[เรื่องสั้น] ห้องลับภายในใจ [ตอนเดียวจบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ห้องลับภายในใจ [ตอนเดียวจบ]  (อ่าน 2870 ครั้ง)

ออฟไลน์ Maainmint

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ Maainmint

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0




เรื่อง  : ห้องลับภายในใจ
(เพลงประกอบ Safeplanet - ห้องกระจก (Mirror Room))






๐๐













ในวันที่ความเงียบกลืนกินบรรยากาศ ภายนอกอาคารฝนก็กำลังโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย









“มัท มึงจะมองไปที่หน้าต่างอีกนานไหม”

“อ้าวไอ้เชี้ย กูมองฝนตกก็ผิดหรอวะ”





ชายหนุ่มหันไปค้อนเพื่อนวงใหญ่หลังจากถูกขัดจังวะในการสังเกตุสายฝน





“คือมึงเพื่อน มันควรจะตื่นเต้นมากกว่านี้เว้ย แบบฝนตกเดือนกุมภางี้

มึงมองซะหงอยเหงาเป็นหมาโดนทิ้งเลยว่ะ”





“หมาโดนทิ้งไร กูโสดมายี่สิบเอ็ดปีจะเอาเวลาไหนไปทำเศร้าอกหัก”





“มึงก็ย้ำตัวเองจัง เอามะเดี๋ยวกูช่วยขาย “เพื่อนสนิทที่นั่งข้างกายพูดขึ้น





















กลับเจอตอบกลับด้วย

“โถเพื่อน กูแค่โสดนะ มันไม่โรคสังคมรังเกียจ ไม่ต้องเวทนากันขนาดนั้น

“อ้าว เหรอ”









“เออ!”









เพื่อนสนิทของชายหนุ่มผู้กำลังหัเสียยังคงเซ้าซี้ไม่หยุดหย่อน



ทั้งที่ปกติไม่ทำแบบนี้ แต่เพราะอาการประหลาดของคนตรงหน้า



ที่เกิดขึ้นมันเป็นเฉพาะวันนี้





เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้













“แต่มึงโอเคใช่ไหม”













“มันก็แค่ฝนตก กูคงจะเฉาเพราะฝนตกว่ะ”













ชายหนุ่มตอบเพื่อน



โดยสายตายังคงจ้องมองสายฝนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นเม็ดหนาขึ้น





























เสียงร้องจากภายในกลับพูดต่างไป





















เปล่าหรอก ผมน่ะเฉาเพราะเดือนนี้….

















๐๐





























เอี๊ยด



เสียงเลื่อนเก้าอี้ภายในห้องแห่งความเงียบ













ฟุบ



เสียงวางของบนโต๊ะตัวเดียวกันกับที่ผมกำลังฟุบอยู่











อ๋อ ลืมแนะนำตัวให้ได้รู้จัก

ผมชื่อมัท อยู่ศึกษาศาสตร์ เอกภาษาไทย



...โคตรแปลกว่าไหม



มันคงแปลกตั้งแต่ตกลงคุยกับที่บ้านเรื่องเรียนต่อแล้วล่ะ





พ่อแม่ที่เป็นครูก็บอกและผมก็คล้อยตามกับคณะ

ส่วนเอกผมเลือกเพราะชอบหนังสือ







มันคงติสต์เลยนะ ถ้าสัมภาษณ์งานแล้วผมตอบว่าชอบโลกของวรรณกรรม

คิดจะเปลี่ยนคณะอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ผ่านมาแล้วครึ่งชีวิตการเรียนมหาลัย







เห้ยๆ เห็นผมงี้ก็มีอุดมการณ์ความเป็นครูอยู่นะ



ไม่ได้มาเล่นๆ นะครับ







เล่าซะเพลิน แต่ฝนก็ยังโปรยปรายที่ด้านนอก

โต๊ะที่ผมนอนมันค่อนข้างติดมุมห้องและหน้าต่างใสแจ๋ว



เวลาแบบนี่แหละที่ผมชอบมาสิงสถิตอ่านหนังสือที่สุด





























แต่สำหรับวันนี้ แค่อยากมาเฉยๆ









มาดูฝน





















“จะไม่ตื่นมาดูจริงๆ ใช่ไหม”

เสียงทุ้มลึกถามขึ้น









เสียง….คนตรงข้ามที่เพิ่งเข้ามานั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน

ผมพอจะรู้แหละว่าใคร

















“อื้ม”





“ส่งเสียงแค่นี้”





“แล้วจะให้ตอบอะไร”





อีกฝ่ายเปลี่ยนคำถามเป็นคำแกมบังคับ

“ลุกขึ้นมากินข้าว”





“ไม่หิว” ผมบอกปัดปฎิเสธ



พร้อมห่อตัวเองกับเสื้อคลุมคณะพยายามนับแกะในใจ









“คนอุตส่าห์วิ่งมาจากลานกีฬาในร่ม”

เสียงบอกลอยตามลม แต่พอจับน้ำเสียงได้ว่าเจ้าตัวกำลังขอความสนใจ

อาการน้อยใจ ผมรู้จักดี



ครับ ผมเงยหน้าขึ้น



อีกฝ่ายนั่งกอดอกมองกระจกด้านนอกด้วยสายตาที่ว่างเปล่า



“แล้วมาทำไม”



สายตาก็เหลือบเห็นว่าเสื้อผ้าร่มของเขาเปียกชื้นระดับหนึ่ง





“มาหานายไง มัท”





“ตึกคณะกับอาคารเรียนนายมันไกลพอสมควรนะ”



แถมฝนจากเมื่อกี้ก็ดูจะตกหนักขึ้นมากด้วย





“ก็แล้วทำไม ก็คนอยากมา”

“กวนตีนว่ะ”

“กับนายคนเดียว”





กวนมากวนกลับไม่โกงฮะ “จีบเหร๊อ”

คนตรงข้ามเหล่มาก่อนจะตอบกลับมา





“ถามมากี่รอบแล้ว”







“ไม่รู้ดิ จำไม่ค่อยได้ ช่วงนี้เครียดกับวิชาหลักสูตรสมองเลยเบลอๆ “มัทเริ่มทำท่านับนิ้ว

“น้อยใจจัง จีบมาเกือบปีไม่เห็นจะก้าวหน้า”

คนตรงข้ามแม้จะพูดออกแนวน้อยใจ แต่มุมปากกลับยกยิ้ม









ผมอ้าปากหาวเล็กน้อย

“ไม่ไหวก็ถอย อย่างน้อยก็เพื่อนร่วมคณะร่วมรุ่น หรือเพื่อนร่วมมหาลัยดีล่ะ”

อีกฝ่ายทำหน้าหวานอมขมกลืนแปลกๆ

“ยิ่งใหญ่ไป รับไม่ไหว เอาแค่แฟนพอน่าอบอุ่นดี”





“เชี้ย ทิน พูดไรให้เข้ากับหน้าหน่อย”



เขารู้ว่าคนตรงหน้าเวลาเดินผ่านใครต่างบอกว่าโคตรแมนแสนเย็นชาติดเท่หน่อยๆ

แต่ทำไมพอมาอยู่กับเขาเจ้าตัวดูพูดแต่คำระรื่นหูจนเขาเอียนไปหมด





“ไม่เอา คุยกับคนที่ชอบก็ต้องเพราะๆ ดิ “









"ครับ "



ตอบรับสั้นๆ ก็ได้แต่งุดก้มหน้าโซ้ยข้าวผัดหมูนุ่มของผม (ที่ทินซื้อมาฝาก)





























ใครมันจะคิดว่าไอ้หนุ่มหน้าแมน คมเข้มแต่ไม่ถึงมากที่สุด

ผิวแทน สูงน่าจะร้อยแปดสิบสอง ผมทรงอันเดอร์คัตที่ไม่เคยเปลี่ยน

ชอบทำหน้าตายเสมอ



















และที่สำคัญเขาคนนี้เป็นคนที่เข้ามาสารภาพว่าต้องการจะจีบผมตอนจะขึ้นปีสาม

เอ่อ ก็พอรู้รสนิยมตัวเองว่าเปิดกว้างแม้ไม่ได้ลองเรียนรู้จริง

เพราะสิ่งแวดล้อมรอบข้างในโรงเรียนมัธยมชายล้วน



พอเข้ามหาลัยก็อยู่เอกที่มีประชากรหญิงท้วมท้น

















มองภาพชีวิตเด็กหนุ่มผิวขาวแต่ไม่ได้ผ่องกระจ่างเนื่องจากเอาชีวิตไปผูกติดกับการวิ่งอยู่พักหนึ่ง

ปากเป็นกระจับแบบที่เพื่อนสาวแท้เทียมชมว่าเล็กน่ารัก สูงร้อยเจ็ดสิบ

ติดผอมไปหน่อย ผมปล่อยยาวแต่ไม่เคยเกินปะบ่า



เนื้อตัวไม่พกไรมากมีหนังสือ หูฟังมือถือก็มีชีวิตรอด













ขนาดพูดในใจยาวนานขนาดนี้ คนตรงข้ามก็ยังไม่ละสายตาออกไปอีก*! *







๐๐





















“วันนี้ทำไมดูซึม”

ทินเอ่ยปากถามคนตรงหน้า





“ฝนตกพาซึม”





“ติสต์นะเรา”





“อาร์ตตัวพ่อเลยแหละ”









“ว่าแล้ว ยังว่าทำไมเอาใจยาก”









….





“เงียบเลย”





….







“พูดเล่นน่ะ”



มัทกล่าวขอบคุณเรื่องข้าวเที่ยง

“อิ่มแล้ว ขอบคุณสำหรับอาหารฮะ”









“ไม่เป็นไร” ทินยิ้มรับ





“เราหมายถึงพระแม่โพสพ”





“อ้าว”













“อ้าวไร”







ไม่พูดไรมาก ทินเอื้อมมือมาขยี้ผมอีกฝ่ายจนเสียทรง

“เห้ยๆ หมดหล่อ”

“น่ารัก”

มัทสะบัดหนีก่อนจะเซ็ตผมใหม่อีกครั้ง

พร้อมทั้งหันมาเก๊กยิ้มๆ ให้อีกฝ่าย

“หล่อไหมล่ะ ชายบนหิ้งของเอกนะเว้ย”

“สอยลงมาได้ปะ ไม่อยากให้ใครเห็น”









นี่ก็พูดยังกับจะสอยมะม่วง!





“ถ้าเป็นจริง จะเป็นมดที่อันตรายที่สุดเพื่อแฝงมะม่วงเลยเอ้า”

“วันนี้มาแปลก รุกเหลือเกินนะ”









มัทหรี่ตามอง









“ก็ วันนี้ฝนตก”



ทินยิ้มมุมปากตอบ













“เหตุผลไม่น่าฟังขึ้นนะ”













“หยวนๆ นะ มัท”

















แล้วเราทั้งคู่ก็เล่นเกมจ้องตาในความเงียบอีกครา...





















๐๐

















“ถามจริงทำไมถึงมาจีบเรา”

ความถามมีสาระก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเข้ามาจีบ



มัทยังไม่เคยเอ่ยปากถามเลยซักครา









“ก็ชอบ” คำสั้นๆ แต่หนักแน่น









“แค่ชอบไม่น่าทนมาเกือบปีนะ”

“ไม่รู้ดิแค่ชอบ ชอบทุกอย่างที่เป็นนาย”

“นายอาจจะเห็นแค่กรอบนอกเราเปล่า”

“ถ้านายพร้อมก็เปิดใจให้เราเรียนรู้ดิ”





ครืด





เป็นผมเองที่ผุดลุกขึ้น พร้อมรวบของทุกอย่างลงกระเป๋า

“จะไปแล้วเหรอ”

“อื้ม “มัทเอาแต่มองหน้าต่างก่อนจะเดินออกห่างโต๊ะ

แต่ก็ถูกรั้งไว้กับอีกคน





“ปะ ไปพร้อมกัน”

“ไม่ เรามีธุระต้องไปทำก่อน"

“อ้าวเหรอ”









“บาย”









“เจอกัน”

















ก่อนที่ตัวเองจะเดินออกไปไกล

สายตาเหลือบหันไปมองอีกคนที่ยังนั่งที่เดิม





ไม่ได้จะรั้งเอาไว้ แค่ไม่คิดว่านายจะรอมานานขนาดนี้













ขอโทษ

มันยังตกค้างในใจ





















๐๐





















’ ทำไร’





’ นอนเล่น’
[/i]






’ เห้ย พ่อแม่ส่งมาเรียน’





’ งีบเดียวแล้ว....’





’ จะตื่นมาเรียน?’

’ เปล่า อ่านการ์ตูน’





’ …...ครับ’











๐๐













” มัท วิชาการจัดการในชั้นเรียนอะ เราไปเรียนรวมกับอีกเอก อาจารย์แกจะสอนรวมกัน”

เพื่อนสนิทบอกทันทีที่กำลังจะไปเรียนวิชาช่วงบ่ายสาม





” อ้าว ทำไม”

” จารย์แกบอกอยากให้เราไปดิสคัทกัน”



บ่ายสามกับช่วงอ่อนล้าของชีวิตเด็กเรียน” ว่างเปล่ามากสมองตอนนี้”

มัทร้องโอดควญกับความคิดของอาจารย์

” เอาน่า เดี๋ยวเอกเรานะ ตอบเป็นกลุ่มไปเลย สามัคคีชุมนุมไปเลย”

” ถ้าจะขนาดนั้นนะเพื่อน” มัทส่ายหัวให้กับความคิดประหลาดๆ ของเพื่อน

” ไปเรียนเถอะ ขืนไปช้ากระผมจะโดนเพ่งเล็งจากท่านอาจารย์อีก”

















๐๐













’ อยากยิ่งใหญ่’





‘ผมก็ใหญ่นะ พี่เล็กเหรอ’

‘หมายถึงอุดมการณ์เว้ย’

‘อ้าวเหรอ 555555’

‘ไอ้หนู ทะลึ่งใหญ่ละ’





‘ไม่ทะลึ่ง แต่ก็ใช้ได้อยู่’

‘ใช้ไปซื้อกับข้าวได้ไหม’

‘กวนตีนน่าเฮีย’

‘ถ้าเรียกเฮียแล้วหยาบขนาดนี้ก็อย่าเรียกเพราะๆ เลย’

‘อ้าว เพื่อน’

‘ฟวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย’
[/i]

















๐๐













หลังจากที่เข้ามาภายในห้อเรียนขนาดใหญ่ของคณะ



มัทก็นั่งเท้าคางมองหน้าต่างอีกครั้ง

เมื่อสนิทกระทุ้งเข้าที่สีข้างทำให้หันกลับมาละทิ้งสิ่งที่เพ่งพินิจอยู่











” มึงเหม่ออีกแล้ว”

” ปกติ”

” ปกติมึงเงียบแต่ก็ทำไรไปด้วย นี่กูเห็นตามึงทะลุออกนอกหน้าต่างไปแล้ว”





เสียงจิปากไม่อยากพูดอะไรต่อ จึงปัดความไปส่งๆ

” ก็เล่นมือถือก็โดนเรียกยืนอีกดิ แถมวันนี้เอกที่มาเรียนด้วยก็ใช่ย่อย



ทำไรพลาดไปแม่งเผาจนกว่าจะจบแน่”









มัทเลี้ยวมองไปทางด้านหลัง เจออีกเอกที่นั่งทะมึนไม่กล้าสบตาเท่าไหร่

แม้พวกเขาภายในห้องเรียนนี้จะอยู่ร่วมคณะกัน



แต่รูปแบบการเรียนที่สอดคล้องกับเอกทำให้มีช่องว่างระหว่างกันพอตัว













” มึงก็ว่าเขาเกินไป ถึงเอกพละมันจะพากันกวนส้น ปากมอม แต่มันก็เอาการเอางานนะเว้ย”

เพื่อนสนิทพูดเสียจนต้องหรี่ตาจับอาการบางอย่าง

” เดี๋ยว มันจ้างมึงมาโปรเท่าไหร่” มัทใช้มือพลักศีรษะเพื่อนเบามือ

” กูพูดจริงเว้ย สังคมเรามันต้องคลุกคลีแมนๆ บ้าง เอกพละตอบโจทย์ที่สุด

ปีหนึ่งกูยังเห็นมึงไปเป็นตัวจริงลงวิ่งกับเอกพละอยู่เลย ไม่ใช่เหรอวะ หรือว่ากลัวใคร”









ไอ้สายตากรุ้มกริ่มตอนพูดของเพื่อนสนิท อยากทำให้เขาซื้อทิ้งซะ!









” ครับๆ แล้วแต่เลย” มัททำตัวเป็นปกติเปิดสมุดรอจด

” มันมีดีแตกต่างกันไป เปิดใจให้กันหน่อย”

” เข้าใจว่าพูดถึงเอก แต่มันแม่งๆ เหมือนชี้เน้นตัวคนเนอะ”

” ปล่าวววววววววววววว” พูดจบเพื่อนสนิทก็หันไปจดเอกสารประกอบการเรียนรู้ต่อ



แต่มุมปากนั่นรอยยิ้มดั่งวายร้ายยังคงประดับไว้









มัทถอนหายใจก่อนลงมือจดข้อความบ้าง



























๐๐





’ วิ่งเป็นไง’

’ เหนื่อยสัส’

’ ไม่เพราะ’

’ เหนื่อยจังครับ’

’ พูดดี เอาน้ำไร’

’ น้ำพี่’

’ ฮะ’

’ น้ำที่พี่ซื้อมาให้ ของฟรีมันดีครับ’

’ พูดขนาดนี้เลยนะให้ขึ้นรถเอาไปให้ไหม’

’ ก็พูดไปงั้นแหละ กลับบ้านดีๆ นะพี่’









'ไม่เอาน้ำจากพี่แล้วเหรอ'
[/i]








’ จะรบกวนเปล่าๆ โรงเรียนเราห่างไกลจะตาย



พี่สวัสดิการแบกน้ำมาให้แล้วด้วย ผมรอดตายแล้วล่ะ’
[/i]









.

.









กลับเป็นเสียงจากด้านหลัง

’ แต่พี่ซื้อน้ำแดงมาให้แล้วนะ หันมาดิ’

แก้วพลาสติกแนบที่หน้าเบาๆ












[/i]
๐๐









ทำไมสองชั่วโมงมันดูนานเหลือเกิน

นาฬิกาในห้องก็ดันมาตาย

มัทจึงขอแอบดูจากมือถือหน่อยนะ ท่านอาจารย์อย่าเพิ่งหันมา













แต่พอกดเข้าไป ความอยากเล่นมือถือคลายเบื่อก็ทำใจสั่น



เขาจึงกดโปรแกรมในเครื่องตัวเอง



เปิดดูเอกสารที่กดดาวน์โหลดเพื่อนำมาเขียนรายงาน









จนไปพบไฟล์เอกสารบันทึกจากหน้าจอ ที่เขาก็ลืมไปแล้วว่ามันคืออะไร

เขาจึงเลือกกดเข้าไปดูรายละเอียดเพื่อตั้งชื่อให้มัน













ขอโทษ

13.02.xxxx








(ต่อด้านล่างนะคะ :z13:)


ออฟไลน์ Maainmint

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0











มัทกลืนน้ำลายผ่านคอที่แห้งผาก



ก้อนคำบางอย่างมันจุกที่คอ















ต้องใช้เวลาเท่าไหร่

ถึงจะลืมบางมัน.....









๐๐









"คุณมัทนะ”

เสียงอาจารย์เรียกชื่อจากด้านหน้าของชั้นเรียน ทำให้เขาละจากจอมือถือของตนเอง

หูที่ได้ยินแค่เสียงวิ้งค์ก่อนหน้าเพิ่งจูนให้ตรงกับสายระบบการสื่อสารภายในห้อง





"ครับ"





เสียงขานรับเดียวจากภายในห้องกว้างรวมคนภายในเกือบแปดสิบคน

ท่านทำเพียงแค่มองลอดผ่านใต้แว่นสายตาก่อนจะกวาดสายตาพูดกับทุกคนภายในห้อง









"อย่างกรณีนี้ที่เด็กเล่นมือถือภายในชั้นเรียน เราผู้ซึ่งจะไปเป็นครู



จะจัดการและมีมาตรการอย่างไรบ้าง"













สายตาทุกคู่จ้องมาที่มัท ชายหนุ่มอยู่ในสภาวะสงบนิ่ง



ยังจมจ่อมกับสิ่งที่บังเอิญเลื่อนเจอ ภาพบันทึกหน้าจอเมื่อนานมาแล้ว

เสียงซุบซิบพูดคุยเกิดรอบข้าง ต่างแนะนำถกเรื่องการใช้มือถือในคาบเรียน









"เอาล่ะ หมดเวลา เราลองมาเป็นคุณครูประจำชั้นของเด็กชายมัทนะกันดีกว่า



ช่วยแก้ปัญหานี้กัน ใครจะเริ่มก่อน"















แล้วทั้งห้องก็เริ่มกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกัน

ชายหนุ่มหลังสุดจากเอกพละตอบออกแนวกฏตายตัว



สร้างข้อบ่งชัด หากทำก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตน

คำตอบนี้ส่งผลให้เกิดข้อถกเถียงมากมายเพราะออกไปในเชิงลบ





ส่วนหญิงสาวจากเอกภาษาไทยยกมือตอบเชิงสร้างข้อตกลงร่วมกัน



ใช้มือถือเป็นสื่อร่วมในการเรียนรู้

ข้อถกเถียงยังคงมีในเรื่องมูลค่าค่านิยมความเท่าเทียม



หรือแม้แต่ผมสัมฤทธิ์ต่อการเรียนรู้ที่ยังถกเถียงกันได้เสมอ











จำเลยในกรณีตัวอย่าง

ยังคงก้มหน้า เขารู้สึกละอายที่ตนกลายเป็นหัวข้อในเรื่องการทำตัวที่ไม่เหมาะสม



ทั้งที่เหลือไม่อีกปีก็จะออกไปฝึกสอน

ไปเจอโลกจริง







ยิ่งต้องไปพูดเรื่องนี้กับเด็กซึ่งเขาก็ทำพลาดในห้อง



มันจะดูเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีได้

แต่อีกใจหนึ่งเขารู้สึกละอายไปกับพฤติกรรมที่เก็บซ่อนภายในใจที่มันไม่เคยลบเลือนมาจนทุกวันนี้









๐๐













'พี่ ฝากไปบอกเพื่อนพี่ที่ว่าผมไม่เอาเสื้อแล้วถ้ามันจะนานขนาดนี้'

'เสื้อ green day'

'ใช่'

'พี่ว่ามันคงเอาตัวนั้นไปให้แฟนมันแล้วนะ วันก่อนพี่เห็นใส่ไปเที่ยว'

…..

'เงียบเลยเหรอ โกรธมันมากเหรอ'
[/i]

'มาก แม่งเอ๊ย ให้ผมรอทำไมวะ เซ็ง'

'พูดซะเหมือนสาวน้อยตัดพ้อ'

'พี่ ผมไม่เล่นนะ'

'ครับๆ พี่ว่าพี่มีอยู่ตัวนะ แต่อาจจะคนละรุ่น'

'ห๊ะ'

'ไอ้คุณพี่ที่เอ็งรอนั่นแหละ มันชวนพี่ซื้อมาเกร็ง'
[/i]

'พี่จะขายให้ผมเหรอ รุ่นไหน ราคาไหนบอกมา ผมซื้อแน่ๆ '

'ไม่ขายๆ '

'อ้าว ไหงงั้น น้องร้องแล้วนะ'

'พี่หมายถึง จะให้ฟรีต่างหากเล่า'

'….ฟรี……...ไม่ม้างงงงง'

'เอาไปเหอะ ให้คนที่ชอบมัน ดีกว่ามาเก็บซุกในตู้เฉยๆ '
[/i]

'กราบเว้ยยยย ได้เสื้อวงโปรดแล้ว'

พรุ่งนี้พี่จะเอาไปให้ ที่ไหนดีล่ะ'

‘ขอบคุณมากพี่ เจอกันสนามลานกลางเมืองนะ’
[/i]





๐๐











มือกำหมัดแน่น อยากจะวิ่งออกจากห้องไป



แปดปีที่เก็บซ่อนเอาไว้ในที่ลึกที่สุด



คิดแค่เหมือนการขุดให้ลึก เอาดินมากลบๆ แล้วเดินผ่านไปก็ไม่มีใครรู้





ขลาดเพราะความเด็ก

ทำผิดแบบเด็กน้อยที่ไม่ประสีประสา

แค่อยากจะหนีออกไป









ช่วยด้วย









๐๐







"ผมขอตอบฮะ"บุคคลจากทางด้านหลังยกมือขอตอบประเด็นที่เกิดขึ้น

"ได้สิคุณทินกร"

"ผมขอเดินไปพูดคุยกับนักเรียนกรณีตัวอย่างด้วยนะฮะ"

"ได้ตามที่คุณต้องการ"





เสียงรองเท้ากีฬาตามแบบฉบับเด็กพละก้าวเดินอย่างมั่นคงไปอีกด้านของห้อง

และหยุดลงข้างๆ ที่เก้าอี้ไร้คนนั่ง

ทินนั่งลงข้างมัทนะที่ยังก้มหน้าลงบีบมือตัวเองแน่น









"คุณมัทมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ เมื่อครู่ครูเห็นคุณหยิบมือถือขึ้นมาบนโต๊ะขณะเรียน"









เสียงถามอ่อนโยนจนคนฟังรู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจ

มัทเงยหน้าขึ้นพร้อมกับอาการสงสัยที่คนข้างๆ เริ่มบทสนทนาเข้าหาตน



"ผมต้องการจะดูเวลาฮะ" ชายหนุ่มตอบด้วยความสัจจริง





"ในห้องเราก็มีนาฬิกาแขวนอยู่ คุณมองเห็นใช่ไหมที่ด้านหลังของห้อง"





"ครับ แต่วันนี้นาฬิกามันหยุดนิ่ง สงสัยถ่านหมดมันเลยไม่เดิน"

ขณะที่ตอบ ทุกคนก็หันไปมองที่ด้านหลังเพื่อมอง นาฬิกาตาย









ทินกรเริ่มถามอีกครั้ง

"แล้วคุณไม่พกนาฬิกาข้อมือ"

"ไม่ฮะ"

"ทำไมไม่ลองถามเพื่อน"

"ผมไม่อยากรบกวน แค่อยากดูเวลาตอนนี้ว่ากี่โมงแล้ว ผมแค่รู้สึกไม่สบายก็เท่านั้น"









ทันทีที่อีกฝ่ายตอบ หลังมือของทินก็ใช้วัดไข้ที่หน้าผากอีกฝ่าย



พบว่ามีไอร้อนนิดหน่อย

บวกกับขอบตาที่เริ่มแดงกร่ำ ในหัวก็พาลคิดไปว่าช่วงนี้ฝนตก









"ถ้าไม่สบายคุณมัทนะควรจะบอกครูไม่ก็เพื่อนนะครับ เดี๋ยวครูจะพาไปห้องพยาบาลนะ"

จบบทบาทสมมุติ ทินกรก็สรุปความคิดเห็นของตนเองเรื่องกรณีใช้มือถือในคาบเรียน













"จากการคิดวิเคราะห์และสอบถามของผมนั้น โดยใช้กรณีศึกษาของนายมัทนะ

ก่อนหน้านั้นผมสังเกตเห็นว่ามัทนะดูเหม่อลอย อาจจะเพราะตั้งใจฟังหรือนั่งเอ่อระเหยทั่วไป

อีกอย่างช่วงเวลาที่หยิบมือถือขึ้นมานั้นก็เห็นว่ากดได้ไม่ถึงสามนาทีก็นั่งนิ่งจ้องมือถือ

เจ้าปัญหาเฉยๆ ไม่ได้แตะอีกจนกระทั่งเจออาจารย์เรียกนี่แหละครับ"









ทินจึงกล่าวไว้อีกว่า

"การพูดคุยเบื้องต้นอาจทำให้ครูมองเห็นปัญหาบางอย่างได้ แล้วจึงค่อยแก้ปัญหาไปทีละเปราะ

การมองภาพเหมารวมตามความคิดตัวเองเป็ยใหญ่ไม่ใช่เรื่องดี เพราะอาจจะทำให้เราพลาดบางสิ่งไป"









ทุกคนต่างปรบมือให้กับวิธีการและแนวคิดของทินกร

"อื้ม คุณใส่ใจในการจัดการตั้งแต่ปัญหา เก่งมากคุณทินกร เราจะเห็นว่า -"

ทินยกมือขออนุญาตอีกครั้ง คราวนี้เขาต้องรีบเพราะอีกฝ่ายดูพร้อมจะลมลงไปนอนกับโต๊ะทุกที





"ผมขออนุญาตพามัทนะไปห้องพยาบาลนะครับ เมื่อกี้ผมเช็คแล้วป่วยจริง"

อาจารย์เบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปล่อยอนุญาตไป

"โอเค ฝากด้วยคุณทินกร"

















๐๐









ส่งรูป

'เสื้อพี่โคตรเท่เมื่ออยู่กับผม'

'หง่อวว ชมตัวเองก็เป็น'

'เบๆ พี่ คนหล่อก็เงี้ย'

'น่ารัก'

'ขนลุก'
[/i]

'ชมจริงๆ นะ'

'หล่อพี่หล่อ'

'หล่อของใครก็ช่าง แต่น่ารักน่ะของพี่'
[/i]













๐๐









มัทนะขืนตัวไว้เล็กน้อยหลังจากเดินมาถึงชั้นล่างของอาคาร

"ไม่ไปห้องพยาบาลหรอก เดี๋ยวเราไปงีบที่ห้องพักสำหรับผู้เรียนก็ได้"

"ห้องพยาบาลมีเตียงนะ" ทินพยายามจะอุ้มอีกฝ่าย





"ไม่ไป! "





"ทำไมต้องขึ้นเสียง บอกเราดีดีก็ได้"

"เราปวดหัว นายไปเรียนเถอะ"

มัทเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพาลเกินไปแล้ว









"อื้ม"

ทินปล่อยอีกฝ่ายเป็นอิสระก่อนจะหันหลังกลับไป

























หลังจากบอกลากันที่ทางเดินใต้ตึก



มัทก็เดินตรงไปยังพาหนะเดินทางกลับหอผ่านสายฝนที่ยังโปรยปรายไป

ไม่ได้ไปนอนในห้องนั่งพักตามที่ได้บอกอีกฝ่าย















ทันทีที่ถึงห้อง ร่างทั้งร่างก็นอนคุ้ดคู้ลงกับพื้นเย็นเฉียบ



ละอองฝนที่ซัดสาดตลอกการขับขี่ทำให้เนื้อตัวเปียกโชก









ไม่มีแรงอยากจะทำอะไรแล้ว

อยากนอนผ่านวันนี้ไป

ให้มันจบ






๐๐





'เฮีย ไมเมื่อวานไม่ตอบ'

'ไม่ค่อยว่าง โครงงานล้นมือ เดี๋ยวเฮียตอบกลับนะ'

'ครับ'















'เฮียว่างเปล่า 20th เข้าแล้ว'

'วันนั้นเฮียไปต่างจังหวัด ไอ้ตั้มมันสนใจจะไปดูอยู่ มันคงว่างเดี๋ยวชวนให้'

'อ่า ไม่เป็นไรฮะ'
[/i]



















'เรียนเป็นไง'

….

'มัท'

…..

'งั้นเฮียไม่กวนละ'
[/i]










'ช่วงนี้วุ่นจังเนอะ'

'เป็นธรรมดาของคนหน้าตาดี'

แค่คิดเฉยๆ ว่าไม่ได้คุยเท่าเดิม

'เหรอ เฮียว่าก็ปกติ'

'คงงั้น'

'ทำไม เหงาเหรอ'

'ไม่อะ'
[/i]

…..

'แค่รู้สึกแปลกๆ '

'เป็นอะไร'

'เหมือนมันไม่เหมือนเดิม'

'เฮียก็เมสเสจเหมือนเดิม'

'นั่นสิ มันเป็นทางเดียวที่เราจะคุยกันได้เนอะ'

'….หรือจะโทรคุย'
[/i]

'ไม่เอาอะ มันดูรบกวน'

'ไงเอ็งก็น้องเฮีย'

….

'มีอะไรบอกได้'

….

'เฮียอยู่ข้างๆ เสมอ'
[/i]











'เฮียมางานกีฬา รร.มัท ไหม'

….

'เฮีย ว่างไหม'

'อื้ม เดี๋ยวโดดไปดู แต่ไม่รู้ว่าวันไหนนะ ต้องถามเพื่อนเฮียอีกที'

'….โอเคครับ'
[/i]











'เฮีย ตกลงมาวันไหน เผื่อน้องไปรับ'

…..

ไม่ตอบเลยนะ ยุ่งอีกเหรอ



…..

'เห้ย ตอบหน่อย'

……



'ช่างเหอะ



ถ้ามันรบกวนก็บอกจะได้ไม่ส่งไปอีก'

[/i]

……

'เฮีย จะหายไปใช่ไหม'

……

'เข้าใจแล้ว'

……

……
[/i]
…..

๐๐
[/i]









ฮึกๆ









ร่างสั่นเทาขึ้นเรื่อยๆ มันหนาวเหน็บไปทั้งใจ

มันคือความรู้สึกที่แย่ มีบางสิ่งที่ถาโถมเข้ามา

เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นแกว่งกวนเพื่อดึงเอาบางอย่างในใจ













ไม่คิดว่ามันจะถูกเก็บลึกภายในมานานขนาดนี้

ทั้งที่ทุกครั้งหลังจากนั้นก็พยายามบอกตัวเองซ้ำๆ ว่า



มันผ่านมาแล้ว แค่จำไว้เป็นบทเรียนก็พอ













"มัท ลุกขึ้น"

เสียงเรียกจากทางด้านหลัง บุคคลใหม่ที่เพิ่งเข้ามาภายในห้องของเขา





"ฮือออ"





"นายมานอนพื้นทำไม ลุกๆ สั่นไปหมดแล้ว"

เมื่อมองผ่านม่านน้ำตาก็พบใบหน้าที่คุ้นเคย



ใบหน้าของคนที่เขาเพิ่งพาลใส่ไปก่อนหน้านั่นเอง













"ทิน ฮึกๆ "

ทินกรวางสัมภาระในมือลงก่อนจะโอ่อุ้มให้อีกฝ่ายลุกขึ้น "อย่าร้อง ตาบวมหมดแล้ว"

"ฮึกๆ "

"ลุกขึ้นก่อน เปลี่ยนเสื้อผ้านะ" ทินกระซิบบอกก่อนจะถอดเสื้อผ้าให้





มัทไม่รับรู้ถึงสิ่งใดทั้งสิ้น

ความรู้สึกจากอดีตฉุดกระชากลงสู่ห้วงความอ่อนล้าทั้งกายใจ










ลำบากพอสมควรกว่าจะจัดการเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าจนอุ้มขึ้นนอนบนเตียงกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง

เขากลัวว่าฝ่ายคนป่วยจะปอดบวมไปเสียก่อนจึงให้กินยาลัดเอาไว้ก่อนจะดึงผ้าห่มให้

"หลับนะ คนดี" มือหนาลูบผมเบาๆ





….



"อย่าเหม่อมองเพดาน หลับได้แล้ว มัท"

เสียงดุเจือด้วยความเป็นห่วงแต่มันก็ทำให้ใจคนฟังหลับไม่ลงเหมือนเดิม

น้ำตาก็เอ่อล้นอีกครั้ง





ชายหนุ่มไม่อยากจะใส่อารมณ์กับคนป่วยไปมากกว่านี้



แค่เห็นคนร่าเริงยิ้มแย้มตลอดเวลาทำตัวเองจนป่วยล้มหมอนนอนเสื่อ



ถ้าเขารู้ว่าสาเหตุคืออะไรหรือใคร เขาจะตามไปจัดการซะ





"ใครทำอะไรนายบอกมา"

อีกส่ายหน้าเล็กน้อย

"หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น"

อากัปกิริยาคนป่วยยังคงเดิม







ทินขมวดคิ้วแน่นก่อนจะ ลุกขึ้นมองคนป่วย "นายที่เป็นแบบนี้ เราไม่ชอบเลยจริงๆ "



คนนอนบนเตียงได้ยินก็รวบรวมพังคำพูด ก่อนจะโพล่งออกมา









"หายไปสิ! ออกไปก่อนนายจะรับรู้ตัวตนที่นายก็อาจจะไม่ยินดีที่จะรับมัน"







แล้วน้ำตาก็ไหลเป็นทางและหนักกว่าเดิม

ทินถึงกับทรุดลงนั่งบนเตียงเพื่อปลอบโยนอีกฝ่าย ทั้งที่ภายในใจก็แอบรู้สึก







"มัท ฉันหมายถึงมัทเจ้าน้ำตาซึ่งมันไม่ใช่ตัวตนของนาย



อย่าประมาณค่าคนที่เฝ้าแอบมองนายมาจะสามปีต่ำไปซิ"





คนป่วยยังคงสั่นหัวไปมา "ฮึกๆ ๆ หายไป ช่วยหายไปก่อนที่ฉันคนนี้จะทำให้นายเจ็บ

ฉันไม่อยากทำร้ายความรู้สึกนาย ฉันไม่ใช่คนดี ทิน ฉันไม่ใช่เด็กดีของนายหรอกนะ! "













ทินที่นั่งนิ่งฟังอยู่นานก็แทบจะดึงอีกฝ่ายจนร่างปลิวแนบกับอกตัวเอง

เขาไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ทั้งที่มันก็เจ็บ แต่ก็ยังอยากจะลองดู





"ใช่ นายไม่ใช่เด็กดี!

นายทำให้เราตายใจด้วยรอยยิ้ม

ทำให้เราหัวเราะด้วยมุกแป๊ก

บางทีก็ทำให้เอาอดห่วงไม่ได้กับนิสัยเด็กแก่นเซี้ยว

ทำให้เราหวงทุกครั้งที่ยิ้มแจกคนอื่น

และตอนนี้นายมันแย่ที่สุดที่ไม่ยอมรับรักเราซักที"







มัทเงียบเสียงลง น้ำตาก็ยังลงไหลไม่หยุด

ทินเริ่มกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้นพร้อมกับจูบลงที่เรือนผมในอ้อมกอด

เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับคนคนนี้จริงๆ





"แต่เอาเข้าจริงเราโกรธนายไม่ลง

คงเพราะเรารักนายเกินจะร้องขออะไรแล้วล่ะมั้ง

อย่าไล่เราไปได้ไหม มัท"

















ออฟไลน์ Maainmint

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
๐๐









เช้าวันงานกีฬาประจำปีของโรงเรียน

ใครต่างรู้ว่าที่นี่จัดงานนี้จนเป็นงานอลังการของโรงเรียน มีคนจากรอบจ้างจึงหลั่งไหลเข้ามา

มีทั้งดอกไม้ ลูกโป่งที่บางคนก็เอามาให้คนที่ชอบ เอามาเชียร์เหล่านักกีฬากองเชียร์ หลีดประจำคณะ













ยามบ่ายกว่าๆ พี่ตั้มส่งข้อความมาบอกว่ากลุ่มตนมาถึงโรงเรียนแล้ว

อาจจะนั่งเล่นแถวโต๊ะหินอ่อนเพื่อรอแข่งเชียร์






มัท หรือ มัทนะ

ลุกจากเต็นท์นักกีฬา มือสองข้างกำแน่นก่อนปล่อยคาย หน้าเขายังคงแดงจากแดด

มือขวาคว้านลงในถังแช่หยิบเครื่องดื่มเกลือแร่ขึ้นมาถือเอาไว้

เขากระหายน้ำพอควรเนื่องจากเมื่อกี้นี้เพิ่งลงวิ่งแข่งผลัดสี่คูณร้อย ได้ที่สามก็ถือว่าโอเคอยู่










เมื่อไม่มีรายการแข่งอีกจึงเดินออกจากที่นี่ไปตามหากลุ่มคนที่นัดหมายเอาไว้

เขารู้ว่าตัวเองมีคำพูดมากมายที่อัดแน่นในใจอยากจะพูด

เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น











การตัดขาดหลายวันที่ผ่านมาทำให้เขาเป็นบ้าอยู่คนเดียว









เขารู้ตัวเองดี ทั้งที่มันก็ดูปกติ แต่สำหรับเขามันโคตรจะเป็นปัญหาที่วุ่นวายอย่างมากในใจ














เด็กหนุ่มในกางเกงขาสั้นกับเสื้อคณะเดินไปตามทางอย่างมุ่งมั่น ผ่อนลมหายใจเข้าออก

เพียงแค่ปราดสายตาไปไม่นาน กลุ่มคนโบกมือให้เขา

มัทเห็นแล้ว ด้วยตาของตนเอง

เฮียนั่งมองบรรยากาศรอบข้าง ก่อนปรายตามามองตัวเขาที่ยืนนิ่งฝั่งตรงข้าม













เฮียแค่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย













มันทำให้เขาใจเต้น แต่เรื่องที่ยังคั่งค้างก็ยังคงอยู่ เฮียลุกขึ้นเดินเชื่องช้าตรงมาหา

พอๆ กับที่เขาเดินข้ามไปหาเช่นกัน

"สวัสดีครับ"

"เห้ย ทางการเชียว"

"มานานยัง หรือเฮียเพิ่งมา"





.........





"แล้วทำไมไม่เห็นส่งข้อความมาบอกหรือโทรมาหาซักนิด"






…..









"หายไปเลย! หายไปจริงๆ! ถ้าน้องรบกวนก็บอกดิจะได้ไม่ส่งไปหา เหอะ! "


เด็กหนุ่มพูดใส่อารมณ์ขุนมัวโดยไม่ทันคิด













เฮียยังคงมองออกไป ไร้การเพ่งโฟกัส











ในหัวของมัทตอนนั้นคิดเพียงว่า









เฮียเป็นพี่ที่โคตรใช่ไม่ได้ จะหนีปัญหาตลอด

เฮียถอนหายใจก่อนจะเปิดปากพูด





"เฮียขอโทษนะมัท พอดี แม่เฮียเห็นว่าผลสอบออกมาคะแนนมันตก




หลังจากได้ย้ายมาเรียนไกลบ้าน แถมดูช่วงนี้เฮียจะติดมือถือมากไป



แม่เลยยึดเอาไป ซิมก็ไม่ได้เหลือไว้ให้ พี่เฮียก็เร่งติวให้ก่อนเลือกแผนเรียน

เวลาจะให้ตัวเองยังไม่มีเลย....



ส่วนเน็ตบ้านใหม่เฮียก็ไม่ติดอยู่แล้ว เลยตอบกลับหามัทไม่ได้


มีแค่พวกเพื่อนเฮียเนี้ยแหละ ถ้ามัทอยากคุยก็ติดต่อผ่านพวกมันได้

เข้าใจเฮียนะ"

คนโตกว่าตอบคำถามที่เขาได้ถามออกไป มันโล่งมากที่ได้ยินคำตอบ










แต่









มันดูอะไรผิดไปหมด














....อะไรที่ผิด













"เข้าใจละ งั้นผมไปก่อน มีธุระต้องไปทำ"



มัทลิ้นพันขอตัวออกไปจากที่ตรงนั้น

เขามองคนตรงหน้าก่อนจะหันจากไป




มือบางบิดฝาเกลียวขวดก่อนจะยกเครื่องขึ้นดื่ม













ตอนแรกมันคือความโกรธ





แต่มัทเพิ่งจะเข้าใจว่ามัทโกรธผิดคน





เมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร





มัทควรโกรธตัวเอง

เขาเป็นคนวุ่นวาย

เขาทำให้เฮียถูกแม่ดุ














เขารู้ว่าน้ำเสียงนิ่งๆ ที่พูดออกมานั้นมีแต่ความจริง

สายตาไม่ได้โกหกแม้แต่นิดเดียว










และสุดท้าย









เขาไม่ได้พูดขอโทษอะไรซักอย่าง

มัทก็เดินออกมาด้วยใบหน้านิ่งตึง









วันนั้นเขายังไม่อาจจะรู้ตัวกับสิ่งที่เกิด จนเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนที่แม้จะคุยกับเพื่อนในแก๊งค์เฮีย

แต่กับเฮียนั้นแทบหายไปจากสารบบของเขา หายเข้าไปในส่วนลึก







การรู้ตัวว่าทำผิดเมื่อสาย

คนเพิ่งเข้าใจว่าตัวเองสร้างเรื่องให้คนอื่น


มันทรมานจริงๆ









๐๐





หลังจบเรื่องเล่าที่คั่งค้างในใจ มัทนะก็ร้องไห้ยิ่งกว่าเก่า



ส่วนทินกรเริ่มปลอบประโลม

เขารู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกผิดมากแค่ไหน











ยิ่งเรื่องนี้ไม่ได้ถูกแก้ไขมันยิ่งเป็นหนามที่ยอกในอกไม่มีวันสูญหาย









"มัท อย่าร้องไห้ นายแค่ยังเด็กเกินไป ความสัมพันธ์มันซับซ้อน

นายอาจจะผิดที่วุ่นวายในชีวิตพี่เขามากไป แต่สิ่งที่นายทำไปก็เพราะความผูกผัน

ยิ่งความสัมพันธ์ไร้คำนิยามแบบนี้ นายหวั่นไหวและทำตัวผิดไปบ้างได้"









"เราไม่รู้ เราแค่รู้สึกมีความสุขที่ได้คุยกับเฮีย เราไม่รู้เรียกมันว่ารักได้ไหม"









"นายรักเฮีย เพียงแค่มันคลุมเครือ แต่เชื่อเถอะ มันผ่านมาแล้ว มันจะเป็นบทเรียนที่ดีให้นาย"





มัทยังมีปล่อยให้น้ำตาอาบแก้มนิ่ม เสียงสะอื้นคลอตลอดการพูดคุย

"ทิน เราเด็กไปจริงๆ เราใช้เวลาพูดคุยกับเฮียมันอาจจะแค่ข้อความ แค่พบหน้าไม่กี่ครั้ง

แต่มันทำให้เรารู้สึกโคตรมีความสุข จนวันหนึ่งทำลายความสุขของตัวเอง เรามันแย่

เราทำให้คนที่เรารู้สึกดีดีด้วยต้องรู้สึกแย่ ฮือออ"









"มันผ่านมานานแล้ว นายควรจะแก้ปมในใจตัวเองได้แล้วนะ"

"ยังไง" มัทนะเงยหน้ามองอีกฝ่าย น้ำตาถูกเช็ดออกอย่างเบามือ

"เริ่มเรียนรู้ที่จะเปิดใจ ยอมรับบางสิ่งบางอย่าง"









มัทนิ่งรับฟังอีกฝ่าย













"มันอาจจะยาก แต่นายปิดมันมาเกือบจะสิบปี



มันจะกลายเป็นตัวบ่อนทำลายความสุขของนายแทนนะ

ใครสักคนก้าวเข้ามานายเลือกปิด ใครสักคนหยิบยื่นความรู้สึกดีดีนายปัดไม่รับ

แล้วเมื่อไหร่ความสุขตะเข้าถึงใจของนาย"









วิธีที่ทินบอกคงเป็นการปลดพันธะนาการความรู้สึก

มัทนะยังคงร้องไห้สะอื้นภายในอ้อมกอดของทินกร

คำพูดปลอบโยนของทินเปรียบเสมือนแสงที่สาดเข้ามาภายในห้องมืด มันสว่างจ้าและอบอุ่น









"ทิน ขอบใจนะ" เขารู้แล้วว่าควรจะหยุดและแก้ไขตัวเองซะใหม่

"ไม่เป็นไร"







มือหนายังคงไม่ปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ



ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอีกครั้ง นิ้วคอยเกลี่ยน้ำตาที่เปื้อนให้จางหาย

มัท ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะเรียนรู้จากสิ่งที่ตนทำผิดพลาดจากในอดีตหรือไม่

ถ้าเป็นทิน ชายหนุ่มคนนี้ก็คงจะพยายามค่อยเรียนรู้

เพื่อความสุขของตนเอง ของอีกฝ่าย และของเราทั้งคู่

















๐๐













หลังจากคลื่นพายุในใจได้สงบลงบ้างแม้ไม่นิ่งได้ทั้งหมด

ทั้งสองคนอารมณ์เข้ารูปเข้ารอยกว่าเดิม





สายฝนที่กระหน่ำตกก่อนหน้าได้ลดทอนความรุนแรงลงเหลือเพียงแค่สายฝนปรอย

หน้าต่างที่เปิดรับอารมณืส่งผ่านความเย็นเข้าสู่ภายในของห้อง





มัทยังคงนอนในอ้อมกอดของอีกฝ่าย

มือเย็นเผลอลูบเข้าที่ส่วนอกของอีกฝ่ายที่เป็นหลักให้ยึดพิงอยู่นาน









"ทิน นายเปียกอยู่"

"เห้ย ลืม" เพิ่งรู้สึกตัวจึงดันอีกฝ่ายออกห่างเพราะกลัวความชื้นจะซึมผ่านเสื้อผ้า

"น้ำตาเราไม่น่าจะเยอะขนาดนั้นนะ" มัทนะขมวดคิ้วคิดหนัก









"เอ๋อน้อย นี่เราขี่รถตากฝนตามนายกลับมาไง"

ทินกรตอบคำถามของมัทนะแกมหยอกบีบแก้มนุ่มที่พองลมจากอาการแง่งอน









มัทรับฟังก่อนจะตกใจยิ่งกว่าเดิม "เอ่อ ว่าแต่นายมาห้องเราได้ไง"

"ก็ขึ้นตามมาเนี้ย ตามจนจะถึงห้องแต่นายก็ดูไม่สนใจอะไร เรารอสักพักก็เลยเปิดประตูดู

มันไม่ได้ล็อก พอเปิดมานายก็นอนสั่นร้องไห้บนพื้นแล้ว"

น้ำเสียงบอกเล่ากึ่งตำหนิโทษทำให้คนงอแงสลด





"ขอโทษ" มัทพูดเสียงอ่อย น้ำใสใสเริ่มคลอดอีกครั้ง

ทินกรลุกขึ้นก่อนจะปลดเสื้อนิสิตออก เสียงจิ๊ปากไม่ถูกใจกับคำตอบที่ได้ยิน









"อย่าทำเหมือนนายผิดไปหมดสิ เราตั้งใจอยากดูแลนาย อันนี้นายก็ไม่ต้องขอโทษ"









"อื้ม" มัทยังคงมองอีกฝ่าย ด้วยสายตาแบบลูกหมามองตามเจ้าของ





ทินที่ยืนถอดเสื้อหันมามองอีกฝ่าย



สายตาที่ปะทะกันทำใ้เพิ่งทราบว่าที่ตนกำลังจะเปลี่ยนชุดนั้นอยู่ในช่วงการมองของอีกฝ่ายตลอด





"เห้ยๆ เลิกจ้อง "

"ทำไมอะ ก็บอกให้เปิดรับใครสักคน ลองมองมุมใหม่" มัทคนเดิมเริ่มกลับมา

"แต่ที่นายจ้องอยู่ มันคือคนที่กึ่งๆ ชีเปลือยแถมด้วยกล้ามเนื้อแบบนักกีฬาที่ยากจะหาคนทำตามได้"

"เว่อร์ ชมตัวเอง"





"นั่นๆ ยังมองด้วยสายตายิ้มๆ แบบนั้น อยากจับใช่ไหม มาๆ "



ทินทำท่าจะเดินเข้ามาหา

"เห้ย ไม่เอา"





ทินเปลือยด้านบนน่ะไม่เท่าไหร่เขาก็รู้สึกเหมือนเพื่อนทั่วไป

แต่พอจะเดินเข้ามาหาเจ้าตัวก็ปลดเข็มขัดพร้อมจะดึงกางเกงลง





"อยากดูไหม เนี้ยยิ่งตรงหน้าท้องนะ แพ็คอย่างแน่น"

"ไปเลย ไปปปปปปป"

"เอ้า จะไล่ไปไหน"

"ไปอาบน้ำดิ๊ จะยืนปอดบวมแบบนี้เหรอ" มัทยู่ปากตอบ

"อ๋อ ความคิดดีนะ"













คนที่หนีมาหลบภัยชีเปลือยใต้ผ้าห่มก็คลุมโปงอยู่นานกว่าเสียงอาบน้ำจะดังขึ้น

จึงได้ลดผ้าที่คลุมหัวลง













มัทไม่แน่ใจความรู้สึกตอนนี้ เพราะเขาปิดตัวเองมานานเหลือเกิน





















๐๐

















สายฝนยังคงโปรยปรายแต่ไม่หนักเท่าตอนเย็น

แสงภายนอกเริ่มเลื่อนหายทดแทนด้วยแสงจากไฟตามถนน









ฟุบ









"อือออ"

"อย่าดิ้นเดี๋ยวผ้าหลุด"









….









"นิ่งเชียวเด็กดื้อ"

"เราไม่ใช่เด็ก"









"ดื้อ ดื้อที่ปิดตัวเอง ดื้อแบบนี้ต้องโดนลงโทษ"

"จะทำอะไรเรา"









กอด

กอดธรรมดาที่แสนจะอบอุ่น

เขาได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่รักเขา















ทินกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู "เตรียมใจอีกรอบได้เลย เราจะจีบนายใหม่อีกครั้ง

คราวนี้ก็เปิดใจรับเข้าไปศึกษากันหน่อย"









มัทนอนนิ่งเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด จึงได้ตอบกลับว่า







"ไม่"







"เดี๋ยวๆ ปฏิเสธเร็วไปนะ" ทินถึงกับเหวอ ก่อนจะแกล้งดึงผ้าห่ม







แต่อีกฝ่ายก็ดึงเอาไว้ "ก็เปล่า เราแค่บอกไม่ต้องจีบหรอก"



ทินที่ได้ยินคำตอบยิ่งสร้างความขุ่นมัวไม่น้อย



อยากจะแกล้งให้คนในอ้อมกอด อีกทั้งพาลไปถึงคนในอดีตของอีกฝ่าย





"นายมีใครอยู่แล้วเหรอ หรือจะกลับไปตามหาเฮีย"









"บ้า ใครจะไปตามหากัน เราหมายถึงว่าแม้เราจะปิดใจตัวเองมาตลอด

แต่มันก็คงแปลกใช่ไหมที่บางทีเราก็ถอยห่างจากนาย



มันก็คงเป็นเพราะว่านายเข้ามาอยู่ตรงนี้ของเรานานแล้วล่ะ

แค่เราไม่อยากจะยอมรับความจริงสักเท่าไหร่



ไม่งั้นตอนนี้นายจะเข้ามาในเขตที่เราหวงสุดๆ แบบห้องเราได้เหรอ"









มัทดึงมืออีกฝ่ายให้ทาบไปกับอกซ้ายของตนเองที่ตอนนี้ใจมันเต้นแรงเสียเหลือเกิน

"โห มาทำให้เราเป๋เลยนะ ลูกอ้อนเนี่ย"

"บ้า ใครอ้อนกัน"





"ไม่รู้แหละ ไม่ให้ไปไหน ถึงไม่จีบแต่จะไปอยู่ในสายตาไปอยู่ในใจให้นายรำคราญไปเลย"

"เราไม่รำคราญหรอก ถ้าคนนั้นจะเป็นคนที่เรารัก" พูดไปก็เขินจนหูแดงซะเอง





"เห้ยยยย หน้าที่จีบมันเราเว้ย มัท กินยาผิดซองปะเนี่ย"

"ก็เปล่า"

มัทนะเบี่ยงหน้าหันมายิ้มหวานให้ สายตาที่ยิ้มหยีเช่นเดิม









มันอดไม่ได้ที่จะจุมพิตปากน้อยนี้

คนโดนกระทำเบิกตาโพลงกับสิ่งที่เกิดเมื่อครู่ก่อนจะจับปากตัวเองไปมา

ทินที่มองอาการคนข้างหน้าก็พอจะยิ้มปริ่มเปรมดิ์ในใจไม่น้อย









"อย่าบอกนะว่าจูบแรก"

"ไม่เว้ย เราเคยจูบกับผู้หญิง"





ทินกรนั่งมองก่อนจะตอบกลับ





"งั้นก็ไม่นับ สรุปเราเป็นจูบแรกสินะ ดีใจจัง" หัวขโมยผิวปากด้วยความอารมณ์ดี

"ไปเลยยย" คนเขินหน้าแดงลามถึงหู

พร้อมเอาหมอนใบใหญ่ฟาดเข้าที่กายของอีกฝ่าย





"พอๆ ผ้าเช็ดตัวจะหลุดแล้ว"

"โรคจิต ไปหาเสื้อผ้าใส่ไป"

"ชุดเปียกจะให้ใส่อะไร"

"ก็เปิดตู้ดิ หยิบอะไรก็เอามาใส่" มือบางชี้ไปทางตู้เสื้อผ้าของตนเอง

"อ๋อๆ "





มัทนะพยายามหุบยิ้มแต่ชะรอยว่าความรู้สึกทั้งหมดมันเปิดจนคนสามารถรับรู้ได้หมด

ไหนจะแก้มนิ่มขึ้นสีฉาดนั่นอีก

ให้ตายเถอะนี่เขาชอบคนแบบนี้เหรอ!







๐๐











ฝนตกผิดฤดูกาลไม่ได้สร้างความอ้างว้างให้เขาอีกต่อไป



เพราะมีคนที่อยู่ข้างกายเขาเฉกเช่นในเวลานี้









"ขอยืมเสื้อบาส บ็อกเซอร์ลายสก็อต เอ๊ะ จะยืมกางเกงในด้วยไหมนะ"

เสียงยียวนถามจากคนหน้าตู้เสื้อ





"เอามาใส่ด้วย อันใหม่แกะเอามาใช้เลย"

เสียงมัทตะโกนกลับไป

"จะนอนแล้วอึดอัด"





"ไม่ใส่ไม่ต้องนอน"





คำตอบธรรมดากลับเข้าทางของอีกฝ่ายไปอีก

"ไม่นอนก็ดีมาออกกำลังกายกัน"

"ถ้าไม่ใส่ก็ย้ายตูดกลับหอไปเลย"

"โหดจัง ถ้าไม่พร้อมก็ไม่บังคับหรอก"

"ใครจะไปสมยอม เพิ่งจะจูนตัวเองให้ปกติเนี้ย"

"ไหนๆ มาช่วยจูนนะ"









ไม่ทันจะลุกขึ้นวิ่งหนี



ทินก็วิ่งตรงมายังเตียงนอน มัทก็ถูกดึงเข้าไปกอดเต็มรักอีกรอบ









"จะหนีไปไหน"

"หื่นกามปล่อย"

"ไม่หื่นๆ ดูดิเราแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเนี้ย เกงในก็ใส่ จะตรวจสอบไหม"





"ไม่!!! "





"งั้นก็โอเค มานอนกัน"

"นายไปนอนริมๆ ดิ จะเอาหมอนข้างกั้น"

"ไม่เอา อยากหอมนานๆ "

"อื้อออ จั๊กจี้"

"มานอนๆ เดี๋ยวมันจะตื่น"





มัทถึงกลับสงบเงียบ นี่มันห้องของเขาใช่ไหม!!

"นี่เราจะไม่กินข้าวเย็นเหรอ" มัทถามขึ้นแต่ตนเองก็ไม่ได้รู้สึกหิวแต่อย่างใด

"ไดเอตรักษาหุ่น หรือนายจะกิน เราจะไปซื้อให้"

"เปล่าๆ นอนเถอะ"

"พรุ่งนี้วันเสาร์ ถ้าหิวอะไรจะพาไปเหมา"

"อืม"

"นอนได้แล้ว"

"อืม"

"ฝันถึงด้วย"

"อืม เห้ย" มัทสะดุ้ง

"เขิน"

"บ้าปะ"

"รักคนบ้าได้ไหมล่ะ บ้าบอกับนายคนเดียว"









ทินก็ยังคงเป็นทินกรที่รักมัทนะผู้เดียวตลอดไป

















อดีตนั้นยังคงอยู่

แต่เปลี่ยนสถานะ





จากความทรงจำที่แย่อันเกิดจากการกระทำที่ผิดพลาด

มันกลายเป็นความทรงจำเสี้ยวหนึ่งของความรักที่เคยเกิดขึ้น









อดีตก็คืออดีต เราต้องเรียนรู้และใช้ชีวิตไปพร้อมกับปัจจุบัน

ชีวิตจึงจะก้าวเดินต่อไป

















end.

















เรื่องเรื่องที่สองของตัวเอง ฝากด้วยนะคะ

พูดคุยหรือติชมได้ ทั้งที่นี่ และทวิตแท็ก #คลังใบมินต์





สวัสดี

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่ารัก  o13

ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนแรกแอบงงเบาๆ แต่ว่าตกหลุมรักทันเลยอ่านต่อ งุ้ยยนน่ารัก :mc4:

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ดีใจที่มัทยอมเปิดใจให้ทิน  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bojaemyboo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จีบได้เขินมากกก

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด