[Bitter] รักมันขม: ตอนที่ 6 หมูกระทะกับแสงไฟ 22/03/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Bitter] รักมันขม: ตอนที่ 6 หมูกระทะกับแสงไฟ 22/03/61  (อ่าน 1757 ครั้ง)

ออฟไลน์ หมีขาวเล่าเรื่อง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ 

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



*****************************************************************


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2018 21:28:58 โดย หมีขาวเล่าเรื่อง »

ออฟไลน์ หมีขาวเล่าเรื่อง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [Bitter] รักมันขม: ตอนที่ 1 19/03/61
«ตอบ #1 เมื่อ19-03-2018 14:39:03 »

บทนำ

กลิ่นหอมของน้ำหอมราคาแพงที่ผมสูดกลิ่นจากซอกคอขาวของหญิงสาวที่บัดนี้กำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัวผมด้วยสภาพร่างกายเปลือยเปล่า มือคู่ใหญ่ของผมเคล้าคลึงส่วนนูนนุ่มนิ่มน่าสัมผัสของหญิงสาว เสียงครวญครางของฝ่ายตรงข้ามบ่งบอกถึงความพึงพอใจอยู่ในลำคอ ผมเคลื่อนหน้าต่ำลงมาเพื่อดูดดื่มความหอมหวานของเม็ดยอดบัวสีชมพูน่าลิ้มลอง ก่อนจะพลิกร่างของเธอให้กลับมานอนใต้ร่างของผม เหงื่อเม็ดโตผุดชื้นเต็มหน้าผากของเธอ ผมยกมือเช็ดให้เธออย่างนิ่มนวลก่อนจะส่งยิ้มมีความสุขให้เธอหนึ่งที สตรีผู้มีผิวขาวผ่องกับใบหน้าที่งดงามราวกับภาพวาดของจิตรกรมือหนึ่งปรือตาขึ้นมามองผมก่อนจะเอื้อมมือมาคล้องคอให้ผมก้มหน้าลงไปจูบกับริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงของเธอ
   “ลินรักทิศมากที่สุดเลยนะคะ” หญิงสาวพูดหลังจากที่ผมถอนริมฝีปากออกมา
   “ครับ” ผมตอบกลับไปเพียงแค่นั้น ก่อนจะเริ่มเล้าโลมเธออีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับผลักใบหน้าของผมออกมาจากซอกคอขาวของหล่อน ก่อนจะจ้องหน้าผมนิ่ง
   “อย่านอกใจลินนะคะ”
   “ครับผม” ผมยกนิ้วขึ้นชูสามนิ้ว “สัญญาครับ” ผมตอบรับเธอไปเพื่อตัดรำคาญ ผมบอกไว้ก่อนเลยว่าผมยังไม่อยากหยุดอยู่ที่ใคร ผมคิดว่าผมยังมีโอกาสที่จะเจอคนที่ใช่กว่านี้อีกเยอะ ผมก็เป็นแบบนี้ ชอบผมก็จีบ เบื่อผมก็ทิ้ง
   “สัญญาแล้วนะคะ” หญิงสาวยิ้มกับคำพูดของผม ผมไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะก้มลงไปลิ้มลองริมฝีปากน่าสัมผัสนั้นอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
เสียงแอร์ที่ดังกระหึ่มในห้องที่แม้จะทำหน้าที่ของมันเป็นอย่างดีก็ไม่อาจจะลดทอนความร้อนแรงจากแรงตันหาของคนทั้งสองได้เลย เงาที่วูบไหวบนผนังถึงแม้จะไม่สามารถแสดงสีหน้าได้แต่ก็แสดงให้เห็นว่าร่างกายทั้งสองกำลังตักตวงความสุขจากกันและกันได้อย่างชัดเจน เวลาผ่านพ้นไปเป็นชั่วโมง สองชั่วโมงและดำเนินไปเรื่อยๆ จวบจนกระทั่งเสียงแห่งความสุขได้เงียบหายไป บทเพลงรักสำหรับคืนนี้ได้จบลงอย่างมีความสุขให้คนทั้งสองนอนหลับฝันดี แต่ความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน ใครบางคนเคยกล่าวไว้แบบนั้นไม่ใช่หรือ?

ออฟไลน์ หมีขาวเล่าเรื่อง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [Bitter] รักมันขม: ตอนที่ 1 19/03/61
«ตอบ #2 เมื่อ19-03-2018 14:40:58 »

บทที่ 1
   “เฮ้ย น้องไพลินเลยเหรอวะไอ้เสือ” เสียงพูดพร้อมกับฝ่ามือที่ฟาดลงมาบนบ่าผมดังมาจากกลุ่มการสนทนาที่ประกอบด้วยชายฉกรรจ์สี่คน
   “เออ” ผมพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยันคนทั้งสาม “สวยกว่านี้กูก็สอยมาแล้วป่าววะ ตื่นเต้นทำไม”
   “เออ” คนทั้งสามตอบพร้อมกัน “มึงมันหล่อ” เสียงประชดประชันมาจากผู้ชายร่างใหญ่ ผิวเข้มชื่อ กล้า
   “มึงมันเท่” อีกเสียงดังมาจากผู้ชายร่างเล็ก แต่หน้าโหดชื่อ ออกัส
   “แล้ว” อีกหนึ่งคนที่ชื่อว่า โฟร์โมส คนที่มีผิวขาวซีดราวกับกระดาษ สวมแว่นตาพร้อมกับมือที่กำลังถือหนังสือค้างไว้เอ่ยกับผม “มึงเลิกกับพัชชาแล้วเหรอวะ”
   “หึ” ผมหัวเราะในลำคอ “กูจำเป็นต้องคบคนเดียวด้วยเหรอวะ”
   “เชี่ย” ทั้งสามอุทานพร้อมกัน “โครตเลว”
   ผมยกมือไปโบกหัวทั้งสามคนแบบเรียงตัว “อย่างกูเค้าไม่ได้เรียกว่าเลว กูก็แค่อยากจะหาแม่ของลูกที่ดีที่สุดแค่นั้น”
   “แล้วน้องไก่ที่มึงคบอาทิตย์ก่อนหละ” ไอ่โฟร์โมสยังคงสงสัยเกี่ยวกับสาวๆ ในสต๊อกของผม
   “อ้อ เลิกไปเมื่อสามวันก่อน” ผมทำท่าครุ่นคิด “หวังแต่จะให้กูซื้อของแพงๆให้ เลยเขี่ยทิ้งแม่ง”
   “ก็มึงทั้งหล่อ แถมพ่อยังรวยอีก สาวๆที่ไหนก็อยากได้มึงทั้งนั้นแหละ ได้ทั้งผัวหล่อ ได้ทั้งเงินใช้” ออกัสแสดงความคิดเห็นก่อนจะวาดวงแขนสั้นๆของมันมาพาดคอผมไว้
   “อืม” อีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วย
   “แล้วน้องไพลินเด็ดมั้ยวะ” กล้ามันชะโงกหน้าเข้ามาถามผมอย่างตื่นเต้น
   “ก็..” ผมเว้นระยะไว้ให้ไอ้กล้าตื่นเต้น “นมอย่างใหญ่” ผมพูดพร้อมกับใช้สองมือวัดขนาดให้กล้าดู
   “ซี๊ด” เสียงซูดปากจากไอ้กล้า “อิจฉามึงแม่ง”
   ผมเอื้อมมือไปตบบ่าไอ้กล้าปุๆ “ทำใจไอ้น้อง ไม่หล่อเหมือนพี่ก็ไม่ได้กินของดีนะครับ”
   “เออ” ไอ้กล้าพูดก่อนจะกลับไปนั่งทำหน้าบึ้ง ผมหัวเราะในท่าทีของมัน
   “ทิศคะ” เสียงหวานใสดังขึ้น กลุ่มผมทั้งสี่คนหันไปมองคนมาใหม่ หญิงสาวที่กำลังเป็นบทสนทนาของกลุ่มเมื่อครู่กำลังเดินเข้ามาหาผม ชุดนักศึกษารัดติ้วที่แสดงให้เห็นถึงรูปร่างที่น่าพิสมัย ถูกตาต้องใจชายหนุ่มทั้งหลายในบริเวณนี้ เพื่อนผมทั้งสามคนมองไปที่ร่างนั้นไม่วางตา โดยเฉพาะไอ้กล้าที่มองตะลึงอ้าปากค้าง
   “ครับ ลิน” ผมตอบกลับหญิงสาว ก่อนจะโอบเอวหญิงสาวให้มานั่งบนตัก พร้อมกับยักคิ้วให้เพื่อนทั้งสามคน
   “ว้าย” หญิงสาวร้องเขิน “อายเพื่อนนะคะทิศ” พลางทุบอกผมอย่างเขินอาย
   “ตามสบายเลยครับ” ออกัสพูด
   “วันนี้ตอนเย็นทิศไปทานข้าวกับลินนะคะ” หญิงสาวพูดพลางทำเสียงออดอ้อน
   “เย็นนี้เหรอครับ” ผมทำท่าครุ่นคิด “ทิศมีธุระนะครับ”
   หญิงสาวทำหน้าเสียใจก่อนจะยิ้มเศร้าๆมาให้ผม “ไม่เป็นไรค่ะ ไว้ไปด้วยกันวันหลังนะคะ”
   ผมหอมแก้มหญิงสาว ก่อนจะตอบ “ครับผม”
   “งั้น ลินไปเรียนก่อนนะคะ” ผมพยักหน้าตอบรับไพลิน ก่อนที่เธอจะเดินผละออกไป
   “แม่ง” ไอ้กล้าพูดเคลิ้มๆ “สเป๊กกูเลยสัส”
   “ว่าแต่เย็นนี้มึงจะไปไหน” ไอ้ออกัสถามผมอย่างสงสัย
   “ไปดูหนังกับพัชชา”
   “อ้อ” ทั้งสามตอบพร้อมกัน ไอ้โฟรโมสที่ก้มหน้าอ่านหนังสือพูดลอยๆ เพื่อประชดผม “กูจะรอดูวันอุบัติเหตุใหญ่ รถไฟชนกัน”
   “หึ” ผมหัวเราะในลำคอ ไม่มีวันนั้นหรอกเพื่อน





¬¬¬¬¬¬¬

   “ทิศคะ” หญิงสาวข้างกายร้องเรียกผมที่กำลังก้มหน้าก้มตาคุยไลน์กับไพลิน
   “ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมาตอบหญิงสาว ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนักศึกษา
   “คุยกับใครคะ” หญิงสาวถามผมอย่างสงสัย
   “ไอ้กล้าไง” ผมตอบกลับ “มันถามเรื่องงาน”
   “เหรอคะ” หญิงสาวมีท่าทีที่ไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร “ทิศจำวันนี้เมื่อสามเดือนที่แล้วได้มั้ยคะ” หญิงสาวข้างกายถามผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
   “วันนี้เหรอ” ผมทำท่าครุ่นคิด วันเหี้ยไรวะ จำไม่ได้เลย ผมจึงเลือกส่งยิ้มแหยๆไปให้เจ้าหล่อน ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
   “เฮ้อ” หญิงสาวทำหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินไปไม่พูดไม่จา
   “เดี๋ยวสิพัช” ผมร้องเรียกหญิงสาวก่อนจะวิ่งตามไป “วันเกิดพัชเหรอ” ผมพยามตอบไปมั่วๆ
   “พัชเกิดเดือนกรกฎาคมค่ะ นี่พึ่งมีนา”
   “อ้าว” ผมยิ้มแหยๆให้เธอ “งั้นพัชบอกทิศหน่อย ทิศขี้ลืม พัชก็รู้นี่ครับ” ผมทำท่าออดอ้อนเธอ มารยาชายร้อยเล่มเกวียนฉบับสิบทิศ
   “สามเดือน” พัชชาพูดออกมาแค่นั้น ก่อนจะเห็นว่าผมยังคงทำหน้างงอยู่เธอจึงพูดต่อ “วันนี้ครบรอบสามเดือนของเราไงคะ”
   “อ่อ” เชี่ย ทำไมผู้หญิงจำเรื่องยิบย่อยเก่งจังวะ “นั่นไงว่าแล้ว ทิศจะบอกแล้วแต่ทิศแค่ไม่มั่นใจ”
   “ค่ะ”งอนอีกละ เฮ้อ
   “งั้น พัชอยากได้อะไร เดี๋ยวทิศซื้อให้ทุกอย่างเลย ครบรอบสามเดือนของเราทั้งทีเนาะ” ผมพยายามพูดเอาใจเธอ เชื่อสิ เดียวก็หายงอน
   “จริงนะคะ” นั่นไง “งั้นพัชอยากได้กระเป๋าใบใหม่จังเลยค่ะ ใบนี้ก็เก่าแล้ว”
   “ได้ครับ” ผมตอบกลับหญิงสาว
หลังจากนั้นมหกรรมช๊อปกระจายของเจ้าหล่อนก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ผมที่มีหน้าที่แค่จ่ายเงินและถือของก็เดินตามหล่อนไปด้วยใบหน้าเซ็งๆ เซ็งโว้ยยยย
   “ขอบคุณนะคะทิศ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณผมขณะที่ผมกำลังลำเลียงถุงสินค้าแบรนด์ดังสิบกว่าถุงเอาไปไว้ที่เบาะหลังรถ
   “ไม่เป็นไรครับ” ผมเอื้อมมือไปลูบหัวหญิงสาวอย่างอ่อนโยน “พัชมีความสุข ทิศก็มีความสุขครับ”
   “คุยอะไรกันท่าทางสนุกเชียว ขอคุยด้วยคนได้มั้ยคะ” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นขณะที่ผมกำลังส่งยิ้มหวานให้พัชชา แม่งเสียงโครตคุ้น
   “คะ” พัชชาทำหน้าสงสัยให้คนมาใหม่ ก่อนจะพยักเพยิดให้ผมหันหลังกลับไปดู เชี่ย มาได้ไงวะเนี่ย
   “ไพลิน” ผมเรียกคนมาใหม่ แม่งเอ้ย ซวยชะมัด
   “ค่ะ พี่ทิศ” ทำหน้าโหดใส่กูอีก ผมจึงหันกลับไปมองพัชชาที่ตอนนี้กำลังทำหน้างงสุดขีด
   “ไหนบอกว่าไปทำรายงานกับพี่กล้าไงคะ” ไพลินกระชากแขนผมเข้าไปหาเธอ โอ้ย เจ็บนะเว้ย
   “ทิศ ผู้หญิงคนนี้ใครคะ” พัชชาก็กระชากแขนผมกลับ โอ้ยยย เจ็บอีกละ
   “ถามมาได้ว่าใคร บอกเค้าไปสิคะพี่ทิศ ว่าเราเป็นอะไรกัน” ดึงแขนกูอีกละ โอ้ยน่อ
   “ทิศ พัชถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” พัชชาเริ่มเสียงดังใส่ผม ก่อนที่ไพลินจะผลักผมที่ยืนตรงกลางระหว่างเธอและพัชชาออกไป
   “แล้วเธอหล่ะเป็นใคร มายุ่งอะไรกับแฟนชั้น” เอาละเว้ย
   “แฟน?” พัชชามองหน้าไพลินงงๆ “แฟนใคร”
   “ก็แฟนพี่ทิศไง เมื่อคืนเรายังไปสนุกมาด้วยกันอยู่เลย ใช่มั้ยคะ” ไพลินตอบกลับพัชชาก่อนที่ท้ายประโยคจะหันมาหาผม
   “เอ่อ...” เอาไงดีวะกู
   “ทิศ พัชต้องการคำอธิบาย” ก็คิดอยู่นี่ไง
   “พี่ทิศ บอกเค้าไปสิคะ” ฮ่วยยย อย่าเร่งดิ
   “ทิศ” “พี่ทิศ” “ทิศ” “พี่ทิศ”
   “พอ” พอกันที หมดความอดทนละโว้ย “พัช นี่ไพลินแฟนใหม่ทิศ ไพลิน นี่พัชชาแฟนพี่”
   “อะไรนะ” สองสาวพูดพร้อมกัน เอ้า สามัคคีกันเฉย
   “หมายความว่ายังไงคะทิศ” พัชชาถามผมพร้อมด้วยน้ำตา
   “ก็อย่างที่พัชเข้าใจนั่นแหละ” ผมไม่อยากพูดมาก
   “ไพลินไม่ยอมนะคะพี่ทิศ” กระชากแขนกูอีกละ เฮ้อ
   “ทิศ ทำแบบนี้ได้ยังไง” พัชชาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มของเธอ “แล้วไหนสัญญาว่าจะรักพัชแค่คนเดียว”
   “...” ผมมองหน้าเธอโดยที่ไม่รู้จะพูดอะไร ก็มันไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆนี่นา
   “ถ้าเขาบอกเธอแบบนั้น เขาก็บอกชั้นเหมือนกันนะแหละ” เสียงเจื้อยแจ้วของไพลินดังขึ้น
   “ทิศ” พัชชาเริ่มพูดเสียงดัง “บอกมาว่าจะเอายังไง ทิศจะเลือกใคร”
   “พี่ทิศ จะเลือกไพลินใช่มั้ยคะ” ไพลินคว้าแขนผมไปกอด
พัชชาที่กำลังร้องไห้จ้องหน้าผมด้วยแววตาเจ็บปวด
   “พี่ทิศบอกเค้าไปสิคะ” ไพลินเขย่าแขนผม
   “ทิศ บอกพัชได้มั้ยคะว่าทิศจะเลือกพัช” พัชชาเดินเข้ามาจับมือผม
   “ทิศ...” ผมยังคงอ้ำอึ้งไม่รู้จะเลือกทางไหน
   “พัช” ผมว่าผมตัดสินใจแล้วหละ “เราเลิกกันเถอะ” ผมบอกกับพัชไปตรงๆ “ทิศเลือกไพลิน” สามเดือนสำหรับผมกับพัชมันก็มีความสุขดี แต่ผมเริ่มเบื่อเธอแล้วหละ พัชชาทรุดลงไปนั่งร้องไห้
   “ไปกันเถอะค่ะพี่ทิศ” ไพลินที่ยังเกาะแขนผมอยู่พยามลากผมออกไปจากตรงนี้
   “ให้ผมไปส่งที่บ้านมั้ยพัช” ผมพูดกับคนที่กำลังนั่งร้องไห้ เธอไม่ตอบแต่เลือกที่จะยืนขึ้นและหันหลังเดินออกไป
   “พัชเดี๋ยว” ผมสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของไพลิน ก่อนที่จะวิ่งไปคว้าแขนของเธอ “ให้ทิศไปส่งเถอะนะ”
   พัชชาหันหน้ากลับมาก่อนจะส่งยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา ฝ่ามือเรียวเล็กของเธอฟาดมาที่ใบหน้าของผมอย่างแรง ความแสบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในบริเวณที่โดน นี่ถ้าผมส่องกระจกคงจะเห็นรอยมือชัดเจนแน่ๆ
   “เก็บความหวังดีไปใช้กับคนของคุณเถอะค่ะ” เธอพูดกับผมแบบนั้นก่อนจะเดินหนีออกไป
   เจ็บชะมัด ผมลูบแก้มที่โดนตบก่อนจะเดินไปขึ้นรถ พร้อมกับที่ไพลินที่วิ่งขึ้นมานั่งข้างผม

 
   

จบตอน

 :hao5: สิบทิศคนเลว ทำไมเลวแบบนี้ :ling1:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2018 14:44:39 โดย หมีขาวเล่าเรื่อง »

ออฟไลน์ หมีขาวเล่าเรื่อง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [Bitter] รักมันขม: ตอนที่ 1 19/03/61
«ตอบ #3 เมื่อ19-03-2018 18:38:40 »

บทที่ 2
   “555” เสียงหัวเราะจากสามหน่อเพื่อนผมดังขึ้น หลังจากที่ผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
   “เสียดายกูไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง” ไอ้เหี้ยโฟรโมสต์พูดเยาะเย้ยผมครับ
   “พัชชาที่แสนดี ถูกเขี่ยทิ้งไปอีกรายละครับโผมมมม” ไอ้ออกัสพูดก่อนจะหัวเราะกับไอ้กล้า
   “สรุปมึงเลือกน้องไพลินเหรอวะไอ้เสือ” ไอ้กล้าขยับเข้ามานั่งข้างผมก่อนจะกระซิบถามผม
   “หึ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “ทีแรกก็ว่าจะเก็บไว้สนุกด้วยอีกหน่อย แต่มาคิดๆดูแล้ว หาใหม่เลยง่ายกว่าว่ะ”
   “โห ไรวะ” ไอ้กล้าทำหน้าเสียดาย “แบบนี้กูก็อดเห็นหน้าน้องไพลินคนสวยแล้วสิวะ”
   “มึงอยากเห็นมึงก็ไปดูดิ คณะน้องเค้าก็อยู่แค่นี้นี่เอง” ออกัสโบกหัวไอ้กล้าไปหนึ่งทีพร้อมอธิบาย
   “แล้วแบบนี้ใครจะมาบรรยายเรือนร่างใต้ร่มผ้าน้องไพลินให้กูฟังอีกละวะ” ไอ้กล้าเริ่มทำหน้าหื่นจนโดนไอ้ออกัสโบกหัวไปอีกที
   “อยากเมาว่ะ” ผมพูดเปรยก่อนที่ไอ้สามตัวจะหูตั้งหางกระดิก
   “พวกกูก็อยาก” แหม ตอบพร้อมกันเชียวนะพวกมึง
   “มึงเลี้ยงนะคะป่าทิศขา” ไอ้กล้าขยับตัวมานั่งข้างผมก่อนที่จะลงมือบีบนวดให้อย่างน่าหมั่นไส้
   “เออๆ” ผมตอบกลับไปก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะ






   “ชนโว้ยยยยยยยย” ผมคิดว่าผมเริ่มมึนๆซะแล้วหละ มองซ้ายมองขวาก็เจอกับซากเพื่อนๆของผมที่ฟุบหลับคอพับคออ่อนกันทั้งสามคน
   “ม่ายมีใครชนกับกูเลย” ผมบ่นพึมพำก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาเหยื่อที่จะไปจัดการคืนนี้ สาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าบาร์ เธอยกแก้วให้ผมเชิงทักทาย ผมจึงยิ้มตอบกลับไป เป็นอันรู้กันว่ายอมรับการสานสัมพันธ์ไมตรี เธอเดินเข้ามาหาผม ชุดเดรสสีดำรัดรูปส่งให้เธอยิ่งดูสวยสง่า หน้าอกหน้าใจก็ถูกใจไอ้ทิศเหลือเกิน
   “สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวทักทายผม
   “สวัสดีครับ” ผมส่งยิ้มให้เธอ เธอมีสีท่าเขินอายไปกับรอยยิ้มของผม
   “ขอดื่มด้วยสักแก้วนะคะ” เธอพูดด้วยท่าทียั่วยวนผม
   “หลายๆแก้วก็ได้ครับคนสวย” ผมยกมือขึ้นไปรูปแขนเนียนของเธอ เธอเหล่ตามองมือของผมอย่างไม่พอใจ มั้งนะ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
   “มือไวจังเลยนะคะ” เธอพูดติดตลก “อีฟค่ะ”
   “สิบทิศครับ” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ “คุณอีฟมาคนเดียวเหรอครับ”
   “ค่ะ” เธอตอบรับผม
   “สวยๆแบบคุณอีฟเนี่ย” ผมลูบผมของเธอ “แฟนไม่น่าปล่อยให้มาเที่ยวคนเดียวเลยนะครับ”
   หญิงสาวหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะค่อยผลักมือผมออก “อีฟยังโสดนะคะ”
   “เหรอครับ” ผมยิ้มร้าย
   “ว่าแต่ทิศเถอะค่ะ คุยกับอีฟแบบนี้ แฟนไม่ว่าเหรอคะ”
   “ใครเหรอครับ” ผมทำหน้าซื่อ “ผมโสดครับ”
   “งั้นเหรอคะ” อีฟยิ้มเขินอาย “ทิศไปไหนต่อมั้ยคะ”
   “ถ้าอีฟพาไป ผมก็อยากไปครับ”
   “งั้นถ้าไม่รังเกียจ ดื่มเพื่อมิตรภาพของเราสักแก้วนะคะ” เธอยื่นแก้วที่เธอถือมาให้ผม
   “ด้วยความยินดีครับ” ผมยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
   “น่ารักมากเลยค่ะ” เธอยิ้มร้ายให้ผม “โชคดีนะคะสิบทิศ”
   เธอพูดก่อนจะพยักหน้าให้กับใครบางคน ทำไมผมถึงรู้สึกมึนขนาดนี้ผมก็ไม่รู้ เหมือนกับ ถูกมอมยางั้นเหรอ ผมจ้องหน้าอีฟที่กำลังมองดูผมอย่างสมเพช ก่อนจะได้ยินเสียงผู้ชายที่ผมไม่คุ้นเคยพร้อมกับสติของผมที่ดับวูบลงไป

   “คนนี้เหรออีฟ”
   “ค่ะ”
   “ขอบใจมาก พัชรออยู่ข้างนอก ฝากพาพัชกลับบ้านด้วยนะ”
   “ได้ค่ะ”
   
   




เสียงหอบจากอาการเหนื่อยดังขึ้นข้างหูของผม แต่ผมไม่สามารถที่จะลืมตาขึ้นดูได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกเจ็บปวดทางช่องทางด้านหลังที่กำลังโหมกระหน่ำเข้ามาจนผมอยากจะกรีดเสียงร้อง แต่ก็ทำไม่ได้ เหมือนจะเป็นความฝันแต่มันก็รู้สึกจริงราวกับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ผมกำลังสับสนแต่ผมก็ยังไม่สามารถที่จะลืมตาขึ้นไปดูได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกง่วงเหลือเกิน ผมไม่อาจเอาชนะความรู้สึกง่วงนี้ได้ ความเจ็บปวดยังคงกระหน่ำเข้ามาเรื่อยๆ จนผมเริ่มรู้สึกดีไปกับมัน หรือว่ามันจะเป็นความรู้สึกของการฝันเปียก ใช่แน่ๆ ว่ามั้ยครับ




ความรู้สึกหิวน้ำเป็นความรู้สึกแรกที่ผมรู้สึกหลังจากที่พยายามลืมตาตื่นขึ้น ผ้าม่านสีขาวที่มีแสงแดดอ่อนๆลอดเข้ามากระทบกับใบหน้าทำให้สายตาของผมพร่ามัว ความปวดเมื่อยค่อยๆคลืบคลานจากช่องทางด้านหลังลามจนปวดไปทั่วทั้งตัว ผมลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลเพื่อทบทวนเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนผมไปดื่มเหล้ากับไอ้สามสหาย ก่อนที่จะเจอกับ “อีฟ” ผมพูดชื่อนั้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะนึกเหตุการณ์ต่อไปแต่ไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
   “เชี่ย ถูกมอมยารูดทรัพย์หรือเปล่าวะ” เมื่อนึกได้ดังนั้นผมจึงมองไปรอบๆห้อง ก่อนจะพบกองเสื้อผ้าของตนเองที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้อง โทรศัพท์และกระเป๋าสตังค์ที่กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทางเรียกความสนใจจากผมให้ลุกขึ้นไปดู
   “อูย” เกิดความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่างทันทีที่ผมลุกขึ้นยืน “เหี้ยไรวะเนี่ย” ผมอุทานก่อนจะก้มมองไปที่ขาตัวเอง คราบสีแดง สีขาวที่ผสมปนเปกันไปหมดยังเลอะอยู่ที่ขาด้านในของผม รู้สึกเจ็บจนต้องกลับไปนั่งเฉยๆ
   “เกิดไรขึ้นวะ” ผมพยามทบทวนความจำอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงตัดสินใจมองไปรอบๆอีกครั้ง
ห้องหรู น่าจะเป็นโรงแรมที่ไหนสักแห่ง กระจก เฮ้ยยย ผมตกใจกับสภาพของตัวเองในกระจก รอยแดงที่เกิดจากการกระทำที่ใครๆก็รู้ว่าไม่ใช่รอยยุงกัดมีอยู่เต็มคอและหน้าอกของผม ปากที่บวมเจ่อราวกับกินของเผ็ดร้อนมา ผมค่อยๆพยุงตัวเองไปยังหน้ากระจกเพื่อสำรวจใกล้ๆ
   “โดนแล้วไงละกู” ผมไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองโดนคืออะไร เหอะ เจ็บด้านหลัง รอยคิสมาร์คขนาดนี้ นี่มันนิยายวายชัดๆนี่หว่า
   รูปถ่ายหนึ่งใบวางอยู่ที่หน้ากระจก ผมหยิบขึ้นมาดู เป็นรูปของผมในสภาพเปลือยเปล่าขณะนอนหลับ ผมรู้สึกโกรธจึงขยำภาพใบนั้นอย่างแค้นเคือง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าด้านหลังของภาพถูกปากกาเขียนข้อความเอาไว้ ผมคลี่รูปที่ถูกขยำใบนั้นออกมาด้วยมือที่สั่นเทาไปด้วยความโกรธ

   ‘ของขวัญสำหรับคนชั่วๆอย่างมึง’

   “เหี้ย” ผมปารูปใบนั้นทิ้งพร้อมกับเตะทุกสิ่งอย่างรอบตัว







วันนี้ผมไม่ได้ไปเรียน ผมหยุดเรียนมาได้สามวันแล้วเพราะยังไม่อยากให้ใครเห็นสภาพทุเรศๆ ของผม รอยที่คอเริ่มจางหายเกือบเป็นปกติ แต่ที่ไม่มีวันหายก็คือความสงสัยและความโกรธที่ยังคงประทุอยู่ในใจผมตอนนี้ ผมกลับไปที่ร้านที่เจออีฟอีกสองครั้งเพื่อจะตามหาเธอ แต่ก็ไม่พบกับเธอแม้แต่เงา และอีกสิ่งที่กวนใจผมมากที่สุดตอนนี้ก็คือข้อความปริศนา จากบุคคลปริศนาที่ส่งมารบกวนผมตั้งแต่วันที่ผมโดนกระทำวันนั้น
   เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสติผมที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยให้กลับมาสนใจ เป็นข้อความจากไอ้เหี้ยบางตัวที่พยายามป่วนผมอยู่ตอนนี้
   ‘วันนี้ก็ยังไม่มาเรียนเหรอครับ คิดถึงจัง อยากฟังเสียงหวานๆนั้นครางอีกสักครั้ง’
ผมจ้องมองดูข้อความนั้นด้วยความรู้สึกโกรธ ก่อนจะปาโทรศัพท์เครื่องหรูทิ้งอย่างหัวเสีย เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ผมจึงหยิบขึ้นมาดู
   ‘ถ้าพรุ่งนี้ไม่มา รูปแบบเดียวกับที่คุณดูอาจจะกลายเป็นจุดสนใจบนบอร์ดที่มหาวิทยาลัยก็ได้นะ’
ผมกำโทรศัพท์แน่นด้วยความเกลียดชัง ผมทำอะไรไม่ได้ ผมเคยเขียนตอบโต้ โทรไป หรือแม้แต่บล๊อกเบอร์ของไอ้เหี้ยนี่ มันก็ยังเปลี่ยนเบอร์ใหม่มากวนผมได้ตลอด ผมทิ้งโทรศัพท์ไว้ข้างกายก่อนจะเอนลงไปนอนบนเตียง เอามือก่ายหน้าผากด้วยความกลุ้มใจ
   “ใครแม่งทำกับกูแบบนี้วะ อย่าให้กูรู้นะแม่ง” ผมตีอกชกลมระบายความแค้น ก่อนจะพลิกไปพลิกมาอย่างหัวเสีย ผมไม่กล้าแม้แต่จะบอกเรื่องนี้กับไอ้สามสหายของผม ถ้าไอ้พวกนั้นรู้ว่าผมเสียซิงให้กับผู้ชาย ฉายาไอ้เสือผมคงจะป่นปี้ไปหมด
   โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เครียด





เช้านี้ผมตื่นแต่เช้า อย่าว่าตื่นเลยครับ นอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน เอารถไปจอดใต้ตึกคณะเสร็จก็ถึงเวลาเดินสำรวจมหาวิทยาลัย ผมกลัว กลัวคำขู่ของไอ้เหี้ยนั่น เฮ้อออออ ชีวิตของไอ้สิบทิศทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย เดินไปไม่ไกลก็เจอกับกลุ่มคนมุงดูอะไรบางอย่างที่หน้าคณะ ใจผมตกลงไปอยู่ตาตุ่ม ตัดสินใจได้จึงวิ่งเข้าไปที่กลุ่มคนนั้น
   “อย่าดูนะครับ อย่าดู” เสียงคนพูดเล็ดรอดออกมาจากกลุ่มคนขนาดย่อม ผมที่มาทีหลังจึงได้แต่ชะเง้อดูจากข้างหลัง
   “เธอๆ” ผมสะกิดผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า เธอหันมามองผมก่อนจะทำตาโตและหันไปสะกิดเพื่อนของเธอ ก่อนที่ผู้มาใหม่แบบผมจะตกเป็นเป้าสายตาของคนที่กำลังมุงดูอยู่ตรงนั้น เสียงซุบซิบนินทาตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆหลังจากที่นินทาเสร็จ ผมรู้สึกสงสัยจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครสักคนที่ตอบผม
   ผมมองไปยังคนที่อยู่ด้านหน้าที่กำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง เสียงซุบซิบนินทายังดังมาต่อเนื่อง เขาคนนั้นจ้องหน้าผมก่อนที่จะเดินเข้ามา
   “ไปกันเถอะ” เขาบอก ก่อนจะลากผมออกมาจากตรงนั้น ผมที่กำลังมึนงงจึงเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เราสองคนมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้หลังคณะ ที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่าน
   “คงไม่มีใครแล้วหละ” เขาคนนั้นพูดก่อนจะยิ้มให้กับผม ร่างสูงใหญ่ที่วัดขนาดแล้วคงจะสูงพอๆกับผม นำสิ่งของที่ซ่อนอยู่ด้านหลังยื่นมาให้ผม ภาพขนาดโปสเตอร์หนึ่งใบที่ถ้ามองดูดีๆแล้วรู้สึกคุ้นตา ภาพๆเดียวกับที่ผมเจอตอนนั้น
   “เห้ย” ผมร้องอุทานก่อนจะดึงภาพนั้นมาขยำๆ “เอามาจากไหนเนี่ย”
   “ก็มันติดอยู่ตรงบอร์ดหน้าคณะ” เขาชี้กลับไปยังที่ๆที่เราเดินจากมา “เห็นมีคนมุงดูอยู่ ก็เลยไปเอาออกมา คิดว่าเจ้าของภาพคงไม่ได้อยากโชว์เท่าไหร่ จริงมั้ย”
   แม่งเอ้ย เล่นกันอย่างนี้เลยเหรอวะไอ้เหี้ยนั่น
   “น้อง น้อง” คนตรงหน้าโบกมือข้างหน้าเพื่อเรียกผม “โอเคมั้ยเนี่ย”
   “โอเคมั้งครับ” ผมบ่นพึมพำ นี่ดีนะเนี่ยที่มันยังอุตส่าห์ใจดีตัดต่อมาเหลือแค่ท่อนบน ถ้ามันใช้ภาพจริงที่มันให้ผมดูวันนั้น ไม่อยากจะคิดเลย
   “ไปทำอะไรใครเค้าไว้หรือเปล่า ถึงโดนแกล้งขนาดนี้” คนตรงหน้าถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
   “ผมก็ไม่รู้ครับ ผมก็ไม่ได้มีศัตรูที่ไหน มั้งครับ” ท้ายประโยคผมพูดด้วยความไม่มั่นใจ
   “เหรอ” เขาคนนั้นพูดยิ้มๆ
   “แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยเก็บไว้ให้”
   “อือ” เขาคนนั้นตอบ ผมยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับ
   “เดี๋ยวสิ” เขายังเรียกผมไว้ “ไม่คิดจะทำความรู้จักกันสักหน่อยเหรอ”
   “อ้อ” ผมหันกลับไปยิ้มให้ “สิบทิศครับ” ก่อนจะแนะนำตัว
   “พี่ชื่อพิชญ์นะ อยู่ปี 4 แล้ว” เขาพูดด้วยรอยยิ้มใสซื่อพร้อมกับชูนิ้วสี่นิ้วเป็นท่าประกอบ
   “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
   “เช่นกันครับ” การสนทนาของเราจบเพียงเท่านั้น ผมยกมือบายๆเพื่อเป็นการบอกอำลา เขาก็ทำเช่นกันก่อนที่เราจะเดินแยกกันไปคนละทาง


คนที่เข้ามาหาเราใช่ว่าจะมีวัตถุประสงค์แอบแฝงทุกคนนี่นา ใช่มั้ยครับ

จบตอน

 :laugh: สมน้ำหน้าสิบทิศ วะฮะฮ่าาาาาาา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: [Bitter] รักมันขม: ตอนที่ 2 19/03/61
«ตอบ #4 เมื่อ20-03-2018 00:09:16 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ หมีขาวเล่าเรื่อง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บทที่ 3
   ‘คิดถึงกลิ่นน้ำหอมที่ติดตัวคุณจังเลยครับ อยากจะดมอีกสักที’ ผมจ้องมองดูข้อความที่ส่งมาให้ผมพร้อมกับกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
   ‘ไอเหี้ย ทำแบบนี้ทำไมวะ’ ผมส่งข้อความกลับไป ไม่นานก็มีการตอบกลับ
   ‘มีผัวเป็นตัวเหี้ย มีความสุขดีมั้ยครับ’ ผมจ้องดูข้อความนั้นก่อนจะดึงทึ้งผมตัวเอง ไอเหี้ยยยยยยยเอ้ย
คืนนี้ผมมีนัดกินเหล้ากับสามสหายครับ หลังจากวันที่ภาพของผมเป็นประเด็นนินทาไปทั่ว เรื่องก็รู้ถึงหูสามสหายเพื่อนรักของผมจนได้ พวกมันจึงนัดรวมตัวกันที่ร้านเหล้าเพื่อรับฟังปัญหาของผม ความจริงคุยกันที่มหาลัยก็ได้แต่ไอ้กล้าบอกว่า “มันไม่ได้อรรถรสว่ะเพื่อน” ข้ออ้าง ข้ออ้างอยากกินเหล้าของมันชัดๆ
   ไอ้กล้าบอกจะมารับผมตอนสองทุ่ม ตอนนี้ใกล้ถึงเวลานัดแล้วผมจึงลงไปรอมันใต้คอนโดของผม
   “ขึ้นมาเลยเพื่อน” เสียงไอ้กล้าตะโกนหลังจากที่เห็นผมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ออกัส โฟรโมสนั่งอยู่ด้านหลัง ผมจึงได้นั่งคู่กับไอ้กล้าด้านหน้า
   “เล่ามาไอ้เสือ” หลังจากออกรถกล้าก็เป็นคนเปิดประเด็นทันที “สาวไหนทำมึงขนาดนั้นวะ” สองคนข้างหลังก็ชะโงกหน้ามาฟังอย่างตั้งใจ
   ถ้าเป็นสาวก็ดีสิวะ เฮ้อ ผมเงียบไปสักครู่จึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้สามสหายฟัง
   “เชี่ย” พวกมันอุทานขึ้นพร้อมกันหลังจากที่ผมเล่าจบ “มึงรู้มั้ยวะว่ามันเป็นใคร พวกกูจะพากันไปเอาคืนให้มึงเอง” ออกัสพูดด้วยท่าทีโกรธ ขอบใจมากเพื่อนที่โกรธแทนกู ผมจึงส่ายหน้าแทนคำตอบ
   “ไม่รู่เลยว่ะ”
   “พวกกูผิดเอง” โฟรโมสที่นั่งเงียบอยู่มีโอกาสพูดบ้าง “ถ้าวันนั้นพวกกูไม่เมาจนไม่ได้สติ มึงก็คงไม่โดนแบบนี้” อีกสองคนที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมทำหน้ารู้สึกผิด
   “เห้ย ไม่ใช่ความผิดของพวกมึง กูโง่เองว่ะที่ไม่ทันระวังตัว จึงโดนหลอก” ผมพูดเพื่อไม่ให้พวกนั้นรู้สึกผิด
   “แล้วมึงจะทำยังไงต่อไปวะ” กล้าถามขณะถอยรถเข้าที่จอดของร้านเหล้าที่หมาย
   “เฮ้อ ไม่รู้ว่ะ” แม่งเอ้ย “แดกเหล้ากันเถอะ จะได้หายเครียด”





   
   “เห้ย คืนนี้ไอ้เสือไม่หาเหยื่อเหรอวะ” ไอ้กล้าถามขึ้นเมื่อเห็นผมนั่งเฉยอยู๋ที่โต๊ะมานาน ซึ่งผิดปกตินิสัยของผมที่จะต้องไปม่อสาวอยู่มุมไหนสักมุมในผับ
   “ไม่ละ ยังเข็ดกับอีฟไม่หายเลยว่ะ” ผมพูดก่อนจะส่งยิ้มแหยๆ ไปให้พวกมัน เรียกเสียงหัวเราะจากสามสหาย
   เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกให้ผมหยิบมันขึ้นมาดู ข้อความจากบุคลลน่ารังเกียจที่ทำให้ผมอยากปาโทรศัพท์ทิ้งทุกครั้งที่อ่าน แต่ครั้งนี้มันกับเรียกความสนใจผมได้เต็มๆ
   ‘ออกมาเจอกันหน่อยได้มั้ย มาคนเดียวหละ บอกให้เพื่อนกลับไปก่อน’
ผมกำโทรศัพท์แน่น เอาไงดีวะ ผมจะไว้ใจคนคนนี้ได้แค่ไหน แต่ข้อเสนอที่มันส่งถัดมาทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
   ‘ถ้าไม่มา คงจะรู้นะว่าฉันไม่ได้มีแค่รูป’
   “เห้ยพวกมึง” พมร้องเรียกสามสหายที่กำลังนั่งมองสาวๆอยู่ “กูมีธุระนิดหน่อยว่ะ กูขอตัวก่อนนะ”
   “ไปไหนวะ” กล้าหันมาถามผม “ให้กูไปส่ง ปะ” มันพูดก่อนจะหยิบกุญแจรถลุกขึ้นยืน
   “เห้ยๆ ไม่ต้อง” ผมโบกมือปฏิเสธมันไป “กูไปเองได้ พวกมึงสนุกกันต่อเถอะ”
   “แต่...”
   “เอาน่า ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมพูดก่อนจะยักคิ้วให้พวกมันทั้งสามคน สามสหายพยักหน้า ผมจึงเดินเลี่ยงออกมา ผมก้มมองมือถือดูโลเคชั่นที่ไอ้เหี้ยนั่นส่งมา มันไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ผมจึงเลือกที่จะเดินไป ผู้คนที่คลาคล่ำอยู่ตามแหล่งสถานบันเทิงเมื่อครู่เริ่มบางตาลงเมื่อผมเดินมาได้สักพักก่อนที่จะมาถึงสถานที่ที่เรียกได้ว่า เปลี่ยวและมืด ผมเดินลึกเข้ามาในซอยที่สองข้างทางถูกปกคลุมด้วยหญ้าสูง เสาไฟฟ้าทิ้งระยะห่างพอให้แสงสว่างสลัวๆ ความร้อนรุ่มหลังจากแออัดอยู่ในสถานที่อโคจรเมื่อสักครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเย็นจนขนลุก บรรยากาศสองข้างทางยิ่งเสริมให้รู้สึกหวาดหวั่นและวิตกกังวล เสียงรถที่แว่วมาจากถนนใหญ่เริ่มไกลออกไปเมื่อผมเดินลึกเข้าไปในซอยเรื่อยๆ ความรู้สึกของผมเริ่มแปลกไปเมื่อรู้สึกได้ว่าไม่ได้เดินอยู่คนเดียวท่างกลางถนนเปลี่ยวแห่งนี้ ผมเดินผ่านเสาไฟฟ้าที่มีไฟส่องสว่างต้นหนึ่ง เงาที่ปรากฏอยู่บนพื้นกลับมีถึงสี่เงา ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกินหัวใจของผม จังหวะหัวใจถูกสถานการณ์เร่งเร้าให้เต้นถี่ขึ้น ผมเร่งจังหวะฝีเท้าให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น แต่ก็ไม่ทันอีกสามคนที่ตามมา แขนผมถูกกระชากจนต้องหันหน้าไปเผชิญกับคนแปลกหน้าสามคน การแต่งตัวซอมซ่อ และมีดสั้นหนึ่งเล่มที่ยื่นมาจ่อคอของผมเอาไว้ สามคนนั้นทำหน้าเหี้ยม แตกต่างกับผมที่ตอนนี้กำลังเหงื่อออกท่วมตัว มือเท้ารู้สึกเย็นจนสั่น
   “พะ พี่อย่าทำอะไรผมเลย” ผมพูดบอกพวกนั้นไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
   “แต่งตัวดูดี ดูท่าจะรวยนี่หว่า” พวกมันสามคนมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
   “พี่อยากได้อะไร พี่เอาไปเลย” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมพวกมัน ก่อนจะหยิบแบงค์ในกระเป๋าตังยื่นให้พวกมันจนหมด พวกมันรับไปนับก่อนจะปล่อยแขนผม ผมที่เป็นอิสระจึงรีบหันหลังและวิ่งหนีทันที ปากก็ร้องตะโกนให้คนช่วย
   “ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย ชะ...อื้อ” มือหยาบกร้านของอีกคนที่วิ่งตามมาปิดปากผมไว้ และแขนอีกข้างก็ใช้รัดคอของผมจนแทบหายใจไม่ออก ผมพยายามดิ้นเพื่อรักษาชีวิต
   “หยุดดิ้น” อีกคนที่เดินมาข้างหน้าตะโกนใส่หน้าผม พร้อมชูมีดสั้นในมือต่อหน้าผม “ถ้ายังไม่อยากตาย”
   ผมหยุดดิ้นทันที พวกมันทั้งสามตัวจึงลากผมลงข้างทางก่อนจะเหวี่ยงผมให้ลงไปนอนกับพื้นหญ้า เกิดเป็นความเจ็บระบมไปทั้งตัว
   “ใครบอกว่าพวกกูอยากได้แค่เงินของมึงกันวะไอ้คุณหนู” ไอ้คนที่ล๊อกคอผมย่อตัวลงมาจับคางของผมให้เงยไปมองหน้ามัน ก่อนจะเอานิ้วสกปรกๆ มาลูบไล้ริมฝีปากของผม “แต่พวกกูอยากจะเป็นผัวของมึงด้วยว่ะ” เสียงหัวเราะน่ารังเกียจของไอ้สามคนดังขึ้น ผมจึงถีบไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าจนหงายหลังลงไปนอน
   “ไอ้เหี้ย” มันสบถ ก่อนที่อีกสองคนจะมายึดตัวผมไว้ไม่ให้หนี “เก่งนักนะมึง” เพียะ แรงตบจากมันทำผมทำหน้าหัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วปาก ก่อนที่ท้องของผมจะถูกหมัดหนักๆสวนเข้ามาจนรู้สึกจุก ผมงอตัวจากความเจ็บนั้นและหลังจากนั้นผมก็โดนพวกนั้นรุมกระทืบ ความรู้สึกปวดร้าวราวกับร่างกายจะแตกสลายลงไปตรงนั้น ผมรู้ว่าผมต้องตายแน่ๆ พ่อครับ แม่ครับทิศขอโทษที่ไม่ได้เป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ ยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณ ฮือ ตายอนาถไปหน่อยมั้ยกู
   ผัวะ เสียงต่อยจากใครบางคนซัดไอ้คนที่กระทืบผมปลิวไป ก่อนที่อีกสองคนจะโดนถีบกระเด็นไปคนละทิศละทาง ผมที่หลุดจากมหกรรมรุมสะกรำจึงตะเกียกตะกายออกมา สามคนนั้นเข้ารุมใครบางคนแต่ก็ถูกถีบ ถูกต่อยกระเด็นไปคนละทิศละทางเหมือนเดิม หนึ่งคนที่ถือมีดลุกขึ้นมา อีกสองคนที่เหลือได้โอกาสจึงวิ่งเข้าไปล๊อกตัวเขาคนนั้นเอาไว้ ไอ้เหี้ยนั้นยิ้มเหี้ยม ก่อนที่จะแทงมีดลงไปที่ท้องของเขาคนนั้น เขาทรุดลงกุมท้องทันที เสื้อสีขาวของเขาเริ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงที่กำลังซึมออกมาเรื่อยๆ ไอ้เลวสามคนนั้นกำลังจะเข้าไปซ้ำ
   “คุณตำรวจขาทางนี้เจ้าค่ะ” เสียงตะโกนจากใครบางคนก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ ไอ้สามคนนั้นหันซ้ายหันขวาก่อนจะวิ่งเข้าพงหญ้าไป
   “หนู เป็นอะไรมั้ยลูก” เจ้าของเสียงที่ตะโกนวิ่งมาถึงตัวผม พร้อมด้วยลุงป้าน้าอาอีกหลายชีวิตวิ่งเข้ามารุมล้อมผม
   “ชะ ช่วยเขา...ด้วยครับ” ผมพูดพร้อมกับชชี้ไปยังใครอีกคนที่นอนฟุบหน้าอยู่
   คุณลุงสามคนวิ่งไปดูเขาคนนั้น ก่อนจะกดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล
   “ขอบคุณนะครับ” ผมไหว้ขอบคุณคุณป้าคนนั้น ป้าแกยิ้มเอ็นดูก่อนจะเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ผม ผมรู้สึกเหนื่อยจนไม่มีแรงจะทำอะไรอีกแล้ว ความเจ็บปวดกำลังกัดกินไปทั่วร่างกาย ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดำมืดลง








กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งอยู่ในจมูก ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งจนขยับไม่ได้ เสียงจอแจของผู้คนดังอยู่รอบตัว
   “นะ...น้ำ” ผมร้องเรียกออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พร้อมกับลืมตาที่หนักอึ้งมองไปรอบๆห้อง
   “ทิศ” เสียงผู้หญิงที่ผมจดจำได้เป็นอย่างดีวิ่งเข้ามาหาผม เธอยกหัวผมขึ้นก่อนจะนำน้ำมาให้ผมดื่มและวางผมกลับลงไปนอนอย่างนุ่มนวล
   “แม่” ผมร้องเรียกผู้หญิงตรงหน้า ก่อนที่น้ำตาจะไหล “ทิศคิดว่าทิศจะไม่ได้เจอหน้าแม่อีกแล้ว” แม่ผมร้องไห้ทันทีที่ผมพูดจบ ก่อนจะมองไปทั่วร่างของผมด้วยสายตาปวดร้าว
   “แม่เป็นห่วงทิศแทบแย่ พอแม่รู้ข่าวแม่เป็นลมไปตั้งหลายทีนะทิศรู้มั้ย”
   “ขอโทษครับแม่” ผมพยามยกมือขอโทษแต่ก็ไม่สามารถทำได้
   “จ๊ะ” แม่ตอบผมเพียงแค่นั้น “พักผ่อนก่อนนะลูก พวกเพื่อนลูกก็เพิ่งกลับไปกันเมื่อกี้เอง” แม่พูดพลางเช็ดน้ำตาให้ผมไปด้วย
   “แม่ตรับ” ผมร้องเรียกแม่อีกครั้ง เธอหันมามองหน้าผมเพื่อรอฟัง “แล้วคนที่ช่วยผมไว้ เขาเป็นยังไงบ้างครับ”
   แม่ทำท่าครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะตอบ “พี่เขาปลอดภัยดีลูก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่พึ่งไปเยี่ยมเขามากับคุณพ่อ พ่อของลูกขอบคุณเขาซะยกใหญ่เลยที่ช่วยลูกไว้”
   “ครับ” ผมตอบรับ “ว่าแต่แม่รู้จักชื่อพี่เขามั้ยครับ”
   “เอ” แม่ทำท่าครุ่นคิดอีกครั้ง “เหมือนเขาจะบอกแม่ว่าเขาชื่อ พิชญ์ นี่แหละ”
   “พิชญ์เหรอครับ” จะใช่คนคนนั้นมั้ยนะ ถ้าใช่ เขาก็บังเอิญที่จะช่วยผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะ
   “พักผ่อนเถอะลูก” แม่เดินเข้ามาห่มผ้าให้ผม
   “ครับแม่” “แม่ครับ” “แล้วเขาได้บอกมั้ยครับว่าเขาไปช่วยผมได้ยังไง”

จบตอน

โถๆๆๆ  :monkeysad:

ออฟไลน์ หมีขาวเล่าเรื่อง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บทที่ 4
   “หึ อย่าพึ่งตายนะ กำลังสนุกเลย” กล้าอ่านออกเสียงให้ผมฟังหลังจากที่มันหยิบโทรศัพท์ผมไปเล่นแล้วมีข้อความส่งมาถึงผม “เหี้ย ทำกันแรงขนาดนี้เลยเหรอวะ”
   ผมได้แต่รับฟังแต่ไม่ได้ตอบอะไรมันไป เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ผมนอนอยู่โรงพยาบาลมาและวันนี้ผมก็จะได้กลับบ้านสักที สามสหายอาสามารับผมกลับบ้านในตอนเช้า
   “กูว่ามันอาจจะทำมากกว่านี้อีกก็ได้นะเว้ย ช่วงนี้มึงก็ระวังตัวไว้หน่อยละกันทิศ” ออกัสแสดงความคิดเห็น อีกสองคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
   “ไปอยู่กับกูมั้ยทิศ” ไอ้กล้าตบบ่าผม
   “ขอบใจ” ผมรู้สึกซาบซึ้งสำหรับความเป็นห่วงของเพื่อนผม “แต่ถ้ามันยังมีคลิปกับรูปกูอยู่ กูจะเอาอะไรไปขัดขืนมันได้วะ” ผมรู้สึกปลงตกกับความเสียเปรียบที่ผมได้รับ
   “มึงนึกไม่ออกจริงๆ เหรอวะว่าไปทำอะไรให้ใครไว้” โฟรโมสที่ทำท่าสงสัยอยู่นานจึงได้เอ่ยถามผม
   ผมส่ายหน้าแทนคำปฏิเสธ
   “หรือว่า” ออกัสโพล่งขึ้นมา “จะเป็นผัวของบรรดากิ๊กเก่ามึงวะ”
   “เออวะ” อีกสองคนเห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้
   “หรือว่าจะเป็นพัช” โฟรโมสแสดงความคิดเห็นบ้าง “จบกันไม่สวยไม่ใช่เหรอวะ”
   “พัช” ผมทวนชื่อนั้น “แต่พัชเขาดีกับกูมาเสมอเลยนะเว้ย นิสัยเค้าก็ไม่ได้เป็นคนเลวอะไรแบบนั้น” ผมนึกถึงช่วงเวลาสามเดือนที่คบกับพัช ผู้หญิงแสนดี นิสัยน่ารัก ที่ผมยังนึกไม่ออกว่าเธอจะทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้
   “ผู้หญิงเวลาแค้น เค้าว่าทำได้ทุกอย่างนะ” โฟรโมสยังคงยืนยันกับความคิดเห็นของตัวเอง “กูว่าพัชน่าสงสัยสุด”
   “มึงคิดว่าพัชจ้างคนมาข่มขืนกู หลอกให้กูไปโดนโจรปล้นอย่างนั้นเหรอ” ผมถามอย่างสงสัย
   “กูว่ามีสิทธิ์ คนเจ้าชู้แบบมึง เค้าไม่เอาปืนมายิงแล้วตัดไอ้นั่นมึงไปทิ้งก็ดีแล้ว”
   “ดีงั้นเหรอวะ” ผมเถียง “เล่นกูเกือบปางตายขนาดนี้”
   “เห้ย” โฟรโมสโบกมือเป็นพัลวัน “กูไม่ได้คอนเฟิร์มว่าพัชเป็นคนทำนะเว้ย กูแค่สงสัย”
   “หรือว่าจะเป็นไพลินวะ” กล้าเสนอคนที่น่าสงสัยบ้าง “หรือจะเป็นน้องไก่ น้องแพรวาหล่ะ กูว่าพี่อุ๊ปีสี่ชัวร์”
   “พอ” ผมขัด “ปวดหัวว่ะ พวกมึงคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดมาจากพวกผู้หญิงที่กูเคยคบแล้วทิ้งเค้าไปเหรอ”
   “ใช่” ทั้งสามคนตอบพร้อมกัน “ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะยอมรับได้นะเว้ย ที่จะถูกฟันแล้วเขี่ยทิ้งอะ”
   “เออๆ” ผมยอมรับ “กูเลวกูยอมรับ เข็ดไปอีกนานเลยว่ะ”
   “แต่ตอนนี้ แม่มึงโทรตามยิกๆแล้ว ไปกลับบ้านกัน” กล้ายกโทรศัพท์ที่หน้าจอแสดงสายโทรเข้า ก่อนจะช่วยยกกระเป๋าของผมขึ้นสะพาย
   “ขอบใจพวกมึงมากนะ” ผมกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
   “คิดมาก เพื่อนกันปะวะ” หลังจากนั้นพวกผมทั้งสามคนก็กอดคอกัน ความรักจากมิตรไม่เคยทำร้ายผม








   สายน้ำอุ่นจากฝักบัวตกกระทบผิวกายผมที่ยังคงหลงเหลือรอยช้ำอยู่นิดหน่อย ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะได้ทันไปเรียนในเช้านี้หลังจากที่หยุดมานาน ผมกลับมาอยู่บ้านหลังจากออกจากโรงพยาบาลตามคำสั่งของคุณพ่อและคุณแม่ที่เป็นห่วงผม
   
   “เสร็จหรือยังทิศ” แม่เปิดประตูเข้ามาตอนที่ผมแต่งตัวเสร็จพอดี
   “ครับแม่” ผมยิ้มให้กับแม่ก่อนจะเดินเข้าไปกอด ฟอด “แก้มคุณแม่นุ่มจังเลยครับ”
   “ไม่ต้องมาอ้อน” แม่ตีเบาๆที่แขนของผม “หายดีแล้ว เดี๋ยวก็ไปมีสาวๆคนใหม่อีกละสิ”
   “โห แม่” ฟอด ผมหอมแก้มของแม่อีกครั้ง “ไม่มีสาวไหนจะดีเท่าคนนี้หรอกครับ”
   “จ้า” แม่ยิ้มอย่างเอ็นดู  “อย่าเจ้าชู้ให้มากนะทิศ เรานะเหลือเกิน เดี๋ยวจะมีเรื่องไม่รู้จักจบจักสิ้นนะ”
   “ครับผม” ผมรับปากแม่ไป โดยที่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่ในใจก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน เรื่องที่เจออยู่ตอนนี้ยังหาต้นตอไม่ได้ ก็ยังไม่อยากจะไปหาเรื่องใหม่ให้ปวดหัว และเจ็บตัวอีก
   “เข็ดแล้ว” ผมยิ้มแหยๆ ส่งไปให้แม่
   “อะนี่” แม่ยื่นกล่องขนมไทยหลากชนิดให้กับผม
   “โหว น่ากินจังเลยครับ” ผมรับกล่องขนมมาก่อนที่จะเปิด
   เพียะ ฝ่ามือของแม่ฟาดเข้าที่มือผมก่อนที่ผมจะเปิดกล่องสำเร็จ
   “แม่ไม่ได้ให้เรากินสักหน่อย แม่จะฝากไปให้พี่พิชญ์”
   “พี่พิชญ์” ผมทำหน้างง “อ๋อ คนที่ช่วยผมไว้นะเหรอครับ”
   “ใช่จ้ะ”
   “ดีเลยครับ ผมยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณพี่เขาเลย และผมยังมีเรื่องสงสัยที่ต้องถามพี่เค้าพอดี”
   “ขอบคุณนะครับแม่” ผมกอดผู้เป็นมารดาอีกครั้ง ก่อนจะผละออกมา
   “โชคดีจ้า” แม่โบกมือไล่หลังผมด้วยรอยยิ้ม





   คาบเช้าที่แสนน่าเบื่อใกล้จะจบลงในอีกสิบนาทีแต่อาจารย์ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพูด โฟรโมสที่ยังคงตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นคาบจนถึงตอนนี้หันมามองหน้าผมด้วยสายตาเหนื่อยล้า ก่อนจะพูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘กูไม่ไหวแล้ว’ ถัดไปเป็นออกัสกับกล้าที่คนหนึ่งกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์กับอีกคนที่ฟุบหลับไปตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการสอน
   “วันนี้อาจารย์ขอสอนถึงตรงนี้ก่อน ไว้เรามาต่อคาบหน้ากันนะคะ มีใครสงสัยอะไรหรือเปล่า” อาจารย์เว้นระยะไว้สักครู่ “ถ้าไม่มี เชิญค่ะ” ผมลุกขึ้นยืนพร้อมถือกล่องขนมไว้ในมือ ตั้งใจจะเอาไปให้พี่พิชญ์หลังจากนี้ แต่ผมลืมไปว่าผมไม่มีข้อมูลอะไรของพี่เค้าเลยนอกจากชื่อ ข้อมูลที่สำคัญอย่างคณะ เวลาเรียนของพี่เค้าผมแทบไม่รู้เลย แล้วแบบนี้จะเจอกันได้ยังไงหละ นอกจากความบังเอิญ
   แต่เหมือนความบังเอิญจะเข้าข้างผม เพราะหลังจากที่อาจารย์เดินออกห้องไปก็มีกลุ่มผู้ชายหน้าตาดีหกคนเดินเข้ามา ทำให้สาวๆเพื่อนร่วมเซคชั่นของผมต่างพากันมองและซุบซิบนินทากัน
   ‘นั่นพี่พิชญ์ปีสี่หรือเปล่าแก’ เสียงนินทามาพร้อมกับเสียงกรี๊ดเบาๆจากสาวๆหลายคน
   ทั้งหกคนเดินตรงมายังที่ที่ผมนั่งอยู๋และคนที่เดินนำมาก็คือพี่พิชญ์คนที่ผมกำลังอยากเจอ
   “ไง” เขาทักทายผมเมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่ผมนั่ง “หายดีแล้วเหรอ”
   “ครับ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้เขา “ขอบคุณพี่มากนะครับที่ช่วยผมไว้”
   “อือ เป็นห่วงเลยมาเยี่ยม”
   “อ้อ นี่ครับ” ผมยื่นกล่องขนมไทยที่แม่ฝากมาให้ให้พี่พิชญ์ “แม่ฝากมาขอบคุณครับ”
   “ฝากขอบคุณคุณแม่ด้วยนะ” เขารับไปถือไว้ก่อนจะยิ้มให้ผม
   “ได้ครับ” “ว่าแต่พี่มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ”
   “ก็บอกไปแล้วไงว่าเป็นห่วง” เขาพูดก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ก่อนจะเอามือมาวางไว้บนหัวของผม
   ผมยิ้มตอบพี่พิชญ์ก่อนจะโยกหัวให้หลุดออกจากมือหนา พี่พิชญ์ยิ้มให้ผมก่อนจะชักมือกลับไป
   “โทษที” เขาพูด
   “เอ้อ แล้วพี่พิชญ์หายแล้วเหรอครับ วันนั้นผมเห็นพี่...” ผมถามอย่างสงสัยพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปยังจุดที่ผมจำได้ว่าเปื้อนไปด้วยรอยสีแดงของเลือดที่ผมยังจำได้ติดตา
   “อ้อ” เขาใช้มือกุมบริเวณที่ผมชี้ “แค่เฉียดๆ ไม่ต้องเป็นห่วง หายดีแล้วครับ”
   “จริงเหรอครับ” อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้ผมไม่เชื่อคำบอกเล่านั้น จนอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง จึงลุกขึ้นไปเพื่อที่จะถกเสื้อนักศึกษาของพี่พิชญ์ดูแผล ผิวขาวเนี่ยนที่ยังคงมีร่องรอยบาดแผลเป็นทางยาวปรากฏสู่สายตาของผม
   “เจ็บมากมั้ยครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามเจ้าตัว ก่อนจะเจอกับสายตาที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว สายตาที่เหมือนกับเวลาผมใช้จ้องสาวๆ เราจ้องตากันอยู่แบบนั้นสักครู่ จนกระทั่ง
   “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมจากใครคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เราสองคนผละออกจากกัน ผมยิ้มเขินส่งให้พี่พิชญ์ราวกับสาวน้อยที่กำลังถูกจีบ เฮ้ย สาวน้อยที่กำลังถูกจีบงั้นเหรอ บ้าไปแล้วไอ้ทิศ
   “พี่ต้องไปเรียนแล้ว ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆนะครับ”
   “เดี๋ยวครับ” ผมร้องเรียก “เย็นนี้พี่พิชญ์ว่างมั้ยครับ ผมอยากจะเลี้ยงข้าวพี่สักมื้อ”
   เขายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปมองกลุ่มเพื่อน “โทษที เย็นนี้พี่มีนัดแล้ว ไว้วันหลังได้มั้ยครับ”
   “ได้ครับ” ผมพยักหน้าตอบรับ “งั้นผมขอไลน์พี่ไว้ติดต่อได้มั้ยครับ”
   “ได้สิครับ” เขาพยักหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาให้ผม ผมจึงแอดไลน์ของตัวเองในเครื่องพี่เค้า
   “งั้น ไว้พี่จะทักไปบอกนะครับว่าพี่ว่างวันไหน”
   “โอเคครับ” ผมยกมือเป็นสัญลักษณ์ประกอบคำพูด
   เขาและกลุ่มเพื่อนเดินออกไปแล้ว ผมยิ้มตามหลังคนที่พึ่งจากไปอย่างชื่นชม ขอบคุณนะครับ ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรืออะไรก็ตามที่ทำให้พี่มาช่วยผมไว้ถึงสองครั้ง แต่ผมก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่อย่างน้อยท่ามกลางเรื่องแย่ๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆแบบพี่อยู่

แม้มันจะเป็นเรื่องที่บังเอิญจนน่าสงสัยก็ตาม



จบตอน

อย่าพึ่งเบื่อกันนะครับ ขอบคุณครับ ติชมได้ตามสบายเลยครับผม
 :pig4:






ออฟไลน์ Aomlove^^1412

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่พิชญ์นี่ใช้คนในคืนนั้นหรือเปล่า คิดว่าพี่พิชญ์คงร้ายพอตัวเลยแหละ :pig4:
สนุกมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ หมีขาวเล่าเรื่อง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บทที่ 5
   ความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาในบ่ายวันนี้ วันเสาร์เป็นวันหยุดที่ผมจะตื่นสายแค่ไหนก็ได้ ผมย้ายกลับมาอยู่คอนโดหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายอาทิตย์โดยความยินยอมที่ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ของคุณพ่อกับคุณแม่ ผมที่เคยชินกับชีวิตอิสระจึงโหยหาที่จะกลับมาอยู่ด้วยตัวคนเดียวมากกว่า หลังจากปล่อยเบาเสร็จจึงรู้สึกหิวนิดหน่อย ตัดสินใจไม่ล้างหน้าแปรงฟันแต่เลือกที่จะไปเปิดตู้เย็นดูว่ามีสิ่งไหนที่พอจะบรรเทาความหิวได้บ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเจอแค่น้ำเปล่าสองขวดเพียงเท่านั้น แต่ด้วยความขี้เกียจที่มีมากกว่าความหิวจึงเลือกที่จะไปล้มตัวนอนบนโซฟาก่อนจะเปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อย
   ติ๊งด่อง เสียงแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นไลน์เรียกความสนใจจากผมออกมาจากหน้าจอทีวี
   ‘ทักครับน้องสิบทิศ  ’ ข้อความจากรายชื่อที่ผมเมมไว้ว่าพี่พิชญ์ส่งมาพร้อมอีโมติคอนรูปรอยยิ้ม
   ‘ครับ’ ผมพิมพ์ตอบกลับไปพร้อมกับที่อีกฝ่ายก็ขึ้นแสดงว่าอ่านแล้วทันที
   ‘เย็นนี้พี่ว่างนะครับ ยังจะมีโอกาสได้กินข้าวฟรีอยู่มั้ยครับ’
   ‘ได้สิครับ’ ผมพิมพ์ตอบกลับไป ‘วันนี้ผมก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน ได้มีโอกาสเลี้ยงพี่พิชญ์สักที’
   ‘ดีใจจังครับ’ ‘แต่พี่มีเรื่องจะขอร้องทิศอย่างหนึ่ง’
   ‘ว่าไงครับ’
   ‘พรุ่งนี้วันเกิดแม่พี่ แต่พี่ยังไม่มีของขวัญให้แม่พี่เลย เพื่อนพี่ก็ไม่ว่างสักคน ทิศพอจะว่างไปช่วยพี่เลือกของมั้ยครับ’
   ผมไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพราะตอนเย็นก็ต้องออกไปด้วยกันอยู่แล้ว ดีเหมือนกันอยู่เฉยๆก็เบื่อ สามสหายก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้
   ‘โอเคครับ’
   ‘งั้นเดี๋ยวสามโมงพี่ไปรับ โอเคมั้ยครับ’
   ผมมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบจะบ่ายสองโมงแล้ว
   ‘โอเคครับ’ ผมตอบกลับไป ก่อนที่อีกฝ่ายจะแสดงแค่อ่านแล้วแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรมา ผมจึงกดปิดทีวีก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เวลาหนึ่งชั่วโมงสำหรับผู้ชายขอบอกว่าเหลือเฟือครับ
   


   ก่อนถึงเวลานัด 20 นาทีเสียงแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นไลน์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมที่กำลังฉีดน้ำหอมอยู่จึงผละออกมาดู
   ‘ทิศส่งโลเคชั่นให้หน่อยครับ พี่กำลังจะออกไป’
   ‘พี่มีแต่มอ’ไซทิศนั่งได้ป่าว’
   ‘ได้ครับ’ ถึงบ้านผมจะค่อนข้างมีฐานะ แต่ผมก็ไม่ใช่พวกคุณหนูที่จะนั่งได้แต่รถหรูนะครับพี่ อันหลังนี้ผมได้แค่คิดครับไม่ได้พิมพ์ตอบกลับไป
   ‘ครับ’ พี่พิชญ์ตอบกลับมา ผมจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะกลับไปแต่งตัวต่อ
   ไม่เกินยี่สิบนาทีพี่พิชญ์ก็ขี่รถมอเตอร์ไซมาจอดหน้าคอนโด ผมที่ลงมาก่อนแล้วจึงโบกมือให้ พี่พิชญ์ขี่รถสกูปปี้สีน้ำตาลมาจอดข้างหน้าผมก่อนจะเปิดหมวกกันน๊อคและยิ้มให้
   “รอนานมั้ยครับ” เขากล่าวทักทาย
   “พึ่งลงมาเหมือนกันครับ” ผมตอบกลับเขาไป ก่อนจะเดินอ้อมไปเพื่อที่จะก้าวขึ้นรถ
   “เดี๋ยวก่อนครับ” พี่พิชญ์ยกมือห้ามผมไว้ ก่อนจะหยิบหมวกกันน๊อคที่ห้อยเอาไว้มาสวมให้ผม “เพื่อความปลอดภัยครับ”
   ผมส่งยิ้มให้กับความหวังดีนั้นก่อนจะกล่าวขอบคุณ
   “ขอบคุณนะครับพี่”
   “ยินดีที่จะดูแลครับ”
   “อะไรนะครับ” ผมสงสัยในคำพูดของเขา จึงแกล้งถามซ้ำอีกครั้ง
   “เปล่า” เขาส่ายหน้า “ไปกันเถอะ อ้อ” เขาทำท่าเหมือนนึกอะไรออกก่อนจะเปิดฝาเบาะหยิบอะไรบางอย่างออกมา
   “พี่ซื้อมาให้ เผื่อจะหิว” เขายื่นถุงเซเว่นฯให้กับผมก่อนจะเดินไปคล่อมรถและสตาร์ทรถรอ
   “ขอบคุณครับ” ผมก้มมองดูถุงในมือ ก่อนจะก้าวขึ้นนั่งรถมอเตอร์ไซตามพี่เขา ขนมปังครัวซองก์กับนมสดมื้อนี้ อร่อยดีนะครับ





   “แม่พี่ชอบอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ” ผมที่กำลังก้มดูของจากชั้นเงยหน้าขึ้นมาถามคนข้างๆ ที่มองผมอยู่
   “อืม ไม่รู้สิครับ น้องทิศคิดว่าผู้หญิงเขาจะชอบอะไร” อีกฝ่ายถามกลับ
   “ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยพี่ จะไปรู้ได้ไงเล่า”
   “ก็ได้ข่าวมาว่า...” เขาพูดก่อนจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น
   “ว่า...” ผมถามอย่างสงสัย
   “สาวๆชอบเยอะ และก็มีแฟนเยอะด้วยนี่” พี่เขาพูดพลางหัวเราะ “นึกว่าจะรู้ใจผู้หญิงซะอีก”
   “ไม่จำเป็นนี่ครับ ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้าหาผมเอง ผมไม่จำเป็นต้องเข้าใจพวกเค้าเพื่อที่จะเอาใจนี่ครับ” ผมตอบพลางยักไหล่
   “งั้นเหรอครับ” เขาทำหน้านิ่งจ้องผม
   “เอ่อ...” ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบสายตานั้น “พี่คงคิดว่าผมเลวนะสิ”
   “เปล่าๆ” พี่พิชญ์โบกไม้โบกมือปฏิเสธ “พีก็แค่คิดว่าเราน่ะน่าอิจฉา มีแต่คนชอบ”
   “แน่นอน ก็ผมมันหล่อ” ผมพูดก่อนจะยักคิ้วส่งให้พี่พิชญ์ พี่เขาขำในท่าทีของผม
   “แต่เสียดายที่เจ้าชู้ไปหน่อย”
   “ไม่ได้เจ้าชู้ แค่อยากเจอเนื้อคู่เร็วๆ”
   “อืม แล้วทิศชอบคนแบบไหนล่ะ” อีกฝ่ายจ้องหน้าผมก่อนจะถามคำถาม
   “ไม่รู้สิพี่ ใครเข้ามาแล้วถูกใจผมก็คบ อืม...ผมก็ยังคิดว่าสักวันผมอาจจะเจอคนที่ทำให้ผมเลิกเจ้าชู้ก็ได้นะ แบบเป็นแม่ของลูกเลยอะไรงี้”
   “งั้นถ้าทิศคุยกับใครแล้วถูกใจ ทิศก็จะยอมคบง่ายๆเลยเหรอ”
   “อืม...ไม่นะ” ผมตอบก่อนจะกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ขยับหน้ามาใกล้พร้อมกับกระซิบบอก “ต้องสวยด้วยสิพี่”
   อีกฝ่ายผละหน้าออกไปก่อนจะหัวเราะ “ร้ายนะเรา”
   ผมยักคิ้วให้อีกฝ่าย “ขอบคุณครับ”
   พี่พิชญ์วาดวงแขนแกร่งมากอดคอผมไว้ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหู
   “แล้วถ้าคนที่คุยด้วยไม่สวย แต่หล่อแบบพี่ พอจะให้ทิศตัดสินใจคบด้วยได้มั้ย” ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองผมอยู่ ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆไปให้
   “ตลกละพี่” ผมพูดพลางกระเถิบตัวออกจากวงแขนแกร่ง อีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะชี้ไปที่ชุดบำรุงสุขภาพยี่ห้อดัง
   “เอาอันนี้ละกัน” อีกฝ่ายหยิบสินค้าที่ตัวเองต้องการก่อนจะเดินไปจ่ายตังค์
   ใจเต้นเฉยเลยไอ้สิบทิศ ผ่านผู้หญิงมาตั้งหลายคน จะมาหวั่นไหวกับผู้ชายคนเดียวไม่ได้นะเว้ย ผมส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว ก่อนจะเดินตามอีกคนไป





   เมฆฝนที่เริ่มดำมืดไล่หลังพวกเรามา ลมเริ่มพัดแรงขึ้นจนคนสองคนที่กำลังนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์รับรู้ได้ถึงแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะร่างกาย หน้ากระจกหมวกกันน๊อคเริ่มมีหยดน้ำตกลงมาใส่ เป็นสัญญาณว่าฝนได้เริ่มลงเม็ดแล้ว อีกไม่ไกลก็จะถึงคอนโดของผม พี่พิชญ์ที่ทำหน้าที่สารถีก็เร่งความเร็วเพื่อไม่ให้เราสองคนอยู่ท่ามกลางสายฝนไปนานกว่านี้ ฝนเริ่มลงเม็ดที่ขึ้นและตกลงมาในที่สุด ไม่นานรถจักรยานยนต์สกูปปี้ก็มาจอดลงที่ใต้คอนโดในสภาพเปียกชุ่มไปด้วยกันทั้งคู่
   “เปียกหมดเลย” ผมบ่น
   “ทิศรีบขึ้นไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” อีกฝ่ายเตือนอย่างเป็นห่วง
   “พี่พิชญ์ขึ้นไปที่ห้องก่อนมั้ยครับ” ผมชักชวนอีกฝ่าย “พี่ก็เปียกเหมือนกัน”
   “ไม่เป็นไรครับ” อีกฝ่ายส่ายหน้าพร้อมคำปฏิเสธ “เดี๋ยวพี่จะรอฝนซาอีกหน่อยก็จะกลับแล้ว”
   “แต่ว่า”
   “ไปเถอะ” อีกฝ่ายดันหลังผมให้เข้าไป “ตัวเปียกนานๆเดี๋ยวจะไม่สบาย”
   “แต่ว่า”
   “ทิศ” อีกฝ่ายทำเสียงเข้ม “พี่ไม่เป็นไร ไปเถอะ”
   “ครับ” ผมตอบรับอีกฝ่าย ก่อนจะหันหลังเดินจากมา เหลียวกลับไปมองเขาก็ยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม
   ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดหัวทันทีที่มาถึงห้อง ตาก็จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่สายฝนยังคงตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ใจก็นึกห่วงอีกคนที่ยังคงเปียกฝนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะกลับไปหรือยัง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูสีขาวอีกผืนมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินลงไปหาอีกคนที่หวังว่าจะยังอยู่ที่เดิม
   แผ่นหลังกว้างที่หันหลังให้ประตูนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์คู่ใจ ผมเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะทักเสียงดัง
   “ฝนตกหนักอยู่เลยนะพี่” อีกฝ่ายตกใจหันมามองผมก่อนจะยิ้มให้
   “ตกใจหมดเลยทิศ”
   “นี่ครับ” ผมยื่นผ้าขนหนูในมือให้ อีกฝ่ายยิ้มรับ
   “ขอบคุณครับ”
   “ผมว่ามันไม่หยุดตกง่ายๆหรอก พี่ขึ้นไปรอบนห้องผมก่อนมั้ยครับ”
   “เอางั้นเหรอ”
   “ครับ ตามสบายเลย ไม่ต้องเกรงใจ”
   อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะเดินตามผมขึ้นห้องไป
   


   “ชุดพี่เปียกอะ” อีกฝ่ายบอกพร้อมกับจับชุดตัวเอง
   “เข้าไปก่อนครับ” ผมดันหลังอีกฝ่ายให้เข้าห้องไป
   “ชวนใครเข้าห้องบ่อยมั้ยเนี่ยเรา” อีกฝ่ายถามยิ้มๆ
   “ไม่นี่ครับ” ผมตอบกลับ “นอกจากเพื่อนๆสามคนของผม ก็มีพี่นี่แหละครับ”
   “อ้าว แล้วเวลามีแฟน...” พี่พิชญ์เว้นไว้คงเพราะคิดว่าไม่รู้จะพูดดีหรือเปล่า
   “อ๋อ ก็โรงแรมบ้าง ห้องของพวกเธอบ้าง แล้วแต่กรณีอะครับ”
   “เหรอ” อีกฝ่ายยิ้มกว้าง “ดีใจจัง”
   “ดีใจอะไรครับ” ผมยื่นเสื้อผ้าของผมให้อีกฝ่ายได้เปลี่ยน ขนาดตัวของผมกับพี่พิชญ์ก็พอๆกัน จะต่างกันก็ตรงที่พี่พิชญ์จะมีกล้ามเนื้อสมส่วนมากกว่าผมนิดหน่อย แต่ก็คงจะใส่ด้วยกันได้
   อีกฝ่ายไม่ตอบเพียงแค่ส่งยิ้มกลับมาให้ผม ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
   “พี่พิชญ์เอาชุดเก่าใส่ในตะกร้าไว้นะครับ เดี๋ยวผมซักให้” ผมตะโกนบอกอีกฝ่ายที่อยู่ในห้องน้ำ
   เสียงประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดออก พร้อมกับที่ใครอีกคนก้าวออกมา เสื้อที่ถูกพาดเอาไว้บนบ่าทำให้ร่างกายท่อนบนไม่ถูกปิดบัง กล้ามเนื้อสมส่วนที่ผู้หญิงคนไหนเห็นคงจะฟินกรี๊ดกร๊าดกันอยู่ไม่น้อย
   “เสื้อตัวเล็กไปหน่อย” อีกฝ่ายพูดก่อนจะโยนเสื้อกลับมาให้ผม
   “งั้นเดี๋ยวผมหาตัวใหม่ให้”
   “เดี๋ยวสิ” อีกฝ่ายรั้งผมไว้ก่อนที่ผมจะลุกขึ้น “เช็ดหัวให้หน่อยดิ แฮ่ๆ” ก่อนจะเดินมายื่นผ้าขนหนูในมือให้ผมพร้อมกับนั่งลงข้างล่างเตียง
   “หืม” ผมที่รับผ้าขนหนูมาถือแบบงงๆ ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายต้องการอย่างว่าง่าย แปลกที่ผมไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร เพราะไม่มีใครเคยร้องขอผมแบบนี้ มีแต่คนที่จะทำให้ผมตลอดเวลาผมคบกับใคร
   “สบายจัง” อีกฝ่ายพูดอย่างอารมณ์ดี
   “หึหึ” ผมหัวเราะในลำคอ ความรู้สึกแปลกประหลาดได้เกิดขึ้นในหัวใจอีกครั้ง ไม่ใช่ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร แต่กับพี่พิชญ์ ผมว่ามันแปลก แปลกที่ผมมีความรู้สึกแบบนี้ให้ ทั้งที่พี่เขาเป็นผู้ชาย และไม่ใช่สิ่งที่ผมจะคิดว่าจะเกิดความรู้สึกแบบนี้กับคนคนนี้ได้
   “ทิศ” อีกฝ่ายเรียกผมให้หลุดจากความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง
   “ครับ”
   “เช็ดขนาดนี้ เดี๋ยวผมพี่ก็ร่วงหมดหัวพอดี”
   “ขอโทษครับ” ผมยกมือที่ขยี้หัวของพี่พิชญ์ออก พี่เขาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะลุกมานั่งบนเตียงกับผม
   “แล้วทำไมวันนี้ถึงว่างไปไหนมาไหนกับพี่ได้ครับ” อีกฝ่ายเปิดประเด็น “สาวๆไปไหนหมดฮึ”
   “ช่วงนี้ไม่อยากจะคบใครว่ะพี่ กลัว”
   “กลัว” อีกฝ่ายทำหน้าสงสัย “อย่างเรานี่นะกลัว กลัวอะไร”
   ผมนึกไปถึงเรื่องที่คุยกับเพื่อนและเรื่องที่สงสัยกัน ก่อนจะส่ายหน้าให้อีกฝ่าย
   “เปล่าครับ สงสัยตั้งแต่ที่มีภาพผมไปแปะประจานในวันนั้น สาวๆเลยกลัวไม่กล้าเข้าหามั้งครับ” ผมพูดติดตลก
   “อ้อ” อีกฝ่ายทำท่าเหมือนนึกออก “ภาพที่...” อีกฝ่ายทำหน้าล้อเลียน
   “หยุดเลยๆ” ผมปรามอีกฝ่าย “เจ็บใจนะรู้เปล่า แม่ง อย่าให้รู้นะใครทำ”
   “หึหึ” อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ “ยังไม่รู้อีกเหรอ”
   “ยังดิพี่”
   “อีกไม่นานหรอก เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง”
   “หะ” ผมเงี่ยหูเข้าไปหาอีกฝ่าย “พี่ว่าไงนะครับ”
   “พี่หมายถึง ความลับไม่มีในโลกหรอก เดี๋ยวทิศก็รู้ว่าใครทำ”
   “ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะพี่ ผมจะได้เลิกกังวลกลัวเป็นพระเอกหนังผู้ใหญ่สักที”
   อีกฝ่ายหัวเราะให้กับคำพูดของผม “สู้ๆ พี่อยู่ตรงนี้คอยช่วยเราเสมอนะ”
   ผมยิ้มให้กับความหวังดีของอีกฝ่าย รู้สึกใจเต้นอีกแล้ว เฮ้ออออ สงสัยจะไม่ได้คบกับผู้หญิงมาสักพักละมั้ง จึงทำให้ใจเต้นกับผู้ชายคนนี้ได้
   “ว่าแต่ เสื้อตัวใหม่พี่ได้ละยัง” อีกฝ่ายเรียกสติผมที่จ้องหน้าเขานาน ผมยิ้มเขินๆเป็นคำตอบก่อนจะลุกไปค้นเสื้อที่คิดว่าตัวใหญ่กว่าตัวเดิมให้
   “พี่รอทิศเปิดใจอยู่นะ พี่จะได้ดูแลทิศจริงๆจังๆสักที”

จบตอน



จบไปอีกหนึ่งตอนแล้วครับ นี่ก็ผ่านมาครึ่งเรื่องหรือยังหว่า ไม่แน่ใจ 555555
ตอนนี้พี่พิชญ์ของเรายิ้มบ่อยเหลือเกิน ใครอยากเห็นรอยยิ้มของพี่พิชญ์ตามไปดูได้ที่ไอจีนี้เด้อ
IG: pakinball
ตอนหมีเจอไอจีพี่คนนี้แล้วอุทานของมาเสียงดังมากว่า เชี่ยยยย พี่พิชญ์ในอุดมคติชัดๆ
ปล.หมีไม่ได้รู้จักพี่เค้าเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด ขอความกรุณาไปกดหัวใจให้พี่เขาเงียบๆนะครับ 55555
ขออนุญาตเจ้าของไอจีด้วยครับ
 :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พิชญ์เป็นพี่ชายของพัชชาหรือเปล่า
ไม่ชอบการกระทำของสิบทิศที่ทำกับผู้หญิงนะ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พิชญ์ทำเหมือนกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ หมีขาวเล่าเรื่อง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บทที่ 6
   “เมื่อไหร่จะเสร็จวะเนี่ย” เสียงบ่นของออกัสดังขึ้นท่ามกลางกองงานในตอนบ่ายของวันศุกร์มันนอนบิดขี้เกียจอยู่บนพื้นก่อนจะนอนกลิ้งไปมา วันนี้ผมและสามสหายได้นัดกันหลังเลิกเรียนมาทำงานกันที่คอนโดของผม โฟรโมสที่ก้มหน้าหาข้อมูลในหนังสือเงยหน้าขึ้นมามองคนขี้บ่นก่อนจะก้มกลับลงไปอ่านหนังสือต่อ ไอ้กล้าที่รับอาสาพิมพ์งานนั่งอยู่หน้าคอมของผม ส่วนผมที่กำลังจัดเรียงเอกสารที่ถ่ายออกมาจากเครื่องปริ้นก้มหน้ามองเพื่อนสนิทที่กลิ้งมานอนอยู่บนตักของผม ก่อนจะนำปึกเอกสารในมือฟาดลงไปที่หน้าของมันเบาๆ
   “โอ้ย” ออกัสทำท่าเจ็บเกินจริง ก่อนจะกลิ้งกลับไปนอนบนพื้นอย่างเดิม
   “ทิศๆ” กล้าที่กำลังขะมักเขม้นอยู่หน้าคอมเรียกชื่อผมโดยที่ไม่หันหน้ามามอง “อย่างแจ่มว่ะ” ก่อนจะเปิดรูปโปรไฟล์ของใครบางคนขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
   ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะก้มหน้าลงไปทำงานต่อไม่สนใจสิ่งที่เพื่อนเปิดให้ดู “อือ” พร้อมกับตอบรับในลำคอ
   “ไม่สนหน่อยเหรอวะเพื่อน” กล้าหันหน้าออกจากคอมพิวเตอร์มาจ้องดูผม ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปตอบ
   “ไม่อะ”
   “เห้ย ไอ้เสือสิ้นลายแล้วโว้ย” มันพูดเยาะเย้ยผม ผมจึงถีบขาเก้าอี้ที่มันนั่งอยู่ ก่อนจะเรียกบุพการีของมัน “พ่อมึงสิ”
   “อย่ามัวแต่พูดไร้สาระกันอยู่เลยครับเพื่อน” เสียงโฟรโมสแทรกเข้ามา “ทำงานครับ”
   “ครับพ่อ” ผมกับกล้าตอบพร้อมกัน ก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อ
   พวกผมนั่งทำงานบ้างเล่นบ้างตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดแล้ว พร้อมกับที่กระเพาะของเราทั้งสี่คนจะร้องประท้วงออกมา
   “หิวแล้วว่ะ” กล้าลูบท้องตัวเองพร้อมกับทำหน้าหงิก
   “เหลือสรุปอีกนิดหน่อย เดี๋ยวกูเอากลับไปทำเอง” โฟสโมสเสนอตัวเองที่จะจัดการงานส่วนที่เหลือให้
   ผมทั้งสามคนพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอนั้น ก่อนออกัสจะถามคำถามโลกแตกออกมา
   “กินไรดีวะ”
   “ก๋วยเตี๋ยวป้าน้อย” กล้าเสนอความคิดเห็นแรก
   “ข้าวหมูแดงพี่แจงดีกว่า” ออกัสเสนอความคิดเห็นพร้อมกับทำหน้าหื่น “กูอยากไปดูนมแม่ค้า”
   “อะไรก็ได้” โฟรโมสที่ไม่ได้ทำหน้ายินดียินร้ายใดๆ ตอบออกมา
   “หมูกระทะ” ผมเสนอความคิดเห็นบ้าง “ไม่ได้กินด้วยกันมานานแล้วนะเว้ย”
   “ก็ดี” โฟสโมสพยักหน้าเห็นด้วย
   “แต่กูอยากดูนมพี่แจง”
   “กูก็อยากดูนมป้าน้อย” เราทั้งสี่คนมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะกับมุกตลกนั้น
   “สรุปเอาไง” ผมถามหาข้อสรุปสุดท้ายก่อนที่กระเพราะของเราจะถูกน้ำย่อยทำลายมากไปกว่านี้
   “หมูกระทะ”
   “หมูกระทะ...ก็ได้”
   “ตามนั้น”
   “เป็นอันว่า หมูกระทะ แล้วร้านไหนดีวะ...”

   หลังจากนั้นพวกเราก็ถกเถียงกันอยู่นานว่าจะไปกินร้านไหนดี กว่าจะหาข้อสรุปได้เวลาก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าๆ เฮ้ออออ



   “ชิ้นนั้นของมึง อย่าคีบมาใส่ถ้วยกู” ผมร้องบอกออกัสที่คีบหมูจากกระทะเพื่อนำมาไว้ที่ถ้วยของผมก่อนจะยกหนี
   “กูไม่ไหวแล้วว่ะเพื่อน” ออกัสตอบด้วยสีหน้าเอียนๆ
   “มึงก็ไม่ไหวเหรอเพื่อน ทำไมทำหน้าอย่างนั้นหละ” ผมสะกิดถามกล้าที่ทำหน้าเครียดก้มหน้าก้มตามองแต่โทรศัพท์
   “พ่อกูเมาแล้วมาระรานแม่อีกแล้วว่ะ” กล้าพูดถึงพ่อที่เลิกกับแม่ไปตั้งแต่มันยังเด็กๆ แต่ยังคงมาระรานหาเรื่องทุกครั้งที่เมา
   “เห้ย แล้วตอนนี้แม่มึงอยู่กับใคร” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
   “อยู่กับกุ้ง” กล้ามันเอ่ยชื่อน้องสาวของมัน
   “มึงรีบกลับไปหาแม่มึงเถอะไป” โฟสโมสบอกกับกล้า
   “แต่กูต้องไปส่งมึงนะ” กล้าหันมามองหน้าผม
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูกลับเอง ไอ้โมสไอ้กัสก็อยู่กับกู ไม่ต้องเป็นห่วง”
   “เอางั้นเหรอ” มันยังคงลังเล
   “ไปเถอะ” ผมเอื้อมมือไปตบบ่ามัน มันพยักหน้าพร้อมกับยื่นเงินให้ผมก่อนจะลุกเดินออกไป
   “น่าสงสารมันว่ะ” ออกัสพูดด้วยความเห็นใจเพื่อน
   “กลับกันเถอะ” ผมพูดกับอีกสองคน ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์
   “กลับกันดีๆ” ผมบอกกับอีกสองคน
   “อ้าว แล้วมึงไม่ให้พวกกูไปส่งเหรอ” โฟสโมสร้องถามผมที่กำลังเดินแยกไปอีกทาง
   “พวกมึงก็รีบกลับบ้านเถอะ” ผมบอก “เดี๋ยวคุณหญิงแม่มึงจะเป็นห่วงนะกัส”
   “งั้นก็ให้โมสไปส่ง” อีกคนพยักเพยิดไปทางโฟรโมส ที่พยักหน้าเห็นด้วย
   “ไม่เป็นไร” ผมตบกระเป๋ากางเกงตัวเอง “ป๋ามีเงิน เดี๋ยวป๋าจะนั่งแท็กซี่กลับ ไม่อยากนั่งรถสองล้อของพวกมึงหรอก” ผมยักคิ้วให้พวกมันสองคน ทั้งสองคนส่ายหน้าก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
   “เจอกันเมื่อชาติต้องการ” ออกัสบอกกับผม
   “กลับดีๆ” โฟสโมสเดินมาตบบ่าผม
   “เคครับ”
   

   ผมยังคงเดินมาเรื่อยๆไม่ได้เรียกแท็กซี่เพื่อกลับคอนโดแต่อย่างใด เวลานี้สี่ทุ่มกว่าๆ แต่รถราและผู้คนยังคงพลุกพล่านไม่ผิดจากตอนกลางวัน ผมเดินมานั่งที่ม้านั่งหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเพื่อมองผู้คนและรถราที่สัญจรผ่านไปผ่านมาอย่างเพลินตา แสงสีตอนกลางคืนมักจะสวยงามกว่าตอนกลางวัน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแสงไฟเหล่านั้นก่อนจะอัพสเตตัสในเฟสบุ๊คพร้อมกับเช็คอินสถานที่
   ‘แม้ในเมืองจะมองไม่เห็นดาว แต่ก็ยังมีแสงไฟที่สวยให้พอทดแทนกันได้’
   ยอดไลค์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่ผมโพสต์ภาพ พร้อมกับคอมเมนต์จากคนที่ผมรู้จักบ้างและไม่รู้จักบ้าง ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับยัดกับลงไปในกระเป๋ากาง ผมเพลิดเพลินกับการมองบรรยากาศเหล่านั้นจนเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่ทราบ เสียงแจ้งเตือนพร้อมกับการสั่นในกระเป๋ากางเกงปลุกผมจากการนั่งซึมซับบรรยากาศ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูการแจ้งเตือน
   “พี่พิชญ์” ผมอ่านรายชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ก่อนจะกดเข้าไปดู รูปที่มีบรรยากาศคุ้นตาพร้อมกับแผ่นหลังของผม ผมจ้องดูรูปนั้นอีกครั้งจนมั่นใจว่ารูปนี้ถูกถ่ายมาจากด้านหลังของผมแน่ จึงหันหลังกลับไปดูก่อนจะเจอกับรอยยิ้มของใครบางคนที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆในหัวใจ





//Part  อดีต//
   “พี่รอทิศเปิดใจอยู่นะ พี่จะได้ดูแลทิศจริงๆจังๆสักที” เสียงบอกเล่าของพี่พิชญ์ทำให้ผมหยุดมือที่กำลังค้นหาเสื้อให้เขาให้หันกลับไปมองผู้พูด
   “พี่ว่ายังไงนะครับ” ผมถามกลับอย่างสงสัย
   “พี่อยากดูแลทิศครับ” อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
   “ดูแลผม” ผมชี้ตัวเอง “ดูแลทำไมครับ”
   “ก็นี่ไง” อีกฝ่ายชี้แผลเป็นที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในตอนนั้นที่ท้องด้านซ้ายของตัวเอง “เผื่อทิศถูกทำร้ายอีก พี่ก็จะได้ช่วยอีกไง” อีกฝ่ายยิ้มกรุ้มกริ่มส่งสายตา เอ่อ หวานมั้งครับ มาให้ผม
   ผมยิ้มแหยๆให้อีกฝ่าย “ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะพี่ แค่ตอนนั้นโดนรุมก็เลยเสียท่า พี่ดูนี่” ผมยกแขนทำท่าเบ่งกล้ามที่มีอยู่นิดหน่อยให้อีกฝ่ายดู
   อีกฝ่ายหัวเราะให้กับท่าทางของผมก่อนจะยกแขนของตัวเองมาทำท่าเบ่งกล้ามแขนบ้าง กล้ามเนื้อแขนที่สวยงามที่น่าอิจฉาปรากฏอยู่ตรงหน้าผม
   “แต่พี่ว่า พี่แข็งแรงกว่านะ” ผมทำหน้าหมั่นไส้ให้อีกฝ่าย ก่อนจะผลักแขนแกร่งนั้น
   “เอ้า” อีกฝ่ายอุทานก่อนจะหัวเราะ
   “ฝนหยุดแล้วนะครับ” ผมมองเลยอีกฝ่ายออกไปนอกหน้าต่าง “พี่จะกลับเลยมั้ยครับ”
   “ถ้าทิศไม่อยากให้พี่อยู่ พี่ก็จะกลับครับ”
   “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ก็นึกว่าพี่อยากกลับ”
   “ถ้าพี่อยากอยู่ ทิศจะให้พี่อยู่เหรอ” อีกฝ่ายถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
   “ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมนึกว่าพี่จีบผมอยู่นะเนี่ย”
   “แล้วถ้าทิศไม่ใช่ผู้หญิง พี่จีบไม่ได้เหรอครับ” อีกฝ่ายเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผม
   “ผมไม่เล่นนะพี่” ผมลุกขึ้นยืนและถอยห่างจากอีกฝ่าย “เลิกแกล้งผมสักที”
   อีกฝ่ายหัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะพยักหน้า “โอเค แต่...” อีกฝ่ายเว้นจังหวะเอาไว้ “พี่ไม่ได้แกล้ง พี่พูดจริง” ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบเสื้อตัวเดิมที่คืนให้ผมเอาไปสวม
   “พี่ว่าเสื้อมันก็ใส่ได้พอดีอยู่นะ” อีกฝ่ายยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมที่งงกับการกระทำของอีกฝ่ายได้แต่จ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
   “พี่ว่าพี่กลับก่อนดีกว่า” อีกฝ่ายบอกกล่าวกับผมก่อนจะเดินออกไปทันที ทันทีจริงๆนะครับ อะไรวะ พูดเหมือนกับจะจีบผมอยู่เรื่อย แล้วทำไมใจถึงรู้สึกแปลกๆไปกับคำพูดพวกนั้นด้วยนะ ผมกุมหัวใจที่เต้นด้วยจังหวะแปลกประหลาด ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่กับผู้หญิงที่ผมเคยคบสักคน
//จบ Part อดีต//
   


   “มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียว ดึกๆดื่นๆครับ” อีกฝ่ายที่เดินเข้ามาหาถามขึ้นก่อนจะนั่งลงข้างๆผม
   “พี่พิชญ์ มาได้ไงครับเนี่ย” ผมไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย กลับถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยแทน
   “อ้อ” อีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะโชว์หน้าจอโทรศัพท์ที่มีสเตตัสที่ผมพึ่งโพสต์ไปก่อนหน้าปรากฏอยู่
   “พี่รู้จักเฟสบุ๊คผมได้ยังไงเนี่ย”
   “ก็ทิศออกจะดัง ใครๆก็รู้จัก”
   “ดังในทางไหนเหรอครับ หล่อหรือเสือผู้หญิง” ผมถามอีกฝ่ายติดตลก
   “ก็ทั้งคู่มั้งครับ” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ “ว่าแต่ยังไม่ตอบคำถามพี่เลยนะครับ”
   ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายสักครู่ก่อนจะตอบออกไป “ไปกินหมูกระทะกับเพื่อนมาครับ เบื่อๆ เลยออกมาเดินเล่น”
   “เดินเล่น” อีกฝ่ายทวนคำบอกเล่าของผม “ไม่กลัวเจอแบบวันนั้นเหรอ”
   “คนออกจะเยอะแยะนะพี่ ไม่ใครกล้าทำอะไรผมหรอก”
   “คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้นะทิศ เคยได้ยินมั้ย รู้หน้าไม่รู้ใจ”
   “รู้ครับ” ผมหันหน้าไปมองอีกฝ่าย “รวมถึงพี่ด้วยหรือเปล่าครับ”
   “เห้ย พี่ดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
   “555” ผมหัวเราะให้กับท่าทางของคนด้านข้าง “ล้อเล่นครับ”
   อีกฝ่ายยิ้มด้วยรอยยิ้มประจำตัวของตัวเอง ก่อนจะยกมือมาลูบหัวผม “ไว้ใจพี่ได้นะ พี่บอกเราแล้วไงว่าพี่อยากดูแลเรา”
   หยอดเข้าไป นี่คิดจะเปลี่ยนเสือให้กลายเป็นเก้งให้ได้ถูกมะ ถึงจะจีบคนเก่งแต่ก็อดทนการโดนจีบไม่เก่งนะเว้ย ไอ้พี่พิชญ์ แล้วผมควรทำไง เดินทางสายสีม่วงหรือปฏิเสธความหวังดีนี่ดี ทำไมต้องคิดให้ยากด้วยวะไอ้ทิศ มึงเป็นเสือ เป็นเสือที่กินผู้หญิงมาตลอดนะเว้ย ก็แค่ผู้ชายที่เข้ามาทำดีด้วยจะหวั่นไหวได้ขนาดนั้นเลยเหรอ เฮ้อออออออออ
   ผมจ้องเข้าไปในตาอีกฝ่ายที่ผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของเขา กำลังทำให้ผมรู้สึกอยากจะเห็นรอยยิ้มนั้นทุกๆวัน



ผมรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้จะกลับมาดำเนินได้อย่างปกติ ปกติซะจนผมลืมอะไรไปบางอย่างที่คอยกวนใจก่อนหน้า เพราะตอนนี้มีบางคนที่เข้ามากวนชีวิตซะจนต้องคิดหนัก จนหัวใจผมเริ่มรวนซะแล้ว


จบตอน


ความรู้สึกอยากกินหมูกระทะจึงทำให้เขียนบทนี้ขึ้นมา
สู้ๆนะพี่พิชญ์ น้ำหยดลงหินทุกวัน เดี๋ยวมันก็กร่อน หัวใจของสิบทิศก็เช่นกัน
 :pig4: ขอบคุณทุกคนที่อ่านและพูดคุยแสดงความคิดเห็นนะครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด