ตอนที่ 9 : เหมือนเด็ก
“พี่ตะวัน” ตะวันสะดุ้งโหยงเมื่อจันทร์โผล่หน้ามาจากด้านหลัง น้องสาวของเขายิ้มร่า “จันทร์ไปถามราคาจักรยานมาแล้ว เช่าแค่สองคันพอนะ”
“อืม เอาสิ” ตะวันเห็นด้วย เขากับจันทร์คันหนึ่ง เมธกับหนูดลอีกคันหนึ่ง “แต่อย่าลืมเลือกคันที่มีที่นั่งของเด็กด้วยนะ”
“รู้แล้วน่า จันทร์ซะอย่าง” จันทร์วิ่งกลับไปที่เต็นท์เช่ารถ บอกให้รอก่อนจะไปช่วยก็ไม่ฟังเขา ตะวันยืนรอกล้วยทอดให้จันทร์เพราะน้องสาวสั่งซื้อไว้ แต่ถึงเวลากลับให้เขายืนรอแทน ส่วนเมธพาหนูดลไปเข้าห้องน้ำ
“มาแล้ว” จันทร์จูงจักรยานมาสองคัน คันหนึ่งเป็นจักรยานแบบมีที่นั่งซ้อนท้ายกับมีที่นั่งสำหรับเด็กด้านหน้า ส่วนอีกคันเป็นจักรยานแบบไม่มีที่นั่งซ้อนท้าย
“จันทร์ทำไมเอาแบบนี้มา” ตะวันบ่นเสียงอ่อนใจ
“อ้าว จันทร์บอกพี่ตะวันแล้วนะว่าเอาสองคัน จันทร์อยากขี่แบบนี้นี่นา พี่ตะวันไม่บอกเองว่าเอาสามคัน” ตะวันถึงกับพูดไม่ออก พยายามสบตาน้องสาวแต่ก็ไม่เห็นพิรุธอะไร
“เอาเถอะ จันทร์รอกล้วยทอดของจันทร์ไป เดี๋ยวพี่ไปเช่าเพิ่มอีกคัน”
“โหพี่ตะวันจะให้จันทร์รอยังไง เอาจักรยานมาจอดรถหน้าร้านแบบนี้แม่ค้าได้ด่าตาย” จันทร์เบาเสียงลง “จันทร์ไปรอตรงโน้นนะจะได้ไม่เกะกะหน้าร้าน” สุดท้ายตะวันก็ทำอะไรไม่ได้
“พี่เมธขี่ขันนี้กับพี่ตะวันกับหนูดลนะคะ จันทร์วัยรุ่นต้องคันนี้” จันทร์ชี้รถคันเล็กของตัวเอง
“ตกลง ตะวันอุ้มลูกให้พี่หน่อยครับ” ตะวันพยายามรักษาสีหน้า พอใจมันคิดคำพูดเล็กน้อยแค่ไหนก็มีผลกับเขาไปหมด
“ได้ครับ” ตะวันรับหนูดลมาอุ้ม หนูน้อยมองพ่อด้วยสายตาสนใจใคร่รู้ เมธนั่งคร่อมอานของจักรยาน ยื่นมือมารับเด็กชายดลไปนั่งที่เบาะของเด็กด้านหน้า ตะวันยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าเบาะของจักรยานมันติดกันเกินไป
“ตะวันมาสิ” เมธพยักหน้าให้เขา ตะวันยิ้มจืดๆ ขึ้นนั่งที่เบาะสำหรับซ้อนท้าย จันทร์ยิ่งกว่ารู้งานรีบคร่อมจักรยานของตัวเอง พร้อมจะเริ่มปั่น
ตะวันมองแผ่นหลังของเมธ ทำไมมันถึงกว้างขนาดนี้นะ เป็นผู้ชายที่รูปร่างน่าอิจฉามาก ถ้ายืนอยู่ด้วยกันอาจจะบังเขามิดได้ “โอ๊ะ!” ตะวันหัวทิ่มชนเข้ากับแผ่นหลังเมธจังๆ เมื่อจักรยานเบรกแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ตัวเขาเอียงไปด้านข้าง ดีที่เมธใช้เท้าดันพื้นไว้ ไม่อย่างนั้นน้ำหนักตัวของเขาที่เอนไปอาจดึงให้จักรยานล้มได้ ตะวันรีบขยับกลับมานั่งตัวตรง
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เมธหันมามองเขา
“เปล่าครับเปล่า ตะวันรีบปฏิเสธ จะให้บอกได้อย่างไรว่าเขามัวแต่แอบมองแผ่นหลังของชายหนุ่ม จนไม่ทันได้ระมัดระวังตัว
“เด็กเล็กมาขี่จักรยานกันเยอะมาก ไม่ค่อยระวังตัวกัน อย่างเมื่อกี้ก็ปั่นหนีเพื่อนเลี้ยวตัดหน้าเรา ตะวันต้องนั่งระวังด้วย พี่ไม่รู้ว่าต้องเบรกเมื่อไหร่”
“ครับ ขอโทษครับ”
“ขอโทษทำไม พี่พูดเพราะเป็นห่วง”
“ก็ผมเกือบทำจักรยานล้ม ถ้าหนูดลเจ็บผมคงแย่แน่ๆ”
“อย่าคิดมาก มันไม่มีทางล้ม พี่เป็นคนบังคับอยู่นะ พี่ดูแลได้ทั้งดลทั้งตะวันนั่นแหละ ไม่ปล่อยให้ใครเป็นอันตรายเด็ดขาด” หัวใจของตะวันทำงานอย่างหนัก เขานึกโกรธตัวเองนิดๆ ที่อ่อนไหวกับคำพูดของเมธง่ายเหลือเกิน
“พ่อ” เสียงเรียกเล็กๆ ทำให้เมธหันกลับไปมองข้างหน้าเหมือนเดิม
“ครับลูก”
“ปั่นๆ ไหมครับ” หนูน้อยสงสัยเพราะพ่อจอดนานแล้ว เขาชอบให้รถเคลื่อนที่
“ฮ่าๆ ได้ครับ ดลชอบใช่ไหม”
“ชอบ” หนูน้อยพยักหน้าก่อนพูดใหม่เมื่อนึกได้ “ชอบครับ”
“เก่งมากลูก” เมธลูบศีรษะลูกชาย
“ตะวัน”
“ครับ” ตะวันมัวแต่ฟังเพลินๆ จู่ๆ เมธก็เรียกชื่อเขาขึ้นมา
“ส่งมือมา”
“อะไรนะครับ”
“ส่งมือให้พี่เร็ว” ตะวันงงๆ แต่ก็ยอมยื่นมือไปหา
“สองข้างครับ” เขายิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่ก็ยอมยื่นไปข้างหน้าทั้งสองข้าง
เมธดึงมือของเขาไปกอดไว้ที่เอว ตะวันไม่ทันคิดจึงไม่ได้ขืนตัวเอาไว้ แผ่นอกของเขาแนบไปกับแผนหลังของเมธ
“เรียบร้อย ทีนี้ก็ปลอดภัยไร้กังวล”
จักรยานเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ตะวันรีบคลายแขนออก เพื่อจะขยับถอยหลังแต่เมธละมือจากแฮนด์ข้างหนึ่งมาดึงมือเขาไว้
“กอดดีๆ ”
ตะวันนั่งตัวแข็ง รู้สึกถึงความร้อนที่ถ่ายเทมาจากมือที่ทับอยู่บนมือเขา เสียงจักรยานปั่นตีคู่ขึ้นมาทำให้ตะวันหันไปมอง
จันทร์ยิ้มแฉ่งให้เขา มันทำให้ตะวันนึกอะไรได้ เมื่อกี้จักรยานจอดอยู่นาน จันทร์หายไปไหน
“จันทร์เมื่อกี้ไปไหนมา” ตะวันถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“เปล่านี่คะ จันทร์จอดอยู่ข้างหลัง รอให้พี่เมธขี่ก่อนจันทร์จะได้ขี่ตาม”
“อ๋อ” ผมพยักหน้า แม้จะอดสงสัยไม่ได้ว่าแล้วทำไมจันทร์ถึงเงียบนัก ไม่เห็นถามว่าจอดทำไม หรือเข้ามาคุยด้วยตามประสาจันทร์
ตะวันโล่งอกเมื่อเมธนำจักรยานเข้าจอด พวกเขาได้ทำเลใต้ต้นไม้ มองเห็นสระบัวกว้าง บริเวณที่เมธเลือกผู้คนบางตา เพราะต้องขี่จักรยานเข้ามาลึกพอสมควร
ตะวันช่วยจันทร์ปูเสื่อ ลำเลียงของกินที่ใส่มาในตะกร้าหน้ารถ เขาเปิดน้ำดื่มขวดเล็กส่งให้เด็กชายดล
“ดื่มน้ำหน่อยครับ” ถึงแม้ว่าจะมีลมพัดและอากาศไม่ร้อนอบอ้าวมากนัก แต่ก็มองเห็นชัดว่าตามไรผมของเด็กชายมีเหงื่อซึมออกมา
“ขอบคุณครับ” ตะวันยิ้มกว้าง เขารู้สึกว่าวันนี้เด็กชายพูดลงท้ายด้วยคำว่าครับเกือบทุกคำ
“หนูดลพูดเก่งขึ้นนะครับ”
“อืม พี่เลียนแบบตะวันน่ะ เมื่อก่อนคิดว่าแค่พี่พูดลงท้ายด้วยคำว่าครับ ดลก็จะพูดตามเอง แต่พี่ลืมไปว่าดลไม่ได้ยินแบบนี้มาตั้งแต่แรก ลูกชินกับการไม่มีคำลงท้ายไปแล้ว พอเห็นตะวันพูดประโยคเดียวกันกับดลเสมอ พี่เลยลองทำตาม ก็ให้เขาพูดใหม่ทุกครั้งที่ไม่มีคำว่าครับ ผลก็เป็นอย่างที่เห็น”
“พี่ของจันทร์เก่งเนอะพี่เมธ”
“ใช่ เก่งมาก”
“พี่ใจดีเก่ง” นอกจากคนพ่อจะชมแล้ว คนลูกก็ชมกับเขาด้วย ตะวันคิดว่าพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างของเด็กชาย ไม่ใช่แค่พูดคำลงท้ายได้ แต่เดี๋ยวนี้หนูดลเริ่มพูดขึ้นเองแล้ว ไม่ใช่แค่ตอบคำถามผู้ใหญ่
“พี่จันทร์ก็เก่งนะ พี่จันทร์ถ่ายรูปสวยด้วย”
“ถ่ายรูปเหรอครับ”
“ใช่ครับ พี่จันทร์ถ่ายรูปดลไว้เยอะเลย อยากดูไหมพี่จันทร์เปิดให้ดู”
“ดูครับ” หนูน้อยพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมย้ายไปนั่งกับจันทร์ ยังคงปักหลักนั่งอยู่บนตักของพ่อเหมือนเดิม
“นี่ครับ” จันทร์ขยับไปนั่งใกล้อีกนิด เปิดรูปให้หนูดลดู แต่ก็ทำให้คนเป็นพ่อเห็นไปด้วย จันทร์เลื่อนรูปที่เธอถ่ายหนูดลเอาไว้ก่อนปั่นจักรยาน ซึ่งมีอยู่ประมาณสิบกว่ารูป
“ดล” หนูน้อยชี้นิ้วไปที่หน้าจอ เงยหน้าขึ้นชี้ชวนให้พ่อดู
“น่ารักมากครับ” เมธยิ้มตอบลูกชาย
“ดลน่ารัก” หนูน้อยยิ้มเอียงอาย พูดตามพ่อ ตะวันเห็นแล้วอยากขโมยจูบแก้ม เขาขยับเข้าไปนั่งใกล้เมธอีกนิดเอียงตัวเข้าไปหาเพราะอยากดูรูปด้วย
“จันทร์ส่งให้พี่ด้วยนะ” ตะวันบอกได้เลยว่ารอยยิ้มของหนูน้อยทำเอาใจของเขาละลาย ตั้งใจไว้ว่าจะใช้รูปนี้ตั้งเป็นหน้าจอโทรศัพท์
“ได้เดี๋ยวจันทร์ส่งให้”
จันทร์ปัดหน้าจอเลื่อนนรูปไปเรื่อยๆ หนูน้อยทำหน้าตื่นเต้นปนอายทุกครั้งที่เปิดไปยังรูปใหม่
“พี่ใจดี พี่ใจดี” หนูน้อยหันไปเรียกพี่ใจดีของเขา
“ครับหนูดล”
“พี่ใจดีกับดล” นิ้วเล็กชี้ไปที่รูป รอยยิ้มเอียงอายก่อนม้วนตัวเข้าหาผู้เป็นพ่อ ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะความเขินแบบเด็กๆ
“รูปนี้ด้วยนะจันทร์” ตะวันลังเลไปหมด รูปไหนก็อยากตั้งเป็นภาพหน้าจอ
“เดี๋ยวจันทร์ส่งให้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“อืม พี่เอาหมดเลย”
จันทร์เลื่อนภาพต่อไป ตาของตะวันค่อยๆ โตขึ้น เงยหน้าขึ้นมองน้องสาวตัวดี จันทร์ย่นคอเมื่อเห็นพี่ชายมองมา ยกยิ้มเป็นเด็กเจ้าเล่ห์
ภาพที่ปรากฏอยู่เป็นภาพถ่ายเยื้องมาจากด้านข้าง เห็นชัดว่าตะวันนั่งชิดติดกับเมน เห็นแขนที่โอบไปข้างหน้าของเขา ตะวันรู้แล้วว่าทำไมน้องสาวเขาถึงเงียบนัก
“จันทร์พี่ขอมือถือเดี๋ยวสิ” ตะวันยิ้มให้น้องสาวแต่สายตาเริ่มโหด พอได้โทรศัพท์มา เขาเอียงตัวออกเล็กน้อยเพื่อไม่ให้พ่อของหนูดลเห็นหน้าจอ เขาปัดนิ้วเลื่อนนภาพไปเร็วๆ และพบว่ามีรูปของเขากับเมธเกินกว่ายี่สิบรูป
“มันน่ารักดี” จันทร์ยิ้มประจบ แต่ตะวันสิยิ้มไม่ออก จะพูดอะไรก็พูดไม่ได้เพราะเมธนั่งอยู่ด้วย
“ส่งให้พี่ด้วยนะจันทร์” ตะวันสะดุ้ง เขามัวแต่มองน้องสาวถึงไม่เห็นว่าเมธชะโงกหน้ามาดูมือถือในมือของเขา
“ได้เลยค่ะพี่เมธ เดี๋ยวจันทร์ส่งให้”
“เดี๋ยวพี่ส่งให้ดีกว่าพี่มีไลน์พี่เมธ” ผมรีบบอก ขืนให้จันทร์ส่งรูปคงไปหมดทั้งชุด ตะวันตั้งใจจะส่งให้เฉพาะรูปของเด็กชายดลเท่านั้น
“ใครส่งก็ได้ แต่พี่ขอรูปเมื่อกี้ด้วย จันทร์ถ่ายสวยดี” ตะวันถึงกับพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้ารับ จันทร์หนอจันทร์กี่กระทงแล้วที่ต้องกลับไปจัดการ
“หนูดลวันนี้สนุกไหม” จันทร์เอี้ยวตัวไปถามเด็กชายที่นั่งอยู่เบาะหลังกับตะวัน เมธกำลังขับรถออกจากสวนสาธารณะเพื่อเดินทางกลับบ้าน
“สนุกครับ”
“งั้นวันหลังเรามากันอีกไหม”
“มา..มาครับ” ถึงจะลืมไปบ้างแต่หนูน้อยก็นึกได้เกือบทุกครั้ง
“พี่จันทร์ก็ชอบมา พี่เมธชวนจันทร์กับพี่ตะวันมาอีกนะคะ”
“ได้สิ เดี๋ยวเรานัดกัน”
“เย่ ขอบคุณค่ะ พี่ตะวันจะได้ออกจากบ้านบ้าง ไม่งั้นชอบอ่านหนังสืออยู่แต่ในบ้าน”
“จันทร์” ตะวันปรามน้องสาว
“ท่าทางตะวันจะชอบอ่านหนังสือมากใช่ไหม”
“ครับ ผมอยู่กับหนังสือได้ทั้งวัน”
“จะว่าไปตะวันกับดลคล้ายกันมากนะ ดลก็เป็นเด็กเรียบร้อย พูดน้อย ขี้อาย ชอบหน้าแดงบ่อยๆ เหมือนตะวันเลย” ตะวันเย็นไปทั้งตัว เมธสังเกตเห็น ซวยแล้วตะวันน
“อืม.มีอะไรอีก” เมธทำหน้าคิด “ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน ฉลาดเหมือนกัน แล้วก็...” เมธลากเสียงแล้วหยุด ตะวันเผลอสบตากับเมธผ่านกระจกมองหลัง ชายหนุ่มส่งยิ้มเข้ามาในตาของเขา “น่ารักเหมือนกัน”
ตะวันหลุบตาลงอัตโนมัติ แก้มขึ้นสีแดงเรื่อ ได้ยินเสียงเมธหัวเราะ
“เห็นไหม ชมนิดเดียวตะวันก็หน้าแดงแล้ว”
ไม่ต้องซ่อนมันแล้วไม่มีประโยชน์ ตะวันได้แต่ปลง อย่างน้อยก็ยังดีที่เมธคิดว่าเขาขี้อายมากเหมือนหนูดล ดีกว่าให้รู้ว่าเขาชอบ
!!
ตะวันเงยหน้าขึ้นมองเมธตาโต ผู้ใหญ่ที่ไหนจะอายเหมือนเด็ก หรือว่าเมธจะรู้!!
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ตอนหน้าใครอยากรู้ว่าพี่เมธคิดยังไงกันแน่ เรามีเฉลยให้ค่า ^^
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin