ตอนที่ 11 : สมฤดี คนนี้มีที่มา
วินาทีแรกที่ได้ยินว่าเธอชื่อสมฤดี ผมก็เหงื่อแตกพลั่กตามประสาคนมีชนักติดตัว
แต่เมื่อเห็นว่าเธอจำกันไม่ได้ ผมก็จงใจกดเสียงต่ำลงกว่าเดิมอีกนิด ทำทีเคร่งขรึมอีกหน่อย ก่อนจะบอกให้เธอนั่งรอสักครู่เพราะต้องไปซื้อของกิน แล้วค่อยขึ้นไปหานิฌานพร้อมกันตามประสาสายลับสองหน้า
สมฤดีรับคำ เหมือนยินดีจะให้คนมองเธอและสงสัยให้มากยิ่งนานยิ่งดี เห็นแล้วก็ยิ่งตะขิดตะขวงในใจ จะโทรไปถามความเห็นนิฌานก็ไม่ได้เพราะเขากำลังอัดเสียง แล้วห้องอัดจะเปิดเสียงโทรศัพท์หรือพกติดตัวได้ยังไง ผมทอดถอนใจ รีบซื้อรีบกลับ ก่อนจะชักชวนให้เธอขึ้นไปหานิฌานพร้อมกัน
“พี่ช่วยถือนะคะ”
ผมนึกชมความมีน้ำใจ ความจริงสมฤดีไม่ได้เลวร้ายอะไร ตอนโทรไปหลอกถามยังช่วยพูดอยู่เลย
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้อย่าขวางพี่นะ”
...ซะที่ไหน
เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในแผนการไม่ชอบมาพากลของแม่นิฌานพิลึก ผมจับตาเธอมากขึ้น เดินประกบไม่ห่าง พอถึงห้องอัดก็เคาะประตูเป็นมารยาท
นิฌานเหลือบมองทันทีด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะกลายเป็นยิ้มค้างเมื่อเห็นใครบางคนตามหลังผมมาด้วย
“พี่ฌาน คุณแม่ให้ฉันมารับพี่กลับบ้านด้วยกันค่ะ” สมฤดีเรียกนิฌานอย่างสนิทสนม คำพูดค่อนไปทางล่อแหลมชวนให้คนอื่นเข้าใจผิด ทั้งที่จริงแล้ว...เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ จะเรียกว่าพี่ฌานก็ถูกต้องแล้ว จะกลับบ้านด้วยกันก็ไม่แปลก...
“เปิดตัวขนาดนี้ แถมยังให้เจอคุณแม่ด้วยอีก คนนี้ตัวจริงเหรอนิฌาน” เจ้าหน้าที่ในห้องอัดแซว
“เธอเป็นน้องสาวผมครับ” นิฌานรีบตอบปฏิเสธทันที นานครั้งจะเห็นเจ้าตัวเอ่ยจริงจังอย่างนี้ แต่น่าเสียดาย ไอ้ความเจ้าชู้ที่มักแจกสถานะพี่น้องให้เพื่อนร่วมวงการ ทำให้คำว่า ‘น้องสาว’ ของเขาไม่น่าเชื่อถืออย่างร้ายกาจ
ปลาไหลก็มีวันที่ผลกรรมย้อนเข้าตัวเหมือนกัน
“เอ๊ะ หรือจะเป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ที่พี่ฌานเคยเล่าให้ผมฟัง” ยอมเสนอตัวช่วยสักหน่อยแล้วกัน เพราะคำพูดของผมยังไงก็น่าเชื่อกว่านิฌาน ชาญชัยเป็นไหนๆ
“อ้าว สรุปว่าเป็นญาติกันจริงเหรอ” นั่นไง เจ้าหน้าที่กลับคำทันที ส่วนผมก็หดคอหลบตาสมฤดีที่มองมาอย่างเกรี้ยวกราด
“ใช่ครับ เธอเป็นลูกของพี่ชายของสามีของน้องสาวของแม่ผมเอง”
“แต่ก็ไม่มีสายเลือดเดียวกันนะคะ” สมฤดีมองนิฌานอย่างแฝงความนัย
“น่าเสียดายนะ เพราะพี่ถือคติไม่ดองกันเองในเครือญาติ” นิฌานถอนหายใจ แสร้งมองเธออย่างไม่ให้ความหวัง บรรยากาศค่อนไปทางกระอักกระอ่วน จนเจ้าหน้าที่ในห้องอัดต้องรีบลากเข้าเรื่องงานก่อนจะกลายเป็นชู้สาวในครัวเรือน
หรือว่าสมฤดีจะชอบนิฌาน?
ถ้านับจากลูกของพี่ชายของสามีของน้องสาวแม่...ก็ถือว่าเธอไม่มีสายเลือดเดียวกันจริงๆ นั่นแหละ ลูกพี่ลูกน้องที่ห่างกันมากขนาดนี้ ด้วยวัยไม่ที่แตกต่างกันมากนัก จะรักชอบก็พอจะเข้าใจได้อยู่ แต่...ไอ้โทรศัพท์แอนตี้แฟนนั่นใช่การกระทำของคนที่แอบชอบเหรอ
ยิ่งคิดผมก็ยิ่งปวดสมอง ตัดสินใจเขยิบห่างจากสมฤดีเล็กน้อย แต่เธอดันนั่งประกบ เล่นเอาผมกินข้าวกล่องอย่างไม่เป็นสุข
“ทำไมถึงพูดเรื่องลูกพี่ลูกน้องออกมา ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าขัด”
“ขอโทษครับ แต่ตอนเจอกันคุณไม่บอกก่อนนี่นา พอพี่ฌานพูดผมเลยเพิ่งนึกขึ้นได้ ถึงเผลอหลุดไป...” ผมกระซิบตอบอ้อมแอ้ม แม้จะดูเจียมตัวแต่ก็แอบเหน็บคุณเธอไปหนึ่งที ใช่ สมฤดีไม่พูด แล้วผมจะไปตรัสรู้ได้ไงว่าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของนิฌาน ฉะนั้นผมไม่ผิด!
“จริงเหรอที่พี่ฌานเคยพูดถึงฉัน...”
พยายามยิ่งจะไม่กลอกตามองบน ควรตอบยังไงดีนะเจตรินเอ๋ยเลย
“เขาพูดถึงฉันว่ายังไง ชมฉันรึเปล่า”
ในสายตาของปลาไหลจอมเจ้าชู้ ผ่านมาทั้งนางเอก ตัวประกอบ ยันสไตลิสต์ในกอง เทียบกับสมฤดีที่แต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังเกินไปแล้วเชื่อสิว่าไม่ใช่รสนิยมของนิฌาน เพราะเขาชอบแนวเซ็กซี่เรียบหรู ไม่ก็น่ารักน่าเอ็นดูมากกว่า...
“ผมจำไม่ได้แล้วครับ” ตอบแบบมึนเบลอก็แล้วกัน ถ้าชมก็กลัวจะไปซวยที่นิฌาน ถ้าตอบว่าไม่เคยชมก็กลัวจะซวยที่ตัวเอง ผมตั้งหน้าตั้งตาแกะข้าวกล่อง จดจ่อกับกะเพราหมูสับและไข่ดาว
สมฤดีเบะปากแบบขัดใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคล้ายจะถ่ายเซลฟี่
ผมรีบวางช้อนแทบไม่ทัน
“ไม่ได้นะครับ ห้ามถ่ายรูปลงโซเชียล”
“ฉันไม่ได้จะถ่ายติดพี่ฌานสักหน่อย”
“แต่คุณจะเช็กอินบริษัทเอ็มเอชเอ็นใช่มั้ย ไม่ได้นะครับ ในฐานะผู้จัดการ ให้คนนอกขึ้นมาถึงห้องอัดก็เสี่ยงโดนด่าแล้ว ถ้าคุณยังถ่ายรูปลงอีก ผมต้องถูกเรียกไปปรับทัศนคติแน่ๆ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าขัด”
“ถ้าเรื่องอื่นผมยังพอตามน้ำได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ครับ ต่อให้พี่ฌานจะเคยคลุกวงในกับคนอื่นมาก่อน แต่ไม่เคยมีรูปหลุดหรือข่าวฉาว ถ้าจู่ๆ คุณลงรูป...ผมต้องโดนเลขาคมสันจัดการแน่ๆ”
“เลขาคมสันจะทำไมนักเชียว” สมฤดีบ่นอุบ ฟังแล้วอยากจะนัดเธอให้กินข้าวสองต่อสองกับคุณเลขาจริงๆ จะได้รู้อิทธิฤทธิ์ของจอมมาร ผู้คุมบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ตัวจริงเสียงจริง
“การที่คุณมาประกาศตัวหน้าเคาน์เตอร์ก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามย้ำเสียงเบา เพราะสมฤดียังยึกยักไม่ยอมเก็บโทรศัพท์ไปสักที
“ฉันทำดีใช่มั้ยล่ะ”
“ครับ ดีมากเลย” ดีมากจนคนมองกันเต็มกับชุดผ่าสูงกับเกาะอกไร้รสนิยม แน่นอนว่านั่นได้แต่คิด แถมยังเตรียมแผนรับมือไว้แล้วว่าถ้ามีปาปารัชซี่แอบถ่ายขึ้นมาจะแก้เกมยังไง
แต่แม่ของนิฌานจะหยุดแค่นี้เหรอ...เดินหมากตื้นไปรึเปล่านะ
ผมคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าการส่งสมฤดีมาถึงที่จะได้ผลดีผลเสียเข้าทางเธอตรงไหน สรุปว่าอยากได้เงิน หรืออยากสร้างข่าวฉาวให้ลูกชายตัวเองกันเอง ผมล่ะมึน
“วันนี้ฉันจะกลับกับพี่ฌาน คราวนี้คงจะไม่ขัดแล้วใช่มั้ย”
“ตามสบายเลยครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก สวมบทสายลับพร้อมสนับสนุนเธอแสนจงรักภักดี ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินกะเพราอย่างสบายใจเฉิบเพราะเชื่อว่ายังไงนิฌานก็ไม่ยอมขึ้นรถกับเธอสองต่อสองแน่นอน
ไอ้นิสัยเจ้าเล่ห์กลับกลอกนั่นน่ะผมรู้จักดีกว่าใคร
กว่าจะอัดเสียงเสร็จปาไปสองทุ่มกว่า นิฌานเดินสะโหลสะเหลเตรียมวอนขอความรักความเมตตาด้วยสีหน้าเหนื่อยหนักยิ่งกว่าตอนถ่ายโฆษณาซะอีก เป็นดาราดีๆ ดันหาเรื่องรับงานเป็นนักร้องเสริมก็แบบนี้ล่ะนะ ผมมองเขาพลางยิ้มขัน ก่อนจะส่งน้ำของตัวเองให้เพราะเครื่องดื่มที่ซื้อมาเผื่อหมดไปนานแล้ว
“ขอบคุณครับน้องเจ”
“พี่ฌาน!” พอออกจากห้องอัด สมฤดีที่รออย่างเบื่อหน่ายก็รีบปราดมาควงแขน ขัดขวางนิฌานที่กำลังส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ผมได้ตรงจังหวะเหมาะเหม็ง ผมถึงกับหลุดหัวเราะพรืด คนเจ้าชู้จะส่งขนมจีบทั้งทีแต่โดนเบรก จากสายตาหวานเยิ้มเลยกลายเป็นมองอ่อน
เสียงเจือจ้าวของสาวเจ้าดังไม่หยุด ไม่ทันมองเลยสักนิดว่าผมกับนิฌานสื่อสารโทรจิตกันอยู่
ไอ้เราน่ะคลี่ยิ้มขัน สื่อความหมายว่า
‘สมน้ำหน้าครับพี่ฌาน’ส่วนนิฌานยักคิ้วเบาๆ เป็นเชิง
‘ฝากไว้ก่อนนะครับน้องเจ’“พี่ฌาน ฟังฤดีอยู่รึเปล่าคะ!”
“ขอโทษครับ วันนี้พี่เหนื่อยมากเลย ฤดีบอกว่าอะไรนะ”
“ฤดีจะกลับกับพี่ฌานค่ะ คุณแม่อยากให้กลับไปกินข้าวด้วยกัน”
“ตอนสองทุ่มจะสามทุ่มเนี่ยเหรอครับ” นิฌานเลิกคิ้ว เชื่อว่าแผนการวันนี้ของเธอพังเละไม่เป็นท่าเพราะการอัดเสียงล่วงเวลา
“พี่ฌานก็รู้ว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณแม่คิดถึงพี่ฌานมากเลยนะคะ ก็พี่เล่นไม่กลับบ้านตั้งหลายวันแล้ว”
ในฐานะพระเอกชื่อดังผู้ได้รับรางวัลลูกกตัญญู ถูกพูดขนาดนี้จะปฏิเสธก็ไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อยังอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ในห้องอัด
“เอาสิครับ พี่ก็คิดถึงคุณแม่เหมือนกัน ช่วงนี้ยุ่งจนไม่ได้ไปหาท่านเลย”
สมฤดียิ้มหวาน ส่วนผมแอบส่งสายตาเตือนนิฌานเป็นเชิง ‘ระวังจะได้กินอย่างอื่นด้วยนะครับพี่’
นิฌานยิ้มมุมปาก แอบแตะปลายนิ้วผมเบาๆ ระหว่างเดินสวนคล้ายจะสื่อว่า ‘พี่จะกินก็แต่กับน้องเจเท่านั้นครับ’
บอกเลยว่าขนหัวลุกตั้งแต่ไรผมยันตาตุ่ม
ผมเดินห่างออกมาเล็กน้อย ตัดสินใจแยกย้ายกันแถวหน้าลิฟต์จะดีกว่า
“อ้าว น้องเจจะไปไหน วันนี้นัดซ้อมขับรถกับพี่ไม่ใช่เหรอ”
เท้าที่กำลังจะก้าวหนีชะงักทันควัน หันขวับเงยมองนิฌานที่พอปราศจากสายตาจ้องจับผิดของคนในบริษัทก็เริ่มดำเนินแผนเอาตัวรอดจากลูกพี่ลูกน้องนามสมฤดี
ด้วยการลากผมไปเป็นไม้กันหมา!
“ใกล้จะสอบใบขับขี่อยู่แล้วจะไม่ลองขับจริงได้ยังไง มาๆ ไปด้วยกันนี่แหละครับ”
รู้ตัวอีกทีก็โดนลากไปลานจอดรถด้วยซะแล้ว ผมเหลือบมองคนสูงกว่าด้วยสายตาสับสนว่าไปเผยพิรุธให้โดนจับผิดตอนไหนกัน
“แต่วันนี้ต้องไปบ้านคุณแม่นะคะพี่ฌาน” สมฤดีโวยวายไม่ยอมรับ
“ให้น้องเจเป็นคนขับไงครับ กินข้าวเสร็จจะได้ช่วยขับมาส่งพี่ที่คอนโดด้วยเลย”
“ถ้าพี่ฌานเหนื่อยขับกลับไม่ไหว ให้ฤดีขับไปส่งก็ได้นะคะ ไม่ต้องรบกวนน้องเจหรอก”
“ไม่ใช่ว่าพี่เหนื่อยหรอกฤดี แต่เพราะวันอาทิตย์นี้น้องเจจะสอบใบขับขี่แล้ว พี่เลยอยากมั่นใจว่าเขาจะขับรถระหว่างทำหน้าที่เป็นผู้จัดการได้ เรื่องนี้สำคัญมากนะ” จู่ๆ คนเจ้าชู้ก็ทำหน้าเป็นจริงเป็นจัง ราวกับว่าเรื่องนี้นั้นสำคัญระดับชาติ อย่าว่าแต่สมฤดีเลย ขนาดผมยังเถียงไม่ออก!
ก็มีที่ไหนกันล่ะที่ผู้จัดการนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารัถให้ดาราในสังกัดขับรถเองอยู่ตั้งนานสองนาน!
ด้วยความรู้สึกผิดค้ำคอ ผมเลยยอมรับกุญแจจากนิฌานมาแต่โดยดีท่ามกลางสายตากล่าวประณามของสมฤดี...แต่เดี๋ยวก่อน ผมโดนบังคับต่างหาก เห็นอยู่ชัดๆ ว่าผมไม่ได้ตั้งใจขัดขวางแผนการของเธอเลย
“นั่งสบายตัวมั้ย ลองปรับเบาะหน่อยมั้ยครับ”
ขึ้นรถมาได้ นิฌานก็ช่วยผมปรับกระจกรถ ปรับเบาะ ตรวจดูเข็มขัดนิรภัยทันที สมฤดีนั่งกอดอกทำแก้มป่องอยู่เบาะหลัง อดแขวะขึ้นมาไม่ได้
“ทำไมพี่ฌานไม่มานั่งกับฤดีล่ะคะ”
“หรือฤดีจะให้น้องเจขับรถคนเดียวทั้งที่ยังไม่มีใบขับขี่ล่ะ เอาอย่างนั้นก็ได้นะ ยังไงรถพี่ก็มีประกันชั้นหนึ่งอยู่แล้ว ชนสักโครมก็ไม่เป็นไรหรอก”
หญิงสาวหน้าซีดเผือดทันควัน
“งั้น...ก็ได้ค่ะ พี่ฌานนั่งข้างคนขับก็ได้”
ความแถนี้พี่ท่านได้แต่ใดมา
ผมเหลือบมองนิฌานที่เอาตัวรอดได้อย่างสบายเกินคาดพ่วงทำคะแนนกับผมด้วยความรู้สึกจะนับถือก็ไม่ใช่จะชมเชยก็ไม่เชิง ยัง...เจ้าตัวยังอุตส่าห์ขยิบตาใส่อีก เพราะได้นั่งคู่กัน เวลาจะแอบส่งสัญญาณหรือส่งสายตาสื่อความนัยเลยทำได้ง่ายกว่าเดิม
‘พี่ฌานลากผมมาทำไม!’ ผมเริ่มส่งโทรจิตไปก่อน
‘อย่าคิดจะทิ้งพี่เลยครับน้องเจ หึหึหึ’ นิฌานจ้องกลับด้วยรอยยิ้มวายร้าย หลังสำรวจความพร้อมเสร็จก็หันมาถามผมอย่างเป็นการเป็นงาน ไม่สนใจผู้โดยสารทางด้านหลังที่กอดอกกระฟัดกระเฟียดสักนิด
“น้องเจเรียนขับรถกี่ชั่วโมงแล้วครับนี่”
“แปดชั่วโมงครับ” ผมตอบตามจริง อดเสียดายไม่ได้เพราะถ้าวันนี้ดาราในสังกัดไม่เอาแต่แหกปากร้องเพลงเพี้ยน คงจะเรียนครบสิบชั่วโมงแล้ว
“เคยออกถนนใหญ่รึยังครับ”
“เคยแถวบ้านผมครับ แต่ยังไม่เคยเจอสี่แยกมาก่อน” ผมสารภาพอย่างประหม่า เป็นที่รู้กันดีถึงย่านธุรกิจแถวนี้ว่ามีสี่แยกพิฆาตเซียน
“ไม่ต้องกลัวหรอกน้องเจ ช่วงดึกอย่างนี้รถน้อยลงเยอะ ไม่ติดเท่าตอนปกติหรอก น้องเจทำได้อยู่แล้ว!” นิฌานชูกำปั้นให้กำลังใจ แต่ผมล่ะอยากจะต่อยหมัดใส่เขามากกว่า
“จะออกรถได้รึยังคะ” สมฤดีถามสวน กลัวเป็นบุคคลที่ถูกลืม
“ใจเย็นสิครับฤดี น้องเจไม่รู้สักหน่อยว่าบ้านพี่อยู่ตรงไหน ขอเปิดจีพีเอสก่อนนะ” นิฌานไม่แม้แต่จะมองผู้โดยสารที่เบาะหลัง ก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์ตั้งค่าจีพีเอสแล้วค่อยๆ สอนผมอย่างใจเย็น “น้องเจดูเป็นรึเปล่า ครั้งแรกอาจจะสับสนเวลามองซอยหรือทางเลี้ยวอยู่นะ หรือจะให้พี่เปิดเสียงดี แต่ชื่อถนนประเทศไทยบางทีก็น่าปวดหัว พูดออกมาก็ไม่รู้หรอกว่าสรุปแล้วจะให้ไปทางไหน”
“ผมยังไม่เคยใช้จีพีเอสเลย”
“งั้นพี่ตั้งตรงนี้แล้วกัน เห็นชัดมั้ยครับ” นิฌานวางโทรศัพท์ข้างหน้าปัดรถ
“เห็นชัด...แต่ไม่ค่อยสะดวก แค่มองถนนก็แย่แล้วครับ ขืนก้มมองจีพีเอสอีกผมกลัวชน”
“งั้นพี่คอยบอกทางแล้วกันเนอะ”
“ขอบคุณครับพี่ฌาน”
“ผ่านไปสิบนาทีแล้วนะคะ จะออกรถได้รึยัง” สมฤดีเอ่ยแทรกอีกครั้ง
“ลองขับวนรอบๆ ก่อนนะครับน้องเจ เอาให้ชินมือก่อน ดูนะว่ากระจกรถระดับพอดีมั้ย ขาเหยียบถึงมั้ย ไม่ติดขัดตรงไหนใช่มั้ย โอเค จากนั้นก็...เอ่อ...น้องเจเคยขับรถลงจากลานจอดมั้ยเนี่ย”
นิฌานบรรลุวิชาหูทวนลมไปแล้ว
“ผมยังไม่เคยขับทางลาดมาก่อนด้วยซ้ำ ลาดแล้วเลี้ยวอย่างนี้ยิ่ง...”
“ไม่ต้องกลัวครับน้องเจ ค่อยๆ ไปก็ได้ ใช่ แบบนั้นแหละครับ ค่อยๆ เหยียบเบรกไว้”
“พี่ฌานคะ คุณแม่ถามว่าจะกลับถึงประมาณกี่โมง คุณแม่จะเตรียมของว่างให้แทนค่ะ”
“เดี๋ยวค่อยถามได้มั้ยครับฤดี ทางเลี้ยวลงแบบนี้อันตรายมากนะ ถ้ารถทะลุตกตึกไปจะทำยังไง!”
“ขะ...ขอโทษค่ะ”
จู่ๆ ถูกนิฌานดุเสียงเข้ม สมฤดีเลยนั่งหงอยไปโดยปริยาย ไอ้ผมเองอยากจะขำก็ขำไม่ออกเพราะกำลังอยู่ในสภาวะวิกฤตรถไหล กว่าจะฝ่าด่านอรหันต์แต่ละชั้นของลานจอดรถเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์มาได้เล่นเอาเหงื่อออกมือไปหมด ทำไมในบทเรียนไม่เห็นได้ฝึกขับลงทางลาดอย่างนี้บ้างเลย!
แต่อุปสรรคยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
พอลงจากลานจอดรถมาได้ ผมก็ติดเหง็กอยู่หน้าตึก เพราะเอาแต่ละล้าละหลัง หาจังหวะแทรกเข้าถนนใหญ่ที่มีรถขับสวนไปมาไม่ได้ จริงอยู่ ว่าช่วงนี้รถไม่ค่อยติด ไม่น่าลำบากยากเย็นมากนัก แต่...ก็เพราะรถไม่ติดไงถึงได้ขับกันไวกว่าปกติ ต่อให้ประกันชั้นหนึ่งผมก็กลัวโดนชนอยู่ดี!
“พักดื่มน้ำก่อนมั้ยครับน้องเจ” สายตาของนิฌานประกายพราวคล้ายจะหัวเราะเยาะอยู่ในที ผมหันไปถลึงตาใส่เขา แต่ก็ยอมหันหน้ามาดูดน้ำจากหลอดที่ป้อนจ่อปาก โดยทั้งสองมือจับพวงมาลัยแน่นไม่ปล่อย
“พี่ฌานคะ ฤดีว่า...”
“ได้จังหวะแล้วครับน้องเจ ตอนนี้แหละ รีบขับออกตึกไปเลย!”
สมฤดีกลับไปนั่งหน้างออีกครั้งเมื่อถูกขัด ส่วนผมหายใจโล่งขึ้นเยอะเมื่อพารถมาอยู่บนถนนใหญ่ได้สักที แต่...กับรถที่ขับกันไวขนาดนี้ให้อยู่เลนขวากลัวจะมีปัญหา ผมเลยพยายามจะเบี่ยงมาทางซ้าย...
“ตรงนี้ต้องระวังนะครับน้องเจ เพราะเป็นช่วงชุลมุนสี่แยกไฟแดง จะมีรถขับแทรกเยอะมาก นั่น! ระวังมอเตอร์ไซค์ด้วย”
ผมใจหายวาบ เพราะทุกอย่างกะทันหันเกินไปเลยหักพวงมาลัยกลับเลนขวาแทบไม่ทัน เดี๋ยวก่อน...ทำไมรถใหญ่ต้องคอยหลบมอเตอร์ไซค์ด้วยเนี่ย!
คำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ มีแต่เสียงโวยวายของสมฤดีที่ไม่คาดเข็มขัดคนเดียวในรถ ผลคือศีรษะกระแทกกระจกเข้าอย่างจัง
“เบี่ยงรถให้มันนิ่มนวลหน่อยได้มั้ย!”
“ขอโทษครับ” ผมเอ่ยเสียงเบาหวิว ตอนฝึกขับกับครูผู้สอนค่อนข้างทำคะแนนได้ดี แต่พอลองลงสนามจริงบอกเลย...เละ!
“อย่าพูดอย่างนี้สิฤดี ครั้งแรกก็ต้องผิดพลาดบ้างเป็นธรรมดา ไม่เห็นต้องต่อว่าเลย”
“ขอโทษค่ะพี่ฌาน...”
เอาเป็นว่าผมมองไม่เห็นนิฌานที่หันมาขยิบตาเหมือนทวงความดีความชอบที่เอาคืนแทนผมแล้วกัน เพราะจุดสำคัญตอนนี้คือผมจะรอดจากสี่แยกนี้ได้รึเปล่า!!
ยังไงก็ตาม...ผมก็สามารถพารถจากเลนขวาสุดมาซ้ายสุดได้สำเร็จ!
“เขาบีบแตรทำไมเหรอครับ” ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ รถข้างหลังก็บีบแตรใส่
“อ้อ ตรงนี้เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดน่ะ”
“อ้าว ทำไมพี่ฌานไม่เตือนผมล่ะ”
“ให้บทเรียนไงครับ ตรงนี้จะชิดซ้ายไม่ได้เพราะต้องผ่านตลอด ถ้าไม่อยากโดนบีบแตรไล่ก็ต้องตามน้ำไปก่อน ไม่ต้องห่วงครับ มีที่กลับรถอยู่ข้างหน้า ไว้ค่อยอ้อมมาใหม่ก็ได้”
ผมมองนิฌานที่ยิ้มแฉ่งอย่างจงใจถ่วงเวลาแล้วเริ่มเดาแผนของเขาได้รางๆ
“วันนี้จะถึงบ้านมั้ยคะเนี่ย” นั่นไง ขนาดสมฤดียังประท้วง
“อ้าว ฤดีรีบเหรอครับ ถ้ารีบงั้นกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ให้น้องเจจอดข้างหน้าเลย แถวนี้เรียกแท็กซี่ง่ายอยู่ด้วย”
“พี่ฌานจะทิ้งฤดีกลับบ้านคนเดียวเหรอคะ!”
“ก็พี่ไม่รีบนี่นา พี่กับน้องเจมีนัดขับรถมาก่อน พี่ก็ต้องให้คิวกับน้องเจก่อนฤดีสิ อ้อ ฝากบอกคุณแม่ด้วยว่าถ้ารอไม่ไหวก็นอนก่อนได้เลย ไว้ว่างๆ พี่จะแวะเข้าไปหาท่านเอง”
“งั้น...ไม่เป็นไรค่ะ ฤดีรอไหว คุณแม่ก็รอไหว”
“ดีครับ” นิฌานพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะหันมาสอนผมขับรถอีกครั้ง กว่าจะกลับรถ กว่าจะวนกลับมาที่สี่แยกเดิมก็กินเวลาไปอีกร่วมยี่สิบนาที
สมฤดีถอนหายใจเฮือกเมื่อหลุดจากไฟแดงไปได้ เริ่มชวนนิฌานคุยอย่างอารมณ์ดีเพราะคาดว่าถนนจะเริ่มโล่งจนถึงบ้าน แต่ว่า...
“เอ๊ะ พี่ฌาน ตรงนี้ผมเลี้ยวผิดรึเปล่า”
“เลี้ยวผิดจริงด้วย ดูสิฤดี ชวนพี่คุยจนไม่ทันมองเลยเห็นมั้ย” คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดจริงๆ แต่ผมก็ว่าเธอไม่ได้ในเมื่อจงใจเลี้ยวเข้าซอยเล็กที่ไม่น่าจะผิดได้ด้วยสีหน้าไม่ตั้งใจ ดูจากจีพีเอสแล้วเป็นซอยตันซะด้วยสิ สมฤดีอยากจะโวยวาย แต่เพราะเพิ่งถูกเอ็ดเลยยอมสงบปากสงบคำ “ซอยแคบอย่างนี้ยิ่งต้องระวัง เพราะรถจอดเรียงเต็มสองข้างทางแล้วยังมีมอเตอร์ไซค์คอยแทรกอีก ขับช้าๆ นะน้องเจ อย่าไปเฉี่ยวชนใครเข้าล่ะ”
ผมขับช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน เชื่อว่าให้สมฤดีลงไปเดินยังเร็วกว่า
“ตรงนี้พอกลับรถได้มั้ยครับ”
“ได้ แต่น้องเจต้องใช้ฝีมือหน่อยนะ อย่าเสี่ยงเลย ลองขับลึกเข้าไปหาที่โล่งๆ กว่านี้ดีกว่า”
ผมทำตามคำสั่งของนิฌานอย่างเคร่งครัด ขับเข้าลึกขึ้นเรื่อยๆ...พร้อมกับเหตุการณ์น่าหวาดเสียวจากมอเตอร์ไซค์ที่เล่นเอาใจหายใจคว่ำอีกหลายครั้ง
และในที่สุด
“ปล่อยฤดีลงตรงนี้เถอะค่ะ”
จิตใจบอบบางของสาวน้อยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป!
“เอางั้นเหรอฤดี” นิฌานมองเธออย่างเป็นห่วง
“ค่ะ ตรงนี้มีแท็กซี่จอดรอรับผู้โดยสารพอดี ฤดีขอลงตรงนี้ดีกว่า ไว้พี่ฌานสะดวกเมื่อไหร่ก็อย่าลืมไปหาคุณแม่บ้างนะคะ ท่านคิดถึง”
“ครับ ขอบคุณฤดีมาก” นิฌานคลี่ยิ้มสุภาพบุรุษ ถึงขนาดลงไปส่งสมฤดีจนกระทั่งเธอขึ้นแท็กซี่อย่างปลอดภัยถึงค่อยกลับเดินมาเปิดประตูฝั่งคนขับ ผมเองก็ไม่รีรอ รีบลงเปลี่ยนไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถทันที
“พี่ฌานหาทางกลับรถแล้วค่อยไปส่งผมที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยแล้วกัน ก่อนเข้ามาผมเห็นอยู่”
“จงใจเลี้ยวผิดเหรอเรา”
“อ้าว ผมนึกว่าพี่ฌานรู้อยู่แล้วซะอีก” ผมหันมาถามเขาอย่างสงสัย พวกเราสบตากันครู่ใหญ่ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“แสบนักนะเจ้าตัวเล็ก”
“ก็ทำตามแผนพี่ฌานนั่นแหละ” ผมตอบตามจริง “ว่าแต่พี่ฌานเถอะ รู้ได้ยังไงว่าผมเรียนขับรถอยู่”
นิฌานเจอที่ว่างสำหรับกลับรถพอดี เลยโชว์ประสบการณ์มาเหนือ ถอยหลังเข้าซองได้ในครั้งเดียวเพื่อกลับออกไปทางหน้าปากซอย
“เพราะพี่ใช้กลยุทธ์รู้เขารู้เราไงครับ ช่วงนี้น้องเจติดหนังสือเล่มนึงมาก ชอบหยิบมาอ่านรอระหว่างพี่ทำงาน ไอ้เราก็อยากจะรู้ชื่อหนังสือจะได้ไปหาอ่านบ้าง จะได้เอามาคุยกับน้องเจได้ เลยฉวยจังหวะที่น้องเจเข้าห้องน้ำแอบเปิดดู” นิฌานหัวเราะหึหึในลำคอ “ตั้งใจวางแผนกะตีสนิทแท้ๆ แต่พอเจอว่าน้องเจกำลังเรียนขับรถเพื่อพี่ก็ใจเต้นตึกตัก ตกหลุมรักเรายิ่งกว่าเดิม”
“จมถึงเอวแล้วเหรอครับ”
“สะดือต่างหากครับน้องเจ”
ผมหัวเราะเหอๆ แบบขอไปที
“พอเอาชื่อสนามไปหาข้อมูลถึงรู้ว่ามีสอบใบขับขี่ทุกวันอาทิตย์ และจากการคำนวณอาศัยที่พี่คอยมองน้องเจตั้งแต่ถือหนังสือเล่มนี้แล้ว คาดว่าน้องเจน่าจะเรียนไปหลายครั้ง อาทิตย์นี้คงจะสอบพอดี ใช่รึเปล่าครับ”
“ถูกครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก “แต่ที่ไม่ถูก คือผมไม่ได้เรียนขับรถเพื่อพี่ แต่เพื่อตัวเองต่างหาก พี่ฌานจำไม่ได้เหรอว่าเคยสติหลุดเกือบขับรถชนน่ะ”
“จำได้สิครับ ตอนนั้นน้องเจตะโกนเสียงหลง น่ารักสุดๆ เลย”
“...ผมลงตรงนี้ดีกว่า”
“ไม่ลงป้ายรถเมล์หน้าปากซอยแล้วเหรอครับ”
“ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย” พูดจบทั้งรถก็ตกในความเงียบครู่หนึ่ง แน่นอนว่านิฌานไม่จอด และผมเองก็ไม่ได้ประท้วง พวกเราต่างรู้ดีว่าปะทะฝีปากเป็นพิธีไม่ได้จริงจังอะไร “พี่ฌาน...”
“ครับน้องเจ”
“พรุ่งนี้จะมีข่าวพี่กับสมฤดีรึเปล่า”
“มีแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์เลย”
“แม่พี่ส่งสมฤดีมาตอนนี้เพื่ออะไร”
“เพราะต้องเป็นตอนนี้เท่านั้นถึงได้ส่งไม้ตายอย่างแอนแอนได้ต่างหากครับ ช่วงนี้พี่มีน้องเจแล้ว เลยไม่ค่อยรับสายแอนแอนไว้คุยเล่นนัก แผนป่วนประสาเลยไม่ค่อยได้ผล เฮ้อ...ก็พี่ไม่อยากนอกใจน้องเจนี่นา”
“เข้าเรื่องด้วยครับพี่”
“อะแฮ่ม...ก็น้องเจรายงานไปใช่มั้ยล่ะว่าพี่ทำตัวดีแค่ไหน แทบไม่ไปงานเลี้ยง ไม่ออกเดต ไม่ควงแขนกับใครเลย”
“ครับ”
“ถึงได้บอกว่าต้องเป็นตอนนี้เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้แม่พี่เคยพยายามส่งคนมาสร้างข่าวหลายครั้ง แต่เพราะพี่เปลี่ยนคู่เดตบ่อยยิ่งกว่าอะไร คนที่ส่งเข้ามาเลยสร้างประเด็นไม่ได้ นักข่าวเองก็ไม่สนใจ จับคู่พี่กับดาราสาวย่อมเรียกกระแสได้ดีกว่าคนทั่วไป แต่พอสมฤดีมาในช่วงพี่ทำตัวดี...ขนาดเจ้าหน้าที่ในห้องอัดยังทักเลยว่าเป็นตัวจริงรึเปล่า”
ผมย้อนนึกแล้วก็อดยอมรับไม่ได้ว่าใช่ มันน่าสงสัยจริงๆ นั่นแหละ
สัญญาณเด็กดีของนิฌานเหมือนกำลังสื่อว่าคนเจ้าชู้กำลังจะหยุดอยู่ที่ใครสักคน
“นักข่าวจ้องเล็งพี่ช่วงนี้อยู่แล้ว น้องเจคงไม่รู้ตัวเลยสิ”
“ผมขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เอาเป็นว่าสมฤดีเข้ามาให้ชวนเข้าใจผิด พรุ่งนี้ก็เตรียมรับมือแล้วกัน แต่พี่เชื่อว่าน้องเจคงมีแผนในใจไว้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”
ผมพยักหน้ารับ
“น้องเจคนเก่งของพี่”
ผมไม่ตอบกับคำชมชวนขนหัวลุกนัก เพราะกำลังหนักใจว่าสิ่งที่ทำอยู่มันดีแล้วจริงเหรอ
“พี่ฌาน...ผมทำให้พี่ลำบากกว่าเดิมรึเปล่า”
ทุกการกระทำของนิฌาน ชาญชัยมีเหตุผล เขาขยันยิ้ม ขยันหัวเราะ ขยันเข้าหาผู้คนเพื่อการทำงานที่ราบรื่น ควงทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายเพื่อไม่ให้ตกเป็นข่าวกับใครก็ตามที่ส่งมาจากแม่แท้ๆ ของตัวเอง แม้จะมีผลพลอยได้อันไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าการให้เขาหยุดทุกอย่างนั้น...มันดีแล้วจริงเหรอ
“น้องเจกังวลอะไรครับ เทียบกับความสุขชั่วครั้งชั่วคราวพวกนั้นแล้วน่ะ...การที่น้องเจอยู่ข้างพี่ ช่วยพี่คิด ช่วยพี่วางแผน ไม่ทรยศกันน่ะดีกว่าเป็นไหนๆ” นิฌานหันมายิ้มให้ผม พร้อมกับจอดรถแถวป้ายรถเมล์ “เพราะคนพวกนั้นผ่านมาแล้วผ่านไป แต่น้องเจจะไม่ทิ้งพี่ใช่มั้ยครับ”
“ผมไม่ทิ้งพี่หรอก” ผมเอ่ยหนักแน่น เรียกสายตาหวานซึ้งจากนิฌานจนมดตอม “ภายในสามเดือนนี้น่ะนะ”
พูดจบก็เดินลงจากรถ ไม่ลืมหันมายกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า
“โธ่ กำลังซึ้งเลย”
นิฌานรับไหว้ด้วยสีหน้าสุดเซ็ง แต่ดวงตาประกายวาวอย่างรู้อยู่แล้วว่าต้องโดนตัดบท ก็เขา...ตกหลุมรักผมที่เป็นแบบนี้....
ไม่ใช่รึไงล่ะ
--------------
ใช่จ้ะน้องเจ ทางนี้ก็รักน้องเจที่เป็นแบบนี้ เป็นเด็กแสบน่ารักอย่างนี้เหมือนกันนะลูกจ๋าาา
ความสัมพันธ์เริ่มพัฒนาไปทางเหนือธรรมชาติอย่างการส่งโทรจิตกันแล้วค่ะ 555 นิฌานชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คนเจ้าชู้เวลาหยุดที่ใครก็จะหยุดทุกอย่างเนอะ ส่วนน้องเจ...ยังคงเฉยชาอย่างคงเส้นคงวา ฮ่าๆ เราชอบฉากตอนพี่ฌานกับน้องเจส่งสายตาสื่อความนัยกันมากเลยค่ะ น่ารักกกกกก ส่วนน้องวางแผนแก้เกมยังไง ต้องรอลุ้น!
เพจนักเขียนที่อยากบีบแก้มน้องเจ