《 จีบแก้บน 》♥ บทสิบเจ็ด...บทสุดท้าย [THE END] | 23/3/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《 จีบแก้บน 》♥ บทสิบเจ็ด...บทสุดท้าย [THE END] | 23/3/2561  (อ่าน 56006 ครั้ง)

ออฟไลน์ 양아치

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไรต์อัพไวมากกก ยังไม่ทันได้อ่านตอน4เลย ตอน5ก็มาแล้ว ได้อ่านยาวจุใจเลย
ตอนสี่ชอบเพลงมาก 555 อ่านแล้วสงสารเจไดเลยอ่ะ ตอนหงอยกลับไป ฮือ น่าสงสารมากเลยลูก
ตอนห้านี่ชอบบำเรอมาก คิดถึงวงจูราสสิคปาร์คมาก เลิฟ 555
อ่านแล้วแอบรู้สึกเหมือนอ่านเรื่องสั้นขนาดยาว เหมือนแบบถ้าเป็นแฟนกันก็จบได้เลย เพราะตัวต่อก็ใจอ่อน แอบเผลอใจไปแล้ว คือมันไปไวมาก จนกลัวจะมีดราม่าตอนหลังเลยอ่า

ปล.เจไดขี้หึงงงง เขาเป็นเมียหนูแล้วหรอลูก   :hao3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกดีค่ะ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
เพียงแค่ตาและรอยยิ้ม


[ ตัวต่อ ]

เช้าวันต่อมา


เชื่อว่าทุกคนคงอยากรู้สินะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ภายหลังจากที่ผมเจอมุก ‘Your Mannnnnn : )’ ของไอ้ขี้เมาเจไดเข้าไป

อะ ลองทายกันดู ผมมีให้เลือกสองข้อครับ

ก.มันอ้วกใส่โผมมมมมมมมม!
ข.มันหนุนตักผมแล้วหลับปุ๋ยไปเลย

ติ๊กต็อกๆๆๆๆๆๆ

ติ๊ง!


หมดเวลาครับ! คำตอบที่ถูกคือข้อ... ข้อ...! ข้อ...!! พักสักครู่คร้าบบบบบบ!!!

เออะ... สงสงผมชักจะติดเชื้อความกวนความบ้าจากไอ้เจไดมามากเกินไปละ ไม่เอาๆๆ กลับมาเป็นไอ้ตัวต่อคนปกติดีกว่า แหะๆ

คืออย่างงี้ครับ คำตอบข้อที่ถูกก็คือข้อ ข.ไข่ นั่นเอง (ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างที่คำตอบไม่ใช่ข้อแรก!) เพราะพอไอ้ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ใช้ชื่อว่า ‘ผู้ชายของคุณ’ ได้ยิงกระสุนใส่ผมไปหนึ่งนัดใหญ่ มันก็ค่อยๆ ไหลตัวลงนอนหนุนตักคนข้างๆ (ซึ่งก็คือผม) อย่างหน้าด้าน ก่อนที่จะผลอยหลับไปหน้าตาเฉย ทิ้งให้ผมต้องทนอยู่กับความเขินอายจากการโห่ฮิ้วๆๆๆ ของคนอื่นๆ ในวงเหล้าเพียงลำพัง โคตรไม่ยุติธรรม!

หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ ยิ่งเห็นหน้าตาสิ้นฤทธิ์ตอนมันหลับยิ่งอยากฟาดแขนมันแรงๆ สักที แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะนั่นจะเท่ากับว่าเป็นการปลุกมันขึ้นมาใหม่ แล้วความสุขสงบก็จะสลายหายไป เลยต้องปล่อยมันเลยตามเลย เฮ้อออ ยังไม่รู้เลยเนี่ยว่าถูกใครแอบถ่ายไปแล้วบ้าง กว่าจะช่วยกันกินออเดอร์ที่สั่งมาให้หมด และกว่าไอ้ยศจะนึกได้ว่าตัวเองต้องแบกเพื่อนกลับหอ ช่างเป็นอะไรที่นานเหลือเกิน ขาผมนี่ชาไปหมด ฮึ้ยยยยยย

“เฮ้ยมึง เสร็จยังวะ กูต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ละ แม่เร่ง”

“อ้าว มึงจะกลับแล้วหรอ” นึกว่าไอ้ปิงมันจะอยู่นานกว่านี้ซะอีก “ยังไม่เสร็จเลยว่ะ คาดว่าคงอีกสักพักเลยอะ”

คือเช้านี้พวกผมสามคน ผม ไอ้ปิง แล้วก็ไอ้หมูมาประชุมที่ฝ่ายกันแต่เช้าเลยครับ จริงอยู่ที่วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่นั่นไม่มีผลอะไรเลยกับวิทยาเขตนี้ที่นิสิตทุกคนต่างใช้ชีวิตกันอยู่ที่นี่ (เป็นส่วนใหญ่) เพราะฉะนั้นอยากจะนัดวันไหนเวลาไหนก็นัดได้หมด ไม่มีการแคร์อะไรทั้งนั้นแหละ และก็ดูเหมือนว่าคนที่ถูกนัดเองก็จะชินกับความไม่ดูเวล่ำเวลานี้ไปแล้วด้วย ก็นะ อาจารย์นัดสอบสามทุ่มถึงห้าทุ่มยังเคยมาแล้วเลย อย่างอื่นก็คงไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะครับ

“เอาไง กลับไปทำที่ห้องไหม จะได้ไปพร้อมกูเลย ไอ้หมูก็จะกลับแล้วเนี่ย”

“อ้าว มึงก็จะกลับแล้วหรอไอ้หมู”

“เออสิ เดี๋ยวสองโมงกูต้องไปคุยงานกับพี่ผู้จัดการของ ‘พี่ลาเต้’ เป็นเพื่อน ‘จิ๊บ’ ที่กรุงเทพฯ ว่ะ นี่ก็สิบโมงกว่าละ ต้องให้ไอ้ปิงพากลับไปเอารถที่หออีก”

โห รู้งี้น่าจะเอารถมาเองก็ดี ไม่น่าขอติดรถไอ้ปิงมาด้วยกันเลย นี่ก็กำลังนั่งทำเรื่องเอกสารของผู้สมัคร Singing Contest by KJS อยู่ที่ม้านั่งตรงหน้าห้องฝ่ายเพลินๆ เลยอะ

“งั้นเอางี้” ผมตัดสินใจละ “พวกมึงไปเถอะ เดี๋ยวกูกลับเอง”

“เฮ้ย แล้วมึงจะกลับยังไง รถก็ไม่ได้เอามา” ไอ้ปิงแสดงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน ไม่ต่างจากไอ้หมูที่ดูก็รู้ว่าอยากให้กลับไปด้วยกันมากกว่า

“ไม่ต้องห่วง กูมีเบอร์พี่วินครับ”

แต่ผมหาทางไว้แล้ว คือบางทีนะ เวลากำลังนั่งทำงานได้ที่มันก็ยังไม่อยากย้ายอะ นี่เดี๋ยวกลับออกไปก็ว่าจะแวะไปที่ละลายด้วย วันเสาร์คนเยอะจะตาย เอกสารอะไรนี่ก็คงไม่ได้ทำต่อหรอก สู้ทำให้มันเสร็จๆ ที่นี่ไปเลยดีกว่า เดี๋ยวเรียกพี่วินมอไซค์หน้ามารับเอา

“จะดีหรอวะ นี่ไม่ได้น้อยใจที่กูรีบกลับใช่ไหม?”

“ไอ้บ้า คิดมากน่ะปิง กูแค่กำลังติดพันเฉยๆ เว้ย วันนี้วันหยุดขอชิลบ้างเหอะ เดี๋ยวบ่ายนี้ก็ต้องไปลุยที่ละลายอีก” ตรงหน้าฝ่ายมันร่มรื่นครับ ต้นไม้เยอะ เพราะอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านหอชายที่มีสภาพไม่ต่างจากหอพักในป่าใหญ่ ลมเย็นกว่านอกมอเยอะเลย

“แน่ใจนะ?”

“แน่ใจๆ รีบไปกันได้แล้ว กูจะได้ทำงานสักที เดี๋ยวไม่เสร็จ”

“เออๆ ไว้เจอกัน ไปไอ้หมู”

“โอเค ไว้เจอกันวันจันทร์เพื่อน”

“บายยย”

เอี๊ยดๆๆ

แต่ในขณะที่พวกผมสามซี้กำลังโบกไม้โบกมือลากันอยู่นั้นเอง เสียงเอี๊ยดอ๊าดก็ดังขึ้น ดึงความสนใจของพวกเราทั้งหมดให้หันไปมอง

ไอ้บ้า... นั่นมันอะไรกันวะน่ะ!?

ภาพของนิสิตชายร่างสูง (ที่พวกผมรู้จักดี) ในชุดเสื้อยืดสีเลือดหมูกับกางเกงบอลสีดำสบายๆ พร้อมหนีบแตะที่กำลังปั่นจักรยานคันเก่าสนิมเขลอะกลับมาจากทางโรงส้มทำให้ผมถึงกับตั้งคำถามในใจ… คือสงสัยอะ? สงสัยจริงๆ นะเว้ย คือทุกอย่างแม่งคือชิลๆ บ้านๆ หมดเลยไง แต่ไหงมันดันใส่แว่นกันแดดแบรนด์เนมแบบนั้นวะ!?

เหมือนจะไม่เข้ากันนะ แต่พอเป็น ‘มัน’ กลับดูเท่เฉย แต่ก็... ชวนขำไปด้วย ฮ่าๆๆๆ เพี้ยนชะมัด!

“ไอ้เจได!”

แล้วพอได้ยินเสียงไอ้ปิงเรียก คนที่กำลังปั่นจักรยานอยู่ก็จับแว่นกันแดดขยับลงต่ำกว่าระดับสายตา มองจนแน่ใจแล้วว่าเป็นพวกผมที่อยู่ตรงนี้ ร่างสูงก็ยิ้มแป้น ก่อนจะเลี้ยวจักรยานเข้ามาจอดด้วยท่วงท่าซนๆ ยังกับเด็กหัวโจกแก๊งจักรยานแฟนฉัน พลางหิ้วถุงเซเว่นติดไม้ติดมือตามมาด้วย ช่างไม่ได้เข้ากับความเป็นทายาทรุ่นที่ห้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังเล้ยยยยยย

“มาทำอะไรกันวะ”

“ประชุมฝ่ายน่ะ” ไอ้หมูตอบ ถึงดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะต้องการคำตอบจากผมก็เถอะ

“เออ เจอมึงก็ดีเลย”

“มีอะไรหรอวะปิง”

“คือกูกับไอ้หมูจะรีบกลับกรุงเทพฯ แล้ว ถ้ามึงว่าง ฝากพาไอ้ต่อไปส่งที่ละลายหน่อยสิ พอดีมันอยากอยู่ทำงานต่อที่นี่ว่ะ”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร กูกลับเองได้ ไปรบกวนมันทำไมเล่า” จู่ๆ ก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เฉยเลย บอกแล้วไงว่าวันนี้วันหยุด กูอยากชิลลลล

อีกอย่าง... ผมยังเขินไอ้ Your Man นี่อยู่เลย ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับมันตอนนี้นะเว้ย!

แต่คงจะสายไปแล้วสินะ “ไม่รบกวนหรอก กูเต็มใจ พวกมึงกลับไปเถอะ เดี๋ยวกูไปส่งตัวต่อเอง : )” เพราะพอไอ้เจไดรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ไอ้ปิงกับไอ้หมูก็ดูเบาใจจนยอมกลับกันไปสักที

...ทิ้งผมให้อยู่กับตัวอันตรายสองต่อสองเนี่ย!?

“...”

“...”

“เอ่อ... ถามจริงนะ มึงใส่แว่นกันแดดทำไม” ผมพยายามหาเรื่องคุยเพื่อทำลายความเงียบระหว่างผมกับมันครับ ในขณะที่มันเองก็ก้าวเข้ามานั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม ไม่รู้มันจำอะไรเมื่อคืนนี้ได้บ้าง หรือว่าจะเมาจนจำอะไรไม่ได้เลยก็ไม่รู้?

“ก็แดดมันแรงจะตาย ทำไม ใส่ไม่ได้หรอ?”

“ได้น่ะมันได้ แต่มันไม่เข้ากับชุดกับจักรยานมึงก็เท่านั้นเอง”

“บ้าน่า เท่จะตาย : )”

จ้าาาาาา มั่นใจในตัวเองมากเว่อร์!

“แล้วจักรยานนั่นของใคร มันยังขี่ได้อยู่จริงๆ หรอวะ?”

“ได้สิ ขี่ดีจะตาย แค่สนิมเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง แล้วจริงๆ มึงต้องเรียกเขาว่า ‘คุณทวด’ ด้วย เป็นฉายาน่ะ เห็นว่าตกทอดมานานแล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าของหรอก ใครอยากใช้ก็ได้ ถ้าตอนนั้นทวดแกจอดอยู่ที่หอน่ะนะ”

โอ้โห เป็นเรื่องเป็นราว

“แล้ว...”

“โอ๊ยไอ้ตัวต่อ คำถามเยอะจังเว้ย กูหิวอะ ขอกินก่อนได้ปะมึง?”

“กะ...ก็เอาสิ”

ห่า ตามใจมึงเลยครับ กูแค่หาเรื่องคุยให้มันไม่เงียบ ใช่ว่าอยากจะถามมากที่ไหนกันล่ะ : (

“กินไหม?”

อะ เนี่ย พอกูไม่ถาม มึงก็ดันถามกู เดี๋ยวก็ย้อนให้บ้างหรอก

“ไม่อะ กินเถอะ”

จะว่าไป แต่ละอย่างที่ไอ้เจไดเอาออกจากถุงเซเว่นมานั่งกินหน้าผมเนี่ยมันก็เป็นอะไรที่น่ากินทั้งนั้นเลยนะ แต่ผมไม่หิวอะ แล้วนี่ก็น่าจะเป็นอาหารมื้อแรกของไอ้เจไดด้วย ปล่อยให้มันกินให้เต็มที่เถอะครับ

ผมก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเป็นเอกสารใบสมัครของผู้เข้าประกวดร้องเพลงที่ผมจะต้องตรวจเช็กให้เรียบร้อยครับ ถ้าลายมือใครเกินจะเยียวยา ผมก็จะต้องเอาใบสมัครมากรอกให้ใหม่ แล้วแกะรูปถ่ายจากใบสมัครเดิมมาติดให้สวยงาม ซึ่งส่วนใหญ่ 80% คือลายมือห่วงแตกมาก เหมือนรีบๆ เขี่ยๆ เขียนๆ กันมา แล้วพอเสร็จจากขั้นตอนนี้ผมก็ต้องเอาใบสมัครทั้งหมดไปแสกนเข้าไปเก็บไว้ในคอมฯ ของฝ่ายอีก หลายขั้นหลายตอนไปหมด จริงๆ นี่ผมก็เคยออกความเห็นไปแล้วนะว่าให้ผู้สมัครแต่ละคนลงทะเบียนออนไลน์ซะก็หมดเรื่อง แต่พี่อิ๋วประธานฝ่ายกลับบอกว่า “ยากไป เด็กมันไม่ทำหรอก ไหนจะต้องแสกนรูปถ่ายลงคอมฯ อีก เชื่อกู” น่าปวดหัวชะมัด

แต่นั่นก็ยังไม่ชวนให้ปวดหัวเท่ากับจำนวนผู้สมัครในปีนี้หรอกนะครับ น้อยนิดเหลือเกิน นับๆ ดูแล้วยังไม่ถึงเกณฑ์ขึ้นต่ำเลย กลุ้มใจชะมัด

“เป็นอะไรวะ”

“อะไร?” ผมงง เมื่อจู่ๆ ไอ้เจไดก็ถามขึ้นตอนที่จิ้มไส้กรอกค็อกเทลเข้าปาก แว่นกันแดดก็ยังไม่ถอด เลยไม่รู้เลยเนี่ยว่ามันมองหน้าผมหรือว่ามองอะไรอยู่ เห็นแล้วนึกถึง‘แอนเซล เอลกอร์ธ’ ในหนังเรื่อง ‘Baby Driver’ ชะมัด

แต่ไอ้บ้านี่มันหล่อกว่านะ โคตรน่าหมั่นไส้!

“ก็มึงดูกังวลอะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?”

“นี่มึง...ดูออกด้วยหรอวะ” อีกแล้วอะ มันจับความรู้สึกของผมได้อีกแล้ว นี่ผมแสดงออกชัดไปหรอวะ? คิ้วก็ไม่ได้ขมวดนะ?

“โธ่ แค่มองตามึงกูก็รู้แล้ว”

“...”

“ปกติตามึงสวยจะตาย แต่พอมีเรื่องไม่สบายใจทีไร มันจะดูหม่นๆ ไปเลย เป็นใครก็ต้องดูออกเปล่าวะ?”

“...”

ไม่หรอก... ไม่ใช่ว่าแค่ใครก็จะดูออกได้... เพราะตั้งแต่แม่จากไป... ก็เพิ่งจะมีไอ้เจไดเนี่ยแหละครับที่พูดไม่ต่างไปจากท่านเลย...

’เป็นอะไรไปลูก?’
‘เปล่าครับ ต่อไม่ได้เป็นอะไร’
‘อย่าโกหกแม่น่า แค่ดูตาลูกแม่ก็รู้แล้ว : )’


“นี่ มีอะไรก็แชร์กับกูได้นะ” แล้วมันก็ยิ้ม ยิ้มแบบที่ผมชอบ “กูน่ะ ไม่ได้มีเอาไว้แค่จีบมึงเท่านั้นหรอกนะ จะทุกข์จะสุขมึงก็แชร์กับกูได้ทั้งนั้นแหละ : )”

“...” อะ ถ้าจะพูดถึงขนาดนี้ ผมนี่ถึงกับวางปากกาเลยครับ มองหน้ามันอย่างชั่งใจอยู่สักพัก แล้วก็ทำให้รู้สึกว่า... เออ ไอ้เจไดมันก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไร ถึงได้ยอมระบายเรื่องที่กังวลอยู่ให้มันฟัง

“คืองี้ มึงเคยเห็นประกาศของ Singing Contest ชมรมกูเมื่อปีก่อนไหม ที่บอกว่าจะมี ‘สิงโต นำโชค’ มาเป็นกรรมการน่ะ”

“อ๋อ จำได้” มันจิ้มไส้กรอกค็อกเทลอีกชิ้นเข้าปาก “ที่สุดท้ายกลายเป็นสิงโต นำโชคปลอมน่ะนะ”

“นั่นแหละมึง” จำได้เลยครับว่าตอนนั้นชมรมกระจายเสียงของผมโดนถล่มเละ เพียงเพราะความอุตริของรุ่นพี่คนนึง (ตอนนี้โดนไล่ออกจากฝ่ายไปแล้ว) ที่ดันหลอกว่าสามารถติดต่อเอาสิงโต นำโชคมาเป็นกรรมการได้แบบฟรีๆ ซึ่งทุกคนเชื่อหมดครับ ผมเองก็ด้วย คือเชื่อแบบสนิทใจ เชื่อแบบไม่เผื่อใจเลย เพราะพี่เขาเป็นคนที่พวกเรานับถือมาก เป็นคนที่เก่งมากในทุกๆ ด้าน เป็นเหมือนไอดอลคนนึงที่พูดอะไรไปใครก็เชื่อ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่ามันคือโจ๊กที่พี่เขาตั้งใจอยากจะเซอร์ไพรส์ให้ทุกคนขำ

แต่มันไม่ขำไง... สำหรับทุกคนมันคือการหลอกลวงครั้งใหญ่ ซึ่งผมโคตรเกลียดเลยรู้ไหม ผมเกลียดมากเลยเวลาที่ไว้ใจใครมากๆ แล้วเขามาหลอกลวงผมแบบนี้ มันเหมือนกับ...เขาได้ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมีให้กันจนหมดสิ้น...

เรื่องเสียความรู้สึกกันภายในฝ่ายนั่นก็เรื่องนึง แต่กระแสความไม่พอใจจากภายนอกนั้นรุนแรงกว่ามาก ผู้เข้าประกวดหลายคนที่หวังว่าจะได้โชว์ความสามารถให้คนดังเห็นถึงกับทิ้งไมค์หนีกันไปหมด ผู้ชมก็ลาขาด ลุกกลับหอกันต่อหน้าต่อตา กลายเป็นงานร้าง เหลือผู้สมัครอยู่ไม่กี่คนที่ได้แต่ยืนทำหน้างงๆ เหมือนรอว่าจะเอาไงต่อ

ลงท้าย งานประกวดในปีนั้นก็ต้องยกเลิกกลางคัน สูญเงินที่เสียไปกับค่าจัดงานทั้งหมด จนรุนพี่ประธานชมรมคนเก่าถึงกับขอลาออกเดี๋ยวนั้น เหลือแค่รักษาการแทนที่ต้องมาสานต่อการคัดเลือกดีเจรุ่นต่อไปให้เสร็จสิ้น แล้วก็ขอออกจากฝ่ายตามไปอีกคน ถือเป็นยุคมืดที่สุดเท่าที่ชมรมฝ่ายกระจายเสียงเคยเจอมา เฮ้ออออออ แค่คิดถึงบรรยากาศตอนนั้น ผมก็รู้สึกสลดใจขึ้นมาอีกแล้วเนี่ย : (

“ปีนั้นถือเป็นความหายนะของชมรมกูมาก ความกดดันก็เลยตกมาที่รุ่นกูที่เป็นคนจัดงานในปีนี้เนี่ยแหละ”

“แล้วปีนี้ยังจะมีกรรมการเป็นคนดังอยู่ไหมวะ”

“มีๆ พี่ลาเต้อะมึง” แกเป็นศิษย์เก่าของที่นี่ครับ เป็นดาวเด่นตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว สวย หุ่นดี ร้องเพลงเก่ง ผมไม่แปลกใจเลยนะวันที่ได้เห็น MV พี่เขาใน YouTube ในฐานะของศิลปินชื่อดังที่มียอดคนดูเป็นล้านๆ น่ะ

นี่เดี๋ยวบ่ายๆ นี้ ‘จิ๊บ’ (เฮดของปีสอง) กับไอ้หมูก็จะไปคุยเรื่องรายละเอียดกับพี่ผู้จัดการของพี่ลาเต้ที่กรุงเทพฯ เนี่ยแหละ ดีนะที่พี่เขาคิวว่างวันประกวดพอดี ไม่งั้นฝ่ายเราคงได้หูตาแหกกันยิ่งกว่านี้แน่

“เฮ้ย ก็ดีแล้วนี่ พี่เขาดังจะตาย ขนาดกูยังรู้จักเลย ใครๆ ก็ต้องมางานกันทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องกันวลแล้วมึง”

“ปัญหาคือคนสมัครเนี่ยสิมึง ยังไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่รุ่นพี่ต้องการเลย สงสัยเขาคงไม่ไว้ใจฝ่ายกูกันหมดแล้ว” เพราะว่าจริงๆ อยากได้ 15 คน เนื่องจากปีนี้เราย้ายกันเข้าไปจัดในหอไปชุม กะว่าจะแก้มือกันเต็มที่ ถ้ามีผู้ประกวดไม่ถึง อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ได้สัก 10 ก็ยังดี แต่ดูสิ นี่มีแค่ 7 คนเองครับ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะแข่งแล้ว รุ่นพี่ก็กดดันไปอีก โคตรกลุ้มเลย “เออนี่ จะว่าไป มึงสมัครไหม ฟรีนะเว้ย ไม่ต้องเสียค่าสมัครเหมือนคนอื่นด้วย เดี๋ยวกูบอกรุ่นพี่ให้ เอาไหมๆ”

นี่ผมเกือบลืมไอ้คนตรงหน้าไปเลยนะ ลีลาตอนขยับปากลิปซิงค์ตามเพลง ‘คนน่ารักมักใจร้าย’ เมื่อคืนนี้ยังติดตาอยู่เลย รับรอง ถ้ามันประกวดนะ สาวๆ ต้องพากันมากรี๊ดแน่ ผมมั่นใจ

“เฮ้ย! ไม่เอาๆๆ กูร้องเพลงเป็นที่ไหนเล่า อีกอย่าง กูก็ไม่ชอบทำกิจกรรมด้วย ไม่ใช่ทาง”

“อ้าว ทำไมอะ ขำๆ น่า” หว่านล้อมมันครับ เผื่อเหยื่อจะติดเบ็ด ผมจะได้ผู้สมัครเพิ่มอีกคน รวมเป็นแปด จะได้พออ้างอิงจากเวทีเดอะดาวได้ “ยังไงมึงก็ไม่ได้ต้องการตำแหน่งอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย แค่ขึ้นไปยืนโชว์หน้าหล่อๆ พอ นะๆ ช่วยกูหน่อย พลีสสสสสส”

“ขอบคุณนะที่ชมว่ากูหล่อ แต่กูยังคงยืนยันว่าไม่ ดูปาก... ม่ายยยยยย”

“โห่ ใจร้ายว่ะ ช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้” ผมแกล้งทำเป็นงอน แต่ก็เข้าใจมันแหละ คนมันไม่อยากอะเนอะ จะให้ไปบังคับได้ยังไง อย่างผมเนี่ย รุ่นพี่บังคับให้ไปประกวดเดือนนี่ยังพอไหวนะ แต่พอมาชวนให้ไปเป็นลีดนี่คือผมส่ายหัวเลย เกินตัวไป ไม่เอาหรอก

แต่ด้วยความหมั่นไส้แหละ ผมก็เลยแย่งไส้กรอกค็อกเทลมันมากินชิ้นนึง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาคัดลอกใบสมัครของรุ่นพี่ปีสามคนหนึ่งต่อ โห หน้าตาก็ดีนะ ทำไมลายมือถึงได้แย่ขนาดนี้เนี่ย!?

“นี่”

แล้วพอเขียนไปได้สักพัก ไอ้คนตรงหน้าก็เรียกผมครับ ผมก็เลยเงยหน้าขึ้นมองมัน เพื่อพบกับไอ้ตี๋หนวดที่ส่งยิ้มหวานมาให้ ถอดแว่นกันแดดออกแล้วด้วยนะ ตานี่เป็นประกายเชียว ดูดีชะมัด!

แต่มันจะมายิ้มเฉยๆ โดยไม่พูดอะไรเลยไม่ได้เน้อ?

“อะไร?”

“ยิ้มไง”

“กูรู้ กูหมายถึงว่ามึงยิ้มทำไม มีอะไรก็พูดสิ” บ้าหรอ ยิ้มแล้วก็ไม่พูด ไอ้บ้า!

“โธ่ กูก็กำลังทำให้มึงรู้สึกดีขึ้นอยู่ไง : )”

“ด้วยการยิ้มเนี่ยนะ?”

“อ้าว ก็เห็นพอกูยิ้มให้ทีไร มึงก็รู้สึกดีทุกทีไม่ใช่หรอ : )”

“อา...”

“นั่นไง รู้สึกดีขึ้นแล้วจริงๆ ด้วย” มันชี้ตรงมาที่ตาผม ทำเอาไปไม่เป็นเลย... “อย่าคิดมากนะมึง เดี๋ยวก็มีคนมาสมัครเพิ่ม : )”

“อืม...”

โอ๊ยยยยยย

“ว่าแต่มึงใกล้เสร็จยังล่ะ”

“ก็... เกือบๆ แล้วล่ะ”

“งั้นกูขอกลับไปอาบน้ำที่หอก่อน เดี๋ยวมา”

“อือ โอเค”

“ไปละ : )”

แล้วมันก็ยิ้มให้ผมเป็นการปิดท้าย ก่อนจะปั่นคุณทวดกลับหอไป ทิ้งผมไว้กับความรู้สึกมากมายที่ตีกันยุ่งไปหมด! เดี๋ยวก็เรื่องยิ้มของมันบ้างล่ะ เดี๋ยวก็เรื่องตาผมบ้างล่ะ แม่ง...

กูเขินนะโว้ย ไอ้บ้าเจไดเอ๊ย!

จบตอน





บทนี้ขอตัดมาสั้นสักนิดนึงนะครับ

ด้วยเหตุว่าสองตอนต่อจากนี้เป็นอะไรที่ยาวและหนักมาก

กลัวคนอ่านจะตาแตกกันซะก่อน ฮ่าๆๆๆ

อา... ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่ายังมีคนอ่านกันอยู่ไหม

แต่ยังไง ถ้ามี และยังอ่านกันมาถึงตรงนี้ ก็ขอบคุณนะครับ

ขอบคุณมากจริงๆ


 :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2018 03:06:01 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาบ่อยดี เราชอบ เรืองเดินเร็ว ไม่ยืดยาด (คือไม่รู้ว่าตอไปจะยืดรึเปล่าอะนะ)
อ่านแล้วน่าจะออกแนวฟิลกู๊ด ซึ่งเราโคตระโอเค เรืองเจ็บช้ำดราม่ามันปวดใจน่ะ นานๆ ทีอ่านได้ แต่ฟิลกู๊ดดีๆ สมเหตุผลไม่ได้มีมาบ่อย เพราะงั้นมาต่อเรื่อยๆ นะเรารออยู่

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เราชอบที่ไรท์มาอัพบ่อยๆนะคะ สู้ๆค่ะ จะรออ่านนะ

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
รอติดตามอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
สุดท้ายก็ใจอ่อนสินะ จำไว้ลูก ไม่เลือกงาน มีกินตลอดปี

ออฟไลน์ 양아치

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ทำไมรู้สึกเหมือนจะมีแววดราม่า ม่ายน้าาา ไม่พร้อม  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นอะไรอีกแล้วล่ะ
ไอ้เหี้ย!





[ ตัวต่อ ]

ละลาย


เจไดที่ขอตัวไปอาบน้ำกลับมาหาผมที่ห้องฝ่ายอีกครั้งด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่ดูจริงจังขึ้น คือมันเซ็ตผมอย่างดีครับ เหมือนว่าจะหวีเสยไปทางด้านหลังให้เห็นเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งก็ดู...หล่อแปลกตาไปอีกแบบน่ะนะ สวมเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าพับแขน ชายเสื้อปล่อยออกนอกกางเกงยีนส์สีอ่อน จบด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวเรียบๆ แต่พอเป็นมันแล้วไงรู้ไหม ก็คือว่าดูดีดูแพงตั้งแต่หัวจรดเท่าเลยไง หมั่นไส้!

ผมขอให้ไอ้ตี๋หนวดมันช่วยขับรถมาส่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอก่อนด้วยครับ (เสื้อยืดกับกางเกงวอร์มเปื่อยๆ ที่ใส่มาประชุมคงไม่เหมาะไปร้านเท่าไหร่) มันนี่ถึงกับรบเร้าจะขอเข้าไปในห้องผมให้ได้ แต่ฝันไปเถอะ ยังเร็วเกินไป เลยสั่งให้มันยืนรออยู่หน้าห้องแบบนั้น จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไอ้เจไดก็ขับรถพาผมตรงมายังละลายตามที่ตั้งใจ

“สวัสดีครับพี่นิ่ม สวัสดีเอเอ”

“อ้าว สวัสดีจ้ะน้องต่อ”

“ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะพี่”

คนแรกที่ผมเห็นว่ากำลังยืนตักไอติมให้ลูกค้าอยู่คือพี่นิ่มครับ ซึ่งทุกคนก็น่าจะรู้จักกันดีแล้ว แต่ไอ้น้องที่ยืนรอเสิร์ฟอยู่นั้นถือเป็นตัวละครใหม่ที่ยังไม่เคยมีบทบาทมาก่อน มันชื่อ ‘เอเอ’ ครับ อยู่ปีหนึ่งคณะวิศวะ เป็นหนึ่งในพนักงานอีกคนของละลาย ทำงานสลับตารางกับพี่มิกซ์ คือวันไหนเห็นพี่มิกซ์ก็จะไม่เห็นหน้ามันนั่นเอง

ไอ้เอเอนี่ข้อเสียของมันคือตัวเล็กครับ ไม่ได้ตัวใหญ่จนสามารถแบกถังไอติมคนเดียวโดดๆ ได้เหมือนกับพี่มิกซ์ เวลาจะยกของใหญ่ก็ต้องหารแรงกันกับผมไม่ก็พี่นิ่มทุกครั้ง แต่ข้อดีคือมันเป็นคนที่คล่องแคล่วว่องไวและแทบจะทำผิดพลาดน้อยมาก อีกอย่างคือเป็นคนหน้ายิ้ม คือไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหนมันก็จะดูเหมือนคนกำลังมีความสุขอยู่เสมอ ซึ่งจุดนี้ผมถือว่าเป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของงานบริการนะ ผมชอบมาก

“สวัสดีทุกคนครับ : )”

“อุ๊ย สวัสดีจ้ะ” พี่นิ่มนี่ถึงกับร่าเริงผิดปกติเลยครับเมื่อเจอไอ้เจไดกล่าวทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนที่พี่สาวไซส์ใหญ่ลูกหนึ่งจะเอี้ยวตัวส่งไอติมให้ไอ้เอเอยกไปเสิร์ฟพร้อมกับแอบกระซิบข้างหูผมตอนเดินเข้าไปที่หลังเคาน์เตอร์ว่า “นี่มันคนที่กำลังเป็นข่าวกับน้องต่อไม่ใช่หรอจ๊ะ?” เอ๊ะ พี่นิ่มแกก็แอบติดตามข่าวสารของผมกับไอ้เจไดเหมือนกันหรอ ไม่ยักรู้เลยนะเนี่ย?

“ใช่ครับ เนี่ยแหละ ไอ้ตัววุ่นวายของแท้เลย”

“โอ๊ยยย ตายๆๆ ระวังตัวไว้ให้ดีนะคะน้องต่อ หล่อประหารขนาดนี้เนี่ย ผู้ชายก็ผู้ชายเถอะ ระวังจะหวั่นไหวเอาไม่รู้ด้วย”

“อา...”

พี่นิ่มไม่รู้อะไร... ผมก็กำลังหวั่นไหวอยู่นี่ไงครับพี่ เฮ้ออออออ

“แน่ะ กระซิบอะไรกันครับ บอกผมด้วยสิ” แต่ไอ้ร่างสูงมันจับได้ครับว่าผมกับพี่นิ่มกำลังแอบกระซิบกระซาบกันอยู่หลังเคาน์เตอร์ มันเลยแสดงความอยากรู้อยากเห็น (เสือกนั่นแหละ) ด้วยการเอาคางขึ้นมาเกยอยู่บนตู้กระจกไอติมเป็นเด็กๆ เลย ยุ่งจริงๆ

“ความลับจ้ะพ่อคนหล่อ” ดีเลยครับพี่นิ่ม ปฏิเสธมันไปเลย อยากยุ่งดีนัก แต่เดี๋ยวนะ... ไหงพี่พนักงานสาวของผมต้องไปส่งสายตาปิ๊งๆ ให้ไอ้เจไดมันด้วยล่ะ? พี่นิ่มอย่าไปหลงเสน่ห์มันอีกคนสิ!

“โห เสียใจจัง แค่นี้ก็ต้องมีความลับกับผมด้วย ว่าแต่... วันนี้คนเยอะจัง มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะครับพี่นิ่ม ผมพร้อมช่วยเต็มที่เลย” พูดพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ ฮึ้ยยยยยย

“อุ๊ย น้องเจไดอยากช่วยจริงๆ หรอจ๊ะ”
 
“จริงสิครับ ผมเป็นพวกพูดจริงทำจริงอยู่แล้ว : )”

“ถ้างั้นก็ช่วยรีบสั่งไอติมแล้วไปหาที่นั่งซะ อย่ามาเกะกะ!”

เอาล่ะ อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะครับ แต่ยืนดูไอ้เจไดหว่านเสน่ห์ใส่พี่สาวผมแล้วมันอดจะหมั่นไส้ไม่ได้จริงๆ! ถึงกับต้องรีบเดินออกจากเคาน์เตอร์เพื่อมาศอกใส่อีกฝ่ายเข้าให้ ถือเป็นการเร่งมันว่าให้รีบสั่ง จะได้รีบๆ ไปหาที่นั่งเสียที รำคาญ!

“ใจร้ายยยยยย : (“

เอเอที่เพิ่งกลับจากเสิร์ฟไอติมนี่ถึงกับงงเลยครับเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ไอ้เจไดก็ทำหน้าบูดแบบนั้น แหงสิ ไอ้เอเอมันก็คงจะไม่เคยเห็นผู้ชายตัวใหญ่ที่ทำหน้าทำตายังกับเด็กโดนดุแล้วไม่พอใจมาก่อนหรอก ผมเข้าใจ

ก็ใครมันจะไปบ้าได้เหมือนไอ้หล่อนี่ล่ะ จริงไหม?

แต่ผมก็ไม่ได้จะอธิบายอะไรให้ไอ้เอเอฟังหรอกนะ ทำเพียงแค่รอจนคนข้างๆ ออเดอร์เสร็จ ก็จัดการผลักไสไล่ส่งมันไปหาโต๊ะนั่งทันที ซึ่งมันก็ว่าง่ายครับ ถึงจะยังบุ้ยปากใส่ผมไม่หยุด พูดว่า “ขอช่วยไม่ได้หรอ กูอยากช่วยนะ : (“ แต่ลงท้ายมันก็ยังว่าง่าย ยอมฟัง ยอมเดินไปหาโต๊ะนั่งแต่โดยดี

เฮ้ออออออ เมื่อคืนนี้ผมบอกว่ารู้สึกเหมือนมีผัวขี้หึงใช่ไหม เช้านี่ผมรู้สึกเหมือนมีลูกครับ! ไอ้ลูกบ้า!

“น้องต่อจะไปเสิร์ฟเองไหม หรือว่าจะให้เอเอไปเสิร์ฟ?”

“ให้เอเอไปเสิร์ฟดีกว่าครับ” ไม่ได้เข้าร้านหลายวัน ผมเลยอยากขอเวลาคุยกับพี่นิ่มสักหน่อย “ฝากด้วยนะเอเอ”

“ได้ครับพี่” ซึ่งไอ้เอเอมันก็รู้งานครับ พอเดินเอาไอติมไปเสิร์ฟให้เจไดเสร็จ มันก็ทำเป็นเดินไปตรวจตราตามโต๊ะต่างๆ อย่างไม่มีเหตุผล เออ ต้องแบบนี้สิ เขาถึงจะเรียกว่าอยู่เป็น

“เป็นไงบ้างครับพี่นิ่มช่วงนี้”

“ก็ดีจ้ะ ขายดิบขายดีไม่มีปัญหาอะไร แต่เดี๋ยวต้องเตรียมสต๊อกของเพิ่มแล้วนะ ใกล้สอบกลางภาคละ ช่วงนี้พวกเด็กๆ มันจะหิวของหวานมากเป็นพิเศษเลย”

“แล้ว... เอเอกับพี่มิกซ์ล่ะครับ?”

“ก็ดีนี่ เอเอมันก็ขยันปกติ” แค่นั้นเอง พี่นิ่มพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ทำเป็นหยิบนู่นหยิบนี่อย่างมีพิรุธ จนผมถึงกับต้องตามจี้ถาม

“แล้วอีกคนนึงล่ะครับ”

“...”

“พี่นิ่ม”

“...”

“พี่นิ่มครับ”

“เฮ้ออออออ ใจจริงเนี่ยถ้าน้องต่อไม่ถามพี่เองก็ไม่อยากพูดเลยนะ เรื่องมิกซ์น่ะ”

นั่นไง ว่าแล้วพี่นิ่มมีพิรุธ มีเรื่องจริงๆ ด้วยแฮะ

“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?”

“ก็เจ้ามิกซ์น่ะสิ ไม่รู้หมู่นี่มันเป็นอะไรของมัน จากที่เคยทำงานดีๆ กลายเป็นคนทำงานห่วยไปเลย”

“หา!? ขนาดนั้นเลยหรอพี่นิ่ม?”

ปกติคำว่า ‘ห่วย’ นี่ไม่เคยออกจากปากพี่นิ่มเวลาพูดถึงใครเลยนะ แสดงว่าคราวนี้คงไม่ใช่เล่นๆ แล้วล่ะ

“คิดดูสิน้องต่อ จากคนเคยสุภาพ ทำงานดีเรียบร้อยขยันขันแข็ง กลายเป็นคนหงุดหงิดโมโหง่าย ทำนู่นทำนี่ปึงปังๆ ไปหมด เดี๋ยวชักสีหน้าใส่ลูกค้าบ้าง ชักสีหน้าใส่พี่บ้าง ไม่รู้ว่ามันไปกินรังแตนมาจากไหน”

“...”

“อย่างวันนั้น วันที่... อ้อ วันที่น้องต่อไลน์มาบอกว่าจะเข้าร้านแต่ไม่ยอมเข้าน่ะ พี่เนี่ยนะเหมือนอยู่ในนรกเลยจ้ะ ไอ้เจ้ามิกซ์มันทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง กระฟัดกระเฟียดไปหมด ขนาดตักไอติมให้ลูกค้าเฉยๆ ยังเละไม่เป็นท่า พอไม่มีคนก็เอาแต่ถามว่าเมื่อไหร่น้องต่อจะมา พี่เองก็ตอบไม่ได้อะจริงไหม รู้แค่ว่ามันไม่ควรทำแบบนี้เลย”

“...”

“แล้วพอพี่ตัดสินใจพูดเตือน เตือนแบบเตือนดีๆ ด้วยนะ ไม่ได้ดุสักคำ มันกลับทำหูทวนลมใส่พี่ บอกเพลีย ขอลากลับก่อน นี่เมื่อวานก็โทรสายตรงมาหา บอกว่าขอลาหยุดวันนึง จนพี่ต้องไปเรียกเอเอมาช่วยเนี่ย”

“เรื่องนี้พี่น่าจะโทรบอกผมนะพี่นิ่ม”

“เฮ้อออออออ เอาตรงๆ นะน้องต่อ พี่ไม่อยากให้มีปัญหาจ้ะ พี่เห็นว่าไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่อะไร จนได้มาพูดกับน้องต่อเนี่ยแหละ พี่ถึงได้เริ่มคิด ว่าไอ้เจ้ามิกซ์มันชักจะแปลกเกินไปแล้ว”

แปลกจริงแหละ ปกติพี่มิกซ์สุภาพกับพี่นิ่มจะตาย ออกจะขี้เล่นกับพี่นิ่มเสียด้วยซ้ำ จู่ๆ จะมาทำแบบนี้ ผมว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว

เอ๊ะ หรือว่า...? เฮ้ย ไม่หรอกๆๆๆ ไม่เกี่ยวกันหรอก อย่าคิดมากสิวะไอ้ตัวต่อ

“แล้วพี่นิ่มพอจะเดาได้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

แต่พี่นิ่มส่ายหน้า “ไม่รู้เลย คิดไม่ออก คิดเท่าไหร่ก็คิดๆ ไม่ออก นี่พี่ก็ว่าจะถามน้องต่ออยู่เหมือนกันว่าพอจะรู้ไหมว่าไอ้เจ้ามิกซ์มันเป็นอะไรของมันกันแน่?”

ผมเองก็ส่ายหน้าเช่นกัน “ไม่รู้หรอกครับ ขนาดหน้ายังไม่ค่อยได้เจอกันเลย” ถึงจะพอเดาๆ ได้อยู่หรอกนะ ว่าสาเหตุอาจมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับไอ้เจไดก็ได้ แต่จะให้พูดออกไปก็คงไม่ใช่เรื่องปะ?

เป็นผู้ชายแต่มีปัญหาเพราะว่าผู้ชายไม่พอใจที่มีผู้ชายอีกคนมายุ่งมาจีบเงี้ย น่าพูดตายล่ะ : (

“เอาเถอะ ไงเดี๋ยวพี่จะขอดูอาการมันอีกสักวันสองวันนะ ถ้ายังไม่ดีขึ้น เดี๋ยวพี่จะถามมันตรงๆ เอง”

“โอเคครับ ขอบคุณมากนะครับพี่นิ่ม งั้น...เดี๋ยวผมขอตัวไปหาไอ้ตัวยุ่งนั่นก่อนนะครับ เดี๋ยวมา”

“ได้จ้าาา : )”

แน่ะ อย่าทำเป็นแซวสิครับพี่นิ่ม ที่ไปเนี่ยไม่ใช่ว่าอยากไปสักหน่อย แค่เห็นมันชะเง้อชะแง้มองมาทางนี้หลายรอบละ เลยกะว่าจะเดินไปบอกมันเลยว่าเดี๋ยวคงจะมาอยู่เป็นเพื่อนกับมันไม่ได้แล้ว ผมต้องทำงาน

ทว่า...

“อุ๊ย น้องต่อ เจ้ามิกซ์มา”

จู่ๆ เสียงร้องของพี่นิ่มที่ไล่หลังมาก็ทำให้ผมหันไปมองที่ประตูทางเข้า

ติ๊งต่อง!

เพื่อที่จะพบกับพี่มิกซ์ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์เหมือนกับไอ้เจไดเปี๊ยบ ดูเหมือนนัดกันมาเลยอะ แต่... ไอ้เจไดดูดีกว่าเยอะเลยนะ นี่ไม่ได้เข้าข้าง ไอ้เจไดมันออร่าจับกว่าจริงๆ อะ

“ว่าไงเรา ไม่เจอกันเลยนะ”

“อะ...อ้าว พี่มิกซ์ พอดี...ช่วงนี้ต่อยุ่งๆ น่ะครับ”

“หรอ? แล้วนี่ยุ่งเรื่องเรียนหรือว่าเรื่องไอ้ห่านั่นล่ะ?” พี่มิกซ์... ทำไมพี่เขาถึงพูดจาแบบนี้กับผมวะ โอเค ผมรู้นะว่าพี่เขาชอบผม และก็คงจะไม่พอใจแหละถ้ารู้ว่ามีไอ้เจไดเข้ามายุ่งกับผมน่ะ แต่การที่จะมาพูดจาประชดประชันตัดพ้อยังกับว่าพี่เขาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวผมแบบนี้เนี่ย ผมว่าผมไม่โอเคว่ะ

“พี่ก็พูดไป” แต่เพราะไม่อยากจะมีเรื่องไง ผมเลยเลี่ยงที่จะพูดอะไรก็ตามที่มันจะทำให้เกิดการปะทะ ก่อนจะตัดสินใจเดินย้อนกลับมาหาพี่นิ่มที่เคาน์เตอร์ ไม่หงไม่หามันแล้วไอ้เจไดน่ะ

“สวัสดีจ้ะมิกซ์ ทำไมวันนี้มาได้ล่ะ นึกว่ากลับบ้านซะอีก”

“ไม่ได้กลับครับ ใกล้สอบแล้ว เลยบอกแม่ว่าขออยู่หอยาวๆ นี่ก็ออกมาหาของหวานกินครับ ร่างกายมันต้องการน้ำตาล : )”

“เอาอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่ตักให้ บลูเบอร์รี่ไหม?”

พี่มิกซ์เขาชอบกินบลูเบอร์รี่ครับ เป็นไอติมรสโปรด เรื่องนี้คนในร้านทุกคนรู้ดี เหมือนที่ผมรู้ว่าพี่นิ่มชอบรสกาแฟ แล้วก็ไอ้เอเอชอบรสผลไม้รวมนั่นแหละ

“เอาครับ เอาบลูเบอร์รี่ ใส่โคนวาฟเฟิลนะครับ”

“โอเคจ้ะ” พี่นิ่มดูเหมือนว่าจะสบายใจกับพี่มิกซ์มากขึ้นนะ คงเพราะว่าตั้งแต่มา ถ้าไม่นับรวมที่พูดจาไม่ดีกับผมเมื่อกี้ ก็ไม่เห็นว่าพี่มิกซ์จะออกอาการเหมือนที่ผมกับพี่นิ่มคุยกันก่อนหน้านี้เลย

แต่เพราะว่าผมเจอไปหนึ่งดอกแล้วไง ผมถึงได้เชื่อว่าพี่นิ่มแกไม่ได้ใส่ร้ายพี่มิกซ์ มันคือเรื่องจริง แค่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับพี่นิ่มในวันนี้ก็เท่านั้นเอง

“ขอบคุณครับ ขอกินฟรีได้ไหมเนี่ย ฮ่าๆๆ”

คนที่เพิ่งจะรับไอติมก้อนกลมสีม่วงบนโคนวาฟเฟิลพูดทีเล่นทีจริง แต่มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ตั้งท่าจะล้วงเงินออกมาจ่าย ผมเลยต้องห้ามไว้ แค่นี้เอง ไม่ต้องจ่ายหรอก ลูกน้องผม ผมเลี้ยงได้

“ไม่ต้องให้หรอกครับพี่มิกซ์ ต่อเลี้ยง”

“เฮ้ย จริงดิ ใจดีจัง : )” ไม่พูดเปล่า ร่างสูงใช้ลิ้นเลียไอติมไปหนึ่งที... โดยที่...ตาก็ยังคงจับจ้องมาที่ผม อา... ขนลุกแฮะ!

“พี่นิ่ม ผมขอผ้ากันเปื้อนหน่อยครับ” ผมก็เลยต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

“อะ นี่จ้ะ” ทำเป็นขอผ้ากันเปื้อนจากพี่นิ่มมาใส่ ทำเป็นตั้งหน้าตั้งตาพร้อมทำงาน

แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิดแฮะ...

“มา เดี๋ยวพี่ช่วย”

“เฮ้ย ไม่ต้องครับ พี่ยัง...” ยังถือไอติมในมืออยู่เลย จะมาช่วยผูกได้ไงเล่า!?

ไม่รอช้า พี่มิกซ์ตรงเข้าประชิดด้านหลังผมเหมือนเมื่อครั้งก่อนที่มาร้าน หากแต่คราวนี้...ผมรู้สึกได้ถึงความแนบชิดที่มากขึ้น โดยเฉพาะ...ท่อนล่างที่บดเบียดเข้ามาซะจนส่วนหน้าของผมขยับเข้าติดชิดกับเคาน์เตอร์...

แม่ง... ทำไมพี่เขาถึงทำแบบนี้วะ!? แล้วทำไม...ผมถึงต้องมาเจออะไรเหี้ยๆ แบบนี้ด้วย...

“เฮ้ย มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ!?”

จะ...ใจผมนี่หายวายเลยครับ! เมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของเจไดดังมาจากทางด้านข้าง และก็ยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อหันไปเห็นว่าไม่เพียงแค่อยู่ใกล้ๆ หากแต่ร่างที่สูงใหญ่กว่าใครทั้งนั้นกำลังกำขอเสื้อของพี่มิกซ์แน่น พร้อมกับกระชากให้ออกไป

“แล้วมึงคิดว่ากูทำอะไรล่ะ : )” แต่ที่แย่กว่าก็คือ...พี่มิกซ์สวนกลับไปหาอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยครับ ดูก็รู้ว่าจงใจแสดงความสะใจเพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดอาการคลั่งเห็นๆ

“อย่านะเจได”

ผมร้องห้าม ไม่อยากให้เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นในร้าน ขณะที่พี่มิกซ์เองก็พยายามอย่างยิ่งที่จะแกะมือของเจไดออก แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จสักที ทำเอาคนที่กำคอเสื้ออยู่สามารถลากพี่เขาให้ตามกันออกไปที่นอกร้านได้

ปัก!

หมัดแรกเป็นของไอ้เจไดที่ต่อยพี่มิกซ์เข้าเต็มเบ้า ทำเอาไอติมโคนวาฟเฟิลรสบลูเบอร์รี่สดหล่นเละลงพื้นไปเลย

“ไอ้เหี้ย!” แต่พอถึงคราวที่พี่มิกซ์จะปล่อยหมัดคืนบ้าง ไอ้เจไดกลับหลบได้อย่างง่ายดาย ดูท่าว่าจะเป็นมวยไม่น้อย

ปัก!

ปัก!

ปัก!


มันถึงได้สามารถรัวหมัดใส่หน้าพี่มิกซ์ได้ถึงสามครั้งติดกันเลย!

“พอแล้ว!”

ผมตัดสินใจกระโดดเอาตัวเข้าไปขวางไว้ เวลานั้นทั้งคนในร้านและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้านนอกต่างพากันยืนมุงดูความวิวาทในครั้งนี้กันอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่ผมไม่สนละ ใครจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ไอ้เจไดต้องไม่ได้ต่อยพี่มิกซ์อีก พอแล้วครับ

“มึงก็เห็นที่มันยิ้มนี่ จงใจหาเรื่องกูชัดๆ!”

“ไม่เอาน่า พอแล้ว ถือว่ากูขอละนะ”

“ไม่ต้องห้ามมันหรอก ปล่อยมันมาเลย พี่ไม่กลัวอยู่แล้ว”

นี่ก็อีกคน คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันเท่มากเลยสินะ!

“พี่เองก็ด้วย พอได้แล้ว”

และเพื่อความเท่าเทียม เมื่อห้ามฝ่ายนึงก็ต้องห้ามอีกฝ่ายนึงด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่าเข้าข้าง

“...”

“...”

แต่พอทั้งสองฝ่ายนิ่ง ไม่ฟัดกันต่อตามที่ผมขอ ผมก็ตั้งท่าว่าจะจูงมือเจไดกลับเข้ามาในร้าน แต่กลับกลายเป็นตัวผมซะเองที่ถูกพี่มิกซ์ลากไปอีกทางนึง

“นี่ต่อแคร์มันมากกว่าพี่หรอ!?”

“แล้วมึงเสือกอะไรด้วย!” เจไดยังคงเลือดร้อนไม่เปลี่ยน มันพยายามจะแย่งผมให้กลับไปอยู่ฝั่งตัวเอง แต่ผมยกมือห้าม เพราะอยากเป็นคนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้

“ถามจริงนะ พี่เป็นอะไรไปพี่มิกซ์ พี่ชายแสนดีที่ต่อเคยนับถือหายไปไหนแล้ว?”

พอได้ยินสิ่งที่ถาม คนถูกถามก็ถึงกับแค่นหัวเราะออกมา “นี่ต่อไม่รู้จริงๆ หรอว่าทำไมพี่ถึงได้เป็นบ้าแบบนี้?”

ผมส่ายหน้า “ไม่ครับ ต่อไม่อยากเดา” ถ้าหากมีอะไรที่ผมควรจะรู้ล่ะก็ ผมขอฟังจากปากของพี่มิกซ์เองก็แล้วกัน

“ก็เพราะต่อนั่นแหละ!”

“...”

“ต่อนั่นแหละที่เป็นคนทำให้พี่เป็นแบบนี้”

“...”

“ทำไมอะ ทำไมถึงต้องเป็นมันด้วยที่ได้จีบต่อ ทำไมถึงยอมให้มันเข้ามายุ่งกับชีวิตต่อ”

“...”

“ทั้งๆ ที่ต่อก็น่าจะรู้... ว่า... พี่ชอบต่อมาตลอด!”

“ใช่ ผมรู้” รู้มาตลอดอย่างที่พี่มิกซ์ว่า “แต่ต่อชอบผู้หญิงครับ ต่อไม่ได้ชอบผู้ชาย เพราะฉะนั้นต้องขอโทษด้วยที่ต่อไม่สามารถรับความรู้สึกของพี่มิกซ์ได้”

“แล้วไอ้ห่านั่นมันเป็นผู้หญิงหรือไงต่อ! มันเป็นผู้หญิงหรือไง!”

“...”

“ฮะ! ตอบมาสิ มันไม่ใช่ผู้ชายเหมือนพี่หรือไง!?”

“ปล่อยตัวต่อนะเว้ย!”

ผมเงียบครับ... ไม่ได้เถียงอะไรกลับไปเลยตอนที่พี่มิกซ์ตรงเข้ามาเขย่าตัวผมอย่างแรง ทั้งที่ผมตัวเล็กกว่าพี่เขาไม่รู้กี่เท่า แต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด...

เพราะที่เจ็บกว่าก็คือ... ทั้งที่ผมก็ไม่ได้อยากจะทำร้ายใคร แต่ผมกลับไม่อาจอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้จริงๆ ว่าทำไมไอ้เจไดมันถึงเป็นข้อยกเว้นในเรื่องนี้...

อย่างเวลาที่พี่มิกซ์พยายามเข้าใกล้ ผมจะรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม… รู้สึกขนลุกไปหมด คล้ายคนกำลังเจอเรื่องที่น่าสยดสยอง แต่พอเป็นไอ้เจได...ทั้งที่มันก็ยืนประกบอยู่ด้านหลังผมแบบนี้ ผมกลับไม่รู้สึกแย่เลยสักนิดเดียว...

คือมันต่างกัน แต่ผมก็อธิบายไม่ได้ อธิบายไม่ได้จริงๆ

“บอกมาสิต่อ บอกมาสิว่าพี่กับมันมีอะไรที่ต่างกัน ทำไมถึงเป็นพี่ที่จีบต่อไม่ได้!”

“คงเพราะว่า...เจไดมันเป็นข้อยกเว้นสำหรับต่อมั้งครับ” ผมก็เลยตอบเหมือนที่เคยตอบไปเมื่อคืนนี้

“งั้นก็แสดงว่า... ถ้าไม่มีไอ้เจไดสักคน พี่ก็อาจจะกลายเป็นข้อยกเว้นของต่อใช่ไหม?” แล้วก็ต้องมาทนดูสายตาเจ็บปวดของคนตรงหน้า...ที่เพียงแค่แวบเดียวก็กลับเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว พุ่งตรงเข้าหาไอ้เจไดที่ยืนอยู่กับผมอีกครั้ง

ปึก!

คราวนี้ไอ้เจไดหลบไม่พ้น หมัดของพี่มิกซ์หมัดแรกสามารถชกเข้าที่หน้าของมันได้สำเร็จ และเกือบจะได้ตามต่อติดๆ ในหมัดที่สอง ถ้าเกิดผมไม่เป็นคนขวางไว้

“เลิกบ้าสักที!” คราวนี้ผมไม่ได้แค่ร้องห้ามอย่างเดียว หากแต่ผลักพี่มิกซ์สุดแรง ยิ่งหันไปเห็นไอ้เจไดที่ล้มลง...ผมยิ่งเลือดขึ้นหน้า! ได้ ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่ฟัง งั้นกูก็จะไม่พูดดีๆ กับมึงอีกแล้ว!! “ต่อให้เหลือมึงคนเดียวบนโลกใบนี้ กูก็ไม่เอา!”

“ต่อ... ทำไมพูดจาแบบนี้กับพี่อะ!?”

“แล้วทำไมกูต้องให้เกียรติมึงด้วย! ที่ผ่านมา… มึงทำ...เหี้ยอะไรกับกูไว้บ้าง จำได้ไหม!? เข้ามาใกล้ๆ กู พยายามลวนลามกู มึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วกูจะชอบมึงหรอ!?”

“เดี๋ยวต่อ พี่...”

“มึงไปไกลๆ เลยนะ” ผมชี้หน้า รู้สึกว่ายังไงก็จะไม่ยอมให้มันเข้ามาใกล้ผมอีกแล้ว “เสียแรงที่กูรักมึง มองมึงเป็นพี่ชายที่ดี เป็นพนักงานที่กูอยากให้ทำงานด้วย แต่ในเมื่อมึงล้ำเส้นขนาดนี้ ก็อย่าได้มายุ่งกับกูอีกเลย!”

“เดี๋ยวสิ พี่ขอล่ะ ฟังพี่ก่อนนะ”

“มึงยังจะพูดอะไรอีกฮะ!?” เจไดที่เพิ่งจะลุกขึ้นมาก็ตั้งท่าจะซัดอีกฝ่ายเต็มที่ แต่ผมใช้แขนขวางไว้ และหันไปมองให้รู้เลยว่า ถ้ามันไม่ฟัง มันคือคนต่อไปที่ผมจะเนรเทศ!

“ต่อ... พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งจะทำไม่ดีกับต่อเลยนะ” ส่วนไอ้นี่ก็เริ่มดราม่า “พี่แค่...อยากเป็นคนที่ต่อรัก พี่อยากเป็นแฟนต่อ พี่ถึงได้พยายามเข้าหาต่อแบบนั้น”

“กูก็บอกแล้วไง ว่ากูมองมึงเป็นแค่พี่ เป็นแค่พนักงานในร้าน นี่กูยังพูดไม่ชัดเจนอีกหรอ?”

“เออ! กูรู้ กูรู้ว่ามึงไม่เคยมองกูเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากพี่แล้วก็ลูกน้องอะ แต่... ฮึก... กูไม่อยากเป็นแค่นั้นอะ ได้ยินไหม กูไม่อยากเป็น!”

“หรอ?” ผมก้าวยาวๆ เข้าไปหาด้วยใจที่เต้นระทึก เมื่อตั้งใจไว้ว่าจะทำในสิ่งที่อยากทำมานาน “ถ้างั้น...มึงก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นอะไรได้อีกแล้วล่ะ ไอ้เหี้ย!”

ปัก!

“โอ๊ย!”

ผมต่อยหน้าไอ้พี่มิกซ์สุดแรง ให้สาสมกับสิ่งที่มันเคยทำกับผม และสาสมกับสิ่งที่มันทำกับไอ้เจไดเมื่อกี้นี้ด้วยด้วย ก่อนที่หลังจากนั้นจะจงใจ ‘เหยียบ’ ไอติมบลูเบอร์รี่ให้ยิ่งเละนักมากขึ้นกว่าเดิมในระหว่างที่เดินจากมา... และก็ไม่คิดที่จะสนใจเสียงเรียกไล่หลังของใครอีกเลย…

จบตอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2018 21:19:54 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สิ่งที่มิกซ์ทำกับต่อมันออกแนวคุกคามกันจริงๆแหล่ะ แถมยังไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวอีก เจอต่อตัดออกจากชีวิตไปแบบนี้ก็สมควรแล้ว

ออฟไลน์ 양아치

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดีมาก ต่อ ต้องทำอะไรเด็ดขาดแบบนี้แหละถึงจะดี ตัดๆ ทิ้งไปซะ จะได้ไม่ดราม่า
สะใจ  o13

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เค้าบอกว่าไม่ชอบไง ฟังรู้เรื่องม้ายยยยยยยยยยยย :katai1:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
่เข้าใจความรัก ความแอบชอบนะ แต่บางทีมันการกระทำของอิพี่มิกซ์มันก็ล่วงล้ำสิทธิของต่อเกินไป ถึงขั้นอนาจารเลย สมควรที่ตัวต่อจะฟิวส์ขาด  :z6: ความรักมันเป็นเรื่องของหัวใจเว้ย มันบังคับไม่ได้หรอกว่าต้องรักคนนี้นะ ไม่รักคนนี้นะ...เจได วินสุดจ้าตอนนี้ 'ชายผู้เป็นดั่งข้อยกเว้น' ไหมล่ะ  :katai2-1: ยังรออ่านอยู่น้าาาาาาาาาาาาาาาา อยู่ด้วยกันไปจนจบเรื่องเล้ย สนุกค่ะ  o13

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ ชื่อเรื่องน่าสนใจเลยแวะเข้ามา อ่านไปอ่านมาเริ่มงอมแงมแระ ขอสมัครเป็น FC ตัวต่อเจได ด้วยคน

ออฟไลน์ PAtxxkMxxn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เวลาโกรธแล้วน่ากลัวเลยตัวต่ออออ :hao6:

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
อีมิกซ์ คนอย่างเมิงสมควรโดนล้าววววว5555

ตัวต่อ หนูลูก หนูก็ปลอยให้เขาเบียดหนูคิดเค้าท์เตอร์เนอะ หึ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
[ ขออนุญาตลบเนื้อหา ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2020 02:33:45 โดย Hamzholic »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
[ ขออนุญาตลบเนื้อหา ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2020 02:33:55 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๋ๆน้องตัวต่อ :mew6:

ออฟไลน์ 양아치

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดูเป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักดีอ่ะ คุยกันเหมือนคนเข้าใจกัน
พออ่านเหตุผลที่ตัวต่อต้องบนแล้วเศร้าแทนนน ฮือออ  :hao5: น้ำตาซึม
ชอบเหตุผลที่บนแบบนั้นมาก มันก็จริงแหละ

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
แง้ๆ แอบเศร้าอะ  :hao5:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
ตัวต่อ หนูมีความรักแบบนี้ลืมเรื่องเศร้าเถอะนะ

เจได เมิงดูแลน้องกูด้วยยนยย

แล้วใครให้ใช้เครื่องนอนสตาร์วอฮะ เทอไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์นะโว้ยยยยนนน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เจไดจีบแล้วก็ต้องดูแลตัวต่อดีๆนะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
สงสารต่อออ กอดดน้องง
เจไดมาปลอบสิ ปลอบบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด