กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว  (อ่าน 16280 ครั้ง)

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #30 เมื่อ23-12-2017 20:07:06 »

ทที่ ๑๗ เหนื่อย

ร่างกายสูงใหญ่พาร่างของตนออกมายังนอกห้องสงน้ำ ร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยหยดน้ำพราว

สายตาคมจับจ้องไปยังแท่นบรรทม หวังว่าจะพบกับร่างบางของอีกฝ่าย

แต่ก็ว่างเปล่าไร้วี่แวว

พลันโทษะที่มอดดับไปก็กลับคุกกรุ่นอีกครั้ง

โกรธที่ร่างบางกล้าหนีออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาติ

แม้จะไม่ชอบร่างบางเพราะเป็นนาค

แต่ก็ต้องยอมรับว่าร่างบางมอบความสุขให้แก่

ตนได้มากกว่านางน้อยๆเหล่านั้น

หน้าหลงใหล...แต่ก็รังเกียจ .....

ความโกรธที่มีอยู่แม้ว่าจะไม่ได้มากมาย

แต่เพราะความโชคร้ายของร่างบาง

ที่เกิดมามีเชื้อสายนาค...

ยิ่งเป็นนาคในตระกูลของคนอย่างนั้นแล้ว

ยิ่งไม่ควรยิ่งที่จะมีสายสัมพันธ์..

หรือ...รัก...

ขณะที่ร่างสูงกำลังยืนอยู่ข้างแท่นบรรทม

ก็สะดุดตากับรอยหยดเล็กๆเป็นทางยาวบนพื้น

เลือด

รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม

"หนีไม่พ้นหรอก  เจ้านาค" ร่างสูง

สาวเท้าตามเลือดหยดเล็กหยดน้อย

ไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าตำหนัก

สายฝนยังคงสาดเทลงมาทำให้รอยเลือดหยุด

อยู่เพียงแค่หน้าตำหนักเท่านั้น

ร่างสูงตัดสินใจเดินออกไปตามความรู้สึก

รู้สึกว่าร่างบางอยู่ตรงนั้น

โชคดีไม่เคยเข้าข้างร่างบาง

ร่างสูงแสยะยิ้มเมือมองเห็นร่างที่นั่งพิงต้นไม้

ใหญ่อยู่ไม่ไกลนัก จึงรีบสาวเท้าพาร่างของตน

ไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นโดยที่ร่างบางยังคงหลับสนิท

ร่างขาวเนียนนอนกึ่งนั่ง ยังคงสลบไสล

เนื้อตัวมีแต่รอยรักที่เกิดจากร่างสูง

รวมถึงรอยกัดด้วย  ผ้านุ่งหลุดลุ่ย

สภาพร่างกายเปียกปอน ตากลมปวมเป่ง

ริมฝีปากซีดเซียว หายใจรวยระริน

เลือดสีแดงเจือปนกับน้ำฝน ไหลผ่านผ้านุ่ง

ของร่างบาง

แววตาคมจองมองร่างบางนิ่งงัน

ก้มลงอุ้มร่างตรงหน้าพาดบ่าแกร่ง

พลางหันกลับเข้าสู่ตำหนักของตน

ตุ๊บ

หลังจากเข้ามาในห้องบรรทมแล้วร่างสูงก็วาง

ร่างนั้นลงบนแท่นบรรทม แรงกระแทกเพียงน้อยนิด

ทำให้ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้น

แววตาสวยมองรอบข้างด้วยความหวาดระเเวง

พลันมองเห็นร่างสูง หยาดน้ำตาก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ

ร่างกายสั่นสะท้าน กระถดกายออกห่างจนติดหัวนอน

ราวกลับจะแทรกกายลงในนั้น

"ฮื่อๆ  ออกไป  คนเลว  คนไม่ดี ฮือ ออกไป"ร่างบาง

ร้องไล่ร่างสูงด้วยความหวาดกลัว

"หึ  จะไล่ผัวไปไหนเล่า  มิอยากสานต่อเรื่อง

เมื่อคืนหรือ"ร่างสูงกล่าว ก้าวขึ้นแท่นบรรทม

"ไม่  ออกไป คนเลว  ท่านมันเลว"ร่างบางด่าคำร้าย

แต่ละคำที่กนด่ามันล้วนสร้างรอยแผล

ให้แก่ใจร่างบาง  ปากด่าแต่ในใจกลับขอโทษ

ขอโทษร่างสูง...

เพี๊ยะ

หน้าบางหันสะบัดหัน แก้มสวยกระทบกับฝ่ามือหนาอีกครา

2ครั้ง....

โดนตบสองครั้งแล้ว...

ร่างสูงทาบทับร่างกายบาง  คนตัวเล็ก

ผณิร้องไห้ หมดทางหนีเรื่องเมื่อคืนวนเข้ามาในหัว

ความเจ็บปวดยังคงตราตรึง.

"ไม่. ฮือ ไม่เอาแล้ว ขอโทษ"ร่างบางดิ้นหนี

ร่างสูงกระชากผ้าคาดของตนออก

มือแกร่งรวบข้อมือบางทั้งสองไว้ด้วยกัน

ผ้าคาดผูกที่มือบางอย่างแน่นหนา

ร่างบางพยายามดิ้นไปมา

หวังจะหลุดจากพันธนาการนรกนี้

ทำไมกัน. เจ็บทุกๆครั้ง

กับคนที่รัก

โดนหลอก

โดนทำร้ายทั้งกายใจ

เจ็บ

.

.

.

แรงที่น้อยนิดมิอาจปัดป้องร่างกายของผณิ

ให้หลุดพ้นไปได้  แววตาเว้าวอน

เต็มไปด้วยน้ำตา ปากสั่นระริกพร่ำขอโทษ

ร่างสูง. ขอให้หยุดสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ร่างสูงเมื่อจัดการพันธนาการร่างบาง

แล้วก็ค่อยๆถอดผ้านุ่งที่เปียกปอนนั้นออก

ทิ้งลงข้างแท่นบรรทม. ร่างบางเปลือยเปล่าอีกครั้ง

ผิวเนื้อปรากฏร่องรอยขบกัด  สีแดงช้ำที่เด่นชัดอยู่

ทั่วอนูกาย  ร่างบางยังคงร้องไห้เงียบๆ

ร่างสูงจัดการกับอาภรของตน ร่างแกร่งปรากฎต่อ

สายตาบาง  ขเดศวรบัดนี้ช่างดูน่าหลงใหล

ราวกับเทพบุตร  แต่ภายใต้ความสง่างาม

กลับสร้างความกลัวให้กัดกินใจของร่างบาง

อย่างมาก  มืออุ่นจับลงตรงต้นขาขาว

พลางกระชากแยกขาทั้งสองออกจากกัน

"ฮื่อ  อย่า อย่า  ข้ายังไม่หาย ข้าเจ็บฮือๆ"ร่างบางขัดขืน ขาทั้งสองเกร็งหนีบเข้าหากันแน่น

"อยากให้ข้าทำสิ่งใด อึก  ข้าจะทำทุกอย่างฮือ อย่าทำข้าเลย" ร่างบางไม่อาจสู้แรงของร่างสูงได้

"เจ้าจะกลัวสิ่งใด เมื่อคืนยังครางเสียงหวานอยู่เลย"ร่างสูงกล่าวเย้ย

มือใหญ่แยกขาบางได้สำเร็จ  ทั้นทีที่ขาเรียวแยกออก

ช่องทางสีช้ำที่บวมเป่งก็ประจักษ์ต่อสายตา

บาดแผลฉีกขาดยังคงเด่นชัด เช่นเดียวกับเลือด

ที่ยังคงไหลซึมออกมา  ร่างบางซบหน้าลงกับหมอนนุ่ม. น้ำตาหยดลงบนหมอนจนเปียกชื้น

ตัวสั่นเกร็ง มือทั้งสองบิดไปมาเพื่อหาอิสระภาพ

คมเชือกบาดลึกลงไปบนข้อมือขาว

เกิดบาดแผลจนเลือดไหลซิบ

เจ็บเหลือเกิน

ทรมานทั้งกายและใจ

อยากลับไปหามาราตรี

.

.

ข้ายอมให้ท่านพ่อลงโทษอย่างไรก็ได้

แต่ไม่ใช่แบบนี้

ไม่ใช่การลงโทษจากคนที่รักเช่นนี้

'ข้าเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน'

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #31 เมื่อ23-12-2017 20:08:16 »

บทที่ ๑๘ ขอโทษ

ร่างสูงหยุดชะงัก

'ครั้งแรกสินะ'

หัวใจแกร่งกระตุกวูบความรู้สึกบางอย่างในส่วนลึกกำลังประท้วงในใจ.

ร่างบางนอนสะอื้นภายใต้ร่างของร่างสูง

ความเจ็บปวดทั้งกายและใจถูกขับออกมาเป็น

น้ำตา เสียงสะอื้นยังคงดังเป็นระยะ

ร่างสูงเอื้อมมือไปแก้มัดข้อมือบาง

แล้วผละออกมานั่งอยู่ข้างร่างบาง

ไม่มีผู้ใดปริปากความเงียบเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ

เสียงฝนภายนอกสงบลงแล้ว

แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นของร่างบางดังออกมาเป็นระยะ

.

.

พายุฝนที่เนิ่นนานสงบแล้ว

.

.

.

"ท่าน...ท่านเกลียดอะไร...ข้านัก..หนา..หรือ"

เสียงแหบแผ่วเบาเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

"ข้า..อัปลักษณ์มารึ....ใครๆ...จึงพา..กัน...

รังเกลียด...ข้า"ร่างบางยังพร่ำเพ้อ

"เลวร้าย.....มาก..เลย..หรือ..ข้า..น่ะ.."

"ทำไม...ต้องทำร้าย....ข้าด้วย...ข้าเจ็บเป็น..."

น้ำตายังคงนองไหลอาบแก้มที่แดงก่ำจากแรงตบ

"ท่านรู้รึไม่....ข้าฝัน..ถึงท่าน...มาตลอด.."

"ตลอดชีวิต....ข้าทำให้...ท่านพ่อ...เกลียด.."

"ข้า..ทำให้..แม่..ตาย....."

ร่างสูงชะงัก 'ทำให้แม่ตายรึ'

"แม่ของเจ้า  ไม่ใช่พระมเหสีหรอกรึ"

ร่างสูงถามเสียงเรียบ  ถามให้แน่ใจ

นาคที่มีกลิ่นมนุษย์

"ไม่...ไม่ใช่.."คำตอบที่ได้มาสร้างแววตกใจขึ้น

บนใบหน้าคม

"เจ้าเป็นครึ่งมนุษย์?"

"ใช่...แม่ข้า..เป็นหญิง..ชาวมนุษย์..ข้ าไม่ใช่ลูก..ของพระมเหสี"สิ้นคำของร่างบาง ดั่งร่างสูงถูกฟ้าผ่าลง

กลางใจ ทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องเสียแล้ว

ร่างบางยังคงนอนนิ่งแล้วกล่าวต่อ

"ท่าน....เกลียด..ข้า...มากรึเปล่า.."น้ำเสียง

สั่นเครือเอยขึ้นอีกครั้ง

ร่างสูงหาได้ตอบอันใดไม่

"หาก..ท่าน...เกลียดข้า...ได้โปรด..."

"ได้โปรด....มอบ...ความตาย....ให้แก่ข้า"สิ่นคำร่างบางก็ร้องไห้โฮ ออกมาอย่างหมดอาย ร้องไห้

หวังให้ร่างสูงเห็นใจ

"อย่า...ทรมาน...ข้าเลย..อึก ฮื่อ..ฆ่า..ทีเถอะ.."

ขอให้ร่างสูงเมตตา

หากไม่รัก..

ก็...

ฆ่าทิ้งเลยเถอะ...

ร่างน้อยสั่นไหวด้วยแรงสะอื้น

ใบหน้าแสดงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน

น้ำพลั่งพลูออกมาไม่หยุดหย่อน

หมดเเล้วความเชื่อที่มี

รักแท้ที่ใฝ่ฝัน จู่ๆก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า

การได้เจอกับร่างสูงเป็นดังแรงที่ช่วย

พยุงชีวิตของผณิให้คงอยู่  แม้รอยเเตกร้าว

จากการกระทำของบิดาจะมากมาย

จนหัวใจดวงน้อยมันบิดเบี้ยว

หลายครั้งคราที่ร่างบางคิดจะปลิดชีพตนเอง

ชีวิตที่สร้างรอยแผลให้กับผู้เป็นพ่อ

แต่ทุกครั้งก็จะมีชายในฝันคอยเป็นกำลัง

ให้ผณิมีชีวิตเพื่อเจอกับคนที่รักหมดหัวใจ

แต่บัดนี้ ผณิได้เจอกับคนผู้นั้นแล้ว คนที่เฝ้ารอมา

ตลอดความหวังก่อตัวขึ้นแม้จะผ่านเรื่องร้ายที่กัดกินความเชื่อจนขาดวิ่น

โดนหลอกโดยพ่อแท้ๆที่เทิดทูนมาตลอด

ร่างสูงที่คิดว่าเป็นพลังของชีวิต  เป็นดวงตะวัน

ที่จะส่องแสงให้โลกที่เดียวดายของร่างบาง

...

แต่ทั้งหมด  กลับเป็นแค่เรื่องหลอกลวง

ใจดวงน้อยแหลกยับเยิน

หมดแล้วความหวังที่จะเริ่มใหม่

หมดแล้วความเชื่อในชีวิต

ความฝันทั้งหมดจบลงตั้งแต่ได้รู้

ว่าร่างสูงหลอกใช้ร่างกายของผณิ

เพื่อระบายความโกรธที่มีต่อเผ่าพันธุ์นาค

คำว่ารักที่หวังจะได้จากร่างสูง

ก็แค่คำเพ้อฝัน

ไม่จริงซักอย่าง

"ท่าน...ฆ่า...ข้าที...ฆ่าข้าที!!!!!"ร่างบางกรีดร้องออกมาราวกับเสียสติ  ใบหน้ามีเพียงหยาดน้ำตาและความเจ็บปวด....สิ้นหวัง

พร่ำบอกให้คนตรงหน้ามอบความตายให้แก่ตน

ชีวิตพังทลายเเหลกสลายที่ไม่มีใครต้องการ

"ข้าเกิดมาทำไมก็ไม่รู้...อึก.ฮื่อ ฮึก ฮือๆ "

ร่างกายบางหายใจถี่เร็ว

เสียงร้องไห้ค่อยแผ่วลง

เช่นเดียวกับสติของร่างบางที่ค่อยๆ

เข้าสู่ห้วงนิทราด้วยเหนื่อนล้าจากเรื่องราวมากมาย

ร่างสูงครุ่นคิดเรียบเรียงเหตุการณ์

ขเดศวรได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เสียแล้ว

ทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องเสียแล้ว

"ข้า...ขอโทษ"ร่างสูงกล่าวเบาหวิว

แววตาแกร่งแสดงความสำนึกผิดอย่างชัดเจน

แม้ใจแกร่งจะแข็งเพียงใด

แต่หากเป็นฝ่ายผิดร่างสูงก็จะยอมรับผิด

ร่างเเกร่งค่อยๆล้มตัวนอนเคียงข้างร่างบาง

ร่างบางที่หลับไหลยังคงมีน้ำตาอยู่เต็มใบหน้

มือหยาบบรรจงนิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตา

สองแขนรวบร่างบางเข้ามากอดแนบอก

'ข้าขอโทษ  ขอโทษ'

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #32 เมื่อ23-12-2017 20:09:46 »

บทที่ ๑๙ หนีไม่พ้น

ร่างทั้งสองกอดเกี่ยวกันจวบย่ำรุ่ง

ร่างน้อยๆซุกอกแกร่งหาไออุ่น

เช่นเดียวกับร่างแกร่งที่โอบกอดร่างบาง

แน่นแนบอก

ในคราแรกที่ทั้งสองได้พบ

ร่างสูงรับรู้ได้ถึงความเสน่หา

ที่ร่างบางมีให้ แต่ด้วยความเข้าใจผิด

ร่างสูงจึงละทิ้งความพิศวาทนั้น

หันมาเครียดแค้นร่างบาง

แต่บัดนี้ทุกสิ่งเกี่ยวกับร่างบางได้ถูก

ไขกระจ่างแล้ว

กำแพงความเกลียดชังของร่างสูงจึงได้

พังทลายลงความรูสึกก่อนหน้ากลับมาเด่นชัด

'รักงั้นรึ'

ร่างภายใต้อ้อมกอดของร่างสูง

เริ่มขยับตัว  เสียงครางในลำคอที่แห้งผาด

บ่งบอกถึงความเจ็บปวด ใบหน้าหวานเงยขึ้น

แววตาเศร้าสบเข้ากับแววตาร่างสูง

ทันทีทันใดแววตาหวานกลับไหววูบ

ไปด้วยน้ำตา  กายอ่อนแรงพยายามดิ้นออกจาก

อ้อมกอดที่เกี่ยวรัดร่างไว้

หยดน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้ว

กลับหยดลงมาอีกครา ร่างสูงพยายาม

กอดรัดร่างที่ดิ้นหนี

"ปล่อยข้า......ข้าจะกลับ.....ข้าไม่อยู่แล้ว ฮือๆ"

ร่างบางโวยวายหนักขึ้น ดิ้นรนจนร่างกายเริ่มขึ้น

สีแดงเป็นริ้ว

คนเรามีความอดทนกันทั้งนั้น ไม่ว่าใครหากเป็น

เรื่องที่สำคัญก็ย่อม จักอดทนเพื่อมันเสมอ......

หากแต่ว่า....ความอดทนต่อให้มีมากหรือ

แข็งแกร่งเพียงไร...........มันก็ยังมีเวลาหมดสิ้น.....

ที่สุดของความอดทนนั้นคนเราอาจมีไม่เท่ากัน....

ขึ้นอยู่กับจิตใจและเรื่องราวนั้นๆ.....ที่เป็นตัวแปร..

อดทน...ต่อความโกรธ....

...ความเสียใจ...

...ความน้อยใจ...

...ความเกลียด....

สำหรับบางคนแล้ว  ปากบอกว่าชาชิน....

...ไม่รู้สึก..ไม่เจ็บ....

แต่ผู้ใดจักใคร่รู้.....

ภายในใจของคนเหล่านั้นอาจแหลกเหลว

ป่นปี้หามีชิ้นดีไม่  ก็เป็นได้

บางคนบอกว่าเมินเฉย......

พร่ำบอกว่าสิ่งเหล่านั้น...เป็นเพียงอากาศธาตุ

...หามีความจำเป็นต่อชีวิตไม่....

หัวเราะ..ร่าเริง..มีความสุข....

..แต่ก็กลับร้องไห้....อยู่ในใจเพียงคนเดียว...

บางคนให้อภัย...ฝืนทนต่อสิ่งเหล่านั้น..

ทนแม้มันจะบั่นทอนทุกสิ่งที่มี....

เจ็บปวดก็ยังฝืนต่อไป...

บอกแต่เพียงว่า....ยังไหว....ยังทนได้..

แต่หัวใจเป็นแผลลึก...จนกลัดหนอง..

ร่างบางของผณินั้นหมดแล้วซึ่งความอดทน

แม้ในใจจะรักเพียงไหน...แต่มันก็เจ็บเหลือเกิน

มีแต่คำหลอกลวงไม่จบสิ้น  ....อยากหลุดพ้น

ร่างบางร้องไห้นิ่งแนบอกร่างสูง

ไม่เหลือแรงจะดิ้นหนีอีกแล้ว

ได้แต่ร้องไห้  ตาบวมช้ำไม่มีทีท่าจะดีขึ้น

อุณหภูมิร่างกายบางสูงขึ้นมาก

จนร่างสูงรู้สึกได้

พิษไข้เข้าถาโถมร่างบาง อย่าหนัก

ร่างสูงที่กอดปลอบร่างบางอยู่

ไม่มีทางเลือก รีบวางร่างบางลงกับแท่นบรรทม

ส่วนตนนั้นรีบหายเข้าไปในห้องสรงน้ำทันที

ไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาพร้อมกับอ่างแก้ว

ที่บรรจุน้ำไว้และผ้าผืนเล็กอีกหนึ่งผืน

มือแกร่งที่ผ่านการศึกมามากมาย

บัดนี้กำลังบรรจงบิดผ้าที่ชุบน้ำให้หมาดพอ

จะเช็ดตัวให้ร่างบางได้

ความเย็นของน้ำกระทบกับผิวเนียบ

จนร่างบางสะดุ้ง แต่ก็ยังคงหลับไหล

ด้วยความอ่อนเพลีย  ร่างสูงพยายามเช็ดตัว

ให้ร่างบางทั้งๆที่ไม่เคยทำให้ใครที่ไหนมาก่อน

ตัวอย่างบรรจงไล้ ผืนผ้าชุ่มน้ำ

ไปตามเรือนร่างของร่างบาง ที่สลบไสลอยู่

แววตาที่ต้องมองเปลี่ยนไป นัยน์ตาคม

เหลือแต่เพียงความรู้สึกผิด ต่อสิ่งที่ได้กระทำ

มันช่างเลวร้ายและทำร้ายจิตใจร่างบางเหลือเกิน หากเขาทิ้ง ความโกรธ แล้วไตร่ตรอง ร่างบางมากกว่านี้ ร่างสูงอาจไม่พลั้งมือทำสิ่งที่มันเกินจะ

ให้อภัยเช่นนี้

ผิดเองที่ไม่ถามถึงความเป็นจริง

คิดไปเองฝ่ายเดียวเท่านั้น

ร่างสูงปล่อยความคิดวนเวียนอยู่ในหัว

รู้ตัวอีกทีมือหนาก็มาหยุดอยู่ตรงแผงอกบาง

แผงอกน้อยไหวกระเพื่อมตามแรงการหายใจ

ของร่างบาง

ผิวเรียบลื่นที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยรัก

ยอดอกสีแดงอ่อนระเรื่อชูชันท้าทายร่างสูง

ทุกครั้งที่ผ้าผืนน้อยลากผ่าน เสียงครางหวานก็จะ

เล็ดลอดออกมา

ร่างกายร่างสูงยิ่งร้อนลุ่ม ภาพบทรักเมื่อคืนยังคง

ซาบซานไม่จาง  ร่างอ้อนแอ้นบอบบาง

ที่เย้ายวนไม่แพ้สตรีนางใดๆ ออกจะงดงามมากกว่า

เสียด้วยซ้ำ   กลิ่นหอมคล้ายกลิ่นกานของเด็กทารก

เจือกลิ่นดอกไม้ป่าอ่อนๆ  ริมฝีปากหวานนุ่ม

ที่ไม่ว่าจักลุกล้ำสักกี่คราก็ไม่อาจห้ามใจ

ช่องทางรักที่คับแคบ  นุ่มนิ่ม และร้อนแทบหลอมละลาย. เสียงครวญครางหวานหู

ที่จะร้องอ้อนวอนให้ร่างสูงหยุดกระทำ

เมื่อคิดถึงทุกสัมผัส ส่วนกลางที่หลับไหล

พลันกับตื่นขึ้นมาอย่างชัดเจน

ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง

ในการควบคุมร่างกายและจิตใจ

ไม่ให้หลงใหลจนเผลอทำสิ่งเลวร้ายไปอีก

ในที่สุดการเช็ดตัวให้ผู้ป่วยก็เสร็จสิ้น

ร่างสูงรีบตรงดิ่งไปที่ห้องสรงน้ำ

เราสูงรีบปลดผ้านุ่งลงทันที

กลางกายขนาดใหญ่ดีดตัวออกมาสู่ภายนอก

สองมือกอบกุมท่อนเอ็นร้อนนั่น

แรงขยับค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อเร่งปลดปล่อยความกำหนัด

ใบหน้าหวานและทุกๆสัมผัส

ไหลเวียนเข้ามา โหยหาร่างกายอ้อนแอ้นนั้น

ในที่สุดธาราชีวิตก็ทะลักล้นจากแกนกลาง

ออกมาก

"อึก ผณิ."

'ข้าจะหนีหัวใจได้หรือไม่  เจ้าผณิ'

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #33 เมื่อ23-12-2017 20:11:18 »

บทที่ ๒๐ เผชิญรัก

เวลาล่วงเลยจวบจนสาย

ร่างบางตื่นแล้วแต่กลับนิ่งเงียบ

ไม่ร้องไห้. แววตาวางเปล่าเหม่อลอย

พิษไข้ทุเลาลงมากแล้ว ร่างบาง

พยายามฝืนกายลุกขึ้น

แต่แรงขยับก็ทำให้คนเคียงข้าง

ตื่นขึ้นด้วยเช่นกัน

"เจ้าจักไปไหนกันผณิ"เสียงแกร่งเอ่ยถาม

แต่ก็มิมีเสียงอันใดเอยผ่าน

จากร่างบางตรงหน้า

ผณิขยับกายลุกขึ้นยืน

แม้จะยังรู้สึกเจ็บเสียด

บริเวณช่วงล่างก็ตามแต่ก็ฝืนตน

ลุกขึ้นเดินเพื่ออกจากที่นี่ นรกที่เลวร้าย

อยากจะกลับเมืองบาดาลเหลือเกิน

มาราตรีจะเป็นเช่นไรบ้าง

องค์เหนือหัว.....จะเป็นเช่นไร

ร่างบางก้าวเท้ากระท่อนกระแท่นพาร่าง

ที่บอบช้ำมายังตำหนักเล็กของตน

พฤกษกานต์ที่เฝ้าร้อนรนตามหาร่างบาง

ต้องตกใจอย่างหนัก  สะภาพของร่างบางตอนนี้

ช่างดูอิดโรยราวกับคนละคนที่นางเห็น

ร่องรอยที่บ่งบอกถึงเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมา

สร้างความสงสารให้แก่พฤกษกานต์มากมาย

“ท่าน .... ท่านเป็นเช่นไรบ้าง” ร่างเล็กรีบ

เร่งเข้าไปหาร่างตรงหน้าทันได้

มือเล็กพยายามเอื้อมไปแตะร่างบาง

แต่ยังไม่ทันที่มือเล็กจะได้แตะต้อง

ร่างบางก็กล่าวขึ้นพร้อมน้ำตา

"อย่าแตะต้องตัวข้า....อึก ฮือ"

ผณิตะโกนสุดเสียง

พฤกษกานต์มีสีหน้าตกใจอย่างหนัก

ใครเป็นคนกระทำย่ำยีร่างบางกัน

ใครที่ทำร้ายสหายรักของนางกัน

"ใครทำเรื่องแบบนี้กับท่าน"ร่างเล็กเสียงสั่น

"ข้าทำตัวเอง อึกฮื่อๆ ข้ารักเขาเอง ข้าโง่เอง"

ผณิพร่ำบอกอยู่เช่นนั้นราวกับเสียสติ

ร่างเล็กของพฤกษกานต์โถมเข้าโอบกอด

ร่างสั่นเทานั้น

.

..

.....

ช่วยอันได้หาได้ไม่

เวรกรรมอันไดกัน

.

..

......

ร่างบางร้องไห้ในอ้อมกอดของสหายรัก

ที่พักพิงเดียวนอกจากมาราตรีเท่าที่เหลืออยู่

ตั้งแต่ได้พบเจอกับขเดศวรไม่มีวันใดเลย

ที่น้ำตาของร่างบางจะหยุดรินไหล

ตำหนักรังสิมันต์

ภายในตำหนักพากันวุ่นวายเสียยกใหญ่

ด้วยคำสั่งออกตามหาพระชายาให้พบ

แต่ในตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุด เห็นจะหนี

ไม่พ้นร่างสูงเป็นแน่ เนื่องด้วยหวังว่า

เมื่อตื่นขึ้นมาจะพบร่างเบางอยู่ข้างกาย

แต่ก็ หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะเมื่อร่างสูง ตื่นจากนิทราแล้วกลับไม่พบแม้แต่เงาของ

ร่างข้างๆกายเลย สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจ และแอบโมโหลึกลึก แม้จะไม่มีเรื่องใดให้โกรธเคืองแล้ว แต่ด้วยอารมณ์ ของร่างสูงที่ธรรมชาติ

มักร้อนง่ายอยู่แล้ว เมื่อตื่นมาไม่พบ

ร่างบางอย่างคาดหวังไว้

จึงไม่แปลกที่จะมีความคุกรุ่นอยู่ในใจ

รีบเร่งเรียกรวมพล ทั้งทหารและนางกำนัล

ให้ออกค้นหาทั่วทั้งบริเวณตำหนัก แต่ก็ไม่พบ

นั่นยิ่งทำให้อารมณ์คุกรุ่นมากขึ้นอีก

แต่ใน ความโกรธเกรี้ยวนั้น

กลับตัวไปด้วยความห่วงหาอาทร ด้วยเกร็ง

ร่างบางจะเป็นอันตราย เพราะยังไม่หายดี

อีกทั้งสภาพจิตใจยังย่ำแย่

การออกค้นหาร่างบาง ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

ไม่เว้นแม้แต่พระราชวังชั้นในสุด

แต่กลับมีที่ที่หนึ่ง ที่ไม่มีใครคาดคิด

และมองข้ามไป

คือตำหนักเล็ก ที่ร่างบางอาศัยอยู่

พฤกษกานต์ ก็มีความโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย

เมื่อเห็นสหายของตน มีสภาพเช่นนี้

นางยังคงประคองกอดร่างบางไว้

ด้วยขนาดตัวของนางที่ใหญ่กว่า

ร่างบางเล็กน้อย จึงไม่ใช่เรื่องยาก

ที่จะสามารถกอดร่างบางไว้ได้

และหรือเวรกรรมของผณิยังไม่หมดลงง่ายๆ

ร่างสูงกลับฉุกคิดได้ว่า มีที่ที่หนึ่ง

ที่ยังไม่ได้ไปตามหา นั่นคือตำหนักเล็ก

เท้าแกร่งรีบสาวพาร่างของตน

ไปยังตำหนักเล็กโดยเร็วที่สุด

และเมื่อเปิดประตูตำหนักเข้าไป

ก็พบร่างบางของตน ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอด

ของหญิงสาวแปลกหน้า ยิ่งทำให้ความโกรธ

พุ่งสูงขึ้นอย่าง มิต้องสงสัย

ร่างสูงใหญ่รีบตรงไปกระชากร่างบาง

ออกมาจากอ้อมกอดของ พฤกษกานต์

" เจ้าเป็นใครกันเหตุใดจึง มา

อยู่ในตำหนักของพระชายา" ร่างสูง

กล่าวเสียงห้วน

" ข้าหาจำเป็นต้องบอกท่าน ไม่ และหากพระชายา ที่ท่านว่า คือท่านผณิ แล้วล่ะก็ คงเดาได้ไม่ยาก ว่าใครเป็นคนทำระยำ ไว้กับท่านผู้นี้" ร่างเล็กกล่าว อย่าง เกรี้ยวกราด ไม่แพ้กัน

สายตาของทั้งสองมองกันด้วยความโกรธเกรี้ยว

ฝ่ายหนึ่งโกรธที่ร่างสูงเป็นฝ่ายทำร้ายร่างบาง

สหายรักของตน อีกฝ่าย โกรธ และหึงหวง

ที่ชายาของตนตกอยู่ในอ้อมกอดของคนแปลกหน้า

ในขณะที่ทั้งสอง กำลัง ส่งสายตาห่ำหั่นกันอยู่นั้น

ร่างบางก็ตื่นขึ้น ด้วยความงงงวย

และตื่นตระหนกที่พบร่างสูง และสหายของตน

กำลังวิวาทกันอยู่

"พฤกษกานต์ "เสียงหวานแหบแห้ง

ร้องเรียกสหายรัก

โดยหารู้ไม่ว่านั่นจุดประกายให้ร่างสูง

ยิ่งอารมณ์พุ่งสูงขึ้น

"เจ้ากล้าเรียกคนอื่นนอกจากผัวเจ้ารึ"ร่างบางได้ยินถึงกับสะดุ้งตัวสั่น

ร่างสูงมองแววร่างบางในอ้อมแขน

ด้วยแววตาหน้าเกรงขาม

"ขะ ..ข้า ข้าขออภัย"ร่างบางกล่าวติดขัด

ไม่กล้าแม้จะสบตาร่างสูง  ได้แต่ตัวสั่นงันงก

"ท่านผณิ เจ้านี่เป็นใครกัน"พฤกษกานต์

กล่าวเสียงแข็ง พลางมองจิกร่างสูง

อย่ามิได้เกรงกลัว

"บอกเขาไปสิเมียข้า ข้าเป็นใคร"ริบฝีปาก

ของร่างสูงจงใจเลื่อนไปคลอเลียบริเวณ

ข้างหูลมหายใจร้อนรดรินข้างหูบาง

"ตอบไปสิ"เสียงทุ้มนุ่มกล่าวยิ่งทำให้ขน

ทั่วอนูกายลุกชัน

"ทะ. ท่านผู้นี้  ปะป่ะ เป็น สวามี..ของข้า"เสียที่กล่าวออกมาไม่ได้ทำให้ความไม่พอใจ

ของพฤกษกานต์นั้นน้อยลงแต่อย่าได

มองร่างสูงด้วยแววตาเครียดแค้นไม่ต่างจาก

ในคราแรกที่พบเห็น

"หากรู้แล้วข้าเห็นที่จักต้องพา"เมีย" ไม่สั่งสอนเรื่องการเอาใจผัวเสียก่อน"ร่างสูงกล่าวยียวน แล้วอุ้ม

ร่างบางเดินออกนอกตำหนักไป

พฤกษกานต์ได้แต่มอง หาทำสิ่งไดได้ไม่

'เวรกรรมของท่านแต่ครั้งใดกัน จึงต้องเผชิญกับรักที่เเสนทรมานเช่นนี้'

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #34 เมื่อ23-12-2017 20:13:36 »

บทที่ ๒๑  ในใจข้า( NC 18+)

สองเเขนแกร่งบรรจงวางร่าบาง

ลงบนแท่นบรรทมอย่างเบามือ

การกระทำเช่นนี้สร้างความประหลาด

ใจแก่ร่างบางเป็นอย่างมาก

'อ่อนโยนเหลือเกิน'

"เหตุใดเจ้าจึงหนีข้าไป "เสียงแกร่งกล่าว

น้ำเสียงไร้ซึ่งแววโกรธเคืองดังแต่ก่อน

มือใหญ่เอื้อมไปยังร่างบางช้าๆหวังจะ

สัมผัสใบหน้านวล

เพี๊ยะ!!!

ผ่ามือบางตะหวัดปัดมือของร่างสูงออก

อย่างแรงจนร่างสูงตรงหน้านิ่งอึ้ง

"อย่า   แตะ ตัว ข้า"ร่างเล็กกล่าวเสียงแข็ง

แววตาโกรธเคียงส่องผ่านไปยังร่างสูง

ไม่มีสิ่งใดจะเสียอีกต่อไป

หวาดกลัวไปคงไม่ได้รับประโยชน์

อันใดอื่น มีแต่ผู้คนดูแคลนเกลียดชังรังแก

ร่างสูงมีทีท่าไม่พอใจนักกับท่าทีแข็งกราวที่

ร่างเล็กแสดงออกมาได้  แต่ก็ยังคงข่มอารมณ์

ของตนไว้

"ข้าถามเจ้าอยู่นะผณิ"ร่างสูงกดเสียงเรียบ

แต่ด้วยน้ำเสียงแล้วมันบ่งบอกได้ถึงไฟร้อน

ที่ลุกโชนอีกครั้ง

"จะมาสนใจสิ่งใดเล่า  จะเสแสร้งอันใดอีกท่านพญาครุฑผู้สูงส่ง " ร่างบางกล่าวเสียงเย้ยหยัน

"เจ้ากำลังทำให้ข้าโกรธนะผณิ"สุรเสียงกล่าวเย็นเยือกแต่ร่างบางยังคงนิ่งเช่นราวกับมิได้รู้สึกรู้สา

กับคนตรงหน้าเลย และท่าทีเช่นนั้นเอง

ก็ทำให้ร่างสูงหมดซึ่งความอดทน

"ข้าอุสาห์คิดจะดีกับเจ้าแล้วนะผณิ"จบคำร่างสูง

ก็กดร่างบางลงกับแท่นบรรทมทันที

สร้างความตกใจและหวาดหวั่นให้กับ

ร่างบางอย่างท่วมท้น  ร่างกายสวยออกแรงดิ้น

ริมฝีบากกรีดร้องอย่าตื่นตระหนกแววตา

หวานเบิกโพลนน้ำตาเริ่มก่อตัวจนล้นปริ่ม

ร่างสูงก้มลงดูดดุนขบกัดซอกคอขาวที่เต็มไปด้วยร่องรอยมากมาย กลิ่นรัญจวนอ่อนๆราวกับดอกไม้

มันปลุกอารมณ์เร้าร้อนให้แก่ร่างสูงได้ไม่ยาก

"ปล่อยข้านะ   ปล่อย  ไม่เอาแล้ว"ปากบาง

เอ่ยเสียงสั่นร่างสูงไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ

แม้จะทำเป็นใจกล้าต่อปากต่อคำในตอนแรก

แต่พอเอาเข้าจริงก็กลัวจนทำอะไรไม่ได้

"เจ้านี่น้า  ชอบทำให้ข้าโกรธเสียเหลือเกิน

ถึงตอนนี้จะมาร้องไห้คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้ารึ"

เสียงแกว่งว่า

ร่างบางได้แต่คิดตำนิตนเอง 'ช่างโง่เขลานัก

ดันมากล้าหาญไม่เข้าเรื่อง'

ร่างสูงใช่โอกาสนี้ปลดผ้าคาดเอวของร่างบาง

ออกแล้วนำมาพันธะนาการข้อมือบาง

ทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันกว่าร่างบางจะรู้ตัว

มือทั้งสองก็ไร้แล้วซึ่งอิสระ

"ปล่อยข้า อย่าทำข้าเลย ข้าขอโทษ อึก"

เสียงอ้อนวอนดังขึ้นไม่ขาด

ผ้าผืนที่ห่อหุ้มเรือนกายบางค่อยๆถูกปลดออก

ภายใต้การขัดขืนของผณิที่ดูเหมือน

จะไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย

ร่างสูงค่อยๆบรรจงลากเรียวลิ้น

ชิมรสชาติหอมหวามไปทั่งร่างกายบาง

สองมือแกร่งลูบไล้ตามแนวขาขาวด้านใน

จนร่างบางแทบจะกลั้นความกระสันไว้มิไหว

แต่ถึงกระนั้นแล้ว ก็ยังไม่กล้าที่จะยอมรับสัมผัส

ที่ได้รับโดยง่ายยังคงขัดขืนฝืนรั้ง

จิตใจสั่งการให้ต่อต้านขัดขืน

ด้วยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ โกรธเคืองกับ

เรื่องราวเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอมา

มันเลวร้ายและแสนจะทรมาน

แต่ร่างกายกลับตรงกันข้าม

มันยังคงตอบรับสัมผัสเย้ายวนที่ไม่คุ้นเคย

อย่างไม่ประสาอันได้ จะโอนอ่อนผ่อนตาม

ก็หาไม่แต่ก็ตอบสนองเสียทุกครา

ที่มือหยาบลากผ่านผิวเนื้อนวล

มือหนากอบกุมส่วนกลางสีอ่อน

ที่มันกำลังตื่นตัวน่าอายในขณะ

ที่ริบฝีปากของร่างสูงก็ยังคงหยอกเย้า

ขบเม้มยอดดอกสีหวานที่เริ่มบวม

และแดงมากขึ้น

"อะ อ๊า อื้อ อะอย่า"ร่างบางกลั้นเสียงของตนไม่อยู่

เผลอครางเสียงหวานเล็ดลอดออกมา

เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างสูงยิ่งรุกหนักขึ้น

มือใหญ่เร่งขยับ จนร่างบางทั้งร่างสั้นเกร็งสะท้าน

ทั่วทั้งอณุกาย

"อะ อ๊า ปล่อย อ๊ะ"ยังมิทันจะสิ้นเสียง

วารีชีวิตสีใสก็ทะลักออกมาเป็นสาย

เปรอะเปื้อนไปทั่วมีหนา

แต่มันก็หาหยุดลงเพียงนั้นไม่

ร่างบางไม่ใช่ผู้เดียวที่เกิดความต้องการ

ขเดศวรเองก็มิอาจปฏิเสธความวาวหวามนี้

ร่างบางยังคงเหนื่อยหอบจากการปลดปล่อย

จึงได้แต่นอนนิ่งๆ ร่างสูงใช้โอกาสนี้

แยกขาบางออกจากกัน เผยช่องทางสีสวย

ที่เริ่มฟื้นตัวจากอาการบวมบ้างแล้ว

แต่ยังคงฉีกขาดและช้ำอยู่  นิ้วยาวเรียว

ปาดน้ำรักจากหน้าท้องแบนราบจนชุ่ม

มือหนาเลื่อนลงมายังรอยจีบสีหวาน

ปลายนิ้วบรรจงสอดแทรกเข้าสู่ตัวของร่างบาง

"เจ็บ....อย่านะ  ท่าน  อึกอ๊าาาา"เสียงครวญครางหวานหูดังลั้นแต่เสียงนั้นกลับเจ็บปวดเกินต้านทาน

น้ำตาอาบใบหน้านวลเป็นสาย ช่องทางคับแน่นบีบรัด

นิ้วเรียวราวกับเชิญชวน  ร่างสูงทนไม่ไหวอีกต่อไป

นิ้วแกร่งถอนออกจากส่วนลึกของร่างบาง

ผณิผวาสะดุ้งกับความโหวงในช่องท้อง

ความโลงหวิวแทรกเข้ามาจนร่างบาง

รู้สึกแปลก แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้วางใจ

แกนกลางที่ร้อนรุ่มของร่างสูง ก็กำลังถูไถ

ไปมาอยู่บริเวณช่องทางรักของตน

พลันร่างกายบางก็สั่นกลัว

ใครกันจะยอมได้

ร่างกายต้องทรมาน

ย่ำยีทั้งที่ไม่ได้รัก

"อย่า  ฮือ ข้ากลัว ไม่เอา ฮื่อๆ  อย่า"มือบางยกขึ้น

ผลักอกแกร่งไว้แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ช่วย

ให้ร่างรางรอดพ้นจากชะตากรรม

"อย่าร้องสิ พี่ขอเถอะนะ"ร่างสูงก้มลงกระซิบข้างหู

ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากนุ่ม

ลิ้นแกร่งเกี่ยวหยอกเย้าลิ้นบาง

ไล้ต้อนหาความหวานอย่างตะกละตะกลาม

เมื่อไล้ชิมจนพอใจจึงได้ผละออก

ร่างบางหอบหายใจกอบโกยอากาศให้มากที่สุด

เพราะมัวแต่หายใจจึงไม่สังเกตว่าร่างสูง

กำลังทำอันใดกับร่างกายของตน

ขเดศวรจับเรียวขาขาวเกยบนตักของตน

ทั้งสองข้างทำให้ขาเรียวอ้าออกจนมองเห็น

ช่องทางสีช้ำได้ชัดเจน หารอช้าไม่ร่างสูง

จัดการจ่อแกนกายขนาดใหญ่เข้าช่องทางรัก

ของร่างบางพร้อมดันส่วนหัวเข้าไปเสียทันที

"อะ อะอ้ากกก"  ร่างบางร้องลั่นความเจ็บร้าวแผ่ไปทั่วช่องทางที่ถูกรุกล้ำและแนวสันหลัง

แกนกลางของขเดศวรมีขนาดใหญ่เกินไป

การสอดใส่แต่ละครานั้นจึงสร้าง

ความทรมานให้แก่ผณิเหลือเกิน

"ฮือ เจ็บ อ้า เจ็บ อะอือ เจ็บบบ"เสียงร้อง

ดังอยู่ในลำคอของผณิที่พยายามดิ้นหนี

แกนกลางที่เสียบแทรกอยู่ในตัวของตน

ใบหน้าหวานส่ายไปมาทั้งน้ำตา

"อย่าร้องนะคนดี  พี่จะค่อยๆทำ"ว่าพลาง

ขยับการดันเสือกท่อนเนื้ออุ่นเข้าสู่ช่องทาง

ที่ร้อนและบีบรัดจนแทบจะเสร็จกิจในบัดนั้น

"ม่ายย  เจ็บ. ขอร้อง ข้าเจ็บ พอแล้ว"

มือเล็กที่สั่นเทาผลักดันหน้าท้องแกร่งให้หยุด

ดึงดันสิ่งนั้นเข้ามา เพียงแค่สวนปลาย

ก็ทำให้ร่างบางเจ็บแสนสาหัส

ใบหน้าหวานส่ายไปมาบนหมอนใบใหญ่

ร่างสูงจึงตัดสินใจกระเเทกเข้าไปทีเดียว

ส่งท่อนลำใหญ่เข้าสู่ตัวของผณิจนหมด

"ขอโทษนะ พี่ไม่ไหวจริงๆ"

กึด

กึด

"อ้ากกกกก  เจ็บ อื่อ ฮื่อๆ  เจ็บ เอาออกไป"

ร่างบางทุรนทุรายราวกับจะขาดใจ

อ้าปากเพื่อกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอด

ให้มากที่สุด  เสียงการฉีกขาดของช่องทาง

ดังก้องในหูร่างบาง โลหิตสีชาดค่อยๆไหลซึม

ออกมาจากส่วนที่เชื่อมต่อ เป็นตัวหล่อลื่น

ได้อย้างดี

ขเดศวรกดแกนกลางแช่นิ่งอยู่เช่นนั้น

เพื่อรอให้ช่องทางแคบๆนี้ขยายมากพอ

ที่จะไม่สร้างความเจ็บให้แก่ร่างบาง

"อะ อึก เจ็บ. ข้า อะ "มือบางจิกลงที่หมอน

เพื่อระบายความเจ็บนี้จนมือขาวซีด

ตอนนี้ช่องทางบางเริ่มคลายตัวแล้ว

ร่างสูงจึงเริ่มขยับเนิบๆ

ความร้อนจากช่องทางที่อ่อนนุ่มและบีบรัด

ทำให้ร่างสูงแทบคลั้ง ช่องทางนั้นตอดรัดแก่นกลาง

แกร่งรุนแรงเพราะด้วยไม่คุ้นชิน

"แน่นเกินไปแล้ว   ยังมิชินหรือ"ร่างสูงกล่าว

เสียงกระเส่า

"พอ  เถอะอะ  อ๊ะ เจ็บ. ข้าเจ็บ"ร่สงบางพร่ำบอก

ร่างสูงจับร่างบางพลิกคว่ำในท่าคลาน

โดยที่ส่วนเชื่อมระหว่างทั้งสองยังคง

แนบสนิท

"อือ  ลึก อะ พอแล้ว  หยุดเจ็บ"ร่างสูงขยับ

แรงและเร็วอย่างลืมตัว  ใบหน้าหวานอาบด้วยน้ำตา

เรียวแรงของร่างบางแทบไม่มีเหลือ  เหนื่อยล้า

จนแทบสิ้นสติ ร่างกายแนบไปกับแท่นบรรทม

มีเพียงสะโพกที่เเอ่นขึ้นรองีบแรงกระแทก

จากคนบนร่างของตน ขาบางที่รองรับสั่นระริก

"พอ  ท่าน อึก พอแล้ว ข้า ไม่ไหว อือ"

แม้จะยังเจ็บแต่ก็ยังมีความรู้สึกดีเจือปน

"อีกนิดคนดี  "ร่างสูงเร่งความเร็วจนร่างบาง

ครางไม่เป็นภาษา  ความเสียวซ่านปกคลุม

คนทั้งสอง

"อะ อ๊ะ"

"อึก อะ"

ร่างทั้งสองเสร็จสิ้นถึงอารมณ์

ผณิปลดปล่อยทั้งๆที่มิได้แตะต้อง

หลังจากเสร็จสมร่างบางก็หลับไปด้วยความ

เหนื่อยอ่อน ภายใต้อ้อมกอดของขเดศวร

'ข้าจะบอกเจ้าผณิ  จะบอกทั้งหมดในใจข้า'

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #35 เมื่อ23-12-2017 20:14:41 »

บทที่ ๒๒ อนันตกาล๒

'เราจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป'

ข้าจำสัญญาได้ดี

เป็นสัญญาที่ข้าให้กับสหายรักของข้า

สหายที่ทรยศหักหลังข้า

ตัวข้านั้นเป็นเจ้าหญิงแห่งนาค

ส่วนนางเป็นนางอัปสรจากสวรรค์

เราสองคนสนิทชิดเชื้อกันเสียขนาด

ข้าเหนือกว่าทุกๆอย่าง ทุกด้าน

ยศศักดิ์ข้าก็มีมากกว่านาง

นางจึงเป็นเพื่อนที่ข้ารักมากที่สุด

เรื่องความรักยิ่งไม่ต้องพูดถึง

บุรุษมากมายหลายร้อยชีวิตรายล้อมข้า

แต่นางไม่ได้รับความสนใจ

และถึงแม้จะมีบุรุษมากมาย

เข้าหาข้าเพียงใดตอนหนึ่งเดียวในใจข้า

คือท่านนาคินบุรุษผู้เดียวที่ครอบครอง

หัวใจของข้า แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด

พระองค์จึงไม่เคย ทอดพระเนตร

เห็นข้าอยู่ในสายตาเลย

ข้าทำทุกวิธีทางตลอดหลายปี

เพื่อให้ท่านนาคิน ทรงหันมามองข้าบ้าง

แต่ก็เปล่าประโยชน์

ความรักของข้าที่มีต่อท่านนาคิน

มันมากมายมหาศาลขึ้นทุกวัน

จนคับในอกมีใจของข้า

แล้วเหมือนโชคจะเข้าข้างเสด็จพ่อ

ของเราทั้งสองได้มั่นหมายเราทั้งสอง

ไว้ด้วยกัน ข้าได้อภิเษกกับยอดดวงใจของข้า

ในขณะที่สหายรักของข้า ก็พบรักกับ

เจ้าเมืองพญาครุฑและดูเหมือนนางจะสุขไม่น้อย

แต่ในขณะที่ข้าอภิเษกอยู่กินกับท่านนาคินนั้น

ชีวิตของข้ากลับไม่มีความสุขเลย

ท่านนาคินเที่ยวมีผู้หญิงอื่นไปทั่ว

ทั้งนางสนมเล็กใหญ่ หาได้สนใจข้าไม่

ในขณะที่หัวใจของข้ากำลังร้าวรานนั้น

ข้ากับได้รับข่าวดีจากสหายรักของข้า

นางได้ให้กำเนิดบุตรชาย ท่ามกลางความยินดี

ของทั่วทั้งเมืองครุฑ สวามีของนาง

เสน่หารักนางสุดหัวใจ แต่สวามีของข้า

กลับไม่เคยเหลียวแล ทั้งยังปันใจให้กับหญิงอื่น

ข้าเกลียดนาง

เหตุใดความรักของนางจึงได้ดีมากกว่าข้า

ข้ายอมไม่ได้

ข้าทนเก็บความคับแค้นใจต่อสหายรัก

เนินนานหลายปี รวมทั้งความอิจฉาริษยา

และความน้อยเนื้อต่ำใจ ในความรักของข้า

รอวันที่ข้าจะได้ชำระ ทุกสิ่งอย่าง

นางสนมของท่านนาคินพากันตั้งครรภ์

เท่านั้นยังไม่พอ ท่านนาคินกับพาเด็กน้อยชาวมนุษย์กลับมา และบอกกับ ข้าว่าเขาคือลูกของพระองค์

ไอ้มารหัวขน

ข้าจึงไม่มีทางเลือก

แม้ในใจข้าจะเจ็บแค้นนแค่ไหน แบบภายนอกที่แสดงออกมา

ข้าก็แสดงเป็นพระมเหสี ที่มีแต่ความเมตตากรุณาต่อทุกคน

ทำดีให้ทุกคนรัก และสรรเสริญข้า

ไม่นานข้าก็รู้วิธีทำให้ท่านนาคินรักข้า

หมดหัวใจ ข้าได้ทำพิธีปรุงยาเสน่ห์

แล้วลอบวางยาเสน่ห์เพื่อให้ พระองค์

หลงรักข้า มันเป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงรัก

ข้าหัวปักหัวปำ มิเคยชายตามองหญิงใดอีกเลย

ส่วนไอ้ตัวจังไรผณินั้น ข้าก็แค่ยุแยงตะแคงรั่ว

ว่ามันฆ่าแม่ของมัน พระองค์ก็ทรงเกลียดมัน

สุดขั้วหัวใจ นางสนมทั้งหลายถูกทอดทิ้ง

แต่ข้าก็ยังใจดี ขอให้พระองค์ทรงประทาน

การเลี้ยงดู อุปการะ พระโอรสและพระธิดาทั้งหมด เว้นแต่ไอ้ผณิผู้เดียว

ความรักของข้ากำลังหวานชื่น ทุกอย่าง

กำลังไปได้สวย ข้าตั้งครรภ์ ลูกของข้า

กับท่านนาคิน ท่ามกลางความยินดี

ของพญานาคทั้งเมือง

แต่ความสุขของข้าก็ถูกพังทลายลง

เพราะนางสหายทรยศน่าส่งสารเชิญ

ให้ข้าไปร่วมงานวันเกิด ครบรอบ 3 ชันษา

ของพระโอรสของนางและแน่นอนข้าต้องไป

ก่อนที่ข้าจะไป ถ้าได้เตรียมของขวัญ

สุดพิเศษไว้ให้สหายของข้า

ที่จะทำให้นาง ได้ดีไปกว่าข้าไม่ได้อีก

ข้าออกเดินทางแต่รุ่งสางเพื่อดำเนิน

ไปยังเมืองครุฑธาอันเป็นที่พำนัก

ของสหายรักของข้า

ในมือของข้ายังคงกระชับขวดแก้วใบน้อย

ภายในบรรจุของเหลวสีอำพันไว้อย่างเต็มเปี่ยม

ด้วยสีที่คล้ายคลึงกับน้ำผึ้งนี้จึงไม่มีใคร

แครงสงสัยว่ามันจะเป็นสิ่งที่คร่าชีวิตผู้ใดได้

ข้าแค่ต้องรอเวลา

ที่จะใช้มัน

ค่าเดินทางมาถึงเมือง ครุฑ ในเวลาต่อมา ทั่วทั้งใหญ่ประดับประดาด้วยไฟหลากสี

ธงประจำพระราชสำนัก และดอกไม้หลากสีสัน

บรรยากาศภายในงานรื่นเริงปีติไปด้วยความยินดีของเราชาวเมือง

น่าสะอิดสะเอียน

"พิมพ์ทองทางนี้" เสียงคุ้นเคยเรียกข้า

นางดูเปลี่ยนไปมากดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น

ใบหน้าของนางยังคงประดับประดาไปด้วยรอยยิ้ม แห่งความสุข ที่รู้สึกว่าจะ ปริ่มล้นเหลือเกิน

"พิมพ์ทองเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พวกเราไม่ได้เจอกันเลย" นางถามข้าด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

แต่มารยาเหล่านั้นมันใช้กับข้าไม่ได้

ข้าเกลียดนาง

"เรียกเข้าว่าพระมเหสีพิมพ์ทอง ข้าก็สบายดี ตอนนี้ข้ากำลังจะให้กำเนิดรัชทายาทแห่งเมืองนาคราช"

คำกล่าวอย่างเหนือกว่า ต้องเรียกเข้าพระมเหสีสิถึงจะถูก

"เพคะ พระมเหสี ขเดศวร ถวายบังคมพระมเหสีพิมพ์ทองเสียสิ" ลูกชายวัย 3 ขวบของนาง ทำท่าทีอ่อนน้อมต่อข้า

น่าสมเพชทั้งแม่ทั้งลูก

ข้าอยู่ร่วมงานฉลอง ด้วย รอเวลา ที่จะมอบของขวัญให้แก่สหายรักของข้า

ในขณะที่ทุกคน กำลังง่วนอยู่กับการเฉลิมฉลอง ข้าได้ถือโอกาสนั้น รินของเหลวสีอำพัน

ลงในแก้วของสหายรัก จนหมดขวด ด้วยสีที่กลมกลืน

จึงทำให้มันยากที่จะสังเกตความผิดปกติของสิ่งที่อยู่ในแก้วของนางได้

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามแผนของ

พระมเหสีพิมพ์ทอง พระมารดาของขเดศวร

ค่อยค่อย จรด แก้วของพระองค์ เครื่องดื่ม

โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่คร่าชีวิตพระองค์

จะอยู่ในแก้วใบนั้น และในทันที

ที่ของเหลวส่งผ่านถึง ลำคอ

ความรู้สึกร้อนผ่าวราวกับไฟไหม้

เกิดขึ้นทั่วบริเวณช่องท้อง ธาตุในร่างกาย

ค่อยค่อยแตก โลหิตมากมายไหลออกมา

ตามรูทวารต่างๆ ผู้คนในงานต่างพากันตกใจ

รวมถึง พระมเหสีพิมพ์ทองด้วย ทรงเสแสร้ง

แกล้งทำเป็นตกใจ กรีดร้องราวกับว่า

ตนเองนั้นตกใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ในวันนั้น หมอหลวงถูกตามตัวมา

เพื่อถวายการรักษาพระมเหสี อย่างสุดกำลัง

แต่ไม่มีใครสามารถยื้อชีวิตของพระองค์ได้

พระมเหสีแห่งเมืองครุฑ ได้สิ้นพระชนม์ลง

เหตุด้วยยาพิษ ที่ปะปนอยู่ใน แก้วของพระองค์

ทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศก

พระโอรสและพระราชาใจสลาย

ดอกไม้งามแห่งเมืองครุฑถูกทำลาย

โดยไม่มีชิ้นดีโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้

ถึงผู้กระทำ พระมเหสีพิมพ์ทอง

ทรงอยู่ร่วมงาน พิธีศพ ทำราวกับว่า

ไม่รู้ไม่เห็นเรื่องทั้งหมด ทั้งๆที่ตนเป็นคนกระทำ

เป็นคนสังหารสหายรักของตน

แต่ใครจะรู้เล่า พระโอรส ที่ทุกคนต่างก็คิด

ว่าไร้เดียงสา กลับรู้หรือเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง

และรอเวลา ที่จะแก้แค้นให้แม่ของตน

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #36 เมื่อ23-12-2017 20:16:32 »

ทที่๒๓ หนึ่งเดียว

ร่างสูงมิอาจรู้ได้ว่าเมื่อร่างบางตื่นขึ้น

ร่างบางจะมีท่าทีเช่นไร

ร่างแกร่งประคองกอดร่างบางไว้ในอก

ผณิขยับกายซุกเข้าหาอกแกร่งเพื่อหาไออุ่น

'พี่จะบอกเจ้าอย่างไรดี'

เวลาล่วงเลยจนบ่ายคล้อย

ร่างบางขยับไหวร่างกายตื่นขึ้น

ร่างสูงมิรู้จะสู้หน้าบางได้เช่นไร

จึงแกล้งหลับตาลงนิ่งๆ

ทำทีราวกับว่าตนยังคงหลับอยู่

ร่างน้อยผละออกจากอกแกร่งอย่าไม่แรงนัก

แววตาหวานจ้องมองใบหน้าคมอย่างตัดพ้อ

"ท่านใจร้ายเหลือเกิน ท่านรู้หรือไม่"

เสียงแหบกล่าวเบาหวิวราวกลับกระซิบ

"ถึงเพียงนั้น  ต่อให้ท่านร้ายกับข้าเพียงใด"

"ข้ากลับ"

"เลิกรักท่านไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเพลาหนึ่ง"

จบคำร่างบาง พลันเปลือกตาของอีกคนก็ค่อยๆ

เปิดขึ้น  ร่างบางเบิกตาโพลงตื่นตระหนก

ที่เห็นว่าร่างสูงหาได้หลับอย่างที่คิดไม่

ร่างบางรีบดิ้นออกจากอกของร่างสูง

แต่ก็มิได้เป็นผล ร่างสูงกอดรัดเอวบางแน่น

แนบอกจนร่างบางได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจ

ร่างสูงเอง

"แล้วถ้า พี่เองก็รักเจ้าเล่าผณิ" เสียงแกร่งกล่าว

สายตาคม สบเข้ากับ แววตา ของร่างบาง

แต่ร่าง บาง กลับไม่อาจทานทนสายตานั้นได้ จึงเลือกที่จะหลบตา ร่างสูงเสียอย่างนั้น

" ท่านจักโป้ปดอันใดอีกเล่า เพียงเท่านี้ท่านยังไม่สะใจอีกหรือ จะให้ข้าต้องตายไปตรงหน้ารึ จึงจะ สาแก่ใจของท่าน" ร่างบางกล่าว ประชดประชัน

"พี่มิได้ปดเจ้า คำกล่าวของพี่ในครานี้เป็นคำสัจ

หากแม้นพี่ปลิ้นปล่อนตอแหลแล้ว ขอให้มีอันเป็นไปในสามวันเถิด" ร่างสูงตอบกลับ อย่างแน่วแน่สายตายังคงมองลึกเข้าไปในแววตาของผณิ

ในครานี้ใจของร่างสูงหาได้โกหกไม่

แม้ในครั้งเเรกที่ได้พบกัน

ร่างสูงจะจงเกลียดจงชังร่างบาง

นักหนา โดนอคติครอบงำ

จำลืมใจตนเอง  พยายามหลบหนี

ไม่ยอมรับความหวั่นไหวภายในใจตน

ด้วยคิดแค่ว่าเป็นลูกของศัตรู

จึงทำการเลวร้ายไป

แต่บัดนี้ความจริงได้ ประจักษ์แจ้งแก่ใจแล้ว

จึงมิมีเหตุผลอันใด ที่จำเป็นต้องโกหกจิตใจของตนเอง ว่ารักร่างบางมากเพียงใด

ขเดศวรมิได้โง่พอจะปล่อยให้โอกาส

ที่มีหมดไปเฉยๆแน่

ด้านผณิเองก็สุดแสนจะลังเล สับสน

ว่าจะให้อภัยร่างสูงอันเป็นที่รักดีหรือไม่

หากตอบรับไปเสีย ก็จะได้สมหวังในรักเสียที

แต่อีกใจมันกลับกลัว กลัวว่าเมื่อเอื้อมือคว้า

รักมาไว้แนบอก มันจะหายไปอีก

กลัวว่ามันจะทำลายความหวังเสียสิ้น

ดังที่ผ่านมา

"พี่ยอมทำทุกอย่างให้เจ้าเชื่อในตัวของพี่ ผณิ"

ร่างสูงกล่าว

ร่างบางครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก็ตัดสินใจตอบไป

"ข้าจะเชื่อท่าน ก็ต่อเมื่อ ท่านทำตามเงื่อนไขของข้า"

ร่างบางเพียงอยากพิสูจน์ในรักของร่างสูงเท่านั้น

"เพียงเจ้าบอกพี่มา ต่อให้ไปตายพี่ก็ยอม"

ร่างสูงเริ่มเห็นแสงเเห่งความหวัง

"หนึ่งท่านต้องเลิกมีมากมายหลายเมีย"

"สองท่านห้ามมีสัมพันสวาทกับผู้ใดทั้งสิน"

"และสาม ท่านห้ามย่ำยีหรือล่วงเกินข้าเป็นเวลา10วัน"

"หากท่านทำได้ดังนั้น ข้าจึงจะเชื่อว่าความรักของท่าน มันเป็นเรื่องจริงหาได้ปดไม่"

ร่างสูงถึงกับหน้าเสีย

ขเดศวรนั้นถือได้ว่าหลงใหลใน

รสของกามไม่น้อย เรียกได้ว่ามิเคยขาด

จึงยากนักที่จะตัดเรื่องเหล่านี้

แต่หากเพื่อ ให้ร่างบางเชื่อใจ

ขเดศวรจึงตัดสินใจที่จะทำตามคำของร่างบาง

"ได้  พี่จะทำ"ร่างสูงตอบหนักแน่น

ร่างบางยิ้มรับแล้วลุกขึ้นค่อยๆประคอง

กายลงจากแท่นบรรทอย่างยากเย็น

เมื่อร่างสูงเห็นก็รีบเข้าไปประคอง

"ให้พี่ช่วยเจ้าเถอะนะ"จะให้ปล่อยร่างบาง

เดินเองได้อย่างไร  มีหวังได้ล้มลุกจนเจ็บตัว

เป็นแน่ ร่างบางหาได้ขัดขืนไม่

ยินยอมให้ร่างสูงประคองแต่โดยดี

ร่างสูงประคองร่างบางขึ้นเพื่อไปยังห้องสรงน้ำ

ก่อนจะลงมืออาบน้ำให้แก่ร่างบาง

ทั้งๆที่หาเคยทำให้ผู้ใดมาก่อนไม่ ในคราแรก

ร่างบาง แม้นจะมีทีท่าขัดขืน

แต่เมื่อเห็นท่าทีของร่างสูง ที่ไม่ยอม

ให้ตนเองอาบเองเป็นแน่ จึงต้องจำยอม

ให้ร่างสูงอาบให้

ฝ่ามือใหญ่ ค่อยๆบรรจงลูบไล้ไปตามผิวเนียน

อยู่ที่ขาวราวกับน้ำนม ช่างตัดกับรอยสีกุหลาบที่

แต่งแต้มอยู่บนผิวกายของร่างบางยิ่งนัก ไหนจะสัดส่วน อ้อนแอ้น เสียจน สตรีบางยังอดอิจฉามิไดิ

ร่างสูงต้องข่มจิตข่มใจ

มิให้ทำการล่วงเกินร่างบางอีก

แม้มันจะยากยิ่งนักก็ตาม

ในห้องสรงน้ำจะเยือกเย็นเพียงใดกลับ

ไม่ ได้ช่วย ให้ความรุ่มร้อนในกายร่างสูง

ลดลงเลยแม้แต่น้อย

ครั้นที่แย่ไปกว่านั้น เพราะ แกนกลาง

ของร่างสูงตื่นตัวขึ้นอย่าง มิอาจห้ามได้

เหงื่อกาฬ แตกพลั่ก ราวกลับอยู่กลาง

แดดร้อนระอุ

จวบจนมาถึง

ขั้นตอนในการ นำน้ำรัก

ออกมาจากช่องทางของร่างบาง

นิ้วแกร่งค่อยๆวนรอบช่องทางสีสวย ที่บัดนี้

กำลังแดงช้ำจากภารกิจเมื่อคืน อย่างเบามือ

"อึก  อะ  ทะ ท่านจะทำอันใด" ร่างบางกล่าวติดขัด ด้วยรู้สึกหวาบหวามกับสัมผัสของร่างสูง

"พี่เพียงจะเอาน้ำรักออกจากตัวของเจ้า หากปล่อยทิ้งไว้ เจ้าจากไม่สบายตัว อย่าได้ห่วงเลยที่ไม่ทำอันใดเจ้าหรอก" ร่างสูงกล่าวเพื่อให้ร่างบางเบาใจ

นิ้วแกร่ง ค่อยๆสอดเข้าไปในช่องทาง

รักของร่างบาง แล้วคว้านวนเพื่อกวาด

เอาวารีชีวิตที่ตนหลั่งไว้ออกมา

จากกายของร่างบาง

"อะ  อ๊ะ  อึก" เสียงคราง เล็ดลอดออกมา

จากปากอิ่ม ยิ่งทำให้ร่างสูง

ยากยิ่งนักที่จะควบคุมอารมณ์ของตน

จึงรีบทำการ ตรงหน้าให้เร็วที่สุด

เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ร่างสูงจึงทำการ

ชำระล้างร่างกายร่างบางครั้งสุดท้าย

แล้วกล่าวบอกให้ร่างบางออกไปรอ

ข้างนอกก่อน ร่างบางปฏิบัติตามโดยง่าย

แม้จะสงสัยในท่าทีแปลกๆของร่างสูง

แต่ก็มีคิดติดใจอันใด เดินออกมา

เพื่อจะแต่งกาย โดยมีชุดที่คาดว่านางกำนัน

คงจะเอามาให้ วางอยู่บน แท่นบรรทมแล้ว

เมื่อร่างบางออกไปแล้ว ร่างสูง

ก็รีบทำการปลดปล่อยตนเอง

โดยยังคงจินตนาการ ถึงร่างบาง

อันเป็นที่รัก รสสัมผัส กลิ่นหอมรัญจวน

ผิวกายที่เรียบลื่นและนุ่มกว่าสตรีนางใด

เสียงหวานที่ครางอยู่ใต้ร่างของตน

ไหนเลยจะดวงหน้างดงาม

ที่แต่งแต้มไปด้วยหยาดน้ำตา

ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของร่างสูง

พุ่งสูงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

และปลดปล่อยวารีชีวิตออกมาในที่สุด

"อะ ผณิ" เมื่อเสร็จการแล้ว

ร่างสูงก็ชำระล้างกาย ให้สดชื่น

แล้วออกมาแต่งกาย ภายนอก โดยมี

ร่างบาง นั่งรออยู่บนแท่นบรรทม

ร่างสูงใช้เวลาไม่นานก็แต่งกายจนเสร็จสิ้น

แล้วประคองพาร่างบางไปยังตำหนักของ

ของพระบิดาเพื่อร่วมเสวย พระกระยาหารเย็นร่วมกัน

หากเป็นในเวลาปกติร่างสูง มักจะมี เสด็จด้วยตนเอง มิได้นั่งเสลี่ยง แต่อย่างใด แต่ในวันนี้ร่างบางคงเดินไม่ไหวเป็นแน่ สร้างสูงจึงออกคำสั่งให้ขบวนเสลี่ยงพาร่างบางไปยังตำหนักของพระมหา ราชา

แต่ระหว่างทางกลับมีสตรี 2 นาง

เข้ามาขวางขบวนเสด็จ ไว้

"ลงมาบัดเดี๋ยวนี้ ไอ้นาคสกปรก" หนึ่งในนั้นกล่าว ด้วยเสียงที่โกรธเกรี้ยว

"เจ้าบังอาจแย่งองค์ชายไปจากพวกข้า คิดหรือว่าพวกข้าจะยอม วันนี้หากไม่ได้ตบเจ้าสักฉาก อย่าหวังว่าข้าจะเลิกราง่ายๆ" อีกนางก็ไม่น้อยหน้า ตะโกน เสียงเขียวราวกับโกรธแค้นมา เป็น ชาติ

"หยุดเดี๋ยวนี้ บุหรง ทวิชา"ร่างสูงเอ่ยห้ามนางทั้งสอง

"มิคิดถึงหม่อมฉันบ้างหรือมิได้เสด็จไปตำหนักซ่อนกลิ่นนานแล้วนะเพคะ"นางบุหรงกล่าว

"ใช่เพคะ หม่อมฉันกับบุหรงรอพระองค์จนจะเฉาตายแล้วนะเพคะ"ทวิชากล่าวออดอ้อน

"แต่ก็ยังไมตายมิใช่รึ"เสียงหวานกล่าว

"เจ้ากล้าดีอย่างไรมาตีฝีปากกับข้า"ทวิชาโกรธเกรี้ยวหนักขึ้นจนแทบจะกรีดร้อง

"ข้ามิได้ถือดีอันใดดอก  เพียงแค่ข้ามิอยากจะฟังเสียงของอสูรกายที่มันมักจะกรีดร้องออเซาะ บุรุษเพศ ยิ่งฟังข้ายิ่งรู้สึก สังเวชใจยิ่งนัก" ร่างบางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในขณะที่สายตามีได้ แลชายมองทั้งสองเลย ยิ่งทำให้นางทั้งสอง ดิ้นพล่านด้วยความแค้นใจ ที่ทำอันใดร่างบางไม่ได้

"เจ้าทั้งสองออกไปเสีย กลับตำหนักของเจ้าไป" ร่างสูง มิอยากให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ แก่ร่างบาง จึงได้เอ่ยปากไล่นางทั้งสองออกไป จากบริเวณนั้น เพื่อให้ร่างบาง รู้สึกสบายใจขึ้น

" ไม่ไปเพคะ พวกหม่อมฉันไม่มีทางยอมปล่อยพระองค์ ไม่ทิ้งพวกหม่อมฉันไปหรอกเพคะพระองค์เป็นของหม่อมฉัน"บุหรงกล่าว

"หากแม้นเจ้ากล่าวว่า ท่านผู้นี้เป็นของของเจ้า เจ้าก็จงเอากลับไปเถอะ หากท่านผู้นี้ยอมไปกับเจ้า ก็แสดงว่า พระองค์เป็นของของเจ้า แต่หาไม่แล้ว ก็มีควรหน้าด้านต่อไป รั้งอันใดก็รั้งได้ แต่หากจะรั้งของที่ไม่ใช่ของของเรา มันก็น่าสมเพช ยิ่ง" ร่างบางยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เรียบเฉย แต่ถ้อยคำที่เปล่งออกมานั้น แม้จะดู มิได้หนักหนาอันใด แต่กลับเชือดเฉือนคนฟังได้ อย่างเจ็บแสบ

"อ้ายยยยยย. เจ้า  องค์ชายเพคะ หม่อมฉันมิยอม" นางทั้งสอง ยิ่งกรีดร้องหนักเข้าไปอีก จนร่างสูงเกิดความรำคาญ

"พวกหลีกไปเสียข้ารำคาญ" ร่างสูงกล่าว ปัด เพื่อให้นานทั้งสองหลบออกไปจากที่ตรงนี้

แต่ก็มีเป็นผล นางทั้งสองไม่ยอมเลิกลาง่ายๆ จากเมื่อครู่ที่กรีดร้องโวยวาย

บัดนี้กลับนั่งร้องห่มร้องไห้

"หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่น้อยเนื้อต่ำใจพระองค์ ที่มีทรงสนใจหรือเสด็จมาหาหม่อมฉันเลย"บุหลงกล่าว

"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ หม่อมฉันจะ มิโวยวายอีก หม่อมฉันจะเปิดใจให้กว้างและยอมรับ พระชายา ว่าเป็นภรรยาอีกคน ของพระองค์ บุรุษจักมีภรรยาหลายคนก็มิถือเป็นเรื่องผิด หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ" ทวิชากล่าว

"เข้าใจก็ดีแล้ว" ร่างสูงมีท่าทีอ่อนลง เมื่อเห็นทั้งสองนาง เข้าใจ ก็ทรงสบายพระทัยมากขึ้น

แต่หากใช่กับร่างบางข้างกายไม่

ผณิกลับรู้สึก มิ ชอบใจเอาเสียมาก เป็นความรู้สึกที่ร่างบางมีเคยเป็นมาก่อน รู้สึกหึงหวง มิชอบที่ร่างสูงมีท่าทีเช่นนี้กับหญิงอื่น

"งั้นก็จงวางข้าลงเถิด ข้ามิต้องการร่วมทางกับท่านอีก"ร่างบางกล่าว

"เจ้ามีพอใจอันใดหรือ เจ้าจงบอกพี่มาเถิด" ร่างสูงมีอาการร้อนรนทันที เมื่อท่าทีของร่างบางนั้นแปลกไป

คืนดีกันได้มีเท่าไร ตนก็ทำให้ร่างบางโกรธอีกจนได้

"หามิได้ท่านขเดศวร แม้นคนอื่นจากยอมรับได้ ที่สามีของตน มีภรรยาหลายคน แต่มิใช่กับข้า ข้ากับคิดว่า แม้เราจะเป็น อมนุษย์ แต่ก็ถือได้ว่า มีชนชั้นที่สูงกว่าสัตว์หน้าขน การ สมสู่ มิเลือกนั้น ย่อมเป็นพฤติกรรมของสัตว์หน้าขน มิใช่ของสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่า" เมื่อร่างสูงได้ยินร่างบางกล่าวดังนั้น

ก็ถึงกับจุกพูดไม่ออก

" เจ้ามีต้องไปไหนดอกผณิ บุหรง ทวิชาต่อไปนี้พวกเจ้ามิต้องมารับใช้ข้าอีกต่อไป ชายาของข้าคือผณิเพียงผู้เดียว"ร่างสูงประกาศกล้าว

'ใช่ ชายาของข้า เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2017 20:26:26 โดย อัคคีเทวา »

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #37 เมื่อ23-12-2017 20:17:13 »

บทที่ ๒๔   พ่อ

ตำหนัก นภมณฑล

เมื่อร่างสูงเสด็จมาถึงตำหนักนภมลฑล
ก็ประคองร่างน้อยลงมาจากเสลี่ยง
ท่าทีที่ผณิใช้ต่อกรกับนางข้าบาทบริจาริกา
ทั้งสองนั้น เล่นเอาสูงอึ้งไปเหมือนกัน
เพราะร่างบางไม่ได้แสดง อากับกริยา
ที่หยาบคาย แต่อย่างใด
หากจะถือว่าเป็นคำพูดที่รุนแรง
ในทางของความหมายโดยนัย
อีกทั้งท่าทีที่เรียบนิ่งนั้น
แสดงให้เห็นเป็นอย่างยิ่งว่า
ร่างบางเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า
หลังจากที่ทะเลาะกันเสร็จ ร่างสูงมีรับสั่ง
ให้ทหารคนสนิทนำแก้วแหวนเงินทอง
ให้แก่นางทั้งสองไปคนละหีบ
พร้อมรับสั่งปลดนาง ทั้งสองออกจากหน้าที่
ถวายงานรับใช้ปรนนิบัติ ร่างสูงเอง
แม้ว่านางทั้งสอง จะมีท่าทีโกรธเกรี้ยว
และน้อยใจในครั้งแรก
ถึงกับร้องห่มร้องไห้
จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด
แต่เมื่อเห็นแก้วแหวนเงินทอง
ก็ตารุกวาว และยอมทำตาม
พระราชประสงค์ของร่างสูงแต่โดยดี

ทั้งสองย่างก้าวเข้าไป ในตำหนัก
เพื่อไปพบกับพระมหาราชา ที่บัดนี้
ทรงประทับอยู่ ณ โต๊ะเสวยแล้ว
เมื่อ องค์ราชาทอดพระเนตรเห็นทั้งสอง
มาด้วยกัน ก็อดที่จะเอ็นดูในท่าทีของลูกชายไม่ได้

ขเดศวรนั้น จัดเป็นบุคคลที่อยู่ในจำพวก
รักสุดเกลียดสุด เพราะหากจะรักผู้ใด
ก็จะรักและภักดี แทบถวายชีวิต

แต่หากลองได้เกลียด ก็จะเกลียด
ถึงขนาดกับอยู่ร่วมแผ่นดินกันไม่ได้
ทรงรู้สึกเบาพระทัยมิน้อย
ที่พระโอรสของพระองค์
ทรงรักและหลงใหล ในบุคคลที่พระองค์
ทรงพระราชทานให้

"เป็นอย่างไรบาง เจ้าขเดศวรรังแกอันใดหรือไม่"
พระองค์ทรงตรัสถาม ด้วยท่าที สบายสบาย
ไม่อยากให้ร่างบางเกร็งไปมากกว่านี้
"ท่านพ่อ ลูกไม่รังแกเมียตัวเองดอก" ขเดศวรกล่าวขำขัน
แต่ก็หยุดขำทันที เมื่อหันไปเห็นสายตา
ค้อนวงใหญ่จากร่างบาง

บรรยากาศการเสวยพระกายาหารเย็น
ดำเนินไปอย่างอบอุ่น ร่างบางพึ่งสังเกตว่า
ร่างสูงนั้นสนิทสนมกับพระมหาราชา
มากเหลือเกิน ท่าที ที่พูดคุยกันหรือหยอกล้อ
ตามภาษาพ่อและลูก ทำให้ร่างบาง รู้สึกอิจฉา
เพราะบิดาของร่างบางนั้น มิเคยทำเช่นนี้
กับร่างบางมาก่อน จะมีก็แค่ ลงโทษด่าทอ
และประณามว่าร่างบางเป็นคนฆ่าแม่ตัวเอง

ร่างบางได้แต่มองภาพความสุขของพ่อลูก
ตรงหน้า. ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
เหมือนว่าองค์ราชาจะทอดพระเนตรเห็น
และทรงทราบมาบางว่าร่างบาง
นั้นหาใช่ลูกรักขององค์ราชาแห่งเมืองบาดาลไม่
ด้วยคราแรกที่มาที่นี่ร่างบางก็หาได้เต็มใจมาไม่
แต่โดนหลอกให้มาเพื่อบรรณาการแก่เมืองครุฑตามขอตกลง
ไม่ว่าผู้ไดต่างก็รู้กันทั้งนั้นว่าองค์มหาราชนาคิน
ทรงรักและหวงแหนโอรสธิดาเหนือสิ่งใด
การที่จะทรงยอมส่งลูกในไส้ที่รักนักหนามาในถิ่นที่
อันตรายเช่นนี้ย่อมไม่มีทางเป็นแน่
จึงเดาได้ไม่ยากว่าร่างบางคงจักเป็นลูกชังดังคำโจษที่
ได้ยลยินมาจากทั่วเขตแดน

"อย่าเศร้าไปเลยผณิ ข้ารู้ว่าเจ้าน้อยใจพ่อของเจ้าใช่รึไม่"องค์ราชาตรัส

"หามิได้พะยะค่ะ. หม่อมฉัน เอ่อออ คือ"ร่างบางก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า
พระองค์ทรงตรัสนั้น คือความจริงทุกประการ
“ผณิเจ้าจักน้อยใจพระบิดาของเจ้านั้นหาแปลกไม่  แต่เจ้าอย่าได้โกรธเกลียดเขาเลยอย่าไรเสียก็ได้ชื่อว่าพ่อขอเจ้า”
องค์มหาราชตรัสเตือนร่างบางเพราะหากร่างบางเผลอโกรธเกลียดพระบิดา
เสียขึ้นมาจริงๆคงจะกลายเป็นบาปติดตัวร่างบางมิจบสิ้น

“และบัดนี้เจ้าเป็นชายาของลูกข้า เจ้าก็ถือเป็นลูกข้าเช่นกันอย่าได้น้อยใจไปเลย  คิดเสียว่าพ่อเป็นพ่อของเจ้าอีกคนเสียเถิด”
ผณิแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จากโอษฐ์ขององค์ราชา

ฝัน
ฝันเป็นแน่
ใครกันจะยอมรับตัวซวยอย่างเราเป็นลูก

ฝันเป็นแน่
ร่างบางนิ่งอึ้งราวกับรูปปั้นไม่อาจไหวติง

ขเดศวรมองเห็นท่าทีของร่างบางเช่นนั้นก็รับรู้ได้ในความลังเล
มือใหญ่เคลื่อนวางทับบนมือเล็กที่เย็นเฉียบและสั่นน้อยๆ
ความอบอุ่นและแรงบีบหลวมๆสร้างความอุ่นใจแกร่างบางมากขึ้น
รอบยิ้มอ่อนๆที่ไม่ได้เปื้อนบนใบหน้าหวานมานานมากแล้ว
บัดนี้กำลังระบายไปทั่วใบหน้าอ่อนเยาว์
ดวงตาหวานมีน้ำตาเอ่อคลอดวงตาสวย
ร่างสูงยิ้มตอบพรางเกลี่ยน้ำตาที่คลออยู่ออกเบาๆ
ร่างบางขยับการลงกับพื้นเบื้องบาทของหมาราช
โดยมีขเดศวรคอยประคองอยู่มิห่างกาย
สองมือประนมขึ้นตรงกลางหว่างอก
แล้วก้มลงกราบแทบพระบาทองค์บดินทร์
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพระเจ้าข้า”
พระหัตถ์อบอุ่นบรรจงลูบไปบนศีรษะของผณิแผ่วเบา
องค์ราชาทรงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย
“ลูกขึ้นเถิดประเดี๋ยวอาหารจักเย็นเสียก่อน”องค์ราชาทรงตรัส

ขเดศวรประคองร่างของคนรักขึ้นไปยังที่ประทับดังเดิม
การเสวยพระกายาหารดำเนินต่อไปอย่าไม่เคยเป็น
ความสุขที่อบอุ่นแผ่ขยายไปทั่วตำหนัก
ไม่เว้นแม้แต่เหล่าข้าราชบริพารก็ต่างยิ้มแย้ม
กับที่ทีของเหนือหัวทั้งสองในเวลานี้

เริ่มต้นใหม่เถิดผณิ

บัดนี้เจ้าเจอแสงสว่างของเจ้าแล้ว

เมืองบาดาล

ในขณะที่ร่างบางกำลังมีความสุขนั้น
ผู้ที่เป็นทุกข์คงจักหนีไม่พ้นสิงขรเป็นแน่
ตั้งแต่ได้รู้ถึงสิ่งที่พระมารดาได้ทรงกระทำ
องค์ชายก็มิอาจปล่อยให้พระบิดาทรงอยู่กับ
พระมเหสีได้ ด้วยเกรงว่าพระบิดาจะถูกลอบวางยาเสน่ห์อีก
ความลำบากใจทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่สิงขร
ด้วยใจหนึ่งก็เข้าใจดีว่ามารดาของตนนั้นรักพระบิดามาก
แต่อีกใจก็รู้ว่ามันหาถูกต้องไม่ที่เสด็จแม่จะรั้งรักไว้
ข้างกายด้วยมนต์อุบาทเช่นนี้

รั้งไว้แม้ว่าจะรู้ว่ารักที่ได้รับนั้นหลอกลวงเพียงใด

รั้งแม้นจะต้องเจ็บระทมทุกอนุว่าผู้เป็นที่รักมีคนอื่นอยู่ในใจ

สิงขรรู้ดี ในตลอดเวลาที่อยู่คอยปรนนิบัติองค์ราชา
ไม่มีเพลาใดไหนเลยที่พระองค์จะไม่เพ้อพร่ำขอโทษ
ต่อผู้ที่มีนามว่า   ศศิ
เฝ้าร้องเรียกหาบุคคลที่พระองค์เป็นผู้ทรงผลักไสไร่ส่ง
ให้ไปไกลสุดสายตา

ในพระทัยของพระองค์เฝ้าแต่พร่ำบอก
ว่าชายมากรักผู้นี้ไม่เคยมีหัวใจให้ผู้ใดที่ไหนเลย
เพราะหมดทั้งพระทัยขององค์ราชา

ที่ถูกตราหน้าว่าลำเอียง
 รักลูกไม่เท่ากัน
 รักเมียไม่เท่ากันนั้น
 แท้จริงแล้วทั้งหมดพระทัยพระองค์ทรงมอบให้
แค่เพียงเมียที่ถูกลืม
รักแรก
และรักเดียว ขององค์ราชาตลอดมา

แม้ร่างนางสลายไปตามมกาลเวลาแล้ว
ความรักที่พระองค์ทรงมีให้แก่นางก็ยังคงสถิต
ไว้ด้วยสิ่งที่แสดงแจ้งในรักนั้น
โอรสองค์โตที่ถูกตราหน้าว่าลูกชัง

ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้เลย

ภายใต้มนตราเสน่หานั้น

ภายใต้ท่าทีแข็งกล้าใจร้ายที่แสดงต่อผณิ

ภายใต้น้ำมือที่เขี่ยนตี ทำทารุณ

พระทัยที่อยู่ลึกเข้าไป

นั้นร่ำไห้
ปวดร้าวทุกคราที่มองเห็นบาดแผล
แววตาตัดพ้อ  น้อยใจ
เสียงของผณิที่ร้องไห้อ้อนวอน
คำถามว่าเหตุใดจึงเกลียดชังนัก

องค์มหาราชมิเคยลืมเลือนว่าทรงกระทำไปเช่นไร

เจ็บได้อยากเจ็บแทน

แต่กลับห้ามตัวเองไว้มิได้เลยสักครา

ได้แต่ทรงคิดในพระทัยที่แตกสลาย
ได้แต่ขอโทษซ้ำๆเป็นหลายล้านหน
ที่ทำร้ายแก้วตาดวงใจให้เจ็บช้ำ

ผณิเอ่ย   เจ้าคงมิอภัยให้ข้า แก่ชายผู้โง่เง่าผิดสัจจะ   ที่ทำร้ายเจ้า  ที่ด่าทอเจ้า

แต่ เจ้าจะรู้รึไม่ว่าแท้จริง

‘พ่อนั้นรักเจ้านัก  ผณิของพ่อ’

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #38 เมื่อ23-12-2017 20:18:16 »

บทที่ ๒๕ ธาตุแท้

เมืองบาดาล

ภายนอกพระตำหนักนั้น ปรากฎร่างของพระมเหสีใจทมิฬ นางมีท่าทีแข็งกร้าวราวกับคนละคน ด้วยมิอาจปั้นหน้าเป็นคนดีได้อีกต่อไป เวลานี้ใจของนางร้อนรุ่มราวกับไฟสุ่ม

เพราะจู่ๆองค์รัชทายาทสิงขรกลับมีรับสั่ง ห้ามพระมเหสีเข้าเฝ้าเป็นอันขาด เหล่าข้าทาสต่างติฉินนิทากันไปทั่วเมือง และนั่นยิ่งทำให้พระนางพิมพ์ทองแสดงท่าแท้ ออกมา อีกทั้งนางเองก็ยังหวั่นวิตก เกรงว่าเมื่อมนต์เสน่ย์เสื่อมหมดสิ้นองค์ราชา จะทรงจำเรื่องเลวๆของนางได้

ชีวิต และ สิ่งที่นางได้รงแรงกระทำ มันจะต้องสูญเปล่าเป็นแน่ คิดได้เช่นนั้นนางจึงเสด็จมาเยือน ที่พระราชตำหนักแต่ก็ถูกเหล่าทหาร เข้ามากันไว้ไม่ให้เข้า นางโกรธจนหน้านิ่ว

แววตาขวางมองนายทหารทั้งสองสลับไปมา น้ำเสียงเย้อหยิ่งจึงกล่าวขึ้น "พวกมึงมีสิทธิ์อันไดมาสั่งกู  กูคือพระมเหสีนะ อยากหัวขาดอย่างนั้นรึ"เสียงที่กล่าวดูร้อนรนราวจะกรีดร้อง. นายทหาทั้งสองยังคงนิ่งเงียบและมิมี ทีท่าจะให้พระนางเสด็จเข้าไป

เป็นเวลาเดียวกันกับที่องค์รัชทายาท เสร็จออกมาจากตำหนัก "สิงขรลูก เหตุใดลูกมิยอมให้แม่เข้าเฝ้าเสด็จพ่อของเจ้า แม่เป็นห่วงเสด็จพ่อ"นางแสร้งทำเสียง สั่นเคลืออ้อนว้อน หยาดน้ำตาคลอใสๆภายในดวงตา สิงขรรู้ดีว่าแม่ของตนต้องทำเป็นเสแสร้ง จึงไม่หลงกลมารยาของนาง "เสด็จแม่ทรงกลับไปเถิดพะยะค่ะ  ลูกแกรงว่าเสด็จแม่จะทรงติดโรคร้ายพะยะค่ะ"สิงขรตอบ

"ลูกหมายความว่าอย่างไร"พระนางถาม เพื่อให้แน่ใจ.  "เสด็จพ่อทรงประชวรด้วยโรคร้าย  พระวรกายมีแต่พระโลหิตและพระบุพโพเต็มไปหมดเสด็จแม่อย่าทรงเสด็จเข้าไปเลยนะขอรับ"สิงขรกล่าว

พระมเหสีมีสีหน้ารังเกียจอย่างชัดเจน "ชะ เช่นนั้นแม่กลับก็ได้  ลูกเองก็อย่าเข้าเฝ้าเสด็จพ่ออีกเลยประเดี๋ยวจะพลอยติดโรคไปด้วย"ว่าจบ พระนางก็หันหลังเสด็จกลับตำหนัก พร้อมเหล่าบริวาร

อนิจาเอ๋ยไหนเลยแปรเปลี่ยนผัน ไหนว่ารักผูกพันธ์มิจางหาย ไหนว่ารักหนักแน่มิกลับกลาย ไหนมาดหมายว่าจะรักจนนิรันดิ์

อยากครอบครองได้รักกันหนักหนา สุดไขว่คว้าหารักจนสุดฝัน เชื่อในรักยากเพียงไรจะฝ่าฟัน เหตุใดกันกลับทิ้งรักมิใยดี

เพราะเมื่อรักไม่สวยงามอย่าใจคิด เปลี่ยนจริตเลวทรามไร้ราศี รักก็เปลี่ยนกลับเป็นชังในทันที จึงไม่มีรักใดที่จีรัง

สุดท้ายพระมเหสีพิมพ์ทองก็ทรงรัก มหาราชานาคินเพียงแค่รูปกาย

ไม่สิ

หลงเสียมากกว่า

เพราะนางมิเคยรักใคร

นอกจากตนเอง

สิงขรหันกลับเข้าไปยังตำหนัก เพื่อไปยังห้องบรรทมของจอมราชา บัดนี้องค์ราชากลับมาเป็นปกติทุกอย่าง มนต์เสน่ห์ได้เสื่อมคลายลงแล้ว แต่ความเศร้ากลับมิได้เสื่อมคลายไปจาก พระทัยของพระองค์เลย

"สิงขร พ่อจักไปเมืองครุฑ  "เสียงแหบตรัสแผ่วเบา "แต่เสด็จพ่อ  พระวรกายยัง...."ยังมิทันจบคำ เสียงแหบก็กล่าวขึ้น

"พ่ออยากจะไปหาผณิ  พ่อทำผิดกับพี่ของลูกมากพอแล้ว"พระเนตรที่ฉายแววเศร้าสร้อย สิงขรเห็นดังนั้นก็มิอาจทัดทานได้ ใจของสิงขรลึกๆก็อดเป็นห่วงพระเชษฐา ต่างมารดาหาได้ไม่ "รับด้วเกลาพระเจ้าค่ะ"องค์รัชทายาท กล่าวรับคำ

เมื่อราตรีมาถึงขบวณเสด็จก็เริ่ม เคลื่อนคลามุ่งสู่เมืองครุฑ โดยหามีผู้ใดร่วงรู้ มีเพียงองค์ราชา องค์รัชทายาทและสองทหารคนสนิท ที่ร่วมการเดืนทางในครั้งนี้

เมื่อรุ่งอรุณมาถึงพระมเหสีก็รีบเร่งเสด็จมา ยังพระตำหนักขององค์ราชาอีกครั้ง หลังจากฉุกคิดได้ว่า  หากองค์ราชาเป็นโรคร้ายจริง หมอหลวงที่ตนจ้างไว้คงต้องมาบอกกล่าว

นางจึงรู้ว่าพระโอรสของนางพูดคำปดต่อนาง ความโกรธและเสียใจก่อเกิดขึ้นในใจ ลูกไม่รักดี

กล้าโกหกแม่บังเกิดเกล้า

โกหกแม่อย่างข้าได้อย่างไร

เมื่องนางมาถึงก็รีบตะบึงตะบัน เข้าสู่ด้านในของตำหนักโดยไม่ฟัง ผู้ใดอีก  แต่เมื่อเข้ามายังห้องบรรทม กลับไม่พบแม้แต่เงาขิงองค์ราชา และองค์รัชทายาท 

นางกรีดร้องลั่นตำหนักอาละวาท จนเหล่าบริวารพากันหลบลี้ มิอาจทานทนฤทธิ์อารมณ์ของพระมเหสีได้

เมื่อนางอาละวาทจนสาแก่ใจก็ตรงไป นางรีบตรงดิ่งไปยังที่พำนักของหมอหลวง เพื่อถามเรื่องราวจากหมอหลวง แต่หมอหลวงกลับมิรู้เรื่องราวอันใดนั่นจึงทำให้นางยิ่งโกรธเกรี้ยว  สั่งบั่นหัวหมอหลวงในทันที

พระมเหสีพิมพ์ทองกระวนกระวายจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวนจนเหล่านางกำนัล ไม่มีผู้ใดกล้าจะถวายการรับใช้ต่อนาง เพราะดูเหมือนจะทำสิ่งใดถวายก็ขวางหูขวาง ตาเสียหมด

กลับกลายเป็นพระมเหสีที่เจ้าอารมณ์ จนเหล่านางกำนักรวมถึงข้าทาสแทบไม่ อยากจะเชื่อว่าพระมเหสีที่ทรงมีเมตตา พระกริยางดงามนุ่มนวล  จะกลายเป็นเช่นนี้ได้

'หรือนี่คือธาตุแท้ของพระมเหสีผู้ใจดีกัน'

ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #39 เมื่อ23-12-2017 20:19:07 »

บทที่ ๒๖ จองเวร



องค์ราชานาคินเสด็จมาถึงยังเมืองครุฑ

 ท่ามกลางการต้อนรับจากองค์เหนือหัวสุบรรณ

 โดยที่ผณิไม่ร่วงรู้ถึงการเสด็จมาของพระบิดา





ผณิใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอด หลายเดือนที่ผ่านมา

ขเดศวรทำได้ดังคำสัจ ที่เคยให้ไว้ เว้นแต่เรื่องของพฤกษกานต์

 ที่ไม่ว่าผณิจะพูดเช่นไรก็มิอาจญาติดีต่อกัน แต่ก็มิได้ร้ายแรงปานจะฆ่าแกงกัน

 แต่เป็นดังสหายที่หยอกกันเสียมากกว่า





ในเวลาเย็นของวันนั้นผณิแอบปลีกตัว เพื่อมาเดินเล่นในอุทยานเพียงลำพัง

 โดยหารู้ไม่ว่ายังมีอีกร่างอยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วย ร่างกายบางเดินไปยังพรรณไม้ที่ตนโปรดปราน

ต้นสายหยุด

แม้เพลานี้กลิ่นหอมจะจางลงแล้ว แต่ก็ยังคงมีกลิ่นจางๆพอให้ชื่นใจ

"ผณิ "แววเสียงเรียกที่แสนคุ้นเคย

เป็นเสียงที่ร่างบางหวาดกลัวเหลือเกิน

หาเพียงแต่ในชั่วนาทีหนึ่ง

กลับคิดถึง

กลับโหยหา

" องค์..องค์เหนือหัว"ร่างบางทรุดลงแทบสิ้นสติ



ทรงเสด็จมาที่นี่ทำไม



"ผณิพ่อคิดถึงเจ้า"องค์ราชาตรัสเสียงเครือ "เสด็จมาทำไม มาทำไม!!!"ผณิแผดเสียงลั่น

 พร้อมน้ำตาที่ล้นทะลักไม่ขาดสาย ร่างกายบางนั่งกอดตัวเองที่สั่นเทาแน่น

 ก้มหน้าก้มตาร้องไห้แทบขาดใจ



 "เสด็จมา หา ตัวซวย อย่างหม่อมฉัน ทำไม" เสียใสเอ่ยอย่างอ่อนแรง "ทรงผลักไสหม่อมฉันมา

แล้วจะมาหาหม่อมฉันเพื่ออันได"

องค์มหาราชทรงเจ็บในอุระ ราวกับมีมีดกรีดสะบั้นที่พระทัย พระเนตรคมจ้องมองร่างบางอย่างรู้สึกผิด

"พระองค์ทรงรู้รึไม่ หม่อมฉันเจ็บ มันเจ็บในนี้. ทุกครั้งที่ท่านแสดงความรักต่อพระโอรสพระธิดา"

 ร่างบางก้มหน้ามองยังผืนธรณี หยาดน้ำตาหยดลงพื้นจนดินบริเวณนั้น ชุ่ม ฝ่ามือขาวกำดินแน่นจนซีด



"เจ็บทุกครั้งที่ท่านรักและเอ็นดูลูกๆเหล่านั้น จนลืมไปเสียสิ้น ว่าไอตัวเสนียดตัวนี้ ก็เป็นลูกของท่านเช่นกัน"

 เสียงอันเจ็บปวดเอื่อนเอ่ย

"ข้าเจ็บท่านรู้รึไม่ ข้าน้อยใจ ข้าริษยา แต่ข้าไม่เคยเลยที่จะได้รับความใยดีจากท่าน"

 ใบหน้าหวานอาบด้วยน้ำตา เงยขึ้น แววตาเจ็บปวดสบเข้ากับพระเนตรคม

"ท่านเคยรักไอลูกเสนียดจังไรตัวนี้หรือไม่!!!"



หมับ



ร่างสง่าโผ่กอดร่างบางไว้ในอ้อมพระพาหา เเรงกอดรัดที่ร่างบางไม่เคยได้รับ

 เป็นอ้อมกอดที่ร่างบางแสนโหยหา

"พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ พ่อมันเขล่านัก" พระหัตถ์ใหญ่โอบแผ่หลังบางไว้แน่น



"ฮือๆทรงทำเช่นนี้  หม่อมฉันเจ็บ  เจ็บ อึก ฮื่อ"



ร่างบางสะอื้นตัวโยนในอ้อมกอดที่มิเคยได้รับ

พระหัตถ์แก่งลูลบปลอบที่แผ่นหลังบางเบาๆ "ท่านพระทัยร้าย พระทัย..."

 เสียงหวานค่อยแผ่วลงและขาดหายไป





ร่างบางหมดสติลงในที่สุด นิ้วพระหัตห์เกลี่ยน้ำตาที่เปื่อนรดใบหน้าหวาน

สองหัตถ์ประคองร่างที่สลบไสลไว้ที่พระเพลา พระอัสสุชนไหลรินมิอาจห้ามได้

"พ่อรู้ พ่อนั้นเลวเกินอภัย เหตุใดพ่อจักไม่รู้ว่าเจ้าเจ็บเล่าผณิ. "

"เพราะใจของพอก็เจ็บมิต่างจากเจ้า"

ราชานาคินกล่าวทั้งน้ำตา

น้ำตาที่มิเคยมีผู้ใดได้เห็น

พระนลาฏจรดลงบนหน้าผากเนียบ ของผู้เป็นลูก "พ่อรักเจ้าผณิ "





ตำหนักเล็ก



พฤกษกานต์นารีผลคนสนิทของพระชายา บัดนี้กำลังพบกับปัญหาใหญ่ พระโอรสสิงขรแห่งเมืองบาดาล

 เกิดนึกพิศวาทนางแต่แรกเห็น เที่ยวคอยประจบเพื่อจะอยู่ใกล้ๆนางอยู่ร่ำไป

"จะตามหม่อมฉันไปถึงเมื่อใดเจ้าค่ะ มิทรงเหนื่อยรึอย่างไร"พฤกษกานต์กล่าวอย่างกระฟัดกระเฟียด

"ตามหัวใจตนเอง จักเหนื่อยได้อย่างไรเล่า"พระโอรสตอบยียวน

 "ทรงเสด็จไปไกลๆเลยเพคะกลับบาดาลไปเสียเลยก็ได้เพคะ"พฤกษกานต์กล่าวเสียงห้วน

 ร่างเพรียวเดินเข้าห้องบำเพ็ญเพียรอย่างรวดเร็ว โดยมิสนใจร่างแกร่งเลยแม้แต่น้อย

"วันพรุ่งนี้ข้าจักมาใหม่"องค์รัชทายาทกล่าวยิ้มๆ





ราชานาคินค่อยๆประคองร่างของ พระโอรสไว้แนบอุระ แล้วพาเสด็จไปยัง ตำหนักของสวามี

เมื่อได้ทรงพินิจดูแล้ว ผณินั้นช่างมีร่างกายผอมบางนัก ตัวเบาราวกับยกนุ่น ดูเผินๆแล้ว

 จะตัวเล็กมากกว่าพระธิดา ของพระองค์เสียอีก

พ่อขอโทษนะลูกที่มได้ดูแลเจ้า





ตำหนักรังสิมันต์

ขเดศวรรอร่างบางนานหลายเพลา เฝ้าเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่น แต่ก็ต้องตกตลึงอย่างหนัก

 เมื่อมองเห็นว่าผู้พาร่างบางมาส่งเป็นใคร

"ถวายบังคมพะยะค่ะ"ขเดศวรทำความเคารพ ต่อกษัตริย์ผู้มีพระยศมากกว่าตนอย่างนอบน้อม

 "อย่ามากความเลย ห้องนอนอยู่ที่ใดกันเจ้าชาย" องค์ราชาตรัส

"เชิญเสด็จพระเจ้าค่ะ" ร่างสูงเดินนำเสด็จ  องค์ราชันไปยังห้องบรรทม ด้วยใจที่มีคำถามมากมาย

 ว่าเหตุใด องค์ราชาจึงประทับอยู่ที่นี่ได้ และเหตุใดจึงมีท่าทีราวกับว่ารักให้ผณิหนักหนา ทั้งทั้งที่รู้มา

 ว่าร่างบางนั้นได้ชื่อว่าเป็นลูกชัง โดนผลักไสไล่ส่งมายังเมืองครุฑ  แล้วเหตุใด จึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

องค์ราชา วางร่างของลูกชาย วงบนแท่นบรรทมอย่างเบามือ แล้วขึ้นประทับนั่งอยู่เคียงข้างลูกชาย ไม่ห่าง



" เชิญพระองค์ ทรงเสด็จไปประทับที่ตำหนักก่อน เถิด ทางนี้ ข้าจะดูแล ชายาของข้าเอง" ขเดศวรกล่าว "

 ให้ข้าได้ดูแลลูกของข้าบ้างเถอะ ถ้าทอดทิ้งและปล่อยปละละเลยลูกของข้ามานานเหลือเกิน"

มหาราชตรัสเสียงเศร้า



"แล้วที่ผ่านมาพระองค์ทรงมัวทำใดกันเล่าจึงไม่ได้เหลียวมอง โอรสของพระองค์เลย

"ร่างสูงกล่าวแดกดัน " นั่นสินะ ข้ามัวแม่โง่งม โดนหลอกใช้เป็นหุ่นเชิดจนมิอาจปกป้องดูแลลูกได้.

 หนำซ้ำยังพลั้งมือทำร้าย ทำลายลูกตัวเองได้ลงคอ" ในเวลานี้องค์ราชาดูอ่อนแอ

มิหลงเหลือคราบความแกร่งกล้าแต่อย่างใด





จบคำของราชานาคินความเงียบก็ปกคลุม ทั่วทั้งห้องบรรทม ร่างบางยังคงหลับพริ้ม มิมีทีท่าจะตื่น

ยิ่งทำให้ร่างสูงอิดอัดใจ และเท่าจากที่เฝ้าดูกริยาอาการของ อาคันตุกะ ผู้มาเยือนแล้ว คงจะไม่ทำ

 อันใดร่างบางเป็นแน่จึงขอตัวเพื่อ ให้สองพ่อลูกได้อยู่ด้วยกัน แม้ลึกๆจะแอบหวงร่างบางก็ตาม





เมืองบาดาล

บัดนี้ ข่าวลือที่องค์ราชัน เสด็จไปหาลูกชังเช่นผณิยังเมืองครุฑ ได้แพร่กระจายไปทั่ว

ความลับไม่มีในโลก

ให้ตำหนักที่ มืดสนิทปรากฏขดร่างใหญ่ ดำทะมึนอยู่ ณ ตั่งที่ประทับ

เลื่อมเกล็ดสีนิลวาววับเมื่อกระทบกับแสง

อาทิตย์ที่เล็ดลอดออกมาจากหน้าต่าง

แว่วเสียงพูดคุยของนางกำนัล

ด้านนอกตำหนักยิ่งพาให้อารมณ์ครุกรุ่นมากขึ้น

แต่แล้วแววตาสีแดงฉานก็เบิกลืมขึ้นทันใด

เมื่อได้ยินเรื่องราวของบุคคลที่เฝ้าตามหาเป็นบ้าเป็นหลัง

ว่าแท้จริงแล้วแอบหนีไปยังเมืองครุฑ

หนีไปเพื่อไปหาไอมารหัวขน

ร่างสีนิลพุ่งทยานออกไปนอกตำหนักอย่างรวดเร็ว

มุ่งหน้าไปยังเมืองครุฑให้เร็วที่สุด

หนีหม่อมฉันไม่พ้นดอก

พระองค์เป็นของหม่อมฉัน

ไม่ว่าใครก็มิมีทางได้พระองค์

นอกจากหม่อมฉัน

ตลอดราตรีพระบิดาทรงเฝ้าดูแล

ร่างบางมิหายห่างไปไกลจวบจนย่ำรุ่ง

รวมถึงสิงขรเองด้วยที่คอยดูแลทั้งพระบิดาและพระเชษฐา

แววตาหวานค่อยๆเปิดขึ้นรับกับแสงอาทิตย์

ร่างกายบางขยับนั่งในท่าที่สบาย

ทันใดสายตาบางก็เหลือบไปเห็นร่างใหญ่สองร่าง

ร่างบางพยายามขยับตัวลงจากเตียงอย่างเร่งรีบ

เป็นเหตุให้ข้อเท้าบางพลิก

ร่างบางพลาดท่าจนมิอาจทรงตัวอยู่

แต่ก่อนที่ร่างกายส่วนใดของผณิจะกระแทก

ลงกับพื้น พระหัตถ์ใหญ่ก็ยื่นมาประคองไว้ได้ทัน

“เป็นอันใดรึไม่”พระบิดาตรัสถาม

ร่างบางหาตอบไม่กลับดิ้นรนออกจากอ้อนอก

ของผู้เป็นบิดาอย่างหนักจนเป็นอิสระ

“ออกไป”ร่างบางกล่าวแผ่วเบา

แววตาหวานจ้องมองบิดาของตน

แววตานั้นเจ็บปวด น้ำตาที่หายไปกลับมาอีกครั้ง

“ฟังพ่อก่อนได้รึไม่”องค์ราชาตรัส

“เอาสิทรงตรัสมาเสีย  จะปดอันใด  ตรัสมาเสียเถิด”

สิงขรที่ดูเหตุกานมานานทนอึดอัดไม่ไหว

แม้จะเป็นพี่น้องต่างมารดาแต่สิงขร

กลับไม่เคยคิดว่าผณินั้นเป็นอื่นนอกจาก

เชษฐาเลยสักครา



“เสด็จพ่อทรงโดนเสน่ห์!!”เสียงของผู้ที่เงียบมานานดังขึ้น



ผณิหยุดอาละวาดลง

คำถามเกิดขึ้นในใจอีกครา

“องค์ชายตรัสอันใด”เสียงหวานถามติดขัด

แทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน  ใครจะว่างยาเสน่ย์ท่านพ่อกัน

“เป็นคำสัจจริงท่านพี่ ท่านก็รู้ว่าข้ามิเคยโกหกปดเท็จ”เป็นจริงดังที่

องค์ชายสิงขรกล่าวทุกประการ องค์ชายผู้นี้หาเคยกล่าวคำปดไม่

แม้แต่เรื่องที่ผณิโดนหลอกมายังที่เมืองครุฑในครานั้น

หากแม้สิงขรได้ทราบคงจักไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่

พระมเหสีจริงได้มิทรงบอกอันใดแก่พระโอรสของนาง

ด้วยเกรงว่าความเที่ยงตรงและเห็นแก่ความถูกต้อง

ขององค์ชายสิงขรจักเป็นตัวทำลายแผนการทั้งหมดของนาง

“ข้าขอสาบานท่านพี่ ที่ข้าจักพูดล้วนเป็นคำจริงหากข้าโกหกปดท่านขอให้

มัจจุราชมารับตัวฆ่าใน3วัน”



เปรี้ยง!!!!!!



สิ้นคำกล่าวขององค์รัชทายาท เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้น

ดั่งเป็นเครื่องยืนยันในวาจาขององค์ชายสิงขรเอง

“พระมารดาของข้าเป็นผู้บงการท่านพ่อมาตลอด  แม่ของข้าใช้ยาเสน่ห์บังคับท่านพ่อ

ให้เกลียดท่านพี่  ให้ลืมมารดาของท่านพี่  เพื่อครอบครองท่านพ่อ”

ผณิฟังคำจริงเหล่านี้ถึงกับตลึงงัน

พระมเหสีที่แสนพระทัยดี

ผู้ที่คอยช่วยเหลือ



คอยห้ามมิให้องค์เหนือหัวทำร้ายตน



กลับกลายเป็นนางมารร้ายที่พราดทุกอย่าง



และทำร้ายตนอย่างแท้จริง





“ท่านพ่อรักแม่ของท่านพี่แล้วก็ท่านพี่มากนะขอรับ”สิงขรกล่าว

น้ำเสียงนั้นจริงจังหนักแน่น

ผณิหันไปมองมหาบุรุษที่ตนเป็นคนดิ้นรนออกมาจากอ้อมแขน

“เสด็จพ่อ ฮึก ท่านรักข้าจริงๆรึ ฮึก”ผณิกล่าวปนสะอื้น

กายบางค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ผู้เป็นบิดา

“ท่านรักแม่ข้าจริงๆรึ  อึก ฮื่อ ”ร่างบางน้ำตานองหน้า

“พ่อขอโทษ ที่พ่อมิเคยทำหน้าที่พ่อที่ดีได้ พ่อผิดคำสัญญาต่อแม่เจ้า พ่อมันชั่วนัก”

พระพักต์สูงวันอาบไปด้วยอัสสุชลที่หลั่งไหล

“พ่อรักเจ้านะผณิ”อ้อมพระพาหะอ้าออกกว้าง

ร่างบางโถมกายเข้าหาอ้อมอุระของพระบิดาอย่างโหยหา

อ้อมกอดที่อบอุ่นอันร่างบางนั้นหาเคยได้รับไม่

บัดนี้ร่างบางได้รับมันแล้ว จากชายผู้นี้

จากพ่อของตน

สิงขรรู้สึกโล่งใจยิ่งนักอย่างน้อยองค์ชายก็ทรงได้ไถ่บาป

ที่มารดาของตนเคยกระทำ  และหวังว่ามารดาของตน

จะหยุดจองเวรผณิเสียที





ณ ประตูเมือง

ร่างสีนิลคืบคลานเยื้องกายเข้าสู่ประตูเมือง

ลัดเลาะลอดเร้นผ่านสายตาของทหารยามเข้าสู้เขตพระราชวัง

ได้อย่างง่ายดาย





‘ผณิเคราะห์กรรมของเจ้ายังมิหมดไป และข้านี่แหละที่จะจองเวรเจ้า’


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
« ตอบ #39 เมื่อ: 23-12-2017 20:19:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #40 เมื่อ23-12-2017 20:20:15 »

บทที่ ๒๗ รอ




ปัญหาทุกอย่างระหว่างพระบิดาและผณิหมดสิ้นลงแล้ว

ข้อกังขามากมายถูกไขกระจ่างทั้งหมด

ความเจ็บปวด น้อยใจ ชิงชัง ถูกทำลายสิ้น

ด้วยความรักที่องค์ราชามีให้ต่อลูกผู้นี้

และการให้อภัย





แต่ดังที่กล่าวไป เวรกรรมของผณิยังมิหมด

เวลาล่วงเลยจวบจนพลบค่ำ

สรรพชีวิตทั้งหลายต่างหลับใหล เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสงบ

ความเงียบงันยามราตรีปกคลุมไม่ทั่วทั้งเขตแดน

เสียงแมลงกลางคืนค่อยๆเงียบสงัดลงเมื่อเวลาค่อยๆ

ดำเนินจวบจนดึกดื่นค่อนคืน





ภายในห้องบรรทม  ณ  ตำหนักรังสิมันต์

กลิ่นกำยานหอมที่จุดในห้องบรรทม

แปลกไปจากเดิม แต่ก็มิได้ทำให้ทั้งสองร่างภายใน

ห้องบรรทมแคลงสงสัยใดๆ  กลับกัน

กลิ่นของมันกลับหอมสบายทำให้ผ่อนคลาย

จนพาให้คู่สูดดมหลับใหลได้อย่างรวดเร็ว

และยังหลับลึกจนราวกับร่างไร้วิญญาณที่ยังหายใจ





ร่างดำสนิทค่อยๆเคลื่อนกายออกจากที่ซ้อนเมื่อแน่ใจแล้ว

ว่าร่างทั้งสองหลับลึกพอ  ลำตัวยาวเลื้อยมายังแท่นบรรทม

ด้านของร่างบางที่กำลังหลับใหล

ลำตัวอสรพิษเหยียดขึ้นแผ่แม่เบี้ยออก

ริมฝีบากอ้ากว้างโชว์เขี้ยวแหลมที่เต็มไปด้วยพิษร้าย



ฟึบ



ฉึก



คมเขี้ยวแหลงฉกเข้าที่ข้างลำคอขาว

ฝังลึกเข้าไปภายใต้ผิวเนื้อนุ่ม  พิษสีดำ

ค่อยๆถูกลำเลียงเข้าสู่โลหิตอย่างช้าๆโดย



ที่ร่างบางไม่มีทางดิ้นรนใดๆ



ไม่มีทางหนี



ไม่มีทางรอด



เขี้ยวคมค่อยๆถอนออกจากลำคอระหง

พร้อมกับร่างนิลที่เลื้อยหายไปอย่างรวดเร็ว

กลิ่นกำยานค่อยๆจางหายหลังจากที่ถูกจุดเป็นเวลานาน

แต่ก็คงอีกนานจวบจนรุ่งสางเช่นกัน  ที่จะมีผู้ใด

ได้รับรู้ถึงอาการของร่างบางที่ตอนนี้พิษร้าย

แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง





รุ่งอรุณเคลื่อนมาถึงในไม่กี่อึดใจ

ร่างสูงตื่นบรรทมด้วยความรู้สึกที่แปลกไป

ในช่วงเวลาปกติตั้งแต่มีร่างบางอยู่ข้างกาย

ขเดศวรจะตื่นบรรทมด้วยเสียงหวานที่คอยปลุก



สัมผัสแผ่เบาที่อบอุ่นคุ้นเคย



แต่ในเช้านี้จะไม่มีมัน



ไม่มีเสียงหวาน



ไม่มีอ้อมกอดเล็กๆ



มีเพียงร่างเล็กๆที่เย็นเฉียบนอนนิ่งๆอยู่ข้างกาย





“ใครอยู่ข้างนอกไปตามหมอหลวงมา!!!!!!!!”

เสียงทุ้มตะโกนลั่นตำหนักเมื่อมองเห็น

ร่างอันเป็นดวงใจแปลกไป



ผิวที่เคยเป็นสีน้ำนมเปลี่ยนเป็นสีเขียวช้ำ

ลมหายใจถี่รั่วราวกับขาดห้วง  ร่างกายเย็นเฉียบ

จนไม่รู้สึกถึง ไออุ่นของการมีชีวิต



อาการเช่นนี้ร่างสูงเคยพบเจอมาก่อน



อาการคล้ายกับพระมารดา



อาการจากพิษของนางงูร้ายตนนั้น



สองแขนโอบกอดร่างบางแน่นไว้แนบอก

ใบหน้าหล่อเหลาอาบด้วยน้ำตา

ดุจดังในคราที่มารดาของตนถูกพรากไป

ด้วยน้ำมือของอสูรกายตนเดียวกัน





หมอหลวงเยียวยาอาการของพระชายาสุดกำลัง

แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะทำอันใดได้มาก

ร่องรอยการถูคมเขี้ยวเป็นตัวบ่งชัดว่าเป็นรอยของอสรพิษ



องค์ราชานาคิน  สิงขรและ พฤกษกานต์ รีบเร่งมายังตำหนัก

ของร่างสูงเพื่อดูอาการของร่างบาง  เมื่อสิงขรได้เห็นอาการ

ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของมารดาตน



“เสด็จแม่  เป็นเสด็จแม่แน่พะยะค่ะ”สิงขรจำใจบอกแด่

พระบิดา  เพราะไม่อยากให้ผู้ใดต้องเดือดร้อนเพราะนางอีก



เมื่อความนี้รู้ถึงหูขององค์ราชาสุบรรณก็มีกระแสรับสั่ง

ให้ออกตามล่าหาตัวของพระมเหสีพิมพ์ทอง

โดยที่ไม่มีผู้ใดคัดค้านหรือสงสารนางแม้แต่

ผู้เป็นสวามีเอง



จากตอนแรกที่องค์ราชานาคินทรงคิดมีใจเมตตา

ยอมอภิเษกกับนาง  เมื่อทรงได้ทราบ  ว่านางทำเสน่ห์

ใส่พระองค์  ความเมตตาก็หายไปสิ้นหลงเหลือไว้เพียง

แค่ความเวทนาตอนนาง   แต่บัดนี้นางกลับทำลายดวงใจ

ที่เหลืออยู่จนแหลกเหลว





ฝางเส้นสุดท้ายขาดผึง ความเกลียดชังเกาะกุมเต็มหัวใจ

แต่ด้วยพระองค์ไม่อยากจะให้มีอันใดติดค้างกันอีก

ระหว่างพระองค์และนางจึงทำใจวางเฉย

มิต้องการรับรู้อันใดเกี่ยวกับนางอีก





ภายในห้องบรรทมคละคลุ้ง

ไปด้วยกลิ่นโอสถหลากหลายขนาน

จากหมอ หลวง ที่ปรุงถวายเพื่อรักษาอาการ ของร่างบางให้ทุเลาลง

 แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง ก็ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อเยียวยาชีวิตของร่างบางไว้

แม้ใจของทุกคนจะรู้ดีว่าความหวังนั้นริบหรี่เต็มทน





กองกำลัง ของราชาสุบรรณ ออกตามล่าหา ตัวการที่ทำร้ายร่างบาง ออกไปทั่วทุกทิศ

 โดยมีสิงขรตามไปด้วย แม้จะรู้ดี ว่ามารดาของตน ไม่มีทางรอดพ้นจากวิบากกรรมครั้งนี้

แต่อย่างน้อย หากนางสิ้นใจ จะได้พานางกลับยังเมืองบาดาลได้

ในขณะที่กองกำลังกำลังตรวจค้นอยู่นั้น สิงขรกลับไม่เห็นแม้เงา

 ของราชาสุบรรณเลยแต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดอันใดมาก

และยังคงดำเนินเข้าไปในป่า





ยิ่งเดินลึกขึ้นกลับยิ่งพบร่องรอยการต่อสู้ของสัตว์ขนาดใหญ่

ดูอย่างไรก็รู้ ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเพลี่ยงพล้ำจนบาดเจ็บเป็นแน่

เพราะโลหิตสีเข้ม สาดกระเซ็นเป็นหยดเป็นดวง ทั่วใบไม้บริเวณนั้น

เป็นทางยาวไปเรื่อยๆ

ทั้งหมดรีบ เร่ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของโลหิตที่หลั่งรินอยู่





 กลิ่นคาวคลุ้งตีขึ้นอบอวล ไปทั่วบริเวณ และเมื่อเดินลึกเข้าไป

กลิ่นกลับยิ่ง แรงขึ้นจนเจียนจะอ้วก แต่เมื่อเดินไปถึงตัวการของกลิ่นนี้

และโลหิตทั้งหมด สิงขรกับต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

ร่างของอสรพิษสีดำสนิท บัดนี้นอนเหยียดหายใจรวยระริน

ใกล้ตายเต็มทน





รอยบาดแผลมากมาย ลึกลงตามบริเวณร่างกาย ของร่างนั้น

บริเวณหน้าท้อง ถูกแหกออก เครื่องในมากมายกระจัดกระจายออกมา

อย่างน่าสยดสยอง เสียงคราง ด้วยความเจ็บปวด ดังออกมาจากร่างนั้นเป็นระยะ

สิงขรรีบพุ่งตัวไปที่ร่างร่างนั้น แล้วประคอง ส่วนศีรษะขึ้นอยู่บนตัก

 น้ำตามากมายของลูกผู้ชายหลั่งไหลริน อย่างไม่อาย



"เสด็จแม่ อึก เสด็จแม่พระเจ้าค่ะ" สิงขรเรียกผู้เป็นแม่ ด้วยเสียงสั่นเครือ

" อโหสิกรรม เถิดเสด็จแม่ อย่าได้จองเวรจองกรรมกันอีกเลย เลิกแล้วต่อกันเถอะ"

 เจ้าชายสิงขรกอดร่างของมารดาแนบอก ร่างโชกเลือดกระพริบตาชัดช้าๆ

ราวกลับรับรู้ และตอบสนองต่อคำพูดของพระโอรส ลมหายใจค่อยค่อยแผ่วลง

 แต่ก่อนที่จะสิ้นใจ ร่างทั้งร่าง ก็ดิ้นทุรนทุราย พร้อมกับเลือดมากมาย

ที่กระอักออกมาจากปาก ลมหายใจขาดห้วงอย่างรุนแรง เรากับปลาที่ขาดน้ำ

 ความทรมานนั้นตราตรึงจดจนร่างนั้นแน่นิ่งไปในที่สุด



จบสิ้นแล้ว



ชีวิตแลกด้วยชีวิต



สิงขรสั่งให้กองกำลังถอยกลับ ไปยังเมือง ครุฑ ก่อนส่วนตนนั้นจะพาพระศพ

ของมารดากลับสู่เมืองบาดาล





กองกำลังทหาร เคลื่อนย้ายกลับเข้าเมือง แต่ทั้งหมดก็ต้องแปลกใจ

 เมื่อพบว่าราชาสุบรรณ ประทับอยู่ที่ตำหนักรังสิมันต์

พร้อมพร้อมกับ เจ้าชายขเดศวร เพื่อเฝ้าดูอาการของร่างบาง

ที่บัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด หมอหลวงและผู้ช่วย

ต่างวิ่งกันให้วุ่นภายในห้องบรรทม อาการของพระชายามิได้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งทำให้เหล่าหมอหลวงต่างหวั่นวิตก ร่างบาง ดูอ่อนแอเหลือเกิน





เวลาล่วงเลยจนพลบค่ำ อาการของร่างบางจึงอยู่ในขั้นทรงตัว

พอที่จะรู้สึกพระองค์ ขเดศวรรีบพุ่งตรงไปยังคนรักทันที

 ผณิช่างดูอ่อนล้าเหลือเกิน  แววตาที่เคยสุกใส

บัดนี้กลับดูหม่นลงอย่างหน้าใจหา

มีโลหิตสีชาดไหลออกมาจากจมูกเป็นระยะ



"ขะ ข้า  ทอ ระ มาน "เสียงแผ่วเบากล่าวด้วยน้ำตา

ภายในกายร้อนร่าวไฟเผา แต่ภายนอกกลับเย็นดุจดังน้ำแข็ง

ผิวกายเจ็บราวดังเข็มแหลมทิ่มแทงทั่วอนู

"หะ  ให้  ขะ ข้า ตา ตาย เถิด"จบคำกล่าวของร่างบางร่างสูงพลัน

พลั่งพลูน้ำตาออกมาอย่างหนัก

"หากเจ้าตาย. พี่จะอยู่เช่นไรเล่า เจ้ามิรักพี่เลยหรือ"เสียงทุ้มกล่าวสั่นเครือ

"ระ รัก. ข้า รักท่าน รัก ตลอด มา "ร่างสูงสวมกอดร่างบางแน่น

"ยะ อย่า แค้นเคืองอันใดอีก  มะมันจบ  แล้ว  ข้ารักท่าน  ขะ ขเดศวรของข้า"จบคำร่างบาง.

 ฝ่ามือเย็นค่อยกุมบนฝ่ามือหนา แหวนทองถูกว่างลงบนมืออุ่น     

ลมหายใจแผ่วค่อยๆหยุดลงช้าๆ



ภายใต้อ้อมกอดของชายอันเป็นที่รัก

วิบากกรรมของผณิได้หมดลงแล้ว

ทุกคนในห้องบรรทมต่างพากันร่ำไห้

ไม่เว้นแม้แต่องค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง

ที่ทรงโศกามิต่างจากผู้ใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง



องค์ราชานาคิน



ความโศกศัลย์ แผ่ขยายปกคลุมไปทั่วเมือง

 พิธีศพถูกจัดขึ้น อย่างสมเกียรติ

ตลอดเวลา หลังจากที่ร่างบางได้จากไป มิมีนาทีใดเลย ที่จะไม่ได้เห็นน้ำตาจากร่างสูง



ในวันแรกที่ร่างบางจากไป ร่างสูงคลุ้มคลั่ง

เกรี้ยวกราวคิด แค้นจองเวรผู้ที่ทำร่างบางเจ็บ ผู้ที่พรากร่างบางไปจากตน

"มันยังมิพอใจรึ  ฆ่าแม่ข้ามิพอยังจักมาข้าเมียข้าอีก ข้าแค้นมันนัก!!!" เสียงตวาดดังลั่นไปทั่วตำหนัก

 ใบหน้าหล่อเหลา มีเลือดหล่อเลี้ยง จนทำให้ใบหน้ามีสีแดงจัดน้ำตาไหลรินทั่วใบหน้า

 ร้องไห้อย่างไม่อาย เป็นน้ำตาที่มาพร้อมความโกรธแค้นในใจ ปะปนกับความเศร้าโศก

 องค์ราชาสุบรรณ จึงมีรับสั่ง ให้ทุกคนออกไปจากตำหนักเสียก่อน เพราะเวลานี้

ขเดศวรคงไม่ฟังผู้ใดเป็นแน่





"พ่อ  ฮึก  ข้าเจ็บ  ผณิจากข้าไปแล้ว พ่อ"ร่างสูงฟูมฟายอย่างหมดอายเมื่อในห้องเหลือเพียงพระบิดา

"อโหสิให้นางเถิดไอลูกชาย  นางตายอย่างทรมานไม่แพ้ผณิดอก แล้วต่อกันเถิด พ่อเชื่อว่าพวกเจ้าเป็นคู่กัน

 จักต้องได้พบและรักกันอีกแน่เจ้าจนประพฤติตนให้อยู่ในศีลธรรม แล้วปกครองเมื่องต่อไปเถิด"

พระบิดากล่าวปลอบใจพระโอรส

“พระเจ้าค่า”ขเดศวรหักห้ามใจให้เข้มแข็ง





‘เราจักต้องพบกันอีกพี่จะรอเจ้า ผณิ’


ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #41 เมื่อ23-12-2017 20:22:48 »

บทที่ ๒๘ สิ้นสุด END



 กาลเวลาล่วงเลยข้ามผ่าน หลายสิ่งหลายอยากมากล้วนแปรผัน เป็นสัจธรรมอันเที่ยงแท้

ตลอดหลายปีที่ผ่านมานับแต่ เรื่องราวจบลงในครานั้น

องค์ภูมินทร์ทั้งสองยอมปรองดองกัน แต่โดยดี ถือเป็นอันยกเลิกแล้วต่อ ความหมาดหมางทั้งมวล ตั้งแต่โบราณนานมา

เจ้าชายสิงขรในที่สุดก็ทรงสามารถ ที่จะเอาชนะใจที่แข็งแกร่งราวหินผา ของสตรีนางว่าพฤษกานต์ได้ และด้วยเหตุอันใดก็หามีผู้ใดรู้ไม่ ร่างของนารีผลมิได้แตกดับ ครองคู่อยู่ด้วยกันอย่างผาสุข

ทุกสิ่งอย่าที่แปรเปลี่ยนรอบกาย กลับมิได้ทำให้หัวใจของขเดศวร หลงลืม หรือคิดปันใจไปหาผู้อื่นใดเลย

ยังคงรอ และรักเพียงแค่ผณิ ผู้เดียวเรื่อยมา

'กลีบผกายังคงบานรอรักเจ้า จันทร์ส่องเงาร่ำไห้ใจเฝ้าหา ยังคงคอยวันที่เจ้าหวนกลับมา รอเวลาเจ้าเคียงอยู่คู่นิรันด์'

   คุณเคยฝันเห็นใครบ่อยๆไหม?

ไม่รู้จัก แต่คุ้นเคยเหลือเกิน

ทุกครั้งที่ฝันถึงหัวใจมันจะบีบรัด

จนคับแน่นในอก

ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้ คิดถึง

โหยหา

รัก

ร่างบางตื่นขึ้นมาจากนิทราในเช้าวันใหม่ เปิดเทอมวันแรก  เด็กหนุ่มวัยมหาลัย ตั้งหน้าตั้งตาทำกิจวัฎประจำวันเช่นเคย เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังสถานศึกษา

" แก รอด้วยยยยย"เสียงเจื่อยแจ้วของ หญิงสาวหน้าตาสะสวยร้องเรียกร่างบาง ของเพื่อนรัก

"อ้าวกานต์ รีบรึไงอะเหงื่อนี่ท่วมเชียว"ร่างบางยิ้มกับท่าทีของเพื่อนรัก "ก็แกเดินรอฉันที่ไหนล่า  เรียกตั้งนานก็ไม่หัน"ร่างเล็กบ่นอุบ "ป่ะ  รีบไปเหอะ"ร่างบางโยกหัวเพื่อนเล็กน้อย

"แก พาฉันไปหาพี่สิงหน่อยสิ"ร่างเล็กกล่าว ชวนร่างบางไปหาแฟนหนุ่มของตนเป็นเพื่อน ร่างบางก็มิได้ปฏิเสธใดๆ แล้วเดินตาม เพื่อนรักไป

ไม่นานก็มาถึงที่หมายที่นัดเเนะกันไว้ ร่างสูงสองร่างนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ "พี่สิงขร กานต์มาแล้ว"ร่างเล็กแหกปากดังลั่น รีบวิ่งเข้าไปกอดร่างโปร่งอย่ารักใคร่

ร่างบางเห็นดังนั้นจึงหลบออกมานั่งที่ริมน้ำ เพียงคนเดียว  สายน้ำเย็นๆ กับลมพัดเอื่อยๆ บรรยากาศโดยรอบช่างสงบเหลือเกิน

ร่างบางมิทันได้สังเกตว่ามีผู้มาเยือนอยู่ไม่ไกล

"คิดถึงพี่บางไหม  " เสียงทุ้มที่คุ้นเคยกล่าว

ร่างบางหันตามเสียงของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง

"ขเดศวร!!!" น้ำเสียงสั่นกล่าว ความโหยหาถาโถมเข้ามามากมาย

ร่างบางโผกอดร่างที่คิดถึงสุดหัวใจ "อย่าหนีพี่ไปไหนอีกนะ"สองร่างกอดกันเนิ่นนาน
ถามกลางความคิดถึงตลอดหลายภพชาติ และความรักที่อบอวลสุดหัวใจ





'การรอคอย สิ้นสุดลงแล้ว'









ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
«ตอบ #42 เมื่อ23-12-2017 20:23:37 »

บทที่ ๒๙  รักนิรันดร์(ตอนพิเศษ)



ดวงตะวันทอแสงลงต่ำใกล้จะลาลับแสงอัสดงสาดส่องไปทั่วผืนฟ้า

นานเพียงใดที่ห่างลาใกล้

นานเท่าใดที่ใจต้องกล่ำกลืน

บัดนี้ไม่มีอีกแล้วความโศกเศร้า



ความพลัดพราก



ร่างบางหลับพริ้มหนุนตักแกร่งของคนรัก

มือทั้งสองกุมกันไว้แน่น

“เหนื่อยไหม”ร่างบางเอ่ยแผ่วเบา

“เรื่องอะไรกันล่ะ  ที่ทำให้พี่เหนื่อย”ร่างสูงถามกลับ

“ที่ต้องรอผมไง  รอนานมากเลยนะ  กว่าจะได้เจอกัน”ร่างบางพูดทั้งที่เปลือกตายังคงปิดสนิท

“เหนื่อยสิ แต่พี่ยอมพี่มีความสุขที่จะรอไม่ว่านานเท่าไหร่”ร่างแกร่งกล่าว

“แต่ตอนนี้เราไม่ต้องรออีกแล้ว  ผมได้อยู่กับพี่แล้ว”รอยยิ้มบางระบายอยู่บนใบหน้าหวาน

ร่างสูงค่อยๆโน้มตัวลงประทับจูบที่อ่อนละมุน  ลงบนริมฝีปากบาง





3ปีผ่านไป





งานแต่งงานเล็กๆถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายบริเวณริมน้ำตกที่แสนสวยงาม

ภายใต้ความสนับสนุนจากสองตระกูล

“พ่อขอให้ลูกๆรักกันนานๆ  มีอะไรหนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะ  “ร่างสง่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าจะมีวัยล่วงเลยถึงค่อนคนแล้วก็ยังคงความสง่าและสุขุม

แววตาแฝงความขี้เล่นยังคงสดใสไม่คลาย

“รีบๆมีหลานเร็วๆนะ ณิ  อย่าให้พ่อรอนาน พี่มันออกนอกลู่นอกทางก็จัดการได้เลย 

พ่ออนุญาต”ประมุขแห่งตระกูล

 นาคานตกะ กล่าวยิ้มๆให้แก่ลูกสะใภ้

“ขอบคุณครับ”ร่างบางยิ้มรับ

ร่างสง่าส่งสังข์คืนให้กันเพื่อนสนิทของเจ้าสาวหลังจากเสร็จสิ้นคำอวยพร

“ผณิ พ่อขอให้ลูกมีความสุขนะ    เดย์พ่อฝากน้องด้วยอย่าทำให้น้องเสียใจนะ”อีกหนึ่งประมุข 

บิดาของผู้เป็นเจ้าสาวกล่าว

อ้อมแขนของผู้เป็นพ่อโอบกอดร่างของลูกชายแนบแน่น





“พ่อรักลูกนะผณิ  ดูแลตัวเองด้วย”เสียงทุ้มกล่าวกับลูกรักของตน

ไม่มีแล้วผณิลูกชัง

“ขอบคุณครับพ่อ”เสียงหวานตอบพร้อมกับร่างของผู้เป็นพ่อที่ผละออกไป

พิธีดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นไอแห่งความรักและความอบอุ่น

ของคำว่าครอบครัว

หลังจากผ่านพ้นพิธีต่างๆนานาจนหมดสิ้นก็ถึงเวลาที่ร่างสูงรอคอย





เข้าหอ



ร่างบางนั่งหันหลังอยู่บนเตียงนอนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจ

อดนึกถึงครั้งที่เข้าพิธีกับร่างสูงในครั้งอดีตไม่ได้

ร่างสูงเองก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้เป็นที่รักเป็นแน่

“กลับหรือณิ”เสียงนุ่มกล่าว

“กลัวสิพี่   ณิไม่ได้แตะต้องเรื่องแบบนี้นานแล้วนะ  ใครจะไปชินแบบพี่ล่ะ”ร่างบางกล่าวฉุนๆ

ด้วยความเขินอาย





ร่างสูงอดยิ้มกับท่าทีน่าเอ็นดูของคนรัก

ร่างสูงก้าวขึ้นบนเตียงกว่าตรงเข้าโอบกอดร่างบางจากด้านหลัง

“พี่ไม่ทำเรื่อยเลวๆแบบนั้นกับณิหรอก”มือใหญ่กุมมือเล็กขึ้นมาจุมพิตนุ่มนวล

“ให้โอกาสพี่นะณิ”





ร่างสูงค่อยเคลื่อนตัวเข้าหาร่างบางช้าๆ

ริมฝีปากอุ่นสัมผัสกับริมฝีปากบางแนบแน่น

ร่างบางมิได้ขัดขืน  แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำอย่างน่ารัก

ลิ้นร้อนเกี่ยวพันลิ้นเล็กไปมาควานหาความหอมหวานที่โหยหามาแสนนาน

ผณิตอบสนองอย่างไร้เดียงสา ถูกใจร่างสูงนักกับท่าทีเช่นนี้

มือหนาเลื่อนสัมผัสผิวนุ่มจนทั่วอย่างสนุกมือ

เสื้อผ้าของทั้งสองค่อยๆหลุดไปจากร่างกายช้าๆ

ทุกสัมผัสเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและโหยหา



เมื่อสัมผัสจนพอใจร่างสูงก็หันมาเตรียมพร้อมกับช่องทาง

สีหวานนิ้วเรียวกดย้ำๆจนร่างบางบิดเร้ากายด้วยแรงกระสัน

“อึก  ฮือ  พี่เดย์  อะ  เข้ามาเถอะ  “ร่างบางร้องขอเสียงแผ่วสร้างรอยยิ้มให้ปรากฏต่อร่างสูง

ร่างกมลงจุมพิตที่ขาอ่อนด้านในแล้วค่อยๆสอดนิ้วแรกเข้าไปยังช่องทางรักอย่างไม่รีบร้อน





“อะ  อือ  เจ็บ  “ร่างบางหลุดครางออกมาด้วยความเจ็บ

“พี่ขอโทษ  ทนหน่อยนะคนดี”พูดจบก็จูบซับน้ำตาที่หางตาของร่างบาง

ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆเลื่อนลงซุกไซร้ที่ซอกคอขาว ลงมายังยอดดอกสีหวาน

ริมฝีปากร้อนครอบลงที่ทับทิมสีสวย  ออกแรงดูดเม้มจนร่างบางครางออกมาด้วย

ความกระสันที่เกิดขึ้นอีกครั้ง    นิ้วแกร่งค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิ้วเพื่อเตรียมช่องทาง

จนในที่สุดก็พร้อมที่จะรับตัวตนของร่างสูง





นิ้วทั้งสามถอนออกจากช่องทางนุ่มและแทนที่ด้วยแกนกายขนาดใหญ่ที่

บัดนี้พร้อมแล้วที่จะเข้าสู่ร่างกายของคนรัก

ร่างสูงค่อยกดแกนกายเข้าสู่ร่างกายบางช้า

พร้อมก้มลงจุมพิตริมฝีปากนุ่มเป็นระยะ

จวบจนส่วนที่สอดประสานเข้าสู่ร่างบางจนหมด





“เจ็บไหมณิ  “ร่างสูงถามด้วยความเป็นห่วง

“ผมไม่เป็นไรครับ   ขยับเถอะ”ร่างบางกล่าวเสียงสั่น

ร่างสูงขยับกายเชื่องช้าแล้วค่อยเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์

สองร่างกอดก่ายประสานกันแนบแน่นด้วนเสน่หา

บทรักถาโถมจวบจนรุ่งสางจึงได้จนลง





จากนี้จวบจนตลอดไปจะไม่มีอะไรพรากความรักของสองเราได้อีกต่อไป





END





ออฟไลน์ อัคคีเทวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พญานาคใบ้  ตอนพิเศษ(NC)

ใต้นครบาดาล อันสงบสุข บังเกิดชีวิตหนึ่งชีวิตขึ้น เป็นชีวิต ที่ถือกำเนิดขึ้นมา ด้วยบ่วงกรรม

"หึก  อะ  อะ  ฮือ  อะอึก" เสียงที่ฟังดูไม่ได้ศัพท์ ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากบาง แม้ว่าจะเจ็บปวด จากการถูกสอดใส่เพียงใด แต่ก็มิอาจเปล่งเสียงร้องบอกความเจ็บปวดของตน ให้กับใครอีกคนได้ล่วงรู้

"หึ  เจ้านี่จะกี่ครั้งกี่คราก็ถึงใจข้านัก"ร่างสูงก้มลงกระซิบที่ข้างหูพรางไล่ซบไซร้ตักตวงความหอมหวานจากอีกคนไม่รู้จักพอ

มือบางที่ถูก พันธนาการด้วยเชือกเส้นหนาไม่สามารถปกป้องตนเองจากการถูกคุกคามได้ ช่องทางรักที่รองรับตัวตนใหญ่เกินปกติของอีกคน มาร่วมหลายชั่วโมง ฉีกขาดและบวมช่ำจนน่ากลัว แต่เเทนที่คนกระทำจะสมเพชเวทนาใดๆ กลับหาไม่ ทุกครั้งที่เสียงครางแปล่งถูกเปล่งออกมาดังเท่าไหร แรงกระแทกสวนจากอีกคนก็รุนแรงขึ้นเท่าทวี

"อึก อะ อะ อือ อะ"ร่างน้อยแทบไม่มีแรงจะทรงตัวให้หมอบคลานได้อีก แต่ก็ได้มือหนาประคองสะโพกที่เจ็บร้าวเอาไว้ให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถสอดใส่ได้สะดวก "อ๊ะ ข้าจะไปแล้ว อะอะ อึก"ร่างแกร่งเร่งกระทั้นกายถี่รัวจนส่วนเชื่อมทะล่วงเข้าไปลึก เหลือเกิน คนร่างเล็กกว่าจุกเสียดไปหมดทั่วท้อง ไม่นานวารีชีวิตมากมายก็ทะลักไหลเอ่อล้นตามช่องทางเล็กๆนั้น แก่นกายใหญ่ถูกนำออกจากช่องทางช้ำ อย่างอ้อยอิ่งและทันทีที่มือแกร่งปล่อยสะโพกบาง ร่างทั้งร่างก็ทรุดลงนอนนิ่ง ร่างกายเจ็บราวไปทุกส่วน มือหนาเอื้อมปลดพัธนาการออกช้าๆ ปรากฎรอยช้ำบริเวณข้อมือช้ำอย่างชัดเจน 

"อย่างพึ่งหลับล่ะอาโป  ชลนทียังมิกลับเลย หึหึ"เสียงเหี้ยมกล่าวกับร่างเล็ก  สร้างความกลัวแก่ผู้ฟังเป็นอย่างมาก แต่ก็หนีหรือโต้แย้งใดๆมิได้

แม้แต่พูดยังทำหาได้ไม่

แก๊ก

ไม่นานเสียงไขกุญแจก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ไม่นานก็ปรากฎร่างสูงกำยำพอๆกับอีกคน ร่างกายผอมสั่นระริกด้วยหวาดกลัว มือหนาเอื้อมจับบีบเค้นสะโพกกลมอย่างสนุกมือ ยิ่งสะเทือนถึงช่องทางรักที่เลือดยังมิหยุดริน

"กลับช้าเสียจริงสหายรัก อาโปรอเจ้าจนจะหลับเสียแล้ว ชลนที"อีกคนกล่าวยียวนกับสหายของตน

"หึหึ  ข้ามิได้อยากจะทิ้งเมียไปราชกาลเสียหน่อย แต่จะหลับโดยมิรอข้านี่มิน่ารักเสียเลย จริงรึไม่ชลาชล"กล่าวตอบสหายพลางเปลื่องผ้าเตรียมประกอบกิจขั้นต่อไปอย่างมิรอช้า

ชลาชลประคองร่างสั่นเทาไว้ในวงแขนโดยตนเองซ้อนอยู่ด้านหลังสองมือกอดรัด ร่างสั่นเทานั้นแน่น ใบหน้าหล่อฟัดซอกคอขาวที่ประดับด้วยร่องรอยมากมาย จนเจ็บแสบไปหมด ชลนทีก้าวขึ้นเตียงกว้างมาซ้อนประกบด้านหน้าของอาโปอย่างไม่รีรอ ขาเรียวถูแยกออกกว้าง เพื่อรอรับบทรักจากอีกคน 

"อึก อือ อือ อือ ฮือ อึก "เสียงสะอื้นดังขึ้นจากร่างบาง ใบหน้าหวานชุ่มน้ำตาส่ายไปมาพัลวัน

ต้องเจ็บอีกแน่ๆ

แม้ว่าจะรู้ชะตากรรมของตนดีว่าอย่างไรก็มิมีทางรอด สองมือยกขึ้นประนมไหว้ น้ำตาไหลพรากเกินกว่าจะหยุด ไหว้ให้หยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนเจ็บปวดนี้เสียที "เจ้าลำเอียงเหลือเกิน ทีชลาชลเจ้ายังยอมไปเสียหลายครา แต่กับข้าเจ้ากลับไม่ยอมรึ" เสียงแหบทุ้มกล่าวมือใหญ่บีบกรามร่างตรงหน้าแล้วประกบจุมพิต รุนแรงปลายลิ้นหนาช่วงชิงความหวานอยู่นาจวบจนพอใจจึงได้ผละออก "แฮก แฮก แฮก"ร่างบางหอบเหนื่อยอย่างหนักกับรสจูบ. จนมิทันตั้งตัว "อะ หะอ๊า อะ ฮืกฮากกกกก"เสียงแปล่งๆนั้นร้องลั่นช่องทางช้ำถูกคุกคามอีคราด้วยอีกคน ร่างกายสั่นสะท้านดิ้นหนีให้รอดพ้น แต่แขนแกร่งของอีกคนกลับรัดไว้แน่ "อะไรกัน ชลนทียังเข้ามิทันสุดเลยนะ เจ้าอย่าดื้อสิอาโป"ชลาชลว่าพรางจูบซอกคอขาวซ้ำๆ

มือขาวดันหน้าท้องชลนทีไว้เป็นนัยให้เอาสิ่งนั้นออกไป แต่มีรึที่เสือจะปล่อยเหยื่อ ไม่มีทาง  มือหนายกขึ้นปิดปากบางแน่น แล้วสอบเอวกระแทกส่วนที่เหลือเข้าไปจนสุด ตาหวานเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวดน้ำตาไหลพรากด้วยความหวดกลัว

"อึก แน่น รัดข้าดีเหลือเกิน"พูดจบก็ทำการกระเเทกเอวเร็วขึ้นอีกครั้ง ร่างน้อยเจ็บปวดฟนักหนา ได้แต่ร้องไห้ไร้เสียงต่อไป กึด "อะ อา อาอึกอา"ร่างบางสะดุ้งตกใจเมื่อคนที่กำลังขยับกายหนักหน่วยโน้มใบหน้าลงมาขบกัดยอดอกสีหวานสลับไปมาสองข้าง  ถ้าพูดได้คงจะปฏิเสธสุดใจ แต่นี่หาได้ไม่  ชลนทีครอบครองร่างน้อยซ้ำแล้วซ้ำเหล่าจน อาโปสลบไป

"สหายข้า อาโปสลบไปเสียแล้วละ"ชลาชลกล่าวกวนๆ "มาปลูกเมียรักกันเถอะ หึหึหึ"ชลนทีกล่าวจบ สองสหายรักก็ช่วยกันประคองจัดแจงท่าให้อาโปคร่อมกายชลาชล ส่วนชลนทีครองอยู่ด้วยหลัง "พร้อมรึไม่"ชลนทีกล่าวถาม สหายรักพยักหน้า ทำการค่อยๆสอดกายใหญ่เข้าสู่ช่องทางช้ำทันที "อะ อึก หึก"เสียงครางเจ็บปวดจากคนใบ้ดังมาเป็นระยะๆ ชลาชลใช้เวลาไม่นานก็กระแทกเข้าไปมิดด้ามรวดเร็ว

ปึก "อ้าาหะ อา"ร่างเล็กสะดุ้งอีกครั้ง แต่ก็มิอาจลืมตาขึ้นมาได้. ความเจ็บปวด อึดอัดถาโถมอย่างหนักหน่วงราวจบจมน้ำ "อึก สุขเหลือเกินเมียรัก เข้ามาเร็วๆสิชลนที"จบคำสหาย อีกคนก็ไม่รอช้าจับแกนกายขนาดไล่เลี่ยกันจ่อช่องทางที่เติมเต็มด้วยของอีกคนอยู่ก่อนแล้ว

กึด "อ้า อากกก อุก อือ อา" อาโปเบิกตากว้างสะดุ้งตื้นทันที  น้ำตาไหลเเข่งกับเลือดที่ช่องทางรักของตน ร่างสูงใช้เวลาไม่มากก็จัดการแกนกายเข้าไปหมด "สุขจริงๆเสียด้วย"ชลนทีกล่าวชม ร่างน้อยสั่นไหวด้วยแรงสะอื้น ความเจ็บทะลวงเข้าใสจะเจียนจะบ้า "อา  อา อะ อาหึก อาาา"  /ปล่อย ปล่อยข้าเจ็บ อย่าทำข้า/ ทั้งสองเริ่มกระทั้นกายเข้าออกสลับกันไปมา โดยมีเสียงครวญครางของร่างบางร้องอยู่ไม่ขาดสาย ร่างกายอ่อนล้าได้แต่ซบหน้าร้องไห้อยู่กับอกแกร่ง ภายในช่องทางบอบช้ำและเจ็บปวดโลหิตยังไหลมาไม่ขาดสาย ร่างบางจวนจะสิ้นสติเต็มทน ไม่นานนักร่างทั้ง 2 ที่ครอบครองร่างบางอยู่ก็ปลดปล่อยวารีชีวิตมากมายเข้าสู่ช่องทางรัก รวมกับของเก่าจนล้นออกมาเป็นการเสพสมครั้งที่เท่าไหร่กันแล้วของวันนี้ก็มีรู้ได้

ทั้งสองไม่ยอมถอดแกนกาย ออกจากช่องทาง รักจริงนอนหลับ ไป ทั้งสามคน ทั้งๆที่ยังไม่ได้นำตัวตนออกจากร่างบาง

ทั้งสองร่างกอดกาย ร่างบางไว้แน่น ราวกับหวงนักหนา

เจ้าเป็นของพวกข้าอาโป

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
สนุกจร้า

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขอบคุณค่ะ
ว่าแต่อาโปนี่เกี่ยวข้องกับคนอื่นยังไงหว่า ชักงงว่าคนเขียนจะสื่ออะไรในตอนพญานาคใบ้นี้

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


น้ำตาท่วม

กว่าจะสุขสมหวัง

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ร้องไห้ น้ำตาท่วม แต่ก็จบแฮปปี้  :pig4:

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ตอนพิเศษแซ่บมากค่ะ

ออฟไลน์ psyche

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านถึงตอนที่ 12  แล้วมันขัดๆกับคำว่า
รางบาง ร่างสูง ร่างหนา ร่างเพียว ใช้คำพวกนี้มากเกินไป
คือ ถ้าใส่ชื่อลงไป เวลาอ่านจะเข้าใจมากกว่านี้นะ หรือใส่แค่พอดี
ลองอ่านของนักเขียนท่านอื่นๆดู แล้วปรับปรุงจะดีมากเลยค่ะ

จริงๆ ชอบอ่านนิยายแนวนี้มาก แต่อ่านเจอคำแบบนี้บ่อยๆ เริ่มไม่สนุกแล้วอ่า
เราคงอ่านจนจบ แต่ขอเม้นตินิดนึงนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
งงเรื่องอาโปที่โผล่มาว่าใคร แต่ก็ขอบคุณสำหรับนิยายเีๆที่แต่งให้นะคนเขียน

ออฟไลน์ dadt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ก็อ่านได้เพลินๆนะคะถ้าไม่มีคำว่า ร่างบาง/ร่างหนา/ร่างเล็กฯ  :katai1:  มันไม่เหมาะกับนิยายแนวนี้  แถมยังใช้ถี่มากจนทำให้นิยายหมดสนุกไปเยอะเลย

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ดีใจที่จบลงแฮปปี้ให้ชีวิตผณิมีความสุขจริงๆสักทีเถอะ โอ๊ยยยร้องไห้กับชีวิตผณิสะอื้นฮักๆ  :hao5: กว่าจะรู้ว่าเรื่องราวลูกชังมันเป็นมายังไง คนที่รักในฝันก็กว่าจะคิดได้ พอทุกอย่างจะดีก็ดันมาโดนพิษงูจนตายอีก โถ ผณิ ดีนะที่กลับมาเจอกันอีกทุกๆคน สามีก็ดีรักมั่นใจเดียว สนุกกกมากกกกกก เว้นเสียแต่การใช้คำซ้ำๆ อาจทำให้เสียอรรถรสในการอ่านไปบ้าง แต่เนื้อเรื่องสนุกจริง ชอบบบบ  :pig4: :pig4: :pig4: ว่าแต่คู่ 3P มายังไง 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด