เราจะขอเคลียร์เรื่องนี้ให้จบก่อนเลย แล้วค่อยต่ออีกเรื่องที่ค้างคา แถมยังมีฟิคที่แต่งไว้ในอีกเวบด้วย
แต่เรื่องนี้สำหรับเรา เราว่ามันแต่งง่ายสุด ด้วยความที่เราดึงบางส่วนมาจากชีวิตของเราเองเนี่ยแหละ
แต่มันก็จะเรื่อยเปือยไม่มีอะไร จนกว่าเห็ดจะรู้ตัว เอาจิงๆ นะ เราไม่รู้หรอกว่าเราชอบแฟนเราตอนไหน แต่เขาอ่ะคิดมานานแล้ว
ก็คล้ายๆ กันเนี่ยแหละ แต่ไม่เหมือนเป๊ะ พยายามบิ้วจากตอนนั้นให้มากที่สุด
ตอนนี้พี่เมษเล่านะคับ ยังไม่มีอะไร ตอนหน้าเห็ดเล่า จะมาต่อถ้าทันวันนี้
8
คุณเคยรู้สึกชอบใครแบบไร้เหตุผลมั้ย
ตอนนี้...ผมกำลังเป็นแบบนั้น
ทั้งที่มันไม่ได้ดีเด่อะไรเลย มีแต่นิสัยเสียๆ ที่ทำให้หงุดหงิด หัวร้อน ทั้งซกมก เอาแต่ได้ เอาแต่ใจ แต่มันดันน่ารักฉิบหายเวลาที่มาออดอ้อนออเซาะ เวลาที่ทำอะไรให้แล้วมันดีใจกระดิกหางดิ๊กๆ เหมือนหมาตัวโตๆ โครตชอบเวลาที่สั่งอะไรแล้วมันก็ทำ ถึงจะทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ทำ
ตอนที่มันคอยดูแลผมที่ (แกล้ง) เมาก็น่ารัก จริงๆ ผมคิดว่ามันจะโยนผมทิ้งแล้วหนีกลับไปด้วยซ้ำ แต่มันก็พาผมกลับไปถึงห้องอย่างปลอดภัย แกล้งกอดๆ ฟัดๆ มันไปหน่อย โครตหมั่นเขี้ยว เลยเผลอกัดมันไปที แต่มันก็ไม่ได้ว่าอะไรเลยสักคำ เด็กนิสัยเสียที่ไม่เคยสนโลกอย่างมัน กลับดูแลผมจนถึงเตียง จนมันคิดว่าผมหลับ มันเลยลุกไปนอนบ้าง แต่ผมเนี่ย นอนยิ้มตาค้างเลย
ผมเคยมีแฟนนะ เป็นผู้หญิง คบกันตั้งแต่ม.4 เธอเป็นคนน่ารักและขี้อ้อนเหมือนมันเนี่ยแหละ ผมชอบที่ได้ดูแล ได้เทคแคร์ มากกว่าให้ใครมาทำอะไรให้ ก็ผมเป็นผู้ชาย เป็นฝ่ายเทคแคร์ก็ถูกแล้ว แต่คนที่ผมชอบดูแลตอนนี้ดันเป็น “มัน” ไอ้เด็กตัวโตเหมือนหมีที่โครตเอาแต่ใจ ผมต้องดัดนิสัยมันหลายอย่างเลย กว่าจะคุมมันอยู่
ตอนนี้ไม่ว่ามันจะทำอะไร มันก็ถามผมตลอด และรอให้ผมอนุญาต รู้จักเก็บกวาดห้องและยอมออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งกับผมเวลามันไม่ได้กลับบ้านเสาร์อาทิตย์ จะไปทำงานที่ไหนกับใครมันรายงานผมตลอด ช่วงหลังๆ มานี้ เราอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้น ทั้งที่เรียนคนละคณะ และไม่ได้ใกล้กันเท่าไหร่ด้วย จนสาวๆ เอาไปจิ้นว่าเราเป็นแฟนกันไปแล้ว
แต่ผมบอกตรงๆ นะ ผมยังขยาดเรื่องความรักอยู่บ้าง หลังจากเลิกกับแฟนเก่าที่คบมาตั้งแต่ม.4 คนนั้น การที่ผมชอบมัน ไม่ได้หมายความว่าผมอยากเป็นแฟนมัน ผมแค่รู้สึกดีที่ได้ดูแลมัน ได้ทำให้มันดีใจ ชอบให้มันมาคอยเกาะแกะ ก็แค่นั้น
แม้ว่าสักวันหนึ่ง มันจะเจอคนที่มันชอบ และอยากอยู่ด้วยมากกว่าผมก็ตาม
“นี่รูมเมทเรา พี่เมษ ส่วนนี่อิงอิง เด็กอักษร เพื่อนที่ผมบอก” ไอ้เห็ดแนะนำให้ผมรู้จักกับสาวสวย ซึ่งผมจำได้ว่าเป็นเจ้าของรถสีแดงคันนั้น
ผมนิ่งอึ้งเล็กน้อย แต่ก็พยายามฝืนยิ้มให้เธอ “สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะพี่เมษ” เธอยิ้มสวยมาให้ “ต้องขอโทษด้วยนะคะที่รบกวนให้มาด้วย”
“มะ ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องเกรงใจ” ผมตอบไปตามมารยาท ทั้งสวยแล้วยังมารยาทงามอีก บอกตามตรงนะ ถ้าผมยังไม่มีคนที่ชอบ ก็อาจจะตกหลุมรักแรกเห็นเลย
“เดี๋ยวเรากับพี่เมษขี่มอไซค์ตามไป อิงนำเลย” ไอ้เห็ดมันหันไปคุยกับเพื่อนมัน ตกลงอะไรกันเสร็จ น้องที่ชื่ออิงอิงก็เดินไปขึ้นรถของตัวเอง ส่วนผมกับมันไปมอเตอร์ไซค์ ตอนแรกมันจะขอไปรถเพื่อนมันแหละ แต่ถ้าผมไปด้วย แล้วขากลับจะกลับยังไงล่ะ ก็เลยต้องเอามอไซค์ผมไป
พวกเรามาถึงที่ห้างฯ ในเมือง (ที่ถูกคือชานเมือง) ไอ้เห็ดมันเพิ่งจะมาบอกว่า สาวน้อยแสนสวยคนนี้จะซื้อของขวัญให้ไอ้วัน! ผมนี่อึ้งกว่าเดิมอีก
“ไปรู้จักไอ้วันได้ไงวะ” ระหว่างที่รอน้องอิงอิงไปเข้าห้องน้ำ ผมก็เลยถามมัน
“ก็วันนั้นไง ที่ผมพาอิงไปนั่งเล่นแถวหอ เขาก็เลยเจอกัน” ไอ้เห็ดว่าพลางกดมือถือยิกๆ ไม่รู้คุยกับใครอีกแล้ว
“อ๋อ” ตกลงไอ้ตะวันกับน้องอิงอิงกิ๊กกันเหรอวะ นี่ผมตกข่าวเหรอ ทำไมไอ้วันแม่งปิดเงียบ ปกติจีบสาวคนไหนต้องมาอวดมาโชว์มาเม้าท์แล้ว ยิ่งสวยๆ แบบนี้แม่งต้องยิ่งอยากโม้ หรือมันจะจริงจัง หวงกระทั่งกับเพื่อนฝูง แต่ก็นะ สวยขนาดนี้ ไม่หวงสิแปลก คงกะจีบติดแล้วเอามาโชว์ทีเดียวสิมึง ไอ้วันทองเอ๊ย
“แล้วเขาจะซื้อของให้ไอ้วันแบบนี้...น่าคิดนะมึง” ผมแกล้งเอาศอกสะกิดแขนมัน ไอ้เห็ดเงยหน้ามามอง งงๆ
“คิดอะไรพี่”
“อ้าว มึงไม่ได้จีบคนนี้เหมือนกันเหรอ ไม่นอยด์เหรอวะ เขาชวนมาซื้อของให้ผู้ชายคนอื่น”
“จีบเหี้ยอะไรล่ะพี่ บอกว่าเพื่อนกัน คนอย่างผมไม่จีบใครก่อนหรอก” มันว่าพร้อมยักคิ้วใส่หน้าผม ผมนี่ส่ายหน้าบ๊ายบายเลย
“มั่นหน้ามากนะมึงเนี่ย”
“ก็นิดนึงอ่ะ” ยังมีหน้ามายักคิ้วกวนตีนกูต่ออีก แต่จะว่าไป ก็ไม่เคยเห็นมันจีบใครจริงๆ แหละ คนที่ชอบมาส่งขนมให้มันก็ไม่เห็นมีใครที่ตั้งใจจะจีบมันจริงจังสักคน เหมือนเห็นมันเป็นเด็กมากกว่า เลยเอาขนมเอาน้ำมาให้ เห็นมันดีใจก็ฟินกันไปไรงี้ แถมส่วนใหญ่น่าจะเป็นพวกสาววายซะมากกว่า นิสัยอย่างมันคงไม่จีบใครง่ายๆ และต่อให้มันมีแฟน ก็คงน้อยคนอ่ะจะทนสันดานแม่งได้
“มาแล้วค่ะ โทษที คนเยอะ” น้องอิงอิงออกมาพอดีเลย ไอ้เห็ดก็เก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง ส่วนผมก็ยิ้มให้เธอ ครั้งนี้ยิ้มได้เต็มปากแล้วครับ เพราะไอ้เห็ดไม่ได้ชอบน้องอิงอิง และคนที่เต๊าะกันอยู่เป็นเพื่อนผมซะเอง
“แล้วเราจะไปซื้ออะไรที่ร้านไหนกันดีครับ” ผมหันไปถามอิงอิงที่เดินตามหลังมากับไอ้เห็ด เป็นรุ่นพี่ก็ต้องเดินนำหน้า แต่เวรกรรม กูไม่เคยมาเดินห้างนี้เว้ย
“พี่เมษพอจะรู้มั้ยคะว่าพี่ตะวันชอบอะไรบ้าง หรืออยากได้อะไรช่วงนี้”
“อืมมมม” ผมขอใช้หมองแป้ป คือไอ้วันอ่ะ เป็นพวกปากสว่างไง มีอะไรแม่งโพล่งหมด เล่าหมด ช่วงนี้ที่มันชอบพูดถึงบ่อยๆ คงเป็น... “มันติดเกมนะ รู้สึกช่วงนี้จะชอบอยู่เกมนึง ลองหาซื้อพวกตุ๊กตาหรือฟิกเกอร์ตัวละครในเกมไปให้มันสิ”
“งั้นพี่เมษช่วยแนะนำด้วยนะคะ” อิงอิงดูจะตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที ท่าทางจะชอบไอ้วันมากนะเนี่ย
ผมให้ไอ้เห็ดที่ชำนาญที่ทางมากกว่าพาไปที่ร้านขายของเกี่ยวกับอนิเมและเกมในห้าง จะให้ฟิกเกอร์นำเข้าราคาแพงก็คงจะเกินไป เลยเปลี่ยนมาแนะนำอิงอิงให้ซื้อแค่ตุ๊กตาราคาไม่กี่ร้อยหรือพวกพวงกุญแจแทน ก็เลยได้ตุ๊กตาหน้าตาประหลาดๆ ที่เป็นมาสคอตเกมที่ไอ้วันชอบไป จริงๆ มันก็ไม่ได้หน้าตาประหลาดหรอกมั้ง เป็นเหมือนแมวแปลกๆ น่ารักดี ไอ้เห็ดก็เหมือนจะชอบด้วย
“อยากได้มั่งรึไง” เพราะเห็นมันมาหยิบๆ ของเขาเล่น ตัวที่มันหยิบเป็นตุ๊กตาสีขาวกลมๆ อ้วนๆ ในเกมไฟนอลxxx ผมรู้จักเพราะเคยเล่น แต่ชอบตัวละครสาวๆ เซ็กซี่ๆ ในเกมนั้นมากกว่านะ
“อือออ ที่บ้านมีอีกแบบนึง ลูกพี่ลูกน้องซื้อมาให้จากญี่ปุ่น ผมอยากได้ให้มันไปคู่กัน” มันอุ้มตุ๊กตาตัวเล็กๆ นั่นขึ้นมากอด ท่าทางเหมือนเด็กประถมอยากได้ตุ๊กตา “แต่ถ้าซื้อไป เดี๋ยวป๊าจะดุเอา”
แหงล่ะ พ่อมันคงไม่ชอบให้ลูกชายเล่นตุ๊กตาเท่าไหร่หรอกมั้ง ไม่ก็คิดว่าสิ้นเปลือง “งั้นกูซื้อให้มั้ย บอกว่าเป็นของขวัญจากรุ่นพี่อะไรก็ว่าไป”
“เฮ้ย พี่จะมาซื้อให้ผมทำไมอ่ะ แพงอยู่นะ” มันกะพริบตาปริบๆ มองหน้าผม ดูหน้าก็รู้ว่าแม่งอยากได้มากแค่ไหน ผมเลยไม่ตอบ คว้าไอ้หมูขาวในมือมันมาแล้วเดินไปจ่ายตัง เอามาให้มันถือ ตอนแรกมันก็ลังเลๆ แต่ก็ยอมรับไป ท่าทางจะชอบและดีใจมาก ยิ้มขอบคุณผมแล้วกอดไอ้ตุ๊กตาตัวขาวนั่นแน่นเชียว น่ารักชะมัด
“เดี๋ยวไปหาซื้อกล่องของขวัญมาใส่ตุ๊กตาหน่อยนะคะ พี่เมษกับเห็ดไปหาร้านอาหารนั่งรอก่อนเลย เดี๋ยวอิงเลี้ยงข้าว ห้ามปฏิเสธนะคะ!” เธอชี้หน้าพวกผมแถมยังทำตาดุได้โครตจะน่ารัก พวกเราเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วพยักหน้ารับ
เพราะน้องอิงจะเลี้ยง เลยไม่กล้าเลือกร้านแพงมาก เป็นร้านอาหารสไตล์เกาหลี มีพวกมาม่าชีสราคาแค่หลักร้อยนิดๆ ผมกับไอ้เห็ดมานั่งรอที่ร้านก่อน แล้วให้เห็ดมันไลน์บอกอิงอิง เธอว่าอีกสัก 15 นาทีจะถึงร้าน กำลังเลือกกล่องอยู่
“กูไม่ค่อยได้เข้ามาในเมืองเลยว่ะ ทั้งรถติด คนก็เยอะ แออัดฉิบหายเลยเนอะ” ผมชวนไอ้เห็ดมันคุย จะว่าไป นี่ก็ครั้งแรกเลยมั้งที่มากับมันไกลขนาดนี้ แถมเดี๋ยวจะไปนอนบ้านมันด้วย
มันกดมือถืออีกละ มีอะไรคุยกับใครนักหนาวะ “อือ ก็ปกติของกรุงเทพฯอ่ะพี่ กลางใจเมืองติดกว่านี้อีกมั้ง”
“แล้วบ้านมึงอยู่แถวไหนวะ” ผมท้าวคางมองหน้ามันที่เอาแต่ก้มมองจอมือถือ
“สุขุมวิท”
“ไกลจากนี่มากมั้ยวะ”
“ไกลมาก ถ้าดึกเกิน ผมจะพาพี่ไปนอนที่ห้องน้าผมก่อน อยู่แถวนี้แหละ”
“จะไม่รบกวนเขาเหรอ”
“ไม่หรอก เขาไปทำงานต่างประเทศ ห้องว่าง แต่ผมมีกุญแจ” มันยังคงก้มหน้าพิมพ์ยิกๆ จนผมเริ่มหงุดหงิด
“สนใจกูหน่อย!” ผมยื่นมือไปดันมือถือมันออก มันเลยยอมเงยหน้ามามองผม ซึ่งกำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์
“อะไรพี่?”
“ตั้งแต่มานี่ มึงเอาแต่เล่นมือถือ” เดี๋ยวกูงอนนะมึง ส่งสายตาไปบอกมันอย่างนั้น แต่คนอย่างไอ้เห็ดมีหรือจะเข้าใจ...เอวัง
“ผมคุยกับป๊า” มันทำหน้าเหรอหรา
อ้าว? แล้วก็ไม่บอกกูก่อน กูนึกว่าเต๊าะสาวที่ไหนอยู่ในไลน์ ผมเลยทำหน้ามึนใส่แก้เก้อไป
“มาแล้วค่า โทษทีนะพี่เมษ เห็ดด้วย” น้องอิงอิงมาช่วยดึงบรรยากาศให้สดใสได้ทันพอดีเลย
******
สรุปคืนแรก ต้องนอนคอนโดน้ามันไปก่อน เพราะเราอยู่กันยันห้างปิด มันบอกไม่อยากขี่มอไซค์กลางคืนไกลๆ กลัวอันตราย ผมก็เห็นด้วย
“งั้นพรุ่งนี้กูกลับหอเลยแล้วกัน นอนแค่คืนนี้แหละ” ตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องที่คอนโดน้ามันแล้วครับ ไอ้เห็ดกำลังจัดเตรียมที่นอน เตียงกว้างนอนได้สองคนสบายๆ
“อ้าว? แต่ผมบอกป๊าไว้ว่าพี่จะไปด้วยอ่ะ เนี่ย ป๊าบอกม๊าเตรียมที่นอนไว้ให้พี่แล้วด้วย ไปค้างพรุ่งนี้ได้เลย”
“แล้วจะรีบบอกเขาทำไมล่ะวะ พรุ่งนี้ไม่ได้มีธุระอะไรแล้ว กูจะไปนอนบ้านมึงทำไม” ผมว่าพลางโยนหมอนใส่หน้ามัน
“ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนผมไง พี่ไม่เคยเข้าเมืองใช่มั้ย ผมจะพาทัวร์เอง” มันดึงหมอนที่แปะบนหน้าออกแล้วยิ้มหวาน “นะพี่ ไปเที่ยวกัน หรือพี่มีนัด?”
“ไม่มี...” เห็นมันยิ้มแล้วรู้สึกหน้าร้อนๆ เลยกู อย่ายิ้มแบบนั้นสิวะไอ้เห็ดไม่สำ!
“งั้นพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันแล้วค่อยกลับไปบ้านผม วันอาทิตย์ค่อยกลับมอด้วยกัน โอเค๊?” มียกนิ้วทำท่าโอคงโอเค แบ๊วฉิบหายน้องเห็ดกู ผมก็เลยพยักหน้ารับอย่างเขินๆ
“เออ เคๆ”
จริงๆ ก่อนหน้านี้เคยนอนเบียดกันบนเตียงแคบๆ ที่หอมาแล้วครั้งนึงนะ แต่แบบ...ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไรมากไง แค่เห็นมันเป็นน้องชายที่น่ารัก แล้วตอนนั้นก็โครตง่วงด้วย เลยหลับสนิทตลอดคืน แต่คืนนี้มันต่างออกไป แม้เตียงจะกว้างขวางนอนสบาย แต่แม่ง...พอไอ้เห็ดมันมานอนทำหน้าตาน่ารักตรงหน้าแล้ว ใจผมเต้นโครตแรงอ่ะ บอกตรงๆ นะ นอนไม่หลับว้อยยยยยย
แล้วดูมัน นอนแบบไม่สนความรู้สึกกูเล้ย นอนตะแคงกอดไอ้ตัวอ้วนขาวที่เพิ่งซื้อให้วันนี้หันหน้ามาทางผม เสียงลมหายใจเบาๆ ของมันทำให้ผมอยากจะเงี่ยหูไปฟังใกล้ๆ พอคิดแบบนั้น ร่างกายมันก็ขยับไปเองโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีก็นอนมองหน้ามันในระยะประชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของมันเลย
“อือ” มันครางในคอพลางขยับตัวเล็กน้อย กระชับแขนที่กอดตุ๊กตาไว้ หัวใจผมก็ยิ่งเต้นรัว หน้าก็ร้อน มือนี่เหงื่อชุ่มเลย ผมนอนมองหน้ามันตอนหลับสักพัก ก็เริ่มง่วงตาม เปลือกตาหนักอึ้งใกล้จะปิดลงเต็มทีแล้ว…ไม่ไหวแล้วล่ะ ราตรีสวัสดิ์ครับ
******
เช้าวันต่อมา ไอ้เห็ดปลุกผมแต่เช้า พาออกไปหาข้าวกินแถวคอนโดแล้วก็ขับรถพาเที่ยวรอบเมืองอย่างที่มันบอกจริงๆ คือลัดเลาะไปเรื่อยๆ ไม่ได้แวะที่ไหนเป็นพิเศษตลอดเช้านั้น ดูๆ ไปมันก็ขี่มอไซค์เก่งนะ แถมยังรู้เส้นทางดีด้วย
“ร้านนี้อร่อย กินก่อนเดี๋ยวค่อยไปต่อ” มันจอดรถพาผมแวะร้านอาหารร้านหนึ่ง รู้สึกแถวนี้จะเรียกว่าบางรัก เป็นร้านเป็ดย่างที่อยู่ตรงข้ามกับห้างแห่งหนึ่ง แต่ก็มีอาหารตามสั่งหลากหลายเมนู บางอย่างผมก็ไม่เคยกิน ไม่เคยรู้จักมาก่อน
ผมมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เกือบ 10 โมงครึ่งแล้ว ข้าวเช้าเพิ่งกินมาตอน 7 โมง เร็วไปมั้ยวะเนี่ย แต่ไอ้เห็ดมันกินจุไง สงสัยขี่มอไซค์เหนื่อย เลยหิวเร็ว
“พี่อยากกินไร สั่งเลย ผมเลี้ยงเอง”
“เลี้ยงกูไม”
“เพราะผมเป็นคนพาพี่มาไง” มันยิ้มกว้าง ตาที่ตี่ๆ อยู่แล้วแม่งแทบมองไม่เห็น ผมต้องรีบเก๊กหน้าไม่ให้ยิ้มตามมัน “ร้อนเหรอพี่?” มันกะพริบตาปริบๆ แล้วยื่นมือมาแตะแก้มผมแบบไม่ทันตั้งตัว สะดุ้งสิครับ ปัดมือมันออกทันที
“เปล่า!” ร้านเปิดแอร์แล้วกูจะร้อนได้ไงเล่า ไอ้นี่
“อ้าว? เห็นหน้าพี่แดงๆ นึกว่าร้อน” มันลูบๆ มือตัวเองที่โดนผมปัดออก สงสัยปัดแรงไปหน่อยมั้ง
“แสงมันส่องมั้ง” ผมพูดมั่วๆ ไป ก่อนจะรีบเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร ไม่ให้มันได้เถียงต่อ
สั่งขาหมูยัดไส้จานใหญ่ กับกะเพราะเป็ดย่างคนละจาน แค่นี้ก็อิ่มจนไม่รู้จะอิ่มยังไงแล้ว ที่ร้านนี้มีน้ำชาบริการฟรีด้วย แต่ไอ้เห็ดมันสั่งน้ำเก๊กฮวยมากิน
“เอามั้ยพี่” มันยื่นขวดเก๊กฮวยมาให้ แต่น้ำชาในแก้วที่ผมเติมไว้ยังไม่หมด มันเลยเปลี่ยนมาเลื่อนแก้วของมันมาให้แทน “ลองชิมแก้วผมก่อนก็ได้”
“ไม่อ่ะ” ผมยิ้มแหยๆ เอามือดันแก้วมันกลับไป
“ลองหน่อยดิ๊ น่า” ไอ้นี่ขี้ตื้ออยู่เหมือนกัน เวลามันมาขออะไรแล้วผมไม่ให้หรือทำเฉยใส่ มันก็งอแงอยู่นั่นแหละ เป็นแบบนี้ประจำ
“เออๆ ลองก็ลองวะ” แล้วผมก็ลองจิบน้ำเก๊กฮวยจากแก้วมัน แม่งรู้สึกเหมือนจูบทางอ้อม กูก็เขินเป็นไรเป็นนะ ไม่ได้ด้านอย่างมึง มันมองหน้าผมแล้วยิ้ม ท่าทางดีใจ
“อร่อยมั้ยล่ะ”
“อือ อร่อยดี”
******
จบมื้อเกือบกลางวัน มันก็พาผมไปเที่ยวต่อ คราวนี้มาแถวบ้านมันแล้ว แถมสุขุมวิท ผมมันคนบ้านนอกอ่ะครับ ไม่ค่อยได้เข้าเมือง ก็ตื่นเต้นไปหมด ทั้งรถไฟฟ้าและการจราจรที่โครตจะติด ขนาดวันหยุดนะ ที่ที่มันพามาเป็นสวนสนุกขนาดเล็กใกล้ๆ ห้างเอ็มโพเรียม ธีมหลักเกี่ยวกับไดโนเสาร์ น่าจะพอรู้จักกันใช่มั้ยล่ะ
“คิดไงพากูมาที่นี่เนี่ย” คือวันเสาร์อาทิตย์มันมีแต่พ่อแม่พาลูกหลานมาเที่ยวอ่ะครับ แล้วก็คนต่างชาติจำนวนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่จะมีเด็กมาด้วยแทบทั้งนั้น พวกคู่รักก็พอมีบ้าง แต่นี่มัน...ผู้ชายสองคนกับไดโนเสาร์...
“ก็ผมชอบอ่ะ นี่ๆๆๆ อันนี้ผมชอบที่สุด มาทีไรต้องเล่นทุกที” มันลากแขนผมไปทางที่มีป้ายเขียนว่า 4D อะไรสักอย่าง คือโซนอื่นดูเหมือนจะมีไดโนเสาร์ปลอมมาโชว์ แล้วก็มีห้องสำหรับให้ความรู้ คำอธิบายเกี่ยวกับโลกยุคล้านปี แต่ไม่ทันได้ดูได้อ่านอะไรเลยครับ มันจะเล่นลูกเดียว
เดินเข้าไปในโซนที่เหมือนกับจำลองถ้ำ จะมีเจ้าหน้าที่คอยนำทางให้ตลอด คล้ายๆ เข้าบ้านผีสิงบอกไม่ถูก มืดๆ แล้วก็มีแสงสีเสียงเป็นระยะ จนมาถึงห้องที่ทำเหมือนตู้เทรนเนอร์ ต้องสวมแว่นสามมิติ แล้วก็เข้าไปนั่งรอ คนเยอะมากอ่ะวันนี้ ก็นั่งกันเต็มตู้ สักพักตู้มันก็จะสั่นๆ เลื่อนลงไปเรื่อยๆ เหมือนลงไปในเหมือง มีน้ำกระเซ็น มีไอเย็น แล้วก็เสียงไดโนเสาร์หวีดร้อง คือตื่นเต้นดีเหมือนกัน จนลงมาเกือบสุดทาง ตู้ก็เหมือนจะขาดร่วงลงไปลึกสุด เจอไดโนเสาร์กำลังฟัดกัน แล้วมันก็หันมากรี้ดใส่ตู้ เอาตีนถีบงี้ คือแม่งสมจริงจนกูมึนหัวเลยทีเดียว ความรู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงไปมา แล้วก็ตกน้ำ โดนน้ำพัดไปจนเจอทางออก
พอออกมาได้นี่ ผมถอนหายใจเลยทีเดียว แม่งระทึกขวัญสั่นประสาทมาก คนไม่เคยเจออะไรแบบนี้ก็ตกใจพอสมควรครับ แต่มันสนุกดีนะ ไม่เสียวเท่าเล่นพวกรถไฟเหาะตีลังกาหรอก แต่ได้อารมณ์ดี
“ไว้รอดูโชว์ภูเขาไฟระเบิดตอนเย็นแล้วค่อยกลับนะ บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้แล้ว” มันยิ้มร่าคว้ามือผมไปดูอย่างอื่นต่อ เพราะโชว์ภูเขาไฟที่ว่าเหมือนจะต้องรอเวลาตามคิว มันบอกว่าดูตอนเย็นๆ ค่ำๆ จะสวยกว่า ก็เลยเล่นชิงช้าสวรรค์ที่มีชื่อเกี่ยวกับดวงตาของไดโนเสาร์แล้วก็ถ่ายรูปแบบ 7D กันไป พอดีกว่าเราจะมาถึงมันก็บ่ายกว่าแล้ว เวลาเล่นเลยไม่เยอะ เห็นมีกิจกรรมวิ่งหนีแรปเตอร์ด้วย คนกรี้ดกันน่าดู แต่เสียดายไม่ทันได้เล่น
ไฮท์ไลท์ของวันนี้คือ โชว์กลางแจ้งเกี่ยวกับเรื่องราวของไดโนเสาร์และช่วงที่ภูเขาไฟระเบิด ซึ่งคาดว่าเป็นสาเหตุให้พวกมันสูญพันธุ์ ทำได้อลังการงานสร้างคุ้มกับค่าเข้าชมมากอ่ะครับ (อ้อ มันออกตังให้ผมนะ วันนี้ไม่ได้จ่ายอะไรเลยสักแอะ)
“กูเอารูปที่ถ่ายวันนี้ลงเฟซได้มั้ยวะ” ระหว่างดูโชว์ใกล้จบ ผมก็เตรียมจะลงรูปทั้งหมดที่ถ่ายมาวันนี้ด้วยกัน ไม่ได้จะอวดเพื่อนนะ แต่แบบ นานๆ ทีมีแบบนี้ป่ะวะ แต่ก็เกรงใจมันไง มันเองก็ไม่ได้เล่นโซเชียลอะไรพวกนี้ด้วย
“แล้วแต่พี่ดิ” มันว่าพลางจ้องมองการแสดงอย่างสนอกสนใจ ทั้งที่บอกว่ามาหลายรอบแล้วนะ ดูจะชอบจริงจัง
“โอเค งั้นกูลงละ” จริงๆ ผมกดเลือกรูปไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่กดโพสท์ลงไปเท่านั้น พอมันอนุญาตก็ลงเลยครับ แท็กสถานที่ แต่ไม่ได้แท็กมัน ก็มันไม่มีเฟซบุ๊ค...เฮ้อ~
“ไหนดูมั่ง” มันเขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วยื่นหน้ามาขอดูมือถือผม “ถ่ายรูปผมหล่อรึเปล่า ส่งมาให้ในไลน์ด้วยดิ”
“มึงน่าจะสมัครเฟซบุ๊คไว้มั่งนะเห็ด กูจะได้ไม่ต้องเลือกรูปซ้ำอีกรอบ” ผมบ่นๆ พลางยื่นหน้าจอให้มันดูด้วย เห็นรูปมันทำหน้าตลกตอนถ่ายกับไดโนเสาร์ที่มีคนสวมชุดออกมาเดินแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ “รูปนี้มึงโครตฮา” ผมหัวเราะพลางหันหน้าไปมองมัน แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง หัวใจแทบหลุดออกมานอกอก ก็ไอ้เหี้ยเห็ดแม่งยื่นหน้ามาซะใกล้ หันไปนี่จมูกผมเกือบชนแก้มมัน มันอ่ะไม่ได้คิดอะไร ผมรู้ แต่ผมเนี่ยคิด
“พี่ถ่ายไม่ดีอ่ะ ไม่หล่อเลย ทำไมชอบถ่ายแต่ตอนหน้าผมตลกวะ” มันมัวแต่ก้มดูรูปไม่ได้สนใจผมที่นั่งหน้าร้อนผ่าวๆ อยู่ข้างๆ เล้ย
“มึงมันไม่หล่ออยู่แล้วป่ะวะ ถ่ายยังไงก็ไม่หล่อหรอก” ด่ามันกลบเกลื่อนไปงั้นแหละ ไม่อยากให้มันรู้ว่าผมเขินที่มันนั่งเบียดอยู่ใกล้ๆ พักนี้ผมชักจะหวั่นไหวกับมันมากขึ้นทุกที ถ้ามันรู้ มันอาจจะไม่กล้าเข้าใกล้ผม อาจจะรังเกียจผม เพราะงั้น...ผมจะไม่มีวันให้มันรู้เด็ดขาด
“พี่ห่วยมากกว่าว่ะ” มันหัวเราะแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม “ป่ะ กลับบ้านกันเหอะ ซื้อของฝากมั้ย”
“ไม่อ่ะ” ผมหันหน้าหนีไปอีกทางแล้วรีบลุกจากแสตนด์ที่นั่งอยู่ เดินหนีมันไปหาทางออก มันเดินตามผมมา ผมรู้สึกได้ แต่ผมก็ไม่กล้าหันไปมองหน้ามันอีกแล้ว