“เดี๋ยวสต๊าฟคนอื่นก็มา”
“พี่เบสใจร้าย!”
“ลำเอียงจริงงงง”
“วอแวแต่คนน่ารัก”
“เดี๋ยวหนูจะไปฉีดกลูต้า”
บรรดาเสียงของน้องๆที่มาอาศัยบังแดดจากป้ายสีที่เขาถือต่างโวยวายแนวหยอกล้อใส่รุ่นพี่สตาฟตัวสูงกันใหญ่ พีมขมวดคิ้วสงสัยดูเหมือนรุ่นพี่ตรงหน้าจะเป็นที่รู้จักกันพอสมควรพวกรุ่นน้องถึงพากันหยอกล้อ
ดูจากรูปร่างและหน้าตาก็คงเป็นอย่างนั้น ตัวสูง หน้าตาดี แถมดูใจดี
“พี่ไปดูน้องๆเถอะ” พีมเอ่ยปาก
“เดี๋ยวสตาฟคนอื่นก็มา” เบสว่า
“พี่พีมนี่แอบจองตัวพี่เบสไว้แล้วใช่ไหม บอกกิ๊บมานะ” เสียงหยอกล้อของน้องๆยังมาไม่ขาดสาย
“เดี๋ยวเถอะ พี่ไปหาน้องๆคนได้แล้ว”
“ดูแลคนนี้ก่อนเดี๋ยวไปดูคนอื่น” เบสว่าพลางเดินออกไปหาพี่สตาฟที่วิ่งนำน้ำกับผ้าเย็นมาให้น้องๆคนอื่นๆ คนตัวสูงเดินกลับมาหาเขาพร้อมกับน้ำอีกหนึ่งขวด
“อ่ะ น้ำ” เจ้าตัวเปิดฝาใส่หลอดดูยื่นให้เสร็จสรรพจนพีมเกร็งไปหมด
“ขอบคุณครับ”
ไม่นานนักเสียงประกาศจากคุณครู ณ กองอำนวยการก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากนักเรียนทั้งสาม
“ขณะนี้ประธานในพิธีได้เดินทางมาถึงแล้ว...” สิ้นเสียงพีมก็ยืนขึ้นพร้อมๆกับน้องๆและคนอื่นๆภายในสนาม
“พี่ไปได้แล้ว”
“อีกนิดเดียวสู้ๆนะ” เบสยิ้มให้แถมยังชูแขนตัวเองขึ้นสูงประมาณหัวพร้อมกับถ้อยคำให้กำลังใจ
“ครับ พี่ก็สู้ๆนะ” พีมยิ้มให้จนตาหยีจากนั้นบรรดาเหล่าพี่สตาฟม.6ก็เดินออกจากบริเวณสนามไป
พิธีเปิดกีฬาภายในโรงเรียนเริ่มขึ้นจนมาถึงการเดินสวนสนาม สีเหลืองด้านหน้าเป็นเขาและรุ่นน้องผู้ชายอีกหนึ่งคนเดินถือป้ายนำผ่านกองอำนวยการมาใกล้ๆกันเป็นหน่วยประชาสัมพันธ์ที่มีบรรดาผู้ปกครองและคุณครูนั่งอยู่
อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไปจากเต็นท์ประชาสัมพันธ์คือเพื่อนตัวดีที่โบกมือหยอยๆไปมาอยู่ พร้อมกับกล้องตัวใหญ่คล้องคอ
อือหือ เลนส์กล้องหรือบ้องข้าวหลาม
พีมคิดอยู่ในใจ
สิ้นการเดินสวนสนามที่บริเวณทางโค้งริมสนามบรรดาขบวนสลายตัวเหมือนผึ้งแตกฝูงจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร พี่สตาฟรีบวิ่งมาช่วยน้องๆเก็บอุปกรณ์เดินขบวน
“เป็นไงเพื่อน” โซ่เดินมาตบไหล่พีมสุดแรงจนเจ้าตัวเกือบหน้าคว่ำลงพื้น
“ไอ้โซ่!”
“ใส่คอนแทคแล้วน่ารักขึ้นนะมึง” โซ่เอ่ยชม คนถูกชมถึงกับคว่ำปากใส่เขาไม่อยากได้คำชมจากคนบ้ากล้องเสียเท่าไหร่หรอก “กูถ่ายรูปมึงไว้สิบกว่าภาพเดี๋ยวส่งให้แล้วเลือกเอา”
“กูสิบภาพ ของผู้หญิงนี่เท่าไหร่”
“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของโซ่บ่งบอกได้เป็นอย่างดียิ่งทำให้พีมหมั่นไส้เพื่อนของเขาเป็นบ้า
“แดดประเทศไทยยังจ้าไม่สู้ตัวมึงเลย อยากถามมานานแม่ต้มโอโม่ให้แดกเหรอ” โซ่พูดเชิงล้อเลียนใส่เพื่อนตัวขาวของเขา
“สัส พากูไปเปลี่ยนชุดที”
“อ่าว ไม่ไปเทคน้องช่วยพี่เขาเหรอ”
“เปลี่ยนชุดก่อนไหมล่ะ”
“เออๆงั้นไป จะได้กลับมาถ่ายทันแข่งหลีด”
พีมหันขวับไปมองเพื่อนซี้ของตนก็ต้องห้ามใจไม่แขวะเป็นไม่ได้
“หยุดทำหน้าหื่นๆได้แล้ว กูขอ” พีมส่ายหน้าทำไมเขาจะไม่รู้ว่าโซ่มันรอเวลาหลีดลงขนาดไหน ก้นสั้นดิกๆแทนหางเลยเถอะ!
โซ่ลูบหน้าตัวเองคล้ายจะปั้นหน้ากลับเป็นยามปกติ พร้อมแย้ง “บ้าเหรอ กูเก็บงานให้โรงเรียน”
“เหอะ แล้วตอนเดินขบวนกูไม่เห็นมึงถ่าย” พีมหันไปถามเพื่อนตากล้องที่เดินตามเขามา
“ส่งน้องไปแทนแล้ว กูไปเก็บรูปเบื้องหลัง” พีมถึงกับหน้าแหยเบื้องสิ้นคำของโซ่
“เบื้องหลังนี่หลังขนาดไหน เลวทรามต่ำช้า”
“ความสุขกู”
“ตากล้องหื่นๆแบบมึงกูขอให้ไม่มีใครจ้าง”
“จ้าๆ ไปเปลี่ยนชุดเถอะจ้า” พีมเดินไปหยิบกระเป๋าของเขาที่ฝากโซ่เอาไว้ตั้งแต่ตอนเมื่อวานเพราะเขากลัวมาเดินขบวนไม่ทันจึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าตั้งแต่เมื่อคืนและขี่รถไปให้โซ่ถึงบ้านเจ้าตัว
พีมเข้าไปเปลี่ยนชุดกลับเป็นเสื้อกีฬาสีกางเกงพละ พร้อมกับล้างหน้าล้างตาถอดคอนแทคเลนส์เปลี่ยนมาเป็นแว่นตากรอบดำประจำตัวเช่นเดิม
“ไหง ใส่แว่นเหมือนเดิม” โซ่เลิกคิ้วถาม
“กูไม่ชิน แบบนี้โอเคกว่า”
“ใส่แว่นจะได้ดูโมเอะว่างั้น”
“พร่อง!”
พีมเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัวเชียร์ลีดเดอร์เพื่อนำชุดไปคืนรุ่นพี่ที่เช่ามาให้เขาจากนั้นเขาก็ต้องตะลอนตามโซ่ไปยังกลางสนามปักร่มคันใหญ่เอาไว้เพื่อบังแดดให้ตากล้องขาใหญ่อัดวิดีโอเชียร์ลีดเดอร์พร้อมแสตน
“มึงไปหลบที่เต็นท์ก็ได้ ไม่ต้องตามกูมาหรอก” พีมขมวดคิ้วพลางปรายตามองไปยังขากล้องตัวใหญ่และกระเป๋ากล้องที่เขาช่วยแบกมาถึงที่พร้อมกับกร่นด่าเพื่อนตัวดี
“ใช้กูขนาดนี้ยังไล่กูอีก เพื่อนเหี้ย!”
“เอ้า! เผื่อมึงร้อน”
“มาขนาดนี้แล้วไอ้ควาย!” พีมส่ายหน้าพร้อมนั่งลงบนพื้นหญ้ากลางสนามปล่อยให้โซ่จัดกล้องจัดมุมอยู่คนเดียวรอเวลาแสดงเชียร์
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าการแสดงเชียร์จะจบลง โรงเรียนของเขามีสี่สีการแสดงทั้งสี่สีให้ไม่เกินสีละสิบห้านาทีแต่ละสีมาด้วยคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันออกไป พร้อมแนวคิดที่สร้างสรรค์ขึ้นเรื่อยๆในทุกๆปี
แสดงให้เห็นความพยายามของรุ่นพี่ในแต่ละปีจริงๆว่าทำงานหนักขนาดไหน
ส่วนสีเหลืองของพวกเขานั้นคอนเซ็ปต์วรรณคดีไทย ตัวเขานั้นก็คิดไม่ออกว่าวันจริงเชียร์ลีดเดอร์จะขนคอสตูมอะไรมาประชันสีอื่นแต่พอมาดูของจริงวันนี้แล้วก็ทำเอาเขาพูดไม่ออก
ชุดกินรีเอย
ชุดครุฑเอย
ชุดพยานาคเอย
และสารพัดฉากหลังที่ขนเอาสัตว์ในป่าหิมพานต์มา
แถมเสียงจากแสตนยังดังกึกก้องทำเอาขนลุกกขนชันได้ง่ายๆ ถือว่าปีนี้พี่สตาฟฝึกน้องมาดีเยี่ยมไม่แพ้สีอื่นจริงๆ และก็ต้องขอบคุณที่โชว์ของสีเหลืองนั้นจบลงไปด้วยดี
หลังจบการแสดงของทั้งสี่สีก็ได้เวลาพักเอาแรงกันอีกยี่สิบนาทีก่อนที่แสตนจะร้องเชียร์ใหม่ให้นักกีฬากรีฑาวันนี้
“พี่เก้าหวัดดีพี่” พีมและโซ่เดินเข้ามาหาน้องที่แสตนพร้อมยกมือไหว้เก้ารุ่นพี่ตุ๊ดจริตจัดผู้คุมแสตนน้องๆปีนี้ แถมยังพ่วงประธานสีอีกด้วย
“น้องพีม พี่เห็นเราแล้วน่ารักมาก!! ตัวนี่ขาวจั๊วะเหมือนพอกกลูต้ามาสิบปี” พีมกระพริบตาปริบๆเมื่อตุ๊ดรุ่นพี่จับไหล่ทั้งสองข้างของเขาไว้พร้อมสาธารยายความในใจตน
“เอ่อ...ขอบคุณครับ”
“แต่ก็ดันมีมารผจญมาแย่งหน้าที่ป้อนน้ำซับเหงื่อน้องพีมจากพี่ไป! อีเบส! อีชั่ว! อีเลว! คิดว่าหล่อแล้วจะแย่งผู้จากตุ๊ดอย่างกูได้เหรอ!” ตุ๊ดรุ่นพี่แสดงสีหน้าเครียดแค้นเสียจนเพื่อนตากล้องของพีมต้องมาสะกิดเพื่อนพร้อมช่วยพีมให้ออกมาจากรัศมีดำมืดที่ทิ่มแทงอยู่นั่น
โซ่ขอตัวออกไปเก็บภาพจากแสตนทั้งสี่สีปล่อยให้เขาทำหน้าที่เทคแคร์น้องๆที่แสตนอยู่ฝ่ายเดียว แต่แทนที่พีมจะเอือมระอากลับยิ้มออกมาเมื่อพบเจอบรรยากาศรอบๆแสตน
พี่สตาฟดุ แต่ก็ห่วงใย
น้องๆถึงจะทำหน้าไม่พอใจแต่ก็พยายามสุดตัว
ถึงการแสดงท่าทางจะสวนทางกันแต่ใจทุกคนพีมเดาไว้น่าจะเป็นหนึ่งเดียวคือทุกคนทำเพื่อสี
แม้จะแพ้จะชนะแต่ทุกคนก็มีความสุข ถึงจะเหนื่อยก็คุ้ม
จะแย่ก็สุข
“น้องคนไหนยังไม่ได้น้ำบ้าง?” พีมป้องปากตะโกนถามอยู่ข้างๆแสตน น้องๆบนแสตนไม่ยกมือขึ้นแต่กลับป้องปากโต้กลับมา
“น้ำอันนี้ได้แล้ว เหลือแต่น้ำอันนู้นยังไม่ได้ค่ะ” เสียงจากน้องๆในแสตนเล่นเอาพีมทำตัวเลิกลั่ก มือไม้ขยับไปไม่ถูกเลยทีเดียว
“ฮิ้ววว!! ลูกๆแสตนฉันทำดีมากจ้า!!” มิหนำซ้ำเสียงตุ๊ดรุ่นพี่ยังชงร่วมไปอีก
“ของดีประจำม.5เลยนะพี่” เสียงจากเพื่อนๆของเขาที่อยู่ห้องเดียวก็ไม่วายจะชงร่วมไปด้วย
“อยากได้สักสองน้ำค่ะพี่!!”
“ฮิ้ววววว!!”
พีมยิ้มเนือยๆส่งไปให้ แต่ในตอนที่เขาจะหันหลังกลับเข้าไปหลบหลังแสตนก็กลับมาร่างสูงคุ้นตาบังเอาไว้
“น้องๆได้น้ำแล้ว แล้วพี่ของดีประจำม.5ได้น้ำรึยังครับ” เสียงนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ถึงจะเจอและรู้จักกันไม่นานแต่วันนี้พีมได้ยินเสียงนี้บ่อยเหลือเกิน
“พี่เบส..” พีมส่งเสียงพึมพำ
“วี๊ด!! พี่เบส!!”
“หนูขอสามน้ำค่ะพี่!!!”
“พี่หล่อเกินไปแล้วค่ะ ฮือออ!!”
“อีเบส! อีผี! จะแย่งผู้กูไปเหรอ” เสียงแปดหลอดของเก้าดังขึ้นผ่านโทรโข่งตัวใหญ่เล่นเอาทั้งแสตนเงียบไป พร้อมๆกับแสตนสีข้างเคียง
“เปล่า..กูแค่ดูแลน้องกู ทำไมเหรอ?” เบสเอียงคอมองคนตัวขาวตรงหน้าพร้อมกับส่งสายตาไปทางตุ๊ดเพื่อนร่วมห้องจนเจ้าตัวถึงกับปรี๊ดแตกกรี้ดเสียงจนสตาฟคนอื่นต้องลากไปสงบสติอารมณ์หลังแสตนเชียร์
“กินขนมไหมเรา” เบสถาม
“เอ่อ...ก็ได้ครับ”
“สายตาสั้นเหรอ”
“ครับ”
“น่ารักดี”
“...”
“ใส่แบบนี้น่ารักดี” เบสระบายยิ้มออกมาจนทั้งแสตนส่งเสียงกรี๊ดกราดกันยกใหญ่แต่ทางพีมทั้งกลับหลบสายตาคนตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้
เขารู้สึกแปลกๆ
คล้ายๆจะแพ้รอยยิ้มมนุษย์ตัวใหญ่คนนี้
ฮือออออ
“หน้าแดงอีกแล้ว เข้าร่มไปก่อนไป” เบสดันหลังของพีมให้เดินไปหลบหลังแสตน แต่ในตอนนี้ภายในความคิดของพีมนั้นกลับวุ่นวายไปหมด
หน้าแดงคราวนี้คงจะไม่ใช่เพราะแดดแล้ว...ล่ะมั้ง
กีฬาสีดำเนินมาถึงวันปิดงาน เวลาปิดงานนี้คือเวลาประกาศรางวัลนักเรียนทุกคนต้องเข้าแถวเรียงตามสีของตัวเองและฟังประกาศผลซึ่งรางวัลใหญ่ที่ประกาศสุดท้ายสามรางวัลคือ ขบวนพาเหรด เชียร์ลีดเดอร์ และแสตนเชียร์
เป็นรางวัลที่ตั้งตารอมากที่สุด
แต่ก่อนประกาศรางวัลแน่นอนนักเรียนทุกคนต้องนั่งรอทำพิธีการต่างๆฟังคุณครูให้โอวาทกันก่อน แถมแดดตอนเย็นยังแรงเปรี้ยงชนิดที่ว่าหลอมละลายบรรดานักเรียนกลางสนามแห่งนี้ได้เลย
เหล่าบรรดาพี่สตาฟที่ไม่ต้องมาเข้าแถวร่วมด้วยจึงต้องหน้าที่ใช้หมวกที่แสตนพัดให้กับน้องๆที่นั่งเรียงรายหน้าซีดเหงื่อตกกันอยู่
“ร้อนไหม” เสียงของเบสดังขึ้นจากด้านหน้า พร้อมกับหมวกพัดไปมาให้เขาอยู่ สตาฟสีเหลืองเรียงแถวตามช่องของแถวตลอดแนวพัดให้กับน้องๆ
ตอนนี้โซ่ไม่ได้อยู่กับเขาเพราะเจ้าตัวต้องไปถ่ายรูปเก็บงานที่ด้านกองอำนวยการตอนรับรางวัลก็มีแต่เขาที่น้องมานั่งอาบแดดทำผิวแทนอยู่ตรงนี้
พีมพยักหน้าให้เป็นคำตอมทำเอาพี่สตาฟหน้าตาพัดให้แรงขึ้นให้ความเย็นกับคนตรงหน้ารวมไปถึงน้องๆคนอื่นๆรอบข้างๆ
และในที่สุดก็ถึงเวลาประกาศรางวัลต่างๆ บรรดาเสียงกรี๊ดจาดทั้งสี่สีดังสู้กันจนกระหึ่มเหมือนทุกคนนั้นรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพื่อแสดงความยืนดีร่วมกัน
“ต่อไปเป็นรางวัลชนะเลิศขบวนพาเหรดได้แก่สี....” หลังจากประกาศรางวัลกีฬาต่างๆนาๆไปแล้วก็ถึงเวลารางวัลขบวนพาเหรด
จากทั้งสี่สีประกาศรางวัลที่สี่และสามไปแล้ว นั่งคือสีแดงและเขียว นั่นจึงทำสีเหลืองของเขานั้นพากันลุ้นตัวโก่งไปตามๆกันไม่เว้นแม้แต่พี่สตาฟตัวสูงที่ยืนพัดให้เขาก็ต้องหยุดชั่วครู่
พีมหันไปมองตากล้องตัวแสบที่กองอำนวยการก็ต้องหลุดขำเมื่อเจ้าตัวก็ละออกจากกล้องมองหน้าครูผู้ประกาศรางวัลหน้าเหวอๆ
“สี...”
“เหลืองๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“ฟ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เสียงเชียร์จากทั้งสองสีดังกระหึ่มไม่แพ้กันแถมยังมีทั้งสีเขียวสีแดงช่วยร่วมลุ้นไปด้วย
“สีฟ้า ยินดีด้วยครับ!!”
“เฮ้!!!”
“กรี้ดดดดดดดดดด!!!”
บรรดาเสียงกรี๊ดของสีฟ้าดังขึ้นไม่ขาดสาย พร้อมกับบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของพีมนั้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เพราะหน้าที่ทำขบวนเป็นของม.5 ไม่แปลกที่จะเห็นเพื่อนๆร่วมรุ่นของเขาบางคนร้องห่มร้องไห้
เขาก็กลั้นน้ำตาเอาไว้กรายๆเหมือนกัน ถึงเขาจะมีส่วนช่วยทำขบวนไม่มากเพราะต้องจัดเวลามาซ้อม หาชุด แต่ก็แอบเสียใจแทนเพื่อนของเขา
“อะไรเรา จะร้องไห้เหรอ” เบสย่อตัวลงมาถาม
“เสียดายว่ะพี่”
“เอาน่าๆ รู้แพ้รู้ชนะ เขาทำดีกว่าเราก็ต้องยอมรับ อย่างอแงเลย” เบสพูดพร้อมใช้มือลูบหัวพีมไปมาๆเบาพร้อมออกแรงโยกหัวเจ้าตัวไปมาเหมือนโอ๋เด็กๆ
เหล่าตัวแทนขึ้นไปรับถ้วยรางวัลจากผู้อำนวยการมาวางไว้หน้าสีของตนก่อนจะเริ่มประกาศรางวัลต่อไป
“ต่อไปเป็นรางวัลเชียร์ลีดเดอร์รองชนะเลิศอันดับสาม” สิ้นเสียงจากคุณครูผู้ประกาศรางวัลคณะสีต่างๆพากันเงียบลุ้นรางวัลกันตัวโก่งอีกครั้ง
“สีฟ้า”
“กรี๊ด!!!!”
“โว้ย!!!!!”
เสียงดีใจจากสีต่างๆดังขึ้นผสมปะปนกันไปหมด
“รองชนะเลิศอันดับที่สองสี....เขียว!!!”
“กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!”
“เข้ารอบชิงโว้ยยย!!!” เสียงของเก้าแผดลั่นไปทั่วสนามจนคุณครูภายในกองอำนวยการถึงกับหลุดยิ้มออกมา รวมถึงผมด้วย
“เข้าชิงด้วย..” เบสว่า
“คิดว่าจะชนะไหมครับ” พีมเอียงคอถาม
“เพื่อนพี่มันขนทั้งป่าหิมพานต์มาแข่งเลยนะพีม” เบสยิ้มให้คนตัวขาวอย่างนึกเอ็นดู
“รางวัลชนะเลิศเชียร์ลีดเดอร์ได้แก่....” คุณครูปรกาศรางวัลให้บรรรดาคณะสีต่างๆร่วมลุ้นไปด้วย
“สี....”
“....”
“สี.....เหลืองครับบบ!!!”
“กรี๊ดดด!!!!! แม่มึงชนะโว้ยยยยยย!!!!!
“ฮือออ!!!! คุ้มกับค่าชุดลีดแล้วค่ะครู โฮฮฮฮฮฮ!!!”
“ชนะแล้วเห็นไหม”
“ครับ” เบสย่อตัวลงโยกหัวพีมอีกครั้งพร้อมพัดให้กับน้องๆบริเวณนั้น “รอลุ้นแสตนนะพี่”
“ถ้าชนะพี่อุ้มเราวิ่งรอบแถวเลย” เสียงของเบสเหมือนทีเล่นทีจริงจนพีมกระอักระอวน
“ไม่ดีมั้งพี่” พีมยิ้มแหยง
“เราช่วยแจกน้ำแจกขนมช่วยสตาฟตั้งเยอะ แถมน้องๆในแสตนชอบเราเยอะแยะ” เบสแย้ง
“น่าอายออกพี่” พีมยังท้วงไม่เลิกจนคนเป็นพี่ต้องส่ายหน้าหนียื่นคำขาด
“ไม่รู้แหละ พี่คำไหนคำนั้น” พีมถึงกับถอนหายใจเฮือกในขณะที่อีกคนฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
“ต่อไปจะประกาศรางวัลแสตนเชียร์ รางวัลชนะรองชนะเลิศอันดับสามได้แก่...สีฟ้า!!”
“กรี๊ด!!!”
“ฮิ้วววว!!!”
“รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่สอง....สีเขียว!!!”
“พี่ได้เข้าชิงอ่ะ” เสียงของพีมพูดสู้เสียงกรี๊ดที่กระหึ่มสนาม พีมกลั้นยิ้มไม่แถบไม่ไหวตอนนี้ไม่ว่าจะชนะหรือไม่เขาก็ไม่สนแล้ว
ขอแค่ได้มาขนาดนี้เขาก็ดีใจเต็มเปี่ยม
“รางวัลชนะเลิศได้แก่สี....”
“เหลืองๆๆๆๆๆๆ”
“แดงๆๆๆๆๆๆๆ”
“สีเหลืองครับบบบบบบบบ!!!”
“ฮืออออออ ลูกๆของแม่ ทำได้แล้วนะคะ!!!” เสียงของเก้าดังขึ้นพร้อมน้ำตาที่เปรอะเปื้อนแก้มของเจ้าตัวไปหมด ไม่ต่างกับคนอื่นๆที่ยิ้ม ดีใจ ร้องไห้ บางคนถึงกระโดดกอดกัน
หรือคนอื่นๆที่มีวิธีแสดงความดีใจแตกต่างกัน แต่บอกเลยว่าเล่นใหญ่กันทั้งนั้น
ไม่ต่างจากเขา...
“จะอุ้มแล้วนะ” ไม่ทันที่พีมได้เตรียมใจเบสก็ออกแรงอุ้มตัวของเขาลอยขึ้นจากพื้น เหมือนท่าพ่ออุ้มลูกทำนองนั้นเลย
“เฮ้ย! พี่ๆ!”
“วิ่งแล้วนะ”
“เฮ้ยยย!! พี่เบสสสส!!!” พีมร้องเสียงหลงเมื่อเบสออกวิ่งพร้อมอุ้มเขาไว้เหมือนไม่รู้สึกหนักหนาอะไร เขาหลับตาปี๊แถมยังกอดคอรุ่นพี่คนนี้ไว้แน่นกันตก
“อีเบส!! นั่นของกู๊วววว” ไม่ทันที่เก้าจะได้โวยวายอะไรอีกบรรดาเพื่อนๆของเธอก็ลากเธอขึ้นเวทีไปรับรางวัลเสียแล้ว
“กรี๊ดดด!!!”
“ฮิ้วววววววว”
“พี่เบสหล่อๆครับจะถ่ายแล้ว” เสียงของโซ่ พีมจำได้มันดังแว่วเข้าหูเขา
ถ้าพ้นกีฬาสีไปเขาต้องไปจวกเพื่อนตัวแสบเสียหน่อยแล้ว!
“โอเค ลงได้แล้ว” ในวินาทีที่เท้าแตะพื้นใจของพีมอ่อนยวบยาบกับการกระทำฉุกละหุกของคนตรงหน้า เจ้าตัวย่นจมูกไม่พอใจเท่าไหร่แต่ก็ต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“พี่แม่ง”
“ฉลองไง”
“ครับๆ” ทั้งสองยิ้มให้แก่กันจนเป็นสีสันของงานกีฬาสีภายในปีนี้ แน่นอนต้องเป็นจดจำกันไปอีกนาน
หลังจากประกาศรางวัลเสร็จก็เป็นคิวของการเคารพธงชาติและเอาธงสีต่างๆลงพร้อมกับจับมือกันเป็นวงกลมร้องเพลงสามัคคีชุมนุม
“พีมๆ!” เสียงของเบสทำให้เขาสิ่งไปตามเสียงของคนเรียกรวมกลุ่มสีเหลืองวงใหญ่ด้วยกัน
มือเขาข้างหนึ่งจับมือกับเบส ส่วนอีกข้างเป็นของรุ่นน้องม.ต้น ทั้งวงเป็นสีเหลือง
มีทั้งบรรรดาเด็กๆม.ต้น น้องม.4 เพื่อนร่วมรุ่น พี่สตาฟต่างพากันร้องเพลงยิ้มให้กันอย่างเป็นสุข
มือใหญ่ของรุ่นพี่บีบมือของพีมเบาๆ เขารับรู้ได้จึงส่งยิ้มไปให้ไม่ต่างจากรุ่นข้างๆ
ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ
เราต่างพากันสุข
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมช่วงวัยเรียนที่ทุกคนมีส่วนร่วม
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทุกคนทุ่มเท และเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทุกคนไม่อาจลืมเลือน
มักจะหวนย้อนกลับให้คิดถึงในทุกๆปี เหมือนกับมันเป็นอีกหนึ่งสีสันในชีวิตมัธยม
พีมระบายยิ้มออกมาช่วยไม่ได้ หลังจากผู้อำนวยการและคณะครูต่างพูดปิดงานกีฬาสีประจำปีนี้จบทุกคนต่างพากันโยนหมวกประจำสีของตนขึ้นบนฟ้า
เป็นภาพที่สวยงามประจวบกับพระอาทิตย์ใกล้ตกดินทีเดียว
อีกหนึ่งสีสันหลังจบกีฬาคืองานรื่นเริง ร้องเพลงของรุ่นพี่ที่จัดขึ้น เสียงเพลงเริ่มบรรเลงนักร้องถือไมค์พูดด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
“มาเร็วว!! วัยรุ่น!! มาวาดลวดลายกัน!!!”
“วู้ยยยยยย!!!!” บรรนักเรียนแต่ละคนวิ่งกรูกันไปรวมตรงลานหน้าเวทีแต่ละคนกอดคอกระโดดตามเสียงเพลงกันขึ้นเป็นเหมือนเวฟ
พีมกวาดสายตามองหาโซ่แต่ก็พบว่าเจ้าตัววิ่งแจ้นขึ้นไปข้างเวทีถ่ายรูปเสียแล้ว
เห็นแล้วเขารู้สึกลำบากแทนคนอยู่บนเวที ที่ต้องมีเพื่อนตัวดีของเขามาวุ่นวายหามุมถ่ายรูป
แต่ทุกคนสุขสันต์ ระบายยิ้มออกจนเป็นภาพที่สมควรถูกถ่ายเก็บไว้
“ไม่ไปร่วมวงด้วยเหรอเรา” เบสถามพร้อมเดินมายืนเคียงกับเขา
“ไม่ไหมว่ะพี่ พี่เถอะปีสุดท้ายแล้วนะไม่ไปแจมกับเขาเหรอ” วงในสุดเป็นพวกพี่สตาฟม.6ทั้งนั้น เพราะเป็นสุดท้ายจึง
พยายามร่วมมีส่วนร่วมและสนุกให้เต็มที่ที่สุด
“กีฬาสีเนี่ยปีสุดท้าย” พีมหันไปมองคนแก่กว่าที่ยืนอยู่ข้างๆ
“แต่เรื่องของเราเพิ่งเริ่มต้น” รุ่นพี่ระบายยิ้มให้จนเขาใจเต้นไม่เป็นระส่ำแข่งกับเสียงเพลงจนแทบจะกลืนกันไป
“มาเริ่มกันเถอะ ตั้งแต่ตอนนี้เลย”
“....”
“เริ่มจากอะไรดี แลกเฟสกับเบอร์กันก่อนเนอะ”
“ครับ”
แช๊ะ
เสียงจากกล้องถ่ายรูปดังขึ้น ภาพที่ถูกถ่ายเป็นรูปชายหนุ่มตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาขวัญใจสาวๆหลายๆคนกับชายหนุ่มอีกคนตัวขาวสว่างจ้า สูงเพรียว ใส่แว่นกรอบดำ หน้าตาหน้ารัก กำลังยิ้มให้จนหน้าอิจฉา
โซ่ยิ้มให้กับภาพที่เขาถ่าย
และนั่นก็เป็นหนึ่งในภาพของความทรงจำ
กีฬาสี กีฬาสัมพันธ์ของปีนี้...
ควันหลงจากกีฬาสี ความทรงจำดีที่เราไม่ลืมในชีวิตมัธยม
แต่งวันเดียวจบ แอบอู้งานมาแตงเลย