II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18  (อ่าน 2440 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
« เมื่อ18-12-2017 18:56:25 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

.....................................
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2018 16:28:21 โดย Dealta »

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [1] : 18:12:17
«ตอบ #1 เมื่อ18-12-2017 19:21:23 »

ณ ปลายทางที่รอ
[1]
[/size]




ถ้าถามว่าความรักเคยทำให้ผมรู้สึกท้อบ้างมั๊ย  แน่นอนว่าผมไม่เคยปฏิเสธ
เพียงแต่ความสุขมันมีมากกว่า ผมก็เลยไม่ยอมแพ้ที่จะรอ รอให้เขาหันมา


ไอ้เชนท์ ยิงเลย”
พี่เชนท์สุดยอด ”


และไม่ว่าปลายทางมันจะสิ้นสุดลงตรงไหน   ผมก็จะยังรอเขาที่ปลายทางนั่นเสมอ


“ ยิงเน้นๆ 2-0”
“ วู้ววว”
“ เยส ชนะแล้ว”


ปลายทางที่มีผม.... ปลายทางที่รอเขาเพียงคนเดียว....เท่านั้น


“อย่างนี้ต้องฉลอง”
“ เชี่ยน้ำตากูจะไหล”
“ ฮือออ มันยิ่งกว่าบอลโลกอีกอ่ะ”
.
.
.
.
.


นที อิสรนิตยากร มองคนตัวโตที่กำลังโดนเพื่อนๆต่างรุมเข้ามากอด
หลังจากที่เจ้าตัวยิงประตูได้อย่างสวยงามก่อนจบเกมการแข่งขันกีฬาภายในมหา’ลัยที่จัดขึ้นเป็นทุกปี
ส่งผลให้คณะวิทยาศาสตรการกีฬาคณะของคนอย่าง เชนท์ คฑาเชนท์  บวรกิตติรัตน์ ได้รับชัยชนะในปีนี้



ดวงตากลมโตใสซื่อมองคนที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอย่างไม่กะพริบตา
เสียงไชโยโห่ร้องแสดงถึงความดีใจของคนในสนามดังกึกก้อง
จนนทีต้องยกโทรศัพท์เพื่อถ่ายรูปบันทึกภาพเหล่านั้น
และเพื่อบันทึกสีหน้าของใครบางคน



ใครบางคน....ที่อยู่ในความทรงจำของเขาตลอดมา




และหากนี่คือชัยชนะในเกมการกีฬาแล้ว
ใครบางคนคนนั้นก็ยังคงชนะใจเขาด้วยเช่นกัน











“หาอะไรของมึงเนี๊ยะไอ้เชนท์ กูเห็นมึงคุ้ยกระเป๋านั่นตั้งนานแล้วน่ะ” ตั้มเห็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมของตัวเอง
ก้มๆเงยๆหาของในกระเป๋าเป้ของมันอย่างเอาเป็นเอาเตาย ราวกับหาของสำคัญยังไงยังงั้นแหละ
 
“ กูต้องลืมเอามาแน่ๆเลยว่ะ”
“ ลืมอะไรของมึง”
“ น้ำ”

ตั้มร้องอ๋อออกมา น้ำที่ว่านั่นมันเป็นน้ำสูตรพิเศษของไอ้เชนท์ที่แม่มันเป็นคนทำให้ดื่มเป็นประจำ
ซึ่งมันมักจะพกติดตัวมาตลอดเวลาต้องเสียเหงื่อแบบนี้ 
และดูก็รู้ว่าตอนนี้ไอ้เชนท์มันคงรู้สึกหงุดหงิดตัวเองไม่น้อยที่ลืมเอามา


“ กูเอาออกมาแล้วแท้ๆ แม่งลืมได้ไงว่ะ” สบถกับตัวเองด้วยความรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านที่ลืมเอามา
ทั้งที่ก่อนจะออกจากบ้านก็เอามันออกมาจากตู้เย็นแล้ววางไว้บนโต๊ะอาหารแล้วแท้ๆ
หรืออาจจะเป็นเพราะวันนี้เขาตื่นเต้นเกินไปที่คณะของตัวเองจะได้เข้ารอบชิงฟุตบอล ในรอบหลายปี


ซึ่งปกติแล้วฟุตบอลเป็นเกมการกีฬาชนิดเดียวที่เป็นรองคณะพลศึกษาฯกับวิศวฯ
แต่ในปีนี้คณะเขาได้เข้าไปชิงกับคณะพลศึกษาฯที่เป็นแชมป์มาตลอดทุกปี
แต่ทว่าปีนี้กลายเป็นคณะเขาแทนที่ได้เป็นแชมป์ และได้เป็นแชมป์ในรอบหลายปี
เลยทำให้เขาลืมพามันมาด้วย เพราะความตื่นเต้น ให้ตายเหอะ
นี่กูอยู่ปีสามแล้วน่ะเว่ยไม่ใช่อนุบาลสามที่จะมาลืมของสำคัญแบบนี้ได้



อันที่จริงน้ำสูตรพิเศษอะไรนั่น มันก็เป็นแค่น้ำเก็กฮวยธรรมดาๆก็เท่านั้น
เพียงแต่เขาชอบดื่มมันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และต้องเป็น้ำเก็กฮวยที่เป็นสูตรของแม่เขาทำเท่านั้นเขาถึงจะดื่ม 
พอไม่ได้ดื่มมันก็เลยอดที่จะรู้สึกหงุดหงิด เซ็งๆ ไม่ได้
แต่ก็เอาเถอะมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดต้องกลับไปหาดื่มที่บ้านซะเดี๋ยวนี้ก็แค่ร่างกายมันเหนื่อยล้า
เลยอยากจะจิบให้รู้สึกสดชื่นก็เท่านั้น





“ เอาของกูก่อนมั๊ย” ไอ้ตั้มยื่นน้ำเปล่าให้เขา เขาเพียงแค่ส่ายหน้าเพราะไม่ได้อยากดื่มน้ำเปล่านั่นสักหน่อย
เพราะก่อนหน้านี้ก็ดื่มจนจะเต็มกระเพาะอยู่แล้ว สองมือก็เก็บสำภาระของตัวเองไปด้วย
ก่อนจะทรุดตัวนั่งพักให้หายเหนื่อยเมื่อเก็บของเสร็จ เดี๋ยวกะว่าจะไปชำระร่างกายให้สะอาด
เพราะหลังจากนี้โค้ชจะพาพวกเขาไปฉลองความสำเร็จที่ร้านชาบูกัน


ส่วนเพื่อนๆนักฟุตบอลคนอื่นๆตอนนี้ก็กำลังยืนถ่ายรูปโพสต์ท่ากับถ้วยรางวัลด้วยหน้าตาอันชื่นมื่น
เขาเองก็ถ่ายไปแล้วหลายช็อตก่อนที่จะแยกออกมาหาน้ำนี่แหละ แต่หาไม่เจอไง เพราะลืม อดแดก












“เอ่อ น้ำ”
ในขณะที่กำลังนั่งพักสายตาเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า เสียงน่ารักของใครบางคนก็แว่บเข้ามาในหู
จนต้องเปิดเปลือกตาขึ้นเพื่อมอง

ใบหน้าขาวใสพร้อมกับรอยยิ้มซื่อๆของคนตรงหน้ายื่นกระติกน้ำมาให้เขาด้วยท่าทางเกร็งๆอย่างบอกไม่ถูก
เชนท์มองกระติกน้ำในมือเล็กข้างนั้นที่ยื่นมาให้เขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวใสที่มีลักยิ้มข้างแก้มนั่นอีกครั้ง




“ของเราเหรอ” ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ากระติกน้ำนั่นเป็นของเขาแน่ๆ แต่เพราะคนที่กำลังยื่นเอามาให้ เขาถึงไม่แน่ใจว่า
ของเขาแน่ๆงั้นเหรอ

“ อื๊ม นายลืม แม่นายเลยให้เราเอามาให้ ”
“อ๋อ ขอบคุณน่ะ”
ให้ไปแล้ว ใช่เขาให้ไปแล้ว คำขอบคุณเมื่อกี๊ยังคงดังก้องในใจเขา
แม้ว่าตอนนี้จะเดินออกมาไกลจากที่ตรงนั้นแล้วก็ตาม
อยากจะหันหลังกลับไปมองคนพูดให้เต็มตาอีกครั้งว่าหลังจากที่ยื่นน้ำไปให้แล้วจะดื่มมันทันทีเลยมั๊ย 


แต่ถึงแม้จะคิดอย่างนั้น ทว่าร่างกายกลับไม่กล้าหันกลับไป ได้แต่บังคับให้เท้าค่อยๆเดินก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆแทน
หากแต่รอยยิ้มเล็กๆก็ผุดออกมาจากหน้าของเขา แค่นี้ก็ดีแล้ว
คำขอบคุณกับรอยยิ้มที่เจ้าตัวส่งมาให้หลังจากรับน้ำในมือเขามันดีแล้ว
ดีเกินกว่าที่คิดมากแล้ว มากจริงๆ



นทีบีบมือข้างที่ยื่นน้ำไปให้แน่น  เชนท์จะรู้มั๊ยว่าในขณะที่เขายื่นน้ำไปให้นั้นมือของเขาสั่นมากแค่ไหน
สั่นจนเกือบจะทำให้กระติกน้ำนั่นหล่นมาแล้ว


 





“ใครว่ะ”
“คนข้างบ้าน”


เขามองแผ่นหลังเล็กที่เดินออกไปเกือบจะพ้นกรอบสายตาของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
คนข้างบ้านที่แทบไม่เคยได้คุยอะไรกันเลย ทั้งที่บ้านก็อยู่ใกล้กันจนจมูกจะชนกันอยู่แล้ว
ทั้งที่อายุของเขาสองคนก็เท่าๆกัน 


แต่ทว่าแปลกที่เขาสองคนแทบไม่เคยคุยกัน มันอาจจะเป็นเพราะเขาทั้งคู่ไม่ได้เรียนในโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่เด็กๆ
เพราะต่างคนต่างก็แยกไปเรียนคนละสถาบัน อีกทั้งคนข้างบ้านที่เขาได้บัญญัติสถานะให้เมื่อครู่นี้เรียนโรงเรียนประจำ
หน้าก็แทบไม่ค่อยได้เจอ ส่วนในวันที่คนข้างบ้านกลับมาก็เป็นช่วงวันศุกร์ตอนเย็นๆ


ซึ่งในเวาลานั้นเขาต้องไปนอนบ้านยายตัวเองเป็นประจำทุกอาทิตย์ เนื่องจากยายมีเขาเป็นหลานคนเดียว
เพราะน้าๆยังไม่มีใครอยากจะสละโสดสักคน จึงทำให้ระยะเวลาของเขาทั้งคู่ที่จะได้เจอกันแทบไม่มีเลย
แม้ว่าตอนนี้เจะเข้าเข้ามาศึกษาในมหา’ลัยเดียวกันแล้วก็เถอะ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ลืมๆไปแล้วเหมือนกันว่ายังมีคนข้างบ้านที่เป็นผู้ชายอายุเท่าๆกับตัวเองคนนี้อยู่ด้วย
คิดแล้วก็ได้แต่ขำคนเดียวในใจ  มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ อยู่ใกล้กันแท้ๆแต่ไม่เคยได้คุยกัน บ้าป่ะว่ะ




“ยิ้มอะไรของมึงว่ะ” 
ตั้มหรี่ตามองเชนท์เมื่อเห็นเพื่อนยิ้มออกมา อยู่ๆก็ยิ้ม ไอ้นี่ท่าจะแปลก
หรือว่ามันอารมณ์ดีที่ได้ดื่มน้ำสูตรพิเศษนี่ว่ะ แต่ปกติก็ไมได้ยิ้มแปลกๆแบบนี้นี่หว่า


“ เปล๊า ไม่มีอะไร”
ปฏิเสธเสียงสูงขนาดนี้เนี่ยน่ะไม่มีอะไร คิดว่าคนอย่างไอ้ตั้มจะเชื่อ เหอะ เชื่อมั๊ยไม่รู้ ช่างมันก่อน แต่ที่อยากรู้ตอนนี้คือคนที่เดินมาให้น้ำมันเมื่อกี๊นี่เป็นใครว่ะ ใช่คนข้างบ้านอย่างที่เพื่อนเขาว่าแน่เร้อ เพราะตั้มเองก็ไปบ้านไอ้เชนท์บ่อย ยังไม่เคยได้เจอหนุ่มน้อยหน้าตาคนเมื่อกี๊เลยสักครั้ง



“ เออ แล้วคนข้างบ้านที่มึงว่าเนี่ย บ้านหลังไหนว่ะ ”
เชนทร์ขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองเพื่อนใช้ตาถามว่าถามทำไม


“ กูแค่อยากรู้ เผื่อไปนอนบ้านมึง แล้วกูเจอเค้างี้ กูจะได้ทักเค้าไง”
เชนท์ก็ยังมองไม่เห็นภาพว่าอยากจะรู้จักแล้วถามถึงบ้านทำไมว่าหลังไหน 


“เออออออ กูไม่ถามก็ได้ เดี๋ยววันไหนกูไปนอนบ้านมึง กูไปสืบเองก็ได้ว่ะ กั๊กน่ะมึงนะ”
“ไปไหน”
“ไปอาบน้ำโว๊ยย”

เชนท์ส่ายหน้ากับความบ้าบอของมัน ตะคอกตอบกลับมาแบบนั้นถามจริงมึงแสบคอมั๊ย
แล้วที่มันบอกว่ากั๊ก กั๊กอะไรของมันว่ะ กูไปกั๊กอะไร


“ แล้วกูไปกั๊กอะไรว่ะ”
พึมพำกับตัวเองเบาๆหลังจากที่ยกน้ำเก็กฮวยดื่ม ก่อนจะมองกระติกน้ำในมือ




รู้สึกเหมือนว่าวันนี้รสชาติมันอร่อยกว่าทุกวัน













**********



“ น้าๆๆ ช่วยเราหน่อยน่ะนที”
“ แต่เรา.....”  นทีกำลังหนักใจเพราะคำอ้อนวอนของเพื่อนร่วมสาขาที่เป็นประธานค่ายอาสาในปีนี้ 
ซึ่งตอนนี้กำลังหาทุนเพื่อต้องการไปทำค่ายอาสาที่ต่างจังหวัดในช่วงปิดเทอมใหญ่



ที่หนักใจก็เพราะเพื่อนเขากำลังขอให้เขาชวนเชนท์มาร่วมหาทุนนั่นด้วยน่ะสิ เหตุผลก็ง่ายๆ
เพราะเชนท์หล่อแม้จะไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยแต่เขาก็เป็นถึงดาวเด่นนักกีฬาดาวรุ่งของมหา’ลัยซึ่งทั้งดังและทั้งหล่อ
ถ้าได้เชนท์มาช่วย เพื่อนเขาคิดว่าเงินบริจาคต้องเข้ามาเยอะแน่ๆ



แต่มันติดตรงที่เขาไม่กล้าน่ะสิ ใครบ้างจะกล้าไปขอความช่วยเหลือกับคนที่ตัวเองชอบมานานขนาดนี้
แค่ขนาดคุย ก็แทบไม่เคยได้พคุยกันเลย
 


“ มีนทีคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ น้าๆๆ ช่วยเราหน่อย”
ทั้งเขย่าแขน ทั้งทำตากระพิบปริบๆให้ เจ้าแม่เนยสักอย่างเรื่องอ้อนไว้ใจได้เลย
แล้วอีกอย่างเขาเชื่อว่าคนที่ขี้ใจอ่อนอย่างนทีเดี๋ยวก็ต้องช่วยแน่ๆ

“.....”
“ เนี๊ยะ ถ้าหากว่าชมรมเราหางบไม่พอ เราก็ไม่สามารถจะไปช่วยเด็กๆ...”
“ ก็ได้ๆ เรายอมแล้ว ยอมแล้ว” ยกมือสองข้างบอกว่ายอมแพ้แล้ว ทั้งออดอ้อนทั้งยกเหตุผลมาซะขนาดนี้
ถ้าเขาไม่ช่วยเห็นทีเขาต้องเป็นที่ใจร้ายที่สุดเลยละมั้ง



“เยส นทีนี่น่ารักสุดๆเลย”บอกแล้วว่านทีเป็นคนขี้ใจอ่อน  ทั้งใจอ่อนทั้งน่ารัก
ผู้ชายนิสัยแบบนี้จะหาได้จากที่ไหน เนยขอบอกไว้เลยว่าหายากมากกกกก
เนี๊ยะติดตรงที่ว่าน่ารักเกินไปไง ก็เลยมีผู้ชายเข้ามาจีบเยอะกว่าผู้หญิง แต่ถามเจ้าตัวรู้มั๊ย


โอ๊ยยยย ใสซื่อขนาดนั้น จะไปรู้ได้ยังไง ไอ้ที่เข้ามาคุยๆเข้ามาทำความรู้จัก
นทีก็คิดว่าคนพวกนั้นเข้ามาเพราะอยากเป็นเพื่อนด้วยกันทั้งนั้น
แต่สำหรับเนยบอกเลยว่าไอ้สายตาที่อยากเข้ามาคุยฉันท์เพื่อนทำไมมันต้องระยิบระยับขนาดนั้นด้วย 


ทุกวันนี้ ก็มีเขานี่แหละที่ต้องมานั่งไล่ไอ้พวกผู้ชายเจ้าชู้พวกนั้น ไม่ได้หวงเพื่อนน่ะ
แต่ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเจอกับพวกเจ้าชู้ไง



 “ เราจะพูดให้ แต่เราไม่รับปากน่ะว่า เอ่อ เชนท์จะมาช่วย”
“ โอ๊ยยย แค่นทีไปคุยให้แค่นี้ก็ดีถมเถแล้ว เราเชื่อว่าเชนท์ต้องมาช่วย”

เขาเองก็เชื่อว่าเชนท์จะมาช่วย แต่ที่ไม่เชื่อก็คงเป็นตัวเองนี้แหละ ไม่รู้จะไปพูดยังไงดี
เพราะทุกวันนี้ก็ทำได้แค่แอบมองอีกฝ่ายเงียบๆก็เท่านั้น ถ้าไม่นับเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว........ จู่ๆหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาทันที





“ เนย คือเราขอถามได้มั๊ย”
“ ว่า”

นทีสูดลมหายเข้าปอดรวบรวมความกล้า ไม่รู้ทำไมพอเป็นเรื่องของเชนท์ทีไรเขาก็มักจะไมเป็นตัวของตัวเองทุกครั้ง
มือสั่นใจสั่นไปหมด


“ทำไมเนยให้เราไปพูดกับเชนท์ล่ะ ทั้งๆที่ให้คนอื่นไปคพูดก็ได้”
เนยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบเขา

“ ก็บ้านนทีอยู่ข้างบ้านเชนท์ไม่ใช่เหรอ ก็ต้องให้นทีช่วยสิ เป็นเพื่อนบ้านกันแถมบ้านก็ยังอยู่ติดกันขนาดนั้น
ให้นทีช่วยน่ะถูกแล้ว ”


“ อ๋อ ”
อืม นั่นสิเนาะ บ้านอยู่ใกล้กันนี่หน่า


“ นั่นแหละ งั้นดี๋ยวเรากลับก่อนน่ะ ฝากปิดห้องชมรมด้วยน่ะ อ่ะกุญแจ”
“ อื๊ม”

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แล้วเขาจะไปพูดกับเชนท์ยังไงล่ะ ไม่น่าใจอ่อนรับปากเลยเรา
นทีตบปากตัวเองเบาๆ เพราะความขี้ใจอ่อนของตัวเองแท้ๆเลย
เลยต้องมานั่งเครียดเพื่อจะหาวิธีพูกับเชนท์เนี๊ยะ  เห้อ






tbc
อ่านแล้วเม้นต์ให้เค้าหน่อยน้า *_*
**********



ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [1] : 18:12:17
«ตอบ #2 เมื่อ18-12-2017 20:08:30 »

อยู่ใกล้กันนิดเดียววววว ติดตามจ้า   o13

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [1] : 18:12:17
«ตอบ #3 เมื่อ18-12-2017 21:21:30 »

อีกหนึ่งรูปแบบของการแอบรัก..รอจ้า  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [2] 70% : 19:12:17
«ตอบ #4 เมื่อ19-12-2017 23:17:11 »

ณ ปลายทางที่รอ
[2]
 



“พี่ ภพสวัสดีครับ ”

“อ้าววันนี้ลงมาเองเลยเหรอเนี่ย” เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมามองลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาในร้านด้วยสายตาไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ 
เพราะนานๆทีที่นทีจะเข้ามา  ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นก็อย่างหวังเลยว่าจะเห็น รายนี้เอาแต่คลุกอยู่แต่ในห้องชมรมจนเป็นบ้านหลังที่สองของเจ้าตัวแล้วมั้ง  ได้ยินรุ่นน้องในชมรมพูดอ่าน่ะ



“ ครับ พอดีวันนี้น้องๆเค้าไปทำกิจกรรมกันหมดเลย”นทีพูดยิ้มๆเมื่อนึกถึงน้องๆที่ชมรมที่เป็นฝ่ายซื้อน้ำ
วันนี้ออกไปทำกิจกรรมจิตอาสากันหมด ก็เลยต้องผันตัวเองจากงานเอกสารมาช่วยซื้อน้ำซื้อข้าวให้
 ตอนนี้ทุกคนในชมรมก็กำลังวุ่นวายกันสุดฤทธิ์ เพราะอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะต้องออกค่ายกันแล้ว



“ แล้ววันนี้เอาอะไรบ้างล่ะ ”

“ คาปูชิโน่ 2   ลาเต้ 2  แล้วก็มอคค่า 1 ครับ ”

“ โอเค แต่ต้องรอหน่อยน่ะเพราะวันนี้ลูกค้าแน่นร้านมาก”

นทีพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆร้าน

คนแน่นร้านจริงๆด้วยแฮะ แล้วจะไปนั่งรอที่ไหนล่ะ


 








“ ไอ้เชนท์ ”
เชนท์เกือบจะสำลักมอคค่าที่ดื่มเข้าไป เพราะเสียงเชิงตะโกนแต่ไม่ได้ดังของไอ้ตั้ม
 ถ้าเขาสำลักบอกเลยเขาจะพ่นมอคค่าที่อยู่ในปากใส่หน้ามัน

“ มึงช่วยดู ผู้ชายคนที่กำลังอยู่หน้าเค้าท์เตอร์ให้กูทีดิ ว่าใช่คนข้างบ้านมึงป่ะ”
เขาหรี่ตามองเพื่อนก่อนจะหันไปมองดูผู้ชายที่ไอ้ตั้มพยักเพยิดหน้าให้ดู
ก็เห็นผู้ชายในเสื้อนักศึกษาที่ดูเหมือนจะใส่ไซส์ใหญ่กว่าตัวเองไปนิด
แต่ท่าทางสายตาที่เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่างของเจ้าตัว เผลอทำให้เขามองนานไปหน่อย
มองหาอะไรว่ะ




“ว่าไง ใช่มะ”

”อืม”

“ โอเค เดี๋ยวกูมา”
เชนท์ไม่ทันได้ถามว่าตั้มจะไปไหน ก็เห็นเพื่อนตัวเองลุกพรวดเดินข้าไปหาคนข้างบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแฉ่ง
แต่ผิดกับอีกคนที่ทำหน้าตกใจ งงๆ ก่อนที่เขาจะเห็นว่าทั้งเพื่อนและคนข้างบ้านหันมามองทางนี้
ถึงได้รู้ว่าไอ้ตั้มมันต้องไปชวนคนข้างบ้านมานั่งด้วยแน่ๆ ก็น่ะตอนนี้ไม่มีโต๊ะว่างเลยสักตัว







“ เอ่อ ขอรบกวนด้วยน่ะครับ”

“นั่งเลยครับ ไม่ได้รบกวนอะไรเลย ใช่มั๊ยไอ้เชนท์”

“ อืม ไม่รบกวนนั่งเหอะ”

น่ารัก ในหัวของนทีมีแต่คำๆนี้เต็มไปหมดเลย พลางส่งยิ้มไปให้กับคนพูด
ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งฝั่งตรงข้าม ถือว่านี่เป็นครั้งแรกเลยละที่ได้มานั่งใกล้กับคนตัวโตแบบนี้
มันก็เลยอดที่จะรู้สึกประหม่า เกร็งๆ ไม่ได้ มือทั้งสองข้างก็ต้องคอบบีบต้นขาเอาไว้เพื่อข่มความรู้สึก
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย  หัวใจก็เอาแต่เต้นแรงอยู่อย่างนั้น

เต้นแรงทุกครั้งที่ได้เจอ






“ คุณนทีเรียนอยู่คณะไหนเหรอรับ”

“เรียกนทีเฉยๆก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ ” นทีพูดยิ้มๆ

“ โอเค นทีเรียนอยู่คณะไหนครับ เราไปบ้านไปเชนท์ออกบ่อยแต่ก็ยักไม่เห็นนทีเลย” เชนท์ขมวดคิ้วมองเพื่อนที่กำลังทำหน้าตาฟินสุดขอบโลก พอเขาให้เรียกชื่อเฉยๆไอ้นี่ก็ไม่เคยจะปฎิเสธเล๊ย ไม่คิดบ้างหรือไงว่านั่นมันเป็นมารยาท 

“เราอยู่คณะสถาปัตฯ” คนท่าทางซื่อๆยิ้มบอก

“ เด็กสถาปัตฯนี่น่ารักแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่าครับ”
ตั้มบอกเลยไม่ใช่แค่น่ารัก แต่โคตรน่ารักมากกกกกเลยต่างหาก วันนี้เป็นวันที่ไอ้ตั้มบุญถึงจริงๆที่ได้เจอกับผู้ชายน่ารัก
กิริยามารยาทก็งาม พูดจาก็น่าฟัง หูยประทับใจอ่ะ จะเอาคนนี้ ไอ้ตั้มต้องทำยังไงว่ะ ปลื้มตั้งแต่วันที่เจอในสนามวันนั้นแล้ว

“ เอ่อ ”

“ ขอจีบได้ป่ะครับ”

“ห๊า”

พรวด!!!

“ เชี่ยเชนท์มึ๊ง ”

“ เห๊ย โทษๆ กูไม่ได้ตั้งใจ”
เออแหละ ไม่ได้ตั้งใจ แค่ตกใจ ใครใช้ให้มันพูดคำว่าจีบผู้ชายต่อหน้าเขาล่ะ 
สมน้ำหน้าโดนเขาพ่นมอค่าใส่เสื้อมันเปื้อนหมดเลย 


“ พ่นมาได้ไงว่ะ ยี๊สกปรก” ตั้มโวย หมดกันเสื้อขาวๆกู

“ กูว่ามึงรีบไปล้างก่อนมั๊ย”

“เออ มึงน่ะมึง” “ นทีอย่าเพิ่งกลับไปน่ะครับ รอผมแป๊บเดียว เดี๋ยวมาครับ ”

“ อ่า ครับๆ”









“ไง”

“ คะ ครับ”

“ ท่าทางไอ้ตั้ม มันจะชอบนายมากน่ะ”
นทีเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเชนท์เอ่ยออกมาอย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะตอบอีกฝ่ายว่ายังไงดี ก็เขานะไม่ได้ชอบตั้มนี่ 
คนตรงหน้านี้ต่างหากคือคนที่เขาชอบ แต่ก็น่ะก็คงพูดได้แค่ในใจเท่านั้นแหละ ถึงยังไงก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี


“ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่ดีใจหรือไงที่มีคนมาชอบ”

“คือ”

“ แต่ก็ช่างเหอะ มันเป็นเรื่องของนายกับไอ้ตั้มนี่ ชั้นไม่สนใจอยู่แล้ว”เชนท์ยักไหล่ ทำท่าไม่สนใจพลางก้มลงดูดมอคค่าเย็นที่เหลือเพียงแค่น้อยนิดของตัวเอง  ก็มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่ ก็ไม่เห็นจะต้องสนใจอะไรเลยนี่หว่า



คนท่าทางซื่อๆฟังแล้วก็แอบสะอึกเหมือนกัน ก็นั่นสิน่ะ เชนท์ก็ไม่เคยสนใจอะไรเขาอยู่แล้วนี่หน่า
มีแต่เขาคนเดียวนี่แหละที่รู้ทุกอย่าง สนใจทุกอย่างเกี่ยวกับเชนท์ อืม... ก็ยอมรับนั่นแหละว่าตัวเขาไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ม่มีอะไรให้เชนท์หันมามองหรอก  แต่ถึงอย่างนั้นก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้เหมือนกันแฮะ
 
คนต้นทางห่างไกลจากคนปลายทางอย่างเขาเหลือเกิน



“ นที โดนไอ้เชนท์มันแกล้งเหรอครับ” “ ไอ้เชนท์มึงแกล้งอะไรนทีเหรอว่ะ กูไปเข้าห้องน้ำแปปเดียว มึงถึงกับต้องแกล้งเลยเหรอ”

ตั้มโอดครวญ เขาเข้าห้องน้ำแปปเดียว พอออกมาก็เห็นคนน่ารักทำหน้าหงอย เหมือนจะร้องไห้ซะแล้ว 
หันไปมองเพื่อนของตัวเองเห็นมันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เอาแต่ดูดมอคค่าหน้าตาเฉย ถ้าไม่ใช่เพื่อนเขาแกล้งจะเป็นใครล่ะ ฮึ่ย คิดแล้วเดี๋ยวกูก็พ่นลาเต้นี่เป็นการแก้แค้นซะหรอก


“ เดี๋ยวๆ อะไรของมึงตั้ม กูจะไปแกล้งไอ้หน้าจื... เอ่อ แกล้งนทีทำไมว่ะ มึงบ้าป่ะ”

“มันแกล้งนทีใช่มั๊ยครับ บอกผมมาเดี๋ยวผมจัดการให้ ”

“ไอ้ตั้ม กูไม่ได้ทำ” เชนท์โวย

“เอ่อ งั้นเราว่าเราขอตัวกลับตัวกลับก่อนละกัน ขอบคุณน่ะที่ให้นั่งด้วยน่ะ ” นทีลุกขึ้นก่อนจะโค้งนิดๆเพื่อเป็นการขอบคุณ
ตั้มมองนทีอย่างเสียดาย ก็เขานะ ยังไม่ได้เบอร์ยังไม่ได้ไลน์คนน่ารักเลย ไปซะแล้ว ไอ้เชนน่ะไอ้เชนท์ไปแกล้งคนน่ารักแบบนทีได้ไงว่ะ ตั้มเข่นเขี้ยวเพื่อนสนิทของตัวเองในใจก่อนจะกระแทกก้นนั่งแล้วดูดลาเต้เย็นเข้าปากอย่างเซ็งๆ

เสียดายโว๊ยยยยยย









**********

“เอ่อ”

“ กลับดึกเนาะ”

เชนท์เอ่ยทักคนข้างบ้านที่เพิ่งลงจากแท็กที่  อันที่จริงเขาก็พอจะรู้มาบ้างแหละว่าช่วงนี้คนข้างบ้านมักจะกลับเวลานี้
และยังคงไม่เข้าใจตัวเองเมือนกันว่าทำไมคืนนี้ถึงต้องมาดักรอคนข้างบ้านด้วย อาจจะเพราะเรื่องเมื่อตอนกลางวันในร้านกาแฟละมั้ง ก็แค่รู้สึกผิดนิดหน่อยที่พูดออกไปแบบนั้น ทั้งที่ความจริงก็ไม่ได้พูดอะไรรุนแรงสักหน่อย เพียงแต่พอเห็นสีหน้าแบบนั้นแล้ว......มันรู้สึกไม่ดี 



“ อื๊ม”
คนท่าทางซื่อๆไม่รู้จะตอบคนตัวโตนั่นว่ายังไงดี ทั้งที่ในใจนั้นมีคำพูดมากมายอยากจะพูดอยากจะบอก แต่สิ่งที่ทำออกไปเพียงแค่ตอบกลับไปในลำคอก็เท่านั้น



“ เมื่อตอนกลางวันนะ ขอโทษน่ะ”

“ห๊า”

“ก็ที่ทำให้นายรู้สึกไม่ดีนะ แล้วอีกอย่างเพื่อนชั้นมันก็โกรธชั้นมากด้วย หาว่าว่าชั้นแกล้งนาย” เชนท์พูดอย่างติดตลก เมื่อนึกถึงตั้ม มันหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่เขาหาว่าเป็นคนทำให้คนน่ารักของมันจะร้องไห้ ซึ่งสีหน้าตอนนั้นของคนตรงหน้านี่ก็คงจะเป็นอย่างไอ้ตั้มพูดนั่นแหละ เขาถึงรู้สึกไม่สบายใจเลยต้องมาขอโทษอีกฝ่าย แต่ดูทำหน้าเข้าสิ ทำไมต้องมองเขาประหลาดๆแบบนี้ด้วย  ไม่ใช่อะไรหรอก มันก็ดู......ตลกดี นั่นแหละ ตาโตๆ ที่เบิกกว้างแบบนั้น เห็นแล้วก็อืม น่ารักอย่างที่ไอ้ตั้มพูด....ละมั้ง


“ เปล่าๆ  นายไม่ได้ทำให้เรารู้สึกไม่ดี แค่ตอนนั้น ...”

“ เชนท์”

“ ห๊า”

“ ชื่อเชนท์”

“ ....”

“ คราวหลังก็ไม่ต้องเรียกนายๆอะไรนั่นแล้ว  เรียกชื่อนี้นี่แหละ เข้าใจมั๊ย นที ” คนตัวโตขยับเข้าใกล้คนท่าทางซื่อๆ ที่มองเขา
ด้วยตาที่โตขึ้นกว่าเดิม  แล้วไหนมือที่ยังจับกระเป๋าสะพายนั่นแน่นอีก  นี่เขาพูดอะไรผิดไปเหรอ ทำไมดูเหมือนกลัวๆเขายังไง
อย่างนั้น

“ นทีกลัวเชนท์เหรอ”

“ ห๊า”

เชนท์หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดติดตลกอีกครั้ง “ดูเหมือนนทีจะทำของหายน่ะ เอาแต่ห๊า อยู่นั่นแหละ ”
นทีรีบส่ายหัวทันที ไม่ใช่สักหน่อย ขาคิด จะไม่ใหร้องห๊าออกมาได้ยังไงก็ในเมื่อตอนนี้คนตัวโตทำเรื่องให้เขาประหลาดใจได้ขนาดนี้  ไหนจะเรื่องขอโทษ ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย ไหนจะเรื่อง....

“ นทีหน้าแดงน่ะ ไม่สบายเหรอ”
ไม่ว่าเปล่าเชนท์รีบทาบฝ่ามือตัวเองลงบนหน้าผากอีกฝ่ายเพื่อเช็คอาการทันที
แต่หารู้ไม่ว่าคนที่โดนกล่าวหาว่าไม่สบายนั้นตอนนี้ตัวแข็งทื่อไปเรียบร้อยแล้ว....

ไม่ไหวแล้ว หัวใจมันเต้นแรงเกินไป


“ ระ เรา สบายดี”
นทีพูดติดๆขัดๆเพราะความขวยเขินเกินกำลังที่จะรับไหว แม้จะเสียดายที่ต้องแกะมือของอีกฝ่ายออก
แต่ถ้าขืนปล่อยให้คนตัวโตสัมผัสใบหน้าเขาไปเรื่อยแบบนี้ มีหวังคงได้เป็นลมแน่ๆ .... เพราะงั้น ถอยออกมาก่อนเถอะ


“ เอ่อ โทษทีพอดีเชนท์เห็นหน้าแดงๆก็เลยคิดว่าไม่สบายนะ”

จะว่าเขาแปลกก็ได้ รู้สึกเหมือนการพูดแบบทั่วไปเหมือนเพื่อนปกติแล้วมันไม่ได้ เพราะนทีไม่เหมาะที่จะพูดกูๆมึงๆได้เลย คตรงหน้าเขาดูเรียบร้อย ดูสง่างามเกินกว่าจะพูดแบบนั้นได้ เพราะงั้นเขาเลยแทนชื่อตัวเองไปเลย อันที่จริงมันก็เขินน่ะ แต่ก็ดีกว่าพูดว่าเราๆ นายๆ เพราะมันฟังแล้วห่างเหินชมัด ทั้งที่บ้านก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง


“ อ๋อ” นทีลากเสียงยาวออกมา เมื่อคนตัวโตพูดอธิบาย มือก็เกาแก้มไปด้วย

“ แล้วทำไมถึงได้กลับซะดึกขนาดนี้ล่ะ” เชนท์พูดเปลี่ยนเรื่อง เมื่อรู้สึกว่าอากาศรอบๆมันดูแปลกๆในความรู้สึก มัน ไม่รู้สิบอกไม่ถูกเหมือนกัน

“พอดีต้องเคลียร์เรื่องค่ายอาสานะ”

“ ค่ายอาสา” เชนท์เลิกคิ้วถามเสียงสูง

“อื๊ม ปลายปีนี้ชมรมเราจะไปทำค่ายกันที่ต่างจังหวัดนะ ก็เลยต้องเคลียร์หลายเรื่องไปหน่อย ”

พูดไปยิ้มไป มือก็เกาท้ายทอยไปด้วย ทุกการกระทำของคนท่าทางซื่อๆทำเอาเชนท์รู้สึกผิดมากขึ้นเป็นกองที่พูดไม่ดีเผลอจะเรียกคนตรงหน้าว่าไอ้หน้าจืด ทั้งที่ก็ออกไม่ได้จืดสักนิด
     
ปีก่อนก็ทำแค่ใกล้ๆมหา’ลัยก็เลยไม่ต้องเตรียมการอะไรเยอะแยะ แต่พอปีนี้อยากจะลองไปทำอะไรให้มันได้ประโยชน์กับสถานที่ที่ขาดแคลนจริงๆ พวกเขาก็เลยคิดไว้แล้วว่าจะไปช่วยเด็กในโรงเรียนถิ่นทุรกันดาน ซึ่งตอนที่ประธานชมรมเสนอทุกคนเห็นด้วยหมดเลย เพราะอยากจะไปช่วยจริงๆ แม้ก่อนหน้านั้นพี่ๆที่จบจะเคยไปแล้ว แต่สำหรับพวกเขานี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยละ มันก็เลยอดรู้สึกตื่นเต้นและอดที่จะทำงานนี้ให้ดีที่สุดไม่ได้ แม้จะต้องกลับบ้านดึกๆเกือบจะทุกวัน แต่เขาก็สุขใจ....นี่ละมั้งความรู้สึกของการเป็นผู้ให้


แม้บางครั้งคนที่ได้รับมันอาจจะยังไม่รู้ ว่ามีคนให้ และให้มาตั้งนานแล้วก็ตาม


70%
tbc
**********



ออฟไลน์ มาชิ มาชิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [2] 70% : 19:12:17
«ตอบ #5 เมื่อ20-12-2017 10:49:06 »

บ้านอยู่ใกล้กันขนาดนี้ เหตุใดหนอเชนท์ถึงไม่เห็นคนน่ารักอย่างนที
เห้อ  หวังว่าเชนท์จะหันมามองนทีน้า

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [2] 70% : 19:12:17
«ตอบ #6 เมื่อ20-12-2017 11:36:19 »

หมั่นไส้เชนท์..เชียร์ตั้มแทนได้ไหมเนี่ย..ยยย  :m16:

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [2] 70% : 19:12:17
«ตอบ #7 เมื่อ21-12-2017 18:42:28 »

ณ ปลายทางที่รอ
      [2]100%


“ นทีแน่ใจน่ะว่าเชนท์จะมา”
คนท่าทางซื่อๆพยักหน้าให้เนยอย่างมั่นอกมั่นใจในขณะหยิบของส่งให้
เมื่อกี๊เชนท์เพิ่งไลน์มาบอกมาบอกว่ากำลังเดินทางมาที่งาน อาจจะมาถึงช้าหน่อย เพราะต้องรอเพื่อนด้วย


“คนเยอะเหมือนกันน่ะเนี่ย” กวินคนที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายหางบหาทุนให้กับชมรมเอ่ยขึ้น
นทีเห็นด้วยอย่างยิ่ง มองไปรอบๆก็เห็นคนจำนวนมากเดินกันอย่างขวักไขว่
บ้างก็มาเป็นกลุ่มเพื่น บ้างก็มากับครอบครัว บ้างก็มากับคนรัก  เดินกุมมือกันไม่ปล่อย  ถ้าเป็นเขากับคนตัวโตนั่น.......





“นที”

“ ห๊า”

“ เป็นอะไรเห็นเหม่อๆ” กวินจิ้มหน้าผากเพื่อนร่วมชมรมที่ทำหน้าเหม่อ เหมือนกำลังคิดเรื่องหนักใจอะไรอยู่นั่นแหละ 
นทีหน้ามุ่ยเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายหน้าบอกว่าไม่มีอะไร ทั้งที่ความจริงในสมองก็มีแต่เรื่องของคนตัวโตนั่นอยู่เต็มไปหมด 
สะบัดหัวตัวเองไปมาหลายครั้งเพื่อสลัดไม่ให้คิดถึงเรื่องเชนท์ให้มากไปแล้วหันมาสนใจงานตรงหน้าต่อ
























“ เอามาสิ” เสียงทุ้มของใครบางคนเอ่ยออกมาพร้อมกับยื่นมือทั้งสองบอกให้เขาส่งกีตาร์ในมือไปให้
นทีรู้สึกเหมือนโลกกำลังจะหยุดหมุนยังไม่รู้ตอนที่ได้ยินเสียงของคนตัวโตนั่น 
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็แอบเผลอคิดถึงไปแล้ว พอมาเจอตัวจริงที่กำลังยิ้มให้ตรงหน้าเขาแบบนี้ 
รู้สึกอยากได้ยาดมขึ้นมาเลย




ไม่รู้หรือไงว่ายิ้มแบบนี้เขาเรียกว่าอ่อย






“งั้นนทีก็ไปพักผ่อนเถอะ เชนท์มีเรื่องจะพูดแค่นี้แหละ ”

“ เชนท์ เอ่อ คือเรามีเรื่องอยากจะให้เชนท์หน่อยจะได้มั๊ย”

“ เรื่อง”

“ วันศุกร์หน้า ชมรมเราจะไปหาเงินบริจาคที่งานxxxx แล้วเนย ประธานชมรมนะเค้าอยากให้เชนท์ไปช่วยหน่อย”

“ ให้เชนท์ไปช่วย ยังไง”

“ ก็แค่ไปยืนถือกล่องบริจาค”

“ อาห๊ะ”

“ เชนท์พอจะว่างมั๊ย”

“ อันนี้ก็ไม่แน่ใจน่ะ เพราะตอนเย็นก็มีนัดทำโปรเจ็ค.”

“ อ่า จริงเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราไปบอ...”

“ เอางี๊ละกันเดี๋ยวเชนท์ขอเบอร์นที แล้วบอกอีกทีได้มั๊ย  คิดว่าน่าจะไปได้ ”

“ อื๊มได้”

“ อ่ะ เข้าบ้านได้แล้ว ห้ามนอนดึกรู้มั๊ย ฝันดีนะ”



นทีจำได้แม่นเชียวละว่าตอนที่เชนท์คืนโทรศัพท์ให้เขา ฝ่ามืออุ่นๆของเชนท์ก็ยีหัวหัวเบาๆก่อนที่จะบอกฝันดีว่ามันสุขใจแค่ไหน


“ ฝันดีเหมือนกัน เชนท์”



และเขาก็ตอบอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน  เบาหวิวและคิดคนตัวโตคงไม่ได้ยินมันหรอก


 
พอหลังจากนั้นเชนท์ก็โทรหาเขาเกือบทุกวัน ถามเรื่องเรียนบ้าง เรื่องงานในชมรมบ้าง จนไม่รู้ว่าตอนไหนที่เริ่มคุยกับเชนท์ได้เหมือนเพื่อนปกติ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ชินอยู่ดี ไมชินกับสายตาที่เชนท์มองมา เพราะมันจะทำให้เขาหน้าแดงเกือบทุกครั้ง เหมือนอย่างตอนนี้




“ ส่งมาให้เชนท์สิ” สองมือเล็กมีท่าทีลังเล จนเชนท์ต้องพูดย้ำ

“ นทีส่งมาให้ผมดีกว่าครับ”
สองหนุ่มเพื่อนรักต่างคนต่างยื่นมือเพื่จะรับกีตาร์จากคนท่าทางซื่อๆ
เอาแล้วไง ศึกชิงนายกำลังจะเกิดขึ้นแล้วไง เนยที่อยู่ใกล้ๆคิดในใจ
พลางก็มองสองหนุ่มที่เพิ่งมาถึงไปด้วยสายตาอย่างนึกสนุก
หวงเพื่อนน่ะ แต่กับคนข้างบ้านเพื่อนเขาไม่ค่อยหวงเท่าไหร่




“ไอ้เชนท์มึงไปช่วยสาวๆถือของดิว่ะ เดี๋ยวกูช่วยนทีเอง ” ตั้มหันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนสนิท
ก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังทำหน้าเลิกลั่กไม่รู้ว่าจะส่งกีตาร์ให้ใครดี 
นทีก็มองสองหนุ่มเพื่อนรักทั้งสองไปมาก่อนที่จะตัดสินใจเอามันลงมาเอง 



 “เราเอาลงเองก็ได้ ชิ้นสุดท้ายแล้วไม่ได้หนักอะไรที ” นทีว่ายิ้มๆก่อนจะกระโดดลงจากรถ
 สองหนุ่มเพื่อนรักต่างก็รีบชักมือตัวเองกลับแทบไมทัน ตั้มหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อน ทำหน้าคาดโทษ
 ก่อนจะเข้าไปช่วยคนท่าทางซื่อๆถือของ แล้วเดินเข้าไปในงาน
เมื่อหาตำแหน่งเหมาะๆพร้อมกับจัดของทุกอย่างให้เสร็จสรรพ
ประธานชมรมก็แจกกล่องบริจาคให้หนุ่มๆทั้งสามคนป็นถือ เชนท์ ตั้ม และนที
ส่วนกวินก็ทำหน้าทีเกลากีตาร์แล้วให้น้องในชมรมร้องเพลงเรียกคนใจดีเข้ามาบริจาค
 



จะเพราะกีตาร์เพราะ  เสียงนุ่มๆติดทะเล้นของนักร้อง
หรืออาจเพราะมีคนหน้าตาดีทั้งสามคนมายืนแจกยิ้มแล้วถือกล่องเดินไปรอบๆก็ไม่รู้
ทำให้เงินในกล่องเพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ ตอนประธานชมรมล้วงเข้าไปในกล่อง
โดยเฉพาะกล่องของเชนท์ถึงกับอึ้งเพราะมันเยอะมากส่วนใหญ่จะเป็นใบสีม่วง แดง และมีสีเทาปนๆกันนิดหน่อย
 


คนหล่อก็มีประโยชน์แบบนี้แหละ
ขนาดหาเงินยังง่ายเลย
 



นทีหันไปมองคนตัวโตที่ทำหน้าสนุกยิ้มหน้าบานตั้งแต่เริ่มถือกล่องจนถึงตอนนี้เจ้าตัวก็ยังคงพลังเหลือเฟือ
ยังยิ้มแม้จะมีคนเข้ามาถ่ายรูปเยอะมากก็ตาม  เห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดไปตามสันกรามและปลายจมูกคนท่าทางซื่อๆก็อดจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เจ้าตัวไม่ได้




“ เหงื่ออกเยอะ เช็ดหน้าหน่อยสิ” ผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้าลายการ์ตูนน่ารักถูกส่งมาให้เชนท์  ก่อนที่เจ้าตัวจะบุ้ยไปที่กล่องใหญ่ให้คนที่กำลังยื่นรู้ว่าถือกล่องอยู่เช็ดไม่ถนัด

“ก็วางก่อนสิครับ”

“ เดี๋ยวมีคนมาขโมย เช็ดให้หน่อยสิ”
นทีผงะออกมาเล็กน้อย เมื่อคนตัวโตยื่นหน้าเข้ามาให้เขาเช็ดให้ 

“ ถือแบบเราสิ ถือข้างเดียวไง ”

“ ไม่ได้เดี๋ยวมีคนมาแย่ง นทีเช็ดเร็วๆ มีคนจะจะเข้ามาหยอดเงินแล้ว เร็วๆ”

จนสุดท้ายนทีก็ยอมแพ้ รีบยื่นมือเช็ดหน้าให้
ทันได้เห็นรอยยิ้มมุมปากของคนตัวโต แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
เพราะตอนนี้ใจและมือมันสั่นเกินกว่าที่จะไปคิดเรื่องอื่นแล้ว


เนยเห็นฉากเพื่อนรักกับคนข้างบ้านเพื่อนกำลังช่วยกันเช็ดหน้าก็แอบสะกิดกวินที่กำลังเกากีตาร์ให้มอง
ส่งผลให้เสียงกีตาร์บอดจนทำเอาน้องที่กำลังร้องเพลงร้องเพี้ยนก่อนที่จะหยุดร้อง
แล้วหันไปมองตามพี่ๆที่กำลังมองกันตาโต พอได้เห็นเท่านั้นแหละ ตาโตไม่ต่างกับพี่ๆเลย
ช็อตนี้ขอถ่ายรูปหน่อยล่ะกัน เดี๋ยวจะเอาไปปั่นในเพจชมรม อิอิ 
จะมีแต่ตั้มเท่านั้นแหละที่มองจนตาลุกจะเป็นไฟออกมาแล้วพร้อมกับด่าเพื่อนอย่างเกรี้ยวกราดในใจ
ไอ้เพื่อนเชี่ยยยย มึงริอาจจะมาตีท้ายกูเหรอ คนนี้กูจองเว๊ยยย





กว่าที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติก็ตอนที่เชนท์และนทีก็หันไปมองนั่นแหละ
นักร้องถึงได้จับไมค์แล้วร้องเพลงใหม่แม้เสียงกีตาร์จะออกเพี้ยนๆไปแล้วก็ตาม







tbc


   **********

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [2] 100% : 21:12:17
«ตอบ #8 เมื่อ21-12-2017 20:58:36 »

แอบสงสัยกวินแฮะ..มีพิรุธ มีพิรุธ  :m32: :m32: :m32:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [2] 100% : 21:12:17
«ตอบ #9 เมื่อ22-12-2017 11:23:31 »

55555555555555555 สงสารตั้มอะมีความนกเด้อ  :hao3: 
นทีนี่เชนทร์เค้าจองตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าแล้วนะ...  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [2] 100% : 21:12:17
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-12-2017 11:23:31 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [3] 50% : 24:12:17
«ตอบ #10 เมื่อ24-12-2017 19:29:17 »

ณ ปลายทางที่รอ
[3]
ช่วยวาดรูปตอนที่เราไม่ใส่เสื้อหน่อยสิ

ในห้องชมรมค่ายอาสาตอนนี้ดูวุ่นวายมาก  กระดาษเอสี่จำนวนไม่น้อยเกลื่อนอยู่บนพื้นห้องระเนระนาดราวกับถูกพายุพัด

สิ่งของบริจาคจากสปอนเซอร์ต่างๆก็วางไว้อยู่มุมห้องเป็นกองโต

โดยมีน้องๆปีหนึ่งในชมรมกำลังแยกกันนับว่าครบกันหรือเปล่า

เพราะอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าพวกเขาก็ต้องออกค่ายกันแล้ว ถ้าจัดการเสร็จก็จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก

โดยเฉพาะใกล้เวลาสอบแบบนี้แล้วด้วย



“ของทุกอย่างครบค่า ”

“พี่เนยหนูหิวแล้ววววว ”

“พี่เนยหนูอยากกินเค้กกกกก”
 


สามสาวฝ่ายซื้อน้ำร้องกันอย่างโอดครวญหลังจากเช็คของเสร็จ

ต่างคนต่างแผ่ตัวนอนอยู่กับพื้นแล้วร้องเรียกประธานชมรมอย่างกับเด็กสามขวบ

 คนท่าทางซื่อๆละสายตาจากจอคอมฯมองน้องๆอย่างนึกน่าเอ็นดู

คงจะเหนื่อยนั่นแหละ ก็ตั้งแต่เรียนเสร็จก็วิ่งเข้ามาช่วยพี่ๆกันทันที 




เด็กพวกนี้มันน่ารักจริงๆ





“ อ่ะๆ งั้นพวกแกสามคนก็ไปซื้อของกินมาไป ”

ประธานชมรมยื่นแบงค์สีเทาหนึ่งใบ พอได้ยินของกินทุกคนก็ต่างหูสั่นหางกระดิกสั่งกันไม่ยั้ง

จนสามสาวเริ่มงอแงบอกว่าถือไม่ไหว ต้องรอนาน จนเขานึกสงสาร

เลยเอ่ยปากบอกว่าจะช่วยถือของให้ เท่านั้นแหละสามสาวก็วิ่งเข้ากอดรัดจนเกือบจะตกเก้าอี้



“พ่อพระของน้อง”

“ ไม่มีใครดีเกินพี่นทีอีกแล้ว”

“พี่กวินนะ เคยทำแบบพี่นทีบ้างมั๊ย ไม่เค๊ย ไม่เคย เอาแต่สั่งๆ เชอะ”

แก้มหันไปจิกกวินที่ตอนนี้กำลังสาละลนจดตัวเลขหน้าตาจริงจังอยู่บนพื้นห้อง

พี่กวินนะตัวโตกว่า สูงกว่า แต่ก็ไม่เค๊ย ไม่เคยจะไปช่วยน้องซื้อของ

จะมีก็แต่พี่นทีสุดน่รักของพวกเขานี่แหละที่ใจดี๊ ใจดี  แม้นานๆทีก็เถอะ





“อ๊าว นี่พี่ผิด” กวินชี้นิ้วมาที่ตัวองและเลิกคิ้วถาม

“ ใช่” “ใช่” “ ใช่”

สามสาวพร้อมกันตอบเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนที่ทุกคนจะปล่อยเสียงเสียงหัวเราะออกมา

กวินทำหน้าคาดโทษสามสาวก่อนจะคว้ากระดาษแถวนั้นมาขยำๆแล้วขว้างใส่

แต่กวิน ลืมไปแล้วเหรอว่าโดนเขาด้วย




“ กวินโดนเรา” กระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนใหญ่โดนหัวนทีอย่างจัง
จนเจ้าตัวต้องลูบหัวตัวเองป้อยๆ ถลึงตาไปให้คนที่ขว้าง   


“เอ๊าก็ทำไมมึงไม่หลบล่ะว้า หลบไปเด้ ดูจะปาไอ้พวกสามตัวนั่น” พูดจบกวินก็ขว้างกระดาษนั้นนอีกรัวๆ
จนน้องๆต้องยืนไปหลบหลังนทีกันอย่างพัลวัน  กลายเป็นว่าตอนนี้นทีโดนอยู่คนเดียว


กวินใจร้าย




“ เย้ยรีบไปซื้อดีกว่าค่ะ พี่กวินท่าทางจะโมหิวมากน่ะนั่น”

นุศชะแวบหน้าจากหลังพี่นทีออกมาดูพี่กวินก็เห็นพี่กวินกำลังขยำกระดาษก้อนเบ้อเริ่ม

ถ้าโดนเข้าไปเนี่ยคงจะเจ็บไม่น้อย สามสาวหันหน้ามาปรึกษากันก่อนที่นุศกับวารีจะจับแขนพี่นทีกันคนละข้าง

ส่วนแก้มก็วิ่งไปเปิดประตูเตรียมไว้ให้ทุกคนวิ่งออกไปแต่ก็ยังไม่วายพูดกวนโมโหให้กวินได้หงุดหงิดเล่น

“กูไม่ได้โมโหหิว แต่โมโหพวกมึงนั่นแหละไอ้สามสาวพาวเวอร์แรงเจอร์”ไม่ขว้างแม่งแล้วไอ้กระดาษ

กวินลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไล่สามสาวนั่น แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี ไอ้เด็กแสบสามคนนั่นวิ่งไวอย่างกับอะไร

นึกแล้วกวินก็ได้แต่ขำขันในใจ ต้องมีเรื่องให้เขาต้องได้ออกกำลังทุกวันสิหน่า



“ ย๊ากกก พวกหนูไม่อยู่แล้วววววววววว”




































**********

“ สวัสดีทุกคุน” เสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของคนมาใหม่เรียกสายตาคนในชมรมให้หันไปมองกันเป็นจุดเดียว

ผู้ชายตัวสูง ผิวไม่ขาวมาก คิ้วเข้ม จมูกโด่งรับกับใบหน้าเรียว เวลายิ้มทีทำเอาสาวๆในชมรมใจละลายกันเป็นกอง

กวินเงยหน้าจากงานตรงหน้ามองผู้ชายที่หล่อกว่าตัวเองอย่างนึกสงสัย มาได้ทุกวัน เที่ยงถึงเย็นถึง

 นับตั้งแต่วันนั้นแล้ว วันที่เชนท์ไปช่วยพวกเขาในคืนนั้นพอวันถัดมาก็เทียวไปเทียวมาที่ชมรมเขาอย่างกับชมรมตัวเอง

ซ้ำยังชอบขลุกอยู่ใกล้กับนทีทุกที  จนเขารู้สึกคันปากยุบยิบอยากจะถามไอ้หน้าหล่อนั่นว่าคิดอะไรกับเพื่อนเขาหรือเปล่าถึงได้

มาหากันทุกวันแบบนี้ แต่ติดตรงที่ยังไม่สนิทขนาดนั้นน่ะสิ



โว๊ยยย กูอยากเสือกกกโว๊ยยย คันปากๆ





“อ้าวเชนท์ นึกว่าวันนี้จะไม่มาซะแล้ว” ประธานชมรมเอ่ยทัก  ส่งยิ้มเหมือนคนรู้ทัน

เขานี่อยากจะแหม ไปถึงดาวอังคารมากเลย ที่มาชมรมนี้ทุกวันก็คงมาหาเพื่อนชายอย่างนทีนั่นแหละ

เพิ่งได้รู้จากนทีมาเหมือนกันว่าก่อนหน้านี้สองคนนี้เขาไม่ได้สนิทกัน เอาจริงเลยคือ ไม่เคยคุยกันเลย

แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่คุยเลย กลับบ้านก็กลับด้วยกันทุกวัน  แบบนี้มันเกินกว่าเพื่อนแล้วม้างงงง



“มาสิ แล้วนี่นทีไปไหนล่ะ อ่ะนี่ขนมซื้อมาฝาก”

สายตาคมมองไปยังรอบๆห้อง ก่อนจะยื่นถุงขนมที่หลากหลายถุงที่ซื้อมาฝาก

โดยเฉพาะขนมเคกรสมะพร้าวอ่อน เขาจำได้แม่นเลยละว่ามันเป็นของโปรดของคนข้างบ้าน

ก็กลับบ้านด้วยกันทีไรคนข้างบ้านเขามักจะหยุดซื้อไอ้เค้กนี่เป็นประจำ

เขาก็ไม่เข้าใจทั้งที่กินทุกวันขนาดนั้นแต่ก็ไม่ยักอ้วน ไม่รู้เอาคอเลสเตอนอลไปเก็บไว้ไหน



“มาถึงก็ถามหาแต่นทีเลยน้า” ประธานชมรมเอ่ายปากแซ็วอย่างขบขำ“ รายนั้นเขาไปซื้อของกินกับสามสาวจ๊ะ เดี๋ยวก็คงมานั่นแหละ ขอบคุณสำหรับขนนมน้า แต่เค้กนี่ของนทีใช่ป่ะ  ”


“ อ๋อ อืม แล้วนี่มีอะไรให้เราช่วยมั๊ย”เชนท์พยักหน้ารับทั้งที่หน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกแปลกๆเหมือนกันเมื่อโดนทักแบบนี้

มาถึงก็ถามหาคนข้างบ้าน ก็แค่ไม่เห็นอยู่ในห้อง เลยถามหาแค่นั้น

“ ว้าย หล่อแล้วใจใจดี ดีเลยจ๊ะ งั้นเชนท์ช่วยดูบันทึกในสุดของนทีหน่อยสิว่ามีอะไรขาดเหลืออีกมั๊ย อันไหนที่นทีติ๊กถูกแสดงว่ามีแล้ว ส่วนอันไหนที่ยังแสดงว่ายังขาด แล้วช่วยจดติ๊กในสมุดนี้ด้วยน่ะ”

ประธานชมรมยื่นสมุดสีฟ้าที่เป็นรายการซื้อสินค้าให้ ก่อนจะเดินไปนั่งยังที่นั่งประจำของนที

แล้วมองหาสมุดที่คาดว่าน่าจะเป็นสมุดจดรายการซื้อสินค้าคร่าวๆบนโต๊ะ 

แต่ก็ไม่มี คงจะอยู่ในกระเป๋าเจ้าตัวนั่นแหละ


อันนี้ละมั้ง



เชนท์หยิบสมุกปกแข็งสีน้ำตาลขึ้นมาแล้วสำรวจเล็กน้อย ก่อนจะเปิดหน้าออกแล้วพลิกดู 

แต่แล้วคิ้วหนาเข้มก็ต้องขมวดเข้าหากันเพราะรูปในสมุดเล่มนี้  ลูกฟุตบอล สนามบอล อัฒจรรย์

และที่สำคัญรูปผู้ชายที่หันหลังให้อัฒจรรย์โดยข้างหลังเสื้อเขียนเบอร์ 22

และตัวอักษรภาษาอังกฤษหกตัว C H A I N มือใหญ่รีบพลิกกระดาษหน้าต่อไปด้วยใจลุ้นระทึก

แล้วทุกอย่างก็ปรากฎต่อสายตาตัวเอง เมื่อได้เห็นหน้าของภาพวาดนั่น





“ ช เชนท์”





tbc



ครึ่งหลัง ค่อยมาต่อน่ะฮับ เป็นกำลังให้นทีด้วย  :mew2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [3] 100%]: 25:12:17
«ตอบ #12 เมื่อ25-12-2017 23:29:06 »

[3] ครึ่งหลัง


“ ช เชนท์”

เสียงสั่นๆของเจ้าของสมุดปกหนาสีน้ำตาลเรียกคนที่กำลังพลิกดูภาพเหล่านั้นด้วยใจที่เต้นรัวไปหมด

ความลับที่อุตล่าห์ปิดมันไว้ไม่ให้คนตัวโตล่วงรู้ ทว่าวันนี้ คนคนนั้นรู้แล้ว

 คงไม่มีคนบ้าที่ไหนวาดรูปผู้ชายคนเดียวกันเป็นสิบๆรูปในอิริยาบถต่างๆได้ขนาดนี้หรอก

หากคนคนนั้นไม่ได้คิดอะไร  ปากบางขบริมฝีปากแน่น นัยส์ตาสั่นระริก

ในใจมีความกลัวเต็มไปหมด  กลัวว่าคนตัวโตนั่นจะเกลียดเขา




เชนท์เงยหน้ามองคนเรียกด้วยสีหน้าครุ่นคิด นิ้วมือก็เคาะไปตามภาพ

ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ลูบคางตัวเองไปมาก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้คนท่าทางซื่อๆถึงกับงง


“วาดสวยน่ะ”ไม่พูดเปล่าแต่เชนท์ยังยิ้มให้กับคนวาดด้วย “ เชนท์ชอบ.....ลายเส้นสวยดี”

ไล้นิ้วมือไปตามลายเส้นที่คนวาดบรรจงวาดออกมาอย่างสวยงาม 

ต้องฝีมือดีขนาดไหนกันน่ะที่วาดออกมาได้ดีขนาดนี้ มันดูดีกว่าเขาตัวจริงซะอีก

โดยเฉพาะภาพที่กำลังยืนหลับตานิ่งแล้วมีลูกบอลอยู่ใต้ฝ่าเท้บวกเส้นผมที่พลิ้วไหวไปตามแรงลม ..... รู้สึกดี จนต้องยิ้มออกมา




“ งั้นเราขอสมุดเราคืนน่ะ” นทีเอื้อมมือหวังจะแย่งสมุดของตัวเอง หากแต่คนตัวโตนั่นไวกว่า รีบเก็บสมุดเข้ากระเป๋าตัวเองทันที จะรีบให้ทำไมในเมื่อยังดูไม่หมดเลย


“ เชนท์” นทีร้องเสียงหลง มองคนตัวโตที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ซ้ำยังกวนประสาทเขาด้วยการเลิกคิ้วให้อีก

 “ ไม่ให้”

“ แต่นั่นมันของเราน่ะ”

“ แต่ภาพนั่นคือเชนท์นะ”

นทีอ้าปากพะงาบ เถียงคนตัวโตไม่ออก ได้แต่ปั้นหน้าบึ้งไม่พอใจ

ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลัวแทบตาย กลัวว่าถ้าคนตัวโตนั่นรู้แล้วจะโกรธและเกลียดเขา

 แต่นี่มันกลับตาลปัต ท่าทางไม่ได้โกรธแต่ยียวนกวนประสาทแทน


“ เชนท์ไปนั่งเก้าอี้ตัวอื่นไป เราจะทำงาน” เมื่อเถียงอะไรไม่ออกคนท่าทางซื่อๆก็ไล่คนตัวโตให้ลุกจากเก้าอี้ ไม่ได้พาลน่ะ แต่นั่นเก้าอี้เขา เขาจะทำงาน

“ ไปกินข้าวก่อนไป เดี๋ยวค่อยกลับมาทำ”

“ ไม่เราจะทำงาน”

“ นที” เชนท์กดเสียงให้เข้มขึ้นมองลึกไปยังดวงตาที่ดื้อรั้นของคนตรงหน้า

 บทจะดื้อนี่ก็ดื้อจริงๆเลยน้า เชนท์บ่นคนตรงหน้าในใจ

“.....”

“ ไม่ไปกินใช่มั๊ย ได้เดี๋ยวเชนท์จะเดินไปบอกทุกคนในชมรมให้รู้ไปเลยว่านทีชอบเชนท์” เชนท์พูดขู่ ทำท่าจะลุกจากเก้าอี้ แต่คนท่าทางซื่อๆตรงหน้าก็พูดดักไว้ก่อน

“ อย่ามาขี้ตู่ เราบอกเชนท์ตอนไหนว่า ...ชอบ”

“ แน่ใจน่ะว่าไม่ได้ชอบ ” แววตาที่มีแววขี้เล่นก่อนหน้านี้ เปลี่ยนเป็นจริงจัง จนนทีอึกอักที่จะตอบออกไป

ได้แต่เสหน้าหันไปทางอื่นแทน เพื่อกลบความรู้สึก แต่ให้ตายเถอะคนตัวโตจะมองเขาอะไรนักหนา 
 
“...”

“ นที”คนตัวโตเรียกชื่เขาเสียงอ่อนโยนพร้อมกับลุกขึ้นยืนขยับเข้ามาใกล้ จนนทีผงะต้องก้าวถอยหลังออกมา

 รีบหันไปมองเพื่อนๆกลัวว่าจะมีใครเห็น  แต่โชคดีหน่อยที่เพื่อนกำลังสนใจของกินอยู่

ปากบางผ่อนลมหายใจออกจากปากช้าๆ รู้สึกโล่งใจ พอเมื่อหันกลับมา

ก็เห็นคนตัวโตอยู่ใกล้เขามาก มากจนต้องก้าวถอยหลังหนีแต่มือหนาๆนั่นก็ไวกว่ารีบโอบเอวเขา

นทีเม้มปากแน่น เงยหน้ามองคนตัวโต  เว้าวอนผ่านสายตาให้ปล่อย

“ปล่อยเรา ”

“ นทีปฏิเสธสิว่าไม่ได้ชอบเชนท์”

ตึกตัก ตึกตัก

ไม่ชอบเสียงของเชนท์แบบนี้เลย เพราะมันจะทำให้เขาระทวย

“ระ เราหิวแล้ว” ไม่ไหว มองหน้าเชนท์ไม่ไหว รอยยิ้มบางเบาที่เชนท์ยิ้มมานทีมองไม่ไหว จำต้องหลุบสายตามองเท้าตัวเองแทน

“ โอเค กินข้าวเสร็จ อย่าลืมกินเค้กที่เชนท์ซื้อมาด้วยล่ะ ของโปรดไม่ใช่เหรอ” 


นี่ก็อีกเรื่อง ชอบเอาเค้กมาล่ออยู่เรื่อยเลย


“อีกอย่าง เชนท์อยากให้นทีช่วยวาดรูปเชนท์ตอนไม่ใส่เสื้อหน่อยได้ไหม อยากเห็นว่ามันจะสวยมั๊ย ”


เสียงกระซิบแผ่วเบาแต่ก้อนเนื้อภายในอกข้างซ้ายดันกลับเต้นแรงจนไม่รู้จะห้ามยังไง

นทีรีบผลักคนตัวโตออกให้ห่างจากกายแล้วเดินดุ่มๆไปหากลุ่มเพื่อน

ไม่มองหน้า ไม่รับรู้ว่าคนตัวโตจะทำสีหน้ายังไงหลังจากที่แกล้งเขาได้


เชนท์ขี้แกล้ง  รู้ว่ามีชอบทำไมชอบแกล้ง ไม่รู้หรือไงว่าการทำแบบนี้มันทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเอง


tbc

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
โว๊ะ!!! รายงานข่าวด่วน รถอ้อยคว่ำในวันคริสต์มาสจ้า  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II 4] : 11:01:18
«ตอบ #14 เมื่อ11-01-2018 13:04:53 »

ณ ปลายทางที่รอ
[4]


แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผ้าม่านในยามเช้าตกกระทบไปยังเตียงกว้าง ปลุกคนที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา
ดวงตาใสกลมซื่อกะพริบตาสองสามทีเพื่อปรับภาพเช้าวันใหม่ให้ชัดขึ้น ก่อนจะลุกนั่งพิงหัวเตียง
สองแขนเรียวบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาทีไล่อาการขบเมื่อยจากงานเมื่อคืน กว่าจะได้กลับบ้านก็ดึกดื่น
แต่ถึงอย่างนั้นงานในชมรมก็ดำเนินมาจวบจนจะเสร็จแล้ว เมื่อวานหลังจากที่นั่งกินข้าวเย็นกับเพื่อนๆในชมรม
คนตัวโตก็โดนเพื่อนเรียกกะทันหัน แม้จะเห็นสีหน้าไม่ชอบใจที่โดนเรียกตัวในตอนนั้นของเจ้าตัว แต่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ไปไม่ได้ เพราะงั้นเมื่อวานนทีเลยกลับบ้านคนเดียวในรอบหนึ่งเดือน



          หนึ่งเดือนที่ไม่รู้ว่าไปสนิทกับคนตัวโตขนาดกลับบ้านกันได้.... หยอกล้อกันได้
          หนึ่งเดือนกับการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง
          ได้ใกล้มากขึ้น  ได้พูดมากขึ้น  ได้บอกฝันดีกันทุกคืน
          จะเป็นไปได้ไหม หากมันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
 

ม่านสีน้ำเงินทึบสีโปรดของเจ้าของห้องถูกมือเรียวสวยแหวกออกมา หน้าต่างที่ไร้ซึ่งผ้ากั้นทำให้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดเข้ามาภายในห้องได้อย่างเต็มที่ แม้แสงแดดที่สาดเข้ามาจะร้อนไปนิด  แต่มันก็อบอุ่น


ดวงตากลมโตมองหลังคาของบ้านตรงข้าม เผลอทำให้คิดถึงคนที่อาศัยอยู่ในนั้น ป่านนี้คนตัวโตนั่นจะตื่นนอนหรือยังน่ะ
หรือกำลังคลุมโปงนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆไม่ยอมตื่นกัน มองไปยังรอบๆเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างได้อย่างชัดเจน  แม้บางสิ่งบางอย่างจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังมีอย่างหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไป รู้สึกอย่างไร ก็ยังคงรู้สึกอย่างนั้น
ไม่เคยเปลี่ยนไปตามกาลเวลา


นทีถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะปิดม่านสีน้ำเงินทึบนั่นไว้ตามเดิม วันนี้อากกาศน่าจะดี เพราะงั้นนทีเลยตัดสินใจจะออกไปวิ่งข้างนอกนั่นสักหน่อย ร่างสูงโปร่งตามมาตรฐานชายไทยละสายตาจากบ้านตรงข้ามเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะลงไปยังชั้นล่าง วันนี้วันเสาร์พี่สาวเพียงคนเดียวของเขาไปอบรมที่ต่างจังหวัดคงอีกหลายวันกว่าจะได้กลับบ้าน ดังนั้นอาทิตย์นี้เห็นทีก็คงต้องอยู่คนเดียวอีกตามเคย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะก็อยู่อย่างนี้มาตั้งนานแล้ว พ่อกับแม่ก็อาศัยอยู่ในต่างประเทศ
ปีละสองสามครั้งถึงจะกลับมาเยี่ยมเขากับพี่สาว

คิดถึง
โหยหา
และยังรอเสมอ


ท้องฟ้าแจ่มใส เมฆสีขาวบริสุทธิ์ลอยล่องอยู่บนฟ้า คนท่าทางซื่อๆสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความสดชื่นให้กับตัวเองก่อนจะค่อยๆออกเท้าวิ่งเบาๆตามถนนในหมู่บ้านจัดสรรค์  ต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่ริมทางยิ่งเพิ่มออกซิเจนทำให้อากาศยิ่งบริสุทธ์มากขึ้น  สองเท้าวิ่งมาเรื่อยๆก็เจอสวนสาธารณะ  ภาพคุณตาคุณยายรำไทเก็กกันอย่างมีความสุขอยู่ใกล้ๆกันนั้น หยุดขานทีให้มองภาพเหล่านั้นอยู่นานสองนาน ก่อนที่นทีจะยิ้มน้อยๆให้กับภาพเหล่านั้นพร้อมทั้งยกมือถือถ่ายบันทึกเอาไว้

เพื่อบันทึกรอยยิ้มที่สวยงามเหล่านั้น
เพื่อบันทึกความทรงจำที่ดีที่ได้พบเจอในทุกวัน



วิ่งมาได้สักพัก เหงื่อก็เริ่มโทรมกาย แผ่นหลังบางเปียกชื้นจนต้องนั่งพักให้หายเหนื่อยบนเก้าอี้ในสวนสาธารณะ
นทีเลือกจุดที่มีต้นไม้ใหญ่คอยบังแดด  เส้นผมที่เริ่มยาวก็ปรกลงมาจนแทบจะปิดหน้า นทีปัดมันออกมาอย่างนึกรำคาญ
เห็นทีคงต้องไปตัดผมซะแล้วละ เขาเองก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าไปร้านตัดผมครั้งล่าสุดตอนไหน เพราะมัวแต่ยุ่งๆกับเรื่องเรียนและเรื่องค่ายอาสาที่จะไป 

ถ้าคนตัวโตนั่นไปด้วย  ก็คงจะดีไม่น้อย



   “ ไง”

นทีมัวแต่คิดเรื่องของคนตัวโตจึงไม่ทันได้ยินว่ามีคนเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน และนั่นแหละคนที่นั่งข้างเขา
ก็เป็นคนเดียวกันที่อยู่ในห้วงความคิด คนท่าทางซื่อๆเพียงแค่หันไปยิ้มโชว์แก้มบุ๋มทั้งข้างของตัวเองอย่างที่ทำเป็นประจำเมื่อมีคนมาทัก แต่นั่นก็ตรึงสายตาของใครบางคนให้มอง

หยดเหงื่อ
รอยยิ้ม
แสงสว่าง
หลอมรวมให้ดูมีเสน่ห์
เชนท์กระแอมไปเบาๆหันหน้าไปทางอื่นแล้วพิงตัวเอนไปกับพนักของเก้าอี้ตัวยาว ยืดมือไปข้างหน้า
ทั้งที่ในใจก็เริ่มรู้สึกคันยุยิบจนอยากจะเกา แต่ก็ทำได้แค่สั่งให้ร่างกายทำอย่างอื่นแทน


   “มาไม่ชวนเลยน้า” คนพูดพูดโดยไม่หันหน้ามองคนฟัง คล้ายจะพูดให้ตัวเองได้ยินแต่ก็เจาะจงให้ใครข้างๆได้ยิน 
คนท่าทางซื่อๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไงกับคนตัวโตนี้ดี อาจเป็นเพราะเมื่อวานในห้องชมรมคำพูดกำกวนของคนข้างๆทำให้เขาต้องเก็บมาคิดเนิ่นจนกว่าจะข่มหลับตาให้นอนได้ พอตื่นเช้าขึ้นมาในใจก็ยังคงว้าวุ่นจนต้องออกมาวิ่ง แต่พอใจเริ่มสงบ
ใครบางคนกลับกวนให้ตะกอนที่สงบนิ่งอยู่ก้นแก้วให้ฟุ้งกระจายหลอมรวมกับน้ำสีใส

มันยุ่งเหยิง
มันขุ่นมัว
ไม่ชัดเจน

   “ เป็นอะไร ทำไมเงียบ”
   “ เปล่า”
        “ รู้มั๊ย นทีนะ เป็นคนที่โกหกไม่เก่งเลยน่ะ”
        “.....”
   “ สายตาของคนที่พูดว่าเปล่า เขาไม่ล่อกแล่กแบบนี้หรอก ”
          รู้ว่าเป็นคนโกหกไม่เก่ง ไม่ว่าจะคำพูด ความรู้สึก หรือสายตา แต่จำเป็นมั๊ยที่มือของเชนท์จะต้องประคองใบหน้าเขาเพื่อพิสูจน์ดวงตาล่อกแล่กนี้  นทีมองผู้ชายผู้ซึ่งกุมหัวใจของเขาไว้เนิ่นนาน ใบหน้าที่ชิดใกล้ห่างกันเพียงแค่คืบทำให้หัวใจดวงน้อยๆเต้นระส่ำ  มือเท้าเย็นเฉียบ หากแต่ใบหน้ากลับเห่อร้อน  ริ้วแดงๆเริ่มปรากฏจนเชนท์อดที่จะลูบมันไม่ได้ ดวงตากลมโต จมูกรั้นๆ แก้มที่มีลักยิ้ม มันช่างเหมาะกับคนๆนี้จริงๆ
   

             “ ตาสวยจัง”
เฮือก !
          “ระ เรากลับก่อนน่ะ” นทีผวาเกะมือเชนท์ทั้งสองข้างออกจากใบหน้าของตัวเอง เตรียมจะลุกแต่มือใหญ่ๆของเชนท์ก็รั้งมือเขาไว้ก่อน



        “ ชอบเชนท์ก็พยายามหน่อยสิ”

   “...”
       
        “ ไม่ยากหรอก”




*****************************************************************


“ น”

“...”

“ นท”

“ ...”

“ นที”

เฮือก !

เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก  กะพริบตาปริบๆสะบัดความคิดที่เตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนให้กลับมาสู่ปัจจุบัน
หันไปมองเพื่อนที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างๆ แล้วนึกกระดากในใจ

เผลออีกแล้ว

เผลอคิดถึงคนบางคนที่ไม่ได้เจอหน้าร่วมอาทิตย์นับจากวันนั้น

  “ ชอบเชนท์ก็พยายามหน่อยสิ”

 “ ไม่ยากหรอก”


พูดแล้วก็วิ่งกลับไป หายไป  ไม่เจอ .... 
ปล่อยให้เขาต้องมาคิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว



 “ เป็นอะไร เราเรียกตั้งนาน” ประธานชมรมหยิบขนมป็อกกี๊รสสตรอเบอร์รี่ขึ้นมากัดพลางถามเพื่อนที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตั้งนานสองนาน จนต้องเรียกซ้ำๆอยู่หลายรอบ กว่าเพื่อนของเขาจะรู้สึกตัว  เนยสังเกตมาสักพักแล้วว่าชวงนี้นทีเหม่อบ่อยมาก
เหมือนกับว่ากำลังมีเรื่องทุกข์ใจในใจอะไรสักอย่าง

“ เปล่า ” นทีเลือกที่จะปฏิเสธเพื่อนออกไป แต่สีหน้าอึกอักนั่นก็ปิดเนยไม่ได้  ประธานชมรมถอนหายใจออกมาเบาๆ
หยิบขนมป็อกกี๊ที่เคลือบสีชมพูกดไปที่แก้มใสตรงรอยบุ๋มนั่นก่อนจะกัดกิน ไปอย่างเงียบๆ

“นทีนะ โกหกไม่เก่งหรอกเชื่อเราสิ ”  นทีเม้มปากตัวเองเบาๆก้มหน้างุดเมื่อนึกถึงคนที่เคยพูดประโยคนี้ 
คนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ไหน กำลังทำอะไร

“เราแค่กำลังสับสน”นทีเอ่ยเสียงเบา แต่ภายในใจกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาไม่รู้ว่าที่เชนท์พูดนั้นมันหมายความว่ายังไง ไม่รู้...มันสับสนไปหมด

“เรื่องเชนท์ใช่มั๊ย?” เนยเลียบเคียงถาม นทีเงยหน้ามองประธานชมรมด้วยสีหน้าอึกอักที่จะตอบแต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับเพราะทนต่อสายคาคาดนั้นจากเพื่อนไม่ได้ 

“ชอบเขาแล้วละสิ” นทีอยากจะปฏิเสธออกไปว่าไม่ แต่ถึงแม้จะพูดออกไปเนยก็ไม่เชื่ออยู่ดีเพราะเขาโกหกไม่เก่ง จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับยอมรับในสิ่งที่เพื่อนพูด

“บอกเราหน่อยได้มั๊ยว่านทีชอบเชนท์ตอนไหน” เขายิ้มอ่อนๆให้เพื่อน รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยเมื่อเนยเล่นถามกันอย่างนี้

“ก็ตั้งแต่มัธยมต้น...ละมั้ง” เนยตาโตเมื่อได้ฟัง ก็นั่นนะตั้งนานแล้วน่ะถ้านับๆดูแล้วก็ประมาณแปดปีได้เลย เนยขยับเข้าใกล้นทีก่อนจะชนไหล่นทีเบาๆพร้อมกับเอ่ยแซ็ว

“แหมมม... รักจริงหวังแต่งเลยป่ะเนี่ย”

“บ้า ไม่ใช่สักหน่อย”นทีพูดอ้อมแอ้มเกาแก้มด้วยความเขินแล้วลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบอาการเขินของตัวเอง

“ นี่ เขินเหรอ นั่นแน่เขินใช่ป่ะล่ะ” เนยใช้มือตัวเองจิ้มๆไปที่แขนของนที ลำคอที่เริ่มแดงนั่นบ่งบอกได้อย่างเลยละว่านทีกำลังเขินอยู่

“ ชอบเขานานขนาดนั้นนะ นทีทำได้ไง ถ้าเป็นเราน่ะเลิกชอบไปตั้งนานแล้วไม่อดทนชอบนานเท่านทีหรอก”

สายตาของนทีก็ทอดมองไปข้างหน้ามองคู่รักนักศึกษาหลายคู่กำลังเดินเคียงกันบ้างก็ช่วยแฟนถือของเล็กๆน้อยให้
บ้างก็หยอกล้อกันนทียิ้มกับภาพเหล่านั้นออกมาก่อนจะพูดออกมา “ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ชอบมานานขนาดนั้น รู้ตัวอีกทีก็ไม่สามารถเลิกชอบได้เลย”

นทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนที่ตัวเองกำลังพูดอยู่นั้น ใครบางคนที่หายหน้าหายตาไปร่วมอาทิตย์เดินเข้ามาอย่างเงียบๆก่อนที่คนๆนั้นจะสะกิดประธานชมรมแล้วจุ๊ปากบอกให้เงียบๆ เนยเองก็พยักหน้ารับทำท่ารูดซิปปากให้

“.....”

“เราก็แค่ชอบในมุมของเรา ไม่ได้หวังให้เชนท์มาชอบหรอก” นทียิ้มเฝื่อนก้มหน้ามองมือตัวเอง” แต่ตอนนี้เรากลับไม่รู้สึกแบบนั้นแล้วสิ”

“ เอ๊า ทำไมอ่ะ” เนยถามออกไปเรื่อยๆ กลั้นยิ้มแทบตายให้ตายเถอะเขารู้สึกเขินแทนนทีมากเลยละตอนนี้ เพราะเชนท์เองก็ยืนฟังไปด้วยอมยิ้มไปด้วย สองคนนี่ตกหลุมรักซึ่งกันและกันชัดๆ แล้วยังจะให้เขามานั่งเป็นกามเทพให้นี่น่ะ

“ก็เราเริ่ม...รู้สึกโลภ...อยากมีเชนท์อยู่ข้างๆ” มือสองข้างบีบเข้าหากันแน่น นทีเคยคิดเคยวาดฝันว่าอยากมีเชนท์อยู่ข้างๆมีเชนท์เป็นคนรัก แต่เพราะเขารู้ รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผู้ชายสองคนจะรักกันได้ยังไง และเชนท์ก็ไม่มีทางชอบผู้ชาย

ข้อนี้นทีรู้ดี...แต่ความรู้สึกข้างในมันกลับบังคับไม่ได้ บังคับให้เลิกชอบ บังคับให้เลิกโลภไม่ได้....



เนยผุดลุกขึ้นจากเอ้ากี้แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้านที ยื่นมือไปกุมมือเพื่อนก่อนที่จะพูดประโยคให้กำลังใจปนอิจฉาเล็กๆ

มันไม่ผิดหรอกที่นทีจะคิดแบบนั้น เพราะถ้าเป็นเรา เราก็อยากมีคนคนนั้นไว้อยู่ข้างกายเหมือนกัน เรื่องความรักมันไม่ใช่ความโลภ ถ้าตราบใดที่นทีไม่ได้ทำให้ใครต้องมาเดือดร้อน และความรักของนทีที่เราได้สัมผัสมามันคือรักที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน คือรักที่บริสุทธิ์ มันคือความรู้สึกดีๆที่นทีมีต่อเชนท์และมันก็ไม่ผิดหากนทีอยากจะแชร์ความรู้สึกดีๆนี้ให้เชนท์ได้รับรู้และอยากมีเขาอยู่ข้างๆ  เรานะอิจฉาเชนท์มากเลยรู้มั๊ยที่นทีมั่นคงต่อความรู้สึกมานานขนาดนี้  เห้อรู้สึกไม่อยากยกนทีให้เชนท์เลยอ่ะ”

“พูดอะไรของเนยเนี๊ยะ” นทีทำหน้าสงสัย ประธานชมรมไม่ตอบแต่พยักเพลิดหน้าไปยังคนที่กำลังยืนฟังอยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆแต่หน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มนั่น นทีหันไปมองตามที่เพื่อนบอกก่อนที่จะรู้สึกเหมือนว่าทั้งโลกหยุดหมุน ราวกับเวลาหยุดเดิน
   

เชนท์มาแอบฟังตั้งแต่เมื่อไหร่...งั้นก็แสดงว่าที่เขาพูดออกไปทั้งหมดเชนท์ก็รู้แล้วงั้นสิ
เนยน่ะเนย ทำอย่างนี้กับเราได้ยังไง


วินาทีที่หันหน้าแล้วเจอใบหน้าคมคายของคนตัวโตนั่นทำเอานทีลมหายใจสะดุด มองคนตรงหน้าอย่างอยากไม่เชื่อสายตา
อยู่ๆมาพูดให้คิดแล้วหายไป นึกจะโผล่มาตอนไหนก็โผล่ นทีกำลังรู้สึกน้อยใจ ใจดวงน้อยๆกำลังบีบรัดจนมันรู้สึกหน่วงไปหมด
เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกน้อยใจอะไรแบบนี้เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่เพื่อนนทียังไม่รู้เลยว่าคนตัวโตนั่นจะให้เขาเป็นได้หรือเปล่า แต่ทำไมไม่รู้ตอนนี้นทีถึงได้รู้สึกอย่างนั้น ไม่อยากจะเห็นหน้าคนตัวโตนี่ คนที่นิสัยไม่ดี นึกอยากจะพูดอะไรก็ก็พูด นึกอยากจะมาก็มานึกอยากจะไปก็ไป  ซ้ำยังแอบฟังคนอื่นเขาคุยกันอีก



“เราไปก่อนนะ เคลียร์ดีๆล่ะ” เนยยิ้มให้แล้วตบบ่าเขาเบาๆจากนั้นก็วิ่งปร๋อหายไปทิ้งให้นทีนั่งอึ้งมองคนที่อยู่ในบทสนทนาเมื่อครู่ก่อนที่จะค่อยๆเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึงเบือนหน้าหนีคนตัวโตนั่นพร้อมทั้งลุกขึ้นเตรียมจะหนีออกไปจากที่นี่


เชนท์รีบวิ่งมาเข้าขวางคนที่ชอบเอาแต่หนี เขายอมรับว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเองทำให้นทีต้องคิดมากกับคำพูดของเขาตอนที่อยู่ในสวนสาธารณะนั่น  วันนั้นในตอนนั้นเขาไม่ได้พูดเพื่อจะแกล้งนทีเลเยแม้แต่น้อย หากแต่คำพูดเหล่านั้นที่พูดออไปเขาได้กลั่นกรองมันออกมาจากหัวใจก่อนหน้านี้แล้ว

แปลกมั๊ยหากเขาจะรู้สึกดีกับคนข้างบ้านตั้งแต่วันที่เขาเดินเข้าไปทักในคืนนั้น คืนที่เขารอคนๆนี้เพื่อจะเอ่ยคำขอโทษหลังจากที่เสียมารยาทตอนที่อยู่ในร้านกาแฟนั่น และในวันต่อๆมาความรู้สึกดีๆของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นชอบ และชอบมากขึ้นทุกวัน 


ยิ่งได้คุยกันยิ่งรู้สึกสบายใจ มันเป็นความสบายใจที่เขาเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเป็นนที ทำไมต้องเป็นคนข้างบ้านเขา คนที่เขาคิดว่าตัวเองลืมมาตลอดว่าเคยมีคนๆนี้อยู่ข้างบ้าน แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้ลืม ไม่เคยลืมเลยสักนิด เพราะในทุกๆวันของเย็นวันศุกร์เชนท์ก็จะแอบเฝ้ารอคนๆนี้กลับจากโรงเรียนทุกสัปดาห์ 

ไม่ใช่นทีคนเดียวหรอกที่รู้สึกแบบนั้นเพราะตอนนี้เขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับนที อยากอยู่ข้างๆ อยากจะจับมือไปด้วยกันในทุกๆวัน หัวเราะไปด้วยกัน ยิ้มไปด้วยกัน นทีคือคนที่เชนท์อยากจะแชร์ทุกอย่างในชีวิตของเขาไปด้วยกัน

หนึ่งสัปดาห์ที่หายไปไม่ได้ติดต่อไม่ได้มาเจอกันก็เพราะไอ้ตั้มมันขอ หากว่าเขาชอบนทีจริงๆภายในหนึ่งเดือนเขาต้องห้ามเจอนที ห้ามติดต่อนทีทุกวิถีทาง ถ้าเขาทำไม่ได้ไอ้ตั้มก็จะเดินหน้าจีบนทีและไม่สนด้วยแม้จะรู้ว่านทีชอบเชนท์

แต่สุดท้ายไอ้ตั้มก็ทนไม่ไหวเพราะมันบอกว่าเขากำลังทำเหมือนคนที่ไม่มีลมหายใจทั้งๆที่ยังหายใจ ก็เลยยอมแพ้ ยอมให้เขามาเจอกับคนที่ตัวเองคิดถึงสุดหัวใจ

แล้วมาวันนี้ถ้อยคำทุกประโยคที่นทีพูดออกมานั้นเขารับรู้มันด้วยหัวใจ และเขาจะไม่ยอมให้เวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เสียไปต้องสูญเสียไปเปล่าๆ


“เชนท์ขอโทษครับ” เชนท์รวคนหน้าบึ้งเข้ามากอดจมอกตัวเองก่อนจะเอ่ยมันด้วยความรู้สึกผิดไปทั่วหัวใจ
เขาเกลี่ยเส้นผมนุ่มๆนั่นที่ปกปิดใบหน้าแสนน่ารักของเจ้าตัวเผยให้เห็นคนตาโตกำลังเม้มปากตัวเองแน่น
เชนท์ไม่สนแล้วว่าตอนนี้จะมีคนมองมาที่เราสองคนมากน้อยแค่ไหน

เขาสนเพียงอย่างเดียวคือไม่อยากให้คนตรงหน้านี้เข้าใจผิดคิดว่าเขาหายไปแล้วไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง.....แต่ไม่ใช่กับนที คนในอ้อมกอดเขากำลังก้มหน้างุดซ้ำมือก็ยังกำชายเสื้อเขาไว้แน่น เชนท์เลยตัดสินใจกุมมือนทีแล้วพาไปยังหลังตึกของคณะสถาปัตย์ฯ



นทีมองมือใหญ่ของเชนท์ที่กุมมือเล็กๆของเขาไม่วางตา ในใจรู้สึกสับสนไปหมดคำขอโทษที่คนตัวโตพูดเมื่อครู่ช่างอ่อน
โยนเหลือเกิน อ่อนโยนจนนทีไม่กล้าขัดขืนยามที่มือใหญ่นี้กุมมือเขาเดินออกมาจากตึกคณะท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมคณะหลายคู่ที่มองมายังเรา


แผ่นหลังกว้างชองเชนท์ที่นทีมองเห็นอยู่ไกลๆ ทว่าตอนนี้มันอยู่ใกล้แค่เอื้อม ใกล้จนอยากอยากจะสัมผัสมันเหลือเกิน
ผิดมั๊ยหากวันนี้เขาอยากรู้สึกโลภ.....รู้สึกหวงแหนมือนี้ .....รู้สึกหวงแหนแผ่นหลังกว้างนี้ และผิดมั๊ยหากเขาอยากจะเดินกุมมืออย่างนี้กับเชนท์ไปตลอด นทีหลับตาแน่นเมื่อเชนท์หยุดเดินแล้วหันมามองเขา มือใหญ่ของเชนท์ยังคงกุมมือนทีแน่นนิ้วโป้งของเชนท์ลูบไล้บนมือเขาเบาๆราวกับต้องการปลอบ



“เชนท์ผิดเชนท์ขอโทษครับ ที่พูดไปวันนั้นไม่ได้ต้องการจะแกล้งนทีเลย” เชนท์เอ่ยมันออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “และขอโทษที่หนีหายไปไม่ได้มาหา ไม่ได้ติดต่อ ” เขาวาดนิ้วตัวเองไล้ไปทั่วดวงหน้าเล็กนี้อย่างอ่อนโยนและในขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ลูบมือเขาไม่หยุด   


“ลืมตามองเชนท์หน่อยน่ะค่ะคนดี  ลืมตามองความจริงที่เชนท์กำลังจะพูด” น้ำเสียงออดอ้อนเว้าวอนให้เขาลืมตา นทีจำต้องทำตามอย่างไร้ข้อกังขา ยามที่เปลือกตาทั้งสองข้างเปิดออกมาใบหน้ายิ้มแย้มของคนตัวโตนั่นก็โน้มลงเข้ามาใกล้กับใบหน้าของเขาจนนทีต้องหลุบตาต่ำทำเป็นมองพื้นหญ้าแทน แต่เชนท์ก็ไม่ปล่อยให้คนขี้อายนี้หลบตาเขาหรอก เขาประคองใบหน้าเล็กแสนน่ารักนั่นให้เงยหน้ามองเขา ให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาและฟังคำพูดของเขา


“ เชนท์รู้ว่าตอนนี้นทีอาจจะกำลังสับสนและคลางแคลงใจในการกระทำของเชนท์ แต่ทุกคำทุกประโยคต่อไปนี้ที่เชนท์จะพูดออกไป ขอให้นทีรับรู้เอาไว้ว่ามันคือความจริงทุกประการ..... เชนท์ชอบนที ชอบมาก ชอบที่ไม่ใช่ในฐานะเพือน แต่ชอบในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบผู้หญิงคนหนึ่งเพียงแต่คนที่เชนท์ชอบไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นนที  ที่พูดไปวันนั้นไม่ได้จะกลั่นแกล้งนทีเลย เชนท์คิดดีแล้วกลั่นกรองมันมาดีแล้วถึงได้พูดออกไป และที่หายไปวันนั้นไม่ติดต่อไม่มาหานที ก็เพราะไอ้ตั้มมันขอเอาไว้ มันรู้ว่านทีชอบเชนท์แต่มันไม่แน่ใจว่าเชนท์ชอบนที ทั้งๆที่เชนท์ก็บอกมันไปแล้ว..... เพราะงั้นมันก็เลยห้ามเชนท์ให้มาเจอนทีเพื่ออยากจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่เชนท์บอกมันไป....เป็นความจริง ”

หัวใจดวงน้อยๆของนทีที่บีบรัดจนรู้สึกหน่วง รู้สึกน้อยใจก่อนหน้านี้กลับพองโตขึ้นมาราวกับได้รับน้ำเย็นมารินรดให้ชุ่มฉ่ำไปทั่ว ความสับสนที่มีก็ฟุ้งกระจายมลายหายไปเมื่อเชนทร์พูดประโยคแสนยืดยาวนี้ออกมา

กระบอกตาทั้งสองข้างก็เห่อร้อน นทีพยายามอย่างยิ่งที่จะสกัดกลั้นเสียงสะอื้นที่จุกแน่นอยู่ในลำคอไม่ให้เล็ดรอดออกมา
แต่สุดท้ายแล้วก็ห้ามไม่ได้ น้ำตาใสๆที่เอ่อคลอเต็มดวงตานั่นก็ค่อยๆไหลลงอาบสองข้างแก้ม เสียงสะอื้นน้อยๆก็ดังออกมาให้ได้ยินผะแผ่ว ทั้งหมดมันคือความรู้สึกตื้นตันใจ คาดไม่ถึง ไม่คิดว่าคนตัวโตนั่นจะรู้สึกเหมือนกันกับเขา


.....การแอบรักที่ยาวนานมาหลายปีกำลังจะสิ้นสุดลงแล้วใช่มั๊ย.....

.....มันกำลังจะเป็นความรักของเราสองคนแล้วใช่มั๊ย......




เชนท์ยื่นหน้าตัวเองเข้าหาใบหน้านวลนั่นก่อนจะจูบซับน้ำตาใสๆนั้นเบาๆด้วยความอ่อนโยน
นทีเบี่ยงหน้าหนียามที่ริมฝีปากร้อนของอีกฝ่ายสัมผัสใบหน้าของตัวเอง ลมหายใจอุ่นๆของคนตัวโตนั่นก็เป่ารดตามดวงหน้า
นทีจำต้องหดคอและหรี่ตาด้วยความรู้สึกแปลกๆนั่นไม่ได้ แต่เชนท์นะไม่ยอมให้เขาหนีหรอกเขาประคองใบหน้าอีกฝ่ายไว้แน่นแต่ก็ไม่ได้ทำให้นทีรู้สึกเจ็บ จากนั้นก็บรรจงจูบหน้านทีซ้ำๆเน้นๆไปหลายรอบก่อนที่มือใหญ่ๆนั่นจะปล่อยให้ใบหน้านทีเป็นอิสระ

   คนบ้า! นทีสบถในใจ

   เชนท์ยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าคนที่เขาเพิ่งฉวยโอกาสกำลังยืนหน้าแดงเช็ดหน้าเช็ดตาด้วยมือสองข้างของตัวเอง
ปากบางๆก็พึมพำว่าเขาไม่หยุด เชนท์อดไม่ได้ที่จะรวบเอวคอดของนทีแล้วจัดการบีบจมูกรั้นๆของเจ้าตัวก่อนที่ใช้จมูกตัวเองถูไถกับกับจมูกเล็กๆนั่นด้วยความมันเขี้ยว นทีพยายามดันอกคนตัวโตออกเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังตะเสียเปรียบ แต่ดูเหมือนว่าแรงมดของเขาจะสู้แรงช้างอย่างเชนท์ไม่ได้


   “ เชนท์ปล่อยเรา” เขาทุบอกแน่นๆเสียงดังอั๊ก   

.....แค่บอกชอบ แต่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำไมจะต้องมารุ่มร่ามใส่กันด้วย ฮึ่ย...

เชนท์ตัวงอเล็กน้อยเบ้ปากด้วยความเจ็บนิดๆ ลูบอกตัวเองป้อยๆทำหน้าทำตาราวกับว่าเจ็บหนักเสียเต็มประดา

เหอะ!

สมน้ำหน้า

“นทีจ๋า ”คนตัวโตเรียกนทีเสียงหวาน “เชนท์ขอโทษครับ ก็นทีอยากน่ารักทำไมล่ะ” นทีกอดอกมองคนตัวโตที่โทษเขาตาเขียวปั๊ด แน่ะ! มีส่งยิ้มให้อีก

“ เชนท์อย่าเข้าใกล้เรา” นทีก้าวถอยหลังออกมาเล็กน้อยออกปากสั่งเมื่อเห็นว่าคนตัวโตนั่นเริ่มไม่อยู่นิ่งทำท่าจะกระโจนเข้าหาเขา

“ นที๊” เชนทร์โอดครวญเสียงดัง แต่ก็ยอมทำตามทำสั่งของคนตรงหน้าโดยดี ใบหน้าคมคายส่งประกายความออดอ้อนอยากจะเข้ามาใกล้ๆ แต่นทีไม่ยอมหรอก


“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมต้อง เอ่อ ต้อง ทำแบบนั้นกันด้วย” นทีแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียให้รู้รอดเมื่อพูดประโยคน่าอายนั่นออกไป แต่ก็ยังดีกว่าให้คนตัวโตนั่นทำอะไรตามใจชอบโดยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร แม้จะรู้ว่าเราสองคนชอบกัน แต่ทำแบบนี้ไม่ได้ มันไม่เคลียร์


เชนท์กดยิ้มมุมปากเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ใบหน้าคมคายเจ้าเล่ห์นั่นทำเอานทีรู้สึกร้อนๆหนาวๆยังไงบอกไม่ถูก ขายาวๆของคนตัวโตก็สาวเท้ามาเรื่อยๆในขณะเดียวกันนทีเองก็ถอยหลังไปทีละก้าวจนในที่สุดแผ่นหลังบางของนทีก็สัมผัสกับผนังที่เคลือบด้วยสีเปลือกไข่จนไม่สามารถก้าวไปข้างหลังได้แล้ว ซ้ำตอนนี้เชนท์ก็ใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองกักขังเขาไว้เรียบร้อยแล้ว


ให้ตายเถอะ ไม่น่าขุดหลุมฝังตัวเองเล๊ยนที!!!


นทีหลับตาและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาสบตากับคนตัวโตนั่นด้วยความท้าทาย


“งั้นก็เป็นซะสิ”เชนท์ยิ้มเจ้าเล่ห์แนบลำตัวไปกับคนตรงหน้าเบียดเข้าไปใกล้พร้อมทั้งสูดดมกลิ่นหอมๆจากซอกคอขาวอย่างหลงไหล 

“ไม่เป็น ” นทีพูดเสียงเข้ม เอียงหน้าไปอีกทางเมื่อคนตัวโตนั่นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทั้งพยายามผลักคนตัวโตให้ออกห่างตัวเขา นึกเสียใจที่บังอาจไปท้าทายคนตัวโตนั่นจนเป็นเขาเองที่เริ่มจะหาทางออกไม่เจอ ลำตัวที่แนบกันของเราทำเอานทีรู้สึกปั่นป่วนมวนท้องแปลกๆ
   
ให้ตายเถอะเชนท์ทำไมเป็นคนแบบนี้น่ะ!
   

“ ได้ไง ก็เราต่างชอบกัน ก็ต้องเป็นแฟนกันสิ”เชนท์เถียง

นทีกลั้นยิ้มเมื่อได้ยินคนตัวโตพูดแบบนั้นก่อนจะค่อยช้อนตาขึ้นมองดวงหน้าคมคายที่อยู่ใกล้กัน“เชนทร์ชอบเราจริงๆเหรอ ไม่ใช่เพราะสงสา......”นิ้วเรียวของคนตัวโตกดปากเขาเบาๆแล้วพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่นทีจะพูดจบ
   

“ เชนท์ไม่เคยพูดโกหก ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม และยิ่งเป็นความรู้สึกของตัวเองเชนท์ไม่เคยโกหกหรือต้องฝืนทำด้วยซ้ำ ที่เชนท์พูดไปทั้งหมด บอกว่าชอบคือชอบจริงๆ ไม่ได้สงสารอะไรทั้งนั้น”
   
“แต่เชนท์เพิ่งรู้จักเรา”

เชนท์ยิ้มนัยส์ตาของเขาทอประกายความอ่อนโยนทอดส่งไปยังคนตรงหน้าก่อนจะพูดว่า”เราอาจจะรู้จักมาทั้งชีวิตแล้วก็ได้น่ะ อย่าลืมสิว่าบ้านเราอยู่ข้างกัน”ผมนุ่มๆของคนท่าทางซื่อๆกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นหัวเพราะคนตัวโตนั่นยีมันนฟูไปหมด
   
นทีฉีกยิ้มไปกับคำพูดและการกระทำที่อ่อนโยน หัวทุยๆของนทีซบลงไปกับอกแน่นของเชนทร์ก่อนที่จะพูดเสียงดังให้เราสองคนได้ยิน

“เราขอเวลาหน่อย หลังจากกลับค่ายแล้วเราค่อยให้คำตอบน่ะ”

“ เชนท์ไม่อยากฟังคำปฏิเสธหรอกน่ะ” เขากดจมูกไปกับผมนุ่มๆนั่น

“ อันนี้ก็ต้องรอดูความประพฤติของเชนท์ก่อน”

เชนท์ยักไหล่”ได้...ไม่มีปัญหา ....พอถึงวันนั้นนทีก็อย่าหนีเชนท์ไปก็แล้วกัน” นทีเงยหน้ามองคนพูดแล้วยักไหล่ท่าเดียวกันกับเชนท์ก่อนจะพูดประโยคที่พาให้เราทั้งคู่หัวเราะไปพร้อมๆกัน

” ได้ ....แน่นอนอยู่แล้ววันนั้นนะเราจะเป็นคนลากเชนท์มาฟังเอง ”

“ แล้วตอนนี้ เราสองคนเป็นอะไรกัน”เชนท์ถามพลางเกลี่ยแก้มใสของนทีเบาๆอย่างหวงแหน

“ คนพิเศษ เราสองคนเป็นคนพิเศษของกันและกัน” เรายิ้มให้กันและกันออกมาท่ามกลางแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ในยามเย็นที่ประกายความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าสู่ใจเราทั้งสอง เชนท์ขยับตัวออกมาเล็กน้อยเพื่อให้คนโดนกกกอดอยู่นานสองนานนั้นได้รับอิสระ มือใหญ่ของเชนท์คว้ามือเล็กๆนั่นมากุมไว้อีกครั้งก่อนที่ทั้งคู่จะเดินลัดเลาะออกไปจากสถานที่แห่งนี้เพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังจุดหมายปลายทางที่รอ.....บ้านของเรา



อีกตอนเดียวก็จะจบแล้วน้า อิอิ




ใครบอกนทีซืื่อ 5555 อิเชนท์ก็น่ามือไวจริมๆ อิอิ

 :mew1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [4] : 11:1:18
«ตอบ #15 เมื่อ11-01-2018 22:14:51 »

ีรอฟังคำตอบด้วยคน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [4] : 11:1:18
«ตอบ #16 เมื่อ11-01-2018 22:59:41 »

ลุ้น..นนนนนนนน   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5 END] : 27:1:18
«ตอบ #17 เมื่อ27-01-2018 16:11:36 »

ณ ปลายทางที่รอ
[5]
 [ตอนจบ]


“พี่กวินน้ำแพ็คใหญ่ๆนี่เอาไปไว้ในรถคันไหน”

“ เอาไว้ในรถขนของดิว่ะ”

“พี่เนยครับ ผมขอกลับไปเอาหมวกที่หอก่อนน่ะพี่  ผมลืม”

“เออๆ เร็วล่ะมึง ส่วนใครทีเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถเลยจ้าพี่จะได้เช็คขื่อ“

“ครับ/ค่ะพี่เนย”

            
   เสียงโหวกเหวกดังขึ้นเป็นระยะ เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ชาวค่ายจะออกเดินทางไปค่ายอาสากัน ของต่างๆก็ถูกขนไปวางบน
รถตั้งแต่เย็นของเมื่อวานแล้วดังนั้นเช้ามืดวันนี้ทุกคนเพียงแค่นำกระเป๋าสำภาระของตัวเองไปเก็บก็เท่านั้น 
น้องๆทุกคนก็เริ่มทยอยขึ้นไปนั่งรถไปแล้วบางส่วน และบางส่วนก็กำลังวิ่งดุ๊กดิ๊กมาสวัสดีนทีที่รออยู่ด้านล่างคอยช่วยน้องๆเก็บกระเป๋าให้ซึ่งข้างๆกันก็มีคนตัวโตที่ไม่ใช่สมาชิกในชมรมมาช่วยด้วย   


   ตอนเช้ามืดอากาศค่อนข้างเย็นนทีเลยโดนคนตัวโตกำชับให้สวมเสื้อกันหนาวไว้ด้วย เพราะกลัวว่าหวัดจะกินทั้งยังคอยเช็คของคอยหานู่นหานี่มาใส่กระเป๋าเขาจนตุงไปหมด เมื่อคืนกว่าที่เชนท์จะยอมให้เขาปิดกระเป๋าได้ก็เช็คอยู่หลายรอบจนเขาต้องเอ็ดเชนท์เบาๆว่าจะไปค่ายไม่ได้จะย้ายบ้าน  นั่นแหละเชนท์ถึงยอมให้เขาปิด


   นทีมองน้องๆที่กำลังไหว้ลาคุณพ่อคุณแม่อยู่ตรงนั้นก็นึกคิดถึงคนแดนไกลทั้งสองคน แม้จะคุยกันทุกวันผ่านเครื่องมือสื่อสารแต่มันก็ไม่พอหรอก แต่ถึงอย่างนั้นนทีก็เข้าใจว่าสาเหตุที่พ่อกับแม่ต้องไปอยู่ไกลขนาดนั้นก็เพราะไปทำงาน และด้วยหน้าที่การงานของพ่อที่เป็นถึงท่านทูตแม่ถึงต้องไปอยู่ด้วยกันเพื่ออยู่ข้างๆให้กำลังใจพ่อ


   นทียิ้มเมื่อมองภาพเหล่านั้นมือเล็กๆของตัวเองก็ยกขึ้นมากอดเพราะลมเย็นๆพัดผ่านมาหนาวจนต้องการความอบอุ่น และความความอุ่นที่ซ้อนอยู่ด้านหลังนทีนั่นก็โอบมือแข็งแรงของตัวเองกอดอีกคนที่กำลังยืนสั่นไปทั้งตัว ดีที่พื้นที่ตรงนี้มันไม่ค่อยสว่างนักเพราะเครื่องยนต์ยังไม่ได้ติดเชนท์เลยกล้าที่จะกอดให้ความอบอุ่นอีกคน

       
           นทีพิงกับอกแน่นของเชนท์ ยืนนิ่งสัมผัสความความอบอุ่นที่อีกฝ่ายแชร์มาให้ และนั่นแหละแม้ที่ตรงนี้จะมืดแต่คนสายตาดีอย่างเนยที่เดินสำรวจอยู่รถนั่นก็มองเห็นทั้งคู่  เขามองยิ้มๆเขินจนบิดตัวไปมาราวกับว่านั่นคือตัวเอง จนน้องที่นั่งหลับอยู่ตรงตำแหน่งนั้นลืมตาขึ้นมามองเพราะอาการยุบยิบของประธานชมรม ก่อนที่น้องจะเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าประธานชมรมเป็นอะไร

   
           นานกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าที่สมาชิกทุกคนจะมากันครบ เครื่องยนต์โดยสารติดแอร์คันโตของมหาลัยก็ติดรอท่าอุ่นเครื่องไว้แล้ว ประธานชมรมเดินเช็คชื่อสมาชิกที่จะไปกันอีกครั้งโดยรวมแล้วมีกันอยู่เกือบๆสี่สิบชีวิต

        น้องๆที่นั่งหลับสะลึมสะลือตื่นมาเพราะอาการง่วงงุนถูกปลุกขึ้นมาโดยฝ่ายสันทนาการซึ่งหน้าที่นี้ก็เป็นของพี่ปีสี่ที่เป็นผู้ชายแต่ใจสาวสร้างความบันเทิงก่อนที่ทุกคนจะเริ่มออกเดินทางโดยให้แต่ละคนเดินออกมาแนะนำตัวเองข้างหน้าแม้ว่าก่อนหน้านี้ทุกคนจะแนะนำกันแล้วก็ตาม น้องๆต่างก็หัวเราะอย่างสนุกสนานกับมุกตลกอยู่บนรถแต่นทียังไม่ได้ขึ้นไปร่วมสนุกกับใครเขาเลย เพราะคนตัวโตนั่นนั่นแหละจับมือเขาไม่ยอมปล่อย

   

              “ ถึงที่หมายแล้วโทรหาเชนท์ทันทีเลยน่ะ” นทียิ้มขำกับการย้ำที่นับไม่ได้แล้วเหมือนกันสั่งเขารอบที่เท่าไหร่แล้ว

              อันที่จริงคนตัวโตอยากจะไปด้วยแต่เพราะอาทิตย์หน้านี้มีแข่งฟุตบอลซึ่งเชนท์ก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของมหาลัยไปแข่งกับมหาลัยเจ้าภาพที่จัดขึ้นมาเพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างมหาลัย เชนท์เลยต้องอยู่ซ้อมทุกวัน แม้ว่าใจเขาอยากจะตามนทีไปแค่ไหนแต่หน้าที่ของตัวเองเชนท์ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ดังนั้นแล้วเขาเลยอดห่วงคนตรงหน้าไม่ได้ยิ่งนทีไปตัดผมทรงใหม่ที่เข้ากับรูปหน้าตัวเองแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ทำสีผมแต่นั่นก็เผยออร่าความน่ารักจนเขาเกิดอาการหวงสารพัดหวง กลัวว่าจะมีคนเข้ามาจีบ

ให้ตายเถอะนที! ทำไมจะต้องมาน่ารักในวันที่เขาไม่ได้อยู่ด้วยน่ะ

   “ น่ะ ถึงปุ๊บก็ต้องรีบโทรหาเลย เข้าใจมั๊ย”

   “ เข้าใจแล้ว”

   “ไม่อยากให้ไปเลย” เสียงเหงาหงอยของเชนท์พูดเอาแต่ใจจนนทีต้องบีบมือใหญ่ของตัวโตแน่นแล้วเขย่าเบาๆเพื่อปลอบ

   “ สองอาทิตย์แป๊ปเดียวเอง” นทีพูดเสียงอ้อนพลางกับขยับเข้ามาใกล้คนตัวโตนั่นวางมือเล็กของตัวเองบนไหล่หนาแล้วลูบมันเบาๆ นทีรู้ว่าตอนนี้คนตัวโตกำลังงอแง สีหน้าแสนเว้าวอนของเชนท์ที่ไม่อยากให้เขาไปเกือบจะทำให้นทีใจอ่อน  แต่ถึงอย่างนั้นนทีก็ต้องหักห้ามใจตัวเองพยายามพูดปลอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันแล้ว”

   “เห้อ  อากาศที่นั่นหนาวมากนทีต้องดูแลตัวเองให้ดีเข้าใจมั๊ย ห้ามนอนดึก ห้ามทำงานหนัก ห้ามมองคนอื่น ห้ามให้ใครมาจีบ ห้าม... ”

   “พอแล้วจะสั่งอะไรเยอะแยะเนี่ย” นทีพูดปรามพลางทาบนิ้วตัวเองลงบนปากที่ช่างเจรจานั่น เชนท์เลยงับนิ้วนั้นของนทีขบเม้นเบาๆก่อนจะกุมมือทั้งสองข้างของนทีขึ้นมาจูบเพื่อทดแทนความคิดถึงที่ต้องห่างกันตั้งสองอาทิตย์ แม้เวลาเพียงสองอาทิตย์มันอาจจะไม่ได้นาน แต่เชนท์กลับรู้สึกว่ามันนานราวกับเป็นแรมปี 


         หากเขาต้องห่างนทีเป็นปี เขาต้องบ้าตายแน่ๆ ขนาดแค่คิดหัวใจของเชนท์ก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว มันบีบรัดจนหายไม่ออก

ไม่อยากห่าง ไม่อยากให้ไปไหนไกล

อยากให้อยู่ข้างๆกัน  อยู่ด้วยกัน


   “เชนท์เราต้องไปแล้ว” นทีรั้งมือตัวเองกลับเพราะเชนท์แช่จูบไว้เนิ่นนานไปแล้ว แก้มใสของเขาก็แดงเรื่อยนิดๆ
บ่งบอกว่าตัวเองกำลังเขินกับการกระทำของคนตัวโตนั่นเพียงใด สายวาววับของเชนท์ทำเอานทีต้องเบือนหน้าหนีแสร้งทำเป็นเกาแก้ม แต่กิริยาแบบนี้ของนทีกลับทำให้เชนท์อยากจะพานทีกลับบ้านแทนให้เจ้าตัวไปค่าย แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะตอนนี้เสียงไมโครโฟนนั่นดันดังขัดจังหวะการลักพาตัวซะก่อน   


   “เอ้าๆๆ สองคนนั่นนะ  ล่ำลากันเสร็จหรือยังจ๊ะ นานไปแล้วน่ะ นานจนเจ้ชักจะอิจแล้วเนี่ย” นทีอ้าปากค้างเติ่งเมื่อได้ยินเสียงแซ็วนั่น ก่อนจะเห็นว่าทุกคนบนรถต่างก็มองมาที่พวกเรากันเป็นตาเดียว นั่นก็ยิ่งทำให้นทีเริ่มทำตัวไม่ไม่ถูก
อับอาย อับอายมาก


   เชนท์ยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางปิดหน้าปิดตาของนทีเดินขึ้นรถบัส ปิดขนาดนั้นจะเดินขึ้นรถถูกมั๊ยนั่น เขาเลยเดินไปจับมือนทีแล้วพาคนขี้อายขึ้นรถ แต่พอขึ้นไปเท่านั้นแหละ นทีแทบจะมุดหน้าเข้ากับแผ่นหลังกว้างเสียให้ได้เลย


         เสียงโห่แซ็วที่ดังขึ้นเป็นระลอกทำให้เจ๊ที่ถือไมค์ยู่นั้นสั่งให้หยุดและทุกคนก็งับปากตัวเองก่อให้เกิดความสงบแต่ก็ไม่นานหรอกเพราะเชนท์ที่อยู่ๆก็ขอไมค์มาถือก่อนที่ประโยคจากปากเจ้าตัวจะทำให้นทีต้องโดนแซ็วอีกรอบและอีกหลายๆรอบ


   “ ผมเชนท์ครับ ”เขาเอ่ยอย่างอายๆแล้วมองคนข้างกายที่ก้มหน้าจนคางแทบชิดอกกก่อนจะหันมามองทุกคนที่รอลุ้นว่าเขากำลังจะพูดอะไร เชนท์จุดยิ้มมุมปากนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยประโยคชัดๆดังๆให้ทุกคนฟัง  ”ไม่ได้อยู่ในชมรมนี้ แต่คาดว่าจะได้เป็นแฟนกับคนในชมรมนี้ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน่ะครับ ” เพียงเท่านั้นเรื่องราวของคนตัวโตนั่นก็กลายเป็นประเด็นให้ทุกคนบนรถพูดคุยกันไม่หยุดหย่อน  นทีขาแข้งแทบอ่อนยามที่เจ้าตัวเดินไปหาที่นั่ง   

   
   เชนท์ยืนมองรถบัสที่เคลื่อนที่ออกไปอย่างช้าๆจนลับสายตา  เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ในใจรู้สึกว้าเหว่ขึ้นมาเมื่อรู้ว่าไม่ได้เจอหน้าสองอาทิตย์  สายลมเย็นๆปะทะเข้ากับหน้าเชนท์หลับตาพริ้มเอนตัวพิงหลังกับรถเก๋งของตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ  สายลมที่ว่าหนาวเหน็บไม่ทรมานเท่าความคิดถึง  ถึงจะหนาวก็หนาวแค่กายหาผ้าอุ่นๆมาสวมใส่ก็หนาวแล้ว

                       ....... แต่ความคิดถึง...คงมีเพียงอ้อมกอดเท่านั้นที่จะบรรเทาได้........

          เขาอยากจะขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเองได้เข้าไปอยู่ในโลกของนที  โลกที่เขาไม่คาดคิดว่าตัวเองจะได้เจอกับคนที่เป็นคนสำคัญของหัวใจ  คนสำคัญของชีวิต คนสำคัญแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหนแต่หัวใจก็คงเป็นของคนคนนั้น


           เชนท์ยืนพิงตัวอยู่อย่างนั้นจนแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ค่อยโผล่ออกมาจนมันสว่างไปทั่วฟ้า ใบหน้าคมคายแหงนมองแสงแห่งรุ่งอรุณในยามเช้าภาวนาให้คนที่อยู่บนรถนั้นเดินทางปลอดภัย

...




RRRRRRRRR

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกคนที่นอนหลับใหลในสภาพหน้าคว่ำให้ตื่นขึ้นมา เชนท์ขยับตัวนอนหงายมือก็ควานหามือถือที่ดังลั่นตั้งแต่เช้าตรู่อย่างสะเปะสะปะ

   “เออว่าไง” เขาหรี่ตามองจอที่สว่างวาบแล้วกดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิทก่อนจะลุกนั่งแล้วเสยผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง

   [ไม่มีอะไร พอดีตอนนี้กูอยู่หน้าห้องมึง กรุณามาเปิดประตูด้วยครับ ] เชนท์จิ๊ปากเบาๆเมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทอย่างไอ้ตั้มมันมากวนเขาแต่เช้า  แม่งเอ๊ยมันจะมาทำแต่เช้าว่ะ ชิงบอลก็อีกตั้งค่ำ
เชนท์เดินหงุดหงิดกระเฟียดกระฟาดไปเปิดประตูก็เห็นหน้าไอ้ตั้มยิ้มเฉ่งขนกระเป๋าใบใหญ่ของตัวเองเข้ามาด้วย

   “ เดี๋ยว นั่นประเป๋าอะไรของมึง”

   “ก็....กระเป๋ากีฬากูไง” ไอ้ตั้มเฉไฉตอบทำท่าทำทางอึกอักจนเขานึกแปลกใจ

   “มีอะไรจะบอกกูมั๊ย”เขากอดอกมองไอ้ตั้มที่นั่งบนเตียงแล้วเลิกลักไม่มั่นใจว่าจะบอกหรือไม่บอกดี

   “...”

   “ถ้าไม่บอกมึงเก็บกระเป๋าออกจากบ้านกูเลยไป”

   “เชี่ย” ตั้มสะดุ้งโหยงตอนที่ไอ้เชนทร์มันเหวี่ยงกระเป๋าเขาไปทางประตูก่อนที่จะละล่ำละลักลงจากเตียงไปเก็บกระเป๋าตัว
เอง

   “....”

   “ เออๆกูบอกก็ได้ไม่ต้องมามองแรงเลย”

   “ เร็วๆอย่าลีลา ” ตั้มกลืนน้ำลายตัวเองดังอึกลำคอแห้งผากเห็นไอ้เชนท์กระดิกเท้าดิกๆแบบนี้แล้วรู้สึกเรียบเรียงคำพูดไม่ทันเลยว่ะ ไอ้นี่ก็โหดเกิ๊น ตั้งแต่นทีไปค่ายมันก็อารมณ์ขึ้นลงๆจนเขาไม่กล้าจะพูดในสิ่งที่ตัวเองจะบอกเลย

   “ คือ.....ช่วงนี้....กู.,...ขออยู่บ้านมึงสักพักน่ะ”

    “ ทำไมหอมึงโดนโจรงัดหรือไง”

   “ ไอ้ห่าไม่ใช่”

   “แล้ว ”

   “คือกู”   

   “ ไอ้ตั้ม” เชนท์ตวาดมันเสียงดัง อึกๆอักๆอยู่นั่นแหละ โทรมาปลุกเขาตอนเช้าแล้วเสือกแบกข้าวของมาเต็มประเป๋าอย่างกับจะย้ายหอ “ ถ้ามึงยังอึกอักอีกน่ะ กูถีบมึงออกจากห้องกูแน่”เขาชี้นิ้วบอกมัน

   “ เหี้ย มึงก็ให้เวลากูคิดหน่อยดิว่ะ”

   “.... ”

   “ คืองี้เว่ย คือตอนนี้กูกำลังหนีใครบางคนมา”

   “ ใคร เจ้าหนี้เหรอ”

   “ ไม่ใช่ คือ กูจะบอกมึงยังไงดีว่ะ ” ตั้มถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาอย่างปลงๆ “ เพื่อนพี่ชายกูเองแหละ”

   “แล้วทำไมมึงต้องหนีด้วยล่ะ”

   “ ก็มัน เหี้ยมึงอย่าให้กูพูดเลยขนลุกว่ะ” ตั้มทำท่าขนลุกขนพองเมื่อนึกถึงเพื่อนพี่ชายตัวเองที่มันชอบมาดักรอหน้าหอทุกวัน  แม่งเอ๊ย คิดถึงไอ้บ้านั่นคิ้วก็ชักกระตุกอยากจะประเคนตีนให้มันฉิบหาย นั่นแหละคือสาเหตุที่ต้องขนเข้าขอนของมาขออยู่
กับไอ้เชนท์สักพัก หวังให้มันเลิกตอแยแล้วค่อยกลับไปใหม่

   เขามองไอ้ตั้มที่ดูเหมือนจะมีอารมณ์ยามที่พูดถึงเพื่อนพี่ชาย ปกติไอ้ตั้มมันเป็นคนเฮฮาไปไหนไปกันเรียกง่ายๆคือเฟรนลี่เข้ากับทุกคนได้ง่าย พอเห็นมันเป็นแบบนี้จากที่อารมณ์หงุดหงิดโดนปลุกแต่เช้าตรู่แบบนี้ก็เริ่มบางเบาลง

   “ เออๆ มึงจะอยู่กี่วันก็เรื่องของมึง กูนอนก่อนละกัน”

         ไอ้ตั้มเป่าลมฟู่เมื่อเพื่อนไม่คะยั้นคะยอถามให้มากความจากนั้นก็กระโดดขึ้นมานั่งบนเตียงไอ้เชนท์ซึ่งเจ้าของมันกำลังนอนคว่ำดูรูปใครสักคนในโทรศัพท์ จะใครอีกล่ะถ้าไม่ใช่คนข้างบ้านมันนะ เมื่อกี๊บอกกูว่าจะนอนไอ้เชนท์เอ๊ย!
         
          “ แล้วนี่นทีจะกลับมาวันไหน”

          “ อีกสองวัน”

          “ เอ๊า ไม่ใช่วันนี้เหรอว่ะ” จำได้ว่าไอ้เชนท์เปรยๆบอกกับเขาว่าวันนี้ครบกำหนดแล้ว

         “กูก็งงอยู่เนี๊ย ถามไปก็ไม่ตอบ” ไอ้เชนท์ตอบอย่างมีอารมณ์ มิน่าล่ะ เมื่อกี๊มันถึงได้เกรี้ยวกราดใส่เขา ที่แท้เพราะนทียังไม่ยอมกลับนี่เอง โถ่ววว!!! นทีเกือบจะทำให้ไอ้ตั้มคนนี้โดนมันถีบแล้วมั๊ยล่ะ

         “หรือว่านทีจะติดใจหนุ่มดอยว่ะ ”

ตุ๊บ!

   “ เหี้ย”

   หึ

   เหี้ยจริงๆ ไอ้เชนท์มันถีบเขาอย่างแรงจนก้นลงไปกระแทกกับพื้นห้อง แม่ง เจ็บเหี้ยๆเลย ตั้มทำสีหน้าเหยเกลุกขึ้นลูบก้นตัวเองป้อยๆ
   

   “ มึงก็ถีบกูลงมาได้ กูแค่ล้อเล่นมั๊ยไอ้ห่า”

   “ อ้าวเหรอ เอองั้นเมื่อกี๊กูถีบมึงเล่นๆละกันเมื่อกี๊” โอ้โห เล่นๆของมึงอีกนิดเดียวกูก็เข้าโรงบาลแล้วมั๊ย ตั้มเดินเป๋ๆประคองก้นตัวเองไปนั่งบนโซฟาเล็กๆ  หยิบรีโมทเปิดทีวี ส่วนไอ้เชนท์น่ะเหรอ มันก็นอนดูรูปของนทีจนหลับไปนั่นแหละ
..........................................................................................

อ่านต่อด้านล่างค้า

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5 END] : 27:1:18
«ตอบ #18 เมื่อ27-01-2018 16:27:19 »

ต่อจ้า

“คนแม่งเยอะฉิบหาย”

“ ปกติป่าวว่ะนัดชิง”

“ ได้ข่าวว่ามีดารามาด้วยไง”

มิน่าล่ะ!
   
         เชนท์ยืดเส้นยืดสายวอร์มร่างกายให้พร้อมก่อนจะลงสนามจริงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า วันนี้เป็นรอบชิงคนที่เข้ามาดูก็เลยมีจำนวนมากเป็นพิเศษอีกทั้งยังเสริมด้วยการมีดารามาช่วยโปรโมททำให้สนามยิ่งคึกเข้าไปใหญ่  ถือว่าเป็นการลงทุนที่เห็นผลได้ชัดมาก

   เชนท์กวาดสายตามองไปยังรอบๆอัฒจรรย์ซึ่งเต็มไปด้วยกองเชียร์ของสองสถาบันที่พร้อมกันส่งเสียงเชียร์ดังกึกก้องไปทั่วสนามสร้างความฮึกเหิมให้กับนักกีฬาได้เป็นอย่างดี

   แต่สำหรับเขาแค่นทีคนเดียวก็พร้อมลุยไปทุกสนาม

   แม้ว่าเมื่อคืนจะได้กำลังใจจากข้อความสั้นๆของอีกคนว่าสู้ๆแต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้คนคนนั้นมาให้กำลังเขาที่นี่ ตรงนี้ และเวลานี้  เขาสะบัดหัวไล่ความคิดออกไปเพราะรู้ดีว่าหากมัวแต่คิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตรงนี้จะทำให้ใจเขาไม่มีสมาธิ

        “ ได้เวลาเข้าสนามแล้ว ไป”
   
        หลังจากที่โค้ชเรียกรวมเพื่อทบทวนแนวการเล่นในสนามแล้วทุกคนก็รวมพลังกันก่อนที่นักกีฬาทั้งสองสถาบันจะก้าวเข้าสู่สนาม เสียงเชียร์ที่ดังก่อนหน้านี้กลับยิ่งทวีความดังขึ้นไปอีกจนนักกีฬาทุกคนรู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังใจกันมากขึ้น

หากนี่คือเกมการตัดสิน
เขาต้องชนะเท่านั้น



   ปรี๊ด!!!

   สิ้นสุดเสียงกรรมการเป่านกหวีด เกมในสนามก็เริ่มขึ้นทันที บอลลูกกลมๆถูกขาหลากหลายคู่วิ่งเตะลากไปมาทั่วสนามกว้าง เชนท์รับหน้าที่กองหน้าของทีม  สายตาคมสอดส่ายดูทีมตรงข้ามที่กำลังประกบตัวเองอยู่ทั้งหน้าหลังก่อนจะหลอกล่อลากลูกบอลเตะให้ลอดใต้หว่างขาคนที่สกัดอยู่ข้างหน้าให้เพื่อนแต่สุดท้ายก็โดนกองหลังจากฝายตรงข้ามเตะสกัดออกไปเสียก่อน ตอนนี้สกอร์ยังคงเท่าเดิมยังไม่มีทีมไหนได้ขึ้นนำในขณะที่เวลาก็เดินไปเรื่อยๆ เหงื่อก็ผุดจนเสื้อและกางเกงเปียกชื้นไปทั่วตัว
เขายืนนิ่งหายใจช้าๆในระหว่างที่จะเตะลูกเตะมุมก่อนจะจูบซับโลโก้มหาลัยตัวเองบนเสื้อกีฬา

ในใจก็นึกถึงคนที่ไปทำค่ายอาสา

นทีให้กำลังใจเชนท์ด้วยนะครับ !

ปรี๊ด!!!

ฟิ้ว!

ปรี๊ด!!!

เฮฮฮ!!!!!

             เสียงเชียร์เฮดังลั่นสนามหลังจากที่เชนท์สามรถตีประตูไข่แตกโดยลูกเตะมุมและขึ้นนำฝ่ายตรงข้ามได้  เพื่อนๆในทีมต่างก็วิ่งเข้ามากอดแสดงความดีใจกัน   แต่หลังจากนั้นไม่นานฝ่ายนั้นก็บุกหนักจนสามารถตีประตูเสมอได้และเกมก็พลิกไปทันทีเมื่อประตูที่สองจากฝ่ายตรงข้ามยิงเข้ามาเน้นๆ ก่อนที่เวลาในครึ่งแรกจะจบไป

 ปรี๊ด !!!

   
   เชนท์บีบฝ่ามือแน่นตัวเองในขณะที่นั่งพัก วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาลืมพาน้ำเก็กฮวยที่ตัวเองชอบดื่มเหมือนวันนั้นไม่มีผิด วันที่คนข้างบ้านเอาน้ำนั่นมาให้เขา เพียงแต่วันนี้คนข้างบ้านคนนั้นไม่ได้อยู่ตรงนี้ เขาหลับตานิ่งเอนหลังไปกับเก้าอี้พยายามผ่อนลมใหใจเข้าออกให้เป็นจังหวะเพื่อควบคุมอารมณ์ ควบคุมความคิดถึงที่มีต่ออีกคนจนแทบจะระเบิดคาอก ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง จะคิดถึงเชนท์มั๊ยคนดี จะคิดถึงคนที่อยู่ทางนี้บ้างมั๊ยครับ

    เขาไม่ได้สนใจเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาแฟนคลับบนอัฒจรรย์เมื่อมีดารามาร้องเต้นให้ความบันเทิงอยู่บนเวทีนั่นสักนิด ทั้งที่แดนเซอร์ที่เต้นก็ออกจะน่ารัก สิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้ดึงดูดสายตาให้เขาอยากจะมองด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นอีกคน
คนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ คนที่เขายอมรับได้ทั้งหัวใจว่ารัก

         ใช่รัก เขารักคนข้างบ้านของตัวเองแล้ว   รักผู้ชายท่าทางซื่อๆคนนั้น รักคนที่มีลักยิ้มข้างแก้มทั้งสองข้าม รักคนที่เป็นเจ้าของสมุดปกสีน้ำตาลนั่น  ความรู้สึกของเชนท์ตอนนี้ไม่ใช่แค่ชอบอีกต่อไปแล้ว ไม่แล้ว.......

         “ อยู่ๆก็ทำหน้าเศร้า อยู่ๆก็ทำหน้ายิ้มมึงบ้าไปแล้วเหรอไอ้เชนท์” ตั้มสังเกตมันสักพักแล้ว ในขณะที่คนอื่นกำลังสนใจนักร้องบนเวทีโยกหัวไปมาตามอารมณ์เพลงอย่างสนุกแต่ไอ้เพื่อนหน้าหล่อของเขากลับมานั่งทำเป็นพระเอกมิวสิคเดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวยิ้ม เดาอารมณ์มันไม่ถูกวุ๊ย

         “อืมกูบ้า บ้ารัก”
ห๊า
        อารมณ์ไหนของมันว่ะเนี่ย ตั้มเกาหัวตัวเองแกรกๆ
อ๋อ
       
       “วันนี้มึงได้แดกน้ำเก็กฮวยหรือยังว่ะ อ๊ะๆๆ ไม่ใช่สิต้องถามว่า  มึงได้แดกคนส่งน้ำเก็กฮวยหรือยังว่ะ ” เท่านั้นแหละไอ้เชนท์มันก็วิ่งไล่เตะเขาจนคนอื่นๆหันมามองด้วยความสงสัย

       ไอ้สัปดนเอ๊ย เชนท์แจกนิ้วกลางให้ตั้มเมื่อทั้งคู่มานั่งหอบอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม เมื่อกี๊เขาไล่วิ่งเตะไอ้เพื่อนนิสัยทะเล้นซะจนเหนื่อยอีกรอบ ไอ้นี่ก็น่ะถามเขามาได้ว่าได้แดกคนส่งน้ำเก็กฮวยนั่นหรือยัง สัปดนจริงๆเลยความคิดมัน

อย่าว่าแต่คนเลยจะได้แดกน้ำเก็กฮวยก็ยังไมได้เลยวันนี้

         “ มึงไม่ต้องมาแจกไอ้นั่นให้กูเลย ไปแจกให้คนส่งน้ำเก็กฮวยของมึงเห๊อะ” ตั้มว่าออกมาขำๆ “ สรุปมึงได้แดกหรือยังว่ะ”ยัง มันไม่หยุด“ ขาวๆ กลิ่นก็หอมขนาดนั้นน่าแดกเนาะมึงเนาะ” ตั้มยังไม่เลิกแหย่ซ้ำยังทำเพ้อฝันจนเชนท์อยากจะประเคนตีนให้มันซะเหลือเกิน “คงจะนุ่มด้วยแน่ๆ โว๊ยยกูอยากแดก โอ๊ยยย ”


         “ ไอ้ตั้ม” เชนท์โบกหัวมันไปทีหนักๆด้วยจนมันทำหน้าเบ้

          “ อู๊ยย แค่นี้ก็ต้องโหดใส่กันด้วยเนาะคนเรา” เมื่อเช้าก็โดนถีบทีหนึ่งตอนนี้ก็โดนโบกทีนึง เห็นไอ้ตั้มเป็นกระสอบทรายเหรอครับถามจริง

          “ หึ”

          “ หัวเราะอะไรของมึง” คนมีชนักติดหลังรู้สึกร้อนๆหนาวๆเมื่อได้ยินเสียงในลำคอของเพื่อน มันทำเสียงแบบนี้ทีไรตั้มถึงกับต้องกลืนน้ำลายอย่างหวาดๆไม่ได้ ซ้ำหน้าที่มันแสดงอยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้ยังบอกให้ตัวเองรู้อีกว่า ไอ้เชนท์มันต้องรู้อะไรมาแน่ๆ

         เชนท์เดาะลิ้นมองไอ้ตั้มอย่างรู้ทัน“ อย่าคิดว่ากูไม่รู้น่ะว่าที่มึงหอบผ้าหอบผ่อนมานอนบ้านกูเพราะอะไร”

เหี้ย

          “ ระวังไว้เหอะ” เชนท์เว้นก่อนจะพูดต่อ “ ระวังไอ้นั่นมันจะบุกทำประตูหลังมึงให้ ฮ่าๆๆๆ”

พ่องงงงง

            คนมีชนักติดหลังตาเหลือกหน้าซีดรู้สึกเสียววูบวาบตรงประตูหลังตัวเอง เกิดมาไอ้ตั้มยังไม่เคยได้ทำประตูให้ใครเลยอย่าหวังว่าจะให้ใครมาทำประตูตัวเองเสียให้ยาก  แต่ทำไมไม่รู้ใบหน้าของเพื่อนพี่ชายตัวเองถึงได้สว่างวาบเข้ามาในหัว

            “ เชี่ย กูไม่ยอมหรอก” ตั้มสบถเสียงดัง เหลือบตามองเพื่อนสนิทตัวเองมันหัวเราะเยาะเขาก๊ากจนรู้สึกอยากจะซัดหน้าหล่อๆนั่นให้ แต่ทำไม่ได้หรอกเดี๋ยวมันไม่ยอมให้นอนด้วยแล้วจะยุ่ง ตั้มขยี้หัวตัวเองแรงๆร้องโวยวายจนสาแก่ใจก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดไปเต้นแร้งเต้นกากับพวกในทีมข้างหน้านั่นเพื่อหวังจะบรรเทาความหงุดหงิด


            เชนท์หัวเราะท้องแข็งเมื่อสามารถเอาคืนไอ้ตั้มได้  หึ คิดว่าเขาไม่รู้หรือไงว่ามีคนตามไปส่องมันถึงหน้าหอแถมเขายังเห็นช็อตเด็ดตอนที่คนนั้นมันจูบเพื่อนเขานี่ด้วยสิ ดูท่าว่าคู่ของเพื่อนตัวเองจะเป็นคู่แนวSMซะแล้ว

ตึ๊ง!!!

            เสียงข้อความในมือถือสามารถละสายตาเชนท์จากเพื่อนสนิทกลับมาสนใจได้เป็นอย่างดี สองมือใหญ่กระวีกระวาดควานหามือถือในกระเป๋าเป้ด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ และภาพที่ปรากฏบนหน้าจอก็ทำให้เชนท์ยิ้มกว้างผุดลุกขึ้นมองหาคนที่ส่งรูปนี้มาให้เขา

รูปสนามฟุตบอล

           ใช่ นทีอยู่ที่นี่ อยู่ในฝูงกองเชียร์นั่น ไม่รอช้าเชนท์รีบขึ้นไปบนอัฒจรรย์ทันที ส่งผลให้คนที่อยู่บนนั้นกรี๊ดกร๊าดไม่นึกว่านักฟุตบอลหน้าหล่อจะขึ้นมาบนนี้ เชนท์ไม่ได้สนใจเสียงกรี๊ดกร๊าดเหล่านั้นสายตาของเขาเอาแต่มองหาเจ้าของรูปที่ส่งมา อยู่ไหนน่ะนที

         “ ขอโทษครับ ขอทางหน่อยครับ”
หัวใจของเขาอยู่ที่นี่ หัวใจของเขากลับมาแล้ว เชนท์กู่ก้องเรียกชื่ออีกฝ่ายในใจเสียงดังชัดหวังให้ความรู้สึกที่มีจะส่งไปถึงคนนั้น

คิดถึง

ห่วงหา

เฝ้ารอ

รัก


อยู่ไหนครับนทีช่วยออกมาหาเชนท์หน่อยคนดี
   
เขาเดินขึ้นอัฒจรรย์ไปทีละขั้นบันไดแหวกฝ่าฝูงชนเพื่อสอดส่ายหาคนที่กระหวัดคิดถึงสุดขั้วหัวใจ

          “นที นที” กู่ก้องเรียกชื่ออีกคนอย่างที่หัวใจสั่งให้ทำ

          “เชนท์”

   และทุกสิ่งรอบกายเหมือนหยุดนิ่ง
   
        เสียงดังชวนปวดหัวนั่นก็สงบลง

   แค่เสียงเดียว

   แค่คนเดียว
   
         แชะ แชะ

   “ หล่อจัง”

   ที่เรียกชื่อเขา

   “ อะ อื๊อ”

         “ คิดถึง’”
   
         “ เชนท์ปล่อยเราก่อน คนมองเต็มเลย”

          คนตัวโตที่ไม่รู้ว่าตอนนี้สายตาร้อยๆคู่ต่างก็มองมาที่พวกเขา

          บางคนก็ยิ้มเขินจนแอบทำร้ายคนข้างๆก็มี

          บ้างคนก็อามือทาบอกอุทานโอ้วมายก็อดนั่นก็เยอะ 

          บางคนก็อ้าปากค้างจนขากรรไกรแทบจะค้าง

          ไม่เพียงเท่านั้นโทรศัพท์มือถือไอเท็มที่คนยุคนี้พกติดตัวตลอดก็ถูกยกขึ้นเพื่อถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอคนทั้งคู่ไว้เรียบร้อยแล้ว
    
           และนั่นแหละเมื่อแสงเฟลชตกกระทบคนตัวโตนั่นถึงได้รู้สึกตัวแล้วผละตัวเองออก แล้วลากคนในอ้อกอดเมื่อครู่ลงอัฒจรรย์


   


        ฮิ้วๆๆๆๆ
   
       เสียงโห่แซ็วที่ดังไม่ต่างจากพี่น้องชาวค่ายก็ดังขึ้นเมื่อคนตัวโตพาเขาลงมา ทุกคนในทีมดูเหมือนจะชอบอกชอบใจมากเมื่อเห็นกองหน้าคนสำคัญของทีมวิ่งหลุนๆขึ้นไปหาใครสักคนอย่างรีบร้อน  ก่อนที่มันจะสวมกอดอีกคน ตอนนั้นทุกคนต่างก็ตกตะลึงไม่นึกว่าไอ้เชนท์มันจะกล้าทำถึงขนาดนี้ สงสารก็แต่คนหน้าหวานข้างๆมันนั่นแหละยืนเขินหน้าแดงหน้าแทบหลอมกับอกแล้ว
   
        “ใช่นทีสถาปัตฯหรือเปล่าครับ ผมภีมพละน่ะครับ” เพื่อนในทีมผู้กล้าคนที่หนึ่งเอ่ยถามอย่างแซ็วๆ

   “ผมจอมวิศวฯยานยนต์เฟสบุ๊ค จอมซนหน่วยกล้าท้ากิน ”

   “ ผมเจี้ยวรัฐศาสตร์ไอดีไลน์ JeWwwxxx ”

   “ ผมเนพละ 097654xxxx”

        “ พอๆ หยุด” เชนท์รีบยกมือเบรกเพื่อนในทีมเมื่อพวกมันกรูกันเข้ามาแนะนำตัวกับคนข้างๆเขา ก่อนที่พวกมันทุกคนจะแนะนำกันยกทีม ไอ้พวกนี่มันปลาไหลเคลือบจารบีชัดๆ

        “ โห ไรว่ะกูยังไม่ได้ทันแนะนำตัวเลย”

   “ แล้วพวกมึงจะแนะนำตัวทำไม”คนไม่พอใจถามเสียงขุ่น

   “ พวกกูอัธยาศัยดีไง”

         “ ตอแหล”

         “หูยยย เสียงดุไปอีก”

   “ หน้าก็โหดด้วย นทีคร๊าบเปลี่ยนใจมากับผมเถอะรับรองผมไม่โหด”

   “ ผมใจดีและรักเด็ก”

   “ ผมตังค์เยอะน่ะคร๊าบบบบ”

   “ ถึงผมจะไม่หล่อเท่าไอ้เชนท์แต่ผมก็เลวพอๆกับมันนะคร๊าบบบ”

   “ ไอ้พวกเวรเอ๊ยยยยยยยยย”

   “เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

   และนั่นแหละหลังจากที่เชนท์ยกเท้าเพื่อจะแจกเป็นรางวัลในความอัธยาศัยดี ทุกคนก็วิ่งหนีกันกระจัดกระจายแล้วไปดิ้นเด่วๆกันต่อ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะส่งสายตาล้อๆมาให้


   “อ่ะ น้ำ”

           นทียื่นน้ำที่คนตัวโตลืมอีกแล้ว ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมพักหลังมานี้ถึงได้ลืมกันบ่อยนัก ถึงอย่างนั้นก็เถอะถ้าไม่ใช่เพราะคนตัวโตลืมวั้นนั้นนทีคงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ขนาดนี้ และก็คงไม่มีโอกาสได้มานั่งอยู่ข้างๆกันเหมือนตอนนี้ ไม่ว่าจะเพราะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้เราได้ใกล้นทีก็อยากขอบคุณ

ขอบคุณที่ทำให้ระยะระห่างเรามันแคบลง 

   “แม่ฝากมาเหรอ”

ขอบคุณเหลือเกิน

         “ อื๊ม”

        “ เหมือนวันนั้นเลยเนาะ”

         นทีเพียงแค่พยักหน้าให้กับคนตัวโตที่กำลังเปิดฝามันออกมา พอดีกับได้ยินโค้ชเรียกนักกีฬารวมเพราะถึงเวลาที่ต้องลงสนามแล้ว เชนท์มองกระติกน้ำของตัวเองนิ่งก่อนจะส่งมันให้กับบางคน

   “ ถ้าตกลงเชนท์อยากให้นทีดื่มมัน”

   แผ่นหลังกว้างแข็งแรงที่นทีรู้สึกหวงแหน จนกระทั่งตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังคงไม่จางหายแต่มันกลับเพิ่มขึ้นมาในทุกขณะ ทุกขณะที่ได้ใกล้กัน ทุกขณะที่หายใจ

   ใครบางคนที่เป็นจุดสนใจของใครหลายๆคนกำลังวิ่งอยู่ในสนามกว้างใหญ่อย่างไม่ย่อท้อ แม้จะถูกนำแต่ใครบางคนคนนั้นก็ยังคงสปิริตเเรงกล้าเดินหน้าเพื่อคว้าชัยชนะเอามาให้ได้

   ชนะเเล้ว ใครคนนั้นชนะมาตั้งนานแล้ว
   
   ประตูตีเสมอสร้างความหวังให้กับคนในทีมอีกครั้งแม้ตอนนี้เวลาการแข่งขันใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้วก็ตาม  เสียงเชียร์ของทั้งสองทีมก็ดังพอๆกันเพื่อส่งกำลังใจให้คนในสนามคว้าแชมป์มาให้ได้

   แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

   “ วู้วววว ชนะแล้วโว๊ยยยย”

   “ ลูกปิดเกมแม่งสวยสัด”


   กำหนดให้ทีมเยือนได้เป็นแชมป์ในปีนี้


   “ไอ้พี่เชนท์แม่งเจ๋งเชี่ยๆ ทำได้ไงว่ะ 3 ประตูคนเดียว”

   “ดาวซัลโวปีนี้ พี่เชนท์โว๊ยยยยย”

   รอยยิ้มกว้างของคนที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์มาหมาดๆวิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว หยาดเหงื่อที่เต็มไปทั่วดวงหน้าคมไหลลงสู่คอลามไปถึงกระดูกไหปลาร้า เสียงหอบหายใจดังถี่เรื่อยๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวเหนื่อมากแค่ไหน
แต่ถึงอย่างนั้น

           “ชนะแล้วน่ะ”

            “อื๊ม เก่งอ่ะ”

ก็ยังคงสวยเสมอในสายตาเขา

            “แล้วมีรางวัลให้กับคนเก่งมั๊ยล่ะครับ คุณนที”

ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม

              “แล้วคุณเชนท์อยากได้อะไรเป็นรางวัลล่ะครับ”

               “คำตอบ เชนท์อยากได้คำตอบ”

                เสียงโห่ร้องดีใจยังคงดังไปทั่วสนาม  ทุกคนที่มาเชียร์ต่างก็ดีใจทีทีมของตัวเองได้รับชัยชนะ นทีเองก็ดีใจ ดีใจมากที่คนตรงหน้าคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

และคงไม่ต้องรอ

บางที........

ปลายทางที่รอ...มันอาจจะสิ้นสุดลงแล้วก็ได้มั้ง

             “อ่ะ ดื่มน้ำสิ ไม่หิวเหรอ”

           ว่าที่ดาวซัลโวคนล่าสุดรับน้ำในมือจากคนข้างบ้านที่มันพร่องไปแล้วเกือบครึ่งขวด
แสดงว่า.....

               “ฮ้า โคตรชื่นใจ”
           
            เชนท์กระดกน้ำเก็กฮวยลงคออย่างชื่นใจ พลางส่งยิ้มให้กับคนข้างบ้านที่วันนี้ขยับฐานะไปเป็นอีกฐานะหนึ่ง
ไม่ใช่แค่เพื่อน แต่เป็นเพื่อนคู่คิด

ใช่! เพราะคำตอบที่เขาอยากได้นั่น เชนท์ได้รับมันแล้ว น้ำเก็กฮวยเกือบครึ่งที่หายไปก่อนหน้านี้

นั่นน่ะแหละคือคำตอบ

              “รักน่ะครับ” เสียงทุ้มแสนน่าฟังเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงเชียร์ แม้จะได้ยินมันไม่ชัดนักแต่ทำไมหัวใจถึงได้สั่นไหวขนาดนี้น่ะ
นทีอมยิ้มหลุบตามองต่ำเพราะไม่สามารถทนมองสายตาที่แสนจริงใจนั่นของนักบอลได้

               “อ้าว ไม่บอกเชนท์บ้างเหรอ”

               “...”

              “รักน่ะ คนข้างบ้าน”

              “ ฮื่ออออ”

              “ฮ่าๆๆๆ”

              “ไปเลย เพื่อนๆเรียกให้ปถ่ายรูปแล้ว”

              “ไม่พูดก็ไม่ไป”

            คนท่าทางซื่อๆรู้สึกเกร็งไปทั่วสัดส่วนของร่างกาย ไม่ใช่ไม่อยากพูด
แต่มัน

                “รอฟังอยู่น่ะ”

ขัดเขินเกินกว่าจะพูดออกไป

                 “ อื๊ม เหมือนกัน”

                 “พูดกับคน เงยหน้ามองดูคู่สนทนาหน่อยสิ”

                    “เชนท์” เสียงสั่นที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นทำเอาว่าที่ดาวซัลโวอยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ เพราะตอนนี้ร่างกายของนคนนี้ก็แดงไปทั่วตัวแล้ว

ไม่อยากจะแกล้งแล้ว แต่เอ๊ะ

                     “บอกรักเชนท์หน่อยสิคนดี ”

แกล้งให้เขินหน่อย ก็น่ารักดี

“ก็รัก รักเชนท์”

ก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ

END

จบแล้วน้า อาจจะมีตอนพิเศษให้ได้อ่านกัน แต่ตอนนี้เค้าขออ่านหนังสือสอบก่อนเด้อๆ
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาคอมเม้นต์ให้ ดีใจมากมาย ฮือออ
 


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
«ตอบ #19 เมื่อ27-01-2018 21:52:12 »

น่ารัก..รอตอนพิเศษ  :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
« ตอบ #19 เมื่อ: 27-01-2018 21:52:12 »





ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
«ตอบ #20 เมื่อ29-01-2018 10:17:07 »

เห็นความหวานกันทั้งสนาม เขินแทนนที

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
«ตอบ #21 เมื่อ29-01-2018 13:29:03 »

แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง น่ารัก สมหวังแล้วนะนที  :hao5:
รอตอนพิเศษใส่ไข่ อยากอ่านเรื่องของตั้มด้วยอะ 555555555555  :katai2-1:

ออฟไลน์ nittanid33333

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
«ตอบ #22 เมื่อ31-01-2018 11:05:48 »

 :jul1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
«ตอบ #23 เมื่อ01-02-2018 19:08:44 »

รอตอนพิเศษ :L2:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
«ตอบ #24 เมื่อ01-02-2018 23:54:33 »

ตอนแรกก็นึกว่าจะดราม่า แต่เปล่าเลยน่ารักมากกก

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: II ณ ปลายทางที่รอ II [5] END : 27:1:18
«ตอบ #25 เมื่อ25-11-2018 12:05:06 »

 :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด