ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นอะไรอีกแล้วล่ะ
ไอ้เหี้ย! [ ตัวต่อ ]
ละลายเจไดที่ขอตัวไปอาบน้ำกลับมาหาผมที่ห้องฝ่ายอีกครั้งด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่ดูจริงจังขึ้น คือมันเซ็ตผมอย่างดีครับ เหมือนว่าจะหวีเสยไปทางด้านหลังให้เห็นเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งก็ดู...หล่อแปลกตาไปอีกแบบน่ะนะ สวมเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าพับแขน ชายเสื้อปล่อยออกนอกกางเกงยีนส์สีอ่อน จบด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวเรียบๆ แต่พอเป็นมันแล้วไงรู้ไหม ก็คือว่าดูดีดูแพงตั้งแต่หัวจรดเท่าเลยไง หมั่นไส้!
ผมขอให้ไอ้ตี๋หนวดมันช่วยขับรถมาส่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอก่อนด้วยครับ (เสื้อยืดกับกางเกงวอร์มเปื่อยๆ ที่ใส่มาประชุมคงไม่เหมาะไปร้านเท่าไหร่) มันนี่ถึงกับรบเร้าจะขอเข้าไปในห้องผมให้ได้ แต่ฝันไปเถอะ ยังเร็วเกินไป เลยสั่งให้มันยืนรออยู่หน้าห้องแบบนั้น จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไอ้เจไดก็ขับรถพาผมตรงมายังละลายตามที่ตั้งใจ
“สวัสดีครับพี่นิ่ม สวัสดีเอเอ”
“อ้าว สวัสดีจ้ะน้องต่อ”
“ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะพี่”
คนแรกที่ผมเห็นว่ากำลังยืนตักไอติมให้ลูกค้าอยู่คือพี่นิ่มครับ ซึ่งทุกคนก็น่าจะรู้จักกันดีแล้ว แต่ไอ้น้องที่ยืนรอเสิร์ฟอยู่นั้นถือเป็นตัวละครใหม่ที่ยังไม่เคยมีบทบาทมาก่อน มันชื่อ ‘เอเอ’ ครับ อยู่ปีหนึ่งคณะวิศวะ เป็นหนึ่งในพนักงานอีกคนของละลาย ทำงานสลับตารางกับพี่มิกซ์ คือวันไหนเห็นพี่มิกซ์ก็จะไม่เห็นหน้ามันนั่นเอง
ไอ้เอเอนี่ข้อเสียของมันคือตัวเล็กครับ ไม่ได้ตัวใหญ่จนสามารถแบกถังไอติมคนเดียวโดดๆ ได้เหมือนกับพี่มิกซ์ เวลาจะยกของใหญ่ก็ต้องหารแรงกันกับผมไม่ก็พี่นิ่มทุกครั้ง แต่ข้อดีคือมันเป็นคนที่คล่องแคล่วว่องไวและแทบจะทำผิดพลาดน้อยมาก อีกอย่างคือเป็นคนหน้ายิ้ม คือไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหนมันก็จะดูเหมือนคนกำลังมีความสุขอยู่เสมอ ซึ่งจุดนี้ผมถือว่าเป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของงานบริการนะ ผมชอบมาก
“สวัสดีทุกคนครับ : )”
“อุ๊ย สวัสดีจ้ะ” พี่นิ่มนี่ถึงกับร่าเริงผิดปกติเลยครับเมื่อเจอไอ้เจไดกล่าวทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนที่พี่สาวไซส์ใหญ่ลูกหนึ่งจะเอี้ยวตัวส่งไอติมให้ไอ้เอเอยกไปเสิร์ฟพร้อมกับแอบกระซิบข้างหูผมตอนเดินเข้าไปที่หลังเคาน์เตอร์ว่า “นี่มันคนที่กำลังเป็นข่าวกับน้องต่อไม่ใช่หรอจ๊ะ?” เอ๊ะ พี่นิ่มแกก็แอบติดตามข่าวสารของผมกับไอ้เจไดเหมือนกันหรอ ไม่ยักรู้เลยนะเนี่ย?
“ใช่ครับ เนี่ยแหละ ไอ้ตัววุ่นวายของแท้เลย”
“โอ๊ยยย ตายๆๆ ระวังตัวไว้ให้ดีนะคะน้องต่อ หล่อประหารขนาดนี้เนี่ย ผู้ชายก็ผู้ชายเถอะ ระวังจะหวั่นไหวเอาไม่รู้ด้วย”
“อา...”
พี่นิ่มไม่รู้อะไร... ผมก็กำลังหวั่นไหวอยู่นี่ไงครับพี่ เฮ้ออออออ
“แน่ะ กระซิบอะไรกันครับ บอกผมด้วยสิ” แต่ไอ้ร่างสูงมันจับได้ครับว่าผมกับพี่นิ่มกำลังแอบกระซิบกระซาบกันอยู่หลังเคาน์เตอร์ มันเลยแสดงความอยากรู้อยากเห็น (เสือกนั่นแหละ) ด้วยการเอาคางขึ้นมาเกยอยู่บนตู้กระจกไอติมเป็นเด็กๆ เลย ยุ่งจริงๆ
“ความลับจ้ะพ่อคนหล่อ” ดีเลยครับพี่นิ่ม ปฏิเสธมันไปเลย อยากยุ่งดีนัก แต่เดี๋ยวนะ... ไหงพี่พนักงานสาวของผมต้องไปส่งสายตาปิ๊งๆ ให้ไอ้เจไดมันด้วยล่ะ? พี่นิ่มอย่าไปหลงเสน่ห์มันอีกคนสิ!
“โห เสียใจจัง แค่นี้ก็ต้องมีความลับกับผมด้วย ว่าแต่... วันนี้คนเยอะจัง มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะครับพี่นิ่ม ผมพร้อมช่วยเต็มที่เลย” พูดพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ ฮึ้ยยยยยย
“อุ๊ย น้องเจไดอยากช่วยจริงๆ หรอจ๊ะ”
“จริงสิครับ ผมเป็นพวกพูดจริงทำจริงอยู่แล้ว : )”
“ถ้างั้นก็ช่วยรีบสั่งไอติมแล้วไปหาที่นั่งซะ อย่ามาเกะกะ!”
เอาล่ะ อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะครับ แต่ยืนดูไอ้เจไดหว่านเสน่ห์ใส่พี่สาวผมแล้วมันอดจะหมั่นไส้ไม่ได้จริงๆ! ถึงกับต้องรีบเดินออกจากเคาน์เตอร์เพื่อมาศอกใส่อีกฝ่ายเข้าให้ ถือเป็นการเร่งมันว่าให้รีบสั่ง จะได้รีบๆ ไปหาที่นั่งเสียที รำคาญ!
“ใจร้ายยยยยย : (“
เอเอที่เพิ่งกลับจากเสิร์ฟไอติมนี่ถึงกับงงเลยครับเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ไอ้เจไดก็ทำหน้าบูดแบบนั้น แหงสิ ไอ้เอเอมันก็คงจะไม่เคยเห็นผู้ชายตัวใหญ่ที่ทำหน้าทำตายังกับเด็กโดนดุแล้วไม่พอใจมาก่อนหรอก ผมเข้าใจ
ก็ใครมันจะไปบ้าได้เหมือนไอ้หล่อนี่ล่ะ จริงไหม?
แต่ผมก็ไม่ได้จะอธิบายอะไรให้ไอ้เอเอฟังหรอกนะ ทำเพียงแค่รอจนคนข้างๆ ออเดอร์เสร็จ ก็จัดการผลักไสไล่ส่งมันไปหาโต๊ะนั่งทันที ซึ่งมันก็ว่าง่ายครับ ถึงจะยังบุ้ยปากใส่ผมไม่หยุด พูดว่า “ขอช่วยไม่ได้หรอ กูอยากช่วยนะ : (“ แต่ลงท้ายมันก็ยังว่าง่าย ยอมฟัง ยอมเดินไปหาโต๊ะนั่งแต่โดยดี
เฮ้ออออออ เมื่อคืนนี้ผมบอกว่ารู้สึกเหมือนมีผัวขี้หึงใช่ไหม เช้านี่ผมรู้สึกเหมือนมีลูกครับ! ไอ้ลูกบ้า!
“น้องต่อจะไปเสิร์ฟเองไหม หรือว่าจะให้เอเอไปเสิร์ฟ?”
“ให้เอเอไปเสิร์ฟดีกว่าครับ” ไม่ได้เข้าร้านหลายวัน ผมเลยอยากขอเวลาคุยกับพี่นิ่มสักหน่อย “ฝากด้วยนะเอเอ”
“ได้ครับพี่” ซึ่งไอ้เอเอมันก็รู้งานครับ พอเดินเอาไอติมไปเสิร์ฟให้เจไดเสร็จ มันก็ทำเป็นเดินไปตรวจตราตามโต๊ะต่างๆ อย่างไม่มีเหตุผล เออ ต้องแบบนี้สิ เขาถึงจะเรียกว่าอยู่เป็น
“เป็นไงบ้างครับพี่นิ่มช่วงนี้”
“ก็ดีจ้ะ ขายดิบขายดีไม่มีปัญหาอะไร แต่เดี๋ยวต้องเตรียมสต๊อกของเพิ่มแล้วนะ ใกล้สอบกลางภาคละ ช่วงนี้พวกเด็กๆ มันจะหิวของหวานมากเป็นพิเศษเลย”
“แล้ว... เอเอกับพี่มิกซ์ล่ะครับ?”
“ก็ดีนี่ เอเอมันก็ขยันปกติ” แค่นั้นเอง พี่นิ่มพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ทำเป็นหยิบนู่นหยิบนี่อย่างมีพิรุธ จนผมถึงกับต้องตามจี้ถาม
“แล้วอีกคนนึงล่ะครับ”
“...”
“พี่นิ่ม”
“...”
“พี่นิ่มครับ”
“เฮ้ออออออ ใจจริงเนี่ยถ้าน้องต่อไม่ถามพี่เองก็ไม่อยากพูดเลยนะ เรื่องมิกซ์น่ะ”
นั่นไง ว่าแล้วพี่นิ่มมีพิรุธ มีเรื่องจริงๆ ด้วยแฮะ
“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?”
“ก็เจ้ามิกซ์น่ะสิ ไม่รู้หมู่นี่มันเป็นอะไรของมัน จากที่เคยทำงานดีๆ กลายเป็นคนทำงานห่วยไปเลย”
“หา!? ขนาดนั้นเลยหรอพี่นิ่ม?”
ปกติคำว่า ‘ห่วย’ นี่ไม่เคยออกจากปากพี่นิ่มเวลาพูดถึงใครเลยนะ แสดงว่าคราวนี้คงไม่ใช่เล่นๆ แล้วล่ะ
“คิดดูสิน้องต่อ จากคนเคยสุภาพ ทำงานดีเรียบร้อยขยันขันแข็ง กลายเป็นคนหงุดหงิดโมโหง่าย ทำนู่นทำนี่ปึงปังๆ ไปหมด เดี๋ยวชักสีหน้าใส่ลูกค้าบ้าง ชักสีหน้าใส่พี่บ้าง ไม่รู้ว่ามันไปกินรังแตนมาจากไหน”
“...”
“อย่างวันนั้น วันที่... อ้อ วันที่น้องต่อไลน์มาบอกว่าจะเข้าร้านแต่ไม่ยอมเข้าน่ะ พี่เนี่ยนะเหมือนอยู่ในนรกเลยจ้ะ ไอ้เจ้ามิกซ์มันทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง กระฟัดกระเฟียดไปหมด ขนาดตักไอติมให้ลูกค้าเฉยๆ ยังเละไม่เป็นท่า พอไม่มีคนก็เอาแต่ถามว่าเมื่อไหร่น้องต่อจะมา พี่เองก็ตอบไม่ได้อะจริงไหม รู้แค่ว่ามันไม่ควรทำแบบนี้เลย”
“...”
“แล้วพอพี่ตัดสินใจพูดเตือน เตือนแบบเตือนดีๆ ด้วยนะ ไม่ได้ดุสักคำ มันกลับทำหูทวนลมใส่พี่ บอกเพลีย ขอลากลับก่อน นี่เมื่อวานก็โทรสายตรงมาหา บอกว่าขอลาหยุดวันนึง จนพี่ต้องไปเรียกเอเอมาช่วยเนี่ย”
“เรื่องนี้พี่น่าจะโทรบอกผมนะพี่นิ่ม”
“เฮ้อออออออ เอาตรงๆ นะน้องต่อ พี่ไม่อยากให้มีปัญหาจ้ะ พี่เห็นว่าไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่อะไร จนได้มาพูดกับน้องต่อเนี่ยแหละ พี่ถึงได้เริ่มคิด ว่าไอ้เจ้ามิกซ์มันชักจะแปลกเกินไปแล้ว”
แปลกจริงแหละ ปกติพี่มิกซ์สุภาพกับพี่นิ่มจะตาย ออกจะขี้เล่นกับพี่นิ่มเสียด้วยซ้ำ จู่ๆ จะมาทำแบบนี้ ผมว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว
เอ๊ะ หรือว่า...? เฮ้ย ไม่หรอกๆๆๆ ไม่เกี่ยวกันหรอก อย่าคิดมากสิวะไอ้ตัวต่อ
“แล้วพี่นิ่มพอจะเดาได้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
แต่พี่นิ่มส่ายหน้า “ไม่รู้เลย คิดไม่ออก คิดเท่าไหร่ก็คิดๆ ไม่ออก นี่พี่ก็ว่าจะถามน้องต่ออยู่เหมือนกันว่าพอจะรู้ไหมว่าไอ้เจ้ามิกซ์มันเป็นอะไรของมันกันแน่?”
ผมเองก็ส่ายหน้าเช่นกัน “ไม่รู้หรอกครับ ขนาดหน้ายังไม่ค่อยได้เจอกันเลย” ถึงจะพอเดาๆ ได้อยู่หรอกนะ ว่าสาเหตุอาจมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับไอ้เจไดก็ได้ แต่จะให้พูดออกไปก็คงไม่ใช่เรื่องปะ?
เป็นผู้ชายแต่มีปัญหาเพราะว่าผู้ชายไม่พอใจที่มีผู้ชายอีกคนมายุ่งมาจีบเงี้ย น่าพูดตายล่ะ : (
“เอาเถอะ ไงเดี๋ยวพี่จะขอดูอาการมันอีกสักวันสองวันนะ ถ้ายังไม่ดีขึ้น เดี๋ยวพี่จะถามมันตรงๆ เอง”
“โอเคครับ ขอบคุณมากนะครับพี่นิ่ม งั้น...เดี๋ยวผมขอตัวไปหาไอ้ตัวยุ่งนั่นก่อนนะครับ เดี๋ยวมา”
“ได้จ้าาา : )”
แน่ะ อย่าทำเป็นแซวสิครับพี่นิ่ม ที่ไปเนี่ยไม่ใช่ว่าอยากไปสักหน่อย แค่เห็นมันชะเง้อชะแง้มองมาทางนี้หลายรอบละ เลยกะว่าจะเดินไปบอกมันเลยว่าเดี๋ยวคงจะมาอยู่เป็นเพื่อนกับมันไม่ได้แล้ว ผมต้องทำงาน
ทว่า...
“อุ๊ย น้องต่อ เจ้ามิกซ์มา”
จู่ๆ เสียงร้องของพี่นิ่มที่ไล่หลังมาก็ทำให้ผมหันไปมองที่ประตูทางเข้า
ติ๊งต่อง!เพื่อที่จะพบกับพี่มิกซ์ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์เหมือนกับไอ้เจไดเปี๊ยบ ดูเหมือนนัดกันมาเลยอะ แต่... ไอ้เจไดดูดีกว่าเยอะเลยนะ นี่ไม่ได้เข้าข้าง ไอ้เจไดมันออร่าจับกว่าจริงๆ อะ
“ว่าไงเรา ไม่เจอกันเลยนะ”
“อะ...อ้าว พี่มิกซ์ พอดี...ช่วงนี้ต่อยุ่งๆ น่ะครับ”
“หรอ? แล้วนี่ยุ่งเรื่องเรียนหรือว่าเรื่องไอ้ห่านั่นล่ะ?” พี่มิกซ์... ทำไมพี่เขาถึงพูดจาแบบนี้กับผมวะ โอเค ผมรู้นะว่าพี่เขาชอบผม และก็คงจะไม่พอใจแหละถ้ารู้ว่ามีไอ้เจไดเข้ามายุ่งกับผมน่ะ แต่การที่จะมาพูดจาประชดประชันตัดพ้อยังกับว่าพี่เขาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวผมแบบนี้เนี่ย ผมว่าผมไม่โอเคว่ะ
“พี่ก็พูดไป” แต่เพราะไม่อยากจะมีเรื่องไง ผมเลยเลี่ยงที่จะพูดอะไรก็ตามที่มันจะทำให้เกิดการปะทะ ก่อนจะตัดสินใจเดินย้อนกลับมาหาพี่นิ่มที่เคาน์เตอร์ ไม่หงไม่หามันแล้วไอ้เจไดน่ะ
“สวัสดีจ้ะมิกซ์ ทำไมวันนี้มาได้ล่ะ นึกว่ากลับบ้านซะอีก”
“ไม่ได้กลับครับ ใกล้สอบแล้ว เลยบอกแม่ว่าขออยู่หอยาวๆ นี่ก็ออกมาหาของหวานกินครับ ร่างกายมันต้องการน้ำตาล : )”
“เอาอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่ตักให้ บลูเบอร์รี่ไหม?”
พี่มิกซ์เขาชอบกินบลูเบอร์รี่ครับ เป็นไอติมรสโปรด เรื่องนี้คนในร้านทุกคนรู้ดี เหมือนที่ผมรู้ว่าพี่นิ่มชอบรสกาแฟ แล้วก็ไอ้เอเอชอบรสผลไม้รวมนั่นแหละ
“เอาครับ เอาบลูเบอร์รี่ ใส่โคนวาฟเฟิลนะครับ”
“โอเคจ้ะ” พี่นิ่มดูเหมือนว่าจะสบายใจกับพี่มิกซ์มากขึ้นนะ คงเพราะว่าตั้งแต่มา ถ้าไม่นับรวมที่พูดจาไม่ดีกับผมเมื่อกี้ ก็ไม่เห็นว่าพี่มิกซ์จะออกอาการเหมือนที่ผมกับพี่นิ่มคุยกันก่อนหน้านี้เลย
แต่เพราะว่าผมเจอไปหนึ่งดอกแล้วไง ผมถึงได้เชื่อว่าพี่นิ่มแกไม่ได้ใส่ร้ายพี่มิกซ์ มันคือเรื่องจริง แค่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับพี่นิ่มในวันนี้ก็เท่านั้นเอง
“ขอบคุณครับ ขอกินฟรีได้ไหมเนี่ย ฮ่าๆๆ”
คนที่เพิ่งจะรับไอติมก้อนกลมสีม่วงบนโคนวาฟเฟิลพูดทีเล่นทีจริง แต่มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ตั้งท่าจะล้วงเงินออกมาจ่าย ผมเลยต้องห้ามไว้ แค่นี้เอง ไม่ต้องจ่ายหรอก ลูกน้องผม ผมเลี้ยงได้
“ไม่ต้องให้หรอกครับพี่มิกซ์ ต่อเลี้ยง”
“เฮ้ย จริงดิ ใจดีจัง : )” ไม่พูดเปล่า ร่างสูงใช้ลิ้นเลียไอติมไปหนึ่งที... โดยที่...ตาก็ยังคงจับจ้องมาที่ผม อา... ขนลุกแฮะ!
“พี่นิ่ม ผมขอผ้ากันเปื้อนหน่อยครับ” ผมก็เลยต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อะ นี่จ้ะ” ทำเป็นขอผ้ากันเปื้อนจากพี่นิ่มมาใส่ ทำเป็นตั้งหน้าตั้งตาพร้อมทำงาน
แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิดแฮะ...
“มา เดี๋ยวพี่ช่วย”
“เฮ้ย ไม่ต้องครับ พี่ยัง...” ยังถือไอติมในมืออยู่เลย จะมาช่วยผูกได้ไงเล่า!?
ไม่รอช้า พี่มิกซ์ตรงเข้าประชิดด้านหลังผมเหมือนเมื่อครั้งก่อนที่มาร้าน หากแต่คราวนี้...ผมรู้สึกได้ถึงความแนบชิดที่มากขึ้น โดยเฉพาะ...ท่อนล่างที่บดเบียดเข้ามาซะจนส่วนหน้าของผมขยับเข้าติดชิดกับเคาน์เตอร์...
แม่ง... ทำไมพี่เขาถึงทำแบบนี้วะ!? แล้วทำไม...ผมถึงต้องมาเจออะไรเหี้ยๆ แบบนี้ด้วย...
“เฮ้ย มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ!?”จะ...ใจผมนี่หายวายเลยครับ! เมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของเจไดดังมาจากทางด้านข้าง และก็ยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อหันไปเห็นว่าไม่เพียงแค่อยู่ใกล้ๆ หากแต่ร่างที่สูงใหญ่กว่าใครทั้งนั้นกำลังกำขอเสื้อของพี่มิกซ์แน่น พร้อมกับกระชากให้ออกไป
“แล้วมึงคิดว่ากูทำอะไรล่ะ : )” แต่ที่แย่กว่าก็คือ...พี่มิกซ์สวนกลับไปหาอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยครับ ดูก็รู้ว่าจงใจแสดงความสะใจเพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดอาการคลั่งเห็นๆ
“อย่านะเจได”
ผมร้องห้าม ไม่อยากให้เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นในร้าน ขณะที่พี่มิกซ์เองก็พยายามอย่างยิ่งที่จะแกะมือของเจไดออก แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จสักที ทำเอาคนที่กำคอเสื้ออยู่สามารถลากพี่เขาให้ตามกันออกไปที่นอกร้านได้
ปัก!หมัดแรกเป็นของไอ้เจไดที่ต่อยพี่มิกซ์เข้าเต็มเบ้า ทำเอาไอติมโคนวาฟเฟิลรสบลูเบอร์รี่สดหล่นเละลงพื้นไปเลย
“ไอ้เหี้ย!” แต่พอถึงคราวที่พี่มิกซ์จะปล่อยหมัดคืนบ้าง ไอ้เจไดกลับหลบได้อย่างง่ายดาย ดูท่าว่าจะเป็นมวยไม่น้อย
ปัก!
ปัก!
ปัก!มันถึงได้สามารถรัวหมัดใส่หน้าพี่มิกซ์ได้ถึงสามครั้งติดกันเลย!
“พอแล้ว!”
ผมตัดสินใจกระโดดเอาตัวเข้าไปขวางไว้ เวลานั้นทั้งคนในร้านและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้านนอกต่างพากันยืนมุงดูความวิวาทในครั้งนี้กันอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่ผมไม่สนละ ใครจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ไอ้เจไดต้องไม่ได้ต่อยพี่มิกซ์อีก พอแล้วครับ
“มึงก็เห็นที่มันยิ้มนี่ จงใจหาเรื่องกูชัดๆ!”
“ไม่เอาน่า พอแล้ว ถือว่ากูขอละนะ”
“ไม่ต้องห้ามมันหรอก ปล่อยมันมาเลย พี่ไม่กลัวอยู่แล้ว”
นี่ก็อีกคน คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันเท่มากเลยสินะ!
“พี่เองก็ด้วย พอได้แล้ว”
และเพื่อความเท่าเทียม เมื่อห้ามฝ่ายนึงก็ต้องห้ามอีกฝ่ายนึงด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่าเข้าข้าง
“...”
“...”
แต่พอทั้งสองฝ่ายนิ่ง ไม่ฟัดกันต่อตามที่ผมขอ ผมก็ตั้งท่าว่าจะจูงมือเจไดกลับเข้ามาในร้าน แต่กลับกลายเป็นตัวผมซะเองที่ถูกพี่มิกซ์ลากไปอีกทางนึง
“นี่ต่อแคร์มันมากกว่าพี่หรอ!?”
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วย!” เจไดยังคงเลือดร้อนไม่เปลี่ยน มันพยายามจะแย่งผมให้กลับไปอยู่ฝั่งตัวเอง แต่ผมยกมือห้าม เพราะอยากเป็นคนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้
“ถามจริงนะ พี่เป็นอะไรไปพี่มิกซ์ พี่ชายแสนดีที่ต่อเคยนับถือหายไปไหนแล้ว?”
พอได้ยินสิ่งที่ถาม คนถูกถามก็ถึงกับแค่นหัวเราะออกมา “นี่ต่อไม่รู้จริงๆ หรอว่าทำไมพี่ถึงได้เป็นบ้าแบบนี้?”
ผมส่ายหน้า “ไม่ครับ ต่อไม่อยากเดา” ถ้าหากมีอะไรที่ผมควรจะรู้ล่ะก็ ผมขอฟังจากปากของพี่มิกซ์เองก็แล้วกัน
“ก็เพราะต่อนั่นแหละ!”
“...”
“ต่อนั่นแหละที่เป็นคนทำให้พี่เป็นแบบนี้”
“...”
“ทำไมอะ ทำไมถึงต้องเป็นมันด้วยที่ได้จีบต่อ ทำไมถึงยอมให้มันเข้ามายุ่งกับชีวิตต่อ”
“...”
“ทั้งๆ ที่ต่อก็น่าจะรู้... ว่า... พี่ชอบต่อมาตลอด!”
“ใช่ ผมรู้” รู้มาตลอดอย่างที่พี่มิกซ์ว่า “แต่ต่อชอบผู้หญิงครับ ต่อไม่ได้ชอบผู้ชาย เพราะฉะนั้นต้องขอโทษด้วยที่ต่อไม่สามารถรับความรู้สึกของพี่มิกซ์ได้”
“แล้วไอ้ห่านั่นมันเป็นผู้หญิงหรือไงต่อ! มันเป็นผู้หญิงหรือไง!”
“...”
“ฮะ! ตอบมาสิ มันไม่ใช่ผู้ชายเหมือนพี่หรือไง!?”
“ปล่อยตัวต่อนะเว้ย!”
ผมเงียบครับ... ไม่ได้เถียงอะไรกลับไปเลยตอนที่พี่มิกซ์ตรงเข้ามาเขย่าตัวผมอย่างแรง ทั้งที่ผมตัวเล็กกว่าพี่เขาไม่รู้กี่เท่า แต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด...
เพราะที่เจ็บกว่าก็คือ... ทั้งที่ผมก็ไม่ได้อยากจะทำร้ายใคร แต่ผมกลับไม่อาจอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้จริงๆ ว่าทำไมไอ้เจไดมันถึงเป็นข้อยกเว้นในเรื่องนี้...
อย่างเวลาที่พี่มิกซ์พยายามเข้าใกล้ ผมจะรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม… รู้สึกขนลุกไปหมด คล้ายคนกำลังเจอเรื่องที่น่าสยดสยอง แต่พอเป็นไอ้เจได...ทั้งที่มันก็ยืนประกบอยู่ด้านหลังผมแบบนี้ ผมกลับไม่รู้สึกแย่เลยสักนิดเดียว...
คือมันต่างกัน แต่ผมก็อธิบายไม่ได้ อธิบายไม่ได้จริงๆ
“บอกมาสิต่อ บอกมาสิว่าพี่กับมันมีอะไรที่ต่างกัน ทำไมถึงเป็นพี่ที่จีบต่อไม่ได้!”
“คงเพราะว่า...เจไดมันเป็นข้อยกเว้นสำหรับต่อมั้งครับ” ผมก็เลยตอบเหมือนที่เคยตอบไปเมื่อคืนนี้
“งั้นก็แสดงว่า... ถ้าไม่มีไอ้เจไดสักคน พี่ก็อาจจะกลายเป็นข้อยกเว้นของต่อใช่ไหม?” แล้วก็ต้องมาทนดูสายตาเจ็บปวดของคนตรงหน้า...ที่เพียงแค่แวบเดียวก็กลับเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว พุ่งตรงเข้าหาไอ้เจไดที่ยืนอยู่กับผมอีกครั้ง
ปึก!คราวนี้ไอ้เจไดหลบไม่พ้น หมัดของพี่มิกซ์หมัดแรกสามารถชกเข้าที่หน้าของมันได้สำเร็จ และเกือบจะได้ตามต่อติดๆ ในหมัดที่สอง ถ้าเกิดผมไม่เป็นคนขวางไว้
“เลิกบ้าสักที!” คราวนี้ผมไม่ได้แค่ร้องห้ามอย่างเดียว หากแต่ผลักพี่มิกซ์สุดแรง ยิ่งหันไปเห็นไอ้เจไดที่ล้มลง...ผมยิ่งเลือดขึ้นหน้า! ได้ ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่ฟัง งั้นกูก็จะไม่พูดดีๆ กับมึงอีกแล้ว!! “ต่อให้เหลือมึงคนเดียวบนโลกใบนี้ กูก็ไม่เอา!”
“ต่อ... ทำไมพูดจาแบบนี้กับพี่อะ!?”
“แล้วทำไมกูต้องให้เกียรติมึงด้วย! ที่ผ่านมา… มึงทำ...เหี้ยอะไรกับกูไว้บ้าง จำได้ไหม!? เข้ามาใกล้ๆ กู พยายามลวนลามกู มึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วกูจะชอบมึงหรอ!?”
“เดี๋ยวต่อ พี่...”
“มึงไปไกลๆ เลยนะ” ผมชี้หน้า รู้สึกว่ายังไงก็จะไม่ยอมให้มันเข้ามาใกล้ผมอีกแล้ว “เสียแรงที่กูรักมึง มองมึงเป็นพี่ชายที่ดี เป็นพนักงานที่กูอยากให้ทำงานด้วย แต่ในเมื่อมึงล้ำเส้นขนาดนี้ ก็อย่าได้มายุ่งกับกูอีกเลย!”
“เดี๋ยวสิ พี่ขอล่ะ ฟังพี่ก่อนนะ”
“มึงยังจะพูดอะไรอีกฮะ!?” เจไดที่เพิ่งจะลุกขึ้นมาก็ตั้งท่าจะซัดอีกฝ่ายเต็มที่ แต่ผมใช้แขนขวางไว้ และหันไปมองให้รู้เลยว่า ถ้ามันไม่ฟัง มันคือคนต่อไปที่ผมจะเนรเทศ!
“ต่อ... พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งจะทำไม่ดีกับต่อเลยนะ” ส่วนไอ้นี่ก็เริ่มดราม่า “พี่แค่...อยากเป็นคนที่ต่อรัก พี่อยากเป็นแฟนต่อ พี่ถึงได้พยายามเข้าหาต่อแบบนั้น”
“กูก็บอกแล้วไง ว่ากูมองมึงเป็นแค่พี่ เป็นแค่พนักงานในร้าน นี่กูยังพูดไม่ชัดเจนอีกหรอ?”
“เออ! กูรู้ กูรู้ว่ามึงไม่เคยมองกูเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากพี่แล้วก็ลูกน้องอะ แต่... ฮึก... กูไม่อยากเป็นแค่นั้นอะ ได้ยินไหม กูไม่อยากเป็น!”
“หรอ?” ผมก้าวยาวๆ เข้าไปหาด้วยใจที่เต้นระทึก เมื่อตั้งใจไว้ว่าจะทำในสิ่งที่อยากทำมานาน “ถ้างั้น...มึงก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นอะไรได้อีกแล้วล่ะ ไอ้เหี้ย!”
ปัก!“โอ๊ย!”
ผมต่อยหน้าไอ้พี่มิกซ์สุดแรง ให้สาสมกับสิ่งที่มันเคยทำกับผม และสาสมกับสิ่งที่มันทำกับไอ้เจไดเมื่อกี้นี้ด้วยด้วย ก่อนที่หลังจากนั้นจะจงใจ ‘เหยียบ’ ไอติมบลูเบอร์รี่ให้ยิ่งเละนักมากขึ้นกว่าเดิมในระหว่างที่เดินจากมา... และก็ไม่คิดที่จะสนใจเสียงเรียกไล่หลังของใครอีกเลย…
จบตอน