ตอนที่ 9 คนใดที่ถูกเจียว“อื้อ พี่โอม ปิ๊ก อื้อ ปิ๊ก...”
เสียงครางผะแผ่วทว่าเย้ายวนอารมณ์ดังขึ้นที่อกเมื่อมือของผมกำลังชักรูดส่วนแข็งขืนของเราทั้งคู่ในจังหวะเดียวกัน
ยิ่งได้ยินเสียงหวานๆ ผมก็ยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้น
ปิ๊กน่ารักมาก เขาเบียดตัวเข้าหาผม ขยับร่างกายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กัน มือบางลูบไล้ที่กรอบใบหน้าของผม ขยับเข้ามาใกล้จวนเจียนที่ริมฝีปากเราจะสัมผัสกันแล้วครางแผ่วๆ อยู่ตรงนั้น
ผมจูบเขาซ้ำๆ ไม่ได้แทรกเรียวลิ้นเข้าไป แต่ก็เป็นเจ้าตัวเล็กที่ทนไม่ไหวแลบลิ้นออกมาเลียกลีบปากของผมเสียเอง
ปิ๊กเรียนรู้เร็วมาก มากเสียจนครูอย่างผมตื้นตันจนพูดไม่ออก
“พี่โอมเร็วอีก อ๊า เร็ว”
ถึงเด็กน้อยไม่ออกคำสั่งผมก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้น เพราะตอนนี้ผมก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
น้ำหล่อลื่นของเราที่หลั่งออกมาผสมปนเปเป็นเนื้อเดียวช่วยให้การชักรูดทำได้ง่ายมากขึ้น เสียงครางของปิ๊กกระตุ้นให้ผมทำเร็วขึ้นอีกจนเสียงลามกดังสะท้อน
“อ๊ะ อ๊า พี่โอม...”
เสียงสุดท้ายดังขึ้นก่อนปิ๊กจะปลดปล่อย ผมปลื้มใจมากที่ทุกเสียงของเขามีชื่อของผมรวมอยู่ด้วย ทำให้รู้ว่าเขานึกถึงผมอยู่เสมอ
คนที่เพิ่งปลดปล่อยซุกหน้ากับลำคอของผม เขาปิดเปลือกตาลง ผมลูบหลังให้ปิ๊ก รอให้เสียงหอบกลายเป็นเสียงหายใจอย่างปกติแล้วค่อยกระซิบเขาที่ข้างหู
“พี่ทำต่อนะ”
เด็กน้อยไม่ได้ตอบคำถาม แต่ก็โอนอ่อนปล่อยให้ผมพลิกร่างเขาให้นอนค่ำ ปลดกางกางที่ค้างคาตรงข้อเท้าออกแล้วค่อยคร่อมตัวเขาจากด้านหลัง
ผมสอดมือเขาไปใต้เอวบาง รั้งให้สะโพกยกสูงขึ้นเพื่อรองรับการกระทำของผม
“ฮือ พี่โอม” เด็กน้อยเอี้ยวตัวมามอง น้ำใสไหลเลอะขอบตา ริมฝีปากบวมเจ่อ ดวงตาเหม่อลอยยิ่งกระตุ้นความรู้สึกให้เปลี่ยนความคิดที่เคยตั้งใจจะค่อยๆ หยอกเย้าเป็นอย่างอื่น
ผมสอดส่วนแข็งขืนเข้าไปตรงระหว่างต้นขาเล็ก อย่างที่เจ้าตัวก็บีบขาให้กระชับเพื่อรองรับผม
เห็นไหม บอกแล้วว่าปิ๊กน่ารักมากจริงๆ
ผมสอดมือเข้าไปในเสื้อของเขา บดคลึงยอดอกนุ่มนิ่ม บีบเค้นเป็นจังหวะเดียวกับสะโพกที่บดเข้าถอนออก
“อ๊า ปิ๊ก...” ผมแนบลำตัวทาบทับแผ่นหลังเนียน เปล่งเสียงครางพร่าที่ข้างหูให้เด็กน้อยครางตอบ
“พี่โอม ปิ๊กเสียว ฮือออ~ เร็วครับ เร็วอีก”
เด็กน้อยใต้ร่างยกสะโพกขึ้นในจังหวะที่ผมเริ่มกระหน่ำสอดแท่งร้อนเข้าไประหว่างซอกขาของเขาอย่างไม่สามารถหยุดยั้งความปรารถนานี้ได้
“อ๊า...”
ไม่นานทั้งผมและปิ๊กก็ปลดปล่อยออกมา เด็กน้อยที่เสร็จไปถึงสองครั้งทิ้งตัวนอนหมดแรงบนที่นอน ผมที่คร่อมอยู่บนร่างเขาค่อยๆ จูบปลอบก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กัน
ผมตะกรองกอดร่างปวกเปียกเอาไว้แนบอก เราหลับไปทั้งอย่างนั้นด้วยความอิ่มเอมที่ร่างกายและหัวใจ
ถ้าปิ๊กจะน่ารักขนาดนี้ผมคงขาดเขาไม่ได้จริงๆ
✧✧✧
คืนนี้ปิ๊กก็กลับบ้านดึกอีกแล้ว คงเพราะความเคยชินล่ะมั้งผมจึงไม่รู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนเมื่อก่อน
ผมนอนดูทีวีแล้วผล็อยหลับไป ตื่นมาอีกครั้งในตอนที่นาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน แต่ทั้งห้องก็ยังมีแค่ผม
ปิ๊กยังไม่กลับมา เถลไถลเกินไปแล้วนะ ที่บอกไปเมื่อครั้งที่แล้วไม่เข้าหูเลยใช่มั้ย
นึกโกรธแต่ก็เป็นห่วง ดังนั้นผมจึงออกจากห้องเพื่อไปตามหาเขา แน่นอนว่าเริ่มจากมินิมาร์ทอย่างเคย
ระหว่างเดินก็คิดไปว่าถ้าหากมีเงินก็คงซื้อโทรศัพท์มือถือให้เขาไปแล้ว ถ้ามีเรื่องอย่างวันนี้อีกจะได้ตามตัวกันได้ง่ายๆ หน่อย
“คุณโอม” เมื่อก้าวผ่านประตูเข้าไปก็ได้รับการทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “น้องปิ๊กออกไปตั้งแต่บ่ายแล้วนะคะ”
“คงไปช่วยคุณยายขายผักครับ”
“อ๋อ คุณยายคนนั้น” ดูเหมือนว่าเธอก็รู้จักผมจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
”ผมจะตามหาคุณยายได้ที่ไหนครับ”
“เห็นว่าเช่าบ้านอยู่ท้ายซอยนะคะ”
ผมกล่าวขอบคุณเธอแล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านเช่าท้ายซอยอย่างที่ได้ยินมา ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ผมไม่เคยเดินเลยอพาร์ทเมนท์ตัวเองเข้ามาในซอยเลย จึงไม่รู้ว่าข้างในนี้จะมืดและดูน่ากลัวขนาดนี้
ยิ่งเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าจะมีคนอยู่ได้ เพราะมันทั้งมืดและน่ากลัว
กระทั่งแสงไฟส่องสว่างจากบ้านหลังหนึ่งปรากฏให้เห็น เมื่อเดินตามแสงนั้นไปก็พบกับบ้านหลังเล็กที่โคตรจะโทรมหลังหนึ่ง
ประเมินจากสภาพแล้วไม่น่าจะมีใครกล้าอยู่ แต่ถึงกระนั้นแสงไฟที่ส่องสว่างก็เรียกให้ผมก้าวเข้าไปหยุดที่หน้าบ้านหลังนั้น
“ขอโทษครับมีใครอยู่มั้ย”
ตะโกนเรียกในเวลาเดียวกับที่เหลือบเห็นรถเข็นเก่าๆ ที่บรรทุกผักไว้จำนวนหนึ่ง
บ้านคุณยายคนนั้นจริงๆ สินะ รถเข็นก็อยู่ตรงนี้แต่ทำไมไม่ใครตอบรับผมเลยล่ะ
“ขอโทษนะครับ มีใครอยู่มั้ยครับ” ผมลองเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมแบบที่ไม่มีทางเลยที่คนข้างในจะไม่ได้ยิน
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบงันเท่านั้น
และนั่นก็ทำให้ผมเริ่มกระวนกระวายใจอีกครั้ง ยื่นมือไปหวังจะเปิดประตูแต่ก็คิดว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วเกิดมีคนอยู่ข้างในผมจะถูกแจ้งความข้อหาบุกรุกยามวิกาลหรือเปล่า
ชั่งใจอยู่ชั่วครู่จึงลองเรียกอีกครั้งและก็เช่นเดิม
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
เพียงผลักประตูเบาๆ บานไม้เก่าๆ ก็เปิดออกอย่างง่ายดาย ข้างในมีเพียงแสงไฟสลัวที่สะท้อนให้เห็นว่าในบ้านหลังนี้เคยมีคนอาศัยอยู่จริงแต่ตอนนี้ไม่มีใครเลย
“นั่นมัน...!” ในตอนที่กำลังจะก้าวออกจากบ้านมาสายตาดันไปสะดุดเข้ากับเชือกและผ้าที่กองอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง ใกล้ๆ กันนั้นมีกระเป๋าสตางค์ที่คุ้นตาตกอยู่
เมื่อหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดดูก็พบว่าเป็นกระเป๋าสตางค์ของปิ๊กจริงๆ
กระเป๋าอยู่ตรงนี้ เจ้าของอยู่ไหนล่ะ
หัวใจของผมที่เคยเต้นด้วยจังหวะปกติบัดนี้กำลังเต้นอย่างถี่รัวเมื่อนึกไปว่าปิ๊กอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย สิ่งแรกที่ทำคือโทรหาผู้หมวด เมื่อเขารับก็รีบบอกสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทราบ ถึงน้ำเสียงจะฟังเหมือนระอาในความตื่นตระหนกของผมแต่เขาก็รับปากว่าจะมา
ผมไม่โกรธผู้หมวดหรอก เพราะครั้งก่อนตอนที่ผมตื่นเต้นตกใจไปเองนั้นทำให้เขาวุ่นวายไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งที่แล้วซักหน่อย มันมีหลักฐานว่าปิ๊กเคยมาที่นี่และตอนนี้เขาก็หายไปจริงๆ
“ปิ๊ก” ผมเรียกน้องเมื่อเดินดูรอบๆ บ้าน หาเขาไปทุกซอกมุมแต่ก็ไม่เจอ
ถ้าผมเอะใจเร็วกว่านี้หน่อยก็คงดี
ผมทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้าบ้านข้างรถเข็นผักด้วยอาการของคนหมดอาลัยตายอยาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงรอให้ผู้หมวดมาถึง
ไม่นานแสงไฟหน้ารถก็ส่องเข้ามา เสียงเครื่องยนต์ดับลงก่อนที่ผู้หมวดจะก้าวเข้ามาหา
“หายไปจริงๆ เหรอคราวนี้”
ผมเงยหน้ามองเขาแล้วพยักหน้าพลางยื่นกระเป๋าสตางค์ไปให้ดู
“ของปิ๊กครับ ผมเห็นมันหล่นอยู่ข้างใน”
“ทำไมขยันหายจังนะเด็กคนนี้” บ่นอย่างนั้นก่อนจะหันไปสั่งนายตำรวจอีก 2 นายที่ตามมาด้วย
พวกเขาแยกย้ายกันหาหลักฐานอยู่ครู่ใหญ่ก่อนพวกเราทั้งหมดจะขึ้นรถแล้วมุ่งหน้ากลับโรงพัก
เข็มนาฬิกาหมุนไปเรื่อยๆ ในขณะที่ผมเดินวนไปวนมาในโรงพักอย่างที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“เลิกเดินได้แล้วคุณโอม”
“ผมเป็นห่วงน้อง”
“คุณเคยบอกว่าเจอคนร้ายสองคนแถวๆ บ้านใช่มั้ย”
“ครับ”
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือเขา ตอนนี้พวกเราส่งเจ้าหน้าที่ไปยังร้านประจำที่พวกเขาส่งเด็กแล้ว คุณเองก็ควรกลับไปนอน”
“ผมจะหลับลงได้ยังไง ให้ผมรอที่นี่นะหมวด ผมสัญญาว่าผมจะไม่รบกวน”
ผู้หมวดมองหน้าผมแล้วส่ายหน้าหน่ายใจแต่เขาก็ไม่ได้ไล่ผมกลับบ้านอีก ปล่อยให้ผมรออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเช้า
“คุณโอมเราเจอรถต้องสงสัยแล้ว”
“ครับ !?” ผมทะลึ่งตัวลุกขึ้นด้วยความตื่นตกใจก่อนจะก้าวตามผู้หมวดไปยังรถตำรวจหลายคันที่จอดรออยู่แล้ว
รถยนต์ที่เปิดไซเรนดังลั่นวิ่งไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วแต่นั่นก็ช้ากว่าใจของผมที่วิ่งนำไปหาปิ๊กแล้ว
“เหมือนว่าเด็กที่ถูกจับไปคราวนี้จะไม่ใช่ปิ๊กคนเดียวนะครับ”
“มิน่าล่ะ ในบ้านหลังนั้นมีเชือกโคตรเยอะ”
“ไม่ต้องกังวลนะคุณโอม เด็กๆ ยังปลอดภัยดี ตราบใดที่ยังไม่ถึงมือลูกค้า”
“จับไปทำไมเหรอครับ”
“ค้าบริการทางเพศน่ะ สองคนนั้นเคยถูกจับแล้วครั้งนึง แต่ถูกประกันตัวออกมาแล้วหลบหนีไป”
“ถ้าเราไปช่วยปิ๊กไม่ทัน...” แค่คิดว่าเขาจะต้องเจอกับเรื่องโหดร้ายหัวใจของผมก็ร้าวระบมไปหมด
“ต้องทันครับ” ผู้หมวดบอกอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถามว่ารู้สึกดีขึ้นไหม ก็ไม่มากเท่าไหร่จนกว่าจะได้เจอปิ๊ก
ถนนใหญ่ที่พาเรามุ่งหน้าสู่ต่างจังหวัดเปลี่ยนเป็นทางแคบๆ ที่ขรุขระ มองออกไปนอกกระจกเห็นทะเลอยู่ลิบๆ กระทั่งเราโผล่ออกมาถนนใหญ่อีกครั้ง
“เลี้ยวขวาข้างนั้นนั้นเลย”
ผู้หมวดออกคำสั่ง ในตอนที่รถเลี้ยวเข้ามาก็พบว่าในบริเวณกว้างนี้เต็มไปด้วยตู้คอนเทนเนอร์หลากสี
“ท่าเรือเหรอครับหมวด”
“ใช่ครับ เรือจะเข้าเทียบท่าในอีก 1 ชั่วโมง”
“หมายความว่า...”
“เด็กๆ จะถูกส่งไปนอกประเทศครับ” ผู้หมวดตอบคำถามในตอนที่รถจอดพอดี
หมายความว่าเรามีเวลาตามหาน้องแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
✧✧✧
PIK SIDE
ปิ๊กลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด
ไม่สิ มันไม่น่าจะมืดแล้วนะ ที่จริงตอนนี้น่าจะมองเห็นแสงจากพระอาทิตย์สิ แล้วพี่โอม พี่โอมไปไหน เขาไม่ได้นอนอยู่ข้างปิ๊ก ไม่ได้กอดไว้เหมือนดั่งคืนก่อนๆ
พี่โอมไปหาพี่ไอซ์อีกแล้วเหรอ
พักหลังนี้ปิ๊กไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องรู้สึกไม่ดีเวลาคิดไปเองว่าพี่โอมกอดคนอื่นเหมือนกอดปิ๊ก
ปิ๊กคงหวงพี่โอมมากไปล่ะมั้ง
แต่ว่านะ ตอนนี้ปิ๊กเมื่อยตัวไปหมดเลย เมื่อยกว่าตอนที่ถูกพี่โอมกอดรัดแล้วกระแทกสะโพกลงมาเสียอีก
ปิ๊กพยายามขยับตัวแต่ก็พบว่าถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเชือกทั้งมือและเท้า
นี่มันอะไรกัน ความมืดรอบๆ ตัวทำให้ปิ๊กเริ่มกลัว ถึงแม้ว่าสายตาจะปรับให้สามารถมองเห็นในความมืดได้แล้วแต่ปิ๊กก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรนอกจากเด็กผู้ชายที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่นั่งจับเจ่าอยู่บนพื้นแข็งๆ นี่เท่านั้น
ที่นี่ที่ไหน มันทั้งอับและร้อนอบอ้าว
พี่โอม ปิ๊กอยากออกไปจากที่นี่
“ที่นี่ที่ไหน” ปิ๊กหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่เขาก็ส่ายหน้า
คงไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนๆ กับปิ๊ก
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ไม่รู้สิ” เขาว่า
“ปิ๊กจำได้ว่าไปช่วยคุณยายขายผัก แล้วก็ไปส่งคุณยายที่บ้าน คุณยายเอาน้ำให้ดื่ม แล้วก็...”
หลังจากนั้นปิ๊กก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
“ถูกจับตัวมาน่ะสิ” พอเขาว่าอย่างนั้นเสียงโวยวายก็ดังขึ้นจากคนที่อยู่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน
ปิ๊กพยายามบอกให้พวกเขาหยุดทั้งที่ตัวเองก็น้ำตาไหลเหมือนกัน
ควรทำยังไงดี ปิ๊กต้องทำยังไงถึงจะได้เจอพี่โอมอีก
“หุบปากซักที ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ มีสติกันหน่อยสิ” เสียงของคนข้างปิ๊กทำให้รอบกายกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
ปิ๊กเองก็ได้แต่กลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ
“แก หันหลังมา”
“ปิ๊กเหรอ” ปิ๊กหันไปเบิกตาถามเขาให้อีกฝ่ายพยักหน้าแรงๆ ก่อนจะทำตามคำสั่งเพราะสีหน้าที่มองเห็นในความมืดน่ากลัวมาก
เราหันหลังชนกัน นิ้วของเขาขยับยุกยิกที่ข้อมือของปิ๊ก ไม่นานเชือกก็คลายออกให้สัมผัสถึงอิสรภาพอีกครั้ง
“โห” ปิ๊กมองหน้าเขาอย่างทึ่งๆ แล้วรีบแกะเชือกที่ขาตัวเองก่อนจะช่วยอีกฝ่ายแกะเชือกบ้าง
“เก่งใช่มั้ยล่ะ”
ปิ๊กยิ้มกว้างยกนิ้วโป้งให้เขาทั้งสองข้าง แล้วช่วยกันมอบอิสระให้กับคนอื่นๆ
“พี่เก่งมากเลย”
“เราชื่อเบลล์ แล้วแกล่ะ”
“ปิ๊ก”
“เอาไว้ออกจากที่นี่ได้ก่อนแกค่อยชมว่าเราเก่ง” ในน้ำเสียงของเบลล์ปราศจากความหวาดกลัว ดังนั้นปิ๊กเองก็ลืมความกลัวไปชั่วขณะเช่นกัน
“ว่าแต่เราจะออกจากที่นี่ได้ยังไง”
เมื่อสักครู่เราลองเปิดประตูแล้วแต่ก็พบว่ามันถูกล็อกจากด้านนอก ถ้าไม่มีใครช่วยเปิดเราก็คงต้องคิดแหง็กอยู่ในนี้ไปจนตาย
“รอล่ะมั้ง” เบลล์ว่าอย่างสิ้นหวังแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม
“ยอมแพ้แล้วเหรอ”
“แล้วเราจะทำอะไรได้ล่ะ ไม่ใช่ไอรอนแมนนะเว้ยจะได้มีพลังพังเหล็กพวกนั้นออกไปได้น่ะ”
“ปิ๊กเคยเจอไอรอนแมนด้วยนะ เมื่อปีก่อนไปดูหนังรอบปฐมทัศน์มาด้วยแหละ”
“ขี้โม้แล้วปิ๊ก” เบลล์ผลักหัวปิ๊กเบาๆ เมื่อปิ๊กว่าอย่างนั้น
ไม่ใช่นะ ปิ๊กไม่ได้โม้ ปิ๊กเคยไปมาจริงๆ เคยเจอไอรอนแมนจริงๆ
“หิวอะ” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืดให้เราหันไปมองก็พบกับใครคนหนึ่งที่ตัวผอมมากๆ เลย
“เออ โคตรหิว” หลังจากนั้นก็ร้องว่าหิวกันดังระงมเชียว
จะว่าไปปิ๊กก็หิวแล้วเหมือนกัน ลูบท้องป้อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเบลล์ เขาส่ายหน้าแล้วยิ้มแหยเหมือนบอกว่าช่วยอะไรไม่ได้
ก็ไม่ได้อยากให้ช่วยหรอก เบลล์เองก็คงหิวเหมือนกัน
“ชู่ววว~ เงียบก่อนๆ”
เบลล์จรดนิ้วมือที่ริมฝีปากเมื่อบอกให้พวกเราเงียบ เขาแนบหูกับผนังเหล็ก ปิ๊กจึงทำตามบ้าง เราได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวข้างนอก
“เหมือนกำลังสู้กันเลยเนอะ”
ปิ๊กพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่เราทั้งคู่จะพยักหน้าให้กันเหมือนสื่อความหมายบางอย่าง
ปึ้ง!!!!
“ช่วยด้วยครับ มีคนติดอยู่ในนี้ ช่วยด้วย!!!!” เบลล์ตะโกนนำให้พวกเราที่เหลือตะโกนร้องกันจนสุดเสียง
ทั้งทุบผนังดังปึงปังหวังให้ใครสักคนที่อยู่ข้างนอกนั้นได้ยินเรา
หวังว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่
“ปิ๊ก!” ท่ามกลางความวุ่นวายปิ๊กได้ยินเสียงพี่โอมแว่วมา
“พี่โอม” ปิ๊กวิ่งวุ่นไปหมดอย่างไม่รู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากตรงไหน
“ปิ๊กได้ยินพี่มั้ย ปิ๊ก!!”
“พี่โอม ปิ๊กอยู่นี่ พี่โอม” น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้เริ่มไหลออกมาเป็นสาย ร้องเรียกอีกคนจนเสียงแหบแห้ง
ความวุ่นวายในตู้มืดๆ แห่งนี้สงบลงเมื่อแสงสว่างสาดผ่านประตูที่เปิดออกเข้ามา พี่โอมยืนอยู่ตรงนั้น แสงที่ส่องมาทางด้านหลังทำให้เขาดูเหมือนเทวดาที่ปิ๊กเคยเห็นในหนังสือ
“พี่โอม ฮือออ~” ปิ๊กโผเข้าสู่อ้อมกอดที่คุ้นเคย ซุกหน้าลงกับอกพี่โอมแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
“ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่โอมอยู่ตรงนี้ พี่จะไม่ปล่อยให้ปิ๊กตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว”
“ฮืออออ~” ปิ๊กยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น ความกลัวที่เคยกินพื้นที่ทั้งหัวใจค่อยๆ จางหายไปเมื่อถูกเขากอดเอาไว้
พี่โอมประครองปิ๊กเอาไว้ พร่ำบอกว่าไม่เป็นไรข้างหูจนทุกอย่างผ่านพ้นไป
“ลาก่อนปิ๊ก” เบลล์โบกมือลาเมื่อเราต้องแยกย้าย
ปิ๊กขอบคุณเขา ถ้าในห้องมืดๆ นั้นไม่มีเบลล์ พวกเราก็คงถูกมัดเอาไว้อย่างนั้น เบลล์เป็นคนที่เข้มแข็งและกล้าหาญมากเลย
✧✧✧
“พี่โอมโกรธปิ๊กมั้ยครับ”
ปิ๊กยังคงนั่งอยู่บนตักของพี่โอมแม้ว่าเราจะกลับมาถึงห้องแล้ว
“ปลอยภัยกลับมาก็ดีแล้ว”
“เพราะปิ๊กไม่เชื่อฟังพี่โอม ปิ๊กไว้ใจคนแปลกหน้าเกินไป ปิ๊ก...”
“พอแล้ว อย่าพูดถึงมันอีกนะ อย่างน้อยปิ๊กก็ทำให้ผู้หมวดจับคนร้ายได้นะครับ ปิ๊กของพี่เก่งที่สุดเลย”
พี่โอมจูบเส้นผมของปิ๊กอย่างอ่อนโยน
“พี่โอม...”
“หืม” ริมฝีปากที่ประทับจูบปิ๊กซ้ำๆ หยุดลงก่อนจะเลื่อนมาจูบที่คอ พี่โอมชอบแกล้งปิ๊กแบบนี้ มันทำให้ร่างกายรู้สึกแปลกๆ แต่ปิ๊กก็ชอบนะ ชอบให้พี่โอมสัมผัสทั้งตัวเลย
“ปิ๊กทำกระเป๋ากับรูปหายไปแล้ว”
“กระเป๋าอันนี้หรือเปล่านะ”
กระเป๋าที่ปิ๊กคิดว่าหายไปแล้วถูกคนที่กอดปิ๊กไม่ยอมปล่อยยื่นมาตรงหน้า ปิ๊กเอี้ยวตัวไปมองพี่โอมอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองก่อนจะรับกระเป๋ามาถือเอาไว้
“จะไม่ให้รางวัลพี่หน่อยเหรอครับ”
“ยังไงอะ”
“จูบพี่หน่อยสิ” พี่โอมหลับตา ทำปากจู๋ ท่าทางที่พี่โอมคงไม่รู้ว่าตัวเองน่ารักมาก แต่ปิ๊กไม่จูบพี่โอมในทันทีหรอกนะ เขินจะแย่
“ปิ๊กหิวข้าวอะ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว”
“กินพี่โอมรองท้องก่อน”
“หิวจริงๆ นะ” ปิ๊กลูบท้องเพื่อยืนยันว่าหิวจริงๆ ให้พี่โอมยอมปล่อยมือที่โอบกอดอยู่นานเป็นครั้งแรก
“มีอะไรในตู้เย็นบ้างน๊า”
“ปิ๊กไปอาบน้ำนะ” ปิ๊กกระโดดลงจากตักพี่โอม วิ่งไปหยิบผ้าขนหนู นี่ไม่ได้อาบน้ำเกือบ 2 วันแล้ว ตัวเหม็นมากไม่รู้ว่าพี่โอมทนดมอยู่ได้ยังไง
“พี่ทำไข่เจียวนะ”
“คนใดที่ถูกเจียว” ปิ๊กตะโกนออกมาขณะกำลังปิดประตู มุกนี้พี่โอมเคยเล่น ตอนนั้นปิ๊กงงมาก อาจเพราะปิ๊กไม่ค่อยเก่งภาษาไทยล่ะมั้ง
พี่โอมหัวเราะหึๆ ก่อนจะตะโกนตอบคำที่ทำให้ปิ๊กเขินไปหมด
“ปิ๊กเป็นคนเดียวที่ถูกใจพี่นะครับ”
คนบ้า!!
[T B C]
เพราะความขี้สงสารแท้ๆ เลย เกือบซวยแล้วนะปิ๊ก
พี่โอมเนี่ย นอกจากจ้องจะตอดเล็กตอดน้อยน้องแล้ว ก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ใช่มั้ยล่ะ
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะ