✘✘เกลียดสัมผัส✘✘ แทน⇌ครูซ ║ ตอนพิเศษ ขอเพียงชั่วนิรันดร์​ ║ (25/4/2561) P.2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✘✘เกลียดสัมผัส✘✘ แทน⇌ครูซ ║ ตอนพิเศษ ขอเพียงชั่วนิรันดร์​ ║ (25/4/2561) P.2  (อ่าน 16004 ครั้ง)

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 27

การพบจิตแพทย์ไม่ได้แย่อย่างที่คิดแต่ถึงอย่างนั้นแทนก็ยังไม่รู้สึกชอบใจกับสถานการณ์แบบนี้อยู่ดี

“สวัสดีครับ ผมนพนนท์ เรียกสั้น ๆ ว่านพก็ได้”

“สวัสดีครับ”

“คุณมีอะไรอยากจะพูดอยากจะระบายกับผมบ้างหรือเปล่า พูดออกมาได้เลยนะ” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มฟังสบาย บรรยากาศในห้องนั้นให้อารมณ์ผ่อนคลายด้วยอุณหภูมิที่เย็นกำลังดี การตกแต่งห้องออกโทนขาวสว่างตา

“....” แทนกอดอกแล้วชายตาไปมองแจกันบนโต๊ะรับแขก เขาไม่มีอะไรจะพูดแล้วก็ไม่อยากจะพูดอะไรด้วย

“ถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูดงั้นผมขอถามได้ไหมครับ”

“อืม” แทนตอบรับอย่างจำยอมเพราะอย่างไรเขาก็ต้องทนอยู่ในห้องนี้กับหมอนี่สองคนอีกเป็นชั่วโมง

“คุณเริ่มไม่ชอบการสัมผัสร่างกายกับคนอื่นเมื่อไหร่ครับ” คำพูดจู่โจมของอีกฝ่ายทำให้แทนชะงักนิ้วที่กำลังเคาะเก้าอี้ฆ่าเวลาเล่นลงทันที ดวงตาสีนิลจ้องมองหนุ่มผิวน้ำผึ้งนิ่งๆ อย่างพิจารณา

“คุณจะไม่ตอบผมก็ได้ แต่ก็น่าเห็นใจครูซนิดหน่อยที่อุตส่าห์มานัดคุยกับผมทุกเย็นเรื่องของคุณ” น้ำเสียงและท่าทางของหมอนพนนท์สร้างความหงุดหงิดใจให้กับแทนเป็นอย่างมาก แต่ที่ไม่ชอบที่สุดคือการที่ครูซออกมาเจอคนอื่นโดยที่เขาไม่รู้

“คุณไม่ต้องดึงครูซมาเกี่ยว ถ้าไม่มีปัญญารักษา ก็หุบปากไป” แทนพูดลอดไรฟันเสียงเย็น

“ใจเย็นๆ ครับ ผมแค่อยากรักษาคุณ แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้ผมก็แย่สิ” ภาพหมอบุคลิกดีน่าเชื่อถือเมื่อครู่หายไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแต่หนุ่มขี้เล่นที่ยิ้มแหย่ ส่งมาให้เหมือนวัยรุ่นทั่วไปไม่ใช่คนทรงคุณวุฒิอย่างที่จะควรเป็น แทนมองแล้วขมวดคิ้วยุ่ง เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเล่นตลกอะไรอยู่ถึงเปลี่ยนวิธีการพูดสับไปสับมาอย่างนี้ เขานั้นพบจิตแพทย์มามากก็จริง เจอสารพัดวิธีที่งัดมาใช้เพื่อรักษา แต่แบบหมอนพไม่เคยเจอเลยสักครั้ง ทำเอาแทนตั้งหลักไม่ทันว่าจะรับมือกับคนประเภทนี้อย่างไรดี

“คุณแทนก็ช่วยผมหน่อยสิ คุณก็คงไม่อยากอยู่กับผมในนี้นานๆ หรอกใช่ไหม ช่วยเล่าให้ฟังแล้วผมจะรีบปล่อยให้กลับบ้านเลยดีปะ แค่ยี่สิบนาทีก็ได้ เอาย่อๆ เดี๋ยวผมกลับไปสรุปเอาเอง” หมอนพเอามือประสานไว้ตรงอกอย่างอ้อนวอน แทนเห็นการกระทำของคนตรงหน้าแล้วนึกถึงไวน์ขึ้นมาทันที ช่างสรรหาคนมารักษาเขาได้เหมือนตัวเองจริง ๆ เพื่อนไวน์แต่ละคน มีแต่แบบนี้หรือไงกัน

“เฮ้อ” แทนระบายลมหายใจออกมาแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้นวมสีชา ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้านบนออกสองเม็ดก่อนหลับตาลง คิดทบทวนเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา เขาไม่ได้อยากเรื่องมากไม่เล่าถึงสาเหตุของอาการเกลียดสัมผัส แต่เขาเบื่อที่จะเล่าแล้วต่างหาก ตั้งแต่ตอนอายุสิบสามจนถึงอายุยี่สิบปี เขาเล่าให้จิตแพทย์ฟังไปไม่ต่ำกว่าสิบรอบแต่ไม่เคยมีใครช่วยเขาได้สักคน ซ้ำร้ายทุกคนที่รับรู้เรื่องนี้ต้องถูกคุณหญิงรัศมีกำจัดทิ้งไม่ให้เหลือซากเพื่อปกปิดความลับเอาไว้ ตอนหลังที่เขามารู้ความจริงถึงไม่ยอมเข้ารับการรักษาจากใครอีกเลย เพราะไม่อยากลากชีวิตคนอื่นให้ล่มจมไปกับตัวเขาด้วย แต่ตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้ว

“ผมเริ่มรังเกียจร่างกายคนอื่นตั้งแต่...

.

.

.

“เงินทอนค่ะ”

“ครับ” ครูซยิ้มรับเล็กน้อยก่อนคว้าเงินทอนที่พนักงานสาวยื่นให้ ร่างโปร่งเดินถือกาแฟร้อนสองแก้วข้ามถนนเข้าคอนโดหรู ซึ่งเป็นสถานที่ที่หมอนพนัดให้แทนมารับการรักษาตามคำแนะนำของครูซ เพราะหนุ่มลูกครึ่งรู้ดีว่าแทนไม่มีทางสงบใจได้แน่หากต้องเดินเข้าไปรักษาในสถานที่เหมือนโรงพยาบาลเช่นนั้น ก่อนหน้านี้เขาจึงเดินทางมาปรึกษากับหมอนพด้วยตัวเองเลยได้ข้อสรุปตรงกันถึงแนวทางการรักษาของแทน เขาอยากให้แทนหาย อยากให้อีกฝ่ายได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปเสียที

ปึง!

เสียงกระแทกเปิดบานประตูดังขึ้นพอดีกับที่ครูซเดินมาถึง

“เสร็จแล้วเหรอครับ?” ร่างโปร่งถามด้วยความสงสัยพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาบ่ายโมงสี่สิบ ซึ่งเหลืออีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงกำหนดออกมา

“กลับ” แทนไม่ตอบคำถามแต่ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามปกติ แต่ครูซรู้สึกได้ว่ามันไม่ปกติตรงที่น้ำเสียงอีกฝ่ายติดจะเย็นชาขึ้นมาเหมือนตอนไม่พอใจกับอะไรสักอย่าง

“อย่าลืมที่ผมบอกนะครับคุณแทน” น้ำเสียงทะเล้นดังแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลัง ครูซจึงเบนสายตาจากคนตรงหน้าไปมองหมอนพที่ยืนยิ้มยิงฟันอย่างอารมณ์ดี แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากถามถึงหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ก็ถูกแทนขยับมาบังหมอนพไว้เสียมิดจนเขามองไม่เห็นอะไรนอกจากใบหน้าของแทนที่ติดจะหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ครูซถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรหรอก อันนี้ซื้อมาให้ใช่ปะ ขอสองเลยนะต้องนั่งปั่นงานต่ออีก” หมอนพบอกปัดซ้ำยังถือวิสาสะเดินแทรกเข้ามาหยิบแก้วกาแฟจากมือครูซไปยืนจิบด้วยสีหน้าชื่นอกชื่นใจ ไม่สนใจแทนที่ขมวดคิ้วยุ่งเดินหนีไปไม่บอกลาสักคำ

“อ่า ครับ...งั้นผมขอตัวกลับก่อน สวัสดีครับ” ครูซไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้สักเท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากขัดใจแทนจึงเอ่ยลาหมอนพแล้ววิ่งตามหลังร่างสูงที่เดินไปยืนรออยู่หน้าลิฟต์ด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์

“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแทน” ครูซถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เขาเป็นห่วงกลัวแทนคิดมากเพราะหมอนพเองก็ไม่ได้บอกถึงขั้นตอนการรักษาว่าจะเริ่มจากตรงไหน แล้วใช้วิธีไหนกับแทน

ผลัก ตุบ!

“อื้ม!!” ครูซเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่อยู่ ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายจับอัดเข้ากับกำแพงลิฟต์แล้วประกบจูบอย่างรุนแรงโดยที่ประตูลิฟต์ยังปิดไม่สนิทเลยด้วยซ้ำ มือขาวกำจิกท้ายทอยของเขากดให้แนบชิดกันมากขึ้น ลิ้นร้อนสอดเข้ามาดูดดันอย่างจาบจ้วง ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ครูซหายใจติดขัดจนใบหน้าแดงก่ำ แต่ร่างสูงก็ไม่คิดจะผละออกสักนิด จนเขาเกือบทนไม่ไหวแทนจึงถอนริมฝีปากออกแล้วขบกัดมุมปากนิ่มจมเขี้ยวจนรับรู้ได้ถึงหยดเลือดที่เริ่มไหลซึมออกมาเล็กน้อย ซึ่งถือว่าครั้งนี้คนหน้านิ่งยังมีความปรานียั้งแรงเอาไว้ไม่กัดลงมาเต็มที่เหมือนทุกที

“อือ อะ แฮ่ก ๆ ” ครูซหอบหายใจ เอนหน้าผากพิงกับไหล่แทนอย่างหมดแรง มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อเชิ้ตขาวของอีกฝ่ายไว้แน่น จูบเก่ง...จะกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยตามเกมจูบแสนดุดันของแทนทันเลยสักนิด ถ้าไม่มีมือขาวช่วยประคองเอวไว้ข้างหนึ่งมีหวังเขาคงเข่าอ่อนจนหมดสภาพมากกว่านี้แน่

“คุณแทนโกรธอะไรผมครับ” ครูซที่ปรับลมหายใจตัวเองให้กลับมาเป็นปกติได้แล้ว เอ่ยถามด้วยความกังวลใจทันที

“เงียบ” แทนบีบเอวเป็นการเตือนให้เงียบก่อนเปลี่ยนมาจับมือครูซดึงออกจากลิฟต์ตรงไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับทางเข้าเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ต่างคนต่างเงียบ ครูซขับรถกลับเหมือนทุกที แทนเองก็เบนหน้ามองข้างทางตลอดไม่ได้หันมามองครูซเลยสักครั้งจนกระทั่งถึงคอนโด

“คุณแทน” พอเข้ามาถึงในห้องครูซก็เดินไปดักหน้าอีกฝ่ายไม่ให้เดินหนีเข้าห้องนอน

“ถ้าวันหลังอย่า...!!” แทนพูดเสียงดังแล้วก็เงียบไปเหมือนเมื่อกี้อีกฝ่ายห้ามอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ถึงได้หลุดพูดออกมา

“ทำไมครับ”

“เฮ้อ~” แทนถอนหายใจ ผลักไหล่ครูซให้หลบทางแล้วเดินเลี่ยงเข้าห้องนอนไปอาบน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ที่มันตีกันวุ่นวายอยู่ภายในหัว

“เดี๋ยวสิครับ คุณแทนยังไม่ได้บอกเลยนะว่าโกรธผมเรื่องอะไร”

“ไม่มี”

“คุณแทน”

“แม่ง!!” แทนสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เขาไม่ชอบใจตัวเองตอนนี้เลย เขาดูกลายเป็นคนงี่เง่ามากถ้าบอกเหตุผลที่อารมณ์เสียใส่ครูซไป

“ผมขอโทษ...คุณแทนอยากทานข้าวเย็นอะไรครับ” ครูซเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นแทนอารมณ์ไม่คงที่ มือก็คอยลูบหลังให้แทนใจเย็นขึ้น เขาก็มัวแต่สนใจประเด็นที่แทนโกรธจนลืมนึกถึงอาการที่ยังไม่หายดีของอีกฝ่ายไปเสียสนิท

“แล้วแต่คุณ” แทนสูดหายใจเข้าออกพยายามสกัดกั้นอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายในอก

“งั้นไปอาบน้ำเถอะครับ เสร็จแล้วผมไปเรียกแต่อย่าล็อกกลอนนะ”

“อืม” แทนพยักหน้ารับ ครูซลูบหลังแทนอีกสองสามทีก่อนจูบขมับอีกฝ่ายแล้วต่างคนต่างเดินไปทำธุระของตัวเอง ครูซเปิดตู้เย็นแล้วหยิบของสดออกมาจัดเรียงเพื่อทำต้มยำกุ้งกับผัดเห็ดรวม ระหว่างทำร่างโปร่งก็คิดทบทวนว่าตนไปทำเรื่องอะไรไว้แทนถึงแสดงท่าทีไม่พอใจขนาดนั้น เพราะช่วงหลังมาน้อยครั้งมากที่อีกฝ่ายจะหงุดหงิดอารมณ์เสียแล้วทำรุนแรงใส่เขา ตอนที่ถูกตะคอกว่าให้เงียบ เขายอมรับว่าใจเสียไปแล้วเกินครึ่ง แทบอยากจะวิ่งกลับไปถามหมอนพให้รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำว่าไปพูดหรือทำอะไรกับคุณแทนมาอีกฝ่ายถึงมีท่าทีแบบนี้ใส่เขา แต่ยังดีตอนที่สติกำลังแตกกระเจิงนั้น คุณแทนเลือกที่จะจับมือเขาไว้ มันเหมือนกับว่าเรื่องที่อีกฝ่ายโกรธไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดทำให้เขาถูกลดความสำคัญลง เขาถึงยอมเงียบมาตลอดทางเพื่อกลับมาถามต่อที่คอนโด

หมับ

ครูซที่กำลังยืนเหม่อลอยมองหม้อต้มยำเดือดอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสวมกอดจากข้างหลัง ผิวกายที่เย็นชื้นบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเพิ่งอาบน้ำเสร็จมาหมาด ๆ

“วันหลังช่วยบอกได้ไหมเวลาจะไปไหนกับใคร...ผมไม่อยากรู้จากปากคนอื่นที่ไม่ใช่คุณ” แทนซบหน้ากับซอกคอครูซพูดด้วยเสียงอู้อี้แผ่วเบา

“ครับ” พอฟังจบครูซก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มทันที อยากจะพลิกตัวไปคุยด้วยแต่แทนกลับกอดรัดเอวเขาไว้เสียแน่น ราวกับอายกับสิ่งที่ได้พูดออกมาให้เขาได้ยิน

“ไม่ชอบตัวเองที่ไร้สาระ” แทนบ่นด้วยเสียงเหนื่อยใจ ครูซหัวเราะเบา ๆ ยกมือเอื้อมไปลูบต้นคอแทนเป็นการปลอบโยน

“แต่ผมชอบตอนคุณแทนไร้สาระแบบนี้... น่ารักดี”

“ฮึ่ม...อย่าพูดคำว่าน่ารักกับคนอย่างผมจะได้ไหม”

“น่ารักสำหรับผมคนเดียวไม่ดีเหรอครับ”

“ก็...ดีมั้ง” แทนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับคำพูดเชิงหยอกล้อของครูซ

ความสัมพันธ์ของคนสองคนแทนไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้เลยไม่รู้ว่าต้องรับมืออย่างไร แม้จะมีบางเรื่องที่เขายังต้องทำความเข้าใจอีกมากกับความรู้สึกของตัวเอง...แต่ถ้ามันเกี่ยวกับครูซ เขาเต็มใจที่จะเรียนรู้

.

.

.

หลังจากจัดการเรื่องคดีความของคุณหญิงรัศมีได้ไปเกินครึ่งแล้ว พัชชาก็หาโอกาสมาเยี่ยมเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างทศพลอีกครั้งหนึ่ง เธออยากมาหาอีกฝ่ายตั้งนานแล้วแต่เพราะเรื่องวุ่นวายยังสะสางได้ไม่เรียบร้อยดี จึงได้แต่ปล่อยให้เวลาลุล่วงมาเกือบเดือนจนทศพลกลับไปพักฟื้นอยู่ที่บ้าน

“เป็นไงบ้างยังเจ็บแผลอยู่ไหม” พัชชานั่งลงบนเก้าอี้ใกล้กับชานระเบียงที่มีทศพลนั่งอ่านหนังสืออยู่บนม้านั่งตัวยาวด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

“ก็ดีขึ้นแล้วมีตึง ๆ แผลบ้างบางทีเวลาขยับตัว” ทศพลถอนแว่นสายตาออก คั่นหน้าหนังสือด้วยการ์ดสีขาวก่อนวางลงบนตักเพื่อหันมาคุยกับพัชชาดี ๆ

“ยังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่อีกเหรอ” ปรัชญาชีวิต คาลิล ยิบราน หนังสือเล่มโปรดของทศพลที่พัชชาเห็นอีกฝ่ายอ่านมาแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบตั้งแต่รู้จักกันมา

“อื้ม...นาน ๆ ทีคิดถึงก็จะกลับมาอ่าน” ทศพลพลิกหนังสือในมือไปมาก่อนยื่นให้พัชชาดูประโยคสั้น ๆ ที่เขียนไว้ที่ด้านหลังว่า แด่เพื่อน สุขสันต์วันเกิด ตัวอักษรลายอาลักษณ์ที่เธอเป็นคนเขียนเอาไว้มีเลือนรางไปบ้างตามกาลเวลาแต่มิตรภาพช่วงวัยรุ่นที่อัดแน่นอยู่ภายในไม่ได้จางหายลงไปเลยสักนิด เธอหัวเราะเบา ๆ กับภาพความทรงจำในอดีตที่ทศพลดีใจจนนั่งอ่านทั้งวันไม่ยอมวางแม้จะเคยอ่านมาหลายรอบแล้วก็ตาม หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์หลายครั้งมีให้เลือกซื้ออยู่ตลอดก็จริง แต่หนังสือที่เป็นต้นฉบับการตีพิมพ์แรก ๆ เป็นของหายากมาก แฟนพันธุ์แท้อย่างทศพลจึงปลื้มใจกับของขวัญวันเกิดชิ้นนี้เป็นพิเศษ

“นานแล้วเหมือนกันนะที่เราไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้” พัชชามองใบไม้ที่ร่วงลงบนพื้นแล้วหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีตระหว่างเธอกับทศพลที่เรียนอยู่คณะเดียวกัน แม้จะเป็นเพื่อนต่างเพศแต่ทั้งสองก็สนิทกันมาก คุยกันได้ทุกเรื่อง ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลากหลายเหตุการณ์ และทศพลเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่รับรู้ถึงรสนิยมทางเพศของเธอ สมัยก่อนเรื่องพวกนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ ตัวเธอเองก็อึดอัดกับสภาพสังคมที่บีบบังคับอยู่มาก ที่บ้านเคยจับเธอคลุมถุงชนเสียด้วยซ้ำ ดีที่ยายของเธอช่วยพูดเอาไว้พ่อกับแม่ถึงไม่มายุ่งกับชีวิตของเธออีกเลย ชีวิตเธอผ่านอะไรมาเยอะจนบางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยอยากหายไปจากโลกใบนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็น่าแปลกที่ทุกครั้งที่คิดจะทำ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคุณแทนก็แล่นขึ้นมาในหัวทุกที นี่คงจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เธอยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ชดใช้ความผิดให้กับอีกฝ่าย ชดใช้ทั้งหมดด้วยชีวิต

“ก็มีแต่แกไม่ใช่หรือไงที่ไม่ยอมคุยกับฉัน” ทศพลหัวเราะนิด ๆ ไม่ได้ถือสาอะไรกับอดีตที่ผ่านมาแล้ว

“มันทำใจลำบากที่จะยอมรับนะ” พัชชาตบไหล่ทศพลสองสามทีเหมือนที่ชอบทำเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น

“แล้วหายโกรธฉันหรือยังล่ะ”

“ไม่...ฉันไม่เคยโกรธแก” แต่ที่เธอไม่ยอมคุยกับทศพลมาเป็นสิบปีเพียงเพราะว่า เธอทำใจเรื่องเบลไม่ได้ เธอทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ ว่าเบลรักคนอื่นอยู่ และคนคนนั้นบังเอิญเป็นเพื่อนสนิทสมัยมหาลัย เพื่อนที่คบกันมาอย่างยาวนานแบบทศพล

“แล้วคุณแม่... // แค่คุณหญิงคนเดียวที่ฉันไม่มีวันให้อภัย” พัชชาพูดสวนขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าทศพลจะพูดเรื่องอะไร

“อืม...ฉันยังทำใจลำบากเลย” ทศพลยิ้มอ่อนแรงเมื่อนึกถึงสิ่งที่คุณหญิงรัศมีทำเอาไว้ ก่อนหน้านี้เขาเข้าไปเยี่ยมคนเป็นแม่ในห้องขังพิเศษ เธอโทรมลงไปมากจนเขาน้ำตาร่วง อยากช่วยอีกฝ่ายออกมาใจแทบขาดแต่ต้องพึงระลึกไว้เสมอกับความผิดที่แม่ทำไว้กับคนอื่นอีกมากมาย รวมถึงลูกชายเพียงคนเดียวของเขาด้วย ในฐานะลูกเขาคงเป็นคนเนรคุณที่ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยแม่ แต่ในฐานะพ่อและมนุษย์คนหนึ่งการปล่อยให้อีกฝ่ายรับผิดตามที่ได้ทำเอาไว้ถือว่าถูกต้องแล้ว

“แกไม่ได้ผิดอะไร มันเป็นสิ่งที่คุณหญิงต้องได้รับผลจากการกระทำของตัวเองอยู่แล้ว” พัชชาพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของทศพล

“แม่รักฉันมาก ยอมทำทุกอย่างให้ ไม่เคยดุด่าฉันสักคำ สำหรับคนอื่นแม่อาจเป็นคนเลวคนชั่ว แต่สำหรับฉันแม่คือผู้หญิงที่เก่งและแสนดีที่สุด...มัน...มันทำใจได้ยากมาก ที่จะปล่อยให้แม่อยู่ในสภาพแบบนั้น” ทศพลพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ล่าสุดที่เข้าไปเยี่ยมคุณหญิงรัศมี เธอมีอาการประสาทหลอนและคลุ้มคลั่งควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้ทศพลจะเข้าไปกอดไปพูดคุยบอกว่าเขายังไม่ตาย แต่คนเป็นแม่ก็ไม่รับรู้ความจริงอะไรอีกแล้วนอกจากกรีดร้องเรียกหาแต่เขาที่อยู่ในมโนภาพของตัวเอง

ตอนเด็กๆ เขาจำได้ว่าบรรดาพวกลุงป้าน้าอาเคยเล่าให้ฟังเรื่องแม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับพ่อของเขาที่มีอายุห่างกันเกือบยี่สิบปีทำให้มีอาการทางประสาท เขาที่ยังเด็กไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องราวพวกนั้น เพียงรู้สึกไม่ชอบใจที่แม่ของตนถูกหาว่าเป็นบ้า เขาถึงไม่สะกิดใจกับสิ่งต่างๆ ที่แม่ทำลับหลังเลยสักนิด หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะรับฟังความเป็นมาทั้งหมด เขาจะโอบกอดแม่ด้วยความรักเหมือนที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้เขามาโดยตลอด ไม่ใช่ทำตัวเป็นลูกแหง่ที่หาปัญหามาให้แม่จัดการให้แทบทุกอย่างอยู่แบบนี้

“มันอาจเป็นความผิดของฉันตั้งแต่แรกก็ได้ ความผิดของฉัน” ความผิดที่เขาอ่อนแอ คนเป็นแม่จึงต้องสร้างเกราะที่แข็งแรงเพื่อพยุงลูก ๆ ทั้งสองคนเอาไว้ด้วยตัวคนเดียว เขาจำได้ดีในวันแรกที่พ่อเสียแล้วแม่หัวเราะทั้งน้ำตา ผู้หญิงที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่แสนลำบากทั้งหมดแทนสามี ความกดดันและความเครียดคงหล่อหลอมให้คุณหญิงรัศมีเป็นแบบนั้น เป็นปีศาจที่ทำลายชีวิตทุกคนรอบข้างเพื่อปกป้องตัวเองเอาไว้

“ก็อาจจะเป็นอย่างที่แกพูด แกอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้คุณหญิงเป็นแบบนั้น แต่เชื่อเถอะสุดท้ายแล้วคนที่เลือกลงมือทำทุกอย่างก็คือตัวคุณหญิงเอง เธอเลือกเองทั้งหมดไม่เกี่ยวกับใคร” เหตุการณ์ที่ผ่านมาสั่งสอนให้พัชชาเรียนรู้ว่าต่อให้เราจะเคยเจ็บปวดทรมานขนาดไหนก็ไม่ควรเอาความทุกข์ทรมานไประบายใส่คนอื่นเหมือนอย่างที่คุณหญิงรัศมีกับเบลเคยทำเอาไว้...เพราะสุดท้ายความทุกข์ทรมานนั้นมันจะถูกส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นวังวนเหมือนที่คนรอบข้างของทั้งสองคนต่างได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน ไม่มีใครได้ยิ้มและหัวเราะได้อย่างสุขใจเต็มที่สักคน

“ฉันคงต้องทำใจยอมรับ...ฉันต้องทำเพื่อลูกบ้าง” ทศพลหลับตาลงพร้อมหยดน้ำตาที่ซึมออกมาเล็กน้อย แม้จะเจ็บปวดกับการที่ช่วยเหลือแม่ไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ทำหน้าที่ของพ่อ...พ่อที่ปกป้องลูกชายของตัวเองเอาไว้ได้

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2018 23:23:05 โดย chanlee »

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 28

“คุณแทนจะให้ผมไปรับกี่โมง”

“ไม่ต้องเดี๋ยวกลับเอง”

“แต่คุณไม่ได้เอารถไปนะครับ”

“เดี๋ยวหมอนพไปส่ง แค่นี้นะ”

“...ครับ”

แทนทำใจกดวางสายจากครูซที่มีน้ำเสียงค่อนข้างจะผิดหวังจากการถูกเขาปฏิเสธไม่ให้มารับ เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่มันเป็นข้อตกลงระหว่างเขากับหมอนพ ข้อตกลงที่มันมีความสำคัญมาก ๆ ต่อวันอาทิตย์ที่กำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้

“ทำหน้าแบบนี้กับเขาก็เป็นด้วย” เสียงกวนอารมณ์จากหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งสร้างความรำคาญใจให้แก่แทนเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ติดว่านพนนท์เป็นหมอเพียงคนเดียวที่พอจะช่วยให้เขาหายจากโรคที่เป็นอยู่ได้ เขาไม่มีทางมานั่งให้มันกวนประสาทแบบนี้หรอก

“อย่าพูดมาก รีบทำ” แทนส่ายหน้าปลง ๆ

“โอ้~ วันนี้มาแปลก ปกตินี้นั่งอยู่ค่อนวันถึงจะให้เริ่ม หึ ๆ สงสัยจะรีบกลับไปง้อหนุ่มน้อยใช่ไหม” หมอนพหัวเราะชอบใจก่อนกดขวดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือถู ๆ ให้ทั่วทุกนิ้ว พอทำเสร็จก็ยื่นมือขึ้นสองข้างโบกไปมาตรงหน้าแทนเป็นการบอกว่าตอนนี้มือเขาสะอาดปลอดเชื้อโรคแล้วนะ

“มะ เริ่มกัน...อ้าว! แทนอย่าหนีผมดิ” หมอนพที่ยิ้มกว้างพร้อมเริ่มการบำบัดร้องออกมาอย่างตกใจที่อยู่ ๆ แทนก็ลุกพรวดเดินหนีไปยืนอยู่อีกมุมห้องทันทีที่เขายื่นมือไปหา

“ฮึ่ม! อย่าเข้ามา!!” แทนชี้หน้าร้องห้ามหมอนพไม่ให้ขยับเข้ามาใกล้ตน

“แล้วแบบนี้จะจับไงล่ะ ขยับมา” หมอนพพูดจบก็กวักมือเรียก ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายทีละก้าวอย่างเนียน ๆ

“หยุด! เดี๋ยวจับเอง อยู่นิ่ง ๆ”

“อ่า ๆ ๆ แล้วแต่เลย” หมอนพยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ยืนกระดิกเท้ากวน ๆ รอให้แทนเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเอง แทนมองท่าทางกวนประสาทนั้นอย่างหัวเสีย ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นใจก้าวเท้าเข้าไปยืนใกล้หมอนพ มือขาวสั่นเทาขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่กำลังจะทำ

เขารังเกียจ ขยะแขยง เขากลัวการสัมผัส ใบหน้าแทนซีดเผือด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นตามขมับทั้งสองข้าง

หมับ

“ปล่อย! บอกให้ปล่อยไงวะ!!” แทนร้องลั่น พยายามกระชากมือตัวเองออกจากอุ้มมือร้อนของหมอนพที่อาศัยจังหวะเขาเผลอสอดประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกันเสียแน่น

“ชู่~ มองหน้าผม ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่จับมือเฉย ๆ ไม่สกปรกด้วยเพิ่งล้างแอลกอฮอล์เมื่อกี้เอง แทนก็เห็น เพราะงั้นไม่เป็นไรนะ ตั้งสติ สูดหายใจเข้า ค่อย ๆ ผ่อนลมออก” หมอนพที่ตัวเท่า ๆ กันกับแทน ดันอีกฝ่ายให้ชิดกำแพงแล้วใช้ตัวกดไม่ให้คนหน้านิ่งดิ้นก่อนค่อย ๆ พูดปลอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ เหมือนไม่ได้ทำเรื่องจริงจังกันอยู่ แทนพยายามตั้งสติควบคุมลมหายใจตามคำพูดของหมอนพ ภายในหัวนึกถึงแต่ครูซซ้ำไปซ้ำมาเพื่อลบล้างความรู้สึกกลัว ขยะแขยง เมื่อผ่านไปสักพักร่างกายที่สั่นเกร็งก็เริ่มคลายลง 

“เห็นไหม ไม่ยากเลย” หมอนพยิ้มพร้อมเอ่ยชมกับปฏิกิริยาตอบสนองต่อการสัมผัสของแทนที่ดีขึ้นกว่าวันแรก ๆ ที่รักษา ตอนนั้นแค่เขายื่นมือไปแตะแขนก็ถูกถีบกระเด็นไปกองกับพื้นจนเอวเคล็ดไปซะตั้งหลายวัน

“อืม...ปล่อยก่อน” แทนใช้ไหล่ผลักให้หมอนพขยับออกจากตัวเขาเสียที หลังถูกกดติดกับผนังห้องมานานจนรู้สึกชาไปทั่วทั้งแผ่นหลัง

“ไม่ปล่อย วันนี้จะจับสักครึ่งชั่วโมง” ไม่พูดเปล่าหมอนพยังแกว่งมือที่กุมกันไว้กับแทนส่ายไปมาเหมือนที่เด็กอนุบาลชอบทำกัน

“ไม่” ถึงจะไม่ได้รู้แย่ขนาดทนไม่ได้แต่แทนก็ไม่นึกชอบสัมผัสของคนอื่นนอกจากครูซอยู่ดี ยิ่งจับมือแบบสอดประสานกันไว้แบบนี้ยิ่งรังเกียจ ไหนจะเหงื่อที่ไหลซึมออกมาจนชื้นแฉะ คราบไคลหรือกลิ่นน้ำหอมจากตัวอีกฝ่ายเขาก็ไม่ชอบ

“ไม่ปฏิเสธใช่มะ ฮ่า ๆ อย่าลืมสิ วันอาทิตย์นี้ต้องไปเจอแม่ครูซไม่ใช่เหรอ ฝึก ๆ ไว้จะได้ชิน เวลาไปเจอครอบครัวเขาจะได้ไม่ทำอะไรที่ผิดสังเกต”

“เฮ้อ...” แทนถอนหายใจ ที่เขายอมลงทุนมาคลุกอยู่กับหมอนพวันละหลาย ๆ ชั่วโมงก็เพราะเรื่องนี้นั่นแหละ ตอนนั้นเขาโทรไปขอร้องแอนนี่ให้ครูซมาอยู่ที่คอนโดด้วยเหตุผลที่ว่า เขาอยู่ไม่ได้หากไม่มีครูซข้างกาย แอนนี่เงียบไปสักพักใหญ่แล้วตอบกลับมาแค่ว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่ให้เขาเข้าไปคุยกับเธอ เหมือนแอนนี่จะพอเดาความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองคนออก แต่เธอแค่ไม่ถามออกมาเท่านั้นเอง ในเมื่อเธอแสดงความจริงใจให้เขาขนาดนี้ เขาเองก็ต้องแสดงออกให้เธอเห็นถึงความจริงใจของเขาที่มีต่อลูกชายเธอเช่นกัน

“คุณนพนนท์ปล่อยมือผมก่อน” แทนฝืนความรู้สึกขยะแขยงต่อไปไม่ไหว เอ่ยขอด้วยเสียงอ่อนแรง หลังนั่งให้หมอนพนั่งจับมือมาเกือบยี่สิบนาที

“เรียกซะเต็มยศเลย เรียกนพเฉย ๆ ก่อนถึงจะปล่อย”

“นพปล่อย” แทนไม่รีรอรีบพูดออกไปทันที ทำเอาคนขี้แกล้งขมวดคิ้วยุ่งเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้

“โห ไม่หนุกเลย ทำไมยอมเรียกง่ายจัง ปกติคนนิ่ง ๆ เขาจะแบบหยิ่ง ๆ ไม่พูดดิ”

ไร้สาระ ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งรู้สึกว่าหมอนี่พิลึกคน

“จะกลับแล้ว” แทนสะบัดตัวออกห่างจากหมอนพแล้วพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการขึ้นมาทันที

“ครับ ๆ เดี๋ยวโชเฟอร์คนนี้จะพานายท่านไปส่งให้ถึงที่เลย” หมอนพพยักหน้ารับ เดินไปหยิบกุญแจรถ ปิดไฟปิดประตูแล้วเดินนำแทนไปขึ้นรถยนต์ยี่ห้อดังของยุโรปที่เพิ่งออกใหม่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว จะว่าไปตั้งแต่หมอนพซื้อรถมายังไม่เคยให้ใครนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถสักครั้ง วันนี้คงจะเป็นแทนที่ได้อภิสิทธิ์นั้นไปครอบครอง แต่ดูเหมือนสิ่งที่เขาคิดไว้ในตอนแรกจะผิดคาดเมื่ออีกฝ่ายเดินผ่านประตูรถข้างคนขับ

“อ้าว ไปนั่งหลังทำไมแทน มานั่งหน้าดิ” หมอนพเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจที่แทนเปิดประตูด้านหลังแล้วขึ้นมานั่งบนเบาะด้วยท่าทางเย็นชาไม่ตอบสนองกับคำถามของเขาเลยสักนิด

“ผมไม่ใช่คนขับรถนะ!!” เมื่อแทนไม่ได้สนใจ หมอนพก็โวยวายขึ้นมาทันทีแต่ไม่ว่าจะพูดสักเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่หันมาสนใจเลยสักนิด จนชายหนุ่มเหนื่อยที่จะพูดจึงล่าถอยไปเองยอมขับรถออกไปตามทางที่แทนเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ตลอดทางที่ขับรถไปส่งมีเพียงแต่เสียงของหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งคนเดียวที่พูดไม่ยอมหยุดปาก มีบ้างนาน ๆ ครั้งที่ถามอะไรออกไปแล้วคนหน้านิ่งจะตอบกลับมาสักคำ แต่ถ้าเรื่องไหนที่เกี่ยวกับครูซ ดวงตาสีนิลจะมีแววความรู้สึกหวงแหนขึ้นมาทันที

“อย่าบอกนะว่าตอนไปไหนมาไหนกับครูซก็นั่งหลังแบบนี้”

“ไม่” แทนตอบเหมือนไม่ได้ใส่ใจนัก หากถ้าเป็นตอนแรกก็อาจจะใช่ เขาไม่ชอบการนั่งใกล้กับคนอื่น ยิ่งหน้ารถที่แคบและชิดกันแบบนั้นยิ่งไม่ชอบ แต่กับครูซเขากลับรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้อึดอัดอะไร บางครั้งกลับสบายใจขึ้นด้วยซ้ำยามอีกฝ่ายจอดรถติดไฟแดงแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวลูบแก้มเขาเล่น

“สองมาตรฐานชัดๆ ” แทนหัวเราะขึ้นจมูก สำหรับเขาไม่มีใครสำคัญเท่าครูซอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีทางเทียบได้กับครูซ คนที่เขายอมให้ทุกอย่าง ยอมลงให้ในแบบที่ไม่เคยทำให้ใคร

“ถึงล่ะ”

“ขอบใจ” แทนเอ่ยขอบคุณแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถ ขายาว ๆ ก้าวเดินไปตามทางที่คุ้นชินแต่เพียงไม่นานก็ต้องหันกลับไปมองด้านหลังอย่างหงุดหงิดใจ

“ตามมาทำไม” แทนถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นบุคคลที่สมควรขับรถออกไปแล้วเดินตามหลังมาติด ๆ

“จะไปทักทายครูซหน่อย” แทนขบกรามแน่นเมื่อฟังจุดประสงค์ของอีกฝ่าย

“กลับไป” เสียงเย็นชาที่ทำเอาคนอื่นหวาดกลัวของแทนไม่สามารถใช้กับคนอย่างหมอนพได้ นอกจากจะไม่เกรงกลัวแล้ว ยังมีหน้ามายืนเบะปากร้องขอด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ อีก เห็นแบบนั้นแล้วแทนรู้สึกขวางหูขวางตาจนอยากหาอะไรมาขว้างใส่ให้อีกฝ่ายเลือดตกยางออก มันไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย แต่เขารู้สึกอยากทำจริง ๆ อยากทำให้หัวมันเลือดโชกจะได้ไม่มากวนประสาทหรือพูดจาถึงครูซอีก

“โทษ ๆ ใจเย็นสิ ยอมกลับแล้วอย่าโมโห” หมอนพรับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบตัวแทนที่เริ่มเปลี่ยนไปจึงยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้… คงถึงขีดจำกัดของแทนแล้ว เขาไม่สามารถล้ำเส้นที่อีกฝ่ายขีดไว้ได้มากกว่านี้

“กลับก็ได้ ไม่ต้องมองขนาดนั้น” ดวงตาสีนิลจ้องมายังเขาอย่างดุดัน แม้มันจะดูบ้าคลั่งและเย็นชาแต่เขากลับชอบที่จะถูกจ้องมอง แทนมีเสน่ห์ดึงดูดแบบแปลก ๆ ยิ่งเห็นยิ่งอยากเข้าหา ใบหน้านิ่ง ๆ แบบนั้นยามอยู่กับหนุ่มลูกครึ่งกลับอบอุ่นสว่างไสวขึ้นมาจนเขาไม่อาจจะละสายตาได้ ถ้ามาเจอก่อนหน้านี้ก็คงดี...อยากทำให้คนที่แข็งกระด้างด้านชาเช่นนี้ยอมลงให้กับเขาเพียงคนเดียว

“เดี๋ยว ๆ จับมือก่อน” หมอนพเผลอรั้งแขนแทนที่หมุนตัวเดินหนีไว้แน่น

“ปล่อย!!” แทนสะบัดแขนออกสุดแรง สีหน้าแสดงความรังเกียจอย่างไม่คิดปิดบัง หมอนพยิ้มขำ ๆ ไม่ได้ถือสาอะไรกับท่าทีแบบนั้นของอีกฝ่าย จะเรียกว่าชินก็ได้มั้งเพราะตั้งแต่เริ่มการรักษามาเขาก็เจอแต่สีหน้าแบบนี้ของแทนทุกวัน ไม่มีหรอกจะยิ้มจะหัวเราะให้เห็น ขนาดตอนอยู่กับครูซอย่างมากก็แค่ยิ้มมุมปากแค่นั้นเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าถ้าแทนกับครูซอยู่กันแค่สองคน คนหน้านิ่ง ๆ แบบแทนอาจจะมีอีกมุมที่ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางได้เห็นนอกจากครูซก็ได้

“ถ้ายอมเป็นฝ่ายจับมือก่อนจะรีบกลับเลย เร็ว ๆ ดิ อย่าลืมสิวันนี้ผมอุตส่าห์ปล่อยคุณออกมาก่อนเวลาตั้งหลายชั่วโมงนะ” หมอนพพูดยิ้ม ๆ

“ตอนนี้ชักรู้สึกผิดแล้วสิ ที่เอาเปรียบคนอื่นทำงานไม่ครบเวลา เฮ้อ~ คงต้องโทรไปขอโทษกับครูซสักหน่อยแล้วมั้ง” ไม่พูดเปล่า มือใหญ่ล้วงไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกางเกงสแลคขึ้นมาทำท่ากดหาเบอร์ครูซด้วยสีหน้าสำนึกผิด แทนกำหมัดแน่น ขบฟันอย่างนึกโมโห คนอย่างหมอนี่สมควรถูกทำร้ายให้นอนจมกองเลือดเสียจริง ถ้าไม่ติดว่าเขารังเกียจคงจะตรงเข้าไปบีบคอมันแล้วจับกระทืบให้ตายคาเท้า

“อย่ายุ่งกับครูซ” แทนเอ่ยเตือนด้วยเสียงเรียบนิ่ง

“ไม่ยุ่งก็ได้...แต่ต้องทำไงก่อนครับแทน” หมอนพยอมเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงง่าย ๆ พร้อมทวงสิ่งที่เขาขอไปก่อนหน้านี้ด้วยสีหน้าสุขใจแตกต่างจากแทนที่ยืนโกรธจนหน้าดำหน้าแดง

หมับ

“เฮ้ย!” แทนสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือที่ยื่นไปจับถูกกระชากเข้าหาตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะข้างหูกับลมหายใจที่ไม่คุ้นชินทำเอาแทนตัวอ่อนจนไม่มีแรงผลักหมอนพออกจากตัว ภายในหัวมีแต่คำว่าขยะแขยง ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน เขารู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอ้วกแต่ดีที่อีกฝ่ายเหมือนจะรับรู้ถึงความผิดปกติของเขา ถึงรีบปล่อยตัวเขาออกแล้วขยับออกห่าง

“โอ๊ะโอ เจอจุดอ่อน หูไวต่อสัมผัสเหรอครับ” น่าสนใจ คนคนนี้น่าสนใจจนเขาหุบยิ้มไม่ลง มันตื่นเต้นเหมือนตอนเจอเคสคนไข้รักษายากๆ เป็นครั้งแรก เหมือนได้กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งเลย ความรู้สึกอยากรู้อยากลองแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้วสิ สงสัยต่อมใต้สมองเขาคงหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมามากแน่ ๆ ถึงได้รู้สึกเบิกบานได้ขนาดนี้

“หุบปาก” แทนพิงหลังกับกำแพงในลานจอดรถ ลมหายใจหอบรุนแรงจนหมอนพเริ่มเป็นห่วง

“ขอโทษครับ ค่อยๆ หายใจเข้า หายใจออก ชู่~ ผมไม่ได้จะทำร้ายแทน มองตาผม” น้ำเสียงสบาย ๆ กับดวงตามั่นคงสงบนิ่งที่หมอนพชอบใช้เวลาทำการบำบัดทำให้แทนค่อย ๆ หายเกร็ง เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องฟังที่หมอนพพูด เขาไม่ชอบหน้ามันแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาสงบลงได้ยามอีกฝ่ายใช้น้ำเสียงและดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองมานิ่ง ๆ

“เก่งขึ้นแล้วนี่ อีกหน่อยก็หายแล้วครับ” หมอนพพูดยิ้มๆ ไม่ได้ขยับเข้าไปช่วยแทนที่พยายามพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นตรง ๆ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการ และวันนี้มันก็มากเกินพอสำหรับการฝืนบังคับแทนแล้ว

ไม่ใช่ว่าเขาเอาความรู้สึกส่วนตัวมาใส่ในงานจนแกล้งอีกฝ่ายเล่น แต่เขาใช้วิธีการรักษาในแบบของเขาเองต่างหาก คนแต่ละคนต้องมีวิธีเข้าหาแตกต่างกัน เขาไม่สามารถทำตัวจริงจังเพื่อบำบัดคนที่มีลักษณะเครียดและหวาดระแวงกับทุกเรื่องอย่างแทนได้

แม้เจ้าตัวจะทำเหมือนไม่ชอบคนเฮฮา พูดเก่ง แต่จริงๆ แล้วแทนมักยอมลดกำแพงให้กับคนประเภทนี้ เขาสังเกตจากไวน์ที่มักวิ่งพรวดเข้าไปหาไปเกาะแกะ พูดจาอ้อนใส่ ถึงแทนจะชักสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ห้ามอย่างจริงจังสักที ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผูกพันมาตั้งแต่เด็ก แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนเรามักมองหาในสิ่งที่ตัวเองขาดหายไป

คนที่หัวเราะร้องไห้ง่าย อารมณ์อ่อนไหว มักหาคู่ชีวิตที่มีความมั่นคงในอารมณ์ และพึ่งพิงได้ ส่วนคนที่จริงจังกับการใช้ชีวิตมักมองหาคนร่าเริงที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด คนส่วนใหญ่มักเป็นแบบนี้ ทั้งรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้างสลับกันไป ความรักสำหรับคนทั่วไปคงเป็นสิ่งหนึ่งที่ซับซ้อน ทั้งสัตว์และมนุษย์มักยากที่จะบอกได้ว่าทำไมเราถึงรักคนนี้แล้วทำไมวันต่อมาถึงเลิกรักได้อย่างง่ายดาย แต่เขาที่เชื่อและเรียนทางด้านนี้มา พฤติกรรมหรือความรู้สึกนึกคิดของคนเรามีส่วนมาจากสารเคมีในสมองทั้งนั้น จะให้หมกมุ่นจมปลักร้องไห้เสียใจฟูมฟายกับความรัก เรื่องแบบนั้นคงไม่เกิดขึ้นกับเขาอีกแล้ว...คนที่รู้ทันสมองตัวเอง

“กลับไป”

“เจอกันพรุ่งนี้ครับ” น้ำเสียงและแววตาที่นิ่งสงบทำให้แทนอดคิดไม่ได้ว่าก่อนที่จะมารักษาคนอื่น  นพนนท์สมควรรักษาตัวเองก่อนด้วย เปลี่ยนนิสัยเปลี่ยนวิธีพูดไปมาไม่หยุดนิ่ง คนที่เหมือนจะรู้ทันทุกคนไปเสียทุกเรื่อง คนประเภทนี้ก็น่ากลัวไม่น้อยไปกว่าคนที่ป่วยเป็นโรคประสาทแบบเขาสักเท่าไหร่หรอก หรือบางทีการที่หมอนพสามารถเข้าใจและรักษาคนไข้ได้เป็นอย่างดี อาจจะเพราะตัวเองเคยเป็นมาก่อนก็ได้ ใครจะรู้

 “สวัสดีครับคุณแทน” ครูซที่กำลังเตรียมจัดอาหารเย็นบนโต๊ะเงยหน้ามามองแทนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

“อืม” แทนจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ความหงุดหงิด วุ่นวายใจจากการอยู่กับหมอนพเมื่อครู่เริ่มจางหายไป

“เหนื่อยเหรอครับ” ครูซเห็นแทนยืนนิ่งด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักจึงวางช้อนในมือลงบนจานแล้วเดินเข้าไปหาร่างสูงด้วยความเป็นห่วง

“อย่าจับ ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย สกปรก” แทนร้องห้ามขยับตัวออกห่างเมื่อครูซกำลังจะคว้ามือเขาไปกุมไว้

“งั้นไปอาบน้ำเถอะครับแล้วค่อยมาทานข้าวกัน” ร่างสูงพยักหน้ารับ แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวเดินไปไหนนอกจากจ้องมองใบหน้าของครูซที่กำลังกวาดพื้นอยู่

“ครูซ”

“ครับ?” ครูซเงยหน้ามามองงงๆ เพราะนึกว่าอีกฝ่ายเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว

“ครูซ”

“ว่าไงครับคุณแทน” ครูซเดินเข้าไปหา เมื่อร่างสูงเรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมาแต่ไม่ยอมพูดอะไรสักที

“เปล่า...แค่คิดถึง” รอยยิ้มที่นานๆ จะได้เห็นจากคนหน้านิ่งทำเอาครูซใจเต้นไม่เป็นส่ำ มือเรียวคว้าใบหน้าอีกฝ่ายมากดจูบโดยไม่สนใจแรงดิ้นหรือเสียงบ่นว่าสกปรกเลยสักนิด

“ครูซปล่อยยังไม่ได้อาบน้ำ!!” แทนพยายามผลักครูซออกแต่สู้แรงกอดรัดไม่ไหวและเขาเองก็ไม่อยากใช้แรงมากจนทำให้อีกฝ่ายเจ็บเลยยืนนิ่งๆ ให้ครูซทำตามใจ ช่วงหลังมานี้ครูซบ้าออกกำลังกาย ตื่นไปวิ่งตอนเช้ายกเวทก่อนอาบน้ำทุกคืน แตกต่างจากเขาที่เริ่มขี้เกียจออกบ้างไม่ออกบ้างจนกล้ามเนื้อไม่ได้แน่นเหมือนเมื่อก่อน แต่เทียบกันแล้วร่างกายเขากับครูซก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ เขาแค่สูงกว่าเล็กน้อยเท่านั้นเอง

“ต่อให้ตอนนี้คุณแทนเปื้อนโคลนมาผมก็จะกอด” ครูซบอกอย่างอารมณ์ดี ก็ใครใช้ให้มายืนยิ้มพูดจาน่ารักแบบนี้ใส่กัน ไม่รู้เหรอไงว่ามันทำให้เขาหลงจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

“อยากกอดเหมือนกัน...แต่ขออาบน้ำก่อนไม่ได้เหรอ”

ตายแน่...เขาต้องตายแน่ๆ วันนี้แทนมาแปลก อ้อนเขาแบบนี้

“ผมยอมแล้ว ยอมหมดทุกอย่างเลยครับ” ครูซหอมแก้มแทนหนึ่งทีให้ชื่นใจก่อนยอมปล่อยแขนที่กอดรัดอีกฝ่ายออก

“อาบเสร็จจะให้กอด” แทนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เดินเข้าห้องนอนด้วยท่าทางปกติแตกต่างจากครูซที่ยืนกัดปากหน้าแดงก่ำ ถึงจะรู้ว่าแทนเป็นคนขี้เกียจพูดอะไรยาวๆ บางทีก็ย่อจนเขาเข้าใจความหมายผิดไป แต่พอได้ยินคำว่ากอดทีไร เขาชอบคิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาทุกทีเลยสิ ....น่ารักจนอยากจะฟัดให้จมเตียง คนอย่างแทนนี่มัน โคตรของโคตรน่ารักเลยจริงๆ

“คุณแทนในแบบนี้ให้ผมเห็นแค่คนเดียวพอนะครับ”

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนที่ 29

“ผมบอกหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าให้แจ้งกำหนดการล่วงหน้าสองวันก่อนมีการนัดหมายทุกครั้ง” ใบหน้าที่มักยิ้มแย้มอยู่เสมอในเวลานี้กลับเรียบนิ่งจนดูน่ากลัว

“ช่วงนี้มันวุ่น ๆ พี่เลยลืมมาบอกแต่ก็ยังทันอยู่ไม่ใช่เหรอ ยังไงพรุ่งนี้ก็นัดเวลาใหม่ได้นี่” พนักงานสาวรู้สึกเกร็งเมื่อเผลอสบตาสีน้ำตาลอ่อนที่ฉายแววไม่พอใจ

“คราวหน้ากรุณามีความรับผิดชอบในงานของตัวเองให้มากกว่านี้ด้วย” พนักงานสาวรู้สึกหน้าชาเมื่อถูกรุ่นน้องพูดสั่งสอนต่อหน้าเพื่อนร่วมงานอีกสองคน

“ผมขอตัว” ครูซพูดจบก็ก้มหัวเล็กน้อยพอเป็นมารยาทก่อนเดินหันหลังกลับไปพร้อมเอกสารในมือ

“ถูกวิญญาณคุณแทนเขาสิงหรือไง จู่ ๆ ถึงได้โหดขึ้นมาขนาดนี้”

“นั่นสิ ช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยเห็นน้องเขายิ้มเท่าไหร่เลย”

“อาจจะเครียดเพราะคุณแทนโยนงานใส่ก็ได้ หายไปจะสองเดือนแล้วนี่”

หลายวันมานี้ครูซอารมณ์ไม่ดีจนคนรอบข้างสัมผัสได้ ทั้ง ๆ ที่ปกติคนอย่างครูซไม่เคยจะเผยตัวตนด้านนี้ออกมาให้ใครรับรู้ สาเหตุนั้นมาจากแทนจริงตามที่หลายคนคาดเดา แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องงานที่ครูซอารมณ์ไม่ดี มันเป็นเพราะพฤติกรรมของแทนกับหมอนพนนท์ต่างหากที่ทำเอาชายหนุ่มสูญเสียการควบคุมตัวเอง

Rrrr Rrrr

คุณแทน

“ครับ”

“วันนี้กลับดึกนะ กินข้าวก่อนเลย” ครูซกำโทรศัพท์ในมือแน่นขึ้นทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของแทน

“...”

“ครูซแค่นี้นะ”

“ครับ” ครูซวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเย็นชา มือเรียวเอื้อมไปหยิบเอกสารที่เหลืออยู่สองเล่มมานั่งทำ แต่ผ่านไปได้ไม่นานร่างโปร่งขมวดคิ้วฉับ ทุบกำปั้นลงกับโต๊ะเสียงดังลั่น

ปึง!!!

หงุดหงิด...ชายหนุ่มกำลังรู้สึกหงุดหงิดใจสุดๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนไม่มีสมาธิทำงานเลยแม้แต่น้อย ภายในหัวคิดถึงแต่แทนซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด สาเหตุที่ทำให้เขาวุ่นวายใจขนาดนี้มาจากการรักษาของแทนทั้งนั้น แม้จะรู้ว่าหมอกับคนไข้ต้องนัดทำจิตบำบัดด้วยกัน รู้ว่าต้องใช้เวลารักษา แต่เขาไม่ชอบใจในพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนอยากให้แทนได้รับการรักษา เป็นคนสนับสนุนเรื่องนี้เต็มที่ แต่กลายเป็นว่าเขาไม่อยากให้แทนได้รับการรักษาอีกแล้ว เขาทนไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย

ยอมให้คนอื่นนอกจากเขาเรียกชื่อด้วยท่าทีสนิทสนม

ยอมให้คนอื่นจับตัวโดยไม่แสดงอาการต่อต้าน

ยอมไปไหนกับคนอื่นสองต่อสอง

ยอมทานข้าวที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้

...มันน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าแทนกำลังจะหายจากโรคที่เป็นอยู่ แต่เขากลับไม่นึกดีใจเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาเคยทำให้ สิ่งที่มีแต่เขาเพียงคนเดียวทำได้สำหรับแทน กลับมีใครอีกคนเพิ่มเติมเข้ามา ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาพยายามคิดในแง่ดีว่าไม่มีอะไร แทนกำลังจะหายแต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันกำลังจะทำให้เขาบ้าตาย เขาจะผิดไหมที่อยากผูกขาดคุณแทนไว้กับตัวคนเดียว เขาไม่อยากให้คนหน้านิ่งเห็นใครสำคัญกว่าเขา ทั้งชีวิตมีเขาเป็นจุดสนใจอย่างเดียวก็พอ...

ความคิดพวกนี้อัดแน่นอยู่ในหัวจนคล้ายภูเขาไฟที่กำลังปะทุ รอเวลาที่จะระเบิดออกมา

.

.

.

.

กึง

“...” ความมืดและความเงียบสงบนิ่งภายในห้องทำให้ร่างสูงชะงักตัวที่กำลังจะก้าวเข้ามาในห้อง แทนเอื้อมมือไปกดเปิดสวิตซ์ไฟด้วยความแปลกใจ เพราะปกติครูซไม่เคยปิดไฟตรงห้องนั่งเล่นเลยสักครั้งหากเขายังไม่กลับมา ร่างสูงถอดรองเท้าวางไว้บนชั้นก่อนเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อหาครูซแต่ก็ไม่พบทุกอย่างมืดสนิทไปหมดเหมือนไม่มีใครอยู่

“ครูซ” แทนเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเมื่อเห็นถึงความผิดปกติ หัวใจเริ่มเต้นเป็นจังหวะหนักและรัวขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความกลัว...กลัวว่าครูซจะถูกใครทำร้าย กลัวอีกฝ่ายเป็นอะไรไป ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าย้อนกลับเข้ามาภายในหัวราวกับหนังสั้นที่เล่นซ้ำแต่ฉากเดิม ๆ ฉากที่ครูซถูกทำร้ายจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือด

“ครูซ!!” แทนตะโกนเรียกเสียงดังด้วยความร้อนรน มือสั่นเทาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาอีกฝ่าย แต่เพียงอึดใจเดียวเสียงเรียกเข้าก็ดังมาจากนอกระเบียงห้อง

Rrrr Rrrr

แทนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก้าวเท้ายาว ๆ เดินตามเสียงไปทันที มือขาวยกขึ้นเลื่อนประตูกระจกเปิดอย่างรวดเร็ว สายลมเย็น ๆ พัดกระทบใบหน้าจนผมสีดำสนิทพลิ้วไหวไปตามทิศทางลม กลิ่นนิโคตินฉุนจมูกฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แทนยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อปัดกลิ่นให้จางลง

“ครูซ” แทนเอ่ยเรียกคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขาไม่เคยรับรู้ว่าอีกฝ่ายสูบบุหรี่ อาจจะเพราะไม่เคยเห็นและไม่เคยได้กลิ่นจากตัวครูซเลยสักครั้ง ภายในใจเริ่มคลายความกังวลลงไปบ้าง แต่ท่าทีของอีกฝ่ายทำเอาแทนไม่สบายใจขึ้นมาทันที

“...” ร่างโปร่งที่ยืนหันหลังเท้าแขนกับราวระเบียง สูดควันสีขาวขุ่นเข้าไปเต็มปอดก่อนพ่นออกทางปากและจมูกอย่างอ้อยอิ่ง ไม่ได้หันไปขานรับหรือพูดคุยทักทายคนข้างกายเหมือนเช่นทุกวัน บรรยากาศรอบตัวก็น่าอึดอัดจนแทนสัมผัสได้ว่าตอนนี้ครูซไม่ปกติ คนยิ้มหวานกำลังอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ ถึงมีสีหน้าและแววตาด้านชาแบบนั้น

“เป็นอะไร”

“คุณแทน” ครูซเรียกอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“...” แทนชะงักตัวเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ครูซไม่เคยใช้กับตน ภายในอกมันไหววูบไปมา

“ตอนนี้ผมยังสำคัญกับคุณอยู่ไหมครับ” ครูซถามขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ไม่ยอมมองหน้าเขาเลยสักนิด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแข็งกร้าวจ้องไปยังวิวทิวทัศน์ยามดึกที่เงียบสงบ

“ทำไม” แทนตกใจกับคำถามของครูซจนพูดอะไรไม่ออก เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ

ครูซไม่ตอบทำเพียงยืนสูบบุหรี่ยี่ห้อดังต่อเงียบ ๆ จนหมดมวนถึงได้ขยี้มันลงกับกล่องเหล็กลายมังกรแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ หันหลังกลับมามองแทนเล็กน้อยก่อนก้าวเดินไปข้างหน้าทันที

“ครูซ” แทนพอตั้งสติได้ก็คว้าแขนครูซจับไว้แน่น มือของแทนสั่นจนครูซรู้สึกได้ แต่ความไม่พอใจที่สะสมมาหลายวันทำให้เขาเลือกที่จะมองข้าม หากเขาใจดีเหมือนที่ผ่านมา สักวันเขาคงกลายเป็นเพียงใครสักคนในชีวิตแทน ใครสักคนที่คนหน้านิ่งจะมองไม่เห็นตัวตนอีกต่อไป

“ขอผมอยู่คนเดียว” ครูซบิดข้อมือออกจากฝ่ามือของแทน เดินเร็ว ๆ ไปที่ห้องนอน

“ไม่ หันมา” แทนส่ายหน้าเดินตามไปคว้าแขนครูซจับไว้แน่น

“ผมขออยู่คนเดียว” ครูซพูดซ้ำด้วยเสียงเย็นชาจนคนฟังทนไม่ได้ เขาทนไม่ได้ถ้าครูซไม่สนใจ

“หันมา!!” แทนเริ่มโมโหกระชากตัวครูซดันติดประตูอย่างแรง กำจิกมือเข้ากับแขนของครูซจนหนังถลอกติดเล็บ แทนขบปากตัวเองจนเลือดซึมพยายามผ่อนลมหายใจไม่ให้เผลอดึงครูซเข้ามาทำรุนแรงตามที่จิตใจมันร่ำร้องอยู่

“ทำผมเจ็บอีกแล้วนะ!” เจ็บในความหมายของครูซ ไม่รู้ว่ามันที่ไหนกันแน่ที่ใจหรือที่ร่างกาย เลือดในกายชายหนุ่มพุ่งขึ้นสูงจนหน้าแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ขอโทษ” แทนคลายมือออกจากแขนครูซ มองอีกฝ่ายอย่างสำนึกผิด ปกติไม่เคยถูกตวาดใส่เลยสักครั้งทำให้แทนทำตัวไม่ถูก ยิ่งคำพูดที่หมอนพบอกเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงกับครูซบ่อย ๆ ยิ่งทำให้กลัว

ทำร้ายเขาบ่อย ๆ ระวังเขาจะทนไม่ได้เอานะครับ

ปัง

เสียงกระแทกปิดประตูห้องน้ำทำเอาแทนที่ยืนมองตามไปรู้สึกโหวงเหวงภายในอก...ครูซไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะไม่สนใจเขา ทำไมล่ะ เพราะอะไร เขาทำอะไรผิดไปเหรอ

“ครูซ” แทนยกนิ้วขึ้นมากัดเล็บเดินวนไปวนมาหน้าห้องน้ำด้วยสีหน้าสับสนวุ่นวายใจ เมื่อคิดแทบตายก็คิดไม่ออก ร่างสูงก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินออกไปอาบน้ำข้างนอกหวังให้ความเย็นจากสายน้ำช่วยลดความรู้สึกอึดอัดใจลงบ้าง วันนี้ครูซใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานผิดปกติ ขนาดแทนที่อาบน้ำตั้งครึ่งชั่วโมงออกมาแล้วครูซยังไม่ออกมาเลยทั้ง ๆ ที่เข้าไปก่อนด้วยซ้ำ

ก๊อก ๆ

“ครูซ”

“...”

“ครูซออกมา”

ปึง

ประตูเปิดออกมาพร้อมร่างโปร่งของครูซที่พัดผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวลวก ๆ กล้ามเนื้อท่อนบนเปียกชุ่มไปด้วยกลุ่มหยดน้ำ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง มัดกล้ามเรียงตัวสวยเป็นรูปชัดเจนไม่มากจนเกินไป อยู่ในเกณฑ์กำลังดีเหมาะกับส่วนสูงและรูปร่าง

พลั่ก

“ทำอะไร” แทนร้องถามเมื่อถูกครูซที่ยืนจ้องตากันร่วมนาทีลากข้อมือแล้วผลักลงกับเตียงเต็มแรง

“คุณแทนรู้ไหมว่าทำอะไรผิด” ครูซยืนข้างเตียงจ้องมองใบหน้าแทนด้วยสายตากดดัน

“?” แทนหลบตาครูซเมื่อนึกถึงเรื่องที่กำลังทำอยู่ เขาไม่ได้อยากปิดบัง แต่เขาสัญญากับแอนนี่ไว้แล้วว่าจะไปพบด้วยตัวคนเดียวและห้ามให้ครูซรู้เด็ดขาดเพราะเธอมีเรื่องสำคัญที่จะพูดคุยด้วย

“ถ้าคิดไม่ออกผมจะลงโทษจนกว่าคุณจะนึกออกเลย” ครูซก้มไปกระซิบชิดใบหูแล้วขบกัดติ่งหูเต็มแรงด้วยความหงุดหงิด แทนหายใจหอบกระชั้น หัวใจเต้นเร็ว มือไม้อ่อนไปหมดเมื่อถูกจู่โจมส่วนที่อ่อนไหวง่ายจนลืมสนใจข้อมือที่ถูกรวบติดกันไว้

“อย่า ครูซอย่า!” แทนร้องลั่นเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกครูซใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมัดข้อมือเขาไว้แน่นตอนที่เผลอ มือเรียวกดตัวเขาให้นอนราบไปกับที่นอนแล้วคร่อมตัวทับเอาไว้ไม่ให้ดิ้น

“ปะ ปล่อย ไม่ทำแบบนี้” แทนตัวสั่นเมื่อนึกถึงภาพในอดีตที่เขาเคยเจอมา ยามที่เขาถูกมัดมือไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาไม่ทรมานเลยสักครั้ง คนพวกนั้นน่ารังเกียจ ทำให้เขาหมดหนทางสู้ บังคับขู่เข็ญสารพัด เขากลัว

“ครูซ ครูซ ครูซ” แทนเบิกตากว้างร้องเรียกอีกฝ่ายซ้ำ ๆ พยายามดิ้นให้ผ้าที่ผูกอยู่หลุดออกจนข้อมือแดงช้ำ

หมับ

ครูซใช้มือจับปลายคางแทนให้เงยขึ้นมาสบตา ไม่มีคำพูด ไม่มีคำปลอบโยนแต่แทนกลับค่อย ๆ คลายอาการตื่นกลัวลงได้อย่างง่ายดาย

“สนใจแค่ผมก็พอ” เสียงกระซิบพร้อมฟันคมที่ขบกัดลงบนกระดูกอ่อนหลังใบหูทำให้ตัวแทนสั่นสะท้านขึ้นมาทันที มือเรียวถลกชุดนอนให้พ้นศีรษะแต่ไม่ถอดออกไปเพียงปล่อยไว้คาข้อมือเป็นการจำกัดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย พร้อมถอดกางเกงนอนของแทนออกด้วยความรวดเร็ว

“...!!” ไม่ใช่ว่าเขาขัดขืนไม่ได้ ถ้าเทียบกันจริง ๆ อย่างไรเขาก็แรงเยอะพอที่จะต่อต้านการกระทำของครูซ แต่สีหน้าสับสนทรมานใจของอีกฝ่ายมันทำให้เขาไม่กล้าทำ เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดห้ามออกไปเลยด้วยซ้ำ ได้แต่นอนนิ่งให้ริมฝีปากนิ่มจูบกัดไปทั่วใบหูและซอกคอ สัมผัสของครูซทั้งคุ้นเคยและแตกต่าง เขาตอบไม่ว่าอะไรที่ต่างออกไป แต่มันให้ความรู้สึกดีที่ไม่สุดเหมือนเป็นการกระทำที่ทรมานเขาแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ

“อะ อือ” ครูซใช้ปลายนิ้วบีบคลึงยอดอกทั้งสองข้างพร้อมกัน แทนครางออกมาสุดเสียง ใบหน้าแดงซ่าน เหงื่อผุดขึ้นตามไรผมจนเปียกชื้น ร่างกายเขาไวต่อการสัมผัสอยู่แล้วยิ่งถูกครูซปลุกปั่นไม่ยอมหยุด เขาก็ร้อนรุ่มไปหมดได้แต่นอนบิดตัวมองใบหน้าอีกฝ่ายที่สอดสายตาจับจ้องไปทุกส่วนบนร่างกายของเขา

“อื้ม!!” ลมหายใจถี่กระชั้นเมื่อครูซครอบริมฝีปากนุ่มเข้ากับตุ่มไตที่อวบนูนเป็นสีชมพูเข้มจากการบีบเคล้น เสียงเฉอะแฉะจากการดูดเลียฟังดูลามกจนคนทำกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้ากึ่งสมยอมกึ่งต่อต้านของคนด้านล่าง

“คะ ครูซ” แทนเรียกอีกฝ่ายด้วยความลังเล เมื่อโคนขาถูกจับแหวกออกกว้างโดยมีร่างโปร่งขยับแทรกตัวทาบทับลงมา

“...” ครูซไม่ตอบรับ ทำเพียงก้มเม้มจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หน้าอก แอ่งสะดือลงไปถึงโคนขาอ่อน เว้นไว้แต่ส่วนอ่อนไหวง่ายที่ตื่นตัวเต็มที่

“อย่า!!” แทนร้องลั่นเมื่อถูกอุ้งมืออุ่นแหวกก้อนเนื้อที่ปิดสนิททั้งสองข้างออก ปลายนิ้วกดแทรกเข้ามาภายในโดยที่ไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด ความรู้สึกเจ็บเสียดทำเอาขาสั่น กล้ามท้องแข็งเกร็งจนขึ้นเป็นลอนชัดเจน

“หายใจ” ครูซกระซิบบอกหลังเห็นแทนกลั้นหายใจไปนานจนใบหน้าแดงก่ำ ช่องทางด้านหลังบีบรัดนิ้วเรียวแน่นจนขยับไม่ได้

ฟู่

แทนผ่อนลมแล้วค่อย ๆ สูดหายใจตามเสียงพูดหนุ่มลูกครึ่ง เขาไม่สามารถปฏิเสธการกระทำของครูซได้ เพราะเขาชอบสัมผัสของครูซ ชอบฝ่ามืออุ่นร้อนที่ลูบไล้ไปทั่วตัว ชอบลมหายใจที่พ่นรดตามใบหูและซอกคอ ชอบสายตาที่จ้องมองมาราวกับร่างกายของเขาเป็นกรรมสิทธิ์ของอีกฝ่าย เขาต้องการ ไม่ว่าจะรูปแบบไหน เขาต้องการครูซ ต้องการจนแทบบ้า

“!!” ครูซเพิ่มจำนวนนิ้วแทรกเข้ามาจนครบสามนิ้ว ช่องทางที่ตอดรัดแน่นค่อยๆ คลายตัวเมื่อเริ่มคุ้นชิน ครูซคว้านนิ้วไปทั่วเพื่อหาจุดสำคัญ และเพียงไม่นานปลายนิ้วก็กดโดนจุดนั้น จุดที่ทำให้แทนเสียววาบไปทั่วตัวจนเผลอกัดปากตัวเองจนเลือดซิบ ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพร้อม ครูซก็จับแกนกลางสอดใส่เข้าไปทันที

สวบ

“อ๊า!” ความคับแน่นภายในทำให้ครูซนิ่วหน้าครางออกมาอย่างสุขสม มันดีมากจนเขาเผลอกระแทกซ้ำเข้าไปโดยไม่รอให้คนด้านล่างได้ปรับตัวกับขนาดใหญ่โตเลยสักนิด

“อึก...เจ็บ อือ” แทนบอกเสียงแผ่วเมื่อช่องทางหลังอึดอัดไปหมด หยดน้ำปริ่มอยู่ตรงปลายหางตา แทนหายใจติดขัดจนครูซต้องหอมแก้มแล้วกระซิบบอกจังหวะการหายใจ ร่างสูงถึงได้ผ่อนคลายการเกร็งตัวลง เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางครูซก็ขยับสะโพกอีกครั้ง ตลอดเวลาที่กระแทกเข้าออกสายตาของหนุ่มลูกครึ่งจับจ้องอยู่ตรงจุดที่เชื่อมกันระหว่างเขาสองคน มองแล้วเลียปากราวกับถูกใจกับภาพนั้นเสียมากมาย หากไม่ใส่ใจอาจจะดูเหมือนเขาร่วมรักกันตามปกติ...แต่สำหรับแทนที่อยู่กับครูซมานาน เขารับรู้ว่ามันไม่ใช่ ครูซแปลกไป แปลกไปตรงที่หนุ่มลูกครึ่งไม่มองหน้าเขา ไม่ยอมจูบเอาแต่กัดแล้วกระแทกตัวเข้ามาภายในไม่ยอมหยุด

“อือ...ไม่เอา ไม่ชอบแบบนี้ ครูซ จูบ” อยากกัดริมฝีปากนิ่มสีสด อยากให้ลิ้นอุ่นร้อนของอีกฝ่ายแทรกเข้ามาในโพรงปาก เขาอยากได้จูบของครูซ

“ผมสำคัญที่สุดสำหรับคุณหรือเปล่า” ครูซหยุดขยับตัว เลื่อนสายตาจากช่วงล่างขึ้นมามองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของแทน

“อ๊ะ..สำคัญ” คนใต้ร่างพยักหน้ารับ ยกข้อมือที่ถูกมัดไว้โอบรอบคออีกฝ่ายรั้งเข้ามาหาจนใบหน้าห่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นครูซก็ยังไม่ยอมจูบ

“ผมโกรธมากรู้ไหม”

“อึก” แทนหน้าเหยเกเมื่อครูซกระแทกแกนกลางใส่อย่างแรงจนจุกไปหมด

“ยอมให้จับ ยอมให้เรียกชื่อ ไปไหนมาไหนกับคนอื่น ไม่ยอมบอกผมสักคำ ทั้งที่ตัวเองเป็นสั่งผมไว้แท้ๆ ” ครูซพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เน้นเสียงตรงคำว่าคนอื่นแล้วกัดใบหูของแทนเต็มแรงจนปวดจี๊ดไปถึงกระดูกสันหลัง

“อ่า อือ...ขอโทษ” แทนไม่คิดว่าเรื่องที่ครูซคิดมากจะเป็นเรื่องนี้ เขาไม่รู้ว่าวิธีการบำบัดของหมอนพจะทำเอาคนใจเย็นแบบครูซบ้าเลือดจนจับกดเขาได้

“ไม่ยกโทษให้” ครูซยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของแทน

“ฮือ...ครูซ ขอโทษ”

“ไม่ชอบให้ผมพูดคำหยาบ ไม่ชอบให้ผมกอดคุณแบบนี้...วันนี้ผมจะทำทุกอย่างที่คุณไม่ชอบเลย....ดีไหมแทนฟ้า เป็นเมียผมสักวันคงไม่แย่เท่าไหร่หรอกมั้ง”

“ครูซ...อะ อ๊า” ท่อนเอ็นร้อนที่บดเบียดเข้ามาด้วยจังหวะที่เร็วขึ้นทำเอาแทนต้องกำจิกผมอีกฝ่ายเป็นการระบายความเสียวซ่าน

“นี่ของผม นี่ก็ของผม ตรงนี้ก็ของผม” ครูซใช้นิ้วลากตั้งแต่ใบหน้า ลงมาที่ซอกคอ อก หน้าท้อง แกนกลาง และบดสะโพกสอดท่อนเนื้อร้อนเข้าไปให้ลึกที่สุด แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อย้ำเตือนทุกสิ่งที่เป็นของตน

“ครูซ...จูบ ฮือ~ จูบ...” อยากได้ อยากได้จูบของครูซ

“ไม่” ครูซกระตุกยิ้มแกล้ง

“จูบ!!” แทนตวาดลั่นด้วยความขัดใจ

“ขอร้องสิเผื่อจะทำ”

“ครูซจูบนะ จูบหน่อย อ้า~ อยากให้ครูซจูบ อื้ม!” ใบหน้าเปื้อนน้ำตากับเสียงอ้อนขอ มันน่ารักจนครูซไม่อาจฝืนทนได้อีกต่อไป รีบก้มประกบปากสอดลิ้นเข้าไปในเกี่ยวกระหวัดกับอีกฝ่ายอย่างโหยหา

จ๊วบ จุ๊บ

ริมฝีปาก น้ำลาย ลิ้นนุ่ม ฟัน แทนสัมผัสดูดกลืนทุกสิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วห้อง ทั้งคู่ต่างแลกลมหายใจซึ่งกันและกัน จนน้ำสีใสไหลเยิ้มเปื้อนออกตามมุมปากจากการจูบแสนบ้าคลั่ง จนในที่สุดเกมการจูบแสนดุเดือดก็จบลงเมื่อครูซเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องใช้มือบีบกรามแทนอย่างแรงแล้วกระชากปากออกเพื่อสูดอากาศเข้าปอดชดเชยลมหายใจที่ถูกช่วงชิงไป

“แฮ่ก.. อย่าให้ใครได้เห็นมุมน่ารักแบบนี้ของคุณแทนนะครับผมหวง” ครูซลูบปากที่บวมเจ่อของอีกฝ่ายอย่างหวงแหน

แทนที่นอนบิดอยู่ใต้ร่างเขา

แทนที่ร้องครางได้น่าฟัง

แทนที่อ้อนวอนขอจูบจากเขาจนร้องไห้

ภาพพวกนี้อย่าหวังว่าใครจะได้เห็นนอกจากเขา เขาเพียงผู้เดียวที่มีสิทธิ์!!

“จะถึง...อือ...ครูซขยับ” แทนหยีตาลงจนเกือบปิดสนิท ลำคอเกร็งจนเห็นเป็นเส้นชัดเจน หอบหายใจแรงจนอกกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ช่องทางก็บีบรัดจนครูซได้แต่สูดปากระบายความเสียวอย่างอดทน

“ไม่ให้ถึงหรอก...ไม่งั้นจะเรียกว่าการลงโทษเหรอแทนฟ้า”

Rrrr Rrrr

นพนนท์

“ผมว่าเขาคงอยากคุยกับคุณ” ครูซเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของแทนบนหัวเตียงขึ้นมาดูแล้วแสยะยิ้มร้าย

“อะ อ๊า อย่ารับ” แทนส่ายหน้าแต่ครูซไม่สนใจ กดรับแล้วเปิดลำโพงก่อนโยนลงบนหมอนใกล้กับใบหน้าของแทน

“ฮัลโหลแทน”

“อื้ม อ่า..” ราวกับจะแกล้งกันเมื่อครูซขยับสะโพกขยับท่อนเนื้อร้อนเข้าออกอย่างช้าๆ แต่กระแทกเน้นเข้าไปภายในจนสุดโคน แทนทั้งจุกทั้งเสียวจนตัวงอได้แต่ร้องครางอย่างควบคุมไม่อยู่

“จะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ให้เข้ามาหาตอนเช้านะ เดี๋ยวไปกินข้าวแล้วพาไปร้านจิวเวอรี่ อย่าลืมเตรียมตัวมาด้วยล่ะ ถ้าลืมอีกคราวนี้คงต้องใช้มือผมจริงๆ แล้วนะ ”

“อะ..อืม ครูซ” แทนไม่สนใจเลยสักนิดว่านพนนท์กำลังถือสายคุยกับตนอยู่ ดวงตาสีนิลจับจ้องอยู่แต่กับใบหน้าของครูซที่ดูหมกมุ่นกับร่างกายเขา

“ทำไรอยู่เนี้ยเสียงแปลกๆ โอเคหรือเปล่า”

“อ้า~ ครูซ กะ...แก้มัดให้หน่อย อยากกอด” แทนร้องขอน้ำตาคลอโดยไม่สนใจเสียงของนพนนท์ที่เอ่ยเรียกเลยสักนิด จนเป็นครูซที่ต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุยเอง ภายในใจเขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ตัวเองเป็นสิ่งเดียวที่ร่างสูงต้องการและให้ความสนใจ

“หมอนพครับ พรุ่งนี้ตอนเช้าคุณแทนไม่ว่างเปลี่ยนเป็นตอนบ่ายได้ไหมครับ”

“อ๋อ...โอเค”

ครูซกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงอย่างแรงโดยไม่สนว่ามันจะไปตกอยู่ตรงจุดไหน สิ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจของเขาก็คือเนื้อนุ่มภายในที่ตอดรัดแกนกลางเขาแน่นจนเสียวไปถึงสมอง ขนอ่อนทั่วตัวพากันลุกชันอย่างพร้อมเพรียง

“อ๊า!! จะทำให้ผมคลั่งตายกับช่องทางของคุณใช่ไหม” ครูซขบกรามพูดพลางถอดเสื้อยืดและผ้าเช็ดตัวที่ผูกไว้บนข้อมือของแทนออกด้วยความรวดเร็ว

“!!” เมื่อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระ แทนก็พลิกตัวขึ้นนั่งคร่อมครูซเอาไว้ มือขาวกอดรอบคออีกฝ่ายเพื่อพยุงตัวยามกระแทกกายลงกับส่วนแข็งขืน ปากร้อนพรมจูบไปทั่วลำคอหอมของครูซอย่างหื่นกระหาย

“โอ๊ย!” ครูซร้องออกมาเมื่อฟันคมกัดไหล่เขาเต็มแรงจนรู้สึกปวดชา บาดแผลที่มีเลือดออกส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วโพรงจมูก ลิ้นร้อนชอนไชที่แผลซ้ำๆ ให้เลือดไหลทะลักออกมาเพื่อดูดเลีย ครูซมองกลุ่มผมสีดำที่ก้มอยู่บริเวณคอ ถึงจะเจ็บปวดแต่เขากลับรู้สึกดีจนใจสั่น เขาแพ้ความป่าเถื่อนของคนตรงหน้า 

หากตอนแรกไม่มัดมืออีกฝ่ายไว้เขาไม่มีทางที่จะได้กอดแทนแน่ๆ และที่สำคัญไม่ใช่โกรธจนไม่อยากจูบแต่เพราะรู้ว่าถ้าจูบคนที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็คือเขาเองต่างหาก ครูซถึงทนฝืนใจตัวเองไว้ไม่ให้ก้มไปจูบปากกับแทนตั้งแต่แรก

“ครูซ เสียว” แทนกอดคอครูซแน่น เสียงครางกับคำพูดลามกข้างหูปลุกกระตุ้นอารมณ์ของครูซให้แตกกระเจิงไปหมด มือเรียวจับเอวสอบของแทนเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนเกิดเสียงกระทบกันของเนื้อดังลั่นไปทั่วบริเวณ แทนตามจังหวะสอดใส่ของอีกฝ่ายไม่ทันจนต้องใช้มือจับบ่าของครูซพยุงตัวไว้ ช่องทางที่ถูกตอกกระแทกใส่ไม่หยุดเริ่มบวมแดงแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแรงบีบรัดลงเลยแม้แต่น้อย

“อืม..จะถึง อ๊ะ!” แทนกระซิบบอกชิดริมฝีปากครูซก่อนแหย่ลิ้นยัดเข้าไปภายในโพรงปากอุ่นของอีกฝ่ายอย่างดุดัน เขารู้สึกดีจนยากเกินจะทนไหว ยิ่งมือเรียวจับลงที่แกนกลางชักรูดให้ตามจังหวะกระแทกกระทั้นเขายิ่งเสียวจนตัวสั่น ท้องน้อยร้อนวูบวาบไปหมดจนในที่สุดก็ปลดปล่อยน้ำคาวขุ่นออกมามากมายเต็มฝ่ามือของครูซ และเพียงไม่นานแกนกลางที่ถูกเนื้อนุ่มบีบรัดแน่นก็พ่นฉีดน้ำรักพรั่งพรูเข้าในจุดที่ลึกที่สุด ครูซกอดแทนแน่นกระตุกปลดปล่อยออกจนหมดถึงได้คลายอ้อมกอดลง

แทนทิ้งตัวนอนทับครูซอย่างหมดแรง ส่วนที่เชื่อมต่อกันค่อยๆ หลุดออกเมื่อแทนขยับตัว ร่างสูงขมวดคิ้วยุ่งหลังรู้สึกได้ว่าน้ำขุ่นเหนียวไหลออกจากช่องทางไม่ยอมหยุด ครูซเห็นสีหน้าไม่สบายตัวของอีกฝ่ายก็จับแทนลงจากตัวแล้วจัดท่านอนคว่ำหน้าให้ดีๆ ก่อนลุกไปหยิบห่อกระดาษทิชชูเปียกมาเช็ดคราบน้ำขาวขุ่นที่เปื้อนไปทั่วแก้มก้นและต้นขาด้านในให้อย่างเบามือ

“ครูซ...รัก รักนะ” แทนคว้ามืออุ่นมาจับไว้ สบตาแล้วพูดออกไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี เขาไม่อยากให้ครูซคิดมาก ในชีวิตเขาไม่เคยคิดรักใครอีกแล้วนอกจากคนตรงหน้า อาจจะเพราะเขาแสดงออกไม่ค่อยเก่งและพูดน้อยถึงทำให้อีกฝ่ายกังวลใจไปแบบนั้น แต่หลังจากนี้เขาจะพยายาม พยายามทำทุกอย่างให้ครูซรับรู้ว่า เขาก็รักครูซไม่ได้น้อยไปกว่าที่อีกฝ่ายรู้สึกเลยสักนิด

จุ๊บ

“ผมก็รักคุณแทนเหมือนกันครับ” ครูซยิ้มรับจูบลงบนขมับชื้นเหงื่ออย่างหลงใหล ก่อนกระซิบเสียงเย็นข้างหูแทนเพื่อย้ำเตือนสิ่งที่เขาต้องการให้อีกฝ่ายได้สำนึก

 “แต่อย่าหวังว่าจะปล่อยให้ไปไหนมาไหนกับคนอื่นโดยไม่มีผมไปด้วยอีกเลย”

TBC.


ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 30

“พี่ทศกินข้าวบ้างเถอะนะ” ไพลินเอ่ยขอสามีด้วยน้ำตานองหน้า

“พี่ไม่หิว ลินกินเถอะ” ทศพลพูดจบก็ลุกจากโต๊ะทานข้าวที่มีของโปรดตนวางเรียงอยู่เต็มไปหมด หากเป็นปกติเขาคงกินแล้วชื่นชมฝีมือการทำกับข้าวของภรรยาสุดที่รัก แต่ตอนนี้เขากลับกินไม่ลง เขาตรอมใจเกินกว่าที่จะมีแรงทำอะไร หลังจากได้รับข่าวจากตำรวจเมื่อเช้ามืดว่าคุณหญิงรัศมีกัดลิ้นตัวเองฆ่าตัวตาย หญิงชราอาละวาดอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงไม่ยอมหยุด แม้จะได้รับยากล่อมประสาทไปแล้วก็ตาม ทศพลกับไพลินรีบร้อนขับรถไปที่เรือนจำพิเศษ ภาพคุณหญิงรัศมีที่ผมขาวทั้งหัว ดวงตาเบิกกว้าง เลือดเลอะไปทั่วกาย ใบหน้าเจ็บปวดทรมานยังคงเด่นชัดแม้ร่างกายจะไร้ซึ่งจิตวิญญาณไปแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกสุดท้ายที่ถ่ายทอดออกมาทางสีหน้าก็ทำเอาคนเป็นลูกปล่อยโฮอย่างเสียใจ ทรรศพลที่มาก่อนอยู่แล้วเข้ามาปลอบพี่ชายด้วยน้ำตาเช่นกัน การสูญเสียผู้ให้กำเนิดมันคือความทุกข์ทรมานสุดจะหาสิ่งใดมาเทียบ ไม่ใช่แค่เสียใจแต่สองพี่น้องยังรู้สึกผิดบาปที่ไม่อาจช่วยให้แม่ออกมาจากสภาพนี้ได้ด้วย

“แม่ครับ ทศรักแม่นะ ขอบคุณที่ดูแลทศมาตลอดหลับให้สบาย สักวันทศจะตามไป” ชายวัยกลางคนกุมรูปถ่ายคุณหญิงรัศมีแนบอก น้ำตาไหลหยดออกมาไม่ขาดสาย ในชีวิตเขามีเพียงผู้หญิงสองคนเท่านั้นที่เขารักสุดใจ หนึ่งก็คือแม่ สองก็คือไพลิน และในวันนี้เขาได้สูญเสียผู้หญิงคนแรกที่เขารักไปแล้ว

หมับ

“พี่ทศยังมีลินนะ เรายังมีกันและกัน” อ้อมกอดแสนคุ้นเคยที่โอบรอบตัวทศพลเอาไว้ มือเล็กคู่นี้ที่คอยประคับประคองกันมาหลายสิบปี คนอย่างเขาผิดพลาดมาทั้งชีวิตแต่สิ่งที่เขาทำถูกที่สุดก็คือการได้เลือกรักไพลิน ผู้หญิงที่รักเขาและหวังดีกับเขาอย่างแท้จริง

“ขอบคุณมากนะลินที่อยู่ข้างกันมาตลอด” ทศพลหันตัวกลับไปกอดภรรยาสุดที่รักด้วยหัวใจที่อบอุ่นขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ความผิดพลาดของเขามันควรหมดลงได้แล้ว ทุกอย่างที่เคยผิดพลาดเขาจะแก้ไข หากวันใดวันหนึ่งเขาหมดลมหายใจไปแล้วจะได้ไม่รู้สึกเสียดายเมื่อยังไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ

“ลิน...หลังจากจบงานคุณแม่แล้ว เราไปหาลูกกันเถอะ ไปทำเรื่องที่สมควรทำ”

.

.

.

เมื่อเวลาตี 5.40 น. ตระกูลวราวุธกิจได้สูญเสียบุคคลสำคัญของตระกูลไป...

ต้องรู้สึกอย่างไร แทนบอกไม่ถูกจริงๆ เพราะตอนนี้ภายในหัวมันว่างเปล่า ไม่มีทั้งความเกลียด โกรธหรืออาลัยอาวรณ์ เขาหมดความรู้สึกกับคนเป็นย่าไปนานแล้ว ตั้งแต่จำความได้ระหว่างแทนกับคุณหญิงรัศมีก็แทบไม่เคยมีความผูกพันที่ดีต่อกันอยู่เลย จะให้มาเสียใจร้องไห้ฟูมฟายเหมือนครอบครัวอื่น คนอย่างเขาคงทำไม่เป็น

“เอียงคอให้ผมหน่อย” ครูซที่เดินไปหยิบยาทาแก้รอยฟกช้ำมา ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟานุ่มข้างแทนโดยไม่รับรู้ถึงข่าวสำคัญที่เพิ่งจบไปเมื่อกี้เลยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวก็หาย” แทนไม่ได้ทำตามคำพูดครูซซ้ำยังกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปดูสารคดีสัตว์โลกที่กำลังฉายวิวัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่เป็นลิงยุคดึกดำบรรพ์

“แทนฟ้า” หลังจากคืนนั้นครูซก็ไม่เคยเรียกเขาว่าคุณแทนอีกเลย แม้จะไม่ได้รู้สึกแย่อะไรแต่มันไม่ชินสักทีเมื่อถูกเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกชื่อที่เหมือนผู้หญิงแบบนั้น

“อะไร” แทนตอบรับอย่างเสียไม่ได้เมื่อจอทีวีขนาดใหญ่ถูกบดบังด้วยใบหน้าของครูซที่ขยับมานั่งคุกเข่าแทรกตัวอยู่ระหว่างขา

“ถึงจะซื้อแหวนให้แต่ผมก็ไม่ใจดีเวลาแทนดื้อหรอกนะครับ”

“...” แทนมองรอยยิ้มหวานของครูซที่สร้างความรู้สึกคันยุบยิบในใจ ประโยคก่อนหน้านี้ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจพูดเพราะอะไร

“เอียงคอให้ผมเร็ว”

หลังจากรู้ความจริงเรื่องที่ซุ่มซื้อแหวนให้ จากที่ครูซโกรธจนคลั่งก็ยิ้มมันทั้งวันจนเป็นบ้าแทน ถึงความจริงเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรพวกนี้เขาจะไม่ได้เป็นคนคิดเพราะไม่ใช่คนละเอียดอ่อนสักเท่าไหร่ แต่การถูกพูดกรอกหูอยู่ทุกวันจากไวน์ ทำให้เขาเริ่มคิดขึ้นมาอย่างจริงจัง

“ไปเอาลูกชายเขามาอยู่ด้วยไม่คิดจะแต่งงานสักหน่อยเหรอ”

“ไม่เห็นจำเป็น”

“พี่คนเดียวหรือเปล่าที่คิดแบบนั้น แม่เขาจะพอใจหรือไง”

“ผู้ชายเหมือนกัน”

“ทีผมยังแต่งกับไอ้เภาได้เลย จำไม่ได้เหรอ!”

“ไม่ชอบ”

“งั้นอย่างน้อยก็ให้แหวนดิ ให้เกียรติเขาหน่อย”

“...”

“ก่อนไปเจอแม่ครูซก็ทำให้เขาเห็นว่าเราคิดจริงจัง เพราะก็อย่างที่รู้ ๆ รักแบบนี้ไม่ค่อยจะราบรื่นสักเท่าไหร่ พ่อแม่เขาก็ต้องมีกังวลอยู่บ้างแหละ”


สิ่งที่ไวน์พูดมาทั้งหมดก็ดูมีเหตุผลอยู่เขาถึงได้ตัดสินใจทำตามคำแนะนำ ในวันแรกให้หมอนพช่วยขับรถพาไปตามร้านจิวเวอรี่ชั้นนำที่มีชื่อเสียงมากมายเพื่อเลือกวงที่ถูกใจ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เจอสักที ไม่ใช่เรื่องมากแต่เลือกไม่เป็นมากกว่า เห็นวงกลม ๆ วางเรียงกัน ส่องแสงระยิบระยับทำเอาเวียนหัวไปหมด บอกไม่ถูกว่าไอ้แหวนที่มีเพชรเม็ดใหญ่หน้าตาแปลก ๆ พวกนั้นสวยตรงไหนผู้คนถึงอยากได้กันนักหนา

สุดท้ายมาเห็นโฆษณาในเน็ตอันหนึ่ง เป็นแหวนทองคำขาวไร้ลวดลายแต่ดูสะดุดตาตรงที่เป็นพื้นผิวด้านสลับ ขาวเงา ดูไม่เรียบจนเกินไป มันคงดูดีถ้าอยู่บนนิ้วเรียวสวยของครูซ เขาคิดแค่นั้นแล้วตัดสินใจซื้อ แต่พอหมอนพพาไปดูของจริงและเลือกไซส์เขาก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าไม่รู้ว่าครูซนิ้วประมาณเท่าไหร่ เพราะการจะซื้อแหวนนั้นใช้การคาดคะเนตามความรู้สึกไม่ได้ เขาถึงยังไม่ซื้อแล้วกลับมาคอนโดก่อน และวันนั้นก็ถูกครูซหึงจับกดจนเขาแทบลุกไม่ขึ้น

พอวันต่อมาเมื่อถึงเวลานัดกับหมอนพ ระหว่างที่เดินไปร้านจิวเวอรี่แทนจำได้ดีว่าขาตัวเองสั่นเทาแค่ไหนยามย่ำเท้าเดินไปแต่ละก้าว แม้จะเจ็บเสียดช่องทางหลังแต่แทนก็ไม่ได้แสดงออกให้ใครเห็นถึงด้านอ่อนแอของตน คนที่เฉียดตายมานับครั้งไม่ถ้วนแบบเขา แค่ถูกครูซกดคงไม่ถึงตายหรอก

แต่เรื่องที่ทำให้แทนอารมณ์เสียคือหมอนพนนท์ชอบส่งสายตาล้อเลียนเหมือนรู้ทันมาให้ แทนทั้งอยากด่า อยากคว้าของแข็งมาฟาดหัวอีกฝ่ายให้เลือดสาดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนั้นเขาปวดหัวปวดตัวมากเหลือเกิน ครูซที่นิ่งเงียบก็ทำให้แทนไม่สบายใจจนสุดท้ายเขาขี้เกียจจะปิดบังอะไรอีกแล้วจึงยอมเล่าทุกอย่างให้ครูซรับรู้ ทั้งเรื่องแอนนี่และเรื่องซื้อแหวน เมื่อรับรู้ความจริงครูซก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก กลับมามีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอีกครั้ง แทนให้ครูซลองแหวนที่เลือกไว้พอหาขนาดที่พอดีได้ก็จ่ายเงินแล้วโยนให้อีกฝ่ายยัดใส่นิ้วตัวเอง หมอนพนนท์ที่หมดหน้าที่ก็เดินแยกตัวออกไป ส่วนแทนก็นอนหลับหลังรถไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่บนเตียงในห้องนอนแล้ว

“เร็วสิครับ เดี๋ยวรอยหายไม่ทันก่อนไปเจอแม่ผมนะ” ท่าทางแบบนี้ก็เหมือนกัน ทำบ่อยขึ้นเหมือนรู้ว่าแทนไม่สามารถปฏิเสธได้ถ้าเห็นรอยยิ้มหวานกับเสียงนุ่มพูดอ้อน

"มีก็ไม่เห็นเป็นอะไร" รอยดูดรอยฟันตามคอเขาก็มาจากตอนที่อีกฝ่ายลงโทษทั้งนั้น เขาถึงไม่ได้อยากให้มันหายไปไหน อยากเก็บร่องรอยพวกนี้ไว้นานๆ เพราะเมื่อมองเห็นทีไรเขาก็รู้สึกได้ถึงตัวตนของครูซที่ตรึงตราอยู่บนร่างกาย

“แบบนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้งครับ” 

“หึ” แทนยกยิ้มมุมปากเมื่อคิดอะไรดี ๆ ออก ชายหนุ่มกระชากคอเสื้อครูซเข้ามาใกล้ตัวแล้วพูดชิดริมฝีปากของอีกฝ่ายเสียงเข้มเชิงท้าทาย

“ทำให้ก่อนแล้วจะยอมทา” พูดจบแทนก็กดหัวครูซต่ำจนใบหน้าเกือบชิดเข้ากับเป้ากางเกงตน ครูซตกใจกับการกระทำของแทนไม่น้อย เพราะไม่เคยเจอมุมนี้ของร่างสูงมาก่อน แต่ก็เพียงแปบเดียว แววตาเจ้าเล่ห์ก็เงยขึ้นมาสบดวงตาสีนิลอย่างเอาใจ ทำเอาคนที่ตั้งใจแกล้งเล่นเมื่อครู่ดันรู้สึกต้องการขึ้นมาจริง ๆ

“ถ้าคุยกับแม่ผมเรื่องของเราผ่านไปได้ด้วยดี...ผมให้ยิ่งกว่าปากอีก” ครูซแลบลิ้นเลียลงบนแก่นกายที่ยังนอนสงบนิ่งผ่านกางเกงผ้าร่มที่แทนตั้งใจจะใส่ไปออกกำลังที่ห้องฟิตเนสส่วนตัว...แต่ตอนนี้คงไม่ต้อง เพราะออกกำลังกับครูซก็ได้เหงื่อดีเหมือนกัน

.

.

.

บ้านเดี่ยวสองชั้นสีครีมขาว มีต้นมะลิซ้อนสีขาวนวลปลูกเป็นแนวรั้ว แทนมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น มือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาเคยมาส่งครูซที่หน้าบ้านหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้ก้าวเท้าเข้าไปภายในเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ตื่นเต้นเหรอ” ครูซดับเครื่องยนต์รถดึงกุญแจออกพลางถามแทนที่นั่งบีบมือตัวเองไปมา

“อืม...ตามจริงเธอไม่ให้บอกคุณเรื่องที่นัดผมมาคุย”

“ไม่เป็นไรหรอก แม่รู้จักผมดี” ครูซเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูที่วางอยู่บนเบาะหลังมาเช็ดเหงื่อตามขมับและฝ่ามือร้อนของแทนด้วยรอยยิ้ม

“บ้านผมถือคติ คนรักต้องไม่มีความลับต่อกัน” แทนพยักหน้าเข้าใจเมื่อนึกตามคำพูดของครูซ แสดงว่าการที่แอนนี่กำชับไว้แบบนั้นเพื่อทดสอบเขาว่ากล้ามีความลับกับครูซหรือเปล่า ถ้านี่เปรียบเสมือนเกมต่อสู้ เขาคงกำลังผ่านด่านแรกไปได้ด้วยดีใช่ไหม

“พร้อมไหมครับ”

“อื้ม” แทนตอบรับแล้วเปิดประตูลงจากรถโดยไม่ลืมที่จะหยิบกระเช้าผลไม้ติดไม้ติดมือไปเป็นของฝากด้วย แม้ครูซจะบอกว่าไม่จำเป็นแต่แทนก็ยังเชื่อคำแนะนำของไวน์ที่พูดกรอกหูอยู่ทุกวันอยู่ดี

“แล้วจะไปเจอแม่เขาอย่าลืมของฝากนะ นี่สำคัญมาก ความประทับใจแรกพบต้องทำให้ดี หน้าตายพูดน้อยแบบพี่ ต้องใช้อย่างอื่นแสดงออกให้เห็นถึงความใส่ใจ เขาจะได้เอ็นดูยอมยกลูกชายให้”

แทนเดินตามร่างโปร่งที่พาเดินเข้าไปภายในบ้านที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวสบายตา แม้ยามเที่ยงวันจะแดดแรงแต่ภายในบ้านกลับเย็นสบายถึงไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ก็ตาม ภาพถ่ายที่ติดอยู่กำแพงบอกเล่าเรื่องราวของคนในบ้านแต่ละช่วงอายุได้อย่างน่าสนใจ ภาพครูซตอนแรกเกิด ตอนอยู่อนุบาลจนกระทั่งรับปริญญา ใส่สูททำงาน ร่างสูงมองด้วยความเพลิดเพลินมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ครูซแตะมือลงบนเอวเขาเบา ๆ เป็นการเรียกให้หันไปทักทายแอนนี่

“สวัสดีครับ” แทนกับครูซยกมือไหว้แอนนี่ที่เดินยิ้มหน้าตาสดใสออกมาจากห้องครัว

“สวัสดีค่ะ ทำไมมาไวกันจัง แม่ยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย” แอนนี่เป็นหญิงลูกครึ่งหน้าตาสะสวยแม้จะอายุสี่สิบปลายแล้วแต่ยังดูอ่อนเยาว์อยู่มาก ครูซกับเค้กได้แม่มาเต็ม ๆ ทั้งสีผมและสีดวงตา แม้กระทั่งรอยยิ้ม

“อยากมาหาแม่ไว ๆ ไง ครูซคิดถึง” ครูซขยับไปโอบกอด หอมแก้มแอนนี่ตามปกติแต่ทำเอาคนหน้านิ่งอย่างแทนหลุดยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดู นาน ๆ ทีจะเห็นอีกฝ่ายทำตัวเป็นเด็กแบบนี้

“ปากหวานจังเลยลูกคนนี้ คุณแทนนั่งรอก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวอีกไม่เกินสิบนาทีกับข้าวก็จะเสร็จแล้ว”

“ครับ...ผลไม้” แทนพยักหน้ารับพร้อมยื่นกระเช้าผลไม้ราคาแพงให้อีกฝ่าย

“ขอบคุณมากค่ะ” แอนนี่รับมาด้วยรอยยิ้มก่อนขอตัวไปทำกับข้าวต่อปล่อยให้ชายหนุ่มสองคนนั่งรออยู่ในห้องรับแขก

“ต้องไปช่วยแม่คุณทำหรือเปล่า” แทนถามขึ้นด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าครอบครัวปกติมีความสัมพันธ์แบบไหนจึงไม่ค่อยมั่นใจกับการวางตัวสักเท่าไหร่

“แม่ชอบทำกับข้าวคนเดียว ช่วยจัดโต๊ะก็พอครับ” ครูซพูดเสร็จก็หยิบรีโมททีวีกดเปิดช่องข่าวกีฬาด้วยท่าทีผ่อนคลาย ครูซไม่ได้กลับบ้านมานานจึงรู้สึกคิดถึงอยู่ไม่น้อย แล้วการมาครั้งนี้พาแทนมาด้วย ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกดีที่บ้านเต็มไปด้วยผู้คนที่เขารัก

“ดูเธอไม่แปลกใจที่เห็นคุณมาด้วย”

“ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไร”

“เค้กล่ะ”

“ไปเรียนพิเศษครับ อาทิตย์หน้าจะสอบเข้ามหาลัยแล้ว”

“...แล้วสรุปตัดสินใจจะเข้าอะไร” เปลี่ยนไป แทนไปเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน จากคนที่ไม่เคยสนใจใคร ปิดกั้นตัวเองแต่เดี๋ยวนี้กลับเริ่มนึกถึงคนอื่น เอ่ยถามเรื่องราวความเป็นไปด้วยความอยากรู้ ครูซถือว่าการตัดสินใจพาแทนเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แม้จะมีช่วงที่ทำให้เขารู้สึกฟุ้งซ่านไปบ้างเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป แต่ตอนนี้เขาดีใจที่ร่างสูงเริ่มเปิดรับความรู้สึกกับคนรอบข้างมากขึ้น

“คงจะเป็นดุริยางค์” น้องสาวเขาชอบเล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก และยังเป็นนักสะสมแผ่นเสียงเพลงคลาสสิคอีกด้วย

“ถ้าติดจะซื้อให้อีก”

“ไม่เอาแล้วครับ แค่เปียโนก็แพงเกินไปแล้ว” ครูซส่ายหน้าเมื่อหันไปจ้องเปียโนสีขาวที่ตั้งเด่นสง่าอยู่ชิดกำแพงห้องนั่งเล่น

“สัญญาไว้แล้ว” ช่วงที่แทนอาการยังไม่ดีขึ้นก็มีเค้กที่ชอบโทรมาชวนคุยยามครูซออกไปทำงาน เด็กสาวชอบเล่าเรื่องที่พบเจอมาในแต่ละวันให้เขาฟังมากมาย แม้เขาจะไม่พูดอะไรกลับไปแต่เธอก็ไม่ได้ลดความพยายามที่ชวนเขาคุยเลยสักนิด ถึงตอนแรกจะรู้สึกรำคาญตามประสาคนไม่ชอบความวุ่นวายแต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เค้กเป็นอีกคนที่ช่วยให้เขาในตอนนั้นไม่หมกมุ่นอยู่กับความคิดด้านลบที่ชอบผุดขึ้นมาตอนอยู่คนเดียว นอกจากไวน์ที่โทรมาหาทุกวันแล้วรองลงมาคงเป็นเค้กที่เขาคุยด้วยบ่อยที่สุด

“ไปแอบคุยกันตอนไหนเนี่ย เดี๋ยวนี้มีความลับกับผมเยอะจังนะ” ครูซพูดล้อขำ ๆ ใช้มือบีบจมูกแทนด้วยความรู้สึกหมั่นเขี้ยว หลังจากได้กอดแทนในคืนนั้นเขาก็ลบใบหน้านองน้ำตากับเสียงอ้อนขอจูบออกจากสมองไม่ได้เสียที เขาคงกลายเป็นคนลามกไปแล้วถึงอยากครอบครองอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลายามมองริมฝีปากอิ่มสีสดขยับพูดไปมา

“ไม่ใช่ความลับ ก็บอกอยู่ไม่ใช่เหรอ” แทนตอบอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกปรักปรำ

“ผมล้อเล่นนิดเดียวเอง อย่าคิดมากสิครับ” ครูซยกมือลูบผมแทนเบาๆ เป็นการขอโทษ

“อื้ม” แทนตอบรับในลำคอ เอนหลังพิงโซฟาแล้วใช้มือโอบเอวครูซดึงเข้าชิดตัวตามความเคยชิน ทั้งคู่นั่งดูข่าวกีฬาจนถึงช่วงพักโฆษณาถึงลุกไปช่วยกันจัดโต๊ะอาหารพอดีกับที่แอนนี่ทำกับข้าวเสร็จ แทนหยิบจัดทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่วเพราะทำงานบ้านด้วยตัวเองมาตลอดหลายปี ทำให้แอนนี่มองด้วยความประทับใจอยู่ไม่น้อย หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยทั้งสามคนก็เตรียมตัวรับประทานอาหาร โดยครูซหยิบแผงยาในกระเป๋าเสื้อออกมาแกะแล้วจ่อเม็ดยาไว้ที่ริมฝีปากอิ่ม แทนอ้าปากรับยาจากมือครูซอย่างว่าง่ายก่อนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

“คุณแทนทานได้ใช่ไหมคะ” แอนนี่ถามเมื่อไม่เห็นแทนตักกับข้าวขึ้นมาทานเสียที

“ผมทานได้” แทนพยักหน้ารับแล้วเริ่มลงมือทานอาหารเมื่อครูซตักกับข้าวให้ ทั้งคู่ทำราวกับมันเป็นเรื่องปกติ เพียงครูซแบมือแทนก็หยิบซอสที่อยู่ในตะกร้าด้านข้างตัวให้โดยที่ไม่ต้องพูดเลยสักคำ การเคลื่อนไหวเป็นไปตามธรรมชาติจนคนเป็นแม่อดจะอมยิ้มไม่ได้

“นี่ค่ะ ของโปรดครูซ”

“ขอบคุณครับ” แทนก้มหัวขอบคุณเล็กน้อยก่อนกินไข่ตุ๋นทรงเครื่องที่แอนนี่ตักใส่จานให้ด้วยท่าทีปกติ ไม่ได้มีแววตาหรือสีหน้าของความรังเกียจออกมาแม้แต่น้อย ทำเอาครูซที่ชะงักตัวไปในตอนแรกค่อยๆ ยกยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ

“อะไร” แทนถามขึ้นเมื่อสังเกตว่าคนข้างกายไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าตนเสียที

“เปล่าครับ” ครูซส่ายหน้า ยกมือลูบหลังแทนเป็นการชื่นชม แทนหันกลับไปทานอาหารต่อ ซึ่งทุกการกระทำของทั้งคู่อยู่ในสายตาของแอนนี่ตลอดเวลา เมื่อทานอิ่มทั้งสามคนก็พากันมานั่งเก้าอี้ในสวนหน้าบ้านที่ร่มรื่นจากเงาใต้ต้นไม้ใหญ่ กลิ่นหอมของมะลิซ้อนพัดโชยมาตามสายลมทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

“เรื่องคุณหญิงรัศมี ฉันแสดงความเสียใจด้วยนะคะ” คนทั่วไปไม่ทราบถึงปัญหาภายในวงศ์ตระกูลจึงเข้าใจเพียงว่าคุณหญิงเสียชีวิตจากโรคประจำตัวที่บ้านพัก อำนาจเงินทำให้ข่าวยาเสพติดที่คุณหญิงทำไว้ไม่ถูกเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้

“ครับ” แทนเพียงตอบรับสั้นๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเพราะเขาไม่อยากพูดถึงคนเป็นย่าสักเท่าไหร่ ครูซที่มารู้ความจริงจากข่าวทีหลังก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไร นอกจากนั่งฟังข่าวด้วยท่าทีเฉยชา ราวกับมันเป็นเพียงข่าวธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขาสองคน งานศพที่จัดอย่างยิ่งใหญ่พวกเขาก็ไม่ได้ไปร่วม

“ผมขอโทษที่ไม่รักษาคำพูดนะครับ” หลังจากพูดคุยเรื่องทั่วไปได้สักพักแทนก็เอ่ยขอโทษออกมา

“เรื่องห้ามบอกครูซเหรอคะ?”

“ครับ”

“แม่ก็ไม่คิดว่าคุณจะปิดครูซได้หรอก รายนี้จับผิดเก่งจะตายไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ” แอนนี่ส่ายหน้าไม่ได้ถือโทษเรื่องที่แทนเป็นกังวล ตามจริงที่เธอพูดไปแบบนั้นเพียงต้องการทดสอบความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เท่านั้น คนรักกันอยู่ด้วยกันทุกวันหากคนใดคนหนึ่งเปลี่ยนไปหรือมีความลับ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนรักต้องรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ ยิ่งกับลูกชายเธอที่ใส่ใจในทุก ๆ อย่างคงเป็นเรื่องยากที่จะปิดบัง

ครูซเหมือนจะเป็นคนใจดียิ้มง่าย เป็นมิตรกับทุกคนแต่จริง ๆ แล้วลูกชายเธอเป็นคนหวงความเป็นส่วนตัว รวมถึงหวงทุกอย่างที่เป็นของตัวเอง ทั้งคนและสิ่งของ ถ้ารักมากก็ยึดติดมาก เธอจำได้ดีว่าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวแรกที่ซื้อให้ครูซตอนเด็ก เขารักมันมากแค่ไหน ตอนนั้นครูซถือติดตัวตลอดเวลาพอโตขึ้นก็ไม่ได้ทิ้งขว้างเหมือนเด็กคนอื่นที่พอได้ของเล่นใหม่แล้วจะลืมของเล่นเก่า เพราะหากครูซถูกใจจะเก็บรักษาอย่างดีแต่ถ้าไม่ถูกใจก็ไม่คิดแม้แต่จะชายตามอง ถึงจะผ่านไปเกือบยี่สิบปีแต่ครูซก็ยังเก็บรักษาตุ๊กตาหมีตัวนั้นไว้ วางบนหัวเตียงตำแหน่งเดิม ถึงตามันจะหลุดบ่อย เนื้อผ้าจะเปื่อยยุ่ยจนแทบมองไม่เห็นความน่ารักแล้วก็ตาม กับคนก็เช่นกัน เมื่อก่อนเธอกับเค้กแทบไม่เคยเห็นครูซออกไปไหนไกลบ้านเกินหนึ่งอาทิตย์สักครั้งนอกจากเรื่องงาน ชายหนุ่มมักเป็นห่วงและวนเวียนอยู่แต่กับพวกเธอจนไม่เห็นใครอยู่ในสายตา การที่ครูซขอไปอยู่กับแทนเป็นเดือนๆ โดยกลับบ้านอาทิตย์ละครั้งสองครั้งจึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอตกใจอยู่ไม่น้อย แต่จนวันนี้ได้เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันเธอก็พอจะเข้าใจ คนหนึ่งโหยหา คนหนึ่งยึดติด ความต้องการที่ล้นเกินพอดีของครูซกับแทนนั้นสามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้

“คุณแอนนี่ครับ” ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของแทนก็ทำให้เธอหันไปมองด้วยรอยยิ้มเหมือนพอจะรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าอยากพูดเรื่องอะไรกับเธอ

“ผมรักครูซ...ยกเขาให้ผมได้ไหมครับ” ดวงตาสีนิลจ้องมองมาที่เธอด้วยความมั่นคง มือขาวกอบกุมมือลูกชายเธอไว้แน่น เธอไม่ได้รู้สึกผิดหวังหรือรู้สึกแย่กับการที่ครูซไม่ได้แต่งงานมีลูกมีหลานให้ เธอรักครูซมากเกินกว่าจะใช้กฎเกณฑ์ของสังคมมาจำกัดความสุขของลูกชาย ตั้งแต่เด็กจนโตครูซเสียสละเพื่อครอบครัวมามากพอแล้ว หากวันนี้ครูซได้เจอใครที่มาสร้างความสุขและพร้อมจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต แม่อย่างเธอก็ยินดี เพราะในอนาคตสักวันเธอก็ต้องจากไป ถ้าลูกมีคนที่อยู่เคียงข้างเธอก็คงหมดห่วงแล้ว

“ฉันไม่ใช่คนตัดสินใจเรื่องนี้หรอกค่ะ ถามเจ้าตัวดีกว่า เพราะอะไรที่ลูกแม่ทำแล้วมีความสุข แม่ก็ยินดีไปกับลูกด้วย”

หมับ

“แม่ครับ” ครูซรู้สึกซึ้งใจกับความรักที่แอนนี่มีให้ตนจนต้องลุกเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าคนเป็นแม่แล้วกราบลงบนตักก่อนกอดรอบเอวบางไว้แน่น

“รักคุณแทนไหมครูซ” แอนนี่ลูบผมนิ่มด้วยความเอ็นดูก่อนประคองใบหน้าเรียวให้เงยหน้ามาคุยกันดีๆ

“รักครับ” ครูซตอบกลับไปในทันทีแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยด้วยซ้ำ

“มีความสุขไหม”

“ครับ”

“เก็บรักษาความรู้สึกตอนนี้ไว้ให้ดีๆ นะลูก หากวันข้างหน้ามีเรื่องไม่เข้าใจกันก็หันหน้าคุยกันอย่าใช้แต่อารมณ์ อย่าพลาดเหมือนชีวิตคู่ของแม่” การแต่งงานของเธอกับพ่อของครูซลงเอยกันไม่ดีสักเท่าไหร่ ถึงเราจะรักและซื่อสัตย์ต่อเขามากแค่ไหน หากอีกคนไม่ได้คิดเหมือนกันทุกอย่างก็จบ แต่เธอก็นึกขอบคุณเสมอ เพราะอย่างน้อยคนคนนั้นก็ได้มอบของขวัญแสนวิเศษไว้ให้เธอ ในเวลาเศร้าหรือเหนื่อยล้าเพียงได้เห็นรอยยิ้มของครูซกับเค้กเธอก็มีความสุขขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์

“ครับแม่ ขอบคุณที่เข้าใจครูซ”

“คุณแทนลุกขึ้นเถอะค่ะ” แอนนี่พูดด้วยความตกใจเมื่อแทนเดินมานั่งลงกับพื้นเคียงข้างครูซ ภาพผู้ชายที่ดูหยิ่งและไม่ยอมก้มหัวให้ใครหายไปแล้วเหลือเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ให้กำเนิดคนที่เขารัก

“ผมอยากขอโทษที่เคยทำผิดกับครูซ…ผมอาจจะไม่ใช่คนดี แต่ผมสัญญาจะอยู่เคียงข้างเขาจนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะมาถึง” แทนก้มหัวเล็กน้อยเป็นการขออนุญาตก่อนคว้ามือครูซมากุมไว้ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคงทำให้แอนนี่ระบายยิ้มออกมา

“ฝากลูกชายแม่ด้วยนะ”

“ครับ ผมให้สัญญา” สัญญาครั้งนี้เป็นสัญญาที่ทั้งชีวิตเขาต้องรักษามันเอาไว้ให้ได้

TBC.

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนจบ

“สวัสดีค่ะคุณแทน” พนักงานสาวยกมือไหว้แทนที่กำลังยืนรอลิฟต์ตามมารยาท

“สวัสดี”

“!!” เธอชะงักตัวแข็งทื่อเมื่อได้คำตอบรับจากเจ้านายหนุ่ม แม้จะไม่มีรอยยิ้มแต่ดวงตาสีนิลที่จ้องตรงมากับน้ำเสียงทุ้มกังวานทำเอาหญิงสาวใจเต้นแรงด้วยความเขินอาย เห็นเพื่อนที่แผนกพูดคุยเรื่องนี้มาหลายวันไม่คิดว่าจะเป็นจริงตามที่เขาพูดๆ กัน คุณแทนดูเปลี่ยนไป บรรยากาศรอบตัวไม่ได้น่าพิศวงเหมือนเดิมหากแต่ดูแข็งแกร่งและนุ่มนวลจนทำให้ยากที่จะละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายไปได้ ปกติก็เป็นคนจำพวกดึงดูดสายตาอยู่แล้วยิ่งดูเข้าถึงง่ายกว่าแต่ก่อนยิ่งทำให้ผู้หญิงในบริษัทมองกันอย่างหลงใหล คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะรูปร่างหน้าตาและฐานะที่ครบสูตรถึงขั้นเรียกได้ว่าเพอร์เฟคนั้นเป็นต้นแบบผู้ชายอย่างที่ผู้หญิงหลายคนต้องการ

ภายในห้องโดยสารทรงสี่เหลี่ยมที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่มีเพียงชายหนุ่มสองคนเท่านั้นที่ใช้บริการ

“ผมหวงนะครับ” ครูซที่ยืนข้างกันในลิฟต์พูดขึ้นมาด้วยเสียงเรียบนิ่งไม่ได้บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

“หวงเรื่องอะไร” แทนเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

“ทำตัวน่ารักแบบนี้กับคนอื่น เห็นแล้วมันหงุดหงิดใจ” เพราะเมื่อก่อนคนหน้านิ่งปิดกั้นตัวเองทำให้เขาไม่ได้รู้สึกหึงหวงกลัวว่าใครจะเข้าหา แต่ตอนนี้สิ ผู้หญิงในบริษัทต่างมองกันอย่างเปิดเผย บางคนใจกล้าขนาดเข้ามาทักทายทุกวัน เดินผ่านบ่อยๆ ให้ร่างสูงจำหน้าได้ เขาที่ยืนอยู่ข้างกายตลอดพาลอารมณ์เสียทุกทีเมื่อเห็นสายตาทอดสะพานเหล่านั้นส่งมาให้แทน

“คิดมาก” แทนยกมือลูบหัวครูซอย่างนึกเอ็นดู ถึงอีกฝ่ายจะมีนิสัยสุขุม ดูเป็นผู้ใหญ่และพึ่งพาได้ แต่ในบางครั้งนิสัยแบบเด็กๆ ก็มีหลุดมาให้เห็นบ้าง แทนไม่คิดว่ามันเป็นข้อเสียหรือเรื่องที่ต้องแก้ไข เขากลับนึกชอบใจกับการกระทำที่สมอายุของครูซมากกว่า มันทำให้เขานึกอยากเอาใจ อยากตามใจเด็กคิดมาก

“ผมก็คิดแต่เรื่องของแทนนั่นแหละครับ” ครูซพูดจบลิฟต์ก็มาถึงชั้นที่สามสิบแปดพอดี

“หึ...น่ารัก”

จุ๊บ

ครูซยืนอึ้งอยู่กับที่เมื่อถูกมือขาวคว้าคอเข้าไปใกล้แล้วกดปากอิ่มจูบลงบนแก้มแรงๆ ต่อหน้าพนักงานอีกสามสี่คนที่ยืนรอลิฟต์อยู่ ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึงยกเว้นก็แต่เจ้าตัวที่เดินไปยังห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี

“...” ครูซที่เพิ่งตั้งสติได้รีบเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้พนักงานชายหญิงที่เห็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อครู่อ้าปากค้างอยู่กับที่ไม่มีใครก้าวเท้าขึ้นลิฟต์แม้แต่คนเดียวจนกระทั่งลิฟต์ปิดลงอีกครั้ง

แอ๊ด ปัง

เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นเพียงเสี้ยววิ ยังไม่ทันที่แทนจะหันไปมองท่อนแขนอุ่นแสนคุ้นเคยก็สวมกอดเขาจากด้านหลังไว้เสียแน่น

 “เป็นอะไร” แทนที่ยืนเลือกแฟ้มอยู่ข้างโต๊ะทำงานเอี้ยวคอไปมองครูซที่ซบหน้าลงกับไหล่ตนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาคุยด้วย

“...” ครูซไม่ตอบแต่กอดรัดแน่นมากยิ่งขึ้น หัวใจเขามันเต้นรัวจนปวดไปหมด ดีใจแทบบ้า เขาไม่ได้ต้องการให้แทนป่าวประกาศให้คนอื่นได้รับรู้ ไม่ได้อยากทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เพราะรู้ว่าการทำงานในตำแหน่งสูงอย่างผู้บริหารต้องทำตัวให้น่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับ แต่การที่ร่างสูงแสดงออกกับเขาอย่างเปิดเผยเมื่อครู่มันก็ทำให้อดรู้สึกดีไม่ได้จริงๆ

น่ารัก แทนฟ้าของเขาน่ารักที่สุด

“ทำแบบนั้นจะดีเหรอครับ” เมื่อกอดจนพอใจครูซก็คลายแรงลงพลางถามสิ่งที่เป็นกังวลอยู่ เพราะต่อให้รู้สึกดีแค่ไหนแต่เขาก็เป็นห่วงภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายไม่น้อย

“ทำไม” แทนแกะแขนครูซออกจากเอวเดินไปนั่งลงบนโต๊ะแล้วดึงให้ร่างโปร่งเข้ามายืนแทรกกลางอยู่ระหว่างขาตน

“ก็มันจะส่งผลกับงาน”

“งานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ใครจะคิดอะไรก็เรื่องของเขา ผมไม่สนอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องคิดมาก...ผมสนใจแค่ครูซคนเดียว” แทนยิ้มละมุมแบบที่ใครก็ไม่มีวันได้เห็น รอยยิ้มที่มีไว้เพื่อครูซเพียงคนเดียว

“แทน...” ครูซรู้สึกซึ้งกับคำตอบแสนซื่อตรงของอีกฝ่ายจนพูดไม่ออก

“ครับ” เสียงทุ้มตอบรับด้วยคำสุภาพ กับมือขาวที่ยกลูบแก้มเขาไปมาทำเอาแข้งขาอ่อนไปหมด เจอแทนโหมดนี้แล้วใจไม่ดีเลย แพ้ทางสุดๆ

“จะทำให้หลงไปถึงไหน หื้ม~” ครูซฟัดแก้มขาวของแทนที่ใสจนเห็นเส้นเลือดฝอยเต็มแรง สูดดมกลิ่นหอมสะอาดเข้าเต็มปอดอย่างนึกหมั่นเขี้ยว แทนไม่ได้ขัดขืนซ้ำยังเอียงหน้าให้หอมให้จูบอย่างเอาใจ

“เอาให้ไปจากผมไม่ได้เลย”

“แค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้วครับ”

หลังพูดคุยปรับความเข้าใจกันเสร็จทั้งคู่ก็ต่างย้ายแยกกันไปทำงานของตนเอง แทนนั่งตรวจดูรายชื่อผู้ถือครองหุ้นที่มีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ บริษัทของเขากำลังพัฒนาแบบก้าวกระโดด หากจัดอันดับบริษัทนำเข้าด้านอุตสาหกรรมการผลิตและการนำเข้าเครื่องจักร บริษัทของตระกูล วราวุธกิจ ต้องติดหนึ่งในสามแน่นอน แม้ก่อนหน้านี้จะมีหุ้นแกว่งไปบ้างจากข่าวคุณหญิงรัศมีเสียชีวิต แต่ไม่นานแทนก็สามารถกอบกู้ความน่าเชื่อถือและความมั่นใจคืนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

ปัญหาเรื่องญาติพี่น้องที่ตอนแรกร่วมกลุ่มกันขึ้นมาประท้วงโวยวายที่ไม่ได้รับมรดกจากคุณหญิงก็หายไปเมื่อแทนเสนอเงินจำนวนมหาศาลยื่นให้แลกกับเงื่อนไขเปลี่ยนนามสกุล พร้อมทำสัญญาว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ต่อกันอีก คนพวกนั้นถึงจะเสียดายชื่อเสียงของวราวุธกิจซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาของสังคมแต่เมื่อเห็นจำนวนเงินที่แทนเสนอให้ก็ตอบตกลงในทันที ทำให้ตอนนี้จากตระกูลที่มีญาติพี่น้องล้นหลาม เหลืออยู่เพียงแค่สองครอบครัวเท่านั้น คือ บ้านแทนกับหมอไวน์ นิตยสารซุบซิบข่าวไฮโซโจมตีแทนเรื่องทิ้งญาติพี่น้องอยู่พักหนึ่ง สำหรับแทนเขาไม่สนใจอยู่แล้วจึงไม่ได้ตามไปแก้ข่าว แต่กลับเป็นครูซที่รู้สึกไม่ดีกับข่าวที่ออกมาเพราะกังวลว่ามันอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของบริษัทจึงขอตัวไปจัดการเรื่องนี้หนึ่งวันเต็มๆ กับพัชชา ซึ่งพอวันรุ่งขึ้นข่าวแทนก็หายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อนเพราะบริษัทข่าวบันเทิงที่ลงเรื่องแทนล้มละลายปิดตัวลงแบบถาวร

Rrrr Rrrr

ระหว่างที่กำลังทำงานด้วยความเพลิดเพลิน โทรศัพท์มือถือสีดำขวับก็ส่งเสียงเรียกให้ชายหนุ่มละสายตาจากเอกสารหันไปหยิบขึ้นดู

พัชชา

แทนกดรับสายอีกฝ่ายทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

“ว่าไง”

“คุณแทนสะดวกคุยไหมคะ”

“อืม...อยู่ไหน” แทนเอ่ยถามเมื่อได้ยินเสียงผู้คนมากมายดังแทรกเข้ามาในสาย

“สนามบินค่ะ อีกยี่สิบนาทีจะขึ้นเครื่องแล้วเลยอยากโทรมาบอกก่อนเผื่อติดต่อไม่ได้”

“แล้วใครไปส่ง”

“นั่งแท็กซี่มาค่ะ สะดวกดี”

 แทนกัดปากแน่น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยนึกว่าเธอจะจากเขาไปไหน เขาเคยชินที่เห็นพัชชาอยู่ข้างกายตลอด แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนเธอเดินมาขอลาออกกับเขาด้วยตัวเองเพื่อจะเดินทางไปอยู่ที่สิงคโปร์กับน้องชาย ทำเอารู้สึกใจหายตั้งตัวไม่ทันอยู่เหมือนกัน แต่แทนก็ไม่ได้เอ่ยห้ามหรือรั้งเธอไว้สักคำเพราะรู้ดีว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา พัชชาต้องทนกับความกดดันสภาวะตึงเครียดมากมาย ไม่เคยอยู่อย่างสุขสบายได้เต็มที่สักวัน แทนรู้สึกขอบคุณพัชชาอยู่เสมอที่เธอไม่เคยคิดจะทิ้งเขาแม้จะอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอันตรายขนาดไหนก็ตาม

“ดูแลตัวเองดี ๆ นะคะคุณแทน ขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา”

“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ...แล้วก็ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณแล้ว ตอนนี้คุณไม่ใช่ลูกน้อง”

“ค่ะ...ถ้ามีปัญหาอะไรโทรมาหาน้าได้ตลอดเลยนะแทน”

“อืม...พัชชา...”

“ค่ะ”

“...จะกลับมาไหม” แม้ไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือด แต่สำหรับแทน พัชชาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับญาติผู้ใหญ่ที่เขาเคารพรัก เธอฉุดให้เขาหลุดพ้นออกมาจากนรกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เป็นคนที่โอบประคองเขาไว้เสมอตั้งแต่เด็กจนโต

*“กลับสิคะ บ้านน้าอยู่ที่นั่น”* พัชชาที่ดูแลแทนมาเป็นสิบกว่าปี เธอก็รู้สึกรักและผูกพันมองอีกฝ่ายเหมือนลูกเหมือนหลานที่ตัดไม่ขาด เธอเป็นห่วงและเฝ้าดูการเติบโตของแทนมาตั้งแต่เด็กและจะเป็นแบบนั้นต่อไปจนกระทั่งหญิงแก่อย่างเธอจะหมดแรงลง

“ดูแลตัวเองดีๆ ไว้โทรไปหา” แทนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ

“เช่นกันค่ะ ฝากทักทายครูซด้วยนะคะ”

แทนเงยหน้าจากหน้าจอมือถือที่ดับสนิท จ้องมองไปยังประตูห้องทำงาน นึกถึงคนที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้อง เขารู้ว่าชีวิตคนเรามีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจากเป็นหรือว่าจากตาย เมื่อก่อนเขาไม่เคยกลัวเรื่องความตาย เพราะจะอยู่หรือไปก็มีค่าเท่ากัน เขาใช้ชีวิตไปวัน ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย จนกระทั่งครูซเดินเข้ามาในชีวิต เขาที่อยากตายอยากหายไปจากโลกแสนโสมมใบนี้ กลับอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานเพียงเพราะอยากอยู่เคียงข้างครูซ อยากเห็นรอยยิ้มและได้รับสัมผัสอบอุ่นจากตัวอีกฝ่าย  คิดๆ ดูมันก็น่าตลกดี ด่าคนอื่นไว้เยอะ เกลียดความรักเกลียดความสัมพันธ์ของคู่รัก...แต่ตอนนี้เขากลับเป็นทุกอย่างที่เคยดูถูกเอาไว้

“งานใกล้เสร็จหรือยังครับ” ครูซเปิดประตูเข้ามา นำแฟ้มในมือไปเรียงใส่ชั้นวางตำแหน่งที่แยกไว้สำหรับให้แทนได้อ่านและเซ็นอนุมัติอีกครั้ง

“ยัง ไว้ทำต่อที่ห้องเดี๋ยวพวกเขารอนาน”

“งั้นเราไปกันเลยแล้วกันครับ เย็นกว่านี้รถจะติด”

“อื้ม” ทุกวันศุกร์แทนกับครูซจะไปทานข้าวที่บ้านทศพลกับไพลิน ตามคำขอร้องของคนเป็นพ่อกับแม่ นี่ก็ครบหนึ่งเดือนพอดีนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ไป

“ขับเอง” แทนหยิบกุญแจรถจากมือครูซแล้วเดินไปนั่งที่เบาะคนขับ ครูซก็เดินไปนั่งข้างกันอย่างว่าง่ายไม่ได้ดื้อดึงเหมือนตอนแรก ช่วงหลังมานี้ครูซไม่ค่อยได้ขับรถสักเท่าไหร่เพราะแทนมักเสนอตัวทำเองตลอด จนมีครั้งหนึ่งครูซถามออกไปด้วยความสงสัย แต่แทนเพียงยิ้มมุมปากแล้วลูบหัวเขาเบาๆ ด้วยสายตาที่ทำเอาใจเต้นจนไม่คิดถามออกไปอีกเลย

ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าทั้งคู่ก็มาถึงบ้านเดี่ยวสามชั้นที่อยู่แถวชานเมือง บ้านหลังใหญ่ตกแต่งสไตล์หลุยส์ตามความชอบของไพลิน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะมีสีขาวกับสีทอง ยกเว้นห้องนอนของแทนคนเดียวที่เป็นสีดำ ซึ่งมันก็นานมากแล้วที่แทนไม่ได้ขึ้นไปห้องนอนตัวเอง แต่ไพลินก็ยังเก็บทุกอย่างไว้เหมือนเดิม บอกให้แม่บ้านเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มให้ตลอดเพื่อรอการกลับมาของลูกชาย

“พี่ทศลูกมาแล้ว” ไพลินเอ่ยเรียกสามีที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยน้ำเสียงดีใจ

“สวัสดีครับ” แทนกับครูซยกมือไหว้ทศพลกับไพลิน

“สวัสดีจ้ะ มาๆ วันนี้แม่ทำแต่ของโปรดพวกลูกทั้งนั้นเลยนะ” ไพลินเดินไปจับแขนแทนกับครูซคนละข้างพาเดินไปที่ห้องรับประทานอาหารอย่างอารมณ์ดีโดยมีทศพลระบายยิ้มเดินตามหลัง ชายวัยกลางคนรู้สึกอิ่มเอมใจที่เห็นภาพลูกชายอยู่ในบ้านหลังนี้ ครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ทศพลคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่พาไพลินไปหาแทนที่คอนโดเมื่อเดือนก่อน เขาตัดสินใจพูดขอโทษขอโอกาสจากลูกชายอย่างไม่มีทิฐิ และยังดีที่แทนตอบตกลงเริ่มใหม่กับพวกเขาอีกครั้ง ทศพลเชื่อว่าหากเป็นเมื่อก่อนให้ตายยังไงแทนก็ไม่มีทางตอบรับแต่เพราะมีครูซอยู่ด้วย อะไรหลาย ๆ อย่างจึงเปลี่ยนแปลงไป ถึงจะไม่ได้นึกสนับสนุนหรือเห็นด้วยที่แทนคบผู้ชายด้วยกันในฐานะคนรัก แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ครอบครัวเขามีทุกวันนี้ได้อีกครั้งก็เพราะครูซ ทศพลจึงคิดในทางที่ดี อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้ลูกชายเพิ่มมาอีกคน

“แม่ แผ่นเพลงผมยังอยู่ไหม” แทนถามขึ้นเมื่อกินข้าวเสร็จแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าเค้กกำลังหาแผ่นเสียงดนตรีบรรเลงเชลโลอยู่ สองอาทิตย์ก่อนเขาไปเยี่ยมบ้านครูซ เด็กสาวก็โชว์เล่นเชลโลที่เขาซื้อให้ตามสัญญา ฝีมือการเล่นของเค้กถือได้ว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์หากได้รับการฝึกฝนอย่างดีต้องพัฒนาไปได้อีกไกลแน่นอน

“อยู่สิลูก แม่เก็บทุกอย่างไว้ให้อย่างดีเลย”

“งั้นผมนั่งรออยู่นี่นะครับ” ครูซอยากให้ไพลินได้ใช้เวลาอยู่แทนมากขึ้นจึงเอ่ยปากขอนั่งรออยู่ข้างล่าง

“อื้ม” แทนตอบรับในลำคอ ลูบต้นคอของครูซเบาๆ แล้วเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับไพลินที่ชวนพูดคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้ม

“เอาไหม”

ทศพลหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ที่ปาก ยื่นซองบุหรี่ให้ครูซที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วพยักหน้าไปทางสวนหลังบ้าน ครูซก้มหัวเล็กน้อยเชิงขอบคุณก่อนหยิบมาหนึ่งม้วนแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปยืนจุดบุหรี่สูบกันสองคน วันนี้พระจันทร์เต็มดวงแสงเหลืองนวลดูสวยสบายตา อากาศข้างนอกก็เย็นกำลังดีลมพัดเอื่อยๆ ให้ความรู้ผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย

“ไม่คิดว่าจะสูบ” ทศพลยื่นให้ในตอนแรกตามมารยาทไม่นึกว่าหนุ่มลูกครึ่งจะรับด้วยซ้ำ

“ไม่ติดครับ นานๆ ที” ครูซมีอะไรมากกว่าที่เห็น ทศพลคิดแบบนั้นตั้งแต่สบตาอีกฝ่ายครั้งแรก ในบรรดาคนที่มาสมัครเป็นเลขาทั้งหมด ครูซเป็นคนที่มีอายุและประสบการณ์การทำงานน้อยสุด หากแต่ไหวพริบและชั้นเชิงในการพูดนั้นกลับน่าสนใจ ดึงดูดให้หยุดฟังได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลยสักนิด ทั้งน้ำเสียงแววตาท่าทางนั้นล้วนเต็มไปด้วยความมั่นคงและมีอำนาจอยู่ในตัวเองจนน่าทึ่ง ความเป็นผู้นำฉายแววเด่นชัดจนเขาคิดว่าหากคนคน นี้ทำงานในตำแหน่งหัวหน้าหรือผู้บริหารคงไปได้รุ่ง

“รู้ไหม ฉันรู้สึกดีใจทุกครั้งที่นึกเลือกเธอขึ้นมาเป็นเลขาของแทน ถ้าไม่มีเธอครอบครัวฉันคงไม่มีวันนี้” ทศพลมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างพิจารณา นึกเสียดายที่ทั้งแทนกับครูซไม่อาจมีลูกได้ ไม่อย่างนั้นหลานชายหลานสาวของเขาคงหน้าตาน่ารักมากพอดู

“ไม่หรอกครับ ที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะทุกคนยอมลงทิฐิของตัวเองลงมากกว่า ตัวผมคงเดียวคงทำอะไรมากไม่ได้”

“ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากขอบคุณเธอที่ช่วยดูแลแทนฟ้า” ทศพลยกมือตบไหล่ครูซสองสามที

“คุยอะไรกัน” ร่างสูงเดินหน้านิ่งเข้าไปยืนแทรกระหว่างทั้งคู่ พอครูซเห็นแทนก็รีบดับบุหรี่ลงทันที ถึงอีกฝ่ายจะไม่เคยบอกให้เขาเลิกเพราะไม่ได้ติด แต่ก็ชอบขมวดคิ้วแบบไม่รู้ตัวให้เห็นเวลาได้กลิ่นนิโคตินตามร่างกายเขาอยู่ดี สงสัยคงต้องเลิกอย่างถาวรแล้ว

“ทำไม แกจะหึงแม้แต่กับพ่อหรือไงแทนฟ้า” ทศพลพ่นควันสีเทาออกจากปากด้วยสีหน้ายิ้มขำเมื่อเห็นท่าทีของลูกชาย

“...ตาแก่” แทนกัดฟันแน่น ถึงจะกลับมาคุยกันได้ปกติ ไม่ได้รังเกียจเหมือนเมื่อก่อน แต่สองคนพ่อลูกก็ยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอยู่ดี ชอบลับฝีปากกันทุกครั้งที่เจอหน้า แต่มันกลับเป็นความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา เพราะถ้าจะให้เข้าหากันด้วยการพูดจาภาษาดอกไม้คงไม่ใช่นิสัยของทั้งคู่

“อย่าแก่บ้างแล้วกันไอ้ลูกบ้า” ทศพลพูดประชดก่อนดับบุหรี่ลงเมื่อเห็นภรรยาเดินเข้ามาใกล้

“พี่ทศก็อย่าไปชวนลูกทะเลาะสิ ลูกอุตส่าห์มาทานข้าวด้วยทั้งที” ไพลินตีแขนสามีด้วยท่าทีไม่จริงจังเหมือนเป็นการหยอกล้อกันมากกว่า

“หึ” แทนยิ้มเยาะอย่างคนเหนือกว่า ทศพลก็ส่ายหน้าไม่ถือโทษกับสีหน้าท่าทางของลูกชาย เพราะสำหรับทศพลถึงจะเป็นรอยยิ้มแบบร้ายๆ แต่ก็ยังดีกว่าที่แทนพูดคุยด้วยใบหน้านิ่งราวกับหุ่นยนต์ไร้อารมณ์เหมือนที่ผ่านมา พัฒนาไปขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

“จริงสิ น้องไวน์เอาของฝากจากญี่ปุ่นมาให้ด้วย” ไพลินที่นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อวานก่อนไวน์ที่กลับจากไปฮันนีมูนกับเภาที่ญี่ปุ่นเอาของมาฝากให้เสียมากมายทั้งของของกินของใช้ แต่มีอยู่กล่องหนึ่งที่หลานชายย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเอาให้แทนกับครูซให้ได้ เมื่อกี้ก็เกือบลืมไปซะสนิทดีที่หันไปเห็นพอดี

“แวว ช่วยหยิบกล่องของฝากไปใส่รถแทนฟ้าให้ฉันหน่อย”

“ค่ะคุณนาย”

“ไปนั่งคุยกันข้างในเถอะค่ะ น้ำค้างลงแล้ว” ไพลินชวนให้ทุกคนไปนั่งพูดคุยกันในห้องนั่งเล่น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไพลินกับครูซมากกว่าที่เป็นคนพูด เพราะแทนเคยเงียบอย่างไรก็เงียบอยู่อย่างนั้น นาน ๆ ทีจะพูดขึ้นมาเอง พอ ๆ กับทศพลที่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเล่นมีพูดแทรกขึ้นบ้างเมื่อเป็นเรื่องงานในบริษัท

“แล้วกำหนดวันไว้หรือยัง”

“ยังเลยครับ รอฝ่ายมูลนิธิเขาแจ้งมาอีกที” งานเลี้ยงการกุศลในครั้งนี้บริษัท วี.เค. กรุ๊ป จำกัด รับเป็นเจ้าภาพ แม้แทนจะไม่เห็นความสำคัญของงานแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ครูซกลับเห็นต่างออกไปเพราะชายหนุ่มคิดว่ามันเป็นงานที่สร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท ยิ่งรับเป็นเจ้าภาพนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาพูดคุยเรื่องธุรกิจในงานยิ่งให้ความสนใจ ซึ่งทศพลก็เห็นตรงกันกับครูซทำให้แทนตัดสินใจเซ็นอนุมัติไปเมื่อหลายวันก่อน

“ชวนแม่เธอไปด้วยสิ ฉันอยากเจอคราวที่แล้วทำขนมพายแอปเปิลมาฝากอร่อยมากเลย ฉันจะถามสูตร”

“ครับ เดี๋ยวผมบอกให้”

“จะสี่ทุ่มแล้ว ผมกลับก่อนนะ” แทนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วบอกกับไพลินซึ่งกำลังพูดคุยกับครูซอย่างสนุกสนาน

“จ้ะลูก ไว้เจอกันใหม่ศุกร์หน้า แม่รักแทนฟ้านะ”

“ขับรถดี ๆ เสาร์อาทิตย์หยุดงานบ้างก็ได้ ไม่ต้องโหมทำมากมาย” ทศพลตบไหล่แทนกับครูซคนละทีแล้วเดินขึ้นบันไดบ้านไป การแสดงความรักระหว่างพ่อกับลูกชายคงได้เท่านี้ จะให้ไปกอดไปบอกรักเหมือนที่ไพลินทำ ทศพลทำไม่เป็น แทนเองก็คงรับไม่ได้พอกัน

“สวัสดีครับ”

หลังจากกล่าวลาไพลินทั้งคู่ก็เดินทางกลับโดยแทนเป็นคนขับรถเหมือนเดิม พอถึงห้องก็ต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำ ครูซที่อาบเสร็จก่อนเดินไปเตรียมวัตถุดิบไว้ทำอาหารตอนเช้า ส่วนแทนพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็หยิบกล่องของฝากลังใหญ่ขึ้นมาแกะบนโซฟาพร้อมเปิดทีวีดูข่าวภาคค่ำไปด้วย

“!!” แทนชะงักมือค้างเมื่อเจอของพิสดารมากมายภายในกล่อง ทั้งดิลโด้ เจลหล่อลื่นหลากหลายกลิ่น และถุงยางหน้าตาประหลาด มีแผ่นหนังโป๊อีกเป็นโหล

มันคิดว่าคนอยากเขาจะมีอารมณ์กับการไปนั่งดูคนอื่นกอดจูบลูบคลำกันหรือไง

แค่คิดก็จะอ้วกแล้ว ถึงจะอาการดีขึ้นขนาดไหน แต่สำหรับแทนคนที่จะทำเรื่องอย่างว่าด้วยแล้วไม่รู้สึกขยะแขยงก็มีแต่ครูซเพียงคนเดียว เพราะแค่เห็นท่าทางวาบหวิวของชายหนุ่มสองคนบนหน้าปกก็ทำเอาอาหารที่กินไปตอนเย็นเริ่มวิ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอจนต้องเอาของเล่นหน้าตาประหลาดไปวางทับไว้จนมิด พลางนึกถึงใบหน้าทะเล้นของไวน์อย่างเบื่อหน่าย คนอย่างไวน์นี่มันน่าจับมาตีให้ตาย จะซื้อของฝากทั้งทีเอาแบบธรรมดาไม่ได้หรือไงกัน

“นมอุ่นครับ” เสียงนุ่มที่เอ่ยเรียกทำให้แทนตื่นจากภวังค์ จับกล่องที่อยู่บนตักวางลงกับพื้นแล้วหยิบแก้วนมสดที่ส่งกลิ่นหอมมาถือไว้

“ขอบใจ”

“ของฝากสมกับเป็นหมอไวน์ดีนะครับ” ครูซยิ้มขำเมื่อเห็นของภายในกล่อง แทนพยักหน้ารับแล้วยกแก้วนมดื่มจนหมดแล้ววางไว้บนโต๊ะเล็กข้างโซฟา

“ซื้อมาขนาดนี้ใครจะไปใช้หมด”

“จะใช้กับผมเหรอ?” ครูซยกยิ้มเท้าแขนกับพนักพิงก้มหน้าถาม

หมับ

“แค่เจลนะ เพราะอย่างอื่นไม่มีทาง...” แทนพูดเสียงเย็นดึงให้ครูซนั่งคร่อมบนตักตนแล้วขบใบหูนิ่มอย่างนึกหมั่นเขี้ยว

“จะของจริงหรือของปลอม ถ้าไม่ใช่ของผมก็อย่าหวังจะยอมให้ผ่านเข้าไปในตัวคุณเลย” กลิ่นครีมอาบน้ำที่อีกฝ่ายใช้ยังคงส่งกลิ่นหอมจางๆ ปลุกให้แทนรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วตัวจนอดใจไม่ไหวไล่ดูดเลียไปทั่วคอขาวอย่างหลงใหล

“หวงผมขนาดนั้นเลย” ครูซกอดคอแทนถามด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“มากกว่าที่คุณคิดไว้ก็แล้วกัน” พูดจบแทนก็กัดลงบนคอขาวจนขึ้นรอยฟันสีแดงช้ำเพราะแรงที่แทนใช้ไม่ใช่น้อยๆ แต่ครูซก็ไม่ได้ว่าหรือเอ่ยห้ามซ้ำยังสอดมือเข้าไปสางผมสีนิลเหมือนที่ชอบทำ บีบนวดเบาๆ เอียงองศาคอเปิดทางให้แทนสูดดมกลิ่นกายตนได้ง่ายขึ้น

“แล้วตอนนี้อยากใช้ของจริงกับผมเหรอครับ” ครูซถามทีเล่นทีจริงเมื่อรู้สึกถึงแก่นกายที่นั่งทับอยู่เริ่มขยายใหญ่เบียดอยู่ระหว่างก้นทั้งสองข้างของเขา

“อย่ายั่วให้มันมากเดี๋ยวได้เจ็บหนัก”

“เป็นคำขู่ที่ทำเอาใจสั่นเลยครับแทน” เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าครูซร้ายกาจ และร้ายสุดๆ ตรงที่รู้ว่าทำอย่างไรเขาถึงจะตบะแตก

ผลัก

“หึ...ถึงห้ามผมก็ไม่หยุดแล้วนะ” แทนจับครูซเหวี่ยงลงกับโซฟาแล้วคร่อมทับลงไป มือก็บีบเคล้นไปทั่วตัวอีกฝ่ายตามแรงอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูง จมูกโด่งคลอเคลียไปทั่วใบหน้าเนียนสูดดมกลิ่นหอมด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ อยากได้อยากครอบครองจนแทบบ้า

“ผมตามใจแทนอยู่แล้ว” พูดจบลิ้นอุ่นก็เลียตั้งแต่ปลายคางแทนอย่างอ้อยอิ่ง ดูดปากล่างแผ่วเบาก่อนค่อยๆ แทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากแทนอย่างเอาใจ ทั้งคู่แลกเปลี่ยนความหวานก่อนผละออกเพื่อสูดลมหายใจเข้าไปใหม่

“พรุ่งนี้หยุดงานแล้วกัน” แทนพูดบอกก่อนบีบกรามให้ครูซอ้าปากแล้วสอดลิ้นเข้าไปดูดกลืนอย่างหื่นกระหาย เขาชอบที่จะสัมผัสความชื้นแฉะแสนหวานจากปากบาง ชอบอุณหภูมิอุ่นกำลังดีของร่างกายอีกฝ่าย ชอบเสียงครางทุ้มนุ่มที่เอ่ยเรียกแต่ชื่อเขา ชอบช่องทางที่ตอดรัดอย่างอบอุ่น ชอบดวงตาที่จับจ้องมองมาที่เขาเพียงผู้เดียว ชอบทุกๆ อย่าง เขาอยากครอบครองจนแทบคลั่ง จากคนที่เคยรังเกียจสัมผัส ตอนนี้แทนกลายเป็นคนเสพติดสัมผัสไปแล้ว

ติดสัมผัสจากผู้ชายที่ชื่อครูซ เจนซัน

THE END

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนจบเสริม

แกร็ก..กึก

เสียงกลไกปิดล็อกกับสัมผัสเย็นเฉียบของโลหะบริเวณข้อมือทำเอาครูซสะดุ้งตกใจ ในตอนนี้ข้อมือของหนุ่มลูกครึ่งถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ถูกผ้านุ่มผูกปิดไว้ไม่ให้รับรู้เหตุการณ์ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ การถูกแทนใช้ ของเล่น พันธนาการไว้ส่งผลให้หัวใจภายในอกซ้ายของครูซเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นตามขมับจนผมเปียกชื้นแม้ว่าเครื่องปรับอากาศภายในห้องนั่งเล่นจะถูกปรับให้อยู่ในองศาที่ต่ำสุดตามความชื่นชอบของเจ้าของห้องแล้วก็ตาม มือสากที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นบีบคลึงไปทั่วตัวเนียนขาวจนเกิดรอยแดง การลูบไล้ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงสร้างความวาบหวิวให้ครูซจนไม่อาจกลั้นเสียงครางได้ แต่ในระหว่างที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่แทนมอบให้ ของเล่นชิ้นใหม่ก็ถูกคนหน้านิ่งหยิบขึ้นมาจากกล่องของฝาก

“อ๊ะ…เจ็บ!!” ครูซสะดุ้งเฮือกเมื่อยอดอกสีสดถูกอุปกรณ์บางอย่างหนีบรอบฐานอย่างแรง มันเจ็บแปลบจนน้ำตาซึม แต่ในความเจ็บปวดนั้นเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันแฝงไปด้วยความเสียวซ่านที่ทำเอาแก่นกายของเขาขยายตัวใหญ่ขึ้นอย่างสุขสม

“เจ็บแต่ก็ชอบใช่ไหมครูซ” แทนแสยะยิ้มร้ายมองผลงานตัวเองด้วยสายตาชื่นชม ยอดอกที่ถูกตัวหนีบสีเงินบีบรัดอยู่นั้นบวมเป่งแดงก่ำ น่ากินจนแทนอดใจไม่ได้ที่จะก้มลงไปขบกัดด้วยความหลงใหล ลิ้นร้อนตวัดเม็ดสีแดงสดดูดกลืนจนเกิดเสียงลามกดังไปทั่วทั้งห้อง ตุ่มไตเล็กที่แข็งชูชันจากแรงปลุกเร้าเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำสีใสจากโพรงปากอุ่นดูสวยงามและกระตุ้นอารมณ์ให้คนมองคลั่งไคล้

“ฮึ่ม! เม็ดเล็ก ๆ นี่น่ากัดให้หลุด!” แทนยันตัวขึ้นไปพูดข้างหูครูซก่อนสอดลิ้นเข้าไปชอนไชอย่างหื่นกระหาย มือสองข้างก็หยิกยอดอกดึงสุดแรงจนครูซต้องแอ่นอกตามเพื่อบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวดที่มาพร้อมกับความเสียวสะท้านจนแทบแยกไม่ออกว่าแท้ที่จริงแล้วเขาอยากให้แทนหยุดหรือทำต่อกันแน่

“อะ อ๊า!...ทะ แทนเบาหน่อย” ครูซตัวสั่นเทา เสียงพูดติดขัดจากการหอบหายใจ

“ผมทำเบา ๆ ไม่เป็นคุณน่าจะรู้” นิ้วขาวจิ้มลงบนริมฝีปากนิ่มสีสดคลึงไปมาก่อนกดแทรกนิ้วเข้าไปในโพรงปากอุ่นและขยับนิ้วเข้าออกจนน้ำสีใสไหลเยิ้มออกตามมุมปาก ภาพตรงหน้าทำให้แทนเริ่มรู้สึกร้อนไปทั่วกาย อยากแทรกตัวเองเข้าไปแทนนิ้วที่ถูกเนื้อนุ่มเม้มดูด เขาชักนิ้วออก ขยับนั่งพิงโซฟาแล้วดึงให้ครูซที่นอนอยู่ลุกมานั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างขา

แปะ แปะ

แทนจับท่อนเนื้อร้อนผ่าวของตัวเองตบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ เป็นการหยอกล้อจนน้ำสีใสบนปลายยอดมนเยิ้มเปียกไปทั่วหน้าเนียน

“อมให้หน่อย” จะว่าแทนติดใจปากของครูซก็ไม่ผิด แม้จะไม่ได้ชำนาญหรือมีเทคนิคมากมาย แต่ปากอุ่นกับลิ้นนุ่มที่พยายามอ้ารับท่อนเนื้อของเขาเข้าไปภายในมันเป็นสิ่งที่น่ามอง ยิ่งยามเขาส่ายเอวกระแทกใส่ปากเล็กนั้นอย่างแรงจนครูซน้ำลายไหลเยิ้มยิ่งได้อารมณ์

“อั่ก!..อือ..อืม!” ปากบางที่ถูกเสียดสีกับส่วนแข็งขืนแดงก่ำจนคล้ายจะปริแตกออกมา ความยาวของมันทำให้ครูซเอาเข้าไปได้แค่ครึ่งปาก แค่ส่วนปลายมนก็ถึงคอหอยแล้ว

“อ่อก ค่อก ๆ” เมื่อแทนกระแทกเข้าไปมากขึ้น ครูซก็สำลักคายท่อนเนื้อออกมา ไอจนใบหน้าแดงก่ำน้ำตาไหลเปียกชื้นผ้าปิดตาเป็นดวง น้ำลายกับน้ำสีใสจากท่อนเนื้อผสมปนเปไหลเยิ้มชุ่มคางสวยจนดูเป็นภาพลามกที่ทำเอาแทนกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ

หมับ

“โอ๊ย! อื้ม~” ครูซร้องออกมาเมื่อถูกกระชากผมให้เงยหน้าขึ้นรับจูบแสนดุดันจากคนหน้านิ่ง ลิ้นร้อนทะลวงเข้าไปในโพรงปากอย่างจาบจ้วงป่าเถื่อนไม่เว้นช่วงให้ได้ตั้งตัว แทนกลืนกินอีกฝ่ายอย่างตะกละตะกลาม บังคับบีบคางครูซไม่ให้หันหน้าหนี ดูดดันปากนุ่มอย่างรุนแรงจนเลือดไหลกบปาก ครูซหายใจไม่ทันคล้ายจะขาดใจตายแทนถึงกระชากปากออกแล้วขบกัดไปทั่วลำคอขาวเต็มแรงจนห้อเลือด

“แฮ่ก ๆ” ครูซหอบหายใจ ตัวสั่นเทาไปหมดด้วยความต้องการ ยิ่งถูกทำร้ายถูกกระทำป่าเถื่อนใส่ ใจเขาก็เต้นไม่เป็นส่ำ สัญชาตญาณดิบในกายเรียกร้องอยากถูกอีกฝ่ายครอบครองไปเสียทุกส่วน ความช่ำชองในบทรักของแทนเป็นสิ่งที่ยากเกินจะต้านทาน ทุกส่วนในร่างกายของครูซ แทนรู้ดีว่าตรงไหนจะทำให้เขาดิ้นพล่านด้วยความกระสัน บางจุดที่เขาไม่เคยได้รู้อีกฝ่ายก็เป็นคนค้นพบและชักนำให้เขาหลงมัวเมา

“นี่ครูซ...อยากได้กลิ่นอะไร” แทนดูดเม้มซอกคอครูซ สายตาก็จับจ้องอยู่ที่ขวดเจลหลากหลายสีในกล่องของฝาก

“ละ...แล้วแต่แทนสิครับ” พอพูดจบครูซก็ถูกมือขาวประคองให้ขึ้นมานอนบนโซฟา ครูซซึ่งถูกปิดตาเอาไว้ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้แทนกำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นสถานการณ์ชวนอึดอัดแต่ก็ให้อารมณ์น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เสียงสาบเสื้อถูกถอดออกจากตัวอีกฝ่ายยิ่งสร้างบรรยากาศให้ดูเร่าร้อนมากขึ้นไปอีก และไม่นานไออุ่นของร่างสูงก็ทาบทับลงมา

ป๊อก

เสียงเปิดฝาขวดเจลกับกลิ่นมิ้นต์หอมเย็นลอยมาตามลมให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ครูซเผลอเกร็งตัวเมื่อปลายนิ้วยาวมาพร้อมกับความเปียกลื่นเคล้าคลึงไปทั่วปากทางด้านหลังเบา ๆ ก่อนค่อย ๆ แทรกนิ้วกลางเข้าไปจนสุดโคนนิ้ว กล้ามเนื้อนุ่มตอดรัดอย่างแรงจนแทนสบถออกมาอย่างอดกลั้น เขานึกอยากกระแทกแกนกลางเข้าไปภายในจนตัวสั่น แต่เพราะไม่อยากทำให้ช่องทางของครูซฉีกขาดถึงฝืนทนความต้องการเอาไว้ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการได้จ้องมองใบหน้าเหยเกกับท่าทีทุรนทุรายของครูซมันก็เป็นความสุขอีกอย่างของแทน

สวบ

“อือ~” ครูซกัดปากแน่นเพื่อกลั้นความเสียวที่พุ่งสูง มือเรียวยกขึ้นเหนือหัวกำจิกโซฟาสุดแรงเพื่อระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกจนแทบระเบิดออกมา แทนขยับนิ้วเข้าออกให้ครูซคุ้นชินก่อนค่อย ๆ ใส่นิ้วเข้าไปจนครบสามนิ้ว การสอดใส่ที่รุนแรงรวดเร็วสลับกับจังหวะเนิบนาบทำเอาครูซดิ้นพล่านกับเทคนิคเหนือชั้นของคนหน้านิ่ง

“ผมชอบผิวคุณตอนเกิดรอยแดง...ชอบที่คุณเหมือนจะเจ็บแต่ก็ทำหน้าสุขสมจนอยากเอาให้ตายคาอกจริง ๆ ” ดวงตาสีนิลจ้องมองมาอย่างหื่นกระหายกับคำพูดหยาบโลนปลุกให้อารมณ์ความต้องการของครูซลุกโชนราวกับมีใครเอาน้ำมันไปราดลงบนกองไฟ 

“แทน อะ อ๊า” ทรมานกับการกลั่นแกล้งของอีกฝ่าย ร่างสูงไม่ยอมจับแกนกลางของเขาสักที จะจับเองก็ไม่ได้เพราะมือถูกพันธนาการอยู่ ซ้ำร้ายร่างสูงยังกระแทกนิ้วมาโดนจุดเสียวถี่ ๆ พอเขาใกล้ปลดปล่อยก็ถอดนิ้วออกไปจนสุด ทำเอาคนใจเย็นหงุดหงิดสุดจะทน

“อะไรครับครูซ” การพูดเพราะตอนกำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่เหมือนเป็นเครื่องกระตุ้นให้ครูซคลั่ง

“เอาเข้ามา...อะ เอาเข้ามาสักที!”

“หึ...ตามใจครูซเลย” แทนยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจเมื่อเห็นครูซที่ปกติใจเย็นสติแตกเพราะถูกเขาแกล้ง

สวบ

“อ๊า” แม้จะจุกและอึดอัดแต่ครูซกลับรู้สึกเต็มอิ่มจนต้องครางออกมาเสียงดัง

“อื้ม~ แม่งเอ๊ย!” เนื้อนุ่มอุ่นโอบรัดท่อนเอ็นของแทนแน่นจนชายหนุ่มต้องสบถออกมาอย่างสุดทน ความเสียวแล่นไปทั่วร่าง แรงกระแทกกระทั้นจากอีกฝ่ายทำเอาครูซสมองเบลอไปหมด แทนจับขาครูซข้างหนึ่งไปพาดไว้บนพนักพิงโซฟา ทำให้ช่องทางเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น รับตัวตนของแทนเข้าไปจนลึกสุดโคนแบบที่ไม่เคยเข้าสุดเท่านี้มาก่อน ความร้อนที่อัดแน่นเต็มอยู่ในช่องทางทำเอาครูซอ้าปากครางออกมาสุดเสียง ความยาวและใหญ่ของท่อนเนื้อเบียดจุดเสียวที่อยู่ข้างในทุกครั้งที่ขยับเข้าออก

“ครูซ...อ้า...ครูซ” แทนจับจ้องท่อนเนื้อของตัวเองที่ผลุบเข้าผลุบออกจากช่องทางสีสวย แรงบีบรัดภายในทำเอาแทนแทบคลั่งต้องคำรามในคอด้วยความสุขสม ร่างสูงขยับเอวตอกกระแทกเข้าออกเร็วรัวตามความต้องการ เร็วและถี่จนตัวครูซกระเด้งกระดอนไปตามจังหวะการสอดใส่

“แทน อ๊า” เสียงครางชื่อกับสะโพกกลมที่ขยับสวนกระแทกมาทำเอาแทนใจเต้นรัว ครูซในตอนนี้ยั่วอารมณ์สุด ๆ แม้จะถูกจำกัดการเคลื่อนไหวไปกว่าครึ่ง แต่ท่าทางการเคลื่อนไหวที่ดูติดขัดไม่คล่องตัวกลับทำให้แทนไม่อาจละสายตาจากร่างกายของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย

“ครูซคุณนี่มัน!” แทนก้มไปจูบปากบางที่ครางเรียกชื่อเขาอยู่อย่างดุดัน จับใต้ข้อพับเข่าทั้งสองข้างของครูซให้อ้าออกกว้างกว่าเดิม แล้วบดกระแทกเอวใส่สุดแรง

“อ๊า! ระ แรงไปแล้วครับ!” ครูซเสียงสั่นเมื่อถูกท่อนเอ็นร้อนสอดใส่จนจุกไปหมด แม้พยายามขยับตัวออกห่างแต่แทนก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ก่อนเดิม​

“ผมรู้ว่าคุณชอบมัน” แทนกระซิบชิดปากครูซก่อนเลียตั้งแต่ปลายคางไปจนถึงยอดอกที่ถูกหนีบจนบวมเป่ง แทนใช้ลิ้นรัวใส่ปลายยอดก่อนครอบปากลงไปดูดดึงทำเอาครูซเสียวจนตัวงอ​​ ร่างกายราวกับถูกไฟช็อตตัวเกร็งกระตุกเมื่อถูกปรนเปรอพร้อมกันทั้งด้านล่างและด้านบน

“อ๊า...แทน ฮึ่ม! อ๊า จะเสร็จ” สีหน้าเหยเก ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาเพราะความเสียวกระสัน แทนเร่งจังหวะมากยิ่งขึ้น โหมแรงที่มีทั้งหมดตอกกระแทกเข้าออกช่องทางที่ตอดรัดแน่น ครูซหัวสมองว่างเปล่าเสียววาบไปทั่วตัวปลดปล่อยน้ำคาวขุ่นออกมาเปื้อนหน้าท้องของตัวเองทั้งที่ไม่ได้แตะต้องแกนกลางเลยแม้แต่น้อย

“ครูซ...อ๊ะ อ๊า!” ความอุ่นร้อนที่ฉีดพุ่งเข้ามาในตัวทำเอาครูซสะดุ้งเฮือก มันร้อนวาบไปทั่วท้อง ปริมาณน้ำคาวขุ่นที่แทนปลดปล่อยมันมากซะจนไหลย้อนทะลักออกมาจากช่องทาง หยดทางลงโซฟาราคาแพงจนเป็นคราบ แต่เจ้าของกลับไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงเพียงยกมือเกลี่ยเหงื่อเม็ดใสที่ไหลตามขมับครูซให้อย่างเบามือแล้วโอบกอดอีกฝ่ายแน่น พรมจูบทั่วใบหน้าเนียนด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจแบบที่ใครก็ไม่มีวันมอบให้เขาได้นอกจากครูซเพียงผู้เดียว

“เจ็บไหม” เมื่อแทนฟัดแก้มครูซจนพอใจก็ค่อยลุกขึ้นมาแกะผ้าปิดตา ปลดล็อกกุญแจมือและตัวหนีบที่หน้าอกออกให้อย่างเบาแรง มือขาวลูบไปตามรอยแดงที่บวมช้ำจนห้อเลือดทั่วร่างกาย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวก็หาย” ครูซลูบหลังแทนเบา ๆ เป็นการปลอบไม่ให้อีกฝ่ายคิดมาก แต่ช่วงนี้เขาคงต้องใส่เสื้อแขนยาวติดกระดุมทุกเม็ดไปอีกสักพักใหญ่ ๆ จนกว่ารอยจะหาย ข้าวก็ต้องกินอาหารรสอ่อน เพราะปากมีแต่รอยแผล แม้ข้อจำกัดหลังกิจกรรมดุเดือดระหว่างเขากับแทนจะดูเยอะแยะไปหมด แต่น่าแปลกที่ครูซไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหาเลยสักครั้ง

“ถ้ากลืนกินคุณได้ ผมจะทำ” แทนลูบปากบางที่มีเลือดซึมออกมาอย่างหวงแหน

“นี่เป็นประโยคบอกรักของแทนเหรอครับ” ครูซยิ้มจนตาปิดกับคำพูดของแทน

“คิดว่าไงล่ะครับครูซ” รอยยิ้มละมุนกับคำพูดแสนไพเราะจากแทนเป็นอะไรที่คนอื่นไม่มีวันได้เห็น ครูซยกมือลูบใบหน้าแทนตั้งแต่คิ้วลงมาที่ ตา จมูก ปาก แล้วกดจูบลงบนปลายคางอย่างอ้อยอิ่ง

เขาเพียงผู้เดียวที่มีสิทธิครอบครองแทน เขาเพียงคนเดียวที่พิเศษเหนือใคร

“คิดว่าแทนก็หลงผมมากอยู่เหมือนกัน” และเขาเองก็คงไม่ต่างกัน

“หึ...รู้ก็ดี”

“ไม่รังเกียจสัมผัสผมแล้วเหรอครับ” ครูซพูดหยอกล้อเมื่อเห็นแทนจูบซับเหงื่อตามขมับตน ในขณะที่มือขาวก็หยิบชุดนอนของตัวเองเช็ดคราบเปื้อนออกจากร่างกายเขาให้อย่างเบามือ

“ไม่รังเกียจแล้วเพราะตอนนี้ผมเสพติดสัมผัสจากครูซจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ”

...FIN....

ออฟไลน์ HZtaoFan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากกกกค่ะ
อ่านรวดเดียวเลย
ชอบตัวละครมาก มีนิยายไม่กี่เรื่องที่สลับโพสิชั่นแบบนี้
พล็อตดีมากๆด้วย ชอบสุดๆค่ะ

ออฟไลน์ mouymai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากค่ะ
พล็อตดีมาก :katai2-1: :pig4:

ออฟไลน์ HPG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :-[ คิดถึงแทนครูซ
ตามอ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่ในธวล
พอมาเจอในนี้แบบ
งือ~เหมือนเจอเพื่อนเลย 5555
กลับมาอ่านกี่ทีก็ตกหลุมรักคุณแทนฟ้า
ชอบความเป็นแทนฟ้ามาก
คุณคนเขียนคือเขียนจนเห็นภาพคุณแทนฟ้าออกมาเลย
เราอาจจะจินตนาการอิมเมจแทนฟ้ากับครูซต่างกันนะ
แต่มั่นใจว่าถ้าเราอ่านอย่างตั้งใจ
 เราจะนึกภาพบุคลิกของเขาได้เหมือนกัน
คือเขียนออกมาได้ชัดมาก
จนรู้สึกว่าเขามีตัวตนจริงๆอ่ะ
ไว้เขียนมาให้เราได้อ่านอีกนะ
 xoxo with love

ออฟไลน์ ornonon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณค้ะ สนุกมากๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TheGraosiao

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โหวววว

ลงทีเดียวรวดเลย

ขอบคุณนะคะ   :mew1:

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โหยยยยยยยยยยยยยย
มันเป็นเรื่องที่ ดจีย์ มากกกกกกกกกก

นิยายมีมิติออกมาเลยค่ะ
บรรยายถึงความบัดซบของชีวิตและความโสมมที่ต้องเจอของแทนจนเราอึ้งไปเลย
แต่แทนโชคดีมากที่เจอครูซ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีทางมีชีวิตต่อแบบแทนแน่นอน

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกและเขียนดีมากๆ เลยครับ เรื่องที่เกี่ยวกับอาการผิดปกติทางจิตแบบนี้เขียนยากมากๆ ไม่อ่อนไปจนไม่สมจริง ก็เครียดไปจนอ่านไม่สนุก แต่เรื่องนี้ทำได้พอดีมากๆ สงสารแทนจริงๆ ตัวละครแต่ละคนก็มีความดาร์คในตัวไปคนละแบบ เรียกว่าเทาๆ กันแทบทุกคน

คนที่คิดถึงแต่ตัวเองจมอยู่กับความแค้นแบบเบลนี่น่ากลัวมาก ต่อให้ไม่มีคนเลือดเย็นอย่างคุณหญิงมาทำให้เรื่องเลวร้ายมากขึ้น ก็คงทำร้ายคนอื่นไปตลอดขีวิตอยู่ดี

เรื่องดีๆ อย่างนี้อยากให้มาอ่านกันเยอะๆ จัง

ออฟไลน์ NadiaStory

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หืดดดดหาดดดดมาก ดิบมากค่ะชอบ5555555 :pighaun: ขอบคุณนะคะ เขียนดีมากเลย

ออฟไลน์ Josett

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านจบแล้วถึงกลับต้องเข้ามาเม้น คือมันดีมากอะะ ชอบแนวนี้ชอบครูซ แต่รักแทน
อ่านแล้วอยากมีแทนเป็นของตัวเอง :katai1:



ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
​ตอนพิเศษ ลมหนาว

แทนก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้เที่ยวช่วงวันหยุดเทศกาลนั้นผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว เพราะชีวิตส่วนใหญ่ก็อยู่แค่คอนโดกับบริษัท มีกิจกรรมยามว่างคือการอ่านหนังสือและออกกำลังภายในห้องฟิตเนสส่วนตัว เขาไม่ได้มีความคิดอยากจะไปท่องเที่ยวอย่างคนอื่น เนื่องจากไม่ชอบความวุ่นวายและรังเกียจที่จะไปยืนใกล้ชิดเบียดเสียดแบ่งลมหายใจกับผู้คนจำนวนมหาศาลในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

แต่ปีใหม่ปีนี้แตกต่างจากปีก่อนๆ แทนนั้นไม่ได้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมคุ้นเคย ไม่ได้นั่งตากลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศเช่นวันวาน ตอนนี้เขาอยู่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ ดอกไม้สีสวย และยืนรับลมหนาวจากจุดชมวิวในวนอุทยานแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลิ่นชื้นของหมอกกับกลิ่นดินลอยมาตามสายลมพาให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

“กาแฟครับแทน” ระหว่างที่กำลังเหม่อมองทะเลหมอกข้างหน้าอยู่นั้น เสียงทุ้มนุ่มที่แทนชอบฟังก็เอ่ยเรียกให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์

“ขอบใจ” แทนยื่นมือไปรับแก้วกาแฟมาถือไว้แล้วยกจิบพลางมองใบหน้าของครูซที่ขึ้นสีแดงตามแก้มกับจมูกจากความหนาวเย็นของอากาศ

“หนาวมากเหรอ” แทนถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะเห็นครูซเอาสองมือถูกันไม่หยุด ทั้งที่อีกฝ่ายก็ใส่เสื้อมาไม่ต่ำกว่าสามชั้น แตกต่างจากเขาที่ใส่เพียงเสื้อคอเต่าแขนยาวสีขาวเพียงตัวเดียวกับผ้าพันคอสีน้ำตาลอ่อนที่อีกฝ่ายบังคับให้ใส่

“มากเลยครับ ขนาดใส่เสื้อมาหนาแล้วนะ” ครูซบ่นแล้วกระชับเสื้อกันหนาวให้แน่นขึ้นเพื่อกันลมที่พัดผ่านมาเป็นช่วงๆ

“มายืนด้านนี้”

“ครับ?” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่ครูซก็เดินไปข้างซ้ายของแทนตามคำสั่ง

หมับ

แขนซ้ายโอบไหล่ร่างโปร่งดึงให้ตัวแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างเขาสองคน ครูซหันไปมองด้วยรอยยิ้ม แต่แทนกลับทำหน้านิ่งยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เอาตัวมาบังลมให้ผมแบบนี้ไม่หนาวเหรอ” เมื่อลมหนาวพัดมาอีกครั้งก็ทำให้ครูซเข้าใจในการกระทำของแทนขึ้นมาทันที

“ทนหนาวไม่ได้แล้วจะพามาทำไม” แทนไม่ตอบแต่ถามครูซกลับ

“แทนชอบนี่”

“...” แทนเบนสายตาจากวิวทิวทัศน์ข้างหน้ามามองครูซที่ยกมือสองข้างขึ้นมากุมข้อมือเขาบนไหล่ตัวเอง มือเรียวเย็นมากจนแทนต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อแบ่งความอุ่นในร่างกายตนให้อีกคน

“แล้วอีกอย่างความหนาวก็ไม่ได้แย่ ผมเองก็ชอบ” เพราะทุกครั้งเวลาคนหน้านิ่งเห็นเขาหนาว ก็มักจะทำอะไรที่คาดไม่ให้ถึงให้เห็นตลอด เป็นความห่วงใยที่แสดงออกมาได้อย่างน่ารักเสมอในสายตาครูซ ทั้งถอดเสื้อเปลี่ยนให้ ทั้งโอบกอดให้คลายหนาว แต่ละวิธีน่ารักทั้งนั้น

“หึ” แทนหัวเราะในลำคอเมื่อฟังเหตุผลของครูซจบ มืออีกข้างถือกาแฟจ่อปากครูซเป็นการบังคับให้ดื่ม ครูซอ้าปากดื่มอย่างว่าง่ายแม้จะไม่ชอบกาแฟดำเลยก็ตาม ความขมแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโพรงปาก ครูซเบ้หน้าขึ้นมาทันทีเมื่อกลืนลงคอจนหมด

“มันช่วยให้อุ่น”

“ครับ” ครูซพยักหน้ารับ เข้าใจความหวังดีของแทน หลังจากพักจนหายเหนื่อยทั้งคู่ก็เดินทางต่อ วนอุทยานแห่งชาติที่ครูซเลือกมาในครั้งนี้ เป็นวนอุทยานที่เปิดรับคนเข้าจำกัด ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่นเท่าที่อื่น มีความเป็นส่วนตัวและไม่วุ่นวาย ธรรมชาติของป่ายังคงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก สองฝั่งระหว่างทางเดินเท้ามีต้นไม้ ดอกไม้หน้าตาสวยงามและประหลาดมากมายที่คนในเมืองไม่สามารถเห็นได้ตามสวนประดับ แต่สิ่งที่ชายหนุ่มสองคนดูจะชอบที่สุดคงเป็นสัตว์ป่าที่ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ นกนานาชนิดที่โผบินไปมาเหนือต้นไม้ใหญ่ กระรอกที่วิ่งกระโดดไปมาตามกิ่งไม้ หรือจะเป็นรอยเท้าสัตว์ ที่มีทั้งหมูป่าและกวางป่าตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่วนอุทยานซึ่งเป็นผู้นำทาง

ทั้งคู่เพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบตัวจนในที่สุดก็มาถึงที่หมายโดยใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 6 ชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลา 5 โมงเย็นพอดี ซึ่งบริเวณลานกว้างมีนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มเริ่มจับจองพื้นที่กางเต็นท์นอนแล้ว แต่ครูซกับแทนนั้นจองบ้านพักรับรองเอาไว้จึงไม่ต้องกางเต็นท์นอนด้านนอก เพราะถึงจะชอบบรรยากาศธรรมชาติขนาดไหนแต่แทนไม่นึกชอบใจกับการไปใช้ชีวิตใกล้ชิดคนอีกเกือบร้อย ไหนจะห้องน้ำรวมที่ต้องยืนต่อแถวเข้า แทนไม่คิดว่าจะทำใจยอมรับเรื่องพวกนี้ได้แม้อาการป่วยทางจิตจะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม

“หากพรุ่งนี้ต้องการคนนำทางอีก ไปติดต่อที่ศูนย์บริการได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”

“ขอบคุณมากครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อน”

เมื่อเจ้าหน้าที่เดินจากไป ครูซก็ไขกุญแจบ้านพักขนาดเล็กเข้าไปด้านในโดยมีแทนเดินตามหลังเข้ามา ภายในบ้านพักมีเพียงเตียงเดี่ยวสองเตียง ตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้ และเก้าอี้กับโต๊ะเล็ก ๆ ให้เท่านั้น ห้องน้ำก็ไม่ได้แยกส่วนระหว่างที่อาบน้ำกับชักโครก แทนมองด้วยความไม่คุ้นชินกับขนาดที่ค่อนข้างแคบ

“อาบน้ำเลยไหม” ครูซถามแทนที่ก้มหาของในกระเป๋า

“อื้ม”

“งั้นเข้าไปอาบเลยครับเดี๋ยวเก็บเสื้อผ้าให้” ครูซหยิบกระเป๋าอุปกรณ์อาบน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวให้แทน ร่างสูงรับมาแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำทันที แม้จะอากาศหนาวแทบไม่มีเหงื่อแต่แทนก็อยากล้างสิ่งสกปรกที่ติดตัวมาตลอดทั้งวันออกอยู่ดี ใช้เวลาจัดการธุระส่วนตัวไม่นาน ชายหนุ่มก็พันผ้าเช็ดตัวไว้รอบเอวออกมาจากห้องน้ำ มือข้างซ้ายจับผ้าซับน้ำจากเส้นผม

“สระผมด้วยเหรอ” ครูซถามด้วยความเป็นห่วง เพราะถึงแทนจะชอบอากาศเย็นสักเท่าไหร่แต่สระผมในอุณหภูมิ 3 องศาก็น่าเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย

“ไดร์อยู่ไหน” แทนพยักหน้ารับส่ง ๆ มองหาไดร์เป่าผม

“แต่งตัวก่อน” ครูซยื่นเสื้อสีดำแขนยาวกับกางเกงขายาวสีเทาให้แทนใส่ แล้วหยิบไดร์บนโต๊ะไปเสียบปลั๊กไฟ

“มานั่งนี่ครับเดี๋ยวเป่าให้” ครูซชี้ที่เก้าอี้ แทนก็เดินมานั่งไม่พูดอะไรปล่อยให้มือเรียวสางผมเปียกชื้นของตนเบาๆ ใช้เวลานานกว่าปกติพอสมควรกว่าผมสีนิลจะแห้งสนิทเพราะมีความชื้นในอากาศมาก

“เราไปหาอะไรทานกันเถอะจะหกโมงเย็นแล้ว” ครูซยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วดึงแขนแทนให้ลุกขึ้น ทั้งคู่เดินไปยังจุดร้านค้าที่มีอยู่ด้วยกันสี่ร้าน สองร้านแรกเป็นอาหารตามสั่ง อีกสองร้านเป็นร้านหมูกระทะ ครูซเลือกร้านสุดท้ายที่มีลูกค้าน้อยกว่าสามร้านแรกเพราะรู้จักนิสัยแทนดี ต่อให้อร่อยสักแค่ไหนแต่ถ้าให้ไปนั่งเบียดเสียดกับคนอื่น คนหน้านิ่งได้อารมณ์เสียแน่ ๆ

“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” หญิงสาวรูปร่างผอมบางเดินเข้ามารับเมนูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอสะดุดตาชายหนุ่มสองคนตั้งแต่เดินมาถึงจุดบริการที่พักแล้ว หน้าตาทั้งคู่ดูดีมาก โดดเด่นมีออร่าอย่างกะพวกดาราในทีวี

“เอาขนาดกลางครับ น้ำเปล่าสอง” ครูซก้มมองเมนูในมือแล้วสั่งคนเดียวเสร็จสรรพ ไม่ได้ถามคนตรงหน้าที่นั่งกอดอกมองเตาที่มีกระทะวางอยู่ด้านบน แทนไม่เคยเห็นจึงรู้สึกแปลกตากับการปิ้งย่างเนื้อบนเตาแล้วหยิบเข้าปากแบบนี้ ปกติเวลาเขาทำอาหารทุกอย่างจะผัดปรุงรสจนเสร็จแล้ววางจัดใส่จาน ไม่ได้ทำไปกินไปเหมือนที่โต๊ะอื่นกำลังทำ 

“อะไร” เมื่อพนักงานสาวเดินจากไป แทนก็หันมาถามครูซด้วยความสงสัย

“ไม่เคยกินหมูกระทะเหรอครับ” ครูซเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นสีหน้าของแทน

“ไม่...แล้วข้าวอยู่ไหน” แทนถามต่อเมื่อทุกโต๊ะคีบหมูจากกระทะเสร็จก็เอาเข้าปากไม่ได้กินกับข้าวสวย เหมือนคนพวกนี้กำลังกินกับอย่างเดียว

“เขากินแต่หมูกับผักครับ” ครูซก็ไม่รู้จะอธิบายให้แทนฟังอย่างไรจึงตอบไปเท่าที่อีกฝ่ายถาม

“แล้วจะอิ่มเหรอ”

“ก็อิ่มอยู่นะ”

“อืม” แทนเป็นคนเข้าใจง่ายจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ ครูซชวนแทนคุยเรื่องธรรมชาติเรื่องสัตว์ป่าที่เจอมาในวันนี้ ทั้งคู่พูดคุยกันด้วยความสนุกสนานแม้ส่วนใหญ่จะเป็นครูซที่พูดมากกว่า แต่แทนก็รับฟังแล้วชวนต่อหัวข้อสนทนาไม่ได้เงียบจนเกินไป ผ่านไปไม่นานเนื้อสัตว์กับผักนานาชนิดก็มาเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสุกี้ แทนทำไม่เป็นจึงนั่งมองครูซที่อาสาทำให้ดูก่อน เนื้อหมูถูกวางลงบนเตาย่าง ส่วนผักก็ใส่ตรงร่องที่มีน้ำซุปน้อย ๆ รอบเตา เมื่อพลิกเนื้อหมูทั้งสองข้างจนสุกหมด ครูซก็คีบเนื้อจุ่มน้ำจิ้มสุกี้แล้วยื่นไปป้อนแทนที่นั่งมองวิธีการทำอย่างตั้งใจ แทนอ้าปากรับค่อย ๆ เคี้ยวละเมียดละไมรสชาติของเนื้อหมูกับน้ำจิ้ม

“อร่อยไหม” ครูซยกยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าพึงพอใจของแทน

“ก็ดี” แทนพยักหน้าแล้วลงมือทำกินเองบ้าง ทั้งคู่ผลัดกันคีบให้ แทนป้อนบ้างครูซป้อนบ้างตามความเคยชิน โดยไม่ได้คิดสนใจกับสายตาคนรอบข้างที่จับจ้องมาที่พวกเขาเลยแม้แต่น้อย

“อันนั้นเขาไม่นิยมกินกันครับ” ครูซเอ่ยขัดขึ้นมาเมื่อเห็นแทนกำลังจะคีบมันหมู

“ทำไม” ถ้ามันกินไม่ได้จะใส่มาทำไมให้เปลืองพื้นที่ แทนนึกสงสัย

“มันหมูเอาไว้ทาไม่ให้เนื้อติดกระทะเฉย ๆ” ร่างสูงทำหน้ายุ่งยากใจก่อนเปลี่ยนปลายตะเกียบไปคีบเนื้อไก่มาจุ่มน้ำจิ้มสุกี้แล้วเอาเข้าปากแทน

หลังจากทั้งคู่ทานเสร็จก็จ่ายเงินตามปกติ แต่ก่อนจะกลับหญิงสาวเจ้าของร้านก็เอ่ยขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งตอนแรกครูซจะบอกปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแต่น่าแปลกที่แทนกลับเป็นคนพูดอนุญาตเสียเอง ชายหนุ่มสองคนจึงถ่ายรูปกับหญิงสาวตรงป้ายชื่อร้านก่อนเดินกลับที่พัก

“ทำไมถึงยอมล่ะครับ”

“ก็เขาบอกที่ระลึก...ถ้าวันไหนกลับมาที่นี่อีกครั้งผมจะได้ระลึกถึงครั้งแรกที่เรามาด้วยกัน...ระลึกว่าผมมีความสุขแค่ไหนที่ได้มากับครูซ” ถ้าร้านนั้นยังไม่ปิดไป รูปของเขากับครูซก็คงยังติดอยู่บนฝาผนังร้าน มันคงรู้สึกดีไม่น้อยถ้าได้มาเห็นอีกครั้ง

“แทนฟ้า ผมยอมแพ้” ครูซใช้มือสองข้างปิดหน้าตัวเองเมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนที่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย เวลาแทนพูดมากขึ้นมาเมื่อใดมักทำเอาเขาตั้งรับไม่ทันทุกที ความคิดที่แสนน่ารักแบบนี้...ครูซพ่ายแพ้อย่างหมดรูป​

เขาเขินจริง ๆ นะให้ตายเถอะ

“เด็กน้อย” แทนยิ้มใช้มือขยี้หัวครูซด้วยความเอ็นดูแล้วใช้แขนกอดคอครูซพาเดินกลับไปยังบ้านพัก 

“ผมอาบน้ำก่อนนะ” ครูซถอดเสื้อออก พับเก็บใส่ถุงผ้าที่เอาไว้แยกชุดที่ใส่แล้ว ความหนาวเย็นที่ปะทะเข้ากับผิวกาย ทำให้หนุ่มลูกครึ่งห่อไหล่ ขนลุกชันไปทั่วตัว

“อาบด้วย” แทนถอดเสื้อถอดกางเกงออกจนเหลือเพียงชั้นในสีดำเพียงตัวเดียว

“เพิ่งอาบก่อนไปเองยังไม่สกปรกหรอกครับ” ครูซหยิบผ้าเช็ดตัวไปคลุมตัวให้แทนเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหนาว

“ไม่ชอบกลิ่น” แทนทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นของควันหมูกระทะตามแขนตัวเอง

“งั้นไม่ต้องสระผมนะเดี๋ยวไม่สบาย”

“...อืม” ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่เมื่อถูกดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองมาด้วยความเป็นห่วง แทนก็ปฏิเสธไม่ลง ชายหนุ่มสองคนเข้าไปอาบน้ำด้วยกันตามปกติ ไม่ได้มีความขัดเขินอยู่เลยแม้แต่น้อย ต่างคนต่างอาบ จะมีแค่หยิบยื่นสบู่ให้กันก็เท่านั้น ถึงน้ำจะอุ่นแต่ครูซก็รู้สึกหนาวอยู่ดีจึงรีบอาบน้ำสระผมด้วยความรวดเร็วโดยไม่ลืมเร่งแทนที่มัวแต่ขัดถูตัวใต้ฝักบัวให้รีบออกมาด้วย เมื่อแต่งตัวเป่าผมเสร็จก็พากันไปยืนดูดาวตรงชานระเบียงบ้านที่มีเก้าอี้ไม้เล็กสองตัว บรรยากาศรอบด้านมืดสงบ ได้ยินเสียงแมลงร้องดังตลอดเวลา ลมพัดมาให้รู้สึกเหน็บหนาวเป็นพัก ๆ แต่ท้องฟ้าที่สวยเกินคำบรรยายทำให้ทั้งสองคนยอมทนนั่งมองด้วยความชื่นชม

“ตอนเด็ก ๆ ผมชอบนั่งมองดาวอยู่นอกระเบียงบ้าน เมื่อก่อนอยู่ต่างจังหวัดเวลากลางคืนเลยเห็นดาวชัดมาก ดาวจะกระจายเป็นจุดเหมือนกากเพชรเลย”

“อืม” แทนตอบรับเบา ๆ ในลำคอกับคำบอกเล่าของครูซ

“แทนชอบหรือเปล่า” ครูซที่เงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่หันมาถามแทนที่นั่งข้างกัน

“เกลียด...แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร” แทนไม่ชอบท้องฟ้าตอนกลางคืน ไม่ชอบทะเล เพราะมันทำให้เขานึกถึงเรื่องที่ถูกน้าสาวลักพาตัวไปตอนเด็ก บ้านไม้คับแคบสภาพทรุดโทรม เพดานที่พังจนเป็นรูขนาดใหญ่ เขานอนดูมันทุกคืนพร้อมกับการถูกทรมาน อาจจะเป็นความคิดแบบเด็กๆ แต่ตอนนั้นเขาเฝ้าภาวนาขอพรจากดวงจันทร์กับดวงดาวให้มีใครสักคนมาช่วยฉุดเขาให้หลุดพ้นจากสภาพนั้นสักที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มี มันเลยกลายเป็นความฝังใจที่ทำให้เขาเกลียด...เกลียดเพราะทำให้ผิดหวัง

“แต่ไม่เกลียดแล้วเพราะดูกับผมใช่ไหม” ครูซไม่อยากทำให้แทนรู้สึกแย่จึงพยายามพูดหยอกล้อเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจมดิ่งไปกับความคิดของตัวเอง

“ใช่เพราะดูกับครูซ ผมเลยชอบ” แทนยิ้มให้ครูซบาง ๆ แม้ครูซจะถามเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นแต่แทนนั้นตอบออกไปตามความรู้สึกที่แท้จริงของตน

สำหรับเขาครูซเป็นข้อยกเว้น

ข้อยกเว้นสำหรับทุกอย่างที่เขาเคยเกลียด

“ใจเต้นเลย” ครูซจับมือแทนสอดเข้าไปในเสื้อตัวเอง วางไว้บนอกซ้ายที่หัวใจเต้นรัวจนสัมผัสได้

“หึ” แทนแสยะยิ้มก่อนแกล้งสะกิดตุ่มไตเล็กข้างในจนยอดอกแข็งชูชันสู้มือ ครูซสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดห้ามนั่งนิ่งเฉยให้นิ้วมือแทนบีบคลึงไปทั่วตัว

“ครูซ” แทนดึงให้ครูซลุกขึ้นยืนอยู่ระหว่างขาตน กดจูบหน้าท้องผ่านเสื้อหลายชั้นที่อีกฝ่ายใส่อยู่แล้วช้อนตามองครูซที่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์มองตอบกลับมา

“ครับ”

“ตั้งใจยั่วใช่ไหม”

“ฮ่าๆ รู้ทันด้วยเหรอครับ” ครูซหลุดหัวเราะออกมาจนตาปิด มือเรียวลูบแก้มแทนเป็นการปลอบโยนที่แกล้งกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายเล่น

“ฮึ่ม! อย่าคิดว่าผมไม่กล้าทำ”

“ผมรู้ว่าแทนกล้า...แต่มันหนาวนะครับ ผมไม่อยากถอดเสื้อ”

“ก็ไม่ต้องถอด”

“พรุ่งนี้ต้องเดินลงเขาอีก ลำบากแย่เลย...เอาเป็นตรงนี้ได้ไหมครับ” ครูซจับมือแทนขึ้นมาจ่อที่ปากแล้วแลบลิ้นเลียจนนิ้วมือเปียกชุ่ม แทนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล

“ครูซ...คุณมันร้าย”

“ร้ายแค่กับแทนฟ้าคนเดียว” ครูซก้มไปกระซิบข้างหูแทน แหย่ลิ้นเข้าไปโลมเลียภายในหูจนแทนตัวอ่อนหอบหายใจแรงเมื่อถูกจู่โจมจุดอ่อนไหวง่าย

จุ๊บ

“เข้าข้างในเถอะครับ” แทนเดินตามแรงดึงของครูซเข้าไปภายในห้องอย่างว่าง่าย ทันทีที่ร่างสูงนั่งลงตรงปลายเตียง ครูซก็คุกเข่าลงระหว่างขาแทนทันที มือเรียวลูบแก่นกายที่ตื่นตัวผ่านกางเกงนอนแล้วใช้มือล้วงเข้าไปควักท่อนเนื้อร้อนออกมาข้างนอก แทนกัดปากแน่นมองครูซใช้ฟันขบกัดเบา ๆ ตามความยาวก่อนใช้ลิ้นนุ่มแตะลงปลายยอดมน แทนสะดุ้งหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน

“อ้า! ครูซ” ครูซช้อนตาขึ้นมามองใบหน้าของแทนที่แดงก่ำ ดวงตาสีนิลคลอไปด้วยน้ำตา ครูซอ้าปากครอบแท่งร้อนลงไปจนสุดคอก่อนขยับเข้าออกเป็นจังหวะ แม้จะพยายามเอาเข้าไปให้ลึกที่สุดก็ได้แค่เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ครูซจึงใช้ทั้งมือและปากช่วยปรนเปรอความต้องการให้แทน

“อืม...อะ อ้า!” โพรงปากครูซทั้งร้อนทั้งนุ่ม ความเสียวสะท้านที่ได้รับทำให้แทนระบายออกด้วยการจิกผมนิ่มของครูซเต็มแรง น้ำตาที่คลออยู่ไหลออกมาเป็นทางยาวอย่างห้ามไม่ได้ รู้สึกดีจนตัวงอ ยิ่งยามที่ลิ้นนิ่มตวัดเลียที่ปลายมนยิ่งทำให้เขาเสียวจนตัวสั่น

“ครูซ...ครูซ” แทนมองกลีบปากบางที่มักแดงช้ำทุกครั้งเวลารับท่อนร้อนของเขาเข้าไปภายใน ร่างโปร่งทำไปสักพักจนปากแตกแทนจึงจิกผมให้อีกฝ่ายหยุดกลืนกินท่อนเอ็นร้อน แม้จะชอบความอุ่นนุ่มมากมายขนาดไหนแต่รู้ดีว่าตัวเองเป็นคนเสร็จยาก แทนจึงกระชากผมนิ่มให้เงยหน้ามารับจูบดูดดื่มรสชาติของเลือดที่ไหลตามริมฝีปากแล้วดึงให้ครูซลุกขึ้นมานั่งคร่อมตักเขาไว้ มือขาวล้วงเข้าไปภายในกางเกงนอนดึงแกนกลางของครูซมาแล้วจับรวบไว้กับท่อนร้อนของตน

“อืม~ แทนเจ็บ” ครูซสะบัดหน้าหนีจูบแสนป่าเถื่อนของแทนที่ทำเอาเลือดไหลกบปาก แม้จะชอบยามอีกฝ่ายขบกัดแต่อากาศที่หนาวเย็นทำให้เขารู้สึกเจ็บตามร่างกายง่ายกว่าปกติ

“หันมา! อย่าทำให้ทนไม่ไหว” แทนกัดฟันพูดอย่างอดกลั้น เขาไม่ได้ไม่ชอบการขัดขืน เขาชอบท่าทางแบบนั้นมากต่างหากถึงบอกให้ครูซหยุดทำ ไม่อย่างนั้นเรื่องมันไม่จบลงแค่ที่ปากกับมือแน่ ๆ

“อือ!” ครูซหันกลับไปประกบจูบกับแทนอย่างเชื่อฟัง มือเรียวข้างหนึ่งกอดรอบคอแทนไว้เพื่อพยุงตัวส่วนอีกข้างช่วยชักรูดแกนกลางทั้งสอง เสียงจูบและเสียงขยับเสียดสีดังก้องไปทั่วทั้งห้อง จนอารมณ์ใกล้มาถึงช่วงจุดแตกหัก

“อ้า...ครูซ...เร็วหน่อย” แทนครางบอกเสียงสั่น ครูซจึงเอามือทั้งสองข้างชักรูดท่อนเนื้อเข้าด้วยกันสาวขึ้นสุดลงสุดโคนด้วยความเร็ว แทนจิกผมครูซให้ก้มลงมาประกบปากจูบแลกลิ้นกันอย่างดุเดือด กลิ่นคาวเลือดกลิ่นเหงื่อ กระตุ้นให้ทั้งคู่ทนไม่ไหวกระตุกตัวปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน น้ำคาวขุ่นเลอะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่มไปหมด

สงสัยคงได้ลุกไปอาบน้ำอีกรอบ

 ครูซมองร่องรอยแล้วถอนหายใจทิ้งตัวใส่แทนอย่างหมดแรง ร่างสูงยกยิ้มแล้วโอบรอบเอวกอดอีกฝ่ายไว้แน่น

“กลับไปไม่จบแค่มือกับปากแน่” แทนพูดจบก็ฟัดแก้มครูซอย่างนึกหมั่นเขี้ยว

“ตามใจแทนเลย” ครูซตอบยิ้ม ๆ ซบหน้ากับซอกคออุ่นอย่างเอาใจ วันนี้นอกจากความสุขที่เขาได้มาเที่ยวต่างจังหวัดกับแทนเป็นครั้งแรกโดยไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้องแล้วยังทำให้ครูซเข้าใจบางอย่างเพิ่มมาอีกข้อหนึ่งด้วย

ถ้ารู้สึกหนาวอีกเมื่อไหร่

เขามีวิธีที่ทำให้อุ่นขึ้นมาแล้วล่ะ

Fin

*ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ อ่านแล้วชื่นใจมากเลย  :-[

ออฟไลน์ chanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนพิเศษ….ขอเพียงชั่วนิรันดร์​

หลายครั้งที่แทนตั้งคำถามว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ จากคนที่ไม่เคยนึกถึงคนอื่นนอกจากตัวเอง จากคนที่รังเกียจทุกสิ่งไม่เคยต้องการใคร คำตอบของคำถามสำหรับเขามีเพียงหนึ่งเดียวในทุกเหตุผลก็คือ ชายหนุ่มลูกครึ่ง

หากวันนั้นหนุ่มลูกครึ่งไม่ก้าวเข้ามาในชีวิต เขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนจะเดินอยู่ตรงจุดไหนยังคงวิ่งหาทางหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานตามลำพัง หรือเกลียดทั้งตัวเองและคนอื่นอยู่ไหม

นี่เป็นครั้งแรกที่แทนมาเยี่ยมหลุมศพของ น้าเบล เพราะหลังจากการตายในครั้งนั้นเขาไม่เคยคิดที่จะมาเหยียบที่นี่อีกเลย ทว่าตอนนี้เขาอยากปลดปล่อยตัวเองจากอดีตที่ตามหลอกหลอนสักที อยากมีชีวิตที่ไม่ต้องหวนเจ็บปวดกับวันวาน การเผชิญหน้ากับความจริงคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

กลัว...นี่เป็นสิ่งที่ทำให้แทนไม่กล้ามา เขากลัวว่าน้าเบลจะยังคงตามหาเขาอยู่ แม้จะเห็นสภาพการตายที่สยดสยอง ร่างเละเศษชิ้นส่วนอวัยวะกระจัดกระจายตามพื้นถนน แต่แทนก็ยังกลัวเพราะในความรู้สึก เธอไม่เคยจากไป เธอยังคงทิ้งสัมผัสไว้บนร่างกายเขา ทิ้งคำพูดแสนโหดร้ายการกระทำป่าเถื่อนไว้มากมาย ทุกส่วนบนร่างกายหรือแม้กระทั่งความคิด เธอมีส่วนหล่อหลอมให้เขาเป็นตัวเขาเช่นทุกวันนี้ อยากปฏิเสธแต่ว่าความจริงนั้นโหดร้าย เขาเกลียดสิ่งที่เธอทำแต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าตัวเองไม่ต้องการ การร่วมรักที่ใช้กำลังบีบบังคับ การทำร้ายร่างกายให้เจ็บปวดก่อนสุขสม น้ำตาและเสียงร้องที่น่าหลงใหล ความวิปริตพวกนี้เขาได้รับมาจากเธอทั้งสิ้น

เขาเกลียดสัมผัส ไม่ใช่แค่เพราะมันสกปรกแต่เพราะเขาอ่อนไหวง่ายกับการสัมผัสด้วยต่างหาก มีความคิดอยู่ลึกๆ ภายในจิตใจ...อยากแปดเปื้อน อยากให้ใครสักคนทำให้เขาสกปรกจนอยากทำลายตัวเองให้ย่อยยับ อยากตกลงไปในโคลนตมที่โสมม อยากกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งทำลายทุกสิ่งที่เข้ามาใกล้เพราะมีความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมาบ่อยเข้า เขาจึงไม่กล้าโดนตัวใคร กลัวตัวเองสกปรก กลัว...กลัวว่าจะเป็นในสิ่งที่น้าเบลเป็น แต่ตอนนี้ต่างออกไป เขาไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว เขาไม่ต้องวิ่งหาจุดหมายปลายทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ต้องวิ่งอย่างเดียวดาย

เขาพบแล้วคนที่เติมเต็มทุกสิ่งให้แก่เขา คนที่ทำให้เขารู้สึกต้องการใครเป็นครั้งแรก อยากสัมผัสอยากแปดเปื้อนไปด้วยกัน รักมากเสียจนแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็อยากยึดครองเอาไว้ หากตายดินกลบหน้าก็อยากนอนเคียงข้างกันในพื้นดินอันอับชื้นหนาวเหน็บ ต่อให้เหลือเพียงเศษผงธุลีไร้ความน่าภิรมย์เขาก็หวังได้เคียงคู่กัน

ถ้าเขาตายก่อน อย่างน้อยเขาก็ไม่ทุกข์ทรมาน แต่ถ้าอีกฝ่ายตายก่อน เขาไม่อาจทนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หากเป็นเช่นนั้นเขาพร้อมยอมตายตามไปทันทีอย่างไม่มีข้อแม้

เพราะรัก เพราะมีใครคนนั้นเขาถึงอยากมีชีวิตอยู่ ความหมายของการมีชีวิตอยู่ของเขามีเพียงหนึ่งเดียว ที่ๆ เขาจะอยู่ก็คือข้างกายอีกฝ่าย

“น้าเบล” แทนพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เสียงเย็นชา สายตาจับจ้องรูปเล็กที่ติดอยู่บนป้ายหลุมศพ ใบหน้าหวานนัยน์ตาโศก มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ ประทับอยู่ ใบหน้าที่เขาไม่มีวันลืม คนที่มอบทั้งความสุขและความทุกข์ทรมานให้แก่เขา เขาเคยรักเธอสุดหัวใจและเขาก็เกลียดเธอสุดหัวใจด้วยเช่นกัน

ร่างสูงยืนนิ่งอยู่สักพัก หลับตารับลมที่พัดโบกมาไม่ขาดสายจนเส้นผมปลิวไปตามทิศทางของแรงลม ความเย็นสบายโอบล้อมตัวราวกับจะช่วยชะล้างเรื่องราวในวันวานให้จางหายไป

“น้าเบล...เราอย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย” แทนก้มมอบดอกลิลลี่สีขาวให้ก่อนหันหลังเดินกลับสู่ต้นทางที่มีใครบางคนยืนรออยู่เงียบๆ

ชายหนุ่มคนนั้นยืนยิ้มให้เขา

รอยยิ้มแสนอบอุ่น

ชายหนุ่มคนนั้นมองตรงมาที่เขาเพียงคนเดียว

สายตาที่เต็มไปด้วยความรัก

ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาหาเขา

เดินตรงมาโดยไม่มีความลังเล

ชายหนุ่มคนนั้นโอบกอดเขาไว้แน่น

อ้อมกอดที่แสนอ่อนโยน

ชายหนุ่มคนนั้นปลอบโยนเขา

ด้วยคำพูดว่า ไม่เป็นไร

ชายหนุ่มคนนั้นเช็ดน้ำตาให้เขา

บรรจงเช็ดให้อย่างแผ่วเบา

ชายหนุ่มคนนั้นชื่อว่า ครูซ

ในที่สุด เขาก็เจอ

ครูซ เจนซัน

คนที่เขาตามหามาทั้งชีวิต

เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

เสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานของเขาที่ไม่เคยมีใครได้ยิน

ครูซได้ยิน

น้ำตาที่หลั่งไหลออกมาไม่เคยมีใครเหลียวแล

ครูซสนใจ

ความรักที่เขาไม่เคยได้รับ

ครูซมอบให้

เขาไม่เคยเชื่อในศาสนาเลิกศรัทธาไปนานเมื่อเฝ้าภาวนาแล้วไม่เคยได้รับความเมตตา แต่ตอนนี้เขาอยากอ้อนวอนอีกสักครั้ง

ถ้าชาติหน้ามีจริง

ขอครูซให้แก่เขา

ขอเพียงคนๆ นี้เพียงคนเดียวให้อยู่เคียงข้างกัน

นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะขออ้อนวอน

โปรดมอบชายคนนี้ให้เขาชั่วนิรันดร์

...Forever...


ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เป็นเรื่องมีกลับมาอ่านบ่อยมากกกกกก..
ชอบจุง..  :katai2-1:

ออฟไลน์ HPG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงคุณแทนฟ้า คิดถึงมากเลย กลับมาเขียนตอนพิเศษให้อ่านต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ เหมือนพาคุณแทนฟ้ากลับมาเยี่ยมเลย คิดถึง ❤

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ zysygy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด