My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]  (อ่าน 8244 ครั้ง)

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ตอนที่ 0 : เด็กคนนั้นที่ไม่เคยลืม

“ สักวันเราคงเจอกันใหม่นะ อย่าลืมเราละตะวัน ”

“ อื้อ ไปอยู่ที่นั่นก็ดูแลตัวเองละ ติดต่อมาบ้างนะ ”

“ ได้ดิ อะนี่ เราให้ ”

 เด็กผู้ชายคนที่พูดกับผมยื่นบางสิ่งมาให้ เมื่อมองในดูแล้วมันคือพวกกุญแจรูปหน้ายิ้ม

“ ขอบคุณนะตะวันที่เป็นเพื่อนที่ดีของเรา เราไปก่อนนะ บ๊ายบาย ”

“ เดี๋ยวเมฆ! ”

ไม่นะ เด็กคนนั้นกำลังไกลออกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก่อนสิ อย่าพึ่งหายไป ผมได้แต่พยายามวิ่งตามร่างนั้นไป แต่ร่างนั้นก็จางหายไปเรื่อยๆ แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวผม

“ ตะวัน ตื่นยังลูกสายแล้วนะ ลงมากินข้าวเร็ว ”

แม่นะแม่! กำลังฝันถึงความหลังเลย ไหงปลุกแต่เช้าเนี่ย

“ ตะวัน ถ้ายังไม่ตื่น แม่จะขึ้นไปปลุกเองนะลูก”

“ คร้าบแม่ ตื่นแล้วๆ เดี๋ยวลงไปครับ ”
เห้อ สุดท้ายมันก็เป็นความฝันเดิมๆ ที่นานๆจะฝันที แต่ทุกครั้งที่ฝัน ผมกลับคิดถึงเพื่อนในวัยเด็กของคนนั้นของผมเสมอ คนที่เฮฮา และทำให้ผมยิ้มได้ในทุกๆวันที่ไปเรียน ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะเมฆ…..


_________________________
#ฝากติดตามกันด้วยนะครับ ^o^
ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ยังไงก็ลองเข้ามาอ่านดูนะครับ ยังมือใหม่อยู่ ฮึบ!
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2018 19:54:25 โดย ฺBluemoon »

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 1

   วันนี้ก็เป็นวันเปิดเรียนวันแรกในรั้วมหาลัยของผม ในที่สุดผมก็ได้เข้าเรียนที่นี่ตามที่ฝันไว้สักที หลังจากที่พยายามหลังคดหลังแข็ง ทำตามความใฝ่ฝันของคุณแม่ว่าอยากจะให้เข้าเรียนที่มหาลัยที่คุณแม่เคยเรียน ความตั้งใจ และการอดหลับอดนอนของผมก็สมใจคุณแม่เขาแล้ว แม่ผมนี่ยิ้มแก้มปริเลยตอนที่รู้ว่าผมติด ฮ่าๆๆ
   ผมคงต้องแนะนำตัวก่อนนะครับ สวัสดีคร้าบ ผมชื่อ ทิวากร กุลธนาสกุล หรือจะเรียกผมว่า ตะวันก็ได้นะครับ ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ครับ อย่างนึงที่ผมดีใจที่ได้เรียนที่นี่คือ ผมจะได้อยู่หอ ได้ห่างไกลบ้านมั่ง โครต จะ แฮป ปี้! จะได้อยู่ห่างคุณแม่บ้าง ก็คุณแม่อะ ติดผมซะอย่างกะผมยังเป็นเด็กเสมอ เนี่ยแหละผมจะได้มีอิสระกับเขาบ้างสักที แต่จะว่าไปแล้วก็คิดถึงคุณแม่เหมือนกันแฮะ (._.)

   “ไม่ได้ ต้องไม่ดราม่า ฮึบ! ” ผมบอกตัวเองเพื่อเรียกสติกลับมา

   แล้วผมก็มุ่งหน้าไปทางตึก1 ซึ่งเป็นตึกบริการนักศึกษา ความตื่นเต้นของการมาเรียนที่นี่คือ ผมจะได้สุ่มนะสิ ว่าจะได้อยู่ร่วมห้องกับใครเป็นเวลา 1 ปี ตามกฏของมหาลัยที่ทางผู้อำนวยการท่านอยากจะให้นักศึกษาทุกคนที่เพื่อนต่างคณะ เผื่อจะได้แชร์ประสบการณ์กัน สาธุ คุณพระคุณเจ้า ขอให้เมทผม เป็นคนที่คุยง่ายด้วยเถิดดดด เพี้ยง !
   “ นักศึกษาปีหนึ่งใช่ไหมคะ? ”

   “ ใช่ครับ สวัสดีครับ ผมจะมาสอบถามเรื่องห้องพักครับว่าผมได้อยู่ห้องไหน”

   “ค่ะ ขอทราบรหัสนักศึกษาด้วยค่ะ”

   “16041233 ครับ” ผมตอบพลางยิ้มให้พี่ที่ประจำเคาท์เตอร์

   “ นายทิวากร กุลธนาสกุลนะคะ น้องอยู่ห้อง 501 ตึก A ชั้น 5คะ”

   “ขอบคุณมากครับพี่คนสวย”

   “อุ้ย สวยเสยอะไรกัน พูดงี้พี่เขินแย่” เอ้ายัยเจ๊นี่ทำหน้าเขินอะไรขนาดนั้น เขาจะรู้ไหมว่าผมชมตามมารยาท

   “ฮะๆครับ” ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกมาก่อนที่ยัยเจ๊คนนั้นจะวาดฝันไปไกล
   ห้อง501หรอ วะฮ่ะๆๆมาเลยตะวันพร้อมไปอยู่แล้ว

   “ ตะวัน! ตะวันใช่เปล่า” หืม ใครเรียกผมอะ

   “ อ้าว เห้ยยยยย! เชน ติดที่นี่เหมือนกันหรอ ”

   “ เออดิ ตะวันเรียนคณะอะไรอะ ”

   “ บริหารอะ เชนละเรียนคณะไหน ”

   “ เรา เรียนนิเทศอะ ไม่คิดเลยว่าจะไม่ได้เจอตะวันที่นี่ ” พูดจบไอ้หมอนี่ก็ยิ้มซะแก้มแทบปริ
   ครับผม ไอ้นี่มันชื่อเชน เพื่อนผมตั้งแต่มัธยม เรียนห้องข้างๆกันมาเลย ถ้าถามถึงความสนิท คงต้องบอกว่ามากพอตัว ก็คือไอ้หมอนี่มันเคยจีบผมตั้งแต่สมัยมัธยม
   อ่อ ลืมบอก ใช่ครับ ผมชอบผู้ชาย แต่ที่เชนจีบผม ผมก็ไม่รู้ว่ามันจีบเล่นจีบจริง ก็แม่ง เป็นคนขี้อ่อย เล่นกับชาวบ้านเขาไปทั่ว ผมนี่เกือบโดนแก๊งนางฟ้าในโรงเรียนมารุมหาเรื่องเอาหลายรอบละ ก็เชนเป็นฟิลหมาหยอกไก่ไปเรื่อย สำหรับผมมันเป็นคนที่มีสเน่ห์เลย แต่ผมไม่เอาหรอก ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้
   เชนเป็นคนที่หล่อเลยแหละครับ ผิวขาว แถมสูงชิบหาย หรือผมเตี้ยก็ไม่รู้ แต่ผมก็170 กว่าละนะ แต่คุยกับหมอนี่ที่ไร ต้องเงยหน้าคุยด้วยตลอดเลย ข้อดีมีเต็มไปหมด ทั้งเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง แต่เสียอย่างเดียว ไอ้หมอนี่มันติ๊งต๊อง เป็นคนง้องแง้งพอตัวเลย

   “ โหย ไม่คิดเหมือนกันว่าเชนจะเลือกเรียนที่นี่ ”

   “ ถ้าบอกว่า เราเลือกเรียนเพราะ อยากมาเจอตะวันบ่อยๆละ ” นั่นไง กูว่าละ หยอกเก่งจังนะ

   “ ฮ่าๆๆ ดูทำหน้าเข้า เบะปากซะไม่เกรงใจเราเลยนะ เราล้อเล่น ”

   อ้าวนี่ผม เผลอเบะปากไปหรอเนี่ย อุตส่าห์คิดแค่ในใจ ไม่คิดว่าหน้าจะออก

   “ หึหึ แล้วนี่อยู่หอไหนอะเชน ”

   “ เราอยู่ตึก A อะ ตะวันละ? ”

   “ เห้ย จริงดิ เราก็ A ห้องไรอะ ” อะ ความชิบหายมาเยือนละ หวังว่าคงไม่ใช่ห้องเดียวกันนะ

   “ 704 อะ ” หู่ววว โล่งอก
   “ แล้วตะวันห้องไรอะ อย่าบอกนะว่าห้องเดียวกับเรา ฮั่นแหน่” ฮั่นแหน่ป้ามึงสิ

   “ ไม่ใช่อะ เราอยู่ชั้น 5 ห้อง 501 ” คิดถูกเปล่าวะบอกห้องให้มันรู้
   
   “ รู้ห้องงี้ไว้เรา แอบไปหาที่ห้องดีกว่า ” อืม กูคิดอะไรไม่เคยผิดจริงๆ

   “ละนี่ตะวันจะไปห้องเลยอะ เอาของมายังเนี่ย ไปพร้อมเราเลยมะ ”

   “  อื้อ คงไปเลยอะ ของเราเอาไว้ที่รถอะตรงโซนหอพัก ”

   “ อ่อ งั้นปะไปหอกัน เราก็เอาของไว้ที่รถเหมือนกัน ”

   แล้วผมกับเชนก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ ผมชอบมหาลัยนี้แฮะ ต้นไม้เยอะดี มันทำให้ผมสดชื่น มีชีวิตชีวา เหมือนคืนลิงสู่ป่า ( กูด่าตัวเองทำไม ) ระหว่างทางที่เดินไปหอ ตลอดทางมีคนมองมาทางผมตลอด แต่ผมก็รู้แหละจริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้มองผมหรอก มองไอ้คนข้างๆนี่ต่างหาก หมั่นไส้ !
   “  ตะวัน ให้เราช่วยเอาของขึ้นห้องไหม ”
   
   “ ไม่เป็นไรเชน เดี๋ยวเราเอาขึ้นเอง เชนจัดการของเชนเถอะ ”
   “  อะๆ โอเค งั้นรอเราแปปดิ เดะ ขึ้นพร้อมกัน ” มันพูดเสร็จก็วิ่งเอารถเข็นไปเอาของที่รถมัน

   “ ปะ ขึ้นห้องกัน ” ครับ ไอ้หมอนี่พูดละทำตาหวานเยิ้มยิ่งกว่าน้ำเชื่อมใส่ผม ผมไม่เผลอใจให้หรอก!
   อ๊ะ! ถึงชั้นของห้องผมละ
   “ บ๊ายบายตะวัน มีอะไรให้เราช่วยก็ไป เคาะห้องเราได้นะ ”
   “ จ้า เจอกันเชน ”
   ผมก็โบกมือลามันพอเป็นพิธี

   “ ว้าวๆ ไหนขอชมห้องหน่อยสิ้ ”
    เมื่อผมเปิดห้องมา โอ้โห ปริ่มครับ ห้องกว้างพอสมควร ไม่ได้แคบเกินไปเหมือนที่คิด มีโต๊ะให้ใช้ส่วนตัว คนละโต๊ะ เห้ย! ผมชอบเลยนะ น้ำตาจะไหล แต่เอ๊ะ ตอนแรกผมคิดว่า เตียงมันจะเป็นเตียงคู่ ที่ไหนได้ดันเป็นเตียงเดี่ยว แต่ดีที่ ขนาดใหญ่อยู่ น่าจะนอนสบาย ผมไม่เรื่องมากอยู่แล้วฃ
   ดูเหมือนผมจะมาถึงก่อนเมทผมแฮะ ชักจะตื่นเต้นแล้ว ว่าจะเป็นใคร คณะอะไร ผมก็จัดแจงเก็บเสื้อผ้าผมเข้าตู้ฝั่งหนึ่ง แล้วก็วางของสำคัญ บนโต๊ะ จนจัดข้าวของเสร็จ
   ผมมองไปที่พวงกุญแจรูปยิ้ม ผมไม่ลืมที่จะพกมาด้วยหรอก ก็มันของสำคัญนี่นา

   “ จะสบายดีไหมนะเมฆ เห้อ ป่านนี้เรียนที่ไหนเนี่ย ”
   
   คนที่ให้เจ้าพวงกุญแจนี้มา เป็นเพื่อนสนิทของผมในวัยเด็กครับ เขาชื่อว่าเมฆ
   เมฆเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกอยากไปเรียนตอนประถม ตอนนั้นพ่อผมเสียครับ ผมกลายเป็นเด็กคนนึงที่ขี้แย เอาแต่ร้องไห้ ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากไปเรียน แต่ก็มีเมฆเนี่ยแหละ ที่เข้ามาปลอบผม เข้ามาสร้างความสุขให้ผม ชวนผมเล่น ทำนู่นทำนี่ จนผมดีขึ้น แต่พอช่วงที่เราต้องเข้ามัธยม เมฆก็ย้ายตามครอบครัวไปอยู่ต่างจังหวัด แล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แรกๆก็มีส่งจดหมายหากันบ้าง แต่หลังๆก็ขาดการติดต่อไป เขาจะรู้ไหมนะว่าผมคิดถึงเพื่อนคนนี้แค่ไหน พอคิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ครับ ป่านนี้หน้าตาจะเป็นยังไงนะ

   ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆ ประตูห้องก็เปิด พร้อมกับบุคคลหนึ่ง
   “ สวัสดี เราชื่อเมฆ ยินดีที่ได้รู้จัก ”
   เห้ย นี่ผมฝันไปหรือเปล่า !
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2018 23:30:07 โดย ฺBluemoon »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โลกกลม  :hao3:
หรือสองคนนี่ มีแรงดึงดูดกัน  :katai2-1:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
                                                                         บทที่ 2
                                                                 จำไม่ได้หรือไม่ได้จำ

   “ อ่า หวัดดีเมฆ ” ผมอึ้งไปแปปนึง เป็นไปได้ไง ถึงจะยังไม่มั่นใจ แต่ก็ถือว่าหน้าเหมือนเมฆที่ผมเคยรู้จัก
   จะใช่ไหมไหมนะ…..
   “ นายเข้ามาห้องนานรึยัง ? ”

   “ หืม ? ” บ้าเอ้ยย ทำไมใจผมถึงสั่นแบบนี้วะ

   “ เราถามว่า นายย้ายของเข้าห้องมานานรึยัง”

   “ อ่อ เราก็เข้ามาก่อนหน้านายไม่กี่ชั่วโมงเอง”

   “ อืม งั้นเราเก็บของก่อนละกัน ” พูดจบ  หมอนี่ก็หันไปเก็บข้าวของของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้สนใจผมอีก
   หรือผมคิดไปเองนะว่าเขาเป็นเพื่อนวัยเด็กผม ลองถามดูดีกว่า
   “ เมฆ จบมาจากที่ไหนหรอ? ”

   “ เรามาจากเชียงใหม่อะ นายละ ”

   “ เรา อยู่กรุงเทพเนี่ยแหละ เมฆอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่เด็กเลยหรอ”

   “ ป่าว…เราย้ายไปช่วงมัธยม ทำไม? ” เมฆหันมาตอบผมแบบนิ่งๆ คนอะไรดูไร้ความเป็นมิตรชิบหาย
   เอาไงดีวะ หรือจะบอกไปเลย
   “ พอดีเมฆ แค่เหมือนเพื่อนเราคนนึงอะ เลยถามดู ….ระ..เราเห็นหน้าแล้วคุ้น” โอ้ย จะใช่หรือไม่ใช่ไม่รู้หรอก ไหงผมถึงพูดตะกุกตะกักอย่างนี้เนี่ย
   เมฆคนที่อยู่ตรงหน้าผม เป็นผู้ชายที่โดยรวมผมถือว่าเพอร์เฟคเลยก็ว่าได้ หุ่นดี สูง ดูห้าวๆนิดๆ แถมเจาะหูด้วยแต่ทำไมมันดูเท่ห์แบบนี้วะ ใจตะวันจะละลาย

   “ หรอ แต่เราไม่คุ้นเลย แล้วนี่ชื่ออะไร เรายังไม่รู้เลย ”
   “ เราชื่อตะวัน อยู่บริหาร ”
   “ อื้อ งั้นเราคงไม่ใช่คนที่นายรู้จักหรอก เพราะเราไม่เคยมีเพื่อนชื่อตะวันเลย เราเรียนสถาปัตย์นะ นี่ตะวันจะนอนฝั่งไหน”
   “ ฝั่งไหนก็ได้ เมฆเลือกเลย” ผมตอบกลับด้วยใจที่ห่อเหี่ยว เห้อดูจากรีแอคแล้ว นึกว่าจะเป็นคนที่ผมรู้จักซะอีก หงิดเลย..
   จากนั้น เราทั้งคู่ก็ต่างทำอะไรไปเรื่อย โดยที่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก แต่ไม่รู้ทำไม ความรู้สึกลึกๆผมมันบอกว่าใช่เมฆ ที่ผมรู้จักก็ไม่รู้ ขณะที่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆเมฆก็ถอดกางเกงตัวเองออก

   “ เห้ยยยยยย !” อึ้งสิครับ คนเพิ่งรู้จักกันอยู่ดีๆมาถอดกางเกงต่อหน้า

   “ ตกใจอะไร ??” แหนะ ไอ้หมอนี่ยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ผมอีก เหมือนสิ่งที่ตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา

   “ เอ่อออ เราแค่ตกใจเฉยๆ ที่อยู่ดีๆนายก็ ถะถะ..ถอดกางเกงอะ ” ตอนนี้ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนๆยังไงก็ไม่รู้

   “ เห้ย เราก็ใส่บ็อกเซอร์ปกติ ละไหงหน้าแดงอย่างนั้น เป็นตุ๊ดปะเนี่ย!”
   
   “ กูไม่ใช่ตุ๊ดนะเว้ย ! ก็แค่ไม่ชิน ”  ผมนี่ขึ้นเลย ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาเรียกผมว่าเป็นตุ๊ดนะ
   เอ๊ะ แต่ผมไม่ได้หันหน้าไปนี่หว่า ทำไมมันถึงรู้วะว่าผมหน้าแดง

   “ ก็แค่แซวเล่น ไม่เห็นต้องขึ้นกูมึงเลย…ประสาท” แม้คำสุดท้ายจะเหมือนพึมพำเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินนะ
   ชัดเลย ไม่ใช่เมฆที่ผมรู้จักแน่ๆ เมฆคนนั้นอ่อนโยนจะตายไป ฮืออออ สวรรค์เหมือนให้ความหวังลูกแล้วก็สาดด้วยน้ำเย็นให้ลูกตื่น
   “ ละนี่เราจะลงไปกินข้าว เมฆจะเอาอะไรไหม? ” ก่อนจะเกิดสถานการณ์เดดแอร์ขึ้นอีก ผมรีบหนีไปที่อิ่นก่อนดีกว่า
   “ ไม่เป็นไร อ่อแล้วก็ไหนๆก็หลุดกูมึงมาแล้ว ไม่ต้องพูดเพราะแล้วก็ได้มั้ง” มันตอบพร้อมกันทำหน้าตาที่ดู….กวนตีน ทำเป็นยักคิ้ว ไอ้ฟาย
   “ เค งั้นกูไปละ ” แล้วผมก็รีบวิ่งออกจากห้องด้วยความเร็ว

   “ หึหึ ”
   เอ…เหมือนผมเห็นมันแอบยิ้มเลยแหะ หรือเราคิดไปเองหว่า


   หลังจากที่ผมหาไรกินเป็นที่เรียบร้อย ระหว่างทางที่เดินกลับหอก็แวะดูนู่นดูนี่ไปเรื่อย พร้อมของกินเต็มไม้เต็มมือ แหมก็ของกินแถวนี้มันดูน่ากินไปหมดเลยนี่ครับ ไม่คิดว่าแถวมหาลัยจะมีของกินเยอะขนาดนี้ แต่ที่ผมซื้อมาผมก็ไม่ได้กินคนเดียวหรอก ซื้อไปฝากเมทผมด้วย ( ช่วงเห่อการมีเมทเป็นครั้งแรก )
   “ ฮู่ ฮา ฮู ฮา ฮา ฮ่า .. ฮู ฮา ฮู ฮา ฮา ฮ่า ” ผมเดินฮัมเพลงไปอย่างคนอารมณ์ดี แต่แล้วอารมณ์ที่ดีของผมก็หมดไปเมื่อมีคนนึงเดินมาชนผม
   ปึก !
   “ โอ้ย ! เกะกะ ขวางทางจริงๆเลย ” ผู้หญิงคนที่เดินชนผม ร้องขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย
   อะไรกันวะ ตัวเองเดินก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ มาชนคนอื่นเขา แล้วยังจะมาอารมณ์เสียใส่อีก
   “ อ้าวเธอ มาชนเรา ไม่คิดจะขอโทษหน่อยหรอ อีกอย่างเพราะเธอแหละมัวแต่ก้มดูโทรศัพท์ไม่ยอมมองทาง ” ผมพูดอย่างหงุดหงิด ของที่ซื้อมา หล่นพื้นหมดเลย

   “ ก็มาขวางทางทำไม ก็เห็นนิว่าฉันเล่นโทรศัพท์อยู่ แล้วทำไมไม่หลบละ ”
   เห้ย เกินมาผมเพิ่งเคยเจอคนที่ทำตัวไร้มารยาทได้ขนาดนี้ ตัวเองผิดยังไม่สำนึกอีก เมื่อมองหน้าดีๆก็พบว่าเธอเป็นคนที่สวยคนนึงเลย หน้าตาน่ารัก หุ่นอย่างกะนางแบบ แต่เสียดายที่นิสัยแย่ชะมัด

   “ อ้าวทำไมพูดจาแบบนี้ละ คิดว่าโลกหมุนโลกตัวเธอหรือไง แล้วจะรับผิดชอบของกินเรายังไง ” ผมไม่ได้หวงของกินหรอกนะ แค่อยากให้เธอรับผิดชอบเท่านั้นเอง

   “ นายกำลังทำฉันเสียเวลานะ งั้นเอานี่ไป จะได้จบๆ ” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เปิดกระเป๋าตังพร้อมโยนเงิน ใส่กองอาหารที่หล่นที่พื้นของผม

   “ นี่ ! ” ผมเสียงดังอย่างอดไม่ได้ แต่เธอกลับไม่สนใจ พร้อมก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ แล้วเดินไปแบบไม่แคร์อะไรทั้งนั้น

   “ โอ้ย จำไว้เลยนะ คราวหน้าไอ้ตะวันคนนี้จะเอาคืนให้ได้เลย หงุดหงิดโว้ย ”
   ฮือออ ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย แต่นางคงคิดผิด รู้ไว้เลย ไอ้ตะวันคนนี้เจ้าคิดเจ้าแค้น เจ้าแผนการแค่ไหน  ผู้หญิงก็ผู้หญิงเถอะผมก็มีวิธีเอาคืนละกัน
   แล้วจะทำยังไงก็ของพวกกินพวกนี้ดีเนี่ย เห้อ…

   มันคงกินไม่ได้แล้วผมเลยลองเดินๆไปหาหมา แมวจรจัดแถวนี้ดู อย่างน้อยพวกมันจะได้อิ่ม อ๊ะ เจอแล้ว เจ้าน้องหมา
   “ โหยน้อง หิวไหม กินข้าวกันเร็วๆ มาๆ จุ๊ๆๆๆๆ”

   “ ทำอะไรอะตะวัน เรียกจิ้งจกหรอ?” หืม เสียงใครอะ
   เมื่อหันไปดูจึงพบมาเป็นเจ้าเพื่อนร่วมห้องตัวดีของผม เมฆนี่เอง

   “ อ้าวเมฆ พอดีเมื่อกี้เกิดเหตุนิดหน่อยอะ ของมันเลยตกพื้นหมด ก็เลยเอามาให้น้องๆกิน”
   
   “ น้อง? เป็นหมาเหมือนกันหรอพันธุ์ไรละมึงอะ ฮ่าๆๆๆ ” เมฆหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มีอะไรตลกรึไงฟะ

   “ กวนตีน ” ผมว่าแล้วก็หันไปพยายามป้อนอาหารให้น้องหมาต่อ

   “ มากูช่วย จุ๊ๆๆๆๆ มากินแล้วเจ้าจิ้งจก ”
   เมฆมันต้องพยายามล้อเลียนผมแน่ๆ ผมเริ่มมั่นใจละ

   “ หึ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ ”
   น้องกินอย่างอร่อย  พอเห็นมันดูมีความสุขผมก็อดยิ้มตามไปไม่ได้ ก็ผมอะ ชอบพวกสัตว์มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เวลาเห็นหมาเห็นแมวผมก็อดเข้าไปเล่นด้วยไม่ได้ จนคุณแม่เป็นห่วงกลัวว่าจะโดนกัดเอา

   “ ละทำไมซื้อของกินมาเยอะจัง ตัวก็แค่นี้ กินหมดหรอ ” เมฆถามอย่างสงสัย พร้อมมองมาที่ผมเหมือนผมเป็นคนตะกละ
   “ ป่าว ก็จะซื้อไปฝากมึงแหละ ” พอเห็นว่าหมอนี่เริ่มทำตัวสบายๆใส่ ผมก็เลยหายจากการอึดอัดเหมือนตอนแรกๆ ก็เลยกล้าพูดกันแบบเป็นกันเองมากขึ้น

   “ ตะวันนี่ยังใจดีเหมือนเดิมเลยนะ ..”

   เอ๊ะ..ผมเหมือได้ยินอะไรแว่วๆ เมื่อกี้มันพูดอะไรนะ พูดซะเบาเชียว
   “ พูดว่าไรนะ ”
   “ ป่าว ปะเสร็จละนิ กลับหอกันเถอะ”  มันบอกพร้อมเดินนำหน้าไป แต่ผมมั่นใจนะว่าเมื่อกี้มันพูดอะไรแน่ๆ

   “ เร็วๆดิมึง เย็นแล้ว ยุงเยอะ ”
   “ เออๆ ” แล้วผมก็เดินตามมันไป

   ระหว่างทางกลับเราก็แวะเซเว่นเพื่อซื้อของใช้เข้าห้อง ผมก็เลยกวาดพวกขนมกับช็อคโกแลตมา เอาไว้กินตอนดึกๆ เผื่อหิว ส่วนเมฆก็ซื้อของเล็กๆน้อยๆ แต่ที่แปลกใจคือมันซื้อธูป แล้วก็เหล้า -_- นี่จะเมาตั้งแต่วันแรกที่มามอเลยหรอเนี่ย  แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรมาก กลัวโดนหาว่าเสือก
   แต่มันก็ไม่ได้จบแค่นี้ ก่อนกลับมันก็แวะมินิมาร์ทซื้อแก้วพลาสติกกับแบ่งซื้อข้าวสารมาถุงนึงเล็กๆ เอ….ที่ผมดูในห้องก็ยังไม่มีหม้อหุงข้าวนะ อะไรของมันวะ
   จนผมอดที่จะถามมันไม่ได้ “ ซื้อไปทำไรอะมึง ”
   “ ไม่บอก ” อืมครับ ไม่น่าถามเลย
   
   ก่อนขึ้นหอผมก็เดินสวนกับเชนพอดี สงสัยจะออกไปเที่ยวแต่งตัวซะหล่อเลย
   “ อ้าวเชนไปไหนอะ เที่ยวหรอ ”
   “ อื้อ แล้วตะวันไปไหนมา กินข้าวมาหรอ แล้วนี่ใครเนี่ย ” เชนถามพร้อมมองไปที่เมฆ
   “ ช่าย นี่เมฆ เมทเราเอง เมฆนี่เชน เพื่… ”
   “ สวัสดีเราเชน แฟนตะวัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ ” เชนพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะพูดจบ
   โว้ยยยย พูดไรของมันเนี่ย เดี๋ยวเมฆเข้าใจผิดหมด
   “ ไม่ใช่ละ นี่เพื่อนเราเองเมฆ ”
   “ อ่อ สวัสดี เพื่อน ตะวัน ” ทำไมผมรู้สึกว่าเมฆมันดูเน้นคำว่าเพื่อนเป็นพิเศษนะ
   แล้วสองคนก็มองหน้าพร้อมยิ้มใส่กัน แต่ดูเป็นรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตรเลย
   “ หึหึ งั้นเราไปก่อนนะตะวันเพื่อนเรารอ ไว้เจอกันค้าบ ”
   “ บ๊ายบายเชน ไว้เจอกัน ” ผมก็โบกมือลามันไป
   อยู่ดีๆระหว่างทิ่อยู่ในลิฟท์เมฆก็ถามขึ้นมา
   “ นั่นแฟนมึงหรอ ดูมันมองมึงซะหวานเชื่อมเลย เห็ยนแล้วขนลุก ”
   หืมมม มาอยากรู้อะไรเรื่องผมเนี่ย
   “ ไม่ใช่ นั่นเพื่อนเราตั้งแต่มัธยมอะ อยู่ห้องข้างกัน มันก็ชอบแซวอย่างนี้ประจำอะ ” ผมไม่ได้บอกมันไปตรงๆว่าเชนเคยจีบผม
   “ อ่อ ไม่ค่อยถูกชะตาเลย ดูกวนตีนยังไงก็ไม่รู้”
   มึงกวนตีนกว่ามันอีก…. 

   อันนี้ผมพูดในใจครับ ไม่ได้บอกออกไป กลัวมันด่า
   แล้วเราก็เข้าห้องกัน ผมก็นั่งที่โต๊ะผม แกะฟิชโช่กินเพลินๆ สวนเมฆเดินไปที่ระเบียง มันเทข้าวสารใส่แก้วที่ซื้อมา ปักธูป แล้วก็เทเหล้าราดที่ขอบระเบียงพร้อมนั่งสวดอะไรพึมพำ
   นี่ผมมาอยู่กับคนเล่นของหรอเนี่ย =O=
   “ มึงทำไรอะเมฆ ทำไมต้องเทเหล้าด้วย ”
     “ ก็เซ่นเจ้าที่เจ้าทางไง มาอยู่หอก็ควรทำปะ ”
   “ อ้าวหรอ ” ผมก็เข้าใจที่มันพูดครับ เลยเอาของในถุงไปไหว้มั่ง
   “ มึงทำอะไรอะ - - ” เมฆถามผมอย่างสงสัย
   “ ก็ไหว้ท่านเจ้าที่มั่งไง *_* ” ผมก็ตอบมันไปตรงๆ
   “ ด้วยเฟอเรโร่รอชเชอร์เนี่ยนะ! ”
   ทำไมอะ ผิดตรงไหน ท่านอาจจะอยากกินของหวานก็เป็นได้
   “ เอ้าเขาห้ามไหว้ด้วยช็อคโกแลตหรอ เอาน่าท่านกินพร้อมเหล้าคงไม่เมาไวขึ้นหรอก ”
   “ หูยยยย ทำเป็นพูดเล่นไป ลบหลู่งี้เดี๋ยวก็เจอออกมาหลอกหรอก ”
   “ มาเหอะ อยากเจอเหมือนกัน กูฟังคุณริว กับคุณเจนมานานละ ”
   
   พรึ่บ!
   “ ว้ากกกกกกกกก! แง้อะไรอะ ” ทันทีที่พูดจบอยู่ดีๆไฟในห้องก็ดับลง
   “ เป็นไงละมึง ล้อเล่นดีนัก ท่านโกรธแล้ว มึงโดนหักคอแน่ ”
   “ แง้ ท่านคร้าบผมขอโทษ ผมกลัวแล้ววว ฮืออออออ T^T ”
   แล้วอยู่ดีๆไฟก็กลับมาติดเหมือนเดิม
   “ ละนี่จะกอดกูอีกนานไหมเนี่ย อึดอัด ปล่อย ไฟติดแล้ว ”
   หืม พูดอะไรของมัน ใครไปกอดมัน
   แต่เมื่อมองดูดีๆ ผมกำลังกอดมันพร้อมเอาหน้าซุกตัวมันอยู่นี่หว่า เห้ย! ตายๆ กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย
   “ ก็ตกใจที่หว่า ” ผมรีบผละตัวออกจากมัน แต่กลิ่นตัวมันหอมจัง
   “ ละทำเป็นปากดี ที่แท้ก็กลัว โด่ววว ” มันพูดเสร็จก็เดินหัวเราะเข้าไปในห้อง
   ส่วนผมก็กำลังรวบรวมสมาธิ และขวัญกำลังใจที่มันเตลิดไปแล้ว T^T พร้อมรีบเข้ากูเกิ้ล พร้อมหาข้อมูลในการมาอยู่หอใหม่ จากนั้นเมฆมันก็ไปอาบน้ำครับ ส่วนผมนะหรอ ทั้งเอาเงินไปไว้ใต้เตียง เพราะเขาบอกว่าต้องซื้อเตียง ทั้งสวดมนต์ สวดมันทั้งพุทธและคริสต์ ( ผมนับถือศาสนาคริสต์ครับ ) พร้อมไปนั่งสมาธิบนเตียง
   จนเมฆอาบน้ำเสร็จ
   “ ทำไรของมึงอีก ? ”
   “ กูแค่ทำสมาธิ จะได้สมองปลอดโปร่ง ” ใครจะกล้าบอกมันตรงๆว่ากลัวผี เมื่อกี้ก็ฉี่เล็ดออกมานิดนึงละ
   “ มึงอาบเสร็จแล้วใช่มะกูจะได้ไปอาบมั่ง ”
   “ เออ เสร็จแล้ว ไปอาบเหอะ ” มันบอก แล้วผมก็เอาเสื้อผ้า เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย ใครจะกล้าถอดข้างนอก อายจะตาย
   
   เมื่อได้อาบน้ำ ก็รู้สึกสบายตัวครับ ฮู่วววว
    “ ทำไมอาบนานจังวะ อย่าบอกนะว่ามึง…… ” มันถามพร้อมทำหน้าล้อเลียนผมครับ ผมรู้เลยมันต้องคิดอะไรสัปดนแน่ๆ
   “ กูก็อาบนานอย่างนี้อยู่แล้ว มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย ”
   “ กูยังไม่ได้คิดไรเลย มึงอะคิดไร ”
   “โว้ย ช่างเหอะ ” ผมพูดแล้วก็ไปนั่งที่โต๊ะของผม ส่วนเมฆมันนอนอยู่บนเตียงพร้อมหลับละเรียบร้อย
   “ งั้นกูนอนละนะ มึงทำไรเสร็จก็ปิดไฟด้วยละกัน เปิดไฟแล้วกูนอนไม่หลับ ”
   “ เออๆ เดี๋ยวอีกแปปกูปิดให้ ”
    แล้วมันก็นอนห่มผ้าเรียบร้อย ผมเลยเดินไปปิดไฟ นั่งเล่นเฟสบุ๊คก่อน เช็คบ้างว่าชาวบ้านเขามีอะไรเกิดขึ้น ( สายเผือก )  ระหว่างนั่งเลื่อนหน้าฟีดไป ก็เหลือบไปเห็น ตรงเพื่อนที่แนะนำ มันเป็นรูปของเมฆ เมทผมนิครับ ผมเลยเข้าไปดูเฟสมัน แล้วผมก็สะดุดกับชื่อเฟสมัน ‘ เมฆา อศัวไพศาล ’
   เห้ยยย! นี่มันชื่อเมฆ เพื่อนผมตอนประถมแน่ๆ ผมจำได้ไม่ผิด งั้นแสดงว่าไอ้คนที่นอนบนเตียง ก็คือเพื่อนผมจริงๆนะสิ
   แล้วทำไมมันจำผมไม่ได้นะ……..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2018 18:05:14 โดย ฺBluemoon »

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โลกกลม  :hao3:
หรือสองคนนี่ มีแรงดึงดูดกัน  :katai2-1:

นั่นสินะครับ จะเป็นเพราะพรหมลิขิตรึเปล่าน้า ที่ทำให้เมฆมาเจอกับตะวัน ^O^

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เชน ตู่เป็นแฟนตะวัน
สงสัยกันเมฆจีบตะวัน  :hao3:

เมฆ จำตะวันได้แต่ทำเป็นจำไม่ได้เพื่ออะไร  :katai1:
หญิงที่เดินชนตะวันจนอาหารตกหมด
ให้สังหรณ์ว่าต้องมาจีบเมฆ แน่ๆเลย
เอ......หรือมาชอบเชนดี  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 3
สงครามกลางเมือง!

   “ เมฆา อศัวไพศาล…”

   ย้อนกลับไปตอนสมัยประถม
   “ นาย เป็นอะไรอย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ พึ่งย้ายมาเรียนที่นี่หรอ ”
   เด็กผู้ชายคนที่นั่งติดกับผมทักขึ้นมา แต่ตอนนั้นผมไม่อยากที่จะทำอะไรทั้งนั้น ผมพึ่งย้ายมาเรียนที่นี่ตอนป.4 ส่วนสาเหตุที่ย้ายมาเพราะว่าพ่อผมเสียชีวิตจากการโดนทำร้ายร่างกาย แล้วผมก็กับแม่ก็ไม่สามารถที่จะทนเห็นสถานที่เดิมๆ ที่เรามีความสุขกันพร้อมหน้าได้ ก็เลยเลือกที่จะย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียนหนีมาเลย

   “ เรา….ฮือออออ ” พอคิดถึงพ่อผมก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้

   “ อ้าวๆ อย่าร้องสิ ใจเย็นนะ เป็นอะไรเล่าให้เราฟังได้ ” เขายิ้มให้กับผม เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นมากครับ ตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์นั้น ผมกับแม่ก็จมอยู่แต่กับความเศร้า คนรอบข้างก็มักจะพาลเศร้าไปด้วย

   “ เราชื่อเมฆนะ เมฆา อศัวไพศาล นายละชื่ออะไร ”

   “ เราชื่อตะวัน เด็กชายทิวากร กุลธนาสกุล ”

   “ อื้อตะวันยินดีที่ได้รู้จักนะ อย่าทำหน้าเศร้างั้นสิ ไปเล่นกันเถอะ ”

   และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่เราได้พบกัน เพื่อนคนแรกของสถานที่ใหม่ผม….
   
   “ งั้นทำไมต้องทำเป็นไม่รู้จักเราด้วยนะ หรือเมฆจะลืมจริงๆ ” ผมได้แต่พึมพำกับตัวเอง จะให้ปลุกเจ้าตัวมาถามก็คงจะเสียมารยาทเกินไป
   
   ผมต้องหาวิธีรู้เรื่องนี้ให้ได้
   - 8.30 น -
   ‘ กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ’

   “ งืมมม เช้าแล้วหรอ ”

   เช้าอย่างนี้จริงๆผมไม่อยากตื่นเลย แต่จะขาดเรียนตั้งแต่วันแรกคงไม่ได้

   เมื่อสามารถลืมตาได้อย่างเต็มที่ ก็พบว่าคนที่นอนข้างๆเมื่อคืนไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว

   “ หืมมม ไปเรียนแต่เช้าเลยหรอ ขยันจริงๆเลย ” คาบแรกของทุกคณะยังไงมันก็ 9โมงครึ่งนิหว่า จะรีบไปไหนของเขากันนะ
   ว่าแล้วผมก็ไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวจะสายเอายิ่งอาบน้ำนานอยู่ด้วย เมฆไม่อยู่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องขนเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
   แต่จังหวะที่ผมแก้ผ้าอยู่ อยู่ดีๆเมฆก็เปิดประตูเข้ามา

   “ เหี้ยยยยยยยยยยยยย มาได้ไงเนี่ย! ”

   “ เห้ยยยยยย ! ” ทั้งผมและมันต่างตกใจ แต่ดีที่ผมรีบตั้งสติได้ก่อนจึงวิ่งเข้าห้องน้ำไป

   แง้ แล้วกูจะมองหน้ามันติดไหมเนี่ย ฮือออออออออ TT

   กว่าผมจะออกจากห้องน้ำได้ก็ทำใจอยู่นาน ไม่รู้ว่ามันออกจากห้องไปยัง
   “ ไงมึง อาบเสร็จละหรอ ” โอ้ยมันยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนี้ ผมจะมองหน้าติดไหมอะ

   ไม่ได้ๆ ต้องทำเฉยๆ เรื่องปกติของผู้ชาย ไม่อายๆ ฮู่ววว

   “ เออ สะสะเสร็จแล้ว นึกว่าไปเรียนแล้วซะอีก ”

   “ ป่าว กูไปซื้อหมูปิ้งมา ” มันยกถุงหมูปิ้งให้ผมดู

   “ อ่อ มึงหันไปก่อนได้ปะ กูจะแต่งตัว ”
   “ อายทำไมวะ ไม่เห็นมีไรต้องอายเลย ของมึงกูก็เห็นเต็มสองตาละ คิคิ ” โว้ย ยังจะมาหัวเราะอีก

   “ เออหน่า มึงหันไปก่อน กูกราบละ ” ผมทำท่าจะกราบจริงๆ มันเลยยอมหันไป
   จนผมแต่งตัวเสร็จก็รีบออกจากหอ ส่วนเมฆก็เดินตามมาติดๆ ผมก็ไม่กล้าคุยกับมัน ความอายมันยังฝังอยู่ในจิตใจผม จนเดินไปถึงตึกที่ผมเรียน ซึงถึงก่อนตึกมัน เราก็กำลังจะแยกกัน ติดตรงที่มันมาฝากความอายไว้เพิ่มเนี่ยแหะ

   “ ตั้งใจเรียนนะไอ้หนอนน้อย ไว้เจอกันที่ห้องนะเว้ย ฮ่าๆๆ ”

   “ หนอนพ่อมึงสิ ! ” ผมตระโกนไป แต่มันคงไร้ค่า เพราะไอ้หมอนี่นอกจากไม่หยุดฟัง ยังรีบจ้ำอ้าวไปอีก

   กูไม่ได้เล็กขนาดนั้นสักหน่อย หนอนตรงไหน ข้าวหลามชัดๆ หึ

   “เอ ห้องอยู่ไหนนะ ….อ๊ะเจอแล้ว” กว่าจะถึงห้องเรียนก็เล่นเอาหอบเลยครับ ก็เล่นอยู่ซะชั้นสูงสุดของตึกเลย คนไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างผมนี่แทบตาย
   เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่ามีคนมาเต็มห้องแล้ว แต่ยังดีทึครูยังไม่มา ผมจึงเลือกเดินไปโซนท้ายๆห้องเพราะ ข้างหน้าเต็มหมดแล้ว แล้วก็นั่งข้างชายหญิงคู่นึงที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
   “ สวัสดี ” ผมยิ้มให้พวกเขา พวกเขาก็ยิ้มกลับ อืมน่าจะนิสัยดี

   “ ดีจ้า เราชื่อจิ้ปนะยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนนี่ชื่อพงษ์ ” ผู้หญิงที่ชื่อจิ้ป แนะนำตัวอย่างเป็นมิตร

   “ พงษ์แม่มึงสิ กูบอกว่าให้เรียกกูว่าพัดชา เดะกูตบเรียกความจำกลับมาเลยอีชะนีเอ๋อ ” คนที่ชื่อพงษ์ขึ้นเสียงใส่จิ้ปด้วยจริตที่ดูจากเชียงรายก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้ชาย
   สรุป ผมได้นั่งข้างผู้หญิง2คนครับ = =

   “ อ่า สวัสดีนะจิ้ป สวัสดีพัดชา เราชื่อตะวันนะ ”

   “ เห็นไหมอีจิ้ป จำไว้นะว่าอย่าเรียกชื่อพงษ์อีก กูฝังชื่อนั้นไปกับสโมสรบอลที่พ่อกูส่งไปเตะแล้ว ”

   “ ฮะๆๆ พวกเธอดูสนิทกันจังเลยนะ ” จากการประเมินแล้ว สองคนนี้ไม่น่าใช่คนเลวร้ายอะไร น่าจะคบด้วยแล้วสนุก

   “ อ่อ ใช่จ้าตะวัน ชากับจิ้ปเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ”

   “ ดีจังเลยนะ อ้าวอาจารย์มาแล้ว เรียนกันเถอะ ”
   
   เมื่ออาจารย์เข้ามาเราเลยหยุดการสนทนากันไว้ก่อน คาบแรกของผมผ่านไปอย่างชิวๆไม่มีอะไร ส่วนสองคนข้างๆก็นั่งคุยกันทั้งคายไม่ได้สนขิงสนข่าใดๆทั้งสิ้น จนผมเริ่มสงสัยว่าการที่ผมมานั่งข้างสองคนนี้มันจะทำให้ผมเรียนรู้เรื่องไหม - -

   “ เอาละค่ะนักศึกษา ก่อนหมดคาบทุกคนอย่าพึ่งรีบออกจากห้องนะคะ มีรุ่นพี่ของพวกคุณมีเรื่องจะมาคุยด้วย งั้นครูไปก่อนนะ เจอกันคลาสหน้าค่ะ ”

   หลังจากที่ครูออกไปก็มีพวกรุ่นพี่กลุ่มนึงเดินสวนเข้ามา แต่คนละนี่หน้าตาดีกันทั้งนั้น

   “ สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ชื่อยีนนะคะ อยู่ปี2 แล้วก็เพื่อนที่อยู่ข้างๆพี่2คนนี้ชื่อบอลกับบิว ” พี่หน้าสวยแนะนำตัวพร้อมยิ้มกว้างโชว์ฟันที่เรียงกันอย่างสวยงาม
   
   “ สวัสดีครับ / ค่า ”

   “ ค่ะ ก็เข้าเรื่องกันเลยนะ ที่พี่มาในวันนี้คือพี่ต้องการมาหาน้องๆไปร่วมกิจกรรมกับทางคณะเรา ฮั่นแหน่ อยากรู้กันละสิ ว่ากิจกรรมอะไร สวยๆหล่อๆอย่างพวกพี่จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเชียร์ลีดเดอร์จ้า”
   พอสิ้นคำว่าเชียร์ลีดเดอร์ก็เกิดเสียงจ่อกแจ่กจอแจ ทั้งดูมีความสุข และดูอยากหนี
   
   “ ว้ายแก พวกพี่เขามาหาลีดกันแน่ๆเลยอะ เราเสนอตัวกันไหมอีจิ้ป ”

   
   “ พัดชา แกยังไม่เข็ดกับตอนม.ปลายอีกหรอ ฉันไม่อยากเจอนรกแล้วนะ ” สองคนนี้ดูเหมือนจะเคยเป็นลีดมาก่อน ส่วนผมหรอก็เคยเป็นเหมือนกัน ตอนม.ปลายโดนรุ่นพี่บังคับให้เป็น
   
   “ เดี๋ยวพวกพี่จะเดินไปหาน้องๆนะค่ะ ใครสนใจก็ลงชื่อได้เลยนะ ยกมือเลยเดี๋ยวพี่เดินไปหา ” พี่ยีนบอกแล้วพวกพี่ๆเขาก็เริ่มเดินไปตามกลุ่มต่างๆในห้อง
   “ ตะวัน สนใจเป็นไหม ฉันกับจิ้ปว่าจะสมัครอะ ”
   
   “ เอ่อออ ไม่ดีกว่าอะ เราเต้นไม่เป็น ” ผมโกหกครับ ก็ตอนที่เคยเป็นผมก็แทบตายมาละ
   
   “ เอาน่าตะวัน ขำๆลีดมหาลัยไม่น่ายากหรอก ยืนเต้นสวยๆ พี่ค่ะทางนี้ค่าาาาาา ” พัดชายกมือเรียกพี่เขาแล้ว เอาไงดีวะ ยิ่งปฏิเสธคนไม่เป็นด้วย จะหนีก็หนีไม่ได้
   
   “ ขา ว่าไงคะน้องๆสนใจสมัครใช่ไหม อะกรอกข้อมูลตรงนี้นะ สามคนเลยใช่ไหม ”
   
   “  หนูกับคนนี้อะใช่ค่า แต่ตะวันอะไม่รู้ ”
   
   “ สนใจไหมค่ะ น้องตะวัน : ) ” พี่ที่ชื่อบิวถามผม
   
   “ ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเต้นไม่เป็น เดี๋ยวจะไปเป็นตัวถ่วงคนอื่นเปล่าๆ ” ผมโกหกอีกแล้วครับ ไม่รู้แหละนาทีนี้ขอเอาตัวรอดก่อน
   
   “ เอ เต้นไม่เป็นหรอคะ จะใช่หรอ น้องเป็นลีดสีแดงที่โรงเรียนนิคะ แถมปีที่แล้วยังได้แชมป์อีก ใช่ไหมจ๊ะน้องตะวัน ” พี่บิวพูดยิ้มๆ เขารู้ได้ไงอะ
   
   เมื่อมองหน้าเขาดีๆถึงได้รู้ว่านี่มันรุ่นพี่ที่โรงเรียนผมนี่หว่า โอ้โห้ตายห่าละกู  ทำไงดีๆ หนีไม่พ้นแน่ตะวันเอ้ย

   “ อ้าวตะวันเคยเป็นลีดเหมือนกันหรอ งั้นเป็นด้วยกันสิ นะๆเนี่ยอย่างน้อยพวกเราก็ลีดเก่านะ ” จิ้ปเริ่มหาพวกแล้วครับ เมื่อเห็นว่าปฏิเสธพัดชาไม่ได้

   “ นั่นสิตะวัน มาเป็นด้วยกันเถอะ นะนะ ” พัดชาก็เริ่มอ้อนวอนบ้างโดยการทำหน้าแบ๊วใส่โดยที่มันไม่ได้เข้ากับหน้าที่เหมือนบัวขาวเลย…..

   “ แต่เรา… ”

   “ สมัครเถอะคะน้องตะวัน เดี๋ยวพี่ดูแลรุ่นน้องโรงเรียนพี่เอง อีกอย่างก็ถือว่า ‘ ช่วยคณะ ’ ” มาแล้วครับประโยคไม้ตายที่ใครๆก็ใช้กัน สงสัยผมคงหนีไม่รอด
   “ ก็ได้ครับ ”

   “ เย้ !! ” ทั้งสามคนประสานเสียงพร้อมกันอย่างดีใจ

   สุดท้ายผมก็หนีไม่พ้นนรกขุมเดิมสินะครับ TT

   หลังจากกรอกข้อมูลพูดคุยกับพี่ๆเสร็จผมกับสอง(?)สาวก็ลงไปหาอะไรกินกันที่โรงอาหารครับ ที่นี่เหมือนสวรรค์ของผมเลยครับ ของอร่อยเต็มไปหมด มีทุกแนว อาหารไทย อาหารอีสาน อาหารญี่ปุ่น และอีกมากมาย คิดไม่ผิดจริงๆที่มาเรียนที่นี่ จากผลของพันทิพที่บอกว่าเป็นมหาลัยที่มีของกินอร่อยที่สุด งั้นวันแรกขอประเดิมร้านที่คุณแม่บอกต้องกินให้ได้ก่อนเลยละกัน ก๋วยเตี๋ยวป้าใจดีในตำนาน
   “ งั้นเดี๋ยวพวกเราเอาของไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนนะ นั่งพัดลมละกัน ” จิ้ปจัดแจงหาที่กินข้าวเรียบร้อย

   “ โอเค งั้นเราไปซื้อข้าวก่อนนะ ฝากเราซื้ออะไรป่าว ”

   “ ไม่เป็นไรเรานั่งเฝ้าของให้ก่อน เดี๋ยวเราไปซื้อเองก็ได้  ตะวันไปกับพัดชาก่อนเลย ”

   “ โอเคๆ ปะพัดชา กินก๋วยเตี๋ยวกันมะ แม่เราบอกร้านนี้อร่อย ”

   “ ได้ค่าคุณตะวัน เดี๋ยวฉันมานะอีจิ้ป ”
   แล้วผมก็มาต่อคิวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวครับ สงสัยจะอร่อยจริง คนถึงเยอะอย่างนี้ จนเมื่อถึงคิวผม ถึงได้รู้ว่าทำไมถึงชื่อป้าใจดี ก็ให้เยอะขนาดนี้ ลูกชิ้นเอยหมูเอย พูนจานซะ แต่ราคาแค่35บาท ป้าเขาเอากำไรจากไหนเนี่ย เด็กบริหารอย่างผมต้องมาศึกษามั่งละ
   ก่อนไปที่โต๊ะผมก็แวะซื้อน้ำไปเลย จะได้ไม่ต้องเดินไปๆมาๆ
   “ เอาน้ำอะไรจ๊ะ ”

   “ ชาเย็นครับ ”
   “ หนูเอานมชมพูค่าป้า แหมชมพูเหมือนนมหนูเลย ” พัดชาพูดพร้อมสะดีดสะดิ้ง ผมเห็นแล้วป้าร้านน้ำแทนที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้

   “ ก็พวกฉันอยากนั่งตรงนี้ ตรงอื่นมันร้อน เธอไปนั่งตรงอื่นไม่ได้หรือไง ”
   “ แต่เรามาก่อนนะ ทำไมเราต้องหลบละ พวกเธอก็ไปนั่งที่อื่นสิ ที่มีเยอะแยะ ”
   อยู่ดีๆก็เกิดเสียงเอะอะกันครับ เมื่อหันไปดูจึงเห็นว่าจิ้ปกำลังเถียงกับผู้หญิงกลุ่มนึงที่มากันสามคน มายืมล้อมโต๊ะพวกเราอยู่ และปัดกระเป๋าพวกเราลงพื้น
   เมื่อมองดี นั่นมันยัยคนที่เดินชนของกินผมตกเมื่อวานนิ แหมกลับมาพบกันใหม่ไวดี แถมมาทำนิสัยแย่ๆใส่เพื่อนผมอีก
   “ อ้าวอีพวกนี้นิ มาหาเรื่องเพื่อนฉันหรอ ตะวันไปเร็ว ไปช่วยอีจิ้ปกัน ” พัดชาเหมือนจะวิ่งเข้าไป
   “ พัดชา เดี๋ยวเราจัดการเอง ” ผมบอกแล้วก็รีบจ้ำอ้าวเข้าไปที่โต๊ะ โดยมีพัดชาตามมาติดๆ ผมพร้อมจัดการกับนังตัวดีนี่แล้ว

   ซ่า…..
   “ กรี๊ดดดดดดดดดด ! อะไรเนี่ย เปียกหมดแล้ว ” นังชะนีหน้าสวยสันดานเสียกรี๊ดขึ้นมาเหมือนเปรตขอส่วนบุญ หลังจากที่เทชาเย็นใส่เสื้อนาง แบบที่ใครก็ไม่ทันตั้งตัว
   “ อ้าว ขอโทษนะ พอดีเราไม่ได้ดูทางอะ เลยเผลอทำน้ำหก ” ผมทำหน้าซื่อๆใสๆไร้เดียงสาใส่
   “ กรี๊ด แล้วมันเลอะหมดแล้ว จะรับผิดชอบยังไง ” นังนี่เริ่มหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วครับ มาแล้วจ้า ฉันไม่กลัวเธอหรอก
   “ เราขอโทษนะ งั้นเดี๋ยวเราล้างให้ ” ผมพูดจบก็ขว้าแก้วในมือพัดชาเทใส่ซ้ำอีกที
   “ อุยยย …. เราขอโทษ เรานึกว่าน้ำเปล่า ” เนี่ยแหละ ผมขอเอาคืนหน่อยเถอะ ผมไม่สนหรอกว่าเป็นใคร
   “ แก กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้ ” ยัยนี่ง้างมือจะตบหน้าผมครับ ส่วนเพื่อนนางอีกสองคนกำลังทำหน้าเหวออยู่ แต่ก่อนที่ยัยนี่จะตบโดนหน้าผม ก็มีมือนึงมาหยุดไว้ก่อน
   “ ใจเย็นสิครับมีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน ” เมื่อหันไปดูว่าใครที่มาช่วยก็พบว่าเป็นเชน
   ชิ! กำลังจะมันส์เลยไม่น่ามาขวางเลย
   “ ก็ไอ้คนชั้นต่ำนี่มันเทน้ำใส่ฉัน แล้วแกเป็นใครอย่ามาขวาง ฉันจะตบมัน! ” พอยัยนี่โมโหมากๆ หน้าเริ่มเหมือนยักษ์แหะ

   “ อ้าวนี่หล่อนพูดดีๆนะ ฉันเห็นอยู่ว่าหล่อนพยายามจะหาเรื่องเพื่อนฉันก่อน ” พัดชาที่เหมือนตั้งสติได้แล้วเริ่มเข้ามาช่วยละครับ
   “ใช่ ฉันนั่งอยู่ก่อนพวกนี้ก็เข้ามาไล่”
   พึ่งจะรู้ว่าตัวเองมีบทหรอ พวกแกสองคนเนี่ย   
   “ แล้วไง ฉันไม่ยอม! ปอย เจน ตบ! ” นังชะนีหัวหน้าแก๊งค์สั่งสมุนทั้งสองของนางแล้ว
   ในขณะที่เรื่องราวจะยิ่งใหญ่ไปมากกว่านี้ก็มีตัวละครอีกคนเข้ามา

   “ เกิดอะไรขึ้นหนะปูเป้ ” เอ๊ะ ทำไมเสียงมันคุ้นๆ
   
   “ เมฆ! ช่วยด้วยคะ เป้โดนอีพวกนี้มันรุม ” หืมมมมมม เมฆหรอ อย่าบอกนะว่า…….
   เมื่อหันไปมองจึงพบว่าเป็นเมฆเดียวกับที่ผมคิดนี่เอง
   “ มีอะไรกันเป้ ตะวัน ไหนบอกเรามาสิ้! ” เมฆถามเสียงดังอย่างโมโห
   ทำไมซื้อหวยไม่เคยถูกแจ๊คพอตแบบนี้มั่งนะตะวันเอ้ยย TT
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2018 23:09:51 โดย ฺBluemoon »

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 4
รู้จักตะวันน้อยไปซะแล้ว!

      “ สรุปเกิดอะไรขึ้น ” เมฆกวาดตาถามพวกเราอย่างเอาเรื่อง ส่วนพวกเราก็แยกออกเป็นสองฝั่งเรียบร้อย เตรียมให้ศาลไต่สวน
   “ ก็เป้จะกินข้าว เห็นว่ามันไม่มีโต๊ะว่างแล้วก็เห็นยัยคนนี้นั่งอยู่คนเดียว เลยจะมาขอแชร์โต๊ะด้วย แต่อยู่ดีๆไอ้บ้านี่ก็เอาน้ำเข้ามาสาดเป้ หาว่าเป้หาเรื่องพวกมัน เนอะปอย เจน ”
   “ ใช่ๆ พวกเราแค่มาขอดีๆเอง ” 
   “ จริงคะ ”
   ยัยปูเปรี้ยวปูเป้อะไรเนี่ยร่ายยาวเป็นวรรคเป็นเวร มโนอะไรของเธอ พวกผมเนี่ยนะไปหาเรื่องก่อน ละยัยบีหนึ่งบีสองที่ไม่มีบทมาตั้งนานอยู่ดีๆก็เจ๋อขึ้นมาเชียว เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ
   “ มึงทำอย่างนั้นหรอตะวัน? ” เมฆหันมาถามผมอย่างเอาเรื่อง

   “ กูไม่ได้ไปหาเรื่องพวกนี้ก่อน ยัยพวกนี้ต่างหากที่อยู่ดีๆก็เข้ามาหาเรื่องจิ้ป ”

   “ แล้วมึงสาดน้ำให้เป้จริงไหม? ”

   “ ก็…. ก็จริง ”

   “ แล้วมึงไปสาดใส่เขาทำไม? ตอบ !! ” เมฆตะคอกใส่ผม อะไรกันวะอยู่ดีๆก็กลายเป็นคนผิดเฉย
   “ นี่นาย ก็ยัยนี่มันเข้ามามีปากเสียงกับทางฉันก่อนนะ แถมยังปัดของพวกฉันหล่นจากโต๊ะ เนี่ยหรอพูดดีๆ ” พัดชาถียงขึ้นมาหลังจากผมถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิด
   “ ใช่ แล้วเราก็เห็นนะว่าพวกนั้นจะตบตะวัน ” เชนช่วยผมอีกคน

   ฮือออ ซึ้งใจจังอย่างน้อยก็ไม่โดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงไฮยีน่า

   “ พวกแกเป็นเพื่อนกันก็ช่วยกันพูดได้สิ หลักฐานมันก็เห็นอยู่คาตาว่าเสื้อฉันเลอะ ”
   “ งั้นเปิดกล้องวงจรปิดดูไหม? ” จิ้ปพูดขึ้นมาบ้าง ยัยนี่ก็เงียบไปนานเหมือนกัน รอบทพูดอยู่สินะ = =

   “ แล้วพวกแกจะรับผิดชอบยังไงกับเสื้อฉันที่เลอะ ” พอพูดถึงกล้องปุ๊ป ยัยปูเป้ก็เบี่ยงประเด็นเร็วเชียว
   แต่แล้วในขณะที่เหตุการณ์กำลังคุกรุ่นก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
   “ เอ่อออออ… เราเห็นนะว่าพวกนี้มาหาเรื่องก่อน อยู่ดีๆก็มาไล่คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วก็ปัดของบนโต๊ะตกพื้น ” อยู่ดีๆก็มีคนเข้ามาเพิ่มครับ ตัวละครใหม่โผล่มาช่วยแล้ว

   “ นี่แกเป็นใคร เป็นพวกมันหรอ อย่าสะเออะ! ” ยัยปูเป้เมื่อเห็นว่าคนเริ่มเยอะขึ้นก็เริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง

   “ เราไม่ได้เกี่ยวอะไรหรอก พอดีเรานั่งอยู่โต๊ะข้างหลังแล้วเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่แรก ก็พวกเธอผิดจริงๆนี่นา ”

   “ ปูเป้ มีไรจะแก้ตัวไหม? ” เมฆเริ่มหันไปถามปูเป้มั่ง อย่างน้อยศาลเราไม่ลำเอียง

   “ เมฆ! เมฆเชื่อพวกมันหรอ ”

   “ ถ้าผิดก็ขอโทษพวกเขาซะ ”

   “ แต่เป้เสียหายนะ! เสื้อเป้ก็เลอะหมด เมฆยังจะให้เป้ขอโทษอีกหรอ ”

   “ แต่เป้ก็เริ่มก่อนใช่ไหมละ ขอโทษพวกเขาไปซะเรื่องจะได้จบ คนมองหมดแล้วนะ ” ตอนนี้ไทยมุงเยอะตามที่เมฆบอกจริงๆครับ

   “ เป้ไม่ขอโทษ ถ้าเมฆอยากขอโทษก็ทำไปคนเดียวเถอะ ” พูดจบปูเป้ก็เดินออกจากโรงอาหารไปเลยโดยมียัยบีหนึ่งบีสองตามไปติดๆ

   “ เราต้องขอโทษแทนเป้ด้วยนะที่ไปหาเรื่องพวกนายก่อน ”

   “ กูก็ขอโทษที่ใจร้อนไปหน่อย กูไม่ได้ตั้งใจ ” ผมขอโทษบ้าง อย่างน้อยผมก็มีส่วนผิดจริงๆ

   “ อืม ไว้ค่อยคุยกัน ” พูดเสร็จเมฆก็เดินตามปูเป้ไปเลย ตอนนี้ผมเดาไม่ถูกจริงๆว่าเมฆโมโหไหม
   เดี๋ยวค่อยคุยตอนกลับห้องละกัน
   “ ไปซะที อย่าให้เจอครั้งหน้านะ แม่จะตบให้เข็ดเลย ”

   “ เอาน่าพัดชา ขอบคุณนะตะวัน ถ้าตะวันไม่ทำ เราอาจจะเป็นฝ่ายไปตบยัยนั่นก่อนก็ได้ ” จิ้ปนี่เห็นเหมือนจะใส แต่จริงๆแล้วคงเอาเรื่องน่าดู
   “ ไม่เป็นไรหรอก พอดีเราเคยมีปัญหากับยัยนี่นิดหน่อย ถือว่าได้แก้แค้น อ่อขอบคุณนะเชนที่ช่วย แล้วก็ขอบคุณนะ เอ่อ…”

   “ เราชื่อใบหม่อน อยู่นิเทศนะ เรียกหม่อนเฉยๆก็ได้ ” คนที่เข้ามาช่วยผมแนะนำตัวอย่างร่าเริง ดูเป็นคนอารมณ์ดีจัง แถมหน้าตาดีเลยทีเดียว

   “ ยินดีที่ได้รู้จักนะหม่อน เราชื่อตะวัน นี่จิ้ปกับพัดชา พวกเราอยู่บริหาร ส่วนนี่เชนอยู่คณะเดียวกับหม่อน ”

   “ จริงๆ ไม่ได้ชื่อพัดชาหรอก ชื่อพงษ์ต่างหาก ”

   ผั๊วะ ! สิ้นเสียงจากจิ้ป ก็โดนฝ่ามือพิฆาตจากพัดชาทันที
   “โอ้ยยยย ! ”

   “ นี่แหนะ! ฉันบอกแกกีครั้งแล้วว่าชื่อพงษ์ฉันฝังมันไปกับสนามบอลแล้ว! ”

   เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โปรดอย่าเรียกชื่อเก่าของพัดชา ถ้าไม่อยากเจ็บตัว =_=
   “ ฮ่าๆๆๆๆ พวกนายนี่ตลกจัง ยินดีที่ได้รู้จักนะตะวัน พัดชา จิ้ป แล้วก็…เชน ”
   เอ…ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าสายตาตอนที่หม่อนมองเชนมันมีอะไรแปลกๆ ดูยิ้มกรุ้มกริ่มยังไงก็ไม่รู้

   “ สวัสดีหม่อน เจอกันอีกแล้วนะ ” เชนมองหน้าหม่อนด้วยสายตาที่ผมก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร สองคนนี้เขารู้จักกันอยู่แล้วหรอเนี่ย
   
   “ งั้นเราไปก่อนนะ เจอกันครั้งหน้าก็อย่าลืมทักกันมั่งละ ”
   
   “ บ๊ายบายหม่อน / บ๊ายบายค่าหม่อน ” 

   “ งั้นเดี๋ยวเราไปแล้วเหมือนกัน อย่าไปมีเรื่องกับใครอีกนะตะวัน เราเป็นห่วง ” เชนบอกลามั่ง แต่เชนก็ยังเป็นเชน ยังคงหยอดเหมือนเดิมเสมอ
   หลังจากจบเรื่องวุ่นวายต่างๆพวกเราก็รีบกินข้าวแล้วขึ้นไปเรียนต่อ ส่วนคาบบ่ายผมหลับทั้งคาบเลยครับ เพราะว่ายังเป็นวันแรกอยู่เลยหลับได้ อาจารย์ยังไม่สอนอะไรมากมาย พอตอนเย็นพี่ๆเขาก็เรียกให้ไปลองซ้อมลีด ด้วยความที่มีพื้นฐานอยู่แล้วจึงไม่ยากสำหรับผมเท่าไหร่ แถมพี่ๆก็ใจดี หาน้ำหาขนมมาให้กิน ชวนคุย แนะนำเรื่องเรียนต่างๆ อย่างน้อยก็ไม่ได้แย่อย่างที่ผมคิดไว้ตอนแรก
   กว่าพี่เขาจะปล่อยก็ปาไปสองทุ่มแล้วครับ
   “ ตะวันไปกินข้าวกับพวกพี่ๆเขาไหม ”
   
   “ เดี๋ยวเรากลับหอก่อนเลยดีกว่า พัดชากับจิ้ปไปเถอะ ”

   “ งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับหอพร้อมกันเลยดีกว่า พี่ๆคะ พวกหนูไปก่อนนะคะ สวัสดีค่า ”
   
   “ อ้าวไม่ไปด้วยกันหรอจ๊ะน้องๆ ”
   
   “ ไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ พัดชากับจิ้ปไปกับพี่ๆเขาก็ได้นะ เราง่วงอะอยากกลับไปนอน ”

   “ เอางั้นหรอ…งั้นโอเคเจอกันพรุ่งนี้นะตะวัน ”
   “ กลับดีๆละตะวัน ถึงห้องละก็ทักมาในกรุ๊ปนะ ”
   “ โอเค บายจิ้ป พัดชา พี่ๆครับสวัสดีค้าบบบบ ”

   จริงๆผมก็หิวอยู่หรอก แต่มันเหนื่อยมากกว่า อยากกลับไปอาบน้ำนอนมากกว่า
   “ ตะวัน! เจอกันอีกแล้วนะ ” นั่นมันเชนกับหม่อนนี่นา

   “ อ้าวเชน หม่อน ไปไหนกันมาทำไมกลับซะดึกเลย ”

   “ พอดีพวกเราซ้อมลีดมาอะ แล้วตะวันละทำไมถึงกลับดึกจัง ”

   “ เห้ย!นี่เป็นลีดเหมือนกันหรอ เราก็ซ้อมลีดมาเหมือนกัน ”

   “ ยังไม่ได้เป็นหรอก ยังไม่ได้คัดเลย ” นี่ขนาดยังไม่คัดแต่ทั้งหม่อนและเชนเหงื่อท่วมมาเชียว 
   “ นี่ตะวันเป็นลีดอีกแล้วหรอ ถ้าพวกเราคัดติดก็ได้มาแข่งกันนะสิ เราไม่อยากแข่งกับตะวันเลย ” เชนที่แม้จะเหงื่อท่วมดูเหนื่อยขนาดนี้ แต่ก็ยังคงยิ้มให้ผม
   “ ตะวันกับเชนนี่ดูสนิทกันจังเลยนะ ^^ ”
   
   “ อ่อ พอดี..”

   “ ใช่ สนิทกันมากเลยแหละ ” เชนเดินมากอดคอผม อะไรของไอ้หมอนี่อีกเนี่ย จะเล่นอะไรอีก

   “ อย่างนี้นี่เอง เอ่อ..พอดีเราลืมของอะ งั้นเดี๋ยวเราไปเอาของก่อนนะ ”
   “ ให้เราไปเป็นเพื่อนไหมหม่อน ” ดึกขนาดนี้ อันตรายแย่

   “ ไม่เป็นไรเราไปก่อนนะ ” แล้วหม่อนก็รีบเดินไปเลย สงสัยจะของสำคัญมาก
   แต่ที่ผมสงสัยคือเชนดูไม่ได้สนใจหม่อนเลย ไม่ทักไม่ลาอะไรทั้งนั้น ปกติหมอนี่ไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา
   “ เชนไม่ไปเป็นเพื่อนหม่อนหรอ อันตรายนะดึกๆ ”
   “ ไม่ไปหรอก เราเป็นห่วงตะวันมากกว่า ยิ่งบอบบางอยู่ เกิดโดนฉุดมาจะทำไง ”
   “ แต่.... ”
   ผมยังไม่ทันพูดจบ เชนก็ล็อคคอผมเดินไปเรื่อยๆ อะไรของเขากันนะ แต่หม่อนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
   “ กินข้าวกับเป็นเพื่อนเราหน่อยสิตะวัน ”

   “ ก็ได้ แล้วเชนอยากกินอะไรละ ”

   “ อะไรก็ได้ เอาที่ตะวันอยากกินเลย ”   

   “ งั้นกินอาหารญี่ปุ่นกัน เราอยากกินแซลมอน ”

   “ ได้สิครับ เดี๋ยวมื้อนี้เชนเลี้ยงเอง ” อ้าว อย่างนี้ก็ลาภปากสิครับ

   “ ได้เลยยยย เตรียมล้มละลายเลยเชน! ”
   “ กินเยอะแค่ไหน เชนก็เลี้ยงตะวันไหวละกัน ฮ่าๆ ”

   แล้วเราก็ไปร้านอาหารญี่ปุ่นแถวๆหอ พอได้เมนูปุ๊ป ผมก็สั่งเต็มที่เลย ไหนๆก็มือเจ้ามือเลี้ยงแล้วหนิ แถมเป็นของโปรดด้วย ไม่มีเกรงใจละครับงานนี้
   สักพักของที่สั่งก็มาเต็มโต๊ะครับ เห็นแล้วน้ำลายไหล เมื่อกินแซลมอนไปคำแรกน้ำตาผมเหมือนจะไหล มันปริ่มไปด้วยความสุข
   “ ฮือ อร่อยจัง TT ” เหมือนน้องม่อนจะละลายไปในปากของผม

   “ ตะวันนี่เวลากินดูมีความสุขจังเลยนะ ” ตั้งแต่ของกินมาถึงเชนก็ยังไม่กินเลยสักคำ เอาแต่นั่งเท้าคางดูผมกิน

   “ ก็ของชอบเรานี่นา เชนไม่กินหรอ กินสิๆ ”

   “ แค่เราเห็นตะวันมีความสุขเราก็อิ่มแล้วแหละ ”

   “ แหวะ ! เลี่ยน กินไปเลย ” หมอนี่นี่เลี่ยนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

   “ งั้นป้อนเราหน่อยสิ เราเหนื่อยอะ นะน้า ” เชนงอแงเหมือนเด็กๆเลยครับ

   “ มาน้งมานะอะไร ไม่เอาอะ กินเองเลยไม่ใช่เด็กๆซะหน่อย ”
   “ งั้นเราขอป้อนตะวันได้ไหม อะอ้ามมมม ” เชนคีบซูชิมาจ่อแถวปากผม
   “ อะอ้ำสิตะวัน นะค้าบ เชนเมื่อยมือแล้วนะ ”
   จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ก็เลยทำตามใจเจ้ามือเขาหน่อย
   “ โอ้ยยยยยยย ! เชนแอบป้ายวาซาบิไว้หรอ ซี๊ดดดดดด ” แง้ ไอ้หมอนี่มันแอบป้ายวาซาบิมาซะเยอะเลย จี๊ดยันสมองเลย TT
   “  ฮ่าๆๆๆๆ โอ๋ๆเราล้อเล่น อะๆน้ำๆๆๆ ”
   “ เล่นบ้าไรเนี่ย! ปวดหัวเลย ” น้ำตาผมไหลเลยครับ มันจี๊ดจริงๆ
   “ ฮะๆ อะงั้นกินอีกคำหนึ่ง ไข่หวานเผื่อจะช่วยได้ ”
   “ ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวแกล้งเราอีก ”
   “ ไม่แกล้งละครับ อีกคำนึงนะ นะๆๆๆ ”
   สุดท้าย ผมก็ต้องกิน แม้จะกล้าๆกลัวๆก็ตามว่าจะโดนแกล้งอีก
   “ เป็นไงตะวัน ไข่เชนหวานไหม : ) ”

   “ บ้า พูดอะไร ทะลึ่ง ! ”

   “ เอ้า เชนแค่ถามเฉยๆ ว่าไข่หวานร้านเนี้ย หวานไหม คิดลึกนะเราอะ ”

   ผมได้แต่ก้มหน้างุดๆ เคี้ยวไม่พูดอะไร รู้สึกหน้าร้อนๆยังไงก็ไม่รู้
   “ ตะวันนี่เขินแล้วน่ารักจังเนอะ หน้าแดงเชียว ” เชนยังคงแซวผมไม่เลิก
   “ อะไร ใครเขิน ไม่มี้ รีบๆกินเลย ”
   “ คร้าบบบ : ) ”
   จากนั้นผมก็โดนแกล้งเป็นพักๆ วันนี้เชนดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่ไม่ใช่เรื่องสำหรับผมเลย คราวหน้าจะไม่หลวมตัวกับของฟรีง่ายๆแล้ว - -
   จนเมื่อกินเสร็จ พวกเราก็กลับหอกัน ร้านนี้ดีจังสั่งไปตั้งเยอะ แต่ราคาออกมาไม่แพงเลย สงสัยจะได้มาใช้บริการบ่อยๆซะแล้ว

   “ งั้นเราไปก่อนนะ ตะวันก็ขึ้นห้องดีๆละ ”

   “ อ้าว ไม่กลับห้องหรอเชน ”

   “ เรานัดเพื่อนทำงานกลุ่มไว้อะ พอดีอาจารย์สั่งงานมา ”

   “ อ้าว งั้นทำไมไม่แยกกันตั้งแต่ร้านซูชิอะจะได้ไม่เสียเวลา ”

   “ ก็เราเป็นห่วงตะวันนิ เลยอยากมาส่ง ” เชนยิ้มเหมือนเคย เห้อหมอนี่จะคนดีไปไหนเนี่ย
   “ คราวหลังไม่ต้องก็ได้ เรากลับเองได้ จิ๋วแต่แจ๋วนะเว้ย ”
   “ เอาน่า งั้นเราไปละนะ ฝันดีล่วงหน้าครับ ”
   “ บายย แต๊งกิ้วนะเชน ” ผมก็โบกมือลา ส่วนเชนก็ไปทำงานของเขาต่อ
   
   โอ้ย อิ่มจังจะอ้วก

   พอผมเปิดประตูเข้าห้องไป ก็พบว่าเมฆยืนอยู่ที่โต๊ะของผม ในมือของเมฆมีพวงกุญแจรูปยิ้มของผมอยู่
   เมื่อมันหันมาเห็นผมเข้าห้องมา มันก็วางลงไว้ที่เดิมแล้วไปนั่งที่ปลายเตียง “ กลับมาแล้วหรอ กลับซะดึกเชียวนะมึง ”
   “ พอดีกูซ้อมลีดเสร็จแล้วไปกินข้าวมาอะ ”
   “ ไปกับใคร? ” หมอนี่กอดอกถามผม
   “ ก็กับเพื่อนกูดิ ทำไมวะ ”
   “ ไอ้ที่ชื่อเชนอะหรอ ”
   “ เออ มึงรู้ได้ไงเนี่ย ? ”
   “ ก็…. กูก็แค่เดา ” เอ แปลกๆแหะ ดูลุกลี้ลุกลน  “ มึงไปสาดน้ำใส่เป้ทำไม ?”
   อยู่ดีๆมันก็เปลี่ยนเรื่องครับ
   “ ก็กูบอกไปแล้ว ว่ายัยนั่นมันเข้ามาหาเรื่องพวกกูก่อน พวกกูไม่ได้เริ่มก่อนสักหน่อย ”
   “ แต่ที่มึงทำมันก็แรงไปป่าววะ ”
   “ ก็เมื่อวานก็ปูเป้ปูเปรี้ยวอะไรของมึงเนี่ย ที่เดินชนกูแล้วก็ไม่ขอโทษ นิสัยเสียจะตาย โดนแค่นี้ไม่แรงหรอกกูว่า ”
   “ แค่ชนเอง เขาเป็นผู้หญิงนะเว้ย กูว่าที่มึงทำมันเกินไป! ” เมฆเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม อะไรกัน อยู่ดีๆกลับมาก็ชวนทะเลาะเลย แถมยังทะเลาะด้วยเรื่องของยัยไฮยีน่านั่นอีก ผมชักจะไม่ไหวละนะ
   “ ผู้หญิงแล้วไง แล้วมึงคิดว่าที่ยัยนั่นทำมันถูกหรอ? กับการทำตัวสูงส่ง เอาแต่ใจแบบนั้น กูบอกไว้เลยนะ ถ้าใครมาทำกู กูก็เอาคืนหมดแหละ กูไม่สนหรอกจะผู้ชายผู้หญิง! ” ผมเถียงอย่างหมดความอดทนแล้วครับ ก็ผมไม่ได้เริ่มก่อนจริงๆ ทำไมต้องเข้าข้างอะไรขนาดนั้น
   “ อ่อ ใครมาทำมึงมึงก็จะเอาคืนสินะ ” เมฆลุกจากเตียงเดินเข้ามาหาผม
   “ มึงจะทำอะไรอะ ” หมอนี่จะต่อยผมป่าววะ
   “ กูก็อยากรู้ไง ว่ามึงจะเอาคืนยังไง ” พูดเสร็จมันก็ผลักผมไปที่เตียง จนผม ไปนอนอยู่บนเตียง
   “ เห้ย ทำอะไรของมึงวะ! ” ผมพยายามลุก แต่เมฆก็ผลักผมให้นอนเหมือนเดิม
   “ กูก็อยากรู้ไง ถ้ากูทำอะไรมึง มึงจะเอาคืนกูยังไง ” แล้วมันก็ถอดเสื้อของมันออก เดี๋ยว! มันจะทำอะไรของมันเนี่ย 
   “ มึงจะทำอะไรของมึง อย่านะเว้ยเมฆ ” ผมเริ่มกลัวแล้วนะครับ จะโดนข่มขืนไหมเนี่ย
   แต่เมฆไม่หยุดแค่การถอดเสื้อ มันเริ่มถอดเข็มขัดแล้ว โอ้ย ผมยังไม่พร้อมที่จะโดนข่มขืนตอนนี้นะ พึ่งกินอิ่มมาด้วย เกิดมีอะไรเล็ดลอดออกมาผมจะทำยังไง
   “ หึ เป็นอะไรของมึง? หลับตาทำไม กูก็แค่อยากรู้ถ้ากูผลักมึงมึงจะทำอะไรกู แล้วนี่กูก็จะไปอาบน้ำ ”
   อ้าว ตกใจหมดนึกว่าจะทำอะไรซะอีก
   “ ยังไงละ ไม่เอาคืนหรอ? งั้นกูไปอาบน้ำละ ไอ้อ่อนเอ้ย ” แล้วมันก็กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ
   มาหยามกันแบบนี้ผมยอมไม่ได้! ผมหันไปเห็นหน้าสืออยู่หัวเตียงพอดีเลยปาใส่แม่งเลย
   โป๊กก!
   “ โอ้ยยยยย ไอ้เชี่ยตะวัน มึงปาหนังสือใส่หัวกูทำไมเนี่ย ”
   ไม่คิดแหะว่าผมจะแม่นขนาดนี้ “ สมน้ำหน้า รู้ฤทธิ์กูน้อยไปละ ”
   ก่อนที่จะโดนไรไปมากกว่านี้ผมก็รีบวิ่งออกจากห้องไปก่อน เกิดมันมาต่อยผมจริงๆจะทำไงละครับ

   แต่จะว่าไปเมฆนี่ก็ซิกแพคแน่นเหมือนกันแหะ -.,-


ปล. ใครที่อ่านแล้วก็คอมเม้นท์กันได้นะครับ จะได้เป็นกำลังให้แก่คนเขียนคนนี้ อิอิ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2018 22:27:55 โดย ฺBluemoon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เจ๊ว่าทำถูกค่ะลูกอย่าให้ชะนีผีทำตามใจตัวเอง
อย่าคิดว่ามีรูจะทำถูกทุกอย่าง  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทำไมเมฆ เดือดร้อนมากกับปูเป้
ทั้งที่ยังไม่ทันฟังความจากทั้งสองฝ่าย

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 5
ฉัน เธอ เขา เราสามคน     
 
       
        หลังจากที่ผมวิ่งหนีออกมานอกห้อง ผมก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ ก็วนๆอยู่แถวหน้าหอนั่นแหละ ยังไม่กล้าเข้าห้องไปตอนนี้ จนผ่านไปสักพักผมก็ตัดสินใจเข้าห้อง เพราะทนต่อยุงกัดไม่ได้จริงๆ -.-
   เมื่อเปิดประตูเข้าห้องไปสิ่งที่ผมหวังไว้คือเมฆจะหลับไปแล้ว แต่จริงๆแล้วไม่เลยครับ นั่งกอดอกทำหน้ามุ่ยรออยู่บนเตียง
   เอาวะ จะเกิดอะไรก็เกิด !
   “ เข้าห้องมาได้ละหรอ? ” เมฆถามเสียงเย็น เย็นกว่านี้จะมีอีกไหม
   “ …….. ” แต่ผมเลือกที่จะไม่เถียงด้วยหรอก ผมเลยเดินไปหยิบผ้าขนหนู หวังจะเข้าไปอาบน้ำเลย

   “  เดี๋ยว..มาเคลียร์กันก่อน ” ไม่พูดเปล่าครับ เมฆเดินมาดึงข้อมือผมไม่ให้เข้าห้องน้ำ แต่ไม่ได้แรงอะไรมากมาย

   “ กูอยากอาบน้ำก่อน อาบเสร็จค่อยคุยได้ไหม ”

   “ ไม่ได้ คุยตอนนี้แหละ กว่าจะอาบเสร็จกูคงได้หลับก่อนพอดี ”

   “ ถ้าเป็นเรื่องปูเป้อะไรนั่น กูขอโทษละกัน ” ไม่ใช่ว่าผมยอมนะครับ แต่ผมไม่อยากเถียงด้วยแล้ว
   “ จริงๆกูก็รู้แหละว่าเป้อาจจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ” เสียงเมฆเริ่มอ่อนลงแล้วครับ ไม่เหมือนตอนแรก

   “ อ้าว! ถ้าอย่างนั้นมึงจะมาหงุดหงิด ขึ้นเสียงใส่กูทำไม ถ้ารู้ว่าเขาผิดจริง ”
   “ ที่กูขึ้นเสียงอะ ไม่ใช่เพราะเรื่องเป้หรอก แต่เพราะว่า…เอ่อ  ”

   “ เพราะอะไร? ” อะไรของเขากันนะ จะพูดก็ไม่พูด อึกๆอักๆอยู่ได้

   “ เออช่างเหอะ กูไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นเสียงใส่มึงเอาเป็นว่ากูขอโทษละกัน ”
   “ อืม แต่ปล่อยมือก่อนได้ไหม เจ็บข้อมือหมดแล้วเนี่ย ” จริงๆผมไม่ได้เจ็บหรอกครับ แต่จับไว้แบบนี้มันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้

   “ ปูเป้นี่แฟนมึงหรอ? เห็นดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนจัง ” เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ตึงเหมือนตอนแรกแล้วผมเลยถามมั่ง

   “ จะพูดยังไงดีละ พอดีความสัมพันธ์ของกูกับเป้มันซับซ้อนนิดหน่อย แล้วมึงกับไอ้เชนอะไรนั่นหละ ไหนว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เห็นมาส่งถึงหน้าหอ กระหนุงกระหนิงกันอย่างกับแฟน ”

   “ กูก็แค่ไปกินข้าวด้วยกันมา แล้วมันก็แค่มาส่ง เพื่อนกันจะมาส่งกันไม่ได้เลยรึไง ” แปลกๆละไอ้หมอนี่ ถามอย่างกะเป็นสามีที่คอยหึงภรรยาอยู่นั่นแหละ เอ๊ะ หรือจริงๆแล้วเมฆหึงผมกันนะ อิอิ
   “ ก็แล้วไป! กูก็แค่ไม่ถูกชะตากับไอ้เชนอะไรนั่นเฉยๆเคยบอกไปแล้วไง ก็ดีแล้วแหละที่มึงไม่ใช่แฟนมัน กูไม่อยากให้เพื่อนร่วมห้องกูเป็นแฟนกับคนที่กูเหม็นขี้หน้าด้วยเท่านั้นเอง ”
   อะไรวะ เหตุผลไร้สาระจัง ไม่ชอบใครก็อย่าพาลไปที่คนอื่นสิ เอ๊ะมีอีกเรื่องที่ผมต้องถามมันนิ
   “ เมฆ แล้วเมื่อกี้มึงหยิบพวงกุญแจกูมาดูทำไม มีอะไรรึเปล่า ”

   “ เปล่านิ ก็แค่ดูเฉยๆ ทำไมแค่นี้หวงหรอ ต่อไปกูจะได้ไม่ยุ่งกับของของมึง ”

   “ เมฆ…กูถามมึงจริงๆนะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจริงๆหรอ? ” ครั้งนี้ผมจ้องตากับมันหวังได้คำตอบให้ชัดๆไปเลย
   เมฆมองตาผมกลับครับ แล้วก็นิ่งไปพักนึงกว่าจะตอบ “ ไม่นิ กูไม่เคยรู้จักมึงมาก่อน ”
   “ งั้นหรอ….งั้นกูไปอาบน้ำดีกว่า ” แล้วผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ได้คุยอะไรกับมันอีก
   จริงๆแล้วผมแอบหวังนะว่ามันจะตอบว่าเคย พอได้ยินแบบนี้รู้สึกเสียใจยังไงก็ไม่รู้ ทั้งที่ชื่อกับนามสกุลก็ใช่แท้ๆ หรือว่าเขาไม่เคยที่จะจำผมเหมือนที่ผมจำเขาและคิดถึงเขามาโดยตลอด ..

   “ ทำไมวันนี้อาบน้ำไวจัง ”

   “ กูแค่เหนื่อยอะ อยากรีบนอน ” ตอนนี้ผมรู้สึกไม่อยากมองหน้าเมฆเลย ผมกลัวน้ำตาผมจะไหลออกมา ผมอึดอัดที่ทำไมเขาถึงจำผมไม่ได้
   “ เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าเศร้าอย่างนั้นละ เล่าให้กูฟังได้นะ ”

   “ เปล่า ไม่มีอะไรจริงๆ กูนอนก่อนนะ ”

   “ อืมโอเคๆงั้นนอนเถอะ ฝันดี  ”

   “ ฝันดี ” พอกันที ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ผมไม่อยากจะคิดอะไรให้เหนื่อยแล้ว
   
   แล้วในขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆจะหลับ ผมรู้สึกได้ว่าคนที่นอนข้างๆผมในตอนแรกมันเหมือนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
   “ ตะวันหลับยัง ” เมฆถามผมเสียงเบาครับ เบาจนไม่ต่างอะไรจากเสียงกระซิบแต่ก็ยังพอที่จะได้ยินอยู่
   “ ….. ”
   “ หลับแล้วหรอ ”
   มันมือมาปัดๆแถวหน้าผมจนผมรู้สึกได้ เหมือนมันจะเช็คว่าผมหลับหรือยัง
   “ เมฆขอโทษนะตะวัน ” มันพูดเสียงเบาเหมือนเดิม แล้วก็ดึงผ้าห่มมาห่มให้ผม
   มันคงคิดว่าผมหลับสนิทแล้วสินะ แต่จริงๆแล้วผมได้ยินสิ่งที่มันพูดชัดเจนเลย

   มันขอโทษผมเรื่องอะไรกันนะ…….

   เช้าวันต่อมา
   จริงๆก็ไม่เช้าหรอกครับ มันก็จะเที่ยงแล้วแหละ แต่เพราะวันนี้ผมมีเรียนบ่าย ก็เลยตื่นสายได้ แถมที่ตื่นก็เพราะว่าพัดชาโทรมาปลุกด้วย ไม่งั้นก็คงหลับยาวๆ
   ส่วนเมฆ น่าจะมีเรียนคาบเช้า เพราะตื่นมาก็ไม่เห็นทั้งตัวคนทั้งกระเป๋าแล้ว ผมจึงสามารถอาบน้ำได้อย่างไม่กังวลว่าจะเกิดเหตุแบบเมื่อวานอีก
   
   “ มาแล้วหรอตะวัน ฉันนึกว่าแกจะไม่ตื่นมาเรียนวันนี้ซะละ ” พอมาถึงมหาลัยปุ๊ปพัดชาก็ว่าปั๊ป
   “ ก็พอดีลืมตั้งนาฬิกาปลุกอะ แล้วเมื่อวานไปกินอะไรกับพวกพี่เขามาละ ”
   “ โหย ไปกินส้มตำมา พวกพี่เขาเลี้ยงซะพวกฉันพุงกางเลย เสียดายตะวันน่าจะไปด้วย ” จิ้ปพูดกับผมแต่ไม่มองหน้าผมเลยครับ เนื่องจากคุณผู้หญิงเขากำลังเติมหน้าอย่างขะมักเขม้น
   “ ใช่ๆ แกน่าจะไป เนี่ยพวกพี่ๆลีดปี 3 กับ ปี4 ก็ไปด้วย แต่ละคนหล่อๆทั้งนั้นฉันจะละลาย ” พัดชาเข้าโหมดสาวน้อยเพ้อฝันแล้วครับ ตาดูเป็นประกายเมื่อนึกถึงผู้ชายเชียว

   “ เออละนี่ฉันไปสืบมาแล้วนะ พวกชะนีที่พวกเรามีเรื่องด้วยเมื่อวานนี้ ” อยู่ดีๆพัดชาก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

   “ เอ้าชา แกไปสืบมาตอนไหนอะ ฉันก็อยู่กับแกเกือบตลอด ” จิ้ปที่ยังคงเติมคิ้วถามขึ้นมาด้วยพลังของความอยากรู้อยากเห็น ( สอด )

   “ เอ้า ฉันก็มีแก๊งค์ตุ๊ดของฉันในแต่ละคณะคอยส่งข่าวสารให้กันนะยะ ” คุณเธอทำหน้าดุจนางพญา ดูภาคภูมิใจกับแหล่งข่าวสารเสียเหลือเกิน

   “ แล้วสืบได้อะไรมาบ้างละพัดชา ” มัวแต่อวดอยู่ได้ ผมอยากรู้แล้วเนี่ย
   
   “ ยัยนั่นชื่อปูเป้ อยู่คณะศิลปกรรม มาจากเชียงใหม่ เพื่อนฉันบอกมานะว่ายัยเนี่ย เป็นลูกผู้มีอิทธิพล นางเลยทำตัวกร่างไม่กลัวใคร ตอนที่อยู่เชียงใหม่ก็มีเรื่องกับชาวบ้านเขาไปทั่ว เห็นสายข่าวบอกมาว่าเวลายัยนี่มีเรื่องกับใคร พ่อนางก็ส่งคนมาจัดการตลอด จนไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่งกับนางเท่าไหร่ ”

   “ จริงดิ! แล้วอย่างนี้พวกเราจะเป็นอะไรไหมเนี่ย โอ้ยฉันจะทำยังไงดีเนี่ย ” ยัยจิ้ปที่แต่งหน้าเสร็จแล้วเริ่มร้อนรน

   “ ฉันก็ไม่รู้สิแก อาจจะยังไม่มีอะไรก็ได้ ” พัดชาเองก็ดูกังวลไม่แพ้กัน

   “ เอาน่าพวกแก เรื่องมันยังไม่เกิด อย่าพึ่งกังวลเลย ” ผมพยายามที่จะปลอบเพื่อนๆ จริงๆแล้วผมไม่ได้กลัวหรอก บ้านผมก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักคนใหญ่คนโต ลองมาทำอะไรดูสิต้องมางัดกันหน่อยละ

   “ แต่ฉันว่าพวกเราระวังตัวกันไว้หน่อยละกัน พวกผู้หญิงเวลาแค้นอะไร แค้นฝังลึกจะตาย ” จิ้ปบอก แต่สีหน้าก็ยังคงกังวลอยู่
   “ นั่นสิ ถ้ามาซึ่งๆหน้าฉันไม่กลัวหรอก ฉันกลัวจะโดนลอบกัดมากกว่า ก็ยัยพวกนั้นเหมือนหมาบ้าจะตาย ” พัดชาที่แม้จะกังวลเหมือนกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มากเท่าที่ควร ดูจากการที่ยังว่าพวกนั้นได้

   “ อ่อแล้วก็คนที่ชื่อเมฆอะที่เข้ามาช่วยยัยพวกนั้น ฉันก็สืบมาเหมือนกันนะ นายนั่นอะมาจากโรงเรียนเดียวกับยัยปูเป้ เห็นว่าน่าจะเป็นแฟนกัน เพราะเขาบอกกันมาว่า ตอนอยู่ที่โรงเรียนก็ตัวติดกันจะตายไป ”
   
   “ หรอ… ” แล้วตอนผมถามเมื่อวานทำไมมันไม่พูดมาเลยวะ ว่าเป็นแฟนกัน
   “ แล้วแกรู้จักกับตานั้นได้ไงอะตะวัน ” พัดชาหันมาถามผมอย่างสงสัย

   “ เออนั่นสิ เมื่อวานว่าจะถามแกละก็ลืม ” ยัยจิ้ปก็เสริมทัพกับเขาด้วย เรื่องชาวบ้านนี่ไม่มีใครเกินเลยนะ

   “ อ๋อ พอดีเมฆเป็นเมทเราเอง เออนี่พัดชา จิ้ป เรามีเรื่องจะปรึกษาอะ ”

   “ เรื่องอะไรไหนว่ามาสิ ”

   “ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ …. ”

   แล้วผมก็เล่าเรื่องของผมกับเมฆให้ทั้งคู่ฟัง รวมถึงเรื่องต่างๆและคำพูดแปลกๆจากเมฆ ที่ผมตั้งข้อสังเกต ไหนจะพฤติกรรมของมันแล้วก็เรื่องที่มันจำผมไม่ได้

   “ แล้วแกแน่ในหรอตะวัน ว่าใช่เมฆเดียวกันจริงๆ ” หลังจากที่ฟังจบพัดชาก็ถามผมขึ้นมา
   “ แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก ฉันไม่มีทางลืมชื่อจริงก็เพื่อนที่ฉันลอกการบ้านบ่อยๆหรอก ”
   “ แล้วทำไมแกไม่พูดตรงๆไปเลยละ เวลามันนานมาแล้ว ตั้งแต่ประถมนี่ แล้วแกก็ไม่ได้คุยกันอีก ไม่แน่อาจจะลืมจริงๆก็ได้ ”
   จริงๆแล้ว ที่พัดชาพูดขึ้นมาก็อาจจะจริง แต่ลึกๆแล้วผมกลัวครับ เพราะผมตั้งความหวังมาตลอดว่าจะได้กลับมาเจอกับเพื่อนคนเดิมของผม ผมแค่กลัวการผิดหวัง ถ้าผมเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง แล้วเขายังคงปฏิเสธอยู่ว่าไม่ใช่ ผมไม่อยากเสียใจครับ
   “ เราไม่กล้านะสิ ”
   “ หรือเมฆจะสูญเสียความทรงจำวะแก เหมือนในละครไง ”
   “ โอ้ย อีจิ้ป เพ้อเจ้อ แต่ฉันว่าเรื่องนี้มีกลิ่นแปลกๆ ฉันจะช่วยแกหาความจริงเองตะวัน ” เมื่อเห็นผมทำหน้าเศร้า พัดชาก็ยื่นมือมากุมมือผมอย่างให้กำลังใจ
   “ ฉันก็จะช่วยอีกแรงนะ ไม่ต้องห่วงนะตะวันเราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสรุปแล้ว นายเมฆไม่รู้จักหรือแกล้งไม่รู้จักตะวันกันแน่ ” จิ้ปยื่นมือมาแตะไหล่ผมอีกคน
   ทั้งที่พึ่งรู้จักกัน แต่ทำไมพวกเขาดูเป็นห่วงเรื่องของผมแบบนี้นะ ดีจังที่ได้เจอเพื่อนดีๆ
   “ ขอบคุณมากนะพวกแก ” ผมยิ้มให้ทั้งคู่ครับ
   แล้วพวกเราก็ขึ้นไปเรียนกัน
   คาบเรียนวันนี้แม้จะเป็นคาบแรกของวิชานี้ แต่อาจารย์ก็สอนแบบไม่แคร์ขิงข่าใดๆทั้งสิ้น แถมผมก็หลับไม่ได้ด้วยเพราะเป็นวิชาคณิตที่ผมไม่ถนัดเอาซะเลย ตอนม.ปลายก็เรียนสายศิลป์ภาษามา ยิ่งทำให้ผมต้องตั้งใจเรียนมากกว่าเพื่อนๆ ส่วยพัดชากับจิ้ป พวกนี้ดูจะชิลเป็นพิเศษ เพราะเรียนสายวิทย์-คณิตกันมา จึงฟังบ้างเล่นโทรศัพท์บ้าง แหม ผมนี่อิจฉาจริงๆเลย
   กว่าจะหมดคาบ แม้จะแค่สองชั่วโมง แต่สำหรับผมเหมือนเรียนเป็นวัน ทรมานจริงๆ เย็นนี้พวกเราก็มีต้องไปซ้อมลีดครับ แต่ก่อนไปซ้อมก็แวะไปเลือกชมรมกันก่อน เพราะมหาลัยบังคับให้ทุกคนต้องมีชมรมอยู่อย่างน้อยหนึ่งชมรม
   “ แล้วนี่พวกเราจะอยู่ชมรมอะไรกันดี ” จิ้ปถามขึ้นมา เพราะว่าชมรมมีให้เลือกเยอะมาก
   “ ฉันอยู่ชมรมไหนก็ได้ ขอแค่ได้เจอผู้ชายเยอะๆก็พอ ” พัดชารีเควสสิ่งที่ตนเองต้องการอย่างชัดเจน
   “ งั้นชมรมฟุตบอลไหมละนังชา แกเคยเป็นนักบอลมาก่อนนิ ”
 
   “ นิอีจิ้ป ! แกเลิกกัดฉันได้มะ ฉันออกจะเป็นสาวน้อยผู้บอบบาง ”

   “ ค่า บอบบาง บางมากแม่ตัวเล็ก แม่เอว 21 ใส่รองเท้าเบอร์ 4 ”

   “ ถูก! ตะวันอยากเข้าชมรมไหนไหม มีดูไว้บ้างหรือเปล่า? ”

   “ เราว่าจะเข้าชมรมค่ายอาสา พวกแกจะอยู่ด้วยไหม ถ้าไม่ก็เลือกที่แกอยากอยู่ก็ได้นะ ”
   จริงๆผมก็ดูรายละเอียดชมรมต่างๆจากเว็บของมหาลัยมาแล้วแหละครับ ที่อยากอยู่ชมรมนี้เพราะว่าอย่างน้อยก็ได้ทำประโยชน์แก่คนอื่นจริงๆ
   “ ค่ายอาสาหรอ อืม..ก็น่าสนใจนะ ฉันเอาด้วย แกละจิ้ป จะอยู่ด้วยกันหรือบินเดี่ยว ”
   “ แหม จะให้ทิ้งเพื่อนได้ไงกันจ๊ะ เอาสิ ฉันอยู่ด้วย ”
   เป็นอันว่าพวกเราสามคนตกลงที่จะอยู่ชมรมค่ายอาสา
   “ สวัสดีค่ะน้องๆ จะเข้าชมรมค่ายอาสาใช่ไหมคะ มาลงชื่อได้เลยนะคะ ” พี่ผู้หญิงที่ประจำโต๊ะของชมรมค่ายอาสาส่งเสียงเรียกพวกผมเมื่อเดินไปทางโต๊ะของชมรม
   “ ไงมึง เข้าชมรมอะไร ” ตอนที่ผมจะเดินเข้าไปลงชื่อ ก็บังเอิญเจอกับเมฆเข้า
   “ อ้าวเมฆ กูจะเข้าชมรมค่ายอาสาอะ มึงละ ”
   “ กูจะเข้าชมรมหนังสั้นอะ คิดยังไงจะอยู่ชมรมนี้ อ่อนแออย่างมึง จะไหวหรอค่ายอาสาเนี่ย ” เมฆสบประมาทผม
   “ กูไหวก็แล้วกัน แล้วนี่มึงลงชื่อเรียบร้อยแล้วหรอ ? ”
   “ ยังอะ กำลังจะไปลง..  ”
   “ สวัสดีคร้าบ ตะวัน เจอตะวันอีกแล้ว คิดถึงจังเลย  > <  ”
   ในขณะที่ผมยืนคุยกับเมฆอยู่ เชนก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ เข้ามากอดคอผม
   “ อ้าวเชน สวัสดี แล้วมันกอดคอเราทำไมเนี่ย หนัก! ปล่อยเลยนะ ”
   “ ไม่เอาหรอก ก็เราคิดถึงตะวันนี่นา ” แม้ผมจะบ่นว่าหนักแต่เหมือนหมอนี่ก็ไม่คิดจะปล่อยผม
   “ สวัสดีนะ พัดชา จิ้ป แล้วก็….คุณเมฆ : ) ” เชนหันไปทักเพื่อนๆของผมกับเมฆ หมอนี่จำชื่อทุกคนได้หมดเลยแหะ
   “ สวัสดีจ้าเชน / ดี ” พวกนี้ก็ตอบกลับ แม้ฝั่งหนึ่งจะทักกลับอย่างร่าเริง แต่อีกคนกลับดูอารมณ์ไม่ดีแถมยังจ้องตากับเชนเหมือนเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
   “ แล้ว นี่เชนจะเข้าชมรมอะไรหรอ ” ผมพูดขึ้นมาก่อนที่เชนกับเมฆจะฟัดกันซะก่อน
   “ เรากำลังดูอยู่ แล้วตะวันละจะเข้าชมรมไหนหรอ ”
   “ เราจะเข้าค่ายอาสา เชนปล่อยคอเราก่อน เราหนักจริงๆนะ ” จริงๆหนักก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมรู้สึกแปลกๆมากกว่า
   “ ไม่เอา เชนไม่หนักซะหน่อย : ) ” หมอนี่ก็ยังคงดื้อไม่ปล่อยคอผม
   “ มึงแมลงอะไรเกาะหลังมึงอะ เหมือนแมลงสาบเลย ” เมฆพูดขึ้นพร้อมชี้ไปแถวหลังผม
   “ อ๊ากกกกก ไหนๆ ไหนแมลงสาบ ” ผมร้องขึ้นและกระโดดหยองๆอย่างตกใจ ก็ผมไม่ชอบพวกแมลงนี่นา
   “ มานี่ เดี๋ยวกูปัดออกให้ ” แล้วเมฆก็ดึงตัวผมออกมาจากเชน อ่อ เรียกว่ากระชากดีกว่า พร้อมกับปัดๆหลังผมให้
   “ อะ ไปแล้ว มันไม่ได้เกาะหลังมึงแล้ว ”
   “ เอ่อ ขอบคุณนะมึง ” ผมหันไปบอกกับเมฆ “ แล้วนี่สรุปเชนตัดสินใจได้ยัง ”
   “ เราตัดสินใจแล้ว เราจะอยู่ค่ายอาสากันตะวันเนี่ยแหละ ” เชนตอบผมแต่ตอนนี้หน้าเชนไม่ยิ้มแล้ว กลับดูหงุดหงิดซะมากกว่า
   “ งั้น ไปลงชื่อพร้อมเราเลยไหม เดี๋ยวเราต้องไปซ้อมลีดต่ออีก ปะ ไปกันพัดชา จิ้ป ” ผมเรียกเพื่อนๆผมให้ไปพร้อมกันจะได้เสร็จสักที “ งั้นเดี๋ยวเจอกันนะเมฆ ”
   “ เดี๋ยว ! ” เมฆเรียกผมก่อนที่ผมจะเดินไป
   “ หืม ? ”
   “ กูอยู่ด้วย ชมรมค่ายอาสาเนี่ย ”
    “ อ้าว ไหนตอนแรกบอกจะอยู่หนังสั้น ” อะไรของมันอีกเนี่ย โลเลจริงๆเลย
   “ กูเปลี่ยนใจแล้ว ไปสิ รีบไปลงชื่อกัน จะได้เสร็จๆ ” แล้วเมฆก็กอดคอลากผมไปที่โต๊ะเผื่อลงชื่อ ส่วนคนอื่นๆก็เดินตามมาพร้อมมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ต่างกัน

   สรุปการตัดสินใจอยู่ชมรมนี้มันจะสร้างเรื่องวุ่นวายให้ผมไหมเนี่ย !


- TBC -
 ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่อ่านเรื่องนี้กัน ยังไงใครมีความคิดเห็นยังไงก็คอมเม้นท์ได้นะครับ อย่างน้อยมันก็เป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมทำสิ่งนี้ต่อ ฝากติดตามกันด้วยนะคร้าบ ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป ><  :bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2018 21:52:56 โดย ฺBluemoon »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เมฆเป็นอะไรมากไหม ?

#ทีมเชน  :hao7:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 6
คิือเธอใช่ไหม
   หลังจากที่เสร็จเรื่องชมรมไปเป็นที่เรียบร้อย พวกเราทั้งหมดก็แยกย้ายกัน โดยที่ผมและสองสาวก็ต้องไปซ้อมลีดต่อ
   “ ฮอตไม่เบานะยะคุณตะวัน ” พัดชาพูดพร้อมกับผลักผม
   “ ฮอตอะไรของแกวะ ”
   “ ก็แหม มีผู้ชายตั้งสองคนมาแย่งแกกัน อย่างนี้ไม่เรียกว่าฮอตแล้วจะให้เรียกว่าอะไร จริงไหมนังจิ้ป ” พัดชาหันไปพยักพเยิดกับจิ้ป
   “ จริงคะซิส ชะนีอย่างฉันละอยากผูกคอตาย สงสัยสายพันธุ์ชะนีคงไม่มีที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารนี้แล้ว ” จิ้ปเสริมทัพ พร้อมทำหน้าท้อแท้เหมือนคนหมดหวัง
   “ พวกแกเพ้อเจ้อละ สองคนที่ว่านี่หมายถึงเมฆกับเชนอะนะ ”
   “ ก็เออสิ! นิแกโง่หรือกำลังเล่นบทนางเอกสาวไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ พวกฉันเห็นนะ สองคนนั้นจ้องตากันจนเหมือนมีประกายไฟออกมาจากตา ” พัดชาใส่จริตนักเล่าอย่างออกรส
   “  พวกนั้นก็คงแค่ไม่ถูกกัน ก็คงขเม่นกัน ฉันว่าแกนั่นแหละ คิดมากเกินไป ”

   ก็จริงนิครับ เมฆก็เคยบอกผมมาอยู่แล้วว่าไม่ถูกชะตากับเชน ก็คงเหมือนที่ผมไม่ถูกชะตากับยัยปูเป้นั่นแหละ

   “ อะๆ แล้วแต่จ้าแม่คนใสซื่อ นี่ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ฉันเห็นตลอด ที่หลังแกมีแมลงสาบเกาะที่ไหนกัน มดสักตัวยังไม่มี แบบนี้หึงชัดๆ ”
   “  อันนี้ฉันยืนยันนะ เพราะฉันก็พัดชายืนดูตลอด ตอนที่ดึงแกออกมาจากเชน ฉันเห็นนายเมฆยักคิ้วใส่เชนด้วย เย้ยกันให้เห็นไปเลย ”

   พอจิ้ปเริ่มเสริม ผมก็นึกถึงตอนที่เมฆดึงผมออกมาจากเชน ตอนนั้นใจผมก็แอบเต้นแรงอยู่เหมือนกัน

   “ แล้วงี้แกจะเลือกใคร ไหนลองบอกฉันสิ แต่ฉันเชียร์เชนนะ ” พัดชาที่ตอนนี้เหมือนจะเห็นเรื่องของผมเป็นเรื่องน่าสนุกไปซะแล้ว
   “ แต่ฉันเชียร์เมฆ! ดูดิบเถื่อนดี ฉันชอบ ! ” จิ้ปเองก็เลือกฝั่งแล้วเรียบร้อย
   “ พอๆ หยุดเลยทั้งสองคนแหละ ไม่ต้องเชียร์ใครหรอก ไปซ้อมกันได้แล้ว เดี๋ยวพี่ๆเขาก็ว่ากันหรอก ”

   ยิ่งฟังสองคนนี้พูดก็จะยิ่งทำให้ผมฟุ้งซ่าน มันจะเป็นไปได้หรอที่เมฆจะหึงผม……
   
   การซ้อมวันนี้ก็ผ่านไปอย่างสบายๆ แต่ที่เริ่มไม่สบายสำหรับผมคือการที่พี่ๆแจ้งมาว่าต้องเตรียมความสามารถพิเศษ กับมีรอบตอบคำถามด้วย นี่มันคัดลีดหรือประกวดนางงามกันเนี่ย ดีนะไม่มีรอบชุดว่ายน้ำ = =
   “ โอ๊ย! ฉันจะเอาอะไรมาโชว์ดีเนี่ย ตุ๊ดเครียด จิ้ป ตะวัน พวกแกคิดยังจะโชว์อะไร ”

   “ ยัง ” ผมและจิ้ปตอบแทบจะพร้อมกัน

   “ เอาน่าเดี๋ยวค่อยๆคิดกันก็ได้ ” เอาจริงผมก็มีคิดๆไว้บ้างแหละครับว่าจะเอาอะไรมาโชว์ แต่แค่ยังไม่ชัวร์เท่านั้นเอง

   “ น้องตะวันๆ มีคนฝากของมาให้ ” พี่คนนึงเรียกผมและยืนถุงเซเว่นให้

   “ ใครหรอครับพี่ยีน ? ”

   “ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน มันวางอยู่บนโต๊ะแล้วก็แนบข้อความแค่ ‘ฝากให้ตะวัน’ พี่ก็ไม่ทันเห็นด้วยว่าใครเอามาวาง ”

   “ อ๋อ ขอบคุณครับพี่ยีน แล้ววันนี้จะไปกินข้าวกันรึเปล่าครับ จะได้ขอไปกินด้วย ”

   “ เนี่ย พี่ก็จะมาชวนพวกน้องพอดี งั้นเดี๋ยวไปเก็บของแล้วมาเรียกพวกพี่ละกัน พี่ขอตกลงกันก่อนว่าวันนี้จะกินอะไรกัน ”

   “ โอเคคร้าบ / โอเคค่า ” พวกผมตอบรับอย่างพร้อมเพรียง

   “ อะไรอะแก ใครเอาไรมาให้แก  ”

   “ สปอนเซอร์อะ แต่ใครกันนะเอามาให้ ” เมื่อเปิดถุงดู ผมก็พบกับสปอนเซอร์หนึ่งขวด แล้วก็กระดาษอีกหนึ่งแผ่น

   ‘ เห็นว่าตั้งใจซ้อมลีด กินนี่ซะนะจะได้หายเหนื่อย  ’

   “ เห้อ อิจฉาจริงๆ ตุ๊ดสวยๆกับชะนีหน้าเงือกไม่เห็นมีใครเอาอะไรมาให้มั่งเลย ” พัดชาบ่นขึ้นมาแบบไม่จริงจังมากมาย

   “ ใครชะนีหน้าเงือกอะ อย่างฉันอะ สวยนางพญาขนาดนี้ต้องนกยูงค่ะ!นังตุ๊ดนักฟุตบอล ” จิ้ปเมื่อโดนว่าก็เถียงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้   

   “ พอเลยพวกแก เถียงกันได้ทั้งวันจริงๆ ”
   จะเป็นใครไม่รู้หรอก แต่ช่วยผมได้เยอะจริงๆเพราะคอกำลังแห้งเลย  เดาไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แล้วพวกผมกับพี่ๆก็ไปกินข้าวร้านหนึ่งแถวมหาลัยครับ
   ในขณะที่กำลังสั่งอาหารกันอยู่จิ้ปก็เรียกพวกผมให้ดูใครบางคน
   “ พวกแก พวกแกว่าโต๊ะนั้น หน้าคุ้นๆรึเปล่า ”

   “ ไหนแก? อุ๊ย นั่นมันยัยปูเป้กับนายเมฆนี่นา ”

   “ เออจริงด้วย แต่ช่างเขาเหอะพวกแก เรากินของเราดีกว่า มากับพวกพี่ๆด้วยไม่อยากมีปัญหา ” ผมบอกทั้งสองคน เห้อ มากินข้าวทั้งทีหวังจะได้กินอร่อยๆ ทำไมต้องมาเจอด้วยนะ
   แต่เหมือนว่าทางนั้นก็จะเห็นพวกผมเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือยัยปูเป้ไม่ได้คิดที่จะต่างคนต่างอยู่เหมือนกันพวกผม เพราะตอนนี้นางกำลังพุ่งตรงมาทางโต๊ะที่พวกผมนั่ง โดยมีเมฆตามมาติดๆ
   “ เจอกันอีกแล้วนะ แหมไม่คิดเลยว่าจะมาเจอพวกแกที่ร้านนี้ มีปัญญามากินกันด้วยหรอ นึกว่าจะกินได้แต่ข้าวแกงถูกๆซะอีก ” ยัยนี่มาถึงก็ปากไม่ดีเลยครับ
   “ น้องคะ มีอะไรรึเปล่าคะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ค่อยๆคุยกันสิคะ ” พี่ยีนที่เห็นว่าท่าทางจะเกิดเรื่องขึ้น ก็ออกตัวพูดขึ้นมา
   “ ใครน้องพวกคุณคะ แล้วนี่ฉันก็ไม่ได้พูดด้วย แถวบ้านฉันเรียกว่าสอดนะ ” ปูเป้พูดกับพี่ยีนโดยที่ไม่มีความเคารพหรือเกรงใจอะไรทั้งนั้น
   “ เป้! พอเถอะ เรามากินข้าวกันนะ เมฆขอ ” เมฆรีบห้ามปูเป้ เมื่อเห็นว่าตอนนี้พวกรุ่นพี่ผมก็ดูเหมือนจะไม่โอเคกับเธอคนนี้แล้ว
   “ ไม่ ! เป้ไม่หยุด จนกว่าเป้จะพอใจ แล้วเมฆอย่ามาขวางเป้ด้วย ไม่งั้นเป้จะฟ้องคุณพ่อ ” ตอนนี้ปูเป้เองก็เหมือนจะเครื่องติดแล้วเหมือนกัน
   “ ถ้าเธอจะหาเรื่องพวกฉัน ไม่ต้องลำบากก็ได้นะ พวกฉันขอโทษที่สาดน้ำใส่เธอวันนั้น ” เมื่อเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ผมจึงตัดสินใจพูดขึ้นมา
   “ ขอโทษหรอ คิดว่าแค่ขอโทษแล้วฉันจะหายอย่างนั้นหรอ ”
   “ แล้วจะเอายังไง ขอโทษก็แล้วก็ไม่หาย หล่อนจะให้พวกฉันทำยังไง ” พัดชาเองก็เริ่มจะหมดความอดทนเหมือนกัน
   “ อยากให้หาย ก็กราบฉันสิ แล้วฉันจะยอมยกโทษให้ก็ได้ ” ปูเป้เสนอขึ้นมา
   “ นี่น้องคะ มันจะมากไปไหม! พูดอะไรเป็นละครไปได้  ” พี่ยีนบอกอย่างเหลือออด
   “ ใช่ตะวัน ! ไม่ต้องไปกราบมัน ”
   ตอนนี้ชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่แล้วครับ ทั้งพวกเพื่อนและรุ่นพี่ผมนั่งไม่ติดเก้าอี้กันหมดแล้ว รวมถึงคนอื่นๆในร้านก็ดูเหมือนจะสนใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว
   “ ก็ได้ ถ้ามันจะทำให้เธอหายโกรธ ฉันกราบก็ได้ ”
   “ ตะวัน ! ” ทุกคนเรียกชื่อผม ตอนนี้ผมอยากให้เรื่องจบ ไม่ใช่เพราะผมยอม แต่เพราะผมไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะผม จากที่พัดชาเคยบอกมา ผมกลัวว่าปูเป้จะตามไปหาเรื่องทั้งพวกพี่ผม และคนอื่นๆ
   ในขณะที่ผมก็ลังคุกเข่าเตรียมจะกราบ เมฆก็ดึงตัวผมขึ้นมา
   “ ไม่ต้องทำอย่างนั้น! ลุกขึ้นตะวัน ” เมฆสั่งผมให้ลุกก่อนจะหันไปพูดกับปูเป้ “ เป้ ถ้าเป้ยังเอาแต่ใจแบบนี้ เมฆก็คงทนไม่ไหวเหมือนกันนะ เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว ”
   เพียะ !!!! 
   ปูเป้ตบหน้าเมฆแรงจนหน้าเมฆหัน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ตอนนี้หน้าของเมฆเป็นรอยแดงเลยครับ
   “ นี่เมฆปกป้องคนอื่นมากกว่าเป้หรอ ! คนอื่นสำคัญกว่าเป้อย่างนั้นหรอ ! ว่าไง ตอบสิเมฆ !!!! ” ยัยปูเป้เสียงดังลั่นร้าน เธอโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
   “  ใครที่เป้กำลังเรียกว่าคนอื่นหรอ? สำหรับเมฆ ตะวันไม่ใช่คนอื่น ! ” เมฆพูดเสร็จก็เดินออกจากร้านไปโดยไม่หันกลับมามองยัยปูเป้
   “ เมฆ ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ” ปูเป้ตะโกนเรียกเมฆ แต่เมฆก็ไม่ได้หยุดตามที่เธอสั่ง
   “ คอยดูนะ! ฉันไม่จบแค่นี้แน่ๆ พวกแก แกๆๆแล้วก็แกทุกคนระวังตัวไว้เถอะ ” แล้วนางก็วิ่งตามเมฆออกไป โดยที่ฝากความอาฆาตไว้กับพวกผม
   “ เออ ! มาเลยจ้า มีปัญหาอะไรก็มาได้ทุกเมื่อ แล้วอย่าเก่งแต่ปากละกัน พวกฉันจะรอ! ”  พี่ยีนเองก็ไม่น้อยหน้า ตะโกนกลับ
   “ เอาละๆ จบเรื่องแล้วกินข้าวกันเถอะ ขอโทษนะคะทุกคน ” พี่ยีนและพวกผมก็ขอโทษทุกคนในร้าน
   “ ฉันว่ายัยนี่คงเป็นภัยพิบัติแล้วละมั้ง เจอที่ไรมีเรื่องตามมาตลอด ”  พัดชาว่า
   “ นั่นนะสิ เห้อ ” ซึ่งยัยจิ้ปเองก็คงเห็นด้วย
   
   แล้วเมฆจะเป็นยังไงมั่งนะ ผมเป็นห่วงเขาจังเลย
   
   “ กลับหอกันดีๆนะเด็กๆ น้องตะวันถ้ามีเรื่องอะไรรีบโทรหาพวกพี่เลยนะ เข้าใจไหมคะ? ” พี่ยีนสั่งผมก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันกลับ
   “ ได้เลยครับพี่ยีน มีอะไรผมจะโทรหาพี่ยีนคนแรกเลย ขอบคุณมากนะครับ ”
   “ ดีมากค่า แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะเด็กๆ บ๊ายบาย ”
   “ สวัสดีครับ / สวัสดีค่า ” พวกเราปีหนึ่งลาพวกพี่ๆเยี่ยงเด็กที่มีมารยาท -.,-
   “ พวกตะวันกลับยังไงกัน กลับพร้อมพวกเราไหม ” เพื่อนคนนึงชวนผมกลับพร้อมกับพวกเขา
   หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ทุกคนก็ต่างเข้ามาถามว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง เลยทำให้ผมได้คุยและสนิทกับคนอื่นมากขึ้น จนตอนนี้ผมก็มีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกหลายคน และทุกคนก็ดูเหมือนจะเป็นห่วงผม
   “ อุ๊ย กลับสิคะโอ๊ต เนี่ยชากลัวจังเลย ดึกๆแบบนี้อันตรายเนอะ ” พัดชาตรงปรี่เข้าไปเกาะแขนโอ๊ต เพื่อนที่ชวนพวกผมกลับ โดยมีจิ้ปยืนถอนหายใจอยู่ไม่ไกล
   “ ผู้ชายชวนหน่อยนี่นอออกเชียวนะ ”
   “ จิ้ป! แกว่าฉันเป็นกระต่ายหรอ บ้า! ”    
   “ ป่าวฉันหมายถึงควาย ! ”
   “ นี่! แบบนี้ต้องตบกันหน่อยแล้วแหละ ”
   แล้วพัดชาก็ทำเหมือนจะเข้าไปตบจิ้ปจริงๆ เรียกเสียงหัวเราะให้แก่ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น
   “ ตะวัน ” เสียงหนึ่งเรียกผมขึ้นมา
   “ อ้าว! หม่อน มากินข้าวหรอ ”
   “ อื้อ..เอ่อ ตะวันเราขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม ”
   “ ให้พวกฉันรอไหมตะวัน ” จิ้ปถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหม่อนดูเหมือนมีเรื่องสำคัญจะพูดกับผม
   “ ไม่เป็นไรพวกแกกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราเรียกรถกลับเอง ”
   “ แต่พวกเราเป็นห่วง ”
   “ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เรากลับเองได้ ” ผมไม่อยากให้เพื่อนๆต้องรอนานครับ
   “ ไม่เป็นไร พวกฉันรอได้ แกไปคุยเถอะ เดี๋ยวพวกฉันไปรอที่ลานจอดรถ ” พัดชาเอ่ยขึ้น สรุปคือทุกคนเลือกที่จะรอ
   “ โอเค งั้นเดี๋ยวเราตามไป ” ผมบอก แล้วพวกนั้นก็เดินไปรอที่ลานจอดรถ

   “ มีอะไรหรอหม่อน ”
   “ คือ..เราอยากถามตะวันเรื่องนึงอะ ”
   “ อะไรละ ว่ามาเลย ”
   “ ก็..ก็เราอยากรู้ว่าตะวันกับเชน จริงๆแล้วเป็นแฟนกันรึเปล่า ” พอถามเสร็จ หม่อนก็ก้มหน้าเหมือนจะหลบหน้าผม
   “ โถ นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก ทำไมถามงั้นละ หม่อนชอบเชนหรอ : ) ”
   “ ป่าวนะ ! เราแค่สงสัยเฉยๆ ” หม่อนรีบพูดขึ้นมาอย่างลนลาน เหมือนผมจะเดาถูกแหะ หน้าหม่อนแดงเชียว ปากปฏิเสธแต่หน้าไม่ใช่เลย
   “ ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเขินหรอกหม่อน เรากับเชนไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ สบายใจได้เลย ” 
   “ จริงหรอ ! ” หม่อนดูดีใจอย่างปิดไม่มิด
   “ จริงๆ แค่เพื่อนกันจริงๆ ” ผมยิ้มให้หม่อนเพื่อเป็นการยืนยันว่าผมพูดจริงๆ
   “ งั้นค่อยสบายใจหน่อย ขอบคุณมากนะตะวัน ” จากตอนแรกที่ดูมีเรื่องในใจ ตอนนี้หม่อนยิ้มกว้าง ดูสดใสขึ้นมาเชียว เวลาหม่อนยิ้มแล้วผมรู้สึกว่าเขาดูเป็นคนที่ใครอยู่ใกล้ๆแล้วต้องมีความสุข และยิ้มตามทุกครั้งที่เขายิ้มแน่ๆ
   “ ไหนบอกไม่ชอบไง ถ้าหม่อนชอบเชนจริงๆ เดี๋ยวเราช่วยก็ได้นะ ” ผมเสนอครับ ผมอยากช่วยหม่อนจริงๆ
   “ ก็…..อื้อ ใช่เราชอบเชน ขอบคุณมากนะตะวัน งั้นเราขอไลน์ตะวันหน่อยสิ ” หม่อนตอบพร้อมยื่นโทรศัพท์มาให้ผม
   “ ได้สิ อะนี่ไลน์เรา ”
   “ งั้น ตะวันกลับเถอะ เดี๋ยวเพื่อนๆรอนาน ”
   “ โอเค ไว้เจอกันนะหม่อน สู้ๆนะ ” ผมบอกลาหม่อนพร้อมชูสองนิ้วให้กำลังใจ แล้วเราก็แยกกัน
   “ ว่าไงแก คุยเรื่องอะไร มีเรื่องอะไรอีกไหม? ” พัดชาถามขึ้นเมื่อผมเดินมาที่ลานจอดรถ
   “ ไม่มีอะไร ความลับ :X ” จะให้บอกได้ยังไงกันละ เดี๋ยวกลายเป็นขายหม่อนแย่
   “ แหม มีความลับใส่กันเฉย ช่างเถอะ กลับกันเถอะ ดึกแล้ว ” เมื่อเห็นว่าผมไม่พูด พัดชาก็ไม่ถามอะไรอีก พวกเราจึงได้ฤกษ์กลับหอกันสักที
   กว่าจะถึงหอก็ปาไปจะ สี่ทุ่มแล้วครับ เนื่องจากแต่ละคนอยู่ตึกที่ไม่ได้ใกล้กันเลย แล้วโอ๊ตที่เป็นคนขับรถมาส่งเพื่อนก็วนมาส่งผมเป็นคนสุดท้าย
   “ บายตะวัน เจอกันที่ซ้อมพรุ่งนี้นะ ”
   “ โอเค ขอบคุณมากนะโอ๊ตที่มาส่ง กลับดีๆนะ ”
   เห้อ ตอนนี้ผมอยากอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวไปหมด

   แต่ในตอนที่จะเดินเข้าหอก็เห็นเมฆนั่งอยู่ที่หน้าหอ
   “ เมฆ มานั่งทำอะไรตรงนี้ ยุงไม่กัดหรอก ”
   “ อ้าวกลับมาแล้วหรอ ” เมฆเงยหน้าขึ้นมามองผม หน้าหล่อๆของเขายังมีรอยแดงที่ถูกตบอยู่เลย “ กูรอมึงอยู่ กูเข้าห้องไม่ได้ ไม่มีกุญแจ ”
   “ อ้าวแล้วกุญแจมึงไปไหนละ ” ผมถามอย่างสงสัย
   “ พอดี เป้เขาเขวี้ยงกระเป๋ากู แล้วกุญแจมันก็เลยกระเด็นตกท่อ ”
   “ งั้นทำไมไม่โทรบอกกูละ จะได้รีบกลับ! ” ผมพูดขึ้นอย่างโมโห ทั้งโมโหยัยเป้ แล้วก็โมโหคนตรงหน้าที่ไม่ยอมโทรมา
   “ กูมีเบอร์มึงที่ไหนละ ”
   “ เอ่อ…นั่นดิกูลืม ” เออวะ เราไม่มีเบอร์กันนี่หว่า ผมก็พูดไม่คิดอีกแล้ว “ ปะมึง งั้นขึ้นห้องกัน ”
   เมื่อเข้าห้องมาเมฆก็ไปล้มตัว นอนคว่ำบนเตียง ดูเขาหมดแรงยังไงก็ไม่รู้
   “ มึง เป็นอะไรรึเปล่า โอเครึเปล่าเนี่ย ” ผมถาม แต่เมฆก็ไม่ตอบผมครับ ผมจึงเข้าคลานขึ้นเตียงไปสะกิดเขาใกล้ๆ
   “ เมฆ ง่วงหรอ อาบน้ำก่อนไหมจะได้สบายตัว ”
   แล้วอยู่ดีๆมันก็ พลิกตัวมันหันมานอนหงายครับ ผมตกใจเลยเสียหลักล้มไปทับบนตัวมัน
   ตึกๆ ๆ
   สภาพตอนนี้เลยกลายเป็นหัวผมแนบอยู่ที่อกของเมฆ จนผมได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นชัดเจน
   “ เอ่อ…ขอโทษที ” ผมก็รีบยันตัวผมให้ลุกขึ้นครับ ผมกลัวเมฆจะรับรู้ได้ว่าหัวใจผมมันเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วเมฆก็ลุกขึ้นมานั่งมองหน้าผม
   “ กูขอโทษนะที่เป้แสดงท่าทางแบบนั้นใส่พวกมึงแล้วก็พวกพี่ๆของมึง ”
   “ มึงไม่ต้องขอโทษหรอก มึงไม่ผิดสักหน่อย ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ” ผมบอกกับเมฆ ก็จริงหนิครับ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
   “ กูผิดที่กูห้ามเป้ไม่ได้ ” ตอนนี้เมฆ หลบหน้าผมแล้วครับ เสียงก็เบาลงเรื่อยๆ
   พอเห็นหน้าเขาชัดๆ ก็เห็นว่าหน้าเขาไม่ได้แดงแค่จุดเดียว สงสัยจะโดนตบอีกหลายที ผมเลยเอื้อมมือไปจับหน้าเขา แล้วเมฆก็สะดุ้งนิดหน่อย แต่ก็ปล่อยให้ผมจับ
   “ เจ็บมากไหมมึง ” ผมถามเพราะเป็นห่วงเขาจริงๆ
   “ นิดหน่อย ก็ดีกว่าที่ต้องเห็นมึงไปกราบเขา ”
   ตอนนี้เราสองคนจ้องตากัน ผมรู้สึกว่าสายตาเขาดูเศร้ายังไงก็ไม่รู้
   “ กูถามจริงๆนะ ที่มึงพูดในร้านอะ หมายความว่ายังไง ” ผมถามเขาขึ้นมาถึงเรื่องที่ผมติดใจ
   “ ประโยคไหนละ ที่บอกว่าให้มึงลุกนะหรอ กูก็แค่เห็นว่ามันเกินไป ก็เลยบอกไปแบบนั้น ”  เมฆตอบพร้อมมองไปทางอื่น
   “ ไม่ใช่…. กูหมายถึงที่บอกว่า กูไม่ใช่คนอื่น มันหมายความว่าไง ”
   พอผมถาม เขาก็หันมามองหน้าผมแว่บนึง ก่อนจะลุกจากเตียง แต่ผมก็ดึงแขนเข้าไว้ไม่ให้เขาเดินหนี
   “ ตอบสิเมฆ ที่เมฆพูดหมายความว่ายังไง ”
   “ มึงจะอยากรู้ไปทำไม ? ” เขาไม่ได้ปัดมือผมทิ้ง แล้วก็ไม่ได้เดินหนีแล้ว
   “ กูขอพูดเลยนะ ที่กูถามเพราะกูอยากรู้ว่ามันจะตรงกับสิ่งที่กูคิดไหม กูมีเพื่อนคนหนึ่งที่กูสนิทมากตอนเด็ก แล้วเขาก็ชื่อเมฆเหมือนมึง มึงรู้ไหมว่ากูคิดถึงเพื่อนกูคนนี้มากแค่ไหน กูอยากเจอเขามากแค่ไหน แล้วกูก็คิดว่ามึงคือคนนั้นที่กูหมายถึง ตอนแรกกูก็ไม่มั่นใจว่ากูคิดไปเองหรือเปล่า แต่หลายๆสิ่งมันก็ทำให้รู้สึกว่าต้องใช่แน่ๆ เพราะอย่างนั้น ขอร้องละ บอกความจริงกูมาเถอะนะ ถ้ามึงคือเมฆคนนั้น ” ผมระบายทุกอย่างที่ผมอึดอัดใจออกมาให้กับเมฆแต่เขาก็ยังยืนนิ่งและเสมองไปทางอื่น ก่อนจะตอบผม
   “ งั้นถ้ากูตอบว่าใช่ หรือไม่ใช่ มันจะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า ? ”
   “….ก็ไม่เปลี่ยน กูก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง ”
   “ เมฆคนที่มึงหมายถึง มีความหมายกับมึงแค่ไหนหรอ ” เมฆถามผม
   “ มีสิ มากๆเลยสำหรับกูมันมีความหมายมากนะ  ”
   แล้วเมฆก็นั่งลงที่ข้างผม
   “ ถ้ากูไม่ใช่ มึงจะผิดหวังมากไหม จะเสียใจหรือเปล่า ถ้ากูใช่แล้วจำมึงไม่ได้ละ มึงจะว่าอะไรไหม ”
   “ มึงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ” ผมเริ่มงงกับสิ่งที่มันพูดแล้ว
   “ กูแค่….ไม่มั่นใจ ”
   “ ไม่มั่นใจอะไรของมึงวะ ”
   “ ช่างเถอะ…กูขออาบน้ำก่อนละกัน ” แล้วเมฆก็ลุกไปเลย
   “ เดี๋ยวก่อนสิเมฆ ! ”
   
   แล้วเมฆก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย สรุปมันใช่หรือไม่ใช่เนี่ย! ผมอยากจะบ้าตายจริงๆ 

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากตบนังปูเป้ให้รู้แล้วรู้รอด :m16:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 7
เมาเหล้าเมารัก

หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเมฆขึ้นมาอีก เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรขึ้นมา เอาเป็นว่าคิดไปก็ปวดหัว ถ้าใช่มันก็คงบอกผมเองแหละ
   ช่วงนี้ผมต้องซ้อมหนักขึ้นเพราะว่าเตรียมที่จะคัดลีดแล้ว ทั้งต้องซ้อมความสามารถที่จะโชว์อีก แต่ที่เพิ่มเติมทุกวันคือถุงปริศนาที่มีมาให้ผมทุกวัน จนทุกคนแซวว่าผมไปทำสเน่ห์ใส่ใครสักคน จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของถุงปริศนาคืออะไร
   “ ไงตะวัน วันนี้ได้อะไรอีก ” เพื่อนคนหนึ่งเดินมาแซวผม
   “ ขนมจีบอะ กินด้วยกันไหมส้มโอ ” วันนี้ผมได้ขนมจีบมา ซึ่งเยอะมากจนกินคนเดียวไม่น่าจะหมด
   “ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวคนให้ตะวันเสียใจแย่ ”
   “ แต่ฉันกินนะ ” พัดชาที่ไม่พูดเปล่า แต่จิ้มกินเลยโดยไม่รอฟังคำตอบผม “ นี่มีของมาทุกวันจนพวกฉันจะอ้วนแล้วนะเนี่ย ”
   “ ถ้าแกไม่แย่งตะวันกินก็คงไม่อ้วนหรอก ตะกละเองหนิ ” จิ้ปกัดพัดชาเหมือนเคย กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่สองคนนี้ต้องกัดกัน นี่ถ้าพัดชาไม่ใช่ตุ๊ด ผมว่าป่านนี้สองคนนี้คงเป็นแฟนกันไปแล้ว
   “ เอาละค่ะน้องๆ มาฟังทางนี้หน่อยเร็ว ” รุ่นพี่คนหนึ่งเรียกพวกผมไปรวมกัน “ เดี๋ยวอีกสองวันจะถึงวันคัดแล้วนะคะ ยังไงทุกคนก็เตรียมตัวให้พร้อม แล้วก็ใครจะใช้ซาวด์เพลงก็ส่งไฟล์ให้พี่ตอนพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงคืนนะคะ ”
   “ ครับ / ค่ะ ”
   “ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งนะคะ คือพวกเราต้องส่งตัวแทนหนึ่งคนไปคัดเดือนกับดาวคณะนะคะ  ตอนนี้พี่อยากให้น้องๆโหวตกันว่าจะส่งใครประกวด เสนอกันมาได้เลยนะคะ ”
   “ พี่ครับ ผมเสนอพัดชากับจิ้ปครับ ” ผมเสนอไป
   “ อ้าว! ไหงมาลงที่ฉัน ไม่เอานะตะวัน ”
   “ ฉันก็ไม่เอานะ ”
   พัดชากับจิ้ปเถียงขึ้นมา
   “ ทำไมละพวกแก น่าสนุกออก ”
   “ สนุกกับผีสิ ! ” พัดชาแหวใส่ผม “ พี่คะงั้นหนูเสนอตะวันคะ ”
   “ เห้ย ! พี่ครับผมไม่เอานะ ผมทำไม่ได้หรอก ”  อยู่ดีๆผมก็โดนพัดชาเอาคืนโดนการเสนอชื่อผม
   จากนั้นเพื่อนๆทุกคนก็เสนอชื่อกันเป็นเรื่องสนุก ทุกคนดูไม่จริงจังเลย ดูอยากแกล้งเพื่อนตัวเองกันมากกว่า สุดท้ายก็ตัดสินด้วยการโหวต
   “ เอาละคะ งั้นสรุปแล้วนะคะ สรุปคนที่จะเป็นตัวแทนของพวกเราคือน้องโอ๊ตกับน้องจิ้ปนะคะ ”
   “ วุ้ววววววว! ” ทุกคนตบมือกันเกรียวกราวเมื่อผลออกมา ทั้งดีใจที่ตัวเองไม่โดนและดีใจที่คนที่ได้น่าจะเป็นหน้าเป็นตาให้ได้มากที่สุดแล้ว
   “ งั้นเดี๋ยวน้องโอ๊ตกับน้องจิ้ปมาคุยกับพี่หน่อยนะคะ ”
   “ ครับ / ค่ะ T T ” จิ้ปที่ตอนนี้เหมือนอยากร้องไห้เต็มที่แล้ว

   กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ดึกอีกวันแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาจึงชวนพวกผมไป ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก จะมีโอกาสได้เที่ยวทั้งที ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยได้เที่ยวเลย
   “ งั้นเดี๋ยวทุกคนไปแต่งตัวแล้วเจอกันที่ร้านนะ ” พี่บิวนัดแนะกับพวกผม ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับหอเพื่อไปเตรียมตัว
   
   “ ไงมึงเหนื่อยไหมวันนี้ ” เมฆถามผมเมื่อเปิดประตูเข้าห้องมา แต่ไม่ได้หันมามองใดๆทั้งสิ้น เพราะเขากำลังทำงานอยู่
   “ นิดหน่อย ละนี่มึงวาดอะไรอยู่เนี่ย ” 
   “ อ่อ วิชาดรอว์อิ้งอะ ”
   เมฆดูตั้งใจกับสิ่งที่เขากำลังวาดเป็นอย่างมาก อ่า ลุคเขาเวลาตั้งใจทำงานนี่โครตเท่เลย แม้จะมัดจุกไม่ให้ผมปรกหน้า สวมแว่นตา แต่กลับมีสเน่ห์เหลือเกิน
   “ โห วาดรูปสวยเหมือนกันนี่หว่า ” เมื่อผมชะโงกหน้าไปดู จึงเห็นว่าเมฆน่าจะเป็นคนที่มีฝีมือเลยทีเดียว
   “ แน่นอน นี่กูระดับไหนแล้ว ” เมฆหันมาพูดกับผมแล้วครับ
   “ จ้า เก่งจ้า วาดให้กูมั่งดิ ”
   เขาหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะถามผม “ มึงอยากได้รูปอะไรละ ”
   “ อะไรก็ได้ วาดให้ได้ไหมล่ะ  ”
   “ อืม ได้ ไว้เสร็จงานแล้วกูจะวาดให้ละกัน ”
   ผมแค่พูดเล่นๆ ไม่คิดว่าหมอนี่จะวาดให้จริงๆ ตื่นเต้นแหะจะได้รูปอะไรนะ
   “ เออเมฆ เดี๋ยวคืนนี้กูกลับดึกหน่อยนะ จะไปร้านเหล้า ”
   “ ไปกับใคร? เป็นเด็กเป็นเล็กกินเหล้าแล้วหรอมึงอะ ” เมฆดุผม หมอนี่เป็นเมทหรือเป็นพ่อกันเนี่ย
   “ กูไม่เด็กซะหน่อย ก็เท่ากับมึงเปล่าวะ อ๊ะ แป๊ปนะแม่กูโทรมา ” ขณะที่ผมกำลังจะเถียงกับเมฆ  แม่ผมก็โทรมาหา
   “ ครับแม่ ว่าไงครับ… อ่อครับ ” แล้วผมก็ออกไปคุยกับแม่ที่ระเบียง
   คุณแม่โทรมาถามเพราะอยากรู้ว่าผมเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่ผมมาอยู่นี่ผมยังไม่ได้กลับบ้าน ด้วยที่เหตุผลหนึ่งติดเพื่อนด้วย และยังต้องซ้อมลีดในวันเสาร์ด้วยเลยไม่ได้กลับบ้าน แม่เลยน้อยใจผม หาว่าผมลืมท่าน
   “ ครับแม่ ไว้ตะวันว่างๆหรือคัดลีดเสร็จแล้วจะกลับไปบ้านนะครับ…ครับ รักแม่เหมือนกันครับ ครับสวัสดีครับ จุ๊บ ”
   “ แม่มึงสบายดีไหม? ” เมฆถามผมขึ้นมาหลังจากที่ผมวางสาย
   “ หืม ว่าไงนะ ” ผมได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ว่าเขาพูดอะไร
   “ เปล่าๆ กูแค่ถามว่าแม่มึงโทรมาว่าไง ”
   “ อ๋อ ก็เรื่องทั่วไป แม่แค่อยากให้กูกลับไปหาบ้าง ” เอ..ตอนแรกเหมือนไม่ใช่ประโยคนี้นี่หว่า
   “ ว่างๆมึงก็กลับบ้านสิ แล้วนี่ยังไม่อาบน้ำอีกหรอก เดี๋ยวก็ดึกกว่านี้หรอก ” เมฆเตือนผม เมื่อดูนาฬิกาก็เห็นว่าจะเกินเวลานัดแล้ว
   “ ชิบหายละ เออ งั้นกูอาบน้ำก่อนนะ ”
   
   พออาบน้ำเสร็จผมก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อยพร้อมที่จะปาร์ตี้แล้วสำหรับคืนนี้
   “ แล้วนี่ก็อย่าดื่มเยอะมากจนเมากลับมาอ้วกละมึง กูไม่อยากให้ห้องเลอะ ” เมฆว่าผม
   “ ระดับนี้กูไม่เมาหรอก ไปละนะ ” ชิ เห็นว่าผมคออ่อนรึไงกัน ผมไม่ได้พึ่งเคยกินครั้งแรกสักหน่อย
   “ ดูแลตัวเองด้วยละกัน ถ้ากลับไม่ไหวก็โทรมาเดี๋ยวกูไปรับ ”
   แม้จะเป็นประโยคเรียบๆแต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากเมฆ ใจผมก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว
   “ คร้าบพ่อ ” ผมบอกเขาก่อนจะออกจากห้องมา
   เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อกี้ ไม่รู้ทำไมผมถึงหุบยิ้มไม่ได้กับประโยคของเขา โอ้ย ยิ้มจนปวดหน้าไปหมดแล้วเนี่ย -////-

   “ นี่เป็นอะไรของแกเนี่ย ยิ้มเอาๆ เมาแล้วหรอ หรือเป็นบ้า =_=  ” จิ้ปถามผมขึ้น ตอนนี้ในโต๊ะกำลังสนุกสนานกันเลยทุกคนคุยกันไม่หยุด แต่ประโยคที่เมฆพูดกับผมกลับวนเวียนในหัวอยู่อย่างนั้น ตะวันโซแฮปปี้
   “ นั่นสิ แกไปโดนตัวไหนมาปะเนี่ย ฉันกลัวแล้วนะ ” พัดชาเองก็ถามผม เอ๊ะนี่ผมทำหน้าแบบนั้นอยู่หรอ
   “ อะไรของพวกแก ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย ”
   “ โกหก! ” ทั้งสองคนพูดแทบจะพร้อมกัน “ ต้องมีอะไรแน่ๆไหนเล่าซิ ”
   “ ไม่มีอะไรจริงๆ ชนกันดีกว่าพวกแก ”
   แม้สองคนนี้จะพยายามซักไซ้ยังไงผมก็ไม่เล่าให้ฟังหรอกครับ เพราะสองคนนี้เขาแบ่งฝั่งกันอยู่ เดี๋ยวจะเถียงกันไม่เลิกอีก
   บรรยากาศคืนนี้น่าตื่นตาตื่นใจมากเลยสำหรับผม เพราะแม้ตอนช่วงก่อนเข้ามหาลัย ผมก็เคยได้กินพวกของมึนเมามาบ้าง แต่ส่วนมากก็เป็นงานสังคมกับคุณแม่ ( ที่แอบจิบตอนแม่ไม่เห็น ) พอได้มาเที่ยวกับเพื่อนๆแบบนี้มันสนุกมากเลยครับ ทั้งดนตรีสด ทั้งผู้คนในร้าน
    ร้านพวกนี้นี่เป็นที่รวมคนทุกอารมณ์เลยจริงๆ มีทั้งคนเศร้า คนเหงา และคนที่แค่อยากมาสนุก ผมชอบบรรยากาศที่ทุกคนแหกปากร้องเพลงไปด้วยกัน แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบคือการโดนเอาเหล้ากรอกปาก แล้วโดนกรอกทีก็ไม่ใช่นิดเดียว เล่นนับเป็น 20-30 วิ ต่อรอบ แล้วผมโดนไปไม่ต่ำกว่า 10 รอบ สติเริ่มไม่คงที่แล้วครับตอนนี้ แถมตอนนี้เพื่อนหลายคนก็ฟุบไปแล้ว ผมเลยเป็นผู้โชคร้ายที่โดนพี่ๆเขาเอ็นดูโดยการป้อนน้ำมรณะนี่ต่อ =_=
   ในขณะที่กำลังจะโดนกรอกใหม่อีกรอบก็มีคนโทรมาช่วยชีวิตผมพอดี
   “ ฮัลโหล เป็นไงมึง เมายัง ไม่กลับแล้วมั้งห้องอะ ” เมฆโทรมาถามผมเมื่อเห็นว่ามันดึกมากแล้ว
   “ กราบบบบบบบบบ เดี๋ยวกราบบบ ”
   “ อะไร มึงจะกราบใคร? นี่อยู่วัดหรอ ไหนว่าไปร้านเที่ยวไง ”
   ไม่ใช่โว้ย กูบอกว่าเดี๋ยวกลับ แต่กูแค่พยายามพูดให้มันชัดไม่ได้ = =
   “ ไม่ใช่ใช่ว๊าดด เดี๋ยวกูกราบ อุ๊.. ” ตอนนี้ผมเหมือนจะอ้วกครับ ผมพยายามจะกลั้นแต่สุดท้ายมันก็
   “ โอ๊กกกกกกกก….. แหวะ ” อ่าห์..ในที่สุดก็กลั้นไม่ไหว
   “ กรี๊ดดดด! พี่คะ ตะวันอ้วก TT ” ตอนนี้โต๊ะของผมเกิดโกลาหลยกใหญ่เมื่อผมอ้วก วงก็แตกทันที
   “ ตะวันๆ ! มึงอยู่ร้านไหนเนี่ย!  ” เมฆถามผม เสียงเขาดูร้อนรนยังไงก็ไม่รู้ *_*
   “ อยู่ซอยข้างมหาลัย ร้าน แร… โอ๊กกกกกกก แฮ่กๆ ”  ยิ่งผมพยายามจะพูดแค่ไหน ทุกสิ่งในกระเพราะก็เหมือนจะอยากออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกมากขึ้น
   “ ซอยข้างมหาลัยใช่ไหม เดี๋ยวกูไปรับ รออยู่นั่นนะ! ” แล้วเมฆก็วางสายไป
   ส่วนผมตอนนี้สติก็เหมือนจะขาดไปเรื่อยๆ ไม่ทันได้ฟังว่าเมื่อกี้เขาพูดว่าอะไร
   “ โอ๊ยตะวัน ไม่ไหวทำไมไม่บอก หมดกันๆ ”
   “ แล้วนี่เอาไงดี กลับก่อนไหม มีใครรู้ห้องตะวันมั่งพาเพื่อนไปส่งหน่อย ” พี่คนนึงถามขึ้นมา หลังจากเห็นว่าสภาพของผมคงลุกขึ้นมากินต่อไม่ไหวแล้ว
   “ เดี๋ยวผมไปส่งให้ก็ได้ครับ ”
   “ อ้าวเชน! พอดีเลย เชนรู้ห้องตะวันไหม ”
   “ รู้ๆ เดี๋ยวเราพาตะวันไปส่งให้ก็ได้นะพัดชาไม่ต้องเป็นห่วง ”
   “ งั้นเราฝากหน่อยนะ เดี๋ยวเราต้องพาเพื่อนคนอื่นๆกลับหอ ”
   “ โอเคๆ พัดชาไปส่งเพื่อนคนอื่นเถอะ เดี๋ยวตะวันเราดูแลเอง ช่วยอุ้มตะวันขึ้นหลังเราหน่อยสิ ”
   “ อ่าๆ อึ๊บ…. ตะวันอย่าอ้วกใส่หลังเชนนะ ” พัดชาที่ช่วยอุ้มผมให้ขี่หลังเชน สั่งเสียผมพร้อมตบหลังสองสามที
   อย่าตบหลังกู ที่จะอ้วกก็เพราะมึงเนี่ยแหละ TT
   “ งืมๆ ไม่หวายแล้ว ” ตอนนี้แม้จะหลับตาแต่ทุกอย่างหมุนไปหมด ไหนเคยมีคนบอกว่าได้อ้วกแล้วจะโล่งไง ไอ้คนนี้จุ๊
   “ ทนหน่อยนะตะวัน เดี๋ยวค่อยนอนในรถนะ แป๊ปเดียวก็ถึงหอแล้ว ” เชนบอกกลับผม
   ผมรู้สึกได้ถึงการปรนนิบัติอย่างดีของเชน ที่ค่อยๆวางผมไว้บนเบาะ ปรับเบาะให้ผมนอนได้ และเขาขับรถนิ่มมากเหมือนกลัวว่าถ้ากระเทือนแล้วจะทำให้ผมอ้วกออกมา
   จนมาถึงที่หอ
   “ ตะวันพอจะลุกไหวไหม ” เชนพยายามเรียกให้ผมมีสติ ซึ่งตอนนี้ผมก็รู้สึกโอเคขึ้นกว่าตอนแรกนิดหน่อย แต่ก็ยังหนักๆหัวอยู่ดี
   “ หวายๆ ” เมื่อผมพยายามจะเดินเอง แต่เหมือนเสียการทรงตัว เชนจึงมารับตัวผมไว้ก่อนจะล้ม
   “ ไหนบอกว่าไหวไง ลุกยังเซเลย ขี่หลังเราไหม เดี๋ยวเราพาขึ้นห้อง ”
   “ ไม่เปนราย เราหวาย เดินได้ ” ผมคิดว่าผมน่าจะเดินได้ แค่ขอตั้งสติหน่อย
   “ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราช่วยพยุง ” เชนเมื่อเห็นว่าผมปฏิเสธ เขาก็เลือกให้ผมเดินเอง แต่ก็ยังช่วยประคองผมไว้
   แต่ยังไม่ทันก้าวเข้าหอดี ก็มีคนมากระชากตัวผมออกจากเชน
   “ เดี๋ยวกูพามันขึ้นห้องเอง ” เมื่อผมพยายามที่จะมองว่าเป็นใคร ก็ผมว่าเป็นเมฆที่มากระชากผม
   “ ไม่เป็นไร กูพาตะวันขึ้นได้ ไหนๆกูก็รับปากพวกเพื่อนๆเขาแล้วว่าจะพามาส่งให้ถึงห้อง เพราะงั้นมึงแหละปล่อย ” แล้วเชนก็พยายามดึงตัวผมกลับ
   “ แต่กูเป็นเมทมัน มึงส่งมันแค่นี้ก็พอแล้ว ที่เหลือกูพาไปเอง ”
   “ แต่กูเป็นคนพามา กูมีสิทธิ์จะไปส่ง ”
   “ แต่กูเป็นเจ้าของห้อง ”
   สองคนนี้ก็ดึงผมไปมาเหมือนผมเป็นของเล่น จนผมรู้สึกในท้องมันโคลงเคลง สุดท้ายผมก็เลย…
   “ โอ๊กกกกกกก ! ถุ๊ย ” ครับ สุดท้ายผมเลยอ้วกเป็นรอบที่สอง -.-
   “ โอ๊ย เนี่ยเพราะมึงดึงไปดึงมาอยู่ได้ ตะวันเลยอ้วกเลย เป็นไรไหมตะวัน ” เชนเมื่อเห็นว่าผมอ้วกอีกก็จะดึงผมไปหาเขา
   “ อย่าดึง ปวดหัว ไม่ไหวแล้ว อยากนอน TT ” ผมทนไม่ไหวแล้ว เมื่อสองคนนี้เถียงกันไม่ยอมให้ผมไปนอนสักที
   “ ปล่อยเลยมึงอะ เดี๋ยวมันก็อ้วกอีกหรอก ” แล้วเมฆก็อุ้มผม โดยไม่สนใจเชนอีก ก่อนจะเดินไปกดลิฟท์ ส่วนเชนก็เดินตามเข้าลิฟท์มาแล้วก็ไม่ได้พยายามที่จะดึงผมกันอีก ระหว่างที่ลิฟท์เคลื่อนตัวเชนก็ถามตลอดเวลาว่าไหวไหม ส่วนเมฆก็ขัดเชนตลอดทุกประโยค จนมาถึงชั้นของผม เมฆก็เดินออกมาโดยไม่สนใจเชนอีก
   “ เอ้า! นอนรอก่อนอย่าพึ่งอ้วกนะ เดี๋ยวกูไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ ” เมฆวางผมลงบนเตียงแล้วก็เข้าห้องน้ำไปเตรียมของมาเช็ดตัวให้ผม
   “ ก่อนไปนี่บอกเก่งนักเก่งหนา แล้วไหงเมาหมดสภาพแบบนี้ได้หืม ? ” เขาดุผมอีกแล้ว แม้ผมอยากจะเถียงแต่ก็เถียงด้วยไม่ไหว เลยได้แต่ส่งเสียง “ งืม ” 
   “ มางงมางืมอะไรอีก ” แล้วเขาก็เช็ดตัวให้ผม จนผมรู้สึกโอเคขึ้นนิดหน่อย เลยสามารถที่จะลืมตาอันหนักๆขึ้นมาได้
   “ โอ๊ย บ่นจังเลย ไว้บ่นพรุ่งนี้ได้ไหม กูไม่ไหวแล้ว ” เมื่อมีสติบ้างแล้วผมเลยได้โอกาสพูดบ้าง
   “ ไม่ได้ ! แล้วนี่กูบอกมึงว่าให้รอเดี๋ยวไปรับ ทำไมไม่รอหะ! ”
   เอ๋ ? เขาบอกด้วยหรอ
   “ มึงบอกตอนไหน กู..ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ”
   “ ก็บอกตอนก่อนวางสายไง กูก็รีบแทบตาย ดีนะเจอพวกเพื่อนมึงพอดีแล้วเขาบอกว่ามีคนไปส่งมึงแล้ว กูก็เลยรีบกลับมา แม่ง! อุตส่าห์เป็นห่วงแต่ดันกลับกับผู้ชายคนอื่น.. ” เมฆดูอารมณ์เสีย แต่ประโยคสุดท้ายเขาก็พูดเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง
   “ กูขอโทษนะ...กูไม่รู้จริงๆว่ามึงจะมารับ ไม่งั้น….อุ๊ ” พอผมพยายามจะพูด สิ่งที่อยู่ในท้องก็เหมือนมาจุกแถวลำคออีกแล้ว
   “ เห้ยๆ จะอ้วกหรอ เอ้านี่อ้วกใส่ถังนี่ ” เมฆเอาถังเล็กๆ มารอรับอ้วกผมก่อนที่มันจะพุ่งเลอะห้อง
   “ พอแล้วไม่ต้องพูดไรแล้ว พักเถอะ ”
   แม้ไม่บอกแต่ผมก็อยากนอนแล้วครับ ไม่ไหวแล้ว โลกหมุนยิ่งกว่าตอนไปเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกอีก แต่การเมามันก็ดี ที่ทำให้ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงผม สุดท้ายผมก็หลับไป
   
   “ ทำไมชอบให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เด็ก เห้อ…”
   
9.00 น.
   เช้านี้ผมตื่นมาด้วยสภาพที่เหมือนซอมบี้ เกิดอาการวิงๆ เธอจะรักกันจริงหรือเปล่าวาววาววาววาว ( ไม่ใช่! ) ผมมีอาการที่คนหลายคงบัญญัติไว้ว่ามันคือการแฮงค์ พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็จำอะไรไม่ได้ จำได้แบบขาดๆหายๆ แต่ที่จำได้ชัดคือพวกพี่ใจโหดพวกนั้นเอาแต่กรอกเหล้าผม -*-
   พอลุกขึ้นมาส่องกระจกก็ผมว่าสารรูปตัวเองดูแทบไม่ได้ ผมเลยกะจะอาบน้ำ แต่ก็สะดุดกับ จานข้าวบนโต๊ะ พร้อมข้อความที่แปะไว้ที่โต๊ะผม

   ‘ กินข้าวซะ แล้วอย่าอ้วกเลอะห้องละ กูออกไปส่งงานก่อน ’

   ผมเกือบจะซึ้งแล้วกับสิ่งที่มันทำ ถ้าไม่ติดว่าข้าวที่มันเอาให้ผมกินแต่เช้าคือหมูผัดกะปิกับน้ำเต้าหู้  แค่ได้กลิ่นคลื่นไส้เพิ่มแล้ว แต่ไหนๆเขาก็ตั้งใจซื้อมาให้แล้วผมก็เลยกินซะหน่อย แม้จะกินไปอยากอ้วกไปก็ตาม TT
   สุดท้ายผมก็กินมันจนหมด และอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเข้ามหาลัย เพราะวันนี้ ทางชมรมส่งข้อความมาว่าจะนัดเจอสมาชิกเป็นครั้งแรก แต่กว่าจะจะถึงเวลานัดก็อีกหลายชั่วโมง ผมเลยนัดเดอะแก๊งค์ผมไปนั่งเล่นในมอ ทำไงได้ละครับ อยู่หอก็เบื่อนี่นา
   เมื่อผมไปถึงโรงอาหาร สถานที่นัดพบของพวกเราในวันนี้ก็พบว่าสองสาวมาถึงก่อนแล้ว
   “ ไงพวกแก ถึงนานยัง ”
   “ สักพัก เป็นไงมั่งเนี่ย แฮงค์รึเปล่า ” พัดชาที่ดูเหมือนจะสนใจน้ำแข็งใสตรงหน้ามากกว่าที่จะเป็นห่วงผมจริงๆ 
   “ ก็ยังมึนๆหน่อย แต่คิดว่าโอเคแล้วนะ กินคำนึงสิ ”
   “ กินสิ…แล้วสรุปเมื่อคืนใครได้แกไปนอนที่ห้อง? ”
   “ หมายความว่าไง ? ”
   “ ก็เมื่อวานตอนที่เชนออกไปส่งแกได้แปปเดียวเมฆก็วิ่งเข้ามาในร้านถามหาแก พอบอกว่าเชนไปส่งแกแล้วก็รีบออกจากร้านไปเลย ” จิ้ปเราถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้หลังจากที่ผมออกจากร้านไปแล้วให้ฟัง
   “ เนี่ย ฉันเกือบโดนนายเมฆนั่นต่อยอยู่ละ พอรู้ว่าเชนไปส่งแก หมอนั่นก็เข้ามาเขย่าตัวฉันถามว่าปล่อยให้ไปกับเชนได้ยังไง ตุ๊ดหัวใจจะวาย ” พัดชากรอกตาเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเจอมา “ ทำไมไม่เห็นอ่อนโยนเหมือนเชนเลย ”
   “ แล้วสรุปตะวันได้นอนห้องใคร ห้องเชนหรือห้องตัวเอง ”
   “ เราก็นอนห้องเราสิจิ้ป พอดีเมฆมาเจอเราตอนจะขึ้นหอพอดี ”
   “ ว้า ไม่สนุกเลย นึกว่าจะมีแย่งกันอะไรอย่างนี้ซะอีก ” จิ้ปดูเสียดายมาก
   จริงๆมันแย่งแหละ แย่งจนผมอ้วกเลยไง แต่เรื่องอะไรจะเล่าให้พวกนี้ฟังละ เดี๋ยวก็ได้คุยแต่เรื่องนี้ทั้งวันไม่จบแน่ๆ
   “ แล้วนี่พรุ่งนี้จะคัดแล้ว พร้อมไหมพวกแก ” จิ้ปถามขึ้นมา เมื่อเห็นว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่พวกเราต้องคัดลีดแล้ว
   “ พร้อมแล้ว ” สำหรับผม ผมพร้อมแล้ว จากตอนแรกที่ไม่อยากเป็นเท่าไหร่ ตอนนี้ผมกลับตื่นเต้น กลัวว่าจะไม่ได้เป็น
   “ ส่วนฉันยิ่งกว่าพร้อมอีก ” พัดชาที่ดูเหมือนพกความมั่นใจมาเต็มที่ ตอบแบบสบายๆ “ แล้วนี่ชมรมเขานัดพวกเราไปเจอที่ไหนนะ ”
   “ ก็ที่ห้องประชุมตรงตึก 3 ” ผมเปิดดูข้อความในไลน์ที่พี่ที่ชมรมส่งมาเพื่อความชัวร์ “ ละนี่เอาไงเหลือเวลาอีกตั้งนาน จะทำไรดี ”
   “ ไม่รู้อะ ไปนอนรอที่ห้องสมุดไหมละฉันยังง่วงอยู่เลย ” จิ้ปเสนอ
   “ โอเค งั้นรีบกินให้หมดเถอะ จะได้ไปนอน ” ผมเองก็ง่วงเหมือนกัน

   หวังว่าวันนี้คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกนะครับ


- Chain Time –

   สวัสดีครับ ผมชื่อเชนนะครับ ปัจจุบันเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ หวังว่าทุกคนจะรู้จักผมแล้วนะครับ วันนี้ผมก็ ได้ไปเที่ยวกับพวกเพื่อนๆของผมที่ร้านเหล้าแถวมหาลัย แล้วบังเอิญผมเจอตะวันพอดีเขามากับเพื่อนๆของเขา ผมเลยได้แต่ดูเขาอยู่ห่างๆ ผมจีบตะวันมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว แต่เขาก็ไม่เล่นด้วยสักที ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่ผมก็หน้าตาดีไม่ใช่น้อย -.,-
   “ กรี๊ดดดด! พี่คะ ตะวันอ้วก TT ”  ขณะที่ผมกำลังดื่มอยู่ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางโต๊ะตะวัน
   คนเก่งของผมอ้วกซะงั้น แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี > <
    “ แล้วนี่เอาไงดี กลับก่อนไหม มีใครรู้ห้องตะวันมั่งพาเพื่อนไปส่งหน่อย ”
   “ เดี๋ยวผมไปส่งให้ก็ได้ครับ ” ผมรีบเข้าไปเสนอตัวก่อนที่จะมีคนแย่งหน้าที่นี้ไป
   “ อ้าวเชน! พอดีเลย เชนรู้ห้องตะวันไหม ” พัดชาเพื่อนตะวัน เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นผมก็เลยถามขึ้นมา
   “ รู้ๆ เดี๋ยวเราพาตะวันไปส่งให้ก็ได้นะพัดชาไม่ต้องเป็นห่วง ”
   “ งั้นเราฝากหน่อยนะ เดี๋ยวเราต้องพาเพื่อนคนอื่นๆกลับหอ ”
   “ โอเคๆ พัดชาไปส่งเพื่อนคนอื่นเถอะ เดี๋ยวตะวันเราดูแลเอง ช่วยอุ้มตะวันขึ้นหลังเราหน่อยสิ ”
   “ อ่าๆ อึ๊บ…. ตะวันอย่าอ้วกใส่หลังเชนนะ ”
   เมื่อบอกลาพวกเพื่อนตะวันแล้วผมก็อุ้มเขาขึ้นรถของผม จัดแจงปรับเบาะให้เขานอนได้สบาย 
   “ งืมๆ ไม่หวายแล้ว ”
   “ ทนหน่อยนะตะวัน  แป๊ปเดียวก็ถึงหอแล้ว ”
   “ อื้อ….”
   “ เมาอย่างนี้เชนแอบลักหลับได้ไหมเนี่ย ” ผมบอกทีเล่นทีจริง ไม่รู้หรอกครับว่าคนที่อยู่ข้างๆผมคนนี้เขาจะมีสติพอที่จะรู้ไหม

   “ เมฆ… ”

   ตะวันพึมพำชื่อหนึ่งขึ้นมา ซึ่งผมก็ได้ยินมัน อะไรกัน! นี่เขาสองคนเป็นอะไรกัน ทำไมตะวันถึงต้องนึกถึงมันด้วย
   “ จะอ้วกอะ แง้ ” ตอนนี่เขาเริ่มงอแงแล้วครับ แล้วผมจะทำไงดีเนี่ย TT
   “ ทนหน่อยนะครับคนดีของเชน ” ผมเอื้อมมือไปกุมมือเขา จะถือว่าฉวยโอกาสก็ได้ จริงๆแล้วอยากทำมากกว่านี้อีก ยิ่งพอได้ยินเขาพูดถึงไอ้เมฆนั่น ยิ่งอยากปล้ำให้รู้แล้วรู้รอด
   แต่สุดท้ายผมก็อดทนแล้วทำมากสุดแค่กุมมือเขาเบาๆ จนมาถึงหอ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆสำหรับผม
   
   “ ตะวันพอจะลุกไหวไหม ”
   “ หวายๆ ” ตะวันตอบแบบมีสติมานิดหน่อย แล้วพอเขากำลังจะก้าวขา เขาก็เหมือนจะล้ม ผมเลยเข้าไปรับเขาไว้
   “ ไหนบอกว่าไหวไง ลุกยังเซเลย ขี่หลังเราไหม เดี๋ยวเราพาขึ้นห้อง ”
   “ ไม่เปนราย เราหวาย เดินได้ ”
   “ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราช่วยพยุง ”

   ตอนนี้ตะวันตัวชิดกับผมมาก อยากจะก้มไปหอมแก้มจัง 
   “ เดี๋ยวกูพามันขึ้นห้องเอง ” ในขณะที่ผมกำลังจะพาตะวันขึ้นหอ ก็มีคนมากระชากตะวันออกจากตัวผม นายเมฆนี่เอง
   “ ไม่เป็นไร กูพาตะวันขึ้นได้ ไหนๆกูก็รับปากพวกเพื่อนๆเขาแล้วว่าจะพามาส่งให้ถึงห้อง เพราะงั้นมึงแหละปล่อย ”
   “ แต่กูเป็นเมทมัน มึงส่งมันแค่นี้ก็พอแล้ว ที่เหลือกูพาไปเอง ”
   “ แต่กูเป็นคนพามา กูมีสิทธิ์จะไปส่ง ”
   “ แต่กูเป็นเจ้าของห้อง ”
   อะไรของมันวะ ผมเป็นคนพาเข้ากลับมาแท้ๆ อยู่ดีๆจะมาแย่งไปต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เลยหรอ
   จังหวะที่พวกเรากำลังดึงไปมา เขาก็อ้วกออกมา “ โอ๊กกกกกกก ! ถุ๊ย ”
   แง้ รองเท้ากุชชี่ที่พึ่งซื้อมาของผมเลอะหมดเลย TT
   “ โอ๊ย เนี่ยเพราะมึงดึงไปดึงมาอยู่ได้ ตะวันเลยอ้วกเลย เป็นไรไหมตะวัน ” นายเมฆโยนความผิดมาให้ผมเฉย
   “ อย่าดึง ปวดหัว ไม่ไหวแล้ว อยากนอน TT ”
   “ ปล่อยเลยมึงอะ เดี๋ยวมันก็อ้วกอีกหรอก ” แล้วเมฆก็อุ้มตะวันไปเลย ผมก็เลยเดินตามไปอย่างทำใจ
   “ ตะวันไหวไหมครับ ”
   “ มันไหว กูดูแลเอง ”
   “ กูถามตะวันไม่ได้ถามมึง ”
   “ กูตอบแทนคนของกูได้ ไม่ต้องเสือกหรอก ” ไอ้หมอนี่ กล้าดียังไงมาบอกตะวันเป็นของมัน
   “ ของมึงตอนไหน ตะวันยังไม่เคยพูดเลย แล้วก็อุ้มดีๆหน่อย เดี๋ยวตะวันปวดคอ ” ไอ้หมอนี่อุ้มซะตะวันของผมคอห้อยเชียว “ มานี่กูอุ้มเอง ”
   “ ไม่ต้อง ถึงชั้นกูแล้ว กลับห้องมึงไป ” แล้วเขาก็เดินออกจากลิฟท์ไปเลย

   ผมไม่ยอมง่ายๆหรอก คอยดูนะ ผมจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้ตะวันมาเป็นของผม!

   

คำคมท้ายบท : เหล้ายี่ห้อไหนไม่อร่อย กินบ่อยๆ เดี๋ยวก็ อร่อยเอง..

- TBC -
     ยังไงฝากเชนไว้อีกคนนึงด้วยนะครับ จริงๆแล้วเชนเองก็เป็นคนที่น่ารักคนนึง แต่จะได้คู่ตะวันหรือเปล่า มาลุ้นกันนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะค้าบ ^^

ปล.แอลกอฮอร์เป็นสิ่งที่สนุกตอนดื่มแต่ถ้ามากไปจะลำบากตอนตื่น ยังไงก็กินแล้วก็มีสติกันด้วยนะครับ ด้วยรักและปรารถนาดีจากข้าพเจ้า
ปล.2 สวัสดีวันตรุษจีนทุกท่านนะครับ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ เฮงๆทั้งปีนะคร้าบ


                                 
   


   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2018 21:29:28 โดย ฺBluemoon »

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เชนกลัวมากกลัวไปร่วมมือกัลอิผีปูเป้มาก..
แต่ก็นะคงไม่มีใครโหดที่จะเล่นพ่อนางให้ไม่กล้ายุ่งด้วยได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ลุ้นให้ตะวันเลือกเชน เราว่าเชนน่ารัก ดูเป็นห่วงตะวันจริงๆ  :katai2-1:

ให้เมฆอยู่กับปูเป้ไปเถอะตะวัน

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 8
บัดดี้


       หลังจากที่พวกผมหลับกันเต็มตื่น ก็ถึงเวลาที่ทางชมรมเรียกพอดี แต่ปรากฏว่าพวกผมไปสายเพราะจิ้ปเกิดปวดท้อง ก็เลยต้องรอจิ้ปจัดการตัวเอง และเมื่อไปถึงก็พบว่า คนมากันเยอะแล้ว
   “ พวกน้องอยู่ชมรมค่ายอาสาหรือเปล่าคะ เข้ามาเร็วพวกพี่กำลังเริ่มพอดี ” พี่ที่ทำหน้าที่พิธีกร เรียกพวกผมที่เปิดประตูเข้ามา “ มานี่ๆ มาหน้าห้องเลยค่า ”
   ตอนนี้ทั้งห้องประชุมหันมามองพวกผมเป็นตาเดียว วันแรกมาก็เป็นจุดเด่นซะละ =_=
   “ อะไหนๆก็มาสายแล้วพวกพี่คงต้องมีบทลงโทษกันสักหน่อย ” พี่คนเดิมพูดพร้อมทำสีหน้าเหี้ยม “ แนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักกันหน่อยเร็ว ชื่ออะไรกันเอ่ย ”
   “ สวัสดีครับ ชื่อตะวันนะครับ อยู่คณะบริหารธุรกิจ ”
   “ จิ้ปค่ะ อยู่บริหารเหมือนกันค่ะ ”
   “ พัดชาค่ะ เป็นดาวบริหารค่ะ ” พอพัดชาแนะนำตัวก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคน
   “ ค่า น้องตะวัน น้องจิ้ป น้องพัดชานะคะ วันนี้พี่มีกิจกรรมมาให้ทุกคนทำนะคะ ไหนทุกคนลองบอกพี่หน่อยสิคะว่าเห็นพวกน้องกลุ่มนี้แล้วคิดว่าเขาเป็นคนยังไง เริ่มที่น้องตะวันก่อนเลยคะ ”
   “ เป็นคนสุขุมครับ ”
   “ เป็นคนใจดีคะ ”
   “เป็นคนสนุกสนานคะ ” หลายคนต่างยกมือตอบว่าผมเป็นคนยังไง จนมีใครบางคนยกมือตอบบ้าง
   “ เป็นคนน่ารักครับ ” เชนเป็นคนตอบประโยคนี้ออกมา
   “ อู้วววววววววว ” เกิดเสียงร้องแซวมากมายหลังจากที่เชนตอบ
   “ แหมๆ อย่าพึ่งมาจีบกันนะคะน้องๆ ” พี่เขาพูดแซวอีกคน ส่วนผมนี่ก้มหน้าไม่มองใครเลย อายจะตายไป
   และพี่เขาก็เปลี่ยนคนเป็นจิ้ปกับพัดชาต่อ ก่อนจะปล่อยพวกเราเข้าไปนั่งได้

   “ เอาละคะ งั้นพี่ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ พี่ชื่อ พี่แน๊ต เป็นประธานชมรมนี้ วันนี้ที่พี่เรียกน้องๆมาก็ไม่มีอะไรมากคะ พี่แค่อยากให้พวกเราได้มารู้จักกันเฉยๆ และจะมาแจ้งกิจกรรมที่เราต้องทำในปีนี้ด้วย ชมรมค่ายอาสาของเรา จะไปทำกิจกรรมพัฒนาชุมชมกันนะคะ ไหนใครในที่นี้เคยไปทำจิตอาสามาแล้วบ้างเอ่ย ” หลังจากพี่แน๊ตถาม ก็มีหลายคนยกมือขึ้น
   “ โอเคๆ ถือว่ายังพอมีอยู่บ้าง งั้นพี่แจ้งเลยนะคะ สำหรับปีนี้ ชมรมของเราจะไปพัฒนาชุมชมกันบนดอยนะคะ ไหนมีใครอยากไปมั่งเอ่ย ” ตอนนี้ทุกคนกลับยกมือพร้อมกันอย่างตื่นเต้น ว้าว จะได้ไปเที่ยวดอยด้วย คิดถูกจริงๆที่อยู่ชมรมนี้
   “ สำหรับระยะเวลานะคะ เราจะไปกันทั้งหมดหนึ่งอาทิตย์ก็จะไปในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย พี่จะมาบอกในคราวหลังนะคะ วันนี้มาทำกิจกรรมกันก่อนดีกว่า ”
   หลังจากนั้นเราก็ทำกิจกรรมต่างๆที่พี่เขาจัดมาให้ และมีคนที่มาสายกว่าผมอีกครับ เมทผมนั่นเอง แน่นอนเมฆก็โดนทำโทษโดยการให้เต้นตามที่พี่ๆเขาสั่ง ผมว่าเมฆคงอายเพราะเห็นหน้าเขาแดงแปร๊ดเลย เมฆตอนเขินนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย -////-
   จนมาถึงกิจกรรมที่พี่เขาบอกว่าเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมาทุกรุ่น คือการให้จับบัดดี้ แต่ละคนจึงเดินออกไปจับฉลากทีละคนและผมดันจับได้เชนเป็นบัดดี้ผม! นี่ผมต้องคอยเทคแคร์เชนสินะ อยากรู้จังคนอื่นจะได้ใครมั่ง
   “ พัดชา จิ้ป ได้ใครอะ ” ผมหันไปถามเพื่อนสนิททั้งสอง
   “ ฉันได้พีมที่อยู่วิศวะ ” พัดชาตอบพลางแอบชี้ให้ดูบัดดี้ของตัวเอง เป็นหนุ่มรูปร่างกำยำ น่าจะถูดใจพัดชา
   “ ส่วนฉันได้ มิ้น คณะ ศิลปกรรม โอ้ยแล้วฉันจะเทคแคร์ยังไงดีเนี่ย ดูโลกส่วนตัวสูงซะด้วย ” จิ้ปเหมือนจะหัวเสียเมื่อพูดถึงบัดดี้ที่ตัวเองจับได้ “ แล้วตะวันละได้ใคร ”
   “ เราได้เชน ”
   “ แหมๆ พรหมลิขิตรึเปล่าเนี่ย จากบัดดี้จะได้เป็นแฟนไหมนะ ” พัดชาแซวขึ้นเมื่อรู้ว่าผมจับได้ใคร
   “ โอ้ย ไม่เอาหรอก นี่เมื่อไหร่แกจะเลิกเชียร์ให้ฉันเป็นแฟนเชนเนี่ย ”    “ ใช่! บอกแล้วไงตะวันต้องคู่เมฆต่างหาก ” จิ้ปช่วยผมเถียง
   “ เอ้า ก็ฉันอยากให้แกได้มีคนดีๆคอยดูแลไง เชนดูแลแกดีจะตาย ” พัดชาที่แปะหน้าผากเต็มที่ว่าทีมเชนเชียร์อย่างออกนอกหน้า แต่ไม่เอาหรอก ถ้าผมจะคบ ผมคบเชนตั้งแต่ม.ปลายแล้ว บอกแล้วว่าไม่ชอบคนเจ้าชู้แถมอีกอย่างหม่อนก็ชอบเชนด้วย
   เมื่อหันไปมองทางบัดดี้ผมก็เห็นว่ากำลังคุยกับชาวบ้านเขา ไปหว่านสเน่ห์ใส่คนอื่นไปเรื่อย เห้อ หม่อนนะหม่อน ชอบคนผิดซะละมั้ง
   “ ไง ขี้เมา ได้ใครเป็นบัดดี้ ” เมทตัวดีของผมเดินเข้ามาทักผมก่อนจะหันไปทักเพื่อนๆผม “ สวัสดี ”
   “ สวัสดีจ๊ะ =_=  ” พัดชาที่ดูเหมือนจะกลัวเมฆตอบแบบไม่อยากจะตอบเท่าไหร่ “ ตะวัน งั้นเดี๋ยวฉันกับจิ้ปมานะไปห้องน้ำก่อน ”
   “ อ้าวแก เดี๋ยวสิ ” แล้วพัดชาก็ลากจิ้ปวิ่งไปเลย สงสัยจะกลัวเมฆจริงๆ
   “ สรุปได้ใครเป็นบัดดี้ ” เมฆดูเหมือนจะไม่สนใจกับการกระทำของพัดชาก็ยังคงถามผมต่อ
   “ ไม่บอกหรอก แล้วมึงละได้ใคร ” ขืนผมบอกหมอนี่ก็หาเรื่องหงุดหงิดใส่ผมอีกสิ ก็เขาไม่ถูกกันนี่
   “ กูก็ไม่บอก มึงไม่บอกเรื่องอะไรกูต้องบอกละ ” เมฆยักคิ้ว ทำหน้าตากวนส้น.. ใส่ผม
   “ เออไม่บอกก็ไม่บอกไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ตามสบาย! ”
   “ แล้วข้าวเมื่อเช้าที่ซื้อให้กินหมดไหม? ” อยู่ดีๆเมฆก็เปลี่ยนเรื่อง ผมชินแล้วครับกับการเปลี่ยนเรื่องกะทันหันของเขา
   “ หมด! แต่มึงหวังดีหรือจะแกล้งกูเนี่ย หมูผัดกะปิกับน้ำเต้าหู้ไม่ได้เข้ากันเลย ” เมื่อนึกถึงอาหารเมื่อเช้าผมก็รู้สึกพะอืดพะอม ใครอยากลองไปลองกินกันดูนะครับ อาจจะชอบก็ได้
   “ ฮ่าๆๆๆ ก็กูไม่รู้จะซื้ออะไรให้มึงนี่หว่า คราวหน้าก็อย่าเมาแบบนี้อีกสิ ” เมฆขยี้หัวผมและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
   “ โอ๊ย อย่าขยี้ผมสิ เสียทรงหมด แล้วนี่ทำไมมาสายอะ อาจารย์ปล่อยช้าหรอ ” ผมพยายามปัดมือเขา แต่เขาก็ยังคงเล่นหัวผม
   “ ป่าว พอดีเป้เขาให้ไปกินข้าวเป็นเพื่อน กูก็เลยมาช้า ”
   พอได้ยินชื่อนี้ขึ้นมาผมก็หงุดหงิดทันที
   “ อ่อ อยู่กับแฟน แฟนมึงเป็นง่อยหรอ เพื่อนก็มีทำไมต้องตามมึงไปด้วย ”
   “ ก็ปอยกับเจนไม่อยู่ กูเลยต้องไป นี่อารมณ์เสียอะไรของมึงเนี่ย ”
   “ เปล๊า! กูก็แค่สงสัยว่ากินข้าวคนเดียวไม่ได้หรือยังไง ต้องมีคนอื่นอยู่เป็นเพื่อนตลอด ”
   “ เสียงสูงเชียวนะมึง ” เมฆพยายามจับผิดผม เอ๊ะนี่ผมมีพิรุธไปหรอ
   แต่แล้วก็มีเสียงช่วยชีวิตผมจากการโดนเค้นในครั้งนี้ เมื่อพี่จ้าเรียกไปทำกิจกรรมสุดท้าย ผมกับเมฆจึงเดินไปรวมตัวกับคนอื่นๆ

   “ ตอนนี้พี่ก็มีเกมสุดท้ายมาให้น้องๆเล่นกันนะคะ เอาละๆน้องแบ่งกลุ่มกันออกเป็นสามกลุ่มนะคะ เฉลี่ยๆกันไป แบ่งเลยคะ ” พอสิ้นเสียงปุ๊ป ทุกคนก็วิ่งจับกลุ่มกันสนุกสนาน กลุ่มผมก็มีพัดชา จิ้ป แล้วก็เมฆที่ผมรู้จัก ที่เหลือก็เพื่อนคณะอื่นๆปนๆกันไป
   “ สำหรับเกมที่พี่จะให้พวกน้องๆเล่นนะคะ ไหนๆเราก็ต้องมาอยู่ร่วมชมรมเดียวกันแล้ว เพราะงั้นเราควรจะสนิทกันมากกว่านี้และมีความสามัคคีกัน เกมนี้ชื่อว่า ส่งใจไปที่ปลายทาง โดยที่พี่จะให้น้องๆส่งกระดาษรูปหัวใจต่อๆกันโดยใช้ได้แค่ปากคาบนะคะ ทีมไหนส่งได้เยอะที่สุดจะเป็นผู้ชนะไป พร้อมแล้วเข้าแถวกันเลยค่า! ”
   แล้วพวกผมก็ตกลงกันว่าใครจะอยู่ก่อนอยู่หลัง โดยที่พัดชาอยู่ก่อน ตามด้วยจิ้ป ผม และเมฆ ตามลำดับ โดยการโอน้อยออก
   “ อย่าช้านะมึง กูไม่ชอบแพ้ ” เมฆบอกกับผม
   “ เออมึงก็อย่าพลาดละกัน ”
   “ พร้อมยังคะเด็กๆ ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มได้เลยจ้า ! ”
   แล้วพวกเราก็แข่งกันอย่างดุเดือดเหมือนชิงเงินรางวัลเป็นแสนๆ โดยทีมผมใช้วิธีงับแค่ปลายกระดาษเพื่อให้คนต่อไปคาบได้ง่ายๆ โดยมีเสียงเชียร์ของพี่ๆดังอยู่ไม่ห่าง แต่การที่ผมจะส่งให้เมฆนั้นจะลำบากหน่อย เพราะเขาสูงกว่าผม ผมเลยต้องเขย่งบ้าง เขาเองก็ช่วยโดยการก้มลงมาบ้าง ในขณะที่ทีมเรากำลังไปได้สวยก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อผมเผลอทำกระดาษหลุดจากปาก และเมฆก้มหน้ามาจะรับกระดาษพอดี
   “ จุ๊บ ” ปากผมกับเมฆเลยชนกัน และพวกเราก็อึ้งกันทั้งคู่
   “ กรี๊ดดดดดดดดด ” คนที่เชียร์ก็ยิ่งกรี๊ดดังขึ้นเมื่อเห็นภาพดังกล่าว ส่วนผมตอนนี้อายจนไม่รู้จะแทรกแผ่นดินตรงไหนแล้ว TT
   สุดท้ายการแข่งก็จบลงโดยที่ทีมผมเป็นผู้ชนะ ส่วนเมฆไม่ได้มีท่าทีเขอะเขินอะไรทั้งนั้น หน้าด้านหน้าทนจริงๆ แล้วพี่ๆก็ปล่อยผมกลับหลังจบกิจกรรมทั้งหมด
   “ ตะวันคร้าบ ไปกินข้าวกันไหม พัดชากับจิ้ปด้วยไปกินข้าวด้วยกันนะครับ ” เชนวิ่งเข้ามาหาผม เมื่อพวกผมเดินออกมาจากห้องประชุม หมอนี่ไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือไงนะ = =
   “ อุ๊ย ไปกินสิคะ เราอยากกินข้าวกับเชน ” พัดชาเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายชวนก็รีบตอบตกลงโดยไม่ถามผมเลยจะไปไหม
   “ ไปก็ไป จะกินอะไรละ ” แล้วผมบังเอิญหันไปเห็นเมฆพอดี “ อ้าวเมฆ! จะไปไหนหรอ ไปกินข้าวด้วยกันไหม ”
   “ ไม่ไป พอดีกูต้องไปหาเป้.. ” เมฆตอบพร้อมทำหน้าเซ็งๆ เมื่อหันมาเห็นพวกผมกับเชน
   “ อ๋อหรอ ! งั้นเจอกันที่หอละกัน ไปหาแฟนมึงเหอะ ” อะไรๆก็ปูเป้ ตัวจะติดอะไรกันขนาดนั้น น่ารำคาญ!
   “ อืม ” เมฆตอบสั้นๆแล้วเดินไปเลย
    เป็นอะไรของเขานะ อารมณ์ขึ้นๆลงๆจัง ตอนแรกยังอารมณ์ดีอยู่เลย ชิ
   “ งั้นเราไปกันเลยไหม เดี๋ยวเชนพาไปกินอะไรอร่อยๆเอง ” เชนเองตอนนี้ก็ดูอารมณ์ดีเกินเหตุ
   “ ไปก็ไป เชน เราขอชวนเพื่อนเราไปกินด้วยได้ไหม ? ” ตอนนี้ผมนึกอะไรดีๆออกแล้ว
   “ ได้สิครับ เพื่อนตะวันอยู่ไหนละ ไปพร้อมกันเลยไหม ”
   “ เดี๋ยวเรานัดเพื่อนเราไปเจอที่ร้านก็ได้ ไปกันเถอะ ” แล้วผมก็ทักไลน์ไปหาคนๆหนึ่ง

   แล้วเราก็มาถึงร้านเนื้อย่างที่ไม่ไกลมหาลัยมากเท่าไหร่ ตลอดทางที่มาพัดชาก็พูดกับเชนไม่หยุด และดูเหมือนสองคนนี้จะเข้ากันดีเชียว เรียกได้ว่าได้คะแนนพิศวาสจากพัดชาไปเต็มๆ
   “ ไหนละเพื่อนตะวันมาหรือยัง ” เชนถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนที่ผมนัดยังไม่มา
   “ เมื่อกี้เราทักไปถามบอกว่าจะถึงแล้วนะ อืม…..เอ้า!นั่นไงมาถึงแล้ว หม่อนๆทางนี้ๆ ” ผมหันไปเจอหม่อนที่เข้าร้านมาพอดี จึงโบกมือเรียกเขา
   “ สวัสดีทุกคน รบกวนด้วยนะ ” หม่อนยิ้มให้กับผม พัดชาแล้วก็จิ้ป ก่อนจะหันไปทักเชน “ สวัสดีเชน..”
   “ สวัสดีหม่อน พวกเราก็นึกว่าใครซะอีกที่ตะวันชวนมา ถามตะวัน ตะวันก็ไม่ยอมบอก ” จิ้ปยิ้มทักทายหม่อน
   “ ก็คุยกับหม่อนพอดีเลยชวนมา หม่อนมานั่งที่เราก็ได้ จิ้ปๆ เขยิบหน่อย ” ผมให้หม่อนมานั่งแทนที่ผมที่นั่งตรงข้ามกับเชนตอนแรก จริงๆมันเป็นแผนผมเองแหละครับที่จะชงหม่อนกับเชน
   “ ขอบคุณนะตะวัน แล้วนี่สั่งกันไปยัง ”
   “สั่งแล้.. ”
   “ ตะวันน่าจะบอกเราหน่อยนะว่าหม่อนจะมากินด้วย ” ผมยังพูดไม่ทันจบเชนก็พูดขึ้นมาพร้อมมองหน้าผมนิ่งๆ อะไรกันอยู่ดีๆก็ตึงใส่ผมเฉย
   “ ก็..เราเห็นว่ากินด้วยกันเยอะๆน่าจะสนุกดี อีกอย่างเชนกับหม่อนก็เป็นเป็นลีดด้วยกันก็เลยชวนมา ”
   “ อืม  อาหารมาแล้ว กินเถอะ ” แล้วเชนก็เริ่มปิ้งโดยไม่ได้คุยอะไรอีก ทิ้งให้พวกผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรงงเป็นไก่ตาแตก ส่วนหม่อนก็ทำหน้าเจื่อนๆ

   แต่พอผ่านไปสักพักเชนก็เริ่มพูดกับพวกผมอีกครั้ง เหมือนความตึงๆเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น เขาก็คีบของกินให้พวกผม แต่กลับไม่คุยกับหม่อนและทำเหมือนหม่อนไม่มีตัวตน ส่วนหม่อนก็กินแบบเงียบๆ ผมเห็นแบบนั้นเลยชวนหม่อนคุยบ้าง สงสารเขา ไม่อยากให้เขารู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ผมว่าเขาต้องมีเรื่องอะไรกันแน่ๆเลย เอาไว้ผมค่อยถามหม่อนที่หลังดีกว่า

   จนเมื่อเช็คบิลพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ โดยผมกับพัดชาและจิ้ปขอแยกไป เพราะจิ้ปต้องไปเอาอุปกรณ์ที่ใช้คัดลีดพรุ่งนี้ ตอนแรกเชนอาสาไปส่งแต่พวกเราก็ยืนยันว่าจะไปเอง แม้พัดชาจะแสดงอาการระริกระรี้อยากให้ผู้ชายไปส่งก็ตาม โดยผมก็ขอร้องให้เชนไปส่งหม่อนที่หอแทน ซึ่งเขาก็ตกลง พวกเราจึงแยกกัน

   “ พวกแกว่าเชนกับหม่อนเขามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ฉันเห็นเชนไม่พูดกับหม่อนเลยสักคำ ” จิ้ปเปิดประเด็นขึ้นมาเรื่องเดียวกับที่ผมสงสัย
   “ ฉันว่าเชนหึงหม่อนป่าวที่ตะวันชวนหม่อนมา ก็เชนมันชอบตะวันไม่ใช่หรอ ” พัดชาก็แสดงความคิดเห็นขึ้นมา
   “ แต่ฉันไม่ได้ชอบเชนสักหน่อย ฉันเองก็สงสัยนะว่าเขาทะเลาะกันหรือเปล่า เห้อแผนล่มหมดเลย ” ผมนึกแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
   “ แผนอะไรของแก ” พัดชาถามผม “ เล่ามาเลยนะถ้าเห็นว่าฉันเป็นเพื่อน ” 
   “ เออๆ เล่าก็เล่า คือว่าวันนั้นที่เจอเราเจอหม่อนแล้วหม่อนเรียกฉันไปคุยอะจำได้ไหม ” ผมถามทวนความจำทั้งคู่ ซึ่งพวกนั้นก็นึกก่อนจะพยักหน้า ผมจึงเล่าต่อ “ ก็วันนั้นหม่อนมาถามฉัน ว่าฉันเป็นแฟนกับเชนหรือเปล่า ง่ายเลยคือหม่อนชอบเชนแหละ ฉันก็เลยบอกไปว่าจะช่วยเท่านั้นเอง ”
   “ อ้าวนี่หม่อนชอบเชนหรอ โอ๊ยทำไมมันอีรุงตุงนังกันอย่างนี้เนี่ย ” พัดชาที่เหมือนจะเริ่มงงกับความสัมพันธ์ของพวกเราโวยวายขึ้นมา “ ทำไมไม่มีใครมาชอบตุ๊ดอย่างฉันบ้างนะ ”
   “ แล้วนี่จะเอาไงต่อ แกว่าป่านนี้หม่อนจะถึงหอยัง ” จิ้ปข้ามเสียงบ่นของพัดชาไปอย่างไม่มีเยื่อใย
   “ เดี๋ยวฉันถามก่อน ” แล้วผมก็พิมพ์ไปถามหม่อน “ หม่อนบอกว่าถึงแล้ว ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ”
   “ เห้อ เห็นหม่อนทำหน้าเศร้าแล้วฉันไม่โอเคเลย ฉันอยากให้เขาสมหวังนะ ” พัดชาที่ตอนนี้เหมือนจะทำใจได้ก็เริ่มแสดงความเห็นใจหม่อน
   “ เพราะงั้นฉันถึงช่วยหม่อนไง ฉันอยากให้สิ่งที่เขาหวังมันเป็นจริง…

   แล้วกว่าจะไปเอาของที่บ้านจิ้ปเสร็จ ผมก็แทบสลบ ตาจะปิดให้ได้ สรุปคือจิ้ปไปเอาชุดลีลาศที่บ้าน ผมก็พึ่งรู้ว่าจิ้ปเป็นนักเต้นลีลาศ ฝีมือนี่ไม่ธรรมดาเลย ถ้วยรางวัลเต็มบ้าน ตอนแรกก็ว่าจะเอาชุดแล้วกลับเลย แต่พอไปถึงเจอพ่อกับแม่จิ้ปที่ยังไม่นอน ท่านเลยชวนพวกผมคุย แถมยังให้ขนมมาไว้กินอีกเพียบ นึกแล้วก็อยากกลับบ้านไปหาคุณแม่มั่งจัง หลังจากพรุ่งนี้ที่คัดลีดเสร็จผมก็ว่าจะกลับไปหาคุณแม่สักวัน
   พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบว่าไม่มีใครอยู่ห้อง อะไรกัน นี่จะไปอยู่กับยัยปูเป้จนดึกขนาดนี้เลยหรอ
   พอผมเอาของไปวางที่โต๊ะก็เห็นรูปภาพรูปหนึ่งกับข้อความที่แนบไว้

   ‘ กูไปทำงานที่ห้องเพื่อนนะ วันนี้คงไม่ได้กลับห้อง ล็อคห้องให้เรียบร้อยด้วย แล้วก็รูปที่บอกจะวาดให้ วาดเสร็จแล้ว เอาไป ’

   เมื่อดูรูปก็พบว่าเป็นรูปท้องฟ้าในตอนเย็น โอ้โห! เขาวาดภาพสวยจริงๆครับ รูปที่เขาวาดแม้จะดูไม่มีอะไรมากแต่มันกลับอบอุ่นเหลือเกิน ผมได้แต่มองภาพนั้นและจมไปกับความคิดต่างๆ ก่อนจะเก็บทุกอย่างเข้าลิ้นชัก และไปอาบน้ำนอน



- Baimhon Time -
   
   สวัสดีครับ ผมใบหม่อนเองนะครับ ยินดีทีได้รู้จักทุกคน ผมก็เป็นอีกคนที่สอบติดเข้ามาที่มหาลัยนี้ ผมอยู่คณะนิเทศศาสตร์ครับ สาเหตุที่ผมเลือกเรียนคณะนี้เพราะว่าจริงๆแล้วผมตามคนๆหนึ่งเข้ามาเรียนครับ คนนั้นเขาชื่อเชน
   ผมเจอกับเชนครั้งแรกที่เรียนพิเศษแห่งหนึ่ง แต่ไม่เคยเข้าไปทักเขาหรอก เพราะเราเรียนคนละโรงเรียนกัน มันคงแปลกถ้าอยู่ดีๆจะเข้าไปทัก และตอนนั้นผมยังไม่มีความกล้าอีกด้วย แต่พอได้ยินเขาคุยกับเพื่อนเขาว่าจะเข้าเรียนที่นี่คณะนี้ ผมก็เลยเลือกเรียนคณะนี้ตามเขาครับ ฟังดูไร้สาระใช่ไหม? แต่คุณเคยมีรักแรกพบไหมละครับ แบบที่เห็นครั้งแรกก็อยากได้ที่จะอยู่ข้างๆเขา เพราะผมรู้สึกอย่างนั้นผมจึงพยายามลองดูสักตั้งเพื่อจะได้มาพบกับเขา ทีนี้ผมจะได้เข้าไปคุยกับเขาซักที
   แล้วผมก็ได้คุยกับเขาสักทีในวันปฐมนิเทศของคณะ แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมกลับบอกชอบเขาไปและเขาก็ปฏิเสธผมในวันไหน
   “ เรามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ขอโทษด้วยนะ อีกอย่างเราไม่มีวันชอบนายได้หรอก ” นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกใจสลาย หลังจากที่เขาปฏิเสธ
   ผมก็ไม่หยุดความพยายามแค่นั้น เพราะอย่างน้อยขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆเขาผมก็พอใจ ผมหวังแค่สักวันหนึ่งผมอาจจะมีโอกาสบ้าง ผมจึงไปสมัครเป็นลีดเพราะอยากให้เข้าเห็นความพยายามของผมบ้าง
   แต่นับวันกลับกลายเป็นว่า เขาดูรำคาญผมมากขึ้นทั้งที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงดูไม่อยากคุยกับผมขนาดนี้ ตอนแรกผมก็สงสัยว่าเขาอาจจะมีแฟนแล้ว และคนนั้นอาจเป็นตะวัน เพื่อนที่ผมได้รู้จักเพราะเหตุบังเอิญ พอดีวันที่ผมไปกินข้าวผมเจอตะวันพอดี พอได้พูดคุยกับตะวันผมก็เลยสบายใจนิดนึงที่อย่างน้อยเชนก็ยังไม่มีแฟน
   “ถ้าหม่อนชอบเชนจริงๆ เดี๋ยวเราช่วยก็ได้นะ ”
   “ ก็…..อื้อ ใช่เราชอบเชน ขอบคุณมากนะตะวัน งั้นเราขอไลน์ตะวันหน่อยสิ ”  ผมตัดสินใจบอกกับตะวันไปตรงๆ
   “ ได้สิ อะนี่ไลน์เรา ”
   “ งั้น ตะวันกลับเถอะ เดี๋ยวเพื่อนๆรอนาน ” ผมเห็นว่าผมรบกวนเวลาเขามาสักพักแล้ว
   “ โอเค ไว้เจอกันนะหม่อน สู้ๆนะ ” ตะวันบอกลาผมและให้กำลังใจ นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้สึกมีหวังมากขึ้น

   หลังจากวันนั้น กลับกลายเป็นว่าเชนไม่คุยกับผมเลย แม้เวลาเราเจอกันตอนซ้อม ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น เขาก็จะไม่พูดกับผม ผมกลายเป็นคนไร้ตัวตนสำหรับเขาไปแล้ว
   
   แล้วอยู่ดีๆวันหนึ่ง ในขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ตะวันก็ไลน์มาหาผม
   
   Tawan : หม่อนๆ ทำอะไรอยู่ว่างไหม?
   Baimhon : เราทำงานอยู่ ตะวันมีอะไรหรือเปล่า
   Tawan : จำเรื่องที่เราบอกจะช่วยหม่อนได้ไหม เนี่ยเราจะไปกินข้าวกับเชน มีเพื่อนเราด้วยพัดชากับจิ้ป หม่อนมาด้วยกันไหม
   
   กินข้าวกับเชนหรอ เอาไงดีนะ ถ้าไปแล้วเขาจะรำคาญผมมากกว่าเดิมไหมนะ

   Tawan : สะดวกเปล่า? เราอยากให้หม่อนมานะ จะได้ทำคะแนนไง
   
   ผมตัดสินใจสักพักนึง เอาวะเป็นไงเป็นกัน ไปก็ไป

   Baimhon : โอเคได้ ที่ไหนละตะวัน
   Tawan : ร้านเนื้อย่างที่เลยมหาลัยไปไม่ไกลอะ หม่อนรู้จักไหม ใกล้ๆกับห้าง XX
   Baimhon : รู้จักๆ งั้นเดี๋ยวเราไปเรียกรถละ เจอกันที่ร้านนะตะวัน
   Tawan : ได้เบยยย : D
   
   ผมก็รีบไปล้างหน้าล้างตา และลงไปเรียกแท็กซี่เพื่อไปที่ร้าน เมื่อไปถึงร้านตะวันก็ไลน์มาพอดี ผมเลยมองหาพวกเขาว่าอยู่ตรงไหน
   “หม่อนๆทางนี้ๆ ” ตะวันโบกมือเรียกผมให้ผมเดินไปที่โต๊ะเขา
   “ สวัสดีทุกคน รบกวนด้วยนะ ” ผมทักทายทุกคน “ สวัสดีเชน ”
   เชนมองหน้าผมแต่ไม่ทักผมตอบ สีหน้าของเชนไม่แสดงอะไรนอกจากความว่างเปล่า
   “ สวัสดีหม่อน พวกเราก็นึกว่าใครซะอีกที่ตะวันชวนมา ถามตะวัน ตะวันก็ไม่ยอมบอก ” จิ้ปเพื่อนของตะวันทักผมขึ้นมา
   “ ก็คุยกับหม่อนพอดีเลยชวนมา หม่อนมานั่งที่เราก็ได้ จิ้ปๆ เขยิบหน่อย ” ตะวันลุกให้ผมนั่งแทนที่ของเขา
   “ ขอบคุณนะตะวัน แล้วนี่สั่งกันไปยัง ”
   “สั่งแล้.. ”
   “ ตะวันน่าจะบอกเราหน่อยนะว่าหม่อนจะมากินด้วยอะ ” อยู่ดีๆเชนก็พูดขึ้นมา เสียงของเขาผมฟังก็รู้แล้วว่าเขาอารมณ์ไม่ดี 
   “ ก็เราเห็นว่ากินด้วยกันเยอะๆน่าจะสนุกดี อีกอย่างเชนกับหม่อนก็เป็นเป็นลีดด้วยกันก็เลยชวนมา… ”
   “ อืม  อาหารมาแล้วกินเถอะ ” หลังจากนั้นเชนก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าผม
   
   ตลอดเวลาที่กิน เชนทำเหมือนกับว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ในโต๊ะนี้ เขาคีบอาหารให้พวกตะวันโดยไม่เหลียวมองผมเลย ผมอึดอัดจนอยากกลับตอนนั้นเลย แต่ก็ไม่อยากให้ตะวันเสียน้ำใจที่ตั้งใจจะช่วยผม ผมเลยต้องทนกินให้มันผ่านๆไป
   “ เชนไปส่งหม่อนหน่อยสิ เดี๋ยวเราจะไปเอาของบ้านจิ้ป ” ตะวันบอกกับเชนหลังจากที่เรากินเสร็จ
   “ ไม่เป็นไรดีกว่าตะวัน เดี๋ยวเรากลับเองก็ได้ ”
   “ ให้เชนไปส่งแหละหม่อน กลับเองได้ไง นะเชนไปส่งหม่อนหน่อยนะ ” ตะวันหันไปพูดขอร้องกับเชน ซึ่งเชนก็เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ผมเลยสบายใจขึ้นมาหน่อย
   “ ได้สิตะวัน งั้นตะวันก็เดินทางดีๆนะ มีอะไรก็โทรมาละกัน ” เชนบอกลาพวกตะวัน ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ ปะหม่อน ขึ้นรถเดี๋ยวเราไปส่ง ”
   
   นี่ผมฝันไปหรือเปล่าครับเนี่ย เชนยอมพูดกับผมแล้ว ดีใจจัง แล้วผมก็ตามเขาไปในรถ แล้วเชนก็ขับออกมาจากร้าน แต่ทางที่เขาขับไปกลับไปใช่ทางกลับหอ สงสัยน่าจะแวะไปทำธุระก่อน
   ตั้งแต่ขึ้นรถมาเชนก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมอีก ผมไม่อยากให้มันเงียบแบบนี้ก็เลยชวนเขาคุย
   “ ขอบคุณนะเชนที่ไปส่งเรา แล้วนี่จะไปไหนหรอ? ”
   “ มึงทำแบบนี้ทำไม? ” เชนถามผมเสียงเย็น
   “ ทำอะไร เราไม่เข้าใจ ” ผมงงกับสิ่งที่เขาถามผม อะไรของเขา ผมไปทำอะไรกัน
   “ ก็ที่มึงพยายามเข้าหากูแบบนี้ มึงต้องการอะไร นี่มึงใช้ตะวันให้ช่วยใช่ไหม ”
   “ เห้ย ! เราเปล่านะ เราทำงานอยู่แล้วตะวันก็แค่ชวนเรามากิน เราก็เลยมาเท่านั้นเอง ”
   “ แล้วไม่รู้หรอว่ากูก็มา? ” ตอนนี้เชนเริ่มทำให้ผมกลัวแล้ว เสียงของเขาดูน่ากลัวมาก
   “ ก็…รู้ ” ผมตัดสินใจบอกเขาไปตรงๆ “ แต่..”
   “ กูเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่ามายุ่งกับกู ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรไม่ต้องคุยกับกู ยังไงกูก็ไม่มีวันชอบมึง มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอ ว่าไง!!  ใบหม่อนกูถามมึงอยู่นะ! ” เชนหยุดรถและตะคอกใส่ผมเสียงดัง
   “ เราถามจริงๆนะ เราไปทำอะไรให้เชนไม่พอใจเราขนาดนั้นหรอ เชนถึงดูรังเกียจเราขนาดนี้ ” ตอนนี้น้ำตาผมเริ่มไหลออกมาเมื่อเขาแสดงท่าทีไม่อยากอยู่กับผมแบบเปิดเผยขนาดนี้ “ ถ้าเราไปทำอะไรให้เชนเกลียดเรา เราขอโทษนะ แต่แค่เป็นเพื่อนกันก็ได้ เชนเป็นเพื่อนกับเราไม่ได้หรอ ”
   “ ……. ”
   “ ฮึก..เชน บอกเราหน่อยสิ ว่าทำไม ถ้าเราทำอะไรไม่ดี เราจะได้แก้ไข เราแค่อยากอยู่ใกล้ๆเชน ไม่ต้องเป็นอะไรก็ได้ แค่อย่ารำคาญเราก็พอ ” ตอนนี้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้วครับ ผมก็เลยร้องออกมา
   “ ลงไป ” นั่นเป็นคำตอบที่ผมได้จากเชน
   “ ….. ”
   “ ลงไปจากรถกู เดี๋ยวนี้! ไม่งั้นต่อไปก็ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก ! ” เขาตะโกนใส่ผมอีกครั้ง
   “ อืม เราลงก็ได้ ” แล้วผมก็เปิดประตูลงจากรถเขา แล้วเขาก็ขับรถไปเลยโดยไม่ได้สนใจว่าผมจะกลับยังไง
   ผมลงจากรถมา ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนโดนกรีดตามตัว มันรู้สึกเจ็บไปหมด ผมหมดแรงที่จะทำอะไร ได้แต่นั่งอยู่ข้างทางแล้วร้องไห้ออกมา

   Tawan : หม่อนถึงหอยัง ทุกอย่างโอเคไหม?

   ตะวันทักมาถามผม ผมไม่อยากให้เขาเป็นห่วงเลยเลือกที่จะโกหกเขาไป
   
   Baimhon : ถึงแล้ว ขอบคุณมากนะตะวันสำหรับวันนี้
   Tawan : แล้วนี่หม่อนกับเชนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าเราเห็นที่ร้านดูไม่คุยกันเลย
   
   มีสิครับ มีมากเลยแหละ

   Baimhon : อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกตะวัน เราโอเค เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะไว้เจอกันใหม่
   Tawan : อื้อ ไว้เจอกันนะหม่อน มีไรให้ช่วยก็บอกเราเลยนะ
   
   ผมเลือกที่จะไม่อ่านและไม่ตอบข้อความสุดท้ายของตะวัน ผมควรทำยังไงต่อไปดีนะ จะสู้ต่อหรือจะพอแค่นี้ดี ผมไม่อยากให้ตัวเองต้องเสียใจอีกแล้ว…

คำคมท้ายบท : คนที่ไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด แม้แต่ความคิดก็ยังไม่เคยถูก : (

-TBC-
จริงแล้วทำไมเชนถึงไม่ชอบใบหม่อนขนาดนี้ ลึกๆแล้วเขามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ใครผิดใครถูก หรือเรื่องนี้ใครจะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด ยังไงก็ฝากติดตาม ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ถ้าชอบก็เม้นท์กันมาได้นะครับ ^^


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
สงสารใบหม่อนมากหนูต้องเข้มแข็งนะ  :hao5:
ส่วนอิชะนีปูเป้มัอะไรมากกว่านั้นป่ะเมฆจะแคร์แบบแปลกๆน่าจะมีเบื้องหลัง

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยสงสารหม่อน  :hao5: :hao5:

สู้ๆนะหม่อน เชน ไอ้คนใจร้าย! :m31:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 9
ดวงจันทร์สีดำ

     และแล้ววันนี้ก็ถึงวันที่ผมต้องคัดลีด ตื่นเต้นจัง ง่วงๆก็ง่วง เนื่องจากเมื่อเช้าผมมีเรียนสองคาบติด แล้วก็ต้องมาเตรียมตัวแต่งหน้าทำผมต่ออีก โดยเรานัดกันที่ห้องของเพื่อนในลีดคนนึง ส่วนพวกผู้หญิงก็แยกไปอีกเตรียมตัวอีกห้อง
   “ โอ๊ย ฉันตื่นเต้นแล้วเนี่ย พวกเราจะคัดผ่านกันไหม ” พัดชาบ่นขึ้นมา
   “ เราว่าก็น่าจะผ่านกันหมดปะ คนมาคัดคณะเราก็ไม่ได้เยอะเท่าคณะอื่น ” เพื่อนคนนึงบอก
   ก็จริงนะครับ คณะผมตอนแรกคนก็มาคัดเยอะ แล้วก็หายไปวันละคนสองคน นี่ถ้าเอาใครออก คนก็คงแทบไม่เหลือแล้ว = =
   “ กรี๊ดดดด! ตะวันแกเห็นรูปนี้ยัง ” พัดชาที่อยู่ดีๆก็กรี๊ดขึ้นมาในขณะที่เขี่ยโทรศัพท์ไปมา
   “ อะไรของแก รูปอะไร? ”
   “ นี่ไงในเพจของมหาลัย เขาลงรูปแกกับเมฆ ”
   “ ฉันกับเมฆ? รูปไหน ฉันยังไม่เคยถ่ายรูปคู่กับมันเลย ” ผมงง ผมไปถ่ายรูปคู่กับเมฆตอนไหน
   “ โอ๊ย! เอ้า เอานี่ไปดู ”  แล้วพัดชาก็ยื่นโทรศัพท์ของนางมาให้ผมดู
   ไหนๆดูหน่อยสิ
   “ เห้ย ! ได้ไง ถ่ายไว้ด้วยหรอเนี่ย O_o ”
   เมื่อเห็นรูปผมก็ช็อกสุดขีด เพราะว่ามันคือภาพตอนที่ผมจุ๊บกับเมฆตอนกิจกรรมเมื่อวานนี้ พอไล่เข้าไปดูในคอมเมนต์ กลับมีคนมาเมนต์เยอะมาก
   “ ดังแล้วนะแก มีแต่คนเข้ามาจิ้น เฮ้อ! เป็นคนดังแบบนี้สงสัยจะผ่านการคัดโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก ” พัดชาแกล้งประชดทีเล่นทีจริง
   “ แต่ฉันไม่ได้อยากดังแบบนี้สักหน่อย แกไปบอกให้เขาลบได้ไหม ”
   “ เรื่องอะไรละ ฉันกดแชร์แล้วด้วยยะ ทิ้งไว้อย่างนี้แหละ ยัยปูเป้เห็นจะได้ดิ้นตาย เชิ่ด ” แล้วพัดชาก็เอารูปนี้ไปให้เพื่อนๆคนอื่นดู กลายเป็นเรื่องพูดคุยกันสนุกสนานไปแล้ว แซวผมกันไม่หยุด
   ป่านนี้เมฆจะเห็นรูปหรือยังนะ เขาจะคิดมากหรือเปล่า ผมกลัวเขาจะอายถ้าคนมาแซว แล้วจะกลายเป็นตีตัวออกห่างจากผม   
   เมื่อมองเวลาก็เห็นว่าใกล้เวลาที่จะคัดแล้วพวกเราจึงต้องเร่งเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนไปรวมตัวกันตามสถานที่ที่พี่ๆเขานัดไว้
   “ โอ้โห วันนี้สวยกันเป็นพิเศษเลยนะสาวๆ ” โอ๊ตพูดชมฝั่งผู้หญิง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงๆครับ เพราะแต่ละคนสวยจริงๆ
   “ ทางพวกผู้ชายก็หล่อเหมือนกันนะ โดยเฉพาะพัดชา วันนี้หล่อขนาดนี้ กลับไปใช้ชื่อพงษ์ไหม ”
   “ อีจิ้ป ! อยากเปลี่ยนสีแดงที่ปากจากลิปเป็นเลือดไหม จะได้สงเคราะห์ให้ ” พัดชาที่ทำท่าจะพุ่งเข้าไปตบจิ้ป เรียกเสียงหัวเราะให้เพื่อนๆ
   จากที่ตอนแรกพวกเราตื่นเต้นกัน กลายเป็นผ่อนคลายมากขึ้น
   “ น้องๆคะเดี๋ยวจับฉลากตามลำดับเลยนะคะ คัดทีละคนนะลูก เพื่อไม่ให้เสียเวลาทุกคนเข้ามาจับได้เลยคะ ”
   แล้วทุกคนก็ต่อแถวกันจับฉลาก ซึ่งผมได้ลัคกี้นัมเบอร์ครับ เลข 13 ส่วนพัดชาได้คนแรกเลย จิ้ปปิดท้าย พวกเราก็เลยอวยพรพัดชาให้โชคดี ก่อนจะแยกไปเก็บตัวอีกที่หนึ่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ ซึ่งแต่ละคนก็นั่งไม่ติดเก้าอี้เลย ซ้อมความสามารถพิเศษของตัวเองกันไม่หยุด ส่วนผมหรอครับ วันนี้ผมเตรียม โชว์เทควันโดครับ ไม่รู้จะเอามาโชว์แล้ว ไหนๆก็เคยเรียนมาก็เอาอันนี้แหละ
   เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนมาถึงคิวของผมพอดี
   “ สู้นะตะวัน ” จิ้ปและคนอื่นๆให้กำลังใจผม ผมจึงหันไปชูสองนิ้วเป็นการตอบรับ

   “ สวัสดีค่ะ แนะนำตัวเลยค่ะ ” พี่คนหนึ่งที่เป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ทำหน้าที่เป็นกรรมการในการคัดวันนี้
   “ สวัสดีครับ ผมชื่อนาย ทิวากร กุลธนาสกุล ชื่อเล่นชื่อตะวันครับ ” ผมยกมือไหว้พี่ๆทุกคน โห ตอนแรกนึกว่ากรรมการมีไม่กี่คน นี่นั่งกันเป็นสิบ เริ่มเกร็งแล้วแฮะ
   “ กุลธนาสกุล ?  นามสกุลคุ้นๆ ที่บ้านน้องทำธุรกิจอะไรหรือเปล่าคะ ”
   “ อ๋อ! ฉันนึกออกแล้ว นามสกุลนี้ที่ออกทีวีบ่อยๆ ทำธุรกิจส่งออกเจ้าใหญ่ของประเทศเลยนี่ ” พี่ผู้หญิงที่สวมแว่น พูดกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ “ แล้วพี่เขาก็เป็นลีดคณะเราด้วยนะ รุ่นแรกๆไง เขายังเคยให้สปอนเซอร์พวกเราเลย ”
   “ อ่อพี่ใหม่ ฉันจำได้แล้ว แล้วนี่น้องเป็นอะไรกับพี่ใหม่คะ ”
   “ ผมเป็นลูกครับ - - ” อะไรกัน นี่แม่ผมเคยเป็นลีดเหมือนกันหรอ ตอนโทรไปเล่าให้ฟังไม่เห็นแม่พูดเลย
   “ แหม โลกกลมจังเลยนะคะ ดีๆๆ ” เมื่อรู้ว่าผมเป็นลูกใคร บรรยากาศตึงๆจากพวกพี่เขาตอนแรกก็หายไป
   “ งั้นน้องตะวันโชว์ได้เลยค่ะ ^^ ”
   จากนั้นผมก็แสดงตามที่ท่าที่พี่เขาปล่อยให้ และ ความสามารถพิเศษที่ผมเตรียมมา จนมาถึงรอบตอบสัมภาษณ์ พี่ๆหลายคนก็ผลัดกันถามผม
   “ น้องตะวันมีแฟนหรือยังครับ ”
   “ ยังไม่มีครับ ”
   “ แล้วรูปที่ลงในเพจมหาลัยไม่ใช่แฟนหรอคะ? ”
   “ เอ่อ…นั่นเมทผมครับ พอดีทำกิจกรรมชมรมแล้วผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย ” ตายๆนี่ขนาดพี่ๆที่จบไปแล้วยังเห็นหรอเนี่ย
   “ แล้วน้องตะวันชอบผู้ชายหรือผู้หญิงคะ บอกให้เจ๊รู้ที ” พี่ที่ดูเหมือนเจ๊ที่สุดถามขึ้นมา เรียกเสียงเฮฮาชอบใจจากพี่ๆทุกคน
   “ ผม…เอ่อ ” จริงๆผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรแต่ก็ไม่ได้อยากประกาศใครต่อใครสักหน่อยว่าผมชอบผู้ชาย
   “ ว่าไงคะ? ตอบได้ไหมเอ่ย พวกพี่ๆแค่อยากรู้ ”
   เอาวะ ตอบก็ตอบ “ ครับ ผมชอบผู้ชายครับ ”
   หลังจากที่ผมตอบพี่ๆผู้หญิงทุกคนก็กรี๊ดขึ้นมา แต่ไม่ใช่กรี๊ดหวาดกลัวหรอกนะครับ ดูเป็นการกรี๊ดแบบถูกใจ นี่สาวๆสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมด =_=
   แล้วก็เป็นคำถามปกติทั่วไป ผมไม่ค่อยโดนคำถามจริงๆจังสักเท่าไหร่ ส่วนมากเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า

   แล้วก็ถึงเวลาประกาศผล สรุปผลคือพวกผมคัดผ่านกันทุกคน พวกเรานี่ร้องไห้กันออกมาด้วยความดีใจที่เพื่อนๆอยู่กันครบ พี่ๆเขาจึงจะไปฉลองให้พวกผมที่ร้านเดิม ซึ่งผมเองก็พึ่งรู้ว่าร้านนั้นเป็นร้านของรุ่นพี่ผมเอง นี่ผมต้องไปกินอีกแล้วหรอเนี่ย นึกถึงแล้วยังแสบคออยู่เลย  แต่จะปฏิเสธพี่ๆก็คงไม่ยอม สุดท้ายพวกผมเลยต้องกลับไปอาบน้ำแต่งตัวกัน เพราะถ้าให้ไปเลยคงเป็นงานคอสเพลย์ แต่ละคนแต่งตัวกันแฟนซีมาก
   พอกลับมาที่ห้องก็พบว่าเมฆไม่อยู่ นี่เขาไปไหนของเขากันนะ สงสัยยังทำงานไม่เสร็จ แต่พอเขาไม่อยู่ห้องผมกลับรู้สึกว่าห้องมันเงียบเกินไป นี่ผมเป็นโรคอยู่คนเดียวไม่ได้แล้วละมั้ง
   “ อ้าว! กลับมาห้องแล้วหรอ ” ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่เมฆก็เปิดประตูเข้ามาพอดี “ คัดลีดเป็นไง ”
   ตายยากจริงๆ!
   “ ก็โอเค ผ่าน! แล้วมึงไปไหนมาเนี่ย ”
   “ ทำงานอะดิ งานคณะกูเยอะจะตาย นี่ก็ขนกลับมาทำที่ห้องต่อเนี่ย ” ผมเห็นเมฆขนอะไรมาไม่รู้เต็มเลย นี่พึ่งจะเปิดเทอมเอง ทำไมงานเยอะจัง
   “ ตะวัน เอ่อ…แล้วนี่รูปที่กูวาดให้มึงชอบไหม? ”
   “ หืมรูป? อ๋อ..ก็สวยดี ”
   “ ถามว่าชอบไม่ชอบ ทำไมไม่ตอบละ ”
   “ ก็ … ”
   “….. ” เมฆจ้องผมเพื่อรอคำตอบ
   “ ก็ชอบ ” เขายิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ โอ้ยทำไมมันหล่อขนาดนี้วะเนี่ย
   “ เก็บไว้ดีๆนะ ”
   “ แล้วทำไมมึงเลือกวาดรูปนี้ละ? ” ผมก็ถามไปตามที่ผมสงสัย
   “ มึงก็แปลความหมายเอาเองสิ นี่กูวาดให้แล้วต้องมาอธิบายให้ฟังอีกหรอ วาดก็วาดฟรี ” เมฆบ่นผมเป็นชุด
   “ ชิ ! กูไม่รู้ก็ได้ ” ไม่บอกก็ไม่บอก หึ “ เออนี่ วันนี้กูไปกินเหล้านะ ”
   “ ไปอีกละ! เดี๋ยวก็เมาอีก จะไปทำไมวะ ” นั่นไงครับ คิดไว้ละว่าต้องโดนว่า แต่กูอยากไปที่ไหนละ สถานการณ์มันพาไปต่างหาก !
   “ ไม่เมาๆ วันนี้จะกินไม่เยอะ เอาน่ากูไม่อ้วกแน่นอน สัญญา ”
   “ ให้มันจริงเหอะ แล้ววันนี้ไปร้านไหน ร้านเดิมหรือเปล่า จะให้ไปรับไหม ? ”
   “ ร้านเดิมๆ วันนี้พี่เขาน่าจะมาส่ง ไม่ต้องมารับหรอก ทำงานมึงไปเหอะ ” ผมบอกเขาเมื่อเขาเสนอตัวจะมารับ “ งั้นกูไปอาบน้ำละ ”

   เมื่อผมอาบน้ำเสร็จก็ไปที่ร้าน โดยโดนพ่อคนที่สองกำชับไว้ว่าห้ามเมา ไม่อย่างนั้นจะจับไปนอนที่ระเบียง กลัวตายละ !
   “ น้องตะวันมาแล้วหรอ มาเร็วๆ ประเดิมสิบวิค่า ” พี่ยีนที่มาถึงก่อน ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มเมาแล้ว นี่มาถึงผมก็ต้องโดนเลยหรอเนี่ย TT
   “ พี่ยีน ! เดี๋ยวตะวันก็อ้วกอีกหรอก ” ส้มโอรีบช่วยผมเมื่อเห็นว่าพี่ยีนจะกรอกเหล้าผม
   “ นี่หนูๆ อ่อนแอก็แพ้ไปนะลูก ไม่มีข้อแม้จ้า เลือกเอาจะสิบวิหรือยี่สิบวิ ” พี่ยีนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น คงไม่มีอะไรจะหยุดเธอได้แล้ว
   “ สิบวิครับ ! ” ผมรีบตอบก่อนที่จำนวนเวลามันจะเพิ่มมากขึ้น
   ตอนนี้ทุกคนก็มากันครบแล้ว ค่ำคืนนี้ออกจะเละเทะไปนิด เพราะว่าพวกพี่รุ่นแก่ๆนี่แกล้งน้องๆกันหมด

   จังหวะที่พวกผมกำลังสนุกกันอยู่ นักร้องก็ประกาศขึ้นมา
   “ สำหรับค่ำคืนนี้นะครับ เราก็มีคนฝากบทเพลงหนึ่งมาให้คนๆนึงในร้านนี้นะครับ ”
   พอนักร้องพูดจบทุกคนก็หันไปสนใจกันหมด ว่าใครมาทำเซอร์ไพรส์อะไรกันหรือเปล่า
   “ คุณตะวัน คณะบริหารยังอยู่ในร้านนี้ไหมครับ ” หืม! นั่นมันชื่อผมนี่
   พอรู้ว่าเป็นชื่อผม โต๊ะผมก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
   “ กรี๊ดดด! อยู่นี่ค่า น้องตะวันอยู่โต๊ะนี่ค่า  ” พี่ยีนตระโกนบอกนักร้อง ซึ่งตอนนี้ผมเป็นห่วงพี่ยีนมากกว่าตื่นเต้นอีกครับ สภาพคือขี้เมาดีๆนี่เอง =_=
   “ ฮ่าๆๆ ยังอยู่นะครับ ก็ มีคนๆนึงเขาฝากบทเพลงนี้มาให้กับคุณตะวัน ทุกคนพร้อมที่จะฟังกันไหมครับว่าเป็นเพลงอะไร ”
   “ พร้อมค่า/พร้อม ! ” ตอนนี้คนทั้งโต๊ะ รวมถึงหลายๆคนในร้านตะโกนตอบพร้อมๆกัน นี่ใครมาแกล้งผมหรือเปล่าเนี่ย !
   “ ถ้าพร้อมแล้ว ไปฟังกันเลยครับ วัน ทรู ทรี โฟร์ ”
   แล้วเสียงกีต้าร์ก็ดังขึ้น

   ‘ หาในค่ำคืนฝนพรำ หาตามดวงจันทร์สีดำ
     เธออยู่ที่ไหน บนโลกอันแสนกว้างใหญ่….
     ถามกายที่เคยสวมกอด ถามใจที่ยังมืดบอด
     เป็นไปได้ไหม เรากลับมาพบกันใหม่ ’

   เมื่อเสียงนักร้องเริ่มร้องขึ้นทุกคนก็ปรบมือขึ้น ผมพยายามฟังเพลงนี้ มันเป็นเพลงที่ผมไม่รู้จัก แล้วผมก็พยายามคิดตามว่าใครกันที่ฝากเพลงนี้มา

   ‘ พยายามทำทุกอย่าง เจอแต่ความอ้างว้าง
     ที่ยังถา ที่ยังโถม ทั้งดวงใจ
     ภาวนาอย่างเลื่อนลอยฝากกับดาวนับร้อย
     ให้เธอรับ ให้เธอรู้ ถึงความใน.. ’
   
   ตอนนี้ผมเองก็ตกไปในเสียงเพลงที่รักร้องได้บรรเลงออกมา

   ‘ รู้ไหมว่าคิดถึง ทุกครั้งที่หันมองดูคืนวันเก่าๆ
         ที่ฝันเป็นอันเดียวกัน เมื่อก่อน
     เพราะฉันไม่เคยรักได้มากเท่านั้น เลยยังดึงดันอยู่กับความหวาน
     มันทรมาน ย้ำๆ ซ้ำๆ ในความทรงจำ
     ฉันเพียงอยากพบเจออีกสักครั้ง
     หวังแค่จะขอเธอกลับมา รักกัน อย่างเคย…’

   แม้ผมจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครที่ฝากเพลงมา แต่ผมกลับรู้สึกถึงความคิดถึงจากเพลงนี้

   ‘ เขียนเพลงเพื่อตามหาเธอ หวังวันหนึ่งเธอได้เจอ
     ให้บทเพลงนี้ พาเธอมาหาฉันที…’

[ เพลง ดวงจันทร์สีดำ (I Miss You So Much) - YOUNG MAN AND THE SEA ]


   ทันที่ที่จบเพลงผมก็นึกถึงเมฆขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน จากตอนแรกที่ผมเองก็พยายามที่จะไม่ได้สนใจแล้ว ว่าเขาใช่คนที่ผมตามหาไหม แต่ตอนนี้ ภาพความทรงจำเก่าๆในตอนเด็กมันก็โผล่มาอีกแล้ว ผมคิดถึงเขาจัง เมื่อไหร่ผมจะได้รู้ความจริงสักทีนะ
   “ ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับเพลงนี้ จริงๆแล้ว เขาฝากข้อความถึงคุณตะวันด้วยนะครับ ”
   “ ….. ”
   “ เขาคนนั้นฝากบอกว่า ‘ คิดถึงตลอดเวลา และอยู่ข้างๆเสมอ ’ หวังว่าทุกคนจะสนุกกับคืนนี้นะครับ งั้นไปฟังเพลงต่อไปกันเลย ”
   คิดถึงและอยู่ข้างๆเสมอหรอ? เอ๊ะหรือจะเป็นเชน หมอนี่ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่ด้วยสิ
   “ แกว่าใครเป็นคนฝากเพลงนี้ให้แกหรอ ” พัดชาถามผม ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน
   “ ไม่รู้อะ นึกไม่ออกเลย แกช่วยฉันมองหน่อยว่าเชนอยู่ในร้านนี้ไหม ”
   “ อืม… ไม่เห็นมีนะแก ทำไมต้องมองหาเชนอะ ” เมื่อผมมองไปรอบๆร้านก็ไม่เห็นเชนอยู่ในร้านจริงๆ ถ้าไม่ใช่เชน แล้วใครกันนะ โอ๊ย! มีแต่เรื่องให้งง
   “ เปล่าๆ ไม่มีอะไร กินกันต่อเหอะเดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ ”
   “ โอเคๆ รีบมานะแก ”
   ในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปห้องน้ำ ก็เดินไปชนกับใครบางคนซะก่อน
   “ ปอย เจน จับมันไว้ ! ” มีอีกเสียงสั่ง เมื่อผมเงยหน้าก็พบว่าเป็นปูเป้
   
   เพียะ !!
   พอคนที่ชื่อปอยกับเจนเข้ามาล็อคแขนผม ยัยปูเป้ก็ตบผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
   เพียะ !!
   โอ๊ย! สองทีซ้อนเลยครับ TT
   “ แกมายุ่งกับเมฆทำไม ! ” ยัยปูเป้ตะโกนใส่ผม
   “ อะไรฉันไปทำอะไรให้! ” ผมที่พยายามดิ้นให้หลุด แต่ยัยชะนีถึกสองคนนี้แรงเยอะชะมัด
   “ ฉันเห็นรูปในเพจว่าแกจูบกับเมฆ หน้าด้าน! ” แล้วปูเป้ก็ง้างมือจะตบผมอีกครั้ง แต่มีคนเข้ามาช่วยผมก่อน
   “ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! เธอจะทำอะไรน้องฉัน ” ตอนนี้พวกพี่ๆกับเพื่อนผม มากันครบเลยครับ ยัยสองคนที่ล็อคผมไว้เห็นว่าตอนนี้โดนล้อม เลยปล่อยผมและไปยืนกับหัวหน้านางแทน
   “ ทำอะไรหรอ ฉันก็จะตบสั่งสอนไอ้คนหน้าด้านที่มายุ่งกับของๆฉันไง หลบไป! ” ปูเป้เหมือนหมาบ้าเลยครับ นางพยายามเข้ามาทำร้ายผม แต่โดนพี่ยีนตบกลับซะก่อน
   เพียะ!!!!
   พี่ยีนตบกลับด้วยความแรงสุดแขน จนหน้ายัยปูเป้สั่น อู้ววววว! เผ็ด!  ผมถึงกับอ้าปากค้างเลย
   “ อย่ามาทำซ่าแถวนี้ ! ” พี่ยีนมายืนบังผมตัวผมไว้ เพื่อไม่ให้ยัยปูเป้เข้ามาทำอะไรผมได้ คนอื่นๆก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน
   “ อ๋อ! นี่หมาหมู่หรอ ทำไมพวกแกต้องปกป้องไอ้คนผิดเพศแบบนั้นด้วย มันกล้าดียังไงมาจูบกับแฟนฉัน!! ”
   “ นี่เธอ! ถ้าภาพที่เธอเห็นในเพจ มันเป็นอุบัติเหตุ เขาเล่นเกมกัน เคยเล่นไหมเกมอะ ตอนนั้นคนก็อยู่ตั้งเยอะ หัดมีสติซะบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็จะตบๆอย่างเดียว ” พัดชาออกโรงปกป้องผมอีกคน
   “ แล้วยังไง! ฉันไม่สนว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุหรือเปล่า แต่ใครก็ตามห้ามมายุ่งกับของๆฉัน ! หลบไป!!  ” แล้วยัยนี่ก็เข้ามาพยายามจะกระชากผม แต่โดนรุ่นพี่อีกคนผลักออกไป
   “ นี่! ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าไม่อยากโดนรุมกระทืบตรงนี้ ผู้หญิงฉันก็ไม่สนหรอกนะ ” พวกพี่ผู้หญิงตอนนี้พร้อมจะมีเรื่องกันหมดแล้ว เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้ว
   “ เป้ พอก่อนเถอะ เราสู้เขาไม่ได้หรอก ” เจนที่เห็นว่าท่าทางจะไม่ดีแล้วพยายามดึงปูเป้ให้ได้สติ
   “ ใช่เป้ อย่าเสี่ยงเลย ไว้ค่อยมาจัดการวันหน้าก็ได้ ฉันว่าไม่คุ้มหรอก ” ปอยเองก็ช่วยโน้มน้าวอีกแรง
   เมื่อเห็นว่าฝั่งพวกผมเอาจริงแน่ๆ ปูเป้ก็ยอมที่จะหยุด
   “ คอยดูเถอะ ฉันไม่ยอมง่ายๆแน่ ฉันจะให้พ่อมาจัดการ แก! ไอ้ตะวัน แกรอเลย ฉันจะทำให้แกจำว่าไม่ควรมายุ่งกับฉัน! ” แล้วพวกนางก็เดินออกจากร้านไป
   “ บ้านเมืองมีขื่อมีแป ลองมาสิฉันจะแจ้งความจับเข้าคุกเลย! ” พัดชาเองก็ตระโกนไล่หลังพวกนางไป
   ทำไมผมต้องมาซวยเพราะยัยนี่อีกแล้วเนี่ย นี่จะไม่จบกับผมจริงๆใช่ไหม ได้! ผมจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว
   “ เจ็บมากไหมน้องตะวัน ” พี่ๆเข้ามาถามผม พร้อมกับคุยกันยกใหญ่ว่าจะทำยังไงกับปูเป้ดี
   “ นิดหน่อยครับ ” จริงๆผมเจ็บมากเลยต่างหาก หน้าแดงหมดเลย มือหนักชะมัด
   “ งั้นเดี๋ยวกลับกันเลยดีกว่า หมดสนุกละ ตะวันเดี๋ยวพี่ไปส่ง ”
   “ ขอบคุณครับพี่หนิง ”
   หลังจากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ แล้วพี่ๆเขาก็ให้เบอร์ตำรวจที่เป็นญาติกับพี่เขาไว้กับผม บอกถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกให้โทรได้เลย แหมมีคนคอยช่วยผมเยอะจัง เห็นทีต้องไปไฟท์กับยัยปูเป้ซักยกแล้ว ผมไม่ยอมเจ็บตัวฟรีๆหรอก
   แต่ตอนนี้ผมจะเข้าห้องยังไงไม่ให้เมฆถามดีเนี่ย
   “ ไงมึง สรุปไม่เมาหรอวันนี้ ” พอเข้าห้องมาก็เห็นว่าเมฆกำลังนั่งทำงานอยู่
   “ ไม่เมา กูอาบน้ำก่อนนะ ” ผมรีบจะเข้าห้องน้ำเพราะกลัวเมฆเห็นรอยแดงที่หน้าผม
   “ เดี๋ยวก่อนตะวัน ” เมฆเรียกผมให้หยุด แล้วเดินมาหาผม “ หน้าไปโดนอะไรมา ”
   “ อ๋อ พอดีเพื่อนเมาแล้วมือมันปัดมาโดนหน้าไม่มีอะไรหรอก ”
   “ … ” เมฆมองหน้าผมเหมือนจับผิด
   “ มองอะไรของมึง ” ผมถามเมื่อเขาเอาแต่จ้องหน้าผม
   “ ตะวัน อย่าโกหก บอกกูมาว่าโดนไรมา ”
   “ มึงรู้ได้ไงว่ากูโกหก ก็เวลาที่มึงโกหก มึงชอบขมวดคิ้ว ”
   “ O_o แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูชอบทำแบบนั้น ” หมอนี่รู้ได้ไงนะ ผมยังไม่เคยโกหกให้มันจับผิดเลยสักครั้ง
   “ ก็…. ก็มันดูมีพิรุธ! สรุปโดนอะไรมา ตอบมาเร็ว! ”
   ผมมองหน้าเมฆก่อนจะคิดแผนอะไรออก ผมจึงเริ่มแกล้งบีบน้ำตาใส่เขา
   “ เห้ย! มึงร้องไห้ทำไม ใครทำมึง เดี๋ยวกูไปจัดการให้ ” เมฆเมื่อเห็นผมร้องไห้ก็เริ่มลนลาน
   “ ฮึก… กูเดินๆอยู่ก็โดนใครไม่รู้เข้ามาตบ กูกลัว ฮือๆ ”  ผมเข้าไปกอดเขาพร้อมสะอึกสะอื้น
   เมฆที่ตอนแรกเหมือนตกใจที่ผมกอดเขา แต่สักพักเขาก็กอดผมกลับ
   “ ไม่เป็นไรนะมึง ไม่เอาไม่ร้องๆ มานี่เดี๋ยวกูทำแผลให้ ”
   แล้วเมฆก็ลากผมไปนั่งที่เตียงพร้อมกับ เอาน้ำแข็งมาประกบหน้าผม ตอนนี้หน้าเราใกล้กันมาก ผู้ชายอะไรทำไมผิวหน้าดีจัง สิวไม่มีสักเม็ด!
   “ กูอยากกลับบ้าน ”
   “ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปส่ง โอเคไหม? ”
   “ กูไม่กล้าอยู่คนเดียวแล้วอะมึง  กูกลัวจะเจอแบบวันนี้อีก ” ผมพูดพร้อมพยายามเค้นน้ำตาออกมา
   “ โอ๋เอ๋ ขวัญเอ๋ยขวัญมา ไม่ต้องกลัวแล้วนะมึง ” แล้วมันก็ดึงผมเข้าไปกอดเพื่อเป็นการปลอบ หมอนี่ก็ทำอะไรน่ารักๆเป็นเหมือกันแหะ
   “ งั้นมึงไปอาบน้ำนอนได้แล้วไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นแล้วกูไปส่งมึงที่บ้านเอง ”
   “ อื้อ..ขอบคุณอีกครั้งนะ ”

   คอยดูเถอะผมจะแย่งเมฆมาให้ได้เลย ทีนี้เตรียมดิ้นให้ตายเลยนะคุณปูเป้ : )


-TBC-
ใครกันที่เป็นคนขอเพลงให้กับตะวัน?  แล้วตะวันจะเอาคืนปูเป้ได้ไหม ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อด้วยนะครับ ช่วงนี้มีคนไม่สบายกันบ่อย ดูแลสุขภาพตัวเองกันด้วยนะครับผม ^^



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เดาว่า คนที่ขอเพลงให้ ก็คือเมฆ นั่นแหละ

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แย่งเมฆมาให้ได้นะตะวัน สู้ๆ

อยากตบนังชะนีปูเป้  :z6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด