คุณครูพี่มิน 6คุณครูพี่มินกำลังโกรธมาก
พี่แพททำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนก้มหน้า ฟังคุณครูพี่มินที่กำลังระเบิดอารมณ์ใส่ต๊อดอย่างรุนแรง ถ้าพี่แพทโดนด่าแบบต๊อด พี่แพทต้องร้องไห้แน่ๆ คิดแล้วก็แอบเหลือบมองต๊อด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าต๊อดแข็งแกร่งมาก นอกจากไม่ร้องไห้แล้วยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงคุณครูพี่มินด้วย
สุดยอดเลย
“ไม่ต้องแอบมองเลย รายต่อไปที่จะโดนดุก็คือพี่แพทนั่นแหละ” ตลอดมาพี่แพทเอาแต่คิดถึงและอยากเจอคุณครูพี่มิน มีครั้งนี้แหละที่ไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียง
“ก็พากลับมาโดยสวัสดิภาพแล้วนี่ไง มึงจะอะไรนักหนาวะมิน”
“แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางล่ะ”
“ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่หว่า มึงน่ะคิดมากไปเอง”
“ใช่ กูคิดมาก เพราะกูห่วงน้อง กูห่วงมึงไง กูผิดใช่มั้ย”
“กูขอโทษ กูจะไม่ทำอีก พอใจยัง”
“มึงไม่ได้สำนึกผิดเลยต๊อด”
“ก็มึงเอาแต่ด่ากู จะเอาเวลาที่ไหนไปสำนึกวะ เอาเป็นว่าคราวหลังกูจะไม่ทำเรื่องเสี่ยงๆ แบบนี้อีก ยกโทษให้กูเถอะ เลิกด่ากูซักที แค่แม่ด่ากูคนเดียวกูจะประสาทแดกแล้ว นี่ยังต้องมาฟังมึงด่าอีก”
“ถ้ามึงทำตัวดีๆ ใครจะด่ามึง”
“แล้วด่ากูพอยัง กูอยากกลับบ้าน” คำพูดของต๊อดเชื่อไม่ได้ มันไม่ได้อยากกลับบ้านหรอก ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเพื่อหาทางออกไปจากบรรยากาศครุกรุ่นนี้ต่างหาก
“ใส่หมวกกันน็อคด้วย”
“ครับพ่อ” ต๊อดยกมือไหว้ท่วมหัวด้วยท่าทางกวนๆ ให้มินยกกเท้าถีบไปทีก่อนเจ้าตัวจะวิ่งออกจากบ้านไป
พอต๊อดไป พี่แพทก็รู้สึกถึงความหนาวเหน็บที่กำลังลุกลามไปทั่วร่างทั้งที่ตอนนี้บนท้องฟ้ายังมีแสงของพระอาทิตย์อยู่
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน ขณะที่พี่มินนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องนอนพี่แพทอย่างตั้งอกตั้งใจ อยู่ๆ ต๊อดก็โผล่หน้าผ่านกรอบประตูห้องเข้ามาแล้วกวักมือเรียกให้พี่แพทตามออกจากบ้านไป
ไถ่ถามก็ได้ความว่าปีนกำแพงเข้ามาก่อนจะอ้อมไปเข้าประตูหลัง เดินไปรอบๆ นานทีเดียวกว่าจะเจอห้องนอนพี่แพท
เดินกันมาได้ไม่นานก็พบกับรถมอเตอร์ไซค์ถูกจอดเอาไว้ในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน
ต๊อดช่วยใส่หมวกกันน๊อคของผู้ใหญ่ที่ไม่กระชับหัวพี่แพทซักนิดก่อนจะอุ้มขึ้นนั่งข้างหน้าตน
รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไปเรื่อยๆ ในตอนแรกและค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นจนลมตีหน้าจนชาไปหมด แค่ก็สนุกและตื่นเต้นดี
ถึงกระนั้นก็ไม่ตื่นเต้นเท่ากับตอนที่รถจอดหน้าบ้านแล้วพบคุณครูพี่มินยืนตีหน้ายักษ์รออยู่
“ไม่ต้องมาทำหน้าสำนึกผิดเลย” มินว่าทั้งที่อารมณ์ฉุนเฉียวยังไม่ลดลงซักนิดพลางคว้ามือน้องแล้วจูงให้เดินตามเข้าบ้าน
“พี่แพทสำนึกผิดแล้ว พี่แพทขอโทษ”
“ถ้ารู้ว่าต้องขอโทษก็อย่าทำให้โกรธตั้งแต่แรกสิ”
“ต๊อดแหละ บุกเข้าบ้างมาชวงพี่แพท”
“แล้วเขาบังคับให้เราไปด้วยมั้ยล่ะ”
“เปล่า” ต๊อดไม่ได้บังคับ และเป็นพี่แพทเองที่เดินตามต๊อดไปอย่างง่ายดาย
“อย่าโทษคนอื่น”
“ก็ต๊อด...”
“ถ้างั้นพี่แพทก็โทษพี่มินด้วยเลยสิ พี่มินเป็นคนทำให้พี่แพทรู้จักกับต๊อดนะอย่าลืม”
“ไม่ คุงคูพี่มิงไม่ผิด พี่แพทเอง พี่แพทไม่เชื่อฟังคุงคูพี่มิง ก็พี่แพทน่ะอยากขี่มอเตอร์ไซค์มากๆ เลยนี่นา”
“หมายความว่าพี่แพทไม่เชื่อพี่มินใช่มั้ย” ที่สัญญาว่าจะเป็นคนพาขี่มอเตอร์ไซค์เอง
“ไม่ใช่นะ พี่แพทเชื่อคุงคูพี่มิง แต่ว่า...”
“พี่มินโกรธมาก”
“พี่แพทขอโทษ คุงคูพี่มิงไม่เอาไม่โกรธนะ”
“เมื่อกี้คุณแม่พี่แพทโทรมา บอกว่ากำลังจะกลับบ้าน ถ้าคุณแม่พี่แพทกลับมาเมื่อไหร่พี่มินจะกลับบ้านทันที”
“ไม่เอาดิ ยังไม่ถึงเวลากลับบ้างเลย พี่แพทไม่ให้คุงคูพี่มิงกลับนะ”
มินไม่ตอบโต้ ไม่แม้แต่ชายตามองเด็กน้อยที่เดินตามเขาเข้ามาในห้อง มองแผ่นหลังของคุณครูที่กำลังโกรธจัด มองมือเรียวกำลังเก็บของเข้ากระเป๋า
ใบหน้าเด็กน้อยเริ่มบิดเบ้ น้ำใสคลอในดวงตา ขาสั้นๆ ก้าวเข้าไปหยุดใกล้ๆ คุณครูพี่มินก่อนมือเล็กจะยื่นไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้
“คุงคูพี่มิง” มินเหลือบมองใบหน้าน่ารักที่กำลังเศร้า และเขาเกือบใจอ่อนแล้ว
ไม่ ไม่เด็ดขาด ถ้าเกิดยังตามใจน้องแพทแบบนี้ก็มีแต่จะส่งผลเสีย
“พี่แพทจะไม่ตามต๊อดไปอีกแล้ว อย่าโกรธพี่แพทเลยนะครับ”
มือที่สัมผัสแค่แตะๆ เปลี่ยนเป็นบีบเอาไว้ บอกผ่านดวงตาแม้คนตัวโตจะไม่หันมามองว่า ‘คุงคูพี่มิงอย่าไปเลย อย่าทิ้งพี่แพทไปเลยนะ’ แต่น่าเสียดายที่มินมองไม่เห็น ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้
“ต้องทำยังไงคุงคูพี่มิงถึงจะหายโกรธพี่แพทคร้าบ” มินใจอ่อนแล้ว อยากดึงน้องเข้ามากดไว้ให้จมอกแต่ก็ต้องข่มออารมณ์แสร้งทำเป็นไม่สนใจ
มือเล็กๆ ของน้องแพทถูกแกะออก มินสะพายกระเป๋าก่อนเดินออกจากห้องมานั่งที่ห้องรับแขก โดยมีเจ้าตัวเล็กปีนขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆ กัน
น้ำใสไหลรินรดสองข้างแก้ม มินเหลือบมองเพราะเสียงสะอื้นที่ดังแว่วมา
อยากยื่นมือไปช่วยเช็ดน้ำตา แต่...ไม่เด็ดขาด ถ้าใจอ่อนตอนนี้ล่ะก็สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็เท่ากับสูญเปล่า
“คุงคูพี่มิง พี่แพท ฮึก” เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนโดนปาตัวหิน
ความรักนี่มันน่ากลัวจริงๆ ยิ่งเป็นความรักที่เกิดจากใจอันบริสุทธิ์ยิ่งเปราะบางจนน่ากลัวว่ามันจะพังทลายเพียงเพราะสายลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านมา
“พี่แพทจะไม่ดื้อแล้ว จะเชื่อฟังคุงคูพี่มิงทุกอย่างเลยนะ อย่าโกรธพี่แพทเลยนะฮะ” น้องขยับขึ้นยืนด้วยเข่า โอบกอดรอบคอคนตัวโตไว้พลางซบหน้าลงบนไหล่ น้ำอุ่นๆ ที่ยังคงไหลรินจากดวงตากลมซึมลงบนเสื้อตัวบาง ให้มินสัมผัสกับความชุ่มชื้นอันหนาวเหน็บ
ทั้งที่น้องรักเขาขนาดนี้ แต่เขากลับเป็นคนทำให้น้องร้องไห้เสียเอง
ช่างแม่งแล้ว ถ้าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดต้องสูญเปล่าก็ช่างมัน
“กลับมาแล้วจ้า” หากในยามที่กำลังเอื้อมมือเพื่อสัมผัสน้องนั้นเสียงของคุณแม่ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
มินชะงักกึก เรียกสติแล้วรีบเบือนหน้าหนีก่อนน้องจะละสายตาจากเจ้าของเสียงมามองเขา
“พี่แพทร้องไห้ทำไมคะลูก” คนถูกถามใช้หลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ ขณะผละออกห่างคุณครูพี่มิน หากก็ยังมองมาด้วยสายตาละห้อยเหมือนลูกหมาที่ถูกดุ
“พี่แพทเปล่าร้องนะฮะคุงแม่ พี่แพทไม่ได้ทำให้คุงคูพี่มิงโกรธจริงๆ นะฮะ”
คนถูกกล่าวถึงหันมายิ้มแหย บอกลาแล้วจึงเดินออกจากห้องรับแขกมา หากในขณะที่กำลังสวมรองเท้าอยู่นั้นเสียงคุณแม่น้องแพทก็ดังมาจากด้านหลังให้ต้องหมุนตัวกลับไปมอง
มินเล่าทุกอย่างให้ฟัง แน่นอนว่าเขารู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งหากคุณแม่ของน้องแพทกลับเอาแต่ยิ้มและพูดว่าไม่เป็นไร ดีแล้วที่ลงโทษน้องแพทซะบ้าง
“ที่น้องแพทเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของแม่ พวกเราไม่ค่อยมีเวลาก็เลยปล่อยเอาไว้กับพี่เลี้ยง แม่ไม่รู้เลยว่าพวกเขาเลี้ยงตาแพทยังไง รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเด็กอย่างที่มินเห็นนี่แหละ”
“น้องแพทเป็นเด็กดีนะครับแม่”
“งั้นเหรอ ดีจังที่มินคิดอย่างนั้น แม่กลัวนะ กลัวว่าเราจะทนความดื้อรั้นของเด็กคนนั้นไม่ไหว แล้วทิ้งเขาไป ตาแพทน่ะชอบมินมากเลย รู้ใช่มั้ย”
มินเองก็ชอบน้องแพทมากเหมือนกัน ก็ตั้งแต่ได้เจอน้อง ชีวิตประจำวันของมันก็มีแต่เรื่องสนุกให้ทำตลอดเลย
ทั้งคู่ต่างได้รับจากอีกฝ่ายอย่างเต็มที่
“มินรู้ใช่มั้ยว่าสถานการณ์ของพ่อกับแม่ไม่ค่อยดีนัก”
ถึงมินจะไม่ตอบแต่ก็รับรู้ด้วยแววตาวูบไหวชั่วขณะหนึ่งนั้น ในคืนนั้นถึงแม้จะไม่ได้ยินทั้งหมดแต่ก็พอจับใจความได้ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงพอสมควร และหากปล่อยไว้แบบนี้สุดท้ายคนที่จะได้รับผลกระทบที่สุดก็คงไม่พ้นน้องแพท
“ในระหว่างที่แม่กำลังพยายามยื้อครอบครัวไว้ แม่ฝากมินดูแลน้องได้มั้ย”
ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธเลย
มินพยักหน้าทันที อาจเพราะไม่เคยมีน้องชาย ไม่เคยอยู่ในสถานะที่ตนสามารถเป็นที่พึ่งของเด็กได้ พอถูกมอบหมายให้ทำจึงรู้สึกฮึกเหิมอย่างที่สุด
หากเขารักษารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของน้องแพทเอาไว้ได้ตลอดไปคงเป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว
โรงเรียนเลิกแล้ว เพื่อนคนอื่นค่อยๆ ทยอยกลับบ้านเมื่อคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองมารับ บ้างก็กลับพร้อมรถโรงเรียน สุดท้ายก็เหลือแค่น้องแพทกับคุณครูพี่อรที่นั่งอยู่หน้าโรงเรียนอย่างที่เคยเป็น
พระอาทิตย์กำลังจะตก ท้องฟ้าฉาบด้วยสีส้มและมันก็ค่อยๆ จากไปก่อนจะถูแทนทีด้วยความมืดมนชวนให้รู้สึกเหงาะ
“ถ้าคุงคูพี่มิงไม่มารับพี่แพทจะทำไงอะคุงคูพี่ออง” เด็กน้อยว่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย มองคุณครูสาวด้วยสายตาละห้อยน่าสงสาร
“ทำไมจะไม่มาล่ะคะ ถ้าพี่มินไม่มา พี่มินต้องโทรมาบอกคุณครูพี่อรแล้วสิ”
“คุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทอะสิ”
“แล้วไปทำอะไรให้พี่มินโกรธครับ”
“เมื่อวาน ต๊อดขี่มอไซมา แล้วพี่แพทอยากขี่ด้วยแต่ว่าคุงคูพี่ไม่ให้ขี่ บอกว่ามันอังตราย แต่พี่แพทแอบหนีออกไปกับต๊อด”
“แล้วพี่แพทคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเนี่ยผิดมั้ยครับ”
“ผิดครับ” เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก “พี่แพทขอโทษคุงคูพี่มิงแล้วแต่คุงคูพี่มิงไม่ยอมยกโทษให้ พี่แพทถูกเกลียดแล้วแน่เลย”
พี่แพทไม่อยากถูกพี่มินเกลียดเลย
“พี่แพทคิดว่าพี่มินจะเกลียดพี่แพทลงเหรอ”
“พี่แพทไม่รู้ คุงคูพี่มิงใจดีกับพี่แพทมากเลย แต่ว่าพี่แพทเป็นเด็กไม่ดี บางที บางทีนะคุงคูพี่มิงอาจจะทิ้งพี่แพทไปเหมืองคงอื่นๆ ก็ได้”
“ทีหลังก็อย่าดื้อสิครับ”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังจากข้างหลัง น้องแพทรีบหมุนตัวกลับไปมอง ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ไฟถนนที่เปิดอยู่ด้านหลังสาดเข้าใส่คุณครูพี่มินทำให้มองหน้าไม่ชัดนัก แต่นั่นไม่ใช้ปัญหา เพราะแค่ฟังเสียงที่อบอุ่นขึ้นกว่าเมื่อวานก็รู้แล้วว่าคุณครูพี่มินหายโกรธพี่แพทแล้ว
“ขอโทษนะครับพี่อร มินมีงานที่ต้องทำที่โรงเรียน ปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย แถมแบตมือถือยังหมดอีก” มินหันไปบอกเจ้าของความใจดีที่ฉายชัดบนใบหน้าคมอย่างสาวไทยแท้
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ลำบาก สาวโสดทำงานอยู่ที่โรงเรียนทั้งวันยันโต้รุ่งยังได้เลย แต่เจ้าคนนี้น่ะสิ กังวลจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย เอาแต่บ่นว่าถูกคุณครูพี่มินเกลียดแล้วแน่ๆ เลย”
“ก็คุงคูพี่มิง...”
“แน่ะ!” เด็กช่างจ้อหุบปากฉับเมื่อถูกปรามไม่ให้พูดขณะผู้ใหญ่กำลังคุยกัน
“พาน้องกลับบ้านเถอะ หรือจะรอแม่”
“ไม่ล่ะครับ แม่กลับดึก”
“ใกล้สอบแล้วก็งี้ล่ะ กลับบ้านดีๆ นะเด็กๆ”
“ขอบคุณพี่อรอีกครั้งนะครับ”
“ขอบคุงคุงคูพี่อรนะคร้าบที่อยู่เป็งเพื่องพี่แพท ขอบคุงคร้าบ” แม้จะแสบ ซน ดื้อรั้นในบางครั้งแต่น้องแพทก็เป็นเด็กมารยาทดีมาก ในบรรดาพี่เลี้ยงที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาดูน้องก็คงมีคนที่ดีมากๆ อยู่ด้วยแน่ๆ
สำหรับมิน เขาอาจจะไม่ใช่พี่เลี้ยงที่ดีนัก แต่ก็คงไม่ถูกจัดอยู่ในโหมดพี่เลี้ยงที่น้องแพทไม่ชอบหรอกมั้ง
“คุงคูพี่มิง พี่แพท...” มือเล็กเอื้อมจับมือเรียวของคนตัวโตให้มินก้มลงมามองก่อนนั่งลงตรงหน้า
“ว่าไงครับ” รอยยิ้มอ่อนโยนที่ได้รับทำให้เจ้าตัวเล็กใจชื้นขึ้นมาพร้อมกับน้ำใสในดวงตาเหือดแห้งไป
“เกลียดพี่แพทมั้ย”
“ทำไมต้องเกลียด”
“ก็เมื่อวานพี่แพท...”
“พี่มินแค่โกรธไม่ได้เกลียดซักหน่อย ใครจะเกลียดพี่แพทได้ล่ะ ฮึ”
“พี่แพทขอโทษแล้วแต่คุงคูพี่มิงก็หนีกลับบ้างไปเลย พี่แพทกลัวมากเลยนะ กลัวคุงคูพี่มิงจะไม่กลับมาหาพี่แพท กลัวจะไม่ได้เจออีก ถ้าไม่เจอคุงคูพี่มิง พี่แพทไม่เอานะ จะอยู่ด้วยกังตลอดไป”
แค่คิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีกน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม เหมือนเมื่อคืนที่น้องแพทนอนร้องไห้จนหลับไป
“ไม่เอาไม่ร้องสิ พี่มินก็อยู่ตรงนี้แล้วไง” มินกุมมือเล็กมาวางไว้บนแก้มตนแล้วมองเข้าไปในดวงตาน้อง ก่อนใช้มืออีกข้างกุมใบหน้าน่ารักเอาไว้ พลางเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนข้างแก้มด้วยนิ้วตน “เห็นมั้ยพี่มินอยู่ตรงนี้ไม่ได้หายไปไหนเลย”
“พี่แพทจะไม่ดื้ออีกแล้วนะ คุงคูพี่มิงก็อย่าโกรธพี่แพทอีกนะ”
“ไม่รับปากได้มั้ย”
“ทำไมอะ ไม่เชื่อพี่แพทเหรอ พี่แพทจะไม่ดื้อแล้วจริงๆ นะ จะเชื่อฟังคุงคูพี่มิงทู้กอย่างเลย”
“ไม่สัญญาว่าจะไม่โกรธครับ”
“โหยไรอะ พี่แพทจะเป็นเด็กดีแล้วจริงๆ นะ จะไม่ไปเที่ยวกับต๊อดแล้ว ถ้าไม่มีคุงคูพี่มิง พี่แพทจะไม่ไปกับต๊อดแล้ว เชื่อซี่ เชื่อเถอะนะ”
“ก็ได้”
“เชื่อพี่แพทแล้วเหรอ”
“อื้อ” มินพยักหน้า ไม่รู้หรอกว่าเด็กนี่เชื่อใจได้แค่ไหน แต่เชื่อว่าหลังจากเรื่องนี้น้องคงเข็ดไปสักพัก
“เชื่อพี่แพทแล้วจริงๆ นะ”
“เชื่อแล้วครับ”
“คุงคูพี่มิงน่ารักที่สุดเลย ขอหอมแจ้มหน่อย”
“ไม่เอา” มินส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงให้เจ้าตัวเล็กแหงนหน้ามองด้วยสายตาสงสัยใครรู้ ปกติคุณครูพี่มินใจดีจะตาย ขอหอมก็ให้หอม แต่คราวนี้กลับปฏิเสธกันซะอย่างนั้น
คุณครูพี่มินน่ะต้องไม่รักพี่แพทแล้วแน่ๆ เลย
“ไม่รักพี่แพทแล้วเหรอ”
“รักสิครับ”
“ถ้ารักก็ต้องให้หอมแก้มสิ”
“รักครับแต่ไม่ให้หอมแก้ม”
“ถ้ารักก็ต้องให้หอมแก้มสิ” น้องยังยืนยันคำเดิม มินเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้
“ใครสอนว่าการหอมแก้มหมายถึงรัก”
“พี่เลี้ยงงายแต่พี่แพทจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร”
“ถ้าอย่างนั้นพี่แพทจำคำพี่มินนะ” มินโน้มตัวลงไปบอกน้องใกล้ๆ พลางยื่นมือไปจับมือเล็กพาให้เดินตามกันมาตามทางเดินเท้าสลัวๆ “ความรักน่ะไม่ต้องแสดงออกด้วยการสัมผัสกันก็ได้”
“แต่พี่แพทชอบให้สัมผัสนะมังอุ่งดี เหมืองกอดเลย แต่ว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีใครกอดพี่แพท ไม่มีใครอ่างนิทางให้ฟังก่องนองด้วย”
มินส่งพี่แพทเข้านอนเกือบทุกคืนและหลังจากคืนที่เด็กน้อยรู้ว่าเขาเล่านิทานไม่เป็น พี่แพทก็ไม่เคยร้องขออีกเลย และคงเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้รับความรักจากคุณพ่อคุณแม่ด้วยล่ะมั้งถึงได้ติดเขาแจขนาดนี้
“งั้นคืนนี้พี่มินเล่านิทานให้พี่แพทฟังก่อนนอนดีมั้ย”
“คุงคูพี่มิงเล่าไม่เป็งนี่นา จะเล่าได้งายอะ”
“ได้ก็แล้วกันน่า ไม่เชื่อเหรอ”
“พี่แพทเชื่อคุงคูพี่มิงทุกอย่างเลยนะ”
“ดีครับ งั้นมากอด” มินนั่งลงบนเก้าอี้ตรงป้ายรถเมล์พลางอ้าแขนออก แต่ดูเหมือนเขาจะอ้าแขนเก้อซะแล้วสิ เมื่อน้องแพททำเพียงยืนดูเฉยๆ ไม่ยอมถลาเข้ามาซุกอกเหมือนครั้งก่อนๆ
“ไหนคุงคูพี่มิงบอกว่าความรักไม่ต้องสัมผัสก็ได้งาย”
“ไม่อยากกอดพี่มินเหรอ”
สิ้นคำเจ้าตัวเล็กก็ถลาเข้ามากอดอย่างเคย ใบหน้าน่ารักซุกซบที่อกบาง ความอบอุ่นโอบล้อมคนที่เคยเป็นคนแปลกหน้าสำหรับกันและกันเอาไว้
ดีจังเลยน๊าที่คุณครูพี่มินไม่เกลียดพี่แพท
“มานั่งนี่มา” นั่งรถเมล์มาแค่ป้ายเดียวผู้โดยสารก็ขึ้นมาจนเต็มรถ ด้วยความที่เหนื่อยมาทั้งวันและไม่มีแรงจะไปเบียดกับใคร มินจึงเรียกน้องแพทให้ขยับมานั่งบนตักเพื่อคนอื่นจะได้นั่งด้วย
“คุงคูพี่มิงหนักมั้ย”
“กินข้าวกลางวันบ้างหรือเปล่าเนี่ย ตัวเบามากเลย”
“วังนี้พี่แพทกิงข้าวไม่ลงเลย”
“ทำไมล่ะครับ” มินขยับเข้าไปถามใกล้ๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเสียงพูดคุยของตนกับน้องจะไปรบกวนคนอื่นเขา
“คุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทนี่นา จะกิงข้าวลงได้งาย เนี่ย ถ้าคุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทบ่อยๆ พี่แพทก็จะกลายเป็นเด็กผอม ไม่น่ารัก”
“ใครบอกว่าเด็กผอมไม่น่ารักครับ”
“พี่เลี้ยงงาย ตอนที่บอกให้พี่แพทกิงข้าว พี่เลี้ยงบอกว่าเด็กผอมไม่น่ารัก คุงพ่อคุงแม่จะไม่รัก”
“พี่มินก็ผอมนะ งี้ก็แปลว่าพี่มินไม่น่ารักน่ะสิ”
“น่ารักซี่ คุงคูพี่มิงน่ารักที่สุดเลยนะ”
“จำเอาไว้นะครับ ความน่ารักไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตาหรอก ขึ้นอยู่กับนิสัยต่างหาก”
“แล้วพี่แพทนิสัยน่ารักมั้ย”
“น่ารักดีมั้ยนะ”
“น่ารักซี่ พี่แพทยังบอกว่าคุงคูพี่มิงน่ารักเลย คุงคูพี่มิงก็ต้องบอกว่าพี่แพทน่ารักด้วยซี่”
“แบบนี้ก็ได้ด้วย”
“ได้ซี่ เหมือนเวลาที่พี่แพทให้น้องแป้งหอมยืมสีไม้ไง พอพี่แพทยืมของน้องแป้งหอมบ้างน้องแป้งหอมก็ให้ยืมนะ”
มินคิดตามแต่ก็ไม่สนใจที่จะตอบคำถาม เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เขาจึงหลับตาลงทั้งที่น้องยังคงมองมาเพื่อรอคอยคำตอบ
“คุงคูพี่มิงไม่ตอบคำถามพี่แพทเหรอ”
“แปะโป้งไว้ก่อน” สัมผัสอุ่นๆ ของนิ้วโป่งประทับลงบนแขนเล็ก
“คุงคูพี่มิงหลับแล้วเหรอ”
“ขอนอนแป๊บนึงนะ”
“แล้วจะตื่นตอนไหน”
“ตอนถึงบ้าน”
“แล้วหลับอย่างนี้จะรู้ได้ไงอะว่าถึงบ้างแล้ว”
“เชื่อใจพี่มินสิครับ” มินว่าเสียงแผ่วเต็มทนพลางดันหัวน้องให้แนบไปอกตน กระชับแขนที่กอดเอวเล็กเพื่อให้นั่งได้สบายทั้งสองฝ่าย
ที่จริงพี่แพทแอบกังวลอยู่หน่อยๆ ล่ะ คุณครูพี่มินเอาหัวแนบกับหน้าต่างรถแล้วหลับไปแบบนี้จะรู้ได้ไงว่ารถเมล์ถึงป้ายที่ต้องลง แต่เมื่อกี้คุณครูพี่มินบอกให้เชื่อใจ และแม้จะกังวลใจแต่ก็ต้องเชื่อใจใช่มั้ยล่ะ
บางครั้งแค่ความเชื่อใจอย่างเดียวคงไม่พอ
พี่แพททอดสายตามองไปนอกหน้าต่าง เพื่อช่วยดูอีกแรงว่าใกล้จะถึงบ้านเราหรือยัง
ตื่นเต้นจังเลยน๊า
คุณครูพี่มินเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักและแสนมหัศจรรย์ พอใกล้จะถึงป้ายที่ต้องลงก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย พี่แพทนี่อึ้งไปเลย ขณะที่กำลังนึกชื่มชม ตัวก็ลอยขึ้นสู่อ้อมแขนอันอบอุ่นของคนตัวสูงกว่า คุณครูพี่มินเดินไม่กี่ก้าวเราก็ลงมายืนบนฟุตบาธแล้ว
“คุงคูพี่มิงทำได้ไงอะ” พี่แพทถามพลางกระชับกอดที่คอคุณครูพี่มิน
“เก่งไง”
“หูย คุงคูพี่มิงเก่งที่สุดเลย เก่งกว่าพี่เลี้ยงคงก่องๆ อีกนะ”
“เคยนั่งรถเมล์มาก่อนเหรอ”
“เคยซี่ แต่พี่เลี้ยงไม่ให้บอกคุงแม่ บอกให้เก็บเป็นความลับ แต่กับคุงคูพี่มิง พี่แพทไม่อยากมีความลับด้วยหรอกนะ”
“งั้นเรื่องนี้ก็เป็นความลับของเราสิ”
“ช่าย คุงคูพี่มิงอย่าบอกคุงแม่นะ”
“บอกดีมั้ยน๊า”
“ไม่เอา” มือเล็กยื่นมาปิดริมฝีปากสีสดของคุณครูพี่มินเอาไว้พลางส่ายหน้ารัวๆ
มองหน้าหยั่งเชิงกันอยู่นานทีเดียวกว่าเจ้าตัวเล็กจะยอมชักมือกลับ
“ทำไมถึงบอกไม่ได้ล่ะ”
“ความลับไง พี่เลี้ยงบอกว่าถ้าพี่แพทบอกคุงแม่ พี่แพทจะโดนดุ ไม่เอาด้วยหรอก เวลาคุงแม่ดุน่ากลัวมากเลย แล้วพี่แพทก็ร้องไห้ด้วย พี่เลี้ยงบอกว่าตอนร้องไห้ไม่หล่อ พี่แพทไม่อยากร้องไห้” แต่เมื่อวานกับวันนี้ก็ร้องไห้เพราะคุณครูพี่มินไปเยอะเลย
ก็จริงที่ว่าเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวให้ผู้ใหญ่อย่างเราแต่งแต้มสีสันต่างๆ ลงไป ถ้าฝีมือดีผ้าขาวก็จะมีลวดลายที่สวยงามน่ามอง แต่ถ้าฝีมือห่วยคงไม่ต้องบอกว่าผ้าขาวจะมีสภาพเป็นอย่างไร
อย่างน้องแพท มินไม่รู้ว่าที่ผ่านมาน้องเรียนรู้อะไรจากพี่เลี้ยงคนก่อนๆ บ้าง และเด็กน้อยก็หัวดีจำทุกเรื่องราวได้อย่างแม่นยำเสียด้วย
อาจจะไม่ได้บอกเล่าเป็นคำพูด แต่การแสดงออกหลายๆ อย่างก็บอกด้วยตัวมันเองแล้วว่าน้องช่างจดจำ
มีหรือที่เด็กช่างจดจำเช่นนี้จะไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์คนที่อยู่ด้วยกันทุกๆ วันในยามที่พวกเขาหายไป ทุกครั้งที่มีการจากลา ไม่ว่าพี่เลี้ยงคนนั้นจะดีหรือร้าย มินมั่นใจว่าน้องแพทก็คงรู้สึกเศร้า ไม่มากก็น้อย
เด็กน่ะอ่อนไหวจะตาย ขึ้นอยู่ที่ว่าเขาจะแสดงออกมาหรือเปล่าก็เท่านั้น
พวกเรากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยดี
อาหารเย็นถูกเตรียมเอาไว้แล้ว เหลือแค่อุ่นนิดหน่อยก็พร้อมรับประทาน
พี่แพทวางกระเป๋าไว้บนโซฟาข้างๆ กระเป๋าของคุณครูพี่มินก่อนเดินตามเจ้าของขายาวเข้าไปในครัว ปีนขึ้นไปนั่งรอบนเก้าอี้ เท้าคางมองคนที่กำลังอุ่นอาหารอย่างคล่องแคล่วด้วยความเพลินเพลิน
ถ้าโตขึ้น พี่แพทเก่งอย่างพี่มินก็คงดี
“มองอะไรครับ”
“มองคุงคูพี่มิง” แน่นนอนว่าพี่แพทไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย มองก็บอกว่ามอง
“หิวรึยัง”
“หิวมากๆ เลย” พอน้องว่าอย่างนั้นพลางลูบท้องป้อยๆ อย่างคนหิวโซที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ไม่สิ ต้องบอกว่ากินไม่ลงถึงจะถูก มินก็ยกอาหารที่เพิ่งอุ่นเสร็จมาเสิร์ฟ ตักข้าวแค่พอดีแล้วนั่งลงตรงข้ามเพื่นกินข้าวเย็นด้วยกัน
พักหลังมานี้มินกินข้าวเย็นกับน้องแพทบ่อยกว่ากินข้าวกับแม่เสียอีก รวมถึงพูดคุยกันมากกว่าด้วย
ปกติแล้วมินก็ไม่ค่อยได้คุยกับแม่นัก แต่พักหลังมานี้ยิ่งแทบจะไม่ได้คุยกันเลย บ่อยครั้งที่แอบสงสัยว่าแม่คิดกับตนอย่างไร หรือแม่กำลังมีความลับอะไรอยู่กันแน่
“คุงคูพี่มิงไม่กิงเหรอ ไส้กรอกอร่อยมากๆ เลย ถ้าไม่รีบกิงพี่แพทกิงหมดก่องไม่รู้ด้วยนะ” ถึงแม้จะว่าอย่างนั้นแต่มือเล็กๆ ก็ใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกของโปรดแล้ววางลงบนจานคุณครูพี่มินอย่างยากลำบาก แพราะมีตัวป้อมๆ เป็นอุปสรรค
มินตักไส้กรอกที่อัดแน่นไปด้วยน้ำใจเข้าปาก พลางมองหน้าเจ้าตัวเล็กที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ไม่พูดไม่จาซักคำ
สังเกตมาสักพักแล้ว น้องแพทเป็นเด็กมารยาทดีมาก แม้กระทั่งมารยาทบนโต๊ะอาหารเจ้าตัวก็รักษามันได้เป็นอย่างดี ยามเคี้ยวข้าว น้องก็จะเคี้ยวเบาๆ ยามมีอาหารอยู่ในปากก็ไม่เคยปริปากพูดเลย เมื่อกินเสร็จก็ดื่มน้ำตามแล้วใช้ผ้าเช็ดปากเบาๆ
น้องแพทเนี่ย บางทีก็เป็นเด็กแสบ บางครั้งก็เป็นเด็กดื้อ ถึงกระนั้นก็เป็นเด็กดีมากทีเดียว
คงจะดีถ้าได้เฝ้ามองน้องค่อยๆ เติบโตขึ้นตลอดไป
ถ้าเป็นพี่น้องที่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ก็คงดี
[TBC]ตอนสุดท้ายก่อนจะหายไปแบบยาวๆ เลย
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ
สงสัยล่ะสิว่าจะหายไปไหน 555 หายไปแต่ไม่ทิ้งค่ะ
หายไปเขียนพี่แพทกับคุณครูพี่มินให้จบแล้วค่อยกลับมาเจอกันแบบยาวๆ เลย
รอพี่แพทหน่อยน๊า