ตอนที่ 15
บ้านที่แทบเรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์ปรากฏอยู่ตรงหน้าเมื่อขับรถผ่านน้ำพุใหญ่ที่มีทางเข้าบ้านโอบล้อมเป็นวงกลม ความใหญ่โตโอ่อ่าของสิ่งก่อสร้างนี้ไม่ได้ทำให้หินรู้สึกตื่นตาตื่นใจ หากจะรู้สึกอะไรในตอนนี้คงมีเพียงความตื่นเต้นเล็กๆเพราะอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าต้องเจอกับครอบครัวของแฟน
“ตื่นเต้นรึเปล่า” คนข้างตัวหันมาถาม
“นิดหน่อย”
“ทำไม”
“กูชวนคุยไม่เก่ง”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง” แฟนเอ่ยปลอบยามสายตามองเห็นเจ้าตัวแสบทั้งสองวิ่งถลาออกมารอหน้าประตู
ไม่รู้ว่าด้วยเพราะเป็นคำสั่งของพ่อและแม่หรือเพราะความอยากรู้อยากเห็นกันแน่
เมื่อตัวรถจอดสนิท ประตูทั้งสองฝั่งถูกเปิดออก หินและแฟนจึงก้าวเท้าลงมา ยามผู้เป็นน้องเห็นแขกของบ้านวันนี้ดวงตาสองคู่ก็เบิกขึ้นนิดอย่างไม่เก็บอาการ หินยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางนั้นแต่ไม่ได้คิดแสดงออก จนเมื่อร่างสูงในชุดซึ่งดูสุภาพกว่าทุกวันเดินอ้อมมาหยุดอยู่ข้างแฟน
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” สองพี่น้องเอ่ยทักทายอย่างพร้อมเพรียง
“สวัสดีครับ”
หินรับคำขณะลอบสังเกตน้องของแฟนก่อนจะสรุปกับตัวเองว่าน้องสาววัยมัธยมปลายมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับคนข้างตัวมากกว่า
“พ่อกับแม่รออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วพี่แฟน”
ฟาร์มซึ่งเป็นน้องชายหันมาเอ่ยบอกให้แฟนพยักหน้ารับ ดวงตาสวยเหลือบมองหินเล็กน้อย เมื่ออีกคนส่งสัญญาณตอบกลับจึงเดินตามน้องของตัวเองเข้าไปในบ้าน โดยที่คนเดินนำหน้าทั้งสองก็แอบซุบซิบกันไปตลอดทาง
ภายนอกตัวบ้านดูใหญ่โตโอ่อ่ายังไม่อาจทัดเทียมกับภายในที่หินได้เข้ามาเห็น เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกชิ้นดูมีราคาแม้จะไม่รู้ที่มาที่ไป บ้างก็เห็นแม่บ้านเดินอยู่รอบตัวประปราย บ่งบอกความเป็นคนรวยที่แท้จริง
ทางเดินไปยังห้องรับแขกมีระยะไกลพอสมควรเนื่องจากความใหญ่ของตัวบ้าน กระทั่งเดินผ่านประตูบานใหญ่เข้าไปในห้องจึงรับรู้ว่านี่คือห้องรับแขก เนื่องจากเห็นพ่อแม่ของแฟนนั่งอยู่
“สวัสดีครับ”
หินยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองพร้อมเอ่ยคำทักทายอย่างมีมารยาท สองสามีภรรยาลอบส่งสายตาหากัน ก่อนจะรับคำไหว้แล้วอนุญาตให้นั่ง
“สวัสดีจ้ะ เชิญนั่งๆ ทำตัวตามสบายเลยนะจ๊ะ”
ได้ยินดังนั้นร่างสูงจึงทรุดกายลงข้างแฟน แผ่นหลังแกร่งตั้งตรง ต่อมาถุงในมือซึ่งถูกจัดตกแต่งมาเป็นอย่างดีจึงถูกยื่นไปให้ผู้ใหญ่
“ของฝากเล็กๆน้อยๆครับ”
ถึงจะบอกว่าเล็กน้อยแต่ก็เผื่อแผ่ไปจนถึงน้องทั้งสอง สายตาสี่คู่เหลือบมองของฝากนั้นแทบจะพร้อมกัน
“ขอบใจนะจ๊ะ ทีหลังไม่ต้องลำบากหรอก แค่มาทานข้าวด้วยกันก็พอ” แม่แฟนรับของไปวางไว้บนโต๊ะพลางส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้
ขณะที่หินทำเพียงยิ้มรับ ส่วนแฟนนั้นลอบโคลงหัวด้วยดูจากท่าทางของทุกคนแล้วคงเอ็นดูหินไม่น้อย ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อที่ถึงจะวางมาดขรึมแต่ข้างในก็อนุญาตให้คบหากับอีกคนแต่โดยดี
“เรียนอะไรมาล่ะ ทำงานอะไร อายุเท่าไหร่แล้ว”
คนที่นิ่งเงียบเอ่ยขึ้นแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือเกริ่นอะไรให้เสียเวลา บรรยากาศที่กำลังไหลลื่นจึงชะงักไปเล็กน้อย
ท่าทางเคร่งขรึมกว่าทุกวันไม่ได้ปั้นแต่งแต่เป็นการวางตัวให้รู้ว่ายังมีคนเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของหิน แต่กระนั้นคนถูกจับตาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นกลัว ดวงตาคมเลื่อนไปสบสายตากับพ่อของแฟนด้วยความมั่นคง ไร้ซึ่งแววสั่นไหวดั่งชื่อ
“ผมจบปริญญาโททางด้านดนตรีมาครับ เมื่อก่อนเป็นนักดนตรี แต่มะรืนนี้จะเริ่มงานเป็นอาจารย์พิเศษสอนในมหาลัย แล้วก็มีงานทางด้านดนตรีอื่นๆที่ต้องดูแลบ้าง ส่วนอายุก็จะยี่สิบหกเดือนหน้านี้ครับ”
ประโยคอธิบายเรื่องราวของตัวเองยืดยาวไม่มีการร่ายถึงประวัติการศึกษาอันสวยหรูให้ดูโอ้อวดใดๆ แม้ส่วนนั้นอาจจะทำให้ดูดีขึ้นแต่หินก็ไม่คิดพูดถึง
เขาไม่ได้เรียนมาเพื่ออวดกับใครต่อใคร
“อายุเท่านี้เป็นอาจารย์ได้แล้วเหรอ”
“ก็...ถ้าผลการเรียนดีในระดับหนึ่งครับ”
ไม่ใช่แค่ในระดับหนึ่งแต่ความจริงแล้วต้องเก่งมากพอ ถึงจะเข้าไปสอนเพราะอาจารย์ที่รู้จักร้องขอมาแต่การทดสอบและผลการศึกษาก็ถูกตรวจสอบอย่างเคร่งครัดจนเป็นที่ยอมรับ
ทางด้านคนทั้งห้าที่เป็นผู้ฟังก็แอบประเมินคนพูดกับตัวเองเงียบๆ
พ่อ...ไม่เลวนัก
แม่...อืม โปรไฟล์ดี การพูดการจาฉะฉาน แววตามั่นคงจริงจัง
ฟาร์ม...โคตรเจ๋งเลย!
ฟอง...แฟนพี่แฟนดูเก่งจัง
แฟน...เดือนหน้าวันเกิดพี่หินงั้นเหรอ
“แล้วเจอกับแฟนได้ยังไง” คนเป็นพ่อยังคงซักต่อแม้ว่าจะได้รับสายตาปรามๆจากผู้เป็นภรรยา
จะคบกับแฟนถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ก็กลับไป
“เจอกันคืนวันเคาท์ดาวน์ครับ ที่ผับ”
สายตาที่จับจ้องอยู่บนใบหน้าของหินเหลือบขวับไปมองลูกตัวเอง การฉลองคืนข้ามปีกับเหล่าเพื่อนฝูงเป็นสิ่งที่ไม่คิดห้าม แต่การได้อะไรกลับมามากกว่าการไปสนุกก็เป็นสิ่งที่ต้องกล่าวเตือนกันสักหน่อย
แฟนมองคนเป็นพ่อตาปริบราวกับจะออดอ้อนจนคนพ่อต้องส่ายหัวน้อยๆแล้วหันกลับมามองหินเช่นเดิม
“แล้วชอบแฟนที่ตรงไหน ทนนิสัยได้รึ?”
แฟนแทบสำลักอากาศที่กำลังจะสูดหายใจเพราะคำว่าทนได้รึ น้องทั้งสองหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เก็บอาการ แม่เองก็อมยิ้ม ส่วนคนถูกถามหันมามองกันด้วยสวยตาขบขัน
“ก็...แฟนเป็นคนที่ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เห็นทั้งหมด มีความเอาใจใส่ต่อคนรอบข้าง เทียบกับความเอาแต่ใจแล้วก็หักลบกันได้ครับ”
หินเอ่ยตอบยามที่มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย ส่วนคนถูกพูดถึงก็เรียบเรียงคำตอบนั้นในหัว คิ้วได้รูปขมวดมุ่นเนื่องจากรูปประโยคคล้ายกับเอ่ยชมแต่ท่อนหลังดูเหมือนไม่ใช่
“เอาล่ะๆ แม่ว่าเดี๋ยวเรื่องอื่นเราค่อยคุยกันเนอะ ตอนนี้ก็เที่ยงกว่าแล้วเด็กๆคงหิวกันแย่”
บทสนทนาตามประสาว่าที่พ่อตากับว่าที่ลูกเขยถูกหยุดเอาไว้ด้วยแม่ของแฟน สามีที่กำลังเพลินกับการซักแขกของวันนี้จึงรีบหันมองภรรยา แต่เมื่อเห็นสายตาที่บอกให้พอเพียงเท่านี้จึงถอนหายใจ
เอาไว้ค่อยเรียกไปคุยสองต่อสอง
นอกจากการพูดคุย การวางตัว มารยาทบนโต๊ะอาหารก็เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่เฝ้าสังเกต ทว่าคนที่รู้เรื่องราวดีอยู่แล้วไม่ได้สนใจ ทางด้านคนไม่รู้จึงก่อเกิดความแปลกใจขึ้นมาในอกเล็กๆ
ไม่ได้จำเป็นว่าต้องมีมารยาทดีดั่งยามเข้างานสังคม ต้องถูกต้องตามหลักการไปเสียทุกอย่าง แค่ทานอาหารเป็นระเบียบเรียบร้อยก็เพียงพอที่จะรับได้ แต่หินกลับไม่ได้เป็นแค่นั้น
วิธีการหยิบจับช้อน ส้อม มีด การตัดอาหาร การตักอาหารเข้าปาก ทุกอย่างเป็นไปราวกับผู้ดี
มารยาทดียิ่งกว่าเจ้าตัวแสบทั้งสองเสียอีก
“ที่บ้านหินชอบทานอาหารแนวไหนจ๊ะ เป็นคนอีสานใช่ไหม”
“ครับ ส่วนมากเลยเป็นอาหารอีสาน ทานข้าวเหนียวมากกว่าข้าวสวย”
คำตอบนั้นค่อนข้างสวนทางกับท่าทางการกิน ถึงจะเกิดความสงสัยเพียงใดแต่แม่ของแฟนก็ไม่ได้ถามลึกลงไปกว่านั้นเพราะไม่ใช่สิ่งที่สมควร
บนโต๊ะอาหารประกอบไปด้วยบทสนทนาบ้างแต่ไม่มากนัก กระทั่งของคาวผ่านไปแล้วของหวานถูกนำมาเสิร์ฟทุกคนจึงพูดคุยกันมากขึ้น
“พี่หินเรียนทางด้านดนตรีทั้งตรีและโท อย่างนี้แสดงว่าต้องเก่งมาก เล่นเครื่องดนตรีประเภทไหนได้บ้างครับ”
ฟาร์มถามขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย ความชอบส่วนลึกที่ไม่ใช่ทางที่เลือกเรียนทำให้สนใจแฟนของผู้เป็นพี่มากเป็นพิเศษ
“กว้างมาก ถ้าจะให้ตอบก็คงบอกว่าหลายอย่างหลายประเภท”
หินไม่ได้เอ่ยเพื่อโอ้อวดแต่การจะให้มานั่งสาธยายว่าตัวเองเล่นอะไรได้บ้างคงต้องฟังกันยาวพอสมควร และถึงแม้บางอย่างจะเล่นไม่ได้แต่ก็สามารถเข้าใจและเรียนรู้ได้
หลายคนบอกเขาว่าสิ่งนี้คือพรสวรรค์
“เล่นฮาร์พได้ไหมครับ เห็นคนเขาบอกว่าเล่นยาก” คนถูกถามตอบกลับด้วยการพยักหน้า
“เพราะเห็นคนว่าอย่างนั้นเลยลองดูบ้าง ถึงได้เล่นได้นี่แหละ”
“หูย อย่างนี้ไวโอลิน เปียโนก็ไม่พลาดเลยสิครับ”
หินกดหน้ารับยืนยันว่าสิ่งที่ถูกเอ่ยมาคือสิ่งที่ตัวเองมาสามารถเล่นได้จนฟาร์มเบิกตากว้าง ขณะที่คนอื่นได้แต่ส่ายหัวอ่อนใจ ด้านแฟนเองก็นึกชื่นชมอีกคนไม่ต่างเพราะเพิ่งรู้เช่นกันว่าหินเล่นดนตรีได้อย่างหลากหลาย
แต่จากมหาลัยที่ไปเสิร์ชดูในอินเทอร์เน็ตมาก็บอกถึงความเก่งของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
“ฟาร์ม ถามพี่เขาเยอะเกินไปแล้วนะเรา”
คนเป็นแม่เอ่ยปรามเมื่อเห็นว่าของหวานในถ้วยหินเริ่มละลายเนื่องจากมัวแต่ตอบคำถามลูกชายคนกลางของตัวเอง
“ก็ผมทึ่งนี่นา เล่นของพวกนี้ได้ต้องเก่งมากเลยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีตอบมาก หรือถ้าฟาร์มสนใจอันไหนก็มาถามได้เลย”
ใบหน้าคมประดับด้วยรอยยิ้มบางเมื่อเจอคนที่ชื่นชอบในดนตรีอีกหนึ่งคน เกิดความยินดีเสมอไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร
“ฟาร์มชอบดนตรีน่ะจ้ะ แหวกเหล่าแหวกกอกว่าใครอื่น ที่บ้านไม่มีใครถนัดด้านนี้เขาเลยไม่รู้จะคุยกับใคร”
“คุยกับผมได้ครับ...พี่ยินดี” เอ่ยตอบแม่แฟนเสร็จก็หันไปพูดกับคนเป็นน้อง
“ครับ”
เด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามหาลัยรับคำด้วยดวงตาเป็นประกาย โดยที่ในใจนั้นเทคะแนนให้แฟนของพี่ตัวเองจนแทบหมดหน้าตัก
เมื่อไม่ได้ถูกถามเรื่องอะไรต่อหินจึงหันกลับมาสนใจของหวานตรงหน้า ถึงจะไม่ได้ชื่นชอบมากนักแต่ก็ทานได้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทต่อคนทำ
ใบหน้าคมด้านข้างถูกแฟนลอบมองอยู่ตลอด ก่อนฝ่ามือเล็กจะเอื้อมไปวางลงบนหน้าขาแกร่ง สัมผัสนั้นทำให้หินชะงักพลางเหลือบสายตามามอง แต่เมื่ออีกคนทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงตามน้ำด้วยการเกี่ยวปลายนิ้วเข้าหา เบื้องหน้าของคนทั้งสองบนโต๊ะอาหารกว้างจึงเป็นปกติ ทว่ากลับมีรอยยิ้มประดับอยู่จางๆ
โดยสาเหตุนั้นก็มาจากทั้งบทสนทนาและสัมผัสของกันและกัน
--
“มึงโอเคกับครอบครัวกูรึเปล่า”
ประตูห้องนอนยังไม่ทันปิดลงสนิทดีคนร้อนใจก็รีบเอ่ยถาม หินมองใบหน้าที่เจือไปด้วยความเป็นกังวลของแฟนนิ่งพลางสาวเท้าเข้าไปใกล้
“คิดมากอะไร กูโอเค...มากๆ”
“ไม่ได้คิดมากแต่แค่อยากรู้ว่ามึงอึดอัดไหม”
“ไม่เลยสักนิด”
คำตอบนั้นทำให้คนแอบกลัวรู้สึกเหมือนหายใจได้สะดวกมากขึ้น การพาแฟนเข้าบ้านครั้งแรกดูท่าจะผ่านพ้นไปด้วยดีจนโล่งอก
กับคนอื่นไม่เคยจริงจังถึงขั้นนี้
“ห้องนอนมึงสวย”
เมื่อประเด็นเดิมจบลงไปหินจึงเดินผ่านเจ้าของห้องมาสำรวจโดยรอบ ห้องนอนที่บ้านของแฟนใหญ่มากชนิดที่เกือบเท่าห้องสตูดิโอ ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างลงตัว ส่วนของห้องนอนกับมุมต่างๆแยกกันเป็นสัดส่วน
“ค้างสักคืนไหมล่ะ”
“ชวนผู้ชายนอนห้องนี่ไม่ค่อยจะอ่อยเลย”
คนถูกถามหมุนตัวกลับมา มุมปากได้รูปยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ดวงตาประกายพร่างพราว
ชวนกันค้างง่ายๆอย่างนี้เลย
“รุ่นนี้ต้องอ่อยอะไร กูแค่ถาม ค้างกับกูสิ พรุ่งนี้กลับแต่เช้าเลย”
ช่วงท้ายมีความออดอ้อนเจืออยู่โดยคนที่คนพูดไม่รู้ตัว จากที่ตั้งใจว่าจะเดินดูรอบห้องหินเลยเปลี่ยนมาเป็นรั้งเอวบางให้ร่างเล็กขยับเข้าหา ยืนคุยกันแบบแนบชิดด้วยความเคยชินอย่างไม่อาจห้ามตัวเอง
ไม่ใช่ว่าไม่อยากค้างด้วยกันแต่เพราะจะเริ่มงานวันจันทร์ พรุ่งนี้จึงต้องเตรียมตัว และอีกสาเหตุสำคัญคือเกรงใจครอบครัวของแฟน
บ้านคือที่ที่แสนเป็นส่วนตัว การเป็นแฟนไม่ใช่ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่เกรงใจคนตรงหน้าแต่ก็ต้องเกรงใจพ่อแม่และน้องของเจ้าตัว
“วันจันทร์กูต้องเริ่มงานแล้ว วันนี้คงไม่ได้”
“ก็กลับแต่เช้าไง”
“ไม่งอแงสิ”
“ก็มึง...”
ริมฝีปากล่างถูกขบกัดด้วยฟันซี่ขาวเมื่อรู้ตัวว่ากำลังเริ่มงอแงอย่างที่อีกคนพูด เกิดความรู้สึกแปลกๆในอกซึ่งเจือมากับความโหยหา
ติดการนอนกับหินขนาดนี้เลยหรือ
“กูทำไม”
ใบหน้าสวยกำลังฉายแววราวกับไม่พอใจ ทว่าท่าทางของคนตรงหน้ากลับทำให้หินอารมณ์ดีจนต้องขยับแรงโอบรัดบนเอวเล็ก
“...”
แฟนไม่ตอบ ทำเพียงแค่กัดริมฝีปากกระทั่งคนมองทนไม่ไหวจึงยกมือขึ้นไล้กลีบปากที่ตัวเองชอบดูดดึงแผ่วเบา
หินไม่เอ่ยอะไรแต่นวดวนอยู่อย่างนั้นจนแรงขบกัดคลายออก
“เดี๋ยววันจันทร์เลิกงานแล้วกูไปรับ โอเคไหม” เพราะต้องกลับไปนอนห้องและไปมหาลัยจึงจะได้เจอกันอีกครั้งในวันจันทร์
“อืม”
“อยากไปกินข้าว ดูหนัง หรืออะไรก็ได้หมด”
ประกายความไม่พอใจในดวงตาสวยเฉี่ยวเริ่มจางหายจนคนง้อยิ้มออก
ถ้าจับจุดแฟนได้มันก็ง่ายนิดเดียว
“ห้ามเบี้ยว”
“ตกลง”
ดวงตาสองคู่มองสบกันนิ่งเกือบสิบวินาทีก่อนหินจะเป็นฝ่ายแนบริมฝีปากเข้าหา ราวกับอีกคนรออยู่ก่อนแล้วเมื่อท่อนแขนเรียวยกขึ้นมาคล้องลำคอแกร่งในจังหวะต่อจากนั้น พร้อมทั้งบดเบียดร่างกายและริมฝีปากแนบชิด
“พอแล้ว เดี๋ยวจะลงไปข้างล่างช้า”
หินเป็นฝ่ายผละสัมผัสออกห่างเมื่อมือตัวเองถึงขั้นสอดเข้าไปลูบไล้เอวบาง เสียงครางแผ่วจากแฟนก็เริ่มดังขึ้น
ได้ยินดังนั้นคนถูกจุดติดง่ายจึงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพิงหัวเอาไว้กับไหล่แกร่ง
“ช้าหน่อยคงไม่เป็นไร”
หินหลุดหัวเราะ พยายามไม่ขยับเขยื้อนร่างกายเพื่อไม่ให้การเสียดสีนั้นไปกระตุ้นตัวเองและคนในอ้อมแขน
“เกรงใจพ่อแม่มึง เอาไว้กลับคอนโดทีเดียว” ถึงจะขัดใจแต่ความเกรงใจในพ่อแม่ตัวเองก็ยังพอมีอยู่
แฟนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นพลางพยายามควบคุมจังหวะการหายใจและอารมณ์ที่เกิดขึ้น กระทั่งราวๆห้านาทีทุกอย่างจึงกลับมาเป็นปกติ
“มึงจะใช้ห้องน้ำใช่ไหม ไปเข้าเถอะ อยู่ทางนั้น” แฟนผละใบหน้าออกก่อนจะเงยขึ้นแล้วเอ่ยพูด
“อืม”
ร่างสูงรับคำก่อนจะปล่อยร่างเล็กออกจากอ้อมแขน จากนั้นจึงหมุนตัวไปทางห้องน้ำ ขณะที่เจ้าของห้องก็มองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตา
ต้องลดการเสพติดหินลงบ้างแล้ว
--
“นั่งสิ”
สุ้มเสียงทรงอำนาจเอ่ยสั่งเรียบนิ่งเมื่อเป็นฝ่ายเรียกหินให้ออกมานั่งคุยกับตัวเอง โดยที่แฟนกำลังวุ่นกับการช่วยแม่เตรียมมื้อเย็น
“ไม่อ้อมค้อมนะ...คิดจริงจังกับแฟนแค่ไหนล่ะ”
คนถามยกแก้วน้ำชาซึ่งเป็นชาที่หินซื้อมาฝากขึ้นจิบด้วยท่าทีสบายๆ กลิ่นหอมอ่อนและรสชาตินั้นถูกใจจนต้องเลิกคิ้ว
ส่วนคนถูกถามซึ่งเตรียมใจมาเป็นอย่างดีก็ไม่ได้ตื่นกลัวกับการเข้าประเด็นอย่างรวดเร็วนี้แต่อย่างใด
“ผมยอมรับครับว่าการคบกันของผมกับแฟนมันเริ่มต้นอย่างไม่จริงจังนัก แต่มาจนถึงตอนนี้แล้วคงไม่มีอะไรที่จะเล่นๆอีกต่อไป”
สามเดือนกว่ามันมากพอให้รู้ว่าเป็นคนๆนี้
“แล้วคิดว่าจะเลี้ยงแฟนได้รึไง” คนเป็นพ่อถามต่อ
“ผมอาจไม่มีเงินมากมายแต่จะไม่ให้น้องต้องลำบาก”
“แค่พูดใครก็พูดได้”
“ผมไม่ได้แค่พูดครับ”
สองสายตาของผู้ชายต่างวัยมองสบกันนิ่ง เมื่อความจริงจังของคนรุ่นลูกประกายกล้า คนแก่จึงลอบถอนหายใจ
แววตามั่นคงแบบนี้ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่แฟนเอาแต่ใจตัวเองเสียอีก
“ฉันไม่ได้จะกีดกันหรืออะไรหรอกนะ แต่ลูกทั้งคน เลี้ยงดูมาอย่างดี จะยกให้ง่ายๆก็คงไม่ได้” คนเป็นพ่อเอ่ยเรียบเรื่อย ไร้ซึ่งความคุกคามหรือกดดันใดๆ
“ผมเข้าใจครับ แล้วก็จะทำให้คุณอาเห็น”
“เรื่องอื่นฉันจะไม่ยุ่ง แต่ถ้าจะจริงจังไปไกลกว่านี้ก็ต้องทำอีกมาก ที่สำคัญคือถ้าเห็นว่าแฟนเสียใจเพราะนายเมื่อไหร่...ทุกอย่างจบ”
“ครับ”
หินรับคำเสียงหนักแน่น ไม่เอ่ยอะไรยืดยาวเพื่อเอาใจคนตรงหน้า แต่ดวงตาสื่อสารออกมาชัดเจนว่าจะทำอย่างที่พ่อของแฟนบอก ส่วนเรื่องจะไม่ทำให้เสียใจนั้นก็จะพยายามให้ดีที่สุด
หากเกิดขึ้น มันจะไม่มีวันมาจากความตั้งใจอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ ทำส่วนของตัวเองให้ดีแล้วเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง...ทำตัวตามสบายเถอะ”
บรรยากาศรอบตัวลดความจริงจังลงตามที่คนเรียกออกมาคุยปล่อยให้เป็นไป หินจึงหายใจหายคอได้สะดวกขึ้นกว่าเมื่อครู่ ถึงจะไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่การพูดคุยก็ใช้พลังไปไม่น้อย
--
“บอกว่าให้คนรถที่บ้านกูไปส่งไง”
แฟนเอ่ยเสียงสะบัด ดวงตาฉายความไม่พอใจรุนแรงเมื่อหินซึ่งต้องกลับอพาร์ตเมนต์ของตัวเองยืนกรานว่าจะเรียกให้แท็กซีมารับ
“สองทุ่มแล้ว เกรงใจเขา”
“มึงก็เอาแต่พูดว่าเกรงใจ อะไรๆก็เกรงใจ ทีกูมึงยังบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนอื่นเลย”
เสียงที่เอ่ยเริ่มดังขึ้น ยังดีที่ว่าตรงนี้เป็นมุมนั่งเล่นหน้าบ้านที่มีเพียงสองคนจึงไม่ต้องเก็บอาการและอารมณ์ใดๆ
“มันไม่เหมือนกัน นี่กูไม่ได้รบกวนแค่มึง แต่รบกวนคนอื่นไปด้วย”
หินอธิบายอย่างใจเย็น ไม่ได้นึกโกรธกับท่าทางและคำพูดของแฟนเลยแม้แต่น้อย คิดในทางที่ดีว่าที่อีกคนหงุดหงิดคงเพราะเป็นห่วง
“งั้นกูจะไปส่งมึงเอง”
“อย่าเลย”
“...” คนไม่พอใจเงียบเสียงลงบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังไม่พอใจขั้นสุด นอกจากจะไม่พูดแล้วใบหน้ายังเบือนหนีไปทางอื่น
“แฟน ไม่เอาน่า”
“ก็เพราะมึงนั่นแหละ” แฟนหันขวับกลับมาตอบ ดวงตาสวยคุกรุ่นไปด้วยอารมณ์ร้อนจัด
“โอเค กูผิดเอง กูยอมรับ แต่ยังไงก็อย่ารบกวนคนอื่นเลย ไม่อยากให้มึงขับรถคนเดียวตอนดึกด้วย แค่กลับแท็กซีกูกลับได้”
หินยังคงควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่า ทุกอย่างเป็นไปอย่างใจเย็นและคำพูดยอมรับผิดด้วยเสียงทอดอ่อนเมื่อครู่ก็ดูท่าจะละลายความร้อนของคนตรงหน้าลงได้หนึ่งระดับ
“...” แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจทำให้แฟนกลับมาเย็นได้ทั้งหมด
“ถ้ามึงงอน กลับไปกูนอนไม่หลับแน่”
มือหนาเอื้อมไปจับมือบางซึ่งวางอยู่บนโต๊ะฝั่งตรงข้ามแผ่วเบา น้ำเสียงที่เอ่ยเว้าวอนจนคนฟังยอมเปิดปากพูดด้วยอีกครั้ง
“แล้วมึงคิดว่ากูจะนอนหลับรึไง”
“งั้นก็อย่างอนเลย”
“แล้วมันน่าไหม”
“ไม่น่า สัญญาว่าถึงห้องแล้วจะรีบโทรหา” ข้อต่อรองถูกยกขึ้นมาเสนอ หวังให้อีกฝ่ายอ่อนลงกว่านี้
“ก็ลองไม่โทรสิ”
ความไม่พอใจยังคงตกตะกอนจางๆอยู่ข้างใน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากไร้เหตุผลมากไปกว่าที่เป็น ท่าทีแข็งกร้าวก่อนหน้าจึงถูกปรับให้เป็นปกติ
“ลงจากแท็กซีก็จะโทรทันที โอเคไหม” สุดท้ายใบหน้าสวยก็กดลงรับอย่างจำยอมจนหินยิ้มออกด้วยความโล่งอก
การนั่งย่อยหลังมื้ออาหารเย็นผ่านพ้นไปราวอีกสิบนาทีก่อนแขกที่มารบกวนตั้งแต่เที่ยงจะได้เวลากลับ หินเข้าไปลาครอบครัวแฟนอีกครั้ง แม้ประเด็นเรื่องการนั่งแท็กซีจะถูกหยิบยกขึ้นพูดมาอีกรอบแต่เพราะยืนกรานหนักแน่นว่าไม่อยากรบกวน ทุกคนจึงไม่อาจขัด
“เจอกันวันจันทร์”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกยามยืนอยู่ข้างตัวรถซึ่งถูกเรียกเข้ามารับถึงหน้าประตูบ้านของแฟน
“อืม”
“เดี๋ยวโทรหา”
“อืม”
หินลอบถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายรับคำเพียงสั้นๆ ถึงใบหน้าของแฟนจะดูเหมือนเป็นปกติแต่คนมองก็รู้ว่าข้างในนั้นไม่ได้ปกติอย่างที่พยายามเก็บอาการ
เสียงเครื่องยนต์ทำงานดังเร่งเร้าแต่หินกลับไม่อาจก้าวขึ้นรถได้ตอนนี้ เท้าแกร่งจึงสาวเข้าไปใกล้คนตรงหน้าอีกหนึ่งก้าว จากนั้นจึงรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด ง้องอนแฟนด้วยสัมผัสที่แนบชิดพลางลูบไล้แผ่นหลังเล็กแผ่วเบา
“กูไปแล้วนะ”
กระซิบบอกข้างหูคนที่สอดแขนมารัดรอบเอว คำบอกลาราวกับจะจากกันในวินาทีนี้แต่ร่างกายกลับไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย
“จูบลาด้วยสิ”
หินหลุดหัวเราะก่อนจะผละใบหน้าออกห่าง ขณะร่างกายส่วนอื่นยังคงอยู่ในท่าเดิม
“ไม่เบื่อรึไง จูบกันวันละเกือบสิบรอบ”
“มึงเบื่อ?” น้ำเสียงที่เอ่ยกดต่ำลงคาดคั้น
“ไม่มีเบื่อ แต่นี่หน้าบ้าน เดี๋ยวคนขับจะช็อกเอา”
คุณลุงวัยห้าสิบซึ่งนั่งรออยู่ในรถมาหลายนาทีอาจขับหนีออกไปด้วยรับไม่ได้กับเรื่องประเจิดประเจ้อแบบนี้
“งั้นมึงก็ขึ้นรถเถอะ ก่อนกูจะไม่ให้กลับจริงๆ”
ดวงตาสวยบ่งบอกว่าแฟนไม่ได้พูดเล่นจนมือหนาเลื่อนขึ้นมาไล้แก้มเนียนทิ้งท้ายแล้วขยับกลับไปยืนที่เดิม
ถึงใจอยากทำตามความต้องการของอีกคนมากแค่ไหน แต่เนื่องด้วยสถานที่ที่ไม่เหมาะสมจึงไม่อาจทำได้อย่างใจอยาก
เวลาซึ่งถูกยืดเยื้อเอาไว้สิ้นสุดลง คำลาตามธรรมเนียมตะวันตกถูกเอ่ยจากนั้นร่างสูงจึงหมุนกายเดินไปเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
เมื่อไฟท้ายค่อยๆกลายเป็นจุดเล็กๆกระทั่งหายลับไปจากสายตา ลมหายใจหนักอึ้งก็ถูกพ่นออก ทั้งที่เป็นเพียงการจากกันไม่กี่วันแต่ดูเหมือนว่าหินจะกลายเป็นความคุ้นชินที่เกาะกินทุกอณูความรู้สึก
เมื่อไม่ได้อยู่ด้วยกันจึงรู้สึกวูบโหวง
มากเกินไป...ต้องทำใจให้ห่างอีกฝ่ายบ้างซะแล้ว
1 ชั่วโมงผ่านไป“เข้าห้องมาแล้ว”
เสียขลุกขลักดังเข้ามาในสายก่อนเสียงประตูปิดลงจะดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่าง จนใบหน้าของหินในความมืดสลัวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นแจ่มชัด ขณะที่แฟนซึ่งซบหน้าอยู่กับหมอนก็เงยหน้าขึ้นมาตั้งตรง
“ทำอะไร”
เอ่ยถามขึ้นเมื่อรับรู้ได้ว่าโทรศัพท์ของหินถูกตั้งอิงไว้กับอะไรสักอย่างบนโต๊ะข้างหัวเตียง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ขยับถอยออกไปจากหน้าจอเล็กน้อย
“จะถอดเสื้อ” หินตอบพร้อมทั้งเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีครามของตัวเองออก
“ถอดเสื้อทำไม”
“ก็จะอาบน้ำ”
สาบเสื้อซึ่งแย่งออกจากกันเผยให้เห็นแผ่นอกและหน้าท้องแกร่งวับๆแวมๆ ล่อตาล่อใจจนคนมองผ่านทางหน้าจอจับจ้องไม่วางตา
“อ่อยกู?”
“หึ อ่อยอะไร”
“มึงตั้งใจถอดเสื้ออ่อยกู” ปากเล็กเบ้ใส่ไปด้วยยามเอ่ยพูด
“จะอาบน้ำจริงๆ งั้นวางสายก่อนแล้วแยกย้ายกันไปอาบน้ำ เสร็จแล้วจะโทรไปใหม่”
แม้จะนึกขำกับความคิดของแฟนแต่เพราะอากาศที่ร้อนจนเหงื่อชุ่มเลยทำให้อยากรีบอาบน้ำเป็นอันดับแรก
“ไม่เอา” อีกคนปฏิเสธทันควัน
“จะดูกูอาบน้ำ?”
หินเอ่ยถามเมื่อเสื้อถูกเลื่อนออกจากตัว คราวนี้ส่วนบนเต็มไปด้วยมัดกล้ามจึงปรากฏให้แฟนได้เห็นเต็มตา จากนั้นมือหนาจึงเลื่อนต่อไปยังหัวเข็มขัด
“มึงก็ต้องดูกูอาบน้ำเหมือนกัน”
คนพูดขยับตัวลุกขึ้น ตั้งโทรศัพท์มือถือไว้กับโคมไฟข้างหัวเตียงแล้วถอยหลังไปเปลื้องผ้าตัวเองออกทั้งตัวอย่างรวดเร็ว
“อย่าอ่อยกูแบบนี้”
กลายเป็นหินที่ตกเป็นฝ่ายต้องใช้ความอดทนกับภาพจากปลายสาย ร่างกายขาวเนียนอะร้าอร่ามสะท้อนกับแสงไฟจนอยากยื่นมือเข้าไปคว้าอีกฝ่ายมาเคล้นคลึง
“ใครเริ่มก่อน”
“โอเค ยอม ปิดกล้องเถอะ...กูไม่อยากเซ็กส์โฟน”
“ทนไหวเหรอ”
ไม่เพียงแค่เอ่ยถามยั่วยวนแต่แววตาของคนที่โน้มหน้าลงมาใกล้โทรศัพท์นั้นยังทอความเชิญชวนจนกรามแกร่งบดเข้าหากัน
“ไม่ไหวก็ต้องทน วันจันทร์มึงเตรียมตัวไว้ได้เลย”
“นับชั่วโมงรอแทบไม่ไหวแล้ว”
“ขี้ยั่วไม่มีใครเกินจริงๆ”
คำกล่าวว่านั้นทำให้คนฟังพึงพอใจจนหลุดหัวเราะ อารมณ์คุกรุ่นก่อนหน้าหายวับ พลันมือบางจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาไว้ในมือแล้วเอ่ยถาม
“จะปิดกล้องรึยัง หรือจะถอดกางเกงโชว์กู?”
“กลัวคนแถวนี้อารมณ์ขึ้น”
หินเอ่ยตอบจังหวะเดียวกันกับที่ภาพทางฝั่งของตัวเองถูกตัดเป็นเพียงหน้าจอสีดำ เมื่อแฟนกดปิดกล้องไปเช่นเดียวกันจึงเหลือเป็นการเฟซไทม์เสียงธรรมดา
“บอกตัวเองเถอะ”
คนฟังส่ายหัวยามลงมือถอดกางเกงต่อจนร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปพร้อมทั้งโทรศัพท์ในมือ
เพิ่งเคยคุยโทรศัพท์ไปด้วยขณะอาบน้ำก็วันนี้เอง
TBC.
มาแล้วเด้ออออ อิอิ
จะบอกว่าจริงๆแอบงอนคนอ่าน เลยตั้งใจว่าจะให้รอสักอาทิตย์ค่อยมา แต่เพราะความน่ารักของเราเลยจะหายงอนก็ได้^^
มาแล้วนะคะะะะ ตอนนี้หว๊านหวาน น้องแฟนงอแงมากๆ(น่าฟัดเนอะ)
อ่านแล้วขอกำลังใจให้โซแอลด้วยน้า ไม่งั้นงอนแล้วหนีเข้าป่าไม่อัพพี่หินไม่รู้ด้วย :p
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า~ (ฝากแท็กให้ไปส่งฟีดแบคกันที่ #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ)
ปล.คนเก่งมากเหมือนจะมีแค่ในนิยายแต่เมื่อเราโตขึ้น ได้เจอสังคมใหญ่ขึ้นก็จะได้รู้ว่าคนเก่งมากมีอยู่มากมาย...ยกเว้นตัวเราเอง กร๊ากกกก (จะบอกว่าที่โซแอลเขียนให้พี่หินเก่งเพราะรู้จักคนเก่งอยู่มากเลยค่ะ ไม่ได้จะอวดอะไรนะคะ แต่จะบอกว่าคนเก่งในสังคมเรามีเยอะมากจริงๆ โปรไฟล์ดีกว่าพี่หินก็มีอีกมากเลย ยกเว้นโซแอลนี่แหละ ฮ่าาา)
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ