอบอุ่นจากหนุ่มลูกครึ่งที่เขาเฝ้ารอมาตลอดสองวันเต็ม มือเปื้อนคราบเลือดเอื้อมไปลูบแก้มที่มีรอยช้ำด้วยท่าทางเหมือนกำลังติดอยู่ในภวังค์ ความร้อนที่ส่งผ่านมายังปลายนิ้วมือเป็นเครื่องยืนยันว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้หายไปเหมือนในความฝันที่ตามมาหลอกหลอนทุกครั้งยามเขาเผลอหลับตานอน

“ครูซ ฮึก...ครูซ” แทนพึมพำ น้ำใสที่คลออยู่ในดวงตาไหลหยดลงบนผ้าห่มเป็นวงกว้าง สองมือประคองแก้มครูซไว้แน่นก่อนยกตัวขึ้นไปกดจูบซ้ำๆ ทั่วใบหน้านั่นด้วยความดีใจ ความทรมานความหนักอึ้งที่ติดอยู่ในใจมลายหายไป

“อย่าทิ้งผมไปแบบนี้สิ อึก...อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว” แทนบอกด้วยเสียงสะอื้น ตัวก็สั่นเทาจนคนเจ็บแบบครูซต้องฝืนยืดตัวยกมือโอบกอดปลอบให้คนหน้านิ่งผ่อนคลาย ทั้งคู่ต่างซึมซับสัมผัสอ้อมกอดของกันและกันจนจิตใจสงบลงจึงผละออก แทนเดินไปหยิบน้ำมาเทใส่แก้วเมื่อเห็นครูซเริ่มไอติดต่อกันนานจนหน้าแดง แทนป้อนน้ำให้ครูซดื่มแก้กระหาย ซึ่งชายหนุ่มดื่มหมดอย่างรวดเร็วจนแทนต้องเติมน้ำให้อีกสองแก้วถึงจะพอใจ

“คุณแทนเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” เมื่อคอที่แห้งแล้งเหมือนดังทะเลทรายได้รับน้ำเข้าไปให้ความชุ่มชื่น ครูซก็มีแรงสอบถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

“ไม่” แทนส่ายหน้า ดวงตาสีนิลนั่งจ้องครูซอยู่ตลอดเวลา มองทุกการกระทำไม่ให้คลาดสายตา เพิ่งเคยรู้สึกเหมือนจะขาดใจแบบนี้เป็นครั้งแรก การที่อยู่ใกล้แต่อีกคนกลับไม่สามารถพูดคุยหรือตอบโต้อะไรกลับมาได้ มันเป็นความทรมานที่แสนสาหัสเหลือเกิน ตลอดเวลาทำได้แต่เฝ้ามองเปลือกตาที่ปิดสนิท ร่างกายนิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองนิ่งเกินไปจนบางครั้งเขานึกกลัวว่าครูซจะหมดลมหายใจไปแล้วจริง ๆ จึงคอยจับมือคอยเฝ้ามองไม่ยอมหลับยอมนอน แม้จะเผลอหลับไปแต่ไม่นานก็มักสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสมอด้วยความเป็นกังวล ช่วงเวลาที่ผ่านมาสองวันมันช่างเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึกของเขา

“ขอผมดูมือหน่อยครับ” แทนยื่นมือออกไปให้อย่างว่าง่าย ครูซจับพลิกดูรอยแผลก่อนลูบไล้เบา ๆ

“ทำไมถึงทำให้เป็นแผลอีกแล้วล่ะครับ ทั้งที่ผมตั้งใจดูแลไว้แท้ๆ”

“ขอโทษ...” ใช่ว่าแทนจะชอบที่เป็นแบบนี้แต่เขาห้ามตัวเองไม่ได้ ยิ่งเครียดหรือรู้สึกอึดอัดกับอะไรสักอย่าง ร่างกายก็ขยับไปเองโดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยสักนิด

“ได้นอนบ้างหรือเปล่าครับ” มือเรียวแตะใต้ตาที่หมองคล้ำ สายตาก็คอยสอดส่องไปตามร่างกายอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง แทนไม่ได้พูดหรือตอบอะไรกลับไปเพียงแต่ขยับขึ้นไปนอนบนเตียงกับครูซ วางศีรษะลงบนอกอุ่น ตะแคงกอดรอบเอวสอบไว้แน่น ตั้งแต่แทนฟื้นขึ้นมาจากยาสลบ ชายหนุ่มก็ไม่ได้หลับสนิทอีกเลย เขานั่งเฝ้าครูซอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ทั้งนั้นแม้กระทั่งหมอไวน์หรือพัชชา หากจะเข้ามารักษาก็ต้องใช้คนจำนวนหนึ่งจับแทนมาฉีดยาระงับประสาทไม่อย่างนั้นก็ถูกอาละวาดใส่จนได้เจ็บตัวไปตามๆ กัน ความกลัวความหวาดระแวงยังคงตกตะกอนอยู่ภายในใจของร่างสูงอย่างล้นเปี่ยม

“ครูซ”

“ครับ?”

“คิดถึง” ครูซยกยิ้มแก้มแทบแตกแม้จะเจ็บมุมปากแต่เขาไม่สน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ยินประโยคน่ารักแบบนี้จากปากของแทน หากแต่ดีใจได้ครู่เดียวอีกคนก็ผล็อยหลับลงไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลียโดยที่ยังไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาอยากตอบกลับไปเลยสักนิด

“ผมก็คิดถึงคุณแทน...ฝันดีครับ” ครูซฝังจมูกลงบนขมับแทน มือเรียวกระชับกอดให้ความอบอุ่น ชายหนุ่มนอนจ้องเพดานสีขาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงจะเครียดหรือเหนื่อยขนาดไหนแต่พอได้กอดได้พูดคุยกัน เรื่องราวต่างๆ กลับดูเบาบางขึ้นจนเขานึกแปลกใจ นอกจากคนในครอบครัวก็มีแต่แทนเท่านั้นที่เขารู้สึกเหมือนได้เติมพลังชีวิตเพียงแค่อีกฝ่ายอยู่ข้างกาย ยิ่งคิดก็ยิ่งชัดเจน...เขาคงทั้งรักทั้งหลงคนหน้านิ่งจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วจริงๆ

เมื่อผ่านไปสักพักคนในอ้อมแขนเขาก็หลับลึกด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ครูซเห็นดังนั้นจึงเอื้อมมือไปกดปุ่มเรียกพยาบาลที่อยู่ข้างเตียงทันที

ครืด

ไม่ถึงสิบนาทีเสียงเลื่อนประตูก็ดังขึ้นพร้อมหมอหน้าเด็กที่กอดแฟ้มเล่มหนาเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าอ่อนล้า

“รู้สึกยังไงบ้าง” ไวน์วางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียงด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ดวงตาปรือ

“ปวดตัวครับแต่พอทนได้” ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ แทนก็ขมวดคิ้วขยับแขนอย่างหงุดหงิดเมื่อมีเสียงดังรบกวน ครูซจึงต้องรีบยกมือตบลงบนแผ่นหลังกว้างเบา ๆ เป็นการกล่อมให้อีกฝ่ายหลับอีกครั้ง

“หิวไหม เดี๋ยวให้พยาบาลเอาข้าวเข้ามาให้จะได้กินยาด้วยเลย” เมื่อเห็นแทนหลับสนิท ไวน์ก็หันไปถามคนป่วยที่ถูกยึดเตียงไปกว่าครึ่ง เตียงก็ใช่ว่าจะใหญ่นอนคนเดียวก็เต็มแล้ว แทนยังมีความสามารถยัดตัวเองเข้าไปนอนได้อีกนะ ทั้งๆ ที่ห้องนี้เขาก็เลือกห้อง VIP ที่มีเตียงคนไข้ให้ถึงสองเตียงข้างกัน ไวน์ใช้หางตามองเตียงว่างอีกฝั่งที่สภาพเรียบร้อยเหมือนวันแรกไม่มีผิด

“ไว้รอคุณแทนตื่นก่อนก็ได้ครับ”

“อืม” ไวน์พยักหน้าตอบไปอย่างไม่นึกสนใจนัก ถึงเขาจะเป็นหมอแต่ตอนนี้เขาไม่อยากคิดอะไรแล้วทั้งนั้น เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด จะมานั่งบ่นนั่งว่าบังคับให้กินข้าวก็ไม่มีแรงจะทำ เป็นหมอเถื่อนไร้จรรยาบรรณสักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“เรื่องไปถึงไหนแล้วครับ เกิดอะไรขึ้นตอนผมนอนอยู่บ้าง” ครูซไม่อาจทนความสงสัยได้อีกต่อไป จึงออกปากถามด้วยความอยากรู้ เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนที่ผ่านมา มีทั้งยาเสพติดและคนเสียชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจึงเป็นไปได้ยากหากทางตำรวจจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย แม้ว่าครึ่งหนึ่งของตำรวจจะเป็นพวกที่รับสินบนจากคุณแทนก็ตาม

“ผมอยากรู้จริงๆ” ครูซย้ำออกไปอีกครั้งเมื่อไวน์ไม่มีทีท่าว่าจะอ้าปากพูดอะไรออกมาสักที นอกจากนั่งก้มหน้าลูบผมสีนิลของแทนด้วยสายตาเลื่อนลอยเหมือนสติได้หลุดหายไปแล้ว

“อืม...คุณย่าถูกจับขังคุกแต่ไม่ได้ออกสื่อเพราะคนในตระกูลไม่อยากให้เสียชื่อเสียงเลยปิดข่าวไว้ ลุงทศอยู่ในไอซียูกำลังประคับประคองให้อาการทรงตัว ส่วนบริษัทตอนนี้ให้พ่อผมคุมแทนอยู่” เล่าให้ฟังแบบสรุปเพราะตัวไวน์เองก็ไม่ได้รู้อะไรมาก วันๆ อยู่แต่ในโรงพยาบาลจะรู้ข่าวคราวอะไรก็ต้องโทรไปหาพัชชาไม่ก็พ่ออีกทีซึ่งเขาก็ไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น ถ้าจะให้พูดตามตรงก็คือนอกจากแทนแล้ว ไวน์ไม่คิดจะใส่ใจเรื่องของญาติพี่น้องคนไหนสักเท่าไหร่ เขาไม่ได้ผูกพัน รักใคร่ขนาดนั้นแม้คนนั้นจะขึ้นชื่อว่าย่าก็ตาม

“คุณทศพลเป็นอะไรครับ?” เพราะตอนที่ครูซสลบไป เขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ถูกยิง ลุงทศเอาตัวไปบังกระสุนให้แทน กระสุนเฉียดจุดสำคัญไปเยอะ ตอนแรกหัวใจหยุดเต้นไปแล้วแต่หมอช่วยกันยื้อไว้ได้ อาการตอนนี้เลยห้าสิบห้าสิบ” ที่ไวน์ไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็เพราะต้องคอยเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างห้องฉุกเฉินกับห้องพักฟื้นของแทนและครูซนี่แหละ ตอนนี้จะหกโมงเย็นแล้ว ข้าวสักเม็ดเขายังไม่ได้กินเลยด้วยซ้ำ ทั้งหิวทั้งง่วง ตั้งแต่เกิดมาเขากล้าพูดเลยว่าตลอดสองวันมานี้เป็นสองวันที่เขาทำงานหนักหน่วงมากที่สุดในชีวิต

“รายละเอียดค่อยให้น้าพัชชามาพูดให้ฟังอีกทีแล้วกันนะ ผมไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก” เห็นสภาพของหมอหน้าเด็กแล้ว ครูซก็ไม่อยากพูดรบกวนอะไรอีกจึงคุยกันอีกสองสามประโยคก่อนอีกฝ่ายจะขอตัวกลับ

“เดี๋ยวให้พยาบาลมาตรวจร่างกายให้อีกที ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ขอตัวไปนอนก่อนนะ”

“ครับ ขอบคุณและขอโทษที่รบกวนนะครับ”

“เออ ไม่เป็นไร ช่วยหายไว ๆ แล้วมาดูแทนให้ก็พอ ผมจะขอบคุณมาก แม่งบ้าขึ้นมาแต่ละทีพาชาวบ้านชาวช่องเขาเจ็บตัวกันเป็นแถว” ไวน์บ่นหน้าหงิกไปเรื่อยแต่ก็ยกมือลูบหัวลูบหลังแทนด้วยความห่วงใย ยิ่งเห็นสีหน้าซีดเซียวของร่างสูงความเห็นใจที่แทบไม่เคยมีต่อคุณหญิงรัศมีอยู่แล้วก็หมดสิ้นไปทันที ใครทำอะไรไว้ก็รับผลกรรมของตัวเองไปแล้วกัน เขาคงไม่คิดยื่นมือเข้าไปช่วยแน่นอน

“นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องทำแน่นอนอยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วง” ครูซพูดออกไปตามที่คิด น้ำเสียงหนักแน่นและแววตาลึกซึ้งที่มองเสี้ยวหน้าของแทนทำให้ไวน์ยิ้มออกมาด้วยความอุ่นใจ ในที่สุดคนที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาตลอดชีวิตอย่างแทนก็ได้เจอที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเสียที ครูซคงเป็นคนที่ทำให้พายุบ้าคลั่งในใจของแทนสงบลงได้ในแบบที่ไม่มีใครสามารถทำได้ แม้จะเป็นเขาคนนี้ก็ตาม

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 23

“คุณแทนทานอีกครับ” ครูซพูดขึ้นเมื่อเห็นแทนวางช้อนลงหลังกินข้าวไปไม่ถึงสิบคำ

“จะอ้วก” ตอบกลับไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ชายหนุ่มไม่ได้กินข้าวมาหลายวันบวกกับเครียดสะสมทำให้มีอาการไม่อยากอาหารซ้ำยังพะอืดพะอมหลังกินเข้าไปด้วย

“ผมขออีกห้าคำ” หนุ่มลูกครึ่งขยับตัวไปใกล้แทนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงแล้วหยิบช้อนขึ้นมาตักเต้าหู้แกงจืดไปจ่อปากเป็นการบังคับ ร่างสูงลังเลเล็กน้อยก่อนจำใจอ้าปากรับอาหารที่อีกฝ่ายป้อนให้ครบจำนวนตามที่ขอไว้

พรึบ

“ครับ?” ครูซเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่ออยู่ ๆ แทนก็ขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วแย่งช้อนในมือตนไปถือไว้เอง ร่างสูงไม่ได้พูดหรืออธิบายอะไรนอกจากลงมือตัดเต้าหู้ไข่ให้พอดีคำวางลงบนข้าวก่อนตักขึ้นไปจ่อปากครูซเหมือนที่อีกฝ่ายทำให้เมื่อกี้ไม่มีผิด

“กิน” แทนพูดออกมาเมื่อเห็นครูซอมยิ้มไม่ยอมอ้าปากรับข้าวสักที

“ไม่เป่าก่อนเหรอ” ครูซแกล้งถามเพราะนึกถึงตอนเขาไม่สบายแล้วแทนจับข้าวต้มร้อนๆ กรอกจนปากพอง ตอนนั้นกับตอนนี้แทนช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ทั้งสายตาและการกระทำที่มีต่อเขา

“มันไม่ได้ร้อน” แทนตอบกลับหน้าตายไม่เข้าใจมุกตลกที่ครูซเล่นเลยสักนิด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหลุดหัวเราะออกมาจนตาหยีก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่เสียงทุ้มน่าฟังกับรอยยิ้มสดใสทำให้เขาอดยิ้มตามไม่ได้ มือขาวยกลูบแก้มที่มีรอยช้ำจางๆ ด้วยความเอ็นดู ครูซซึ่งกำลังกลั้นขำอยู่ชะงักลงก่อนอมยิ้มแล้วเอียงหน้าถูไถกับฝ่ามือของแทนเหมือนแมวกำลังคลอเคลียเจ้าของ

“ครูซ...อย่าทำแบบนั้น” ลมหายใจของแทนสะดุดไปชั่วครู่เมื่อเห็นท่าทางของครูซ ความต้องการที่ซ่อนอยู่ภายในใจถูกปลุกขึ้นมาอย่างง่ายดายจนเขานึกกลัวตัวเอง

“ไม่ชอบเหรอครับ?” ร่างโปร่งช้อนตามองแล้วยกยิ้ม ใบหน้าของแทนเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จากการสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้

“ชอบ...” เพราะชอบถึงไม่อยากให้ทำ เพราะชอบเขาเลยกลัวห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่ สภาพครูซในตอนนี้ใช่ว่าจะปกติ ทั้งแผลและรอยช้ำยังปรากฏให้เห็นอยู่ตำตา เขาที่มีอารมณ์รุนแรงคงไม่อาจห้ามความต้องการที่อยากจะฝากรอยใหม่เพิ่มลงไปได้

“ผมก็ชอบ” ครูซตอบกลับแล้วขยับตัวมานั่งดีๆ อ้าปากรอรับข้าวที่แทนถือค้างมานาน เขาแค่แกล้งเล่นเพราะชอบเห็นปฏิกิริยาน่ารัก แต่พอเห็นสีหน้าลำบากใจของอีกฝ่ายก็เลิกทำทันทีเพราะแทนคงเริ่มคิดมากขึ้นเรื่อยๆ

“ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น อย่ากังวลไปเลยครับ” เมื่อกินข้าวคำสุดท้ายหมดครูซก็พูดขึ้นทำลายความเงียบระหว่างเขาสองคน แทนพยักหน้ารับแล้วยื่นน้ำให้ครูซดื่มพร้อมยาที่พยาบาลวางไว้ให้หน้าห้อง ที่ต้องวางไว้หน้าห้องก็เพราะคนหน้านิ่งไม่ยอมให้ใครเข้ามารบกวนพวกเขาข้างในเลยสักคน แม้ยามอยู่กับครูซอีกฝ่ายจะดูปกติดีทุกอย่างแต่ที่จริงแล้วร่างสูงไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้ตื่นตระหนกกับการปรากฏตัวขึ้นของบุคคลอื่นได้เลย เขามักตัวสั่นและอาละวาดราวกับสัตว์ที่ตื่นกลัวกับการถูกรุกล้ำอาณาเขต ความรู้สึกไม่ปลอดภัยและความกลัวว่าครูซจะถูกทำร้ายมันฝังลึกเข้าไปในจิตใจของแทนจนยากที่จะถอนออกมา

หมับ

ครูซคว้าเอวแทนที่กำลังยืนหันหลังเก็บโต๊ะเลื่อนมากอดไว้แน่น ซบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น

“คุณไม่จำเป็นกลัวอะไรอีกแล้ว คุณแทนจะมีผมอยู่ด้วยในทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม” คำพูดหนักแน่นเหมือนการลั่นคำสัญญาทำให้แทนรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในใจ มือขาววางทาบลงบนแขนที่โอบรอบเอวตนไว้เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขานั้นรับรู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูดอยู่

“ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ...อย่าได้กังวลไปเลยครับ” ครูซคลายอ้อมกอดลงแล้วจับพลิกตัวให้แทนหันหน้ามาสบตากับตน “คุณแทนเชื่อผมได้ไหม” ครูซยกมือประกบแก้มขาว ดึงใบหน้าให้ก้มต่ำลงมาแนบหน้าผากชิดกัน สองสายตาจับจ้องราวกับจะมองให้ทะลุเข้าไปในจิตใจของกันและกัน

“อืม” แทนครางตอบรับในลำคอ เขาที่เติบโตมาด้วยตัวคนเดียว เวลาเจ็บปวดหรือเศร้าแค่ไหนก็ไม่เคยมีใครปลอบหรือยืนอยู่เคียงข้าง ไม่เคยมีใครมอบความรู้สึกอบอุ่นใจดังเช่นที่ครูซหยิบยื่นให้เลยสักครั้ง

พัชชาที่คอยช่วยเหลือมาตลอดเพราะรู้สึกผิดที่เป็นส่วนหนึ่งซึ่งทำให้เขาพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้าย

ไวน์กับทรรศพลยอมอยู่ใกล้และคอยดูแลก็เพราะสงสารเขาที่เคยฆ่าตัวตายมานับครั้งไม่ถ้วน

ไม่มีใครสักคนที่อยากที่จะอยู่กับเขาอย่างแท้จริง

“ผมรักคุณแทนมากนะครับ เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าจมปลักอยู่กับเรื่องเลวร้ายในอดีตเลย คุณไม่ต้องกังวลหรือห่วงว่าผมจะทิ้งไปเพียงเพราะเรื่องที่ผ่านมา ผมไม่เคยใส่ใจ...ผมสนใจแค่คุณแทนที่ยืนกอดกับผมอยู่ตรงนี้มากกว่า” น้ำสีใสไหลออกจากดวงตาสีนิลหยดลงบนใบหน้าของครูซเม็ดแล้วเม็ดเล่า แม้มือเรียวจะพยายามเช็ดให้แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลออกมาง่ายๆ

ความกลัวที่สุดของแทนก็คือ...เมื่อครูซรับรู้เรื่องในอดีตแล้วอีกฝ่ายจะขยะแขยงร่างกายเขาเหมือนทีเขานึกรังเกียจตัวเองเสมอ แต่พอได้ยินคำตอบที่ค้างคาอยู่ภายในใจมาตลอดก็ทำให้แทนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นราวกับหมอกควันที่เคยปกคลุมอยู่ทั่วตัวเริ่มจางหายไปแล้ว

จุ๊บ

“หยุดร้องเถอะครับ ผมไม่อยากเห็นน้ำตาคุณ” ริมฝีปากนุ่มกดจูบเบาๆ ลงบนเปลือกตาเพื่อปลอบประโลม

“ฮือ...รักผมจริงๆ ใช่ไหม อึก อยากอยู่ข้างผมจริงๆ เหรอ” เสียงสั่นไหวเอ่ยถามออกไปเพื่อย้ำให้ตัวเองมั่นใจ เรียกรอยยิ้มจากครูซได้อย่างน่าเอ็นดู

“รักสิครับ ผมอยากอยู่กับคุณแทนจริงๆ ไม่อย่างนั้นไม่ทำให้ขนาดนี้หรอก” ครูซพูดติดตลกไม่ให้แทนเครียดมาก ดึงอีกฝ่ายมากอดไว้แน่น ใช้ทั้งแขนและขารัดจนร่างสูงขยับไม่ได้แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะว่าสักนิด เขากลับนึกชอบการกอดรัดเหมือนหมีโคอาล่าของครูซแบบนี้อยู่ไม่น้อย เพราะมันแนบชิดจนไม่มีช่องว่างระหว่างเขาสองคน เหมือนพวกเขากลายเป็นคนคนเดียวกัน

“ครูซ” แทนฝังจมูกลงบนซอกคอหอม สูดดมกลิ่นของอีกฝ่ายเข้าไปเต็มปอด ซึมซับความรู้สึกสุขใจที่ได้โอบกอดกันและกัน ตอกย้ำสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้อยู่กับครูซ ความรู้สึกที่ทั้งชีวิตเขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น 

“ว่าไงครับ”

“รัก...ผมก็รักคุณ”

ทันทีที่แทนพูดจบประโยค ครูซก็นั่งนิ่งอย่างตกตะลึง หัวใจเต้นรัวราวกับว่าจะหลุดออกมาจากอก ความค้างคาใจที่มีมาตลอดว่าร่างสูงรู้สึกอย่างไรกับเขากันแน่ ความรู้สึกที่คิดว่าเห็นเขาเป็นตัวแทนของน้าสาว หรือเปล่า ในตอนนี้กลับหายไปราวกับหัวใจที่เคยมีหินถ่วงให้จมดิ่งถูกปลดปล่อยให้ล่องลอยไปในอากาศ

พอตั้งสติได้ครูซก็เงยหน้าไปกดจูบริมฝีปากอิ่มของอีกฝ่ายทันทีด้วยความสุขใจ แทนชะงักเล็กน้อยก่อนก้มหน้าลงไปกัดปากคืนอย่างดูดดื่ม ดวงตาทั้งสองคนจ้องมองกัน สื่ออารมณ์และความรู้สึกที่มีต่อกันผ่านทางดวงตาและสัมผัสลึกซึ้ง เรียวลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันอย่างโหยหา แทนยกมือสอดเข้าไปในผมครูซปรับเอียงให้ได้องศาอย่างเอาแต่ใจ ดูดดึงปลายลิ้นนิ่มเข้ามากลืนกินในปากตนมากขึ้น

“อื้ม...” ครูซครางออกมาเสียงดังเมื่อถูกฟันคมขบกัดลิ้นจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวสนิมที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งปาก มันช่างเป็นความเจ็บปวดแสนคุ้นเคย...ความเจ็บปวดที่ครูซยินดีที่จะรับไว้ด้วยความเต็มใจ หนุ่มลูกครึ่งยกแขนกอดคอคนตรงหน้าเพื่อพยุงตัวหลังถูกรัวลิ้นใส่แบบสูบเลือดสูบวิญญาณจนแทบหมดแรง ร่างกายที่เสียดสีกันไปมาปลุกสัญชาตญาณดิบในกายของชายหนุ่มทั้งสองให้ร้อนรุ่ม แต่แทนรีบผละปากออกเมื่อเริ่มรับรู้ถึงความต้องการของตัวเองที่เพิ่มมากขึ้นจนเกือบรั้งสติไว้ไม่อยู่

“จุ๊บ!...แฮ่ก ๆ” ครูซจับบ่าอีกฝ่ายไว้แน่น หอบหายใจอย่างรวดเร็วเพื่อเอาอากาศเข้าไปทดแทนส่วนที่ถูกแย่งชิงไป ปากกระจับสีสวยบวมเจ่อล่อหน้าล่อตาจนแทนอดใจไม่ไหวขบกัดไปเต็มแรงด้วยความหมั่นเขี้ยวจนเลือดไหลหยดไปตามคางสวย

“แฮ่ก ๆ จะ..เจ็บ” ครูซเบ้หน้าแลบลิ้นเลียเลือดบนริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นมันไปกระตุ้นความต้องการของแทนขนาดไหน

“หยุดทำท่าแบบนั้นได้แล้ว ผมไม่อยากทำให้คุณเจ็บเพิ่ม” แทนกัดฟันพูด กำเอวครูซแน่นเพื่ออดกลั้นอารมณ์ใคร่ของตัวเองที่ไม่รู้ว่าทำไมพออยู่ใกล้คนตรงหน้าทีไรมันถึงถูกปลุกขึ้นมาง่ายดายเหลือเกิน ทั้งที่ปกติเขาไม่เคยหมกมุ่นกับเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ

“ถ้าคนที่ทำให้เจ็บเป็นคุณแทน ผมยอม” ต่อให้ถูกทำป่าเถื่อนจนเลือดออกเขาก็ไม่เคยโกรธหรือรู้สึกแย่เลยสักนิด มันน่าแปลกที่เขากลับรู้สึกดีกับสิ่งที่แทนทำ เขาหาเหตุผลมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ว่าเพราะอะไรเขาถึงชอบ แต่สิ่งที่เขารับรู้ได้ก็คือ หากไม่ใช่แทน เขาก็ไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายร่างกายตัวเองแบบนี้แน่ๆ

“ครูซ!” ร่างสูงขมวดคิ้วยุ่งเมื่อคำตอบที่ได้รับไม่ใช่คำปฏิเสธเหมือนที่คิดเอาไว้ เขารู้ตัวดีว่าความอดทนของตัวเองต่ำเลยหวังให้ครูซเป็นคนหยุดแต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ห้าม ยังพูดในสิ่งที่ทำให้เขาคลั่งจนแทบอยากฉีกเสื้อคนตรงหน้าออกมาเป็นชิ้นๆ เพื่อสัมผัสผิวกายที่อยู่ภายในแล้วแสดงความเป็นเจ้าของทุกตารางนิ้วให้สมกับความรู้สึกที่ล้นเอ่ออยู่ในอก

“ผมตามใจคุณแทนทุกเรื่องอยู่แล้วนี่ครับ” ครูซยกยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าลังเลใจของแทน เขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง แต่เขาไม่ใช่ผู้หญิงหรือคนที่มีร่างกายอ่อนแออะไร เขาเป็นผู้ชายแข็งแรงคนหนึ่งแค่ถูกคุณแทนกอดไม่มีทางบุบสลายง่ายๆ อยู่แล้ว

“แค่นี้ก็พอ” แทนชั่งใจไปชั่วครู่ก่อนใช้นิ้วจิ้มลงบนริมฝีปากนิ่ม เกลี่ยเบาๆ ตรงรอยฟันที่ตนเป็นคนกัดไว้ เขาต้องการครูซนั่นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่เขาเองก็ไม่อยากสร้างความเจ็บปวดเพิ่มให้แก่ร่างกายที่บอบช้ำ

“อืม~” นิ้วชี้ของแทนถูกดูดเข้าไปในโพรงปากอุ่นตอนเผลอจ้องตากับครูซ ลิ้นนุ่มชื้นโลมเลียตั้งแต่โคนจรดปลายจนเปียกชุ่มไปหมด แทนกัดปากแน่นมองภาพตรงหน้าที่ทำให้เขารู้สึกวูบวาบในท้องน้อย

ยั่ว เขาเพิ่งรู้ว่าผู้ชายก็สามารถทำได้ หลังเห็นครูซยกยิ้มทั้งที่นิ้วของเขาคาอยู่ในปาก ตอนนี้คนหน้านิ่งชักไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าอยากได้แค่ปากจริงๆ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมหยุดยั่วเขาแบบนี้สักที

“ฮึ่ม!” แทนสบถในลำคอเสียงดังก่อนผลักร่างโปร่งให้ล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมโดยที่ใบหน้าอยู่ช่องอกของอีกฝ่าย มือขาวกระชากเสื้อคนไข้ออกอย่างแรงจนกระดุมเม็ดสีขาวหลุดกลิ้งไปคนละทิ้งคนละทาง แผ่นอกที่มีรอยฟกช้ำสร้างความหงุดหงิดใจให้แทนอยู่ไม่น้อย เพราะรอยพวกนี้มันเกิดขึ้นจากน้ำมือคนอื่นที่ไม่ใช่เขา

“โอ๊ย!” ครูซหน้าเหยเกเมื่อถูกคมเล็บของอีกฝ่ายจิกซ้ำลงไปบนรอยแผล ความรู้สึกเจ็บชาแล่นไปทั่วร่างกาย ปลุกให้ความปรารถนาในส่วนลึกตื่นขึ้นมา 

“คุณผิดเองนะที่ไม่ห้ามผม” แทนกระซิบบอกชิดริมฝีปากครูซก่อนกดจูบทาบทับลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า ลมหายใจร้อนที่รดรินเหมือนเครื่องมอมเมาทำให้ครูซติดอยู่ในห้วงอารมณ์ ลุ่มหลงจนไม่อาจปฏิเสธหรือขัดขืนคนตรงหน้าได้เลย ทำได้เพียงคล้อยตามแรงชักจูงของอีกฝ่าย พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ไม่เหลือเสื้อผ้าปกคลุมร่างกายอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว

ขวับ

“อือ~ คุณแทน” ครูซจับมือแทนไว้แน่นเมื่ออีกฝ่ายคว้าแกนกลางของเขาบีบเคล้นส่วนปลายอย่างแรงจนรู้สึกปวดหนึบไปหมด ร่างกายบิดเร่าไปมาเพื่อบรรเทาอาการเสียวสะท้าน มือเรียวกำปลอกหมอนไว้แน่นจนซีดขาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองทุกการกระทำของแทนด้วยตื่นเต้น

เพี๊ยะ

แทนตีก้นครูซอย่างนึกหมั่นเขี้ยวจนก้อนนิ่มขาวนวลทั้งสองข้างขึ้นเป็นรอยมือสีชมพูชัดเจน ดวงตาสีนิลจ้องมองจนพอใจแล้วเลื่อนตัวขึ้นไปขบกัดดูดดึงตั้งแต่ซอกคอหอมจนมาถึงหน้าท้องที่ขึ้นเป็นลอนสวย

 “อื้ม! คะ...คุณแทนล็อกประตูหรือยังครับ” ครูซนึกขึ้นได้ก็ร้องถามแทนขึ้นทันที แต่นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว ยอดอกสีสดยังถูกนิ้วขาวบีบเคล้นเล่นจนครูซต้องหลับตากัดปากแน่นเพื่อบรรเทาความรู้สึกเสียววูบวาบที่แล่นไปตามแนวสันหลัง

“คุณแทน อะ...ล็อกประตูก่อน” ครูซยกมือยันไหล่กว้างให้ถอยห่างจากตนแล้วพูดย้ำอีกครั้งให้แทนได้สติ เพราะหากมีใครเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพพวกเขาตอนนี้มันคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่

“กลัว?” แทนหยุดยุ่มย่ามกับร่างกายของครูซ เท้าแขนพยุงตัวไว้ไม่ให้ทิ้งน้ำหนักลงไปที่คนด้านล่างมากนัก

“ครับ” ครูซตอบรับอย่างง่าย เขาไม่มีเหตุจำเป็นอะไรต้องโกหกความรู้สึกที่แท้จริงกับคนตรงหน้า เขากลัวจริงๆ แต่ไม่ใช่กลัวเพราะอายแต่เขากลัวเรื่องภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายต่างหาก คนเป็นนักธุรกิจไม่ควรมีข่าวลือหรือเรื่องเล่าที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และดูเหมือนแทนจะเข้าใจถึงได้ผละตัวออกจากเขาแล้วไปยืนข้างเตียงดีๆ

“ถ้างั้นก็ไปยืนเฝ้า” ครูซขมวดคิ้วงง ไม่ทันได้ถามอะไร ร่างสูงก็กระชากแขนให้ชายหนุ่มลุกตามแล้วดันให้แผ่นหลังเปลือยเปล่าชิดกับประตูสีครีมสะอาด

“ทำอะไรครับ” ครูซถามอย่างตกใจเมื่อแทนถอดเสื้อถอดกางเกงออกทั้ง ๆ ที่ยืนติดประตู

“กลัวไม่ใช่เหรอ...ก็พามายืนเฝ้าแล้วไง”

“ผมไม่ได้หมายความว่า...อ๊ะ!” ครูซครางออกมาหลังแกนกลางที่ขยายตัวเต็มที่ถูกแทนชักรูดอย่างรวดเร็ว ความตั้งใจที่จะต่อต้านเริ่มจางหายไป ร่างกายสั่นไหวตามการล่อลวงของอุ้งมือและริมฝีปากอุ่น ครูซเอนแผ่นหลังชิดประตูอย่างหมดเรี่ยวแรงโดยมีแทนบดเบียดร่างกายเข้ามาใกล้ ใช้เข่ากั้นระหว่างขาเพื่อช่วยพยุงตัวอีกฝ่ายไว้อีกที เสียงจูบเสียงขยับท่อนเนื้อดังไปทั่วห้อง ภายในหัวครูซขาวโพลนไปหมดเมื่ออารมณ์ใกล้มาถึงจุดแตกหัก ความต้องการพลุ่งพล่านไปรวมกันอยู่ตรงจุดจุดเดียวแต่ระหว่างที่ชายหนุ่มจะได้ปลดปล่อย ร่างสูงกลับชะงักมือลงเสียดื้อๆ

“คะ คุณแทน ผมอึดอัด อ้า..” ครูซร้องเรียกด้วยหน้าแดงก่ำ เหงื่อไหลไปตามโครงหน้าจากแรงอารมณ์ เสียงหอบหายใจรุนแรงกับอกขาวที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเป็นภาพที่ทำเอาแทนยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ

“อยากปล่อยไหม” ครูซพยักหน้ารับทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดเลยด้วยซ้ำ

“งั้นหลับตาแล้วส่งมือมา” แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่แทนกำลังทำอยู่แต่ครูซก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างเชื่อฟัง ผ่านไปไม่นานตาของร่างโปร่งก็ถูกพันด้วยผ้า ในครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงความมืดมิดก็ทำให้ใจของครูซเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น ข้อมือทั้งสองข้างถูกพันด้วยเชือกนิ่มจนขยับไม่ได้ หากเป็นเมื่อก่อนครูซคงโวยวายและต่อต้านแต่ตอนนี้เขาเข้าใจในรสนิยมการเสพสมของแทนมากขึ้นถึงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาทำร้ายแค่เพียงอยากควบคุมเกมรักทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

“คุณแทนครับ” ครูซมองไม่เห็น ขยับมือไม่ได้ ความรู้สึกทั้งอึดอัดใจระคนตื่นเต้นทำให้ชายหนุ่มสับสนจนต้องร้องเรียก ครูซไม่ได้ยินการขานรับจากแทนแต่สัมผัสเปียกชื้นที่ริมฝีปากกับความร้อนที่ลูบไล้ไปตามขาอ่อนทำให้เขารับรู้ได้ว่าอีกคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้า นิ้วขาวกดลงบนปลายแกนกลางก่อนลากผ่านไปยังโคนวกต่ำลงไปที่ลูบบอลแฝดเขี่ยไปมาอย่างหยอกล้อแล้วลากไปหยุดที่ช่องทางหลังซึ่งปิดสนิทอยู่ นิ้วชี้วนรอบปากทางเข้าย้ำๆ อย่างเชื่องช้า ทำเอาครูซสั่นสะท้านไปทั้งตัว ลมหายใจกระตุกทุกครั้งเมื่อแทนแกล้งแหย่นิ้วเข้าไป ความรุ่มร้อนแผดเผาจนครูซต้องร้องครางออกมาสุดเสียงโดยลืมความต้องการในตอนแรกที่ตั้งใจจะกั้น​เสียงครางเอาไว้เพราะกลัวคนข้างนอกได้ยินเข้า

“อ๊ะ อ้า...ขอผมปล่อย...อือ...เถอะครับ” ครูซร้องขอด้วยเสียงขาดช่วง น้ำตาไหลซึมออกมาจนผ้าปิดตาเปียกเป็นวง มือที่ถูกมัดไว้ยกขึ้นคล้องคอแทนทันทีเมื่ออีกฝ่ายก้มมาหอมแก้มใสฟอดใหญ่

“คุณเริ่มก่อนนะครูซ” แทนหัวเราะเสียงเย็นข้างหู มองคนขี้แกล้งที่ตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอด

“อื้ม~ ผมขอโทษ” ครูซเริ่มสติแตกกระเจิงเมื่อนิ้วร้อนกดแทรกเข้าไปในช่องทางช้าๆ ปากอิ่มจูบขมับเขาอย่างนุ่มนวลซึ่งมันแตกต่างจากปกติที่แทนชอบทำ ความรู้สึกมันต่างกัน เขาไม่ชอบอีกฝ่ายที่ทำทุกอย่างอ่อนโยนและเชื่องช้าแบบนี้ มันเหมือนร่างสูงกำลังฝืนทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง และเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิดที่ถูกทะนุถนอมราวกับเป็นผู้หญิง

“อึก...คุณแทนครับ” ครูซสะบัดหน้าหนีรสจูบอ่อนหวานที่ไม่คุ้นชินจากแทน ซึ่งปกติถ้าทำแบบนี้คนหน้านิ่งคงได้กระชากผมบังคับให้เขาหันกลับไปจูบต่ออย่างแน่นอน ไม่ใช่ยกมือลูบแก้มปลอบประโลม เขาต้องการแทนคนเดิมกลับมา

ในความจริงแล้วเขาคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ใช่แค่แทนที่ชอบสร้างความเจ็บปวดให้แก่เขาเพียงฝ่ายเดียวแต่เป็นเขาเองด้วยที่ชอบได้รับการทรมานแสนสุขสมจากอีกฝ่ายอย่างเต็มใจ เพราะฉะนั้น...

 “คุณแทน...ได้โปรดช่วยรุนแรงกับผมด้วยเถอะครับ”

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 24

แทนกระตุกยิ้มมุมปากตาเป็นประกายกับคำร้องขอของครูซ

“ยอมทุกอย่างเลยหรือเปล่า”

“ครับ...อื้ม!” ทันทีที่พูดจบนิ้วขาวก็สอดเข้าไปในช่องทางจนสุดโคนนิ้ว ครูซกัดปากตัวเองแน่น ชายหนุ่มทั้งรู้สึกเจ็บและรู้สึกดีไปพร้อมกัน เมื่อแรงบีบรัดในโพรงอุ่นเริ่มลดลงแทนก็แทรกนิ้วที่สองตามเข้าไปทันที แรงกระแทกเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งยามที่นิ้วยาวกดโดนจุดกระสันยิ่งทำให้เขาแทบยืนไม่อยู่จนต้องทิ้งตัวใส่อีกฝ่ายให้ช่วยพยุงไว้ แม้ประสาทการรับรู้ทางภาพจะถูกตัดออกไปด้วยผ้าผูกตา แต่การรับรู้ด้วยเสียงกลับชัดเจนมากขึ้น ทั้งเสียงหอบหายใจปนเสียงครางของตัวเองและเสียงกระแทกนิ้วเข้ามาในช่องทาง ทุกอย่างกระตุ้นให้เขาตื่นตัวมากกว่าครั้งไหน ความต้องการเกาะกุมจิตใจจนไม่อยากรับรู้อะไรนอกจากสัมผัสของคนตรงหน้าอีกแล้ว

“คะ คุณแทน แฮ่ก...ผมอยากเสร็จ อือ...” ครูซซบใบหน้าเข้ากับซอกคอแทน ร้องขอด้วยใบหน้าแดงก่ำ ลมหายใจหอบระรัว แกนกลางขยายใหญ่ใกล้ปลดปล่อยเต็มทน หากแต่แทนใช้นิ้วปิดกั้นเอาไว้ทำให้ชายหนุ่มทรมานจนต้องจิกไหล่อีกฝ่ายเพื่อระบายอารมณ์

“ไม่” แทนตอบกลับไปคำเดียวแล้วใช้จมูกโด่งไซร้ไปทั่วคอหอมหามุมที่พอใจก่อนอ้าปากกัดลงไปเต็มแรง ครูซเกร็งลำคอพยายามเอียงหน้าหนีแต่ก็ถูกแทนบดเบียดเข้ามาชิดแล้วใช้ฟันคมกัดจนจมเขี้ยว ร่างโปร่งครางออกมาเมื่อรู้สึกแสบรอยแผลที่อีกฝ่ายกำลังใช้ลิ้นอุ่นดุนดันลิ้มรสชาติของกลิ่นคาวเลือด

เมื่อกัดจนสาแก่ใจแทนก็ผละออก ยื่นหน้าไปจูบครูซโดยบ้วนเลือดเข้าไปในโพรงปากนุ่ม กระชากลิ้นจูบอย่างป่าเถื่อน หนุ่มลูกครึ่งน้ำตาไหลไม่หยุดเมื่อความเสียวกระสันแล่นผ่านไปทั่วร่างกาย เขาต้องการปลดปล่อยจนแทบบ้าแต่ก็ถูกร่างสูงขัดขวางไว้ ถ้าหากรู้ว่าการแกล้งยั่วแทนแล้วต้องถูกลงโทษให้ทรมานขนาดนี้เขาจะไม่มีทางทำมันแน่นอน

“อ้าขาออก” แทนถอนจูบแล้วออกคำสั่งทันที ครูซทำตามอย่างว่าง่าย บั้นท้ายเนียนถูกจับแหวกออกโดยมีขาของแทนบังคับให้แหวกเพิ่มอีกที ความร้อนที่ถูกจ่ออยู่ตรงช่องทางด้านหลังทำให้ครูซใจเต้นระรัว แม้จะถูกอีกฝ่ายใส่เข้ามาหลายครั้งแต่เขากลับไม่เคยคุ้นชินกับมันเลยสักนิด เขายังจำได้ดีถึงความเจ็บปวดที่ต้องทนรับท่อนเนื้อแข็งของอีกฝ่ายเข้ามาภายในกาย แต่อีกใจหนึ่งเขากลับชอบที่เป็นหนึ่งเดียวกับแทน ยามที่อีกฝ่ายฝังตัวเข้ามา เขารู้สึกถูกเติมเต็มอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกดีที่ยากเกินจะอธิบาย

สวบ

“อึก!” ครูซกัดปากแน่น ลมหายใจสะดุดขาดช่วงเมื่อช่องทางถูกอัดแน่นไปด้วยตัวตนของแทน ร่างสูงกระแทกตัวเข้ามาจนสุดไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวเลยสักนิด

“ครูซ...อ๊า ครูซ...” เสียงแหบกระซิบเรียกชื่อข้างหูครูซครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับจะย้ำซ้ำๆ ให้เขารับรู้ว่าใครคือคนที่อยู่ตรงหน้าเขากันแน่ ใครที่มีสิทธิ์ในตัวเขาอย่างสมบูรณ์แบบ

“อื้ม...ช้าหน่อยครับ...อ้า...ผมจุก อื้อ!” ครูซตัวสั่นสะท้านตามจังหวะสอดใส่ของแทนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอีกฝ่ายกำลังเอาคืนให้สาสมกับคำพูดเร้าอารมณ์ก่อนหน้านี้ ยิ่งแทนได้เห็นสีหน้าทรมานกับเสียงครางทุ้มนุ่มยิ่งขยับเอวกระแทกเข้าไปลึกมากกว่าเดิม เน้นย้ำทุกการสอดใส่จนครูซเกือบทรุดไปกองกับพื้นหากไม่มีมือขาวคอยกอดพยุงไว้

“คุกเข่า” แทนถอดแท่นเนื้อออกจากช่องทางสีชมพูอย่างนึกเสียดาย แต่เพราะรู้ว่าครูซไม่อาจยืนรับความดุดันจากเขาได้อีกจึงรั้งตัวให้อีกฝ่ายนั่งคุกเข่าหันหลังให้ ร่างสูงขยับเข้าไปนั่งคุกเข่าซ้อนทับด้านหลัง จับสองมือของครูซที่ถูกมัดดันประตูไว้แล้วสอดใส่เข้าไปอีกครั้ง แรงบีบรัดภายในแน่นมากจนแทนคำรามออกมาด้วยความสุขสม มือขาวจับสะโพกเนียนขยับตอบรับจังหวะการกระแทกจากตน ท่านี้ทำให้แกนกลางของแทนเข้าไปลึกกว่าเดิม ท่อนเอ็นร้อนเสียดสีเนื้อนุ่มภายในจนตัวครูซอ่อนปวกเปียกราวกับขี้ผึ้งถูกไฟลน สมองมึนงงไม่สามารถประมวลผลอะไรได้เลย นอกจากต้องการอีกฝ่ายมากขึ้น

“ครูซ...อ้า รู้อะไรไหม ห้องนี้ไม่มีกลอนล็อกประตูหรอกนะ” แทนพูดแกล้งครูซเมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นลูกบิดประตูอยู่ในระดับสายตาพอดี

“อืม...อา...ผมขอโทษ” ครูซร้องบอกเพราะหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจและลุกไปทำในห้องน้ำดีๆ แต่ดูเหมือนนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ท่าทางลำบากใจของเขายังสร้างความพึงพอใจให้แก่อีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

“หึ ช้าไปแล้ว” แทนหัวเราะในลำคอแล้วแกล้งหยุดขยับท่อนเอ็นร้อน ก้มมองช่องทางหลังที่ตอดรัดแน่นเป็นจังหวะตุบ ๆ ร่างกายของครูซร้องเรียกหาเขาไม่หยุด เขาชอบช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่เขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งกับครูซ ภายในตัวครูซมันช่างอบอุ่นจนเขาอย่างจะฝังตัวเข้าไปลึก ๆ หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของอีกฝ่ายตลอดไป อยากมีแต่ครูซ มีแค่เขาสองคน

“คุณแทนครับ...อึก ผมอึดอัด” เสียงหอบหายใจกับสะโพกกลมที่บดเบียดเข้ากับแกนกลางของแทนเป็นสิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ดิบถูกโหมกระหน่ำมากขึ้น ร่างสูงเริ่มขยับใหม่อีกครั้ง กระแทกเข้าสุดและชักออกสุดด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนครูซที่พยายามกลั้นเสียงครางต้องกัดข้อมือตัวเองจนเลือดซิบ

“ร่างกายคุณผมกัดได้คนเดียว” แทนจับคางครูซให้เอี้ยวคอมาข้างหลังแล้วประกบจูบด้วยความโหยหา ลิ้นนุ่มสอดเข้าไปชิมเลือดภายในโพรงปากของอีกฝ่ายราวกับดื่มกินน้ำหวานแสนอร่อย การจูบแสนตะกละตะกลามทำเอาน้ำสีใสไหลเยิ้มไปตามคางสวยจนเปียกชุ่มไปหมด

จุ๊บ จ๊วบ!

เสียงจูบผสมเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง ร่างของสองชายหนุ่มเปียกโซมไปด้วยเหงื่อทั้ง ที่เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างมีประสิทธิภาพตามปกติ แต่ความร้อนระอุภายในกายกลับไม่สามารถดับลงไปได้เลยหากไม่ได้แผดเผาซึ่งกันและกันจนมอดวาย

“มะ..ไม่ไหว..ฮึก! ผมจะเสร็จ...อ้า” ตาครูซพร่ามัวไปหมด ร่างกายกระตุกเกร็งราวกับถูกไฟฟ้าช็อต

“อืม...พร้อมกัน” แทนเร่งจังหวะบดสะโพกตอกกระแทกกระทั้นเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มเร็วระรัว มือขาวเลื่อนจากสะโพกกลมลงไปชักรูดท่อนเอ็นของครูซซึ่งร้อนราวกับใกล้จะระเบิดออกมาเต็มที

“ฮึก..อะ อ้า!! // อื้ม!!” ครูซปลดปล่อยออกมาเต็มมือหนาพร้อมกับที่แทนหลั่งน้ำคาวขุ่นเข้าไปเติมเต็มภายในช่องทางนุ่ม ซึ่งมันมากมายซะจนไหลทะลักออกมาตามง่ามขาเนียนแม้จะยังมีท่อนเนื้อแช่ค้างอยู่ภายในตัวก็ตาม

ครูซหายใจเหนื่อยหอบทรุดตัวไปนอนที่พื้นอย่างหมดแรง แทนที่ประคองเอวอีกฝ่ายอยู่ก็ทิ้งตัวนอนทับลงไปด้วยโดยไม่ยอมเอาแกนกลางที่ฝังอยู่ภายในช่องทางออก ร่างโปร่งอึดอัดแต่ก็ไม่ได้พูดห้าม เขาเพียงนอนนิ่งให้คนหน้านิ่งพรมจูบไปทั่วแผ่นหลัง

“แก้มัดให้ผม” เมื่อพักจนหายเหนื่อย ครูซก็ร้องขอแทนทันทีเพราะเขารู้สึกชาจนแทบขยับข้อมือไม่ได้อยู่แล้ว แม้ผ้าที่ใช้จะนุ่มแต่หากมัดไปเป็นเวลานานมันก็ไม่ต่างอะไรกับเชือกดีๆ นี่เอง

“เจ็บไหม” แทนขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนฉุดตัวครูซให้นั่งลงบนตักตน รีบแก้มัดผ้าที่ข้อมือออกให้อย่างรวดเร็ว

“ผมเจ็บข้างหลังมากกว่า” ครูซพึมพำตอบกลับไป แล้วแก้มัดผ้าที่ปิดตาออกด้วยตัวเอง แสงสว่างจากหลอดไฟทำให้เขาต้องหรี่ตาลงด้วยความไม่คุ้นแสงก่อนกะพริบตาถี่ๆ แล้วหันไปมองแทนที่จ้องเขานิ่งเหมือนกำลังคิดไม่ตกกับเรื่องบางอย่างอยู่ มือขาวก็เคล้าคลึงเอวเขาเล่นไม่ยอมปล่อย

“เป็นอะไรครับ” ครูซอดจะถามออกไปไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดของแทน เหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่ยอมพูดสักที ลังเลใจไม่สมกับเป็นแทนสักเท่าไหร่

“อยู่กับผม”

“ผมก็อยู่กับคุณแทนนี่ไงครับ” ครูซเลิกคิ้วด้วยความสงสัยกับคำพูดกำกวมของแทน

“ไม่...ไม่ใช่แบบนั้น” แทนก้มหน้าพูดเสียงแผ่วเบาเหมือนคุยกับตัวเอง ครูซไม่ได้เร่งรัดซักไซ้ถามอะไรต่อนอกจากนั่งลูบหลังกว้างให้ผ่อนคลาย จนผ่านไปสักพักอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง 

“ผมหมายถึงให้คุณย้ายมาอยู่ด้วยกัน...มาอยู่กับผมตลอดไปเลยได้ไหม” ประโยคที่หลุดออกมาจากปากแทนคล้ายคำอ้อนขอที่ทำให้ครูซใจสั่น ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวด้วยความดีใจแต่เพราะเขาอยากรู้อะไรบางอย่างให้แน่ชัดจึงทำแข็งใจไม่ตกปากรับคำไปเสียก่อน

“คุณแทนไม่ชอบให้คนอื่นอยู่ในคอนโดไม่ใช่เหรอครับ”

“คุณไม่ใช่คนอื่น!” แทนบีบเอวสอบของครูซเต็มแรงด้วยสีหน้าไม่พอใจ แม้จะรู้สึกเจ็บไม่น้อยแต่หนุ่มลูกครึ่งไม่ได้ใส่ใจนักเพราะเขาพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้กับคำพูดแสนน่ารัก

“แล้วผมเป็นอะไรสำหรับคุณแทนล่ะครับ” นี่คือสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุด

“ไม่รู้...รู้แค่ว่ารัก อยากอยู่ด้วย ไม่เจอหน้าก็คิดถึง ใครใกล้คุณผมก็ไม่ชอบ คุณ...คุณสำคัญกับชีวิตผม” ทุกอย่างของครูซมันกระตุ้นให้เขาอยากครอบครอง ทั้งร่างกาย จิตใจ หรือแม้แต่เศษเสี้ยววิญญาณ เขาก็อยากได้มาเป็นของตัวเอง

“ครูซ...”

“ครับ~” ครูซที่เพิ่งหายอึ้ง ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อสองวันก่อนถูกบอกว่าคิดถึงเขาก็ดีใจจนแทบบ้า มาวันนี้ถูกบอกรักบอกความในใจจนหมดเกลี้ยง เขารู้สึกดีจนเหมือนตัวจะลอยได้ แทนน่ารัก ยิ่งยามที่อีกฝ่ายเขินจนใบหน้าแดงก่ำลามไปยันหูแบบนี้ เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริงๆ

“อยู่ด้วยกันได้ไหม” แทนถามย้ำอีกครั้งเมื่อไม่ได้รับคำตอบเสียที ร่างสูงเม้มปากแล้วเม้มปากอีกรอลุ้นคำตอบจากคนบนตักที่นั่งยิ้มกว้าง

“ผม...อยากอยู่กับคุณแทนครับ” ครูซไม่มีทางปฏิเสธได้อยู่แล้ว คนอย่างเขาแพ้ทางลูกอ้อนของแทนเสมอ แพ้ทุกอย่างจริงๆ แต่เป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกที่เขาไม่คิดเสียใจหรือเสียดายสักนิดเพราะสิ่งที่ได้กลับมาไม่ใช่ความภาคภูมิใจเหมือนทุกครั้งเช่นยามแข่งกีฬา แข่งเรียน หรือแข่งทำงาน แต่เป็นความรู้สึกดีที่ต่อให้มีคนมากมายหยิบยื่นให้ก็ไม่มีใครเหมือนแทนสักคน คนที่ทำให้เขารักและทุ่มเทให้ขนาดนี้ คนที่อยู่ข้างกันเฉยๆ เขาก็สุขใจ อาการแบบนี้คนทั่วไปคงเรียกว่า...

“ผมคิดว่าผมคงหลงคุณแทนจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว”

“นั่นก็ดีแล้วนี่” แทนยกยิ้มมุมปากกดจูบไหล่เนียนอย่างนึกหมั่นเขี้ยว

.

.

.

.

ในขณะเดียวกัน

“ไวน์ ลุงทศเป็นไงบ้าง” ทรรศพลที่เพิ่งเลิกจากการประชุมบริษัทถามขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย

“ดีขึ้นแล้วแต่ยังไม่ฟื้น คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก” ไวน์ยกมือไหว้พ่อตนก่อนลุกขึ้นมาเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่กระจัดกระจายอยู่เต็มห้องพักส่วนตัวในโรงพยาบาล ช่วงหลังมาไม่ค่อยมีเวลาว่างเก็บ พอเข้ามาทีไรก็ได้แต่โยนของเอาไว้ตามมุมต่าง ๆ สภาพจึงรกอย่างที่เห็น

“แทนล่ะ” ทรรศพลนั่งลงบนโซฟาหลังไวน์หอบหนังสือและตำราแพทย์ออกไปกองไว้อีกด้านหนึ่งให้

“เหมือนเดิม เข้าใกล้ใครไม่ได้เลยนอกจากครูซ” ไวน์ทำหน้าปลงตก

“คงไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้องธรรมดาสินะ” ถึงเขาจะมีอายุแล้วแต่ไม่ได้หัวโบราณคิดอคติกับรักร่วมเพศแต่อย่างใด เพราะลูกชายคนเดียวของเขาก็มีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนกัน แม้ตอนแรกมันค่อนข้างจะลำบากใจเล็กน้อยแต่เมื่อลองเปิดใจดูแล้ว ความรักของคนพวกนี้ก็ไม่ได้ต่างจากคู่ชายหญิงทั่วไปเลยสักนิด

“อืม...ถ้าเล่าไปพ่อต้องตกใจแน่ ๆ” ไวน์ถือแก้วกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จยื่นให้พ่อแล้วนั่งลงข้างกัน

“ไหนเล่าสิ” ทรรศพลจิบกาแฟยี่ห้อโปรด ยิ้มอารมณ์ดีเมื่อจะได้ฟังเรื่องราวน่าสนใจของหลานชาย เขาทำงานหนักมาตลอดสองอาทิตย์การได้มานั่งพูดคุยกับลูกชายดูจะเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายที่สุดในช่วงเวลาวุ่นวายเช่นนี้

“แทนเปลี่ยนไปเยอะเลยพ่อ ทั้งนิสัยและชีวิตประจำวัน อย่างแรกเลยนะ มันยอมให้ครูซโดนตัวโดยไม่ว่าอะไรสักคำ เรื่องอาหารก็เหมือนกัน ปกติเคยยอมกินข้าวนอกบ้านฝีมือคนอื่นที่ไหน ต้องร่อนไปร่อนมาระหว่างบริษัทกับคอนโดเพื่อทำกับข้าวกินเอง เดี๋ยวนี้เห็นใครเอาไรมาให้ก็กินได้หมดถ้าครูซป้อนหรือไม่ก็ส่งให้มันกับมือ เห็นแล้วโคตรทึ่งเลย” ไวน์เล่าต่อไปเรื่อยๆ เหมือนอัดอั้นตันใจกับอะไรสักอย่างแล้วมีคนให้ระบายจึงพูดไม่ยอมหยุด จนหมดเรื่องที่จะเล่าถึงยอมหยุดปากลง

“หึ พ่อนี่ดูคนไม่ผิดจริงๆ ตอนเห็นหน้าครั้งแรกก็รู้สึกเลยว่าแทนมันต้องแพ้ทางคนแบบนี้” ทรรศพลหัวเราะชอบใจกับเรื่องเล่าจากลูกชาย ครูซแม้ภายนอกจะดูเป็นคนอัธยาศัยดี เป็นพวกอ่อนโยนแต่คนประเภทนี่แหละที่ชอบบงการชีวิตคนอื่น ทำตัวเหมือนจะคอยตามใจแต่ความจริงแล้วคนรอบข้างกำลังทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการอยู่ต่างหาก ที่ทรรศพลดูขาดก็เพราะเคยเจอมาเยอะในสังคมคนทำงาน ชั้นเชิงและจิตวิทยาเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในคนทำธุรกิจขนาดใหญ่ การเรียนรู้ที่จะมองคนจึงจำเป็นอย่างมาก

“แล้วคุณย่าละพ่อ” ไวน์ถามขึ้นเมื่อทรรศพลไม่ยอมพูดถึงเลยสักนิดหลังคุยเรื่องสัพเพเหระจบ

“เฮ้อ...อาละวาดจะมาหาลุงทศทุกวัน ไม่ยอมกินข้าวกินปลาจนตัวผอมเห็นหนังหุ้มกระดูกแล้ว พ่อพยายามหาทางช่วยอยู่” ทรรศพลเงียบไปสักครู่ก่อนยอมเล่าออกมา ที่เขาไม่อยากคุยเรื่องนี้กับไวน์เพราะมันไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ แม้สิ่งที่คุณหญิงรัศมีทำมันจะเลวร้ายแต่เขาก็เป็นลูกชายของเธอ จะทำเป็นไม่สนใจปล่อยให้คนเป็นแม่ที่อายุมากแล้วต้องติดคุกโดยไม่ได้ช่วยอะไรเลย เขาคงยอมไม่ได้ ถึงเขาจะรักแทนเหมือนลูกคนหนึ่งก็จริงแต่เขาก็รักแม่ตัวเองด้วยเช่นกัน มันจึงเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับทรรศพลมากที่ต้องทำทุกอย่างให้ออกมาดีโดยไม่เอนเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่ง แต่หากมันสุดความสามารถแล้วจริงๆ เขาคงต้องปล่อย

“เหนื่อยมากไหม” ไวน์เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของพ่อก็ถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ปกติพ่อเขามักยิ้มแย้มเฮฮาเสมอแต่ตอนนี้แม้จะมีรอยยิ้มให้เห็นอยู่บ้างแต่มันก็น้อยนิดเหลือเกิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำร้ายทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทำลายทุกความสุข พรากรอยยิ้มไปจากคนที่เขารัก เขาทำใจให้รู้สึกสงสารคนเป็นย่าไม่ได้จริงๆ

“ยังไหวอยู่ไอ้ลูกชาย” มือใหญ่ลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู ใบหน้าอ่อนเยาว์แบบนี้ทำให้เขารู้สึกว่าไวน์ไม่โตขึ้นสักที นิสัยก็เหมือนเด็ก ทรรศพลจึงทั้งหวงทั้งห่วงแม้ไวน์จะโตจนทำงานแล้วก็ตาม

“สู้ๆ นะ ไม่ไหวก็หนีบไอ้เภาไปช่วยงานได้ ช่วงนี้มันว่าง” ไวน์ทิ้งตัวลงนอนลงตักพ่อ ซึ่งเป็นท่าประจำเวลาสองพ่อลูกคุยเล่นกัน

“แกนี่กะจะใช้งานลูกเขยพ่อให้ตายเลยหรือไงกัน” ทรรศพลหัวเราะชอบใจกับคำพูดของลูกชาย

“เฮอะ! มันว่างแล้วเคยมาหาไวน์ไหมล่ะ” ไวน์ทำเสียงขึ้นจมูกเมื่อนึกถึงคนรักที่วันๆ ทำแต่งาน เดือนหนึ่งเจอกันครั้งสองครั้งเอง เขาก็งานหนัก เภาก็งานหนัก ต่างคนต่างหมกมุ่นอยู่แต่กับงานของตัวเองจนทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง แต่เอาเข้าจริงๆ เป็นไวน์เองเสียมากกว่าที่หาเรื่องงอแงใส่เพราะทุกครั้งเภาก็มักมาง้อขอคืนดีด้วยตลอด ใช่ว่าจะไม่รักกันแต่บางครั้งเขาก็แค่น้อยใจเพียงเท่านั้น

“งอนเป็นผู้หญิงไปได้นะเรา โตๆ กันแล้วอย่าไปงอแงเป็นเด็กใส่เภามากนัก เขาก็ทำเพื่อเราทั้งนั้นแหละ” ทรรศพลลูบผมนิ่มอย่างเอาใจ เภานั้นทำงานทั้งของตัวเองและช่วยงานทรรศพลเป็นประจำเพราะตำแหน่งที่ควรเป็นของไวน์เจ้าตัวไม่ยอมรับเนื่องจากรักในอาชีพการเป็นแพทย์ เภาจึงอาสาเข้ามาช่วยตลอดโดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนเลยสักนิด แต่ทรรศพลเองก็ไม่อาจทำตามที่อีกฝ่ายต้องการได้ เขาจึงยกหุ้นส่วนหนึ่งให้เภาถือครองร่วมกับไวน์ เป็นสิ่งตอบแทนในความรักความเอาใจใส่ที่อีกฝ่ายมีต่อลูกชายเพียงคนเดียวของเขามาโดยตลอด

“ไม่รู้ไม่สน” ไวน์เบ้ปากหลับหูหลับตากับคำพูดของพ่อ ทรรศพลไม่ได้ถือสาอะไรนอกจากหัวเราะกับท่าทางเหมือนเด็กของไวน์

“พ่อไปเยี่ยมแทนหน่อยดีกว่า” ทรรศพลเอ่ยขึ้นเมื่อเงยหน้าไปมองนาฬิกาที่บ่งบอกว่าอีกไม่กี่นาทีจะหกโมงเย็นแล้ว

“เฮ้ย! ดะ เดี๋ยว ๆ พ่อ! อย่าเพิ่งไป!” ไวน์เด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าแตกตื่น

“ทำไมล่ะ พ่ออยากเจอแทน” ทรรศพลขมวดคิ้วสงสัย

“ไว้วันหลังเถอะตอนนี้มันนอนอยู่” ไวน์พูดเบี่ยงประเด็นเร็วจนลิ้นพันกัน

“ทำตัวมีพิรุธนะเรา”

“ไม่มีอะไรสักหน่อย พ่ออ่ะคิดมาก” ไวน์ส่ายหน้าปฏิเสธ ภายในใจคิดโมโหแทนอยู่ไม่น้อย เขาจะไม่ห้ามพ่อเลยถ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ไปได้ยินเสียงกิจกรรมสุดสยิวหน้าห้องพักคนไข้ที่ดังทะลุประตูออกมาถึงทางเดิน ดีแค่ไหนที่เขาเลือกห้องพัก VIP ให้ ทั้งชั้นจึงมีอยู่เพียงสามห้องและเป็นห้องในสุดเลยไม่ได้มีคนพลุกพล่านเดินผ่านไปผ่านมา ไม่อย่างนั้นคงได้ฟังหนังสดกันทั่วหน้า ไอ้เราก็เป็นห่วงจะเข้าไปดูอาการสักหน่อยแต่สิ่งที่ได้กลับมาทำเอาเหม็นขี้หน้าสองคนนั้นตงิดๆ ทำอะไรไม่ได้ดูเลยว่าอยู่ที่ไหน ลำบากเขาต้องไปหาที่กั้นทางเดินมาปิดไว้ให้ แล้วห้ามคนเข้าใกล้ชั่วคราว

“งั้นไปเยี่ยมลุงทศ คราวนี้พ่อเข้าเยี่ยมได้ใช่ไหม?” ทรรศพลเห็นหน้าหงุดหงิดใจของไวน์ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม แต่เปลี่ยนตัวคนเยี่ยมแทน ตอนแรกกะจะไปหาหลานชายก่อนแต่ในเมื่อไปไม่ได้ก็ไปเยี่ยมพี่ชายเลยแล้วกัน

“ได้สิ ป้าไพลินก็อยู่” ไวน์พยักหน้ายิ้มรับพร้อมลุกเดินไปเปิดประตูรออย่างเร่งรีบเพราะกลัวพ่อเปลี่ยนใจ

“แกไม่ได้เล่าอะไรให้ป้าฟังใช่ไหม” ทรรศพลเอ่ยถามขึ้นระหว่างรอลิฟต์

“โธ่~ พ่อ เรื่องแบบนี้ใครจะกล้าเล่าให้ฟังกัน ไวน์ไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงทำป้าลินร้องไห้หรอก” ไวน์ที่กำลังตอบแชทคนรักอยู่เงยหน้าขึ้นมาส่ายหัวสุดชีวิต เรื่องที่เพิ่งรู้มาเขาก็ไม่ได้รู้รายละเอียดดีขนาดที่จะไปเล่าให้ใครฟังต่อได้แถมมันก็น่าลำบากใจที่จะเล่าเรื่องโหดร้ายให้คนร้องไห้ง่ายอย่างไพลินฟัง ทางที่ดีเลี่ยงให้คนอื่นที่รับมือได้เข้าไปพูดจะดีกว่า

“อืม...ดีแล้วเพราะลุงทศเขาอยากเล่าเอง” ทรรศพลยิ้มรับแล้วเดินนำเข้าไปในลิฟต์โดยไวน์เป็นคนกดชั้นที่ต้องการ ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงห้องพักฟื้นคนไข้ที่มีชื่อทศพล วราวุธกิจ ติดอยู่หน้าประตู

ก๊อก ๆ

สองพ่อลูกเคาะประตูเป็นมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไป แต่เหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำเอาพวกเขาตกใจรีบวิ่งเข้าไปกลางห้องทันที

“พูดอะไรสักอย่างสิ!!” ไพลินน้ำตานองหน้า ตวาดพร้อมเขย่าตัวพัชชาอย่างแรงเหมือนคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้จนต้องระเบิดออกมา

“ป้าลิน // พี่ลิน!!” ทรรศพลรีบเดินไปรั้งตัวไพลินให้แยกออกจากพัชชา โดยมีไวน์ประคองพัชชาไว้ไม่ให้ล้มไปกับพื้นหลังเสียหลักตอนมือไพลินหลุดออกจากแขน

“พี่ลินใจเย็น” ทรรศพลกอดรัดเอวไพลินที่พยายามกระชากตัวให้หลุดจากการรัดกุม

“ช่วยเล่าอะไรให้ฟังหน่อยได้ไหม ฮือ...ช่วยเล่าอะไรที่ ทำให้ฉันตาสว่างสักทีเถอะ ฮึก..ฮือ...อย่าให้ฉันโง่อยู่แบบนี้เลย!” ไพลินร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เธอไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเองเลยสักนิด ทั้งสามีหรือลูกชาย เธอไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว คนที่รักทั้งสองคนถูกทำร้ายจนเกือบตายแต่เธอกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย คนอย่างเธอมันไร้ค่าจนอยากหยุดลมหายใจตัวเองไปเสียให้พ้นๆ

“พัชชาได้โปรด...ฮือ” ไพลินยกมือไหว้พัชชาอย่างอ้อนวอน ภาพตรงหน้าทำเอาทุกคนน้ำตาคลออย่างนึกสงสาร ไพลินที่ทุกคนเคยรู้จักมักมีรอยยิ้มสดใสอบอุ่นอยู่เสมอแต่ตอนนี้กลับมีเพียงดวงตาหมองเศร้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของชีวิต บรรยากาศสีเทาปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมานอกจากเสียงสะอื้นไห้ที่ดังไม่ขาดสาย

“ก็ได้...ถ้าอยากรู้ฉันจะเล่าให้ฟัง” พัชชาหันไปมองหน้าทศพลที่นอนไม่ได้สติ ในตอนแรกเธออยากให้ไพลินได้ฟังทุกอย่างจากทศพลตามที่เจ้าตัวต้องการ แต่ตอนนี้ไพลินคงทนรอต่อไปไม่ไหวแล้วถึงได้ดูสติแตกขนาดนี้ หากยังปิดต่อไปอาจเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาอีกแน่ สู้เธอเล่าไปเลยดีกว่าเผื่อคนตรงหน้าจะคิดอะไรได้มากขึ้นแล้วช่วยเหลือแทนได้บ้าง

“เรื่องมันเริ่มจาก....”

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 25

จุดเริ่มต้นของทุกอย่างมันเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนั้น

วันที่เบลได้พบกับสามีของพี่สาวต่างแม่เป็นครั้งแรกในงานแต่ง

“เบล...นี่คุณทศสามีพี่จ้ะ”

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดี” แค่เพียงเห็นหน้ากับรอยยิ้มบาง ๆ ที่ส่งมาทำให้ใจของหญิงสาวที่ไม่เคยมีความรักก็พลันเต้นแรงขึ้นมาทันที ชายหนุ่มตรงหน้าช่างหล่อเหลาและดูดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา แม้จะรู้ว่าผิดและไม่มีหวังแต่เธอแต่ยังอยากจะได้เขามาครอบครอง หลังจากงานแต่งในครั้งนั้นเธอก็เฝ้าหาโอกาสเข้านอกออกในบ้านของทศพลกับไพลินอยู่เสมอ ทั้งที่แต่ก่อนเธอไม่เคยคิดสนใจพี่สาวต่างแม่คนนี้เลยสักนิด

เธอเกลียดมัน...

มันสวยกว่า รวยกว่า เรียนเก่งกว่า มันโชคดีกว่าเธอหมดทุกอย่าง

เวลาเจอกันก็ชอบส่งยิ้มหวานน่ารังเกียจมาให้ เป็นคนดีที่โง่งม แค่บอกว่าลำบากบีบน้ำตานิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยอมให้เงินมาใช้ฟรีเป็นแสน ๆ คนแบบนี้ไม่เห็นเหมาะกับผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างทศพลเลย ทำไมเธอถึงไม่เจอเขาก่อนมัน ทำไมไม่เป็นเธอที่อยู่ข้างเขา

ยิ่งได้ใกล้ชิดยิ่งถลำลึกมากขึ้นเมื่อทศพลดูแลและให้ความห่วงใยเธอเป็นอย่างดีในฐานะน้องสาว แต่คนที่หลงหน้ามืดตามัวก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายก็มีใจให้เหมือนกัน ความรักความปรารถนาที่ครอบงำจิตใจทำให้เบลตัดสินใจใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้มาครอบครอง ในคืนวันหนึ่งหญิงสาวออกอุบายให้ไพลินกลับไปดูแลพ่อที่นอนป่วยแทนตน และแอบผสมยาปลุกเซ็กส์ไว้ในขวดน้ำ พอทศพลกลับมาก็ทำทียกน้ำไปให้ดื่มแล้วบอกว่าพี่สาวอนุญาตให้ตนนอนค้างได้ที่ห้องรับรองแขก ทศพลเพียงรับฟังแล้วเดินกลับห้องทันทีเพราะร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนผิดปกติ ผ่านไปไม่นานความต้องการก็รุนแรงมากขึ้นจนชายหนุ่มทนไม่ไหว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหายไปหมดสิ้น เมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของเบลที่มายืนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง ค่ำคืนนั้นผ่านไปด้วยความอิ่มเอมใจของเบลแต่กลับเป็นนรกในใจของทศพลที่ไม่มีวันลบเลือน

เขานอกใจไพลินและแย่ยิ่งกว่านั้นคือเธอเป็นน้องสาวของภรรยาเขา

“เบล...พี่ขอโทษ” ทศพลทำอะไรไม่ถูกเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงกับเบลที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น

“พี่ขอโทษ ลืมมันไปได้ไหม เมื่อคืนพี่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่ถึงขาดสติขนาดนั้น”

“ลืม...พี่จะให้เบลลืมเหรอ” เบลขบฟันแน่นมือกำจิกต้นขาตัวเองเพื่อระบายความคับแค้นในอก

“เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว...อีกอย่างลินเพิ่งตั้งท้อง พี่ไม่อยากทำให้เขาเสียใจ” น้ำเสียงรู้สึกผิดและสีหน้ากังวลใจของทศพลเหมือนเปลวไฟที่เผาไหม้จิตใจของหญิงสาว... ทั้ง ๆ ที่เธอรักเขามากมายขนาดนี้ ยอมเสียตัวให้แต่ก็ไม่อาจได้แม้เพียงเศษเสี้ยวความรักจากคนตรงหน้า ในสมองของทศพลก็ยังคงมีแต่ไพลิน ไพลิน และก็ ไพลิน!! ไม่ว่าใครก็คิดถึงแต่มัน!! ในเมื่อมันเกิดมาเพื่อแย่งทุกสิ่งไปจากเธออยู่แล้ว งั้นครั้งนี้เธอจะเป็นมารชีวิตขัดขวางความสุขมันบ้างจะเป็นไรไป

“ฮือ...เบลไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้ว เบลอยากตาย!” เบลแสร้งร้องไห้ปาแก้วให้แตกแล้วหยิบเศษแก้วขึ้นมาจ่อที่ข้อมือ

“เบลอย่า!” ทศพลหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลตามขมับและซอกคอ เศษแก้วแหลมกรีดลงบนแขนลึกจนเห็นเลือดล้นทะลักออกมาทำเอาเขาสติหลุด

“อย่ามาห้ามเบล!” หญิงสาวก้าวถอยหลังหนีเมื่อทศพลจะเข้ามาจับแขนเธอไม่ให้ออกแรงกรีดเพิ่ม

“เบลอย่าทำแบบนี้ เธอต้องการให้พี่ทำอะไรบอกมาเถอะ พี่ยอมหมดทุกอย่างเลย” ทศพลพลั้งปากพูดออกไปด้วยความกลัวหลังเห็นเลือดไหลหยดลงพื้นเป็นทางยาวไม่ยอมหยุด วินาทีนั้นเขาเพียงต้องการจบเหตุการณ์บ้าๆ นี่เสียทีโดยไม่ทันคิดว่าคำพูดนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายทั้งตัวเขาและครอบครัวขนาดไหน

หลังจากวันนั้น เบลก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในบ้านของเขา เธอเข้ามาอยู่อย่างถาวร บางครั้งก็แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาในที่สาธารณะ แต่ที่หนักที่สุดเบลทำตัวรุ่มร่ามกับเขาต่อหน้าไพลิน ทศพลเริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของหญิงสาว เขาทั้งเครียดทั้งกดดัน กลัวว่าสักวันหนึ่งอีกฝ่ายจะหลุดพูดความจริงออกไปให้คนรักที่กำลังตั้งท้องอยู่ฟัง เขาจึงตัดสินใจเอาไปปรึกษาคุณหญิงรัศมี แม่ที่ห่วงใยและดูแลเขาเป็นอย่างดีมาเสมอ

“อย่าคิดมากไปเลยตาทศ เดี๋ยวแม่ไปคุยให้ ผู้หญิงด้วยกันเข้าใจกันดี” คุณหญิงรัศมีลูบผมทศพล พร้อมส่งยิ้มให้ เขารู้สึกสบายใจมากขึ้นที่ได้ระบายความอึดอัดใจและได้คนมาช่วยแก้ปัญหา โดยหารู้ไม่ว่าเรื่องราวทุกอย่างกำลังดำดิ่งลงสู่เหวลึกที่ฉุดรั้งให้ทุกคนเข้าไปอยู่ในวังวนแห่งความมืดมิด

.

.

เพี๊ยะ

“นังงูพิษ! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกวางแผนอะไรไว้” เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับแก้มนุ่มดังลั่นไปทั่วทั้งโกดังแต่คนโดนตบกลับเพียงถ่มน้ำลายที่ผสมกับเลือดในปากลงบนพื้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ร้องหรือแสดงถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด ซ้ำยังจ้องมองคุณหญิงรัศมีด้วยสายตาท้าทายไม่กลัวตาย

“ยังมีหน้ามาจ้องฉันอีกเหรอ!” คุณหญิงโกรธจนตัวสั่น เธอหันไปสั่งลูกน้องให้รุมตบรุมกระทืบมันแต่สุดท้ายเบลก็ไม่ยอมอ้าปากพูดหรือร้องอะไรออกมาเลยสักอย่าง

“ได้...จะลองดีกับฉันใช่ไหม พวกแก! อยากจะทำอะไรกับมันก็เชิญ อดอยากมานานนี่” สิ้นคำพูดแสนร้ายกาจ เบลก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เธอยอมถูกทำร้ายจนตายยังดีเสียกว่าโดนลูกน้องหน้าตาน่าเกลียดพวกนี้รุมขืนใจ

“กรี๊ด!! ปล่อย ไม่ อ๊ายยย ไม่!” หญิงสาวดิ้นกัดฟันสู้สุดแรงเกิด น้ำตาไหลนองหน้าไม่หยุด เธอไม่ยอมให้ใครมาแตะตัวง่ายๆ แน่ ผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่เธอเต็มใจมอบให้คือทศพล เธอยอมผิดยอมถูกตราหน้าว่าชั่วก็เพราะรักเขา แต่การที่ถูกชายนับสิบรุมกระทำ มันเกินกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะยอมรับได้

“อึก ฮือ.. ฉันจะแก้แค้น อึก พวกแกทุกคน!” ผู้หญิงคนเดียวไม่อาจสู้แรงชายฉกรรจ์ได้ เธอถูกย่ำยีจนแทบไม่เหลือความเป็นคน โดนพวกมันจับไปทิ้งไว้ข้างทางนานหลายชั่วโมงกว่าจะมีคนใจดีพาตัวเธอไปรักษาที่โรงพยาบาล นับตั้งแต่นั้นมาเบลก็หายไปจากชีวิตของทศพลและไพลินเกือบหกปี ไม่มีใครติดต่อได้ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน จนกระทั่งเบลกลับไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านพร้อมพัชชา โดยบอกทุกคนว่าถูกรถชนความจำเสื่อม เพิ่งจำเรื่องในอดีตได้ราง ๆ จึงกลับบ้านถูก ไม่มีใครสงสัยในความแปลกประหลาดไม่สมเหตุสมผลของเรื่อง แต่ทศพลก็รู้สึกโล่งใจที่เบลลืมเรื่องในอดีตไปจนหมด แม้จะรู้สึกผิดที่สบายใจกับความเจ็บป่วยของอีกฝ่ายแต่เขาก็ไม่อาจห้ามความคิดได้จริง ๆ

“พี่ทศ ลินว่าจะให้เบลมาช่วยดูแลแทนฟ้าดีไหมคะ”

“หื้ม ทำไมล่ะ”

“ลินอยากช่วยน้อง เบลกับที่บ้านกำลังลำบากแต่ไม่ยอมรับเงินจากลินเฉย ๆ เขาบอกว่าจะไปหางานทำเอง แต่ลินไม่อยากให้เบลไป น้องยังจำอะไรเกี่ยวกับอดีตไม่ได้เลย” ทศพลแม้จะไม่เต็มใจมากนักที่จะให้เอาเบลมาอยู่ใกล้ตัว แต่เมื่อเห็นสีหน้าทุกข์ใจของคนรักก็ยอมตกปากรับคำไป เพราะคิดว่าเบลยังความจำเสื่อมอยู่คงไม่เป็นอะไร แต่หารู้ไม่ว่าการตัดสินใจของเขาในวันนั้นจะพรากความไร้เดียงสาน่ารักของเด็กคนหนึ่งไปตลอดกาล

“ฮือ ๆ พ่อครับ แทนอยากไปด้วย” ประโยคนี้ทศพลได้ยินมาไม่รู้กี่ร้อยครั้งแต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดฟัง เขาเริ่มออกไปทำงานที่ต่างประเทศมากขึ้นโดยพาไพลินไปด้วยเสมอ เขาไม่อยากอยู่ในบ้านที่มีเบล และเขาก็ไม่ไว้ใจพอที่จะปล่อยให้ภรรยาอยู่บ้านกับน้องสาวที่ไม่รู้ว่าจะจำเรื่องราวในอดีตได้เมื่อไหร่ จึงต้องหาข้ออ้างหาเหตุผลมากมายในการพาไพลินติดตัวไปทำงานด้วยตลอดจนละเลยที่จะใส่ใจลูกชายเพียงคนเดียวที่นับวันยิ่งเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จากเด็กขี้อายพูดน้อยอยู่แล้ว กลายเป็นเด็กที่ชอบเหม่อลอยและซ่อนตัวจากผู้คน ไม่ยิ้ม ไม่พูด ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาพ่อหรือแม่ตัวเอง

ทุกอย่างดำเนินผ่านไปหลายปีจนกระทั่งถึงวันเกิดแทนในปีที่สิบสาม เด็กชายหายตัวไปจากบ้านพร้อมน้าสาวเกือบสามอาทิตย์ ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แต่สุดท้ายได้รับแจ้งข่าวจากโรงพยาบาลในจังหวัดติดทะเลว่า พบแทนนั่งร้องไห้อยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาลพร้อมร่างไร้วิญญาณที่เละไม่มีชิ้นดีของเบลที่พลัดตกจากดาดฟ้า คนที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดคือคุณหญิงรัศมีกับพัชชา

ส่วนทศพลกับไพลินที่ไปติดต่อทำสัญญาเปิดบริษัทใหม่ที่อเมริกาไม่เคยรับรู้ความจริง สิ่งที่คุณหญิงรัศมีบอกคือ เบลพาแทนฟ้าไปเที่ยวทะเลและเกิดอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต แทนจึงช็อกจนต้องพาไปพบจิตแพทย์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไพลินและทศพลพยายามจะชดเชยช่วงเวลาที่เคยสูญเสียไปให้ลูกชายแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไปแล้ว แทนฟ้าที่เคยร้องไห้ขอตามพวกเขาไปทำงานไม่มีอีกแล้ว เหลือแต่ลูกชายที่เย็นชาตัดขาดความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว กลับมาจากโรงเรียนก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยพูดคุยกับใครเกินความจำเป็น ใครเข้าใกล้ก็อาละวาดปาข้าวของใส่ตลอด ไพลินที่รู้สึกผิดกับการที่ไม่ได้ดูแลลูกมาหลายปีก็ยอมตามใจทุกอย่างที่แทนต้องการ แม้สิ่งที่ขอคือห้ามให้คนเป็นแม่อย่างเธอเข้าไปก้าวก่ายในชีวิตลูกชายก็ตาม

.

.

.

.

“ทะ...แทนฟ้า โฮ! ฮือ ๆ ลูกแม่” เมื่อคำบอกเล่าจบร่างของไพลินก็ล้มไปนั่งกองอยู่ที่พื้นอย่างหมดแรง น้ำตาหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย เธอเจ็บปวดหัวใจยากที่จะหาคำใดมาเปรียบเทียบได้ ความจริงที่ได้ฟังมันช่างโหดร้ายเหลือเกิน ลูกชายเธอต้องเจอกับความทรมานพวกนี้มาเนิ่นนาน แต่แม่อย่างเธอกลับไม่เคยรับรู้มาก่อน

“ป้าลินใจเย็น ๆ” ไวน์ลูบหลังเล็กที่สั่นสะท้านตามแรงสะอื้น พยายามพูดปลอบประโลมเมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องไห้จนหายใจผิดจังหวะ ร่างกายไพลินไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว หมอหน้าเด็กกลัวเธอจะเป็นลมล้มพับไปอีกคน

“ฉันเล่าให้คุณฟังหมดแล้ว...ที่เหลือก็อยู่ที่คุณ ว่าอยากจะแก้ไขมันอย่างไร” พัชชาพูดพลางหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือแล้วเดินออกไปจากห้องเงียบๆ 

“เดี๋ยวก่อนคุณพัชชา” ทรรศพลที่เดินตามออกมาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายไว้ก่อน

“มีอะไรคะ”

“ทำไมคุณไม่เล่าเรื่องตัวเองให้ฟังบ้างล่ะ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่อยู่ ๆ คุณก็โผล่เข้ามาในชีวิตของทุกคนแล้วรู้ไปหมดทุกเรื่องโดยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเองเลยสักนิด” ทรรศพลถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มองทุกการกระทำของพัชชาเหมือนกับการจ้องจับผิด ทำเอาหญิงวัยกลางคนหัวเราะออกมากับความใส่ใจในรายละเอียดของทรรศพล

“แล้วเรื่องของฉันมันสำคัญด้วยหรือไงกัน”

“คนเราถ้าไม่มีแรงจูงใจมากพอคงไม่กล้าทนอยู่เป็นสิบ ๆ ปีกับสถานการณ์เสี่ยงตายตลอดเวลาแบบนี้หรอก”

“ใช่ ฉันอยู่เพราะมีเป้าหมาย” พัชชาเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนพยักหน้ารับพร้อมยิ้มบางๆ ให้เหมือนทุกที แต่ทรรศพลกลับรู้สึกว่ามันแตกต่างออกไป ดวงตาที่นิ่งสงบตอนนี้กลับลุกโชยไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความเคียดแค้น

“เป้าหมายของคุณคืออะไร”

“ทำให้แม่คุณทรรศย่อยยับไม่มีชิ้นดีเหมือนที่ทำไว้กับเบลไงคะ”

.

.

.

เป็นดังที่พัชชาต้องการ...

คุณหญิงรัศมีเปลี่ยนแปลงไปไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลยสักนิด ใบหน้าที่เคยอิ่มเอมสง่างามตอนนี้กลับซูบตอบลงไปมาก ดวงตาที่เคยหยิ่งผยองหมองคล้ำเหมือนคนที่ไม่ได้รับการพักผ่อน ผมเผ้าล้วนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

“ทศลูก ตาทศ” เสียงพึมพำร้องเรียกหาลูกชายดังขึ้นในห้องขังพิเศษ น้ำตาไหลซึมออกมาอยู่ตลอดเวลา ความเศร้าความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจเธอจนเจ็บเจียนตาย ลูกชายที่เปรียบดังแก้วตาดวงใจ ลูกที่เป็นทั้งชีวิตกลับต้องตายด้วยน้ำมือของเธอเอง

“กรี๊ด...พาฉันออกไปหาลูกเดี๋ยวนี้!! ปล่อยฉันออกไป!!!” หญิงแก่เบิกตากว้างเมื่อนึกถึงภาพลูกชายนอนจมกองเลือด เธอสติแตกอย่างควบคุมไม่อยู่ หัวใจเต้นแรง มือทุบประตูตะโกนกรีดร้องสุดเสียงจนใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อและคราบน้ำตา

 “ตาทศ!! ฮือ” ผู้คุมขังส่ายหัวไปมาอย่างเบื่อหน่าย อีกเดี๋ยวคุณหญิงก็เงียบลงเอง เธอเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่ถูกขังไว้ อาละวาดทุกสองสามชั่วโมง พอเหนื่อยก็กลับไปนั่งเหม่อลอยเงียบๆ มีแรงขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ร้องเอะอะโวยวายใหม่ ผ่านไปไม่นานเสียงทุกอย่างก็เงียบลงพร้อมกับคนมาเยือนใหม่ที่ถือตะกร้าผลไม้มาด้วย

“เปิดห้องขังให้ฉันหน่อย” พัชชาแสดงบัตรพิเศษที่ได้มาจากตำรวจยศใหญ่ให้เจ้าหน้าที่ดู

“เข้าได้ไม่เกิน 5 นาทีนะครับ” เมื่อแจ้งรายละเอียดเสร็จเจ้าหน้าที่ผู้คุมขังก็หยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูเหล็กเดินนำพัชชาเข้าไปข้างในโดยยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเพื่อป้องกันเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่อาจคาดคิดได้

“เป็นยังไงบ้างละ...รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นไหมคะ” พัชชาวางตะกร้าผลไม้บนโต๊ะแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้คุณหญิงรัศมีที่นอนตะแคงข้างกับพื้นปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเรื่อย ๆ

“สิ่งที่คุณได้รับมันยังไม่สาสมกับที่คุณไปทำไว้กับคนอื่นเลยด้วยซ้ำ ใครบ้างที่ต้องทุกข์ทรมานเพราะความเห็นแก่ตัวของคุณ ใครบ้างที่เขาต้องรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งที่ไม่มีความผิดอะไรเลย!!!” ทั้งเบลทั้งแทน หรืออาจจะมีอีกหลายคนที่ต้องถูกทำร้ายจากหญิงแก่เลวทรามคนนี้

“แก ฮือ...แกต้องการอะไร” คุณหญิงรัศมีเงยหน้าขึ้นมามองพัชชาที่ยืนก้มหน้าจ้องตนด้วยสายตาเยือกเย็น

“คุณทำอะไรไว้กับเบลบ้างล่ะ”

“มันต่างหากที่ทำลูกฉันก่อน คนอย่างอีนั่นสมควรตายแล้ว! คนวิปริตอย่างแกเองก็น่าจะตายๆ ไปพร้อมกับมัน รักกันมากไม่ใช่เหรอ หึๆ” เสียงหัวเราะน่ารังเกียจจากหญิงแก่สร้างความไม่พอใจให้กับพัชชาเป็นอย่างมากแต่เธอรู้ว่าควรจัดการกับคนประเภทนี้อย่างไร จึงทำเพียงเหยียดยิ้มแล้วพูดในสิ่งที่จะทำให้คนตรงหน้าต้องบ้าคลั่งจนไม่สามารถต่อปากต่อคำกับเธอได้อีกเลย

“คนที่สมควรตายคือคุณต่างหาก ฆ่าลูกตัวเอง ฆ่าหลานตัวเองได้อย่างเลือดเย็น”

“หุบปาก! ไม่ ฉันไม่ได้ฆ่า ฮือ...ตาทศยังไม่ตาย ลูกฉันยังไม่ตาย ฮือ ๆ” อาการของคุณหญิงเหมือนกับแทนไม่มีผิด อาการของผู้ป่วยทางจิต หลายคนอาจไม่รู้แต่คุณหญิงรัศมีมีปัญหาเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เธอดีขึ้นจนคล้ายว่าจะหายเพราะเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องกับจิตแพทย์ แตกต่างจากแทนที่กินแต่ยาอย่างเดียวจึงมักควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ เรื่องนี้พัชชาใช้เวลาสืบอยู่เกือบสองปีกว่าจะรู้สาเหตุแท้จริงที่ทำให้คุณหญิงรัศมีเป็นโรคจิตเวช แม้เรื่องราวของคุณหญิงจะน่าสมเพชเวทนา แต่พัชชาก็ไม่มีความเห็นใจอยู่เลยสักนิดเพราะคนที่เลือกใช้วิธีโหดร้ายไประบายกับคนอื่นให้เหมือนกับที่ตัวเองพบมา มันก็ไม่ต่างอะไรกับปีศาจดีๆ นี่เอง

“คุณครับหมดเวลาแล้ว” เสียงเจ้าหน้าที่เรียกสติให้พัชชาหลุดออกจากภวังค์ เธอพยักหน้ารับโดยไม่ได้ละสายตาจากหญิงแก่ที่นอนกัดเล็บตัวเองจนเลือดออก สภาพย่ำแย่ตกต่ำไม่เหลือความเป็นผู้ดีดังเช่นเคย หากเป็นคนอื่นอาจจะใจดีนึกอโหสิกรรมให้แต่สำหรับเธอ...ไม่มีวัน!

“ถึงคุณจะตายไป ฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้กับสิ่งที่คุณทำ” คนที่พรากเบลไปจากเธอ ไม่มีวันจะได้รับคำว่าให้อภัย!!



“พี่พัช”

“ว่าไง”

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลเบลมาตลอดนะ”

“พี่เต็มใจอยู่แล้วอย่าคิดมากเลย”

“เบลรักพี่มากนะ”

“...พี่ก็รัก” รักมากจนยอมได้ทุกอย่าง

“เบลขออะไรพี่เป็นอย่างสุดท้ายได้ไหม”

“ไม่พูดแบบนั้นสิ อยากขออะไรก็บอกมาเลย”

“พาเบลกลับบ้านหน่อย เบลคิดถึงบ้าน”

“ถ้าพี่ขอไม่ให้ไปละ” อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่รั้งอีกฝ่ายไว้ข้างกายตลอดไป

“...เบลก็จะไม่ไป”

“พี่ล้อเล่น ถ้าเบลคิดถึงบ้าน พี่จะพาไปเอง”



ถ้าตอนนั้นเธอรั้งเบลไม่ให้กลับไป ยอมเห็นแก่ตัวเก็บอีกฝ่ายไว้เพียงคนเดียว เบลอาจจะยังอยู่เคียงข้างเธอเหมือนหกปีที่อยู่ด้วยกันมา หากเธอกล้าพอที่จะเปิดเผยความในใจ มอบความรักที่มีทั้งหมดให้เบลได้รับรู้ เธออาจไม่ต้องเสียเบลไปตลอดกาลอย่างนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะทำทุกวิถีทางให้คนที่เธอรักไม่กลับไปอยู่ในวังวนพวกนั้น แต่ต่อให้คิดมากมายขนาดไหน พัชชาก็รู้ตัวว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว มันไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว เบลจากเธอไปตลอดกาล เหลือไว้แต่ความทรมานที่ทำร้ายจิตใจให้เจ็บช้ำมาจนถึงทุกวันนี้

“รัก...พี่รักเบล รักเสมอมาและรักตลอดไป” มือสั่นเทาเอื้อมไปหยิบกรอบรูปที่มีภาพหญิงสาวสองคนยืนยิ้มเคียงข้างกัน มุมขวามีข้อความเขียนด้วยปากกาสีดำไว้หนึ่งประโยค

พี่คือแสงสว่างที่ไม่อาจครอบครอง

เธอไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเบลเป็นคนแบบไหน มีความคิดอย่างไร เพราะคนที่ยิ้มสดใสเมื่ออยู่กับเธอคือคนเดียวกันที่ทำเรื่องโหดร้ายกับแทน เธอไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงหรือไม่จริงกันแน่ แต่หญิงสาวที่เธอช่วยจากการถูกทำร้ายปางตายคนนั้น คือคนเดียวที่เธอรัก เป็นคนที่ทั้งชีวิตก็ไม่อาจหาใครมาแทนที่ได้ เพราะแบบนี้ถึงแค้นมากที่ถูกพรากคนที่แสนรักไป คนที่มันทำร้ายเบลจนฆ่าตัวตายเธอไม่มีวันให้อภัย!! จนกว่าจะถึงวันที่มันหายไปจากโลกใบนี้ เธอให้สัญญาว่าจะทำให้มันทรมานเจียนตายทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมา!!

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 26​

“ผมรู้อยู่แล้ว” แทนตอบกลับเสียงเรียบนิ่งเหมือนสิ่งที่ทรรศพลเล่ามานั้นเป็นเพียงเรื่องธรรมดา

“รู้อยู่แล้ว?” ทรรศพลถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“ครับ” คำตอบสั้นๆ ไม่ได้มีการขยายความเพิ่มเติม ทำให้ทรรศพลรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการเล่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับพัชชาให้เขาฟัง

“ถ้าอย่างนั้นอาก็สบายใจ” ที่เขาอยากให้แทนรับรู้ไว้เพราะกลัวหลานชายถูกหลอกใช้ แต่ความจริงคงมีเรื่องราวมากมายที่คนนอกอย่างเขาไม่อาจล่วงรู้ได้ หากพัชชาที่อยู่เคียงข้างแทนมาเป็นหลายปีไม่ได้คิดร้ายต่อแทนก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่เขานี่สิ...อุตส่าห์เรียบเรียงคำพูดอยู่ตั้งหลายวันเพราะกลัวแทนเสียใจ แต่ที่ไหนได้หลานชายกลับรู้เรื่องราวทุกอย่างดีอยู่แล้วซะอย่างนั้น

“อาทรรศไม่ต้องห่วงหรอก พัชชาไม่มีวันทำร้ายผม” แทนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านพัชชาได้รักษาคำพูดที่เคยให้ไว้กับเขาในงานศพน้าเบลเสมอ ฉันจะชดใช้ให้คุณ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตฉันก็ยอม แทนรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กล่าวเกินจริงไปแม้แต่น้อย เพราะมีครั้งหนึ่งที่เขาพยายามฆ่าตัวตายด้วยการเดินไปกลางถนนให้รถชนแต่ก่อนที่จะได้ตายสมใจเขาก็ถูกกระชากตัวไว้อย่างแรงจากพัชชา จนคนที่โดนรถชนกลายเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทแทน ภาพอีกฝ่ายที่นอนจมกองเลือดไม่ได้สติยังติดอยู่ในหัวเขามาจนถึงทุกวันนี้

พัชชาเป็นคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาคว้าเขาในวันที่ชีวิตมืดมิดมองไม่เห็นทางออก เป็นคนเดียวที่ร้องไห้แล้วกล่าวคำขอโทษเป็นร้อยเป็นพันครั้งทั้งที่ตัวเองแทบไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ เธอดูแลเขา พยายามลบล้างเรื่องเลวร้ายซึ่งคนที่เธอรักเคยทำไว้ แม้จะรู้ว่าไม่อาจทดแทนกันได้แต่พัชชาก็มอบทั้งชีวิตไว้เพื่อแทนนับแต่นั้นมา

“แต่ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยก็บอกอาได้เสมอนะรู้ไหม”

“ครับ” แทนตอบกลับเบาๆ สายตาจับจ้องไปที่แผ่นหลังของครูซที่เคลื่อนไหวไปมาเพื่อหยิบจับเครื่องปรุงในครัวอย่างเพลิดเพลิน

”แล้วพรุ่งนี้หมอนพนนท์นัดตอนบ่ายนะอย่าลืม” ร่างสูงถอนหายใจเบื่อหน่ายกับประโยคเตือนความจำที่วันนี้เขาฟังมาไม่ต่ำกว่าสองรอบ ทั้งจากพัชชาเมื่อตอนเช้าและไวน์ตอนเที่ยง พอตกบ่ายยังมีอาทรรศเพิ่มเข้ามาอีกคน

“ครับ” แทนตอบรับด้วยเสียงเอื่อยๆ พูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยคเขาก็วางสายจากทรรศพล ร่างสูงจ้องมองใบนัดพบแพทย์ในมือพลันขมวดคิ้วยุ่งด้วยความไม่ชอบใจ

“เป็นอะไรครับ” ครูซวางจานกับข้าวลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของแทน

“เปล่า” แม้ปากจะบอกไม่ แต่สีหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับคำตอบเลยสักนิด ครูซจึงเดินเข้าไปใกล้เพื่อมองสิ่งที่แทนถืออยู่ เมื่อเห็นเต็มตาก็เข้าใจได้ในทันที

“ไม่อยากไปเหรอครับ”

“อืม...” เขาไม่ชอบพวกจิตแพทย์สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่เจอมาก็ทำเพียงจ่ายยาแล้วแนะนำให้ทำกิจกรรมยามว่างที่ผ่อนคลาย บอกเหมือน ๆ กันหมด ให้เขาไปนั่งสมาธิ หัดมองโลกในแง่ดี เฮอะ...ถ้ามันทำได้ง่ายขนาดนั้นเขาจะไปหาพวกมันเพื่ออะไรกัน พอเห็นว่ามีเงินหน่อยก็สูบเลือดสูบเนื้อ จ่ายยาแพงๆ ให้ตลอด

“ลองดูก็ไม่เสียหาย ถ้าไม่ดีค่อยยกเลิกก็ได้” ครูซดึงเอกสารออกจากมือแทน พับเก็บใส่ซองเหมือนเดิมก่อนลูบไหล่กว้างสองสามทีเป็นการเกลี้ยกล่อม ตามจริงเป็นหนุ่มลูกครึ่งที่เสนอความคิดนี้ขึ้นมาเอง เขาอยากให้คนหน้านิ่งได้เข้ารับการรักษาอย่างจริงจัง เผื่ออาการที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จะเบาบางลงบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นตัวแทนเองนั่นแหละที่จะต้องลำบากในการใช้ชีวิตปกติร่วมกับคนอื่น ไวน์ก็เห็นด้วยถึงได้สรรพหาหมอที่มีชื่อเสียงในด้านนี้มากที่สุดมาให้

“ไปด้วยกันไหม” แทนคว้าข้อมือครูซไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินเข้าห้องครัวไปอีกรอบ ดวงตาสีนิลจ้องมองอย่างมีความหวัง

“ผมไม่ปล่อยให้คุณแทนไปคนเดียวหรอก” เขาขอลางานล่วงหน้าตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วหลังเห็นกำหนดการนัดพบแพทย์ของเจ้านายหนุ่ม

“อืม” สีหน้าแทนผ่อนคลายขึ้นจนครูซอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

“ที่กังวลเพราะกลัวผมไม่ไปด้วยเหรอครับ” ครูซเอ่ยออกไปอย่างหยอกล้อไม่คิดว่าคนหน้านิ่งจะพยักหน้ารับง่ายดายราวกับเป็นเรื่องปกติ ซ้ำยังเบนสายตาหนีไปมองด้านข้างไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ อีก

แบบนี้มัน...น่ารัก! น่ารักเกินไปแล้ว!

“จะให้ผมหลงคุณจนตายเลยใช่ไหม” แทนหัวเราะในลำคอเป็นการตอบรับ ทำเอาครูซที่ยืนมองอยู่ทนไม่ไหวต้องก้มหน้าไปหอมทั่วใบหน้าขาวอย่างนึกหมั่นเขี้ยว นับวันคนคนนี้ช่างร้ายกาจ ขยันทำตัวให้เขารู้สึกเอ็นดูจนอยากฟัดแรงๆ วันละหลายรอบ

“หิวแล้ว” แทนผลักหน้าครูซออก หยิบแก้วน้ำมายกดื่มด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับอาการหลงจนมัวเมาของอีกคนที่ยืนกัดปากหมั่นเขี้ยวเขาอยู่

“ครับ” ครูซระบายยิ้มแล้วเดินไปตักข้าวมาสองจานเพื่อลงมือทานข้าวตอนบ่ายร่วมกันกับแทน ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่กับอีกคนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ก็มีบางวันที่กลับไปนอนบ้านบ้าง

เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองคนนั้น ครูซยังไม่ได้บอกแอนนี่ออกไปอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนคนเป็นแม่ก็คงพอจะรับรู้อยู่ไม่น้อยถึงไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไรตอนครูซขอมาดูแลแทนที่คอนโดสักระยะหนึ่ง เธอเพียงขอคุยกับแทนผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น ครูซไม่รู้ว่าแอนนี่กับแทนคุยอะไรกันแต่ทุกอย่างก็ดูปกติดี จะมีก็แต่น้องสาวอย่างเค้กที่ร้องไห้หน้าบูดบึ้งที่ถูกคนหน้านิ่งแย่งพี่ชายไป แต่ก็แค่ไม่นานพอแทนรู้เรื่องก็จัดการซื้อเปียโนราคาหกหลักส่งไปให้ที่บ้าน ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี หนำซ้ำบางวันเค้กยังโทรมาคุยเล่นกับแทนได้อีก ทำเอาครูซทึ่งอยู่ไม่น้อย คนอย่างแทนช่างร้ายกาจเหลือเกิน ใช้ทั้งอำนาจเงินและความฉลาดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เขาเองเพิ่งมารู้ความจริงเมื่อสองวันที่แล้วพอบอกจะคืนเปียโนราคาแพงให้ก็ทำหน้านิ่งตอบกลับเสียงเย็นชาว่า ถ้าไม่เอาก็โยนทิ้งไป แล้วคนอย่างเขาที่เกิดมาแพ้ทางแทนจะทำอะไรได้นอกจากตามใจอีกฝ่ายเหมือนทุกที

“ไม่เข้าบริษัทแล้ว?” เมื่อแทนเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารแล้วยังเห็นครูซนั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ ก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะปกติหากทานข้าวด้วยกันเสร็จ อีกฝ่ายจะออกไปทำงานที่บริษัทประมาณบ่ายสองแต่นี่สามโมงกว่าแล้วหนุ่มลูกครึ่งก็ยังก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานอยู่

“ครับ...งานของวันนี้ผมทำเสร็จหมดแล้วเหลือแต่ตรวจสอบเอกสารเก่า” ครูซเป็นคนทำงานไว เป็นระเบียบแบบแผนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าเป็นคนอื่นในแผนกแทนคงไม่มีทางเชื่อแน่ ๆ ว่าคนพวกนั้นจะทำเสร็จภายในระยะเวลาเพียงครึ่งเช้าเท่านั้น

“ครูซ” แทนพยักหน้ารับก่อนเรียกอีกฝ่ายให้มาใกล้ ๆ เพื่อชี้จุดบกพร่องในเอกสารให้ดู

“ครับ” ครูซลุกจากโต๊ะทำงานเดินเข้าไปนั่งข้างแทนอย่างว่าง่าย

“ช่วยตรวจสอบบัญชีปีก่อนให้หน่อย มันไม่ตรงกับยอดรวม” แทนหยิบแฟ้มมากางตรงหน้าครูซพร้อมใช้ดินสอขีดวงตำแหน่งตัวเลขที่ผิดพลาดไป ทั้งคู่พูดคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองต่อ

หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บครูซก็กลับไปทำงานในบริษัทตามปกติเหลือเพียงแทนเท่านั้นที่ไม่สามารถอยู่ท่ามกลางผู้คนได้เหมือนเก่าเพราะอาการจะกำเริบรุนแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้ต้องทำงานอยู่แต่ในคอนโดโดยมีครูซคอยประสานงานจากบริษัทให้อีกที นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ครูซขอร้องให้แทนเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังเพราะเขาไม่อยากเห็นอีกฝ่ายใช้ชีวิตแบบหวาดกลัวกับทุกสิ่งจนพลาดโอกาสมากมายในชีวิตที่จะผ่านเข้ามา

Rrr Rrr

“สวัสดีครับ” ครูซละสายตาจากเอกสารหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสาย

“อยู่กับแทนไหม” เสียงหมอไวน์ถามอย่างเร่งเร้า

“อยู่ครับ” แทนคล้ายจะรู้ว่าใครโทรมาจึงสบตากับครูซเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

“ช่วยพูดให้แทนมาหาลุงทศกับป้าลินหน่อยสิ”

“เขาฟื้นแล้วเหรอครับ” ครูซถามด้วยน้ำเสียงดีใจ

“อืม เพิ่งฟื้นเมื่อเช้า ตื่นมาก็ถามหาแต่แทนไม่ยอมกินข้าวกินยาเลย เฮ้อ*~ พ่อลูกดื้อเหมือนกันไม่มีผิด”* ไวน์ถอนหายใจยาวเหยียดบ่งบอกว่าเขานั้นเหนื่อยใจกับพ่อลูกคู่นี้จริง ๆ

“ผมจะถาม // ช่วยหน่อยเถอะนะๆ ” ครูซยังไม่ทันจะพูดจบหมอหน้าเด็กก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ไม่ยอมเว้นจังหวะให้ครูซได้พูดอะไรสักนิด คล้ายเป็นการมัดมือชกว่าต้องพาแทนมาให้ได้เท่านั้น

“ครับ ผมจะพยายาม” เมื่อเห็นคนในสายไม่ยอมรับฟังคำใดนอกจากคำว่าตกลง ครูซก็จำยอมพูดรับออกไปเพราะเห็นสีหน้าแทนเริ่มนิ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาไม่ยอมวางสายเสียที

“ขอบใจมาก รีบมานะ” พูดจบอีกฝ่ายก็ตัดสายไปทันที แทนเองก็ก้มหน้าทำงานต่อไม่ได้ซักถามอะไรกับครูซเกี่ยวกับบทสนทนาเมื่อครู่

“คุณแทน...คุณทศพลฟื้นแล้วครับ” ครูซลุกจากโต๊ะทำงานเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนพื้นข้างแทนที่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง ปลายดินสอที่กำลังวาดโครงร่างสัญญาอันใหม่ขึ้นสะดุดกลางคันจนไส้หักกระเด็นลงบนพื้นพรม ครูซคว้ามือแทนที่กำดินสอไว้แน่นให้คลายออกแล้วสอดนิ้วมือประสานเข้าไปแทนที่

“ไปเยี่ยมไหม”

“ไม่” แทนตอบกลับอย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยด้วยซ้ำ ทำเอาครูซลำบากใจไม่น้อย เพราะตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลอีกฝ่ายก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงรัศมีหรือทศพล คนหน้านิ่งทำราวกับคนเหล่านั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่ คดีที่ยังวุ่นวายก็ยกหน้าที่ให้พัชชาจัดการโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลยสักนิด

“ไปทำให้เรื่องค้างคาใจมันจบลงไม่ดีเหรอครับ” ครูซบีบมือที่สอดประสานเข้าด้วยกันไว้เพื่อให้แทนไม่หลุดเข้าไปอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองนานเกิน

“ไม่อยากไป” เมื่อตอนเที่ยงไวน์ก็โทรมาหาแล้วรอบหนึ่งแต่เขาปฏิเสธไป ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทรหาครูซให้ช่วยพูดอีกคน ในใจนั้นแทนก็ทั้งอยากไปและไม่อยากไป เขาอยากเห็นกับตาว่าคนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่อีกใจเขาก็ไม่อยากเจอไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมก็ไปด้วย” แทนสบตากับครูซที่ส่งยิ้มหวานมาให้ ใจที่กำลังสับสนวุ่นวายค่อยๆ สงบลงเมื่อได้ฟังน้ำเสียงทุ้มนุ่มกับสัมผัสอันอบอุ่น

“ไปใช่ไหมครับ” ถ้ามีครูซอยู่ด้วย...เขาคงไม่เป็นไร

“อื้ม”

หลังจากแทนตกปากรับคำ ทั้งคู่ก็แต่งตัวออกจากคอนโดเพื่อขับรถไปโรงพยาบาลทันที แต่ในเวลาเลิกงานยามเย็นเช่นนี้ทำให้ท้องถนนเต็มไปด้วยการจราจรที่ติดขัดบวกกับฝนตกพรำๆ ยิ่งทำให้ทุกอย่างกลายเป็นอัมพาต คนยืนเบียดเสียดกันแน่นป้ายรถเมล์เพื่อหลบฝน เสียงบีบแตรเสียงฟ้าร้องดังแทรกเข้ามาให้ได้ยินไม่ขาดสาย  อากาศด้านนอกกับด้านในแตกต่างกันจนฝ้าขึ้นเต็มกระจกรถ แทนนั่งมองหยดน้ำเม็ดแล้วเม็ดเล่าที่พากันไหลลงจากหน้าต่างด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาเหม่อลอยราวกับจิตใจได้ปลิวหายไปอยู่ในที่ไกลแสนไกล

“คุณแทน” หนุ่มลูกครึ่งเอ่ยเรียกเจ้านายหนุ่ม หากแต่ร่างสูงทำราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขาแม้แต่น้อยจนกระทั่งเขาแตะมือลงบนไหล่ของอีกฝ่าย เจ้าตัวถึงได้กะพริบตาถี่ๆ ดึงสติกลับมาแล้วค่อยขานรับ

“ว่าไง...”

“พรุ่งนี้อยากทานอะไรครับ” แทนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับประโยคคำถามจากคนตรงหน้า ในตอนแรกเขานึกว่าอีกฝ่ายจะถามว่าเขารู้สึกอย่างไร เป็นอะไรหรือเปล่า หรือพูดให้กำลังใจเหมือนที่คนอื่นทำเสียอีก

“อะไรก็ได้”

“งั้นผมทำสเต๊กนะ คุณแทนไม่ได้ทานมานานแล้วนี่” แทนพยักหน้ารับกับบทสนทนาแสนธรรมดาจากครูซที่สร้างความสบายใจให้อย่างน่าประหลาด ไม่จำเป็นต้องมีคำปลอบโยนหรือสายตาสงสารเห็นใจ แค่เพียงอีกฝ่ายพูดคุยเรื่องราวทั่วไปในชีวิตก็ทำให้เขารู้สึกดีได้โดยไม่ต้องพยายามสรรหาคำพูดสวยหรูเลยสักนิด เพราะทุกสิ่งที่ครูซพูดถึงมักมีเขาอยู่ด้วยเสมอ เหมือนอีกฝ่ายกำลังย้ำให้เขามั่นใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดไปเขาก็จะมีครูซอยู่ข้างกายไม่เปลี่ยนแปลง

“หนาว?” แทนสังเกตเห็นครูซลูบแขนตัวเองบ่อยครั้งก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“นิดหน่อย” ครูซตอบยิ้มๆ เขาไม่คิดว่าอากาศจะเย็นแบบนี้จึงไม่ได้เตรียมเสื้อแขนยาวมา บวกกับเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้วด้วยเลยไม่ชินกับอุณหภูมิบนรถแทนที่ปรับไว้ในองศาที่ต่ำสุด

“ถอดเสื้อมา” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่ครูซก็ไม่อยากขัดใจแทนเท่าไหร่ ระหว่างติดไฟแดงชายหนุ่มจึงถอดเสื้อยืดสีน้ำตาลอ่อนยื่นให้อีกฝ่ายอย่างว่าง่าย แทนรับมาวางไว้บนตักก่อนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวออกแล้วโยนใส่ครูซอย่างลวก ๆ จากนั้นค่อยหยิบเสื้อยืดบนตักมาใส่โดยไม่มีคำพูดอธิบายการกระทำ

“ขอบคุณครับ” ครูซยิ้มกว้างจนปวดแก้ม ใส่เสื้อเชิ้ตของแทนอย่างอารมณ์ดี ความอุ่นบนเนื้อผ้ากับกลิ่นหอมสะอาดเฉพาะตัวยิ่งทำให้ใจพองโต เขารู้ว่าคุณแทนไม่ชอบใส่เสื้อแขนสั้นเพราะไม่อยากให้ใครเห็นรอยแผลเป็นตามแขนทั้งสองข้าง ถ้าไม่อยู่ในคอนโดคุณแทนไม่เคยเลยสักครั้งที่จะใส่เสื้อแขนสั้นออกมาข้างนอกไม่ว่าจะมีใครเห็นหรือไม่ก็ตาม แต่วันนี้คนหน้านิ่งกลับยอมถอดมันออกมาง่ายดายเพียงเพราะเห็นว่าเขาหนาว ทำขนาดนี้จะไม่ให้เขารู้สึกรักได้ไงกัน

“มองทาง” แทนเตือนด้วยเสียงราบเรียบเมื่อเห็นคนขับรถไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับถนน เอาแต่หันมามองหน้าเขาอยู่ได้

“ครับ” แม้จะตอบรับแต่ก็ยังคงมองหน้าเขาสลับกับถนนอยู่ดี ถึงจะไม่ได้รู้สึกแย่ที่อยู่ในสายตาครูซตลอดเวลาแต่เขาก็ไม่คุ้นชินกับการถูกจับจ้องแบบนี้สักเท่าไหร่ มันไม่เชิงอึดอัดเพียงแต่เขาทำหน้าไม่ถูก

“เลิกจ้องสักที”

“ไม่”

“ทำไม!”

“ก็คุณแทนน่ารักผมก็อยากมองสิครับ” แทนขมวดคิ้วยุ่งกับคำตอบของครูซ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเอนหลังพิงเบาะแล้วเบนหน้าหนีออกไปด้านข้างทันที เจ็บใจตัวเองที่ไปใจเต้นกับคำพูดแปลกๆ จากปากครูซ เขาเองก็อายุไม่ใช่น้อยแล้วแต่ต้องมาหวั่นไหวกับคำพูดจีบกันอย่างกับเด็กวัยรุ่นแบบนี้มันดูน่าอายเป็นบ้าเลย

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งคู่ก็มาถึงโรงพยาบาลในเวลาสองทุ่มครึ่ง ครูซพาแทนขึ้นลิฟต์ที่ใช้เครื่องย้ายอุปกรณ์การแพทย์ตามที่หมอไวน์บอกเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนที่เดินพลุกพล่านอยู่ภายในอาคาร

แม้จะเตรียมใจมาแล้วแต่พอเจอสถานการณ์จริงเข้า แทนกลับรู้สึกไม่สงบใจ เขาเป็นแบบนี้เสมอเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทศพลและไพลิน เรื่องราวในอดีตเหมือนหนามแหลมคมที่คอยทิ่มแทงใจเขาอยู่ตลอดเวลา การจะมายืนพูดคุยกับคนทั้งสองอย่างปกติคงเป็นไปได้ยาก เดิมทีแทนก็ไม่เคยคิดจะมาปรับความเข้าใจหรือรื้อฟื้นความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัวอยู่แล้ว ถึงได้ตัดสินใจออกมาอยู่คนเดียวที่คอนโดตั้งแต่อายุสิบเจ็ด เขาเรียนรู้การอยู่คนเดียว ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนไม่เห็นความสำคัญของการมีคนอื่นอยู่ข้างกาย จนกระทั่งมีใครอีกคนเข้ามาในชีวิต คนที่เปลี่ยนแปลงความคิดของเขาไปทีละเล็กทีละน้อย คนที่ทำให้โลกของเขาไม่มืดมิดเหมือนเก่า เขาถึงกล้ามายืนอยู่ตรงนี้

“ไม่เป็นไรหรอกครับ มีผมอยู่ด้วย” มืออุ่นที่ลูบกลางหลังซ้ำไปซ้ำมาลดความตึงเครียดที่มีอยู่ของแทนให้ลดน้อยลง แขนขาที่เกร็งตึงจนขยับไม่ได้ในตอนแรกเริ่มคลายตัว แทนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยเดินตามหลังครูซเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยที่มีป้ายชื่อทศพลเด่นหราอยู่

เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้น แทนเดินเข้าไปยืนกลางห้องแล้วพบกับแววตาตื้นตันใจของคนเป็นพ่อกับแม่ที่รอคอยอยู่อย่างมีความหวัง

“แทนฟ้า พ่อ...ขอโทษ พ่อขอโทษ”  ทศพลน้ำตานองหน้า ยกมือพยายามขยับขึ้นมาไขว่คว้าตัวแทนที่ยืนอยู่หลังครูซ แต่ด้วยความเจ็บป่วยอ่อนแรงทำให้ชายวัยกลางคนทำได้เพียงยกมือสั่น ๆ ค้างไว้ตรงราวกั้นเตียงเท่านั้น

“อื้ม” แทนพยักหน้าตอบกลับไปเมื่อเห็นสภาพน่าสงสารของคนตรงหน้า ทศพลซูบผอมไปมาก ใบหน้ามีแต่ความหมองคล้ำและซีดเซียว

“พ่อรักลูกมาก ฮือ...รักลูก” แทนทนรับความรู้สึกที่จู่โจมเข้ามาไม่ไหวจนต้องเบนหน้าหนี ขอบตาร้อนผ่าวไปหมด ลำคอตีบตันจนหายใจไม่ออก เขาไม่รู้ว่าต้องรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไร มันอึดอัดจนอยากจะกรีดร้องออกมา

“แทนฟ้า ฮือๆ แม่ขอโทษ” ไพลินที่ตอนแรกนั่งอยู่บนโซฟารีบลุกเดินเข้ามาหากอดแทนด้วยความรู้สึกผิด

“!!!” แต่ด้วยความที่ร่างสูงไม่ทันได้ตั้งตัวเขาจึงตกใจเผลอสะบัดแขนออกอย่างแรงตามสัญชาตญาณจนทำให้ไพลินล้มไปกองอยู่บนพื้นห้อง

“คุณไพลิน! ลุกขึ้นก่อนครับ” ครูซตกใจรีบก้มไปพยุงร่างบางที่สั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะแรงสะอื้น แทนมองตามด้วยความรู้สึกผิดแต่เขาก็ทำหน้านิ่งแสร้งมองเลยผ่านไปทางหน้าต่างไม่มองภาพผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนที่ร้องไห้เสียงดังระงม

“แม่ขอโทษที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่ที่ดี ไม่ได้อยู่ปกป้องลูกในวันที่ลูกต้องการมากที่สุด ฮือ ๆ แม่เป็นแม่ที่แย่เต็มทน ฮึก.. ลูกอาจจะโกรธจะเกลียดแม่คนนี้แล้ว แต่แม่อยากให้ลูกรู้ไว้นะ ว่าแม่รักลูกมาก รักมากที่สุด”

“....” มันยากที่จะยอมรับ เขาทนทุกข์ทรมานกับการถูกละเลยมานาน เขาเคยกรีดร้อง เคยตะโกนเรียกหาพ่อกับแม่สุดเสียง แต่ก็ไม่มีสักครั้ง ไม่เคยมีเลยที่จะมีใครสักคนหันมามอง ไม่เคยมีใครสนใจเขาที่ถูกทำร้ายให้ย่อยยับจนอยากหายไปจากโลกใบนี้ พอมาถึงวันหนึ่งคนทั้งคู่แค่ร้องไห้ร้องขอความเห็นใจ มันไม่ยุติธรรมเลย มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด

“คุณแทนครับ” ครูซคว้าแขนแทนไว้เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินหันหลังไปจับลูกบิดประตู

“ปล่อย” เสียงแหบแห้งกับร่างกายที่สั่นไหวของแทน ทำให้ครูซไม่กล้าแม้แต่จะพูดรั้งอีกฝ่ายไว้อีกเลย แทนเปิดประตูเดินออกไปก้าวหนึ่งก่อนหันกลับไปมองชายหญิงสองคนที่ร้องเรียกเขาด้วยน้ำตา

“ผมขอเวลาหน่อย...” แทนพูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไปทันที

“ฮึก...แทนฟ้า” แค่นี้ก็ดีแล้ว แค่ลูกชายเขายอมที่จะมาหา ยอมมาให้เห็นหน้าก็ดีแล้ว ต่อให้ใช้เวลานานแค่ไหน เขาก็จะรอ รอวันที่ลูกพร้อมที่จะเดินเข้ามาหาเขากับไพลินด้วยความเต็มใจ

“ผมขอพูดอะไรก่อนไปสักนิดนะครับ....ถ้าคุณไม่อยากเสียเขาไปตลอดกาล พยายามแสดงออกให้เขาเห็นถึงความรักความห่วงใยที่คุณมีต่อเขาอย่างแท้จริง คุณแทนไม่ใช่คนเย็นชาอะไร ลึกๆ พวกคุณน่าจะรู้ดี” ไพลินพยักหน้ารับด้วยน้ำตา “ผมจะช่วยเท่าที่ทำได้” ครูซยกยิ้มแล้วช่วยประคองทศพลที่ตอนแรกตะเกียกตะกายจะลงจากเตียงไปหาแทนให้นอนดีๆ โดยมีไพลินคอยจับหมอนรองศีรษะอีกที

“ขอบคุณ ฮือ ขอบคุณเธอมากนะ” ไพลินเอ่ยขอบคุณด้วยความดีใจ หลังฟังคำบอกเล่าของไวน์มาว่าลูกชายเธอยอมมาหาก็เพราะหนุ่มลูกครึ่งคนนี้ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้ หากครูซยอมเต็มใจช่วยอีกแรง ความฝันที่จะได้พูดคุยกับแทนฟ้าเหมือนครอบครัวอีกครั้งคงเป็นจริงเข้าสักวัน

“ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะสิ่งที่พวกคุณทอดทิ้งมา ผมไม่มีวันคืนให้”

TBC.

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด