{รวมเรื่องสั้น} ☆♥☆ Love Festival ☆♥☆ { จบในตอน }
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {รวมเรื่องสั้น} ☆♥☆ Love Festival ☆♥☆ { จบในตอน }  (อ่าน 8702 ครั้ง)

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลงหรืออื่น ๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเว็บบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใด ๆ ไปโพสที่อื่น ๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรืออีเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเมนท์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่าง ๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเว็บ  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใด ๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเว็บอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดี ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านจริง ๆ นั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดี ๆ ให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่าง ๆ มาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดี ๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดี ๆ ไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้น ๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใด ๆ บนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใด ๆ ก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใด ๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




 :L2:


ซีรีส์นี้ประกอบไปด้วยเรื่องสั้นทั้งหมด 5 เรื่องค่ะ

- 1 - SANTA x SATAN
(วันคริสต์มาส)

- 2 - My Delicious Guy
(ฮาโลวีน)

- 3 - Soul and Me
(วันแห่งความตาย)

- 4 - หัวใจเพรียกหา
(ลอยกระทง)

- 5 - LOVEY DOVEY
(วาเลนไทน์)

ขอเอามาเก็บไว้ในคลังเล้าเป็ดอีกรอบค่ะ
เผื่อเวลาผ่านไปแล้วมีพล็อตแบบนี้ขึ้นมาจะกลายเป็นว่าเราไปลอกเขา ถถถถถ
#จดแลคตาซิดแป๊บ :D
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2018 17:27:29 โดย wanmai »

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

- 1 -

SANTA x SATAN



แดสเชอร์ แดนเซอร์ แพรนเซอร์ วิกเซ่น ดอนเนอร์ โคเม็ต คิวปิด บลิตเซ่น และรูดอล์ฟ (จมูกแดง)

คือชื่อกวางเรนเดียร์ของซานตาคลอส ในตำนานที่เล่าขาน ค่ำคืนวันคริสต์มาสจะมีชายร่างท้วมท่าทางใจดี ใบหน้ารกไปด้วยเคราสีขาวครึ้ม สวมชุดสีแดงสลับขอบขาวมาส่งมอบของขวัญให้เหล่าเด็กดีทุกคน โดยยานพาหนะที่นำพาชายใจดีคนดังกล่าวมาคือรถเลื่อนเทียมกวาง มันเป็นเพียงตำนานที่เล่าขานหรือมีอยู่จริงไม่อาจรู้

“เรนเดียร์ อากาศมันเย็นมากแล้ว เจ้าอย่ามัวไปตักน้ำอยู่ เข้ามาผิงไฟที่เตาผิงกับท่านตาเถิด เร็วเข้าน้องชาย”

เสียงตะโกนโหวกเหวกจากชายหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยเรียกหนุ่มน้อยที่กำลังหิ้วถังน้ำเดินฝ่าหิมะขาวโพลนมาอย่างทุลักทุเล ดวงตากลมโตสุกใสราวตากวางพราวระยับเมื่อริมฝีปากอิ่มยกยิ้ม จมูกโด่งเริ่มขึ้นสีระเรื่อเพราะอากาศที่หนาวเย็น ตัวผอมเพรียวนั้นวางถังน้ำลงก่อนวิ่งเข้าบ้านหลังน้อยไปหาคนเรียก

“พี่บลิตเซ่น ข้าหนาว” เสียงใสเริ่มสั่นเพราะความหนาวทำให้ฟันคมกระทบกันกึก ๆ

ผู้เป็นพี่ชายโยกศีรษะกลมแล้วหัวเราะในลำคอเมื่อย้อนความ “พี่บอกเจ้าแล้ว แต่เจ้ามันดื้อเหลือเกิน”

“ก็ข้าอยากตักน้ำมาต้มให้ท่านตาได้อาบ น้ำอุ่นจะทำให้ท่านผ่อนคลาย” หนุ่มน้อยย่นจมูกอย่างน่ารัก

“จมูกเจ้าแดงไปหมด”

“คึคึ จะได้เหมือนพี่รูดอล์ฟไง จมูกแดง ๆ”

“นินทาอะไรข้า?”

ผู้ถูกพาดพิงส่งเสียงมาเสียเข้มข้น หนุ่มน้อยสะดุ้งเฮือก วิ่งไปหลบหลังบลิตเซ่นแล้วโผล่แต่หน้ามามองชายหนุ่มอีกคนที่ก้าวเข้ามาหา

“ว่าไงเจ้าตัวเล็ก?”

เจ้าตัวเล็กกัดปากเมื่อถูกไล่ต้อน “เปล่าสักหน่อย... ท่านตา ข้ามาแล้ว~~~”

เรนเดียร์จอมป่วนรีบหาทางหนี ตัวผอมเพรียววิ่งไปหาชายชราเคราขาวที่เก้าอี้โยกหน้าเตาผิง นั่งลงข้าง ๆ แล้ววางคางเกยบนหน้าตักชายชรา ก่อนที่ร่างผอมเพรียวนั้นจะค่อยแปรเปลี่ยน ขนสีน้ำตาลอ่อนปกคลุมทั่วร่างกาย ต้องแสงไฟจากเตาผิงทำให้มันดูเงางามน่าลูบไล้ เขาเล็ก ๆ งอกออกมาจากศีรษะที่เปลี่ยนรูปทรงไป

...เขาคือกวางเรนเดียร์ เรนเดียร์ของท่านตาซานตาคลอส...

ในหมู่บ้านนี้ไม่ได้มีเพียงเขาตัวเดียว พี่ชายทั้งเก้าก็ไม่ต่างจากเขา จากชายหนุ่มตัวสูงใหญ่กลายร่างเป็นกวางหนุ่มสูงสง่า ค่อยเยื้องย่างมานอนลงข้างกายชายชราหนวดเคราขาวครึ้มอย่างภักดี

พี่ชายทั้งเก้าต่างทำหน้าที่ของตนในทุก ๆ ปี คงจะมีก็แต่น้องเล็กอย่างเรนเดียร์ที่ยังไม่ได้รับมอบหมายงานสำคัญ และปีนี้ จะเป็นปีแรกของลูกกวางน้อยที่จะได้นำพาท่านตาซานตาคลอสไปส่งมอบความสุขให้กับเด็กดี งานสำคัญที่เขาจะต้องไม่ทำพลาดโดยเด็ดขาด เพราะมันคือก้าวแรกของการทำหน้าที่ในฐานะกวางเทียมรถเลื่อนของซานตาคลอส

--------------------

“เรนเดียร์ ข้าได้ข่าวว่าเจ้าจะได้เป็นกวางเทียมเลื่อนท่านตาซานตาหรือ?”

ซีซ่า เพื่อนสนิทของกวางน้อยเรนเดียร์เอ่ยถามเมื่อทั้งคู่ออกมาตักน้ำจากบ่อด้วยกัน ซีซ่าเป็นกวางป่า อาศัยอยู่ในป่าแถบนี้กับมารดาเพียงสองตัว โดยรับจ้างทำงานทั่วไปเพื่อเลี้ยงปากท้อง

“อื้อ ในที่สุดท่านตาก็ยอมให้ข้าทำ ต่อไปข้าจะไม่ใช่กวางน้อยอย่างที่คนอื่นชอบล้อข้าแล้ว”

ซีซ่าหัวเราะ เพราะเรนเดียร์ตัวเล็กกว่ากวางตัวอื่นในฝูงที่ควรตัวโตและสูงสง่า ทำให้หน้าที่เทียมรถเลื่อนเป็นของตัวอื่นไป เรนเดียร์จึงต้องทำหน้าที่ดูแลบ้าน ดูแลท่านตาซานตาคลอส แทนที่จะได้ทำงานเหมือนพี่ ๆ เขา

“น่าอิจฉาเจ้าที่ได้ทำงานก่อนข้า ซีซ่า” เจ้ากวางน้อยรำพัน

“อิจฉาทำไมกัน งานของข้ามันหนักกว่าเจ้าอีกนะ ทำงานกับซาตานมันไม่ง่ายเลย”

“ข้าได้ยินมาว่าเขาโหดร้ายมาก เขาทำร้ายเจ้าหรือเปล่า ซีซ่า?” เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อตอนนี้ซีซ่าเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่ปราสาทมืดของซาตานในป่าลึก

“ไม่ แต่เจ้าจงจำไว้เลยนะเรนเดียร์ อย่าทำสัญญาอะไรกับเขาเป็นอันขาด ถ้าเจ้าติดหนี้เขา เขาจะเอาคืนอย่างโหดเหี้ยมที่สุดเลย”

“อะไรกัน คนแบบนี้ก็มีหรือ ไม่เห็นเหมือนท่านตาของข้า ท่านไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนจากผู้อื่น นอกจากทำให้ผู้รับมีรอยยิ้มเป็นสุขเท่านั้นเอง”

“ถ้าท่านตาของเจ้าเป็นแสงสว่าง เขาก็ไม่ต่างจากความมืดดำ เพราะฉะนั้น เจ้าต้องระวัง อย่าทำสัญญาใด ๆ กับเขาเชียว” ซีซ่ายังกล่าวเตือนซ้ำ กลัวเพื่อนรักจะตกหลุมพรางซาตานร้าย

“ข้ารู้แล้ว ข้าไม่มีทางไปขอร้องให้เขาช่วยแน่” เรนเดียร์ยืนยันมั่นเหมาะ

“ดีแล้ว” ซีซ่าว่า หิ้วถังน้ำขึ้นมาก่อนเอ่ยชวนเพื่อน “กลับกันเถอะ เดี๋ยวพี่ ๆ เจ้าจะเป็นห่วงเอา”

“อื้อ”

เรนเดียร์พยักหน้ารับ เสียงแจ๋ว ๆ ยังดังไปตามทางที่ทั้งคู่เดินไป เรนเดียร์หยุดเดินเมื่อรู้สึกราวมีใครกำลังมองจ้อง ตากลมหันกลับมามอง เห็นเพียงใบไม้ไหวจากสายลมหนาวที่พัดมา หิมะขาวโพลนร่วงกราวจากไม้พุ่มหนึ่ง ขาเรียวจะก้าวกลับไปดู แต่เสียงเรียกจากซีซ่าทำให้เจ้ากวางน้อยต้องเปลี่ยนใจ

ร่างเล็กรีบก้าวไปหาเพื่อน ท่ามกลางสายตาในเงามืดของใครคนหนึ่งคอยมองจ้อง...

--------------------

“ท่านพี่ ข้าตื่นเต้นจัง”

เรนเดียร์ถูมือไปมาเพราะตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ วันนี้แล้ว วันที่เขากำลังจะได้ทำงานแรก งานส่งมอบความสุขให้ผู้คนในวันคริสต์มาส

“เจ้าพูดมาหลายรอบแล้ว ไอ้หนู” แดสเชอร์ พี่ใหญ่ของบ้านกล่าวกลั้วหัวเราะ พี่ ๆ ที่เหลือก็ไม่ต่างกัน

“ก็...”

“เจ้าต้องทำได้ มั่นใจเข้าไว้” คิวปิดจับไหล่เล็กแล้วให้กำลังใจ ตากลมนั่นมองเขาด้วยประกายความหวัง ก่อนตอบรับแข็งขัน

“ครับ!”

พวกเขากำลังเตรียมตัว ชายในชุดสีแดงพร้อมออกเดินทางไปส่งความสุขพร้อมกล่องของขวัญแสนพิเศษ เพราะซานตาคลอสอายุมากขึ้น สมรรถภาพทางร่างกายเริ่มถดถอย ทำให้มีซานตารุ่นใหม่มารับหน้าที่นั้นทดแทน กวางทั้งเก้าของซานตาคลอสต่างต้องทำหน้าที่พาซานตารุ่นใหม่ไปให้ถึงจุดหมาย ในขณะที่เรนเดียร์ กวางน้อยฝึกหัด ไม่มีใครมั่นใจในความสามารถ ทำให้งานแรกชองเรนเดียร์คือพาท่านตาซานตาคลอสไปส่งความสุขวันคริสต์มาส เพื่อทำให้คนอื่นเห็นว่าเรนเดียร์ทำได้

“ถ้าอย่างนั้นพวกพี่ไปก่อนนะ ใกล้เวลาแล้ว” ดอนเนอร์บอกกับน้องเล็ก ก่อนกลายร่างเป็นกวางตัวใหญ่ซึ่งมีผู้กุมบังเหียนเป็นชายชุดแดงประจำรถเลื่อนนั้น

เรนเดียร์โบกมือให้พี่ ๆ รอยยิ้มกว้างขวางเกลื่อนใบหน้าเมื่อแหงนเงยมองรถเลื่อนที่พวกพี่ทำหน้าที่นำพามันไป ก่อนตัวผอมเพรียวนั้นจะวิ่งเข้าบ้านไปหาท่านตา เพื่อจะได้ออกเดินทางอย่างเช่นคนอื่นบ้าง

“ท่านตา ท่านตาครับ ได้เวลาแล้ว~”

เสียงใสดังมาตั้งแต่หน้าประตู แต่แล้วสีหน้าร่าเริงปนตื่นเต้นนั่นกลับเจื่อนลงเมื่อเห็นท่านตาของตนทรุดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ราวหมดแรง กวางน้อยวิ่งเข้าไปหาหน้าตาตื่น

“ท่านตา เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”

“ตาไม่เป็นไรเรนเดียร์ แค่รู้สึกหน้ามืด นี่ได้เวลาแล้วสินะ อย่างนั้นเราก็ไปกันเถิด” เอ่ยกับเจ้ากวางน้อยด้วยความอารี รอยยิ้มใจดีนั้นยังไม่เปลี่ยนไป แต่มันกลับดูโรยแรง

“ไม่ได้ ไม่ได้ท่านตา ท่านไม่สบาย” เรนเดียร์ละล่ำละลัก ท่านตาของเขาตัวร้อนจี๋ทั้งที่อากาศข้างนอกเย็นจัด

“แต่งานจะยกเลิกไม่ได้ มีคนรอเราอยู่ และเจ้า... มันเป็นงานแรกของเจ้า ตาไม่อยากทำให้มันพัง”

เรนเดียร์น้อยน้ำตาคลอ ริมฝีปากอิ่มสั่นระริก “ต... แต่ท่านป่วย ไปไม่ได้หรอก ไม่ได้...”

ศีรษะทุยส่ายรัว ยืนยันว่าทำเช่นนั้นไม่ได้ ร่างผอมเพรียวพยุงซานตาคลอสไปพัก ก่อนใช้น้ำอุ่นเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้ ผ้าห่มหนานุ่มถูกห่มคลุม ก่อนกวางน้อยจะนั่งลงที่ข้างเตียงนั้นด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

“เรียกพี่เจ้ากลับมาเอาของขวัญพวกนั้นไปด้วยเถิดเรนเดียร์ ขอโทษด้วยที่ตามาป่วยเอาตอนนี้”

เสียงไอโขลกยิ่งทำให้เรนเดียร์น้ำตารื้น ผิดหวังก็ใช่ แต่ห่วงสุขภาพท่านตาของตนมากกว่า

“ข้าจะทำเอง”

“เจ้าจะทำคนเดียวได้อย่างไรเรนเดียร์ เรียกรูดอล์ฟหรือไม่ก็วิกเซ่นกลับมารับของขวัญเถิด”

“ไม่เอา ข้าอยากทำ ฮือออ” เจ้ากวางน้อยร้องไห้โฮเป็นเด็ก ก็นี่มันงานของเขานี่นา

“รู้แล้ว ๆ แล้วเจ้าจะให้ใครมาช่วย หืม?”

“.........” คำถามจากท่านตาทำให้เรนเดียร์เงียบไป นั่นสิ เขาจะให้ใครมาช่วย ไม่มีใครยอมช่วยหรอก เพราะเขามันกวางฝึกหัด ยังไม่ทันออกเดินทางก็พบกับปัญหาใหญ่เสียแล้ว

เรนเดียร์เดินออกจากบ้านมาที่รถเลื่อนบรรทุกของขวัญ มองมันอย่างแสนเสียดาย ไม่อยากตัดใจแต่จะหาใครที่ไหนมาช่วย หิมะขาวโพลนปกคลุมทั่วบริเวณ รอยเท้าของเรนเดียร์ที่ก้าวเดินไปเรื่อย ๆ ถูกทับถมกลบรอย ตัวผอมเพรียวค่อยทรุดนั่งลงกอดเข่าข้างต้นไม้ใหญ่ สะอื้นไห้เบา ๆ กับความล้มเหลวของตนเอง

“เจ้ากวางน้อย”

เรนเดียร์สะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้นไม่ไกลตัว ตากลมที่คลอคลองไปด้วยน้ำตาที่รินไหลเป็นสายเหลียวมองหาที่มาของเสียง ก่อนริมฝีปากอิ่มจะอ้าค้างเมื่อมีตัวประหลาดมาลอยอยู่ตรงหน้า

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผู้มีเขาโง้งบนศีรษะ ผมสีดำสนิทตัดกับผิวขาวซีดราวกับคนไร้ลมหายใจ ปีกที่กางอยู่ด้านหลังเป็นประกายเพลิงแผดเผา ความร้อนของเปลวเพลิงจากปีกกว้างทำให้กวางน้อยตัวสั่น เพราะผู้ที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้คือ ซาตาน

“ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยเจ้าได้บ้างไหม?”

น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามไถ่ แต่ในความรู้สึกของเรนเดียร์มันกลับฟังดูน่ากลัว เพราะซีซ่าเคยบอก อย่าทำสัญญาใด ๆ กับซาตาน เพราะเขาจะเอาคืนอย่างเหี้ยมโหด แต่ถึงกระนั้น เจ้ากวางน้อยกลับอยากลองเสี่ยงดู

“ท่านช่วยข้าได้จริงหรือ?” เรนเดียร์เอ่ยถามอย่างมีความหวัง โดยไม่รู้ว่าถ้อยคำที่พูดออกไปนั้นมันกำลังจะกลายเป็นสิ่งผูกมัดเขาเข้ากับการทำสัญญาซาตาน

ริมฝีปากหยักยิ้มเยือนเมื่อกล่าวตอบกวางน้อยผู้ไร้สิ้นหนทาง “ได้ทุกอย่าง”

“เช่นนั้น ท่านช่วยทำให้ท่านตาของข้าหายป่วย ให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม”

“โอ้ นั่น...”

“ท่านบอกว่าได้ทุกอย่าง” เรนเดียร์รีบทวง

“ไม่ อย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องนี้” ซาตานหนุ่มเอ่ยแย้ง

“ท่านมันจอมลวงโลก!” เจ้ากวางน้อยต่อว่า น้ำตาเม็ดโตร่วงผล็อย คนสับปลับ เขาไม่น่าคาดหวังเลย เห็นทีต้องรีบเรียกพี่ชายกลับมารับของขวัญที่เหลือก่อนที่พี่จะอยู่ไกลกว่านี้

ซาตานหนุ่มเกาหัวแกรก ไม่เคยมีใครมาร้องไห้สะอึกสะอื้นตัดพ้อต่อว่าเขา มีแต่ร้องขอชีวิตจากเขาเท่านั้น

“เจ้าใจเย็นก่อนกวางน้อย ถึงข้าจะช่วยเรื่องตาเจ้าไม่ได้ แต่ช่วยเรื่องอื่นได้นะ” ซาตานหนุ่มตะล่อม

“ไม่เอา จะให้ท่านตาหาย ฮือออออ” อ้าว ซวยแล้วไง ร้องดังกว่าเดิมอีก

“อ่า... เจ้าไม่มีอะไรที่อยากให้ทำอีกหรือ อะไรก็ได้นะ จริง ๆ อะไรก็ได้...”

ตากลมแดงเรื่อจากการร้องไห้เงยขึ้นมามองผู้พูด ซาตานเลิกคิ้ว มองกวางน้อยที่ยังสะอื้นเบา ๆ อย่างรอฟังในสิ่งที่จะขอ

------------------

“รู้ใช่ไหมว่า เวทย์มนต์มักมีค่าตอบแทนเสมอ?”

คำถามจากซาตานได้รับการพยักหน้าตอบกลับมาครั้งหนึ่ง ตากลมแป๋วนั่นมองมาด้วยความใสซื่อ

“ค่าตอบแทนที่เจ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร ...จะยอมเสี่ยงไหม?” ซาตานยังย้ำถาม

เรนเดียร์นิ่งคิดอยู่เพียงครู่เดียว ก่อนตอบกลับไปเสียงเบา “... ยอม”

ผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายกระตุกยิ้มพอใจ “เจ้าจะได้ตามที่ขอ... อ้อ เจ้าชื่ออะไรนะ กวางน้อย?”

“เรนเดียร์”

“เรนเดียร์ เจ้ากวางน้อย เจ้าจะได้ตามที่ขอ... เดี๋ยวนี้”

จบคำของซาตานหนุ่ม เจ้ากวางน้อยก็ยื่นของบางอย่างมาตรงหน้า ซาตานมองชุดสีแดงในมือของอีกฝ่ายแล้วคิ้วขมวด

“ต้องใส่ชุดบ้า ๆ นี่ด้วยหรือ?”

“อื้อ”

เรนเดียร์พยักหน้าหงึกหงัก ตาเจ้ากวางแป๋วแหววดูน่าสงสารจนคนมองต้องยอมใส่ เมื่อสวมมันเสร็จแล้วเคราสีขาวก็ถูกยื่นมาให้อีกอย่าง

“ไม่ใส่” บอกกลับไปเสียงแข็ง

“ทะ... ทำไมล่ะครับ ข้าขอท่านไปแล้ว แล้ว... แล้วท่านก็...”

มือหนาคว้าหมับมาสวมอย่างเร็วไวเมื่อเห็นใบหน้าเรียวเริ่มเบ้ ทำท่าจะเป่าปี่ให้ฟังอีกรอบ จะร้องอะไรหนักหนาไม่รู้เจ้าตัวเล็กนี่

เมื่อเห็นซาตานหนุ่มยอมแต่งองค์ทรงเครื่องตามที่ต้องการแล้วเรนเดียร์ก็ยิ้มแฉ่งอย่างยินดี เท่านี้ก็ส่งความสุขให้เด็ก ๆ ทุกคนได้แล้ว ท่านตาเองก็ต้องดีใจมากแน่ ๆ

“รถลากนี่มัน...”

เสียงที่แว่วมาเมื่อพากันเดินมาถึงรถเลื่อนทำให้เรนเดียร์หันขวับมามองผู้พูด

“...ช่างเถอะ”

บอกปัดไปเช่นนั้นเพื่อตัดปัญหา ก่อนร่างสูงใหญ่ในชุดสีแดงพร้อมเคราขาวครบชุดจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถเลื่อน เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ เรนเดียร์จึงกลายร่างเป็นกวาง เพื่อที่จะได้ออกเดินทางกันเสียที เสียเวลามามากมายเหลือเกินแล้ว

“โฮ่ เป็นกวางจริง ๆ ด้วยแฮะ”

เสียงทุ้มพึมพำกับตนเองเมื่อมองเจ้ากวางน้อยที่เขาเรียกกลายร่างเป็นกวางจริง ๆ ให้เห็น เมื่อเข้าประจำที่เพื่อเทียมรถแล้วจึงพาซาตานหนุ่มเหินเวหา แสงดาวระยิบระยับที่โผล่หน้ามาทักทายบนฟ้ากว้างไม่ได้ทำให้ซาตานหนุ่มรู้สึกอภิรมย์ นั่งเท้าคางด้วยความเบื่อหน่ายเสียด้วยซ้ำ ดวงตาสีเพลิงมองหางกวางน้อยที่มันส่ายดุกดิกไปมาแล้ว...

เพียะ!

“โอ๊ย! ตีข้าทำไม!?” เรนเดียร์ร้องเสียงหลงเมื่อแส้ในมือซาตานฟาดมาที่ก้นของตน

“ก้นเจ้ามันแน่นตึงน่าตี หางเล็ก ๆ ของเจ้าก็ล่อหลอกสายตาข้า”

“โรคจิต” กวางน้อยบ่นงึมงำ พยายามไม่สนใจซาตานโรคจิตที่นั่งจ้องอยู่ด้านหลัง อย่างเดียวที่ต้องทำในตอนนี้คือปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นโดยไว

ทั้งคู่ไปส่งของขวัญสุดพิเศษจนกระทั่งครบทุกบ้าน แต่กว่าจะสำเร็จเสร็จสิ้น เจ้ากวางน้อยก็ต้องคอยบอกคอยย้ำกับซาตานในคราบซานตาคลอสให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ วางของขวัญดี ๆ ไม่ใช่จับโยน หากเด็กตื่นมาเจอขณะที่ปฏิบัติภารกิจก็ต้องปลอบโยนหาใช่ขู่เข็ญหรือจะงับหัวเด็กเสียทุกทีไป การทำภารกิจไม่หนักหนาเท่าร้องห้ามซาตาน นั่นน่ะ เหนื่อยที่สุดแล้ว

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลง เรนเดียร์ก็ยืนมองผลงานของตนเองอย่างภูมิใจ มือเรียวปาดน้ำตาเมื่อในที่สุดตนก็ทำสำเร็จ ท่านตาซานตาคลอสจะได้ไม่ต้องผิดหวัง ไม่ต้องเสียใจแล้ว และพรุ่งนี้ที่ตื่นมา เด็ก ๆ คงมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ

ซาตานหนุ่มมองเจ้ากวางน้อยที่ยืนปาดน้ำตาป้อย ๆ แล้วก็ถอนใจ ไม่อยากขัดจังหวะหรอกนะ แต่เรื่องของเขาก็สำคัญเช่นกัน

“เรนเดียร์”

“ครับ?” ใบหน้าเรียวหันกลับมาหา

“อย่าลืมสัญญาล่ะ” เอ่ยเตือนความจำเผื่อจะทำเป็นแชเชือน

“ไม่ลืมหรอก เรากลับหมู่บ้านกันก่อน แล้วข้าจะทำตามสัญญา”

เรนเดียร์กลับมาเป็นกวางอีกหนเพื่อนำพารถเลื่อนกลับไปยังหมู่บ้านของตน ไม่รู้ต้องเผชิญกับกลโกงใดของซาตาน แต่เขาทำสัญญาไปแล้ว ยากจะถอนคืน

“เรนเดียร์”

“......?”

“ไปปราสาทข้า ข้าอยากทำให้สัญญามันเสร็จสิ้นไปก่อนรุ่งสาง”

เจ้ากวางน้อยพยักหน้ารับ เปลี่ยนเส้นทางไปยังปราสาทมืดแทนที่จะเป็นบ้านของตนเช่นก่อนหน้า ใช่จะใสซื่อจนไม่รู้เรื่องราว เพียงแต่ไม่อยากผิดสัญญาก็เท่านั้น

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาบนริมฝีปากซาตานหนุ่ม หากจะบอกว่าเขาขี้โกงก็ไม่ผิดนัก เขาทำได้ทุกอย่างตามที่เคยบอกกับเรนเดียร์ แต่เขาเลือกที่จะไม่ช่วยซานตาคลอส เพราะหากทำเช่นนั้น ชายชราคนนั้นก็ต้องรู้ว่าเป็นฝีมือเขา การจะเรียกร้องเอาสิ่งตอบแทนจากกวางน้อยแสนซื่อคงเป็นไปได้ยากเป็นแน่

“ท่านต้องการอะไรเป็นสิ่งตอบแทนที่ช่วยข้า?” เรนเดียร์เอ่ยถามเมื่อมาถึงปราสาทมืดแล้ว มันวังเวงจนไม่อยากอยู่ที่นี่ให้นานนัก

“ข้ายังไม่เคยลิ้มรสชาติเนื้อกวางเรนเดียร์นุ่ม ๆ สักครั้ง...” นิ้วยาวลูบปากตนเอง หรี่ตามองกวางน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วตวัดปลายลิ้นเลียขอบปาก

“ทะ... ท่านคงไม่ได้หมายความว่า... จะกินข้า...?” เรนเดียร์หน้าซีดเผือดสี เมื่ออีกฝ่ายยกยิ้มแสยะ


ห้องนอนภายในปราสาทซาตาน กวางน้อยถูกโยนไปที่เตียงไม่ออมแรงนัก ร่างสูงใหญ่ก้าวขึ้นมาคร่อมเหนือกาย ลูกกวางตัวน้อยหวาดกลัวจนตัวสั่นอยู่ใต้ร่างของซาตาน

“เวทย์มนต์มีค่าตอบแทน ข้าบอกเจ้าแต่แรกแล้ว และเจ้า... เป็นคนยอมรับข้อเสนอเหล่านั้นเอง”

น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมราวไม่ใช่คนเดียวกับที่เรนเดียร์ได้รู้จัก มือหนาฉีกกระชากเนื้อผ้าแพรพรรณให้พ้นกายขาว ผิวเนื้อเนียนลื่นมือถูกขย้ำเสียจนบอบช้ำ

“อ๊าาาา”

ลิ้นสากลากเลียลำคอ เจ้ากวางน้อยสั่นระริก ตากลมปิดสนิทไม่ยอมลืมขึ้นมามองการกระทำแสนจาบจ้วงและหยาบคาย ริมฝีปากหยักดูดเม้มตามร่างกาย ทุกจุดอ่อนไหวถูกโจมตีแต่เรนเดียร์ก็หวาดกลัวเกินกว่าจะคล้อยตาม เมื่อมือหนายกแยกขาเรียว เจ้ากวางน้อยจึงสะดุ้งสุดตัว

“อึ่ก...! อื้อออ”

หลังมือยกขึ้นปิดปากตนไม่ให้เปล่งเสียงใด ๆ ออกมา มืออีกข้างดันศีรษะซาตานร้ายที่โน้มก้มสาละวนกับใจกลางร่างกายให้ออกห่าง แต่ยิ่งผลักยิ่งดันก็ยิ่งกระตุ้นให้ความร้อนรุ่มพุ่งสู่ช่องท้องมากขึ้นไปอีก ด้วยไม่เคยต้องมือผู้ใด ทำให้กวางน้อยจะขาดใจกับความรู้สึกมากมายที่เอ่อท้นจนเกินระงับ

ร่างสูงใหญ่ผละห่างมา มือยังคงลูบต้นขาขาว ๆ นั้นไม่วาง ก่อนช้อนสะโพกมนยกขึ้นมาเกยบนหน้าขา เปลวเพลิงแสนร้อนระอุเต้นเร่าอยู่ภายใต้ความคัดเป่ง มันค่อยถูกกดเข้าไปภายในความอ่อนนุ่มช้า ๆ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากลูกกวางน้อยดังยาว ทั้งร่ำไห้อย่างน่าสงสาร แต่นั่นกลับไม่สามารถหยุดยั้งความโหดร้ายจากซาตานลงได้แม้แต่นิดเดียว...

------------------

ท่ามกลางหิมะที่ยังคงตกลงมาไม่รู้จักหยุด ในที่สุดร่างผอมเพรียวของเรนเดียร์ก็เดินมาถึงหน้าบ้านหลังน้อยของท่านตาซานตาคลอส บานประตูถูกเปิดเข้าไป พี่ชายทุกตัวกลับมากันแล้ว ต่างกำลังเตรียมจะฉลองคริสต์มาสกับท่านตา ทุกตัวคงรอเขาอยู่ คงนึกว่าไปเล่นซนที่ไหนสักแห่งแล้วไม่ยอมกลับบ้าน ใช่สิ เขาไปเล่นซนอยู่ในที่ห่างไกลจนเกือบไม่ได้กลับมาพบหน้าครอบครัวเพราะความสิ้นคิดของตนเอง

“เรนเดียร์ กลับมาแล้วหรือ มาหาตาซิ เด็กน้อย”

น้ำเสียงเอื้ออารีจากท่านตาทำให้หนุ่มน้อยเรนเดียร์น้ำตารื้น สีหน้าท่านดูดีขึ้นมาแล้ว หากหายป่วยไข้ก็คงจะดี

“วันนี้เจ้าทำดี เอาของขวัญพวกนั้นไปส่งให้เด็ก ๆ จนหมดเลยใช่ไหม?”

“.......” ใบหน้าเรียวพยักหงึกหงัก นั่งทับขาอยู่ตรงหน้าท่านตาของตน

“เด็กดี อยากได้อะไรเป็นของขวัญ หืม?”

“.......” เรนเดียร์ส่ายหน้าจนผมนิ่มปลิวสะบัด พี่ ๆ ต่างมองด้วยความเอ็นดู

“บอกมาเถิด เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว ตาอยากให้ของขวัญแก่เจ้าบ้าง” มือแสนอบอุ่นลูบหัวกลมเบา ๆ รอยยิ้มใจดีมอบให้เจ้าตัวเล็กของบ้านที่ยืดตัวขึ้นมาสวมกอด

“ข้าไม่ขออะไรทั้งนั้น แค่ท่านตามีสุขภาพแข็งแรง อยู่กับข้าไปนาน ๆ ก็พอ”

“เด็กดี”

เรนเดียร์ร้องไห้กับน้ำเสียงอบอุ่นและอ้อมกอดจากท่านตา ไม่รู้เพราะตื้นตันหรือเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองกันแน่ ในใจเฝ้าพร่ำวอนขอ

‘อยู่กับข้า อย่าให้ใครมารังแกข้า...’

----------------

ปราสาทมืด

ซาตานหนุ่มมองคนมาขอความช่วยเหลือจากตนด้วยความซังกะตาย กวางป่าแสนอ้อนแอ้นไม่ต่างจากเรนเดียร์น้อยของเขา แต่กลับไร้อารมณ์วาบหวามเช่นเรนเดียร์อย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมาขออะไร ถึงได้ร้องไห้ร้องห่มเช่นนั้น แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม ไม่มีสิ่งที่ซาตานอย่างเขาทำไม่ได้

“คำขอของเจ้ามีเพียงเท่านี้ใช่หรือไม่?” เอ่ยถามออกไปเมื่อเห็นควรแก่เวลา

“อะ... ครับ”

“ได้” ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นเต็มความสูง พร้อมจะทำให้ความปรารถนาของเจ้ากวางป่าตรงหน้าเป็นจริง

“ท่าน... ท่านจะเอาอะไรเป็นสิ่งตอบแทน...?”

คำถามแสนหวาดหวั่นจากกวางป่าตัวจ้อยทำให้ซาตานหนุ่มก้มมอง ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก...

-----------------

“ซีซ่า บ้านเจ้าไปทางนี้หรือ?”

เรนเดียร์เดินตามเพื่อนที่เอ่ยชวนไปเล่นที่บ้านเข้ามาในป่า แขนเรียวป่ายปัดยอดไม้ให้พ้นทางเมื่อเริ่มเดินลึกเข้ามาในป่ากว้างมากขึ้น

“ใช่สิ เจ้าลืมแล้วหรือไง ไม่ได้มานานแล้วนี่” ซีซ่าตอบกลับไปพร้อมให้เหตุผล

“ก็จริง”

เรนเดียร์น้อยพึมพำ ขาเรียวก้าวตามเพื่อนไปเรื่อย ตากลมมองรอบกายแล้วรู้สึกแปลก ๆ ทำไมยิ่งเดิน ยิ่งเข้าป่าลึกและน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้หนอ

“ซีซ่า” ที่สุดแล้วก็ต้องเอ่ยเรียกเพื่อนอีกหน

“อะไรอีก?”

“ข้าว่าเราอาจหลงทางนะ”

“ไม่หลงหรอก บ้านข้านะ ข้าจะจำไม่ได้เลยหรือ?” ซีซ่าเอ่ยแย้งมาแบบเดิม

“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ว่ามัน...”

เรนเดียร์ตัวลีบเล็กด้วยความกลัว เสียงนกแสกร้องแกรกกรากยิ่งทำให้เจ้ากวางน้อยตัวสั่น ความมืดดำเริ่มปกคลุมอาณาบริเวณที่ทั้งสองยืนอยู่ ก่อนจะค่อยรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนแล้วกลายเป็น... ซาตาน!

“ซีซ่าระวัง!!”

ร้องบอกเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แต่ตัวเองกลับถูกอุ้มลอยวืดขึ้นไปแทน ตากลมมองเจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดอย่างตกใจ

“ขอบใจที่เจ้าทำตามสัญญา”

ซาตานหนุ่มเอ่ยกับซีซ่า เรนเดียร์หันกลับไปมองเพื่อนที่ยืนอยู่บนพื้นด้วยความมึนงง

“ขอโทษเรนเดียร์ ข้าจำเป็น”

ซีซ่าบอกกับเพื่อนอย่างรู้สึกผิดก่อนวิ่งกลับไปทางเดิมที่พากันเดินเข้ามา เพราะเขามีความจำเป็นต้องไปขอร้องซาตาน ทั้งที่เป็นคนบอกเรนเดียร์ว่าอย่าเผลอไผลไปทำสัญญาเข้า แต่ตัวเขากลับเป็นคนทำมันเสียเอง ทำให้เสียค่าตอบแทนแสนแพงขนาดนี้

เรนเดียร์มองตามหลังเพื่อนอย่างเสียใจ ไม่ได้โกรธแค้น แค่รู้สึกผิดหวัง ดวงตากลมหันกลับมามองซาตาน ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งอยากจะร้องไห้ หน่วยตาแวววาวจากน้ำตามองจ้องมาทำให้ซาตานต้องเบือนหน้าหนี น้ำตาของเรนเดียร์จะทำให้เขาใจอ่อน

--------------

ณ ปราสาทมืดในป่าลึก เรนเดียร์น้อยดิ้นอยู่บนเตียงกว้าง ซาตานร้ายสยายปีกสีเพลิงเมื่อเปลวไฟแห่งอารมณ์ร้อนรุ่มระอุขึ้น

“ปล่อยข้า! ท่านมันเจ้าเล่ห์ ซาตานเจ้าเล่ห์!!” กวางน้อยต่อว่า ร่างขาวบิดเร่าเมื่อสติกำลังจะถูกกระชากให้ห่างกาย

“ถ้าไม่เจ้าเล่ห์ก็ไม่ใช่ข้าสิ ลูกกวางน้อย”

เสียงหัวเราะแปร่งปร่าในลำคอยิ่งทำให้เรนเดียร์ดิ้นแรง ริมฝีปากร้อนกดเม้ม ซุกไซ้ ดูดดึงยอดอกสีอ่อน ร่างแน่งน้อยสั่นเทาเมื่อห้ามความรู้สึกหวามไหวไว้ไม่อยู่ ปลายประสาทขมวดปมแน่นเข้าจนต้องครางออกมาเพื่อคลายความเครียดเกร็งของร่างกาย ซาตานผู้โหยหิวร่วมรักกับเจ้ากวางน้อยด้อยเดียงสาอย่างร้อนแรง รสชาติกามาแสนหวานหอมไม่เหมือนใครทำให้เขาลุ่มหลง มีแรงเท่าไรใส่ไปจนหมดไม่มียั้งมือ จนซวนเซซบซุกกายขาวด้วยอาการหอบเหนื่อยสิ้นเรี่ยวแรงในที่สุด

แขนแข็งแรงพาดกอดเอวบาง วนจูบไหล่ขาวด้วยความเพลิดเพลิน ร่างที่เขากกกอดขยับลุก เนื้อตัวขาวสล้างที่เขาฝากรอยรักไว้เสียถ้วนทั่วกลายร่างเป็นกวางเรนเดียร์ ดวงตาตัดพ้อเหลียวมองมาก่อนร่างนั้นจะกระโจนออกทางหน้าต่างห้อง ซาตานหนุ่มผวาลุกตามแต่ก็ช้าไป เมื่อเจ้ากวางน้อยวิ่งหายลับไปกับหมู่เมฆเสียแล้ว

--------
ต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2018 20:22:32 โดย wanmai »

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

หลังจากพลาดท่าหลงกลซาตานเจ้าเล่ห์มาแล้วหนหนึ่ง ครั้งต่อมา ไม่ว่าซาตานหนุ่มจะให้ใครไปล่อหลอกเรนเดียร์ก็ไม่ยอมมา นั่นทำให้เขาหงุดหงิดเหลือกำลังจนต้องลงมือเองโดยการมาที่บ้านหลังน้อยของซานตาคลอส ในเมื่อไม่ยอมมาหา เขามาหาถึงที่เลยก็ได้!

ซาตานหนุ่มเคาะประตูบ้าน หนึ่งในกวางของซานตาเป็นคนมาเปิดประตูให้เขา เจ้าหมอนี่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนปิดประตูใส่หน้าปัง!

“ให้ตายเถอะ เพิ่งรู้ว่ากวางของซานตาไร้มารยาทถึงขนาดนี้”

เขาเอ่ยตำหนิ ยืนรออยู่เพียงครู่เดียวประตูก็ถูกเปิดอีกครั้งโดยซานตาคลอส ดวงตาสีเพลิงมองเข้าไปในตัวบ้าน ในบ้านนั่น กวางตัวอื่นอยู่กันครบ ขาดหายไปก็แต่กวางน้อยของเขา ไม่ว่าจะมองหาเท่าไรก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

“เรนเดียร์น้อยไปไหนเสียล่ะ ซานตา?”

“ไม่นึกว่าท่านซาตานผู้ยิ่งใหญ่จะมาหาเรา” ซานตาคลอสตอบไม่ตรงคำถาม หรือที่จริงแล้วไม่อยากตอบคำถามก็ไม่อาจรู้แน่

“หึ หากลูกกวางของท่านไม่ทำให้เราร้อนใจ เราคงไม่มา” ซาตานหนุ่มยิ้มมุมปาก

“เกรงว่าท่านจะมาเสียเที่ยว เพราะเรนเดียร์น้อยไม่ได้อยู่ที่นี่”

“เขาไปไหน!”

คำถามที่สวนกลับมาแทบจะทันทีทำให้ซานตาคลอสมองหน้าซาตานหนุ่ม ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าแสดงท่าทีร้อนรนออกไปให้คนอื่นได้เห็น

“อยากพบเขาอีกครั้งท่านคงต้องรอคริสต์มาสครั้งหน้า” ซานตาคลอสกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ก่อนบอกย้ำอีกหน “รอคริสต์มาสปีหน้านะ ท่านซาตาน”

ซาตานหนุ่มกัดกรามกรอดเมื่อทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ประกาศก้องในใจว่าเขาไม่รอ! เขาไม่ใช่เจ้าเด็กเหลือขอพวกนั้นสักหน่อยที่ต้องรอของขวัญจากซานตาคลอสในคืนวันคริสต์มาส!

-----------------

ปราสาทมืดของซาตาน

ร่างสูงใหญ่เดินวนไปเวียนมาจนพื้นจะสึก เป็นเช่นนี้มาหลายวันจนผู้รับใช้ใกล้ชิดพลอยมึนหัว

“ใกล้ถึงวันคริสต์มาสหรือยัง!?” และแล้วคำถามเดิม ๆ ก็ถูกถามซ้ำอีกหนจนคนถูกถามต้องถอนใจเบา

“เพิ่งเดือนเมษายนเองท่าน ต้องรออีก 8 เดือน”

“ใครมันจะไปรอไหววะ!!?”

ต่อให้หงุดหงิดไปก็เท่านั้น เพราะถึงอย่างไร เรนเดียร์ก็ไม่กลับมาจนกว่าจะถึงวันคริสต์มาส เมื่อสิ้นสุดความอดทน ซาตานหนุ่มก็คำรามลั่น มากไปแล้ว เจ้ากวางตัวน้อย อย่าให้ถึงคริสต์มาสนะ ข้าจะจับเจ้ามาย่างกิน คอยดู!

-----------------

ค่ำคืนหนึ่งในเดือนธันวาคม

เมื่อคริสต์มาสเวียนมาอีกหน ภารกิจของกวางเรนเดียร์และเหล่าซานตาคลอสจึงเริ่มขึ้น รถเลื่อนบรรทุกกล่องของขวัญน้อยใหญ่จอดนิ่งอยู่บนลานที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวปกคลุม ชายชุดแดงปกขาวและรองเท้าบูทพร้อมสรรพยืนอยู่ข้างรถเลื่อนนั่น เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว เรนเดียร์จึงค่อยลงมายืนบนพื้น กีบเท้าเหยียบย่ำหิมะขาวเมื่อก้าวเข้าไปหาผู้ที่ยืนหันหลังให้

“ข้ากลับมาแล้ว” เสียงใสเอ่ยบอกกับท่านตาของตน เอียงคอเล็กน้อยตอนท่านหันกลับมาหาเมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป

“ไปกันเลย”

“ครับ” ตอบรับคำอย่างหมดข้อสงสัย เมื่อหน้าที่สำคัญกำลังรออยู่

ของขวัญทุกกล่องถูกส่งถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย ใบหน้ายามหลับของเด็ก ๆ ที่อมยิ้มน้อย ๆ อย่างคาดหวังนั่น มันทำให้เรนเดียร์มองไม่เบื่อสักหน เขาเองก็เคยเป็นเช่นนั้น เข้าใจดีถึงความรู้สึกของการเฝ้ารอของขวัญสุดพิเศษด้วยความตื่นเต้นยินดี

จนเมื่อของขวัญทุกกล่องถูกส่งจนเสร็จเรียบร้อย เรนเดียร์จึงจะพาท่านตาของตนกลับหมู่บ้าน แต่ผู้กุมบังเหียนกลับดึงให้เขาบ่ายหน้าไปอีกทาง เรนเดียร์เหลียวกลับไปมองอย่างกังขา

“ยังเหลืออีกที่”

คำตอบจากท่านตาซานตาคลอสไม่ได้ทำให้เรนเดียร์หมดข้อสงสัย “เอ๋ แต่ของขวัญมันหมดแล้วนี่ครับ?”

“ใครบอก?”

เรนเดียร์เหลียวกลับมามองอีกครั้งขณะที่ขาทั้งสี่ยังคงก้าวไปข้างหน้าตามการบังคับ เมื่อเห็นของขวัญกล่องใหญ่ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งกล่อง เรนเดียร์น้อยก็อุทานอย่างแปลกใจ ทำไมเมื่อครู่มันไม่มี?

“อันนี้ของใครครับ?”

“ซาตาน”

“ท่านตา! ไม่ได้นะ จะไปหาเขาไม่ได้” คำตอบนั้นทำให้กวางน้อยร้องเสียงหลง

“แต่ของชิ้นนี้ต้องส่ง เจ้าจะให้ข้าละเลยหน้าที่หรือ หรือเจ้าจะลากเลื่อนนี่กลับไป แล้วให้ข้าเดินเข้าป่าลึกเพื่อไปส่งของเพียงคนเดียว?”

ถ้อยคำประชดประชันทำให้กวางน้อยเริ่มลังเล

“แต่... แต่ว่าเขาเป็นคนไม่ดี ทำไมต้องเอาของขวัญไปให้เขาด้วยล่ะครับ?” น้ำเสียงอุบอิบเอ่ยถามกลับไป เขาไม่อยากไปที่นั่นเลยจริง ๆ

“เพราะมันคือของของเขาอย่างไรล่ะ”

คำตอบที่ไม่ให้ความกระจ่างเลยแม้แต่น้อยถูกเอ่ยออกมา เรนเดียร์ถอนใจ แม้จะสงสัยใคร่รู้ แต่ในเมื่อท่านตาไม่ยอมบอกให้ชัดเจน กวางน้อยก็ขัดไม่ได้ จะต้องพาท่านไปยังปราสาทมืดเพื่อมอบของขวัญชิ้นสุดท้ายนี้ให้ซาตาน

สองตาหลานเข้ามาในปราสาทโดยมีคนใกล้ชิดของซาตานนำทางมา เรนเดียร์น้อยกลายร่างเป็นคนเพื่อช่วยท่านตาถือกล่องของขวัญ กล่องมันใหญ่มากแต่กลับไม่หนักอย่างที่คิด มีอะไรอยู่ข้างในกันนะ?

ซานตาคลอสก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบนของปราสาท เรนเดียร์หยุดกึกไม่กล้าขึ้นตาม แต่เมื่อท่านหันมามอง กวางน้อยจึงต้องรีบก้าวขึ้นไป คิดเสียว่ารีบส่งแล้วจะได้รีบกลับ

“เอาไปวางบนเตียง เรนเดียร์” เมื่อเข้ามาภายในห้องนอนของซาตาน ท่านตาของเรนเดียร์ก็สั่งให้เอากล่องใหญ่ยักษ์นั่นไปวางไว้บนเตียง

“ครับ”

เรนเดียร์น้อยรับคำ นำมันไปวางเอาไว้แล้วหันกลับมา ตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นซาตานยืนอยู่หน้าประตูแทนที่จะเป็นท่านตาของตน หนุ่มน้อยเหลียวหาท่านตาซานตาก็กลับไร้เงา

“ยังไม่รู้ตัวอีก?”

คำถามกวนโทสะจากซาตานหนุ่มทำให้เจ้ากวางน้อยกัดปากตนเองจนเจ็บที่เสียรู้ ไม่มีท่านตาของเขามาตั้งแต่แรก ซาตานเจ้าเล่ห์นี่ต่างหากที่ปลอมตัวเป็นท่านมาหลอก ร่างผอมเพรียวก้าวถอย และถอยไปเรื่อย ๆ จนชนกับขอบหน้าต่าง ใบหน้าเรียวหันกลับไปมอง ก่อนจะหันกลับมาทางซาตานที่ย่างสามขุมเข้ามาหาอย่างย่ามใจ

เจ้ากวางน้อยใจสั่น รีบหันกลับไปเปิดหน้าต่างออกกว้าง แต่แล้วก็กลับชะงักงันเมื่อด้านนอกนั้นมันติดลูกกรงเหล็กดัด หันกลับมามองด้านหลังอีกทีก็ถึงกับอ้าปากหวอเมื่อทางนั้นเปลือยไปแล้วครึ่งท่อน บัดสีที่สุดเลย!

“กล่องของขวัญนั่น... ข้าให้เจ้า” เสียงทุ้มเอ่ยบอกทั้งพยักพเยิดไปทางกล่องที่วางแน่นิ่งอยู่บนเตียง

“หะ... ให้ข้าทำไม?” เอ่ยถามด้วยความหวาดระแวง สายตาพยายามมองแต่หน้าของซาตานร้ายเอาไว้ไม่ต่ำลงไปกว่านั้น

“อยากให้ ทำไมต้องถามอะไรมากมาย?”

“.........”

“ไปดูสิ”

เรนเดียร์เหล่มองกล่องใบใหญ่ก่อนส่ายหน้าเพราะไม่ไว้ใจ ซาตานหนุ่มมองจ้อง นัยน์ตาสีเพลิงราวจะแผดเผากวางน้อยให้เป็นกวางย่างในหน้าหนาว ร่างผอมเพรียวค่อยเขยิบเข้าไปหากล่องช้า ๆ ยังคงหันหน้ามาเผชิญกับซาตานแล้วเคลื่อนตัวไปข้าง ๆ แทน

มือเรียวคว้ากล่องมาเปิดออกดู หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อมันมีกล่องซ้อนอยู่ข้างในอีก เมื่อเปิดออกมันก็ยังมีอีกกล่อง เรนเดียร์เดาะลิ้นเบา ๆ ก่อนนั่งขัดสมาธิลงบนที่นอนแล้วเปิดมันไปเรื่อย ๆ เวลาผ่านไปพักหนึ่งก็ยังเปิดไม่หมดทุกกล่องเสียที จนลูกกวางน้อยโมโห

“ไม่เอาแล้ว ข้าจะกลับ!”

“เฮ้!”

มือหนาคว้าแขนเรียวให้เซกลับ กดไหล่เล็กลงไป ทำให้เจ้ากวางน้อยล้มหงายหลังลงไปนอนแบบ

“ยังแกะของขวัญไม่เสร็จเลย”

“ไม่เอาแล้ว!” เรนเดียร์กระแทกเสียง โมโหแล้วนะ ให้เปิดอะไรอยู่ได้!

“แน่ใจหรือ?”

“แน่”

ริมฝีปากซาตานหนุ่มยกยิ้ม โน้มไปจูบกวางน้อยแสนงอนที่ดิ้นกุกกักไปมาไม่ยอมอยู่นิ่ง

“แกะต่อ” เสียงทุ้มกระซิบสั่ง

“ไม่ อยากให้จริง ท่านก็แกะมันออกมาสิ”

“กล้าต่อรองกับข้า?”

สีหน้ากวางน้อยงอง้ำ ท่าจะโมโหจริง เห็นเช่นนั้นแล้วซาตานหนุ่มจึงเลิกเล่น ฟัดแก้มป่องที่พองออกเพราะเง้างอน ขณะที่มือหนาเอื้อมไปหากล่องแล้วร่ายมนตร์เบา ๆ วัตถุบางอย่างก็ถูกนำมาสวมใส่บนแขนเรียว

“นี่ไง เห็นหรือยัง?”

ซาตานหนุ่มแตะจูบวัตถุสีเงินบนข้อมือของลูกกวางตาแป๋ว ความร้อนวูบหนึ่งจากผิวสัมผัสของวัตถุเกือบทำให้เรนเดียร์น้อยสะบัดออก แต่เพียงซาตานจูบลงบนนั้น ความร้อนมันก็มลายหาย

ร่างเพรียวลุกขึ้นมานั่งมองมัน เขย่าแขนตนเองเบา ๆ ก่อนจะใช้อีกมือรูดถอด แต่ไม่ว่าจะงัดจะแงะเช่นไรมันก็ไม่กระดิกพ้นข้อมือสักนิด จนต้องหันมาหาผู้เป็นเจ้าของมัน

“ถอดไม่ออก” เสียงเง้างอดเอ่ยบอกพร้อมสายตาอ้อน

“จะออกได้ไง ในเมื่อข้าเป็นคนใส่ ถ้าข้าไม่ถอดให้ก็อย่าหวังว่าจะถอดมันออก”

“อยากเอาออกนี่”

“ไม่เอาน่า ถ้าเจ้ารู้ความหมายของมัน เจ้าจะไม่มีทางพูดแบบนั้นแน่” มือหนาเอื้อมมาหาแล้วรั้งตัวบางเข้ามาใกล้

“ไม่เห็นอยากได้” เอ่ยกระเง้ากระงอดเมื่อแผ่นหลังอิงสัมผัสกับแผ่นอกของซาตาน

“เจ้ากวางน้อยปากแข็ง” เสียงทุ้มกระซิบหยอกเย้า

“เปล่า... อ๊ะ...! อย่า...” เอ่ยห้ามเมื่อริมฝีปากหยักซุกไซ้ทั้งมือไม้ยังฟอนเฟ้นผิวกาย

“เจ้าเป็นของข้า”

เสียงทรงอำนาจดังก้องอยู่ข้างหู ร่างเพรียวบางถูกเอนลงไปบนเตียงนุ่ม บทเพลงรักแสนร้อนจากซาตานถูกบรรเลงขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากกกกอดเจ้ากวางน้อยเอาไว้แนบกายเสียทั้งคืน...

--------------------

เมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นใคร ซาตานหนุ่มก็วิ่งวุ่นหาจนทั่วทั้งปราสาท จะออกไปได้อย่างไรในเมื่อหน้าต่างถูกปิดตาย หน้าห้องนั่นยังมีคนสนิทของเขาคอยเฝ้าดู ไม่มีทางจะหนีไปได้ แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ

“หาไม่เจอหรอกท่าน” คนสนิทของเขาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“เจ้าเอาไปซ่อนใช่ไหม!” อารามร้อนใจทำให้ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี กระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายเสียเต็มแรงแล้วยังเอ่ยปรักปรำ ดวงตาสีเพลิงแดงก่ำและเข้มข้นมองจ้องคนสนิทของตน

“เขาเป็นเรนเดียร์ของซานตา จะปรากฏตัวเฉพาะวันคริสต์มาสเพียงเท่านั้น เขาต้องคำสาปก็เพราะท่าน ซาตาน”

อีกฝ่ายไม่ได้เต้นไปกับเขาสักนิด ยังคงเอ่ยด้วยระดับโทนเสียงเดิม

“ข้าไม่เคยสาปเขา!” ซาตานหนุ่มตวาดก้อง

“ท่านไม่ได้สาป แต่ท่านคือไสยเวทย์ด้านมืด ท่านเสพสมกับเขา ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้”

ความจริงจากปากของลูกน้องคนสนิทฟาดลงมากลางกระหม่อม ซาตานหนุ่มนิ่งอึ้ง มือหนาค่อยปล่อยจากคอเสื้อของคนสนิทอย่างหมดแรง

“ท่านต้องรอ ... หากท่านคิดว่ารอได้...”

“ไม่จริง”

ซาตานหนุ่มพึมพำแทบไม่พ้นลำคอที่ตื้อตัน แม้ไม่อยากเชื่อ แต่มันคือความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ แขนแกร่งโอบกอดตนเองราวยังมีอีกคนอยู่ในอ้อมแขนนี้ ทุกสัมผัสยังตราตรึง ความอบอุ่นอ่อนนุ่มของผิวสัมผัสยังแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของความรู้สึก

เขาต้องรอ... การรอคอยคือสิ่งที่เขาเกลียด แต่เขาก็ต้องรอ เพื่อในทุกวันคริสต์มาส ซานตาคลอสจะนำของขวัญสุดพิเศษมาให้ สำหรับคนอื่น วันนี้มีความสำคัญอย่างไรไม่รู้ แต่สำหรับเขาแล้ว... มันคือวันที่จะได้พบกับบุคคลอันเป็นที่รัก...

------------------

ปราสาทแสนมืดมิดในยามค่ำคืนเดือนหนาว กลุ่มหิมะสีขาวโพลนตกลงมาโปรยปราย ซาตานหนุ่มยืนมองผ่านหน้าต่างที่เปิดอ้า ไม่อนาทรว่าลมหนาวจะพัดพาเข้ามาเมื่อเสียงกระดิ่งอันเล็กดังแว่วมาให้ได้ยิน เขากำลังเฝ้ารอ เจ้าของจมูกโด่งรั้นแดงเรื่อกับตากลมแป๋วที่ต้องแสงไฟระยับ ทุกครั้งที่ได้มองมักทำให้เขาหลงใหล

จากฟากฟ้าไกลลิบ รถเลื่อนของซานตาคลอสเคลื่อนผ่านไปพาให้ใจหาย แต่สุดท้ายแล้วซานตาก็ยังไม่ใจร้ายกับเขานัก ยังคงเหลือเจ้ากวางน้อยหลงฝูงที่ก้าวฝ่าความหนาวเหน็บมาหาเขา ริมฝีปากซาตานหนุ่มค่อยเปิดยิ้ม สองแขนกางออกรับร่างกวางน้อยที่ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นขาวสล้างกระจ่างตา ริมฝีปากหยักรวบดูดปากอิ่ม เสียงประท้วงเบา ๆ ในลำคอขาวทำให้เขาหัวเราะน้อย ๆ ก่อนผละออกมามองสบดวงตากลมที่เขาเฝ้าปรารถนา มอบจุมพิตอ่อนหวานคละเคล้าดูดดื่มแลร้อนแรง ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในคืนสุดแสนพิเศษ ไฟรักของพวกเขาถูกจุดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีสร่างซา เสียงครางหวานหูยิ่งกระตุ้นเร้าให้เขาตักตวงไม่รู้จบ

อยากกกกอดเอาไว้แนบกาย อยากตื่นมาแล้วยังคงเห็นดวงตากลมแป๋วนี้มองจ้อง คริสต์มาสปีนี้อย่าเพิ่งผ่านพ้นไปเร็วนัก ให้ข้าได้อยู่กับคนที่รักนานกว่านี้ นานยิ่งกว่านี้... ริมฝีปากหยักกดจูบหน้าผากนูน มองดวงตาที่เขาหลงใหลซึ่งกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน

“I love you ...Reindeer...”

...ซานตาคลอส ช่วยพาเขามาหาข้าด้วยเถิด คำขอหนึ่งเดียวของทุกปี ช่วยพากวางเรนเดียร์ตัวน้อย .... กลับมาสู่อ้อมแขนของข้า...

We wish you a merry Christmas

We wish you a merry Christmas

We wish you a merry Christmas

And a happy New Year.




END.



Merry X'mas ค่ะ

 :mc1:


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
งื้อ...อออ สุขปนเศร้า 

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เหมือนเคยอ่านแล้วเลย แต่อยากให้คลายคำสาปจังงงง

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ซานตานที่ว่าแน่ ก็ยังต้องแพ้น้องเรนเดียร์จ้า  :z2:
แอบสงสารซาตานอะ 1ปี ได้เจอกันครั้งๆละ 1 คืน โอยยยยยยยย จิตใจต้องแข็งแกร่งขนาดไหน  :katai1:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบอ่ะ แม้การรอคอยจะยาวนานแต่ความรักก็เป็นนิรันดร์

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
การรอคอยที่แสนหวาน

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

บวกขอบคุณทุกคอมเม้นต์ค่ะ  :กอด1:

ไว้เจอกันอีกทีวันฮาโลวีนเน้อ //นานไปไหม  :m7:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

- 2 -

My Delicious Guy




ฮาโลวีน เทศกาลที่ใครหลายคนสนุกสนานกับมัน แต่ก็ยังมีคนคนหนึ่งที่ไม่รู้สึกว่ามันสนุก ก็แค่วัน ๆ หนึ่งที่เด็กแสบมาเคาะประตูบ้านเพื่อขอขนม มันไม่ได้สำคัญสำหรับเขาจนต้องจดจำว่าวันไหนคือวันฮาโลวีน

บ้านอิฐเก่าที่ดูทึมเทาเหมาะกับเทศกาลซึ่งเป็นวันปลดปล่อยภูตผี แต่เจ้าของบ้านกลับไม่ชอบมันสักนิด ชายหนุ่มนักเขียนนิยายประโลมโลก เขาต้องการความสงบในการจินตนาการให้มันบรรเจิด เสียงอึกทึก หวีดร้อง และเสียงหัวเราะเฮฮาทำให้เขาไม่มีสมาธิ เขาเกลียดเทศกาล!

กริ๊งงงงง

เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นก่อนที่เขาจะได้ทึ้งหัวตัวเองยุ่งเหยิง ดวงตาภายใต้แว่นใสหรี่ลงเล็กน้อยก่อนออกไปเปิดประตู เด็กน้อยในชุดผีดูดเลือดยืนเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว เขี้ยวเล็ก ๆ ขาววาววับยื่นออกมาให้เข้ากับชุดที่สวมใส่ ในมือถือตะเกียงฟักทองที่เขามองอย่างไรมันก็ไม่ได้น่ากลัวสักนิด ชายหนุ่มกอดอกยืนพิงกรอบประตู สีหน้าไม่ยินดียินร้ายขณะมองเด็กตรงหน้านิ่ง

“ทริก ออร์ ทรีต?(trick or treat?)” เสียงเล็ก ๆ เอ่ยถาม มองจ้องเป๋งอย่างรอคำตอบ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านยังกอดอกมองเฉย มองริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เอ่ยถามไถ่นั้นนิ่ง จนมันขยับเอื้อนเอ่ยอีกหน

“Trick or Treat?”

เขาคิดว่าเขาควรจะปิดประตูลงแล้วเดินเข้าบ้านเสียทีได้แล้ว เขาไม่ชอบมันสักหน่อย ไม่ได้อยากร่วมงานบ้าบอพวกนี้ หน้าบ้านของเขาก็ไม่ได้ประดับประดาเพื่อต้อนรับเทศกาลแม้แต่น้อย เจ้าเด็กตรงหน้านี่อยากเดินมาเคาะประตูเอง หากจะผิดหวังกลับไปก็ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่ถึงกระนั้นขามันก็ยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม หนำซ้ำยังเอ่ยตอบกลับแดรกคิวล่าตัวน้อยตรงหน้าไปเสียอีก

“Trick...”

เขาท่าจะบ้าที่พูดไปเช่นนั้น นี่ไม่ใช่เวลามาเล่นกับเด็กเสียหน่อย เจ้าเด็กน้อยผีดูดเลือดทำตาโตเมื่อเขาบอกออกไปแบบนั้น ก่อนจะก้ม ๆ เงย ๆ เหลียวซ้ายแลขวาค้นหาของจากกระเป๋าตัวเองออกมาเพื่อแกล้งหลอกเขา ริมฝีปากชายหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อย เจ้าตัวเล็กนี่ตลกเป็นบ้า

แมงมุมยางตัวใหญ่ถูกล้วงออกมาพร้อมการทำเสียงคำรามหลอก เขายักไหล่ เหยียดริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่สารพัดสัตว์จะทยอยตามมา พอเห็นเขานิ่ง หัวคิ้วผีดูดเลือดตัวน้อยก็ขมวด หน้าเริ่มมุ่ยก่อนจะหมุนตัวกลับ

ก่อนร่างเล็กนั้นจะก้าวพ้นไป มือของเขาก็เอื้อมไปคว้าแขนจนเซกลับมาหา ตาเขียว ๆ ตวัดมามอง แต่ชายหนุ่มกลับอมยิ้มแล้วว่า

“Treat...”

ริมฝีปากจิ้มลิ้มค่อยเปิดยิ้มได้เมื่อเขาบอกออกไปเช่นนั้น เขารั้งแขนเล็กให้เดินตามเข้ามาในบ้าน สีหน้าเด็กน้อยงงงันแต่ขาเล็ก ๆ ก็ยอมเดินตามเข้ามา ตากลมเหลียวมองรอบ ๆ อยู่ตลอด

ชายหนุ่มให้ไปนั่งรอที่โต๊ะแล้วไปค้นตู้เย็น เขาไม่ได้เตรียมลูกกวาดไว้ให้เพราะบ้านเขาไม่เคยร่วมเทศกาลนี้สักหน แต่มันมีเค้กที่เขาซื้อจากที่ทำงานกลับมาอยู่ในนั้น เพราะความหวานทำให้เขาผ่อนคลาย ของหวานจึงมีติดตู้เย็นไว้ตลอด มันช่วยให้เขาสามารถเขียนนิยายได้ลื่นไหล

จานเค้กถูกวางลงบนโต๊ะ แดรกคิวล่าน้อยตาโต ดวงตาพราวระยับเงยมองเขา เขาพยักหน้าให้ยิ้ม ๆ เด็กน้อยเม้มปากก่อนบอกเบา ๆ ว่าขอบคุณแล้วลงมือกินมัน

เค้กในจานพร่องลงไปทีละน้อย เขานั่งอมยิ้มมองเด็กน้อยกินจนกระทั่งมันหมด ตัวเล็ก ๆ โดดลงจากเก้าอี้ เขาจึงเดินออกไปส่งหน้าบ้าน เมื่ออีกฝ่ายเดินออกไปแล้วชายหนุ่มก็ปิดประตูกลับเข้าบ้าน เพื่อจะได้ทำงานของตนเองให้เสร็จสิ้นและพักผ่อนเสียทีในคืนนี้

กริ๊งงงงงงง

นั่งลงได้ไม่นานเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นมาอีก ชายหนุ่มชะเง้อมอง หัวคิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิด เจ้าเด็กพวกนี้ ร่างสูงลุกเดินไปเปิดประตู กะจะด่าให้กระเจิง แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นตาแป๋วแหววคู่เดิม

แดรกคิวล่าน้อยตรงหน้าฉีกยิ้มยิงฟันขาวกับเขี้ยวเล็ก ๆ คู่เดิม มือเล็กกำบางอย่างยื่นมาตรงหน้า เขาเลิกคิ้วแล้วชี้ที่ตัวเอง ทางนั้นก็พยักหน้าหงึก ดวงตาหยิบหยีเพราะยิ้มกว้างส่งมาให้เขา ชายหนุ่มอมยิ้มขำก่อนยื่นมือออกไปรับ เพียงสิ่งนั้นมันถูกวางลงบนมือเขาก็เบิกตาโพลง สะบัดมือให้มันหล่นลงไปแทบไม่ทัน

“Hahahaha”

เสียงหัวเราะของเจ้าเด็กน้อยดังขึ้น ชายหนุ่มมองแล้วก็ได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่คนเดียวเพราะตัวเล็ก ๆ นั้นวิ่งปรู๊ดไปหากลุ่มเพื่อนเสียแล้ว ยังมีการหันกลับมายิ้มยิงฟันให้เขาอีกแหนะ

ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา มองแมงมุมยางที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นแล้วหัวเราะในลำคอ หลงกลเจ้าแดรกคิวล่าตัวน้อยเข้าเสียแล้วสิ


-----------------


เมื่อหน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง ปีนี้เขาก็ยังไม่ชอบเทศกาลสักอย่างอยู่ดี ยิ่งช่วงขึ้นปีใหม่เสียงพลุดังน่าหนวกหู เขาน่าจะหาที่ปิดหูสักอันมาใช้ แต่ถึงอย่างนั้นบ้านก็สะเทือนเพราะแรงปะทุของพลุอยู่ดี เขาเกลียดเทศกาล!

ปฏิทินตั้งโต๊ะบอกวันที่ ชายหนุ่มเขม้นมองแล้วคิ้วขมวด ฮาโลวีนมาถึงอีกแล้วสิ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มีอะไรพิเศษสำหรับเขาอยู่ดี เป็นวันเพียงวันหนึ่งที่เขายังต้องทำงานใช้สมาธิ เสียงเด็กหัวเราะ เสียงดนตรี ทำลายสมาธิเขาจนหมด

ร่างสูงขยับลุกไปหาเครื่องดื่มอุ่น ๆ มาดื่มเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ หิมะสีขาวโปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง เสียงช้อนกระทบแก้วเมื่อคนเครื่องดื่มให้เข้ากันดังเบา ๆ ในบ้านที่แสนเงียบ ตัดกับเสียงอึกทึกข้างนอกลิบลับ

ขณะที่ชายหนุ่มถือถ้วยเครื่องดื่มจะกลับเข้าห้องไปทำงาน กริ่งประตูก็ดัง ใครกันมาค่ำป่านนี้...?

“............”

ร่างสูงยืนนิ่งค้างเมื่อมองผู้มาเยือน คราวนี้มีหู หูหมาป่า ยังคงมีเขี้ยวขาวเหมือนเดิม แต่หนนี้มีหูแถมมาด้วย

“Trick or Treat?”

เขาหัวเราะในลำคอเมื่อเสียงเล็กเอ่ยถามราวเทปเก่าเมื่อปีที่แล้วถูกกรอกลับ ถอนใจเล็กน้อยก่อนมองจ้องตากลมแป๋ว

“Trick”

คำตอบเดิมของเมื่อปีที่แล้ว หมาป่าน้อยหน้ามุ่ย กัดปากเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินหนี เขาถึงกับเอ๋อเมื่อตัวเล็กก้าวตึง ๆ จากไป ทำไมไปง่ายอย่างนั้นกัน?

แต่นั่นก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ วันนี้ไม่มีเค้ก มีแต่เครื่องดื่มอุ่น ๆ ที่เขากำลังถืออยู่ในมือ ก้มมองมันแล้วเขาก็ถอนหายใจ ประตูบ้านถูกปิดลงอีกครั้ง วันนี้มันก็แค่วันธรรมดาที่ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน


---------------


สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในหน้าหนาว ชายหนุ่มเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้าน เมื่อก้าวออกจากตัวอาคารมาปุยสีขาวของหิมะก็ตกลงประปราย อากาศหนาวเย็นแบบนี้เขาอยากกลับไปซุกตัวใต้ผ้าห่มจะแย่ ถูมือไปมาเพื่อสร้างความอบอุ่นก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวใหญ่ ขณะก้าวเดินก็มองบรรยากาศร้านรวงสองข้างทางที่ประดับประดาด้วยไฟหลากสีกะพริบพราวไปด้วย ฟักทองสีเหลืองหน้าปิศาจที่เห็นกันแทบทุกร้านทำให้เขาถอนใจ มาอีกแล้วสินะ วันฮาโลวีน

เดินต่อไปอีกนิดขาเขาก็ต้องหยุดเมื่อผ่านร้านขนม เขาขาดของหวานไม่ได้ ร่างสูงเข้าไปเลือกซื้อขนมหวานในร้าน เดินเลือกไปเรื่อย ๆ จนได้ของที่ถูกใจ ก่อนจะสะดุดตากับโหลลูกกวาดหลากสี มือเอื้อมหยิบมันขึ้นมา นิ่งมองเล็กน้อย ก่อนปล่อยมันไว้ที่เดิม

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มเอากระเป๋าไปวางไว้บนโต๊ะก่อนหาน้ำมาดื่มดับกระหาย หลังจากนั้นจึงเอาของที่ซื้อมาเก็บใส่ตู้ ขณะกำลังค้นในกระเป๋า มือก็สะดุดกับของบางอย่าง ล้วงมันเอาออกมาแล้วยิ้มขำตัวเองเพราะมันคือขวดโหลบรรจุลูกกวาดหลากสี... ซื้อมาจนได้สิน่า

หลังทำธุระทุกย่างเรียบร้อยเขาก็ย้ายตัวเองมานั่งทำงานที่ค้างไว้ต่อ เสียงดังจากข้างบ้านมาอีกแล้ว ฟ้าเริ่มมืด ผีน้อยเริ่มออกอาละวาดแล้วสินะ เสียงกริ่งบ้านคนอื่นดังขึ้นต่อกันเป็นทอด ๆ แต่มันก็ยังไม่ถึงบ้านของเขาเสียที ใกล้เข้ามาแล้ว... อีกนิด... อีกนิดเดียว... บ้านข้าง ๆ นั่นไง... ดังแล้ว... ถึงคราวบ้านของเขาล่ะ!

“...............”

ชายหนุ่มชะงักกับความคิดของตนเอง เพิ่งรู้สึกตัวว่าลุ้นกับมันแค่ไหน ท่าจะบ้า เขาส่ายหน้าขันเมื่อเสียงกริ่งข้างบ้านอีกหลังดังขึ้น ข้ามบ้านของเขาไปแล้ว แน่ล่ะ ก็เขาไม่ได้ประดับหน้าบ้านเป็นการเชื้อเชิญเหมือนของคนอื่นเขานี่นะ แล้วใครจะมากดกริ่งหน้าบ้านกัน ชายหนุ่มลุกขึ้น ถือขวดโหลลูกกวาดไปเก็บในตู้ มองมันนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปิดตู้ลง...

กริ๊งงงงงงง กริ๊ง กริ๊งงงงงงงงง

เขายกมือขึ้นปิดหูแทบไม่ทันกับเสียงกริ่งที่มันดังซ้อนกันถึงสามครั้ง นี่มันเด็กที่ไหนมากวนประสาท ขายาวก้าวเร็วด้วยความโมโห กระชากประตูเปิดแรงก่อนชะงักกึกกับ... ปีก ...?

ปีกสีขาวกับนอเล็ก ๆ บนหน้าผาก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ เขาหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเด็กตรงหน้ามีปีก ปีที่แล้วมีหูหมาป่า ปีนี้มีปีกเสียแล้วหรือ

“Trick or Treat?”

ไม่ต้องรอให้ถามซ้ำ เขาคว้าแขนเล็กให้เข้ามาในบ้าน จะปิศาจน้อยหรืออะไรก็เถอะ ยอมรับกับตัวเองว่ารออยู่นานแล้ว ตัวเล็กไปนั่งที่โต๊ะ เตะขาไปมารอเขาอย่างอารมณ์ดี ชายหนุ่มกลับออกมาพร้อมขวดโหล ตาโต ๆ มองมาเสียวาววับอย่างปิดไม่มิด มือเล็กยื่นมาจะรับโหลนั้นแต่เขายื้อกลับแล้วว่าเสียงเข้ม

“No, I haven't told that I'll give it to you”

ใบหน้าน่ารักง้ำลง กอดอกฉับแล้วเบือนหน้าหนี เขาอมยิ้มเมื่อเห็นเช่นนั้น ก่อนนั่งลงตรงข้าม

“What do you trick...?”

ตากลมปรายมามอง เขาเลิกคิ้วยิ้ม ๆ ตัวเล็กมองเขาครู่หนึ่งก่อนโดดลงจากเก้าอี้มายืนข้างเขา มือเอื้อมมาจับขวดโหลพร้อมโน้มมาหาเขาที่นั่งบนเก้าอี้ได้ระดับกันพอดี

จุ๊บ!

เร็ว... ใช่ รวดเร็วมาก แต่สัมผัสยังตราตรึง ตัวเล็ก ๆ วิ่งออกจากบ้านไปแล้ว ได้ยินเสียงเฮจากเพื่อน ๆ ของปิศาจน้อย เขาแตะริมฝีปากตนเองแล้วค่อยยิ้มออกมา ปิศาจน้อยตัวแสบ


-----------------


ฟักทอง... มันมาอีกแล้วเจ้าฟักทองสีเหลืองลูกโตกับหน้าตาน่าเกลียดของมัน แต่หนนี้ฟักทองมันมาวางอยู่หน้าบ้านเขา ไม่ได้มีไอ้บ้าที่ไหนเอามาวาง เขาเองที่เป็นคนวางมันเอาไว้ เขาเอง คนบ้าที่ว่า

ฮาโลวีนปีที่สี่ ปีที่เขาอยากมีส่วนร่วม เขาหันไปมองรอบ ๆ เมื่อฟ้าเพิ่งเริ่มมืด เสียงอึกทึกดังมาตั้งแต่อาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ข้างบ้านสนุกสนานกันทุกปี คงมีแต่เขาที่นอกกรอบ แต่ปีนี้กลับนึกอยากก้าวเข้ามาในกรอบเสียอย่างนั้น

เวลาผ่านไปพักใหญ่ บนโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยังเปิดค้างไว้ หน้าจอยังไม่ขยับไปไหน นิ้วยาวเคาะเบา ๆ บนแป้นพิมพ์เมื่อไม่มีกะจิตกะใจทำงานสักเท่าไร เวลาดึกลงไปทุกขณะ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามองแล้วชายหนุ่มก็ถอนใจ คงไม่มาแล้ว อาหารบนโต๊ะที่เตรียมไว้รอ ป่านนี้ก็คงเย็นชืด กรอบที่เขาก้าวเข้ามามันไม่เห็นดีเลย เขาควรอยู่นอกกรอบต่อไปมากกว่าสินะ

ฟักทองหน้าตาน่าเกลียดถูกโยนลงถังขยะ อาหารบนโต๊ะถูกจ้วงใส่ปากไม่ยั้งจนกินแทบไม่ไหว รสชาติมันห่วยแตกและเย็น เขาวางช้อนลงเมื่อฝืนกินต่อไปไม่ไหว เขาจุกจะตายแล้ว มันจุกในอก

ความเงียบงันกลับเข้ามาในชีวิตเขาเหมือนเคย เหมือนทุกปี ไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันเงียบไป เงียบเกินไปจริง ๆ...


----------------


ไม่มา...

ปีนี้ก็ไม่มา ขวดโหลขวดที่สองถูกใส่รวมไว้ในตู้ ชายหนุ่มถอนใจ ไหนใครบอกไม่ชอบเทศกาล แล้วลูกกวาดในตู้นี่มันคืออะไร ถึงเขาจะชอบของหวานแต่คงไม่มานั่งอมเล่นให้ฟันผุ

ลมหายใจถูกทอดถอนอีกครั้ง ปิดประตูลงกลอนแล้วขึ้นนอนอย่างที่เคยเป็นมา มันก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง ก็แค่วันธรรมดา...


---------------


โหลที่ห้า...

เขาเป็นบ้าอะไรถึงซื้อลูกกวาดมาทุกปี ไม่เคยแม้แต่จะเอาออกมากินสักเม็ด แต่ในมือเขามันมีโหลที่หกเพิ่มมาอีก ปีนี้หน้าบ้านเขาเปลี่ยนไปแล้ว เด็ก ๆ คงเห็นสัญลักษณ์ในการต้อนรับพวกเขา นอกจากลูกกวาดยังมีขนมหวานที่เขาชอบอีก ลูกกวาดในโหลเขาจะแจกมันให้หมด

เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านดังขึ้น ร่างสูงลุกไปเปิดประตูรับปิศาจน้อยทั้งหลาย หยุดชะงักเพียงประตูแง้มเปิด กะพริบตาราวไม่เชื่อสายตาตนเอง เสียงแหบฟังดูไม่ใสเหมือนเก่า แต่ออกห้าวอย่างเด็กผู้ชายช่วงเข้าสู่วัยรุ่นเอ่ยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่เคยคุ้น

“Trick or Treat?”

เขาหัวเราะน้อย ๆ ห้ามตัวเองไม่ให้ดีใจไม่ได้ เขาถึงได้ยิ้มกว้างเสียขนาดนี้ ชายหนุ่มดึงตัวปิศาจน้อยตรงหน้าที่เริ่มสูงขึ้นกว่าเก่ามาใกล้แล้วจูบแก้มเบา ๆ ก่อนตอบ

“Treat...”


----------------


สีขาวโพลนที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองบ่งบอกช่วงฤดูที่หนาวเหน็บ หลายครอบครัวจุดไฟเตาผิงเพื่อความอบอุ่น บ้างก็มีงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้เล่นสนุกสนาน เมื่อเวลาเย็นย่ำ แสงอาทิตย์ลาลับ ไฟในบ้านแต่ละหลังก็ถูกเปิด พร้อมตะเกียงฟักทองก็ถูกจุดขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการต้อนรับเทศกาลฮาโลวีนอีกหน

ชายหนุ่มหอบถุงกระดาษที่บรรจุวัตถุดิบในการทำอาหารหลายอย่างเดินไปตามทางที่หิมะเริ่มโปรยมาทับถม หลังจากมันถูกโกยไปกองอยู่สองข้างทางนั้นจนพูนขึ้นมาเสียขาวจั๊วะ ริมฝีปากเปิดยิ้มอยู่ตลอด เสียงฮัมเพลงเบา ๆ คลอเคล้าไปกับเสียงเพลงที่ข้างบ้านเปิดไปจนสุดทาง

เขาเข้ามาในบ้านพร้อมข้าวของ ถอดเสื้อที่มีหิมะเกาะสะบัดเบา ๆ แล้วเอาไปผึ่งไว้ ก่อนจะกลับมาลงมือทำอาหารง่าย ๆ แต่แสนพิเศษ อาหารในครัวกรุ่นกลิ่นหอมละมุน ร่าสูงในชุดผ้ากันเปื้อนตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่ ควันร้อนที่ลอยฉุยทำให้แว่นตาพร่าเล็กน้อยจนต้องถอดมันออกมาเช็ด บนโต๊ะทำงานของเขาในตอนนี้ถูกเก็บเรียบร้อย ฮาโลวีนทริกออร์ทรีตกำลังเริ่ม เขาต้องเตรียมตัวให้พร้อม

เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังมาทำให้เขายิ้ม ชายหนุ่มเดินออกไปเปิดประตู เด็กตัวเล็ก ๆ ในชุดแฟนซีหลายรูปแบบต่างส่งเสียงอย่างพร้อมเพรียง

“Trick or Treat!!!!!?”

เขาอมยิ้ม ก่อนตอบ “Treat”

ลูกกวาดและคัพเค้กถ้วยเล็กที่เขาเตรียมไว้ถูกแจกให้ทุกคนอย่างทั่วถึง เด็ก ๆ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว บอกขอบคุณเขาแล้วทยอยวิ่งออกไปยังบ้านหลังถัดไปทีละคน จนกระทั่งเขาแจกจนครบถ้วน

มือใหญ่ของใครคนหนึ่งยื่นมาตรงหน้า ชายหนุ่มชะงัก ค่อยเงยขึ้นมองตามที่มาของมือนั้น

“Where's mine?” เสียงทุ้มของคนตรงหน้าเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“You aren’t a child.”

เขากอดอก เบือนไปอีกทางเมื่อตอบกลับไป ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มในลำคอจากอีกคน ก่อนที่คนคนนั้นจะคว้าตัวเขาไปกอด ชายหนุ่มใช้มือดันอกของอีกฝ่ายไว้ ใบหน้าหล่อคมก้มลงมาใกล้จนหน้าของเขาร้อนวูบ

“Trick or Treat?”

น้ำเสียงเชิงเย้าหยอกเอ่ยถามชิดใกล้ เขาเม้มปาก ยิ่งสบตากันแก้มมันก็ร้อนผ่าวไปหมด ใครปล่อยปิศาจหนุ่มออกมาเพ่นพ่านเวลานี้กันนะ ช่างร้ายกาจจริง

“Trick...”

ราวไม่ใช่เสียงของเขาที่เอ่ยตอบกลับไปเช่นนั้น มันช่างแผ่วพร่าคล้ายจะเชิญชวน ใจของเขาเต้นตึกเมื่อมองสบตาที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ ตากลมแป๋วที่ตรึงเขาในวันนั้น วันนี้กลับเปลี่ยนไปพาลทำให้ใจสั่น

ริมฝีปากหยักที่เจือสีระเรื่อยกยิ้ม โน้มมาหาแล้วแตะจูบเขาเบา ๆ เป็นการลองเชิง แขนของเขากลับยกขึ้นกอดเกี่ยวต้นคอหนา ทำให้รอยยิ้มสมใจของอีกคนกว้างขึ้นไปอีก ยิ่งอีกฝ่ายบดเบียดแทรกลิ้นรุกเร้า เขากลับยิ่งโอนอ่อนยอมรับจุมพิตร้อนจากปิศาจหนุ่มเสียอย่างนั้น

เสียงเด็กตัวน้อยหัวเราะครื้นเครง เคล้าคลอเสียงดนตรีจากข้างบ้านที่เปิดดัง ไม่ได้ทำให้เขาหนวกหูเท่าหัวใจตนเองที่มันเต้นแรงโลดเพราะคำกระซิบชิดเรียวปาก...

“Happy Halloween, my delicious guy.”





- The End -





ใกล้ฮาโลวีนแล้ว แปะไว้ก่อน เรื่องสั้นตามเทศกาลอีกหนึ่งเรื่องในซีรีส์นี้ที่บางท่านคงเคยอ่านกันแล้ว  :pig3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่ารัก...ว่าแต่เจอกันแค่ปีละครั้ง อีกแล้วหรา???

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เทศกาลของการรอคอยอีกเรื่อง ไรท์ว้อยยยยยยยยยยยยยย  :katai1: 5555555555555555 เอาจีงเด็กในวันนั้นคือ ผ.ในวันนี้ข่าาาาาา ชื่อก็ยังไม่รู้.  o13 หยักขอสเปเรยค่ะะะ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
รอเทศกาลต่อไปเลยค่ะ

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

- 3 -

Soul and Me




วันแห่งความตาย (Los Dias de los Muertos) เทศกาลที่ถูกจัดขึ้นในวันที่ 1-2 ของเดือนพฤศจิกายน เพื่อเป็นการเลี้ยงฉลองให้กับดวงวิญญาณที่ยังคงวนเวียนอยู่บนโลกและได้กลับมาเยี่ยมครอบครัว ในวันนี้ทั้งคนเป็นและคนตายต่างได้รับประทานขนมและอาหารในแบบสยองขวัญด้วยกันทั้งครอบครัว

ขบวนพาเหรดเคล้าเสียงดนตรีเดินทางไปยังสุสาน หลุมศพภายในนั้นถูกประดับประดาตกแต่งด้วยดอกไม้และอื่น ๆ อย่างสวยงาม ตุ๊กตาแสนน่ารักถูกนำมาวางให้สำหรับวิญญาณเด็กเล็ก ในยามค่ำคืนแสงเทียนจะถูกจุดให้ความสว่างไสว อาหารหวานคาวรูปร่างประหลาดถูกทำขึ้นเพื่อรับประทานกันภายในครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหายรวมตัวกันเป็นที่ครื้นเครง ผู้คนพากันแต่งหน้าแต่งกายเพื่อให้เข้ากับเทศกาลด้วยการทำให้หน้าตาของตนคล้ายโครงกระดูกที่สวมใส่เสื้อผ้าแสนสวย

ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกจากสถานที่จัดงานมาตามทางเท้า เสื้อโค้ทตัวใหญ่ใส่คลุมไว้กันความหนาวเหน็บ หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาเพียงบางเบาแต่ทำให้ร่างกายของเขาเย็นเฉียบได้ไม่น้อย มือหนาจึงสอดซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อเพื่อให้ความอบอุ่น ความเชื่อของผู้คนในวันนี้ว่ากันว่า วิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วจะกลับมาเยี่ยมบ้าน กลับมาหาคนที่รัก สำหรับเขาแล้วคงไม่มีใครกลับมาหา บรรพบุรุษหน้าตาเป็นเช่นไรเขายังไม่เคยเห็น

ชายหนุ่มหยุดเท้าเมื่อมาถึงบ้านของตน หิมะยังคงตกจนถนนถูกปกคลุมเป็นสีขาว คิ้วชายหนุ่มขมวดเมื่อเห็นบางอย่างท่ามกลางหิมะ นั่นมันก้อนอะไรสีขาว ๆ สโนว์แมนหรือ? แต่ดูไปไม่น่าใช่ เหมือนคนสวมโค้ทขนปุกปุยเสียมากกว่า

เขาเผลอจ้องอยู่นานเท่าไรไม่รู้ จนเมื่อสิ่งนั้นขยับ เขาก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ดวงหน้าเรียวภายใต้หมวกของเสื้อโค้ทสีขาวที่สวมใส่ มันช่างกลืนไปกับหิมะจนเกือบจะแยกไม่ออก แต่กลับดูน่าหลงใหลเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาที่มีสีสันราวไวน์ชั้นดี สะกดให้เขารู้สึกลุ่มหลงเมื่อจ้องมอง

เขายื่นมือออกไป... ใช่... ยื่นออกไปแล้ว... ยื่นไปให้คนที่นั่งอยู่ท่ามกลางหิมะจับ ความเย็นชืดที่ปลายนิ้วสัมผัสทำให้เขาชะงัก แต่เมื่อมองดวงตาคู่สวย เขากลับรวบมือนั้นมาไว้ในอุ้งมือตน และค่อยรั้งให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกัน

อาหารทั้งหวานคาวถูกนำมาวางบนพรมหน้าเตาผิง แสงจากไฟที่ลามเลียท่อนฟืนภายในนั้นส่องให้ดวงหน้าเรียวดูละมุนตา นัยน์ตาแสนโดดเด่นช้อนมองเขาก่อนหลุบลง มือเอื้อมหยิบขนมหวานรูปหัวกะโหลกในจานเข้าปากเพื่อแก้เก้อ เครื่องดื่มสีแดงสดราวสีเลือดแต่รสหวานละมุนลิ้นถูกยกจิบช้า ๆ ก่อนวางลง

ทุกอากัปกิริยาอยู่ภายใต้การมองของชายหนุ่ม มือของเขาเอื้อมไปเช็ดคราบน้ำหวานที่มุมปาก ดวงตาทั้งคู่มองสบกัน ไม่มีใครเลือกที่จะเป็นฝ่ายละหรือหลบสายตา

ชายหนุ่มค่อยโน้มไปหาอีกคนช้า ๆ ริมฝีปากแตะกลีบปากอิ่ม ค่อยบดเบียดอย่างเชื่องช้าเพื่อละเลียดชิมรสชาติเครื่องดื่มที่ติดปลายลิ้นของอีกคน มันหวานอย่างบอกไม่ถูกจนต้องตักตวงมากขึ้น... มากขึ้นทุกที...

ความหนาวเย็นภายนอกไม่ได้ทำให้ไฟร้อนภายในห้องมอดดับ แต่กลับยิ่งโหมกระพือสู้ไฟในเตาผิงที่ค่อยโรยแรงลงทุกขณะ ห้วงจังหวะรักดำเนินไปไม่เร่งร้อนแต่กลับร้อนเร่าเพราะเพลิงปรารถนาที่ลุกโชน แผ่นหลังบางไถลไปบนพื้นพรมทุกครั้งที่ร่างหนาหนักขยับโยกกายเข้าออกโถมกระชั้น ผิวขาวซีดซับสีระเรื่อเมื่อถูกไฟอารมณ์แผดเผา แขนเรียวกอดเกี่ยวกายหนาแนบแน่น ต่างถ่ายทอดความอบอุ่นและร้อนเร่าให้แก่กัน

.

ไฟในเตาผิงมอดดับลงไปเมื่อใกล้รุ่งสาง ชายหนุ่มนอนอยู่บนพื้นพรมโดยมีร่างอุ่นอิงชิดกาย เสื้อโค้ทตัวยาวถูกกางออกคลุมกายขาว ความเย็นเยียบจากสัมผัสแรกที่ได้รับแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง และตอนนี้มันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเมื่อมีอีกคนอยู่ใกล้

แขนแข็งแรงข้างหนึ่งตระกองกอดร่างนั้นเอาไว้ ขณะที่อีกข้างสอดรองใต้ศีรษะตนเอง มองผิวขาวผ่องที่ปรากฏร่องรอยรักจากตนเองแล้วก้มลงจูบซับมันเบา ๆ เหตุใดเขาถึงรู้สึกโหยหาอย่างมากมายเพียงนี้ ยากเกินควบคุมอารมณ์ ทั้งรัก ทั้งใคร่ ฤาเสน่หา เขารู้จักคนคนนี้หรือ เป็นคำถามที่เกิดขึ้นมาโดยที่ให้คำตอบกับตนเองไม่ได้ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยมากเหลือเกิน ค่ำคืนที่ผ่านพ้นราวกับเขาถูกเติมเต็ม มันสุขสมแต่ก็ปวดร้าวจากส่วนลึก มันขัดแย้งกันอย่างบอกไม่ถูก เพราะอะไรกัน?

มองดวงหน้าคนที่หลับใหลอยู่ในอ้อมแขนแล้วชายหนุ่มก็ยกกายตะแคงข้างขึ้นเล็กน้อย เกลี่ยผมเส้นเล็กลื่นมือแผ่วเบาแล้วกดจูบหน้าผากนูน ก่อนจะค่อย ๆ เอาแขนออกให้อีกคนนอนลงบนพื้นพรมนั้น

ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งเพื่อตั้งสติ ก่อนจะคว้าโค้ทอีกตัวที่หล่นเกลื่อนอยู่แถวนั้นมาสวมแล้วลุกเดินสำรวจห้อง ห้องนี้เป็นห้องหนึ่งภายในบ้านของเขา เขาคิดว่าอย่างนั้น แต่มันกลับไม่คุ้นตา มีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไป เช่นภาพบนผนังนั่น ภายใต้ความสลัวของห้อง เขาเพ่งมองมัน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนนัก ร่างสูงใหญ่จึงก้าวไปยังโต๊ะติดผนังแล้วเปิดโคมไฟดวงเล็กเพื่อให้แสงสว่าง

มือหนาเอื้อมไปหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น เพียงแสงจากโคมไฟส่องให้เห็นจนเด่นชัด ดวงตาเขาก็เบิกกว้าง มือของเขาสั่นขึ้นมาจนยากระงับ ภาพความสุขเมื่อครั้งวันวานย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ กรอบรูปในมือบรรจุภาพถ่ายของคนหนึ่งคู่ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขนั้น เขาจำมันได้ดี

ไหล่กว้างสั่นสะท้านเมื่อหยาดน้ำใสร่วงหล่นลงกระทบกระจกของกรอบรูป แต่มันกลับผ่านเลยไปโดยที่ไม่มีสัมผัสเปียกชื้นใดปรากฏ กรอบรูปในมือของเขาหล่นลงพื้นจนกระจกแตกกระจาย เขายืนนิ่ง มองมือตนเองที่ยังคงสั่นไม่หยุด

เป็นนานกว่าที่เขาจะหันกลับมามองเบื้องหลัง คนที่หลับใหลก็ยังคงนิ่งอยู่ ไม่ได้ยินเสียงเขาทำกรอบรูปตกแตกกระมัง แต่นั่นก็ดีแล้ว... แบบนี้ดีแล้ว...

แสงตะวันฉาบทาท้องฟ้าเมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน มันลอดผ่านผ้าม่านมากระทบหยดน้ำตาบนแก้มสาก หมดเวลาของเขาแล้ว ชายหนุ่มนั่งลงข้างกายขาว สะท้านในอกเมื่อมองคนสำคัญของตน ค่อยก้มลงไปหา กดจูบหน้าผากคนที่เฝ้ารอเขามาตลอด

“My dear, thank you so much…”

พูดได้เพียงเท่านี้ ทำได้เท่านี้เองเมื่อความรู้สึกมากมายไหลบ่า แม้อยากบอกว่าขอโทษ ขอโทษที่ต้องให้รอเขามาตลอด แต่ก็พูดได้ยากเหลือเกิน

เขากำลังจะจางหาย ค่อยเลือนรางเมื่อแสงที่โผล่พ้นแผ่กำจายทั่วบริเวณ มือหนาสัมผัสข้างแก้มขาว ยังคงคิดถึง ยังคงโหยหาจนต้องกลับมาเช่นนี้...

หยาดน้ำตารินไหลลงจากหางตาที่ปิดสนิท ร่างกายคนบนพื้นพรมสั่นสะท้านเมื่อสัมผัสที่พาให้หัวใจอุ่นอยู่ห่างไกลออกไป เปลือกตาบางค่อยเปิดขึ้น ภายในห้องหลงเหลือเพียงความว่างเปล่าและเถ้าถ่านจากเตาผิงที่เป็นสิ่งยืนยันว่าทุกอย่างไม่ใช่เพียงภาพฝัน

ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่ง ซบหน้ากับฝ่ามือตนเองร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด สองแขนค่อยตระกองกอดตนเองแทนอ้อมแขนของคนที่จากไป ค่ำคืนที่ราวกับความฝันนั้นจบลงไปแล้ว จากนี้เขายังคงต้องเผชิญกับความจริงต่อไป ความจริงที่ว่าใครอีกคนไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว และเขาต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพียงลำพัง...


.......


เสียงดนตรีบรรเลงสร้างความครื้นเครงให้กับเทศกาล Los Dias de los Muertos ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในทุกปี ชายชรามองบรรยากาศขบวนพาเหรดแฟนซีด้วยรอยยิ้มอ่อน สภาพร่างกายเขาอ่อนล้าเกินกว่าจะร่วมเฉลิมฉลองไปกับเทศกาลนี้เช่นทุกปี เขาผละจากกรอบหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง ความอบอุ่นจากเตาผิงช่วยให้เขารู้สึกดี

เก้าอี้โยกหน้าเตาผิงโยกไกวเป็นจังหวะ ผ้าห่มอุ่น ๆ คลุมกายชายชราเอาไว้ ผิวของเขาขาวซีด เส้นผมขาวโพลนเพราะช่วงเวลาที่ผันผ่านล่วงเลย เปลือกตาปิดสนิท ขณะที่ริมฝีปากระบายยิ้มน้อย ๆ ดูมีความสุข เก้าอี้ไม้ยังคงโยกไหวก่อนที่มันจะค่อย ๆ ช้าลงและหยุดนิ่งพร้อมกับลมหายใจของชายชราที่หมดลง...

ใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้อง สายตาของเขามองคนบนเก้าอี้โยกจากด้านหลัง ริมฝีปากเผยยิ้มอ่อนโยนก่อนที่จะเอ่ยเรียก

“Honey”

เกิดแสงจ้าคลุมร่างชายชราวูบหนึ่ง ก่อนที่แสงนั้นจะรวมตัวกันเป็นรูปเป็นร่าง นัยน์ตาสีเรดไวน์มองผู้ที่มาหาด้วยแววปีติ ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ก่อนที่ร่างนั้นจะโผเข้ากอดแขกผู้มาเยือน

...การรอคอยที่แสนยาวนานตราบจนชั่วชีวิต... สิ้นสุดลงแล้วในวันนี้...


…Los Dias de los Muertos...





END.




บวกขอบคุณทุกท่านค่า นี่กลายเป็นเทศกาลแห่งการรอคอยไปแล้ว ฮาาา

น่ารัก...ว่าแต่เจอกันแค่ปีละครั้ง อีกแล้วหรา???
ฮาโลวีนไม่ใช่ปีละครั้งค่ะ ตอนเด็ก ๆ ก็เจอกันปีละครั้งจริง ๆ ค่ะ เพราะพี่นักเขียนของเราไม่ค่อยออกไปพบปะผู้คน จนน้องหายไป 5 ปี พอกลับมาก็ไม่ใช่ปีละครั้งแล้วค่ะ

เทศกาลของการรอคอยอีกเรื่อง ไรท์ว้อยยยยยยยยยยยยยย  :katai1: 5555555555555555 เอาจีงเด็กในวันนั้นคือ ผ.ในวันนี้ข่าาาาาา ชื่อก็ยังไม่รู้.  o13 หยักขอสเปเรยค่ะะะ
ตามนั้นค่ะ 5555555 ลูกแกะน้อยในวันวาน กลายเป็นหมาป่าในวันนี้ 5555

รอเทศกาลต่อไปเลยค่ะ
มาแล้วเน้ออออ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
  :pig4:


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
สุขปนเศร้า...ดีใจที่ในที่สุดก้อจะได้อยู่ด้วยกัน  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
โอเคค่ะ เรื่องนี้ดีต่อใจสุดแล้ววว  :เฮ้อ: อาจจะเงิบๆนิดหน่อยเพราะหลอกเลาช่วงต้นเรื่อง  :ruready
ได้อยู่ด้วยกันแล้ววว การรอคอยสิ้นสุดแล้ว  :hao5:
รอเรื่องต่อไปนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
- 4 -

หัวใจเพรียกหา




ลอยกระทง เป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญของชาวไทย เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เวียนมาถึงก็มักจะเห็นกระทงที่ทำจากวัสดุต่าง ๆ มากมายหลายรูปแบบเพื่อนำไปลอยในแม่น้ำ แต่ละภูมิภาคก็มีการจัดงานที่แตกต่างกันไป เชื่อกันว่าการลอยกระทงนั้นเป็นการขอขมาและขอบคุณพระแม่คงคา ทั้งยังเป็นการสะเดาะเคราะห์เข็ญให้ลอยไหลไปกับสายน้ำ ชีวิตต่อจากนี้ไปก็จะได้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา ผู้คนต่างมีความสุขกันในวันนี้ ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า กิจกรรมในสถานที่ต่าง ๆ ถูกจัดขึ้นมากมายและได้รับความสนใจเป็นอย่างดี การประกวดเทพีนพมาศมีขึ้นทุกปีและมีผู้เข้าร่วมกันอย่างคึกคัก

บรรยากาศยามค่ำคืน แสงไฟกระทบคลื่นน้ำระยิบระยับ บนตึกสูงที่สามารถมองเห็นความงดงามนั้นได้ถนัดตา ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับมองมันด้วยความเหงาเศร้า มันคงจะดีกว่านี้หากมีใครอีกคนข้างกาย มันคงจะดีกว่านี้หากคนคนนั้นไม่หายไป

เมื่อหนึ่งปีก่อน เขาได้รับความช่วยเหลือจากเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ในช่วงที่ชีวิตล้มเหลวจนแทบไม่อยากหายใจให้เหนื่อยอีกต่อไป กลับมีมือหนึ่งยื่นมาหาและฉุดดึงเขาให้ลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง แต่แล้วเด็กคนนั้นกลับหายไป เขาที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อไม่รู้จะไปตามหาได้ที่ไหน ทุกค่ำคืนที่เห็นพระจันทร์ส่องสว่าง ความอ้างว้างก็เข้าเล่นงานเขาเสมอ

ชายหนุ่มมองเตียงนอนที่ภาพความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างกันยังแจ่มชัด ผิวขาวต้องแสงจันทร์กับกลิ่นกายหอมราวดอกไม้ยามราตรีที่ทำให้เขาหลงเมามัวตักตวงเอาจนแทบหมดเรี่ยวแรง แต่มันก็คงเป็นเพียงภาพฝันที่เมื่อใดลืมตาตื่นมันก็จางหาย เหลือเพียงความว่างเปล่าให้เขาคิดคำนึง

ชายหนุ่มลงจากตึกสูงมาเดินตลาดริมแม่น้ำ ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ กระทงน้อยลอยล่องพร้อมแสงเทียนพลิ้วไหวตามสายลมหนาวที่พัดพา กายสูงใหญ่เดินช้า ๆ ผ่านร้านรวงที่ขายกระทงรูปแบบต่าง ๆ เต็มไปหมด เมื่อปีก่อนก็เป็นแบบนี้ ขาเขาหยุดเดินเมื่อถึงร้านหนึ่ง เขาจำได้ว่ามันเคยเป็นที่ที่เด็กคนนั้นกับคุณยายมาขายของเมื่อปีก่อน แต่ในปีนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว มีแม่ค้าหน้าใหม่มาจับจองพื้นที่แทน

สะพานที่ทอดยาวลงไปในแม่น้ำผู้คนแออัด เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่บอกให้ค่อยทยอยลงไปเพื่อลอยกระทง เขาเพียงแค่มองแล้วเดินผ่าน เมื่อมายืนอยู่ตรงคูริมแม่น้ำ ภาพความทรงจำครั้งเก่าก็ย้อนกลับมา เขาเคยโดดลงไปแล้วมีเด็กใจเด็ดตามลงไปช่วยขึ้นมา ริมฝีปากหยักยิ้มเศร้าเมื่อนึกถึง ความคิดบ้า ๆ แล่นเข้ามาในสมอง หากเขาโดดลงไปอีกทีจะมีใครมาช่วยเขาอีกไหม...?

“คิดสั้นอีกแล้วหรือครับ?”

เสียงที่เคยคุ้นดังขึ้นมาพาให้ใจเต้นรัว ชายหนุ่มเหลียวมองรอบกายที่มีเพียงความมืดมิดไร้เงาผู้คน แต่เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของเด็กชายคนนั้นแน่ เขาไม่เคยลืม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมาตามสายลม กลิ่นประจำตัวของเด็กคนนั้น

“จะไม่ออกมาให้เห็นหน้าเลยหรือ?”

ความเงียบงันคือสิ่งที่ได้ตอบกลับมา ชายหนุ่มทอดถอนใจ เขาไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายเป็นผีสาง เพียงแต่ไม่อยากเจอหน้าเขาเท่านั้น

“เด็กใจร้าย” เขาเอ่ยพ้อ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังเงียบ

ชายหนุ่มหมุนกายหันหน้าไปทางแม่น้ำ มองความมืดมิดที่ทอดยาวไม่สิ้นสุดก่อนจะก้าวไปหามันช้า ๆ รู้ว่ามันเสี่ยงแถมสิ้นคิด แต่เขาก็อยากเห็นใจของเด็กคนนั้นว่ามันจะแข็งได้อีกนานแค่ไหน

ตูม!!!

เสียงน้ำสาดกระเซ็นเมื่อเขาทิ้งตัวลงไปบนพื้นน้ำ ความหนาวเหน็บจู่โจมเขาทันที ใครว่าเล่นน้ำในหน้าหนาวมันดีบ้าง มีแต่เขานี่ล่ะที่บ้าบอ โดดลงมาได้ไม่คิดหน้าคิดหลัง

“อยากตายหรือไง ไอ้พี่บ้า ไอ้คนสิ้นคิด!!”

อีกสารพัดคำต่อว่าด่าทอที่ตามมาจนหูเขาแทบบอดเมื่อถูกเด็กใจอ่อนโดดลงไปช่วยขึ้นมาบนฝั่ง ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ เลยถูกกำปั้นเล็กทุบเข้าให้ เขาไอแค่ก คนทำเลยมีสีหน้าแตกตื่นรีบลูบหลังลูบไหล่ แขนแกร่งจึงถือโอกาสนั้นตวัดร่างเด็กตัวผอมมากอดแน่น ทุกคำโวยวาย ทุกความเคลื่อนไหวหยุดกึกแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“หายไปไหนมา พี่คิดถึงมากรู้ไหม?”

อากาศหนาว ยิ่งตัวเปียกแบบนี้ยิ่งหนาว แต่เขายอม ยอมหนาวสั่นหากได้คนคนนี้ คนที่หัวใจเพรียกหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกลับมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง



ชายหนุ่มตามเด็กกลับมาที่บ้านด้วยสภาพเปียกปอนเดินตัวสั่นกึก ๆ คุณยายของน้องหัวร่องอหายเมื่อเห็นพวกเขาในสภาพนั้น ก่อนจะไล่ให้ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้ากันให้เรียบร้อย ท่านจะเตรียมข้าวปลาอาหารไว้ให้กินกัน เพราะเจ้าหนูนี่ออกไปขายของตั้งแต่ยังไม่ค่ำจนตอนนี้ที่เพิ่งได้กลับมาพร้อมเขานี่ล่ะ

ชายหนุ่มมองสำรวจบ้านที่เด็กอยู่ บ้านชั้นเดียวยกพื้นสูงทำจากไม้ที่เริ่มเก่าจนน่ากลัวว่ามันจะพังลงมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง ยังดีหน่อยที่หลังคาสังกะสีพอคุ้มแดดคุ้มฝนได้ รอบบริเวณบ้านปลูกผักสวนครัว หลังบ้านยังมีต้นกล้วยเรียงราย เป็นบ้านธรรมดาที่เห็นได้โดยทั่วไป แต่มันกลับไม่ธรรมดาในความรู้สึกของเขา เพราะนี่คือบ้านของคนที่เขาเฝ้าคิดถึงและอยากเจอมาตลอด

บริเวณที่เด็กชายพามาอาบน้ำเป็นลานปูนเล็ก ๆ มีตุ่มใส่น้ำตั้งอยู่พร้อมก๊อกน้ำที่ต่อมาจากตัวบ้าน ถึงบ้านจะเล็กแต่สิ่งอำนวยความสะดวกจำพวกนี้ก็มาถึงแล้ว ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าใส่กะละมังตามที่น้องบอก เหลือเพียงปราการด่านสุดท้ายที่เขายังสวมติดกาย ตากลมมองสบเชิงถาม เขาเองก็เลิกคิ้ว หลุบสายตาลงต่ำแล้วหนีบขาอย่างไม่ตั้งใจ จะให้เขาโป๊ต่อหน้าน้องมันจะดีหรือ แม้จะเคยเห็นกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ตามทีเถอะ

เมื่อเขาทำท่าว่าจะไม่ถอด น้องเลยเลิกสนใจ หันหลังให้เขาแล้วถอดของตนเองบ้าง ใจหนุ่มเต้นตุ้มต่อมเมื่อมองทุกกิริยาอาการของอีกคน ไม่อยากคิดอกุศลแต่ห้ามสายตาไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจหันหนี เดินดุ่มไปที่ตุ่มน้ำแล้วตักน้ำเย็นสุดใจในตุ่มนั้นราดหัวตัวเอง

“จ้ากกกกกกกก”

ความเย็นของมันทำให้เขาร้องลั่น น้องหันขวับมามองท่าทางอึ้ง ๆ ก่อนปล่อยก๊ากอย่างไม่เกรงใจ เขาเลยได้แต่ค้อนให้อย่างขัดเคือง ตัวผอม ๆ นั้นถึงได้หยุดหัวเราะแล้วไปเอากะละมังใบใหญ่มาวางก่อนเปิดน้ำในก๊อกใส่

“อาบในนี้ น้ำที่เปิดจากก๊อกมันจะอุ่นเพราะมันไม่โดนอุณหภูมิของอากาศ” เด็กชายบอกแล้วยิ้มตาหยี ชี้มือไปที่ตั่งตัวเตี้ยให้เขานั่งลงแล้วอาบน้ำเสีย

ชายหนุ่มตักน้ำราดตัว มันอุ่นจริงอย่างที่น้องบอก แต่เขาต้องรีบอาบเพราะลมที่พัดมาโดนผิวมันทำให้หนาวจนขนลุก ขันน้ำถูกสาดใส่ตัวไม่ยั้งพยายามให้เสร็จไว แต่ก็ถูกน้องแย่งไปเพราะเขาเอาแต่ตักราดตัวแต่ไม่ยอมถูสบู่ ตัวผอมมานั่งตรงหน้า ชายหนุ่มเงยขึ้นมองสูงโดยอัตโนมัติ เห็นสีหน้าสงสัยของน้องแต่เขาไม่คิดอธิบาย

มือเรียวขยำใยบวบที่ใช้สบู่ก้อนถูเอาไว้จนเป็นฟอง ก่อนนำมันมาขัดถูตัวให้เขาอย่างตั้งใจ จากที่ไม่อยากมองก็ต้องก้มมอง ใบหน้าในมุมต่ำของน้องก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ

มือหนาเอื้อมจับมือน้องที่ถูสบู่ให้เอาไว้ น้องเงยขึ้นมามองสบสายตา ชายหนุ่มโน้มไปหา ริมฝีปากเขาช่างแห้งผากอยากได้น้ำเย็นชื่นใจมาหล่อเลี้ยง เมื่อริมฝีปากแตะกับปากอิ่ม ใจเขาก็พลันเต้นแรงโลด ค่อยบดเบียดจุมพิตละมุนทีละน้อยให้เด็กน้อยเดียงสาคล้อยตาม แสงจันทร์ในค่ำคืนเพ็ญก็ช่างเป็นใจ เมื่อมันลับเหลี่ยมเมฆไปไม่มาแอบมองให้น้องต้องเขิน

“หายใจไม่ออก...”

เสียงประท้วงเบา ๆ ทำให้เขาหัวเราะ เขามัวแต่เพลิดเพลินกับความหวานหอมจนเกินไป ริมฝีปากอิ่มนุ่มนิ่มชวนสัมผัส แต่เขาก็จำต้องละออกมา แสงสว่างจากดวงจันทร์ที่เคลื่อนผ่านหมู่เมฆทำให้เห็นแก้มแดง ๆ น่าฝังรอยจูบอีกสักหน ไม่ใช่เพียงความคิดเมื่อเขาเฝ้าคลอเคลีย วนจูบแก้ม คอ คิ้ว คาง ทุกส่วนที่ตนปรารถนา ยิ่งน้องไม่ขัดขืน เขายิ่งได้ใจ

ความร้อนรุ่มปะทุขึ้นมายังใจกลางร่างกาย เขายังจำได้ดีกับสัมผัสที่เคยคุ้นเมื่อปีก่อนนั้น เขาคือคนแรกที่ได้มันมา และเป็นคนเดียวที่จะเก็บรักษามันไว้อย่างดี

ตัวผอมถูกรั้งเข้ามาใกล้ แผ่นอกขาวแบบบางแอ่นหยัดเมื่อเขาครอบริมฝีปากกับยอดอกสีระเรื่อ ลมหนาวที่พัดผ่านไม่สามารถดับไฟร้อนในร่างกายเขาลงได้เมื่อร่างเล็กกว่าถูกเอนลงกับพื้นปูนหยาบกระด้าง น้องไม่ห้ามปรามแต่ครางรับทุกครั้งที่เขาสอดใส่ ความดิบในอารมณ์กำหนัดทำให้เขาฝากฝังตัวตนเข้าไปในตัวน้องอย่างไม่ยั้งคิด กลิ่นหอมของสบู่ที่น้องใช้ลอยอวล ยิ่งเขาเร่งจังหวะเร้าอารมณ์กระสัน กลิ่นหอมจากกายน้องยิ่งรุนแรงกระตุ้นความดิบเถื่อนในตัวตนของเขาจนโถมกายเข้าใส่แบบลืมตาย

เสียงครางเครือในลำคอขาวถูกริมฝีปากเขาดูดกลืน ขาเรียวเกี่ยวกระหวัดรัดเอวที่โยกขย่ม สะโพกแน่นหนั่นขยับยกรับเนื้อร้อนที่เสียดไล้ ร้อนแรงจนแทบมอดไหม้ ความเสียวซ่านแล่นปราดจนต่างก็ปลดปล่อยออกมาอย่างท่วมท้น

ราวเวลาหมุนกลับ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้น และเมื่อลืมตาตื่นน้องจะหายไป หลงเหลือไว้แต่ความอ้างว้างและตัวเขาที่เศร้าหมอง ราวจิตใต้สำนึกสั่งการ วงแขนแกร่งกอดร่างเล็กบางแน่น เสียงหอบหายใจของน้องดังอยู่ใกล้หู ชายหนุ่มกดจูบแก้มใส น้องยังอยู่... ยังอยู่ตรงนี้...



พอพวกเขาอาบน้ำเสร็จแล้วกลับเข้าบ้านมาน้องก็จามจนจมูกแดงไปหมด เขาเพิ่งรู้จากคุณยายว่าน้องป่วยง่าย ถ้ารู้ก่อนคงไม่อาบน้ำกับน้องนานขนาดนั้น แต่นั่นชายหนุ่มก็ไม่มั่นใจนักว่าจะอดทนอดกลั้นได้อย่างที่คิดหรือไม่

อาหารรสมือคุณยายวันนี้อร่อยแทบลืมกลืน มันไม่ได้เกินจริงเพราะเขากำลังมีความสุข คุณยายถามไถ่ที่มาที่ไปของเขา ชายหนุ่มได้คุยกับท่านหลายอย่างหลังจากนั้น เหมือนท่านไม่ติดใจเรื่องการมาของเขา ท่านอาจจะรู้อะไรบางอย่างมาก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่อาจคาดเดา และไม่กล้าพอที่จะเอ่ยถามเป็นการเปิดช่องเพราะอาจตกหน้าผาตายเสียเอง

หลังกินข้าว น้องไปยกกระทงที่ทำไว้ลอยกับคุณยายออกมา เห็นท่าว่าดึกกว่านี้คงไม่ดีจึงจะไปลอยกันแล้ว แต่ก่อนไป คุณยายให้เขาตัดเล็บใส่ในกระทง แล้วใช้ข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนเล็กมาแตะตามเนื้อตัวแล้วท่องคาถาปัดเป่าก่อนนำไปวางในกระทงเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มยิ้มบาง รู้สึกสุขใจลึก ๆ เมื่อคล้ายกับว่าตนเองเป็นหนึ่งในครอบครัวนี้

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม ทั้งหมดจึงพากันไปที่ลำคลองซึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก เด็กชายพยุงคุณยายเดิน บนบ่าคลุมด้วยผ้าแพรกันลมหนาว ชายหนุ่มที่เป็นคนถือกระทงเดินอยู่ข้าง ๆ หันมามอง ขืนอยู่ข้างนอกนานกว่านี้น้องท่าจะจับไข้

กระทงน้อยถูกน้ำพาลอยละล่องไปช้า ๆ เมื่อทั้งสามคนอธิษฐานขอขมาพระแม่คงคา ทั้งยังได้ขอพรจากท่านให้อยู่เย็นเป็นสุข ดั่งสายชลที่ไหลเอื่อยให้ความชุ่มเย็นและยังประโยชน์ต่อมนุษย์เรื่อยมา แสงเทียนที่ยังคงไม่ยอมดับแม้มีลมโบกไหวส่องวับแวม เมื่อกระทงลอยห่างออกไปเรื่อย ๆ

ชายหนุ่มขยับลุก ส่งมือให้คุณยายเกาะลุกขึ้นมาแล้วเป็นคนพยุงท่านแทนน้อง เด็กชายมองแล้วก็อมยิ้มเล็ก ๆ แขนเรียวสอดคล้องแขนเขาอีกข้าง ก่อนจะเดินเคียงกันไปช้า ๆ ในค่ำคืนที่พระจันทร์สาดแสงนวลตากับการกลับมาพบกันอีกครั้ง พรทั้งหลายในวันที่แสนศักดิ์สิทธิ์โปรดดลบันดาล ให้พวกเขาได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป

ในค่ำคืนนั้นชายหนุ่มได้นอนที่บ้านหลังน้อย น้องนอนห้องเดียวกับคุณยายแต่ยังใจดีมาจัดที่นอนหมอนมุ้งให้เขา เมื่อน้องเอาผ้าห่มมาให้ เขาจึงรั้งมาใกล้ขณะที่เท้าข้อศอกพยุงตัว แก้มน้องแดงจนสังเกตได้ ไม่รู้เพราะกำลังเป็นไข้หรือเขินเขากันแน่

มือหนายกขึ้นมาแนบแก้มใสก่อนร่างสูงใหญ่จะยกตัวขึ้นแตะจูบปากอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่เป็นนานด้วยความเคลิบเคลิ้มกับความนุ่มนิ่มนั้น รั้งเบา ๆ ให้น้องนอนลงข้างกันบนเสื่อยัดนุ่นผืนเล็ก ลูบผมนิ่มแล้วจูบหน้าผากน้องแผ่วเบา มองตากลมที่ช้อนขึ้นมามองเขาแล้วกระชับกอด อยากกอดไว้ทั้งคืนจะได้มั่นใจว่าในวันพรุ่งนี้เมื่อเขาตื่นขึ้นมา น้องจะยังไม่หายไปไหน แต่นั่นมันคงทำไม่ได้

เด็กชายลุกกลับไปนอนในห้องหลังจากนั้น ชายหนุ่มถอนใจแล้วยิ้มบาง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ยังติดจมูก แถมยังมีผ้าห่มอุ่น ๆ กรุ่นกลิ่นกายน้องแบบนี้ราวได้กอดน้องนอนด้วยทั้งคืน


-----------------


เสียงโครมครามดังมาตั้งแต่ยังไม่สว่างดี ชายหนุ่มผุดลุกจากที่นอน ปราดมองรอบกายแล้วถอนใจออกมา รู้สึกโล่งใจที่เมื่อคืนไม่ใช่แค่ความฝัน ร่างสูงใหญ่เดินตามเสียงมาดูก็เห็นน้องกำลังช่วยคุณยายทำขนม ก่อนจะขนขึ้นรถพ่วงข้างมอเตอร์ไซค์คันเก่ง ตัวเล็ก ๆ แต่แรงเยอะเหมือนกันที่ยกกล่องใบใหญ่ขนาดนั้นได้ มองอยู่ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็เข้าไปช่วย ตากลมช้อนมองเขา ก่อนที่จะหันกลับไปเขาทันได้เห็นริมฝีปากอิ่มอมยิ้มบาง น่ารักที่สุด

ชายหนุ่มนั่งรถไปที่ตลาดกับสองยายหลานด้วย ฟ้าเริ่มสว่างเมื่อไปถึง ช่วยน้องขนของลงไปวางเรียงบนแผงขายแล้วสายตาเขาก็มองสำรวจ วิถีชีวิตเรียบง่ายของคนแถวนี้ ชีวิตแบบที่ไม่เหมือนของเขาเลยสักนิด แม่ค้าพ่อขายทั้งหลายต่างทำงานกันขะมักเขม้น ลูกค้าประจำมาซื้อก็มีแถมให้ไม่หวงของ ดูทุกคนที่นี่รู้จักกันดี เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ต่างได้ยินเสียงพูดคุยทักทายกัน ทุกคนตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาขายของแต่สีหน้ากลับสดชื่นแจ่มใสมีรอยยิ้มให้กันตลอด ไม่ได้เป็นการปั้นหน้าเข้าหากันเหมือนสังคมที่เขาอยู่ เพราะเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะที่ดังคับตลาดมันพอบอกกับเขาได้ว่าทุกคนที่นี่มีความสุขกันอย่างแท้จริง

ห่อข้าวเหนียวกับหมูปิ้งร้อน ๆ ยื่นมาตรงหน้า กลิ่นหอมฉุยเตะจมูกจนทำให้กระเพาะของเขาประท้วงทันที น้องหัวเราะร่วน เมื่อเขารับห่อข้าวมา ตัวผอม ๆ นั่นก็นั่งลงข้างกาย

“ร้านนี้อร่อยสุด ถ้าพี่ชอบ ผ่านมาแถวนี้อีกทีก็แวะได้นะ”

นิ้วเรียวชี้ไปที่ร้านขายข้าวเหนียวหมูปิ้งที่มีคนรอคิวกันเต็มตั้งแต่เช้าขนาดนี้ ท่าจะอร่อยอย่างคำโฆษณา เด็กชายตัวผอมมองพี่ชายตัวโตนั่งกินข้าวที่ตนเองเอามาให้ด้วยความเอร็ดอร่อยแล้วก็ยิ้ม เลี้ยงง่ายดีจัง

เมื่อกลับบ้านหลังตลาดเช้าวายแล้ว ชายหนุ่มก็ได้เข้าไปช่วยน้องตัดใบตอง ทั้งยังช่วยตัดเครือกล้วยที่มันแก่พอที่จะทำขนมได้แล้วออกมาเพื่อบ่มเอาไว้ให้งอมดี เสียงเจื้อยแจ้วเจรจาของน้องดังมาไม่หยุด ไม่เหนื่อยบ้างหรืออย่างไรไม่รู้ถึงพูดได้ทั้งวัน

ในสวนหลังบ้านมีทั้งกล้วยน้ำว้า ทั้งกล้วยตานี ถัดไปอีกหน่อยเป็นกล้วยหอมกับเล็บมือนาง น้องบอกอยากปลูกให้ครบทุกสายพันธุ์แต่พื้นที่มันไม่พอให้ทำเช่นนั้นได้ และที่ต้องปลูกทั้งน้ำว้าทั้งตานีเพราะใช้ประโยชน์ต่างกัน ใบตองของกล้วยตานีเหนียวกว่าน้ำว้า ขณะที่กล้วยน้ำว้ากินสุกได้อร่อยกว่าตานีที่เม็ดเยอะไม่นิยมกินตอนสุก ดังนั้น เมื่อมันมีดีคนละอย่างจึงต้องปลูกไว้ใช้ประโยชน์ควบคู่กัน

เข้าไปทำได้ไม่นานเขาก็รู้สึกเหนื่อย ทั้งที่ตัวโตกว่าน้องมากแต่แรงกายกลับสู้ไม่ไหว กลัวจะถูกหัวเราะเอาจึงแสร้งทำเป็นไม่เหนื่อยและอยู่ช่วยจนกระทั่งเสร็จถึงได้ออกมาจากสวนกล้วยหลังบ้านนั้นได้

คุณยายเอาน้ำเย็นลอยดอกมะลิมาให้ดื่ม หอมเย็นชื่นใจพลอยทำให้ชายหนุ่มคลายอาการเหนื่อยลง น้องมีกล้วยน้ำว้าสุกมาให้ลองชิม บอกรสชาติดีมากไม่เหมือนใคร บอกสรรพคุณหลายอย่างจนเขาชักคล้อยตาม สมเป็นพ่อค้าตัวน้อย

รสชาติกล้วยน้ำว้าหวานหอมสมคำโฆษณา น้องยิ้มแป้นเมื่อเขาบอกว่าหวานอร่อย รสชาติมันไม่เหมือนที่ขายตามท้องตลาดที่ออกอมเปรี้ยว หรือบางทีก็หวานแหลมไปเลย เพราะอันนี้มันหวานละมุน มีกลิ่นหอมอวลในปาก อยากรู้จริงว่าปลูกอย่างไรกันนะถึงได้รสชาติแบบนี้ พอถาม น้องก็อมยิ้มแล้วบอก

“ปลูกด้วยมือ ดูแลด้วยหัวใจ” แหนะ มีการเล่นมุกอีก ชายหนุ่มยิ้มขำกับคำบอกเล่า

ยิ่งได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเท่าไร ชายหนุ่มก็ยิ่งซึมซับ อยากอยู่ที่นี่ต่อไปอีกนาน ๆ แต่คงไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ บางทีนั่งมองคนในบ้านนี้แล้วเขาก็แอบคิดไปไกล คุณยายท่านก็แก่ตัวมากแล้ว จะเดินจะเหินก็ไม่สะดวก บ้านก็เล็กแถมยังเก่าจนกลัวว่ามันจะพังลงมาหรือเปล่า มันคงสร้างมาหลายปีแล้วเพราะดูไม่มั่นคงเอาเสียเลย เห็นแบบนั้นแล้วเขาก็อยากพาคนบ้านนี้ไปอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยก็ในฐานะที่ช่วยชีวิตเขาไว้ แต่หากพูดออกไป ทั้งสองคนจะหาว่าเขาดูถูกหรือเปล่านั่นคือปัญหา

ความคิด มันก็คือความคิด เพราะยังไม่ทันที่เขาจะได้ลงมือทำ ลูกน้องของเขาก็มาเชิญกลับ ชายหนุ่มมองหน้าลูกน้องของตนเองนิ่งก่อนจะผละมาคุยกันนอกบ้าน ในตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอกลับเข้าบ้านมา เด็กพูดเก่งก็ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วให้ได้ยินแม้แต่น้อย ตอนเขาจะกลับก็ไม่หันมามองหน้ากันเลย เขาได้แต่บอกลาคุณยายเพราะเจ้าตัวเล็กเดินหนีไปไม่ยอมคุยด้วย ชายหนุ่มได้แต่ชะเง้อมองตามแล้วบอกกับตนเองว่าจะกลับมารับไปอยู่ด้วยกันในวันหนึ่ง โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้พบเจอ


---------------


ไปแล้ว ทิ้งเขาไปอีกแล้ว เขาอยากจะเอาโซ่เส้นเขื่องมาล่ามเอาไว้เสียจริง แต่น้องไม่ใช่นักโทษที่เขาจะล่ามโซ่ตรวนไว้ได้ ชายหนุ่มยืนมองบ้านหลังน้อยที่เขาเพิ่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว รออยู่นานจนครึ่งค่อนวันก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าของบ้านจะกลับมา ทั้งที่เขาคิดว่าจะไม่ต้องจากกันไปแล้วแท้ ๆ

กายสูงใหญ่ลุกจากหน้าบ้านเตรียมจะกลับ เจอเพื่อนบ้านแถวนั้นเดินผ่านมาเขาจึงตัดสินใจเข้าไปถาม สิ่งที่ได้รู้ทำให้เขาตกใจไม่น้อยเลย

คนขับรถพาเขามาถึงโรงพยาบาลในเวลาไม่นาน เขาตรงไปยังห้องผู้ป่วยรวม สายตากวาดมองเพื่อหาว่าน้องอยู่ที่ไหน แต่คนเยอะเหลือเกิน ดูแออัดจนไม่อยากจะก้าวเข้าไป

“อ๊ะ! ขอโทษครับ...”

“........” ชายหนุ่มหันมามองคนซุ่มซ่ามที่เดินมาชนตนเองเข้า ตากลม ๆ ที่เบิกกว้างเมื่อเห็นเขาทำให้เขายิ้มออก เจอตัวแล้ว

เด็กชายในชุดนักเรียนกับเป้สะพายหลังดูน่ารักไม่หยอก เขาเพิ่งเคยเห็นน้องในรูปแบบนี้ ตัวผอมเดินงุด ๆ ผ่านเขาไปหาคุณยายที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยพร้อมถุงอาหารในมือ ร่างสูงใหญ่จึงเดินตามไปช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า

ชายหนุ่มไหว้คุณยายเมื่อไปถึงเตียง ท่านไม่สบายน้องเลยมาเฝ้าที่โรงพยาบาลไม่ได้กลับบ้าน เขาน่าจะรู้ให้เร็วกว่านี้จะได้ทำเรื่องให้ท่านพักห้องพิเศษ แต่เด็กดื้อสิที่ไม่ยอมโทรบอกเขา ทั้งที่ให้เบอร์โทรเอาไว้แล้วเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน ที่อยู่เขาน้องก็รู้แต่ไม่ยอมปริปากบอกสักคำ ให้เขาคิดไปเองว่าถูกน้องทิ้งอีกแล้ว

“ก็ไม่อยากให้ใครมาว่าเอาได้นี่”

นั่นคือคำแก้ตัวของเด็กหัวดื้อเมื่อเขาเค้นถาม มันออกจะฟังดูทะแม่ง ๆ เหมือนจะประชดประชันเขาอยู่ในที

“ใครว่าอะไรให้?”

ใบหน้าเรียวงอง้ำไม่ยอมบอก ชายหนุ่มถอนใจเบา วันนั้นที่ไม่ยอมพูดด้วยตอนเขาจะกลับแถมยังเดินหนีไปอีก เพราะมีคนว่าเอาหรือ?

“ถึงจะจนก็ไม่ได้ไปจนบนหัวเขาสักหน่อย ไปขอข้าวบ้านเขากินหรือก็เปล่า บ้าชะมัด” น้องฮึดฮัด เขาแอบเห็นว่าน้ำตาคลอด้วย ถูกว่ามาจริง ๆ สินะ

“เพราะมีคนว่า พอยายป่วยเลยไม่ยอมบอกพี่ใช่ไหม?”

เขาคาดเดา น้องกลับเงียบไม่ยอมพูดตอบ พอถูกจี้จุดมากเข้าก็เล่นเงียบไม่ยอมพูดกับเขาสักคำ เขาคงต้องกลับไปเค้นถามคนของเขาเองเสียแล้วกระมัง


----------------


หลังคุณยายหายป่วย เขาขออนุญาตพาท่านกับหลานชายไปพักด้วยกันที่ห้องพักในตึกหรู ตอนน้องไม่อยู่เขาได้คุยกับท่านบ้างแล้ว ร่างกายท่านไม่แข็งแรง แก่ตัวมามันก็อ่อนแรงลงทุกวัน เป็นห่วงก็แต่หลานชายตัวคนเดียว หากหมดท่านที่เป็นหลักยึดไปไม่รู้จะเป็นอยู่อย่างไร ในวันนั้นเขาทำใจกล้าขอกับท่าน ขอเป็นคนดูแลน้องต่อจากนี้ไป คนที่เพิ่งพบกันได้ไม่นานมาพูดเช่นนี้มันแปลก เขารู้ดี แต่เพื่อแสดงความจริงใจ เขาก็อยากจะทำมัน

เรื่องที่มีคนมาพูดดูถูกน้อง เขาได้เค้นถามกับคนของเขาแล้ว ทางนั้นก็แค่เป็นห่วงกลัวเขาโดนหลอกเอาถึงได้พูดทำนองนั้นออกไป อยากจะโกรธอยู่หรอก แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายหวังดี เขาจึงเพียงตักเตือนและห้ามไม่ให้มายุ่งกับน้องและคุณยายอีก

พอมาอยู่ที่ห้องพักกับเขาแล้วเด็กดื้อก็บ่นว่าอยากกลับบ้าน ยังดีที่คุณยายช่วยพูดให้ถึงได้ยอมอยู่ต่อ ถ้าขืนให้กลับไปตอนนี้ แผนทำให้ประหลาดใจก็แตกกันพอดี

ตอนเช้าน้องไม่ต้องตื่นมาทำขนมขายแล้ว แต่ก็ยังขยันทำอาหารเช้าไว้ให้เขาทุกวัน พอบอกว่าดีใจที่ทำให้กิน น้องก็ตอกกลับว่าทำให้ยายต่างหาก เขาคงจะเชื่อหากยายของน้องจะกินเยอะขนาดนี้ล่ะก็นะ

“ยังโกรธอยู่อีกหรือ หืม?”

ชายหนุ่มนั่งจ้องตาเด็กดื้อที่กำลังทำการบ้าน ตากลมเหลือบขึ้นมามองเขาก่อนก้มหน้าก้มตาทำการบ้านต่อ จะไม่ยอมพูดกับเขาเลยหรือไง เจ้าตัวเล็ก

“พี่สงสัยมานานแล้ว... กลิ่นหอม ๆ นี่มันคือกลิ่นอะไร?”

เขาทำจมูกฟุดฟิด ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อสูดดมกลิ่นหอมจากกายน้อง น้องเอนตัวออกห่าง ถ้าเขาตาไม่เฝื่อนไป รู้สึกว่าหน้าน้องแดงด้วยสิ

“เป็นความลับที่บอกไม่ได้หรือ?”

“........” ตากลมจ้องเป๋ง หนังสือถูกปิดก่อนวางซ้อนกันเพื่อหอบหนีเขา ร่างสูงใหญ่รีบลุกตาม รั้งตัวผอมบางเข้ามาในอ้อมแขน

“หอม” แก้มใสถูกเขาหอมไปฟอดใหญ่ สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วรู้สึกชื่นใจที่สุด

“เดี๋ยวยายเห็น”

คำห้ามปรามของน้องทำให้เขาหัวเราะ ตัวผอมบางถูกเขายกลอยวืด แขนเล็กกอดหนังสือแนบอก ตากลมมองเขาอย่างต่อว่าที่ทำให้ตกใจ ชายหนุ่มยกยิ้ม ขายาวก้าวพาเด็กหัวดื้อเข้าห้อง การง้อเด็กในห้องนอนก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผลชะงัดนักแล


----------------
ต่อด้านล่างค่ะ  :mew3:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
บ้านหลังน้อยของสองยายหลานถูกรื้อถอนเพื่อทำการสร้างใหม่ ชายหนุ่มมาคุมด้วยตนเองหลังเสร็จภารกิจจากที่ทำงาน น้องบ่นทุกวันว่าอยากกลับมาอยู่ที่บ้านนี้ ถ้าจะกลับมาอยู่จริง ๆ เขาก็อยากให้อยู่ที่ดี ๆ ไม่ใช่อยู่ในบ้านที่ดูท่าว่าจะพังอยู่ไม่กี่วันนี้แล้ว เขาให้ช่างคงรูปแบบเดิมไว้ แต่ใช้เสาปูนเป็นโครงสร้าง ผนังก็ฉาบปูนดูดซับความร้อน ฝ้าเพดานกับหลังคาใช้วัสดุชั้นดีทนแดดทนฝนกันความร้อนได้ดีเช่นเดียวกับผนัง อยากให้มันมั่นคงมากกว่าเดิม ส่วนที่เขาเน้นมากสุดก็คงเป็นห้องครัว เพราะน้องกับคุณยายน่าจะใช้ประโยชน์ส่วนนี้มากกว่าที่อื่น

การดำเนินงานกินเวลาไม่นานนัก จะว่าช่างมีประสิทธิภาพก็ไม่ผิด หรือจะเพราะเงินของเขาก็ไม่เชิง เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นสมใจ ชายหนุ่มก็พาเด็กดื้อกับคุณยายมาดูบ้าน พอเห็นสภาพบ้านเปลี่ยนไป น้องก็ร้องไห้จนเขาตกใจ

“ขอบคุณนะครับ ทำเพื่อผมกับยายขนาดนี้เลย”

เสียงเครือเอ่ยบอกทำเอาใจที่หายวูบเมื่อครู่กับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ชายหนุ่มกอดปลอบ ก่อนจะหันมาถามคุณยายบ้างว่าชอบบ้านหลังใหม่หลังนี้ไหม ขณะที่เด็กดื้อของเขาเช็ดน้ำตาป้อย ๆ

คุณยายยิ้ม แววตาท่านดูมีความสุข เห็นเช่นนั้นแล้วชายหนุ่มเองก็สุขใจไม่แพ้กัน เขาพาทั้งสองคนเข้าไปดูข้างในตัวบ้าน น้องร้องว้าวตลอดเวลาจนเขาขำ ท่าทางจะตื่นเต้นน่าดูกับความแปลกใหม่

ชายหนุ่มให้คนช่วยขนของจากห้องพักมาที่บ้าน ก่อนจะช่วยกันกับน้องเอาเข้ามาจัด ข้าวของไม่เยอะ มีแต่คนที่เยอะ เพราะน้องจัดไปจัดมาก็เริ่มรื้อแล้วทำใหม่ กินเวลานานกว่าจะเสร็จ คุณยายจึงลุกไปทำข้าวกลางวันให้กิน เป็นการประเดิมใช้ครัวใหม่ ชายหนุ่มบอกท่านถึงฤกษ์ทำบุญขึ้นบ้านใหม่อย่างเป็นทางการ หลังจากจัดแจงทำไปแล้วก่อนพาคุณยายและหลานน้อยมาที่นี่ แต่งวดนี้อยากให้ทั้งสองคนได้ทำบุญด้วยเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งคุณยายท่านก็เห็นดีด้วย ทั้งยังขอบคุณเขาที่เป็นธุระจัดการหลายอย่าง

“ท่าทางผมต้องหาเงินทั้งชีวิตถึงจะใช้หนี้พี่หมด” น้องพึมพำขณะที่กำลังเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้โดยมีเขาคอยช่วยส่งให้

“ที่บ่นนี่เพราะไม่อยากอยู่กับพี่ตลอดชีวิตอย่างนั้นสิ?”

ตากลมตวัดมอง ไม่พอใจกับคำพูดของเขา ชายหนุ่มกุมมือเรียวที่เอื้อมมารับเสื้อผ้าจากเขาเอาไว้ มองตาน้องแล้วบอกน้ำเสียงจริงจัง

“ที่ทำทั้งหมดเพราะอยากให้ด้วยใจ อย่าเอาคำว่าบุญคุณหรืออะไรมาทำให้จุดประสงค์ของพี่มันแปรเปลี่ยนไป”

“แต่มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย ถึงในสายตาพี่ บ้านหลังนี้มันจะทั้งเล็กทั้งแคบ แต่การสร้างบ้านสักหลังหนึ่งมันใช้เงินไม่ใช่น้อย ๆ ข้อนั้นผมพอรู้นะ”

ใบหน้าเรียวเริ่มงอ ชายหนุ่มอมยิ้ม หยิกแก้มเด็กดื้อของเขาเบา ๆ ก่อนว่า “ก็ไม่ได้บอกว่าใช้เงินน้อยสักหน่อย ทั้งค่าวัสดุเอย ค่าช่างเอย ไหนจะค่าเหนื่อยของพี่อีก”

เด็กหน้ามุ่ยไปแล้วที่เขาล้อ เสียงคุณยายเรียกให้เข้าไปตักข้าวมากินกันดังมาจากในครัว ชายหนุ่มจึงลุกไปหาท่าน พาท่านมานั่งที่เก้าอี้แล้วจึงเข้าไปเตรียมสำรับกับข้าว นำมันมาวางที่โต๊ะไม้สำหรับกินข้าวกันสามคนแล้วเรียกน้องมา

หลังกินข้าวเสร็จก็ดูเหมือนอารมณ์เด็กน้อยจะดีขึ้น เข้าสวนหลังบ้านไปไปตัดกล้วยมาไว้ทำขนม แอบบ่นงุ้งงิ้งมาตามทางเมื่อเห็นว่ากล้วยที่ปลูกไว้มันสุกคาต้นไปหลายเครือ เด็กใจดีบอกจะทำขนมกล้วยให้พี่กิน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ขัด น้องอารมณ์ดีขึ้นก็ดีแล้ว โกรธง่ายแต่หายเร็วแบบนี้เขาชอบ

ชายหนุ่มเข้ามาในครัวเมื่อคุณยายขอไปเอนหลังในห้องนอนใหม่ น้องกำลังทำขนมอย่างตั้งใจ ผ้ากันเปื้อนสีหวานเขาเป็นคนเลือกมันเอง พอน้องใส่ก็ช่างเข้ากันอย่างเหมาะเจาะ ชายหนุ่มเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง หอมแก้มเด็กดื้อไปฟอดหนึ่ง

“มือเลอะ” เสียงน้องว่าเป็นเชิงเตือนเมื่อชายหนุ่มเริ่มคลอเคลีย

“รู้แล้ว” เขาว่า ยังไม่ยอมหยุดซุกไซ้ดอมดม

“เดี๋ยวเสื้อพี่เปื้อน”

“ไม่เป็นไร”

ผู้ใหญ่ยังดื้อแม้เด็กจะบอกว่ามันจะเปรอะเปื้อนเอาได้ จมูกโด่งสูดดมซอกคอหอมกลิ่นแป้งเด็ก มีกลิ่นกล้วยที่น้องใช้ทำขนมติดมาด้วย หวานน่ากินทีเดียว

“โอ๊ะ พี่อย่ากัด”

เขาชอบทำอะไรน้องแบบไม่ค่อยยั้งคิดให้ดีตลอด พออยากกินก็งับหลังคอน้องไปแล้วจนน้องประท้วงเสียงสั่น ลิ้นลื่นปาดเลียรอยกัดของตนเอง ผิวน้องบางจนเห็นรอยชัดเจน ท่าจะแย่

“พี่ออกไปรอข้างนอก ผมจะรีบทำ” เด็กดื้อรีบบอกก่อนจะเลยเถิด

“หิว”

“กับข้าวอยู่ในตู้ไงครับ เอาออกมาทานสิ” เพิ่งกินข้าวมาเมื่อตะกี้แต่พี่บ่นหิวเสียแล้ว เด็กน้อยไม่ทันเล่ห์เลยพาซื่อบอกให้พี่หาอะไรกินเอง ขณะที่ตนก็ทำขนมต่อ

“ไม่อยากกินข้าว อยากกิน... คนนี้”

ใบหน้าเรียวเหลียวกลับมาหาเมื่อเขากระซิบบอก ชายหนุ่มจูบน้องแบบไม่ยอมให้เสียเวลาสักวินาที มือเรียวเลอะคราบขนมเกาะโต๊ะแน่น เกร็งมือแล้วค่อย ๆ กำเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ...
.
.
.
.
“อา... พี่ พี่... ร้อนไปหมดแล้ว... อึ่ก...”

“อีกนิดคนดี ขออีก... นิดเดียว...”

ลานปูนที่เคยอาบน้ำด้วยกันเมื่อปีที่ผ่านมา ตอนนี้แปรสภาพเป็นห้องน้ำแสนมิดชิด แต่มันก็ยังทำหน้าที่เกินความเป็นห้องน้ำเมื่อเจ้าของใช้มันกระทำการบางสิ่ง เสียงครางเครือในลำคอกับถ้อยคำกระซิบพร่าสั่นกระตุ้นอารมณ์ ขณะที่ร่างขาวโพลนถูกยกลอยแนบผนัง หน้าขาแกร่งกระทบสะโพกแน่นตึงจนมันสั่นไหวทุกห้วงจังหวะ ส่งตัวตนเข้าไปลึกล้ำจนแทบขาดใจเพราะสำลักความสุขสม ร่างผอมบางเกร็งยะเยือกไหว กอดคอหนาแน่นเมื่ออีกคนกระทุ้งกายหนัก ๆ ซ้ำ ๆ ทั้งที่เพิ่งถึงจุดหมาย ฟันคมจึงกัดบ่าแกร่งเพื่อกลั้นเสียง

“กลางวันแสก... แสก...”

น้องบ่นทั้งยังหอบหายใจเหนื่อย ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ กดจูบริมฝีปากอิ่มช่างเจรจาซ้ำอีกหน มองพื้นห้องน้ำที่เจิ่งนองแล้วพาลนึกถึงพื้นปูนเฉอะแฉะและหนาวเย็นในวันนั้น ถึงปูนจะหยาบ ถึงลมหนาวจะพัดโบกก็ไม่ได้ทำให้อุณหภูมิรักลดลงแม้แต่น้อย กลับกระตุ้นความรัญจวนมากขึ้นไปอีก

“คิดเรื่องลามกอยู่ใช่ไหม?” น้องว่าแล้วทุบบ่าพี่ที่ยังคงฝากฝังตัวตนไม่ยอมถอดถอน

“หึ ๆ เปล่าสักหน่อย พี่มันคนสุขภาพดี ครั้งเดียวไม่เคยพอ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์

“หื่นกามล่ะไม่ว่า... อ๊ะ!”

แขนเล็กผวากอดพี่แน่น ช่องทางรักแสนอ่อนไหวรัดรั้งเนื้อกายของพี่ที่มันพองคับแน่นยิ่งกว่าเดิมจนต้องสูดปากเมื่อถูกเติมเต็มอีกครั้ง

“วันนี้ขออีกครั้งเดียว พรุ่งนี้ค่อยทริปเปิ้ล” เสียงทุ้มพร่าพูดเรื่องทะลึ่งตึงตัง กำปั้นเล็กเลยทุบเข้าให้

“บ้า...”

ชายหนุ่มขยับถอดถอน ผลักดันตนเองเชื่องช้า ก่อนจะค่อย ๆ ทวีความรุนแรงเร่งเร้าตามอารมณ์ปรารถนา พาน้องถึงฝั่งฝันไปด้วยกันอีกครั้ง...



เด็กชายในชุดใหม่หลังจากที่ต้องอาบน้ำแบบไม่เต็มใจเข้าครัวทำขนมที่ทำค้างไว้ต่อ แอบบ่นคนขี้โกงที่พอสบายตัวแล้วก็ไปนอนดูโทรทัศน์ฮัมเพลงอารมณ์ดี เขาเจ็บสะโพกจะแย่

หลังจากนั้นไม่นานนัก ชายหนุ่มก็ได้กินขนมฝีมือน้องที่เพิ่งเสร็จจากเตาพร้อมชมเปราะว่าอร่อย แต่น้องกลับใจร้ายให้กินแค่ชิ้นเดียว ก่อนยกจานขนมทั้งหมดไปหาคุณยายที่ตื่นมากินข้าวเย็นและดูข่าวค่ำ แถมซ้ำยังนั่งติดคุณยายไม่ยอมมาหาเขาเลย เด็กขี้งอน

ชายหนุ่มเอนกายพิงพนักเก้าอี้ตัวยาว ถอนใจเบาด้วยความสุขใจ จากจุดเริ่มต้นที่เกือบจะเป็นจุดจบในชีวิตของเขา เขาได้พบกับคนคนนี้ เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป ดวงตาคมมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีแสงจันทร์นวลตา วันนี้ไม่ใช่วันเพ็ญ แต่แสงจันทร์ก็ทำให้เขานึกถึงวันที่เขาอธิษฐานขอพรไป เขากำหนดไม่ได้ว่าจะอยู่ด้วยกันเช่นนี้อีกกี่ปี แต่ที่เขามั่นใจคือจนกว่าจะไม่มีแรงลุกขึ้นมาอยู่เคียงข้างน้องแล้วเท่านั้น

“ลอยกระทงปีนี้ เราไปด้วยกันอีกนะ” อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยชวนขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย

คิ้วน้องขมวดก่อนคลายออกแล้วว่า “แค่ปีนี้หรือครับ?”

“หึ ทุกปีเลย จนกว่าเราจะเบื่อ”

เขาหัวเราะในลำคอก่อนตอบกลับไป ดูเหมือนจะถูกใจน้องไม่น้อยเมื่อรอยยิ้มสดใสที่เขาชอบมันที่สุดผุดขึ้นมาบนใบหน้า เขาเชื่อเหลือเกินว่าวันเพ็ญปีแรกที่ได้พบกันมันคือคืนวันที่แสนพิเศษ เป็นวันที่แสงจันทร์อาจทำให้คุณได้เริ่มต้นกับใครสักคนและอยู่กับเขาไปจนวันสุดท้ายของชีวิต


...ลอยกระทงปีนี้ คุณได้พบกับคนที่ใช่แล้วหรือยัง...?




~สวัสดี~


บวกขอบคุณทั้งสองท่านค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เรื่องนี้น่ารัก..จบแบบแฮปปี้ เอนดิ้งด้วย  :pig4:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
สารภาพเลย ว่าอ่านไปลุ้นไปว่าไรท์จะทำอะไรกับจิตใจอิชุ้น แต่แฮปปี้อะะะะ โอ้ยดีใจจจจจจจจ พี่! ป๋ามาก สายเปย์ ความแด้ดดี้~~  :hao7: แต่ๆๆๆๆ!  คุณคะน้องยังเป็นเด็กชายอยู่ใช่ไหมมม คุกๆๆๆๆนะคะะะ 555555555555555555 ขอบคุณสำรับเรื่องสั้นดีๆ ที่จบดีๆ  :laugh:
รอเทศกาลต่อไปนะคะ ปล.ไม่มีคนไปลอยค่ะ จะปีไหนๆ ก็ตาม  :เฮ้อ: 55555555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
-5-

LOVEY DOVEY



LOVEY DOVEY.


ร้านดอกไม้ที่ตอบทุกความรู้สึกดี ๆ เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์สีสันสวยงามที่ถูกจัดวางเรียงไล่ระดับสีทั้งหน้าร้านและด้านใน ด้วยบริการจากใจหนุ่มเจ้าของร้านผู้มีรอยยิ้มสดใสดั่งดวงตะวัน ลูกค้ามากหน้าหลายตาแวะเวียนมาเพื่อรับความสุขจากร้านแห่งนี้ บางคนอาจจะแค่เพียงมองแล้วเดินผ่านไป แต่ความงดงามของดอกไม้ทุกดอกซึ่งมีความหมายของตัวมันเอง ก็สร้างความสุขให้เกิดขึ้นภายในจิตใจของคนมองได้เป็นอย่างดี

ละอองน้ำฉีดพรมเบา ๆ ให้ความชุ่มชื้นกับดอกไม้สีสวย หนุ่มเจ้าของร้านอมยิ้มน้อย ๆ ขณะจัดแจงพวกมันอย่างเบามือ เขาชอบความสวย ชอบที่จะดูแลพวกมัน และชอบรอยยิ้มของผู้รับเมื่อได้ดอกไม้สักดอกหรือมากกว่านั้นไปครอบครอง

รอยยิ้มของความสุข เขาชอบที่จะได้เห็นจึงได้ทำงานนี้เรื่อยมา ยิ่งช่วงเทศกาลแห่งความรัก บรรดาดอกไม้สวย ๆ แทนใจก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่คู่รักขาดไม่ได้ แน่นอนว่า LOVEY DOVEY ก็เป็นอีกทางเลือกที่เหล่าผู้บริโภคไม่เคยลืม

เขาชอบเห็นคนมีความสุข เขาคิดเช่นนั้น เมื่อได้เห็นว่าชายหนุ่มที่ดูท่าแล้วคงจะเป็นพนักงานบริษัทที่ไหนสักแห่งใกล้ ๆ นี้ ยืนมองดอกไม้ที่หน้าร้านของเขาด้วยท่าทางหมองเศร้าและแสนซึมกะทือ หนุ่มเจ้าของร้านจึงได้เข้าไปทายทัก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาลดระดับความสดใสลงเมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นเนื้อตัวเปียกปอน ดวงตาคมเงยมองท้องฟ้า วันนี้ท้องฟ้าแสนสดใสไม่มีแม้แต่เมฆมาบดบัง ท่าทางคนคนนี้จะเจอกับปัญหามากระมัง

เขาตัดสินใจเชิญชายคนนั้นเข้ามานั่งในร้านแล้วหาผ้ามาให้เช็ดหน้าเช็ดตา ดูท่าทีนั่งซึมเหมือนหมดอาลัยในชีวิตแล้วเขาก็นิ่งคิดนิดหน่อย ก่อนเข้าไปชงเครื่องดื่มอุ่น ๆ มาวางให้แล้วออกไปจัดการที่หน้าร้านต่อ เขานำดอกไม้มาเข้าช่อตามที่ลูกค้าสั่งเอาไว้ ทำไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งร้อน เพราะความรีบเร่งในขั้นตอนการจัดช่อจะทำให้งานออกมาแบบสุกเอาเผากิน

เขาให้อีกคนนั่งอยู่ในร้านนานเท่าที่ต้องการ หลังจากจัดการงานทุกอย่างผ่านพ้นก็เกือบลืมไปแล้วว่ามีใครอีกคนอยู่ในร้านด้วย จนกระทั่งคนคนนั้นออกมายืนมองดอกไม้ที่ชูช่ออยู่ในถังบนชั้นวางหน้าร้านอีกครั้ง

“รับสักช่อไหมครับ?”

เขาเอ่ยถาม ซึ่งชายคนนั้นก็ค่อยหันมามองก่อนพยักหน้ารับ เขายิ้ม ก่อนจะถามไปว่าอยากได้ดอกอะไรและจัดช่อประมาณไหน อีกฝ่ายก็ชี้ที่ดอกกุหลาบสีขาวดอกโตเพียงดอกเดียว

นั่นทำให้เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนยิ้มแล้วหยิบมันขึ้นมาจัดการตัดแต่งแล้วใช้พลาสติกลายลูกไม้สีขาวจับจีบห่อใต้ฐานดอกเพื่อเข้าช่อ พร้อมผูกริบบิ้นสีชมพูอ่อนหวานก็เป็นอันเสร็จ ดอกเดียวก็สวยได้ เขาถือมันไปส่งให้ชายคนนั้นผู้ซึ่งกลายมาเป็นลูกค้าของทางร้านเสียแล้วในเวลานี้ ก่อนจะรับค่าดอกไม้มา

“ขอให้เป็นวันที่ดีสำหรับคุณ”

ลูกค้าหนุ่มนิ่งมอง อีกคนก็ยิ้มพลางทอนเงินมาให้ ลูกค้าหนุ่มพร้อมดอกกุหลาบสีขาวเข้าช่อค่อยเดินออกจากร้านไปช้า ๆ สายตาคมมองตามแล้วก็ยิ้มอ่อน หวังว่าดอกกุหลาบสีขาวสะอาดดอกนั้นจะช่วยทำให้หัวใจคุณแข็งแรงขึ้น

โครม!!

เสียงดังโครมครามมาจากด้านหลังร้านทำให้เขาถอนใจ ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ขณะเดินเข้าไปด้านใน มองสภาพของเจ้าตัวเล็กที่ล้มจับกบอยู่บนพื้น ถังน้ำกลิ้งโคโล่ น้ำนองเจิ่งไปหมด กายสูงนั่งยองลงตรงหน้า มือเอื้อมไปบีบจมูกด้วยความมันเขี้ยว

“เด็กซุ่มซ่าม”

เสียงทุ้มเอ่ยเย้า อีกคนทำปากยื่น ขยับยุกยิกลุกนั่งแหมะบนพื้นเปียก ก้มมองเนื้อตัวเปียกปอนของตนเองแล้วทำหน้าเบ้ เห็นอย่างนั้นแล้วหนุ่มเจ้าของร้านก็หัวเราะในลำคอ ยีหัวฟู ๆ ของเด็กตรงหน้าให้ฟูยิ่งกว่าเดิม

“เช็ดพื้นแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จงานแล้วจะพาไปเที่ยว... อุ๊บ!”

พูดยังไม่ทันจบคำดีก็ถูกโผเข้ามากอด เขาระบายลมหายใจ ไม่ได้โกรธหรือรำคาญ เพราะเขามีวันที่ดี ดังนั้นถึงได้อยากให้คนอื่นได้รับวันที่ดีและสุดแสนพิเศษ

“ป๊ะป๋า” เด็กในอ้อมแขนเอ่ยเรียก

“ครับผม”

“Happy Valentine’s Day.”

“Happy Valentine’s Day, my son.”



 :c3:


กุหลาบขาวดอกโตเข้าช่อสวยถูกถือกลับมาที่ห้องของชายหนุ่ม เขาวางมันไว้บนโต๊ะก่อนเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สภาพของเขาคงดูไม่ได้ขนาดหนัก เจ้าของร้านดอกไม้ถึงได้ให้เขาเข้าไปนั่งพักในร้าน หลังจากอาบน้ำจนรู้สึกดีขึ้น เขาก็ออกมาข้างนอก

เพียงก้าวขาออกจากห้องน้ำมาก็รู้สึกถึงอุณหภูมิห้องที่เย็นลง เงยมองเครื่องปรับอากาศก็เห็นว่ามันทำงานอยู่ มิน่าเล่าตอนอยู่ในห้องน้ำถึงรู้สึกว่ามันเย็นกว่าปรกติ เขามองหาคนจุ้นจ้านที่เข้ามาในห้องของเขาโดยพลการแต่กลับไม่เห็นใคร ดอกไม้ที่เขาวางไว้บนโต๊ะก็หายไปด้วย สีหน้าของชายหนุ่มดูไม่สบอารมณ์นัก ร่างสูงใหญ่ก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดมาสวมกันอุจาดตา

เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นทำให้เขายืดตัวขึ้นมอง เด็กหนุ่มที่ถือแจกันทรงสูงใส่กุหลาบสีขาวที่เขาได้มาจากร้านดอกไม้เข้ามาในห้องนั่นคือน้องชายต่างสายเลือด ตัวจุ้นจ้านอันดับหนึ่งที่เขาเกลียดหนักหนา ไม่ได้ขอให้ช่วย แต่ก็เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขาทุกที

“ดอกไม้สวยจัง พี่เข้าใจเลือกเนอะ”

เจ้าเด็กนั่นยังคงชื่นชมสมฤดีกับดอกกุหลาบในแจกันที่ถือมา ไม่สนใจว่าเขาจะกำลังย่างสามขุมเข้าไปหาพร้อมกระชากตัวที่ออกจะบางกว่าเขาอยู่มากเข้ามาในอ้อมแขน แทนที่เด็กหนุ่มจะตกใจแล้วผลักเขาออก กลับคล้องแขนรอบลำคอเขาโดยอัตโนมัติเสียอีก

“อยากร้องไห้ไหม?”

คำถามกวนใจนั่นทำให้เขาคำรามในลำคอ แต่กระบอกตากลับร้อนผ่าว เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่พ่ายแพ้ทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้จอมจุ้นจ้าน

“ใครไม่รักพี่ก็ช่าง แต่ผมรักพี่ที่สุด อยากให้รู้ไว้”

แขนที่เล็กกว่า ตัวที่บางเสียยิ่งกว่าเด็กผู้หญิง แต่อ้อมกอดจากคนที่เขาบอกว่าเกลียดหนักหนากลับอุ่นเสียยิ่งกว่าคนที่เขาบอกว่ารักจนหมดใจ เขาถูกทอดทิ้งด้วยน้ำคำแสนเย็นชา ในวันนี้ที่ใครต่อใครต่างมีความสุขกับคู่รักของตน เขากลับเป็นคนหนึ่งที่หมองเศร้า

สายตาที่พร่าพรายมองดอกกุหลาบสีขาวในแจกัน นั่นไม่ได้เหมาะกับเขาสักนิด ตอนที่เขาเลือกไม่ใช่เพราะความชอบของตัวเอง แต่เพราะภาพของเด็กที่กอดเขาเอาไว้ตอนนี้มันผุดขึ้นมา ดอกกุหลาบขาว ความรักที่บริสุทธิ์และไม่เคยวาดหวังสิ่งตอบแทน

...บางครั้งความรักก็อยู่ใกล้เพียงเท่านี้เอง...


---------------


LOVEY DOVEY.

เป็นร้านดอกไม้ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดี ๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปีก็ยังคงให้ความสุขกับทุกคนไม่เปลี่ยน จากชายหนุ่มเจ้าของร้านที่เห็นกันจนชินตา พอตกบ่ายกลับเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่หน้าใสกิ๊ก ทำสีผมเสียแสบตาจนดูไม่น่าจะเข้ากับร้านดอกไม้ได้เลย แต่เพราะความรักที่มีให้ดอกไม้ทุกดอกทำให้เด็กหนุ่มคนดังกล่าวได้รับการว่าจ้างให้ทำงานในร้านมาได้สักระยะแล้ว สาวน้อยสาวใหญ่แวะเวียนมาไม่ได้ขาด ลูกชายวัยใสของเจ้าของร้านยังคงเป็นที่เอ็นดู และตอนนี้ก็เพิ่มพนักงานใหม่เข้าไปด้วยอีกหนึ่งคน

“อย่าหว่านเสน่ห์ให้มันมากนัก นี่ร้านดอกไม้ไม่ใช่ผับบาร์ที่นายชอบไป”

รอยยิ้มที่มักจะมีให้ลูกค้าที่น่ารักอยู่เสมอกลับไม่เคยมีให้พนักงานหัวสีส้ม ๆ แต่ดูอีกทีก็เหมือนจะเป็นสีทอง มันดูขัดหูขัดตาเขานัก อยากจะกล้อนผมมันออกทั้งหัวจริง ๆ เชียว ถ้าไม่ติดว่าลูกชายของเขาติดเจ้านี่แจคงไล่ออกไปนานแล้ว เจ้าเด็กปีนเกลียวคนนี้

“คุณหึงล่ะสิ?”

“เหอะ” เขาทำเสียงขึ้นจมูกกับคำถามเข้าข้างตัวเองของมัน ก่อนจะเอนหลบเมื่ออีกฝ่ายโน้มตัวข้ามโต๊ะมาหา แต่ก็ไม่ทัน

จุ๊บ!

“เลิฟ!!”

“ครับผม รู้แล้วว่าคุณรักผม ไม่ต้องบอกทุกวันก็ได้” ไอ้เด็กหน้าเป็นล้อเลียนเขา

“เจ้าเลิฟ เดี๋ยวเถอะนะ” เขาได้แต่ฮึดฮัดแต่ทำอะไรมันไม่ได้ มือกุมแก้มที่ถูกขโมยจูบไปเมื่อครู่ แก้มร้อนผะผ่าวไปหมด ไอ้เด็กเปรต!

“ฮ่า ๆ ๆ”

เสียงหัวเราะชวนให้หาของมาขว้างใส่ เขาทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะจัดดอกไม้เมื่อเด็กหนุ่มออกไปให้บริการที่หน้าร้าน สาวน้อยสาวใหญ่ติดใจกันทั้งนั้น มองแล้วเขาก็จิ๊ปาก น่าเจ็บใจนิดหน่อยแฮะ ดูทำเข้าสิ เจ้าเด็กนั่น ปากหวานหว่านเสน่ห์ใส่ลูกค้าอีกแล้ว

เขาส่ายหน้าก่อนละสายตาแล้วหันกลับมาเพื่อเริ่มงานของตนเอง ชะงักกับการ์ดที่ถูกสอดไว้ใต้ตะกร้าดอกไม้ เมื่อดึงออกมาก็เห็นมีดอกกุหลาบเสียบเอาไว้ตรงกลาง กุหลาบสีชมพูอมส้ม ความรักที่เฝ้ารอคอยการตอบรับ

เขาเปิดอ่านข้อความด้านในการ์ดใบเล็กนั่น ยิ้มมุมปากเมื่ออ่านมันจบ ถือดอกกุหลาบสีสวยไปใส่แจกันแล้ววางไว้บนชั้นติดกระจก เคาะกระจกเบา ๆ ให้เจ้าเด็กกวนประสาทหันมามอง ก่อนจะใช้นิ้วเขียนบางอย่างบนกระจกนั่น มันทำหน้างง เขาจึงโบกการ์ดในมือเบา ๆ ทำให้มันตาโตก่อนจะพุ่งเข้ามาในร้านแล้วกอดเขาเสียเต็มรัก

“ขอบคุณที่รักกันครับ”

“เจ้าบ้า”

เขาทุบมันเบา ๆ กับความเสี่ยว สายตาเหลือบมองดอกกุหลาบสีชมพูอมส้มในแจกันเล็กทรงสูง พร้อมการ์ดที่ถูกวางไว้ข้างกันและข้อความด้านใน


Happy Valentine’s Day.

คุณเจ้าของร้านครับ ถ้าคุณเห็นการ์ดนี่แล้วช่วยเดินมาที่กระจกหน้าร้านแล้วบอกความหมายของชื่อของผมที...


มัวแต่คิดเรื่องข้อความนั่นทำให้ริมฝีปากของเขาถูกครอบครองจากเด็กหนุ่มตรงหน้า เรียวแขนค่อยยกขึ้นคล้องคอเด็กหนุ่มด้วยคร้านจะทัดทาน ถูกดันตัวหลบมุมลับตาเมื่อด้านนอกยังคงมีลูกค้าทั้งชายหญิง

“รับรักผมแล้วใช่ไหม?”

เสียงที่กระซิบถามชิดเรียวปากทำให้เขาเสียอารมณ์ ตีแก้มคนถามจนคนถูกตีสูดปาก ก่อนจะทำฮึ่มฮั่มแล้วปล้ำจูบเอาอีกหน ไม่จำเป็นต้องถามในเรื่องที่รู้กันดี


Happy Valentine’s Day.




Happy End.




เรื่องสุดท้ายที่เขียนไว้แล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ

บวกค่าา
   :L1:


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ง่ะ ยังอยากอ่านต่อ อยู่เลยค่ะ  :z3:
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ยังดีที่สองเรื่องสุดท้ายมัน Happy

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
อิ่มอกอิ่มใจมาก​ ขอบคุณมากค่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด