Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]  (อ่าน 64892 ครั้ง)

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ทำไมพี่บอสต้องพูดอะไรทำนองนี้ มันดูติดลบ
หรือหวังผลอะไรละสิ
สงสารมิวนะ เข้าใจอารมณ์คนที่รู้สึกไปแล้วมันจะเป็นแบบนี้
อึดอัดน่าดูเลยนะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
นี่งงกับบอสละว่าต้องการอะไร

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 13




ผมกลับมาอยู่บ้านตัวเองได้เป็นวันที่สามแล้ว

บอกได้เลยว่าหนีหน้าพี่กชแบบสุดหล้าฟ้าเขียวมากตั้งแต่วันที่เขาหัวเสียใส่ผมแล้วออกจากห้องไป อันที่จริงหลังจากที่ผมคว้าข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋าแล้วออกจากห้องเพื่อกลับบ้าน ผมเห็นพี่กชวิ่งสวนทางไปที่ห้องของพวกเราโดยไม่หันมองรอบๆ ข้าง

บอกตามตรงว่าภาพนั้นทำให้ผมลังเล ประกายความหวังผุดขึ้นมาในใจ บางทีเขาอาจจะรีบกลับมาเพื่อขอโทษผม คุยกับผมดีๆ หรือไม่ก็กลับมาด่าซ้ำ และไอ้ความคิดอย่างหลังนี่แหละที่ทำให้ผมตัดใจ หมุนตัวออกจากหน้าหอของตัวเองวิ่งไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อขึ้นรถกลับบ้าน

...ก็เป็นอะไรประมาณนั้นแหละครับ

ผมรู้ว่าตัวเองขี้ขลาด ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งในโลกไซเบอร์ การที่ผมไม่ตอบอะไรแฟนๆ เลยถือเป็นคำตอบที่ชัดเจนมากพอแล้ว หลายคนคงผิดหวังในตัวผม แต่บางคนก็ยังใจดีบอกว่าจะรอจนกว่าผมจะพร้อมที่จะพูด น้องมังกรเองก็เป็นอย่างหลัง แต่ไม่สำคัญตอนนี้หรอก ผมเองก็ผิดหวังกับตัวเองเหมือนกัน

ไอ้มอสในชุดนักเรียนก้าวเท้าเข้ามาในห้องนอนผมด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

“แม่ให้มาตามไปกินข้าวเช้า เดี๋ยวสาย”

“เคาะประตูหน่อยก็ดีนะ” ผมพูดอย่างไม่จริงจัง “ถ้าพี่โป๊อยู่จะทำยังไง”

น้องสาวสุดห้าวของผมกลอกตา “อย่างกับมอสจะสน มาเร็วพี่มิว เลยไปส่งพี่ก็กินเวลาไปตั้งมาก แล้วต้องส่งมอสอีก ถ้าพ่อไปทำงานสายก็โทษพี่คนเดียวแล้ว”

ผมถอนหายใจเฮือกพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ อันที่จริงผมไม่มีเรียนคาบแรกหรอก แต่ขี้เกียจนั่งรถตู้รถเมล์ฝ่ารถติดไปที่มหาลัยตอนสายๆ ไปกับพ่อเลยมันง่ายกว่า มอสบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลยว่าทำไมผมไม่รีบๆ แก้ปัญหาของตัวเองแล้วกลับไปอยู่หอเหมือนเดิมซะ ค่าหอก็จ่ายเท่าเดิม

ก็จริงของมัน แต่ผมไม่รู้นี่ว่าจะแก้ปัญหายังไง

จริงๆ วันแรกที่ผมกลับบ้านมาผมก็ระบายปัญหาให้น้องสาวฟังอยู่เหมือนกัน ยัยนี่เป็นประเภทเดียวกับไอ้เก่ง คือรับฟังเงียบๆ คอยอยู่ข้างๆ แต่พูดปลอบไม่เป็น แต่ตอนที่มอสเข้ามาในห้องทุกคืนแล้วชวนผมเล่นเกมเรื่อยเปื่อยเป็นอะไรที่ช่วยได้เยอะมาก ยิ่งตอกย้ำให้ผมเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วครอบครัวก็จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ถึงแม้บางทีมันจะกวนประสาทหรือหงุดหงิดใส่ผมบ้าง แต่ผมรู้ว่ามันก็ห่วง บางทีผมควรรีบแก้ปัญหาของตัวเองอย่างจริงจังได้แล้ว

“ขอบคุณที่มาส่งครับพ่อ” ผมยกมือไหว้หลังจากที่รถจอดลงที่หน้ามหาลัย หันไปหาไอ้มอสที่นั่งเบาะหลัง มือกดโทรศัพท์จึ้กๆ “ไปละนะมอส”

“เย็นนี้ไม่ต้องกลับมาล่ะนะ”

นั่น ดูมัน น้องสาวผม

“ทำไมพูดกับพี่แบบนั้นล่ะ มอส” พ่อพูดเสียงดุใส่มัน เจ้าตัวยักไหล่

“ก็พี่มิวเอาแต่หนีปัญหา ไม่ยอมคืนดีกับพี่กชสักที หอก็จ่ายค่าเช่าอยู่ทุกเดือน มอสว่าถ้าพี่มิวจะกลับมาอยู่บ้านนานขนาดนี้ก็ออกจากหอมาเลยดีกว่า”

“แต่เวลาพี่ทำงานกลุ่มพี่ต้องอยู่ดึก” ผมพูดเหมือนคราง นั่นเป็นเหตุผลแรกๆ เลยที่เลือกมาอยู่หอแทนที่จะไปกลับ

“ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ถ้ายังมีหออยู่ก็ควรอยู่ให้มันคุ้มหน่อย”

ก็จริงของไอ้มอส แต่ให้ตายเถอะ ไอ้น้องบ้านี่ ผมแค่กลับไปอยู่บ้านไม่กี่วันมันก็กัดแหลกขนาดนี้แล้วเรอะ ก็รู้แหละว่ามันคงอยากให้ผมรีบๆ คืนดีกับพี่กช แต่ผมยังไม่พร้อมนี่นา…

“เอาเถอะ ถ้าให้พ่อมารับก็โทรมาแล้วกัน โอเคไหม? ” พ่อผมตัดบทพร้อมกับเตรียมออกรถ ผมตอบรับพร้อมกับโบกมือลา มองจนหลังรถกลืนหายไปกับรถคันอื่นๆ ในท้องถนน

เฮ้อ… ไม่อยากไปเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว







อันที่จริงแล้วนะ รู้อะไรไหม ผมว่าตอนนี้ผมอยากเรียนแล้วล่ะ อยากอยู่ในห้องเรียนยาวๆ แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์สอนมากเลย อยากแสวงหาความรู้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

นั่นเป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวหลังจากที่เจอปัทและกลุ่มเพื่อนสาววาย (มั้ง) ของตัวเองโดยบังเอิญ… ไม่สิ ไม่น่าบังเอิญ คาดว่ายัยนี้คงรอดักผมมากกว่า เพราะพอเห็นหน้าผม เจ้าตัวก็พูดเสียงเข้มเลย

“เฮ้ย มิว ว่างเปล่า เรามีอะไรจะคุยด้วย”

โอ้โห ยกเพื่อนมาขนาดนี้มีหรือผมจะไม่รู้ว่าพวกหล่อนอยากคุยอะไร บางคนเคยเข้ามาขอถ่ายรูปคู่ของผมกับพี่กชเลยด้วยซ้ำ

“เอ่อ โทษที ไม่ว่างว่ะ” ว่าแล้วผมก็จ้ำเท้าหนีอย่างรวดเร็ว และคนที่เตรียมตัวมาเค้นเอาคำตอบอย่างหมายมาดมีหรือจะยอมรามือง่ายๆ

“ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แค่ตอบเรามาคำเดียวก็พอ ตกลงว่ามิวคบอยู่กับพี่กชจริงไหม หรือว่าแค่แกล้งคบกันตามที่ข่าวลือว่า”

“เราไม่ว่างจริงๆ ” ผมพึมพำพร้อมกับเลี่ยงไปอีกทาง แต่ปัทก็ยังตามมาราวีอยู่นั่น ดีนะที่เดินตามมาคนเดียว แต่คนอื่นๆ ที่อยู่กลุ่มเดียวกับปัทนี่สิเริ่มก้มลงกระซิบกระซาบกันแล้ว

“เราว่าแบบนี้คงเป็นจริงตามข่าวลือแล้วว่ะ”

“เออ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงคงออกมาปฏิเสธแต่แรกแล้ว”

“สรุปแค่ตอแหลใช่ปะ? ”

“กูว่าปัทไม่ต้องถามแล้วล่ะ ชัดขนาดนี้”

ไอ้ห่า กระซิบกันยังไง ทำไมผมได้ยิน หรือว่าผมหูดีเกิน?

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ตาม หน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นด้วยความอับอาย รู้สึกแย่กับตัวเองจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ปัทก็ยังไม่ปล่อยให้ผมหนีไปง่ายๆ

“มิว นายอย่าหนีิดิวะ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ยิ่งเงียบแบบนี้ก็ยิ่งแย่ ยอมรับออกมาตรงๆ เลยยังจะดีเสียกว่า แบบนี้มันคาราคาซังไม่รู้เรื่องสักที”

แล้วเธอจะมาอยากรู้เรื่องอะไรด้วย...

ผมอยากจะตอกกลับไปแบบนั้น แต่ความจริงก็คือ ผมเลือกวิธีให้ตัวเองได้รับความสนใจด้วยวิธีนี้ มันไม่ใช่ความผิดของปัทหรือแฟนคลับคนอื่นๆ เลยที่จะอยากรู้ความจริงจากผม ผมไม่รู้สึกแย่กับใครเลยนอกจากตัวเอง บางทีตอนนี้พี่กชเองก็อาจจะกำลังเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน นี่ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย ขอให้เขาแกล้งเป็นเล่นแฟนด้วยเพราะความเอาแต่ใจของตัวเองแล้วยังจะลากมาเดือดร้อนกับเรื่องพวกนี้อีก

แต่ว่า… แต่ว่า… ตอนที่ผมได้เล่นเกมกับเขาน่ะ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขจริงๆ นะ

ทุกอย่างนั่น… เป็นแค่การแสดงจริงๆ เหรอ

“มิว! ” ปัทเริ่มพูดเสียงดังขึ้นอย่างหัวเสียที่ผมเอาแต่หนีหัวซุกหัวซุน “นายทำแบบนี้ได้ยังไงวะ! นี่เราเป็นเพื่อนนายนะเว้ย! ไม่ใช่น้องๆ แฟนคลับของนาย! ”

“พอได้แล้ว”

น้ำเสียงวางอำนาจดังขึ้นพร้อมกับแรงที่ฉุดข้อมือผมเข้าไปหา ผมอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจ ปลิวไปตามแรงนั้นอย่างง่ายดายเพราะไม่ทันตั้งตัว และเมื่อเงยหน้าไปมองร่างสูงผมก็ต้องอ้าปากค้าง จะไม่ให้ตกใจยังไงไหวล่ะครับ

ในเมื่อคนที่เข้ามาห้ามทัพให้ผมคือพี่กช

“พี่กช” ผมเรียกเขาอย่างสับสน หน้าร้อนขึ้นด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกัน

ให้ตายเถอะ… ผมไม่ได้มองหน้าเขาชัดๆ แบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว หลายวันที่ผ่านมานี่ผมหลบหน้าเขาตลอด ไม่ว่าเขาจะพยายามส่งข้อความมานัดเจอ ดักรอผมที่หน้าห้องเรียน ไปตามสถานที่ที่ผมไปบ่อยๆ ผมก็หนีเขามาอยู่เรื่อย และพอได้เห็นเขาใกล้ๆ แบบนี้ สัมผัสตัวผมอยู่แบบนี้

บอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่แน่ใจว่ารู้สึกอะไรมากกว่ากันระหว่างสุขจนล้นปรี่กับกลัวจนลนลานไปหมด

“ผมรู้ว่าพวกคุณสงสัยเรื่องข่าวลือของผมกับมิว” เขาว่าพร้อมกับกวาดตามองทุกคน บางคนหลบตาหนีอย่างตกใจ บางคนจ้องกลับอย่างท้าทาย บอกเลยว่าคนประเภทหลังใจเด็ดมากเพราะตอนนี้พี่กชดูมีอำนาจแล้วก็น่ากลัวกว่าตอนปกติมากๆ ๆ จริงๆ นะ “แต่ให้ผมบอกพวกคุณตรงนี้เลยว่าเราคบกันจริงๆ ”

แล้วอยู่ๆ พี่กชก็ทำในสิ่งที่ผมและทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่คาดคิดมาก่อนอย่างรวดเร็ว

พี่กชก้มลงมาจูบปากผม!

ผมว่าผมได้ยินเสียงกรี๊ด เสียงกดชัตเตอร์กล้องมือถือ แต่ผมไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะกำลังสับสนอย่างแรง ผมเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกเหมือนถูกสาปเป็นหินทั้งๆ อย่างนั้น

นั่นมันจูบแรก… จูบแรกของผม

จูบแรกในชีวิตของผม!

แล้วผมก็ต้องมึนหนักเข้าไปอีกเมื่อนัยน์ตาสีช็อกโกแลตของร่างสูงมองลงมาอย่างห่วงหา คิดถึง รู้สึกผิด แล้วก็อะไรอีกหลายอย่างปนเปกันไปหมด

แต่ผมกลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อผมอย่างชัดเจน

พี่กชไม่ได้แค่จูบผมอย่างขอไปทีหรือเพื่อแสดงละครอะไร เขาจูบผมเพราะเขาต้องการจะจูบจริงๆ

ชายหนุ่มรุ่นพี่หันกลับไปพูดเรื่องที่ยังค้างอยู่ต่อกับทุกคน

“แล้วก็แน่นอนว่าเราก็มีปัญหากันบ้าง… ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของคนที่คบกันอยู่แล้ว คราวนี้ผมว่าเราคงเคลียร์กันชัดแล้วใช่ไหมครับ? ผมเองก็เบื่อที่ต้องมานั่งตอบคำถามพวกนี้เหมือนกัน”

“ให้ตาย! ”

“ดูหน้ามิวดิ! แดงไปถึงหลังหูแล้วอ้ะ”

“ใครถ่ายช็อตเมื่อกี้ทันบ้าง? ”

แต่พี่กชไม่ปล่อยให้ผมหน้าแดงอยู่ตรงนั้นนานนัก เขาก้มลงกระซิบข้างหูด้วยเสียงอ่อนโยน ริมฝีปากอุ่นของเขาเฉียดที่ข้างขมับ

“กลับห้องกันเถอะ” หางเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย “พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย”

ไม่รู้ว่าเพราะยังอึ้ง ยังสับสน หรือเพราะเคลิ้มไปกับสัมผัสอบอุ่นจากมือของอีกฝ่าย แต่รู้ตัวอีกทีผมก็โดนพี่กชลากขึ้นมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเองแล้วพามาถึงหอจนได้

มือแกร่งยึดข้อมือผมไม่ยอมปล่อยไปตลอดทางระหว่างที่เดินไปตามทางเดิน ความงุนงงของผมเริ่มจางหายไป แทนที่ด้วยความขวยเขิน ซึ่งมันบ้ามาก ผมเพิ่งร้องไห้เพราะเขามาเมื่อไม่กี่วันก่อน เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย (คือเขาก็ทักมาแหละ แต่ผมไม่ได้ตอบกลับไง) แต่ผมก็ยังจะใจเต้นกับพี่กชอย่างนี้อีกเนี่ยนะ?

บ้าไปแล้ว!

แต่แล้วทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง พี่กชลงกลอนล็อก มือหนาก็ปล่อยแขนผมออกด้วยแรงที่ดันออกมาเหมือนจะเหวี่ยงเล็กน้อย ผมใจหายวูบเลยตอนที่เห็นสีหน้ารวดร้าวและน้ำเสียงเหมือนเจ็บปวดของผู้ชายคนนี้

“พอสักทีได้ไหม มิว”

ผมช็อก ยังงงอยู่ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

“ทำไมต้องหนีหน้ากันด้วย คิดจะลงโทษพี่ไปถึงเมื่อไหร่ พี่เองก็รู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่เหมือนกัน แต่การหันหน้าหนีคือวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้วเหรอ? ”

ให้ตาย เมื่อกี้ปัทก็พูดกับผมแบบนี้ เมื่อเช้ามอสก็พูดกับผมแบบนี้ ทุกคนในเน็ตก็พูดแบบนี้ แล้วตอนนี้ก็พี่กชอีกคน

“พี่ไม่เล่นเกมของมิวแล้วนะ! ”

สิ้นประโยคนั้น ผมอ้าปากค้างทันที ในหัวพยายามประมวลผลตามให้ทัน

“เกม…? ” ผมทวนคำงงๆ หมายความว่ายังไง เกมของผมเหรอ? เกมอะไร ผมไม่เคยเล่นเกมอะไรในชีวิตจริงทั้งนั้น “เกม!? ”

นี่พี่กชคิดว่าความรู้สึกของผม… ความรู้สึกของพวกเราเป็นแค่เกมหรือไง! บอกเลยว่าถ้านี่เป็นเกม มันก็ไม่สนุกสักนิด!

“พี่ไม่อยากเล่นเป็นแฟนกับมิวอีกแล้ว! ”

ผมหน้าชา ใจนี่ดิ่งหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย ได้ยินก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นรัวขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวเลยด้วยซ้ำ

ไม่เอานะ… ถ้าพี่กชจะเลิกเล่นเป็นแฟนกับผมเพื่อกลับไปคบกับพี่ก้อยล่ะก็… ไม่เอา ไม่เอาแบบนั้น

“แต่พี่อยาก…” สุ่มเสียงนั้นแผ่วลง “อยากจะเป็นแฟนกับมิวจริงๆ ”

หือ?

ผมเงยหน้าพรวดขึ้นไปมองร่างสูงทันที ใบหน้าคมแดงแปร๊ดอย่างชัดเจนชวนให้คนเห็นอย่างผมต้องเขินตามไปด้วย มือหนายึดหลังต้นคอของตัวเองอย่างประหม่า เดี๋ยวก่อนนะ ที่ผมได้ยินเมื่อกี้นี่ไม่ได้หูฝาดไปเองจริงๆ ใช่ไหม?

“เอ๊ะ” ผมพูดออกไปงงๆ เลือกใช้คำได้เก่งมาก มิว จริงๆ นะ “แต่… พี่… เอ๊ะ? ”

“พี่ชอบมิว” พี่กชพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดันตัวผมให้ถอยร่นไปติดกับผนังห้องด้านหลังกันไม่ให้หนีออกไปจากคำสารภาพรักของตัวเองได้

แล้วตอนนี้ผมก็หนีไปไหนไม่ได้จริงๆ ด้วย!

“พะ… พี่กช” เสียงผมสั่น นัยน์ตาสีน้ำตาลที่มองลึกเข้ามาเหมือนจะคว้านไปให้ถึงด้านในตรึงสายตาผมได้อยู่หมัด แค่จะหลบตาเขา ผมยังทำไม่ได้เลยตอนนี้ นับประสาอะไรจากวิ่งหนีออกไปจากที่นี่กันล่ะ

“ชอบ” เขาพูดซ้ำ มันดังพอๆ กับเสียงหัวใจที่เต้นแรงในอกจนแทบจะระเบิดออกมา “ชอบนะมิว”

“ดะ… เดี๋ยวก่อน” ผมยกมือขึ้นมากันแผ่นอกหนาที่เบียดเข้ามาเรื่อยๆ แน่นอนล่ะว่ามันช่วยอะไรไม่ได้เท่าไร “ขะ… ขอเวลานอก ขอเวลานอกครับ”

“ขอเวลานอกอะไร” ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนลมหายใจเป่ารดแก้มผม โอ๊ย! ใจผมจะกระดอนออกมาได้จริงๆ แล้วนะ! “นี่ไม่ใช่เกมนะมิว ไม่มีปุ่มพอสให้หรอก”

“แต่… แต่… ผมไม่เข้าใจ” พูดอย่างสัยสนเต็มที่ “ก็พี่เป็นผู้ชายปกติ พี่ชอบพี่ก้อยไม่ใช่เหรอครับ ก็พวกพี่สองคน---”

“พี่เคยชอบก้อย” กรกชยอมรับอย่างซื่อตรง “แต่นั่นเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้พี่ชอบมิว”

ว้าก! เดี๋ยว! ผมไม่คิดเหตุการณ์มันจะพลิกผันถึงขนาดนี้ ขอเวลาตั้งตัวก๊อน!

“แต่… ผม… ผมงง” โอ้โห จะมีใครทำตัวได้โง่เท่าผมอีกไหม อนาถใจตัวเองโดยแท้

“ไม่มีอะไรต้องงงเลย มิว” พี่กชว่า มุมปากมีรอยยิ้มขันยกขึ้นเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเห็นความไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ในดวงตาของเขา “แค่บอกพี่มาว่ามิวรู้สึกยังไง ถ้ามิวไม่ชอบพี่ก็จะไม่บังคับ ถ้ามิวอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม พี่ก็จะทำให้ ถ้ามันทำให้มิวอึดอัด พี่ก็จะขอโทษ แต่พี่ทนเก็บความรู้สึกนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ขอโทษนะมิวที่พี่เห็นแก่ตัว”

“ไม่… ไม่” ผมส่ายหน้าระรัว เขาไม่เข้าใจหรอกว่าใจผมพองฟูกับความเห็นแก่ตัวของเขามากแค่ไหน “ผมชอบพี่… ผมเองก็ชอบพี่เหมือนกัน แต่ผมกลัว”

กลัวจนไม่กล้าบอก… กลัวว่าจะทำให้ทุกอย่างพัง

พี่กชทาบริมฝีปากร้อนลงบนหน้าผากผมอย่างปลอบโยน

“พี่รู้” เขาเลื่อนหน้าต่ำลงมากระซิบข้างหู คลอเคลียอยู่บนพวงแก้ม กดริมฝีปากแรงๆ ลงไปฟอดหนึ่งในขณะที่ผมหลับตาปี๋ ร่างกายเกร็งไปหมดทุกส่วนอย่างไม่ชินกับเรื่องแบบนี้ “พี่ีรู้ว่ามันน่ากลัว”

เขาหอมแก้มผม จูบลงบนกลีบปากแผ่วเบาอีกครั้งแล้วหยอกเย้าอยู่บริเวณซอกคอ ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดแตกตายด้วยความเขิน แต่รู้ดีว่าเราทั้งคู่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเคลียร์กัน

“เออ/จะว่าไป” ผมกับพี่กชดันพูดออกมาพร้อมกันอีก ผมพยักหน้าให้เขาพูดก่อน

“ผู้ชายที่มิวกอดเมื่อศุกร์ที่แล้วน่ะใคร”

ผมกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงงในตอนแรกก่อนจะร้องอ้อออกมาในที่สุด

“พี่บอสเล่าให้ฟังสินะครับ”

“ตกลงว่าใคร”

“แนท เพื่อนผม”

“แนทเหรอ” เขาขมวดคิ้วมุ่นขึ้น “ไม่เห็นเคยได้ยิน มิวมีเพื่อนชื่อแนทด้วยเหรอ”

“ไว้คราวหน้าผมจะพามาแนะนำให้รู้จักนะ” ผมยิ้มขำ พี่กชยังวางมือยันอยู่กับผนังกันผมหนีอยู่เลย แต่อย่างกับว่าผมจะอยากหนีงั้นแหละ

“เพื่อนกันเฉยๆ ใช่ไหม”

“ครับ แค่เพื่อนจริงๆ ” ผมยืนยัน “เขาแค่ปลอบที่ผมร้องไห้”

ถึงตรงนี้พี่กชก็มีสีหน้าสำนึกผิดขึ้นมาทันที เขาใช้มือข้างหนึ่งเชยคางผมขึ้นไปมองตาด้วยอย่างอ่อนโยน

“พี่ขอโทษนะมิว”

“ไม่เป็นไรพี่” ผมว่าเราชักจะทำตัวหวานเกินไปล่ะนะ หน้าผมยังแดง หน้าพี่กชก็ยังแดง ให้ตายเถอะ แต่ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่ามีความสุขมากจริงๆ “ผมไม่ได้โกรธพี่เลย ผมสิต้องขอโทษเรื่องที่ไปตามสืบเรื่อง---”

“ชู่” เขาก้มหน้าลงมาจูบปากผมแผ่วเบา “ไม่ต้องพูดเรื่องนั้นแล้ว มิว มิวไม่ผิดอะไรเลย”

โอ๊ย ให้ตาย อยากร้องไห้ แปลกไหมทั้งๆ ที่มีความสุขขนาดนี้แต่ก็ยังอยากร้องไห้ได้

“คบกับพี่นะมิว”

ผมเม้มริมฝีปากแน่นขึ้น เผลอกลั้นหายใจด้วยซ้ำตอนเขาพูดออกมาแบบนั้น

“คบกันจริงๆ … คบกับพี่เถอะนะ”

“ครับ” ผมตอบ มองเห็นความยินดีในแววตาของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน “ผมก็เพิ่งพูดไปเองไม่ใช่เหรอว่าผมก็ชอบพี่เหมือนกัน”

“มิว” เขาเรียกชื่อผมอย่างโหยหา จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาจูบผมอย่างอ่อนหวาน มือข้างหนึ่งยังยันอยู่กับผนังก็จริง แต่อีกข้างเลื่อนมาประคองหลังคอผมแล้ว “มิว… มิว”

พี่กชกัดริมฝีปากผมเบาๆ ให้มันเผยอออก ผมยอมทำตามใจเขาอย่างว่าง่าย สะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปาก ผมไม่เคยจูบจริงๆ มาก่อน ไม่ยักรู้เลยว่ามันจะหอมหวาน เร่าร้อน แล้วก็อบอุ่นได้ถึงเพียงนี้

ผมครางเงอะงะในลำคอเพราะตามจังหวะเขาไม่ทัน ทำตัวไม่ถูก รู้แต่ว่าอยากจะจูบตอบเพื่อแสดงให้พี่กชเห็นว่าผมเองก็ชอบเขามากเหมือนกัน

แต่แน่ล่ะว่าผมสู้พี่แกไม่ได้เลย

พี่กชผละริมฝีปากออก ประกบลงมาใหม่ ทำแบบนั้นซ้ำๆ จนผมแทบละลายอยู่ในอ้อมแขนของเขา

ไม่สิ…

ผมว่าผมละลายไปแล้วล่ะ ละลายแบบไม่ทันตั้งตัวเลยจริงๆ





-----------------------------------------
Talk: แหม หวานแสบคอจริงนะพวกแก ถถถถถ #เหม็นความรัก #ทีมโสดแล้วพาล

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
มิวน่าจะใจแข็งไปอีกสักตอนนะ ฮ่าา อยากเห็นพี่กชทุรนทุราย

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ก้อยเป็นตัวปล่อยข่าวแน่นอน พี่กชเป็นแฟนมิวแล้ววววว พี่แกพึ่งจะคิดได้ว่ามีใจให้มิวตอนที่มิวหายไปสินะ

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ดีกันจริงแล้วใช่ไหมน่ะ 555 ดีกันแบบที่คนอ่านไม่ทันตั้งตัวอะ ก๊ากกกกกกกก

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
อยากให้กชง้อมิวนานกว่านี้ โกธรตอนกชพูดไม่รักษาน้ำใจมากก ฮึ

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
น้องมิวววววว หายเครียดได้แล้วน้าา พี่กชเขายอมเปิดปากแล้ววว
มาที่พี่บอสผู้ปากร้ายใจดี(รึเปล่า)ดีกว่าค่ะ อยากเห็นว่าถ้าพี่กชกับน้องมิวคืนดีกันจะพูดว่าอะไร

เป็นกำลังใจให้นเขียนนะค้า <3

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนนี้พี่กชได้กำไรไปเต็มๆเลยนะ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็นแฟนกันจริงๆสักที :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ในที่สุดก็เคลียร์กันเสียที
ถึงจะไม่ชอบที่พี่มันทำเป็นว่าการกระทำบอกทุกอย่าง (บางคนก็ไม่กล้าเข้าข้างตัวเองไหมล่ะ)
แต่ก็ยังดีที่มาดักรอช่วยน้องแล้วพาไปปรับความเข้าใจเสียทีนะ
รอดูว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มีแววเสียตัว55

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
คบ กัน แล้ว เว้ย !!!!

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 14




สองวันก่อนหน้านั้น

นิ้วเรียวแตะลงบนหน้าจอโทรศัพท์ขณะที่หูฟังเพลงซึ่งเสียบสายเข้ากับตัวเครื่อง





SlimeSmileS: มังกร

SlimeSmileS: พี่ว่าจะพี่จะปิดช่องเลยว่ะ





คนที่กำลังฟังเพลงเพลินๆ แทบจะสะดุดล้มคว่ำกลางอากาศ ถ้าไม่ได้ติดที่ว่าเขานั่งเล่นอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเองอยู่ล่ะก็นะ

ชายหนุ่มกนะชากสายหูฟังออกจากหู ความรื่นรมย์ที่มีหายไปจนหมดเพราะความลนลานและความตกใจเข้ามาแทนที่





Vk Dragon: เฮ้ย ทำไมอ่ะพี่

Vk Dragon: เพราะข่าวลือที่เจออยู่เนี่ยเหรอ?





เขากลั้นใจรอเจ้าของชาแนลที่ตัวเองติดตามมานานตอบกลับ





SlimeSmileS: อืม

SlimeSmileS: มันเบื่อๆ ด้วยอ่ะ

SlimeSmileS: มีหลายอย่างต้องทำ

SlimeSmileS: งานมหาลัยก็เยอะ ไหนจะสอบอีก

SlimeSmileS: ปิดไปอาจจะดีกว่า





โอ้โห ข้ออ้าง ข้ออ้างมาเป็นล้าน

มังกรรู้ดีว่าสไลม์ที่เขาคุยอยู่ด้วยนี่เข้ามหาลัยมาตั้งหลายเดือนแทบจะจบเทอมอยู่แล้ว ถ้าคิดว่าชีวิตมหาลัยมันหนักจนทำช่องไม่ไหวจริงก็ควรต้องปิดไปแต่แรก ไม่ใช่ปล่อยให้ล่วงเลยมาขนาดนี้ แต่นี่เจ้าตัวมีเหตุผลอย่างอื่นไง





Vk Dragon: ไม่เอาดิพี่ ใจเย็นๆ ก่อน





ร่างสูงเพรียวของคนพิมพ์ผลุงลงจากเตียง ถลาไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบกางเกงยีนขายาวกับเสื้อยืดออกมาเปลี่ยนแทนชุดที่ใส่อยู่บ้าน เดินไปคว้ากระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ ซอยเท้าถี่ยิบลงบันไดเสียงปึงปัง ตาเลิ่กลั่กอยู่กับหน้าจอมือถือ





SlimeSmileS: ก็เย็นอยู่นะ

SlimeSmileS: แต่เบื่อแล้วอ่ะ





เขารีบพิมพ์ตอบอย่างทุลักทุเล





Vk Dragon: พี่แค่นอยด์เรื่องข่าวลือใช่ไหมล่ะ

Vk Dragon: แค่ออกมาอธิบายให้ทุกคนฟังก็พอแล้วนี่ครับ ไม่เห็นต้องลบช่องเลย

Vk Dragon: อย่าลบเลยนะพี่ ผมยังอยากดูคลิปพี่อยู่นะ





หญิงสาวร่างท้วมเดินออกมาจากครัวเพราะเสียงฝีเท้าของลูกชายเมื่อครู่

“บอส” หล่อนว่าเสียงเข้ม มือถือตะหลิวอยู่ข้างหนึ่ง “อ้าว จะออกไปไหนล่ะลูก จะได้เวลาข้าวเย็นแล้วนะ”

“ไปมหาลัย แม่” บอสว่าพร้อมกับกดออกจากแอปพลิเคชันเพื่อต่อสายหาเพื่อนสนิท โทรศัพท์เขาสั่นระหว่างที่กมันแนบหูฟังเสียงสัญญาณ มิวคงจะตอบข้อความกลับมาแล้ว เขาก็อยากรีบตอบกลับแต่ต้องโทรหาไอ้กชเสียก่อน

“ไปทำไมมหาลัย มีเรียนชดเชยเหรอ แล้วแต่งตัวแบบนั้นได้เหรอ”

“โธ่แม่” บอสพูดเหมือนครางขณะผูกเชือกรองเท้า เขารู้ว่าไม่ควรหงุดหงิดใส่อีกฝ่ายแต่ตอนนี้เขาวุ่นวายไปหมด เรื่องที่มิวพูดมาทำเอาเขากังวลเป็นจริงเป็นจังราวกับว่าช่อง SlimeSmileS นั่นเป็นของเขาเสียเอง “ผมจะไปหาไอ้กช… เออ แต่ไม่รู้มันอยู่หอหรืออยู่บ้าน…. ทำไมไม่รับสายวะเนี่ย”

“แล้วจะไปหาเพื่อนน่ะ เอาอะไรติดมือไปบ้างรึเปล่า”

“แม่” บอสว่าอย่างเซ็งๆ “นี่เพื่อนนะ ไม่ใช่ญาติ ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้น”

“ไม่ได้ไง บอสชอบไปรบกวนเพื่อนอยู่เรื่อย”

ชายหนุ่มทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น เขายืดตัวขึ้นหลังจากผูกเชือกรองเท้าเสร็จ

“งั้นผมไปก่อนนะแม่”

“แล้วจะกลับกี่โมง” คนเป็นแม่ถามอย่างอ่อนใจ บอสชำเลืองมองนาฬิกา เลื่อนโทรศัพท์ออกจากหูเพราะไม่มีคนรับสาย ให้มันได้แบบนี้สิ

“เดี๋ยวผมลองไปที่หอก่อน ถ้าไอ้กชไม่อยู่ผมจะไปหาที่โรงกลึงมัน”

บ้านเพื่อนเขาทำธุรกิจนี้มานานแล้ว เขาเองก็มีโอกาสแวะไปเยี่ยมเยียนบ่อยๆ

“โห ถ้าไปบ้านกชก็ต้องวนไปอยุธยาเลยนะ จะไหวเหรอลูก ทำไมไม่โทรไปถามเพื่อนล่ะว่าตอนนี้อยู่ไหน”

“โทรแล้ว---” เขายกมือขึ้นมาข้างหนึ่งเมื่อโทรศัพท์แผดเสียงร้อง กชโทรกลับมาหาแล้ว บอสกดรับ “เออ มึง อยู่ไหน”

“ใครน่ะ” เสียงงัวเงีย มันเพิ่งตื่นแน่นอน ไอ้ห่านี่เพิ่งตื่นทีไรก็ไม่เคยรู้เรื่องตลอด แล้วเดี๋ยวก่อน… นี่มันจะห้าโมงเย็นแล้วนะ

“บอส”

“บอสไหน”

“บอสมอเดียวกับมึง” ตอบกลับได้อย่างเยือกเย็นเพราะเคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน กชรู้จักบอสสองคน แต่ที่เขาไม่เข้าใจเลยคือมันก็ไม่ได้ติดต่อกับบอสอีกคนมาเป็นชาติล่ะ ทำไมยังต้องสับสนอีก

“...อ้อ” ตอบช้าแบบนี้สมองยังประมวลผลไม่ทันแน่นอน

“ตกลงมึงอยู่ไหน” พูดพร้อมกันหันไปทำไม้ทำมือกับแม่เป็นเชิงบอกว่าขอออกไปก่อน แม่เขาพยักหน้าอย่างเอือมๆ แล้วเดินกลับเข้าครัวไป บอสตรงไปที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเอง หยิบหมวกกันน็อกขึ้นมา “หอหรือบ้าน”

“อือ”

“อือพ่อมึงสิ” น่าหงุดหงิดเป็นบ้า “ตอบมาเร็วๆ หอหรือบ้าน”

“หอ” เสียงงัวเงียงุนงง ให้เขาเดานะ มันต้องดื่มหนักมาแน่ๆ รูมเมทไม่อยู่ห้องแค่นี้ช้ำใจจะเป็นจะตาย กากสิ้นดี “โอย มึง ปวดหัว ซื้อยามาด้วยนะ”

“เห็นกูเป็นคนใช้ส่วนตัวมึงเหรอ”

“ทำไมต้องดุด้วยวะ”

“มึงลุกไปอาบน้ำไปไอ้กช” เขาเริ่มไล่ ยกขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ “อีกครึ่งชั่วโมงกูไปหา ล้างหน้าล้างตาให้มีสติหน่อย แค่นี้นะ เจอกัน”

บอสไปถึงหอพักของเพื่อนโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ตอบตกลง สีหน้าของกชบึ้งตึงหลังจากที่เดินมาเปิดประตูให้เพื่อนรักเข้ามาข้างใน อันที่จริงเขาไม่เคยเอาเพื่อนมาที่หอนี้เลยเพราะเกรงใจมิว มิวเองก็ไม่เคยเอาใครมาตอนที่เขาอยู่ด้วย เรียกได้ว่าเคารพความเป็นส่วนตัวของกันและกันจริงๆ

แต่ตอนนี้มิวไม่อยู่ และกชก็ไม่ค่อยอยากอยู่คนเดียว

“เหมือนผีตายซากเลยเพื่อน” ว่าแล้วก็ปล่อยหมาออกมาจากปากหนึ่งตัว หากกชที่ชินแล้วไม่สนใจ เขาเดินเลี่ยงไปอีกทางพร้อมกับยกมือเกาหน้าท้องของตัวเองอย่างเกียจคร้าน บอสไม่แปลกใจเลยที่หมอนี่จะเปลือยท่อนบนแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจกล้ามเนื้อบนหน้าท้องของเพื่อนอย่างที่พวกผู้หญิงในเน็ตกรี๊ดกันหรอกนะ รสนิยมเขายังไม่แย่ขนาดนั้น

หากสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มสนใจกลับเป็นบริเวณโต๊ะทำงานของมิว

บอสเดินเข้าไปสำรวจโต๊ะคอมที่วางข้าวของมากมาย ไม่ถึงกับเป็นระเบียบ แต่ก็ไม่ได้รกรุงรังมากมาย เขาหยิบหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งที่วางอยู่ขึ้นมา นี่เป็นเล่มล่าสุดที่เพิ่งวางตลาดไม่นาน เขาเองก็ตามเรื่องนี้อยู่ ไม่แปลกใจเลยที่รสนิยมเขากับมิวจะคล้ายๆ กัน คิดว่าเขาตามชาแนลของมิวทางยูทูปมาตั้งแต่เปิดแรกเพราะอะไรล่ะ

ความคิดที่ว่าตอนนี้ได้อยู่ตรงที่ที่มิวอัดคลิปมาตลอดทำให้แฟนคลับอย่างบอสตื่นเต้นนิดหนึ่ง แต่เขาไม่แสดงมันออกมาให้ใครเห็นหรอก

กชลากโต๊ะญี่ปุ่นออกมาตั้งตรงกลางห้อง ขมวดคิ้วมุ่นมองเพื่อนที่สำรวจโต๊ะทำงานของรูมเมทตัวเอง

“ไอ้บอส มึงจะไปยุ่งกับของน้องเขาทำไมเนี่ย ออกมา”

“ก็แค่ขอดูเอง” รู้นะว่าเสียมารยาท แต่อดใจไม่ไหวจริงๆ

จะว่าไปมิวก็เป็นไอดอลของเขาในความหมายหนึ่ง ไม่ใช่ไอดอลยิ่งใหญ่แบบที่เขาจะกรี๊ดสลบเมื่อได้เจอ ไม่ใช่ไอดอลแบบที่ได้พบตัวเป็นๆ แล้วอยากจะขอลายเซ็น แต่เขาก็นับถือรุ่นน้องคนนั้นที่มุ่งมั่นทำคลิป สร้างชาแนลของตัวเองขึ้นมาอย่างไม่ย่อท้อแม้ว่ายอดวิวหรือยอดซับจะไม่ได้มากมายเท่าของคนอื่นๆ แต่ทุกครั้งที่มิวเล่นเกม แปลเกมอย่างตั้งอกตั้งใจ คนดูอย่างเขาก็สัมผัสถึงความพยายามของอีกฝ่ายได้

คงเพราะอย่างนั้นล่ะมั้ง… เขาถึงได้ผิดหวังเหลือเกินตอนที่รู้ว่ามิวแกล้งเล่นละครคบกับกชเพื่อจะเรียกคนดู

บอสรู้มาแต่แรกแล้วว่ามิวกลายเป็นรูมเมทของเพื่อสนิทตัวเอง เพราะนอกจากเขาจะคอยตามมิวอยู่เรื่อยๆ ไอ้กชก็คอยเล่าเรื่องในชีวิตของตัวเองให้เขาฟังตลอด

ตอนแรกเขาก็ตื่นเต้นกับเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดจะเผยตัวหรอกว่าเป็นแฟนคลับ เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็เด็กกว่า แล้วเขาก็ไม่คลั่งไคล้ขนาดจะไปตามติดชีวิตเจ้าตัวขนาดนั้น แค่ชอบดูคลิปเกมที่มิวทำไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้นเอง ที่สำคัญ ตลอดเวลาที่เขาติดต่อกับมิวในฐานะแฟนคลับ เขาทำตัวเหมือนเป็นรุ่นน้องอีกฝ่ายมาตลอด อาจเป็นเพราะแฟนคลับส่วนใหญ่ของมิวมีแต่คนที่อายุน้อยกว่าเจ้าตัวด้วยล่ะมั้ง เขาก็เลยไหลตามน้ำคนอื่นไปได้

อ้อ ส่วนเฟสที่ใช้ติดต่อมิวในฐานะ SlimeSmileS น่ะเหรอ? ก็ต้องเป็นอีกแอคเคาท์ที่เขาสร้างขึ้นมาเล่นๆ อยู่แล้ว งานอดิเรกส่วนตัวเขามันติงต๊อง และเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ ในโลกความเป็นจริงรับรู้มากมาย

กชเปิดโน้ตบุ๊คของตัวเองขึ้นมาขณะที่บอสปิดหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นของมิว

“แล้วนี่มึงมาทำไม” กชเริ่มถาม ใบหน้ายับยู่ยี่เพราะเรื่องที่เจอติดๆ กันช่วงนี้ นอกจากจะผิดใจกับรุ่นน้องที่ตัวเองแอบชอบแล้วเขายังประสบกับสภาวะมรสุมการเรียนอยู่ เขามีรายงานตัวหนึ่งที่ยังทำค้างอยู่ ถ้าไม่เสร็จภายในเที่ยงคืนนี้เขาได้เอฟมากินเล่นแน่ “ทำรายงานของอาจารย์พงศ์ศักดิ์เสร็จยัง”

“เสร็จไปสามชาติที่แล้วแล้ว”

“ไอ้ห่า เอามาดูดิ๊”

“มึงมาบอตอนนี้กูจะเอาจากไหนให้ล่ะ” ไม่ได้หยิบอะไรมาจากบ้านเลยนอกจากโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์เนี่ย

“งั้นมึงกลับบ้านไปแล้วส่งมาให้กูด้วย”

“ไอ้เหี้ย มึงยังสบายใจเฉิบได้อยู่อีกเหรอวะ”

คนที่ไม่ได้มีท่าทีสบายใจเฉิบเลยแม้แต่นิดเงยหน้าขึ้นมาจ้องเพื่อนตาขวาง

“มึงเห็นกูสบายใจเฉิบงั้นเหรอ? ”

“ทำไมมึงไม่ไปง้อน้องมิวให้มันจบๆ ”

“มึงคิดว่ากูไม่พยายามเหรอ? ” เขาอุตส่าห์ไปดักรอหลังคาบเรียน ตามโรงอาหาร แต่มิวบทจะหายตัวก็เล่นซะประหนึ่งตัวเองเป็นนินจามืออาชีพ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ

แต่ก็อย่างว่าอีก ชีวิตเขาก็มีหลายอย่างต้องรับผิดชอบ จะให้มาตามแต่รูมเมทก็ใช่ที่ ตอนนี้การเรียนเขาก็กำลังวิกฤต… อะไรก็ได้แล้วตอนนี้ขอแค่ไม่ต้องเรียนซ้ำก็พอ แต่ขนาดตั้งมาตรฐานต่ำแค่นั้นยังแทบเอาตัวไม่รอด

“มึงรู้ไหมว่ากูโกรธมาก” บอสพยายามลากเข้าเรื่อง สาเหตุที่เขามาหาไอ้กชถึงที่ก็มีแค่เรื่องเดียว

“อะไร? ”

“มิวจะปิดช่องตัวเอง”

“อะไรนะ!? ” กชตะโกนลั่นด้วยความตกใจ มองสีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนแล้วใจคอไม่ดี “แต่… ปิดทำไมอ้ะ ก็ทำช่องมาตั้งนาน”

“มึงยังจะถามอีกเหรอว่าเขาจะปิดทำไม”

กชคอตกทันที “แต่… แต่ถึงขั้นปิดเลยเหรอ น่าเสียดายออกนะ”

“ไปบอกเจ้าตัวนู่น”

“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าน้องเขาจะปิดช่อง”

“ก็กูคุยกับมิวมา”

“อ้อ” กชเป็นเพื่อนคนเดียวที่รู้ความลับนี้ของเขา “ที่มึงไปหลอกน้องเขาว่าตัวเองชื่อกิ้งกืออ่ะนะ? ”

“มังกรโว้ย” คนชอบมังกรโวยลั่น “แล้วกูก็ไม่ได้หลอก เขาเรียกนามแฝง”

“คนที่อยู่หลังหน้าจอนี่ไว้ใจกันไม่ได้สักคน”

“มึงกับมิวก็ด้วยใช่ไหม” เล่นหลอกคนดูแบบนั้น

เจ้าของห้องเริ่มตัวลีบลง “ก็… ก็นะ”

“แต่กูถามจริงๆ เถอะ” บอสพูดสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอีกครั้ง “มึงจะอุบอิบเรื่องความรู้สึกของตัวเองไปอีกนานแค่ไหน กูรู้นะว่าทำไมมึงถึงตอบตกลงยอมเล่นเป็นแฟนกับน้องเขาวันนั้น”

กชขมวดคิ้วมุ่นขึ้นเรื่อยๆ ก้มหน้างุดลงกับโต๊ะ

“มึงชอบน้องเขาจริงๆ ”

“เออ” อันที่จริงเขาเคยพูดเรื่องนี้กับไอ้บอสไปแล้ว ไอ้บ้านี่ก็รู้ดี แต่นี่ก็ยังจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดซ้ำอีก

“ทุเรศ” ว่าแล้วก็ปล่อยหมาอีกตัวพร้อมกับส่ายหน้า “แอบชอบเขาก็ทุเรศพอแล้ว ยังจะฉวยโอกาสอีก”

“แอบชอบทุเรศตรงไหน” เฮ้ย อันนี้กชไม่เข้าใจครับ แต่อันหลัง… โอเค สำนึกผิดก็ได้ “แต่ก็นั่นแหละ กูไม่ได้เป็นคนเสนอไอเดียนี้นะเว้ย น้องมิวต่างหาก แล้วตอนแรกกูก็พยายามปฏิเสธแล้ว แต่… แต่…” พูดไปก็นึกถึงสีหน้าอ้อนวอนของอีกฝ่าย นัยน์ตาดำขลับที่เป็นประกายคู่นั้น แล้ว… แล้ว… ใครจะห้ามใจไหวล่ะครับ! แค่กลั้นใจไม่ให้ถลาเข้าไปฟัดตอนนั้นได้ก็เก่งแล้ว!

“แต่มึงเสือกเห็นแก่กิน! ”

“เออ ใช่! นั่นแหละ! ”

“ตอแหล! ” พูดแล้วก็ตบหัวเพื่อนรักไปรอบหนึ่งดังผัวะ! กชแทบหน้าคว่ำไปจูบโต๊ะ “มึงหวังแต๊ะอั๋งน้องเขาอยู่แล้ว ไอ้สัส แต่ละคลิปที่ออกมานี่ อื้อหือ… อย่าให้กูพูดนะ แต่ละอย่างนี่ความตั้งใจจริงของมึงล้วนๆ ”

“กูก็เล่นให้สมบทบาทไง! ”

ยังอีก ยังไม่ยอมรับอีก

บอสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยเพื่อนแก้ปัญหายังไงดีในเมื่อข่าวลือที่ออกมาก็เป็นความจริง

“ถ้ามึงจะเล่นให้สมบทบาทขนาดนั้นก็ไปคบน้องเขาซะเลยสิ” พูดไปด้วยแรงหมั่นไส้ล้วนๆ “จะได้แก้ปัญหาที่คิดไม่ตกกันอยู่นี่ไง”

แทนที่มันจะเห็นดีเห็นงามด้วย ไอ้กชกลับหน้าแดงแปร๊ดอย่างน่าหมั่นไส้ เจ้าตัวกลับก้มหน้างุดจนแทบจะกลืนไปกับโต๊ะได้อยู่แล้ว

ว่าแล้วก็ตบหัวมันด้วยหมั่นไส้อีกที กรกชครวญครางอย่างน่าตบอีกสักรอบ นี่น่ะเหรอ ผู้ชายที่สาวกรี๊ดกันตอนอยู่บนหน้าจอกับมิว พอไม่มีมิวแล้วก็ขี้กากดีๆ นี่เอง

“มึงนี่… ชอบน้องเขาจริงๆ สินะ” ถอนหายใจอีกเฮือก ให้ตายเถอะ เพื่อนกู เป็นผู้ชายปกติมาตั้งนาน...

“ก็น้องเขาน่ารัก” กชสารภาพ “รู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักไปแล้ว”

“มึงรู้ไหม” บอสว่าพร้อมกับถอนใจ “กูเคยว่ามิวว่าใช้มึงเป็นเครื่องมือ”

กชเงยหน้าพรวดขึ้นมาทันที เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน แต่พอได้เห็นท่าทีจริงจังของเพื่อนสนิทแล้วก็ต้องกัดฟันกรอด “ไอ้เลว มึงว่ามิวทำ--”

“ใช่” บอสยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน ขึงตามองเพื่อนนิ่ง “กูควรจะว่ามึงมากกว่า”

“....”

“มึงต่างหากที่ใช้มิวเป็นเครื่องมือ”

“โอ๊ย ไอ้ห่าบอส” คิดยังไงเอามันเป็นเพื่อนสนิทวะเนี่ย “พอมึงพูดออกมาแล้ว กูรู้สึกเหมือนตัวเองทำผิดระดับก่อการร้ายข้ามชาติเลยว่ะ”

“นี่ มึงฟังนะ ไอ้กช” เขาตัดบท สีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง “กูไม่สนว่ามึงจะใช้วิธีไหน ไม่สนด้วยว่ามึงจะทำยังไง แต่มึงต้องไม่ยอมให้มิวปิดช่องของตัวเอง”

“กูจะไปมีสิทธิ์---”

“มึงก็รู้ว่ามิวรักช่องตัวเองแค่ไหน”

กรกชชะงักไปทันที เขานึกถึงความกระตือรือร้นของเพื่อนรุ่นน้องทุกครั้งที่จะอัดวิดีโอ สีหน้ายินดียามที่ได้อ่านคอมเม้นท์จากแฟนๆ ความทุ่มเทของมิวที่มีให้ชาแนลนั่นเป็นของจริง…

“เข้าใจนะ นี่เป็นหน้าที่มึง” บอสโยนงานให้อีกฝ่ายหน้าตาเฉย แต่กรกชไม่คัดค้านหรอก เขาเองก็เห็นด้วยว่าตัวเองมีส่วนต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้

เขาหวังแต่… มิวจะเปิดโอกาสให้เขา







กรกชทำตามคำพูดของเขา

บอสรับรู้เรื่องนี้ได้ขณะที่ไถนิ้วลงบนจอระหว่างที่นั่งกินข้าวในโรงอาหารของมหาลัย มิวอัพคลิปใหม่คู่กับกช เล่นเกมอะไรสักอย่างด้วยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บอสเดาว่าคงมีการแถลงเรื่องข่าวลือในช่วงต้นคลิป แต่เขาจะยังไม่เปิดดูตอนนี้หรอก เขาไม่ได้สนเรื่องที่มิวจะคบหรือแกล้งคบกับใคร

ไม่สิ… อาจจะสนนิดหน่อยก็ได้ แต่แค่เจ้าตัวยืนยันว่าจะทำช่องของตัวเองต่อ แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว

ชายหนุ่มมองเวลาบนมือถือแล้วกดปิดหน้าจอ ยืดตัวขึ้นเอาจานที่กินเสร็จแล้วไปวางในที่คืนภาชนะ หลังจากนี้เขามีเรียนที่ตึกใกล้ๆ นี้แล้วหลังจากนั้นเขาต้องไปทำรายงานกลุ่มตามนัด แล้ววันเขาก็ตั้งใจจะ---

“อ๊ะ! ” เสียงอุทานของใครบางคนพร้อมกับความเปียกชื้นที่หน้าท้องทำให้บอสต้องก้มลงดู

โอ้โห… เสื้อกู ไปหมดแล้วครับ ซดน้ำโค้กจากแก้วของคนตรงหน้ามาหมดจดทีเดียว

แล้วไอ้คนที่เพิ่งทำเสื้อเขาเลอะแบบนี้… ไอ้แว่นแฝดไอ้มิวนี่เอง

จำได้ว่าเด็กนี่ชื่อแนท… เอ๊ะ? หรือว่านัท? แล้วตอนนี้ดวงตาหลังกรอบเลนส์ก็กำลังเบิกกว้างอย่างตกใจ ปากอ้าค้างอย่างคาดไม่ถึง

“ผมขอโทษครับ” แนทพูดอย่างร้อนรน บอสเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างแปลกใจเพราะไม่นึกว่าจะได้ยินคำขอโทษ ก็คราวก่อนที่พวกเขาเจอกันสงครามน้ำลายใช่ย่อยที่ไหน

“ขอโทษแล้วหายเปียกเหรอ” สันดานเดิมแก้ยาก คำพูดกวนประสาทนั่นทำเอาแนทเม้มริมฝีปากแน่นขึ้น หายใจลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์

“ผมจะชดใช้ให้”

“ไม่ต้องหรอก” บอสกลับว่าเสียอย่างนั้น ทำเอาคนที่ตั้งใจควักเงินมาจ่ายอ้าปากค้าง แล้วพอเห็นร่างสูงจะเดินจากไปทั้งๆ อย่างนี้จริงๆ แนทก็เริ่มพูดอย่างงุนงง

“เดี๋ยว พี่”

“อะไร”

“ไม่เป็นไรแน่เหรอ ไม่ให้ผมชดใช้อะไรเลยแบบนี้”

“แล้วนายจะชดใช้ยังไง? ” นี่ถามจริงๆ นะ ไม่ได้ตั้งใจกวน แต่น้ำเสียงอาจจะยียวนไปหน่อย “ถอดเอาไปซักให้ตอนนี้หรือไง? ไม่เป็นไรดีกว่า อาจารย์คงไม่ให้เข้าห้องแน่ถ้าเปลือยท่อนบนไปเรียน”

“แล้ว เอ่อ… ผมออกค่าซักให้ดีไหม” พยายามหาทางออก บอสส่ายหน้ารัวๆ

“แค่เสื้อเปียกแค่นี้ เดี๋ยวเดินๆ ก็แห้งแล้ว”

“เอ่อ” แนทยังไม่แน่ใจว่าทุกอย่างจะโอเค ก็ครั้งที่เจอกันตอนแรกดูรุ่นพี่คนนี้งี่เง่าเอาเรื่องนี่นา… “ก็… ถ้าพี่โอเค ผมก็โอเค”

“อืม” พูดพร้อมกับสะบัดเสื้อเล็กน้อย ให้ตาย เปียกเยอะเหมือนกันนะเนี่ย “ไปละ มีเรียน”

“ขอโทษอีกครั้งนะพี่”

ไม่รู้ทำไม อาจเป็นเพราะเขามีอิมเมจของแนทแย่พอๆ กับที่แนทมีอิมเมจของเขา ประมาณว่าปากหมาด้วยกันทั้งคู่ แต่พอได้ยินอีกฝ่ายขอโทษรัวๆ แบบนี้ บอสก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้

“ขอรับคำขอโทษไว้แล้วกัน”

แล้วเจ้าตัวก็เดินไปเรียนทั้งสภาพเปียกปอนแบบนั้น





---------------------------------------
Talk: สุขสันต์วันเด็กค่ะทุกคน <3 แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตามนอกจากขดตัวอยู่ในผ้าห่ม//ซุกเตียง

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่อ ที่แท้บอสก็เป็นน้องมังกรของพี่สไลม์ยิ้มนี่เอง
ผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าขึ้นระหว่างพี่กชกับมิวสินะ ฮุฮุ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ้าว บอสเป็นแฟนคลับมิว พีคไปอีก 55555

ออฟไลน์ rsmrypngpth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นี่ร้องดังมาก ฮ่าๆๆๆๆ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 15




ในที่สุดผมก็ตัดสินใจสารภาพทุกอย่างกับคนดู

ผมคุยกับพี่กชเพื่อขอความเห็น เขาเองก็เห็นด้วยกับผมว่าการโกหกต่อไปไม่ใช่ความคิดที่ดี

แต่การทำคลิปแถลงข่าวใหญ่โตแบบเป็นจริงเป็นจังก็ไม่น่าใช่ความคิดที่ดีเหมือนกัน ผมกับพี่กชเลยตัดสินใจพูดถึงเรื่องนี้ก่อนจะเริ่มเล่นเกมเป็นปกติเพื่อที่จะไม่ให้น้ำหนักเรื่องนี้รุนแรงมากเกินไป

“ก็… ก่อนจะเริ่มเกม ผมมีเรื่องจะสารภาพกับทุกคน” ผมว่า สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกขวัญกำลังใจ ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงข้างตัววางมือลงบนบ่าแล้วบีบเบาๆ บริเวณที่พี่กชสัมผัสร้อนวูบขึ้นทีเดียว เหมือนหน้าผม “เฮ้ย! ” ร้องจริงสะดุ้งจริงครับ พี่กชแกล้งทำหน้างงใส่

“อะไร”

“พี่มาจับผมทำไมเนี่ย”

“ก็ให้กำลังใจไง” ยัง ยังจะส่งยิ้มไม่รู้เรื่องมาอีก โอ๊ย… ให้ตาย ใจเย็น สงบหน่อยมิว สงบ

“อย่าเพิ่งสิครับ เนี่ย เห็นไหมว่าเราสองคนกำลังตกเป็นข่าวกันอยู่ ยังจะเล่นไม่รู้เวล่ำเวลาอีก”

“ตกเป็นข่าว? ” เขาแกล้งเอียงคอเหมือนสงสัยเสียเต็มประดา น่ารัก… ผมเพี้ยนไปแล้วรึเปล่าที่เห็นเขาน่ารักเนี่ย “แหม พูดเหมือนเราเป็นดาราดังเลยเนอะ”

“ดังไม่ดังก็เป็นข่าวแล้ว”

“แล้วข่าวมันว่าไงนะ มิว”

“ก็…” นี่เป็นบทที่เราเตี๊ยมกันมาคร่าวๆ คือทำยังไงก็ได้ให้การสารภาพครั้งนี้ไม่ดูจริงจังจนเหมือนสารภาพผิดต่อหน้าศาลในคดีอาชญากรรมหรืออะไรแบบนั้น “มีคนบอกว่าเราแกล้งคบกันหลอกๆ ”

“แกล้งคบกันหลอกๆ ” พี่กชชี้นิ้วมาที่ผมสลับกับตัวเอง เขาเป็นคนที่เล่นละครเป็นคนเอ๋อได้เก่งมาก หรือไม่เขาก็เอ๋อจริงๆ “เราสองคนอะนะ? ”

“ใช่”

“แล้วเราแกล้งเล่นเป็นแฟนกันจริงๆ ไหม”

“ก็… จริง” นี่แหละครับ ส่วนที่ยากที่สุด แต่ผมไม่อยากเลี่ยงการพูดความจริงอีกแล้ว เพราะผลลัพธ์ที่ตามมามันหนักหนาเกินไป ที่สำคัญ… มันเหมือนทรยศต่อคนที่ตั้งใจติดตามผมจริงๆ

“แล้วตอนนี้ล่ะ? ”

“ก็… คบ…” ผมก้มหน้าลง พูดเสียงเบาเพราะรู้สึกว่าเลือดสูบฉีดแรงขึ้นบนหน้า “คบกันจริงๆ ”

“ฮะ? พูดอะไรนะ ไม่ค่อยได้ยินเลยครับ” ไม่พูดเปล่า พี่กชดึงผมเข้าไปกอดแนบอก โอ๊ย! นี่เขาจะฆ่าผมด้วยการปล่อยให้เลือดสูบฉีดหัวใจแรงจนตายไปเลยใช่ไหม! “อะไรจริงไม่จริงนะ? ”

“ก็… ก็ตอนนี้เราคบกันจริงๆ ” ผมกลั้นใจพูด ผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วกลับมานั่งเก๊กที่ประจำตัวเองต่อ “ไป จบ จบการแถลงข่าวครับ ท่านผู้ชม เราจะเริ่มเกมกันได้รึยัง”

“อ้าว เขินหน้าแดงเลย” พี่กชยังล้อผมไม่เลิก แถมตอนนี้ยังเลื่อนมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ อีก ผมปัดมือเขาออกแทบไม่ทัน คือไม่รู้ทำไม แต่พอเราคบกันแล้วมาทำเรื่องแบบนี้ ผมกลับยิ่งรู้สึกเขินกว่าเดิมอีก

“อย่าน่า พี่กช ไม่เอา”

“โอเคๆ ” เขาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี “ไม่แกล้งแล้วครับ ไม่แกล้งแล้ว”

“ก็… ผมขอสรุปเหตุการณ์ทุกอย่างไว้ตรงนี้เลยนะครับ แล้วเดี๋ยวจะเขียนแจ้งลงหน้าเฟซบุ๊คอีกรอบด้วย” ผมพูดสรุป หมดเวลาวิ่งหนีความจริงสักที ต่อให้วินาทีที่ผมลงคลิปนี้ไปช่องผมอาจจะล่มก็ตาม แต่ผมก็ต้องรับในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปให้ได้สิ ถูกไหม? “ตอนแรกผมกับพี่กชแกล้งคบกันจริงๆ ตามที่ข่าวว่า”

“อ่าฮะ”

“แต่ตอนนี้เราสองคนคบกันแล้วจริงๆ ”

“ใครเป็นคนสารภาพรักนะ? ”

คำถามนั้นทำผมชะงักไป ผมจ้องรอยยิ้มยียวนของคนข้างตัวก่อนจะเลิ่กลั่กอย่างไปไม่เป็น

“ก็… ก็พี่ไม่ใช่หรือไงครับ รู้แล้วยังจะมาถามอีก”

“อ้าว พี่เป็นคนสารภาพรักเหรอ” พี่กชพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกแล้ว ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดลงมาทำเอาหัวใจผมเต้นสะดุดตีลังกา ไม่เอ๊า! นี่เขาจะทำผมเขินอีกสักแค่ไหนเนี่ย!? “ไม่ใช่มิวหรอกเหรอ”

“พี่ต่างหากล่ะ! ” ไอ้คนขี้จุ๊! พี่กชหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี หากใบหน้ามีสีแดงเรื่อๆ กระจาย

“ก็ได้ พี่เป็นคนสารภาพเอง”

“แทนที่พี่จะสารภาพแต่แรก” ผมพูดทีเล่นทีจริง “จะได้ไม่ต้องเล่นเป็นแฟนกันโง่ๆ ”

“เออ ก็มิวบอกจะเลี้ยงข้าวพี่ถ้าพี่เล่นเป็นแฟนด้วย”

ผมไม่ได้เตี๊ยมกับเขาว่าจะพูดถึงเรื่องนี้ด้วยหรอกนะ อันที่จริงเราตั้งใจจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ให้มากที่สุดแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ กลายเป็นว่ากำลังลอกเปลือกตัวเองพูดความจริงต่อหน้ากล้องออกมาทั้งหมดแบบนี้

นี่ต้องไม่ดี… ไม่ดีแน่ๆ แต่ผมอาจจะตัดต่อมันออกทีหลังก็ได้ หรือไม่ก็ปล่อยให้ตัวเองพังยับเยินไปเลย ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วนี่

“ก็นะ” ผมยักไหล่ เลือกที่จะเล่นตามน้ำ “ผมรู้ไงว่าพี่เห็นแก่กิน”

“แต่จริงๆ แล้วพี่หลอกเล่นต่างหาก” เขาว่าพร้อมกับเขยิบตัวมาชิดผมอีกแล้ว ผมหันไปมองเขางงๆ

“หมายความว่าไงครับ”

“ก็พี่ฉวยโอกาสมิวไง” พูดพร้อมกับดึงปลายจมูกผมเบาๆ

ผมอ้าปากค้าง หน้าแดงขึ้นอีกรอบ เริ่มกลัวแล้วว่าช่องของตัวเองจะกลายเป็นรายการคนจีบกันมากกว่าแคสเกมเล่น แต่พี่กชยังไม่รู้ตัว

“ก็พี่ชอบมิวมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว พอมีโอกาส--”

“ผมว่าเรามาเล่นเกมกันดีกว่า! ” ผมรีบตัดบท ดันพี่กชให้ไปนั่งหลังชนพนักบนเก้าอี้ตัวเอง ไอ้รุ่นพี่บ้าหัวเราะเหมือนเมากัญชาก่อนจะเริ่มขยับจอยในมือ เหมือนจะรู้ว่าหมดเวลาแหย่ผมแล้วจริงๆ

“โอเคๆ มา งั้นเรามาเริ่มเกมกันดีกว่า”

“ก็ควรจะเป็นงั้นแหละครับ”

และหลังจากนั้นเราก็เล่นเกมยิงหนอนกัน มันเป็นเกมที่เล่นสองคนได้เพราะงั้นผมกับพี่กชจึงอยู่กันคนละทีม คือต่างคนต่างมีสมาชิกหนอนจำนวนเท่าๆ กันแล้วก็สลับเทิร์นกันฆ่าหนอนของอีกฝ่าย

ความสนุกของเกมนี้คือการได้ถ่มถุยซึ่งกันและกัน แล้วก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่ผมมีเรื่องกลุ้มใจ แม้ว่าจะกังวลเกี่ยวกับช่วงแรกของคลิปที่อัดไปว่าจะมีคนด่าแค่ไหน แต่พอได้เข้ามาอยู่ในโลกของเกมแล้วผมก็เหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกได้ชั่วคราว

“โห่ พี่กช แน่ใจเหรอจะทำแบบนั้นน่ะ” ผมเริ่มพูดน้ำเสียงท้าทายขณะที่อีกฝ่ายเลือกระเบิดเตรียมจะไปใส่หนอนตัวหนึ่งของผม

“ไม่ลองก็ไม่รู้เปล่าวะ”

“เอ้า ลองดูครับ เชิญเลย” แกล้งผายมือด้วย “เอาสิ ดูซิว่าพี่จะทำอะไรทีมผมได้ โอ๊ะๆ ๆ เล่นเป็นรึเปล่าน่ะ เล็งไปทางไหนล่ะนั่น”

“เงียบน่ามิว” เขาเริ่มเสียสมาธิและนั่นทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ ปั่นต่อสิครับ รออะไรล่ะ

“เอ้า ดูทิศทางดีๆ อ๊ะน่ะๆ ๆ โธ่เอ๊ย ไม่ได้เฉียดเลยพี่เอ๊ย โคตรกาก ดูนะครับคุณผู้ชมครับ ใครกันที่ทำปากเก่าก่อนเริ่มเกม”

“เงียบเลยไอ้ตัวแสบ! ” พูดพร้อมกับขยี้หัวผมอย่างแรงด้วยความมันเขี้ยว ให้ตาย แหย่พี่กชเล่นแม่งโคตรสนุก







แต่มันจะไม่สนุกตอนได้เห็นคอมเม้นท์แง่ลบของใครหลายๆ คนนี่แหละครับ





Comment#19: เดี๋ยวนะ ใครตามเราทันบ้าง สรุปพี่สไลม์แค่แกล้งคบกับพี่กช? ข่าวนั่นเป็นเรื่องจริง?

Comment#20: อ้าว แต่เขาบอกตอนนี้คบกันแล้วจริงๆ นี่?

Comment#22: ตอแหลโคตรๆ

Comment#37: ถึงจะบอกว่าตอนนี้คบกันแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็คือโกหกปะวะ? โคตรน่าเกลียดเลย รับไม่ได้

Comment#42: ทุเรศมาก เสียแรงที่ติดตาม





ผมถอนหายใจออกมานิดหนึ่งหลังจากอ่านคอมเม้นท์พวกนั้น แต่แน่นอนล่ะว่าไม่ได้มีแต่อะไรแย่ๆ คนที่ส่งกำลังใจมาให้ก็มี





Comment#31: แต่แปลว่าพี่กชชอบพี่มิวมาก่อนแล้วปะ? แล้วสรุปพอเล่นกันเป็นแฟน ไปๆ มาๆ ดันรักกันจริงๆ!? กรี๊ดดดดด #ฟินเว่อร์

Comment#38: ยังไงก็ดีใจด้วยนะคะที่ได้คบกันจริงๆ ไม่ต้องหลอกกันแล้วนะ ^^

Comment#44: เสียใจนิดหน่อยที่พี่สไลม์หลอก แต่คบกันจริงๆ แล้วก็ยอม ให้อภัยก็ได้ 55555 รักกันนานๆ นะคัฟ

Comment#59: ยังคงทีม #กชมิว เหมือนเดิมค่ะ





ผมกดปิดมาที่หน้าจอเมนูเพราะหลังจากนี้จะมีสอบ คงไม่ดีแน่ถ้าจะมากังวลกับเรื่องนี้ทั้งที่มีเรื่องที่สำคัญมากกว่า แต่ตอนนี้ผมว่ารูมเมทผมต้องใกล้บ้าเต็มทนกับช่วงระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้แล้วล่ะ

ผมหันมองพี่กชที่นั่งอยู่ข้างตัว ปากกำลังพึมพำท่องสูตรอะไรสักอย่างที่เหมือนบทสวด คณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์ล่ะนั่น เอาเป็นว่าผมไม่ขอรับรู้ด้วยจะดีกว่า ผมมีคันจิหรือตัวหนังสือภาษาจีนที่ต้องจำเป็นตั้ง ไหนจะยังไวยากรณ์กับคำศัพท์อีก เรื่องฟังอาจจะพอถูไถเพราะผมดูอนิเมะบ่อย แต่เรื่องอื่นๆ นี่ถ้าไม่ท่องเยอะๆ ก็อาจจะได้เกรดไม่งามมาได้

“โอ๊ย ให้ตาย” พี่แกเริ่มยกมือเกาหัวยุ่งๆ ของตัวเอง “ทำไมคนเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ ทำไมเราไม่แค่เกิดมา ใช้ชีวิต แล้วก็ตายไป”

ผมยิ้มขำให้ความประสาทเสียของพี่แก

“ตอนนี้เราก็กำลังอยู่ในช่วงใช้ชีวิตไงครับ”

“ด้วยการจำสูตรพวกนี้น่ะเรอะ”

ผมยักไหล่ ไม่รู้เรื่องกับเขาด้วยหรอก ก็ผมไม่ได้เรียนคณะเดียวกับเขาสักหน่อย

“ก็มันจะออกสอบนี่พี่ ก็ช่วยไม่ได้เปล่า”

“ทำไมนะ ทำไมคนเราต้องสอบ” มาอีกแล้วคำถามนี้

พี่กชเป็นคนไม่ชอบศึกษาจากตำราเรียนมากๆ หลายครั้งที่ผมเห็นคะแนนแล้วรู้สึกใจแกว่งแทน ผมอาจจะไม่ได้เกรดดีขนาดได้เกียรตินิยมหรืออะไร แต่อย่างน้อยก็พยายามรักษาไม่ให้ต่ำกว่าสาม แต่พี่กชน่ะเหรอ… ขอแค่ไม่ซ้ำพี่แกก็แทบจะแก้ผ้าเต้นรอบห้องอยู่แล้ว แล้วก่อนสอบถ้าจะต้องมาเครียดขนาดนี้ก็ควรจะตั้งใจเรียนในห้องดีๆ สิ

“ผมว่าพี่ไปติวกับพวกเพื่อนๆ ดีไหม” ผมเสนอทางออกให้ ผมเองก็ไปติวกับไอ้เก่งบางครั้งเหมือนกัน แต่สำหรับเราสองคนการแยกกันอ่านจะช่วยให้จำได้ดีมากกว่า จะมาติวด้วยกันเฉพาะเจอวิชาที่ต้องใช้ความเข้าใจ ไม่ใช่ความจำ “อย่างพวกพี่แก๊ปหรือพี่บีมงี้ พวกวิชาแบบนี้ติวกันหลายคนน่าจะเข้าใจง่ายกว่ารึเปล่าครับ”

พี่กชเบ้ปากมาให้ผม

“แต่พี่อยากติวกับมิวมากกว่านี่”

“เอ่อ” ผมว่ามันไม่ใช่ล่ะ “ที่เราทำอยู่นี่ไม่ได้เรียกว่าติวด้วยกันหรอกนะครับ เขาเรียกต่างคนต่างอ่าน แค่นั่งข้างกันเฉยๆ ”

“นั่นแหละ แค่นั้นก็พอแล้ว”

“ผมว่าไม่นะ” สิ่งที่พี่กชต้องการคือความรู้ไปสอบ ไม่ใช่กำลังใจจากการนั่งข้างๆ เอ่อ แฟน… ให้ตาย ยังไม่ชินกับการใช้คำนี้เท่าไร “พี่ควรจะไปติวกับคนที่เขาเก่งๆ ”

“ทำอะไรกันอยู่น่ะ”

คนที่ก้าวเข้ามาใหม่คือพี่บอส ผมนี่เกร็งตัวขึ้นมาเลยทีเดียว เขาก้าวเข้ามานั่งลงฝั่งตรงข้ามผมกับพี่กช มือถือแก้วน้ำปั่นเอาไว้ จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามามองสมุดของเพื่อน

“ติว”

“มีอะไรให้ช่วยไหม”

“จริงๆ ก็มี” พี่กชมีท่าทีแช่มชื่นขึ้นทันที เขาเคยเล่าให้ฟังว่าพี่บอสเป็นคนดีหัวดีที่สุดในกลุ่มแล้ว คงหวังให้พี่แกช่วยล่ะสิ แต่ขอโทษเถอะ… ผมไม่อยากอยู่ใกล้พี่แกนานเลยว่ะ รู้สึกไม่ถูกโฉลกหนักมาก

“ไหน” พี่บอสเริ่มสุมหัวกับพี่กชแล้วสอนจุดที่พี่กชไม่เข้าใจให้แล้ว ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกเหมือนฟังเขาคุยภาษามนุษย์ต่างดาวกันมาก คือไม่รู้เรื่องกับเขาเลยไง แต่แค่ฟังก็รู้ว่าพี่บอสต้องหัวดีมาก ช่างแตกต่างจากพี่กชเหลือเกิน

แต่ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ผมไม่สบายใจที่จะอยู่ตรงนี้เท่าไร แล้วช่างโชคดีจริงๆ ผมเห็นไอ้เก่งเดินออกมาจากอาคารข้างๆ พอดี ขอจรลีก่อนล่ะ

“เอ่อ พี่กช งั้นพี่ติวหนังสือกับพี่บอสไปก่อนนะครับ ผมจะไปหาไอ้เก่งล่ะ”

“อ้าว” น้ำเสียงพี่กชดูตกอกตกใจ ก่อนเจ้าตัวจะทำหน้าเหมือนหมาหงอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ “จะไปติวหนังสือกับเพื่อนเหรอ”

โอ๊ย อย่าทำตาละห้อยแบบนั้นครับ ใจสั่น แล้วมันจะอะไรนักหนาเนี่ย ตัวเองก็มีเพื่อนมานั่งอยู่ด้วยแล้วไง

“ใช่พี่ จะไปติวญี่ปุ่นกับมัน” ตอแหลทั้งนั้นครับ ผมกับไอ้เก่งไม่เคยติววิชานี้ด้วยกันเลย อ่านเองง่ายกว่าเยอะ

“กูทำอะไรให้มิวโกรธเปล่าวะ” เสียงพี่กชกระซิบกระซาบกับพี่บอสหลังจากผมเดินห่างออกมาไม่ถึงห้าก้าว ว่าแล้วเชียว หูผมต้องดีมากจริงๆ ไม่งั้นพี่กชก็ฉลาดน้อยเกินกว่าจะรอให้ผมก้าวออกไปกว่านี้

หรือไม่… พี่แกก็ตั้งใจให้ผมได้ยิน ถ้าเป็นอย่างหลังนี่ถือว่าร้ายกาจมากนะ เพราะผมทั้งรู้สึกเอ็นดูและรู้สึกผิดไปพร้อมๆ กันเลยตอนนี้

“ไม่รู้ดิ เพราะมึงโง่รึเปล่า? ” พี่บอสว่าเสียอย่างนั้น ผมได้ยินเสียงพี่กชตบหัวเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ทีหนึ่ง

ปัดโธ่เอ๊ย! ที่ผมหลบออกมาก็เพราะพี่บอสนั่นแหละ! แต่จะให้ทำไงล่ะ พี่บอสกับพี่กชเป็นเพื่อนสนิทกัน ผมไม่อยากให้พี่กชลำบากใจถ้าเกิดผมบอกพี่ตรงๆ ว่าผมไม่ค่อยถูกชะตากับพี่บอส จะมีอะไรเลวร้ายกว่าการให้แฟนเลือกระหว่างตัวเองกับเพื่อนสนิทอีก?

“เก่ง” ผมเรียกเพื่อนที่กำลังเดินไปที่ตึกที่จะมีสอบในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า เจ้าตัวสะดุดไปนิดหนึ่งก่อนจะทำหน้าเหมือนหนักใจ “มึง เป็นไงบ้าง อ่านคันจิมาแน่นปึ้กเลยไหม รอบนี้แม่งเยอะฉิบหาย อาจารย์จะออกอะไรมากมายไม่รู้”

“เออ จริง ประเด็นคือที่จำมาก็ใช่ว่าจะออกทั้งหมด”

“ใช่ นั่นแหละที่แย่ จำมาแทบตาย ว่าแต่ช่วงนี้มึงหายไปไหนมาวะ ทำไมเงียบๆ ทักไปก็ไม่ค่อยตอบ”

เก่งหันซ้ายหันขวา ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเหมือนจะเช็กเวลาผมจึงรีบเสริม

“สอบตอนเที่ยงครึ่งนู่น ยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย แต่เราจะเดินไปที่ตึกกันเลยก็ได้นะ แล้วนั่งรอแถวๆ นั้นเอา”

“ไอ้มิว” เพื่อนสนิทผมคว้าข้อมือ “มึงไม่รีบใช่ปะ กูมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”

ผมกะพริบตาปริบๆ ไอ้เก่งมันก็เป็นคนจริงจังนะ แต่ปกติก็ไม่ได้ดูซีเรียสขนาดนี้

“เอาดิ แต่ต้องให้ทันสอบนะ กูไม่อยากไปสายด้วย”

ว่าแล้วไอ้เก่งก็ลากผมไปหลบที่หลังตึกที่ปลอดคนหน่อย ผมกำลังงงว่านี่มันเรื่องอะไร แล้วก็ต้องงงหนักเข้าไปอีกเมื่อเพื่อนสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรง ยกมือขึ้นประกบทั้งสองข้างตรงหน้าเหมือนจะขอขมา

“กูขอโทษ ไอ้มิว! ”

“ฮะ? ” ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ครับ ยังคงงง “ขอโทษเหี้ยอะไรวะ”

“เรื่องข่าวลือของมึงกับพี่กช…” เจ้าตัวก้มหน้าลงต่ำ พูดงึมงำ “กูว่ามันหลุดจากกูเองแหละ”

อ้อ ข่าวลือเรื่องที่ผมกับพี่กชแกล้งคบเป็นแฟนกันน่ะนะ นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็…

“ฮะ!? อะไรนะ!? ” ผมตะโกนลั่นเลย ไอ้เก่งยกมือมาตะครุบปากผมแทบไม่ทัน

“ไอ้ห่า เบาๆ สิ ห้องแถวนี้อาจจะมีสอบก็ได้ เดี๋ยวก็โดนอาจารย์ออกมาด่าหรอก”

“แล้ว… ข่าวมันจะไปหลุดจากมึงได้ไง” ผมลดเสียงกลับมาปกติ เอาจริงๆ ผมไม่ได้โกรธหรอกนะถ้าข่าวจะหลุดจากไอ้เก่งจริงๆ เพราะถึงยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ผมก็แก้ปัญหาเองแล้ว แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ “มึงปล่อยข่าวกูแล้วมึงจะได้อะไรวะ ไอ้เก่ง? คือกูไม่เห็นผลประโยชน์อะไรที่มึงจะได้เลยนะเนี่ย”

“ใจเย็น มิว ฟังก่อน” เก่งพยายามเรียบเรียงคำพูด “คือ… เรื่องกูกับพี่กชแกล้งคบกันอะ กูเอาไปเล่าให้นิ้งฟัง”

นิ้งที่ว่าคือแฟนไอ้เก่ง… โอเค ผมเข้าใจนะว่ามันไม่เคยมีความลับอะไรกับแฟน แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่ต้องเล่าให้ฟังก็ได้ปะวะ? คือการไม่พูดไม่บอกก็ไม่ได้ถือว่ามีความลับอะไรนะเว้ย ในกรณีนี้น่ะ

“แล้วมึงจะเล่าเพื่อ? ”

“เออ กูขอโทษ” มังยังยกมือไหว้อยู่เลย ไอ้ห่า อายุสั้นกันพอดีครับ “กูหลุดปากไป วันนั้นกูเมานิดหน่อยด้วย พอดีตอนนั้นเราพูดถึงมึง แล้วแบบ… เอาจริงกูแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำตอนที่พูดไป แล้วต่อให้พูดไปแล้วกูก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร ไม่คิดว่านิ้งจะเอาไปพูดต่อ--”

“เออๆ ช่างมันเหอะ” ผมตัดบทพร้อมกับถอนหายใจเฮือก “ถึงยังไงกูก็แก้ข่าวแล้ว ช่องกูจะล่มจมอะไรยังไงก็ช่างมันแล้วตอนนี้ แต่มึงหยุดยกมือไหวกูได้ล่ะ ไม่มีใครตายสักหน่อย เอาเป็นว่ากูรับคำขอโทษของมึงแล้วกัน”

“ไม่โกรธกูเหรอ” มันถามเสียงอ่อย ตอนแรกก็จะตอบไปว่าไม่โกรธอยู่หรอก แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอสักทีเหอะ

“โกรธดิ จะไม่โกรธได้ไงวะ มึงทำกูกับพี่กชลำบากมากเลยนะเว้ย”

“กูขอโทษ” วันนี้ผมทำคนตาละห้อยได้สองคน คนแรกคือพี่กช คนที่สองคือไอ้เก่ง เออ ดี มีใครอยากเป็นรายที่สามไหม

“หมูกะทะ”

“อะไรนะ? ”

“มึงต้องเลี้ยงหมูกะทะกู”

ไอ้เก่งเริ่มยิ้มออกมาได้ และผมก็ยิ้มตามมันอย่างอดไม่อยู่

ก็นะ… จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงเรื่องที่ไอ้เก่งทำจะทำให้ผมลำบาก แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ได้คบกับพี่กชจริงๆ และอย่างน้อยมันก็ยังมาสารภาพความผิดตรงๆ

ผมก็หวังนะ… ว่าคนดูจะให้โอกาสผมที่ยอมสารภาพความผิดของตัวเองไปแล้วอีกสักครั้ง แต่ไม่หวังมากก็น่าจะดีกว่า

“เห็นแก่กินฉิบหาย”

“ก็ของฟรีเปล่าวะ”

“ติดเชื้อแฟนมาเหรอ”

พูดถึงตรงนี้ผมก็หน้าแดงวูบขึ้นมาทีเดียว โอ๊ย ชักรำคาญหน้าตัวเอง

“ดีใจด้วยนะที่คบกับพี่กชจริงๆ แล้ว” ไอ้เก่งว่าพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “จะได้ไม่ต้องแกล้งคบแล้ว วุ่นวายจะตายชัก”

“หมายความว่าไงวะ”

“อ้าว ก็กูเคยบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอ” เก่งว่า “ว่ามึงกับพี่กชอะ ดูเหมือนแฟนกันจริงๆ แบบที่ไม่ต้องแสดงละครอะไรเลย ไม่ใช่ว่ามึงชอบพี่เขามาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรอกเหรอ? ”

“! ” ผมชะงักไปทันที ไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อน ไอ้เก่งหัวเราะร่วนเพราะหน้าตาตลกๆ ของผมก่อนจะเดินนำไปที่ตึกที่เราจะมีสอบกันในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

“ดีนะที่กูชิงมีแฟนก่อนที่มึงจะคบกับพี่กช ถึงกูจะรู้สึกว่าจริงๆ แล้วมึงกับพี่เขาคบกันมาแต่แรกแล้วก็เถอะ”

ผมยกมือขึ้นจับหน้าของตัวเอง โอเค มันร้อนเพราะแดดที่สาดเปรี้ยงลงมานี่อยู่ต่างหาก

ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ไอ้เก่งมันพูดขึ้นมาเมื่อกี้หรอกนะ!





----------------------------------------------
Talk: และแล้ว... คนร้ายที่แท้จริงก็คือ---!! ติดตามต่อได้ใน นักสืบจิ๋ว โคแนทคุง! //เดี๋ยว ใช่เหรอ ถถถถถถ คนร้ายเขาก็เฉลยแล้วไม่ใช่เหรอ 5555555

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ความจริงคือเพื่อนมิวซะงั้น ไอ้เราก็ด่าบอสไปซะมากมาย 555 แถมอึ้งเลยตอนรู้ว่าบอสเป็นแฟนคลับมิว ไม่ใช่แฟนคลับธรรมดา เป็นแฟนคลับที่ค่อนข้างสนิทด้วยนะเอ้อ 55555555555555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ้าว เป็นเก่งนี่เอง 5555555555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
พี่บอสสน้องมิวกลัวแล้วนั่น 555 ทำไมมันหวานอย่างเน้  :ling1:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 16




อันที่จริงแล้วหลังจากที่ผมบอกความจริงกับคนดูไป ผลตอบรับที่ได้มามันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น





Comment#198: ยังติดตามอยู่นะคะ

Comment#201: เป็นกำลังใจให้พี่มิว

Comment#208: พี่สไลม์ เล่นเกมคัพเฮดต่อหน่อย

Comment#210: รอดูเกม isolated อยู่ #ทีมมาดูเกมไม่ได้ดูคู่จิ้น

Comment#239: ดราม่าอะไรกันวะ 555555 ไม่เห็นรู้เรื่อง

Comment#307: พี่ เล่นเกมโซลซิตี้หน่อย





เอาจริงนะ เมื่อก่อนผมเคยรำคาญพวกคอมเม้นท์ที่มาขอให้เล่นเกมนู้นนี้ในคลิปเกมอื่นที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเกมที่ขอให้เล่นเลย แต่ตอนนี้ผมชักขอบคุณน้องๆ ที่คอมเม้นท์อะไรทำนองนี้แล้วล่ะ คืออย่างน้อยมันก็แปลว่าเขามาเพื่อดูผมเล่นเกมจริงๆ ไง

จริงๆ แล้วผมเองก็เจอกลุ่มต่อต้าน กลุ่มแอนตี้ มีคนเอาบอร์ดลับๆ ที่ตั้งหัวข้อสนทนาขึ้นมาด่าผมเรื่องที่หลอกลวงคนดูอยู่เหมือนกัน แต่รู้อะไรไหม ผมไม่ได้รู้สึกแย่กับเรื่องพวกนี้เท่าที่คิดว่าตัวเองจะเป็นแล้วล่ะ

แฟนคลับส่วนหนึ่งยินดีเรื่องที่ผมคบกับพี่กชจริงๆ อีกส่วนก็ไม่ได้สนใจชีวิตส่วนตัวผม รอดูผมเล่นเกมอย่างเดียว อีกส่วนก็แอนตี้กาหัวกันไปเลย เอาเป็นว่าผมยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นก็แล้วกัน และพร้อมก็ทำการขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวังอย่างเป็นทางการไปแล้วทั้งทางคลิปและทางประกาศหน้าเพจ

ผมทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ผมพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ และผมก็จะทำคลิปต่อไปด้วย





Comment#379: ทุกคน อย่าเพิ่งว่าพี่สไลม์มากมายเลย ดูนี่ซะก่อน





“อื๊อ? ” ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนจะกดเข้าไปดูลิงค์ที่น้องคนนี้ทิ้งเอาไว้ให้ ในหน้านั้นเต็มไปด้วยเนื้อหาการวิเคราะห์เรื่องที่ผมสารภาพออกสื่อกับรูปภาพประกอบจำนวนมากที่เห็นแล้วแทบต้องอ้าปากค้าง

เนื้อหาในนั้นโดยรวมเข้าข้างผมเต็มที่อยู่เหมือนกัน รูปที่แปะอยู่ก็จะเป็นผมกับพี่กชในช่วงเวลาหลังจากที่ผมโกหกออกกล้องไปแล้วว่าคบกับรูมเมทของตัวเองแต่เป็นก่อนหน้าที่ผมจะแถลงข่าวว่านั่นเป็นการคบกันหลอก

มีรูปที่ผมเอาลงไอจีตอนที่เราไปซาฟารีด้วยกัน รูปที่เราอยู่ด้วยกันที่โรงอาหารของมหาลัย อันนี้คงต้องเป็นพวกเพื่อนร่วมคณะของผมสักคนถ่ายไว้แหง แล้วก็รูปตอนที่เราไปกินไอศกรีมด้วยกันที่ห้าง อันนี้เป็นรูปแอบถ่ายที่เห็นแล้วชวนให้เสียวสันหลังแปลกๆ เหมือนกัน คือผมไม่ได้คิดว่าตัวเองมีแฟนคลับเยอะมากหรอกนะ เพราะงั้นรูปแอบถ่ายนี่ไม่เกินไปหน่อยหรือไง?

แต่ยังไงก็ตาม… ข้อสรุปที่หน้าลิงค์นั้นทิ้งท้ายไว้ก็คือ…





‘เห็นไหมคะ ต่อให้เขาจะบอกว่าไม่ได้คบกัน แต่ยังไงก็คงชอบกันมาตั้งแต่แรกแล้ว คือคนเราคงไม่โกหกในชีวิตจริงกันขนาดนี้หรอกค่ะ’





ผมกดปิดหน้าจอที่ว่า ยกสองมือปิดหน้าที่ร้อนฉ่าขึ้นขนาดที่ถ้าตอกไข่ใส่ลงไปคงสุกเป็นไข่ดาวได้

กลายเป็นว่าพวกผมสองคนดูเหมือนคู่รักกันตั้งแต่ก่อนจะคบกันแล้วงั้นเหรอ? นี่มันเหมือนที่ไอ้เก่งเคยพูดไว้ไม่มีผิด ให้ตาย น่าอายเป็นบ้า พอๆ ๆ พอเลย ผมตอบข้อความแฟนคลับที่หน้าเพจบ้างดีกว่า





Vk Dragon: พี่มิว

Vk Dragon: เกมที่พี่ลงเมื่อวานโคตรดีเลย

Vk Dragon: เห็นตอนแรกพี่พูดต้นคลิปว่าไม่แน่ใจว่าจะเล่นเกมนี้ดีไหม ดีนะที่ผลสุดท้ายเอามาเล่น ผมชอบมากเลย

Vk Dragon: ภาพสวยมากจริงๆ





ผมยกยิ้มให้กับโทรศัพท์มือถือของตัวเองทันทีขณะเหยียดขาบนเตียงมากขึ้น





SlimeSmileS: เออ แต่พี่ว่าเกมมันเอื่อยไปหน่อย กลัวคนดูจะเบื่อ

SlimeSmileS: แต่ภาพสวยจริง

SlimeSmileS: ลังเลนานมากเลยนะว่าจะซื้อมาเล่นดีไหม แต่ดีใจนะที่มังกรชอบ ^^

Vk Dragon: เล่นต่อเร็วๆ นะพี่ ผมรอดูอยู่

Vk Dragon: สาวๆ แต่ละคนในเกมนี่แจ่มสุดๆ





โอ้โห อันนี้คงไม่มีทางปฏิเสธได้แน่ ตัวละครในเกมที่ผมเพิ่งซื้อมาเล่นแล้วถ่ายคลิปลงช่องนี่ เรียกได้ว่ามีแต่ตัวละครผู้หญิงล้วนทั้งนั้น บุคลิกน่ารักนุ่มนิ่มๆ เครื่องแบบชุดนักเรียนญี่ปุ่นสุดน่ารัก ใบหน้าอ่อนหวาน แววตากลมโต แล้วก็…





Vk Dragon: พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างแจ่ม

SlimeSmileS: พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์โคตรเยอะ





นั่นไง! ผมแทบตบมือด้วยความดีใจที่เราพิมพ์คำนั้นออกมาพร้อมๆ กัน

ว่าแล้วเชียวว่ามังกรต้องคิดแบบเดียวกับผม สมแล้วที่เป็นลูกสมุนของสไลม์สไมลส์!

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักมือที่กำลังจะพิมพ์ตอบเมื่อน้ำหนักของร่างอีกคนกดทับลงมา พี่กชเขยิบเข้ามาจ้องหน้าจอผม

“คุยกับน้องมังกืออีกแล้วเหรอ มิว คุยอะไรกันน่ะ”

“คุยเรื่องเกมครับ” ผมหันไปยิ้มตอบเขาอย่างสดใส เกมที่ผมกำลังพูดถึงกับน้องมังกรเป็นเกมที่ผมตัดสินใจแคสเล่นคนเดียว เพราะมันไม่ใช่เกมที่จะเล่นสองคนได้ อีกอย่างคือพี่กชลองดูอินโทรของเกมแล้วไม่ถูกใจเอาเสียเลย ผมก็เลยบอกเขาว่าผมจะทำซีรี่ย์เกมนี้คนเดียว

อย่าเข้าใจผิดนะครับ ถึงตอนนี้ทุกคนจะรู้ว่าผมกับพี่กชคบกันจริงๆ แล้ว แต่ยังไงซะนี่ก็ยังเป็นช่องของผม เกมไหนที่ผมคิดว่าพี่กชมาเล่นด้วยแล้วสนุกกว่าผมก็จะชวนแกมา แต่ถ้าเกมไหนที่ไม่ ผมก็ขอเล่นเองคนเดียวดีกว่า เป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวเอง พี่กช แล้วก็คนดูมากกว่า

แต่เหมือนเขาไม่ค่อยชอบใจที่ผมคุยกับน้องมังกรจนไม่สนใจเขา

“โห่ มิว หยุดคุยกับเพื่อนก่อนดิ สนใจพี่ก่อน เราอุตส่าห์ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคน”

“เราก็อยู่ด้วยกันสองคนแทบจะตลอดเลยไม่ใช่เหรอพี่”

ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนของพวกเราครับ ผมกลับไปอยู่บ้านบ้าง แวะมาหอบ้าง แต่อาทิตย์นี้อยู่หอทั้งสัปดาห์เลยเพราะพี่กชอ้อนขอให้อยู่ด้วย… แล้วผมก็ใจอ่อนทุกที

“แล้วพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี่คืออะไร” เขาถามอย่างสงสัย คงจะเห็นจากที่ผมคุยกับน้องมังกรล่ะสิ หึๆ ๆ เจ้าพวกมักเกิลเอ๊ย ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย

“พี่ไม่รู้จักพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เหรอ” ผมอมยิ้ม รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ใช้ศัพท์เทคนิคของคนในวงการ (?) แต่พี่กชน่ะหน้าบูดขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

“มันคืออะไรล่ะ กางเกงในเหรอ”

“โน้วโนวโน่ว โน พี่ แบบนั้นมันไม่มีคลาสเลย” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาทำปากจุ๊ๆ ส่ายหน้ารัวๆ ราวกับกำลังสอนเด็กห้าขวบ “พี่ไม่เข้าใจเหรอว่าบางครั้งการเห็นอะไรวับๆ แวมๆ น่ะ มันได้อารมณ์ยิ่งกว่าเห็นแบบโต้งๆ อีกนะ พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นอะไรแบบนั้นเหมือนกัน”

“ร่องนมเหรอ”

“พี่” ผมพูดเสียงขุ่น จ้องเขาเขม็งอย่างเอาเรื่อง พี่กชยักไหล่ทีหนึ่งโดยที่ยังกอดผมไม่ปล่อย

“แล้วจะบอกได้ยังว่ามันคืออะไร”

“ก็ได้ครับ มันก็คือ” ผมเปิดรูปตัวการ์ตูนผู้หญิงญี่ปุ่นในชุดนักเรียนขึ้นมา เจ้าหล่อนใส่กระโปรงสั้นกุด หากถุงเท้ายาวเลยเข้าขึ้นมา ผมชี้ผิวเนื้อเนียนที่เผยโฉมออกมาให้เห็นเพียงน้อยนิด “นี่แหละครับพี่ พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า”

“ขาอ่อนอ่ะนะ? ”

“มันก็ประมาณนั้นพี่ แต่มันก็ไม่เชิงขาอ่อนซะทีเดียวนะ เห็นไหม” ว่าพร้อมกับจิ้มย้ำๆ ลงตำแหน่งเดิม “มันอยู่ใต้ขาอ่อนลงมาอีกหน่อยต่างหาก แต่ส่วนที่สำคัญของพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ก็คือมันได้เห็นแค่นิดเดียวก็จริง แต่ฟินไปถึงโลกหน้า”

“พูดเหมือนลุงแก่ๆ โรคจิตๆ เลยนะเราน่ะ” พี่กชยิ้มขำ ผมเลยเป็นฝ่ายตีหน้าบึ้งใส่เขารอบนี้

“ชิ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวแล้วกันที่ชอบพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” มันมีเป็นลัทธิเลยนะคุณ ไม่เชื่อลองเสิร์ชกูเกิลดูกันได้

“มีพี่เป็นแฟนทั้งคนแล้วยังกล้าไปมองขาอ่อนผู้หญิงอีกเหรอ” น้ำเสียงเขาล้อเลียนอยู่ข้างหู คำพูดนั่นทำให้ผมฉุกใจคิดขึ้นมานิดหนึ่ง

นั่นสินะ ทั้งที่ตอนนี้ผมคบอยู่กับพี่กชแล้ว แต่ผมก็ยังมองผู้หญิงแล้วหลงใหลอยู่ได้ ถึงจะเป็นแค่ตัวการ์ตูนก็เถอะ แต่นั่นก็หมายความว่าผมไม่ได้เป็นเกย์น่ะสิ?

“ไม่สนใจกันแบบนี้น้อยใจน้า…”

ผมไหวตัวนิดหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายซุกหน้าลงมาบนซอกคอ ลมหายใจร้อนที่เป่ารดทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความจั๊กจี้ ให้ตายเถอะ หมู่นี้พี่กชมือยุ่บยั่บเป็นปลาหมึกเลย แล้วตอนนี้ทั้งสองแขนนั่นก็พันรอบตัวไม่ให้ผมหลุดออกจากอ้อมกอดเขา ประเด็นคือเขาจั๊กจี้ผมอยู่ตรงคอนี่ไง โคตรขี้โกง

“อือ พี่กช… ทำอะไรครับ”

“เล่นกับมิวไง”

“เล่นอะไรล่ะพี่” ให้ตาย ผมร้อนวูบขึ้นมาเลยตอนที่ปากเขาโดนผิวเนื้อผม บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนคบกันก็ได้นะ แต่ผมไม่เคยไง เข้าใจไหม ค่อยเป็นค่อยไปหน่อย

“ก็เล่นแบบนี้แหละ” แล้วเจ้าตัวก็ดึงผมไปนอนราบกับเตียง ยันตัวขึ้นมากันไว้ไม่ให้ผมหนี จากนั้นพี่กชก็จี้เอวผมแบบนันสต๊อป ประมาณว่ากลัวผมจะไม่ขาดอากาศหายใจตายอย่างไรอย่างนั้น

“โอ๊ย พี่ อย่า! ฮ่าๆ ๆ ยอมแพ้! ยอมแพ้แล้ว ยอมแพ้แล้วครับ”

พี่กชหัวเราะอย่างมีชัย ปล่อยให้ผมหอบหายใจอีกครู่หนึ่งก่อนจะโน้มหน้าลงมาต่ำ กระซิบถามแผ่วเบา

“ขอจูบได้ไหม”

“ของแบบนี้ต้องขอกันด้วยเหรอครับ? ” อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่เคยรู้ คือคนคบกันแล้วยังต้องขอจูบกันด้วยไหมอ่ะ? แต่ถ้าอีกฝ่ายเกิดไม่อยากจูบขึ้นมาก็คงไม่ดีอีกเนอะ

“นั่นสินะ” รุ่นพี่ตัวแสบของผมหัวเราะอีกครั้ง เลื่อนมือมาดึงแว่นตาออกไปจากหน้าผม จากนั้นก็ทาบริมฝีปากอุ่นลงมาอย่างแผ่วเบา ผมปิดเปลือกตาลงขณะที่ร่างสูงเริ่มก้มตัวลงมามากขึ้น ลิ้นร้อนแตะกลีบปากล่างเป็นเชิงขอให้ผมเผยอริมฝีปากขึ้น ผมทำตามสิ่งที่พี่กชต้องการอย่างว่าง่าย รู้สึกถึงความเร่าร้อนที่เพิ่มขึ้นตามจังหวะ

ระยะหลังมานี่ผมพยายามตามเขาให้ทันมาก พอเขาเริ่มไล้ลิ้นกวาดหาความหวานจากโพรงปาก ผมก็พยายามตวัดลิ้นจูบตอบเขา แต่พี่กชก็เหมือนพัฒนาแซงหน้าผมไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีวันที่ผมจะตามเขาทันกับเรื่องอะไรแบบนี้เลย

“อะ… อื้ม” โอ๊ย ให้ตาย เขาเริ่มสอดมือเข้ามาใต้เสื้อผมแล้ว เอาจริงระยะหลังมานี่เขาแทะโลมผมบ่อยขึ้นๆ แล้วก็ขยายวงกว้างมากขึ้นด้วย

มะ… ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจอารมณ์ความต้องการของเขาหรอกนะ แต่ผมยังรู้สึกไม่พร้อม ผมเพิ่งจะเคยมีแฟนจริงๆ จังๆ นะ แล้วจูบแรกระหว่างเขากับผมก็เพิ่งผ่านมาไม่ถึงเดือน ผมต้องการเวลาในการปรับตัวหรือเตรียมพร้อมบ้างอะไรบ้าง แต่พี่กชก็ไม่ได้เร่งหรือบังคับผมอะไรมากมายหรอกนะ เขาก็คงเข้าใจ

ผมหอบหายใจออกมาเบาๆ ขณะที่ริมฝีปากร้อนฉ่านั่นผละออกอย่างอ้อยอิ่ง พี่กชเลิกเสื้อยืดของผมขึ้นแต่ไม่ได้ถอดออก ลูบไล้บริเวณหน้าท้องสลับกับแผ่นอกไปมาอย่างเชื่องช้า แล้วให้ตายเถอะ ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะนอนนิ่งๆ ให้เขาหยอกเย้ากับร่างกายตัวเองแบบนี้ แต่อาจเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำผมถึงไม่ได้โวยวายอะไรมาก

บางที… บางทีนะ พี่กชอาจจะอยากเตรียมความพร้อมให้ผมด้วยการไปทีละขั้นตอนแบบนี้ก็ได้

“พี่กช…” ผมเรียกเขาเสียงสั่น และเมื่อนัยน์ตาสีช็อกโกแลตหันกลับมาสบด้วยใจผมก็เต้นรัวขึ้นอย่างรุนแรง

“ครับ? ” เขาขานรับคำเรียก เขยิบตัวเข้ามาดึงผมไปกอด ริมฝีปากซุกซนประกบลงมาบนปากผมอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ในห้องของเราเปิดแอร์เย็นมาก แต่ผมกลับรู้สึกถึงเหงื่อของตัวเองและของอีกฝ่ายที่ผุดขึ้นตามลำตัว

“อ่า” ผมครางเสียงแผ่ว ตกใจนิดหน่อยที่พี่กชดึงมือผมขึ้นไป สอดมันเข้าไปใต้เสื้อของตัวเองราวกับจะขอให้ผมสัมผัสเรือนร่างของเขาอย่างที่เขาทำบ้าง

เขาเร่งจังหวะจูบมากขึ้น ผมไล้ฝ่ามือของตัวเองไปตามกล้ามเนื้อท้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขาของอีกฝ่ายเบียดลงมาบนต้นขาผม ออกแรงให้มันเปิดกว้างออกจากกัน ดูเหมือนคราวนี้พี่กชจะพาผมข้ามมาอีกสเต็ปหนึ่งแล้ว มันทั้งน่าตื่นเต้นแล้วก็น่ากลัวผสมปนเปกัน

บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ผมได้ยินเสียงตัวเองหอบหายใจ เสียงครางด้วยแรงปรารถนาจากลำคอของพี่กช

นิ้วเรียวสะกิดที่ยอดอกทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว เหมือนทั้งร่างเริ่มสั่นเพราะความวาบหวามที่จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว

และเหมือนพี่กชจะรู้บท มือหนาเลื่อนไปกระตุกกางเกงผมออก ผมถลาไปจับมือพี่แกไว้แทบไม่ทันทีเดียวขณะพูดเสียงสั่น

“พะ… พี่กช เดี๋ยวก่อน…”

“ชู่” ว่าพลางแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน ผมนี่แทบอยากจะร้องไห้ ไม่ใช่ผมรังเกียจหรือไม่อยากทำเรื่องอย่างว่ากับเขาหรอกนะ แต่ผมยังไม่พร้อมจริงๆ แต่ผมจะปฏิเสธเขาได้ยังไงล่ะ

“พะ… พี่”

“พี่ไม่ทำอะไรที่มิวไม่ชอบหรอก” เขารับปาก น่าแปลกที่คำพูดนั้นทำให้ผมสงบลงอย่างรวดเร็ว พี่กชเลื่อนริมฝีปากมาคลอเคลียข้างแก้ม “แค่อยากดูพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของมิวเท่านั้นเอง”

“! ” หน้าผมร้อนจนแทบจะระเบิดได้

หน็อย! ไอ้รุ่นพี่บ้า พอได้ศัพท์ใหม่นี่ใช้ใหญ่เลยนะ แล้วอะไร… พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของผม…?

“พี่ บ้า แบบนี้มันไม่เรียกพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว” ผมยังละล้าละลัง คือถ้าพี่แกกระชากบ็อกเซอร์ผมออกไปด้วยนี่ถือว่ากระโดดข้ามไปอีกขั้นเลยนะ คือพี่จะมาโดดสองสเต็ปในหนึ่งวันไม่ได้ โอเครึเปล่า “มันเรียกพื้นที่ลับ”

“มิวแม่งตลกว่ะ” เขาหัวเราะขำ กระตุกกางเกงผมออกไปโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ขอบคุณมากที่ยังเหลือชั้นในไว้ให้กัน แต่แค่นี้ก็น่าอายมากพอแล้วสำหรับผม

“พะ… พี่กช” ผมครางเรียกชื่อเขา ไม่รู้ตัวหรอกว่านั่นยิ่งไปกระตุ้นต่อมเขามากขึ้นไปอีก

“รู้แล้วๆ ” เขาพูดย้ำ หากมือไล้ลงบนขาอ่อนผมอย่างยั่วยวน สัมผัสผิวเนื้อของผมราวกับมันเป็นแก้วเปราะบางที่อาจแตกได้ง่ายๆ หากออกแรงมากเกินไป “แม่งเอ๊ย ขาวฉิบหาย”

“! ” เขารู้ใช่ไหมว่าผมได้ยิน เขารู้ใช่ไหม!?

ปากผมถูกปิดสนิทด้วยปากของพี่กชอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่มีความอ่อนหวานนุ่มนวลเหมือนคราวก่อนๆ อีกต่อไป มันเต็มไปแรงปรารถนาแล้วก็ความร้อนรุ่มที่ลุกโชนจนเหมือนจะเผาพวกเราทั้งคู่กันไปข้าง

พี่กชขยับขาลงมาบนเรียวขาผม บังคับให้มันเปิดกว้างออกโดยง่าย อันที่จริงมือข้างหนึ่งของเขาให้ผมก่ายขาขึ้นไปเกยบนสะโพกเขาด้วยซ้ำ ความแข็งขืนบดเบียดลงบนขาอ่อนทำให้ผมสะดุ้งอีกเฮือก มือกำลังจะเลื่อนไปผลักเขาออก แต่พี่กชไม่ปล่อยช่องว่างเลย มือแกร่งรวบข้อมือผมขึ้นไปเหนือศีรษะแล้วกดจูบลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เสร็จแน่กู… ฉิบหายเอ๊ย ไหนบอกจะค่อยเป็นค่อยไปให้ผมไง!?

ผมละลายไปกับสัมผัสรุนแรงของคนตรงหน้าจริงๆ เรี่ยวแรงเหมือนถูกสูบออกจากร่าง ผมเกร็งตัวแน่น ครางออกมาแผ่วเบาขณะที่ริมฝีปากคู่สวยของคนด้านบนซุกซนไปตามซอกคอและแผ่นอก มือเลื่อนไปเปะป่ายบนแผ่นหลังของเขาอย่างสิ้นไร้ไม้ตอก

ทันทีที่มือหนาแตะลงบนส่วนอ่อนไหวผมก็ร้องครางออกมาอย่างสุขสมระคนเจ็บปวด

ผมไม่อยากให้เรามีอะไรกันตอนนี้ ต่อให้พี่กชจะบอกว่าชอบผมมานานหรือว่าผมจะชอบเขาโดยไม่รู้ตัวมาก่อนหน้าจะคบกันแล้วก็ตาม มันเร็วเกินไป และผมไม่ได้ล้อเล่นนะที่บอกว่ายังไม่พร้อมน่ะ

“มะ… ไม่ได้” ผมยังจะพยายามนะ ทั้งที่ในใจน่ะคิดว่าเสร็จพี่แกแน่ๆ ไปแล้ว แถมร่างกายก็อ่อนยวบไม่มีแรงขัดขืนเขาแม้แต่น้อย

พี่กชคำรามในลำคอเหมือนขัดใจ แต่เขาก็ยอมทำตามสัญญาที่ให้ไว้แต่แรก

“รู้แล้ว” น้ำเสียงไม่เต็มใจนั่นดังอยู่ข้างหู “แต่ใช้มือได้ไหม? ”

ยัง… ยังอีก ต้องให้ได้สักอย่างสินะ เอาวะ…

“กะ… ก็ได้” ผมหอบหายใจระรัว หน้าแดง เนื้อตัวแดงเป็นจ้ำๆ ไปหมด “ก็ได้ครับ”

มือแกร่งล้วงลงไปใต้กางเกงทันทีราวกับรอท่าอยู่แล้ว ผมหลับตาแน่น เบือนหน้าไปอีกทางเพราะอายจนทนไม่ไหว แต่อย่าหวังว่าพี่กชจะปล่อยให้ผมรอดง่ายๆ

“มิว” เขากระซิบเสียงพร่า “ทำให้พี่ด้วยได้ไหม”

ให้ตายสิ อย่างกับว่าเขาจะยอมให้ผมสุขสมคนเดียวสินะ

ผมเลื่อนมือไปใต้กางเกงเขาอย่างว่าง่าย ใจเต้นตึกขึ้นมาเมื่อได้ยินพี่กชครางในลำคออย่างพอใจ มันกระตุ้นอารมณ์ของผมได้ไม่น้อยเลย แต่ไอ้มือของเขาที่อยู่ตรงส่วนนั้นของผมนี่จะทำหน้าที่ดีไปหรือเปล่า

“อือ...” ผมครางเสียงแผ่วแต่ต่อเนื่อง มันผสมปนเปไปกับเสียงครางของพี่กชและเสียงหอบหายใจของเรา

ในที่สุดพี่กชก็ปลดปล่อยให้ผมถึงจุดสุดยอดก่อน หัวผมนี่ขาวโพลนเลยตอนที่ร่างกายกระตุกและปล่อยให้ของเหลวสีขุ่นกระจายอยู่บนหน้าท้อง

แต่ผมทำให้พี่กชได้โคตรแย่ แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกผิดเลย แต่พี่กชก็ไม่ว่าอะไรสักคำ เขาปล่อยให้ผมจัดการกับส่วนนั้นของเขาขณะแทะโลมริมฝีปากแล้วก็ร่างกายส่วนอื่นของผมไปพลาง

แล้วตอนที่เขาเสร็จ ร่างสูงก็ปล่อยให้น้ำของตัวเองมาจบอยู่บนหน้าท้องผมซะงั้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมเปียกไปหมดด้วยความใคร่ของเราสองคน

ผมเบ้ปากให้เขานิดหนึ่งขณะพูดเสียงเย็น “พี่กช”

“โทษทีนะ” เจ้าตัวยิ้มอย่างมีความสุข ไม่เห็นจะรู้สึกผิดตามที่พูดเลยนี่!

“พี่ทำผมเปื้อนหมดแล้ว” ผมแกล้งว่า ใบหน้าคมเลื่อนลงมาจูบหน้าผากผมอย่างปลอบโยน

“งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยล้างให้นะ”

“ไม่ต้องเลยพี่” เนียนตลอดอ่ะ ให้ตาย “ผมอาบน้ำเองคนเดียวได้ครับ ปล่อยผมได้แล้ว”

“เดี๋ยวอาบให้ไง”

“ผมไม่ได้ขอนะ”

“ขอกอดให้ชื่นใจก่อน”

อีกแล้ว เขาซุกไซร้หน้าลงมาบนซอกคอผมอย่างออดอ้อนอีกแล้ว และผมก็ใจอ่อนให้เขาทุกที

ผมเลื่อนแขนไปกอดร่างสูงตอบ กระซิบแผ่วเบาพอให้เขาได้ยิน

“ขอบคุณนะพี่”

“หืม? ”

“ขอบคุณ… ที่ฟังที่ผมพูดนะ”

พี่กชยิ้มกว้าง ยีหัวผมแรงๆ จนผมยุ่งไปหมด

“พี่จะรอนะ มิว” พูดพร้อมกับหยิกแก้มผมเบาๆ “จะรอจนกว่ามิวจะพร้อม”

ให้ตายสิ…

อยู่ๆ ก็รู้สึกผิดที่ตัวเองไม่พร้อมขึ้นมาซะอย่างนั้นเลย





----------------------------------------------
Talk: ยังค่ะ พี่กชยังไม่ได้แอ้มน้อง แค่เกือบเฉยๆ เอง ถถถถถถถ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2018 20:19:17 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ใจเย็นๆค่อยเป็นค่อยไปน่าพี่กช ตอนนี้รู้สึกจะอีโรติกเป็นพิเศษ 555 ก้าวไปอีกขั้นนะกชมิว ชอบที่พี่กชหลุดสบถออกมาเพราะความโอโม่ของมิว ฮืออ เราก็จะรอมิวจนกว่ามิวจะพร้อมเหมือนกัน  :hao6:

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
กชต้องใจเย็นนะกชนะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อีกสามสี่ทีพร้อมความเชี่ยวของพี่กชก้อพร้อมละล่ะมิว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด