Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61  (อ่าน 13916 ครั้ง)

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
ติดตามมมม

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากเลยยยยย  o13

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 12

     ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เหมือนชีวิตน้องมีนผู้นี้ก็ไม่มีอะไรแน่นอนเลย เปิดเทอมวันแรกก็เจอไอ้คู่แฝดนรกที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่มันเป็นเรเวนมีปีกบินได้ แถมแรงควายยิ่งกว่าซุปเปอร์แมน สองพี่น้องทำงานให้สภาล่าเหล่าอธรรม เหอ ๆ อย่างกับในหนัง แถมคนพี่ยังเอาแต่แผ่รังสีอมหิตจนผมปฏิญาณกับตัวเองว่าผมจะไม่เข้าใกล้มันเด็ดขาด เอาไปเอามามันกลับกลายเป็นคนที่อยู่ใกล้ผมมากที่สุด เหมือนอวัยวะที่สามสิบสามก็ว่าได้

     หลังจากรู้ว่าตัวเองเป็นเงือกอะไรๆ มันก็เปลี่ยน เหมือนเรากุมความลับระดับโลกเอาไว้  ไม่ว่าใครก็กำชับนักหนาว่าห้ามคนอื่นรู้เด็ดขาดแม้แต่อมนุษย์ด้วยกันเพราะมีความเชื่อที่ว่าเนื้อของเงือกทำให้เป็นอมตะ ฟังเขาบิ้วมาก ๆ เริ่มระแวง ชนิดที่ว่าไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้สระน้ำเพราะกลัวจะกลายร่างแบบไม่ตั้งใจแล้วโดนลากไปทำซาซิมิ

     "เป็นไงบ้าง พี่สะใภ้" เรนเน้นคำหลังพลางยิ้มกวนตีน มันใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูแต๋วชะมัด มือหนึ่งถือเหยือกน้ำมือหนึ่งถือแก้ว

     "ไม่โอเค พี่มึงอะ แม่งเชี่ย" ผมบ่น หงุดหงิดโว้ย หิวก็หิว ตูดก็เจ็บ ของเมื่อคืนนะไม่เท่าไหร่แต่ของเมื่อเช้าที่แม่งใส่ยับไม่มีอินโทร ก้าวลงบันไดแต่ละขั้นเจ็บร้าวไปทั้งตัว จนต้องจับราวไว้แน่นเพราะกลัวจะล้มลงไป

     "อะไรกัน เป็นเงือกนานจนลืมวิธีเดินไปแล้วเหรอ" ดวงตาสีเขียวพราวระยับ ใบหน้าหล่อยังยิ้มล้อผมไม่เลิก

     "ตลก" ผมเหวี่ยง ซ่า!!!...สิ้นคำน้ำในเหยือกก็สาดเข้าหน้าของเรนอย่างจัง 

     "เฮ้ย!!!" เรนร้องด้วยความตกใจ

     "กะ กูขอโทษ" แต่ผมตกใจกว่า แค่รู้สึกหมั่นไส้คิดเล่น ๆ ว่าอยากเอาน้ำสาดหน้ามัน "คือไม่ได้ตั้งใจ"

     "ไม่เป็นไร การควบคุมน้ำเป็นพลังของเงือกสินะ" มันว่าพลางหาผ้าขนหนูมาเช็ดหน้า "แต่อยู่ข้างนอกก็คุมตัวเองดี ๆ ละ"

     "อืม กูจะระวัง ขอโทษนะเว้ย" ผมว่าก่อนพยายามลากสังขารลงบันไดต่อ แต่จู่ ๆ ก็ถูกอุ้มจนตัวลอยหันไปจึงเห็นว่าเป็นเร ผม
สะบัดหน้าหนีไม่อยากมอง เพราะมันเลยผมถึงเดี้ยงแบบนี้

    "หึ ๆ" มันหัวเราะก่อนหอมหัวผมไปที ไอ้บร้าาาาา...กูเขิน

    "อะแฮ่ม!!! เกรงใจกูบ้าง" เรนว่า ก่อนยกอาหารเช้าแบบอเมริกันไสตล์ มาวางบนโต๊ะสามชุด ก่อนรินน้ำใส่แก้วที่วางไว้ข้างกัน "กาแฟไหม"

    "ก็ดีโคตรง่วงเลย" ผมตอบ เรมันวางผมลงบนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างขวา ส่วนน้องมันนั่งลงข้างซ้าย "แล้วจะกลับกันตอนไหน"

     "กินเสร็จก็กลับเลย พรุ่งนี้มีเรียนนิ" เรนตอบ "เอ้อกลับไปก็ขนของมาอยู่กับพวกกูด้วย"

     "อ่าวทำไมละ" ผมถาม

     "ตอนเนี่ย กลิ่นไอมึงชัดมากเลยมีน พวกกูเลยกลัวว่าถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียวอาจถูกอมนุษย์ตัวอื่นจู่โจมได้" เออมันก็จริง

     "แล้วกูจะนอนห้องไหน" คือคอนโดมีแค่สองห้องไม่อยากย้ายเข้าไปเบียดเบียนพวกมัน

     "นอนห้องผัวมึงไปสิครับ" เรนว่า "หรือจะนอนห้องกูก็ได้ แต่คราวนี้ไม่ให้นอนเฉย ๆ หรอกนะ" มันยิ้มทะเล้นให้ผม

     "ของกู" เรมันพูดเสียงเรียบพร้อมมองน้องมันด้วยสายตาเย็นเยียบ

     "ขี้งก" แต่เจ้าตัวหาได้กลัวไม่ ยิ้มกวนตีนก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ 

     เรากลับมหาลัยในบ่ายวันนั้นพอถึงหอสองพี่น้องก็ช่วยกันขนเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนของผมไปไว้คอนโดพวกมัน เล่นจัดการเสร็จสรรพแบบไม่ให้ปฏิเสธเลยทีเดียว เสียตัวแล้วเข้าหอเจริญพวง

 



     "วันนั้นที่สะพานพังลงมากูตกใจชิบหาย" ไอ้กรมันกำลังรำลึกเหตุการณ์ตอนไปรับน้องในยามพักเที่ยง "ใจกูนะอยากช่วยมึงนะเว้ย แต่กู ว่ายน้ำไม่เป็น" ก่อนจะจบท้ายประโยคเสียงเบา

     "กลัวตายก็บอก ไอ้ก้องมึงเป็นนักกีฬาว่ายน้ำตอน ม.ปลาย ทำไมไม่ลงไปช่วยเพื่อน" เจ๊ดาหันไปแว้ดใส่ก้องแทน 

     "โถ่ เจ๊กูยังไม่ทันตั้งท่าก็มีพระเอกพุ่งหลาวลงน้ำไปก่อนแล้ว" มันรีบแก้ตัว "แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่ะ เพราะพวกพี่ไล่กูกลับก่อน บอกเดี๋ยวก่อเรื่องเพิ่ม เลยไม่รู้ว่าเรมันช่วยมึงยังไง" มันว่า พร้อมตบบ่าผม

     "ตบขนาดนี้ทุบเลยไหม" ก้องมันจะฆ่าผมแล้ว เท่าที่ฟังคงไม่มีใครนอกจากเรและพี่โยที่รู้ว่าผมเป็นเงือก...สบายใจไปอีกเปลาะ 

     “หูยยยยยย !!!! ไอ้มีน กูอิจฉาวะ” อีเจ๊ดามันเขย่าคอเสื้อผมรัว ๆ เมื่อเมื่อก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ถูกนำมาถวายตรงหน้าด้วยฝีมือไอ้ท่อนไม้ของผม ก่อนที่มันจะนั่งลงข้างกันพร้อมกับชามของตัวเอง

     “เจ๊ก็รีบหาแฟนซักทีเถอะ เอาไอ้กรก็ได้ มันก็ไม่มีใครเอาเหมือนกัน...โอ๊ย!!!” ไรวะคนอุส่าแนะนำยังจะมาตบหัวกันอีก

     “กูไม่อยากให้ลูกขาสั้น”

     “อ่าว อีเจ๊ ถามกูยังว่าจะเอามึงไหม” จากนั้นสงครามน้ำลายก็เริ่มขึ้น เจ๊ดากับกรเนี่ย ผมว่าเถียงกันมาก ๆ เดี๋ยวก็ได้กันเชื่อสิ

     “เดี๋ยวพวกกูไปซื้อข้าวแปป ไอ้เตี้ย เจ๊ เอาไร” ภูผาว่า

     “เหมือนมึง” แล้วมวยคู่เอกก็ตอบพร้อมกันก่อนจะหันไปกัดกันต่อ ผมได้แต่ส่ายหัวเอือม ๆ กับมันสองตัว

     มองก๋วยเตี๋ยวในชามตรงหน้าแล้วรู้สึกเขินวะ ผมชอบกินบะหมี่ไม่ใส่ถั่วงอก ้เรมันก็ซื้อมาให้ถูกต้องเป๊ะทั้งที่ไม่ได้บอก มันเป็นความใส่ใจเล็กน้อย ๆ แต่ก็รู้สึกดี ดวงตาสีน้ำเงินมองมาประมาณว่า มีปัญหาอะไร กินไม่ได้หรือ หรืออะไรประมาณนั้น เดี๋ยวนี้ผมอ่านใจคนได้ด้วยหรอ...ท่าจะบ้า 

     มองหน้ามันมากจะขาดใจ เพราะเดี๋ยวนี้ขยันยิ้มให้ผมเหลือเกิน พอมันยิ้มนี่หล่อกว่าเดิมเป็นเท่าตัว จึงเลือกเบนสายตาไปทางอื่นแก้เก้อแต่แบบจากอารมณ์ดี ๆ เริ่มขุ่นมัวขึ้นทันใด 

     ทำไมนะหรอ...ก็พวกลิงค่าง บ่างชะนี เล่นจ้องคนข้างผมอย่างกับจะกลืนกิน บ้างก็มองมาที่ผมแบบเหยียด ๆ บ้างก็ซุบซิบนินทา ประมาณว่าไอ้แว่นออย่างผมมานั่งเสล่ออะไรกับเทพบุตร (ตอนนี้มองเห็นชัดแล้วแต่เรบังคับใส่อะ)

     หงุดหงิด รู้สึกตัวเองสาวแตกขึ้นทุกวัน นั่น...สาวโต๊ะนั้นกำลังเดินมาทางเรา...คงมาขอเบอร์เรชัวร์…ไม่ได้โว้ย คนนี้กูจอง!!!

     “กินปะ” ผมคีบลูกชิ้นในชามป้อนคนนั่งข้าง ๆ เรงับมันเข้าปากอย่างว่าง่าย ทำเอาผู้หญิงที่จะเดินเข้ามาถึงกับชะงัก 

     “ยิ้มอะไร กูจ่ายค่าที่มึงเดินไปซื้อมาให้เฉย ๆ หรอก" อย่ามาหลงตัวเอง ไม่มีใครเขาหวงมึงเลย นี่เปล่าร้อนตัวนะครับ 

     เรยักคิ้วกวนๆ ใส่อย่างล้อเลียนก่อนที่มันจะก้มลงมาจุ๊บปากแล้วหันกลับไปกินต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่สนใจเสียงฮือฮาของคนรอบข้าง ทิ้งให้ผมเหวอแดก หน้าแดงไปไม่เป็นส่วนผู้หญิงคนนั้น เจ้าตัวรีบถอยทัพกลับไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนในทันที
 
     “โอ๊ยยยยย ทำอะไรเกรงใจคนโสดอย่างกูมั่ง นี่มันโรงอาหารนะ” เสียงแหลมกรีดร้อง ก่อนที่เพื่อน ๆ จะรุมแซวผมยับ แซวเลยครับน้องมีนไม่ตอบโต้ เขินอยู่

     ก่อนที่ผมจะโดนเดอะแก๊งรุมทึ้งไปมากกว่านี้ พี่โยก็เดินมาหาเราพร้อมกับฝรั่งตัวสูง ๆในเสื้อชอปคณะวิศวะ พี่คนนั้นยิ้มให้ผม ดูจากผิวที่ขาวจนซีดคงไม่ใช่มนุษย์แน่ชัวร์ 

     “พี่โย...หวัดดีครับ/ ดีค่ะ” พวกผมยกมือไว้พี่เขาตามมารยาท 

     “มีอะไรให้รับใช้พี่” ผมถาม

     “พี่นะไม่มีหรอก พารอทมาหาหลานนะ” ผมหันมองตามพี่เขาบอก นี่นะเหรอ ท่านอาของไอ้แฝดนรก ยังเรียนอยู่เลย แถวยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวขนาดนี้

     "คุณอาดูยังไม่แก่เลยเนอะ" ผมเผลอพูดไปตามที่คิด "เอิ่ม ขอโทษครับ"

     “เหอะๆ มันอายุเยอะกว่าที่เห็นนะ จริงไหมลุง” พี่โยตอบคนถูกพาดพิงก็แค่ยิ้มรับ ก่อนจะหันไปคุยอะไรบางอย่างกับหลายชาย พร้อมเอาเอกสารชุดหนึ่งใหเรอ่าน คือผมก็อยากเสือกนะว่าคุยอะไรกัน แต่ฟังไม่ออกอะ อังกฤษจ๋ามาเลย คงเป็นเรื่องงานนักล่าของมันละมั้ง แต่ดูจากสีหน้าเรรคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ 

     เรหันมามองด้วยสายตาวิตก ชวนให้ร้อน ๆ หนาว ๆ ว่าเกี่ยวอะไรกับผมหรือเปล่า ยิ่งทำให้อยากรู้ยิ่งขึ้น 

     ผมควรถามมันไหม? หรือมันเป็นการก้าวก่ายมากไป เอาเถอะ ถ้าเรอยากบอกคงบอกเองละมั้ง


     เรมันเงียบ เอ่อ...ปกติมันก็ไม่พูดอยู่แล้วนี่ คือจะให้อธิบายยังไงดีละ...เอ่อ มันดูนิ่งกว่าปกติเหมือนมีเรื่องให้คิดตลอดเวลา ตั้งแต่กลับจากมหาลัยมา มันก็เอาแต่นั่งอยู่หน้าคอมค้นนู่นหานี่ ส่วนเรนกลับมาก็ป่วนผมเลยครับ ท้าผมดวลวินนิ่งจนล่วงเลยไปถึงมื้อเย็น

     หลังจากวันนั้นสองแฝดก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านตอนกลางคืน เรนบอกว่าพวกมันกำลังตามคดีใหญ่อยู่ บางทีมันก็กลับมาดึก ๆ บางทีก็กลับเช้า บางทีก็หายไปเลย 

     วันเสาร์ผมอยู่คนเดียวที่คอนโด เพราะสองแฝดออกไปตั้งแต่เย็นวันศุกร์ นั่งว่างการบ้านไม่มีเลยหอบผ้ามาซัก ปกติจะมีแม่บ้านมาทำให้สองครั้งต่อสัปดาห์แต่วันนี้คึก ผมล้วงตามกระเป๋าเสื้อผ้าเผื่อมีเศษเหรียญจะได้ไม่ไปขูดเครื่อง พลันล้วงไปเจอกระดาษใบเล็กในกระเป๋ากางเกงเร 

     ลินดา 097-854xxxx 

     กระดาษใบนั้นจดเบอร์ของใครบางคน ที่รู้ว่าเป็นผู้หญิงเพราะบนนั้นมีรอยลิปสติกสีสดที่เจ้าตัวประทับไว้ เป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้หญิงเขาหาเรบ้างในบางครั้ง แต่มันก็ไม่เคยตอบรับหรือสนใจ  จึงแปลกมากที่มันเก็บกระดาษแผ่นนี้ไว้

     มันอาจจะรับ ๆ มาตัดรำคาญก็ได้

     "เอ้อ คืนนี้นอนคนเดียวนะ พวกกูต้องออกไปทำงาน" แฝดน้องบอกตอนกินข้าวเย็นด้วยกัน

     "ไปทั้งคืนเลยเหรอ" ผมถาม รู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองไม่ปกติ

     "มีอะไรหรือเปล่า" เรถาม ผมเลยส่ายหัวแล้วกินข้าวต่อ อยากจะถามเรื่องกระดาษนั่นแต่จู่ ๆ ก็ไม่กล้า พยายามมองในแง่ดีแต่มันไม่ง่ายเลย

     ระหว่างที่สองพี่น้องไปเตรียมตัวทำภารกิจ ผมก็จัดการเก็บกวาดโต๊ะ พร้อมล้างถ้วยล้างจานให้เรียบร้อย มาอาศัยเขาเลยต้องทำตนให้เป็นประโยชน์ 

     ผมนั่งดูทีวีพลางกินไอติม โทรศัพท์ของเรที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะสั่น โดยปกติคงไม่สนใจ แต่วันนี้สองมือกับหยิบมันขึ้นมาดู

     ...ลินดา...

     ชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอทำให้สมองมันตื้อไปหมด ผมวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ผมไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ไม่เคยต้องหวาดระแวงใครจึงไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง 

     "เร มีคนโทรมา" ผมบอกเจ้าของเครื่องที่เดินออกมาจากห้องหลังแต่งตัวเสร็จ มันหยิบโทรศัพท์มาดูก่อนจะเดินออกไปคุยตรงระเบียง

     การที่คนเราจะคบกันความไว้ใจคือสิ่งสำคัญ ผมต้องไว้ใจเรทั้งที่คิดแบบนั้นแต่ทำไมถึงรู้สึกแย่มากเลย

     "มีน"

     "ฮะ" ผมหันไปจึงเห็นว่าแฝดน้องนั่งอยู่ข้างกัน

     "ไอติมละลายหมดแล้ว" ผมมองไอติมในถ้วยที่ตอนนี้กลายเป็นน้ำก่อนหันไปยิ้มให้มัน

     "อ้อ กูดูเพลินไปหน่อยลืมกิน"

     "ไปแล้วนะ" เรบอกพลางจูบหนาผากผมไปที ส่วนเรนก็ลูบหัวผมก่อนเดินตามพี่มันไป

     "ระวังด้วยมึง" ผมตะโกนตามหลัง 

     ที่ผ่านมาผมมองว่างานนักล่าเป็นอะไรที่โคตรเท่ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกห่วง แม้มันทั้งคู่จะเก่ง แต่ก็กลัวพลาด กลัวเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น อมนุษย์ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน เราต่างเจ็บได้และตายเป็น

ทั้งที่คิดว่าคงได้นอนเฝ้าห้องคนเดียวกลับโดนพวกพี่ตั้มลากออกมาสังสรรค์ที่ผับแถวมหาวิทยาลัย พี่แกจะเลี้ยงไถ่โทษที่ผมตกสะพาน ของฟรีมีหรือจะพลาด ออกไปเจอเพื่อนเผื่อจะหายฟุ้งซ่าน นอกจากผมยังมีแก๊งสามช่า ก้อง กร และภูผา ส่วนเจ๊ดานั้นวันนี้เป็นกุลสตรีครับ ไม่เที่ยวกลางคืน 

     "ผัวไม่มาเหรอ" ไอ้เตี้ยกรแซว

     "ออกไปธุระกับน้องมัน"

     "จริงเหรอมันอาจไปหลีสาวก็ได้ แค่ตอแหลมึงไปงั้น" มันยังเสี้ยมต่อ ถ้ามันรู้ว่าสองพี่น้องทำงานอะไรคงไม่พูดแบบนี้

     "พี่ หวัดดี" พวกพี่ตั้มแอนด์เดอะแก๊งยกมือทักทาย

     "มา ๆ ไอ้น้องรัก มาให้พี่ตั้มกอดปลอบขวัญหน่อย" ว่าแล้วพี่แกก็ลากคอผมไปล๊อคเลยครับ กลิ่นเหล้านี่หึ่ง เมาแต่หัววันเลยพี่กู...ร่ำสุราพากันแดนซ์ สาว ๆ แต่ละคนนี่แบบนุ่งน้อยห่มน้อยจนอย่างจะบอกพวกเธอว่า ถอดเถอะจ๊ะ พี่ขี้เกียจลุ้น 

     ตอนกำลังคุยกับพวกรุ่นพี่อย่างออกรส ภูผามันสะกิดพลางชี้นิ้วนำผมจึงมองตาม

     "ไหนว่ามันไปธุระกันวะ" ก้องบ่น ผมถึงกับสะอึกกับสิ่งที่เห็น

     ตรงที่นั่งโซนวีไอพีแฝดนรกกำลังหัวเราะต่อกระซิกกับสาวสวยที่รุมล้อม คำถามมากมายผุดขึ้นให้หัวจนหน่วงไปหมด 

     ไหนว่าไปทำงาน พอเรนหันมาเห็นผมมันดูตกใจก่อนสะกินให้พี่มันมองตาม ผมจ้องทั้งสองอยู่แบบนั้นโดยเฉพาะเร ดวงตาสีน้ำเงินมองผมนิ่ง ๆ ชวนให้อึดอัด ลุ้นว่ามันจะทำยังไง เดินมาหา มาทักทาย แต่ก็ไม่ มันหันกลับไปราวกับไม่เห็นผมอยู่ตรงนี้

     ....ทำไม!? 

     ผมรู้สึกหน้าชา อยากรู้ว่าทำไมพวกมันถึงมาที่นี่ ผู้หญิงรอบ ๆ ตัวนี่เรียกงานใช่ไหม แต่ผมไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปถาม ท่าทีเฉยชาของเรทำให้ผมลังเล...ว่าผมยังมีสิทธินั้นไหม 

     "เอาไงวะ" ภูผาถาม 

     ...เอาไง...ผมไม่รู้ ได้แต่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา

     "พากูกลับที" ผมตอบเสียงเครือ รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมา ไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้ ในที่ที่เรมองเห็นแต่ไม่สนใจ

     มันต่างจากตอนเจอพะแพงควงพี่น๊อตต่อหน้า เพราะตอนนั้นเราห่างกันแล้ว แต่กับเรตั้งแต่เราเริ่มเปิดใจให้กันก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทำอะไรร่วมกันตลอด ผลกระทบต่อจิตใจจึงมากกว่า

     "กลับคอนโด?" 

     "เปล่า...กลับห้องกู" เพื่อนทั้งสามพยักหน้ารับก่อนจัดการล่ำลารุ่นพี่ เจ้าภาพอย่างพี่ตั้มโวยวายเล็กน้อยที่ผมกลับไว แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของผมแกเลยยอมแต่โดยดี 

     อา...คิดถึงห้องนี้จัง ผมไม่ได้นอนหอตัวเองมาเกือบเดือน โชคดีที่ปิดประตูหน้าต่างหมดฝุ่นจึงไม่เยอะ ไอ้สามเกลอเสนอตัวจะอยู่เป็นเพื่อนแต่โดนไล่กลับ ผมไม่ใช่ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องฟูมฟาย เวลาไม่สบายใจก็แค่อยู่เงียบ ๆ คนเดียว

     ถึงจะห้ามตัวเองไม่ให้ตัดสินในสิ่งที่เห็น ไว้ค่อยถามเจ้าตัวตรง ๆ อีกทีดีกว่า...แต่ว่ามันก็ชัดแล้วนิ ถูกเมินใส่ขนาดนั้น จะถามไปทำไม

     "บ้าเอ๊ย...!" ผมสบถเมื่อความคิดด้านลบเล่นเข้ามาในหัว หรือตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเรกับเรนออกไปเจอผู้หญิงพวกนั้น แล้วผมละ มันเบื่อแล้วเหรอ หรือว่าเห็นเป็นแค่ของเล่น

     ทำไมน้ำตามันไหล ทำไมหัวใจมันเจ็บเหมือนถูกบีบ แม้ไม่ชอบทำตัวอ่อนแอแต่คราวนี้ผมขอยอมแพ้และไม่ฝืนตัวเองอีกต่อไป 

     ผมนอนร้องไห้เงียบ ๆ อยู่บนเตียง เพราะฤทธิ์เหล้าและความอ่อนล้าไม่นานก็ผลอยหลับไป

     แกรก!! เสียงบางอย่างดังมาจากระเบียงปลุกผมขึ้นมาตอนรุ่งสาง มีคนกำลังพยายามเปิดประตูเข้ามา...หรือว่าจะเป็นโจร!? คิดได้แบบนั้นผมจึงรีบก้าวลงเตียงรูดผ้าม่านออกเพื่อให้เห็นบุคคลที่อยู่หลังกระจกนั้น

     "เร!!!" ไอ้เราก็ลืมคิดไปห้องอยู่ตั้งชั้นห้าโจรที่ไหนจะบ้าปีนขึ้นมา 

     ทั้งที่คิดจะเดินหนีแต่พอเห็นสภาพอิดโรยกับเนื้อตัวมอมแมมของมัน ผมกลับทำในสิ่งตรงข้าม ทันทีที่ประตูกระจกเปิดออกร่างสูงก็รวบผมเข้าไปกอดไว้แน่นจนได้กลิ่นเลือดจากตัวมัน 

     "อย่าหายไปไหนโดยไม่บอกอีก" เสียงของเรสั่น รับรู้ถึงหัวใจของมันที่กำลังเต้นรัว "กูกลัว...ว่าใครจะเอามีนไป" ดูจากสีหน้าท่าทางแล้ว บอกเลยว่าโกรธไม่ลงแม้เมื่อคืนผมต้องนอนร้องไห้เพราะมันก็ตาม

     "เฮ้ย!!!! มึงเลือดออก" ผมร้องลั่นเมื่อผละออกมาจากอ้อมแขนมัน คาบเลือดเลอะเต็มเสื้อผมเลยครับ มองสำรวจคนตรงหน้าชัด ๆ ทำเอาใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อกลางอกเป็นรอยเล็บบาดลึกจนเสื้อขาด แถมตามแขนยังมีรอบช้ำอีกมากมาย

     "ไม่เป็นไร"" ใบหน้าคมที่ยิ้มตอบ แต่มันดูเหนื่อยบอกให้รู้ว่าฝืนตัวเองแค่ไหน 

     "ไม่เป็นไรบ้านมึงสิ เลือดออกขนาดนี้" ผมร้อนรน ไอ้ที่โกรธเคืองกันช่างมันก่อนเถอะ "หาหมอ ไปโรงพยาบาล กูพาไป อื้อ" เรดึงผมไปจูบ ก่อนเดินไปล้มตัวนอนนิ่งอยู่บนเตียง

     "พักซักหน่อยก็หาย" คนเจ็บบอกก่อนจะหลับตาลง ผมมองบาดแผลตามร่างใหญ่ที่ค่อย ๆ สมานตัวเองได้จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก 

     นั่งมึนอยู่พักใหญ่ว่าจะทำอะไรต่อจึงจัดแจงถอดเสื้อขาด ๆ ของมันทิ้งตามด้วยกางเกงยีน จนเหลือแต่บ๊อกเซอร์แล้วลุกไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ สองมือกดซับไปตามร่างกำยำนั้นอย่างเบามือเพราะกลัวทำมันเจ็บ

     ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มสว่างเลยคิดว่าคงไม่นอนต่อจึงอาบน้ำอาบท่าแล้วออกไปหาซื้อข้าวมาไว้ ผมไม่รู้ว่าอมนุษย์ต้องกินยาไหมแต่ก็ซื้อยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบติดมาด้วย กลับมาที่ห้องเรยังคงหลับอยู่แบบนั้น แผลตามตัวมันหายไปหมดแล้วครับแต่ยังทิ้งรอยแดงช้ำเอาไว้ เดาว่าภายในยังไม่ฟื้นตัวดี

     ผมนั่งบนเตียงฝั่งที่ว่างพลางเล่นโทรศัพท์ ความหวาดระแวงไม่เคยทำให้ใครมีความสุขหรอกครับ ผ่านมาแค่ช่วงสั้น ๆ ผมยังฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้ ใจจริงผมไม่อยากอยู่ใกล้เรนักแต่จะให้ทิ้งมันไว้ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

     "มีน" คนที่คิดว่าหลับอยู่ลืมตามามอง เรขยับเข้าหาก่อนจะหนุนตักผมต่างหมอน   

     "เรื่องเมื่อคืน ขอโทษนะ" ผมหยุดเล่นโทรศัพท์วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แต่ยังคงเงียบรอฟังว่าเรจะพูดอะไร

     "มันเป็นแผน ผู้หญิงพวกนั้นเป็นเด็กของคนที่เป็นเป้าหมาย เลยต้องเข้าไปตีสนิท พวกเราเห็นมีนแต่ถ้าลุกหนีงานก็พัง รู้ว่ามีนต้องโกรธมาก ๆ ขอโทษนะ ขอโทษ" ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นเต็มเปลี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด เรดึงมือผมไปกุมไว้แนบอก

      "ผู้หญิงที่ชื่อลินดานั่นก็ใช่?" เรพยักหน้ารับ "กูเห็นกระดาษที่จดเบอร์ในกระเป๋ายีนส์มึง เห็นเขาโทรหามึง กู...ไม่ได้ตังใจระแวงมึงนะ" ผมบอก สายตาเหม่อมองออกไปนอกระเบียง

     "กูผิดเอง เพราะไม่ได้บอกอะไร มีนเลยคิดมากไปเอง" เมื่อมองดูบาดแผลมากมาย ถึงเลือดจะหยุดไหลถึงมันจะหายเองได้ แต่มันต้องเจ็บมากแน่ ๆ เรไม่สนใจสภาพตัวเองด้วยซ้ำ กลับตามหาผมจนเจอ 

     "กูสำคัญขนาดที่มึงไม่รักตัวเองเลยหรือไง" ผมถามเสียงเครือ ขอบตาร้อนผ่าว

     "ก็รักมีนมากกว่า" ...เว่อ!!!!! คำตอบที่ได้รับทำเอาผมร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ด้วยความซาบซึ้ง นอกจากป๋ายังไม่เคยมีใครบอกรักผมเลย 

     เรยิ้มกว้างพลางเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้แล้วดึงผมลงไปนอนกอดก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาถ่ายทอดทุกความรู้สึกผ่านจูบนั้น

     "ดีกันนะ ที่รัก" มันกระซิบชิดริมฝีปาก

     "อืม" ผมตอบได้แค่นั้น เพราะกำลังเขินหนักมาก ร้อนไปทั้งตัวทั้งหน้า งือ...ช่วยด้วยน้องมีนจะตายแล้ว   

     เรยิ้มชอบใจไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหน้าผมแดงแค่ไหน มันจูบไปทั่วหน้าก่อนมาจบที่ริมฝีปากอีกครั้ง ความรู้สึกของสองเราถูกส่งผ่านรสจูบอ่อนหวาน เอาเป็นว่าผมรักมันเข้าแล้วแต่ไม่บอกหรอก เดี๋ยวได้ใจ

     "พอเลย...ยังเจ็บอยู่แท้ ๆ" ผมผละออกจากตัวเร เมื่อมือกร้านเริ่มเลื้อยเข้าสาบเสื้อ เกือบเคลิ้มแล้วไหมละ ใบหน้าคมดูขัดใจเต็มทน 

     "ตามหลัก ง้อกันเสร็จก็ต้องทำกันต่อนิ" หลักการบ้าบออะไรของมันเนี่ย

     "พักผ่อนเลย...เดี๋ยวไม่หาย ไม่งั้นกูจะหนีไปให้ไกล เอาแบบที่มึงตามไม่เจอเลย" ผมขู่

     "งั้น ถ้าหายจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม" เรยิ้มร้าย พลางเกลี่ยเบา ๆ ที่แก้มผม ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายจนต้องหลบสายตาเจ้าเล่ห์นั้นด้วยใบหน้าร้อนผ่าว

     ...ในหัวมีแต่เรื่องนั้นหรือไงวะ...ปกติเรไม่ค่อยพูด แต่ทีเรื่องแบบนี้ต่อล้อต่อเถียงดีนัก แต่ถ้าผมไม่ตอบมันคงไม่ยอมนอน...งั้นก็

     "อืม เอาที่มึงสบายใจเถอะ"



     วันจันทร์เรไม่ได้มาเรียนด้วยกัน ผมบอกให้พักมันเลยฝากใบรับรองแพทย์ไปให้อาจารย์ แต่ถึงพวกมันจะขาดจะลาแค่ไหนก็ไม่โดนไล่ออกหรอกตราบใดที่ยังสอบผ่าน เพราะทางสภากลางช่วยจัดการเรื่องเวลากับทางมหาวิทยาลัยได้

     "สรุปเมื่อวันเสาร์เป็นยังไง" ผมโดนเจ๊ดาลากมาเค้นคอก่อนกลับบ้าน วันนี้มีเรียนครับ เมื่อวานก็อยู่เป็นหมอนข้างให้เรกอดทั้งวัน

     "คุยกันแล้ว มันเป็นงาน" ผมบอกแต่เล่าหมดไม่ได้

     "มึงนี่ เขาบอกงานก็เชื่อเหรอ งานแบบไหนยะ ไปนั่งนัวกับผู้หญิง ถ้าเป็นกูนะเดินไปจิกหัวตบตรงนั้นแล้ว มึงนี่ทำตัวเป็นนางเอกกลับห้องร้องไห้เฉย" เจ๊ดาโวยวาย ชักสงสัยแล้วสิว่าผัวใคร ดูเจ๊มันแค้นเคืองแทนผมเหลือเกิน คงเพราะพวกแก๊งสามช่ามาเล่าให้ฟังละมั้ง

     "เอาเป็นว่ากูรู้ว่ามันทำงานอะไร แต่บอกไม่ได้เข้าใจไหม งานของที่บ้านมัน" 

     "มึงไม่ได้แก้ตัวแทนมันใช่ไหม" กรย้ำ ผมส่ายหน้ายิก "โอเคกูเชื่อมึงก็ได้ แต่ถ้ามีแบบนี้อีกต่อให้มึงยอมให้อภัยแต่พวกกูยากบอกเลย" ถึงพวกมันจะชอบด่าผม แต่เวลาแบบนี้เพื่อนมันก็รักผมมาก ดูอย่างตอนพะแพงสิ เจ๊ดาเกือบตามไปขย้ำถ้าไม่ห้ามไว้

     "แล้วนี่ผัวมึงไปไหน"

     "ช้ำในเจ๊ โดนตีนมา นอนอยู่ห้อง จะตามไปดูไหม" พวกมันทำหน้าคิดก่อนจะปฏิเสธแล้วเราทั้งหมดก็แยกย้าย 

     เรนไลน์มาบอกให้ผมดูพี่แทนส่วนตัวมันจะเข้าไปเคลียรายงานเรื่องคดีที่สภากลาง ผมละอยากรู้จริง ๆ ไอ้ตึกสภากลางที่ว่าเนี่ยข้างในจะเป็นแบบไหนนะ เดินเข้าไปจะมีตัวประหลาดเพ่นพ่านไปมาแบบมอนสเตอน์อินซ์(Monster inc)หรือเปล่า ก่อนกลับหอผมแวะซื้อข้าวหมูกรอบไปสามห่อเผื่อไอ้ท่อนไม้ของผมด้วยและน้องมัน

..................

ช่วงงานหนังสือเราอาจจะวุ่น ๆ หน่อยนะคะ ต้องไปดูเขาจัดบูท กับไปเก็บข้อมูลงาน

สำหรับใครที่สนใจ สามารถอุดหนุนงานเราได้ในงานหนังสือ ที่บูท Bakery Y20 และ Bliss O01 Zone C
เขียนเอง วาดปกทำเล่มเอง ปกแข็งปั้มเงินอย่างดีค่ะ
ปล.เป็นเรื่องของอารอทกับโยนาห์ หากอยากรู้เรื่องราวของสภากลางและซาโตนี่ รวมไปถึงความเป็นมาของตระกูลใหญ่ อ่านเล่มนี้จะเข้าใจได้มากขึ้นค่ะ


ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
​บทที่ 13

Amun-Ra Say 

     ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาผมติดตามเครือข่ายย่อยของซาโตนี่กลุ่มหนึ่ง ที่พักนี้ชักเข้ามามีอิทธิในเขตชาญเมืองมากไป 

     พวกมันเปลี่ยนมนุษย์ที่เข้าแก้งให้กลายเป็นพวกส่งผลให้บางรายที่ควบคุมตัวเองไม่ได้กลายเป็นบีส อีกทั้งยังสังเก็บพวกที่ขัดผลประโยชน์ไปหลายราย เหตุการณ์เหล่านี้ การทำแบบนี้ทำให้เสี่ยงที่ตัวตนของอมนุษย์จะถูกเปิดเผย จึงต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นตัวนำ

     เรารู้มาว่าหมอนั่นเลี้ยงเด็กไว้กลุ่มหนึ่ง เป็นเด็กมหาวิทยาลัยเดียวกันเลยเริ่มเข้าหาพวกมันทางนั้น ถ้าเป็นแต่ก่อนผมนอนกับพวกเธอยังได้เพื่อข้อมูลแต่ตอนนี้ไม่ใช่ ผมมีเจ้าของแล้วและก็แคร์มากด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่อยากบอกมีน เป็นคุณจะโอเคไหมถ้าแฟนตัวเองต้องไปควงคนอื่นถึงนั่นจะเป็นงานก็ตาม 

     คืนวันเสาร์ผมไม่คิดว่าจะเจอมีนที่ผับ ลุ้นอยู่เหมือนกันว่ามันจะเข้ามาอาละวาดไหม แต่ก็เปล่าจึงคิดว่ากลับบ้านค่อยอธิบายให้มันฟังแต่ละหว่างนั้นบอกตามตรงผมโฟกัสกับงานแทบไม่ได้ โชคดีที่พวกเพื่อนพามีนกลับไปก่อน แผนจึงดำเนินต่อไป เราตามไปจนเจอที่ซ่อนของเป้าหมายจึงเกิดการปะทะ พวกมันมีมากกว่าที่คิด กว่ากำลังเสริมจะมาผมก็เจ็บไม่น้อย 

     เป้าหมายถูกจับและผมก็บาดเจ็บส่วนเรนไม่เป็นอะไรมากเพราะมันถูกสั่งให้สังเกตุการอยู่ข้างนอก อย่างที่เคยบอกผมไม่ชอบให้น้องไปเสี่ยง

     (พี่ไปทำแผลก่อนไหม) เรนว่าพลางมองสภาพผม

     (ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หาย ตอนนี้อยากกลับไปหามีน) ผมบอก ก่อนออกจากบ้าน มีนมีท่าทีแปลกไปผมสังเกตุได้ยิ่งรวมกับที่มาเจอกันที่ผับไม่รู้ตอนนี้จะคิดมากไปถึงไหน

     (งั้นรีบไปเหอะ ทางทีเดี๋ยวจัดการเอง)

     ตอนกลับมาคอนโดไม่เจอใคร ทำเอาผมตกใจไม่น้อย เพราะเผ่าพันธุ์ที่มีนเป็นนั้นเสี่ยงต่อการถูกล่าผมเลยกลัวไปหมด กลัวจะถูกจู่โจม กลัวจะถูกลักพาตัว ผมร้อนใจออกตามหาวนรถกลับมาที่ผับ วนหาตลาดโต้รุ่งแถวนั้นก็ไม่เจอเลยตัดสินใจไปดูที่หอของเจ้าตัวก็พบว่ามีนอยู่ที่นั่น

     สภาพมีนตอนเปิดประตูระเบียงให้ทำเอาผมใจหาย ขอบตามันแดงมากเหมือนคนที่ร้องไห้มาอย่างหนัก มีนไม่โวยวาย ไม่ด่าไม่ว่า
ซ้ำยังเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของผม จนผมเองไม่รู้จะทำตัวยังไงแต่ก็โล่งใจที่มันปลอดภัย 

     พอใจสบายร่างกายก็เริ่มประท้วง จะว่าไปผมเสียเลือดไปมากแถมไม่คิดจะห้ามมันจึงขอพักก่อน ก่อนที่จะหลับผมรับรู้ได้ว่ามีนคอยเช็ดตัวและทำแผลให้ ผมอยากจะลืมตามองก็ทำไม่ไหว กว่าจะได้สติก็สายของอีกวัน

     เราปรับความเข้าใจกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผมได้รู้ว่ามีนระแคะระคายเรื่องที่ต้องแกล้งคบผู้หญิงพวกนั้นมาก่อนแล้ว ยิ่งไปเจอผมที่ผับในสภาพนั้นมันยิ่งทำให้เข้าใจผิด ผมเป็นผู้ชายที่แย่ชะมัด คิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่เป็นไรค่อยเคลียทีหลัง โดยหารู้ไม่ว่าเวลาที่ปล่อยผ่านไปมันทำให้คนที่รักเสียใจมากขึ้นในทุกนาที

     วันนี้มีนไปเรียนคนเดียวครับส่วนผมอยากพัก เอ่อ ที่จริงก็ขีเกียจเล็กน้อยเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาแทบไม่ได้นอนเลย แต่ก็แวะไปส่งที่ตึกเรียนเมื่อเช้า ผมจอดรถทิ้งไว้พอกลับมาก็มีซองเอกสารสีน้ำตาลแนบไว้กับที่ปัดน้ำฝนตรงกระจกหน้า

     ผมเปิดซองนั้นออกมาดู ในนั้นเต็มไปด้วยรูปถ่ายของมีน ในสถานที่และอิริยาบทต่าง ๆ ยิ่งดูยิ่งร้อนใจเพราะเหมือนคนถ่ายตามมีนไปทุกที แถมบางรูปยังมีผมอยู่ในนั้น อะไรกันผมไม่รู้ตัวเลย เจ้านั่นคงมีฝีมือไม่น้อย

      มีกระดาษใบหนึ่งแนบมาด้วยในซองนั้น มันถูกเขียนไว้ว่า

     ...หวังว่าเธอคงจำข้อเสนอที่คุยกันไว้ได้ อย่าให้ฉันต้องใช้ไม้แข็ง ...

     ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนรวบทุกสิ่งทุกอย่างใส่เข้าไปในซองดังเดิม สองมือเผลอกำมันแน่นจนซองกระดาษยับยู่ยี่ ทั้งที่คิดว่าพวกมันถอดใจไปแล้วแท้ ๆ 

     เวรุกา เธอเป็นหัวหน้ากลุ่มย่อยของซาโตนี่ จะว่าไปก็ไม่ขึ้นตรงกับซาโตนี่นักเพราะสิ่งที่เธอทำล้วนมุ่งเน้นผลประโยชน์ให้ตนเองแต่ใช้ชื่อขององค์กรนั้นคุ้มกะลาหัว 

     เธอเริ่มติดต่อมาหาผมและน้องเมื่อหลายเดือนก่อนให้ช่วยสร้างประตูนรกให้ โดยยื่นข้อเสนอเป็นเงินจำนวนมหาศาลแต่ผมปฎิเสธไป เพราะหากผมสร้างประตูนรกให้ มันอาจถูกใช้ไปในทางไม่ดี คิดดูสิหากมีวิญญาณร้ายถูกอันเชิญกลับขึ้นมาบนโลกจะวุ่นวายแค่ไหน ในเคสที่แย่ที่สุดอาจมีคนคิดเชิญลูซิเฟอร์ขึ้นมาอีกก็ได้

     ที่ผ่านมาเวรุกาพยายามรักษาระยะกับพวกเรา ส่วนหนึ่งเพราะเราทั้งคู่ถือว่าเป็นคนของซานซิโอ และเธอรู้ดีว่าทั้งผมและเรนหากถูกบีบให้จนตรอกก็กล้าที่จะตายมากกว่าจะทำในสิ่งที่เธอต้องการ แต่วันนี้ผมมีคนสำคัญเพิ่มขึ้นมาก็คือมีน เงือกน้อยของผมเลยตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน

      ผมกลับมาที่คอนโดด้วยอารมณ์ขุ่นมัวถึงขีดสุด พยายามคิดหาหนทางปกป้องคนใกล้ตัว แต่ที่แน่ ๆ ผมต้องกำจัดตัวต้นเรื่องอย่างเวรุกาให้ได้

 

Mussaya Say
 

     "เป็นไงมั่ง" ผมโผล่หน้าเข้ามาในห้องแต่เรไม่อยู่ที่เตียง กลิ่นบุหรี่ลอยจากระเบียงบอกให้รู้ว่ามันสิงอยู่ตรงนั้น เรใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแสดงว่ามันอาบน้ำแล้ว ร่างสูงยืนพ่นควันทำตัวชิวอยู่แต่พอเห็นผมมันก็ดับบุหรี่โยนทิ้งทันที

     "มึงสูบด้วยเหรอ" มันพยักหน้ารับ "กูไม่เคยเห็นเลย"

     "เวลาเครียด"

     "เรื่องอะไรสนใจระบายให้ฟังไหม" ผมถามพลางเอนหลังพิงระเบียงข้าง ๆ แต่มันก็ยังนิ่ง 

     "เรื่องเก่า ไม่มีอะไรหรอก"

     "กูสำคัญกับมึงหรือเปล่า" มันพยักหน้ารับ

     "มึงก็สำคัญกับกูเหมือนกัน เพราะงั้น เล่าให้กูฟังบ้าง แบ่งมาบ้างปัญหาของมึงนะ ถึงช่วยอะไรไม่ได้ แค่รับฟังเป็นที่ปรึกษาให้ก็ยังดี" ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินนั่นหวังว่ามันคงเห็นความจริงใจของผม 

     เมื่อดูทีท่ามันคงไม่พูดอะไรผมจึงตัดสินใจเดินหลบออกมาปล่อยมันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยของมันไป 

     คือ...แอบน้อยใจนะ ไม่ว่าจะในสถานะเพื่อนหรือคนรัก มันก็ยังไม่บอกอะไรผมเช่นเคย ขี้เกียจจะเดา...ผมไม่ใช่เรเวน ไม่มีญาณหยั่งรู้ มันคิดว่ามันแก้ปัญหาทุกอย่างได้ แต่คนที่เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ แบบผมก็อดห่วงมันไม่ได้ทุกที 

     ผมแกะข้าวใส่จานให้เราทั้งคู่ พลันรู้สึกถึงวงแขนแกร่งที่โอบกอดผมจากด้านหลัง เรเอาคางเกยไหล่ ลมหายใจร้อนเป่ารดข้างแก้มชวนให้ประหม่าอย่างห้ามไม่อยู่

     "งอน?" เสียงทุ้มกระซิบถาม มือทั้งสองยังแกะถุงกับข้าวต่อไม่สนใจคำถามนั้น "มีน..." ผมเงียบ ให้มันรู้ซะบ้างว่าผมรู้สึกยังไง 

     "มีน...เป็นไร" ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนมัน ว่าแต่มึงจะกอดกูอีกนานไหม จะเอาขยะไปทิ้งเนี่ย...! 

     "อย่างอลนะ" ไม่ต้องมาอ้อนเลย ไม่ใจอ่อนหรอก

     ฟอด...แล้วมันก็หันมาเล่นงานแก้มผมแทน...เริ่มเสียศูนย์แล้วทำไงดีวะ

     ฟอด...มึงจะหอมอะไรเยอะแยะ พยายามเอี้ยวตัวหลบแต่ไร้ผลเมื่อมันล๊อคไว้อย่างนี้

     ฟอด...ช้ำ...แก้มกูช้ำหมดแล้ว

     ฟอด...เขินโว้ย!!!! พอกันที

     "ไอ้เหี้ยเร!!!" ผมหันไปว๊ากใส่มัน ไม่ต้องสาธยายว่าหน้าผมแดงแค่ไหน ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่

     "ครับ...ที่รัก" มันทำสายตาวิบวับใส่ โอยยย ไอ้มีนลาตายแปป

     "มึงจะเอายังไง"

     "ยังไงก็ได้ ได้ทุกท่า" คนหล่อยิ้มร้าย ในหัวมึงมีแต่เรื่องนี้หรือไงวะ

     "สัด ทะลึ่งแล้ว ให้เล่าก็ไม่เล่า แล้วยังจะมากวนตีนกูอีก ปล่อย!!! จะแดกไหมข้าวอะ" ผมบ่น มันยอมปล่อยแต่โดยดี ก่อนที่เราทั้งคู่จะทิ้งตัวลงเก้าอี้ตรงข้ามกัน จัดการมื้อเย็นตรงหน้าก่อนที่ไอ้คนกวนตีนกว่าจะถูกไล่ไปล้างจาน

     ผมนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง พร้อมเอนหลังพิงหัวเตียงสบาย ๆ เรที่เพิ่งล้างจานเสร็จพอเข้าห้องมาก็คลานขึ้นเตียงมาหนุ่นตัก 

     ไม่ชอบเลย ที่ถูกทำเหมือนเป็นคนนอกรู้อะไรทีหลัง อย่างเรื่องผู้หญิงพวกนั้นก็ทีนึงแล้ว เลยเลือกที่จะนิ่งไม่ชวนคุยแบบที่เรชอบทำเล่นสงครามประสาทกับแม่งไปเลย 

     "พวกซาโตนี่อยากให้พวกกูเข้าร่วมกับมันเพราะอยากให้กูช่วยสร้าง เฮลเกทให้ เพราะอันเก่าถูกทำลายทิ้งไป" ท้ายที่สุดเรก็ยอมลุกขึ้นนั่งเปิดปากคุยกับผมแต่โดยดี

     "ต้นตระกูลเรเวนสร้างมันขึ้นมา วิธีการถูกถ่ายทอดกันในตระกูลหลัก มันจึงตามยื่นขอเสนอต่าง ๆ ให้กูกับเรน" 

     "แล้วมึงจะทำไหม"

     "ไม่มีทาง แต่มันคงทำทุกวิถีทางให้สร้างสิ่งที่ต้องการให้ได้ ตอนนี้มันอาจพยายามคุยดี ๆ แต่ท้ายที่สุด พวกสารเลวแบบนั้นคงต้องใช้วิธีการสกปรกบังคับกูแน่และสิ่งหนึ่งที่คือกลัวคือการที่มึงถูกดึงไปเอี่ยวด้วย" ผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะงั้นมันถึงเครียดอยู่แบบนี้สินะ

     "กูจะระวังตัวให้มากที่สุด" ผมบอกพลางเอื้อมไปกุมมือมันไว้

     "อย่าอยู่ห่างกู" จริงจังซะเหลือเกิน

     "อืม รู้แล้วน่า"

     "อันนี้ยังห่างไป ต้องชิดแบบนี้" 

     "ฮะ!!" อีกาเจ้าเล่ห์รวบผมขึ้นไปนั่งตักแล้วกอดไว้แน่น มือถือในมือกับแว่นโดนมันกำจัดไปไว้โต๊ะข้างเตียง

     ...ลางไม่ดีอีกแล้วกู...

     ไม่มีสิทธิจะโวยวายเพราะคุณท่านเล่นปิดปากผมเรียบร้อย เรื่องลวนลามขอให้บอก ไอ้ห่าเรผู้นี้ว่องไวยิ่งกว่าใคร 

     เรจับผมนอนราบลงกับเตียง ร่างทั้งร่างถูกมันคร่อมไว้เรียบร้อย ปากร้อนขบเม้มริมฝีปากผมเบา ๆ ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นมาหยอกล้อในปาก จูบเก่งนักใช่ไหม...จูบตอบแม่งเลย 

     ผมลองขบเม้มริมฝีปากนิ่มนั้นบ้าง ไอ้เรยอมล่าถอยอย่างรู้งานให้ผมได้เป็นฝ่ายระรานสอดลิ้นเข้าไปสัมผัสในปากมัน...แม่งโคตรตื่นเต้นเลย ใบหน้าคมเอียงรับขยับนำพารสจูบของเรา มันสอนผมทำตาม กลายเป็นจูบดูดดื่มในบัดดล ลิ้นร้อนตอบรับกันชวนให้หัวหมุนสติเริ่มหลุดมีแต่อารมณ์ล้วน ๆ 

     "พัก แฮกกกก แปบ" ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีที่เป็นอิสระ

     "อือพอ อ๊ะเดี๋ยวยาว" จมูกโด่งซุกไซร้ซอกคอชวนให้จั๊กจี้ ผมดันหน้ามันออก เรถอนหายใจหนัก ๆ อย่างขัดใจ

     "บอกเองนิ ว่าถ้าหายแล้วจะทำอะไรก็ได้" นั่น มีทวง

     "มึงยังจำได้อีก อ๊ะ เร ซี๊ดดดด" ร่างทั้งร่างสะท้านเฮือกเมื่อยอดอกถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว

     "น่า เห็นดิ้นทีไรก็ยอมทุกที นะ นะ ไม่ได้ทำมาสองสามวันแล้ว" ดูมันต่อรอง แล้วเรก็ดึงมือผมไปสัมผัสตรงเป้ากางเกงมัน เนื้อผ้าบาง ๆ ทำให้รู้สึกถึงความแข็งขืนใหญ่โตนั่น ทำเอาหน้าร้อนผ่าวด้วยความกระดากอาย

     "มึงมันหื่น"

     "ไม่สงสารหน่อยเหรอ มันรอมีนมาทั้งวันแล้วนะ" คือปกติมึงไม่เห็นพูดใสกขนาดนี้ แม่ง ไอ้เรเวนขี้เอา

     "ช่วยตัวเองสิวะ" ผมโวยหน้าดำหน้าแดง

     "แล้วจะมีเมียไว้ทำไม" แง้ ไม่มีอะไรจะเถียง 

     "เออ ก็ได้" ยอม ๆ มันไป ไอ้คนมือไวจับผมลอกคราบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์ดีเชียวนะ

     "เรทำไมมึงขยันเรื่องแบบ ซี๊ด อ๊ะ จังวะ" โอยเหนื่อยกว่าจะจบประโยค หลุดครางซะเยอะเมื่อลิ้นร้อนลากผ่านไปตามตัวก่อนจะละเลงยอดอกทั้งสองสลับกันทำเอาผมบิดเร่าด้วยความเสียว มือกร้านลูบไล้ไปทั่วร่างแต่กลับแกล้งละเลยมีนน้อยอย่างจงใจ

     "เพราะมันรู้สึกดี อยากรู้ไหมว่ากูรู้สึกแบบไหน" มันยิ้ม ยิ้มแบบที่ทำให้ผมละลาย

     "จะทำอะไร." ผมเอ่ยถามอย่างหวาด ๆ เมื่อมือกร้านรั้งขาของผมขึ้นพาดบ่าแล้วดึงมือผมไปเลียจนชุ่มก่อนสัมผัสช่องทางเบื้องล่าง มันบังคับให้สอดนิ้วตัวเองเข้าไป รับรู้ถึงความคับแน่นและอ่อนนุ่มในร่างของตน "อ๊า มัน เร กูไม่ทำได้ไหม อื้อ แฮก มัน น่าอาย"

     "ลองดู ออกจะเซ็กซี่" ลองช่วยตัวเองให้คนอื่นดูเนี่ยนะ บ้าไปแล้วววว "ตรงนี้ด้วย" มืออีกข้างถูกดึงไปกอบกุมมีนน้อย ก่อนที่เรจะรั้งให้ผมขยับรูดตามความยาว ซาบซ่านจนครางเครืออย่างทรมาน นัยน์ตาสีน้ำเงินลึกล้ำที่จ้องมากระตุ้นให้ทำตามอย่างเสียไม่ได้

      "อา...ฮะ เร" ครางเองอายเอง ดูมันนั่งเป็นผู้ชม บรรเทิงมากไหม เขินจนร่างจะไหม้อยู่แล้วเนี่ย 

     ภายในกายบีบรัดนิ้วจนชาหนึบ ยิ่งขยับมือปรนเปรอตัวเองเท่าไรอุณหภูมิร่างกายยิ่งพุ่งสูงมากเท่านั้น  ใบหน้าคมทอดมองอย่างหลงใหล ท้าทายให้แสดงออกถึงความอยากแบบลืมผิดชอบชั่วดี 

     กัดปากนิด เลียปากหน่อย ทำตาปรอย ๆ ยั่วมัน ดูซิว่าจะทนดูอยู่แบบนั้นได้นานแค่ไหนน อึดอัดทรมาน ทั้งมือทั้งแขนอ่อนล้าเกินกว่าจะพาตัวเองไปให้สุด ทำได้เพียงสบตาร่างสูงอย่างอ้อนวอน "เร...กูไม่ไหวแล้ว...ช่วย ที" 

      "ด้วยความยินดี" ราวกับนักล่าที่เฝ้ารอ ทันที่ผมออกปากร่างสูงโถมทับพร้อมมอบจูบอันร้อนแรง 

     นิ้วถูกดึงออกก่อนจะแทนที่ด้วยแก่นกายที่สะสมด้วยแรงอารมณ์จนแข็งขืน ท่อนเนื้อร้อนผ่าวที่สอดแทรกเข้ามาถึงเจ็บแต่ก็สร้างความรัญจวนจนแทบครั้ง เผลอจิกข่วนแผ่นอกแกร่งตรงหน้าระบายอารมณ์ 

     "อือ...รัดแน่นจัง"

      "ฮะ อย่าทัก ซี๊ด....อ๊า" แบบไม่ต้องบรรยายได้ไหม เรยิ้มขันพร้อมก้มลงมาจูบก่อนระรานฝากรอยไปทั่ว ร่างสูงเริ่มขยับเอวช้า ๆ แต่หนักหน่วง แถมยังลึกจนโดนจุดกระสันจึงจิกทึ้งหัวมันอย่างลืมตัว "เร...ไว...ไวอีก แฮก ซี๊ด เร็ว"

      "อืม มีน วันนี้โคตรเด็ด" มันชม แต่ผมไม่มีสติจะมาภูมิใจ เมื่อเอวหนากระแทกกระทันจนเสียงเนื้อกระทบกันดังคลอไปกับเสียงครางกระเส่าจนลั่นห้อง ข้างห้องจะด่าผมเปล่าเนี่ย!!!

      ร่างของผมโยกคลอนไปตามแรง เหมือนร่างกายตอบสนองต่อความอยาก ผมคว้าไหล่มันเป็นหลักยึดพลางรั้งตัวขยับรับทุกจังหวะที่มันโถมแรงเข้ามา...เสียวสัด...

      "รักมีนจัง"

      "อืมม...กูก็รัก ฮะ มึง" ในยามปกติคงมัวกระดากอาย ไม่กล้าพูด แต่ตอนนี้สติกระเจิดกระเจิง จิตใจที่แท้จริงจึงตอบกลับไปทันควัน   

      บอกรักกันเวลาแบบนี้ มันควรซึ้งหรือรู้สึกยังไงดี ภายในกายร้อนระอุเจียนระเบิด ทุกสัมผัสทุกจังหวะที่เรมอบให้ทำเอาแทบคลั่ง ทั้งครางทั้งสะอื้นจนลืมอาย รู้สึกถึงตัวตนอีกฝ่ายได้ชัดเจนเพราะภายในตอดรัดถี่เกินควบคุม ความรู้สึกของเราสองถูกปลดปล่อยเมื่อถึงที่สุดของอารมณ์ มันเลาะไปทั่วหน้าท้องของผม ขนาดที่ภายในเต็มตื้นไปด้วยไออุ่นจากอีกคน ตอกย้ำให้รู้ว่าผมเป็นของมัน เราเป็นของกันและกัน

     "ฮะ...เร กูเหนื่อยแล้ว โอ๊ยยยย ซี๊ด" ผมบ่นเสียงแผ่วเมื่อทั้งร่างถูกมันจับพลิกให้คว่ำทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อกันอยู่ ท่อนเนื้อแกร่งครูดช่องทางที่ยังชุ่มทำเอาเสียวจนร้องลั่น

     "ขออีกนะ" มึงจะมานะทำไม แม่งไม่รอคำตอบแต่กลับใส่ไม่ยั้ง จนไม่เหลือจังหวะให้ปฏิเสธอีกต่อไป 

      "แล้วกูจะได้...อ๊ะ อาบ ฮ้า น้ำมั้ย วัน...เชี่ยเร..." พอเลิก พูดไปคงไม่จบประโยค 

       "เดี๋ยวอาบให้ ตอนนี้เป็นเด็กดี อืม อย่าดื้อ" ดื้อพ่องงง...กูจะไปแรงที่ไหนมาดื้อฮะ 

       เรจัดการผมไปอีกหลายรอบ ก็ได้แต่นอนหมดสภาพให้มันกระทำชำเราจนหนำใจ น้องมีนผู้นี้จะตายคาเตียงไหมคืนนี้ 

      ...คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เหมือนไอ้เร...เห็นมันนิ่งๆ เงียบๆ แต่บนเตียงท่วงท่ามาเพียบนะจะบอกให้....

:jul1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2017 17:51:35 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เครียดก็ยังหื่นได้เนอะคนเรา

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 14

Rain Say

     หากคุณเข้ามาใจกลางกรุงเทพคุณจะเจออะไร รถติดตายห่าและตึกสูงแต่ไม่เสียดฟ้า กับสาวๆ ที่แต่งตัวกันราวกับไปเดินแคทว๊อก หน้าให้นมใหญ่ก็ดีไป หน้าไม่ให้แต่ใจรักนี่สิ เอาเถอะครับผมเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัว ผู้ชายก็เช่นกัน 

     สาเหตุที่ต้องดันด้นฝ่ารถติดมาในวันจันทร์ที่คนทำงานเพราะผมต้องเอารายงานการจับกุมของคืนวันเสาร์มาส่ง เมื่อวานแทนที่จะได้นอนชิว ๆ เขียนรายงานทั้งวัน ตอนตามสืบยังไม่น่าเบื่อเท่านี้เลย

    ใครเล่าจะคิดว่าไอ้ตึกสูงใจกลางเมืองที่ดูภายนอกเหมือนบริษัทต่างชาติแท้จริงแล้วจะเป็นที่ทำการของ SCEC:Security Council of Eternal Clan ของเหล่าอมนุษย์

     สองเท้าพาร่างมายังชั้นรองสุดท้ายของตึก มุ่งสู่ห้องทำงานสุดทางเดินด้านตะวันออก เคาะประตูพอเป็นพิธีก่อนจะเปิดประตูเข้าสู่ห้องทำงานที่ปูด้วยพื้นหินอ่อนดูตัดกันกับโต๊ะหินไทเกอร์อายกลางห้อง นานแล้วที่ผมไม่ได้ย่างเท้าเข้าสู่ที่แห่งนี้ 

     เพราะอะไรนะหรอ...เพราะมันเป็นที่ที่ทำให้หัวใจผมอ่อนแอด้วยความสุขที่เจือไปด้วยความอึดอัด และเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ

     "ท่านอา" ผมปั้นหน้าให้แจ่มใสส่งยิ้มให้เจ้าของห้อง เรือนผมสีน้ำตาลดูตัดกันดีกับดวงตาสีฟ้าใสขับให้บุคคลตรงหน้าดูงดงามราวกับนางฟ้าจากสวรรค์ สง่างามและอ่อนหวาน ไม่ว่ากี่ทีเธอก็ตรึงสายตาของผมได้เสมอ

     "ไงหลานรัก" เสียงหวานเอ่ยทักพร้อมกับร่างบอบบางที่โผเข้ากอดผมแน่น  "หายหน้าหายตาจนอาลืมไปแล้วว่าเรมันมีแฝดอีกคน"

     "แหม...มองหน้าพี่เรก็เหมือนมองผมแหละครับ" ผมแย้ง ระบายรอยยิ้มตอบ

     "แต่เวลากอด มันก็คนละคนนิจ้ะ" ผมรู้ว่าซอนเน่พูดแบบไม่คิดอะไร แต่ผมคิดไง...ใจเต้นไง...แม่งเอ้ย...ผมได้แต่กอดตอบร่างบางนั่นแน่น ซึมซับไออุ่นและกลิ่นหอมอ่อนจากตัวเธอที่มักจะทำให้ผมหลับฝันดีในทุกคืนเมื่อผมยังเล็ก 

     ตอนแรกผมโหยหาอ้อมกอดของเธอเพราะคิดว่าอาคือตัวแทนของแม่ แต่นับวันความรู้สึกของผมยิ่งชัดเจน รู้สึกปั่นป่วนทุกครั้งที่มีใครเข้าใกล้ท่านอา ที่จริงผมก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ซอนเน่ยังไม่แต่งงานทั้งที่อายุปาไปสองร้อยกว่าเพราะลับหลังผมจะกันพวกผู้ชายเหล่านั้นออกไปทุกวิถีทาง 

     สำหรับซอนเน่ ผมเป็นแค่เรนตัวน้อยที่เธอเฝ้ารักและทะนุถนอมดั่งลูก แต่ผมรักเธอแบบที่ชายคนหนึ่งจะรักใครซักคนได้

     ...ใช่เรารักกันแต่ในความหมายที่ต่างกัน มันจึงเป็นความเจ็บปวดที่งดงามในยามนี้...

     "คิดถึงจัง..." อยากจะตบปากตัวเองที่พูดออกไปตรงใจ ใบหน้าสวยแย้มยิ้มก่อนจะหอมแก้มทั้งสองข้างของผมฟอดใหญ่

     ...ตึกตัก...ตึกตัก...ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ดึงคนตรงหน้าเข้ามาจูบ

     "อาก็คิดถึงเราเหมือนกัน" ผมควรจะดีใจใช่ไหม เพราะแบบนี้ผมถึงพยายามเลี่ยงที่จะไม่เจอเธอ เพราะผมกลัวว่าจะคุมตัวเองไม่ได้ ทำอะไรหรือพูดอะไรไปดั่งใจ

     "อ้อ...นี่รายงานเรื่องเมื่อคืนก่อน" พอตั้งหลักได้ก็เข้าเรื่องทันที

     "อ้าว ปกติเรจะเป็นคนเอามาให้นิ" ซอนเน่รับแฟ้มรายงานในมือไปนั่งอ่านที่โซฟาตัวยาวในห้อง "มานี่เร็ว" ก่อนจะตบแปะ ๆ ที่ตัก ผมจึงเดินไปล้มตัวนอนหนุนตักเธออย่างว่าง่าย

     "อ้อ เกิดเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยพี่เรเลยต้องตามไปง้อแฟน ป่านนี้คงนอนกอดแฟนสบายใจเฉิบไปแล้วมั้ง" เมื่อคืนตกใจเหมือนกันที่เจอไอ้มีนในผับ ดูก็รู้ว่ามันเคือง เป็นใครก็ต้องโกรธละครับเห็นแฟนท่ามกลางสาวๆ แล้วก็เป็นไปตามคาดพอกลับไปที่คอนโดไม่เจอใคร พี่เรวิ่งแจ้นหาแฟนมันทั้งคืนโดยไม่สนว่าตัวมันบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ 

     ผมว่าพี่คงรักไอ้มีนมาก เพราะนอกจากผมมันก็ไม่เคยห่วงใครขนาดนี้...อิจฉามันจัง มีคนให้รักให้ห่วง และให้ซั่ม!!! เอ้ย!!! อันหลังไม่ใช่แล้ว

     "อิจฉาพี่หรอ ฮึ!!!" 

     "มากกกกก....อะ" 

     "แล้วเมื่อไหร่เราจะมีแฟนซักที หล่อขนาดนี้ สาว ๆ เสียดายแย่" รอซอนเน่อยู่นี่แหละครับตอบในใจ

     "ไว้หาได้สวยกว่าท่านอาแล้วจะจีบนะ" ผมยิ้มทะเล้นพลางดึงมือนิ่มข้างที่ว่างมาจูบ

     "ปากหวานจริง ไอ้หนูนี่" อย่าเรียกไอ้หนูเลย ผมยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะ

     "เนี่ย พี่เรมันหลงแต่แฟน ไม่สนใจผมแล้ว น้องเรนกลายเป็นหมาหัวเน่าท่านอาต้องรักน้องเรนมาก ๆ นะ อย่าทิ้งผม" ผมอุบาถว์ กับความงอแงของตัวเองชิบ...แต่คนฟังกับหัวเราะถูกใจ

     "อ้อนจังเลยน้า อยากให้รักมาก ๆ ก็มาหาอาบ่อย ๆ สิจ๊ะ" ผมหลับตารับสัมผัสอ่อนโยนจากมือนุ่มที่ลูบหัวผมเบา ๆ  หากเธอรู้ มันจะเป็นยังไงนะ...กลัวเหลือเกิน ว่าจะสูญเสียทุกสิ่งที่ได้รับไป

     "อาดูนี่ คนนี้แฟนพี่เร" ผมเอารูปถ่ายในไลน์ที่พี่ส่งมาเมื่อเช้าให้อาดู

    "น่ารักจัง ดูผิวน้องเขาสิขาวมากเลย" ท่านอาชม "ว่าแต่รูปพวกนี้ให้อาดูทำไมจ๊ะ"

     "เมื่อเช้ามีซองน้ำตาลทิ้งไว้ตรงกระจกรถพี่เร ในนั้นมีรูปมีนเต็มไปหมดเลย กับกระดาษโน๊ตใบหนึ่ง" อาซอนเน่เลื่อนจอโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ จนเจอะภาพถ่ายของกระดาษแผ่นที่ว่า 

     "พวกมันยังไม่เลิกตอแยอีกเหรอ" ใบหน้าสวยดูเคร่งเครียดขึ้นทันใด

     "ที่จริงก็เงียบไปพักใหญ่แล้ว ผมคิดว่าครั้งนี้มันคงคิดใช้มีนต่อรองกับพวกผมแน่" ผมลุกขึ้นนั่งข้างท่านอาก่อนชะโงกหน้าไปดูจอโทรศัพท์บ้าง "ผมอยากให้อาช่วยหาทีว่า เวรุกาเนี่ยเป็นใคร คิดว่าถ้าไม่จัดการที่ตัวหลัก พวกมันคงไม่จบแน่"

     "เรื่องนี้อาจัดการให้ เดี๋ยวอาจะส่งคนของซานซิโอไปคอยคุ้มครองพวกเราจนกว่าจะสืบได้ว่าเวรุกาเป็นใคร ดีไหมจ้ะ" ท่านอาเสนอ ถ้าเป็นเรื่องของเราสองพี่น้องเธอมักจะจริงจังเสมอ

     "ต้องรบกวนท่านอาแล้วละ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากพวกเวรนี่ซักที ทั้งพ่อทั้งแม่พวกมันก็พรากท่านไปแล้ว ยังจะมาระรานเราสองคนอีก" ผมบอกอย่างเหนื่อยหน่าย บางทีถ้าเราเกิดเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรเวนชีวิตคงไม่วุ่นวายแบบนี้

     "เรน..." ซอนเน่วางโทรศัพท์ในมือพร้อมสบตาผมตรง ๆ ใบหน้าสวยดูกังวล "ท่านไปสบายแล้ว...เรายังมีพี่ มีท่านพ่อ แล้วก็พวกอาไงจ๊ะ" 

     สวรรค์อยู่กับเราได้ไม่นานเมื่อแขกอีกคนมาเยือน อัลสไวเดอร์ อาร์เคน ผมจำหน้าเขาได้รู้สึกว่าจะเป็นพ่อของพี่โย ซอนเน่ยิ้มให้กับผู้มาเยือน ส่วนผมก็ได้แต่โค้งให้กับคนอาวุโสกว่า

     "สวัสดีครับ คุณซานซิโอ อ่อแล้วก็ เรนใช่ไหม"

     "ครับ...แยกออกด้วยเก่งจัง"

     "ไม่คิดว่าคุณจะให้เกียรติมาที่นี้ด้วยตัวเอง" รอยยิ้มนั่นมันอะไร แววตาชื่นชมที่ซอนเน่มีให้หมอนั่น ผู้นำตระกูลสูงกับเรเวนกาก ๆ แบบผม มันทำให้ผมเจ็บปวดเกินกว่าจะยืนอยู่ตรงนี้

     "เอ่อ งั้นผมกลับก่อนนะ" 

     "จ้า เดี๋ยวฟอเวิร์ดรูปในไลน์พวกนั้นมาให้อาด้วยนะ ถ้าว่างแวะมากินข้าวที่บ้านด้วยละ" ซอนเน่กอดลา  ทันทีที่ออกจากห้อง หน้ากากแห่งรอยยิ้มก็พังทลาย รักข้างเดียวมันทรมานชะมัด ผมต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว มัวแต่กล้าๆ กลัวๆ คนอื่นคงซิวไปแน่ แต่ทำยังไงดีล่ะ ผมกับหมอนั่นมันมวยคนละรุ่นชัด ๆ

     ผมกลับมาที่คอนโดตัวเอง บนโต๊ะมีข้าวหมูแดงห่อหนึ่งวางไว้พร้อมลายมือหวัด ๆ บนโพสอิทสีสดเขียนว่า

     ...อุ่นก่อนกินนะ น้ำเต้าหู้ในตู้เย็นอย่าลืมละ... ผมอ่านแล้วยิ้มออกมาเพราะจำลายมือมีนได้ ผมจัดการอาหารพวกนั้นในเวลาอันรวดเร็วก่อนจะล้างจานให้เรียบร้อย

     พี่เรกับมีนเหมือนกันอยู่อย่าง คือเป็นพวกใส่ใจคนรอบข้าง มันรู้ว่าผมชอบกินน้ำเต้าหู้ วันไหนมันผ่านก็จะซื้อมาเผื่อ เวลาทำกับข้าวก็จะไม่ใส่หอมหัวใหญ่เพราะรู้ว่าผมกับพี่ไม่ชอบ 

     ตอนแรกที่ย้ายมาเวลาอยู่ด้วยกันสามคนมีนจะไม่ค่อยเกาะแกะพี่เรมาก เค้นคอถามเลยได้ความว่ามันไม่อยากให้ผมรู้สึกว่าถูกแย่งพี่ไป ผมก็พึ่งรู้ว่ามันคิดแทนผมขนาดนี้เลยบอกไปว่าไม่เป็นไรเพราะตอนนี้เราสามคนก็เหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว

     (พี่ยังไม่นอนเหรอ) ผมถามในความคิดเมื่อรับรู้ได้ว่าพี่เรยังตื่นอยู่

     (อืม)

     (มีนละ)

     (หลับไปแล้ว)

     (ผมเข้าไปหาได้ไหม)

     (มาสิประตูไม่ได้ล๊อค) เสียงพี่เรดังขึ้นในหัว ผมจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปข้างในก่อนปิดมันอย่างเบามือ

     (จัดหนักหรือไง) ผมแซวเมื่อไอ้เงือกน้อย(เรียกตามพี่)ยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง

     เวลาสองคนนี้อยู่ก็ดีอย่างเสียอย่างครับ ดีตรงที่ครอบครัวอบอุ่นฟรุ้งฟริ้ง เสียก็ตรงเวลามันเอากัน ถึงเสียงไม่ดังแต่เดือดร้อนห้องข้าง ๆ เพราะเรเวนอย่างพวกเราประสาทสัมผัสดี ไอ้ผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนบางคืนทนไม่ได้ต้องเนรเทศตัวเองไปหาที่ลง แถมพี่ผมแม่งขยัน เห็นเงียบแบบนั้นมันก็หื่นไม่แพ้ผมหรอก

     พี่เรที่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงเล่นโทรศัพท์อยู่ มันยิ้มให้ก่อนตบแปะ ๆ ตรงที่ว่างข้างตัว ผมเดินไปหาคนเป็นพี่อย่างรู้งานก่อนจะทิ้งตัวลงข้างมัน 

     (ไอ้เด็กขี้แย) วงแขนแกร่งดึงผมเข้าไปกอด ผมซุกหน้าลงบนไหล่กว้าง ไม่ว่ากี่ครั้งที่ผมอ่อนแอ เรจะเป็นหลักให้ผมยึดเหนี่ยว ประคองให้ผมยิ้ม เข้มแข็งและยืนได้ แม้ในวันนี้มันจะไม่ได้กอดผมเต็มสองแขนเพราะต้องแบ่งอีกข้างให้คนที่มันรัก แต่ก็พอแล้วสำหรับผม

      (ทำไงดี อยู่แบบนี้คงทนไม่ไหวแน่) ผมโอดครวญ

     (งั้นมึงก็จีบ) พี่ชายผมบอก

     (แต่ซอนเน่ไม่ได้รักผมแบบนั้น) ผมแย้ง มันไม่เหมือนพี่กับ้มีนนะครับ ต่างฝ่ายต่างปิ๊งกันแบบไม่รู้ตัว

     (มึงแค่หยั่งรู้ไอ้น้องรัก แต่อ่านใจคนไม่ได้ หรือจะอยู่แบบนี้ต่อไปจนตาย) ผมส่ายหัวยิก 

     (แล้วถ้ามันออกมาแย่ละ) จะด่าว่าผมป๊อดก็เชิญ

     (มันต้องดีสิ อยู่ที่ว่าดีแบบไหน เชื่อสิ กูพี่มึง)

     (คลานออกจากท้องก่อนนาทีเดียวทำกร่าง ผมนะเรื่องอย่างว่าโชกโชนกว่าพี่เยอะ) ทำมาเป็นแนะนำ นั่งนับดูผมผ่านศึกเยอะกว่ามันลองมาหมดทั้งชายหญิง...เชอะ!!

     (หึ เอาเป็นไม่ได้แปลว่าเป็นผู้ใหญ่) ฉึก...ช่างเชือดเฉือนยิ่งนัก พี่เรมันก็เป็นผู้ใหญ่กว่าผมจริง ๆ แหละ ก่อนมาเจอท่านพ่อ พี่ก็คอยดูแลปกป้องผมแทนพ่อและแม่

     (อาชวนไปทานข้าวที่บ้าน)

     (ก็ไปสิ จะรออะไรครับ)

     แน่นอนผมจะไป ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปผมจะจีบคุณแล้วนะ ซอนเน่ ซานซิโอ น้ำหยดลงหินทุกวันมันยังกร่อน หากเจอหน้าหล่อ ๆ ของไอ้เรนทุกวันแล้วไม่ใจอ่อนผมจะไปลาหมาตายพูดเลย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 15

     น้องมีนผู้นี้ต้องหัวฟูกับการสอบปลายภาคและปั่นชิ้นงานสรุปจนเกือบเป็นลมคาเฟรมผ้าใบขนาดสองเมตรคูณสองเมตร ที่ไม่เข้าใจว่าอาจารย์จะสั่งใหญ่ไปไหน   

     พรุ่งนี้ช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมจะมาถึง หลังจากการพรีเซ็นท์งานผ่านไปด้วยดี ถึึงงานจะโหดแต่ผมก็สนุกกับมัน ผิดกับเรที่อารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด สัมผัสได้จากบรรยากาศอึมครึมรอบตัวมันเพราะโดนสั่งงดกิจกามบนเตียงไปเกือบสามอาทิตย์

     "อื้อ เร ขอกูนอนเถอะ" ผมบ่นขณะที่นอนแผ่หราบนเตียงนุ่มหลังกลับมาจากคณะ อดนอนมาหลายคืนง่วงเป็นบ้า แต่จมูกโด่งยังคลอเคลียข้างแก้มไม่เลิก 

     ผมก็อมนุษย์นะแต่ทำไมถึงผอมแห้งแรงน้อยไม่ต่างจากมนุษย์ ผิดกับไอ้แฝดนรก แม้การสอบและชิ้นงานปลายภาคจะมากมายแค่ไหน แต่พวกมันกลับมีพลังงานเหลือเฟือไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

     "อืมมมม..."มันฟังผมซะที่ไหน ริมฝีปากร้อนประทับจูบอ้อยอิ่งแล้วดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปไกล ไอโฟนที่รักได้ช่วยชีวิตผมไว้ ร่างสูงฮึมฮัมอย่างขัดใจ

     "ฮัลโลคร๊าบบบบบ"

     "ลืมป๋าไปแล้วใช่ไหมบักหำน้อย" เสียงบิดาบังเกิดเกล้าดังขึ้นจากปลายสาย

     "มีนเปล่าลืม ปั่นงานท้ายเทอมส่งอาจารย์ไงป๋า" ผมแถ

     "ไม่ใช่มีแฟนแล้วลืมป๋าหรอกนะ" ใครลืม ผมไม่เค้ย ไม่เคย ลืมท่านจะเอาตังไหนใช้(รู้สึกตัวเองชั่ว) ตั้งแต่มีเรื่องกับไอ้น๊อตผมก็ไม่ได้กลับไปร้องเพลงอีกเลยขาดรายได้ไปเยอะ สาเหตุเพราะเรียนหนักการบ้านเยอะทั้งการบ้านอาจารย์และการบ้านไอ้เรเวร 

     "โถ มีนจะไปลืมป๋าได้ยังไง เนี่ยปิดเทอมแล้วมีนว่าจะกลับบ้านอยู่เนี่ย" ผมอ้อน ตั้งแต่มาเรียนมหาลัยก็ไม่ได้กลับหนองคายเลย

     "ก็ดี ย่าเอ็งถามหาอยู่เนี่ย" น้ำเสียงผู้เป็นพ่อระรื่นขึ้นทันตา "แล้วจะมาวันไหน"

     "ก็ว่าจะออกพรุ่งนี้แหละป๋า" พอพ่อถามเลยรู้สึกอยากเดินทางซะเดี๋ยวนี้ "แต่มีนขอแวะเที่ยวก่อนได้ไหม น่าจะสองสามวันถึงไปบ้านอะ แล้วมีนจะอยู่ยาว ๆ เลยเนอะ"

     "เออ เออ ยังไงก็ตามใจแกเถอะ ถ้าแวะปากช่องอย่าลืมของฝากป๋าละ" พ่อผมจะอยากได้อะไรถ้าไม่ใช่ เหล้าอุ(เป็นไหที่ยัดสมุนไพรเวลาจะทานก็แค่เติมเหล้าขาวลงไปแล้วทิ้งไว อธิบายง่ายๆ ก็ยาดองประเภทหนึ่งนั่นแหละครับ)

     "ได้เลย" พูดถึงอุแล้วเปรี้ยวปาก

     "ว่าแต่ลูกเขยมันมาด้วยหรือเปล่า" บางทีพ่อผมก็ใจง่ายไปนะ ยอมรับเรเป็นลูกเขยซะแล้ว ผมหันไปมองหน้ามันเพื่อขอคำตอบ มันหูดีได้ยินอยู่แล้วละ

     "ไปสิ จะไปสู่ขอ"ฉ่า หน้าผมแดงจนแทบไหม้ ได้ยินป๋าหัวเราะลั่นจากอีกฝั่ง

     "บอกมันเตรียมตังมาเยอะๆ แค่นี้แหละ ขับรถกันดีๆ" พ่อทิ้งระเบิดแล้ววางสายไป

     "เก็บกระเป๋ากัน" ผมออกปาก รีบหาเรื่องอื่นให้ทำเดี๋ยวโดนมันปล้ำ 

     "ค่อยเก็บ" แต่มีหรือมันจะยอมเมื่อเรเล่นกอดผมแน่นหมายจะสานต่อเหตุการณ์เมื่อครู่ ถ้ายอมมันคืนนี้ยาวได้หลับบนรถแน่ หลับไปตามทางคงอดถ่ายรูปวิวรอบ ๆ แถมปวดเมื่อยอีกต่างหาก

     "เร" ผมเรียกมันเสียงนิ่งทำเอาเจ้าตัวชะงัก 

    "กูตามใจมึงก็ได้นะ แต่หลังจากนี้ยันเปิดเทอมงดไปเลย เอาปะ" ไม่ใช่แค่ขู่นะ น้องมีนเอาจริง หน้าตาผมก็คงจะเอาจริงคนตัวโตถึงกับยกมือยอมแพ้ 

    "แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย...ฮิฮิ" แซวเองเขินเอง

     พวกผมเปล่าทิ้งแฝดน้องไว้ลำพังนะครับ แถมเจ้าตัวยังอาสาทำงานแทนพี่ ทั้งงานล่า ทั้งเข้าสภา คือมันขยันผิดปกติ แว่ว ๆ มาว่ามันตามจีบคนในนั้นอยู่ จากแต่ก่อนชอบงอแงว่าพวกผมไม่สนใจมัน ตอนนี้กลายเป็นมันไม่สนใจพวกผมแทน บางครั้งเรนก็หายหัวไปค้างที่อื่น ไม่มีมันมากวนคอนโดเงียบลงไปเยอะ เพราะเรก็ไม่ได้ช่างพูดอะไรมากมาย

     เราออกเดินทางแต่เช้าโดยมีท่อนไม้เป็นสารถี สาเหตุที่ไม่นั่งเครื่องบินเพราะผมอยากแวะเที่ยวตามทาง นานทีจะหยุดยาว เป้าหมายแรกของทริปนี้คงจะเป็นฟาร์มแถวปากช่อง ก่อนจะแวะพักกันตรงเขาใหญ่ สโลไลฟ์ซึมซับบรรยากาศแห่งธรรมชาติที่นี่ซักสองคืน

     ตอนนี้ผมกำลังนั่งง่วนอยู่กับการหาที่พัก ดีหน่อยที่ไม่ใช่ไฮซีซั่นห้องว่างเยอะแต่ราคานี่สิ ข้อยเวียนหัวเลย

     "แม่งแพง" บ่นครับ ดูราคาที่พักแล้วหน้ามืด คือตรงใกล้เขาใหญ่คืนละสามสี่พัน เข้าใจว่าบรรยากาศมันดี วิวงามแต่มันไม่แพงไปหน่อยเหรอ "เข้าเมืองไปซื้อเต้นท์เถอะเรกูว่า"

     "สวยไหม" ดูมัน ไม่ตอบ ถามกูกลับเฉย

     "ถ้าหมายถึงรีสอร์ทที่ดูอยู่อะ สวย ในรีวิวคนก็ชมเยอะ" ว่าพลางโชวไอแพตในมือให้มันดู

     "แล้วชอบไหม"

     "ก็ต้องชอบสิ" ไอ้นี่ถามไม่คิด

     "ก็ไป เดี๋ยวจ่ายเอง" เหอะไอ้รวยใช้เงินไม่รู้จักคิด

     "เย้ ขอบใจมึง" ก็บ่นมันในใจไปงั้น ใครจะไปปฏิเสธละครับ

     มาถึงเป้าหมายในช่วงสายเพราะเรเป็นพวกตีนหนักขับรถไว ผมนี่หัวใจจะวายตาย เข้าเขตเขาใหญ่อากาศที่นี่แตกต่างจากกรุงเทพฯ อย่างสิ้นเชิง ผมลดกระจกรถลงสูดอากาศบริสุทธิ์ ลมเย็นนำพาจิตใจให้ผ่อนคลาย เรชะลอความเร็วลงอย่างรู้งานผมจึงคว้ากล้องมาเก็บภาพบรรยากาศภายนอก สีเขียวของป่าแบ่งเขตชัดเจนกับท้องฟ้าสดใส สวยจนเผลอกดชัตเตอร์ไปหลายที

     เมื่อรถมาจอดยังรีสอร์ทที่ดูไว้ ผมมองไปรอบกายก่อนสายตาจะสะดุดกับรถแวนสีดำที่จอดห่างออกไป ชายสี่คนลงจากรถนั้นพร้อมมองมาทางเราดูไม่ชอบมาพากล ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรผมก็ค่อนข้างขี้ระแวงครับ

     "เร คนพวกนั้น"

     "อ้อ บอดี้การ์ดที่อาส่งมานะ" เรอธิบาย คนพวกนั้นโค้งให้เมื่อรู้ว่าถูกมอง

     "ส่งมาทำไม"

     "คุ้มกัน" มีอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่า ทำไมต้องมีการ์ดตามมาด้วย "ที่จริงพวกนั้นเฝ้าพวกเรามาซักพักแล้วแต่ค่อนข้างรักษาระยะมีนเลยไม่เคยเห็น" เรอธิบายยาวเมื่อผมทำท่าสงสัยไม่เลิก

     "อ้อ" ผมเลิกสนใจคนเหล่านั้น แค่รู้ว่ามาดีก็สบายใจแล้วละ "มึงเคยมาที่นี่ก่อนไหม"

     "เคย" มันตอบแค่นั้นพลางหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของเราออกจากกระโปรงหน้ารถ(ซุปเปอร์คาร์ส่วนใหญ่เครื่องยนต์จะอยู่ด้านหลัง) ส่วนผมหอบกระเป๋ากล้อง และเลนพร้อมอุปกรณ์ยิบย่อยออกมา แต่ก็ถูกเร็แย่งไปถือจนเหลือแค่กล้องโปรตัวเดียวห้อยคอ

     ตัวอาคารล๊อบบี้สร้างจากไม้ผสมคอนกรีตดูกลมกลืนกับวิวเขาด้านหลัง แต่ยังคงความหรูหราได้อย่างน่าทึ่ง ที่ถูกใจสุด ๆ คงเป็นทางเดินระแนงไม้ตรงเคาท์เตอร์ประชาสัมพันที่ด้านล่างเป็นบ่อน้ำ มีพืชน้ำแซมตกแต่ง ราวกับกำลังเดินบนลำธาร ทุกการออกแบบวางมาดี แถมยังมีสนามกอล์ฟและกิจกรรมให้ทำหลายอย่างสมราคาเลยครับ

     "มากี่ท่านค่ะ" พนักงานต้อนรับทักทายเสียงหวาน

     "สองครับ" ผมตอบ

     "แล้วได้จองล่วงหน้าหรือเปล่าคะ" พนักงานสาวคนเดิมถามต่อแต่สายตากับจดจ้องที่ร่างสูงข้างตัวบอกให้รู้ว่าเธอจงใจถามใคร

     "เปล่าครับ ดูรีวิวในเว็บเลยสนใจ" ไม่ได้เสือกนะครับ คุณคิดว่าเรมันจะตอบเหรอ 

     "เอ่อ นี่คือรายการห้องของเราค่ะ แต่ตอนนี้ในส่วนห้องธรรมดาเต็มแล้วนะคะ จะเหลือก็แต่ที่เป็นฮอริซอนวิวสองห้อง เทอเรนสูทสำหรับที่เป็นครอบครัว แล้วก็เต็นท์ วิลล่า อันนี้จะมีแค่สี่หลังและมีสระว่ายน้ำส่วนตัว" พนักงานอีกคนยื่นโบวชัวร์ให้เรา   

     รู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อยกับอาการยิ้มเขินตอนมองหน้าเรของสาว ๆ พวกนั้น  ทีกับผมแม้จะแค่แวบเดียวแต่ก็แอบเห็นสายตาจิกกัด หล่อน้อยกว่ามันก็งี้ เซงเลย

     "คิดว่าไง" ผมรับมาอ่านเห็นราคาแล้วตกใจ หันไปมองหน้าคนจ่ายแบบขอความเห็น กูนอนข้างทางก็ได้นะ ถ้าจะคืนหลักหมื่นขนาดนี้ เรชี้ที่รูปสุดท้าย "จะดีหรอ"

     "ส่วนตัวดี"

     "เอ่อ งั้นก็เต็นท์วิลล่าแล้วกันครับ" เอาเถอะ ซื้อความสุขครั้งหนึ่งในชีวิต "สองคืนครับ เพิ่มยังไงเดี๋ยวแจ้งอีกที"

     "เผื่อพวกนั้นด้วย" เรบอก เลยนึกขึ้นได้ว่ามีบอดี้การ์ดตามมาอีกสี่คน

     "เพิ่มอีกหลัง สองคืนเหมือนกัน"

     "รบกวนขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ สนใจชำระเป็นบัตรเครดิตหรือเงินสดคะ" เรเอี้ยวตัวให้ผมหยิบกระเป๋าตังด้านหลัง 

     รื้อเลยครับเงินของเรก็คือของมีนเงินของมีนก็คือของมีน ในนั้นมีเงินไม่กี่พันเลยใช้บัตรรูดไป กรอกรายละเอียดจ่ายตังเสร็จสรรพ ก็ยื่นกุญแจดอกหนึ่งให้พวกพี่ที่มาด้วย 

      "ขอบคุณครับ" แกโค้งขอบคุณก่อนรับ ไอ้เราก็ไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก

     "ไม่ต้องโค้งก็ได้พี่" พี่คนนั้นยิ้มให้ก่อนจะเดินไปรวมกับพวกอีกสามคน

     "อ้อ นี่เป็นบริการอื่น ๆ ในรีสอร์ทของเราค่ะ" พนักงานยื่นโบวชัวร์ให้ ในนั้นมีโฆษณากิจกรรมของที่นี่่ ทั้งขี่ม้า ชมแปลงดอกไม้ โยคะ นวดสมุนไพร หรือแม้กระทั้งสกีในทะเลสาป

     "สนใจอันไหนมั่ง" ผมหันไปถามเร เรื่องเงินผมไม่อยากตัดสินใจ

     "เลือกเลยเดี๋ยวจ่ายให้"

     "คุณลูกค้าโชคดีจัง มาเที่ยวทั้งทีเพื่อนเลี้ยงหมดเลย" พนักงานแซว

     "อ่อ ไม่ใช่เพื่อนครับ นี่แฟน" เรตอบพร้อมยิ้มมุมปาก 

     คือถ้าผมหัวเราะมันจะเสียมารยาทไหม...ก็สองสาวทำหน้าเหวอเสียขนาดนั้น มันตลกจนลืมเขินเลย แต่พอหันมาเจอสายตาคมกริบที่มองมาถึงกับสะดุ้งเฮือก ตาขวากระตุกสงสัยคืนนี้จะเสียตัว

 

     "เร็วดิ ไปถ่ายรูปเล่นกัน เดี๋ยวมืดก่อน" ผมเร่งเรให้เก็บของ 

     ผมจูงมือร่างสูงให้เดินตาม ทิวเขาตรงนั้นก็สวย สระว่ายน้ำตรงที่พักก็งาม ดูสวนนั่นสิ...ชักจะจิตหลุดไปไกล รู้ตัวอีกทีพากันมาเดินเล่นอยู่ริมรั้วของตัวรีสอร์ท"

     "เฮ้ย!!!!!" ผมร้องลั่นเมื่อจู่ ๆ เรก็ช้อนอุ้มในท่าเจ้าสาว 

    "คือ...มะ มีอะไร ปล่อยกูลงเลย...เชี่ย" แล้วมันก็พาผมทะยานขึ้นฟ้าด้วยปีกสีดำของมัน พื้นหญ้าที่ดูห่างไกลขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาใจหายวาบ 

     กูกลัวความสูง แง...ได้แต่ซุกหน้ากับอกแกร่งพร้อมกอดคอมันแน่นเพราะกลัวตก ไม่มงไม่มองแล้วครับอย่าพาไปตายพอ

     "ถึงแล้ว..." เสียงทุ้มกระซิบข้างหูพร้อมปล่อยผมลงเบา ๆ 

     พื้นหญ้านุ่มทำให้ใจชื้นเลยเงยหน้ามองไปรอบตัว หนองน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้า กับทุ่งหญ้าและแมกไม้ของป่าเบญจพรรณทำเอาดวงตาวาวโรจน์ด้วยความตื่นตะลึง ผมยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้เห็นมัน

     "สวย..." พูดออกมาแค่นั้นก่อนจะหันมามองเรอย่างขอบคุณ มันยิ้มตอบก่อนจะก้มลงมาจูบให้เขินเล่น 

     กดชัตเตอร์เก็บบรรยากาศไป บ้างก็ถ่ายรูปเรตอนเผลอ แฟนใครวะเท่สัด ตลกตัวเองมากร้อยวันพันปีไม่เคยพิศวาสในตัวผู้ชาย แล้วไงถึงมาตกลงปลงใจกับเรเวนตนนี้ได้ 

     บริเวณนี้อากาศค่อนข้างเย็น แต่เจอแดดจ้าฟ้าใสยามบ่ายก็ไม่ไหวเหงื่อเริ่มมา มองดูหนองน้ำกว้าง มันใสซะจนมองเห็นกรวดข้างใต้ เห็นแล้วอยากลงไปว่ายดูจัง ตั้งแต่กลับจากทะเลผมลองกลายร่างเป็นเงือกบ้าง ในอ่างที่คอนโดแต่ยังมีปัญหากับการคืนร่าง ที่แม้จะสามารถตั้งสมาธิทำได้เองในบางครั้งแต่นั่นก็ยังทำให้ผมคิดหนักว่าจะลงเล่นน้ำดีหรือเปล่า

     "อยากเล่นก็เล่น แถวนี้ไม่มีคน" เรบอกพลางถอดเสื้อกล้ามวางรองพื้นก่อนจะดึงกล้องจากมือผมไปวาง ตามด้วยแว่น โทรศัพท์และกระเป๋าตัง

     "เอ่อ...หันไปทางอื่นหน่อยดิ" ผมจะถอดเสื้อผ้าไง แต่ดวงตาสีน้ำเงินนั้นกลับเอาแต่จ้องจนรู้สึกประหม่า "หันไป ๆ กูอายย" เดาว่าหน้าผมคงแดงแปรดเลยตอนนี้

     "ทำอย่างกับไม่เคยเห็น" 

     "กูไม่ได้หน้าด้านแบบมึง!!!!" ยัง...มันยังจะยิ้ม คนด่าไม่ได้รู้สึกเลย "เร...งือ ขอร้องเหอะ" แล้วมันก็ยอมหันไป ถอดไปแอบระแวงมันไป พอหมดพันธนาการผมก็รีบกระโจนลงน้ำในทันที

     น้ำเย็นสดชื่นอย่างที่คิด ความรู้สึกเจ็บปลาบแผ่กระจายเพราะร่างกายที่เปลี่ยนแปลง ขาทั้งสองกลายเป็นหางซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดสีมุกแวววาวสะท้อนแสงอาทิตย์ ผมดำผุดดำว่ายเพื่อให้ชินกับการบังคับร่างกาย รู้สึกอิสระเป็นบ้าเลย 

     ผมว่ายไปยังโขดหินกลางน้ำที่มีมอสปกคลุมก่อนจะยกตัวขึ้นนั่งตีหางกับน้ำเล่น หันไปทางเรที่ตอนนี้กำลังสนอกสนใจภาพในกล้องสลับกับมองตามผมชวนให้นึกอะไรเจ๋ง ๆ ออก

     "เฮ้ย!!! เร มาดูนี่ดิ" ผมตะโกนข้ามไป ทำท่าถืออะไรไว้ในมือ แสร้งมองมืออย่างสนอกสนใจ ใจผมนะอยากให้มันโดดลงน้ำว่ายมาดูแต่พี่ท่านกลับกางปีกบินมาหา 

     "เนี่ยดู..." พอมันเข้าใกล้ ผมก็จัดการคว้าแขนมันลากลงน้ำไปด้วยกัน

     ตูม!!!! ซ่า!!!!! เราทั้งคู่เอนตกลงไปในน้ำ เรดูตกใจเล็กน้อยแล้วทำท่าเหมือนนึกได้จึงยิ้มออก 

     ผมว่ายวนรอบตัวมัน หยอกล้อ ให้มันว่ายตาม แขนแกร่งคว้าหมับเข้าที่เอวเมื่อไล่ทัน เรหมุนตัวผมให้หันกลับไปเผชิญหน้า นันย์ตาสีน้ำเงินจ้องลึกลงมาทำเอาผมหยุดชะงัก 

     ไม่ว่ากี่ครั้งดวงตาของมันก็สะกดผมได้เสมอ ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ทุกความรู้สึกของเรถูกถ่ายทอดผ่านแก้วสีน้ำเงินลึกลงสู่ใจ เมื่อรวมกับบรรยากาศรอบตัวที่งดงามราวกับเทพนิยาย แผ่นน้ำ ผืนป่า และทิวเขา เวลาของเราเหมือนถูกหยุดไว้ตรงนี้

     "ขอบคุณนะ" ผมบอกเสียงแผ่ว คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างสงสัยแต่ก็ยิ้มรับ ในหัวมันว่างเปล่าจนนึกไม่ออกว่าอยากขอบคุณมันเรื่องอะไร...หรืออาจจะเป็นทุก ๆ เรื่องที่อีกคนมอบให้ "เร..."

     "กูก็ ขอบคุณ" มันพูดออกมาบ้าง มือกร้านเกลี่ยเบา ๆ ที่ข้างแก้มจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้า "ที่เข้ามาในชีวิตกู" 

     เรดึงผมเข้าไปจูบ ริมฝีปากร้อนบรรจงจูบอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนิบช้าแต่ดูดดื่ม จิตใจล่องลอยไปไกลกับความอ่อนหวานของมัน แขนแกร่งโอบเอวผมไว้ เผลอเอาแขนคล้องคอมันอย่างลืมตัว มือเรเริ่มซนแต่เพราะต้องประคองตัวให้ลอยบนผิวน้ำมันจึงทำอะไรได้ไม่มากนอกจากลูบไล้ไปตามแผ่นหลังให้ผมสยิวเล่น ริมฝีปากร้อนถอนจูบอย่างเสียดายไม่วายพรมจูบไปทั่วหน้าทิ้งท้าย ก่อนจะยอมผละออกแต่โดยดี

     อย่าคิดว่าคนอย่างเรจะหยุดแค่นี้ ร่างสูงรั้งกายขึ้นนั่งบนโขดหินกลางน้ำแล้วดึงผมตามขึ้นไปนั่งบนตักมัน ไม่รู้ว่าตัวผมเบาหรือมันแรงควายถึงได้ถูกมันจับอุ้มราวกับตุ๊กตา 

     แขนแกร่งกอดเอวผมไว้แน่น ส่วนอีกข้างเชยคางผมให้เงยขึ้นรับจูบเร่าร้อนเอาแต่ใจของมัน จูบเก่งนักใช่ไหม...หึ ดวลกันซักหน่อยเหอะ ถึงผมจะไม่ได้เทพ แต่คนเรามันต้องเรียนรู้ ลิ้นร้อนหยอกล้อในเรียวปาก เกี่ยวกระหวัดราวกับกระหายในตัวของกันและกัน มือกร้านที่บีบคลึงสะโพกหนักเตือนถึงห้วงอารมณ์ของเรที่เลยเถิดมาไกล 

     "นี่มัน กลางแจ้งเลยนะ" ผมดันอกแกร่งออกอย่างตระหนกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน

     "ไม่มีใครอยู่แถวนี้หรอกน่า ไม่มีคนเห็นหรอก" มันแย้ง

     "แต่มึง...แบบว่ามัน..."

     "เมื่อคืนยังใจร้ายกับกูไม่พอเหรอ ฮึ" เสียงทุ้มตัดพ้อ ดูทำหน้าเข้าสิ ผมควรรู้สึกผิดไหม 

     "มึงหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า" ผมแขวะอย่างนึกหมั่นไส้

     "หึ...ก็อยากเฉพาะกับมีนเท่านั้นแหละ" ใบหน้าคมยิ้มร้ายพลางไล้มือไปบนแผ่นอกผมเบา ๆ ให้สะท้านเล่น 

     "ก็มีนน่ากินขนาดนี้ ทนไม่ทำอะไรจนหมดช่วงสอบได้นี่สุด ๆ แล้ว สงสารผมเถอะนะ ที่รัก" อ๊ากกก...แล้วทำไมต้องมากระซิบข้างหูด้วยเสียงเซ็กซี่แบบนั้นด้วยเล่า ปกติถามคำตอบคำที่ไอ้เรื่องอย่างว่านี่มึงขยันต่อรองจังนะ

     "มึงนี่...แม่ง...." ไม่รู้จะด่าคำใด จึงได้แต่เงียบหลบตามัน

     "มีนครับ" ไม่ต้องมาพูดเพราะเลย "นะครับ" คิดว่าจะใจอ่อนหรอ "ไม่ตอบกูปล้ำแล้วนะครับ"

     "เชี่ย...จะทำอะไรก็ทำ จะเย็นแล้วเนี่ย เดี๋ยวมืดก่อนหรอก" ผมวีน 

     ผมตั้งสติเปลี่ยนหางให้กลับคืนร่างเดิมจนกลายเป็นนั่งคร่อมตักมันไว้ในตอนนี้ บทรักเริ่มบรรเลงอีกครั้งจมูกโด่งซุกไซร้ไปตามตัว บ้างขบเม้ม กดจูบทิ้งรอยไว้ทั่ว 

     ลมหายใจของผมสะดุดในทุกครั้งที่ถูกสัมผัส เสียงตัวเองครางชวนให้รู้สึกกระดากจนต้องกัดริมฝีปากห้ามเสียงไว้ ผมทอดมองลำตัวหนาลูบไล้ไปตามอกแกร่งอย่างหลงใหลและชื่นชม  ลูบต่ำลงผ่านกล้ามท้องที่เรียงตัวดูสวยงามจนนึกอิจฉา ก่อนจะดึงรั้งขอบกางเกงขาสั้นและกางชั้นในของร่างสูงลง ให้ความแข็งแกร่งปรากฏต่อสายตา ผมได้แต่มองเรน้อยอย่างอึ้ง ๆ เมื่อนึกถึงยามที่มันอยู่ในร่างของผมแล้วอารมณ์มันขึ้น มีนหัดเป็นคนจังไรตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

     "หึๆ...อย่าเอาแต่มองสิ" เรว่าพร้อมดึงมือผมไปรวบของเราทั้งคู่แลวบังคับให้ขยับรูด

     "อ๊ะ...เร" เสียวสัด รู้สึกตื่นตัวมากกว่าปกติส่วนหนึ่งเพราะเราอยู่ในที่โล่ง ทำเอาใจเต้นแรงแทบทะลุจากอก ผมสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียวสอดลึกเข้ามาในกาย หมุนวนกดเค้นอย่างรู้จุดทำเอาผมร้องครางอย่างกลั้นไม่อยู่

     "ขอโทษนะ"  ????

     "โอ๊ย...เร อ๊ะ เบา...ฮึก" ผมร้องลั่นเมื่ออีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาทีเดียวจนสุด น้ำตาร่วงด้วยความทรมานเมื่ออีกฝ่ายขยับกายอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว มันทั้งเจ็บ ทั้งเสียว  เหมือนทุกความรู้สึกมันโถมเข้ามาจนเกินจะครองสติได้ 

     ถึงอากาศจะเย็นแต่ภายในกลับร้อนรุ่มจนเหงื่อโทรมกายสองมือไขว่คว้าร่างหนามากอดไว้เป็นหลักยึด ท่อนเนื้อร้อนที่เสียดสีด้านใน กระแทกย้ำ ๆ ตรงจุดกระสันจนต้องจิกข่วนแผ่นหลังของเรเพื่อระบายอารมณ์ 

     เสียงทุ้มครางต่ำที่ข้างหูกระตุ้นความอยากจนแทบคลั่ง ไม่คิดว่าเรจะทำให้ผมจมดิ่งได้ขนาดนี้ หรือเพราะเรากำลังทำกับคนที่รักมันจึงรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มทั้งกายและใจ เหมือนที่เขาว่าเซ็กซ์กับเมคเลิฟนั้นต่างกัน

     "เร...อ๊ะ" ร่างทั้งร่างสั่นเกร็งเพราะความรัญจวนถึงขีดสุดเมื่อเอวหนากระแทกกระทันเร็วรัวจนร่างสั่นคลอนไปตามแรง มือทั้งสอง่บดขยี้ยอดอกจนผมบิดเร่าอย่างซาบซ่าน 

     "พร้อมกัน....อา..." เรพรมจูบไปทั่วหน้าก่อนจะจบที่ริมฝีปากผมด้วยจูบหนัก ๆ เร่งเร้าทุกสัมผัสจนพาเรามาถึงจุดสิ้นสุดพร้อมกัน ภายในเต็มตื้นจนเอ่อล้น ผมฟุบหน้าลงกับไหล่หนาพลางปรับลมหายใจให้คงที่ เรจูบขมับแล้วกอดผมไว้อยู่แบบนั้น

     "อ๊ะ" แก่นกายถูกถอนออกพร้อมอะไร ๆ ที่ไหลเลาะตามมา

     "มีน โอเคไหม" มันถามอย่างนึกห่วงพลางลูบหัวผมเบา ๆ

     "พักแปป"

     "กลับไหม เย็นแล้วเดี๋ยวจะมืดก่อน" มองฟ้า พระอาทิตย์เริ่มตกดิน คงใกล้เวลากลับอย่างมันว่า แต่สายตาที่มึงมองมานี่สิ

     "เร...กูรู้นะมึงคิดอะไร" โอ๊ย... ...งือ...เขินจะตายอยู่แล้วเนี่ยเหนื่อยแถมเริ่มหิวแล้วด้วย

     "หรือเมียอยากจะเอาท์ดอร์ อีกซักรอบ" 

     "ไอ้จังไร...ทะลึ่งวะ...ไอ้ๆ..." ผมวักน้ำใส่ใบหน้าคมที่ส่งยิ้มทะเล้นมาให้ ไอ้ที่หน้าแดงเนี่ยไม่รู้โมโหหรืออาย "กลับสิ...แม่ง มืดแล้วยุงจะเยอะ คนยิ่งผิวบางแค่รอยจูบมึงกูก็ลายทั้งตัวแล้วเนี่ย" อยากจะร้องไห้

     "หึๆๆ" มึงจะหัวเราะเพื่อ!!? 

     เรพาผมกลับมาถึงรีสอร์ทก็มืดพอดี เราตัดสินใจจะสั่งอาหารมาทานที่พักเพราะผมขี้เกียจ ว่าจะชวนพี่บอดี้การ์ดพวกนั้นมากินข้าวด้วยกันสรุปพวกแกเป็นแวมไพร์โครงการเลยดรอปไป 

     ที่นี่มีห้องอาหารญี่ปุ่นระดับห้าดาว ส่วนตัวคิดว่ามันก็เข้ากับบรรยากาศแห่งขุนเขาดีนะ แบบทานอาหารแล้วดื่มด่ำกับธรรมชาติตามปรัชญาเซน ผมสั่งปลาซาบะย่างซีอิ้ว ปลาดิบรวมเซตใหญ่ แซลมอนยำ ไข่ปลาแซลม่อนห่อสาหร่าย ปลาโอ แล้วก็สารพัดเมนูปลา จนเรแซวว่าผมทรยศต่อเผ่าพันธุ์ ก็คนมันชอบทำไงได้

     เราใช้เวลาวันที่สองทำโน่นเล่นนี่ เป็นกิจกรรมที่มีให้บริการในรีสอร์ท ปั่นจักรยานไปรอบ ๆ หัดขี่ม้า เก็บผลไม้สดจากไร่มากินเอง โดยรวมก็สนุกดี 

     ส่วนตอนกลางคืนเป็นคิวของคุณชายท่านละ เล่นผมซะหนำใจ ทริปนี้เรเเวนหื่นเปลืองตัง ส่วนน้องมีนผู้น่าสงสารเปลืองตัว...คิดซะว่ามาฮันนีมูน...เรมันว่างั้น

     เราออกเดินทางต่อในเช้าวันที่สาม ผมมีบ้านอยู่สองหลังครับ หลังหนึ่งอยู่ในตัวอำเภอตรงที่พ่อเปิดร้านขายอะไหล่ ส่วนอีกหลังเป็นบ้านพักต่างอากาศอยู่ริมโขง ในวันหยุดยาวผมมักใช้เวลาที่บ้านหลังนั้นเพราะผมชอบว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ตั้งใจว่าจะแวบไปให้ย่าเห็นหน้าพอหายคิดถึง อ้อนป๋า พาไอ้เรเที่ยวในเมือง แล้วค่อยหลบไปทำตัวอาร์ตที่บ้านริมโขง ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ หลับบนรถเพราะสูญสิ้นพลังงานไปมากเมื่อคืนแต่แรงกระชากของรถทำผมสะดุ้งตื่น

     "อะไร!!!!" ผมหันไปถามคนขับอย่างตกใจ

     "มีคนตามเรามา" เรบอกพลางเพ่งมองถนนพร้อมเพิ่มความเร็วจนหลังผมติดเบาะ หันไปมองด้านหลังรถแวนสีดำสามคันกำลังไล่เบียดกันไปมาอยู่ คันหนึ่งเป็นของพวกพี่บอดี้การ์ดที่มาด้วยกัน เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นพร้อมประกายไฟจากรถทั้งสอง

     "คุณเร ล่วงหน้าไปก่อนเลย เดี๋ยวทางนี้ยื้อไว้ให้" เสียงร้อนรนดังขึ้นจากเครื่องเสียงหน้ารถเดาว่ามันคงต่อบูทูธกับมือถือไว้ 

     "บ้าเอ้ย พวกมันใช้กระสุนเจาะเกราะ  ミ *∩-ℓ¦©ï°ü$ _∩*" ปลายสายโวยวายก่อนจะตัดไป พอหันกลับไปมองเลยเห็นว่ารถของพวกพี่เขาเสียหลักลงข้างทาง

     กระทิงดุ(ฉายาของแลมโบกินี่)ควบทะยานไปตามถนนโดยมีแรนโลเวอร์สองคันเกาะตามมาติด ๆ ใกล้พ้นเขตทางเลี่ยงเมืองซึ่งข้างหน้าเป็นทางหลวงชนบน แม้จะลาดยางแต่ก็โค้งงอจนหน้าตกใจ 

     "พวกไหน"

     "เดาว่า ซาโตนี่...จับดี ๆ นะมีน"

     "เร! ระวัง" ผมร้องลั่นเมื่อสิบล้อเลนตรงข้ามขับแซงขึ้นมาเลนเราเฉย "ตายๆ ๆ ๆ"

     ผมเบิกตากว้างมองก้อนโลหะขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งมาหาเราอย่างตื่นกลัว ด้วยความเร็วกว่าสองร้อยไม่มีทางที่จะเบรกทันแน่ เรหักหลบลงข้างทาง

     "มีน!!!!" ไวเกินความคิดเมื่อเรปลดเข็มขัดตัวเองและผมออกจากที่นั่งแล้วดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้รถเราพลิกคว่ำลงข้างทางจนร่างของเรากระแทกแรงภายในห้องโดยสารโดยมีตัวของเรรองรับผมเอาไว้

     ปัง!!!! เสียงปะทะดังสะนั่นเมื่อตัวรถกระแทกเข้ากับต้นยางใหญ่ข้างทางจนยับเยิน แรงกระแทกละแรงเหวียงทำเอามึนไปหมด รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่าง หากไม่มีเรโอบกอดไว้ผมคงแหลกเป็นชิ้น ๆ 

     "เร..." ใบหน้าคมที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดมองตอบผมแต่มันช่างพล่าเบลอ

     "กู...ไม่เป็นไร" เสียงมันสั่นและดูฝืนเต็มที

     "เร...เร" ผมพยายามฝืนเรียกอีกคนแม้สติจะเลือนลาง กลัวจับใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้หากผมต้องหลับไป

     "ไม่ต้องกลัวนะ" แต่เหมือนร่างกายไม่ฟังคำสั่งใด เพราะทุกอย่างดับวูบไปเมื่อสิ้นคำพูดนั้น

...

ไม่เจอกันหลายวัยเลย พอดีเรางดลงในช่วงไว้ทุกข์ นี่เป็นงานอาร์ตน้องมีน ลองว่าเล่น ๆ ว่าน่าจะประมาณนี้ทดแทนที่ห่างหาย เรายังอยู่ในช่วงหาแนวเส้นของตัวเองอยู่เพราะงานแบบ เรียลลิส คนวาดเยอะและขาดเสน่ห์ แต่ให้วาดการ์ตูนก็ทำไม่เป็น ก็ต้องพยายามกันต่อไป​






CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
งานเข้า! จะถูกจับไปไหมนี่
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 16

Rain Say

     เพลัง!!! แก้วน้ำที่อยู่ในมือผมแตกกระจาย เมื่อความเจ็บปวดมหาศาลถาโถมมาที่ร่างจนทรุดลงไปนั่งกับพื้นห้องทำงานของซอนเน่ วันนี้ผมแวะมาที่สภากลางเพราะอยากเห็นหน้าคนที่รัก แม้ปราศจากเลือดและบาดแผลแต่มันก็ทำให้ใจของผมสั่นกลัว เพราะมันหมายถึงสิ่งที่อีกคนกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ เรกำลังอยู่ในอันตราย

     "เรน!!!" ซอนเน่รีบวิ่งเข้ามาประคองผม

     "พี่เร...ท่านอาพี่" ผมระล่ำระลักบอก ไขว่คว้ามือนิ่มนั่นมาจับไว้แน่น

     "เรเป็นอะไร"

     "พี่กำลังตกอยู่ในอันตราย" แฝดมักมีความเชื่อมโยงกันและด้วยพลังแห่งสายเลือดเรเวนยิ่งทำให้ทั้งผมกับเรสามารถเชื่อมถึงกันได้ แม้มันจะอยู่ใกลเกินกว่าจะคุยกันในจิตแต่อารมณ์ความรู้สึกบางอย่างผมจะรู้สึกได้เช่นกัน ดังความเจ็บปวดเมื่อครู่แม้จะแค่ระยะเวลาสั้น ๆ แต่มันก็ชัดเจนพอว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับพี่ผมแน่

     "แล้วเรอยู่ไหนละ" ซอนเน่ร้อนรน

     "มันไปเที่ยวกับมีน ผม...ไม่รู้ มันบอกจะไปหนองคาย" พยายามตั้งสตินึก " โทรศัพท์...เช็คจีพีเอสจากโทรศัพท์เร" ร่างบางลนลานลุกขึ้นไปยังคอมบนโต๊ะทำงานเพื่อหาตำแหน่งของหลานรัก 

     "เจอตำแหน่งแล้ว" ซอนเน่ร้องออกมา ผมจึงรีบลุกไปดู ตำแหน่งสุดท้ายที่เจอสัญญาณโทรศัพท์พวกมันคือทางเลี่ยงเมืองไปขอนแก่น ท่านอาจึงกดโทรศัพท์สั่งคนตามหาทันที "คำสั่งด่วน เจ้าหน้าที่ในพื้นที่นครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ให้ไปตรวจสอบที่พิกัด... ฉันบอกด่วน ภายในครึ่งชั่วโมง ... แล้วโทรมารายงานด้วย ...ได้...ไวๆ นะ ฉันรีบมาก รบกวนด้วย...ขอบคุณ"

     "ตอนนี้ทำได้แค่รอ ?" ผมถามเสียงอ่อน ทรุดนั่งลงกับโซฟาอย่างหมดแรง ถึงเรมันจะเก่งจะแกร่งแต่ผมก็กลัวเพราะลางสังหรณ์ของเรเวนไม่เคยพลาด 

     ผมหลับตาพิงหลังกับพนักอย่างข่มใจ หวังว่าเราสองพี่น้องจะสื่อถึงกันได้แม้ว่าตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนก็ตาม อแาซอนเน่นั่งลงข้างกันพลางดึงมือผมไปกุมไว้แน่น

     ผมอยู่ที่สภาจนช่วงเย็นอัลไสวเดอร์ก็เข้ามาหาท่านอา ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาหวงอะไรทั้งนั้นเพราะเรื่องพี่กับมีนสำคัญกว่า

     "สวัสดีครับ" ผมทักทายตามมารยาท

     "คุณมาพอดีเลย" ซอนเน่รีบตรงไปหาชายคนนั้นอย่างเร่งร้อน

     "หลังจากคุณโทรมาบอกผมก็ให้คนของอาร์เคนช่วยหาอีกแรง และนี่เป็นข้อมูลที่เราเคยสืบเกี่ยวกับฐานที่มั่นของซาโตนี่ ผมให้ลูกน้องคัดมาเอาเฉพาะพื้นที่ใกล้ ๆ นั้น"

     "ขอผมดูด้วย" เมื่อได้ยินดังนั้น ผมก็รีบลุกขึ้นไปดูเอกสารที่ถูกวางกระจายอยู่บนโต๊ะอีกคน 

     "แล้วก็เรื่องของเวรุกา ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใครจนสืบเจอภาพถ่ายถึงนึกได้ว่า หลังจากอาวาร์คเข้าร่วมกับซาโตนี่และทิ้งครอบครัวไปเธอคนนี้คือผู้ติดตามของเขา หลังเรื่องวุ่นวานภายในตระกูลอาร์เคนจบลงเธอได้หายตัวไป น่าจะเปลี่ยนชื่อล้างประวัติตัวเองใหม่ และเข้ามาทำงานในสภาเพราะรายชื่อคนที่ขอเยี่ยมอาวาร์คในนิฟเฮมคนสุดท้ายคือเธอนี่ละ"

     "เป็นไปได้ไหมว่าเธอพยายามสานต่อสิ่งที่พี่ชายคุณเคยทำให้สำเร็จ" ท่านอาเอ่ยถาม 

     "น่าจะเป็นแบบนั้น สิ่งสำคัญที่จะเอาลูซิเฟอร์ขึ้นมาบทโลกมนุษย์ได้จำเป็นต้องใช้ประตูนรก แต่ในเมื่ออันเก่าถูกรอททำลายไปก็ต้องสร้างใหม่" อัลไสวเดอร์ดูเคร่งเครียดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

     "แล้วผู้หญิงคนนั้นทำเพื่ออะไร ถ้าเธอเงียบ ๆ ไปก็สบายแล้วทำไมถึงต้องเสี่ยง" ผมว่า หากยังมีคนคิดจะทำอีกผมกับพี่จะไม่ถูกระรานอย่างไม่จบไม่สิ้นหรือไง

     "เธออาจเชื่อเรื่องคำสาป ที่บอกต่อมาในอาร์เคน คนส่วนมากที่ติดตามอาวาร์คก็เชื่อแบบนั้น" คนอาวุโสกว่าตอบ

     "คำสาปอะไร" ผมถาม 

     "รู้ใช่ไหมเรื่องของพวกเราสามตระกูลใหญ่ ต่างสืบสายเลือดมาจากบุตรของซาตาน" ผู้นำอาร์เคนคนปัจจุบันกล่าว "ต้นตระกูลของฉัน เฮล่าเคยให้สัตย์สาบานต่อลูซิเฟอร์ไว้ ว่าจะมอบสายเลือดของตนสังเวยเป็นร่างให้ หากทำไม่สำเร็จเผ่าพันธุ์อมนุษย์จำต้องสูญสิ้นไป"

     "แล้วคิดว่ามันจริงไหมค่ะ" ท่านอาเอ่ยถามบ้าง "ถึงรอทจะเคยเล่าให้ฟังมาก่อนก็เถอะ"

     "ไม่รู้สิ สำหรับผมมันเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะพวกเรามีอายุยืนยาว การเลือกคู่ชีวิตและสร้างครอบครัวขึ้นใหม่จึงมีไม่มาก ซ้ำบางเผ่าพันธุ์ยังบ้าในเเลือดบริสุทธิ์ทำให้อัตราการเกิดของเด็กรุ่นใหมต่ำลง เมื่อเทียบกับการเพิ่มประชากรของมนุษย์พวกเราจึงมีอัตราส่วนที่ลดลงเรื่อย ๆ"

     "เป็นอย่างที่คิดเลย ว่าที่ยัยบ้านั่นอยากได้ต้องเอาไปทำอะไรไม่ดี" แต่ได้ฟังแบบนี้ก็มั่นใจได้ว่าพวกมันไม่มีทางทำร้ายพี่ผมแน่ เพราะจำต้องใช้ประโยชน์อยู่ ระหว่างนั้นคงรีบตามหาทั้งสองคนให้เร็วที่สุด "จริงสิถ้าผมอยู่ใกล้ ๆ กับพี่จะพอเดาที่อยู่ของอีกฝ่ายได้"

     "งั้นเธอควรไปที่นั่นด้วยตัวเอง" อัลไสวเดอร์แนะนำ "เพื่อความปลอดภัยฉันจะไปเป็นเพื่อน พวกมันได้ตัวพี่เธอไปแล้วหากได้เธอไปอีกคนจะเป็นเรื่องใหญ่" ถึงจะไม่ชอบหน้าหมอนี่ที่เข้ามาเจาะแจะท่านอาแต่ก็รู้สึกขอบคุณอยู่ดี ผมทิ้งอคติชั่วคราวก่อนจะตามหมอนี่ออกมาแต่โดยดี

      อัลไสวเดอร์พาผมมาที่สนามบิน ซึ่งมีเครื่องบินส่วนตัวจอดรออยู่ บนนั้นมีอารอทกับพี่โยรอก่อนอยู่แล้ว เราทั้งหมดจะบินตรงไปลงสนามบินโคราชแล้วค่อยออกตามหาบริเวณโดยรอบ

     "ทำไมถึงช่วยผมขนาดนี้" ผมเอ่ยถามขณะที่เราอยู่บนเครื่อง

     "เพื่อความสบายใจของซอนเน่" คำตอบที่ได้รับทำเอาผมเจ็บจี๊ดขึ้นมา เจ้านี่จริงจังขนาดนี้เลยหรือ "แล้วอีกอย่างถ้าประตูนรกสำเร็จต้องมีเครื่องสังเวยเป็นเด็กเลือดผสม คนที่จะเดือดร้อนต่อจากนั้นคือลูกชายฉัน ที่จริงฉันทำไปเพื่อปกป้องโยนาห์ด้วย"

     "คุณเกลียดพี่คุณไหม จนป่านนี้ยังต้องมาตามแก้ปัญหาในสิ่งที่เขาก่อ" ผมสบตาอัลไสวเดอร์พลางถาม ใครต่างก็รู้จักฝาแฝดบ้านอาร์เคน พี่น้องที่เลือกเดินคนละทาง 

     "เธอเองก็มีแฝดน่าจะเข้าใจความรู้สึกฉันนะ" ใบหน้าคมเข้มแบบชายวัยกลางคนตอบพลางยิ้มเฝื่อน ดวงตาสีเทาดูเจ็บปวดสับสน "ก่อนหน้าที่พี่จะเดินทางนี้ เขาเป็นพี่ที่ดีและปกป้องฉันมาตลอด จนถึง ณ วินาทีสุดท้ายที่พี่ตายต่อหน้าฉันก็เกลียดเขาไม่ลง"

     "ผมคิดว่าเข้าใจคุณนะ แล้วก็ขอบคุณ"



     Mussaya Say

     ผมตื่นขึ้นมาบนพื้นปูนเย็นเฉียบ รอบตัวมืดสลัว ได้ยินเสียงน้ำหยดก้องไปทั่วบริเวณอย่าบอกนะว่าโดนขังในห้องน้ำอนาถจริง แค่ขยับก็เจ็บร้าวไปทั้งกาย มือทั้งสองโดนมัดไขว้หลังไว้ ขาก็ด้วย ก่อนหน้านี้เราโดนใครสักคนไล่ล่าจนรถเสียหลักลงข้างทาง 

     "เร..." ผมร้องเรียกเสียงแผ่วเพราะคอแห้งจนแสบไปหมด "เร...มึงอยู่ไหน" 

     "ตรงหน้า" เสียงทุ้มคุ้นหูช่วยทำให้ใจชื้น พยายามหรี่ตามองในความมืดก็พบใครอีกคนโดนมัดตรึงไว้ตรงกำแพงด้วยโซ่เหล็ก  หากเป็นปกติมันคงกระชากขาดไปแล้วถ้าไม่มีวงเวทย์ประทับไว้อีกชั้น

     "มึงเป็นไรมากไหม ยังเจ็บ!...อึก...อยู่ไหม" ผมฝืนขยับตัวไปหามันด้วยความเป็นห่วง

     "ห่วงตัวเองเถอะมีน" มันปรามเสียงดุ "อย่าขยับเยอะ!!!"

     "เราอยู่ที่ไหน"

     "ไม่รู้ รู้แต่พวกซาโตนี่จับเรามา" มันบอกเสียงเครียด

     "ทำยังไงดี มันจะทำอะไรเราหรือเปล่า" ผมถามอย่างร้อนรน ความเงียบที่ได้รับมันทำให้ผมใจเสีย

     พรึบ!!! ไฟในห้องก็สว่างขึ้นมาเผยให้เห็นทุกสิ่งอย่าง อ่างน้ำขนาดใหญ่ มีด เตียง อุปกรณ์ทรมานสารพัด อย่างกับในหนังสยองขวัญ อมนุษย์กว่ายี่สิบตนย่างเท้าเข้ามาหาเรา บางคนมาในร่างเต็มเป็นอสูรร้าย บางคนอาวุธครบมือจนอดสะพรึงไม่ได้ มันตัวหนึ่งถลาเข้าใส่เรอย่างโกรธแค้น

     "มึง!!!!" พลัก!!! หมัดหนัก ๆ ซัดเข้าหน้าคมจนหันไปด้านข้าง ทำเอาผมตกใจ

     "ใจเย็นดิวะ" ชายร่างยักษ์เข้ามาดึงเพื่อนไว้ก่อนที่มันจะได้ซ้ำ

     "แต่มันฆ่าไอ้วี!!!" เจ้านั่นตะโกนอย่างขุ่นเคือง เดาว่าคงเป็นหนึ่งในแบล็คลิสที่เรกำจัดทิ้ง "แม่ง!! นานๆ จะมีโอกาสกระทืบ!!!" มันเตะเข้าท้องเรอย่างจัง แต่ร่างสูงกลับไม่สะทกสะท้านเพียงแค่มองตอบ พร้อมยักคิ้วให้อย่างยียวนทำเอาอีกคนอารมณ์ขึ้น "กวนตีนนักนะมึง"

     โครม!!! เจ้านั่นโดนเรถีบกระเด็นไปไกลก่อนจะถึงตัวอีกรอบ ทำเอามันยั่วะจัดแต่แทนที่จะกลับไปลงที่เร กลายเป็นผมที่ถูกกระชากขึ้นจากพื้น

     "เฮ้ย!!!!...อัก!!!! แค่ก แค่ก " หมัดหนัก ๆ ต่อยท้องเข้าเต็มแรง จุกจนสำลักเลยครับ กระดูกซี่โครงผมหักเปล่าวะเนี่ย ผมทรุดลงกับพื้นก่อนจะถูกเตะซ้ำสองสามทีเหมือนร่างจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ...เจ็บเป็นบ้า ผมถูกบังคมให้ลุกยืนก่อนมันจะลากผมมาตรงหน้าเร

     "โอ๊ย!!!" มันกระชากผมจนหน้าแทบหงาย แสบหนังหัวไปหมด มือแกร่งบีบคางผมให้หันไปสบตาสีน้ำเงินเข้มของเรที่สั่นไหว

     "มึงจะอวดเก่งยังไงก็คิดให้ดี" มันบอกเสียงเหี้ยมก่อนจะแต่ข้อพับผมจนต้องลงไปคุกเข่าตรงหน้าคนรัก "ถึงกูทำอะไรมึงไม่ได้ แต่กูทำไอ้เด็กนี่ได้"

     "เหี้ย!!...อย่า" ผมพยายามดิ้น เมื่อมือสาก ๆ ล้วงเข้ามาในสาบเสื้อ มือกร้านสัมผัสกายอย่างหยาบโลนให้ความรู้สึกขยะแขยงจนน้ำตาคลอ

     "เอามือมึงออกไป" เรตวาด "อย่าแตะต้องคนของกู" ร่างสูงดิ้นพล่านสายโซ่ที่ล่ามดึงกำแพงจนสะเทือน

     "แล้วมึงจะทำไม" มันตะโกนก้องพร้อมทิ้งร่างผมลงพื้น ก่อนกระโจนใส่เรอีกครั้ง ทั้งถีบทั้งเตะรุนแรงตามอารมณ์ ถึงเรไม่ใช่คนแต่มันก็เจ็บเป็น ร่างสูงกัดฟันทนปราศจากเสียงร้องใด ๆ สายตาที่จ้องมาทางผมทั้งเป็นห่วงทั้งกังวลโดยไม่สนใจสภาพตัวเองด้วยซ้ำ

     ผมนอนมองภาพคนรักที่โดนทำร้ายซ้ำ ๆ เรไม่แม้แต่จะตอบโต้เพราะกลัวอีกฝ่ายจะวกกลับมาทำร้ายผม อยากจะห้ามอยากเอาตัวไปบังแต่ก็ทำไม่ได้เพราะร่างกายบอบช้ำเกินกว่าจะลุกไหวอีกทั้งมือยังถูกมัดเอาไว้

    "เร...ฮึก...พอ พอแล้ว อย่าทำมัน" น้ำตาผมไหลออกมาอย่างสุดกลั้น ยิ่งเรเจ็บกายเท่าไหร่ผมยิ่งเจ็บปวดในใจเท่านั้น "พอแล้ว หยุด...ฮือ กูขอร้อง ทำ...ทำกูก็ได้" ผมอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง ในตอนนี้รู้แล้วว่าผมรักมันมาก มากจนรู้สึกทรมานที่เห็นมันโดนทำร้าย กลัวมันจะตาย กลัวมันจะจากผมไป

    "พอได้แล้ว!!!" เสียงหวานกังวานก้องไปทั้งห้อง ก่อนที่ร่างงดงามแต่ให้ความรู้สึกขนลุกจะเยื้องย่างเข้ามา "โอ๊ะ ดูสิเด็กน้อยน่ารัก ช้ำไปหมดเลย" มือเรียวเชยคางผมขึ้นมอง

     "เขาบอกความรักทำให้เราอ่อนแอ คิดว่าไงเร" เธอหันไปถามร่างสูงพลางยิ้มเยอะ 

     "ปกติฝาแฝดเรเวนจับตัวยากจะตายไป แล้วดูสิ ได้คนพี่มาอยู่ตรงหน้าแล้วละ ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ ถ้ามันไม่ห่วงเธอละก็ ป่านนี้คงจะหนีหายจนจับไม่ทันแล้วละมั้ง ฮ่าๆๆๆๆ"

     คำพูดของผู้หญิงคนนั้นเหมือนน้ำเย็นสาดซัดจนร่างชา...เพราะผม...เพราะมีผมคอยถ่วงเรจึงพลาดท่าให้กับพวกมัน...มันรู้สึกแย่ จนไม่อาจหยุดน้ำตาตัวเองได้ พร่ำพูดคำเดิมซ้ำ ๆ อย่างรู้สึกผิดเต็มหัวใจ

     "ขอโทษ กูขอโทษ ฮึก" 

     "มีน"

     "มึงน่าจะทิ้งกูแล้วหนีไป" 

     "มีน...มีน พอแล้ว" เสียงทุ้มเอ่ยปราม ผมได้แต่คู่ตัวซุกหน้าลงกับพื้น ไม่กล้าที่จะมองหน้าเรด้วยซ้ำ จนได้ยินเสียงถอนหายใจของมัน "ต้องการอะไร"

     "เคยบอกไปแล้วนี่ แค่สร้างของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างประตูนรก แค่นั้นเอง" ร่างระหงก้าวประชิดตัวเรก่อนจะไล้มือไปตามใบหน้าคมอย่างถูกใจ "ใจจริงก็ไม่ได้อยากใช้วิธีรุนแรงแบบนี้หรอก แต่ก็นะทั้งที่เสนอให้ทุกอย่างแล้วไม่รับ มันก็ไม่มีทางเลือกนี่นา"

     "ทำแล้วได้อะไร"

     "หึ นายไม่อยู่ในสถานะที่ต่อรองได้" ริมฝีปากอิ่มเหยียดยิ้ม "ชีวิตไอ้เด็กนี่เป็นไง" เธอมองมาทางผมอย่างมาดร้าย "เพราะถ้าไม่ทำ เดี๋ยวเด็ก ๆ ของฉันจะช่วยรับไปดูแล" สายตาของอมนุษย์หลายตนจ้องมาที่ผม ให้ความรู้สึกสยดสยองเพราะความหื่นกระหายที่สื่ออกมาอย่างชัดเจน แค่จินตนาการว่าพวกมันจะทำอะไรร่างกายก็สั่นกลัวไปหมด

     "ก็ได้ แต่มีนต้องอยู่ในสายตากูตลอด" เรต่อรองเสียงเครียด "รับประกันได้เหรอว่าไอ้พวกสวะนั่นจะไม่เตะต้องแฟนกู"

     "มึงว่าใครสวะวะ" จอมโมโหเจ้าเดิมตวาดลั่น

     "ใจเย็นน่า" แม้คำพูดจะอ่อนหวานแต่สายตากลับหยุดอีกฝ่ายได้ทันที "เอาอย่างนั้นก็ได้"

     "แต่เจ้านาย!!!..."

     "เรไม่กล้าหนีหรอก เพราะถ้าหนี เจ้านี่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่" ประโยคแรกพูดกับเรประโยคต่อมาก้มลงกระซิบข้างหูผม

     "ต้องการอะไรอีกไหม" เธอหันไปถามเร

     "แก้มัด" 

     "ก็ได้ ๆ"

      พอวงเวทย์ถูกถอนออก โซ่ที่ล่ามข้อมือเรก็ถูกกระชากขาด ก่อนที่ร่างสูงจะถลาเข้ามาหาผมในทันที พวกของซาโตนี่เดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ ได้ยินผู้หญิงคนนั้นสั่งงานลูกน้องอยู่ไกลจนจับใจความไม่ได้ เรแก้มัดผมอย่างเบามือ ส่วนผมทำได้เพียงนอนนิ่ง ๆ แค่หายใจยังเจ็บไปหมด 

     "เจ็บมากไหม" มันเช็ดคราบน้ำตาผมด้วยมือที่สั่นเทา 

     "ขอโทษ" ผมบอกเสียงเบา

     "ความผิดกู ไม่ต้องขอโทษ" เรสบตาผมจริงจัง "กูประมาทเอง..." ตาคมไล่มองไปทั่วตัวอย่างครุ่นคิดก่อนจะมองรอบห้อง

     "จะทำอะไร"

     "ทำให้มึงรู้สึกดีขึ้น" 

     "โอ๊ย!!!" แขนแกร่งค่อย ๆ ช้อนอุ้มผมขึ้น แค่ขยับเพียงเล็กน้อยก็เจ็บร้าวจนน้ำตาซึม ขายาวก้าวตรงไปยังอ่างน้ำขนาดใหญ่ก่อนวางผมลงให้เอนหลังพิงตัวมันที่นั่งตรงขอบอ่างแล้วเอื้อมมือไปเปิดน้ำ สายน้ำเย็นที่ไหลผ่านทำให้รู้สึกดีขึ้น อาการเจ็บปวดค่อยทุเราลง มือใหญ่วักน้ำไปทั่วร่างให้กระแสน้ำช่วยเยียวยา

     "อย่าให้พวกมันรู้" เสียงทุ้มกระซิบเตือน ผมจึงพยายามคุมตัวเองไม่ให้กลายร่าง "ดีขึ้นไหม" ผมพยักรับก่อนจะฟุบหน้าลงกับตักมันอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่คิดเรยว่าชีวิตจะได้มาเจออะไรแบบนี้

     "แล้วมึงเป็นไงบ้าง"

     "กูไม่เป็นไร" มันตอบพลางลูบหัวผมเบา ๆ 

     "เอาไงดี ทำยังไงดี" ผมถาม รู้สึกอับจนหนทางยังไงก็ไม่รู้

     "มีน" เรเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเชยคางผมขึ้นสบตา "กูจะพาออกไปจากที่นี่ให้ได้ จะไม่ยอมให้คนที่กูรักมาตายที่นี่แน่ รักมีนนะ เชื่อใจกันนะ" นัยน์ตาสีน้ำเงินลึกล้ำมากไปด้วยความรู้สึกที่มีให้ คำว่ารักทำให้ผมยิ้มได้แม้กายเจ็บ ใครว่ารักทำให้คนอ่อนแอ มันทำให้รู้สึกเข้มแข็งต่างหากละ แม้ในสถานการที่จนตรอกแบบนี้ผมกลับรู้สึกมีความหวังและอุ่นใจที่มีเรอยู่ใกล้ 

     "อืม...กูเชื่อใจมึง" 

:ling1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ลุ้นหนักมาก

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 17

Amun-re Say

     สี่วันมาแล้วที่เราถูกขังอยู่แบบนี้ ในห้องคอนกรีตที่มีเพียงประตูเหล็กกล้าตัดเราจากภายนอกไม่เห็นเดือนเห็นตะวันมีเพียงแสงไฟจากหลอดนีออนที่คอยให้แสงสว่าง แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอมนุษย์อย่างพวกเรานัก 

    พวกมันให้มีนอยู่นสายตาผมจริง ๆ ในห้องข้างกันที่มีเพียงบานกระจกหนาคั่นกลาง  มีเตียงเหล็กกับฟูกเก่าและห้องน้ำที่พอให้งานได้ไม่ถึงขั้นอนาถาเท่าของกรมราชทัณฑ์ ทุกวันคนของซาโตนี่จะเอาอาหารและน้ำรวมถึงเสื้อผ้าเข้ามาให้วันละครั้ง กระจกกั้นเสียงของเราไว้แต่สำหรับผมนั้นพอจะได้ยินด้วยประสาทสัมผัสชั้นเยี่ยมที่มี แต่สำหรับมีนจากที่อยู่ด้วยกันมา ทำให้รู้ว่าชาวเงือกหากไม่อยู่กับน้ำก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา จัดเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีร่างกายอ่อนแอก็ว่าได้ เราจึงมักสื่อสารกันด้วยท่าทางและสายตามากกว่า 

     ผมมองร่างบางที่กอดเข่านั่งเหม่ออยู่บนเตียงห้องข้างกัน ดวงตาที่มักสดใสดูหม่นแสงไป สภาพร่างกายแม้จะดีขึ้นมากแต่สภาพจิตใจของมีนกลับดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด หลายครั้งที่ดวงตาคู่นั้นมองมาทางผมอย่างรู้สึกผิด มีนคงกำลังโทษตัวเองที่ทำให้เราถูกขังอยู่แบบนี้ เหลือบมองจานอาหารที่วางอยู่บนพื้น มันยังคงสภาพเดิมไม่พร่องไปแม้แต่น้อยนั่นยิ่งทำให้ผมห่วง

     ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะกระจกเรียกคนอีกห้องให้หันมองก่อนจะชี้ไปที่จานอาหารก่อนจะทำท่าทำทางเตือนอีกฝ่ายให้กินซะ มีนหันมายิ้มฝืนก่อนจะส่ายหัว

     “กูไม่หิว” ได้ยินเสียงมันตอบ ผมมองมันดุ ๆ ตั้งแต่ฟื้นมามันแทบไม่กินอะไรเลยนอกจากน้ำ สุดท้ายไอ้ตัวดีมันก็ยอมลุก เดินกระฟัดกระเฟียดมานั่งอยู่ตรงหน้าจานข้าว ทำแก้มพองน่ารักจนอยากลากมาฟัดให้หายอยาก 

     ไอ้กระจกบ้าเนี่ย...แค่ทุบก็แตกแล้ว แต่ยังไม่อยากเปิดประเด็นกับพวกซาโตนี่ตอนนี้ จึงต้องยอมตามน้ำไปก่อน ยืนกดดันให้คนน่ารักกินข้าวไปจนครึ่งจานจึงหันมาสนใจสิ่งแปลกปลอมที่อยู่กลางห้องของตัวเองแทน

      มองแท่นศิลาตรงหน้าพลางถอนหายใจหนักๆ คงต้องเริ่มทำอะไรซักอย่างขืนยึกยักมันคงหาเรื่องทำร้ายมีนแน่ แบบร่างของเฮลเกทมันคือสิ่งที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ศาสตร์แห่งการสื่อสารการหยั่งรู้เป็นสิ่งที่สั่งสอนกันมาในสายเลือดเรเวนรุ่นสู่รุ่น ผมมองแบบร่างในกระดาษที่วางอยู่ข้างกัน ก่อนลอกมันลงบนแผ่นศิลาสีดำ พลังของเฮลเกทมาจากผู้สร่างต่อให้คุณรู้แบบแปลนแต่ถ้าไม่ใช่สายเลือดเรเวนมันก็คงเป็นแค่งานศิลปะชิ้นหนึ่ง เส้นสายถูกลากไปอย่างช้า ๆ ด้วยชอคขาว ไม่ได้ตั้งใจจะทำจริงแต่เพื่อประวิงเวลา 

     ผมกำลังตั้งสมาธิกับตัวเองพยายามสัมผัสกับทุกสิ่ง เสียงแผ่วที่ดังรอบตัว เสียงทำงานของเครื่องจักร กลิ่น อากาศ อุณหภูมิ พยายามเอาทุกสิ่งที่รับรู้ได้มาวิเคราะห์ ตอนนี้เราน่าจะอยู่ใกล้น้ำมาก ไม่ติดแหล่งน้ำก็คงเป็นใต้น้ำด้วยความชื้นที่สัมผัสได้ในอากาศ กลิ่นใบไม้กลิ่นดินเดาว่าคงมีป่าอยู่ไม่ไกล เรเวนรอบรู้ส่วนหนึ่งเพราะสัญชาตญาณที่เฉียบคมทำให้เราสามารถประมาณการณ์สิ่งที่จะเกิดรอบตัวได้ 

      ผมประมาณคร่าวจากตอนที่เราโดนพาตัวมาแม้จะถูกปิดตา แต่เดาจากความเร็วรถที่วิ่งมากับจำเส้นทางเวลามันเลี้ยวขึ้นเนินหรือรายระเอียดต่าง ๆ ทำให้รู้ว่าเราถูกพามาจากตรงที่รถคว่ำไม่น่าเกินสองร้อยกิโลเมตร

     (พี่เร!!!!) เสียงเรนดังในโสดประสาท หาเจอไวกว่าที่คิดแฮะ

     (มาช้าน้องรัก) ผมแซวกลับ พยายามเพ่งจิตดูว่ามันอยู่ตรงไหน หากคุยกับผมในความคิดได้แสดงว่าอยู่ไม่ไกล

     (ข้างบนไงไอ้พี่บ้า บนสันเขื่อน) เพราะงี้สินะจึงได้กลิ่นน้ำ ดินและต้นไม้สินะ เดาว่าเราน่าจะถูกขังอยู่ในสันเขื่อนส่วนที่่ใช้ผลิตไฟฟ้า เดาจากกำแพงคนกรีตหนาชนิดที่แรงดันภายนอกแทบทำอะไรไม่ได้ 

     (มาถูกด้วย เก่งนะ)

     (โธ่ ที่พี่รับรู้ได้ผมก็พอจะรู้ด้วยเปล่าวะ ถึงมันจะลางๆ ก็เถอะ อยู่โคตรไกลเลย) เรนตอบ 

     เราเป็นแฝดจึงสื่อถึงกัน ความเชื่อมโยงนี้ช่างมีประโยชน์มหาศาล เมื่อใครคนใดคนหนึ่งหายไป อีกคนก็ตามหาได้ไม่ยาก เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากพ่อแม่แท้ ๆ ของเรา ท่านพ่อที่รับเราไปเลี้ยง และท่านอา 

     (เหอะซ่อนอยู่ในนี้ ใต้จมูกเราเลยนะ นึกว่าพวกรัฐบาลจะร่วมมือกับสภากลางเต็มที่เสียอีก ไหงถึงซ่อนไอ้พวกนี้ไว้ได้ เอาฐานซาโตนี่ไว้ใต้เขื่อน.... พลังเงินนี่น่ากลัวจริง ๆ) เรนบ่นยาว ดูจากที่ขังเราหน้าจะถูกแปลนให้เป็นฐานของพวกมันมาตั้งแต่เริ่มสร้าง (แล้วมีนเป็นไงบ้าง)

     (ก็ดูซึม ๆ ใจกูอยากพามันออกไปตั้งแต่วันแรกเลยด้วยซ้ำ) ผมบอกพลางมองคนที่อยู่ห้องข้างกับ ผมชะงักกับสิ่งที่เห็นเมื่อน้ำที่เคยอยู่ในแก้วกำลังไหลไปไหลมาในอากาศตามมือเรียวที่โบกนำทาง มีนหันมามองผมยิ้มกว้างพร้อมอวด 

     (พี่เร เฮ้ย ทำไมเงียบวะ)

     (เออ มีอะไร) ผมหันมาสนใจปัจจุบัน 

     (ผมบอกกับพวกอาไปแล้ว คงเตรียมตัวกันอยู่) ผมนิ่งคิดไปครู่ถึงวิธีที่จะพาเราหนีออกไปจากที่นี่ ลำพังผมคนเดียวคงไม่ยาก แต่สิ่งที่กังวลคือต้องพาอีกคนออกไปโดยที่เสี่ยงน้อยที่สุด (ต้องวางแผนกันหนักอยู่วะพี่ ตอนนี้ให้คนไปหาพิมพ์เขียวของที่นี่อยู่ ขืนปะทะกันแรง ๆ เขื่อนพังลงมานี่งานหยาบแน่)

     (ก็ดี เดี๋ยวคนที่อยู่ใต้เขื่อนจะเดือดร้อนกัน) นึกถึงมวลน้ำมหาศาลที่ไหลท่วมหมู่บ้านโดยรอบคงสูญเสียกันไม่น้อย

     (ก็ไม่ได้คิดดีขนาดนั้น) มันแย้ง (แค่กลัวพี่โดนคอนกรีตทับตาย ฮ่าๆๆๆ ไปแล้ว เดี๋ยวจะรีบมา) เสียงหัวเราะมันชั่วเหมือนหน้าตาเลยไอ้น้องเวร

     หน้าตาเหมือนกันไม่ใช่หรอ

     ผมคว้าเอาสิ่วมาตอกลงบนศิลาอย่างใจเย็น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับว่าตอนนี้อยู่ในสภาพวะจำยอมและกำลังทำตามที่มันต้องการ หันมองคนรักที่อยู่ห้องข้างกันเป็นระยะ มีนดูหายเบื่อไปบ้างกับการลองใช้พลังตัวเองบังคับน้ำไปมา เสียงเปิดประตูห้องผมดังขึ้นก่อนที่ร่างระหงจะเดินนวยนาดเข้ามากับลูกน้องสามสี่คนพร้อมอาวุธครบมือ มันจะกลัวอะไรมากมาย

     "ว้าว แค่เส้นร่างก็สวยแล้ว คิคิ" ผมละเกลียดเสียงหัวเราะของยัยนี่ซะจริง

     "มีอะไรอีกละ" ผมถามเสียงเย็นเมื่อฝ่ายหญิงเข้ามาโอบไหล่อย่างถือวิสาสะ

     "เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ฉันเสียดายจริง ๆ สายเลือดเรเวนของเธอ"  สายตาโลมเลียนั่นคงไม่เสียดายแค่สายเลือดหรอกมั้ง 

     หึ...ต่อให้สวยเหมือนนางฟ้าก็สู้ไอ้เกรียนผมไม่ได้หรอกนะ จมูกโด่งคลอเคลียที่ข้างแก้มอย่างย่ามใจ ผมเบี่ยงหน้าหลบเมื่อหญิงสาวทำท่าจะจูบ ทั้งที่ใจอยากจะผลักให้กระเด็นแต่กลัวคุณเธอจะพาลไปลงอีกคน มีนเบือนหน้าหนี ดูก็รู้ว่าไม่พอใจ มันล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมหันหลังให้ผมทันที

     "ถ้าสิ่งแลกเปลี่ยนมันดีพอนะ" ผมยกยิ้ม เอามือไล้แก้มเนียนอย่างหยอกเย้า

     "พูดง่ายแต่แรกก็ไม่ต้องรุนแรงกันแล้ว" หึ...ก็ทำเป็นคล้อยตามไปงั้น "เอาเถอะฉันไม่ไม่อยากเร่ง ให้เวลาไปคิดแล้วกันนะที่รัก อ้อ ถึงฉันจะไม่รีบ แต่ถ้าฉันรู้สึกว่าเธอกำลังตุกติก ชักช้าในการสร้างมัน ฉันคงไม่ใจดีเท่าไหร่นะ"

     "หึ..." ผมยิ้มเยาะอย่างท้าทาย..ขู่เก่งจริง

     "เอาเถอะ ใจจริงก็อยากอยู่นานกว่านี้ แต่สักขีพยานเยอะไปหน่อย" ริมฝีปากอิ่มเบ้ใส่ลูกน้องอย่างรังเกียจ "ไว้ตัดสินใจได้เราค่อยมาสนุกกันสองต่อสองแล้วกันนะ"

     คนของซาโตนี่ออกจากห้องไปก่อนที่เสื้อผ้าและอาหารจะถูกนำเข้ามาให้แล้วประตูเหล็กกล้าบานใหญ่ก็ถูกล๊อคไว้ดังเดิม ผมถอนหายใจหนักๆ ไม่รู้เวรุกาจะพิศวาสอะไรกับผมนักหนา ชอบมาแตะเนื้อต้องตัวซะจริง หากเป็นปกติ ถ้าสวยก็จัดมา สนองให้หมด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ผมมีคนที่รักแล้ว การที่มีใครมาระรานมากไป มันก็น่ารำคาญเกินทน ยิ่งท่าทางไม่พอใจของมีนผมยิ่งรู้สึกแย่แม้ลึก ๆ จะดีใจที่มันหวงก็เถอะ

     รอ...ผมรอไอ้เรนอย่างอดทน รู้สึกสงสารมีนเต็มทน คนที่ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป ต้องมาถูกซ้อมถูกขังอยู่แบบนี้คงกลายเป็นความทรงจำแย่ ๆ สำหรับเราสองพี่น้องตั้งแต่พ่อแม่ตายก็โดนล่ามาตลอดก่อนมาเจอตระกูลซานซิโอ ไอ้เรื่องโดนขังโดนจับมันเป็นเรื่องปกติ 

     หันมองมีนที่เดินมึนๆ ออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ ดูเสื้อผ้าที่พวกเวรนั่นมันเตรียมให้เมียผมสิ เสื้อยืดตัวโคร่งปิดหมิ่นเหม่พอถึงเขา ทรมานใจชิบหาย ออกไปจากที่นี่ได้นะพ่อจะฟัดให้จมเตียงเลย

     (ไอ้พี่เร หลับยางงง) เสียงทะเล้นเอ่ยทักขึ้นในความคิด

     (ยัง...ใครจะไปหลับลงวะ)

     (เออพี่ พวกผมพร้อมแล้วนะ พวกอาก็มาด้วย ตอนนี้ซุ่มกันอยู่รอบ ๆ ล้อมไว้หมดแล้ว) เรนเข้าเรื่อง (เราได้พิมพ์เขียวของที่นี่มาแล้วแล้ววางแผนกันแบบนี้ จากตรงที่พวกพี่โดนขังอยู่ มันอยู่ลึกเข้าไปในสันเขื่อน ออกมาซักไม่น่าเกินสี่สิบเมตรมันจะเป็นส่วนผลิตไฟจะมีไดนาโมตัวใหญ่ ๆ เรียงกันอยู่ ตรงนั้นจะมีท่อส่งน้ำที่ปล่อยน้ำจากในเขื่อนให้ไหลผ่าน)

     (แล้วยังไงต่อ)

     (คือประตูทางเข้าที่นี่ ส่วนที่เข้าสู่ห้องผลิตมันมีทางเข้าทางเดียวมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะปะทะ คืออารอทบอกว่าเข้าจะปะทะไปตรง ๆ ดึงความสนใจเดี๋ยวส่วนนี้อาหมอจะจัดการให้ ส่วนอาจะพยายามแทรกซึมเพื่อตัดระบบผลิต ปิดประตูน้ำด้านในหยุดกระแสน้ำที่ไหลเข้าอุโมงค์ แล้วทีนี้อุโมงค์ขาออกก็จะโล่ง ให้พี่พามีนออกมาจากทางนั้น)

     (แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่)

     (ผมให้เวลาพี่ทำใจสิบนาที พวกผมจะบวกแล้ว แล้วถ้าอารอทแทรกเข้าระบบได้เมื่อไหร่ผมจะบอกพี่ อาบอกมีเวลาสิบนาทีก่อนที่ประตูน้ำจะเปิดอีกรอบพี่ต้องออกมาให้ได้ คือกระแสน้ำมันแรงมากนะพี่ถ้าโดนพัดออกมาละก็ไม่รับประกันความปลอดภัยวะ ห้องที่โดนขังพี่พอจะพังออกมาได้ไหม)

     (ได้สิ  ประตูแค่นี้สบายมาก) ผมมองผ่านช่องเล็ก ๆ ตรงบานประตูเหล็กดูเหมือนจะมีคนเฝ้าอยู่ข้างนอกแค่สี่ห้าคน

     (โอเคงั้นรอเลย...เออพี่เร)

     (อะไรน้องรัก)

     (พ่อมีนรู้เรื่องแล้วนะ เขาโทรมาถามผมไง ไม่เห็นมีนถึงบ้านซักที) น้องผมบอกเสียงเครียด 

     (แล้วเขาว่าไง) ลืมนึกไปเลยว่าที่หมายตอนแรกของเราคือพามีนไปเยี่ยมบ้าน

     (พ่อมีนโกรธพี่พอตัวเลยวะ เห็นบอกว่า ถ้าพามีนหนีออกไปได้คงต้องคุยกันยาว) เรนบอก แหงสิพาลูกเขามาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายขนาดนี้ (ตอนนี้เลยให้รออยู่ที่บ้านอาไปก่อน เตรียมตัวเจอพ่อตาอาละวาดไว้เลย)

     (อืม) ผมหันไปมองคนที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้วก่อนจะเคาะกระจกปลุกมีนให้ลุกขึ้นมา ร่างบางงัวเงียเดินมาหาผมประมาณว่ามีอะไร

     "เราจะหนี" ผมพูดให้มีนอ่านปาก นัยน์ตาสีดำเบิกกว้างอย่างแปลกใจ ผมจึงต้องขยับปากพูดซ้ำไปอีกทีก่อนจะทำสัญญาณมือให้อีกคนถอยห่างจากกระจก ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามแต่โดยดี

     เพล้ง!!!! ผมออกแรงถีบกระจกหน้าตรงหน้าจนมันพังลงมาคาตีน คนของซาโตนี่ที่คอยเฝ้าโวยวายขึ้น

     ตูม!!! เสียงระเบิดที่ดังจากด้านนอกดึงความสนใจพวกมันจนต้องวิ่งออกไปดูตามเสียงก่อนที่เสียงปืนเสียงปะทะจะตามมาจนคอนกรีตรอบตัวสะเทือนเบา ๆ ผมก้าวข้ามกองเสดแก้วบนพื้นไปประชิดร่างบางก่อนจะดึงมันมากอดไว้แน่นอย่างโหยหา เพราะที่ผ่านมาทำได้เพียงมอง

     "เร..." มีนกอดตอบ

     "ฟังนะ เราต้องหนี จะพาวิ่งไปจนถึงเครื่องปั่นไฟ มันจะมีอุโมงค์ระบายน้ำ เราจะหนีออกทางนั้น" ผมจูบขมับคนรักที่พยักรับรัว ๆ "อยู่ข้างหลังกูไว้ ถ้ามีการปะทะให้หาที่ปลอดภัยหลบจนกว่าจะเคลียทางหมด เข้าใจนะ!!!"

     "อืม เข้าใจแล้ว"

     "งั้นไปกัน" ปัง!!! ประตูเหล็กกล้าถูกถีบกระเด็นออกจากกรอบ ก่อนที่ผมจะหันมาดึงมือบางให้วิ่งตามออกมา

     "คิดจะหนีเหรอ!!!!" ไอ้สารเลวที่เคยกระทืบมีนวิ่งดิ่งมาทางเราพร้อมพวก ผมดันคนรักให้ไปหลบหลังเสา 

     ผมหันไปรับหมัดที่พุงมาก่อนที่มันจะปะทะใบหน้าได้อย่างทันท่วงทีแล้วจับมันบิดจนแขนหมอนั่นหักดัง กร๊อบ เอี้ยวหลบอีกคนที่พุ่งมาก่อนจะคว้าเอามีดที่เหน็บอยู่ข้างเอวมันมาปาดคอเจ้าของมีด มนุษย์หมาป่าตัวโตกระโจนมาทางผมแต่พลาดเป้าเมื่อผมกางปีกบินขึ้นข้ามหัวมันมายืนซ้อนหลังก่อนที่จะปักมีดเงินที่ยืมคนแถวนี้มากลางแนวสันหลังเรียกเสียงคำรามลั่นอย่างเจ็บปวดไว้เป็นอย่างดี ในขนาดที่ผมกำลังชุลมุนกับพวกซาโตนี่ที่เข้ามาปะทะ มันตัวหนึ่งดันหันไปเห็นมีนแล้วพุ่งใส่

      "มีนระวัง" ผมร้องลั่น มีนสะดุ้งมองภัยตรงหน้าอย่างตระหนก แต่ก็หลบได้อย่างเฉียดฉิว ร่างโปร่งคว้าเหยือกแก้วที่วางอยู่ใกล้ ๆ ปาสวนไปก่อนที่มวลน้ำในเหยือกนั้นจะห่อหุ้มหัวอีกฝ่ายไว้ บางส่วนแปรเป็นเชือกน้ำรัดร่างนั้นจนไม่อาจขยับ อมนุษย์ตนนั้นดิ้นทุรนทุรายเพราะกำลังขาดอากาศหายใจแล้วล้มลงกับพื้นในที่สุด มีนยืนอึ้งกับภาพตรงหน้า ดูสับสนและตระหนกในสิ่งที่พึ่งทำลงไป

      "กูฆ่าคน..." มันบอกเสียงสั่น ผมจัดการหักคอตัวที่เหลือก่อนจะคว้าเอาคนที่กำลังช็อควิ่งต่อ หลบกระสุนหลบตีนกันจ้าละหวั่น มีโดนถาก ๆ บ้างแต่ไม่ใช่จุดสำคัญ เสียงกรีดร้องเสียงปะทะจากด้านนอกดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ แรงรั้งตรงมือที่จับทำให้ผมหันกลับไปมอง มีนวิ่งเท้าเปล่ามาตลอดทางทั้งเศษแก้วเศษหินทำเอาเท้าขาวแดงช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลที่แม้แต่ยืนเฉย ๆ ก็เจ็บ

      "ยังไหวไหม" มันพยักหน้ารับ ฝืนเท้าวิ่งตามแรงดึงผมให้ทัน ถ้าอุ้มก็สู้กับพวกบ้านี้ไม่สะดวก "ทนหน่อย....น่าใกล้ถึงแล้ว"

      (พี่เร อาบอกตัดระบบแล้ว)

      (เชี่ย!!...กูกำลังไป) ผมมองสะพานเหล็กที่พาดผ่านประตูน้ำตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างบางข้างตัวขึ้นแล้วทะยานไปยังปากอุโมงค์น้ำที่เป็นทางออกไปยังภายนอก ตัดสินใจหย่อนมีนลงบนพื้นอุโมงค์นั่นก่อนจะหันมารับมือกับศัตรูอีกสองคนที่พุ่งเข้ามา

      "จะไปไหน..." เสียงแหลมกรีดร้องก่อนที่เวรุกาจะกระโจนใส่ผมจนล้มกลิ้งไปกับพื้นตระแกรงของสะพาน "แผนเยอะนักนะ คิดว่าจะหนีไปได้หรอ" ใบหน้าที่เคยสวยแยกเขี้ยวใส่อย่างโกรธแค้น ลาดพาดกอนเด่นชัดกับหางเรียวยาวกลบความสวยที่ยัยนี่เคยมีไปสิ้นเหลือเพียงปีศาจร้ายที่ตอนนี้กำลังพยามฝังกรงเล็บบนอกผม แรงเยอะเป็นบ้า...สมแล้วที่เป็นหัวหน้าของพวกเวรนี้

      (ออกมายังวะพี่ เหลืออีกสี่นาทีเองนะโว้ย) เสียงไอ้เรนโวยวายในหัวอย่างร้อนใจ

      "มีนวิ่งออกไปก่อนเดี๋ยวตามไป" ผมตะโกนบอกคนข้างล่างพลางออกแรงถีบร่างสมิงด้านบนจะกระเด็น

      "ไม่...มึงจะให้กูทิ้งมึงเหรอ" มันใช่เวลาดื้อไหม 

      "ไปสิวะเร็ว!!" ผมเร่งพลางหลบกรงเล็บที่ฟาดลงมาแล้วพยายามสวน

      (เหลืออีกสองนาทีเองนะโว้ย)

      "มีน!! ไปเดี๋ยวนี้" ผมตวาด แต่มีนยังยืนนิ่งมองมาที่ผมอย่างแน่วแน่ 

      "สนใจกันบ้างไอ้เด็กเวร" กรงเล็บฝังเข้าไหล่ซ้ายผมอย่างจัง จึงเตะสวนสองมือคว้าคออีกฝ่ายมาล็อคแล้วกดลงพื้น เสียงอ๊อดเตือนภัยดังลั่นบอกให้รู้ว่าเวลาหมดแล้ว

      "มีน..." ผมร้องลั่นเมื่อประตูน้ำถูกเปิดออก มวลน้ำมหาศาลถูกปล่อยผ่านประตูไหลบ่ามายังร่างบางที่มองมัน มีนมองมาทางผมอย่างไม่รู้จะทำยังไง ยังไม่ทันที่ริมฝีปากเล็ก ๆ จะเอื้อนเอ่ยกระแสน้ำก็ไหลพัดร่างโปร่งนั่นหายไปกับตา 

      ใจผมกระตุกวูบกับภาพตรงหน้า วินาทีนั้นเหมือนหัวใจหยุดเต้นไป อยากจะโดดตามลงไปซะเดี๋ยวนี้หากไม่ติดว่าเวรุกายังรั้งผมไว้ บอกเลยว่าโกรธจัด เพราะนังบ้านี่มาขวางทุกอย่างจึงผิดแผน ผมคว้าคออีกฝ่ายได้แล้วออกแรงบิดจนศีรษะหันไปตามแรงโทสะที่มี ได้ยินเสียงกระดูกคอหักดังลั่น 

      "มันอยู่นั่น" พวกที่ตามมามองศพผู้เป็นนายอย่างอึ้งๆ แต่ผมไม่ได้สนใจรีบกระโดดลงไปในกระแสน้ำเชี่ยวกราดนั่นทำเอาคนของซาโตนี่ไม่กล้าโดดตาม 

     ก็รู้...ผมมันบ้า ถึงผมจะเป็นเรเวนแต่ก็ใช่ว่าจะกลั้นหายใจอยู่ในน้ำได้นาน ถึงจะแกร่งแต่ก็ขาดใจตายได้ ผมพยายามลืมตามองหาคนรักในขณะที่ร่างถูกน้ำพัดไป ตัวกระแทกกับอุโมงค์จนจุกไปหมด หากเป็นคนธรรมดาคงตายไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าอุโมงค์นี้มันยาวแค่ไหนแต่ผมกำลังจะหมดแรงเพราะขาดอากาศหายใจ 

     บ้าน่า...ผมจะมาตายทั้ง ๆ ที่มีนเป็นตายร้ายดียังไงก็ยังไม่รู้งั้นหรือ จิตใจในตอนนี้ดิ่งลึกถึงขีดสุดพยายามฝืนทุกสันชาติญาณเพื่อสัมผัสถึงอีกฝ่าย แค่คิดว่ามีนจะตายผมก็กลัวจนจับใจ 

      สัมผัสจากฝ่ามือนิ่มฉุดผมขึ้นจากความมืดมิดที่เกาะกินจิตใจ ทั้งร่างของผมจะถูกโอบกอดเอาไว้ กระแสน้ำที่ไหลรุนแรงอันตรายกลับช้าลงจนผมสามารถลืมตามองภาพตรงหน้าได้ 

     "จับได้แล้ว" มีนยิ้มให้ผมอย่างดีใจ ริมฝีปากนิ่มประทับจูบมอบอากาศให้ก่อนที่ผมจะจมน้ำตายไปจริง ๆ มันช่วยต่อชีวิตผมไว้ แค่เห็นว่ามีนปลอดภัยแสงสว่างก็สาดลงบนใจจนอุ่นวาบขึ้นอีกครั้ง เรือนหางสีมุกแหวกว่ายพาผมมายังทางออกในที่สุด คนของสภาที่รออยู่เมื่อเห็นเราก็ร้องเรียกคนที่เหลือ 

     "ทางนี้พี่..." เรนร้องเรียกอย่างดีใจก่อนที่มันจะกางปีกบินมารับเราทั้งคู่เข้าฝั่ง ทันทีที่เราทั้งคู่มาถึงฝั่งกระแสน้ำก็กลับมาเชี่ยวกราดอีกครั้งทำให้รู้ว่าทั้งหมดถูกควบคุมไว้ด้วยพลังของเงือก

     "ปลอดภัยแล้วสินะ" มีนที่กำลังคืนร่างเป็นคนเอ่ยอย่างอ่อนล้า ผมรับผ้ามาห่อร่างเปลือยเปล่าของคนรักไว้ ใบหน้าสวยขาวซีดจนน่ากลัวเหมือนจะเป็นการฝืนใช้พลังมากเกินไป ร่างบางจะล้มลงในอ้อมกอดผมอย่างสิ้นแรง ทำเอาทุกคนตรงนั้นร้องออกมาอย่างตกใจแม้แต่ผมเอง 

      "มีน..." ลมหายใจสม่ำเสมอกับดวงตาที่หลับพริ้มนั่นทำให้ผมเบาใจ คงแค่หมดสติไปสินะ 

      "มีนไม่เป็นไรนะพี่" เรนถามอย่างร้อนใจ

      "น่าจะใช้พลังมากไป" ผมตอบ ไอ้น้องรักยิ้มกว้างก่อนโผเข้ากอดผมและมีนไว้แน่น "นึกว่า จะไม่ได้พวกมึงกลับมาซะแล้ว"

      "พี่มึงเก่ง จะกลัวอะไร" เรนมันรักผมมากอันนี้ผมรู้ดีและสำหรับมัน มีนก็คือส่วนหนึ่งในครอบครัว ผมเข้าใจมันดีกว่ามันร้อนใจแค่ไหนกับเรื่องนี้

      "ปากดีตลอด...แต่ก็รักพี่นะ" ผมยิ้มรับ อ้อนเก่งแต่เด็กจนโตเลยมัน "กลับบ้านกันเถอะ"

      "อืม!!!"

:katai2-1:



ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 18
   


      ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงกว้างในห้องที่ไม่คุ้นเอาเสียเลย มันทั้งกว้างและหรูหราด้วยการตกแต่งแบบรอคโค่โค่ เครื่องเรือนทุกอย่างดูมีราคาสูงลิ่ว เน้นโทนน้ำตาลและแดงบ้างตัดด้วยทอง ผนังสีครามหม่น ขับให้ที่นี่สวยแต่น่ากลัวเมื่อทุกรายละเอียดบอกเล่าจากโคมไฟหัวเตียงที่ให้ความสว่างไม่มากนัก ไม่นานประตูห้องก็เปิดออกก่อนที่ร่างคุ้นเคยจะเข้ามา ปราศจากคำกล่าวทักทายแต่รอยยิ้มที่ระบายบนหน้าคมบอกให้รู้ว่าทุกเรื่องเลวร้ายได้ผ่านพ้นแล้ว

     "เร..." ผมเรียกมันเสียงแผ่ว ร่างสูงนั่งลงบนเตียงแล้วดึงผมไปกอด ริมฝีปากร้อนจูบตรงหน้าผากก่อนจะเลื่อนลงมาประทับจูบที่ปากแนบแน่นและดูดดื่ม ถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่มีให้

     เป็นคุณจะรู้สึกแบบไหนที่ต้องเฝ้ามองคนรักที่แม้อยู่ใกล้แต่แตะต้องไม่ได้ อยากพูดคุยแต่ก็ไม่ได้ยินเสียง บางครั้งที่คนอื่นเข้ามาสัมผัสคนของคุณ คุณก็ทำได้แค่มองไม่สามารถห้ามปรามทั้งที่ใจอยากจะกระชากใครคนนั้นออกทันใด ต้องนั่งลุ้นว่าจะเกิดอะไร เรมันจะโดนทำร้ายอีกเมื่อไหร่ เป็นอะไรที่โคตรทรมานใจ ตลอดเวลาที่โดนพวกซาโตนี่ขังไว้ ผมรู้สึกสิ้นหวัง ตัดพ้อในความไร้น้ำยาของตัวเอง 

     "มันผ่านไปแล้ว อย่าคิดมาก" เหมือนมันรู้ว่าผมคิดอะไรฝ่ามือใหญ่ลูบหัวผมอย่างปลอบโยน ผมซุกตัวเข้าหาอ้อมแขนอุ่นซึมซับมันอย่างตั้งใจ

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรจึงผละออกไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือน พอเห็นว่าเป็นใครมันจึงหลบออกไป

      "ป๋า!!!!!" พ่อเข้ามาในห้องก่อนจะโผลเขามาดึงผมไปกอดไว้แน่น

      "ขวัญเอ้ยขวัญมา ไม่เป็นไรนะลูก" พ่อกอดผมโยกไปโยกมาเป็นเด็กๆ

      "ครับ ผมไม่เป็นไรปลอดภัยครบสามสิบสองประการ" ผมบอกด้วยรอยยิ้ม เรหลบฉาดออกจากห้องไปอย่างรู้งาน "ป๋ามาที่นี่ได้ไง"

      "ก็ป๋าเห็นบอกจะกลับบ้านแต่ไม่ถึงซักทีเลยโทรหา โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด บังเอิญมีเบอร์เรนที่เคยขอไว้เลยโทรถาม ได้ความว่าถูกพวก ซา...ซาอะไรซักอย่างจับไป เลยรีบเข้ากรุงเทพฯมาเลย" ป๋าเล่าเสียงตื่น มือกร้านของที่ลูบปะป่ายไปตามตัวผม มันสั่นไปหมดราวกลับกลัวผมจะบุบสลายไปซะตรงนี้ "แต่หนูมีนปลอดภัยก็ดีแล้ว...ไม่คิดเลยว่าลูกป๋าจะต้องมาเสี่ยงอันตรายขนาดนี้"

      "เพราะมีเรอยู่ ผมถึงรอดไง" ใบหน้าของบุพการีนิ่งตึงทันใดที่ผมพูดถึงเร "ป๋า...."

      "เพราะมันนะสิ ถึงได้โดนจับ" ผมเม้มริมฝีปากแน่นไม่รู้จะเถียงยังไงเพราะมันจริง แต่ผมไม่อยากโทษเร

      "แต่เรมัน..."

ื      "ป๋าไม่โอเคกับเรื่องนี้วะ ถึงจะรับได้ที่ลูกมีแฟนเป็นผู้ชายแต่ถ้าลูกป๋าต้องไปใช้ชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับผู้ชายคนนั้นบอกเลย ป๋ารับไม่ได้" น้ำเสียงจริงจรังทำเอาผมกลัวกับสิ่งต่อมาที่ออกจากปากท่าน "เลิกกับเรได้ไหม"

      "ผมไม่..." รู้สึกช๊อคกับสิ่งที่ได้ยิน จะให้เลิกได้ยังไงในเมื่อต่างคนต่างก็รักกัน

      "ป๋าไม่อยากเสียลูกไปอีกคน แม่เราเป็นตายร้ายดียังไงจนป่านนี้ป๋ายังไม่รู้เลย มันทรมานนะ...ที่ต้องทนอยู่กับความคิดถึงคนที่รัก หากหนูมีนหายไปอีกคน ป๋าคง" เสียงของท่านสั่น พลางสบตาผมอย่างอ้อนวอน มือที่จับไหล่ทั้งสองข้างของผมบีบแน่นบอกให้รู้ว่าท่านทรมานใจแค่ไหน "ตายทั้งเป็นแน่ ๆ" ผมกลืนทุกคำพูดลงคอ หยุดคำโต้แย้งเอาไว้แต่ใช่ว่าจะหยุดน้ำตาได้

      "เข้าใจ...ฮึก...แล้วครับ" ผมตอบออกมาแค่นั้น 

     ทุกอย่างมันตื้อไปหมดไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี เมื่อเห็นน้ำตาผมนัยน์ตาของพ่อก็ดูอ่อนลง ท่านดึงผมไปกอด้ยิ่งทำให้ร้องไห้หนักกว่าเก่า ผมกอดพ่อแน่นซุกหน้ากับอกพ่อจนเสื้อท่านเปียกไปหมด พ่อลูบหัวผมอยู่นานจนได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาในท้ายที่สุด

      "รักมันมากเหรอ" ผมพยักหน้ารับไม่มีแม้เสียงจะตอบ แต่ผมก็รักพ่อด้วยไม่อยากให้ท่านลำบากใจ 

      "งั้นพรุ่งนี้ เรากลับบ้านกัน ป๋าจองตั๋วไว้แล้ว เดี๋ยวแปดโมงจะมารับ ระหว่างปิดเทอมนี้ไปอยู่กับป๋าก่อนนะ เรื่องเรเปิดเทอมค่อยว่ากันอีกที ป๋าขอเวลาคิดก่อน เราเองก็จะได้มีเวลาทบทวนสิ่งที่เกิดด้วย" ผมเงยหน้ามองพ่อ รู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง

     "ครับ"

     "พักซะนะ เอ็งเหนื่อยมาเยอะแล้ว" น้ำเสียงอบอุ่นกล่าวอย่างห่วงใย ฝ่ามือนั้นลูบหัวผมหากเป็นแต่ก่อนนี่คือกำลังใจ นี่คือคำปลอบโยนแต่ตอนนี้ มันเปรียบเสมือนหินหนัก ๆ ที่ทับร่างผมให้จมไปกับความรู้สึกผิด

     ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนทันทีที่ป๋าออกจากห้องไป คนหนึ่งก็พ่อคนหนึ่งก็แฟน คิดหัวแทบแตกว่าจะต้องทำยังไงให้ทุกอย่างลงตัวและคนสำคัญของผมไม่ต้องทุกข์ใจ ในโลกของอมนุษย์อันตรายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเป็นสายเลือดที่สำคัญอย่างเรเวนแล้วละก็ คงมีอมนุษย์ตนอื่นพยายามเข้ามาหาประโยชน์อีกแน่

     "ร้องทำไม ยังไม่ได้เลิกกันซักหน่อย" เสียงทุ้มกระซิบข้างหู

     "แต่มึงน่าจะได้ยินที่ป๋าบอกกู...ฮึก...เขาอยากให้กูเลิก" ผมบอกไปสะอื้นไป

      "ก็ไม่เลิกไง" มันแย้งจนต้องเงยหน้าจากหมอนขึ้นมาจ้องมันตรง ๆ ไอ้รอยยิ้มมุมปากกวนตีนสิ้นดี คนกำลังเครียดเนี่ย! เข้าใจสถานการณ์หน่อยสิวะ

      "กูไม่ได้ล้อมึงเล่นนะ" มันพยักหน้ารับรู้ ฮึ่ย!!! อยากจะบีบคอมันทิ้งจริงแต่กลัวเป็นหม้าย "ป๋าคุยกับมึงยัง" มันพยักหน้าแล้วยิ้ม เออ...ผัวกูเป็นบ้า "ตอบสิครับ...อมพะนำทำซากอะไร"

      "เขาให้เวลากูจัดการตัวเอง" นัยน์ตาสีน้ำเงินสบตาผมแน่วแน่ มันดูมีพลังและมั่นคง ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่ามันต้องทำได้แน่นอน

      "ป๋าให้มึงทำอะไร" มันไม่ตอบเพียงแค่ยักคิ้วกวนให้ หล่อตายอะ แต่ก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ทั้งที่เมื่อกี้ทุกข์ใจจะเป็นจะตาย แต่แค่เรมาอยู่ใกล้ความรู้สึกเหล่านั้นกลับหายไปอย่างง่ายดาย "แล้วนี่บ้านใคร บ้านมึงหรอ"

     "บ้านอาซอนเน่ เอ่อ...จริงๆ ก็บ้านพวกกูด้วยนั่นแหละ" เรตอบยาว คงหมายถึงอาหญิงที่้เรนมันแอบรักสินะ หันไปมองนาฬิกาหัวเตียง เพิ่งหนึ่งทุ่มนี่ผมหลับข้ามวันขนาดนั้นเลย จำได้ตอนหนีออกท้องฟ้าก็มืดแบบนี้ ชักหิวแล้วสิตั้งแต่ตอนนั้นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แถมตอนโดนขังยังแทบไม่กินอะไรขาดแคลนพลังงานสะสมมาหลายวัน แค่นี้ก็ชัดแล้วว่าผมเองไม่ใช่มนุษย์ถึงทนได้จนถึงตอนนี้ 

      "หิว...หาอะไรให้กินหน่อย" หันไปอ้อนคนใกล้ตัวหลังจากที่ไม่มีโอกาสทำมาซักพัก

      "สั่งแม่บ้านไว้แล้ว ซักพักคงยกมา" เรตอบด้วยรอยยิ้ม ทำเอาผมยิ้มตาม 

      ระหว่างรอเสบียงก็พูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้เรื่องคร่าว ๆ ว่าพวกผมหนีออกมาได้ยังไง แอบสะใจที่รู้ว่าเวรุกาตายไปแล้ว บังอาจมาแตะต้องคนของผมสมควรเหอะ งานนี้ตอนจบน้องมีนเป็นพระเอกวะ พาเราทั้งคู่ออกมาด้านนอกได้ แต่ก็ใช้พลังเกินตัวจนหมดสติหลังจากนั้นก็ถูกพากลับมาบ้านของซานซิโอที่กรุงเทพฯ ซึ่งป๋ารอผมอยู่นั่นเอง 

      พอข้าวมาก็นั่งกินกันไปเงียบ ๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ช่างพูดส่วนผมก็หิวจัด ที่ต่างคนต่างกินเพราะบ้านนี้ประชากรส่วนใหญ่เป็นแวมไพร์เขาไม่ค่อยกินข้าวกัน พอท้องเต็มก็พาตัวเองไปอาบน้ำไอ้หื่นมันงอแงจะอาบด้วย ถีบส่งกันอยู่นานจนมีระฆังมาช่วยชีวิตเมื่อน้องมันโผล่หัวมาเรียกไปพบท่านอาผมจึงรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด

      ระหว่างรอก็นอนดูข่าวไป สภากลางของพวกอมนุษย์คงมีอำนาจล้นหลามทั้งที่ปะทะกันกลางเขื่อนเสียงดังขนาดนั้นแต่กลับไม่มีข่าวหลุดลอดออกมาเลย  เพราะอย่างนี้สินะถึงรักษาสมดุลในโลกนี้ได้มายาวนาน 

      เรกลับเข้าห้องมาตอนเกือบสามทุ่มเลยโดนผมไล่ไปอาบน้ำก่อนที่มันจะออกมาออเซาะให้เช็ดผมให้ ผมนั่งหย่อนขาอยู่บนเตียงส่วนคนตัวโตนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรมกอดเอวพลางเอาหน้าซุกท้องผมไว้เป็นเด็ก 

      สองมือบรรจงเช็ดผมสีดำนั้นอย่างเบามือ ไอ้คนโดนเช็ดก็หลับตาพริ้มด้วยความเคลิ้ม กลายเป็นอีกาเชื่อง ๆ ไปซะงั้น ทอดมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่แต่งแต้มด้วยลายปีกสีดำ ลายกราฟิกที่เลื้อยไปตามแขนซ้าย ถึงมันจะดูเยอะแต่ก็เข้ากันดีกับผิวสีแทนของเร...เท่สัด

      "มึงมั่นใจเรื่องป๋าแค่ไหน" ผมถามขึ้น

      "ก็มากอยู่" 

      "แล้วถ้าเขายังยืนยันคำเดิมละ...ที่จะให้กูเลิกกับมึง" เสียงเริ่มเครียด 

      "งั้นก็ฉุดมาปล้ำทำให้ท้อง ถ้าท้องแล้ว จะได้ต่อรองง่ายขึ้น โอ๊ย!!!" เขกหัวมันซักทียังจะมีหน้ามาเล่น แขนเกร่งกอดเอวผมแน่นพร้อมซุกหน้ากับท้องผมอีกครั้งเหมือนกับเด็กหวงของเล่น ตอนรถคว่ำนี่สมองมันกระทบกระเทือนหรือเปล่าฮะ...ขยันอ้อนผิดปกติ

      "เป็นผู้ชายท้องได้ที่ไหน" ผมบ่น ถ้าท้องได้นี่คงป่องไปนานแล้วมันหื่นซะขนาดนั้น ยัง...ยังจะเงยหน้ามามอง ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายวิบวับดูเจ้าเล่ห์เต็มทน ชักร้อน ๆ หนาว ๆ แล้วสิ "อะไร...มีอะไร"

      "ท้องไม่ได้จริง ๆ เหรอ" มันถาม

      "อะ...เออ นะสิ" ตอบเสียงติดขัด "เฮ้ย เร!!!!!" ผมร้องลั่นเมื่อจู่ ๆ มันก็ขืนตัวขั้นจับผมกดลงบนเตียงแล้วคร่อมทับมาอย่างรวดเร็ว เสตปเดิมเป๊ะ!!!!

      "ไม่เชื่อขอพิสูจน์หน่อยแล้วกัน" ไม่มีโอกาสได้แย้งเพราะริมฝีปากถูกอีกคนช่วงชิงไปเสียแล้ว มือกร้านลอกคราบผมอย่างไว ก่อนจะจู่โจมจุดอ่อนอย่างรู้ดี ทำเอาระทวยกันเลยทีเดียว เพราะเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดทำให้เราไม่ได้สัมผัสกัน ไม่ได้นอนกอดกัน มันจึงเต็มไปด้วยความต้องการ 

      "เข้ามาสิ ลีลาชะมัด อ๊ะ" ผมเร่งหลังจากปล่อยเรเล่นสนุกกับร่างกายอยู่นาน 

      "ใจร้อนจัง" เสียงทุ้มพร่าไปด้วยความอยาก ว่าผมใจร้อนแต่มันนี่ใส่มาทีเเดียวจนหมดลำเลย ไม่เคยที่จะค่อย ๆ ใสเข้ามาเลยไอ้นี่

      "อ๊าา ไอ้บ้าเจ็บ" ผมโวยวายได้ไม่นานก็ต้องสงเสียงครางแทนซะงั้น อารมณ์ถูกฉุดขึ้นจุดสูงสุดครั้งแล้วครั้งเล่า บทรักหลากรสถูกมอบให้ผมทำเอาเหนื่อยแต่ก็อิ่มเอมใจไม่แพ้กัน 

      เรานอนกอดกันอยู่อย่างนั้นแต่ผมยังไม่อยากจะหลับตาลง อยากใช้เวลากับมันให้นาน ผมซุกหน้าเข้าหาอกกว้างจนตัวแทบจะเกยบนร่างแกร่ง มือสากลูบหลังผมเบา ๆ ในขณะที่มือผมเองก็ไล้ไปตามลายเส้นสักบนแผ่นอกเรอย่างไร้จุดหมาย มีแต่ความเงียบระหว่างเรา เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน มันสงบและอบอุ่น

      "กูคงลงแดงตาย" เสียงทุ้มเอ่ยออกมา นัยน์ตาสีน้ำเงินที่จ้องมาทำเอาหน้าร้อนผ่าวทั้งที่ก่อนหน้าทำอะไรกันไปถึงไหนแล้วก็ตาม

      "หมกมุ่นจริง!!!!" แขวะแก้เขิน "รีบพิสูจน์ให้ป๋ากูเห็นไว ๆ สิ ไม่งั้นก็อดไป"

      "งั้น...ขอมัดจำอีกซักรอบแล้วกัน" มือสากที่ลูบหลังอยู่ลากลงต่ำก่อนจะบีบก้นแรง ๆ ทำเอาผมสะดุ้ง เรพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนอีกครั้ง ไวเหลือเกินกับเรื่องแบบนี้

      "ไอ้หื่นเอ้ย!!!!" 

      ตอนเช้าแหกขี้ตาตื่นมาเก็บของที่เหลือไม่มากเพราะหายไปตั้งแต่ตอนเกิดเรื่อง ดีที่พวกบัตรประจำตัวต่าง ๆ เรมันใช้อำนาจมืดช่วยทำใหม่ให้ไม่ต้องไปตามเรื่องด้วยตัวเองไม่งั้นกว่าจะครบทุกอย่างคงหลายวัน ก็รู้ ๆ กันอยู่ระบบราชการบ้านเรา 

      เรอาสาขับรถไปส่งเราที่สนามบิน บรรยากาศในรถอึมครึมจนอึดอัด ป๋าก็เงียบผมก็เงียบส่วนไอ้เร รายนั้นปกติมันเป็นใบ้อยู่แล้ว ลากกระเปามาส่งผมถึงเกทแค่ต้องกลับไปอยู่ย้านยาวๆ ช่วงปิดเทอมไม่ได้ลาไปตะวันออกกลางแต่ก็อดใจหายไม่ได้ มือหนาจับมือผมไว้บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

      "จะล่ำลากันอีกนานไหม" พ่อบ่นเสียงดังเมื่อผมยังไม่เดินตามท่านไปผมหันไปมองพ่อทีหันไปมองเรที จูงมือผัววิ่งหนีนี่จะป็นลูกอกตัญญูเปล่าวะ

      "ไปเถอะ" เรบอกพร้อมยิ้มให้

      "เค...งั้นกู ไปนะ" ผมบอก ก้อนสะอื้นมันจุกอกจนพูดออกมาไม่เต็มเสียง พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้อง 

      "แล้วจะไปรับ" เรว่าพลางจับตัวผมหมุนแล้วดันหลังให้เดินตามป๋าไป อยู่คนเดียวมาตั้งนานกับไอ้เรก็เพิ่งจะเจอไม่ถึงปี แต่ทำไมแค่คิดว่าต้องห่างมันไปนานๆ กลับรู้สึกใจหาย ผมต้องเชื่อใจมันบอกตัวเองไว้อย่างนั้น คนอย่างเร อรุณ เรเวน ต้องทำให้ป๋าของน้องมีนยอมรับได้อยู่แล้ว

...........................................

      "ไม่อร่อยหรอลูก" เสียงย่าดึงผมให้หันมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้า มองข้าวเย็นที่ยังเหลืออยู่เต็มจาน

      "อร่อยสิครับ แต่มีนพึงกินขนมไปเมื่อบ่ายยังอิ่มอยู่เลย" โกหกคำโตพร้อมยิ้มแห้งๆ ให้คนสูงวัย 

      พ่อผมอยู่กับย่าส่วนปู่เสียไปตั้งแต่ผมอยู่มัธยมต้น ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นดี มื้ออาหารเป็นไปอย่างเงียบเชียบเพราะผมกับพ่อยังมึนตึงใส่กัน จะมีก็แต่ย่าที่เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผมไม่อยู่อย่างมีความสุขที่ได้เห็นหลานชายกลับบ้านมาร่วมโต๊ะ

      พ่อผมนะตามใจย่าทุกอย่าง เพราะตอนหนุ่มท่านเคยหนีออกจากบ้านเพราะความเห็นไม่ลงรอยกลับปู่ ทำเอาย่าทรุดป่วยไปหลายปีเพราะตรอมใจจนเกือบตาย พ่อจึงรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นและปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดีเสมอมา 

      ตอนที่พ่อหนีไปท่านไปอยู่ใต้ได้เจอแม่แล้วก็มีผม ก็เพิ่งรู้ว่าแม่ไม่ได้ตายจากเรา แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่า เพราะพ่อบอกว่าพอผมได้หนึ่งขวบแม่ก็กลับทะเลเพราะไม่อยากให้ผมโดนหางเลขจากพวกที่ล่าเผ่าพันธุ์เงือกอยู่ในขณะนั้น เพราะเหตุนี้พ่อจึงพยายามเลี้ยงผมแบบมนุษย์ทั่วไป แต่ก็นะ ไม่มีใครหนีความจริงพ้น เหมือนผมที่สุดท้ายก็รู้ว่าตัวเองเป็นเงือกอยู่ดี

      "พรุ่งนี้ย่าว่าจะไปเยี่ยม น้องพิม เห็นว่าเพิ่มคลอด ได้เหลนกำลังน่ารักเลย" ย่าเอ่ยถึงหลานของน้องสาวที่เป็นญาติห่าง ๆ กับผม พร้อมเอารูปเด็กน้อยจ้ำม่ำในไอโฟนมาอวด ทันสมัยซะด้วยคุณย่าผม 

      "น่ารักเหมือนแม่มันเลย" ป๋าบอกยิ้ม ๆ

      "ใช่ไหมละ บักหล่าเอ้ย เมื่อไหร่จะมีหลานให้ย่าอุ้มมั่งละ หน้าตาก็ดี มีเมียเป็นตัวเป็นตนยัง" ผมฝืนยิ้มตอบย่า...มีแต่ผัวอะประเด็น 

      ต่อให้หาเมียตอนนี้ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นสามีที่ดีให้ใครได้เพราะผมคงรักคนอื่นนอกจากไอ้เรเวนหื่นนั่นไม่ได้หรอก ว่าแล้วก็คิดถึงมัน นี่เป็นอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้ยินเสียง ป๋าเล่นยึดโทรศัพท์ผมไว้ติดต่อใครก็ไม่ได้ ครั้นจะเอาโทรศัพท์คนอื่นโทรก็ถูกขัดถูกเบรกเสียทุกที

      "แล้วจะไปกี่โมงครับ" ผมถาม

      "หนูมีนตื่นเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้นละ" พ่อบอก

      "ตื่นเช้าก็ดีนะลูก ย่าอยากอยู่กับเหลนน้อยนาน ๆ" ย่ายิ้มร่า ดูท่านจะอยากได้หลานจริง นั่นยิ่งทำให้ผมหนักใจเข้าไปอีก 

      มื้ออาหารจบลง ต่างคนต่างแยกย้ายผมขึ้นห้องมาก็ขังตัวเองอยู่แต่ในนั้น ตลอดหลายวันมานี้การตื่นเช้ามาไม่เจอเรอย่างทุกวัน ทำให้รู้สึกโหวง ๆ เหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง จะเปิดคอมเล่นเกมส์ดูเมะอย่างที่ชอบมันก็น่าเบื่อไม่มีสมาธิเล่น จะนั่งวาดรูปแก้เซ็งก็ดันไม่มีอารมณ์ซะงั้น ผมว่าผมเป็นเอามาก ไม่รู้เรมันเป็นแบบผมหรือเปล่า คว้าผ้าขนหนูไปอาบน้ำ ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานแสนนานปล่อยให้สายน้ำเย็นไหลผ่านเผื่อใจจะสงบ กว่าจะข่มตานอนได้ก็เกือบเช้า

      ผมเดินมึนออกจากห้องไปขึ้นรถในวันรุ่งขึ้น ก่อนที่เราจะพากันไปบ้านพี่พิม ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ทำอะไรกินนั่งคุยกันเล่นกันตามประสา ทุกคนดูมีความสุขกับเจ้าตัวเล็กจนอดยิ้มตามไม่ได้ ผมเดินเลี่ยงมานั่งเล่นตรงศาลาริมน้ำ แรงตบเบาๆ ที่ไหล่ดึงผมให้หันมอง ก่อนที่ป๋าจะนั่งลงข้างกัน

      "ยังไม่เลิกหวังอีกหรอวะ" ป๋าบ่น ผมยิ้มตอบพลางทอดมองผืนน้ำตรงหน้า "จะทำตัวซังกะตายแบบนี้ไปอีกนานไหม"

      "ก็คงเหมือนตอนที่แม่ทิ้งป๋าไปละมั้ง" ผมย้อนจนโดนเพ่นกบาลไปที

      "มีน คิดดูดี ๆ นะเว้ย ผู้ชายอย่างเรานะ อยากจะแต่งงาน มีครอบครัว มีลูกน่ารัก ๆ ดูลูกพี่พิมพ์สิ มึงไม่อยากมีเหรอ" ผมคิดตาม ครอบครัว...ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับไอ้เรมา ผมว่าผมพอแล้ว "เชื่อสิว่าเรรก็อาจจะคิดแบบนั้น ตอนนี้มันก็แค่คบมึงขำ ๆ"

      "ทำไมป๋าถึงมั่นใจนัก" ไซโคกันเข้าไป

      "หน้าตามันก็ดี เงินทองมันก็มี คงจะมีผู้หญิงสวย ๆ เข้าหามันไม่ขาด สุดท้ายมันก็ต้องเลือกคนที่เป็นแม่ของลูกได้ ซึ่งไม่ใช่หนูมีน เราเป็นผู้ชาย เอาง่าย ๆ ตั้งแต่ป๋ายึดโทรศัพท์มามันยังไม่โทรหาเลยซักครั้ง"  พ่อยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม จึงเปิดเช็คข้อมูลการใช้ ว่างเปล่า...ไม่มีสายเข้าเลยแม้แต่สายเดียวข้อความก็ไม่มี

      "ป๋าตกลงอะไรกับเร" ผมถาม คิดเข้าข้างตัวเอ็งว่ามันอาจจะกำลังทำภารกิจพิชิตใจพ่อตาอยู่

      "ถ้ามันอยากได้หนูมีนคืน ก็ควรทำให้ป๋ามั่นใจว่าอยู่กับมันแล้วจะปลอดภัย ปะ เข้าไปข้างในเหอะไปผูกแขนหลานกัน"  พ่อบอกก่อนเดินนำไป

       ผมขอพ่อมานอนอยู่บ้านริมโขงคนเดียว ปลีกวิเวกอย่างต้องการความสงบให้จิตใจที่ฟุ้งซ่านขึ้นทุกวัน เพราะบ้านที่พ่อกับย่าพักนั้นอยู่ในตัวเมือง ติดกับโรงกลึงและร้านของอะไหล่ของพ่อเอง ทำให้มีคนไปมาหาสู่ตลอดเวลา บางวันพ่อกับย่าก็จะแวะมาทานข้าวด้วย แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทุกวันเสาร์และวันพุธ

      "เฮ้อ!!!" ผมถอนหายใจพลางมองโทรศัพท์ที่ยังคงเงียบสนิท พวกเจ๊ดาโทรมาเล่นบ้างแต่กับคนที่เฝ้ารอผมยังไม่ได้ยินเสียงมันเลยซักครั้ง 

      ที่จริงการมีผมอยู่ข้างกายส่งผลให้เรทำอะไรลำบากในบางครั้งกเพราะต้องคอยพะวงว่าผมจะเดือดร้อนไปด้วย อันตรายการเสี่ยงเป็นเสียงตายมันเลี่ยงไม่ได้ถ้าคุณทำงานนักล่า บวกลบคูณหารยังไงผมมันก็ภาระชัด ๆ บางทีเรอาจยอมแพ้ไปแล้วก็ได้

      ...สุดท้ายมันก็ต้องเลือกคนที่เป็นแม่ของลูกได้...คำพูดของป๋าดังก้องในหัว ใช่...ผมเป็นให้มันไม่ได้ ถึงมันจะเป็นแค่อาการมโนจนเกินควร แต่ความจริงจุดนี้ก็สร้างความเจ็บปวดในใจ

      ผมใช้ชีวิตแบบซังกะตาย นึกสมเพชตัวเองที่เป็นแบบนี้ ตื่นเช้ามา ใช้เวลานั่งเหม่อเป็นวัน ๆ ลอยไปลอยมา บางทีก็อยู่ในห้องบางทีก็อยู่ที่ท่าน้ำ บางทีก็ลงไปแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ บางทีก็ร้องไห้จนหลับไป ข้าวปลาอาหารกินบ้างไม่กินบ้างแล้วแต่อยากซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยอยาก 

      เคยมีคนกล่าวว่าการเอาชีวิตไปผูกไว้กับคนอื่นรังแต่จะทำให้เจ็บปวด ...ซึ่งมันก็จริง แต่มันผูกไปแล้วจะให้ทำยังไง...เหมือนกำลังจะเป็นบ้าไปจริง ๆ 

      "วันนี้ป๋าจะไปบ้านลุงเบิ้ม ไปด้วยกันไหม" ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย คงไม่วายลากผมไปเจอลูกสาวของเพื่อนรักแน่ หลังจากวันนั้นพ่อก็วางแผนจับคู่ให้แม้จะไม่ได้จริงจังแต่ก็พยายามสร้างสถานการณ์ให้บ่อยครั้ง

     "ไม่อะป๋า อยู่นี่แหละมีนอยากเล่นน้ำ" ผมปฏิเสธพลางเดินเลี่ยงมาตรงท่าน้ำก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้แล้วถอดเสื้อตัวเองออก

     "อย่ามาทำเป็นอ้างเลย" ป่าบ่นพลางเดินตาม ผมยักไหล่ก่อนจะถอดกางเกงแล้วกระโดดหนีลงน้ำทันที 

     "ถ้าตามจับผมทันละก็ ไปด้วยก็ได้" ผมกระเซ้าพลางยกหางสีมุกที่พึ่งเปลี่ยนให้บุพการีดู พ่อทำหน้าบึ้งก่อนจะทิ้งตัวนั่งตรงท่าน้ำแบบเซ็ง ๆ  สายตาคู่นั้นจะทอดมองผมที่ดำผุดดำว่ายอยู่ตรงหน้า

      "หางแกเหมือนของแม่แกเลย" พ่อบ่นพึมพำ ผมจึงว่ายไปหาแล้วเท้าคางลงบนตักของท่าน

      "แล้วหน้าตาละ"

      "ก็คล้ายนะ ยกเว้นตาเหมือนของป๋า" 

      "งั้นแม่ต้องดูดีมาก ๆ แน่ มีนถึงหล่อขนาดนี้" ชมตัวเองครับ

      "อืม...แม่แกสวย" มองใบหน้าที่เริ่มแก่ตามวัย บัดนี้แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเมื่อท่านกำลังนึกถึงวันวาน "ดูนี่สิ" มือกร้านเปิดกระเป๋าตังตนก่อนจะรูดซิบด้านในสุดแล้วหยิบรูปใบหนึ่งออกมา หญิงสาวผิวขาวกระจ่างแย้มยิ้มอ้อมแขนบอบบางอุ้มเด็กตัวน้อย ข้างกันเป็นชายหนุ่มหน้าคุ้นตาหากแต่ปราศจากริ้วรอยกำลังโอบทั้งเธอและลูกพร้อมยิ้มอย่างภูมิใจ

      "นี่แม่หรอ" ผมถามอย่างตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรูปของแม่ ท่านสวยมาก แววตาอ่อนโยนและรอยยิ้มนั่นทำให้ผู้หญิงในรูปนั้นงดงามราวกับเทพธิดา พาลให้รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสพบกัน

      "แม่แกชื่อ กัญ-กัญวรา" ท่านไม่เคยบอกเรื่องแม่มาก่อนเพราะพยายามปิดเรื่องของเงือกกับผมมาแสนนาน หันไปสบตาผู้เป็นพ่อยามที่มองรูปนั้นท่านช่างดูเหงาเหลือเกิน

      "ป๋าไม่คิดถึงแม่บ้างหรอ" ผมถามหลังจากเงียบไปนาน

      "คิดถึงสิ คิดถึงทุกวัน" 

      "แล้วป๋าทำยังไงกับความคิดถึงของตัวเองครับ" ผมถามอยากรู้ว่าป๋าทำยังไง บางทีผมอาจเอามาใช้กำตัวเองที่ตอนนี้กำลังจะบ้าตายเพราะใครบางคน

      "ก็บอกตัวเองเสมอว่า ตอนนี้กัญกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกนี้อย่างปลอดภัย " ป๋าตอบพลางยิ้มอ่อนให้ผม พอดีกับโทรศัพท์ที่ดังขัดจังหวะ ลุงเบิ้มคงโทรตามแล้วละมั้ง "หนูมีนไม่ไปจริงดิ"

     "ไม่ครับ" คนเป็นพ่อพยักหน้าเข้าใจก่อนจะขอตัวออกไปตามนัด ปล่อยให้ผมลอยตัวนิ่งๆ บนผิวน้ำอยู่ที่เดิม 

     "จะทำได้หรอ..." พึมพำกับตัวเอง ถ้าจัดการกับความคิดถึงไม่ได้ก็คงต้องรอ ได้แค่รอใช่ไหม...แล้วเมื่อไหร่...แล้วถ้ามันไม่มาผมจะทำยังไง แล้วถ้ามันทิ้งผมหละ แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่คิดเยอะขนาดนี้ เพราะรักมากจึงกลัว

     แม้หนังตาจะหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้นจากความเหนื่อยล้าทั้งกายใจตลอดวันที่ผ่านมา น้องมีนผู้นี้คงเป็นเอามาก เพราะในห้วงความฝัน เสียงทุ้มเบายังก้องในหู หลากหลายคำพูดเกินจับใจความได้ เสียงของเรคอยหลอกหลอนในความคิดพอ ๆ กับไออุ่นและแรงกอดที่มันดูสมจริงเสียจนปล่อยใจให้จมไปกับห้วงนิทราอย่างสงบ...เลิกทำให้กูคิดถึงเสียที


 

 

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ทำหน้าที่แบบนี้ไม่ควรมีความรักจริง ๆ น่ะล่ะ
แต่ก็เชียร์ให้ทั้งคู่ผ่านไปได้นะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
​บทที่ 19


     "มีน ตื่นลูก" เสียงปลุกของย่าดังขึ้นใกล้หู

     "อือ ขอนอนอีกแป๊ปนึง" ผมงอแงพลางซุกเข้าไปหนุนตักอุ่นมือหยาบกร้านตามกาลเวลาลูบเบา ๆ ที่แก้มผม

     "ซูบลงไปเยอะเลยนะเรา" อย่าบอกเสียงเครียด จนผมต้องลืมตามองใบหน้ากลัดกลุ้มนั่น "มีเรื่องอะไรหรือเปล่า...เรากับพ่อนะ"

     "ไม่มีหรอกครับ" โกหกคำโตก่อนหลับตาลงอีกครั้ง "แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย"

      "เรื่องอะไร ไหนบอกย่ามาซิ" ผมอึกอัก ไม่อยากแถไปมากกว่านี้จึงเลือกที่จะเงียบจนได้ยินเสียงถอนหายใจของย่า "มีนคนเรานะไม่ว่าปัญหาอะไร สิ่งที่ทำให้ให้ผ่านไปได้ คือกายและใจที่แข็งแรง ดูบักหล่าสิ ตอนนี้จะเอาแรงที่ไหน หืม" ผมพยักหน้าให้กับคำกล่าวนั่น

     "งั้น มีนอาบน้ำแปป" ผมตัดสินใจลุกจากที่นอนไปจัดการธุระส่วนตัว ย่าจึงเดินไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขก ไม่นานพ่อก็มารับเราไปทำบุญที่วัด 

     นานทีมาวัดคงไม่ร้อนเท่าไหร่มั้ง ซะที่ไหนละ อากาศเมืองไทยนะครับท่านผิวบอบบางของน้องมีนแดงหมดแล้วเนี่ย ได้ออกมาข้างนอกก็ช่วยได้มาก บรรเทาอาการเวิ่นเว้อไปได้เยอะ อย่างน้อยมีอะไรทำก็หยุดคิดถึงเรได้ชั่วคราว ผมรับเอาธูปที่จุดแล้วมาจากพ่อขณะที่นั่งพับเพียบอยู่หน้าองค์พระประทาน 

     "พระองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์ ขออะไรก็ได้" ย่าบอกยิ้ม ๆ จริงหรอ งั้นคนแถวนี้ก็สบายเลยสิอยากได้อะไรให้มาขอ มันฟังดูงมงายแต่ก็อยากจะลองขอ ผมมองไปที่ใบหน้าขององค์พระอย่างตั้งใจ

     ...ผมอยากเจอเร อยากเห็นหน้า หรือไม่ก็ได้ยินเสียงก็ยังดี...ที่ขอไปแบบนั้นเพราะผมอยากรู้ว่าตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง คิดถึงผมหรือเปล่า ครั้นจะโทรไปก่อนก็แบบ...เหมือนไม่เล่นตามกติกาที่ป๋าตกลงกับเรไว้

     พ่อมาส่งผมไว้บ้านริมโขงก่อนจะพาย่ากลับบ้านใหญ่ไป สี่โมงเย็นแดดร่มลมตกผมมานั่งเล่นที่ริมน้ำเหมือนทุกวัน แล้วเสียงไอโฟนที่เงียบไปนานก็ดังขึ้นในรอบหลายวันพร้อมเบอร์ที่ทำให้ใจผมเต้นรัว...เร

     "ฮัลโล..." ผมรับเสียงตื่น ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปลายสาย "เร...มึงหรอ"

     "อืม..."

     "มึงจริง ๆ ใช่ไหม" เสียงผมเริ่มสั่น น้ำตาคลอ"ฮึก...เร"

     "อย่าร้องไห้สิ ทำไมเมียขี้แยจังครับ" น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยปลอบในแบบของมัน

     "ก็กู...ฮึกกูคิดถึงมีง ทำไมไม่โทรหากูเลย มึงไปไหนมา ฮึก" ผมทั้งถามสะอื้น

     "ก่อนหน้านี้พ่อยึดโทรศัพท์ไปนิ" มันตอบ ว่าแต่ทำไมรู้ "แล้วก็ตกลงกับพ่อไว้ว่าจะไม่ยุ่งกับมีนจนกว่าท่านจะโอเค" ผมพยักหน้าเข้าใจ

     "แล้วทำไมถึงโทรมาละ" ผมถามอย่างแปลกใจแต่ก็ดีใจนะที่ได้ยินเสียงมันแบบนี้

     "คิดถึง คิดถึงจนทนไม่ไหว จริง ๆ แล้ว...." มันเงียบไปพักใหญ่ ส่วนผมก็รอฟัง "นี่ผิดคำพูดของพ่อมีนซะแล้วละ เมื่อคืนแอบไปหาด้วยนะ ถ้าไม่ได้กอดนานกว่านี้คงลงแดงตายแน่ ๆ" มันบอกเสียงแผ่วเหมือนเด็กน้อยที่สารภาพผิด แต่คำสารภาพของมันก็ทำเอาผมเห่อร้อนไปทั้งหน้า เมื่อคืนไม่ใช่ฝัน เสียงของเรที่ผมได้ยิน อ้อมกอดอุ่น ลมหายใจทุกอย่างคือของจริง 

     "กูไม่ได้ฝันสินะ" ผมยกมือปาดน้ำตา ยิ้มแก้มแทบแตกถึงแม้จะยังสะอื้นไม่หยุด ทุเรศตัวเองจัง

     "เลิกร้องไห้ได้แล้ว ขอบตาซ้ำมาก กินข้าวบ้างนะ มีนผอมมากรู้ตัวไหม" เรบอกเสียงเครียด "ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ห่วงขนาดนั้น อีกไม่นานหรอกหลังจบคดีของสภาคดีนี้กูจะไปรับมึง โอเคไหมครับ...ที่รัก" ผมละไม่ชินกับการพูดจาเพราะๆ ของมันเลยฟังที่ไรมันเอิ่ม...ขนลุกทุกที แต่การที่เราคุยโทรศัพท์กันมันก็ทำให้เรพูดมากขึ้น ไม่ใช่ผมที่จ้ออยู่คนเดียว ไว้ครั้งหน้าถ้ามันเอาแต่ปิดปากเงียบโทรคุยแม่งเลย ต่อให้นั่งอยู่ข้างกันก็ตาม

     "ฮ่า ๆ ...." ผมสะดุ้งเมื่อนึกได้ว่าเผลอหัวเราะออกมากตามใจคิด

     "มีอะไรน่าขำ"

     "ฮะ...เอ่อ ปะ เปล่า" ทอดมองผืนน้ำเบื้องหน้าอย่างเป็นสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นตลอดหลายวันมานี้ เราต่างคนต่างเงียบแค่ฟังเสียงลมหายใจของกันและกัน อยากให้มันมานั่งข้างๆ จัง  เดาว่าคงชอบ

     "มีน...ต้องวางแล้ว" เรบอก "ต้องออกไปสภากลาง"

     "อะ...อืม" ผมรับแม้ในหัวจะคิดตรงข้าม

     "มีน...รักนะครับ" O/////O แพ้... ผมแพ้เวลาไอ้บ้านี่พูดเพราะแล้วด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแบบนี้ด้วย เขินจนแทบบ้า "รักผมไหม"

     "ระ...รักสิ" โอ้ยลิ้นพันกันไปหมดแล้วเนี่ย แล้วจะขย้ำขากางเกงเพื่อ!!?

     "น่ารัก!!!" มันหัวเราะเสียงใส "รอผมนะที่รัก จะเอาผู้ใหญ่ไปขอ" เรตบท้ายก่อนจะวางหูไป ปล่อยให้ผมนั่งเขินกับประโยคเสี่ยว ๆ ของมัน ผมวางโทรศัพท์ลงอย่างอารมณ์ดี มองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกสาดแสงสีส้มไปทั่วฟ้าและสะท้อนลงผืนน้ำ...ว่ายน้ำเล่นดีกว่า ผมถอดเสื้อผ้าตัวเองก่อนจะหย่อนตัวลงน้ำที่ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาทันที

..............................................................................

     อีกฟากของฝั่งน้ำคนกลุ่มหนึ่งกำลังซุ่มมองร่างบอบบางที่แหวกว่ายไปมาอย่างชื่นชม  ผิวขาวผุดผ่องกับเกร็ดสีมุกเสริมให้สิ่งมีชีวิตตรงหน้างดงามดุจอัญมณีแห่งผืนน้ำ ตอนแรกที่เขาได้รับคำสั่งจากนายมา คิดเสมอว่าผู้เป็นนายเพ้อเจ้อ ชาวเงือกนะเหมือนจะเป็นเพียงตำนานเพราะเมื่อเทียบกับอมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นแทบจะไม่มีใครเคยเห็นเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นะในเมื่อหลักฐานปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาคงไม่ขอโต้แย้งอะไร

     "เข้าใจเลยว่าทำไมนายอยากได้" หนึ่งในนั้นพูดขึ้นเขาเคยเห็นแต่เงือกที่มีหางสีครามและสีเทา

  อ   "แต่สภามีคำสั่งพิเศษคุ้มครองชาวเงือกนิ หากทำร้ายหรือฆ่าจะต้องรับโทษหนักกว่าคดีทั่วไป" อีกคนบอกท่าทางลังเลในสิ่งที่กำลังจะทำ

     "ก็อย่าโง่ถูกจับสิ นึกถึงค่าตอบแทนสิวะ" อีกคนบอกเพื่อน "เอาไง"

     "นายสั่งให้จับเป็น" เพื่อนที่ซุ่มอยู่ข้าง ๆ กระซิบบอก "นิ่มนวลที่สุดอย่าให้มีรอยขีดข่วน" เสียงแหบห้าวเน้นย้ำ อีกคนที่รับหน้าที่เป็นพรานในวันนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับก่อนจะบรรจุลูกดอกยาสลบลงบนปืนยาวแล้วเล็งไปยังไปหมาย

     ปัง!!! เสียงปืนยาวดังสนั่นทำเอานกแถวนั้นแตกฮือพร้อมกับลูกดอกที่แหวกอากาศพุ่งสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำ

     "โอ๊ย!!!!" เสียงใสร้องลั่น เมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่กลางหลังก่อนที่สติจะพร่าเลือนจนดับวูบในที่สุด ร่างบางจมดิ่งลงใต้น้ำ เหล่านายพรานจึงออกจากที่ซ่อนว่ายไปจับเป้าหมายดึงขึ้นเรือที่จอดซ่อนไว้แถวนั้นแล้วขับออกไปทันที แว่วเสียงร้องโวยวายของแม่บ้านที่บังเอิญมาเห็นเหตุการณ์ ทำให้ต้องรีบเผ่นก่อนที่อะไรจะยุ่งยากไปมากกว่านี้

...........................................................................

     ผมตื่นขึ้นมาในห้องมืดชวนให้นึกถึงตอนที่โดนพวกซาโตนี่จับไปแล้วใจมันสั่นกลัว เพียงแต่สถานที่ในตอนนี้อยู่ในสภาพดีกว่าเยอะเพราะผมโดนมัดมือมัดเท้านอนตะแคงอยู่บนเตียงกว้างที่นุ่มหอมแบบไม่มีเสื้อผ้าติดตัวซักชิ้น ที่นี่ไม่ได้สกปรกและอับชื้นเหมือนใต้เขื่อนนั่น แต่สถานการณ์โดยภาพรวมก็ดูเลวร้ายกว่าเพราะผมถูกจับมาลำพังไม่มีเรคอยช่วยเหมือนทุกที 

     พอสายตาปรับเข้ากับแสงสลัวก็เห็นหน้าต่างที่กั้นด้วยลูกกรงเหล็กตรงข้ามกันเป็นประตูห้องและปลายเตียงเป็นห้องน้ำที่แง้มประตูไว้  ได้ยินเสียงไขกุญแจจากด้านนอกก่อนที่ประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นชายฉกรรจ์สองคนที่คนหนึ่งถือถาดอาหารเข้ามา ผิวคล้ำกร้านแดดกับแผลเป็นบนหน้าดูโหงวเฮงยังไงก็ไม่ใช่คนดี สายตาโลมเลียที่จ้องมาน่าทำเอาผมเกร็งไปทั้งตัว ถดตัวนี้จนแทบติดหัวเตียง ชันเข่าขึ้นปิดร่างกายจากสายตาน่าขยะแขยงของพวกมัน

    "ต้องการอะไร!!!!" ผมถามเสียงดัง

    "ถ้าพี่บอกน้องจะทำให้หรอจ้ะ" มันคนหนึ่งตอบพร้อมแสยะยิ้มแล้วคลานเข่าเข้ามาหา ยิ่งทำให้ผมถอยกรูดจนแทบสิงกำแพง

     "เฮ้ย...แล้วไม่ต้องเอาข้าวให้มันกินหรอวะ" เพื่อนมันถาม

    "วางไว้ก่อนมึง หึ...กินของพี่ก็ได้นะน้อง อิ่มเหมือนกัน" สถานการณ์ตอนนี้มันบ้าสิ้นดี

     "จะทำเหี้ยอะไรของมึง!!!!" ผมโวยวายเมื่อมันเข้ามาใกล้พลางออกแรงถีบจนมันหงาย สายตาคู่นั้นวาวโรจน์อย่างโกรธจัด ความรู้สึกอึดอัดที่แผ่รอบตัวบอกให้รู้ว่ามันก็ไม่ใช่มนุษย์เช่นกัน "โอ๊ย!!!" มือแกร่งกระชากข้อเท้าผมแรงจนนอนแผ่หลาลงบนเตียง "ปล่อยกูกู!!!"

    "ฤทธิ์เยอะนักนะมึง" ผลัก!!! หมัดหนักๆ ซัดเข้ามาเต็มท้องจุกจนตัวงอ แม่งแรงเยอะชิบหาย อยากจะด่าแต่พูดไม่ออก 

     "คุยกันดี ๆ ไม่ชอบ" เพื่อนมันอีกตัวคลานขึ้นมาบนเตียงจับผมนอนหงายก่อนจะกดมือที่ถูกมัดลงกับฟูกล๊อคเอาไว้แน่น

     "อย่า...ฮึก" ผมดิ้นรนด้วยความกลัว "ไม่...เชี่ย" เสียงผมสั่นเมื่อมันอีกคนคร่อมทับลงมาหมดสิ้นทางหนี มือสากลูบไล้ไปทั่วตัว สัมผัสหยาบโลนทำเอาน้ำตาผมไหลออกมากอย่างอดสู "พอ...ไอ้เชี่ย หยุด...อื้อ"

     ริมฝีกปากถูกประกบปิดจากไอ้คนที่กดมือผมไว้ พยายามที่จะเม้มปากแน่นแต่ก็โดนมันบีบคางจนเจ็บ บังคับไห้อ้าปากรับลิ้นร้อนที่รุกรานเข้ามา ในขณะที่อีกคนกำลังลิ้มรสไปทั่วร่างก่อนจะกัดแรง ๆ เข้าที่อกทำเอาผมสะดุ้ง รู้ขยะขแยงทุกสัมผัสจากพวกมัน

     "เชี่ย ผิวอย่างเนียน กูไม่ไหวแล้ว" ผมผวาเมื่อมันจับร่างผมพลิกคว่ำกดหน้าลงกับเป้าตุง ทำเอาใจผมเต้นรัวอย่างหวาดผวากับสิ่งที่ตามมาเมื่อมันรูดซิบดึงกางเกงลง

     "อื้อ" ผมเม้มปากแน่นแต่มันกลับบีบคางผมจนต้องอ้าปากรับท่อนเนื้อร้อนยัดเข้ามาพรวดเดียวจนจุกคอ...แทบอ๊วก อยากจะอาเจียน...เรมึงอยู่ไหน มึงรู้หรือเปล่าว่ากูโดนจับมาที่นี่ ที่ที่เหมือนขุมนรกนี่ 

     "ฮึก!!!!" น้ำตาผมไหลอาบแก้มอย่าสิ้นหวัง เมื่อนิ้วสากกดเข้ามาด้านหลัง ไม่อยากจะนึกถึงสิ่งต่อไปที่กำลังจะเกิด... ศักดิ์ศรีทุกอย่างมันถูกทำลายลงตรงนี้ เจ็บทั้งกายทั้งใจ รู้สึกท้อถอยกับทุกสิ่งจนได้แต่หลับตายอมรับความอัปยศนี้ ร่างกายที่สกปรกจากใครก็ไม่รู้ที่มันจับผมมา แล้วจับมาเพื่ออะไร 

     ถ้าพูดเรื่องบาปกรรมผมมั่นใจว่าตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยทำบาปอะไรที่มันหนักหนาจนฟ้าต้องมาลงโทษด้วยชะตากรรมเลวร้ายแบบนี้ ความรู้สึกด้านลบทุกอย่างถาโถมเข้ามาในใจ มันคงจะดีกว่าหากผมหยุดหายใจไปซะ แล้วไม่รับรู้มันอีก

     "ทำบ้าอะไรของพวกมึง"  เสียงตวาดลั่นดังมากจากตรงประตูก่อนที่ไอ้สารเลวสองคนจะถูกกระชากออกจากตัวผมจนกระเด็นไปนอนกับพื้น

     "นาย!!!!" พวกมันโพล่งออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นผู้มาใหม่เต็มตา "พวกผม...."

     "กูบอกมึงว่าไง..." ชายร่างยักษ์กวาดมองไปทั่วอย่างเกี้ยวกราด "อย่าให้มีแม้แต่รอยขีดข่วน แล้วดูพวกมึงทำ ถ้าในวันประมูลสินค้ากูราคาตกละก็เอามึงตาย ออกไปได้แล้ว" มันตวาดลั่นไล่ลูกน้องออกจากห้อง ก่อนจะเดินมาแก้มัดผมออก "กินข้าวซะ อย่าให้กูต้องบังคับ"

     ผมมองตามร่างยักษ์ที่เดินออกไปพร้อมปิดประตูขังผมไว้ ก่อนจะล้มตัวนอนร้องไห้คำว่าสินค้าเหมือนน้ำเย็นๆ ที่สาดเข้ามาจนชาไปทั้งร่าง มันจะเอาผมไปขายงั้นหรือ แล้วคนที่ซื้อจะเอาผมไปทำอะไร

     ...มีคนบอกว่าเนื้อของชาวเงือกจะทำให้อมตะ...*เมื่อนึกถึงสิ่งที่เคยได้ยินใจผมแทบหยุดเต้น ขนลุกทั้งกาย เขาคงไม่ซื้อผมเพื่อไปแล่เป็นอาหารใช่ไหม หรือคงไม่เอาผมไปขังไว้ในตู้เหมือนปลาทอง หรือบางทีคนที่จะซื้อผมไปอาจใช้ผมเป็นที่ระบายอารมณ์แบบไอ้ชาติชั่วสองตัวนั่น

     ...ไม่ผมต้องหนี แล้วจะหนียังไงละ...มองไปรอบ ๆ มันช่างไรหนทางกับร่างกายที่ยังเจ็บและใจที่ไม่เต็มร้อยจะรอดได้ยังไง

     พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นวัตถุสีขาวที่วางไว้ข้างถาดอาหาร มันคนหนึ่งเผลอลืมโทรศัพท์ไว้เหมือนแสงจาง ๆ จากปลายอุโมงค์ ผมพาร่างที่บอบช้ำไปคว้าเอาโทรศัพท์นั่น กดหมายเลขสำคัญที่จำขึ้นใจแต่ก็ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะรนเกินไป จนต้องตั้งสติกดมันใหม่จนโทรออกได้ในที่สุดยก ผมยกโทรศัพท์แนบหูด้วยมือที่สั่น ได้ยินเสียงรอสายดังยาว 

     "รับสิวะ รับสิ" ผมพร่ำเพ้อด้วยใจระทึก "เร รับสิ"

     "ฮัลโล " เสียงปลายสายช่วยให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก 

     "เรฮึก กูเอง" พลันน้ำตาที่พึ่งแห้งก็กลับมาไหลอีกครา "ฮึก มาช่วยกูด้วย กูไม่ไหวแล้ว"

     "มีน ตอนนี้อยู่ไหน กูตามหาให้ทั่ว" เสียงทุ้มถามอย่างร้อนรน

     "เรฮึก พวกมัน...ฮือจะ..." พยายามจะตั้งสติแต่ยิ่งได้ยินเสียงมันยิ่งปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น 

     "ใจเย็น ๆ นะครับ ตั้งสติ มีน...ตอนนี้อยู่ไหน"

     "กูไม่รู้ ฮึกมันจับกูมา มันเกือบจะปล้ำกู" เหตุการณ์เมื่อครู่ยิ่งกระตุ้นความกลัวของผม "มันบอก...ฮือ... มันบอกจะเอากูไปขาย...กูต้องตายแน่ เรกูกลัว ช่วยกูด้วย มันต้องฆ่ากูแน่" ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น ตอนนี้สติแตกแล้ว อยากให้เรมาอยู่ตรงหน้าซะเดี๋ยวนี้เพราะผมไม่ไหวแล้ว รับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว 

     "มีน...." ปัง!! เสียงประตูเปิดเข้ามาอย่างแรงก่อนที่ชายร่างยักษ์จะตรงปรี่เข้ามากระชากมือถือไปจากผม

     "วุ่นวายนักนะมึง" มันตะคอกก่อนกดหน้าผมลงกับพื้น

     "โอ๊ย!!! อย่า" มือถูกเอาไพล่หลังไว้ ผมน้ำหนักตัวที่กดลงมาแรงจนแขนแทบหักหมดสิทธิ์ดิ้นรน รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังคอเหมือนถูกเข็มแทงก่อนที่ความร้อนจะแผ่กระจายจากจุดนั้นดึงสติให้ดับวูบไป

:ling3:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 20

Amun-re Say

     ผมไม่เคยเสียใจที่มีสายเลือดเรเวนเลย แม้หลังพ่อแม่ตายเราถูกตามล่ากันเป็นว่าเล่นจากคนที่หวังประโยชน์จากพลังที่มี แต่เราเอาตัวรอดจนได้มาเจอท่านพ่อเพราะพลังที่มีเช่นกัน แต่ตอนนี้แอบเซงกับสิ่งที่ตัวเองเป็น เพราะตอนโดนพวกซาโตนี่เล่นงานมันทำให้คนรักของผมเดือดร้อนไปด้วย แม้เรื่องจะผ่านไปได้ด้วยดีแต่สถานการณ์ใช่ว่าจะสู้ดีเมื่อพ่อตา!? ของผมดันไม่ชอบใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็ไม่เห็นด้วยหากลูกชายคนเดียวของเขาต้องมาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ข้างกายผม 

    จะว่าพ่อมีนใจร้ายก็ไม่ใช่ ก็แค่รักลูกมากเท่านั้นเอง เดาจากตอนแรกที่เราคบกันพ่อของมีนก็ไม่ได้ห้ามอะไรขอแต่ลูกมีความสุขเขาก็พอใจ จากจุดนี้ผมจึงต่อรองและรับปากว่าจะเก็บกวาดพวกที่เข้ามาวุ่นวายของเราให้ได้มากที่สุด คุณพ่อตาบอกว่าถ้าจากนี้ไปจนเปิดเทอมทุกอย่างเรียบร้อยแกจะพิจารณาอีกที

    ผมคุยกับอาว่าจะลดเรื่องงานล่า ภายในเปิดเทอมนี้อาซอนเน่จึงรับปากจะหาคนมาทำแทนแต่จะมีรบกวนพวกเราบ้างในคดีที่มันยากจริง ๆ พอละเว้นจากงานล่าเราสองพี่น้องจึงมองหาหนทางลงทุนใหม่ ๆ แม้เงินที่ท่าพ่อส่งให้เราแต่ละเดือนจะมากมายแต่ก็ไม่อยากงอมืองอเท้าผลาญเงินไปวัน ๆ

     ผมยกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีทอดมองถนนตรงหน้า นับวันผมยิ่งบ้าสงสัยติดเชื้อไอ้แว่นเกรียนนั่นมาแน่  ว่าแล้วหน้ามึน ๆ ของมันก็ลอยมาในความคิด ทั้งที่รับปากคุณพ่อตาไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งกับมันจนกว่าจะเปิดเทอมแต่ใครจะทนได้... ผมนอนกอดของผมทุกวัน ก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดา 

    สุดท้ายอดไม่ได้ต้องแอบไปหามันถึงบ้าน ได้เห็นคนน่ารักนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ผิวขาวๆ ในเสื้อนอนตัวบางกับกลิ่นหอมอ่อนเฉพาะเจ้าตัว ผมเกือบจะลักหลับมันแล้วสิเมื่อคืน ต้องข่มกายขมใจนอนกอดมันไว้เฉย ๆ มันซูบลงจนสังเกตเห็นได้ คงจะคิดมากเรื่องผมนี่แหละ พอเช้าก็ลากสังขารจากหนองคายกลับมาถึงคอนโด

    ผมตัดสินใจโทรหามีน เติมกำลังใจให้ไอ้เกรียนมันหน่อยกลัวจะเฉาตาย แต่รอไม่นานผมก็ไปรับมันแล้ว ใจจริงอยากไปซะเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ติดงานล่าที่พึ่งรับมา ตอนนี้ต้องเอารายงานที่พึ่งปั่นเสร็จไปส่งที่สภากลาง

    “ไงพี่เร” เสียงไอ้น้องรักทักทันทีที่เปิดประตูเข้าไปห้องทำงานของอาซอนเน่ พักนี้ถ้าไม่มีเรียนมันมาสิงที่นี่ตลอดแหละ ขยันทำคะแนนซะจริง

    “อ้าวเร...! รายงานวางไว้โต๊ะก่อนเลยขี้เกียจจะอ่าน” ท่านอายังคนสวยบอกพลางสะบัดมือเบา ๆ ให้น้ำยาทาเล็บสีแดงสดแห้ง เดาจากขวดน้ำยาในมือไอ้เรน

     (อย่าบอกนะมึงเป็นทาให้)

     (เออกูเอง) มันยิ้ม

     (นี่น้องกู...แต๋วแตกแล้วสินะ) ผมล้อ

     (แหม ๆ หัดไว้เห็นซอนเน่ชอบ เพื่อคนที่รักกูทำได้หมดแหละ หรือมึงไม่เป็นไอ้พี่เร) แล้วผมกับมันก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

     “นี่คงไม่แอบนินทาอาในใจกันใช่ไหมเนี่ย” ท่านอาทำหน้ายุ่ง ตวัดสายตามองเรน ไอ้ตัวแสบก็ยิ้มกวน ยิ่งทำให้ใบหน้าสวยนั่นเหวี่ยงไปอีก รังสีหวานแหววแปลก ๆ เดาว่าน้องผมคงจะคืบหน้าไปบ้างแล้วนะ ดูสองอาหลานหยอกกันไปมาเพลิน ๆ แรงสั่นในกระเป๋าเตือนว่าโทรศัพท์มีสายเข้าจึงเอาออกมาดู...ก็ต้องประหลาดใจกับเบอร์ที่โชว์ พ่อตาโทรมา!!!!!

    “ฮัลโลครับ” 

    “มีนโดนจับไป” น้ำเสียงร้อนรนจากปลายสายทำใจผมกระตุกวูบ

     “เมื่อไหร่ครับ” 

     “ไม่เกินครึ่งชั่วโมง แม่บ้านที่อยู่อีกบ้านโทรมาบอกว่ามีนโดนใครไม่รู้ลากขึ้นเรือไป” ผมไม่น่าชะล่าใจเลย มีคนอื่นรู้ว่ามีนเป็นเงือก หลัก ๆ ก็คนในสภาที่ไปช่วยเราวันนั้น ไม่แน่พวกนั้นอาจบอกคนอื่นต่อ จึงมีคนคิดจะเอาตัวมีนไป

    “ผมไม่น่าชะล่าใจเลย” รู้สึกเสียใจที่ยอมเล่นตามเกมคุณพ่อตา ปล่อยมีนอยู่ห่างตัว ถึงอยู่กับผมมันจะอันตรายแต่ผมก็ยังปกป้องดูแลได้ 

    “เร...ป๋าจะทำยังดี” เสียงเขาสั่น “จะไปตามมีนที่ไหน...ได้ละ”

    “ใจเย็น ๆ นะครับ ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องหามีนให้เจอ พวกมันมีกี่คน” 

     “รู้สึกจะสาม” 

     “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ” ผมบอกก่อนตัดสายไป สบตากับน้องชายนิ่ง มันรับรู้ทุกอย่างแล้วเช่นกัน 

    “มีนโดนจับไป?...ฝีมือใคร” เรนถามเสียงเครียด ได้แต่ส่ายหน้าเพราะผมเองก็ไม่รู้ พยายามข่มใจที่เต้นรัวอย่างหวาดหวั่นในตอนนี้ให้สงบพร้อมคิดวิธีการ

    “อาจะสั่งคนแถวนั้นไปตรวจสอบร่องรอย” ท่านอาบอกก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นสั่งงาน...โทรศัพท์!!! คนเราต้องพกโทรศัพท์ติดตัวอยู่แล้ว ยิ่งเป็นภารกิจที่ต้องมีการสั่งการอย่างลักพาตัวยิ่งต้องมี

    “สัญญาณโทรศัพท์!!!!” เราโพล่งออกมาพร้อมกันก่อนที่ผมจะก้าวยาว ๆ ไปห้องฝ่ายข้อมูล

    (พี่จะทำอะไร...)

    (หาสัญญาณโทรศัพท์ที่ถูกใช้งานแถวบ้านมีน ตอนเวลาช่วงที่มีนโดนจับไป...บ้านริมโขงค่อนข้างห่างจากหลังอื่น คงมีคนใช้โทรศัพท์จากบริเวรนั้นไม่มาก)

    (เออ ลองดู เผื่อมันโทรประสานงานกัน)

     “รบกวนช่วยหาสัญญาโทรศัพท์ที่ใช้งาน แถวพิกัด….°....'….2"N …°…'….5"E ช่วงเวลา 16.00-18.00 น. ให้ผมที” ผมสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรีบทำตาม หมายเลขกว่ายี่สิบหมายเลขจะรัยขึ้นมาบนหน้าจอ “เบอร์นี่ไม่ใช่...เบอร์นี่ก็ด้วย ๆ...” ผมตัดเบอร์ที่ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวมีนออกไป สงสัยใช่ไหมว่าผมรู้ได้ไง. ผมไปสืบมาหมดทุกอย่างเกี่ยวกับมีน พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง การศึกษา ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับมีน ผมค้นหาและจดจำไว้หมด

    “หาจากเบอร์ที่เหลือ...ว่าเดินทางไปตรงไหนต่อบ้าง”

    “เอ่อ ต้องให้เวลาค้นหาซักหน่อยนะค่ะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอก ผมพยักหน้าเข้าใจแม้ภายในจะเดือดเต็มที

    รอ ผมเกลียดการรอ ไม่รู้มีนจะเป็นยังไง ผมเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนั้นอย่างวิตก เหมือนจะเกะกะเจ้าหน้าที่ในห้อง จนน้องต้องลากกลับห้องทำงานท่านอา เปิดประตูไปทำเอาผมอึ้ง มีทั้งอาหมอกับข้าวหอม อารอทกับโยนาห์ และอายูจีน ทั้งหมดมารวมกันที่นี่เพื่อหาทางช่วยผม  ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็วิ่งตามเอาพิกัดที่ตามจากสัญญาณทั้งหมดมาให้ผม จึงมีคำสั่งให้คนของสภาในพื้นที่ตรวจค้นตามที่อยู่จากพิกัดเหล่านั้น 

    มองเข็มนาฬิกาเดินไปกว่าสองชั่วโมงผ่านมาแล้ว จึงตัดสินใจว่าจะใช้เครื่องบินส่วนตัวบินไปหนองคายเพื่อหาเอาเอง เพราะให้ทนรอแบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ แต่ยังไม่ทันก้าวออกจากห้องโทรศัพท์ก็มีสายเข้าอีกครั้ง ผมรีบหยิบมารับด้วยใจระทึก

     "ฮัลโล..." 

     "เร...ฮึก...กูเอง" เสียงปลายสายจุดความหวังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้ว่าคนที่หายังมีชีวิตอยู่ "ฮึก...มาช่วยกูด้วย กูไม่ไหวแล้ว" แต่เสียงสะอื้นที่ได้ยินทำเอาผมใจหาย เพราะต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแน่นอน

     "มีน ตอนนี้อยู่ไหน กูตามหาให้ทั่ว" 

     "เรฮึก...พวกมัน...ฮือจะ..."

     "ใจเย็น ๆ นะครับ ตั้งสติ มีน...ตอนนี้อยู่ไหน" 

     "กูไม่รู้...ฮึกมันจับกูมา มันเกือบจะปล้ำกู" ปล้ำ...คำนั้นทำให้จิตใจของผมร้อนรน "มันบอก...ฮือ... มันบอกจะเอากูไปขาย...กูต้องตายแน่ เรกูกลัว ช่วยกูด้วย มันต้องฆ่ากูแน่" มีนร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดไม่เป็นคำ น้ำเสียงทั้งสั่นและหวาดกลัว บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวผ่านเรื่องเลวร้ายมาแค่ไหน

     "มีน...." ปัง!! ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ 

    "วุ่นวายนักนะมึง" ใครบางคนตะคอกตามด้วยเสียงโครมคราม

     "โอ๊ย!!! อย่า" เสียงร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังผ่านสายทำเอาใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

     "มีน!!!!มีน ได้ยินไหม Pffff!!!!แม่ง!!!!" ผมตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างบ้าคลั่งแต่สายตัดไปแล้ว ได้แค่ฟังทำห่าอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง โทรศัพท์เจ้ากรรมถูกบีบแน่นจนแทบแหลกคามือดีที่เรนรีบมาแกะออกไปก่อนพลางลูบไหล่ผมเบา ๆ ให้ใจเย็นลง

    "มีนว่าไงบ้าง" หมอริคถามขึ้น

    "มันจะเอามีนไปขาย"  ผมตอบเสียงเบา...เรื่องที่ว่ากินเนื้อเงือกจะทำให้เป็นอมตะ...เหมือนตอกย้ำให้รู้สึกแย่

     "หรือว่าจะเป็นงานประมูลใต้ดิน ที่กำลังจะเริ่มในอีกสองวัน" ซอนเน่บอกเสียงเครียด "ปกติสภาจะไม่ยุ่งกับงานพวกนี้ ไม่ว่าจะเอาอะไรไปประมูลกัน อาวุธ ของวิเศษ ของเวทย์มนต์ อะไรก็ตาม แต่นี่มันไม่ใช่ มันถือว่าผิดข้อตกลง เพราะเราไม่อนุญาตให้เอาสิ่งที่มีชีวิตมีจิตใจ อย่างมนุษย์หรืออมนุษย์ไปประมูลขาย พอไม่ยุ่งหน่อยก็ทำข้ามหน้าข้ามตากันสินะ" ใบหน้าสวยแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาชัดเจน

     "ครั้งนี้จัดที่ไหน" ผมถาม

     "ซิดนี่!!!! เห็นทีต้องไปจัดระเบียบกันซักหน่อย" หมอริคหักนิ้วกร๊อบ แววตาดุดันขึ้นทันใด

     "เจอแล้ว" อารอทโพล่งออกมาอย่างยินดีก่อนจะหันหน้าจอมาโชว์พิกัดที่จับได้จากสัญญาณโทรศัพท์เมื่อครู่ 

     หืม...ในเขตกรุงเทพ ฯ นี่เองใกล้กับสนามบิน "พี่ต้องไม่เชื่อแน่ บ้านหลังนี้เป็นของ วลัช เจ้าที่ฝ่ายการทูตของเรานี่แหละ" เพราะเป็นคนของสภากลางสินะจึงรู้ว่ามีนเป็นอะไรทุกที่ย่อมมีคนเลวประปนอยู่ไม่เว้นแม้แต่ที่นี่

     "ผมจะไปคุยกับมัน" บอกแค่นั้นก่อนจะเดินไปห้องทำงานเป้าหมายโดยมีน้องชายเดินตามเป็นเงา

     ปัง!!!! ผมเปิดประตูพรวดเข้าไป เจ้าของห้องดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะเหยียดยิ้มเย้ยหยันมองมาที่เรา

     "คงไม่มีใครสอนเรื่องมารยาทกับพวกเธอ" ชายวัยกลางคนว่า

     "หึ มีไม่มีไม่เกี่ยวหรอก" เรนบอกเสียงขุ่น

     "แฟนกูอยู่ไหน" เข้าเรื่องเลยแล้วกัน

     "ผมจะไปรู้แฟนคุณหรอ" มันยังคงเฉไฉแต่แววตาเจ้าเล่ห์นั่นบอกให้รู้ว่ามันเข้าใจเรื่องที่ผมพูด "คงหมายถึงเงือกตัวน้อยคนนั้นสินะ หึๆ"

    "ผมไม่มีเวลามาเล่นลิ้นกับคุณ แล้วบ้านเลขที่...มันไม่ใช่ของคุณหรอกหรอ" เน้นคำย้ำชัดเจน ทำเอาอีกฝ่ายชะงักงัน

     "บ้านนั้น ฉันยกให้คืนอื่นไปแล้ว ญาติกันนี่แหละ ฉันจะไปรู้ได้ไงว่ามันเอาไปทำอะไร ไม่ได้ไปเฝ้าทุกวัน" ตอแหล!!!...ผมมองหน้ามัน "หึ เด็กเมื่อวานซืนอย่ามาทำเป็นข่มหน่อยเลย หลักฐานก็ไม่มี อย่ามาปรักปรำกัน"

     "คุณลืมไปหรอว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างเรา ก็เป็นคนของซานซิโอ เข้าใจสถานะตัวเองด้วย" ไอ้น้องรักเถียงกลับอย่างมีน้ำโห ปกติมันไม่เอาเรื่องตระกูลมาข่มใครเพราะเรามันแค่ลูกบุญธรรม

     "ฉันพูดจริงฉันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้" วลัชปฏิเสธ   

     "แต่จะไม่รู้เลยหรือไงว่าญาติตัวเองจะทำอะไร" เรนยังคงกดดันต่อ มันไม่อยากให้ผมลงมือเองเพราะอารมณ์ผมตอนนี้พร้อมหักคอได้ทุกคน

     "ก็บอกว่าไม่รู้ไง" ผมเดินเข้าไปหาบ้าง ไม่รู้ว่าแววตาผมเป็นแบบไหน แต่วลัชถึงกับถอยกรูดจนล้มนั่งลงเก้าอี้ ผมจึงเอามือค้ำมันไว้ก่อนก้มลงมองตาใกล้ๆ จนอีกฝ่ายตัวสั่น 

     "แน่ใจในคำตอบแล้วสินะ" ถามเสียงเย็นเยียบ

     "แน่ใจ สะ...อ๊าก!!!!" เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นห้องเมื่อผมคว้ามีดเงินที่เหน็บไว้ข้างเอวปักไหล่มันตรึงไว้กับเก้าอี้

     หากคุณคิดว่า เร เป็นผู้ชายอบอุ่น หน้านิ่งแต่ใจดี คุณคิดผิด เพราะนั่นมีไว้ให้ครอบครัวและคนที่ผมรัก...ถ้าดี ก็ดีใจหายถ้าร้ายก็ร้ายจนนึกไม่ถึง... เพื่อเป้าหมายผมทำได้ทุกอย่างและคนตรงหน้าก็คงรู้ดีจากภารกิจเล็กใหญ่ที่ผมเคยสะสาง 

     "นาวิน!!!...ลูกพี่ลูกน้องฉัน อย่ากด" เสียงสั่น ๆ หลุดออกมาในที่สุด จึงผ่อนแรงกดให้มันได้พล่าม "มันบอกจะเอาของไปประมูลรอบนี้...ของนี้แพงมาก มันมาขอยืมบ้านฉันเก็บของ มันบอกถ้าได้เงินมาจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้"  ฉลาดนิ คิดว่าใช้บ้านทูตของสภากลางแล้วจะไม่โดนค้นสินะ

     "จะขนของไปเมื่อไหร่" 

     "โอ๊ย ไอ้เด็กเวร" มันสบถด่าผมจึงกดมีดลงจนมิดด้าม "บอกแล้ว ๆ คืนนี้ อีกหนึ่งชั่วโมง เครื่องบินส่วนตัว เที่ยวบิน  TX-0318...กองทัพอากาศ" วรัชละล่ำละลักบอก "แค่นี้ ฉันรู้แค่นี้" แววตามันสั่นไหวและหวาดกลัว มันคงไม่มีอะไรบอกแล้วจึงปล่อยมือจากด้ามมีดที่ทิ้งให้ปักไว้อย่างนั้น ทำเอาคนที่เคยเย่อหยิ่งอวดเก่งทรุดพิงเก้าอี้หมดสภาพ





     เราทั้งหมดขนโขยงมายังสนามบินของกองทัพ ไม่มีแผนไม่มีเตรียมการเพราะเวลาไม่อำนวย โยนาห์กับข้าวหอมถูกสั่งให้เฝ้าวรัชไว้ที่สภา งานนี้คงถูกสอบกันหน่อย เพราะอะไรนะเหรอ เพราะมาถึงพวกนาวินก็เตรียมการต้อนรับซะยิ่งใหญ่อาวุธซะครบมืออยู่หน้าโกดัง เดาว่าญาติมันคงโทรมาเตือนเรียบร้อย ก็ตื่นเต้นดีเพราะไม่ค่อยได้ลงสนามกันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวแบบนี้มานาน

     กรรร**!!!** หมอริคกลายร่างเป็นแวร์วูฟตัวใหญ่ก่อนกระโจนเข้าไปประเดิมคนแรก ตามด้วยเพื่อนรักอย่างรอทพร้อมมีดคู่ใจ ส่วนซอนเน่วิ่งตามพวกเราที่ฝ่ามาด้านในรับมือพวกที่กระโจนเข้ามาไปพลาง ปกติแล้วผมไม่ค่อยเล่นถึงตายเอาแค่น่วมแล้วจับเข้าคุกทีหลัง แต่วันนี้มีหนักมือถึงตายกันบ้างเอาให้หนักให้สมกับที่ทำคนรักผมร้องไห้ 

     เหมือนได้ระบายอารมณ์คุกรุ่นที่สะสมมาตลอดวัน พยายามฝ่าดงตีนไปตรงลานบินและยิ่งเร่งฝีเท้าขึ้นเมื่อเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินแอร์บัสดังสนั่น ใช้เวลากว่าห้านาทีถึงสลัดไอ้พวกเหลือบไรนั้นหลุด เป็นจังหวะที่ตัวเครื่องกำลังทะยานไปตามรันเวย์เพื่อทะยานสู่ฟากฟ้า...ไม่ทันการแล้ว!!!

     ฟึบ!!!ปัง ปัง!!!!ผมคว้าเอาปืนกลแถวนั้นสาดใส่ศัตรูก่อนกางปีกพุ่งตามก้อนเหล็กที่กำลังเร่งความเร็วขึ้นจนล้อเริ่มลอยจากพื้น เรนบินแซงหน้าผมไปคว้าเข้าช่องเก็บล้อพร้อมยันล้อที่กำลังพับเอาไว้

     "พี่เร...เร็วดิวะ" น้องมันตะโกนแหวกเสียงลม เอื้อมมือมาหาผม จึงต้องเร่งสะบัดปีกพุ่งเข้าหามันแล้วมือเราก็คว้ากันทัน มันออกแรงดึงผมเข้าไปปล่อยขาที่ยันล้อไว้ประตูจึงเด้งปิดทันใด สองพี่น้องล้มกลิ้งไปกับพื้นใต้ท้องเครื่องบิน 

     (เกือบไม่ทัน!!!) ผมหอบหายใจหนักถ้าหลุดไปนี่ตามยันซิดนี่อะ คงยุ่งยากน่าดู เราพักหายใจกันชั่วครู่

     (เอาไงพี่) ผมเงี่ยหูฟังไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงเครื่องยนต์และเสียงพูดคุยดังมาจากส่วนหน้า เดาว่ามันคงไม่รู้ว่าพวกผมขึ้นมาด้วย ส่วนหนึ่งเพราะเราอำพรางกลิ่นไอและพลังของตัวเองไว้ตลอด ถ้าไม่เก่งถึงระดับพวกท่านอาคงยากจะรู้

      (อย่าเพิ่งบวก เราต้องหาก่อนว่ามันเอามีนไว้ที่ไหน...น่าจะส่วนเก็บสินค้าโถงล่าง มองหากล่องหรือลังที่น่าจะยัดคนเข้าไปได้) ผมค่อย ๆ เจาะเพดานด้านบนเป็นช่องพอลอดได้หลังจาแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปตามด้วยเรน 

     (ผมไปดูโซนนั้นแล้วกัน) เรนบอกก่อนเดินแยกไป เพราะการจู่โจมกระทันหันทำให้มีพวกมันขึ้นมาบนเครื่องบินไม่มากส่วนแถมยังชะล่าใจว่าไม่มีใครตามมาจึงพากันไปรวมอยู่ห้องนักบินกับโซนโดยสารเป็นส่วนใหญ่ 

     เสียงฝีเท้าเอื่อย ๆ ตรงมุมขวาบอกให้รูว่ามีคนมา ผมย่อตัวลงอำพรางตัวเองกับความมืดในห้องก่อนจะล๊อคคอไอ้คนที่เดินผ่าน แกร๊ก...ผมหักคอมันทิ้งก่อนจะลากไปซ่อนไว้ตามซอกลัง

     (เจอแล้วพี่ ทางนี้) ผมรีบเดินไปหาน้องอย่าง พบแทงค์กลมกว้างประมาณเมตรสูงสองเมตรครึ่ง

      เรนแกะผ้าที่ห่อออกเผยให้เห็นคนที่ตามหา ร่างโปร่งที่มีเรือนหางสีมุกลอยนิ่งอยู่ในนั้น ดวงตาหลับพริ้มไม่ได้สติ  สำรวจดูคร่าว ๆ ก็ูปลอดภัยดีนั่นช่วยให้รู้สึกเบาใจไปเปราะหนึ่ง ผมก้มเปิดวาวน้ำตรงฐานของแทงค์ มองหาฝาหรือช่องที่จะเอาคนในนั้นออกมา 

     ไม่กล้าทุบครับ กลัวเศษแก้วจะบาดเมีย ด้านข้างไม่มีหรือว่าจะเป็นข้างบน ผมปืนขึ้นไปข้างบน ก็เจอกับฝาที่ใส่กุญแจล๊อคอยู่ ผมกระชากมันขาดคามือก่อนจะเปิดแล้วอุ้มเอาคนที่อยู่ในนั้นออกมา เมื่อปราศจากน้ำร่างของมีนก็กลับคืนเป็นมนุษย์จึงอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอย่างช่วยไม่ได้

     (เมียพี่โคตรขาว เข้าใจเลยว่าทำไมหลงมันหัวปักหัวปำขนาดนี้) เรนแซว พอเจอสายตาดุ ๆ ของผมก็หันหน้าหนีอย่างรู้งาน (ขี้หวงวะ)

     "มีน มีน" ผมตบแก้มขาวเบาๆ 

     "เร" มีเสียงครางเครือตอบแล้วก็นิ่งไป ผมได้กลิ่นยาสลบจาง ๆ จากในน้ำ รอสักพักน่าจะได้สติเลยถอดเสื้อนอกใส่ให้ก่อน พลันได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา อุ้มมีนหลบแทบไม่ทัน เรนก็หามุมแอบเช่นกัน

     "เฮ้ย!!!! พวกมึงทำอะไร" ผู้มาใหม่ร้องลั่นกับสภาพแทงค์ที่ว่างเปล่า เราฆ่าช้าไปเพราะมันดันกดสัณญาณเตือนภัยได้เสียก่อนทำเอาคนของนาวินกรูเข้ามาในห้องจนเกิดการปะทะอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหนื่อยหน่อยก็น้องผมนี่ละ เพราะผมยังอุ้มมีนอยู่ จึงเปลี่ยนท่าเอาคนตัวเล็กพาดบ่า เพื่อจะรับมือกับศัตรูที่โถมเข้ามาได้มากขึ้น

     (เอาไงวะ)

     (ต้องหนี) ผมเหลือบมองประตูที่อยู่อีกฟากของพวกเรา (มึงไปเปิดประตูนั้นแล้วหาทางโดดออกไป) 

     ผลัก!!! ผมเตะเข้าซี่โครงของปีศาจซักตัวที่เข้ามา 

     ฟู่!!! คลื่นอากาศเหมือนจะดูดเราออกข้างนอกเมื่อเรนอาศัยจังหวะชุลมุนเปิดประตู แค่หันไปมองน้องแป๊ปเดียวก็ถูกชัดเสียหลักจนคนบนไหล่หลุดมือไถลไปตามพื้นแต่นั่นไม่น่าตกใจเท่าถูกแรงดูดอากาศดึงออกจากตัวเครื่องไปต่อหน้าต่อตา ใจผมถึงกับเคว้งรีบโดดตามออกไปทันที ส่วนเรนหันไปประมือกับนาวินที่เข้ามารั้งก่อนจะซัดมันกระเด็นพร้อมคว้าเอาระเบิดน้อยหน่าที่ตกอยู่แถวนั้นดึงสลักออกแล้วปาไปยังถังสารเคมีใกล้ก่อนกระโดดตามออกมา เสียงระเบิดกัมดังก้องฟ้า ทำเอาเครื่องบินขาดเป็นสองท่อน

     ร่างของมีนร่วงลงอย่างเร็วตามแรงโน้นถ่วง อากาศเย็นเยียบปลุกให้เจ้าตัวตื่นขึ้นกลางอากาศ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังดิ่งพสุธา ผมสะบัดปีกทะยานไปหาร่างตรงหน้า

     อีกนิดเดียวเท่านั้น มือเราเตะกันแต่ความเร็วที่ไม่คงตัวทำเอามีนหลุดไปหลายครั้ง ผมโถมแรงทั้งหมดพุ่งไปหาแล้วในที่สุดผมก็คว้าคนรักไว้ได้ทั้งที่อีกไม่ถึงร้อยเมตรจะกระแทกกับพื้นมหาสมุทรเบื้องล่าง ต่อให้เป็นเงือกหล่นมาสูงขนาดนี้ก็อาจตายได้

     "ได้ตัวแล้ว" ผมดึงร่างนั้นมากอดไว้พลางสะบัดปีกชะลอความเร็วในแนวดิ่งของเราลง ปีกแทบขาดเพราะลงมาไวจัดเกินจะเบรกอยู่จนพุ่งลงไปในผืนน้ำแต่ไม่แรงมาก

     "เฮ้อ....เกือบ!!!" มีนเป่าปากพยายามตั้งสติ ส่วนผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก...ซะที่ไหน

     "พี่เร หลบบบบบ!!!" เสียงตะโกนของไอ้น้องรักมาพร้อมกับตัวเครื่องบินที่ตกตามมา โลหะชิ้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง สว่างจ้าท่ามกลางหมู่ดาว สิ่งนั้นใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ใครใช้ให้มึงเอาของฝากมาด้วย!!!!

     "ชิบหายแล้ว" สัญชาติญาณสั่งให้ผมเอาตัวบังร่างในอ้อมแขนไว้ เตรียมใจรับแรงกระแทกที่จะเกิด 

     ตูม ซ่า!!!!! เสียงโลหะตกกระทบผืนน้ำดังสนั่น รุนแรงจนน้ำกระจายไปโดยรอบ แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย จึงเงยหน้ามองเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง ม่านน้ำขนาดใหญ่ปกป้องเราทั้งสามคนไว้จากเศษซากที่ร่วงลงมา เศษเหล็กเหล่านั้นถูกสายน้ำพัดพาก่อนจมหายไปในทะเล

     "พี่สะใภ้กูแม่งโคตรเจ๋ง" เรนออกปากชม ผมก้มมองคนในอ้อมแขน นัยน์ตาที่เคยดำสนิทบัดนี้เปล่งแสงสีครามเรืองรอง ยืนยันชัดว่าเป็นฝีมือใคร

    มีนมักมีอะไรทึ่ง ๆ มาเซอร์ไพร์เสมอ จนรู้สึกพิศวงกับพลังของชาวน้ำ เมื่อทุกอย่างลงตัว มีนดูผ่อนคลายลงก่อนที่สีตาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

     "ใช้พลังมากไปอีกแล้ว" มีนบอกเสียงเบาใบหน้าเหนื่อยเต็มทน ดวงตาคู่สวยมาหยุดที่ใบหน้าผม ก่อนที่มันจะรื้นไปด้วยน้ำตา เจ้าตัวโผเข้ากอดผมแน่นเนื้อตัวสั่นบอกให้รู้ว่ามันกลัวมากแค่ไหน "โชคดีที่มีมึง ฮึก ไม่งั้นคงแย่แน่"

     "กูก็โชคดีเหมือนกัน" ผมลูบหัวมันเบา ๆ หันไปมองไอ้น้องรักก่อนยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ

     "ขอบใจมึงนะที่ช่วย ไม่งั้นคงโดนซากเครื่องบินหล่นใส่กลายเป็นนกเป็ดย่างทั้งพี่ทั้งน้อง" เรนว่าพร้อมขยับมาใกล้เอื้อมมือมาลูบหัวมีนบ้าง "ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปแล้ว" เรนบอกพลางชู GPS ในมือที่มันหยิบติดมา "ไปหาที่นั่งพักก่อนเถอะ บินนานกูเมื่อยนะ"   

     เรนนำผมมายังเกาะไม่ไกลมากนัก น้องผมเสียสละเสื้อของมันปูให้มีนนอน เพราะเสื้อของผมมีนใส่อยู่ ก่อนที่เราสองคนจะช่วยกันหาฟืนมาก่อไฟให้ความอบอุ่นแก่ร่างโปร่งที่หลับไปแล้ว เพราะสำหรับพวกผมมันไม่ค่อยมีผลนัก ถ้านึกสภาพไม่ออกลองไปเปิดการ์ตูนขำขันที่มีฉากติดเกาะดูแล้วกัน อารมณ์ประมาณนั้น

     ทอดมองร่างที่สั่นเพราะลมทะเลจึงตัดสินใจอุ้มมีนมาไว้บนตัก กดหัวมันให้ซบกับไหล่กอดไว้แบบนั้น คิดถึงมันจะแย่ได้มาเจอกันทั้งทีแต่ก็ในสถานการณ์เสี่ยงตายแบบนี้ เอามือข้างที่ว่างเกลี่ยแก้มเนียนเล่นขนาดตอนหลับยังน่ารัก แม่งเอ้ย!!!!

     ฟอด!!! อดไม่ไหวหอมแก้มนิ่มนั้นซักที...มั้ง เอาอีกซักที 

     ฟอด!!!...จูบเลยงั้น!!!

     "อื้อ!!!" คนถูกกวนครางประท้วงพลางหันหน้าหนี

      (ไอ้พี่ มึงช่วยตรัสรู้ด้วยว่าน้องยังอยู่ตรงนี้) เสียงเรนดังแทรกในความคิด ผมจึงเงยมอง มันยิ้มกวนตีนมาให้  (ใจคอจะลักหลับมันตรงนี้เลยหรือไง ไม่ได้อะไรนะ กูอิจฉา)

      (โทษทีวะ ลืมตัว)

      (เฮ้อ ทำขนาดนี้แล้วพ่อมีนยังไม่ยอม จะช่วยพี่พามันหนีคอยดู)

      (ระดับกู หึ ๆ เรื่องตัวเองเอาให้รอดเถอะ) 

      (เออ!! คอยดูแล้วกัน)

:hao5:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เพราะความโลภของคนแท้ ๆ หนอ

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 21

     เรพาผมกลับมาที่บ้านของอาซอนเน่หลังจากเฮลิคอปเตอร์ของสภากลางไปรับเราที่เกาะมาตอนรุ่งสาง ผมโทรไปหาพ่อบอกว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว เห็นว่าจะลงมากรุงเทพพรุ่งนี้ คงไม่จับผมกับเรแยกกันอีกนะ รอบนี้ผมคงต้องทำอะไรซักอย่างแล้วละ กับเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมกลัว กลัวจะไม่ได้กลับมาหาทุกคนอีก โดยเฉพาะเร ถ้าผมจะไม่เห็นมันอีกตลอดไปคงเหมือนตายทั้งเป็น

     “มีน” เสียงของเรเรียกจากในห้องน้ำ ก่อนที่มันจะเดินมาหาผมพร้อมผ้าขนหนูในมือ เจ้าตัวอาสาไปเตรียมน้ำร้อนให้ผมแช่ มันชอบทำแบบนี้เวลาต้องการจะเอาใจหรือตอนที่ผมไม่สบายใจเพราะการแช่น้ำอุ่น ๆ ช่วยให้ผ่อนคลายเรื่องเครียดไปได้ เดินไปคว้าผ้าขนหนูจากมือมันก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป “มีอะไรก็เรียกนะ” มันว่าก่อนจะปิดประตูให้ 

     เสื้อเชิ้ตชิ้นเดียวที่ติดตัวถูกกำจัดไปจากกาย ก่อนหย่อนตัวลงในอ่าง น้ำอุ่นกำลังดีเลย อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมากับความใส่ใจที่อีกคนมีให้ ผมเอนหลังพิงขอบอ่างหลับตาลงสูดกลิ่นหอมอ่อนที่ใส่ลงไปในน้ำ ความสงบที่ไม่ได้รับมาหลายวันทำให้ผล็อยหลับไปอย่างลืมตัว 



     "ฤทธิ์เยอะนักนะมึง" ผลัก!!! หมัดหนักๆ ซัดเข้ามาเต็มท้องจุกจนตัวงอ แม่งแรงเยอะชิบหาย อยากจะด่าแต่พูดไม่ออก 

     "คุยกันดี ๆ ไม่ชอบ" ภาพในห้องที่โดนจับรีรันเข้ามา

     "อย่า...ฮึก" ผมดิ้นรน ทุกสัมผัสช่างสมจริง ทุกภาพของไอ้สารเลวสองตัวนั่น ริมฝีปากของมัน มือของมัน น้ำเสียงและใบหน้าชั่วร้ายนั่น ทุกสัมผัสมันช่างน่าขยะแขยง ออกไป ออกไปให้พ้น



     เฮือก !!! ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในอ่างน้ำ ก็แค่ฝัน ผมพยายามข่มใจที่เต้นเร็วและเนื้อตัวที่กำลังสั่น ทำไมยังรู้สึกเหมือนพึ่งผ่านไป 

      ทำไม! ทำไม! มันยังไม่หายไป 

      ผมวักน้ำในอ่างล้างตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ในถูกทุกที่ที่โดนพวกเวรนั้นเตะต้อง ภาพเลวร้ายซ้อนทับมาในหัวชวนให้สติแตก จนลงแรงขัดถูกับตัวเองจนเนื้อแสบเป็นปื้นแดง

      "มีน...ทำอะไร"

      ...มันสกปรก น่ารังเกียจ...

      "มีน ไม่เอา พอแล้ว ตั้งสติหน่อย" เรรวบมือทั้งสองไว้ ใบหน้าคมดูตื่นตระหนกเมื่อเห็นผมน้ำตานองหน้า 

      "ทำไมภาพพวกเวรนั่นมันไม่หายไปซักที" ผมถามอย่างอ่อนแรง "ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็เข้ามาในหัวทุกที ตอนที่กูเกือบ..." ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แค่คิดก็สะท้านขนาดผมแค่เกือบโดนไอ้พวกเวรนั่นปล้ำ ยังจิตตกขนาดนี้ เกลียดตัวเองที่อ่อนเอ เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้

      "มองหน้ากู" เรเชยคางให้ผมขึ้นสบตา ไม่ว่ากี่ครั้งผมก็จมดิ่งไปกับสีน้ำเงินล้ำลึกนั่น "ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ตรงหน้านี้คือ เร คนที่จะไม่ยอมให้ใครทำร้าย มีน" เสียงทุ้มนุ่ม เอ่ยปลอบ มันอบอุ่นไปถึงใจ เรกดจูบเบา ๆ ที่หน้าผาก

      "จริงนะ"

      "จริงครับ" เรยิ้มรับก่อนจะคว้าผ้าขนหนูมาห่อตัวผมแล้วอุ้มท่าเจ้าสาวเดินออกจากห้องน้ำมา...อยู่กับมันมากน้องมีนจะเป็นง่อยเอา มันปล่อยให้ผมนั่งหมิ่นเหม่ตรงขอบเตียงก่อนที่เจ้าตัวจะเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมานั่งชันเข่าตรงหน้าเช็ดผมให้ 

      งื้อเขิน...ยิ่งสบตากับมันยิ่งแทบละลาย เรยิ้มก่อนจะเชยคางผมขึ้นรับจูบ ริมฝีปากร้อนละเลียดชิมช้า ๆ ช่างอ่อนหวานชวนให้คล้อยตาม

      "ลบมันที" 

      "หืม"

      "ที่พวกเหี้ยนั่นทำ ลบมันไปที" ผมบอกด้วยใบหน้าร้อนผ่าวกับสิ่งที่พูด "กูอยากรู้สึกแค่มึง...ได้โปรด" ก้มหน้าก้มตาหลบอีกฝ่ายเต็มที่ มันใจว่าตอนนี้หน้าคงแดงเถือกยันหู 

      "หึๆ..." เสียงหัวเราะของเรชวนใจสั่น "น่ารักจริง!!!...งั้น ตามสบายเลยครับ"

      "เอ่อ คือ" ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อเรย้ายตัวเองไปนั่งพิงหัวเตียงพลางส่งสายตาร้อนแรงมาให้

      "วันนี้ยกให้ ทั้งตัว และหัวใจ มาสิ" ว๊ากกกกก น้องมีนจะบ้าตาย เอาวะมาขนาดนี้แล้ว

      ผมคลานเข่าเข้าไปหามันที่ตบตักรอเยี่ยงป๋ารออีหนู น่าหมั่นไส้เกิน มือสากยื่นมารั้งผมให้ขึ้นไปคร่อมบนตัก ผ้าขนหนูหลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้มึงต้องโป๊มั่งละ จัดการแกะกระดุมเสื้อเชิตมัน ถึงมือน้องมีนจะสั่นแต่สั่นสู้นะครับ

     "ใจเย็นสิที่รัก" เรยักคิ้วยียวน เชี่ย ดูหล่อเลวได้ใจ

     "แล้วที่รักเย็นไหวหรอ" ผมตอบ "โอยยย ผัวใครวะ หล่อจริง" บางทีก็อยากตบปากตัวเองที่พูดอะไรน่าอายแบบนี้ ขำตัวเองแก้เก้อก่อนจะก้มจูบริมฝีปากร้อนนั้นเบา ๆ รัว ๆ หลายทีก่อนถอนออกมา  เรหน้าแดงเพิ่งเคยเห็นมันเขินก็วันนี้ "ฮิฮิ นึกว่าเขินไม่เป็น"

     "เขินแล้วทำไม" มันเถียง

     "ก็น่ารักไงครับ" คราวนี้แดงไปยันหูเลย โอยยสะใจ ว่าแล้วก็ก้มลงจูบมันอีกสักทีแต่พี่ท่านตั้งหลักได้ มือแกร่งกดท้ายทอยผมไว้ก่อนจะบดจูบร้อนแรงจนแทบละลายเป็นไอ

     "อือ เร อ๊ะ" มืออีกข้างลูบไล้ไปตามกายก่อนสัมผัสส่วนกลางที่เริ่มแข็งขืนแล้วขยับรูดให้เสียวซ่าน มือผมปะป่ายไปหยุดที่ขอบยีนหนาก่อนจะปลดมันลงแล้วจับเรน้อยมาเป็นตัวประกัน ใครจะยอมให้ถูกเร้าคนเดียวละ

     "กินยาผิดมาหรอเมีย" เรแซวแรงพลางก้มลงลากเลียขบเม้มตรงซอกคอให้สะท้าน ไออุ่นจากตัวมันยิ่งกระตุ้นความอยาก ช่วงเวลาที่เราต้องห่าง ไม่ใช่แค่มันที่คิดถึงผมเองก็โหยหาสัมผัสจากมันพอกัน 

     "ทำให้นะ" ผมผละออกจากอ้อมแขนแกร่งก่อนถอยร่อนมาคุกเข่าตรงหว่างขา มองท่อนเอ็นที่แข็งขืนในมือแล้วใจเต้นถี่ 

     ได้มองชัด ๆ ไอ้ความกล้าที่สั่งสมมาเริ่มจะถดถอย แต่มาขนาดนี้แล้วให้หยุดได้ไง ผมสบตาสีน้ำเงินแน่วแน่ ก่อนจะก้มลงเลียแก่นกายตรงหน้า เริ่มที่ส่วนหัวก่อนจะรับมันเข้าไปในโพรงปาก หลับตาลงช้าพยายามคิดว่ากำลังดูดไอติม แม้มันจะเป็นไอติมร้อนที่ละลายในปากไม่ละลายในมือก็ตาม

     "ฮืมมม ดี" เสียงครางต่ำอย่างพึงใจกระตุ้นอารมณ์ดิบให้ริมฝีปากนุ่มปรนเปรอจนร่างสูงสะโพกไม่ติดฟูก ดูดดุน ลากเลีย ในขณะที่มือทั้งสองประครองรูดไปพลาง รู้ดีว่าการถูกออรัลรู้สึกดีแค่ไหนเพราะที่ผ่านมาเรมักทำให้ผมฝ่ายเดียว และตอนนี้ผมอยากทำให้มันบ้าง แค่เสียงลมหายใจกับเสียงครางต่ำมันปลุกเร้าซะจนมีนน้อยปวดหน่วงแม้ไม่ได้สัมผัส

     "ฮื้อ" ผมสะดุ้งเมื่อมือสากลากเบาไปตามแนวสันหลัง ก่อนจะสอดนิ้วเข้ามาทีละนิ้ว ความเย็นของเจลทำเอาผมสะท้าน ฟันเผลอครูดให้ได้ซีดกันไปที "ฮือออ ฮะ เอ ฮืม เร" สุดท้ายต้องยอมผละออกมาเหลือไว้เพียงสองมือ เล่นกระตุ้นจุดกระสันกันแบบนี้ผมคงเผลอกัดมันแน่

     "ขอเข้าไปเลยได้ไหม ไม่ไหวแล้ว" เรบอกเสียงพร่า พลางดึงผมขึ้นมานั่งคร่อมตักแล้วจับลูกชายตัวร้ายจ่อตรงช่องเนื้อนุ่ม ถูกไถไปมา

     "ฮือ" ผมทุบอกมันดังอั๊กข้อหาใจร้อน ยัดมาได้ทีเดียวเจ็บจนน้ำตาซึม ของมึงไม่ใช่เล็ก ๆ เรเป็นแบบนี้ทุกที

     "โทษที คุมตัวเองไม่ค่อยได้" น้ำเสียงที่บอกพยายามข่มอารมณ์เต็มที่ ก่อนจะเลี่ยงไปลงกับยอดอกทั้งสองเพื่อรอให้ผมตั้งตัว

     "ซีดดดด อย่ากัด ฮือ" ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากร้อนขบตรงปลายยอดทั้งสองพร้อมดูดแรงจนแทบจะหลุดติดปาก ไปตายอดตายอยากมาจากไหนเนี่ย 

     "ขยับสิครับ ไหนบอกจะทำให้ไง" 

     "รู้แล้ว ฮะ อื้อ..." เถียงไม่ทันจบประโยค เรมันก็เด้งเอวสวนแรง ๆ มาทีเป็นการเร่ง ผมยกตัวขึ้นจนท่อนเนื้อร้อนเกือบหลุดก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลง "อ๊า!!!" ขาทั้งสองสั่นระริกจากความกระสันที่ได้รับ มันเจ็บปนเสียวแต่ก็รู้สึกดี ขย่มตัวลงเนิบนาบโดยมีเรเอามือจับประครองสะโพกไว้พลางขยับสวน

     เสียงครางผมดังขึ้นเรื่อย ๆ เคล้าคลอไปกับเสียงหอบต่ำของอีกคน เสียงเนื้อกระทบเนื้อหยาดเหงื่อและความร้อน แทบจะเผาเราทั้งคู่ให้เป็นจุล ยิ่งได้สบกับดวงตาสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยความต้องการ ยิ่งทำให้ผมอยากตอบสนอง ควบจังหวะรัวเร็วขึ้นตามแรงปรารถนา ความรู้สึกดีแล่นเข้ามาจนต้องหลับตาเชิดหน้าครางลั่น 

     อารมณ์ของเราพุ่งสูงเรื่อย ๆ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่เรกลับยังไม่ถึงฝั่ง แขนแกร่งช้อนขาผมไปพาดบ่า มือช้อนสะโพกผมไว้จนตัวลอยก่อนเอวหนาจะกระแทกใส่ ทั้งแรงทั้งรัวแถมยังลึกเสียจนจุก สติกระเจิดกระเจิงไปกับรสรัก จนท้ายที่สุดเรก็ปลอดปล่อยออกมาภายใน มันร้อนวาบไปทั่วพร้อมกับผมที่ปล่อยออกมาอีกรอบ

     ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเหลือเพียงเสียงหอบหายใจแผ่ว ๆ เรจับบผมนอนราบกับฟูกนุ่ม ใบหน้าคมก้มลงมาพรมจูบไปทั่วหน้าซึ่งผมก็ได้แต่หลับตารับสัมผัสอ่อนโยนนั่น มือของเรสอดประสานกับมือผมก่อนจะกดมันไว้เหนือหัว ริมฝีปากร้อนเริ่มลากต่ำบอกให้รู้ว่าอะไรที่เพิ่งจบไปกำลังจะเริ่มอีกครั้ง หวังว่าพรุ่งนี้จะลุกไหวนะ



.....................................................................................



     พ่อมาถึงในเที่ยงวันถัดมาพร้อมย่าที่ยืนยันจะตามมาด้วยเพราะเป็นห่วงผมและอยากเห็นว่าผมปลอดภัยกับตา และตอนนี้ท่านทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกของบ้านซานซิโอ โดยมีอาของไอ้แฝดนรกนั่งตรงโซฟาด้านข้าง ผมกับเรก็นั่งอยู่ข้างกัน ถัดไปเป็นเรนที่ลากเก้าอี้มาเพิ่ม

     ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ย่าฟัง รวมทั้งเรื่องที่ผมเองไม่ใช่มนุษย์เพราะมีแม่เป็นเงือก รวมทั้งทุกคนในห้องนี้ก็ไม่ใช่ รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ผมโดนอุ้มไป ว่าเพราะอะไรและกลับมาได้อย่างไร กว่าจะจบได้เล่นเอาย่าลมจับไปหลายรอบ จนผมต้องเข้าไปนวดแข้งนวดขาปลอบใจ

     "สรุปเอ็งคือคนที่ช่วยหลานข้า" เรพยักหน้ารับ "งั้นเอ็งก็ปกป้องหลานข้าได้นะสิ"

     "ครับ ผมมั่นใจว่าทำได้"

     "แล้วทำไมถึงปล่อยหนูมีนมันอยู่ห่างตัวละ" ย่าถามกลับ

     "เอ่อ ก็ป๋า เขา...." ผมอ้ำอึงพลางเหลือบมองหน้าพ่อตัวเอง

     "ก็การอยู่กับไอ้หนุ่มนั่น มีนก็เสี่ยงเหมือนกัน" พ่อแย้งเสียงแข็ง "รอบตัวมันมีแต่อันตราย มีนจะโดนลูกหลงอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้" 

     "อยู่คนเดียวแล้วปลอดภัยหรือไง หลานมันก็รอดมาได้เพราะไอ้หนุ่มคนนี้ไม่ใช่หรอ" ย่าย้อน "แล้วนึกสภาพ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก แกเป็นแค่คนธรรมดา จะช่วยลูกตัวเองแบบไหน"

     "แต่"

     "แต่อะไร" ย่าถามเสียงดุ "เรื่องมันมาขนาดนี้แล้วนะ"

     "เฮ้อ ก็ได้  ให้เด็กมันคบกันต่อก็ได้" พ่อบอกอย่างยอมแพ้้

     "ไหน ๆ ผู้ใหญ่ทางมีนก็มากันครบแล้ว ทางเราเองก็มีเรื่องสำคัญจะคุยเช่นกัน" อารอทเอ่ยขึ้นหลังจากทำตัวเป็นผู้ฟังมานาน "เรื่องงานล่าของสภาหลังจากนี้ผมจะหาคนมาทำแทนพวกเร ถ้าหลานผมไม่เอาตัวเองไปเสี้ยงลูกชายคุรก็ไม่ต้องเสี่ยง แต่อาจต้องรบกวนในบางคดีเท่านั้น"

      "แล้วพวกที่ตามระรานหลานชายคุณละ ถ้าเกิดเรื่องอีกผมกลัวหนูมีนจะเดือดร้อน" พ่อถามต่อ

      "ล่าสุด หัวหน้ากลุ่มซาโตนี่ที่ตามรังควานหลานผมได้ตายไปแล้ว และจากแหล่งข่าวคงไม่มีใครคิดจะสานต่อสิ่งที่เธอทำเพราะมันเสี่ยงต่อองค์กร ผมมั่นใจในระดับหนึ่งว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นอีก แต่ก็ไม่รับปาก โลกของอมนุษย์มันซับซ้อนกว่านั้น" อารอทกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แม้รูปลักษณ์จะยังหนุ่มแต่อายุก็มากพอ ๆ กับพ่อ

      "เอ่อ หากคุณพ่อน้องมีนกังวล ฉันจะส่งคนของตระกูลมาคอยดูแล ทางที่ดีให้น้องมีนออกงานในนามของซานซิโอบ่อย ๆ จะช่วยประกาศเรื่องสถานะในโลกของพวกเรา ชื่อของซานซิโอจะช่วยคุ้มครองตัวน้องได้ในระดับหนึ่ง" อาซอนเน่เสนอเมื่อพ่อยังดูค้างคาใจ

     "ขอบคุณพวกคุณนะ มาคิดดูแล้วถึงอยู่กับเรลูกผมจะเสี่ยงแต่ก็เสี่ยงน้อยที่สุดแล้วในหนทางทั้งหมด งั้นฝากหนูมีนด้วย" พ่อบอก

     "ผมยังมีอีกเรื่องครับ" อารอทบอกก่อนส่งสัญญาณให้คนรับใช้

     แม่บ้านจะยกบางอย่างมา มันคือพานบายศรี กับพานที่ใส่ธูปเทียน หมากพลู และไข่ต้มสองใบ เรดึงมือผมให้นั่งลงพื้นตรงหน้าพ่อกับย่าก่อนจะรับเอาพานทั้งสองมาวางไว้ตรงหน้า 

     "ผมเห็นความพยายามของหลานชายที่ผ่านมาจึงอยากทำให้ถูกต้อง วันนี้ในฐานะญาติผู้ใหญ่ของเร ผมจะสู่ขอ น้องมีนให้กับหลานชายผม ทางคุณจะว่ายังไง" สิ้นคำของอารอท ผมได้แต่นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ถึงว่าของในพานมันคุ้น ๆ เหมือนที่ใช้ในงานแต่งแถบอีสานบ้านผมเลย 

     "บอกแล้วว่าจะเอาผู้ใหญ่ไปขอ" มันก้มมากระซิบกระซาบบอก ไม่คิดว่าเรจะทำอะไรจริงจังขนาดนี้

     "เอาจริงหรือเนี่ย" ผมพึมพำแบบอึ้ง ๆ

     "ผมไม่ค่อยรู้พิธีการของไทยเท่าไหร่ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้ หรือถ้าอยากให้จัดงานผมก็จะจัด ส่วนเรื่องสินสอดอยากได้อะไรผมจะหามาให้ ผมขอดูแลมีนต่อจากนี้ได้ไหมครับ" เรว่า ดวงตาสีน้ำเงินสบตาพ่อผมอยากจริงจังแน่วแน่

     "แม่ว่าไง" ท่านหันไปถามย่า พ่อดูเกร็งอย่างเห็นได้ชัด ผมก็เช่นกันเพราะเหตุการณ์มันฉุกลหุกเกินไป 

    "ใจข้ายกให้ตั้งแต่รู้ว่าพ่อหนุ่มตามไปช่วยไอ้หนูมีนมันได้แล้ว" ย่าว่าพ่อนิ่งเงียบไปนาน จนเผลอกลั้นหายใจเพราะลุ้นว่าท่านจะตอบแบบไหน ถ้าพ่อปฏิเสธละในใจนึกกังวลไปต่าง ๆ นา ๆ

     "งั้นก็ตามย่าว่าแล้วกัน" พ่อบอกพร้อมยิ้มให้ "ส่วนเรื่องสินสอดดทางนี้ไม่ได้ต้องการอะไร แค่รับปากว่าจะดูแลหนูมีนดี ๆ ทำให้มีความสุขก็พอใจแล้ว ส่วนอย่างอื่นถ้าอยากให้ เอาให้ไอ้หนูมีนมันได้เลย ป๋าไม่อยากได้หรอกเงินทอง ป๋ามีพอแล้ว" พ่อบอกพลางลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ส่วนผมได้แต่ก้มหน้าก้มตามองพานอย่างขัดเขิน ไม่คิดเลยว่าจะมีโมนต์แบบนี้ในชีวิต 

     "เอ้าเอ็งสองคนยื่นแขนมานี่" ย่าบอกพลางหยิบฝ้ายบนพานมา จับแขนของผมกับเรไขว้กัน โดยที่เอาแขนเรทับแขนผมเพราะต้องเอาแขนเจ้าบ่าวทับเจ้าสาวตามทำเนียมแต่ในกรณีผู้ชายทั้งคู่ก็เอิ่ม...ตามนั้น ก่อนบรรจงผูกข้อมือให้เราพร้อมอวยพร

     "ข้อให้เอ็งสองคนมีความสุข มีความอดทนและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แม้ยามลำบากก็ให้นึกถึงวันที่มีความสุขร่วมกันแล้วผ่านมันให้ได้ การที่เอ็งสองคนเป็นผู้ชายรอบข้างก็ยังมีคนมองไม่ดีอยู่ ให้นึกถึงความสุขของอีกคนเป็นสิ่งแรกอย่าเอาคำพูดรอบตัวมาใส่ใจ รักกันนาน ๆ นะ" ย่าบอกพลางยกมือลูบหัวผมและเร 

     "พ่ออาจยังไม่เข้าใจว่าโลกของอมนุษย์เป็นแบบไหน เมื่อเทียบกับอายุพวกลูกแล้ว คงอยู่ดูแลหนูมีนได้ไม่นาน งั้นก็ฝากลูกชายพ่อด้วย ขอให้มีความสุขนะ" พ่อผูกแขนและอวยพรให้บ้าง ตามด้วยคุณอาทั้งสองของเร แล้วปิดท้ายด้วยน้องเลิฟของมัน เสร็จแล้วเรจึงหยิบไข่ต้มที่ปอกแล้วผ่าครึ่งในพานยื่นให้ผมครึ่งหนึ่งแล้วถือไว้อีกครึ่ง ก่อนที่เราจะป้อนให้อีกฝ่ายกิน 

     นัยน์ตาสีน้ำเงินที่มองมาเต็มเปลี่ยมด้วยความรักจนผมแต่ก้มหน้าก้มตาที่ตอนนี้คงแดงไปถึงหู เขินจนแทบบ้า รู้สึกร้อนที่ขอบตาก่อนน้ำตามันจะไหลออกมาอย่างตื้นตัน เรยิ้มพลางเชยคางผมขึ้นสบตาก่อนจะปาดเช็ดน้ำตาออกจากสองแก้มแล้วจรดริมฝากร้อนลงบนหน้าผากจนอุ่นวาบไปถึงใจ แม้ไม่ใช่พิธีการใหญ่โตแต่ก็มีความหมายมากสำหรับผม

     "ขอบคุณที่เข้ามาให้รักและมอบความรักให้ จากนี้มีนเป็นของเรอย่างเป็นทางการแล้วนะ"  มันกระซิบข้างหูก่อนจะหอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่ ผมจึงโผเข้ากอดมันแน่นพลางสะอื้นไห้ออกมากอย่างสุดกลั้น ความสุขมันเอ่อล้นอยู่ภายใน ผมดีใจที่เจอมัน ถึงอยู่กับมันบางทีก็ลำบาก ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไม่รู้กี่ครั้งแต่ความสุขที่ได้รับกลับมีมากกว่า คิดว่าหากวันหนึ่งไม่มีมัน มีนคนนี้คงอยู่ไม่ได้

     "ขอบคุณเช่นกัน ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง รักมึงนะเร  รักมึงมาก จากนี้อย่าทิ้งกูนะ อย่างห่างจากกูนะ อยู่กับกูตลอดไปนะ"

     "แน่นอนที่รัก"

     "เฮ้อ" เสียงถอนหายใจแบบปลง ๆ ของย่าดังขึ้น ผมนี่รีบหันไปมองกลัวท่านเปลี่ยนใจ  "งี้ก็อดอุ้มหลานเลยสิ" ย่าบ่นแต่ปากกลับยิ้ม 

     ถ้ามีให้ได้มีไปนานแล้ว

End

จบไปแล้วกับการรีไรท์รอบนี้ เดี๋ยวเอาตอนพิเศษมาลงให้นะคะ ที่จริงมีหลายตอนแต่เหมือนมีคนถามซื้อไปพิมพ์ถ้าตงลงกันยังไงแล้วจะมารบอกอีกที

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Dark_Sky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao6:  :hao6: ผิดมั้ยที่ิยากเหนลูกของหนูมีนกับเร
 :pig4:

ออฟไลน์ sweetie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เพิ่งอ่านจบไป ไม่รู้ว่ามารีไรท์
เดี๋ยวมาอ่านอีกรอบนะ ชอบแนวนี้มาก
ขอบคุณผู้แต่งด้วยจ้า :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
Intro Rainy Day

     พี่เรกับมีนเพิ่งผูกข้อไม้ข้อมือกันไป ย้ำเตือนชีวิตคู่ของพวกมันอย่างจริงจังหลังจากที่ผ่านอุปสรรคมามากมายด้วยความอดทนและเชื่อมั่นในกันและกัน ความรักของสองคนนั้นมากมายจนผมยังอิจฉา แล้วมีหรือน้องเรนจะน้อยหน้าถึงเวลาที่ผมจะบอกความในใจกับคนที่ผมเฝ้ารอมานานซักที

     วันนี้เป็นวันที่ผมใช้เวลาอยู่หน้ากระจกนานกว่าทุก เพราะอยากดูดีที่สุดทั้งที่ปกติเรนคนนี้ไม่เคยกังวลในรูปลักษณ์ตัวเองเลย แล้วจบลงด้วยเสื้อโปโลสีครีมที่ตรงปกคอและแขนตัดด้วยสีน้ำตาลที่ซอนเน่ซื้อให้ วันนี้เป็นวันเกิดซอนเน่ ผมไม่ลืมที่จะหยิบกล่องของขวัญขนาดกลางที่ห่อไว้อย่างดีติดมือขึ้นรถไปด้วย

     ซอนเน่เป็นผู้หญิงที่สวยและเก่ง แต่เธอไม่มีใครเพราะทั้งชีวิตของผู้หญิงคนนี้ทุ่มเทให้กับงานและดูแลหลานๆ อย่างพวกผม เธอแทบจะไม่ได้พักร้อน เธอลืมแม้กระทั่งวันเกิดตัวเอง ทั้งที่เธอมักจะทำเพื่อคนอื่น ๆ เสมอโดยเฉพาะเพื่อให้ผมกับพี่มีความสุข

     (วันนี้สินะ) เสียงไอ้พี่เรดังขึ้นในหัวขณะที่ผมกำลังออกจากห้อง

     (ก็รอมานานแล้ว จะรุ่งหรือจะแห้วให้มันรู้กันไปเลย) ผมตอบ

     (ขอให้สมหวังแล้วกัน ถ้าอกหักจำไว้มึงยังมีกู) ก็ยังไม่วายแช่งอีกนะพี่เวร เอาวะเป็นไงเป็นกัน 

     ผมขับรถมาที่ตึกสำนักงานของสภากลาง ผมเกลียดรถติดแต่ก็มาบ่อยเพราะหัวใจมันอยู่ตรงนี้ กดลิฟท์ไปชั้นรองสุดท้ายก่อนจะก้าวเดินไปตามโถงด้วยใจเบิกบาน มองของขวัญในมือด้วยรอยยิ้ม มันเป็นกรอบรูปที่ผมทำขึ้นเองกับมือ ในนั้นมีรูปของทุกคนในบ้านซานซิโออยู่ ซอนเน่ไม่ได้ชอบของแพงแต่เธอชื่นชอบของที่ทำออกมาจากใจ

     "ท่านอาผมมาแล้ว" เสียงเจื้อยแจ้วทักทายพร้อมเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาวะ

     "อ๊ะ เรน" ภาพตรงหน้าทำให้ผมแทบหยุดหายใจ เมื่อร่างบอบบางของคนที่ผมรักอยู่ในอ้อมกอดของใครอีกคน ท่านอายิ้มแห้งๆ มาให้ผมก่อนผละออกมาจากอ้อมแขนของอัลไสวเดอร์ 

     "ไงเรน" เจ้าของเรือนผมสีเงินเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม "ฉันเอาเค้กมาเซอร์ไพซอนเน่นะ" อัลไสวเดอร์บอกพลางยิ้มกว้างให้ซอนเน่ คนถูกมองได้แค่ก้มหน้าหลบอย่างเขินอาย ซึ่งมันก็ชัดอยู่แล้วว่าคนตรงหน้ารู้สึกต่อกันยังไง 

     "สะ สวัสดีครับ เอ่อ" ผมที่พึ่งหาเสียงตัวเองเจอทักตอบ "ผมแค่เอาของขวัญมาให้นะ"

     "ขอบใจจ๊ะ หลานอาน่ารักที่สุด" ซอนเน่ยิ้มกว้างก่อนจะถลามากอดผมไว้แน่น พร้อมหอมแก้มอีกที หลานอา...ผมมันเป็นแค่หลานสินะ ได้แต่ยิ้มรับทั้งที่ใจไม่ยิ้มเลย

     "งั้นผมกลับก่อนนะ ตามสบายเลยครับไม่อยากเป็น กขค" ปากก็แซวกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มันกำลังดิ่งของตัวเอง ก่อนจะหันหลังเดินออกมา

     แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ผมยิ้มหยันให้กับความกากของตัวเอง มัวแต่ชักช้าโดนคนอื่นตัดหน้าซะได้ แถมไอ้คนที่ตัดหน้าชนะเขาทุกอย่าง เพราะเป็นคนที่ท่านอาปลื้มมานาน แถมยังเป็นถึงผู้นำตระกูลอาร์เคน เรื่องหน้าตาถึงหมอนั่นจะอายุขึ้นเลขร้อยแต่แวมไพร์ย่อมไม่แก่ตามกาลเวลา ช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบชนิดที่ว่าผมไม่มีสิทธิไปแทรกกลาง

     ผมนั่งเหม่ออยู่ริมน้ำเยื้องๆ กับสะพานสูง หลังออกจากสำนักงานก็พาตัวเองมาอยู่ตรงนี้เพราะมันเงียบดี เพื่อสงบจิตสงบใจ พร้อมโทรไปดราม่าให้พี่เรฟัง

     "ไงคนอกหัก" ดู ๆ มันทักเหมือนมันรู้

     "แหมไอ้พี่ จะโทรมาให้โอ๋หมดอารมณ์เลยเนี่ย" ผมบ่นพลางยิ้มขื่น

     "ร้องไห้ไหมน้องรัก เดี๋ยวจะไปหาให้ซบอก" มันแซว 

     "ใช่ซี้ ใครจะไปสมหวังในรักแบบมึงละครับ เฝ้ามาตั้งนานโดนหมาคาบไปแดกซะงั้น"

     "สรุป คือจะร้อง!!!?" 

     "มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก" ผมบอก อาจเพราะรักท่านอาข้างเดียวมันทุกข์ปนสุขมานาน พออกหักจังๆ เลยไม่เจ็บเท่าไหร่มั้ง มันก็แค่เคว้งๆ หน่วงๆ เดินไม่ได้ไปไม่เป็นก็แค่นั้น เพราะอีกใจหนึ่งผมก็ยินดีที่ซอนเน่ได้สมหวังกับคนที่ปลื้มมานาน ผมรักเธอมาก รักเธอในหลาย ๆ ความหมาย และก็รักมากพอที่จะมีความสุขหากซอนเน่ก็มีความสุข

     ...ผมไม่ได้หล่อแค่หน้าหรอกนะ ใจผมอะหล่อมากกกกก...

     "แล้วเอาไงต่อ" เรถาม

     "ยังไม่รู้อะพี่ ยังไม่อยากกลับบ้านไปดูพวกมึงสวีทกันให้อิจฉาเล่น มันก็เฮิธๆ อะ อยากเมา อยากเหล้า อยากหาหญิงเอาให้ลืมเธอ" ตอนนี้คงต้องหาอะไรทำให้หายฟุ้งซ่านก่อนละ ผมไม่ใช่ประเภทมานั่งเศร้ากับชีวิต คนเรามีผิดหวังและเสียใจถ้าเรายังไม่ตายมันก็เริ่มใหม่ได้เสมอ 

     "ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม" 

     "ไม่ต้องหรอกพี่ อยู่กับเมียไปเถอะ" ผมบอก โตแล้วไม่อยากให้พี่เรมาห่วงมาก "เกิดผมลากสาวๆ มาเต็มโต๊ะ ไอ้พี่มึงจะซวยเอา" ขนาดครั้งที่แล้วมีนเจอพี่เรในผับ ตอนนั้นพวกผมแฝงตัวทำภารกิจกัน มันยังโกรธจนหนีหายให้ได้ตามหากันให้วุ่น

    "ตามใจแล้วกัน" 

     "เฮ้ย!!!" ผมที่ทอดสายตามองไปเรื่อยก็ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ บนสะพานสูงมีคนกำลังปีนระเบียง แล้วกระโดด ในยามที่ร่างนั้นกำลังดิ่งสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง สัญชาตญาณสั่งให้ผมกางปีกทะยานเข้าหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว

     ฟุป!!! ผมรับร่างนั้นได้ทันก่อนที่มันจะกระแทกกับผืนน้ำ กระโดดจากสะพานสูงรวมห้าสิบเมตรลำพังแรงกระแทกก็ตายคาทีแล้วมั้ง ไม่ต้องรอให้จมหรอก 

     "ทำบ้าอะไร!!" ผมถามเสียงตื่นทันทีที่พาอีกคนเข้าฝั่ง พอเท้าถึงพื้นไอ้คนในอ้อมแขนก็ทั้งดิ้น ทั้งผลัก 

     "ปล่อยกู ฮึก ปล่อยกูสิ กูไม่อยู่แล้ว กูไม่เอาแล้วไอ้ชีวิตเฮงซวยเนี่ย" เสียงโวยวายเจือสะอื้นดังก้องบริเวณ ดีนะแถวนี้ไม่มีใครอยู่แถมเจ้าตัวคงไม่มีสติพอรับรู้ว่าผมช่วยด้วยวิธีไหน

     "เฮใจเย็นสิ" ผมพยายามบอกพลางรวบร่างเล็กนั้นไว้แน่น 

     "ปล่อยเลย นายเป็นใคร ปล่อยดิวะ" เจ้าตัวยังคงตะโกนต่อไปจนเสียงแหบแห้ง ก่อนจะเริ่มหมดแรงแล้วแต่ก็ยังร้องไห้อย่างน่าสงสาร 

     พออีกคนยอมอยู่นิ่งๆ จึงมีโอกาสสำรวจคนที่เพิ่งช่วยไว้อย่างจริงจัง ใบหน้าหวานใสบัดนี้อาบไปด้วยน้ำตา ดวงตาสีดำหมองเศร้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด สิ่งที่เจอมันเลวร้ายแค่ไหนกัน ถึงทำให้คนๆ หนึ่งละทิ้งชีวิตได้ขนาดนี้

     "มาช่วยทำไม" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามพลางเงยหน้ามองผม ใบหน้าขา ตาโต จมูกนิด ปากหน่อย บอกผมสิว่านี่ผู้ชาย ยิ่งร้องไห้ จนจมูกแดง ขอบตาแดงกับน้ำตาคลอ แถมปากยังแดง...แม่งโคตร คาวาอี้เลยสัส...

     "ไม่รู้เหมือนกัน ร่างกายมันไปเอง" ผมบอกเสียงเบา "ทำไมถึงคิดฆ่าตัวตายละ" 

     "ก็ไม่มีใครต้องการเราแล้วนิ" เจ้าตัวบอกเสียงเบา พลางกัดปากเล็ก ๆ นั่นกั้นสะอื้น 

     "ไม่จริงหรอก" 

     "จริงสิ ฮึก...พ่อกับแม่ ก็ทิ้งเรา ยายก็ทิ้งเรา แฟนเราก็ทิ้งเราไปแต่งงานกับคนอื่น ฮือออ จีบเรามาตั้งนาน คบกันมาตั้งนาน ก็มาบอกว่าแค่อยากลองกับผู้ชาย ฮึกกกก...แม่งเหี้ย!!! ทำไมละ เรามันไม่ดีหรอ พี่เขาไม่เคยรักเราเลยใช่ไหม ฮึก" ร่างเล็กสะอื้นตัวโยนจนต้องกอดเอาไว้แนบอกพลางลูบหัวเบา ๆ 

     ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอ่อนไหวไปกับคนตรงหน้านัก ผมเองก็อกหักแต่อาการก็ไม่ถึงขั้นฟูมฟาย ทั้งที่เจอกันครั้งแรกแต่ผมกับร้อนใจเสียจนลืมเรื่องของตัวเองไปเลย

     "ชู่ว!!! อย่าไปร้องไห้ให้คนเลวๆ เลย" เสียทุ้มเอ่ยปลอบ ผู้ชายคนนั้นแม่งควาย ทั้งที่มีคนรักมันถึงขั้นยอมตายให้ได้มันกลับไม่เห็นค่า ถ้าเป็นผมหากมีใครซักคนรักผมขนาดนี้ คงจะดูแลใครนั้นให้ดีที่สุด

     "เราจะไปอยู่กับพ่อกับแม่ เราจะไปอยู่กับยาย บนสวรรค์ต้องมีคนรักเราแน่" คนตัวเล็กบอกอย่างเลื่อนลอย "ปล่อยเราไปเถอะนะ เราไม่ต้องการแล้วชีวิตนี้ เรา ฮึก ไม่อยากอยู่แล้ว" เสียงเศร้าๆ อ้อนวอนอย่างน่าสงสาร 

     "นายชื่ออะไร"

     "ซัน" ชื่อก็ฟังดูสดใส แต่ชีวิตไม่สดใสเอาเสียเลย

     "ไม่เอาแล้วใช่ไหมชีวิตของนายนะ" ผมถามพลางยิ้มบางเมื่อนึกบางสิ่งได้ คนในอ้อมกอดส่ายหัวน้อยแทนคำตอบ นั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้างขึ้นอีก "งั้น ชีวิตนายถ้าไม่เอาแล้ว ผมขอแล้วกัน"

      "ฮะ" คนตัวเล็กเงยหน้ามองผมตาโต 

     "ผมเป็นคนช่วยไว้ ชีวิตนายเป็นของผมแล้วนะ ตกลงตามนั้น"

      "เอ่อ...เฮ้ย!!!"


:katai5: อยากตามใจตัวเอง มาลงให้แล้ว น้องเรนไม่แห้วหรอกจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด