พิมพ์หน้านี้ - Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: l3loodl2o5e ที่ 05-10-2017 01:07:03

หัวข้อ: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 05-10-2017 01:07:03
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ :oo1:

เพิ่มเติม


งานเขียนย่อมจัดเป็นงานวรรณกรรม  ซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537  มาตรา 6  ท่านซึ่งเป็นนักเขียน  ย่อมเป็นผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานเขียนซึ่งเป็นงานวรรณกรรม  อันมีลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว  ท่านย่อมเป็นผู้รังสรรค์  อันเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานเขียนของท่านดังกล่าวที่ได้สร้างสรรค์ขึ้น ซึ่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537  ย่อมให้ความคุ้มครองแก่ท่านเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานเขียนดังกล่าวโดยอัตโนมัติ  ไม่จำต้องจดทะเบียน  โดยท่านในฐานที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำซ้ำ หรือดัดแปลง  หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนหรือให้ประโยชน์อันจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น  ซึ่งงานเขียนดังกล่าว  ตามมาตรา 15  แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ  ดังนั้น  หากทางสำนักพิมพ์ได้นำงานเขียนนั้นไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดไปพิมพ์จำหน่าย  อันเป็นการทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน  โดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านเจ้าของลิขสิทธิ์  ย่อมถือว่า  เขาได้ละเมิดลิขสิทธิของท่าน  ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 20,000 -200,000 บาท  ตามความแห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27,69  และวิธีการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งานเขียนของท่านดังกล่าว  ท่านย่อมเก็บงานอันเป็นต้นฉบับเอาไว้  และส่งตัวสำเนาไปยังสำนักงานพิมพ์นั้น ๆ  เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันในการพิสูจน์การละเมิดลิขสิทธิ์นั้น
หัวข้อ: Re: ReWrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทนำ P1
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 05-10-2017 01:34:46
ทักทายค่ะ

สำหรับเรื่อง Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ อิงเนื้อหามาจาก NightKnight อัศวินรัตติกาล แต่ภาคนี้เป็นเรื่องราวของอีกเผ่าพันธุ์ค่ะ

"สาเหตุที่รีไรท์เรื่องนี้ เมื่อเราย้อนกลับไปอ่าน พบว่าเป็นงานเขียนที่มีข้อผิดพลาดเยอะมากเมื่อเทียบกับเรื่องอื่น ๆ ของตัวเอง ทั้งเนื้อเรื่องที่รวบรัดจนอาจทำให้ผู้อ่านตามไม่ทัน รวมทั้งภาษาที่ไม่ค่อยสละสลวย ฉบับนี้จึงมีการปรับเนื้อหาในบางส่วนและแก้ไขเรื่องสำนวนในการแต่งให้ดีขึ้น"

สำหรับคนที่ชอบงายวายประยุกต์ ที่ผสมผสานความแฟนตาซี หวังว่าจะชอบนะค่ะ

ส่วนคนที่อ่านแล้ว อ่านอีกรอบได้นะ ขอโอกาสแก้ตัว

และยังยินดีรับคำติชมดังเดิมค่ะ

.........................................................................................


บทนำ

     สภาวะเตียงดูดมักเกิดขึ้นยามเช้าในวันที่คุณมีธุระสำคัญ ดังเช่นวันนี้ เปิดเทอมวันแรกของชีวิตมหาลัย ผมลากสารร่างออกจากที่นอน คว้าเอาผ้าขนหนูข้างเตียงก่อนเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเองทั้งที่ยังหลับตาอยู่แบบนั้น ทั้งที่เมื่อคืนก็บอกตัวเองแล้วว่าจะไม่นอนดึกแต่ดูการ์ตูนเพลินจนเกือบตีสาม ชีวิตผมก็มีแค่นี้แหละ ขลุกอยู่หน้าคอมกับสาวสองดี ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียวเพาะไอ้ความชอบนี้ก็ทำให้ผมสอบติดคณะศิลปกรรม อันเนื่องมาจากการฝึกวาดภาพคาแรคเตอร์ที่ชื่นชอบ
 
    อาบน้ำเสร็จก็ต้องมาง่วนกับการผูกเนคไท ปกติก็ไม่เห็นผูกกันหรอกครับ แต่วันแรกต้องถ่ายรูปติดบัตรเต็มยศนิดหนึ่ง
โว้ย ยากจัง ไม่ผูกแม่ง ไว้ไปหาเพื่อนที่คณะผูกให้แล้วกัน คิดได้ดังนั้นก็คว้าเอาแว่นมาใส่เป็นอันจบกระบวนการ

     ผมก้าวเท้าออกจากหอพักที่ย้ายมาอยู่ได้เกือบสองเดือนในช่วงปิดเทอมใหญ่ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดครับแต่เข้ามาเรียนในเมืองตั้งแต่มัธยม ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่กับญาติแต่พอเข้ามหาลัยจึงขอย้ายมาอยู่คนเดียว ครอบครัวผมมีพ่อและย่าครับฐานะจัดว่าดี แต่ก็นะลูกผู้ชายมันต้องพึ่งตัวเองจึงทำงานพิเศษบ้างเป็นครั้งคราว เวลาเอาเงินไปใช้ไร้สาระจะได้ไม่ต้องกังวลใจ ดูเวลาในไอโฟนเจ็ดโมงสิบห้าไปแล้ว ยังพอมีเวลาแวะโรงอาหารในมอ*

     ผมเดินลัดออกมาตรงซอยเล็ก ๆ ข้างหลังหอซึ่งลัดไปถนนใหญ่ เป็นซอยแคบ ๆ เกินกว่าที่รถยนต์จะสัญจร ขณะที่เดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามทาง เสียงโวยวายตรงมุมถนนดึงความสนใจให้หันมอง

     "เฮ้ย!!" ถังขยะที่ควรจะวางอยู่ตรงเสาไฟล้มกลิ้งขวางทาง ถอยหลบแทบไม่ทัน แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับชายร่างยักษ์ที่ล้มกลิ้งมาพร้อมกันด้วยร่างสะบักสะบอม แถมยังมีอาการลนลานคลานหนีตายอย่างน่าสังเวช 

     ชายคนนั้นยังไม่ทันไปไหนไกลก็ถูกลากกลับด้วยมือใครอีกคน ผมมองเจ้าของมือนั้นอย่างตื่นตะลึง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่มองตอบมาให้ความรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว

     จะไม่ให้อึ้งได้ไงครั บพี่แกเล่นลากผู้ชายตัวโตกลับด้วยมือข้างเดียว ทุกสิ่งเกิดขึ้นไวมากเมื่อคนที่ลากกลับจัดการเอามีดสีเงินเชือดคออีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยมจนเลือดกระเด็นเต็มเสื้อนักศึกษาที่ใส่อยู่ ผมได้แต่ยืนช๊อคตาค้างอยู่ตรงนั้น

    ...นี่มันการฆาตกรรมชัด ๆ ความซวยของผมที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้...

     "เฮ้อ โดนเห็นเข้าแล้ว" เสียงถอนหายใจดังขึ้นข้างหูทำผมสะดุ้งรีลหันกลับไปมอง ใครอีกคนกำลังแย้มยิ้มสดใส ใบหน้าเหมือนกับเจ้าของมีดหากแต่ต่างตรงนัยน์ตาที่เป็นสีเขียวเท่านั้น "ไม่รอบคอบเอาซะเลย"

     ผมมองทั้งสองสลับกันพลันถอยห่างคนใกล้ตัวอย่างเร่งรีบจนสะดุดแต่ยังไม่ทันล้มเจ้าของตาสีเขียวก็คว้าแขนไว้ได้ทัน เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย มันคงไม่ฆ่าปิดปากผมหรอกนะ

     "ขอโทษ ไม่ได้อยากทำให้ตกใจ" ใบหน้านั้นยังคงแย้มยิ้ม แต่ตัวผมกำลังสั่นด้วยความกลัว "กลัวเหรอ เราไม่ทำอะไรนายหรอก"

     "จริง?" ผมถามพลางเงยหน้ามองคนสูงกว่าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งที่แฝดนายเพิ่งเชือดคอคนไปต่อหน้าต่อตา

     "จริงสิ เพียงแต่ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร รู้ใช่ไหมถ้าบอกจะเกิดอะไรขึ้น" นิ้วเรียวไล้คอผมก่อนจะกรีดเล็บลงแผ่วเบาให้ขนลุกไปกับความหมายที่แอบแฝง

     ตาย!

     "มะ ไม่บอกหรอก"

     "ดีมาก" หมอนั่นว่าก่อนจะยีหัวผมอย่างเอ็นดู? เขาหันไปทักคู่แฝดของตนที่ตอนนี้โยนอาวุธในมือทิ้งลงบนศพอย่างไม่ใยดี 
"เสื้อพี่เลอะ กลับไปเปลี่ยนก่อนไหม?"

     คนถูกทักมองสำรวจตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเดินตรงมาทางผม นัยน์ตาสีน้ำเงินจ้องมาเพียงชั่วครู่ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกอย่างลืมตัวแล้วเดินผ่านไป คนอะไรน่ากลัวชะมัด!

     "ผมไปได้หรือยัง คือมันสายแล้ว" ผมถามเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ปล่อยผม 

     พอมองดี ๆ หมอนี่ดูดีเป้นบ้า ใบหน้าคมคายบวกกับผิวสีแทนและรูปร่างสูงใหญ่ คงไม่ใช่คนไทยแน่ ๆ หล่อขนาดนี้พวกผู้หญิงคงกรี๊ดน่าดู  แต่ตอนนี้ผมอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่มีอารมณ์มากร๊ดกร๊าดอะไรทั้งนั้น

     "อ่า จริงสิ สายแล้วนี่เนอะ"

     "ปล่อยผมเถอะ" ผมท้วงเสียงเบา หมอนั่นก็ยอมปล่อยแขนแต่โดยดี

     "ฉันชื่อเรนนะแล้วเจอกัน" เจอกัน!? ใครจะไปอยากเจอวะ

     "ไม่ละ ขอบคุณนี่" ผมพูดรัวเร็วก่อนรีบโกยแนบออกมาก



*ม., มอ = มหาวิทยาลัย


..................................................................

Night knight อัศวินรัติกาล >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.0)
หัวข้อ: Re: ReWrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทนำ P1
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 05-10-2017 02:27:50
บทที่ 1


     เปิดเทอมวันแรกของผมเจอเรื่องสยองขวัญแต่เช้าเลย ผมหนีเข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำของโรงอาหารเห็นเลือดแล้วความอยากอาหารมันลดลง พยายามข่มใจที่สั่นด้วยความกลัวให้สงบ ลืมมันผมต้องลืมมัน ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนรีบตรงไปที่คณะเพราะมันเลยเวลามามากแล้ว

     "วันแรกก็มาสายเลยนะ!" เสียงทักของรุ่นพี่ที่น่าจะเป็นพี่ระเบียบต้อนรับผมทันที่เสนอหน้าถึงตึกคณะ ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ แทนคำตอบเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไง

     "นี่ก็อีกคน!" อีกคน? นอกจากผมยังมีคนมาสายอีกสินะ หันไปมองเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยความยินนดี หรือเปล่า!? เพราะเพื่อนที่ว่าคือไอ้ฆาตกรเมื่อเช้านั่นเลยครับ

     "วะ....หวัดดี" แล้วจะทักมันเพื่อ!? นิ่ง มันหันมามองผมหน้านิ่ง โอ๊ยยย!!! คนหรือหุ่นยนต์วะ หรือมันอาจจะเป็นเครื่องจักรสังหารถูกส่งมาจากโลกอนาคตเพื่อฆ่าแม่ของพระเอกที่จะเกิดไปกำจัดมันเหมือนในหนังก็เป็นได้

     "จะยืนจ้องกันอีกนานไหมครับ ปฐมนิเทศเริ่มจนจะจบอยู่แล้วมาป่านนี้ไม่ต้องเข้าไปแล้ว นี่อะไร เนคไทก็ไม่ผูก!" งือ...มันมาเป็นชุดเลย อย่าจ้องผมแบบนั้น ผมไม่ได้ไปทำใครท้อง

     "ผมผูกไม่เป็น" ตอบเสียงแผ่วก่อนดึงเนคไทในกระเป๋ากางเกงออกมาโชว์ว่ากูไม่ได้ลืมเข้าใจไหม!!!

     "เรานะช่วยผูกให้เพื่อนที เพื่อนกันต้องช่วยกันสิ!" รุ่นพี่ดึงเนคไทในมือผมไปยัดใส่มือคนข้างตัว 

     ม่ายยย...พี่ไม่รู้เหรอมันอาจเอาเนคไทรัดคอผมตายก็ได้

     ผมสะดุ้งเมื่อผ้าเส้นบางพาดลงบนคอและถูกผูกเรียบร้อยสวยงาม จนเผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

     "ขอบคุณ" หมอนั่นเหลือบมองผมแวบหนึ่งก่อนหันไปมองทางอื่น โอ๊ยย อึดอัดเป็นบ้า

     "ชื่ออะไรรหัสอะไรกัน!" 

     "ผมชื่อ มีน มัสยา สิงหคิรี รหัส 182ครับ" ผมแนะนำตัวพร้อมรหัสนักศึกษา นามสกุลผมชัดมากครับสำหรับคนทางเดียวกันจะรู้เลยว่าผมมันเด็กอีสานบ้านเฮาอันมีบิดาเป็นคนโพนพิสัย จังหวัดหนองคายครับ ผมไม่สนหากมีใครล้อว่าผมลาว บอกเลยว่าภูมิใจ

      "แล้วอีกคนละ" พี่ว๊ากหันไปถาม ทีกับมันพูดซะเบา ผมแอบลุ้นว่าหมอนี่จะแนะนำตัวหรือเปล่านะ ตั้งแต่เจอกันมายังไม่เห็นพูดอะไรซักคำ
 
     "เร อมันเร เรเวน รหัส 183 ครับ" พระเจ้ามันไม่ได้เป็นใบ้ รหัสต่อผมเลยด้วย นามสกุลฝรั่งจ๋า ถึงว่าตาสีน้ำเงิน พี่ชื่อ เร น้องชื่อ เรน 

     "รู้ใช่ไหมคนสายต้องถูกลงโทษ!" ได้แต่พยักหน้ารับหงอยๆ "วิ่งรอบสนามฟุตบอลสิบรอบ แล้วกลับมาให้ทันถ่ายรูปติดบัตรด้วย ตอนบ่าย!" ไม่ต้องตะคอกทุกคำก็ได้ เจ็บคอแทน

     สิบรอบ สนามฟุตบอลมหาลัยมันเล็กซะที่ไหน มองดูเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว อีพ่ออีแม่ แล้วจังซี่ผู้ข้าซิได้กินข้าวเที่ยงกับเขาบ่ เริ่มบ่นภาษาถิ่น แต่ก็ได้แต่ตอบรับแล้วเดินคอตกมาที่สนามพร้อมกับเพื่อนร่วมคณะผู้แสนดี?อีกคน

     รอบแรกพอไหวๆ ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น

     รอบสามโอย...แดดประเทศไทยร้อนเว่อ

     รอบห้าแฮกๆ เหนื่อยไม่ไหวแล้ว


     เหลือบมองเพื่อนร่วมชะตากรรมหมอนั่นยังคงวิ่งต่อไปไม่ได้เร่งรีบแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยเท่าไหร่นัก เรมันต้องเป็นหุ่นยนต์แน่ๆ 

     -♬。 ♫♫~♬ ♫~♬ -

    เสียงโทรศัพท์ดังขัดอารมณ์เพ้อ ผมรีบกดรับแบบไม่ได้ดูคนโทร

     "ไอ้เชี่ยมีนนนนน มึงหายหัวไปไหนไม่ทราบ ทำไมไม่เข้าปฐมนิเทศ" สีแหลมวีนลั่นจากสตรีนามดาหลาทำให้ผมต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างหู

     "กูมาสาย เข้าไม่ทันโดนรุ่นพี่ลงโทษอยู่เนี่ย" ผมบ่นพลางถอดแว่นที่เริ่มมัวออกมาเช็ด

     "สมน้ำหน้า ดูเมะดึกหรือไง" ผมหัวเราะแหะๆ แทนคำตอบ "แล้วพี่เขาลงโทษอะไร"

     "วิ่งรอบสนามสิบรอบ"

     "ดียะออกกำลังกาย (สมน้ำหน้า!)" เสียงเพื่อนในกลุ่มดังแทรกเข้ามาเป็นเพื่อนสมัยมัธยมครับ ทำไมต้องซ้ำเติมโพ้มมม

     "ดีอะไรละเจ๊ดา เพิ่งได้ห้ารอบข้อยสิตายแล้วเนี่ย" เดินไปคุยไปครับตอนนี้

     "ตายแล้วมึง นี่เที่ยงแล้วนะ จะได้กินข้าวไหม" ยังคงเสียงดังเช่นเดิม "เออ อยู่สนามฟุตบอลใช่ไหม กินข้าวเสร็จเดี๋ยวซื้อไปให้ เอาแซนวิชเซเว่นแล้วกัน"
 
     "ได้หมด เจ๊ ไวๆ เด้อ ยังไม่กินข้าวเช้า" ผมว่า พอดีกับที่ร่างของอีกคนวิ่งเหยาะๆ ผ่านผมไป "เอ้อ เอามาสองชุดนะเจ๊ มีเพื่อนโดนลงโทษด้วยอีกคน คิดว่าคงไม่ได้ไปกินข้าวเหมือนกัน"

     "ยะ! แค่นี้นะ" วางโทรศัพท์แล้วกลับมาวิ่ง(คลาน)ต่อ แม่งเอ้ย!...ทำไมวันนี้อะไรๆ มันซวยไปหมดวะ

     หลังจากกลิ้ง เอ้ย! วิ่งครบสิบรอบจึงย้ายร่างมานั่งหมดแรงตรงชุดโต๊ะหินข้างสนามโดยมีไอ้คุณเรนั่งอยู่ตรงข้ามด้วยเหงื่อโทรมกายแต่ไม่ได้ดูเหนื่อยจะเป็นจะตายแบบผม ตอนนี้แข้งขามันล้าไปหมด ยังดีที่มันไม่ได้มองมาทางนี้ ไม่งั้นคงตายด้วยดวงตาสีน้ำเงินเย็นเยือกคู่นั้นแน่ 

     ร้อนชิบ! ผมคลายเนคไทออกก่อนปลดกระดุมแล้วพับแขนเสื้อเพื่อคลายร้อน คนตรงข้ามก็ทำเช่นกันจึงเผยให้เห็นรอยสักที่โผล่พ้นแขนเสื้อด้านซ้ายและตรงอกที่คลายกระดุมออกสองสามเม็ด เมื่อรวมกับหน้าดุๆ นิ่งๆ แล้วเถื่อนสัดอย่างกับมาเฟียอิตาลี
...บางทีมันอาจจะเป็นนักฆ่า...หรือเป็นมือปืน...แล้วสรุป ไอ้คุณเรตรงหน้านี่มันเป็นใครกันแน่วะ

     "ไอ้เชี่ยมีนนนนน" เสียงแหลมแปดหลอดดังมาแต่ไกล ไม่เข้าใจทำไมต้องเติมยศให้ผมตลอด ดามันเดินมาทางผมพร้อม ก้อง ภูผาและไอ้เตี้ยกร ในมือถือถุงเซเว่นอันอุดมไปด้วยเสบียง 

     "ไงมึงวันแรกก็สายเลยนะ สันดานเดิมไม่เปลี่ยนแปลง" ไอ้ก้องว่า

     "กูว่าสิบรอบน้อยไป" ภูผามันเสริม

     "กูก็ว่างั้น แว่นมึงต้องหัด..."
 
     "หยุด! ถ้ามึงจะเทศน์กูพอเลย วันนี้สิบรอบสำนึกแล้ว" ผมเบรกกรไว้ก่อนที่มันจะร่ายยาว "ไหนของกินอะ"
 
     "นี่ยะ" ดายื่นถุงเซเว่นให้ผม "คนนี้เพื่อนคณะเราใช่เปล่า นาย นายชื่ออะไร เราดาหลานะ ไอ้นี่ชื่อ ก้อง ภูผา ส่วนไอ้เตี้ยนี่ชื่อกร" ดาถามพลางชี้ไปยังคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก่อนแนะนำเพื่อนทุกคน อย่าไปชี้เดี๋ยวมันกัดนิ้วขาดนะเว้ย!

     "ชื่อเร" ผมตอบแทนคนที่ยังนั่งนิ่ง
 
     "อ๊าย เร ชื่อเท่ดี แถมหล่อด้วย ไอ้มีนไม่รีบบอกจะได้รีบมา" ดากรีดร้อง ไม่ค่อยเลยเพื่อนผม ก็ยัยนี่นะเป็นคนเสียงดังติดจะห้าวแต่ก็มีความแรดและบ้าผู้ชายแอบแฝงอยู่ ห่างไกลคำว่ากุลสตรีไทยไปเยอะ 

     "อ๊ะนี่ มีนให้เราซื้อมาเผื่อ คิดว่านายคงหิวเหมือนกัน" ดาหยิบแซนวิชในถุงแถมเป็นอันที่ผมเล็งไว้ให้เรไป พร้อมยิ้มหวาน

     "เฮ้ย!!!!เจ๊ดา นั่น แฮมซีสของกู" ผมงอแงทำหน้ายู่ใส่มัน

     "ไส้อะไรก็กิน ๆ ไปเถอะยะ ซื้อมาให้แล้ว" เออเอาสิเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน เรมองหน้าผมก่อนจะสลับแซนวิชในมือกับของผมแล้วแกะกินเงียบ ๆ ทำดี

     ผมเดาว่ารูปติดบัตรนักศึกษาผมต้องอุบาทสุด เพราะกลับจากวิ่งรอบสนามสภาพผมโทรมซะ กลายเป็นไอ้แว่นหัวยุ่งผู้มีฮิวโก้เป็นไอดอล จนเจ๊มันรำคาญจับมัดผมให้เรียบร้อย ดีนะไม่ใช่คนเหงื่ออกเยอะไม่งั้นหน้าคงมันเป็นกระทะทอดไข่
คณะนี้พี่ว๊ากแรงสมคำร่ำลือครับแต่ไม่โหดเท่าแต่ก่อน อาจเพราะโดนร้องเรียนรุ่นหลังเลยโดนเบาลง มีช่วงเครียดและช่วงเอ็นเตอร์เทรน ก็สุ่มรหัสไปแสดงด้านหน้าประมาณนั้น

     มีรอบหนึ่งผมโดนภูผาถีบไปข้างหน้า ถึงกับต้องสรรเสริญมันว่า ไอ้เลว!!!!  สิ่งที่ถูกสั่งให้ทำไม่ยาก ก็แค่เต้น

     ...มัดหมี่ขูดมะพร้าวทำกับข้าวอยู่ในครัว มัดหมี่ไม่รู้ตัวถูกโจรชั่วจับเอาไป เอาไม้แหย่รู...ฮึย ร้องแล้วมันขึ้น...
 
     ไอ้เราก็จัดเต็มเพราะหน้าด้านเป็นทุนเดิม แถมไม่ใช่พวกหนุ่มหล่อมาดเท่จึงไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์อะไร ไอ้มีนคนนี้เลยกลายเป็นที่รู้จักในวันแรก

     เฮ้อ!!! ไม่ได้อยากดังเลยนะ

     "มีนกลับแล้วเหรอ" 

     "แว่น มึงนี่เรื้อนได้ใจจริง ๆ เลย" นี่ชมใช่ไหม

     "เอ้อ ไอ้แห้งไปแดกเหล้ากับกูเปล่า" ไอ้นี่นิสัยอะ
 
     สารพัดคำทักทายจากผองเพื่อนและชื่อที่เพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ไอ้แห้ง ไอ้แว่น ไอ้เชี่ยมีน ฯลฯ 
คือผมควรจะภูมิใจใช่ไหมที่กลายเป็นที่รักขนาดนี้ จบสิ้นภารกิจวันนี้ก็เตรียมตัวเดินกลับหอ ที่จริงมีมอเตอร์ไซต์เวฟร้อยแต่ตอนนี้นอนป่วยอยู่อู่ รถออกจะใหม่ซื้อมาเจ็ดปีเอง 

     "ไง เจอกันอีกแล้ว" เสียงทักเรียกผมและผองเพื่อนให้หันมอง เรนในชุดนักศึกษายิ้มกว้างพร้อมโบกไม้โบกมือให้ผมแล้วเดินตรงมา "เรียนคณะเดียวกับพี่หรอ ดีจัง" ว่าแล้วมันก็ทำตัวสนิทสนมด้วยการเดินมากอดคอผมเลยครับ

     "รู้จักกันด้วย?" เจ๊ดาหันมาถาม ตามึงนี่เยิ้มเลยนะครับเห็นผู้ชายหน้าตาดีหน่อย

     "เพิ่งเจอเมื่อเช้านี่แหละ" คิดถึงเรื่องเมื่อเช้ายังสยองไม่หายผมพยายามขืนตัวออกจากแขนอีกฝ่ายแต่ก็ไร้ผล มันยังคงยิ้มหน้าระรื่นแถมเปลี่ยนมาโอบเอวผมแทน กูขนลุก!

     "อ๋อถึงว่า อย่างไอ้เกรียนนี่ไม่น่ามีใครคบ จริงไหมมึง" สัดกร ด่ากูแล้วพวกที่เหลือจะพยักหน้ารับทำไม โดนรุมตลอด
"ผมว่าเพื่อนนายก็โอเคดีนะ" เรนแย้ง ให้มันได้แบบนี้สิ "ผมเรนเป็นน้องชายฝาแฝดของเร พวกนายคงรู้จักพี่แล้วแหละ ผมเรียนอยู่คณะวิทยา*ว่าแต่นายชื่ออะไรกันบ้าง"

     "ฉันชื่อดาหลา ไอ้เตี้ยนี่ชื่อกร นั่นก้องและก็ภูผา ส่วนไอ้แว่นนี่ชื่อมีน"
 
     "อ๊ะ พี่มาแล้ว" พอเห็นพี่มันเดินมา เรนก็รีบปล่อยผมทันที "วันแรกเป็นไง สนุกไหม" เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยิ้มร่าพลางเกาะแขนพี่ตัวเองเหมือนเด็ก ๆ ซึ่งคนถูกถามทำเพียงแค่ยักไหล่

     บุคลิคของสองคนนี้ต่างกันชัดเจน เรนดูเป็นคนร่าเริงสดใสเข้ากับคนง่ายไปหมด ในขณะคนพี่ถึงจะหน้าตาเหมือนกันแต่กลับเงียบเชียบเสียจนรู้สึกแปลกเมื่ออยู่ใกล้ แถมรอยสักตามตัวยังให้อารมณ์ดิบเถื่อนไม่น้อย เปรียบง่ายๆ ก็คงเหมือนแสงกับเงาละมั้ง 

     เรนคุยเล่นกับพวกเพื่อนผมพักใหญ่จนเริ่มสนิทกัน!!? ถึงขั้นที่พวกมันกล้าขึ้นมึงกูด้วย ไวไปไหมเนี่ย แต่นั่นไม่สำคัญเท่าประโยคสุดท้ายที่เรนฝากไว้ก่อนพาพี่ตัวเองกลับ

     "ยังไงก็ฝากพี่ด้วย ถึงมันจะเงียบแต่ก็ไม่เลวร้ายอะไร (ฆ่าคนตายเนี่ยนะ) จะไปไหนชวนมันไปด้วยก็ได้ มันไม่เรื่องมากหรอก" คนน้องเอ่ยฝากฝังกับกลุ่มผมเสร็จสรรพ

     "ได้สิ ไม่มีปัญหา เราจะดูแลเป็นอย่างดีเลย" เจ๊ดารับคำอย่างเร็วไว คนอื่นก็เช่นกัน ยกเว้นผม...ไม่รับฝากได้ไหม 

     ม่ายยยย...ผมได้แต่กรีดร้องในใจพลางมองตามสองพี่น้องที่เดินจากไปพร้อมถอนหายใจแบบปลง ๆ


...........................................................

   :katai5: https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/
หัวข้อ: Re: ReWrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทนำ P1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-10-2017 13:39:32
ตาม
หัวข้อ: Re: ReWrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทนำ P1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-10-2017 14:40:17
55 โถมีนเอ๊ย
หัวข้อ: Re: ReWrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทนำ P1
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 06-10-2017 00:21:40
บทที่ 2

     ถามว่าชีวิตมหาลัยสำหรับผมเป็นยังไง บอกเลยว่าสนุกดี โดยเฉพาะเวลารับน้องที่มักมีการทำอะไรห่ามๆ เรียกเสียงฮาแต่คนทำไม่ฮา ไอ้เราก็คนเด่นคนดังรุ่นพี่มันคิดอะไรไม่ออกแม่งก็เรียกชื่อผมอย่างเช่นตอนนี้ไง

     "มีนๆ มึงมานี่" กลุ่มพี่ต้นปีสามกวักมีเรียกยิกๆ เมื่อเห็นผมเดินผ่านตอนพักเที่ยง...เอาสิซวยอีกแล้วสิ

     "เอ้อ...งั้นพวกกูรอที่โรงอาหารนะเว้ย" เพื่อนผมบอกตบบ่าแปะๆ พร้อมยิ้มสยอง แล้วเดินจากไป

     "มีอะไรครับพี่" ผมถามพร้อมยกมือไหว้รอบวง

     "มึงเคยเจอดาวอักษรปีสองเปล่าวะ" ดาวอักษร ก็เคยเห็นตอนรับน้องรวมที่แต่ละคณะจะเวียนฐานกันไป ซึ่งแม่นางฟ้าคนนี้เคยมาคุมฐานของคณะ เป็นพวกหมวยตาโตและมีดั้งสวยมากเห็นครั้งแรกแสงวิ้งเข้าตาเลยครับ 

     "ก็เคยเห็นนะพี่ โครตสวย อย่างกับดาราเกาหลี ตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าอกนี่แบบ(วาดมือออกกว้างๆ)...ได้ซักครั้งจะตั้งใจเรียน" เฮ้ย! ไม่ใช่แล้ว

     "ทะลึ่งแล้ว คนนี้กูจอง" เพื่อนพี่เขาอีกคน น่าจะชื่อเก่งเขย่าไหล่ผมรัวๆ หน้านี่แดงจัด สงสัยคิดตามคำบรรยายผม

     "อ้าว แล้วสรุปพี่เรียกผม มีอะไรครับ"

     "ก็เพื่อนกูปลื้มเขาอยู่ อยากทำความรู้จัก แล้วคิดว่ามึงคงช่วยได้" พี่ตั้มอธิบาย ขณะที่เพื่อนชายเขากำลังบิดไปมาด้วยความเขินอาย เหอๆ มันไม่เข้ากับหน้าพี่เลย

     "จะให้ผมช่วยอะไร"

     "ง่ายๆ ไปขอเบอร์เขามาให้หน่อย" ง่ายพ่อง!!! พี่จะให้ไอ้แว่นแบบผมไปขอเบอร์ดาวอักษรปีสองเนี่ยนะ คงได้เบอร์รองเท้าแทน

     "หน้าอย่างผมจะขอได้เหรอพี่" ผมอิดออด
 
     "นั่นมันเป็นปัญหาของมึง" แต่คนอยากได้มันเพื่อนพี่ไง

     "ไปสิไวๆ เลย เพื่อนกูมันใจร้อน เอามาให้พวกกูคาบบ่าย ไม่ได้ก็อย่ามาเรียกกูว่าพี่" ฮะ!...ใจร้ายวะ พี่ตั้มโยกหัวผมพร้อมยิ้มเหี้ยมก่อนที่เขาและผองเพื่อนจะเดินจากไป

     ผมยืนเคว้งกับภารกิจที่ได้รับ ไม่ใช่จีบสาวไม่เป็นนะ แต่ผมก็เลือกจีบเฉพาะคนที่คู่ควรเท่านั้น ไอ้พวกนางฟ้าเหล่านั้นมันอาหารตาครับ 

     โอ๊ย!!! เอาไงดีวะ หันรีหันขวางอย่างหาทางไป จนเผลอไปสบกับดวงตาสีน้ำเงินที่มองมาทางผมให้สะดุ้งเล่น 

     "ไม่ตามพวกเจ๊ดาไปเหรอ?" มันส่ายหัวปฏิเสธ ผมยืนพินิจพิเคราะห์เพื่อนร่วมรุ่นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะบังเกิดไอเดียบางอย่าง...ไหนๆ มึงก็เงียบแล้ว ใช้ความเงียบกับความหล่อให้เกิดประโยชน์หน่อยแล้วกัน

     "เร! มากับกูหน่อยดิ มีอะไรให้ช่วย" ผมจูงมือมันลากมันไปด้วยกัน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรนอกจากเดินตามมาเงียบๆ 

     เรียนกับมันมาอาทิตย์หนึ่ง ถ้าลืมเรื่องวันแรกที่เจอกันไป เรก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถึงมันจะเงียบแต่ก็ดีตรงที่ไม่เรื่องมาก ขอให้ช่วยก็ช่วยหรือขี้เกียจปฏิเสธอันนี้ก็ไม่รู้แฮะ ชวนไปไหนถ้ามันอยากไปมันก็จะเดินตามมาเอง 



     เราเดินมาจนถึงโรงอาหารฝั่งหน้ามอ* ที่นี่มีโรงอาหารสองที่ครับแถวหลังมอ* ใกล้คณะผมกับหน้ามอ*แถวคณะอักษร กวาดตามองหาเป้าหมายไม่นานก็เจอ...เป้าหมาย ดาวอักษรปีสองนั่งหัวเราะกับกลุ่มเพื่อน หาไม่ยากหรอกครับ กลุ่มพี่เขามีแต่คนสวยออร่าแผ่กระจายมองเห็นแต่ไกล ผมก้าวเท้ายาวๆ ไปหาพวกเธอ

     "สวัสดีครับ พี่ลูกแก้วใช่ไหมครับ" เสียงทักของผมเรียกสายตาทุกคนในโต๊ะให้หันมอง ให้ตาย...เริ่มประหม่าแล้วสิ

     "มีอะไรค่ะน้อง" พี่ลูกแก้วถามพร้อมยิ้มสวย โอยยย...จะละลาย

     "น้องคงไม่ได้มาขอเบอร์เพื่อนพี่หรอกนะ ไอ้แห้งหน้าแว่นแบบเราไม่ใช่เสปกมันหรอก ตัดใจซะเถอะ มันเป็นไปไม่ได้" ฉึก! วาจาเชือดเฉือนใจ เพื่อนพี่ลูกแก้วสวยนะ แต่ปากจัดชิบหาย

     "ไอ้ขอเบอร์นะใช่ครับ แต่ผมขอให้เพื่อนผมคนนี้" ว่าแล้วก็ดันเรให้ไปยืนข้างหน้า มันหันมองผม จึงทำเพียงขมุบขมิบปากบอกว่า...ช่วยกูหน่อย เรหันไปพร้อมกับพยักหน้าให้สาวๆ ในกลุ่มที่จ้องมันไม่วางตา เอาสิ ลูกครึ่งหน้าคมผิวแทนแถมสูงยาวเข่าดีขนาดนี้ไม่ให้ก็บ้าแล้ว 

     "คือเพื่อนผมมันพูดไทยไม่เก่งครับ แหะๆ"

     "ชื่ออะไรละจ๊ะเรานะ" พี่ลูกแก้วถามพลางก้มหน้าก้มตาอย่างเขินอาย ทีกับผมนะ...เฮ้อ!

     "เร!" มันตอบแค่นั้น

     "เอาโทรศัพท์เรามาสิ" เรล้วงเอาโทรศัพท์ยื่นให้ซึ่งพี่เขาก็กดเบอร์พร้อมเมมให้เสร็จสรรพ

     "ขอบคุณครับ" ผมบอกส่วนเรก้มหัวนิดๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินจากมา

     "ขอโทรศัพท์ให้กูหน่อย" มันล้วงเอาโทรศัพท์ยื่นให้ผมแต่พอจะหยิบมันกลับชักมือกลับพร้อมมองหน้า อารมณ์ประมาณว่าเอาอะไรมาแลก "น่า เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวเที่ยง เป็นการตอบแทน"

     "ข้าวเย็น" เรแย้ง ก็เป็นปกติของมันที่จะพูดคำสั้นๆ ที่นานน๊านนนนนน จะได้ยินที

     "ก็แล้วแต่ ไว้วันหลังนะช่วงนี้กูจน" เรยื่นโทรศัพท์มันมาให้ ผมจัดการเซฟเบอร์พี่ลูกแก้วในเครื่องตัวเองก่อนส่งคืนให้มัน ทำไมหญิงไทยใจง่ายกันจัง

     "ขอบใจ ปะกินข้าวกูหิวแล้ว"

     "กูก็หิว" เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างกายพอหันไปก็แฝดน้องยืนยิ้มแป้นมาให้ "ปะไปกินชาบูกัน กูอยาก"

     "เพิ่งบอกพี่มึงไปเมื่อกี้ ว่าช่วงนี้กูจน"

     "ไม่เป็นไร กูหล่อและรวยเลี้ยงได้"

     "ไอ้เรนนนน!!!" ผมร้องลั่นเพราะมันคว้าหมับเข้าที่เอวก่อนรั้งผมเข้าไปใกล้ทำเอาชาวบ้านชาวช่องมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ จนต้องรีบผลักมันออกห่างแต่ยิ่งผลักมันยิ่งกอดแน่นทีนี้มันโอบด้วยสองแขนเลยครับ

     "มินนี่รังเกียจเค้าหรอ" 

     "กูไม่ได้รังเกียจ มาลวนลามอะไรตรงนี้ คนมองเต็มแล้ว"

     "แปลว่าอยู่สองคนลวนลามได้" มันว่าพร้อมยิ้มทะเล้น

     "ประสาท ปล่อยเลยขนลุกโว้ยยย"  ผมโวยวายได้ซักพักเรก็ช่วยงัดน้องมันออกให้ พอเลื้อยผมไม่ได้มันก็ไปเกาะแข้งเกาะขาพี่มันแทน เห้อ...ดูมันทำตัวเสียดายความหล่อจริง ๆ

     "นะ...นี่รถมึงหรอ" ตอนนี้น้องมีนกำลังอึ้งครับ อึ้งมาก ๆ เพราะตรงหน้าผมคือแลมโบกินี่ อะเวนตาโดร์ ์สีขาวและดำจอดคู่กันอยู่ 

     "ใช่ ให้ทายคันไหนของกู" เรนว่า

     "สีขาวของมึง" ผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับเดาจากบุคลิคพวกมัน เรเดินตรงไปที่คันสีดำผมจึงรีบเดินตามขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที

     "อ่าวมินนี่ ไม่นั่งคันนี้ละ" 

     "ไม่ กูกลัวมึงลวนลาม" เรนหัวเราะชอบใจก่อนขับนำออกไป

     เป็นบุญตูดของผมเลยครับที่ได้นั่งในซูปเปอร์คาร์ระดับนี้ ผู้ชายกับรถมันเป็นของคู่กัน มีนิยายเรื่องไหนบ้างที่คนหล่อจะไม่มาคู่กับรถหรูและความรวย

     "อ่าว ไม่ตามมันไปหละ" ผมทักเมื่อเรยังคงนิ่ง มันหันมามองผมก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ด้วยสัญชาตญาณผมรีบเอนหลบจนเกือบชิดประตู 

     "อะ อะไร" เรเอื้อมมือผ่านตัวผม จนใบหน้าของมันอยู่ห่างไปแค่คืบ เมื่อสบกับดวงตาสีน้ำเงินนั่นมันทำให้ผมรู้สึกแปลก มันไม่ใช่ความกลัวแต่ก็ไม่ได้รู้สึกปลอดภัย 

     กริ๊ก...เสียงโลหะที่เข้าล๊อคดังขึ้นพอก้มดูจึงรู้ว่ามันคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผม เห้อ...ก็นึกว่ามีอะไร






 
      เทศกาลรับน้องจบไปแล้วครับตอนนี้พวกเราได้รุ่นเป็นที่เรียบร้อยหลังจากต้องผ่านบทพิสูจน์มากมายจากรุ่นพี่ ก็มีช่วงเวลาที่เซงบ้างเบื่อบ้างแต่ก็สนุกดี จบแล้วก็ต้องจัดงานขอบคุณรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรม เด็กปีหนึ่งทั้งหมดจึงมารวมตัวกันเพื่อเตรียมงานในช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ควรนอนตีพุงอยู่บ้าน

     ผมรับผิดชอบเพนท์มูรอล(Mural) ที่ถูกทำด้วยแผ่นไม้อัดตีประกอบโครงเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดสามคูณห้าเมตร แผ่นไม้ถูกพิงไว้กับกำแพงต้องปีนบันไดวาดทุกลักทุเลชิบหาย แรกๆ ก็ช่วยกันหลายคนซักพักพวกมันก็ไปนั่งอู้กันแล้วครับ เหลือแค่ผมกับเรที่ช่วยกันทำ 

     "อีเจ๊ ขอน้ำให้ขวดดิ๊" ผมแหกปากเรียกเจ๊ดาที่ตอนนี้มันกำลังเอาน้ำแจกทุกคนอยู่

     "ลงมาเอาเองดิ"

     "ขี้เกียจปีน โยนมาเลยเจ๊" ดาหลาหยิบน้ำมาขวดก่อนจะโยนมาทางผมแต่เพราะมันแรงควายไปหน่อยทำให้ผมต้องเอื้อมสุดตัวเพื่อจะรับโดยลืมไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่ทำแบบนั้นได้ 

     "เหวอออออ..." บันไดที่ปีนอยู่โยกไปมาจึงเผลอเอามือค้ำแผ่นมูรอลที่พิงกำแพงอยู่เต็มแรง ทำให้เสียหลักจนหงายหลังตกลงมา ทั้งที่เตรียมใจว่าต้องเจ็บแน่กลับรับรู้ได้ว่าหลังกระแทกกับอะไรที่นิ่มกว่านั้น

     "เร...เป็นไรไหมวะ" ผมถามมันอย่างร้อนใจเพราะเรรับผมเอาไว้จนเราทั้งคู่ล้มไปด้วยกันโดยมีตัวมันรองอยู่ แต่พอผมทำท่าจะลุกมันกลับพลิกตัวผมลงไปใต้ร่างแล้วเอาตัวคร่อมไว้ พอมองข้ามไหล่ไปทำจึงเห็นว่าแผ่นไม้ขนาดใหญ่กำลังล้มลงมาใส่เราทั้งคู่
 
    โครมมม!!! มูรอลขนาดสามคูณห้าเมตรล้มกระแทกหลังของเรดังสนั่นพร้อม กับเสียงร้องด้วยความตกใจของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น 

     "อึก..." คิ้วหนาขมวดมุ่นบอกให้รู้ว่ามันเจ็บไม่น้อย หากแต่ดวงตาสีน้ำเงินนั้นยังคงมองผมไม่วางตา ของเหลวสีแดงหยดลงบนหน้าผมทำเอาใจหาย ไม่รู้ว่าเป็นสีหรือเลือดกันแน่

     "มึง..." ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก หัวใจผมเต้นรัวด้วยความตระหนก

     "เฮ้ย!!! พวกเราช่วยกันยกออกเร็ว" เสียงเจ๊ดาโวยวายก่อนที่แผ่นไม้ขนาดใหญ่จะถูกยกออกจากตัวเราทั้งคู่ เรลุกขึ้นยืนก่อนดึงผมให้ลุกตาม ตอนนี้ตัวเราทั้งคู่เลอะไปด้วยสีจากถังที่คว่ำกระจายเต็มพื้น

     "ไหวไหมวะ...เจ็บตรงไหนเปล่ามึง...ไปโรงบาล*ไหม"เพื่อนๆ กรูเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง บางคนยื่นผ้ามาให้พวกเราเช็ดหน้าเช็ดตา
   
     "กูไม่เป็นไร" ผมตอบเสียงตื่นส่วนเรส่ายหน้าปฏิเสธ

     "แน่ใจนะ" หนึ่งในนั้นถามย้ำ ผมหันไปมองเรเพราะมันหน้าจะเจ็บกว่าผม

     "อืม" เรตอบแค่นั้น

     "งั้นพวกมึงไปล้างตัวเหอะแล้วกลับไปเลยก็ได้ เดี๋ยวพวกกูทำต่อเอง" กรบอก

     "ขอโทษนะมึง ต้องแก้เยอะเลยวะ" ผมบอกด้วยความรู้สึกผิดเพราะมูรอลที่วาดไปเกินครึ่งเปาะเปื้อนไปด้วยสี
 
     "เฮ้ยๆ มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก"

     เรเดินไปทางห้องน้ำผมจึงรีบเดินตามไปติด ๆ มันถอดเสื้อที่เลอะสีออกวางไว้ข้างอ่างล้างหน้า ก่อนจะเปิดก๊อกล้างหน้าล้างแขนตัวเอง 

     หุ่นมึงดีเกินไปแล้ว ดูไลกล้ามเนื้อกับซิกแพคมันสิ อย่างกับนายแบบในนิตยาสาร เมื่อรวมกับรอยสักตรงแขนซ้ายที่เลื้อยยาวมาถึงอกข้างหนึ่งแล้ว...แม่งเซ็กซี่ชิบหาย แต่เอ๊ะ...แล้วทำไมกูต้องมาชมผู้ชายด้วยกันอะ

     เมื่อมองสำรวจคนตรงหน้าแล้วไม่พบบาดแผลใดๆ ผมจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เรหันมามองก่อนที่มันจะจับผมไปยืนตรงหน้าอ่างโดยมีมันยืนซ้อนหลังแล้วจับแขนผมล้างน้ำ

     "เฮ้ย กูล้างเองได้" ผมหันไปโวยวายใส่มัน

     "นิ่ง ๆ" มันบอกเสียงเย็นผมจึงยอมนิ่งแต่แบบนี้เหมือนมันกำลังกอดผมจากข้างหลังเลยให้ตายสิ ใกล้ขนาดนี้กูก็ประหม่าเป็ฯนะโว้ย

     คราบสีแดงถูกน้ำชะออกเผยให้เห็นรอยพาดยาวที่ท้องแขน เป็นแค่รอยแดง ที่ไม่ได้บาดจนเลือดออก สงสัยกระแทกกับอะไรซักอย่างตอนล้มลงมา

     "ก็แค่รอยนะมึง ไม่เป็นอะไรซักหน่อย" ผมหันไปบอกมันแต่พอจะดึงแขนออกมันกลับรั้งไว้ก่อนก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ จนจมูกมันแทบชิดแขนผมด้วยซ้ำ "ทำอะไรวะ ปล่อยเลย"

     "แปลก..." มันว่าพลางมองผม ดวงตาสีน้ำเงินตรงหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

     "อะไรแปลก" มันไม่ตอบแต่กลับหยิบเสื้อพาดบ่าแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนงงกับท่าทางพิลึกที่มันทำ สองพี่น้องนี่เข้าใจยากชะมัด

     อ๊ะ...ผมยังไม่ได้ขอบคุณมันเลย


................................................................

มีนถนัดเรื่องพูดเองเออเอง

https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/

หัวข้อ: Re:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 3 P1
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 06-10-2017 19:43:10
บทที่ 3

     "วันนี้ไปร้องเพลงเหรอวะ" ก้องถามตอนหมดคาบสุดท้ายย 

     "อืม พี่เค้าโทรมาบอกให้ไปช่วย" ผมเคยเล่าแล้วใช่ไหมว่าผมมีงานพิเศษทำก็คือร้องเพลงกลางคืนและมีร้านประจำอยู่ แต่ช่วงรับน้องขอพี่เจ้าของร้านพัก้เพราะคงไม่มีเวลา พอดีกับวันนี้พี่เขาโทรมาให้ไปช่วยเพราะนักร้องที่จะมาดันป่วยกระทันหัน
 
     "ไปคนเดียว?"

     "เดี๋ยวชวนเรไปด้วย จะเลี้ยงขอบคุณมันซักหน่อย"

     "มึงนี่ตัวติดกันจังเลยน๊า กูละจิ้น มีมีนที่ไหนมีเรที่นั่น เมื่อเที่ยงมันยังรอกินข้าวพร้อมมึงเลย อ๊ายยยย รังสีวายแผ่ซ่าน ว่าแต่ใครรุกใคร...อ๊ะ!" อีเจ๊ดามันเพ้อเลยแบมือป้ายปากมันที่กำลังอ้าอยู่เต็ม ๆ 

     "แหวะ เค็มสัด อีดอกมีน สกปรก" 

     "ออกจะอร่อยขี้มือกู" ผมหัวเราะลั่น ป๊าบ!"โอ๊ย เจ๊ดามันเจ็บเด้เนี่ย" แม่งฟาดผมหลังแอ่นเลย ส่วนไอ้เพื่อนสามตัวมันก็หัวเราะประกอบฉาก

     ผมพาเรมาที่ร้านอาหารกึ่งผับ ก่อนมาแวะไปเอากีต้าร์ที่หอผมโดยมีเรเป็นสารถี มาถึงร้านตอนหนึ่งทุ่มพอดี 

    ที่ได้มาทำงานร้านนี้ก็เพราะมีวันหนึ่งผมเอากีต้ามานั่งเล่นกับพี่ยามหน้าหอ พี่หนิงเจ้าของร้านบังเอิญมาหาน้องได้ฟังเลยชวนมาร้องเพลงร้านแก ช่วงที่ผ่านมาผมร้องเพลงที่นี่ทุกวันพฤหัสกับเสาร์สลับวันกับนักร้องคนอื่น วันนี้ลูกค้าเยอะ ก็เหล่านักศึกษาผู้ล่าปริญญานั่นแหละครับมาสังสรรค์ทำความรู้จักเพื่อนใหม่กัน

     "ไงมีน พาเพื่อนมาด้วยหรอ เดี๋ยวพี่จัดโต๊ะให้นะ เอาใกล้ ๆ เวทีละกัน สั่งได้เลยนะพี่คิดราคาพิเศษให้" พี่หนิงทักทายพวกเราก่อนเรียกเด็กมาบริการแล้วกลับไปดูแลร้านต่อ

    "อยากกินอะไรก็สั่งเลย สั่งเผื่อกูด้วย" ผมบอกพลางยื่นเล่มเมนู กระดาษและปากกาให้เร เรนไม่ได้มาด้วย มันบอกว่าจะไปกับหญิง อยากลากพี่มันไปไหนเชิญตามสบาย 

    เรสั่งยำรวม เอ็นไก่ทอด ต้มยำกุ้งน้ำข้น และข้าวสองจาน แบล็คเลเบอร์อีกกรม

    "เฮ้ย! ไม่ได้บอกจะเลี้ยงเหล้า" ผมทวนเมนูในกระดาษก่อนร้องออกมา เหล้าขวดเกือบพัน ไหนจะโซดาน้ำแข็ง อานดิครับ 
มันไม่ตอบแต่แย่งกระดาษในมือผมยื่นให้เด็กเสริฟ เบอร์ดาวอักษรราคาแพงขนาดนี้เลยหรอ ผมมุ่ยหน้าใส่มันแบบเซ็งๆ ระหว่างรอข้าวก็มองสำรวจไปรอบ ๆ ว่าจะกินรองท้องซักนิดก่อนขึ้นไปร้องเพลง 

     ผมก็มองโน่นมองนี่ไปเรื่อย พลัยสายตาไปเห็นคนคุ้นเคยเดินเข้าร้านมาพร้อมคล้องแขนชายหนุ่มในชุดชอป

     พะแพง! แฟนเก่าผมเองครับเพิ่งห่างกันก่อนจบม.หก*โดยเธอให้เหตุผลว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วอยากเต็มที่กับการเรียน
เป็นไงละ คำพูดนางเอกสุดๆ แต่ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วครับ เธอมีคนใหม่แถมเธอยังเข้ามาเรียนที่เดียวกับผมเสียด้วยดูจากชุดนักศึกษาและเข็มที่ปักบนอก 

     "อ้าว มีน" เหมือนเธอจะเห็นผมแล้วครับ แต่ไม่ต้องเดินจูงมือกันเข้ามาได้ไหม...มันปวดใจ "ไม่เจอกันนานเป็นไงบ้าง เรียนที่เดียวกับเราด้วย อยู่คณะอะไรละ"

    "ก็สบายดีเรื่อย ๆ" ผมตอบ พยายามข่มเสียงให้ปกติที่สุด "เราเรียนศิลปกรรมแล้วพะแพงละ"

    "เราเรียนศึกษาศาสตร์ อ๊ะนี่พี่น๊อตแฟนเรา นี่มีนเพื่อนแพง จบม.ปลายที่*เดียวกัน" พี่น๊อตยิ้มให้ ผมก็ยกมือไหว้ เหอะ เพื่อน!...ฟังแล้วหน่วงดี 

     "นั่นเพื่อนมีนเหรอ" พะแพงมองเรพลางถาม

     "อืม คณะเดียวกัน"

     "แล้วมาทำอะไรที่นี่ละ"

    "รับจ๊อบร้องเพลงนะ เคยมีคนบอกเวลาเราจับกีตาร์แล้วหล่อดี" ผมบอก พะแพงยิ้มแห้ง ๆ มาให้เพราะคนที่เคยพูดคำนี้คือเธอ

    "แล้วเราจะคอยฟัง ขอตัวก่อนนะ" ไปเถอะ ไปรักกันไกล ๆ ตีน 

    โว้ย...เซ็ง พอดีกับเหล้าและข้าวมาเสริฟเลยเป๊กเพียวไปแก้ว แสบคอสาดดด 

    "ขอบใจ" เรมันรู้งานรินน้ำเปล่ามาให้ล้างคอ ย้อมใจให้กรึ่มก่อนคว้ากีต้าร์เดินขึ้นเวทีไม่กินแม่งแล้วข้าว เศร้าแบบนี้อารมณ์ศิลปินมันมา จัดเพลงนี้แด่เธอเลยแล้วกัน

"มันผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป
มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้
มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ
ผิดตรงที่ไว้ใจ
ฉันมองตัวเธอผิดไป"
 (ผิดที่ไว้ใจ Silly fools)

    จบเพลงเรียกเสียงปรบมือโห่ร้องดังลั่นร้าน ไม่รู้เพลงมันโดนหรือผมร้องเพราะ(แบบว่าอิน) บางทีอาจมีพวกอกหักแบบผมอีกเยอะก็ได้ สารพัดเพลงกระแทกใจผมจัดไปยาวๆ ตามอารมณ์ตัวเอง ระหว่างนั้นบางโต๊ะก็เอาน้ำเมามาเสริฟ บางทีก็ติ๊บเงินให้เพราะร้องเพลงถูกใจ 

     "นักร้องน่ารักจังเลยค่าาา" สาวๆ โต๊ะหนึ่งร้องแซว เวลาไม่เกรียนผมก็ดูดีเป็นปกตินะครับ ปกติของผมนะแต่ไม่ปกติของคนอื่น 
"คนพูดก็น่ารัก" ผมหยอดคืน บางทีก็ต้องเล่นกับคนดูบ้าง

     "เพื่อนนักร้องหล่อจัง" เรที่นั่งดูก็ไม่วายโดนแทะโลมเหมือนกัน

     "ไม่รับเป็นพ่อสื่อนะครับ จีบกันเอง  แต่ถ้าอยากได้เบอร์ตัวละพันครับ แถมให้สามตัวแรกเลย 097... " ผมตอบพลางยักคิ้วกวนตีนใส่มัน เรมองผมกลับด้วยสายตานิ่ง ๆ  แล้วฝาขวดโซดาก็ปลิวมากระแทกหัวผมอยากแม่นยำ

     "โอ๊ะ...ไอ้เพื่อนเลว" ผมหันไปด่ามันแบบไม่ออกเสียง เก็บอาการนิดนึงครับอยู่บนเวที

      เวลาผ่านเลยไปจนสามทุ่ม ชักมึนแล้ว ก็แขกในร้านดันมีน้ำใจอนุเคราะห์น้ำ(เมา)ให้ไม่ขาดสายเพราะกลัวนักร้องคอแห้ง กล่าวทิ้งท้ายเล็กน้อยก่อนลงจากเวลาทีให้วงดนตรีรอบดึกขึ้นต่อ เป็นธรรมดาของร้านพวกนี้ที่คืนหนึ่งจะมีวงดนตรีมาเล่นหลายวงเพื่อคนฟังจะได้ไม่เบื่อ ยิ่งดึกดนตรีจะยิ่งหนักขึ้นเพื่อความมัน

    ผมเอาของตัวเองมาเก็บและนั่งพัก หันไปอีกทีก็ไม่เห็นพะแพงแล้วสงสัยทนแรงกดดันไม่ไหว โต๊ะผมเรก็ไม่อยู่เหมือนกันแต่กระเป๋ายังอยู่สงสัยไปเข้าห้องน้ำ ว่าแล้วก็ขอไปทำธุระส่วนตัวเช่นกัน

     "เดี๋ยวมีน" เสียงเรียกดังขึ้นตรงทางเดินไปห้องน้ำ พะแพงคว้ามือผมไว้ท่าทางอึกอัก "เราขอโทษนะ"

     "ขอโทษทำไม" ผมแกะมือเธอออกช้า ๆ "อีกอย่างเราเลิกกันแล้ว แพงไม่ได้ทำอะไรผิดนิ"

     "มีนเข้าใจเราใช่ไหม"

     "อืม ก็แค่คนหมดรัก" พะแพงหน้าเสียเมื่อได้ยินแบบนั้น "ทีหลังบอกเราตรง ๆ ดีกว่านะ"

     "เราขอโทษ แต่อย่าบอกใครนะว่าเรา..."

     "บอกอะไร มึงมีอะไรจะบอกกู" เสียงเย็นเยียบดังขึ้นข้างหลัง คนชื่อน๊อตเดินมาทางเราท่าทางเดือดดาลพร้อมพวกอีกแปดคน สายตาเชือดเฉือนมองมือพะแพงที่รั้งแขนผมอยู่ "ไหนแพงบอกพี่ว่าแค่เพื่อนไงค่ะ"

     "ก็เพื่อน...พี่น๊อตมันไม่มีอะไรจริง ๆ"

     "หึ...อย่าโกหกสิ ถ้ามันไม่เป็นอะไรกับแพงจริง ทำไมต้องมองแพงด้วยสายตาแบบนั้น ตอนที่มันร้องเพลง" ตอนที่ร้องเพลงผมมองแบบไหนนะ 

     "มันเป็นแฟนเก่าแพงใช่ไหม"

     "ช ใช่ แต่เราเลิกกันไปนานแล้ว"

     "เลิกไปนานแล้วมึง ก็เลิกยุ่งกับแฟนกูซะสิ"
 
     "ผมก็ไม่ได้ยุ่ง"

     "แล้วมึงจับมือถืออขนแฟนกูทำไม"

     "แพงจับ ผมไม่ได้เริ่ม" ผมเถียงไปตามความจริง

     "มึง" น๊อตว่าพร้อมคว้าคอเสื้อผมพร้อมจ้องเขม็ง ผมมองตอบมัน พวกไม่ยอมรับความจริงแบบนี้เรื่องไรจะยอม

     "หรือว่าพี่ตาบอดมองไม่เห็นว่าแฟนตัวเองมาเกาะแขนผม" ผลัวะ! หมัดหนัก ๆ เสยหน้าผมทั้งที่ไม่ทันตั้งตัว

     "พี่น๊อตอย่า" พะแพงร้องลั่นจะพุ่งมาช่วยพยุงแต่โดนรั้งเอาไว้

     "มึงพาน้องมันไปรอที่โต๊ะ" ร่างบางถูกส่งให้เพื่อนมัน "กูขอสั่งสอนไอ้แว่นนี่หน่อยเถอะ"

     ผลัก! เท้าประเคนเข้าท้องจุกจนตัวงอ เชี่ย เล่นทีเผลอ ผมฝืนตัวต่อยสวนไปหนึ่งหมัดจนอีกฝ่ายหน้าหัน 

     "เอาสิวะ คิดว่ากูไม่สู้เหรอ" เราซัดกันพัลวันแต่ผมก็เสียเปรียบมันพอสมควรเพราะอีกคนตัวหนากว่ามาก เมื่อน๊อตทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำแขนของผมก็ถูกเพื่อนมันล็อคจากด้านหลังเลยโดนเสยเข้าหน้าไปสองที หมาหมู่ชัด ๆ

     เพล้ง!!! แรงกระแทกเข้าที่หัวทำเอามึนไปชั่วขณะ ทั้งตัวเปียกไปด้วยของเหลวจากขวดที่แตกกระจายผสมกับเลือดของผม น๊อตคว้าเอาขวดเบียร์จากลังแถวนั้นมาฟาดหัวผม มันยิ้มเหี้ยมก่อนเอามีพกในกระเป๋าออกมากาง

     "แน่จริงอย่ารุมดิสัด"

     "หุบปากมึงไปเหอะ" มันแสยะยิ้ม นี่กะเล่นถึงตายเลยหรือไง  ผมพยายามฝืนร่างหลบมีดที่พุ่งม าแต่เพราะถูกล๊อคไว้เลยขยับไม่ได้

    ฉึก! มือใครซักคนคว้ามีดไว้ก่อนที่มันจะแทงเข้าตัวผม มือแกร่งกำแน่นก่อนจะบิดมันออกจากมืออีกฝ่ายโดนไม่สนว่าคมมีดจะบาดเนื้อจนเลือดอาบ ผมมองเจ้าของมือแบบอึ้ง ๆ 

     เรโยนโลหะสีเงินนั้นลงพื้นโดยปราศจากท่าทีเจ็บปวดพร้อมแงะผมออกจากแขนอีกคนที่ล๊อคไว้ก่อนจะผลักเจ้านั่นล้มกลิ้งไปกับพื้น

     "มือมึง" ผมคว้ามือมันมาดูอย่างร้อนรน มันบ้าหรือเปล่ารับมีดด้วยมือเปล่าแบบนั้น แต่สิ่งที่เห็นกลับทำเอาผมนิ่งค้างเมื่อบาดแผลนั้นค่อยๆ สมานตัวจนหายไปเหลือเพียงหยาดเลือดที่เลอะบนมือ 

     ผมมองมันอย่างตื่นตระหนก แต่เรไม่สนใจกลับเชยคางผมขึ้น พลางมองสำรวจหน้าผมแล้วถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
"นี่ไม่ใช่เรื่องของมึง อย่าเสือกถ้าไม่อยากเจ็บตัวไปอีกคน" น๊อตประกาศกร้าวพร้อมเพื่อนๆ มันที่ตั้งท่าจะลุย แต่ร่างสูงตรงหน้าผมหาได้หวั่น อีกทั้งยังปรายตามองนิ่งๆ ความรู้สึกแบบวันแรกที่เจอกันแผ่ซ่านรอบตัวเร...ตายแน่พวกมันตายแน่ๆ ต้องโดนเรฆ่าแน่ๆ 

     "เรอย่า...ไม่" ผมรั้งแขนแกร่งนั่นไว้ก่อนส่ายหน้ายิกแต่กลับโดนสะบัดออกแล้วมันก็ผลักผมไปยืนข้างหลังมัน 

    "เชี่ยเร...กูขอร้อง อ๊ะ" ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่จนต้องเอามือกุมหัว มองของเหลวสีแดงที่อาบมือทำเอาสติเริ่มพร่าเลือน
ผมเสียเลือดมากไป พยายามฝืนทนมองภาพตรงหน้าแต่ไม่ไหวเพราะเริ่มยืนไม่อยู่แล้วครับ

      "มึงจะเอาใช่ไหม ได้" 

     ผลัก! โครม! ผมเห็นเพียงภาพเลือนลางว่าพวกน๊อตโดนเตะกลิ้งไปกับพื้นแล้วทุกอย่างก็หายไปพร้อมกับสติของผม ให้ตายสิเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งตัว

*ม.หก = มัธยมศึกษาปีที่ 6     
  ม.ปลาย = มัธยมศึกษาตอนปลาย


.............................................

https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 3 P1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-10-2017 21:09:42
โห แฟนใหม่โคตรพาล ไม่ฟังใครเลย หมาหมู่อีกต่างหาก น่ารังเกียจ แฟนตัวเองคุมไม่ได้ก็กลายร่างเป็นหมาบ้ากัดคนอื่นไปทั่ว
เรจัดหนักมันไปเลย (แต่อย่าถึงตายนะ) ให้รู้เสียบ้างว่าอย่ามาแหยม ไอ้พวกไม่ใช่ลูกผู้ชาย
พะแพงก็นะ ตัวเองมีแฟนแล้วยังมาจับมือถือแขนกับแฟนเก่า เลิกก็เลิกไปเลยสิ จะกลับมาพูดพิรี้พิไรทำไม สะใจไหมเป็นสาเหตุให้มีนเจ็บหนัก ถ้าเรไม่เข้ามานี่มีนมีโอกาสถึงตายเลยนะ โคตรเลวสมแล้วที่เป็นแฟนกันได้ หึ
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 3 P1
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 06-10-2017 23:12:06
ตัวละครดูสุขุมขึ้นอะ  ดีๆ เราขอบแบบนี้มากกว่า ขอบคุณที่มาเขียนอีกรอบนะคะ :)
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 3 P1
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-10-2017 00:06:39
ต้นเหตุของเรื่องนี้คือพะแพง มันต้องโดนตบสั่งสอน :angry2:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 4 P1
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 07-10-2017 11:24:30
บทที่ 4

     อึก! ปวดหัวชิบหาย ผมเอามือกุมหัวนิ่วหน้าอย่างทรมาน รับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของตัวเอง ผมพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงจ้าจนมองเห็นทุกอย่างรอบตัวชัดเจน ผมนอนเหยียดบนเตียงนุ่มในห้องนอนของใครซักคนตกแต่งด้วยโทนขาวดำให้ความรู้สึกโล่งสบาย เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแผลที่หัวก็ถูกทำให้เรียบร้อย ความรู้สึกตึงๆ ที่แผลบอกให้รู้ว่ามันถูกเย็บ

     "อ้าวตื่นแล้วหรอ" เรนเปิดประตูเข้ามาทักผม แยกไม่ยากเพราะหมอนี่ตาสีเขียวและถ้าเป็นพี่มันคงไม่ทักผมหรอก

     "อืม" 

    "ไง ขอกูดูหน่อยดิ เป็นไงบ้าง" มันว่าพร้อมนั่งลงข้างๆ แล้วจับหน้าผมบิดไปบิดมา นิ้วสากไล้เบาๆ ที่มุมปาก "เจ็บเปล่าวะ กูว่ามันดูช้ำกว่าเมื่อคืนอีก"

     "เจ็บโครต ว่าแต่กูมาที่นี่ได้ไงวะ" ผมว่าพลางปัดป้องมือไอ้เรนที่จับนั่นแตะนี่ไม่หยุด สกินชิฟกูตลอด "ไม่ลูบไม่ไล้ซักวันจะตายไหม"

    "ขาดใจตายแน่นอน พี่เรพามาเมื่อคืน บอกมึงมีเรื่องที่ร้าน ก่อนมามันพามึงไปหาหมอแล้วแต่เห็นว่าดึกแล้วเลยพากลับมาด้วย" ผมพยักหน้ารับ 

     "แล้วพวกไอ้น๊อตละ กูหมายถึงพวกที่มีเรื่องกับกูนะ เรมันคงไม่..."

     "สบายใจได้ ไม่ถึงตายหรอกแค่นอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล มึงห่วงตัวเองเถอะ ตัวร้อนๆ ด้วยกินยาลดไข้กันไว้ก่อน" ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าพวกมันจะโดนฆ่าตายไปซะแล้ว จำได้ว่าเรมาช่วยผม...แล้วมือมันละ ผมเห็นว่ามือมันโดนบาดแล้วก็...ผมเบิกตากว้างเมื่อนึกได้

     "มือไอ้เรเป็นไงมั่ง" ผมถามเสียงตื่น

     "ก็ไม่เป็นอะไรนิ" เรนทำหน้างง

    "แต่กูเห็นว่าแผลมันหายเองได้"

     "หลอนเปล่ามีน หัวโดนฟาดแถมเมาขนาดนั้น" 

     "แต่..."

    แกรก!เสียงเปิดประตูพร้อมกับเรที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว 

     "เรดูมือหน่อย" เรนบอกพี่มัน มือใหญ่แบออกสองข้างตรงหน้าผม "เห็นมะ มึงหลอน"

     "เออวะไม่เห็นมีแผลตรงไหน"  จะว่าไปตอนนั้นก็กรึ่ม ๆ อยู่นะ ไม่งั้นไม่ห้าวบวกกับพวกนั้นทั้งที่รู้ว่าตัวคนเดียวหรอก
เมื่อเห็นผมหายข้องใจเรมันเลยเดินไปแต่งตัว พอเห็นมันใส่ชุดนักศึกษาเลยนึกได้ว่ามันนี้กูมีเรียนนี่หว่า เหลือมองนาฬิกาเพิ่งแปดโมงเช้ายังทันเพราะเรียนบ่าย

      "มึงหิวไหม เดี๋ยวกูไปทำอะไรให้กิน ไปอาบน้ำรอก็ได้" คนน้องบอกก่อนลุกไปรื้อเอาผ้าขนหนูและชุดในตู้เสื้อผ้ามาให้ผมพร้อมกางเกงในตัวใหม่ที่ยังไม่แกะกล่อง 

     "ขอบใจ"

     "ใส่ของไอ้พี่เรไปก่อนนะ อาจจะตัวใหญ่ไปหน่อย เอ้อ! อาบในอ่างก็ได้นะ น้ำจะได้ไม่โดนแผลที่หัว กูไปทำข้าวเช้าละ"

     "นี่ห้องมึงหรอเร" มันพยักหน้า

     "แล้วเรนนอนไหน" มันชี้กำแพงน่าจะหมายถึงห้องข้างกัน นี่มาแย่งที่มันนอนเปล่าวะ 

     ผมคว้าเอาผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป ได้นอนแช่น้ำอุ่น ๆ ในอ่างช่วยให้อาการปวดตามตัวทุเลาลง ที่หอแม่งไม่มีอิจฉาวะ คอนโดพวกมันคงเป็นห้องชุดราคาแพงลิบไม่แปลกใจเพราะดูจากรถที่ใช้ แต่ฟินนานไม่ได้นี่ห้องชาวบ้านจึงรีบลากสังขารออกจากอ่างมาเช็ดตัวพร้อมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พอหยิบแว่นมาใส่ เหมือนเห็นรอยร้าวเล็ก ๆ ที่เลนด้านซ้าย  ได้เวลาเปลี่ยนของใหม่แล้วสินะ เสื้อแม่งตัวใหญ่ชิบหายดูสภาพตัวเองในกระจกอย่างกับเด็กโข่ง 

     เปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เจอกลับเรที่ยืนรอผมอยู่หน้าประตู ผมมองมันแบบงงๆ ก่อนที่จะถูกมันจูงให้เดินตามมาที่เตียงแล้วกดไหล่ผมนั่งลง กล่องพยาบาลถูกหยิบออกมาเปิดพร้อมอุปกรณ์ทำแผลที่ถูกรื้อมาออกมาวาง

     "กูทำเองได้" 

     "อยู่นิ่ง ๆ"มันว่าก่อนปัดมือผมออกจากอุปกรณ์เหล่านั้น 

     เรค่อย ๆ แกะผ้าก๊อตปิดแผลที่หัวออก ก่อนลงมือล้างแผลใส่ยา มือมันเบาจนนึกไม่ถึงเลยว่าเป็นมือเดียวกับที่ต่อยพวกน๊อตเมื่อวาน หน้ามันดูตั้งใจมาก 

    ได้มองใกล้ๆ แบบนี้ชวนให้รู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด ตามันสวยจัง สีน้ำเงินเข้ม ราวกับสายน้ำวนที่ดึงดูดให้ไม่อาจละไปทางอื่น มันดูนิ่งสงบและให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด

    ตึก ตึก...เสียงหัวใจผมเต้นดังอยู่ในอก เชี่ยกูไม่ใช่สาวน้อยนะเว้ย แล้วหน้าจะร้อนเพื่อ! 

    "ยิ้มเชี่ยอะไร!" ผมแขวะเมื่อเห็นริมฝีปากหนานั่นยกยิ้มบาง มันเลิกคิ้วกวนตีนก่อนจะหยิบเอายาแก้ฟกเช้ามาป้ายมุมปากผมเบา ๆ 

    "ข้าวเสร็จแล้ว" เรนโผล่หน้าเข้ามาในห้อง "อ้าวจะทายาเหรอ มาๆ กูช่วย"

    "เฮ้ย!!!!" ผมสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ เรนมานั่งข้างแล้วเลิกเสื้อผมขึ้นเผยให้เห็นรอยตีนที่หน้าท้องซึ่งโดนไอ้น๊อตถีบมา ผมเป็นคนขาวจัดและผิวบางโดนอะไรนิดหน่อยก็เป็นรอยเลยทำให้รอยถีบมันดูเขียวช้ำน่ากลัวเกินความจริง 

    "อย่าดิ้นน่าา พี่เรจัดการเลย" เอิ่ม...นี่จะทายาหรือทำอะไรกู เรบีบยาแก้ช้ำจากหลอด มือสากลากเนื้อครีมผ่านหน้าท้องแบนราบทำเอาผมสะท้านเฮือก ลมหายใจสะดุดจนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว 

     "เจ็บหรอ" เรนถามแล้ว มาพูดอะไรข้างหูเนี่ยขนลุก ส่วนพี่มันก็หยุดมือ ผมได้แต่ส่ายหน้ารัว ๆ

    "ขอบใจ" ผมบอก...เฮ้อ! เสร็จซักที 

     เราสามคนจบมื้อเช้าด้วยข้าวต้มกุ้ง เพิ่งรู้ว่าไอ้แฝดน้องทำอาหารอร่อยมาก ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนโดยผมมาที่คณะพร้อมแฝดพี่ 



     สภาพผมที่ก้าวลงจากรถเรียกเสียงกรีดร้องลั่นคณะของีเจ๊ดา เพื่อนในรุ่นโวยวายยกใหญ่ที่รู้ว่าผมโดนกระทืบ ถึงพวกมันจะชอบแกล้งแต่พวกมันก็รักผมมาก พวกมันประคบประหงมจนขนลุก ไอ้ก้องกับไอ้ภูผาแทบจะแบกขึ้นตึกถ้าผมไม่ห้ามไว้ก่อน...แค่โดนกระทืบไม่ได้พิการ

    ปัง! เสียงตบโต๊ะของเจ๊ดาดังลั่นโรงอาหารทันทีที่ผมเล่าเรื่องเมื่อคืนจบ เจ๊ดาลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะพร้อมถกแขนเสื้อพร้อมรบแต่โดนไอ้ก้องคว้าไว้ก่อน

    "เจ๊จะไปไหน" ผมร้องลั่น

    "ไปตบอีแพง บังอาจทำลูกรักกูเจ็บตัว"แม่คนที่สองประกาศกร้าว "มันเรียนศึกษาใช่ไหม หึม...มึงเจอกูแน่"

    "เหอๆ ใจเย็น" ไอ้กรพยายามห้าม

     "ใจเห็นห่าไรค่ะ แม่งทิ้งไอ้มีนไปมีแฟนใหม่ยังไม่พอ แฟนแม่งยังมากระทืบมันอีก ดูดิหน้าลูกสาวกูเสียโฉมหมด" ใครลูกสาวมึง!!!! กูแมน ผู้ชายทั้งแท่งลองได้

    "เอาเป็นว่าใจเย็นๆ นะเพราะพวกนั้นก็โดนพี่กระทืบเข้าโรงพยาบาลไปแล้วไง" เรนพยายามไกล่เกลี่ย หันไปขอกำลังเสริมซึงพี่มันก็พยักหน้ายืนยัน

     "เออ ก็ได้ แต่ถ้ามันออกโรงพยาบาลมา รบกวนสุดหล่อของเจ๊ไปกระทืบซ้ำอีกซักรอบก็ดีนะ" ผู้หญิงเวลาโกรธน่ากลัวจริงครับ แล้วมึงจะพยักหน้ารับทำไม
 
     "พอเลยมึงเดี๋ยวเข้าคุกหรอก" ผมร้องห้าม

     "ห่วงมันก็บอก" ไอ้กรล้อ

     "เปล่ากูกลัวโดนซัดทอด" บรรยากาศคุุกรุ่นเริ่มกลับมาดี พวกผมหยอกล้อกันตามปกติก่อนตัดสินใจแยกย้ายไปซื้อข้าว โดยเพื่อนผมมันอาสาไปซื้อข้าวให้พร้อมสั่งให้สองแฝดเรเรนนั่งเป็นบอดี้การ์ดอยู่ที่โต๊ะ เรียกสายตาเสียดแทงจากสาวๆ รอบตัวตัวได้เป็นอย่างดี

    ...อิจฉาน้องมีนละซี้...

    "มีน" คนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้เดินมาหาผมที่โต๊ะ "เราขอโทษนะเรื่องเมื่อคืน เพราะเรามีนเลยเจ็บตัว"

     "อืม พะแพงไม่ต้องขอโทษหรอก" ผมบอกพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่รักแล้วจะมาห่วงทำไมวะ

     "เรามีเรื่องอยากจะขอ" ผมหันมามองเธอ "อย่าเอาเรื่องพี่น๊อตได้ไหม เราหมายถึงอย่าแจ้งตำรวจนะ" เหอะ!...ที่แท้ก็ห่วงมัน
 
     "เราไม่แจ้งหรอก" ผมถอนหายใจหนักหน่วง ที่โดนเรกระทืบไปน่าจะพอแล้วละ

     "ขอบคุณนะ มีนเป็นคนดีจริง ๆ เราขอโทษที่โกหกมีน เรา..." เธอยิ้มดีใจและทำท่าจะจับมือผมแต่ผมชักมือหลบ 

     "ไปเถอะพะแพง เราไม่มีอะไรจะคุยกันแล้ว ต่างคนต่างอยู่นะ" ผมบอกเสียงเรียบตัดบท อดีตแฟนเหมือนจะรู้ตัวดีจึงยอมเดินจากไปเงียบ ๆ ท่ามกลางสายตาอยากรู้ของคนทั้งโรงอาหาร 

     พอเธอพ้นสายตาไปความเข้มแข็งเหมือนพังทลาย คบกันมาตั้งสองสามปีจะไม่ให้รู้สึกอะไรคงเป็นไปไม่ได้ 
ผมรู้คนเราต้องเคยอกหักแต่มันกลับรู้สึกแย่กว่าที่คิดเมื่อเราจบกันด้วยการทรยศ คำโกหกและเธอไปมีคนใหม่โดยไม่บอกกล่าว ผมพิงไหล่คนข้างกายอย่างหมดแรงอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เฮ้อ! 

     เรยังนั่งนิ่งให้ผมพิงพลางตบไหล่ผมเบา ๆ

     "โอ๋ๆ ไม่ร้องน้าาาา" เรนว่าพลางเอามือลูบหัวผมด้วย

     "ใครร้อง ไม่มีอะ ระดับนี้"

     "แต่ตามึงแดง หรืออยากให้กูกอดปลอบ มามะ ที่รัก" ว่าแล้วมันก็รวบผมเข้าไปกอดทันที ไม่กอดเปล่ามันหอมแก้มด้วย ข้าพเจ้าเหวอแดกเลยครับ มันทำท่าจะจูบผมนี่รีบเอามือยันหน้ามันไว้เลยครับ เล่นกับหมาหมาเลียปากชัด ๆ

     "เร ช่วยด้วยยยย น้องมึงจะปล้ำกู" ผมแหกปากลั่นโรงอาหาร ความเศร้าหายเป็นปลิดทิ้งเพราะต้องเอาตัวรอดจากมือปลาหมึกของเรนแทน



     อาทิตย์นี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า มันน่าเบื่อน่าเซ็งไม่มีอารมณ์จะทำอะไรจนรุ่นพี่ออกปากถามว่าไอ้แว่นเกรียนคนเดิมหายไปไหน พึ่งรู้นะว่าการที่คนอย่างมีนสงบปากสงบคำไปมันทำให้บรรยากาศหม่นหมองได้ขนาดนี้

     "กูคิดถึงมีน" เสียงเรนครวญคราง ถ้ามันไม่หล่อคงอุบาทว์์น่าดู

      ไอ้คนที่มึงกอดโยกไปโยกมาอยู่นี่ไม่ได้ชื่อมีนหรือไง ผมเริ่มชินกับอาการถึงเนื้อถึงตัวของมันแล้วครับ มันจะเป็นแบบนี้เฉพาะกับผมและพี่มัน เลิกเรียนบางวันมันก็มาขลุกอยู่กับกลุ่มผมจนแอบสงสัยว่าที่คณะไม่มีคนคบหรือไง

     "กูไม่ได้ชื่อมีนหรือไง"

     "ใช่มึงชื่อมีน แต่กูอยากได้ไอ้มีนกวนตีน ๆ คนเดิมกลับมา" มันยังงอแงไม่เลิก

     "เออ เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำหน้าเป็นหมาแดกแฟบซักทีวะ" เจ๊ดาบ่นบ้าง "เห็นหน้ามึงกินข้าวไม่อร่อยวะบอกตรง"

     "ก็มันเบื่อๆ นี่หว่าเจ๊ ข้อยก็ไม่อยากอกหักเปล่าวะ  เฮ้ยๆ พอๆ" ผมมุ่ยหน้า เอี้ยวตัวหลบเรนที่เริ่มระรานแก้มผม เดือดร้อนพี่มันต้องมาจับแยก "มึงเป็นเกย์หรือไง"

     "กูเป็นไบ" มันตอบชัดเจน "ถูกใจก็ได้หมด"

     "นี่มึงคงไม่ได้หวังเคลมเพื่อนกูใช่ไหม" ไอ้กรถามทำท่าสยองเต็มที่

     "ก็หวังอยู่ เพื่อนมึงน่ารัก ขอกูตอดหน่อยเถอะ" เชี่ยไปไกลๆ ตีน ผมยันร่างสูงนั้นออกห่างก่อนหลบไปลี้ภัยหลังพี่มัน ไม่รู้ว่าไอ้เรมันมองน้องด้วยสายตาแบบไหนอีกฝ่ายถึงกับถอยทัพ เรนเลยหันไปคุยเล่นกับพวกไอ้กรแทน

..............................................................

:katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 4 P1
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 07-10-2017 16:06:14
 :heaven
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 4 P1
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 08-10-2017 18:44:37
บทที่ 5


     "นวลอนงค์นอนดี ๆ ให้พี่ขี่ นอนดี ๆ พี่จะขี่นวลอนงค์ ถ้าไม่ดีพี่จะจับ...." ผมแหกปากร้องเพลงพร้อมดีดกีตาร์ แบบว่ามันกรึ่ม ๆ โดยมีไอ้กรคอยเคาะขวดเหล้าประกอบจังหวะ วันนี้รุ่นพี่ชวนก๊งกันหน้าตึกพร้อมปิ้งหมูเลี้ยงน้องในยามเย็น(แม้สถานศึกษาจะมีกฏห้ามนำแอลกอฮอลเข้ามาในบริเวณก็ตาม)

     ที่มีเรื่องกับไอน๊อตวันนั้นทำให้ทุกคนรู้ว่าผมร้องเพลงเก่ง จึงโดนพวกรุ่นพี่สั่งให้เป็นนัทนาการจำเป็นในค่ำคืนนี้ แรกเริ่มก็เพลงป๊อปเพราะๆ ซึ้งๆ พอดีกรีเริ่มมาก็เริ่มเป็นเพื่อชีวิตสุดท้ายจึงมาจบด้วยเพลงเกรียนดังนี้ เฮ้อผมชักจะสงสัยแล้วนะว่าบุพการีส่งมาร่ำเรียนหรือร่ำสุรา

     "มีน ๆ มึงลองนี่" พี่ตั้มกอดคอผมก่อนยื่นบ้องแสตนเลทให้ ผมมองบ้องกัญชาในมือรุ่นพี่ ควันจางๆ ทำเอาไอ คุก คุก คุก! เลย ถึงผมจะดูดบารากุแต่ระดับสโมกวีดขอบายได้ไหมกลัวตำรวจจับ

     "ไม่เอาอะพี่ ผมสายเมาไม่ใช่สายเขียว" ผมปฏิเสธพัลวัน ลิ้นรวน ๆ วะ แหงสิน้องมีนที่ใครก็รักโดนรุ่นพี่จับยัดทั้งเหล้าและเบียร์

     "กูอุส่ายำเพื่อมึงโดยเฉพาะเลย" พี่ตั้มยังดึงดันพร้อมเสียงเชียร์จากรุ่นพี่คนอื่น เหมือนแกจะทนไม่ไหวจับยัดปากผมจนเผลอสูดเข้าไปเต็มปลอด กลิ่นกัญชาฉุนกึกขึ้นสมองจนมึนเบลอ รู้สึกล่องลอยอย่างประหลาด...อา ฟิน ไม่ใช่แล้ว!

     "เฮ๊ย!!! มึงดูใครมา" ผมมองตามแรงสะกิดยิกๆ ของไอ้พี่ตั้ม 

     พี่ลูกแก้ว!...และแก้งนางฟ้ามาเหยียบคณะผมครับ พวกเธอแจกยิ้มหวานทำเอาหนุ่มๆ ในคณะผมตาพร่าไปเป็นแถบ เรียกสายตาหมั่นไส้จากเหล่าสตรีไร้คู่โดยรอบโดยเฉพาะเจ๊ดาที่หันไปซุบซิบกับก้องและภูผาอย่างออกรส

    "มึงๆ เขาเดินมาทางนี้วะ" เสียงพี่เก่งที่แอบปลื้มพี่ลูกแก้วร้อง แกนี่ละทำผมเดือดร้อนไปหาเบอร์มาให้ เขาเขย่าแขนเพื่อนยิกๆ หน้างี้ระรื่นเชียว แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อแม่นางนั่งลงข้างเรที่ยังดื่มเงียบ ๆ เหมือนไม่มีตัวตนอยู่นาน

     "ไง ไม่ติดต่อมาเลยนะเร" ดาวอักษรทักทายไอ้หล่อข้างผมแบบถึงเนื้อถึงตัวทำเอาทุกคนที่ล้อมวงอยู่นั่งอึ้ง...นางออกตัวแรงเว่อร์ "เอาเบอร์ไปก็ไม่โทรหา มีแต่ไอ้โรคจิตที่ไหนไม่รู้โทรมาได้ทุกวัน" พี่เก่งสะดุ้งเฮือก ไอ้โรคจิตที่ว่าคงไม่พ้นพี่แกแน่

     "ไอ้มีนมึงมานี่" คนโดนหาว่าโรคจิตคว้าคอผมมากระซิบกระซาบ "บอกมาซะดีๆ ตอนขอเบอร์มึงทำยังไง"

     "เอ่อพี่"
 
     "บอกมาเดี๋ยวนี้ไอ้น้องเวร" เสียงเข้มรอดไรฟันทำเอาผมขนลุกซู่

     "ผมลากไอ้เรไปด้วย แล้วบอกว่ามันเป็นคนอยากได้ โอ๊ย! พี่" พูดจบเฮียแกส่งกำปั้นกระแทกต้นแขนผมทันที...แง 
"ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้"

     "ก็วิธีนี้มันได้ง่ายที่สุดนี่ แล้วพี่ก็ไม่ได้บอกด้วยว่าให้ขอแบบไหน โอ๊ย!! พี่พอแล้ว ข้อยเจ็บนะเนี่ย" ผมโอดโอย ก่อนจะหันไปสนใจแม่นางฟ้าที่ยังรุกเพื่อนผมไม่เลิก

     "พี่ลูกแก้วจำผมได้ไหม" ผมเอ่ยทัก ช่วยพักยกให้เรที่ยังคงนิ่งเฉยแต่ส่งสายตาเชือดเฉือนมาให้ เดาว่ามันคงรำคาญแค่ขี้เกียจพูด

     "อ้อเรานี่เอง เพื่อนเรานะแย่มากเลย เอาเบอร์พี่ไปก็ไม่โทรหา" เธอตัดพ้อ ดูท่าดาวอักษรคนนี้จะชอบเรจริงจัง

     "เอ่อพี่ มันเป็นคนพูดน้อย บางทีที่มันไม่โทรอาจเพราะมันไม่รู้จะพูดอะไรละมั้งครับ" ผมแก้ตัวให้ ไอ้เรมองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจพี่ลูกแก้วที่ตอนนี้แทบจะขึ้นมาเกยบนตักมัน 

     เฮ้ย! ไอ้เรมึงก็ปฏิเสธเขามั่ง ไม่ใช่นั่งให้เขาเอานมไถอยู่แบบนั้น หรือมึงชอบวะ ผมเลิกมองมัน อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทนเธอเร้าได้ซักแค่ไหน

     "แล้วพี่คนสวยละครับ มาหาใคร หรือว่าคิดถึงผม" ผมหันไปทักเพื่อนที่มากับพี่ลูกแก้วแทน

     "เพ้ออะไรค่ะน้อง ที่จริงหน้าตาน้องก็โอเคแหละ แต่แห้งๆ แว่นๆ บอกเลยไม่ใช่เสปกค่ะ" แรง! เพื่อนพี่ลูกแก้วคนนี้ยังคงแขวะได้เจ็บแสบดังเดิม
 
     "คนสวยใจร้าย"

     "แล้วนี่อะไรค่ะ ถือกีตาร์เล่นเป็นด้วยเหรอ พี่ละก็นึกว่าเราจะเป็นโอตาคุเสียอีก" ยาวไปเลยครับกับคำเสียดแทง ถึงพี่จะสวย แต่ปากแบบนี้ระวังจะไม่มีผัวนะครับ ก็ได้แต่เถียงในใจ

     "หวังว่าตอนร้องเสียงคงไม่เหมือนสัตว์กินพืชออกลูกหรอกนะค่ะ" เหอๆ ทำไมต้องหาว่าผมเป็นกระต่ายด้วยวะ

     "มึงทำหน้าหมาหงอยอีกทำไมวะ" เจ๊ดาว่าก่อนจับแก้มผมยืด "ยิ้มสิยิ้ม เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย" ผมยิ้มหวานให้มันทั้งที่ยังมึนเพราะกัญชาที่พี่ตั้มจับยัด ฤทธิ์ของมันทำให้ลึกถึงอารมณ์ไปซะหมด สุขก็สุขเกิน เศร้าก็เศร้าเกิน

     "น้องไม่เล่นต่อแล้วเหรอค่ะ" พี่ลูกแก้วละความสนใจจากเรมามองกีต้าร์ในมือผมแล้วเอ่ยทัก เพิ่งเห็นเหรอว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้
"เออ เล่นต่อ ๆ ขอเพลงเจ็บๆ มาเมาให้ลืมเธอ พวกมึงชน" พี่เก่งหันมาบอก ก่อนชนแก้วกับเพื่อนต่อ

     เคร้ง!

     ผมมองเรที่ก้มกระซิบบางอย่างกับพี่ลูกแก้วทำเอาเธอหน้าแดงจัด สีหน้าทั้งเขินทั้งโกรธก่อนใบหน้าสวยจะพยักหงึกหงักแล้วเพื่อนผมก็ลุกเดินนำออกไปโดยมีสาวเจ้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไป...หึ! 

     ขนาดมึง ได้หญิงแล้วยังทิ้งกูเลย...ว่าแล้วก็คว้าแก้วมากรึ๊บ ก่อนจรดนิ้วเรียวจับคอร์ดกีตาร์แล้วเริ่มบรรเลงทั้งที่ยังมึน
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมน้าแอดชอบดูดเนื้อ มันทำให้อารมณ์ศิลปินบรรเจิดแบบนี้นี่เอง ในหัวสมองผมล่องลอย ริมฝีปากก็ขับกล่อมบทเพลงไปเรื่อยๆ 

     ขอเพลงมาเหรอ เหอะ กูไม่ร้อง กูจะร้องตามใจ กูเซ็ง กูเศร้า กูเหงา กูอยากเกรียน สารพัดสิ่งมึนเมาเริ่มออกฤทธิ์หนักเกินต้านทาน จำได้ลาง ๆ ว่าเมาหัวทิ่มจนต้องเลื้อยลงไปหนุนตักเจ๊ดาา!? นอนเพ้อเอาหน้าซุกนมมัน!? ให้มันปลอบมันโอ๋จนหลับไปในที่สุด



     ผมสะดุ้งตื่นพบว่าตัวเองอยู่บนรถของเรซึ่งจอดนิ่งอยู่ข้างทาง เจ้าของมันกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่หลังพวกมาลัยก่อนเงยหน้าขึ้นมองผมที่เพิ่งตื่น มองดูนาฬิกาหน้ารถตีสามแล้วครับ 

     "รออยู่นี่" มันว่าพลางเอื้อมมือดึงเก๊ะหน้ารถแล้วหยิบปืนออกมาก่อนลงรถไป 

     ปืน!!! มันพกปืนมาด้วย 

     ผมพยายามตั้งสติที่ยังมึนเบลอก่อนหยิบเอกสารที่มันทิ้งไว้มาดู เป็นภาษาอังกฤษล้วน ในนั้นมีหน้าของชายฉกรรจ์นายหนึ่ง พร้อมชื่อและรายละเอียดต่าง ๆ เมื่อรวมเหตุการครั้งแรกที่เจอกันหรือว่ามันจะเป็นพวกนักฆ่ารับจ้าง

     เรือหายแล้วไง...ดันมารู้อะไรแบบนี้ สิ่งที่เรนบอกวันเเรกแล่นเข้ามาในหัว ถ้าปากโป้งผมตาย หนีกลับไปตอนเรียนก็ต้องเจอกันอยู่ดี ไม่มีทางเลือกแฮะ 

     งั้น...ทำเหมือนไม่รู้ก็แล้วกัน

     พอนั่งว่างเลยไลน์คุยกับพวกในกลุ่ม ได้ความว่าผมเมาหลับพวกมันเลยวานให้เรมาส่ง ระหว่างรอก็เช็คเฟชหน่อยดีกว่า...ตามคาด ตอนผมเมาพวกเพื่อนมันอัดคลิปมาแท็กหน้าเฟชเรียบร้อย

     ...กูเป็นผิดหรอวะที่เป็นแบบนี้ งือกูไม่ได้แห้งนะกูแค่ผอม มึง ใคร ๆ ก็ไม่รักกู แง พะแพงแม่งทิ้งกู กูมันไม่หล่อ ไม่รวย ค...ยไม่ใหญ่...สารพัดจะเพ้ออกมา เอาเถอะ สภาพผมมันก็ไม่ได้อุบาทว์อะไรมาก(มั้ง) นั่งอ่านคอมเมนท์ถึงกับขำ 

     ...ลูกสาวอกหักมาซบอกแม่...เจ๊ดา...ให้บอกกี่ทีกูเป็นลูกชายยย

     ...ไอ้ลูกแหง่ หญิงไม่เอาก็หาผัวสิ...ไอ้ก้อง แนะนำได้เชี่ยมาก

     ...เมาไม่กลัวโดนลากไปเคลมเลยนะสัด...ไอ้ภูผา และคอมเม้นอื่น ๆ อีกมากมายจากเพื่อนและรุ่นพี่ ยอดไลค์นี่หลักพันพอกับเน็ตไอดอล ว่าไปนั่น!!!!

     นั่งรอมันเกือบชั่วโมงเริ่มจะเบื่อ มันไปจัดการเขาหรือโดนเขาจัดการวะ ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนตัดสินใจออกจากรถไปตามหามัน นี่ก็บ้าทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาทำอะไร 

     ผมเดินเข้าไปในซอยที่อยู่ใกล้ ๆ จำได้ว่าเรมาทางนี้ มืดก็มืด มีแค่แสงจันทร์ส่องทางให้เห็นลาง ๆ เดินเหยียบงูทำไงเนี่ย เงียบจนเสียวสันหลัง หวังว่าผีคงไม่โผล่มาตอนนี้นะครับ ยังไม่ใกล้หวยออกไม่ได้ต้องการเลขเด็ด แถมเวลานี้เขาก็ปิดบ้านนอนกันหมดแล้ว 

     ...แม่งไปไหนของมันวะ...

     ผมพยายามกวาดตามองรอบตัว เห็นแสงจากเสาไฟฟ้าอยู่ลิบ ๆ จึงมุ่งตรงเข้าไปหาตรงที่ไฟส่องสว่างแต่สิ่งที่เห็นบนพื้นพาให้ร้อนใจขึ้นมาทันที

     เลือด!!! หรือว่าเป็นของเร หายไปนานขนาดนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ ผมสาวเท้าตามหยดเลือดนั้น ปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นยิ่งทำให้ร้อนรนจากเดินเปลี่ยนเป็นวิ่ง วิ่งไปเรื่อย ๆ จนไปถึงสะพานสูงข้ามคลองที่อยู่สุดซอย 

     "เฮ้ย!!!" ใครบางคนล๊อคคอผมจากด้านหลังก่อนลากถูลู่ถูกังขึ้นไปบนสะพาน มันจับหัวผมกดลงลำตัวครึ่งบนพาดราวสะพานอย่างน่าหวาดเสียว

     ผมพยายามจะหันมองว่าเป็นใครแต่มือแกร่งกับออกแรงบีบต้นคอผมแน่นจนเจ็บร้าว สะพานถึงจะไม่สูงมาก แต่ลำคลองที่แห้งผากเบื้องล่างหากตกลงผิดท่ามีหวังคอหักตาย กลิ่นเลือดคละคลุ้งลอยแตะจมูก และมันยังคงไหลออกจากท้องคนที่ล๊อคคอผม

     "อย่าเข้ามาถ้าไม่อยากให้เด็กนี่ตาย!!!" เสียงแหบแห้งตวาด มือที่ล๊อคผมไว้สั่นเกร็ง ผมพยายามฝืนมองผู้มาใหม่ที่ก้าวเท้าเข้ามาอย่างใจเย็น
 
     เร!!! โล่งอกไปทีที่มันไม่เป็นอะไร แต่ดูเหมือนว่างานนี้ผมจะกลายมาเป็นตัวถ่วงซะแล้ว

     "เชี่ย!!! เจ็บ ปล่อยดิสัด" ผมโวยวาย ดิ้นรนจนมันโมโหเตะข้อพับผมจนเข่าทรุด "โอ๊ย!!!"

    "หุบปากไอ้มนุษย์โสโครกก่อนที่กูจะสงเคราะห์ให้มึงไปยมโลก" มันหันมาตะคอกเอาซะหูอื้อไปเลยครับ อ่าวแล้วมึงไม่ใช่มนุษย์หรอ งง

     "กูไม่ยอมให้มึงจับง่าย ๆ หรอก ใครมันจะโง่ไปนอนในคุกซังกะตายแบบนั้น เลือกเอาแล้วกันระหว่างกูกับมัน" คราวนี้มันปล่อยคอผมแล้ว จึงได้เห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน ดวงตาสีอำพันกับเขี้ยวยาว ๆ ใบหน้าที่เปราะะเปื้อนไปด้วยเลือดนั่นกำลังแสยะยิ้มให้ผม นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย หรือว่าจะเป็นปีศาจ

     ร่างของผมถูกมันจับโยนลงจากสะพาน พลันให้ท้องไส้ปั่นป่วนจนแทบอาเจียน ...ตาของผมเบิกกว้างมองพื้นดินแห้งผากที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ตาย ๆ!!! กูตายแน่ 

     หมับ!!! ก่อนที่น้องมีนจะได้จูบธรณี ก็ถูกแขนแกร่งสอดรั้งร่างไว้ได้ทัน เรใช้ปีกสีดำโบยบินพาเราทั้งคู่ลงจอดตรงตีนสะพานอย่างสวยงาม

     ...เกือบไปแล้วไหมแต่เอ๊ะ ปีก...เรมีปีก 

     "มึง ๆ ๆ" ผมมองมันตาโต จะพูดแต่ละคำเจ็บร้าวไปทั้งคอ แม่งเอ้ย!!! มันกะหักให้ตายคามือเลยหรือไง ไอ้บ้านั่นเตะข้อพับผมซะเคล็ดจะยืนยังลำบากเลย ตั้งหลักได้ผมจึงเงยหน้ามองเรเต็มตา ท่อนบนเปลือยเปล่าและที่หลังของมันคือปีกซึ่งปกคลุมไปด้วยขนนกสีดำขนาดใหญ่ ผมมั่นใจว่าไม่ได้หลอนไปเอง

      เรไม่ใช่มนุษย์ความจริงข้อนี้ทำให้สองเท้าถอยห่างจากร่างสูงโดยอัตโนมัติ ดวงตาสีน้ำเงินที่มองมาคุกรุ่นด้วยอารมณ์ชวนให้หวาดหวั่น มันกำลังไม่พอใจ ถึงไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องอะไรแต่ผมทำเรพลาดบางอย่างแน่นอน 

     "มึง มึง...ไม่ใช่คน?" 

     "ก็เห็นแล้วนี่" แต่ก่อนจะถอยห่างมันไปมากกว่านี้ ผมก็ถูกกเรดึงมาใกล้และล๊อคเอวไว้ด้วยสองแขน 

     "เหวอออออ"

      "ไม่ทำอะไรหรอกน่า" ปีกของเรหายไปตอนไหนก็ไม่ทันสังเกตุ พอไม่มีมันคนตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดา

     "เอ่อ...คือ เห็นมึงออกมานาน ไม่กลับมาซักที กูกลัวเป็นอะไรเลยออกมาตาม กูเดินมาเห็นกองเลือดยิ่งตกใจ รีบตามหามึงเพราะกูคิดว่านั่นเป็นเลือดมึง แต่ดันมาเจอมันก่อน ถึงจะไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไร แต่กูจะไม่บอกใคร สัญญาจะเงียบไว้ กู..."

     เรเอามือปิดปากผมไว้พร้อมมองดุ ๆ เจอแบบนี้ถึงกับหงอยสิครับ ผมก้มมองมือตัวเองที่กำเสื้อมันแน่นอยู่แบบนั้นจนได้ยินเสียงถอนหายใจ เรแกะมือผมออกช้า ๆ หรือมันรำคาญผม ทำไมต้องรู้สึกแย่ไม่เข้าใจ

     ร่างสูงยังคงเงียบก่อนหันหลังเดินจากไปส่วนผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนกับสิ่งที่พึ่งเกิด 

      ผมสะดุ้งเมื่อมันหันกลับมาจับมือผมก่อนออกแรงจูงให้เดินตาม ตลอดทางเราต่างคนต่างเงียบ แม้มีคำถามในใจมากมายแต่ก็เลือกที่จะเงียบเพราะเดาว่าเรคงไม่ตอบ เรไม่ได้ไปส่งผมที่หอครับแต่ขับไปคอนโดมันแทน วันนี้ผมคงได้แย่งที่นอนมันอีกแน่


 
     "อ้าวมีน มาไงวะ" เรนออกมารับแขกทันทีที่ไปถึง "แล้วทำไมสภาพเป็นแบบนี้" มันถามตาตื่นก่อนเข้ามาสำรวจผมใกล้ ๆ แทบจะสิง

     "โดนตีนมานิดหน่อย" ผมหัวเราะแหะ ๆ เรนหันไปมองหน้าพี่มัน ดวงตาสีเขียวที่มักสดใสเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

     "รู้ว่าตัวเองต้องออกล่าแล้วทำไมไม่ไปส่งมีนให้เรียบร้อย" คนน้องว่าเสียงห้วน "ทำไมต้องเอามีนไปเสี่ยงด้วยวะ ดูสิคอมันช้ำขนาดนี้ ออกแรงมากกว่านี้คงคอหักตาย มันเป็นมนุษย์นะ โดนฆ่าตายจะทำยังไง" 

      สองพี่น้องยังคงมองกันนิ่งบรรยากาศมาคุชวนให้อึดอัด ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดที่พี่กับน้องมันต้องมาเคืองกันแบบนี้แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็เป็นเรที่ยอมอ่อนให้ มันเบือนหน้าหนีแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปเงียบ ๆ 

      เฮ้อ...ก่อเรื่องซะแล้วกู

     "เรน มึงใจเย็นก่อนนะ" ผมบอกคนน้องที่ยังยืนข้างตัว "พี่มึงคงไม่ตั้งใจหรอก มันก็ช่วยกูนะเว้ย" นัยน์ตาสีเขียวหลุบต่ำดูสลด เหมือนพึ่งนึกได้ว่าขึ้นเสียงใส่พี่ตัวเอง

     "ก็แค่โมโหที่เห็นมึงเจ็บ" มันบอกเสียงแผ่ว 

     "กูโอเค ไว้อารมณ์เย็น ๆ ก็ขอโทษพี่มึงซะ" ผมตบบ่ามันเบาๆ

     "เห็นแล้วสินะ เรื่องที่พวกกูไม่ใช่มนุษย์" 

     "อืม กูอยากรู้ คือตอนนี้งงไปหมดแล้ว" เรนจับมือทั้งสองข้างผมมากุมไว้ ดวงตามรกตเต็มไปด้วยความกังวล

     "ก็ได้ แต่รับปากนะว่าจะไม่รังเกียจพวกกูอะ" ผมพยักหน้ารับ มีอะไรให้ผมรังเกียจ เท่าที่รู้จักกันมาพวกมันไม่ใช่คนเลวซักหน่อย อย่างน้อยไอ้เรมันก็ช่วยผมวันนี้

     "พวกกูเป็นอมนุษย์ พวกปีศาจ ภูติผีอะไรทำนองนั้นแล้วแต่คนจะเรียก" มันเกริ่น ของแบบนี้มีอยู่บนโลกด้วยเหรอ นึกว่ามีแต่ในการ์ตูนเสียอีก

     "มีน" เรนเขย่าแขนผม "มึง...ไม่ได้กลัวกูใช่ไหม อย่ากลัวกูนะ พวกกูไม่มีอะไรหรอก" เสียงไอ้เรนดูเศร้ามาก จะว่าไปพวกมันก็ดูไม่ต่างจากมนุษย์เลยนี่ ไม่มีเขี้ยว ไม่มีเขางอกหรือหน้าตาน่าเกลียด แถมหล่อสัดจนสาวหันตามคอแทบหัก

     "เปล่า...คือแบบมัน เป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก นอกจากมึงกับพี่ มีคนอื่นอีกไหม"

      "มีเยอะแยะ หลากหลายเผ่าพันธุ์ บางพวกก็อยู่ในที่ของเขา บางพวกก็อาศัยปะปนและใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา อย่างกูกับเร ต้องเรียนต้องทำงาน หาเงินเหมือน ๆ กัน" ผมพยักหน้าเข้าใจ โลกใบนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะเลยนี่ "แต่มันก็มีนะพวกที่ล่ามนุษย์ พวกกูเลยต้องมีกฎไง มีสภากลาง*คอยควบคุม อืม....ก็เหมือนตำรวจแหละ ถ้ามึงทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ แบบวันแรกที่เราเจอกันไง ไอ้คนที่เรฆ่าทิ้ง หมอนั่นเป็นฆาตกร เลยถูกสั่งเก็บ นั่นคืองานของพวกกู"

    *(สภากลาง : Security Council of Eternal Clan หรือ สภากลางเป็นองค์กรที่คอยควบคุมดูและดูแลอมนุษย์ ให้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้อย่างสงบสุข มีสาขาย่อยทั่วโลก สาขาใหญ่ตั้งอยู่ในอเมริกาและสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งอยู่ในไทย)

     "อย่างคนที่จับกูวันนี้ละ"

     "อ่อ นั่นเป็นเป้าหมายล่าสุดที่เรต้องจัดการลากเข้าคุกนะ"

     "ฟังดูสุดยอดไปเลย" ผมร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อคิดตาม อย่างกับแวนเฮลซิ่ง ที่ตัวเอกคอยปราบปีศาจร้าย "แล้วมึงกับเรเป็นเผ่าพันธุ์ไหนวะ"

    "ก็เรเวน* เอิ่ม...แบบในตำนานไทยก็พวก ปักษา กินร กินรี อะไรพวกนี้" นัยน์ตาสีเขียวพราวระยับดูมีความสุขที่ผมสนใจในตัวตนของมัน "จริง ๆ พวกกูบินได้นะ มีปีกแบบนี้" ว่าแล้วมันก็ถอดเสื้อออกก่อนปีกนกสีดำจะค่อย ๆ สยายออกต่อหน้าผม 

     (*Raven เป็นชื่อสามัญของนกจำพวกหนึ่ง ในวงศ์นกกา มีขนาดตัวใหญ่กว่านกกา)

     "ของจริงเหรอเนี่ย"  ผมมองมันไม่วางตาเผลอเอื้อมมือไปสัมผัสขนนุ่มสีดำอย่างลืมตัว 

     "เท่ใช่ไหมละ" มันยิ้มกว้างก่อนปีกของมันจะหดกลับและหายไป "เอาเป็นว่าช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะ" ผมพยักหน้ารับ ที่จริงมันก็ไม่ใช่อะไรที่จะเอาไปป่าวประกาศหรอกนะ พูดไปคนจะหาว่าผมบ้ามากกว่า 

     "ยิ้มอะไรอีก" ผมถามเสียงห้วนเมื่อเรนเอาแต่มองหน้าผมแล้วยิ้มค้างอยู่แบบนั้น

     "ก็แค่คิดว่า มึงนี่น่ารักจังน้าาา"

     "ชมผู้ชายว่าน่ารัก ใช่เหรอ" แล้วผมจะประหม่าทำไมเนี่ย 

     "เขินละซี้้" เรนว่าพร้อมเอานิ้วจิ้มแก้มผมจึก  ๆ เลยหันไปแยกเขี้ยวใส่มัน "ไม่ง่วงหรือไง คืนนี้นอนห้องกูนะ"

     "นอนห้องมึงนี่ ปลอดภัยใช่ไหม"

     "แน่น้อนนนน" แหม...เสียงสูงเชียว "ไปอาบน้ำไปเดี๋ยวหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน"

     "นอนโซฟาได้นะ"

      "ห้องกูนั่นแหละ สาบานว่าจะไม่ลวนลาม" มันว่าพร้อมดันหลังผมเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูให้เสร็จสรรพ

..............................................................

:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 5 P1
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-10-2017 19:04:00
ว้าวดีจัง รีไรท์ด้วย
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 5 P1
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 08-10-2017 19:17:16
ว้าวดีจัง รีไรท์ด้วย
  คิดถึงจัง เหมือนไม่เจอกันนาน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 5 P1
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-10-2017 00:26:21
 :heaven
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 5 P1
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-10-2017 13:37:28
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 6 P1
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 09-10-2017 17:11:12
บทที่ 6

     เรไม่มาเรียน!!! ตั้งแต่เกิดเรื่องมันก็ยังไม่โผล่หัวมาเลย เว้นแต่ไอ้เรนที่โผล่หัวมาบ้างบางวัน ถามก็ไม่บอก นี่ก็วันศุกร์แล้วสงสัยอาทิตย์นี้คงไม่ได้เจอ
 
     หรือว่ามันโกรธผม!...มันอาจไปทำงานนอกสถานที่หรือเยี่ยมญาติต่างจังหวัดก็ได้ วันจันทร์คงมาเรียนแหละ 

     แล้วถ้ามันไม่มาละ?!!!...ก็ไม่มาไงวะไอ้มีน แล้วกูจะคิดมากเรื่องมันทำไมวะ หงุดหงิดแล้วพาลมาลงงาน เผลอละเลงพู่กันลงผ้าใบจากที่เพนท์เรียลลิสติกกลายเป็นงานอิมเพลสชั่นไปแล้ว เพราะมึงเลยไอ้เร 

     "หน้ายุ่ง ๆ" ไอ้กรชะโงกหน้ามามองงานผมแล้วหันมาจ้องผม "หงุดหงิดอะไรวะ ละเลงงานซะเละ แต่สวยดีได้อารมณ์ไปอีกแบบ"

     "จะหงุดหงิดอะไรได้ คิดถึงเรละสิ" รู้ได้ไงว่าผมคิดเรื่องมันอยู่ แต่เฮ้ย!...ใครจะไปคิดถึงไอ้ท่อนไม้นั่น แค่ชินกับการที่มันอยู่ข้างๆ เหมือนเงาก็แค่นั้น เจ๊ดาล๊อคคอผมไว้จากด้านหลัง 

     "ไรอะเจ๊"

     "มันไม่ได้บอกมึงเลยเหรอว่าไปไหน"

     "เหมือนมันเป็นคนชอบพูด" ผมย้อน 

     "เออวะ" ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

     "โทรไปยัง"

     "ทั้งโททั้งไลน์เลย มันไม่ตอบ" ล่าสุดผมโทรหามันเมื่อคืนแต่โทรไม่ติด หรือมันจะปิดเครื่องหนี

     "เคยไปคอนโดมันนิ" เจ๊ดาถาม

     "ก็เคย ทำไมวะ" 

     "ไปดูมันหน่อย เผื่อมันไม่สบาย ยังไงก็เพื่อนนะเว้ย กูห่วงมัน" ผมได้แต่เงียบไม่คิดว่าเรเวนจะป่วยได้หรอกครับ

     "มันอาจไปธุระก็ได้ เดี๋ยววันจันทร์ก็มาเองแหละ" เหมือนปลอบใจตัวเองแฮะ "อีกอย่าง น้องมันก็อยู่ด้วยกันไม่เป็นไรหรอก" พวกเพื่อนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะตบบ่าผมเบา ๆ แล้วแยกย้ายไปทำงานต่อ

     เลิกเรียนผมเดินเท้าออกจากตึกอย่างช้าๆ ไม่ได้ถ่วงเวลารอใครเล้ยย!!!! รถมอไซต์ผมเกินเยียวยาแล้วครับเลยขายเป็นเศษเหล็กให้ร้านซ่อมไป ดีหน่อยที่หอผมอยู่ซอยตรงข้ามมหา'ลัย

     "น้องๆ" ผมหันตามเสียงเรียก "ชื่อมีนใช่ไหม"

     "ครับพี่" พี่ที่คณะนี่หว่า น่าจะปีสอง ผมจำเขาได้ค่อนข้างแม่นส่วนหนึ่งเพราะใบหน้าที่เรียกว่าดีจัด ที่เด่นสุดๆ คงเป็นนัยน์ตาสีเทาคู่นั้นละมั้ง

     "เป็นเพื่อนเรใช่ไหม" ผมพยักหน้ารับ พี่แกจึงยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผม "มีคนฝากนี่ให้เร"

     "เอ่อ อาทิตย์นี้มันไม่มาเรียนเลยพี่"

     "อ่าวหรอ แปปนะ" ว่าแล้วพี่แกก็กดโทรศัพท์หาใครซักคน

     "ฮัลโหล เรไม่มาเรียน จะเอายังไง...ก็เอาไปให้เรนสิ...หา!!! ขี้เกียจ!!! หลานนายนะ ก็ตามเรื่องเองดิวะ...ผัวเชี่ย" คำว่าผัวทำเอาผมสะดุ้ง ผู้ชายหน้าตาดีกินกันเองหมดแล้วสินะ "เออ เออ งั้นฝากน้องมันไว้ก่อนก็ได้ อืมๆ เดี๋ยวบอกให้..."

     "น้องมีนครับ" พอวางสายพี่แกก็หันกลับมาสนใจผม
 
     "ว่าไงครับพี่"
 
     "พี่ฝากไว้ที่น้องก็แล้วกัน มันมาก็เอาให้มันด้วย" ซองสีน้ำตาลถูกยัดใส่มือเรียบร้อย

     "เรื่องด่วนไหมพี่" ผมมองซองที่ปิดสนิทในมือ บรรยากาศแปลกๆ รอบพี่เขาทำให้เดาได้ลางๆ ว่าอาจไม่ใช่มนุษย์

     "ที่จริง ก็รีบแหละ แต่ไว้เจอค่อยให้ก็ได้ เอ่อ...แล้วฝากบอก ว่าอาชวนกินข้าวที่บ้านอาทิตย์หน้ามีเรื่องจะคุย ลากเรนมาด้วย" อางั้นหรอ แสดงว่าพี่คนนี้ก็เป็นอมนุษย์จริงๆ สินะ

     "เดี๋ยวผมจัดการให้พี่"

     "ขอบใจนะ เห็นมันมีเพื่อนแบบนี้ก็เบาใจแหละ เอ้อ พี่ชื่อโยนะ มีอะไรอยากรู้หรือไอ้สองแฝดมันก่อเรื่องก็บอกพี่ได้ แล้วเจอกันนะน้อง" ผมมองตามพี่โยจนลับตา ไอ้พวกอมนุษย์นี่มันหน้าตาดีทุกคนเลยเปล่าวะ ผมมองเอกสารในมืออยู่พักใหญ่ เอาไปให้มันที่คอนโดจะได้ไปดูให้รู้เรื่องดีกว่าคาใจอยู่แบบนี้



     ก๊อกๆ เงียบสนิท สงสัยจะไม่อยู่ ผมเคาะประตูห้องซ้ำดูอีกทีทุกอย่างยังคงเดิม สงสัยไม่มีคนจึงตัดสินใจหันหลังกลับแต่ยังไม่ทันได้เดินประตูห้องถูกเปิดพรวดพร้อมกับไอ้แฝดน้องที่ลากผมเข้าห้องปิดประตูเสร็จสรรพ มันยิ้มทักทาย
 
     "ไงมีน" 

     "หวัดดีมึง กูนึกว่าไม่มีคนอยู่"

     "โทษทีเมื่อกี้หลับ แล้วมีธุระอะไร" ผมดึงซองเอกสารสีน้ำตาลยื่นให้มันก่อนเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟามันอย่างถือวิสาสะ

     "มีคนฝากมาให้พี่มึง เอ่อ เป็นรุ่นพี่ที่คณะ ชื่อโย บอกอาฝากมา" ผมบอก "เป็นพวกเดียวกับมึงเปล่าววะ"

     "ใช่ แต่คนนี้พิเศษหน่อยเป็นแวมไพร์เลือดผสมนะแล้วก็เป็นแฟนกับอากูด้วย" เรนบอกท่าทางตื่นเต้นพอตัว "คือ พวกเราเวลาพ่อแม่คนละพันธุ์ ลูกจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่พี่คนนี้เป็นลูกครึ่ง แถมสายเลือดแวมไพร์พี่แกแข็งแกร่งสุด ๆ"

     "อ่าว อมนุษย์นี่เก่งไม่เท่ากันหรือไง" ผมถามอย่างสนใจ ฟังดูน่าสนุกดีจัง

     "ก็เหมือนมนุษย์แหละมีชนชั้นปกครอง พวกกูก็มีสามตระกูลใหญ่ ท่าให้เทียบระดับคงเหมือนพวกเชื้อเจ้าอะไรประมาณนั้นแต่พี่โยมันเจ๋งตรงที่ความเป็นลูกผสมทำให้ไม่แพ้เงินหรือน้ำมนต์ที่แม่งศักดิ์สิทธิ์โครตๆ แบบพวกกู กูหมายถึงน้ำมนต์ที่ปลุกเสกมาถูกต้องจริงๆไม่ใช่น้ำมนต์ของขลังปาหี่ตามสำนักหรือตามวัดที่มึงเห็นหรอกนะ" โอ้ววววว....มันช่างล้ำลึกยิ่งนัก   

     "แต่อาเจ๋งสุดเพราะท่านเป็นแวมไพร์เลือดแท้จากสามตระกูลใหญ่ เก่งทุกอย่าง คนที่สอนกูกับพี่เรมาก็ท่านอานั่นแหละ" ผมว่ามันคงรักและเคารพอามาก ดูจากอาการชื่นชมบูชาของมัน

     "แต่ทำไมอามึงเป็นแวมไพร์วะ"

     "ก็ จริง ๆ แล้วพวกกูไม่มีพ่อแม่หรอก ตายหมดแล้ว ท่านพ่อซึ่งสนิทกับพ่อแม่แท้ๆ เลยรับพวกกูมาเลี้ยง" ดวงตาสีเขียวสลดลงก่อนเจ้าตัวจะเงียบไปพักใหญ่่

      "เฮ้ย! บางอย่างไม่ต้องเล่าก็ได้นะ ถ้าไม่สบายใจ" ผมตบบ่ามันแปะๆ

      "กูก็แค่อยากเล่าเรื่องของกูให้ใครฟังบ้างนอกจากที่บ้าน คือกูไม่เคยมีมนุษย์คนไหนที่ยอมรับในตัวพวกกูแบบมึงอะ ตอนเด็กก็เคยบอกเพื่อน บางคนก็หนีหาย บางคนก็เกลียดก็กลัว บางคนถึงขั้นคิดจะกำจัดพวกกูทิ้ง" ้เรนที่แสนร่าเริ่งกำลังทำสีหน้าเจ็บปวด 

     คิดเสมอว่าการที่มีพละกำลังมหาศาล แถมบินได้เป็นอะไรที่โคตรเท่ แต่ในความเป็น มันอาจไม่ใช่เรื่องดีเพราะดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เราถูกปฏิเสธจากสังคม 

     เรและเรนคงมีวัยเด็กที่ไม่ค่อยราบรื่นนัก คิดแล้วก็สงสาร ผมเดาว่าสิ่งเหล่านี้อาจส่งผมต่อบุคลิกของทั้งสองอย่างที่เราเห็นกัน คนหนึ่งยิ้มเสมอเพื่อกลบเกลือนความโดดเดี่ยว ในขนาดที่อีกคนกลับทำเฉยชาเพื่อไม่ต้องรับรู้สิ่งรอบตัว 

     "เพราะพวกนั้นไม่รู้จักตัวตนมึงไง กูชอบนะเวลามึงเล่าอะไรให้ฟัง สนุกดี เหมือนแบบ...เฮ้ย! ของแบบนี้มีจริงด้วยเหรอวะ อย่างกับในเมะเลย ฮ่า ๆ" ผมยิ้ม มันก็ยิ้ม บรรยากาศเลยดีขึ้นมาหน่อย

     "น่ารัก!!!" เรนว่าพร้อมดึงแก้มผม กูไม่ภูมิใจกับคำชมมึงเลย

     "เชี่ย!!! เจ็บ ๆ แก้มกูยืดหมด "ว่าแต่เรไปไหนวะ"

     "ไม่รู้อะ มันไม่ได้บอกไว้ อาจไปทำงานมั้ง ถามทำไม" แล้วมึงจะเสียงแข็งทำไม

     "ก็กูไม่เห็นมันไปเรียน นึกว่ามันโกรธกูที่ก่อเรื่อง แวบมาดูเผื่อป่วยตายประมาณนั้น"

     "มึงห่วงมันเหรอ..." เรนถาม

     "ก็เปล่า แบบว่าพวกเจ๊ดาให้แวะมาดูให้เฉยๆ แล้วก็เอาเอกสารมาให้ด้วย" ผมอธิบาย "ก็มันเล่นหายไปเป็นอาทิตย์ไม่บอกกล่าว อีกอย่างเรื่องคืนนั้นก็ยังไม่ได้ขอโทษมันด้วยซ้ำ"

     "ทำไมละ กูอยู่ตรงหน้ามึงแท้ๆ ทำไมต้องถามหาเรด้วย" เอ้า!!! น้อยใจเฉยแล้วมือมึงจะโอบเอวกูเพื่อ!? กอดกูทำม้ายยยยยย!!! 

     "เรน ดราม่าทำไมเนี่ย"

     "มึงแคร์มันใช่ไหม"

     "อะ เอ่อก็นิดนึง" ดวงตาสีเขียวจ้องเขม็ง

     "กูไม่รอแล้ว" รอ...รอเชี่ยอะไรวะ

     "ระ...เรน จะ จะทำอะไร กูไม่เล่นนะเว้ย!!!!" ผมถามเสียงสั่น เมื่อจมูกคมลากผ่านแก้มเบาๆ พยายามผลักออกแต่ก็ไร้ผล ทำไมแรงเยอะนักวะ

     "กูไม่ได้เล่นกูจริงจัง" มันดุ ตรัสรู้เลยว่าสองแฝดเหมือนกันแค่ไหนเวลาทำหน้านิ่งๆ แบบนี้

     "แต่กูไม่...อื้อ!!!" จูบ!!! เรนมันจูบผม ความรู้สึกแรกคือกูช๊อคที่โดนผู้ชายจูบ ติดสตันทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากหนาบดจูบหนักหน่วงเอาแต่ใจ รับรู้ถึงลิ้นร้อนที่เริ่มระราน 

     "อื้อ...เอี้ย อ่อย (เชี่ยปล่อย)" มันจูบเก่งไปแล้ว ผมทุบไหล่เรนรัวๆ พยายามงัดตัวเองออกก่อนที่จะเคลิ้มไปมากกว่านี้ 

     "มึง...รังเกียจกูเหรอ" มันยอมถอนริมฝีปากออกทำเอาผมหอบฮัก นัยน์ตาสีเขียวมองผมแบบตัดพ้อสุดๆ

     "กูเปล่า แต่ กู กูเป็นผู้ชาย ปล่อยเถอะ" พยายามงัดตัวเองออกจากมัน ผมยังหลงใหลในนมสาวๆ อยู่นะ ถึงมึงจะหล่อจนผู้หญิงค่อนมหาลัยอยากแดกก็เถอะ แต่ไอ้มีนขอผ่าน

     "ผู้ชายแล้วไง กูเป็นไบ ไม่ซีอยู่แล้ว" แต่กูซีไง "ถ้าเป็นพี่เร มึงจะปฎิเสธไหม" 

     "เกี่ยวอะไรกับพี่มึงวะ" ผมสวน "มึงหน้ามืดหรอ เรน อื้อ...หยุด กูไม่อยากเสียตัวให้ผู้ชาย เฮ้ย! เย็นโว้ย!" ผมร้องลั่นเพราะมันดันผลักผมนอนราบกับโซฟาแล้วกดไว้

     "มึงไม่ลองดูแล้ว จะรู้เหรอว่าอยากไม่อยาก" เฮือก!! เรนยิ้มเหี้ยม "พวกมึงมันปากแข็ง กูเลยต้องใช้ไม้แข็งไง" 

     "อ๊ะ จับเชี่ยอะไรของเมิ้งงงงงง!!!!" ผมบิดเร่าเมื่อมือหยาบล้วงเข้าสาบเสื้อ มั่นใจนะว่าไม้แข็งกูว่าอยากอื่นมันเริ่มแข็งแล้วไหม หยุดเร้ากูเดี๋ยวนี้ "อือ...ไม่เอา ตรงนั้น อย่าลูบ"

     "ผิวมึงเนียนจัง" ขอบใจที่ชม...ไม่ใช่แล้ว! มันรวบมือทั้งสองผมไว้ด้วยมือข้างเดียวพร้อมกดไว้เหนือหัว แว่นสายตาถูกถอดออกแต่ด้วยระยะใกล้แบบนี้ผมยังสามารถมองเห็นมันได้ชัดเจน ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อใบหน้าคมก้มลงซุกไซ้ซอกคอจนสะท้าน เผลอร้องออกมาบ้างเมื่อมันขบกัดผะแผ่วแต่ก็เจ็บนะ...งือ จะเป็นรอยไหมเนี่ย 

     "กู อ๊ะ...บอกให้...งือ....หยุด" ร้องลั่นห้องแต่คอนโดมึงเก็บเสียงขนาดนี้ เห็นทีไอ้มีนผู้นี่คงไร้ทางรอด ทำไงดีวะ ขาก็ถีบไม่ได้มันนั่งทับไว้ มือก็โดนมันรวบไว้ กัดหูแม่งเลยไหม...แต่มันเป็นอมนุษย์จะสะเทือนเหรอ 

     เรนจัดการปิดปากผมด้วยปาก ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่ถูกมันไล่ต้อนขนานนี้ก็ระทวยเป็นเหมือนกัน ต้องยอมรับว่ามันช่ำ(ชอง)มาก ทำเอาผมหัวหมุม สติหลุดได้เลย

     ปัง!!! ประตูห้องเปิดพรวดออกมาก่อนที่ผมจะได้เสียซิงตูดจริงๆ เรเดินเข้าห้องมาหน้านี่นิ่งเชียว น้องมันรีบผละออกจากผมไปลี้ภัยหลังโซฟาแต่ไม่วายส่งยิ้มทะเล้นให้พี่มัน ส่วนไอ้มีนคนนี้นั่งเอ๋อไปแล้วครับ...เกือบไปแล้วสิกู

     "แกล้งหรอ!?" เรถามเสียงเรียบ

     "ก็ใช่นะสิ เบื่อพวกปากแข็ง รู้ตัวช้า ทำตัวด้านชา มันก็ต้องเร่งปฏิกิริยากันหน่อย" เมื่อเห็นท่าที่แฝดพี่สงบลงไอ้ตัวแสบก็เข้าไปกอดคอทำซี้เลยทีเดียว 

     "พี่หัดเห็นแก่ตัวบ้างก็ได้ ไอ้ความคิดที่ว่าพี่ต้องเสียสละให้น้องมันก็ดีอยู่ แต่พี่ให้มามากพอแล้ว ไหนจะงานนักล่าที่แทบจะไม่ให้ผมแตะอีก ผมโตแล้วและก็เก่งด้วยถึงจะไม่เท่าพี่ก็เถอะ แล้วบางอย่างมันก็ให้กันไม่ได้เพราะท้ายที่สุดมันจะทำให้พี่รู้สึกแย่เอง" เรนร่ายยาว ก่อนจะยิ้มให้พี่มัน เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่มีให้อีกคน

     "นี่มันเรื่องอะไรกันวะ คือกูงง อธิบายได้ไหม" ผมถามหลังจากตั้งสติอยู่พักหนึ่ง

     "พี่กูชอบมึง"

     "ฮะ!!!!!!" อึ้งกว่าตอนโดนเรนจูบอีก ผมมองแฝดพี่ตาค้างเลยครับ มันยังนิ่งไม่ปฏิเสธไม่ตอบรับ ไอ้ท่อนไม้นี่นะชอบผม "มึงอำกูแล้ว เรน"

     "อำไม่อำไปพิสูจน์เอาเอง หึ ๆ" ผมเริ่มเกียจรอยยิ้มมันแล้ววะ เมื่อกี้แทบช๊อคตายจู่ ๆ มาปล้ำกัน ไอ้มีนผู้นี้ไม่เค้ยไม่เคยนอกใจน้องนางทั้งห้าเลย 

     "แต่กูได้ข้อพิสูจน์ของกูแล้ว ตามสบายเถอะ ไปแล้ว" เอิ่ม...ผมยังไม่เคลีย คือบอกว่าเรนชอบผมยังน่าเชื่อกว่า แล้วนี่อะไรเล่นทิ้งไว้กันสองต่อสองกับเร มันคิดว่าผมจะง้างปากพี่มันพูดได้หรอวะ

     เงียบ! ระหว่างเรามีแต่ความเงียบ  จะจ้องให้ท้องเลยไหม  เริ่มทนไม่ไหวสุดท้ายก็เป็นผมที่เปิดปากพูดออกมา
 
     "คือกูแค่แวะเอาของมาให้" ผมชี้ไปที่ซองสีน้ำตาลบนโต๊ะ "อามึงให้พี่โยเอามาให้แล้วเขาก็ฝากมาบอก วันอาทิตย์หน้าเขาอยากเจอมึงแล้วก็อย่าลืมลากเรนไปด้วยละ" มันพยักหน้ารับ "เค...หมดธุระแล้ว กูกลับนะ"

     "ที่จริงกูโกรธนะ" ยังไม่ทันลุกจากโซฟา เรก็พูดขึ้น

      "เรื่องที่ทำงานมึงพังกูขอโทษ" พอจะเดาได้แหละว่าเรื่องอะไร แต่มันกลับส่ายหน้า บอกว่าไม่ใช่ 

      "อ้าว แล้วโกรธเรื่องอะไร" มันเดินมานั่งลงข้างกัน ผมเอียงตัวหลบมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับคอเสื้อแต่มันกลับส่งสายตาดุประมาณว่าให้อยู่นิ่ง ๆ อยู่กับเรได้ต้องหัดเดาความคิดมัน แล้วมึงจะแหวกคอเสื้อกูเพื่ออะไร

     "กูโกรธ เรื่องที่ไม่รู้จักระวังตัว" สีหน้ามันเริ่มหงุดหงิดจ้องผมแทบทะลุ "คอเป็นรอย"

     "ไหน ๆ" คว้าเอาจอไอโฟนมาส่อง เชี่ย!!!! ผิวกูมีราคีหมด รอยดูดฝีมือน้องมึงไง 

     "จะทำอะไร " ลางร้ายกำลังลอยเข้ามาเมื่อเรเริ่มขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาสีน้ำเงินบวกกับรอยยิ้มมุมปากนั่นทำเอาเสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว

     "จะช่วยลบให้ หึ ๆ" เป็นครั้งแรกที่ได้ยินมันหัวเราะแต่...ผมไม่ดีใจเลย

..................................................

ตัวไรท์ก็มีรอยอยากให้เรช่วยลบจัง รอยแตกลายงาเพราะไรท์จ้ำม่ำ


:impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 6 P1 9/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-10-2017 17:28:52
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re:Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 7 P1 10/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 10-10-2017 01:54:04
บทที่ 7
 

      "อือออออย่ากวน" ผมครางเสียงแผ่วพร้อมมุดผ้าห่มหลบมือสากที่ระรานแก้มผม เตียงนุ้มนุ่ม หลับสบายสุดๆ 

      "เร กูจะนอน" ยื้อยุดฉุดกระชากผ้าห่มจนท้ายที่สุดก็แพ้ ได้แต่พลิกตัวหันหลังให้ มีหรือมันจะรามือเพราะไอ้ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดข้างแก้มทำเอาผมตื่นเต็มตา หน้าเหน้อนี่แดงไปหมด 

      "เชี่ย!!! โอ๊ะ" คนจะหลับจะนอนกวนอยู่ได้ ผมลุกพรวดมาอาละวาดมัน แต่ถึงกับร้องลั่นเมื่อเจ็บร้าวไปทั้งก้นลามยันหลัง 

      อ๊ะๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดและเดาเรื่องเมื่อคืนไปแบบนั้น น้องมีนผู้นี้หาได้เสียซิงตูดให้ใครไม่ แต่ที่เจ็บจะเป็นจะตายเพราะผมนอนตกเตียงเมื่อคืน เดือดร้อนเรต้องลากผมกลับขึ้นไปนอน ผมเป็นคนนอนดิ้นเผลอละเมอถีบมันไปหลายดอกสุดท้ายเลยโดนมันรวบกอดไว้เป็นหมอนข้างไม่ให้กระดุกกระดิก สมน้ำหน้ามัน เสือกบังคับให้ผมค้างด้วยเอง แต่ถ้าถามว่าทำไมผมยอมนอนค้างกลับมันละก็

     เอิ่ม...เอ่อ...คือ...เอาเป็นว่าเดี๋ยวเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังแล้วกันเผื่อจะเข้าใจ





10 ชั่วโมงที่แล้ว

     สมองผมกำลังประมวลผลผิด ๆ ถูก ๆ เมื่อเรมันออกปากจะลบรอยจูบให้ คือ...คิดไม่ออกไงว่ามันจะใช้วิธีไหน แต่จำต้องผวาเมื่อจู่มันดึงผมไปนั่งบนตักแล้วโอบเอวไว้หลวมๆ กูควรขัดขืนใช่ไหม หรืออยู่นิ่งๆ หรืออะไร 

     โว้ยยยยย! รวนไปหมดแล้วครับ ดวงตาสีน้ำเงินสงบนิ่งบวกกับรอยยิ้มบาง ๆ เชี่ย...หล่อวะ เหอ ๆ เป็นบ้าอะไรผม ไปชมผู้ชาย โดนเพื่อนบิ้วมากจนเบี่ยงเบนไปแล้วสิเรา 

      ตึก...ตัก...ตึก...ตัก รับรู้ถึงหัวใจที่เต้นไวขึ้น มันต่างกับตอน้เรนจู่โจม ความรู้สึกในตอนนั้นคือผมตระหนกและอยากถีบมันไปไกลๆ ทีกับคนตรงหน้ามันไม่ใช่ ยอมรับว่าตกใจเหมือนกันแต่กลับทำไม่ได้แม้แต่หลบตา ราวกลับโดนมันตรึงไว้ตรงนั้น

     ...มันชอบผมจริงหรอวะ...ถ้าจริง บอกไอ้มีนทีซิว่ามันเห็นเสน่ห์อะไรในตัวไอ้ผม ไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง ทั้งชีวิตไม่เคยมีผู้ชายมาชอบเลยนะเว้ย

     "เรนทำอะไรมึงบ้าง" มันถามขึ้น ต้องอธิบายหมดเลยหรอ ถึงน้องมีนจะเรื้อนจะเกรียนแค่ไหนน้องมีนก็มียางอายนะครับ ใครมันจะไปนั่งเล่าเหตุการณ์ตอนโดนผู้ชายกดได้วะ 

     "ว่าไง" เฮือก!ผมละแพ้สายตาดุๆ ของมันซะจริง

    "มันดึงกูเข้าไปกอด" ผมสะดุ้งเมื่อไอ้เรรวบกอดผมแน่นขึ้นจนกลายเป็นนั่งคร่อมตักมันแทนสถานการณ์ล่อแหลมชะมัด 

     "แล้ว... มันก็ จ...จูบ"

     จุ๊บ! ฉ่า...หน้าผมร้อนเมื่อจู่ ๆ เรก็จูบปากผมไปที ช๊อค!!! ไอ้มีนช๊อค ผมพยายามผลักมันออก มึงแรงเยอะหรือกูไม่มีแรงวะ 

     "ปล่อยเว้ยยย!!! อย่ามาเล่นเหมือนน้องมึง กูไม่เล่าแล้ว กู อื้อ" ยังไม่ทันแหกปากก็โดนมันจับปิดปากด้วยปากไปเสียแล้ว จูบของมันเยือกเย็นเหมือนบุคลิก เชื่องช้าแต่มั่นคง ทำเอาผมที่ขัดขืนในทีแรกถึงกับคล้อยตาม เพราะริมฝีปากผมตอนนี้มันโดนละเลียดชิม ขบเม้ม บดเบียดชวนให้เคลิบเคลิ้มจนลิ้นร้อนแทรกเข้ามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 

     "อืม..." เหมือนโดนสูบพลังงานไปจากร่างจนแทบทรงตัวไม่อยู่...แล้วผมจะเอาแขนคล้องคอมันเพื่อ! 

      พยายามตั้งสติบอกตัวเองว่ามันไม่ปกติที่ต้องมาจูบกับผู้ชาย แต่ไอ้ลิ้นชื้นๆ ที่ไล่ต้อนหยอกล้อในเรียวปาก ทำเอาสติกระเจิดกระเจิง รู้ตัวอีกทีเมื่อเรมันยอมถอยให้ผมได้พักโกยอากาศเข้าปอดก่อนจะได้ขาดใจตาย ไม่ใช่ว่าไม่เคยจูบใคร แต่ไอ้ท่อนไม้นี่มันจูบเก่งเกินไป

      "ไม่เล่าแล้วได้ไหม"  เล่าต่อแล้วมันทำตามหมดผมคงแย่แน่

     "ไม่ต้องเล่า...เดี๋ยวเดาเอง" 

     ผมว่าเรมันจินตนาการล้ำเลิศไป รู้แล้วว่าเรียนศิลปะแต่ไอ้ที่มึงเดามันเกินกว่าที่น้องมึงทำเปล่าวะ 

     "อ๊ะ อย่ากัดกู" แง...น้องมีนน้ำตาจะไหล ลบรอยบ้านมึงสิครับ แม่งกัดซ้ำด้วย แล้วมึงจะทำเพิ่มทำม้ายยยยย 

     "อา...เสื้อ...อย่า อือ" ใครคราง ผมเปล่านะ แล้วไอ้ที่นอนราบบนโซฟาเนี่ยผมเมื่อยหรอก...ว่าแต่เฮ้ย! กระดุมถูกปลดจนหมดตั้งแต่เมื่อไร? ใบหน้าคมซุกไซ้ซอกคอชวนให้จั๊กจี้ ริมฝีปากร้อนๆ ทำเอาสะท้านในทุกสัมผัส ริมฝีปากร้อนนาบลงบนร่างนำพาให้ลมหายใจติดขัดยิ่งขึ้นเมื่อมันไล้ต่ำลงเรื่อยๆ พร้อมกับมือกร้านที่ลูบ้ไปตามตัว ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มถาโถมจนทั้งร่างสั่นอย่างคุมไม่อยู่ ทั้งอารมณ์อย่างว่า ทั้งสับสน ทั้งกังวล มันไม่ได้รู้สึกดีแต่ก็ไม่ได้เกลียด

      ไม่ พอแล้ว ไม่ใช่ตอนนี้
 
      "เร...พอแล้ว หยุด...ขอร้อง...หยุดสิวะ" ผมร้องเสียงดัง ้เรมันยอมหยุดแต่ไม่วายมองผมอย่างงุนงง ผมหลบตามันพลางหอบฮัก พยายามข่มใจตัวเองให้เต้นช้าลงแล้วตั้งสติ 

     "ชอบกูจริง ๆ เหรอ" มันไม่ตอบ แต่กลับพลิกผมให้ขึ้นมานอนบนตัวมันพร้อมกดหัวให้ซบลงบนอกแล้วลูบเบาๆ จนเริ่มสงบ

     "มึงก็เป็นแบบเนี่ย ให้กูเดาเองตลอด" ชอบเงียบใส่ คิดแล้วโมโหเผลอทุบอกมันดังอั๊ก 

     "กูยังไม่รู้วะ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อที่ไอ้เรนบอกเท่าไหร่ มึงอาจจะเล่นๆ เหมือนที่ทำกับพี่ลูกแก้ว" ผมไม่ได้โง่หรอกว่าสองคนนั้นเขาหายไปไหนกัน 

     "หรือถ้ามึงชอบกูจริง กูควรตอบรับความรู้สึกมึงยังไง เพราะมึงก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ตอนนี้กูรู้สึกแบบไหนก็ยังอยากหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ มึงเข้าใจกูใช่ไหม"

     "อืม" มันกอดผมแน่นขึ้น อุ่นดีจัง เอาเป็นว่าผมจะลองเปิดใจกับมันดูแล้วกัน แต่แบบ...จะอยู่แบบนี้อีกนานไหม เดี๋ยวคึกอีกผมจะซวยเอานะ

     "เอ่อ จะกลับแล้ว ปล่อยเถอะ" 

     "นอนนี่แหละ" มันบอก ผมว่ามันแอบพูดเยอะกว่าปกตินะ 

     "คิดถึง อยากกอด" โดนไปอีกดอก แหงสิไม่เจอกันตั้งสามสี่วัน ว่าแต่...มึงใช่เรที่กูรู้จักแน่นะ 

     เฮ้อ...แล้วผมจะไปไหนได้ เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นตามนั้นแหละครับ...เห็นไหมว่าไม่มีอะไรเลย อิอิ





     หลังจากโดนเรกวนจนไม่สามารถนอนต่อได้ผมจึงยอมลากสารร่างมาอาบน้ำตอนเกือบเที่ยง ชอบอ่างอาบน้ำห้องมันชะมัด ได้หลับตาแช่น้ำแล้วฟิน บ้านผมอยู่ริมโขงตอนเด็กว่ายเล่นประจำ ผมชอบเล่นน้ำแต่เด็กแล้วครับ ย่าบอกเหมาะกับชื่อผมไงเพราะ มีนแปลว่าปลา แต่พอย้ายมาอยู่ในเมืองก็เลยห่างหาย แต่ก็มีไปว่ายที่สระบ้างนานๆ ที

     "แว๊กกกกกกกก มึงเข้ามาได้ไง" ลืมตาทีแบบ**กรี๊ดดด!?** เมื่อคนที่ควรรออยู่ข้างนอกมันยืนหน้าสลอนพร้อมผ้าขนหนูในมือ คือ...ผมว่าผมล๊อคประตูแล้วนะ เชี่ยๆ จ้องเพื่อ!? กูอายเป็นนะ...แหนะยังจะมายิ้มมุมปาก 

     "เอาผ้ามาเลย" คว้าผ้ามาห่อตัวลวก ๆ พลางดันมันออกไปจากห้องน้ำ ปากมันไม่พูดแต่สายตามันเนี่ย เทะโลมผมได้ตลอด หน้ากลัวกว่าโดนแซวอีก

     -♬。 ♫♫~♬ ♫~♬ -

     เสียงโทรศัพท์กรีดร้องขณะที่ผมกำลังรื้อตู้เสื้อผ้าของเรเพื่อหาอะไรใส่ ได้เสื้อยืดสีขาวงิวโคร่งกับกางเกงขาสั้นสีเดียวกัดำที่คิดว่าเรน่าจะไม่ใส่นานแล้วและมันก็ดูหลวมน้อยสุดด้วย

     "ว่าจังใด๋ครับ" ผมกดรับพร้อมกรอกเสียงทักทาย

     "อยู่ไหนยะ พวกกูมาหาที่ห้องเงียบสนิท" เสียงเจ๊ดาดังเจื้อยแจ้วจากปลายสาย

     "อยู่คอนโดเร"

     "อ๋อ แล้วมันเป็นไงมั่ง ทำไมไม่มาเรียน" อีเจ๊ถาม

     "ก็สบายดี เอ่อ มันไป..." ผมหันไปมองหน้ามันอย่างขอความเห็นแล้วพี่แกก็ชี้ไปที่รูปทะเลบนหนังสือหัวเตียง "ไปต่างจังหวัดมา" ตอแหลตามน้ำไป   

     "อ้อ..."

     "แล้วเจ๊มาหาน้องมีนมีอะไรครับ คิดถึงเค้าหรอ"

     "บ้านแกสิ จะชวนไปเดินเซ็น* อยากกินยากินิกุ" จะว่าไปตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่ได้ไปกินเลยนี่หว่า "งั้นไปเจอที่ห้างแล้วกัน อย่าลืมชวนสุดหล่อกูมาด้วยนะ"

     *เซ็น=เซ็นทรัล

     "ครับเจ๊ ห่วงมันจังนะ ขอเป็นผัวเลยสิ" ผมแซว

     "ไม่ละ อยากได้เป็นลูกเขยมากกว่า ไว ๆ จะเที่ยงแล้ว หิว! (มาช้ากูเหยียบ)" เสียงแก๊งสามช่าแทรกเข้ามา คงอยู่กันครบองค์ประชุม ผมวางสายจากเจ๊ดาสุดที่รักหันมาฟาดมือของเรที่กอดผมไว้หลวม ๆ พี่กับน้องติดสกินชิพพอกัน

     "มึงไปไหม" มันพยักหน้า "ชวนน้องมึงด้วย" ไอ้เรคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์หาน้องมันก่อนที่เราจะพากันโดยสารรถของเรไปยังจุดหมาย 

     ไปถึงหน้าห้างพวกมันนั่งรอกันอยู่ตรงบันไดทางเข้า ้เรนมาถึงก่อนพวกผมอีกแต่นั่นไม่น่าสนใจเท่ากับแก๊งนางฟ้า(พวกพี่ลูกแก้ว)ที่นั่งเมาท์มอยกันอย่างออกรสกับพวกกร ดูสนุกสนานดีแถมยังูสนอกสนใจแฝดน้องอย่างเต็มที่ เว้นเจ๊ดาไว้คนหนึ่งเพราะตอนนี้ดูจะหมั่นไส้คนสวยกว่าเต็มทน

     "กว่าจะมาได้ พวกกูไส้แทบขาด" เจ๊ดาเหวี่ยง อารมณ์โมโหหิว

     "แหมเจ๊ กว่าจะตื่นตั้งสิบเอ็ดโมง ใจคอจะไม่ให้อาบน้ำเลยหรือไง" ผมบอกพร้อมบีบๆ นวดๆ ไหล่เพื่อนสาวให้อารมณ์เย็นลง "ว่าแต่ พวกพี่ลูกแก้วมาด้วยได้ไงครับ"

     "พี่ก็มาเดินช๊อปกันตามประสาแหละค่ะ เผอิญเจอเรน คิดว่าเป็นเรเลยเข้าไปทัก เลยรู้ว่าพวกเราจะนัดมาทานข้าวกันเลยขอแจมด้วย" พี่ลูกแก้วเล่าพร้อมยิ้มสวย ตอบ ผมแต่ตานี่มองไอ้เรเชียวนะ 

     เหตุผลที่แก๊งนางฟ้าเสนอตัวร่วมแจมคงไม่พ้นอยากเจอคนที่ยืนข้างผมนี่แหละ แถมมีไอ้แฝดน้องบวกเข้าไปเพื่อน ๆ พี่แกคงอยากทำความรู้จักจนตัวสั่น

     "ไปกันเถอะ กูหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว" ไอ้ก้องโวยวายเราทั้งหมดจึงรีบเคลื่อนทัพ
 
     "ไปกันเถอะจ๊ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน" ดาวปีสองว่าพร้อมแทรกกลางมาคล้องแขนเรแล้วเดินนำไป...เหอะ! หน้าตาก็สวยไม่คิดว่าเป็นฝ่ายเข้าหาผู้ชายขนาดนี้ แล้วผมจะไปแขวะเขาทำไม?

     เดินวนรอบห้างสุดท้ายจึงพากันตั้งทัพที่ร้านยากินิกุ*เพราะร้านอื่นเต็มหมด ครั้นจะให้ยืนรอเจ๊ดาคงโมโหหิวจนกลายร่างขย้ำคอผมแน่ๆ ร้านนี้ใช่ว่าคนจะน้อย แต่ยังพอมีที่ว่างนั่นก็เพราะราคาที่สูงกว่าร้านอื่นหน่อยแต่เอาเถอะนานๆ กินที คิดซะว่าซื้อความสุข 

     *ยสกินิกุ=ปิ้งย่างแบบญี่ปุ่น

     พวกเราได้โต๊ะใหญ่กลางร้าน สองแฝดประจำการมุมขวาสุดตรงข้ามกัน ฝั่งเรถัดจากมันเป็นแก๊งนางฟ้า โดยที่แม่ดาวอักษรนั่งชิดจนแทบจะสิงอยู่แล้วครับ ส่วนผมนั่งถัดจากเรนข้างกันเป็นขุนแม่ดาที่รัก ภูผา ก้องและไอ้เตี้ยกร แต่ละคนคงหิวจัดเล่นสั่งกันรัวยิ๊ก จนเด็กเสิร์ฟกดบันทึกเมนูแทบไม่ทัน ไม่ช้าไม่นานเสบียงก็ถูกลำเลียงมาวางจนแน่นโต๊ะ ก่อนที่ต่างคนต่างลงมือย่างสิ่งที่ตัวเองอยากกิน

     "เชี่ย! ก้อง กุ้งตัวนั้นของกู" ภูผาโวยเมื่อกุ้งลายเสือตัวโตลอยเข้าปากเพื่อนไปแล้ว 

     "ตัวนั้นก็ด้วย หยุดเฮ้ย" และแล้วการประลองยุทธ์ด้วยกระบี่ไม้คีบก็เริ่มขึ้น แต่จอมยุทธ์ทั้งสองหาได้มีผู้ชนะไม่ เมื่อนางมารดาหลาได้ซิวกุ้งตัวที่สองนั่นเข้าปากไปเป็นที่เรียบร้อย

     "อีเจ๊!!!" 

     "ย่างใหม่สิยะ!!! ตีกันจะได้กินไหมค่ะ ใช่ไหมจ๊ะเรน"

     "ใช่ครับคนสวย" เจ๊พูดถูก ย่างเลยตัวต่อไปผมเล็งอยู่ อิอิ

     "เรนนี่น่ารักจัง ดูเฟรนรี่ดี คนละเรื่องกับพี่เลยเนอะ แต่ก็มีเสน่ห์คนละแบบ" 

     "ชมแบบนี้ เขินแย่ ถ้าน่ารักไม่ลองทำความรู้จักละครับ ผมยังว่างนะเออ" ปากมันบอกเขิน แต่เล่นขยิบตาให้เพื่อนพี่ลูกแก้วจนสามสาวฟินตายกันเป็นแถบ ส่วนไอ้กรที่ถูกเมินตอนนี้หูเริ่มดำเพราะมันเล่นบริการเพื่อน ๆ พี่ลูกแก้วอย่างเต็มที่ทั้งปิ้งทั้งย่างให้ กับหญิงละดี๊ดีแต่กับเพื่อนนะ...เฮ้อ!

     "เรกินนี่ไหมจ้ะ" เสียงหวานออดอ้อนพร้อมเอาเนื้อชิ้นโตจ่อปาก ตามปกติผมต้องอิจฉามันแน่ๆ แต่ตอนนี้กลับหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก  ป้อนกันเข้าไป ไอ้นี่ก็กินง่ายเกิน เขาเอาอะไรให้ก็แดกหมด ยัดๆ ให้ติดคอตายไปเลยนะ...แล้วผมจะเหวี่ยงมันทำไมวะ? มันก็นิ่งเฉยเป็นปกติอยู่แล้วนี่หว่า แต่แบบเฮ้อ...ปฏิเสธนะ มึงรู้จักไหม?

     "โอ๊ะ ปากเลอะแล้ว มา ๆ ลูกแก้วเช็ดให้" อืมมมมม ครับ บริการดีอย่างกับศรีภรรยา เรมันยิ้มขอบคุณอีกฝ่ายแต่ทำไมผมถึงรู้สึกหน่วงๆ ก็ไม่รู้ 

     เฮ้อเซง!...มองไปก็เลอะสายตา ดูสิตอนนี้แม่งไม่เห็นจะทำอะไรที่ดูเหมือนว่าชอบผมเลยซักนิด นัวกับพี่ลูกแก้วจนลืมผมแล้วมั้ง ไอ้ที่กอด จูบ ลูบ คลำกูเมื่อวาน ตกลงมึงจะเอาไง ล้อเล่นใช่ไหม แม่งรวมหัวอำผมชัวร์ ไอ้น้องหลอกว่าพี่มันชอบผม ส่วนพี่มันก็เล่นตามน้ำไปแน่ๆ สนุกใช่ไหมเปลืองเนื้อเปลืองตัวกูเนี่ย...เซงชิบ ไอ้สองตัวนี่น่าตบชะมัด 

     "มีนไม่กินหรอวะ" 

     "อ๊ะ...เออกินสิ เดี๋ยวกูรอย่างไง แหะๆ" ผมคงนั่งปรึกษากับปลาหมึกในถ้วยนานเกินไปเรนถึงหันมาสะกิดด แล้วผมก็ก้มลงเขี่ยหนวดหดๆ นั่นต่อ เริ่มอิ่มแล้วอะ

     "เป็นไรวะดูเงียบ ๆ" เจ๊ดาเริ่มหันมาสนใจ เงียบหรอ บางทีผมอาจจะคิดเรื่องไอ้เรมากไป พอเถอะมันจะทำอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ แม้แต่หน้ายังไม่อยากมอง มึงก็ด้วยไอ้เรนเพราะพวกมึงหน้าเหมือนกันไง

    "ขี้เกียจพูด ไม่มีอะไรหรอกเจ๊" ผมบอกปัด

     "เหอ ๆ ผีเข้าหรอค่ะน้อง ปกติเห็นพูดมากจะตาย" เพื่อนพี่ลูกแก้วเจ้าเก่าเจ้าเดิมเลยครับ ชื่อน้ำหวานแต่ปากไม่หวานเอาซะเลย ปกติผมคงดิ้นเร่า ๆ หาเรื่องแถ แต่วันนี้ไม่มีอารมณ์นอกจากยิ้มกวนตีนตอบ

     "พี่เร" เรนเรียกพี่มันที่นั่งตรงข้าม "ผมว่า เล่นพอประมาณเถอะ" แล้วมันก็จ้องหน้ากันซักพักเหมือนคุยอะไรบางอย่างกันในใจ ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก

     สังหรใจว่าภัยจะถึงตัว เมื่อจู่ ๆ ไอ้สองพี่น้องลุกขึ้นสลับที่นั่งกัน ทำเอางงกันทั้งโต๊ะโดยเฉพาะผมที่ถึงกับเหวอทันทีที่ไอ้เรนั่งลงข้าง ๆ เบียดผมซะชิด

     "อะไรของมึง" ผมถามด้วยความงุนงงแต่มันไม่ตอบกลับเอามืออีกข้างมาจิ้มแก้มผมแล้วยิ้ม "สัด...ถามก็ตอบ อย่ามากวนตีน" ผมเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิ ไม่รู้ว่าพวกมันมาไม้ไหน

     "เหอ ๆ แฟนมึงงอนแล้ว ง้อสิวะ" และแล้วเรนก็ทิ้งระเบิดลงกลางโต๊ะ

     "ฮะ! แฟน!!!!!!" แล้วทุกคนก็ร้องออกมาลั่นโต๊ะจนคนทั้งร้านมอง จากโมโหกูเริ่มจะอายแล้วไหมละ

     "กูไปตกลงเป็นแฟนพี่มึงตั้งแต่เมื่อไหร่"

     "อ้าวแล้วที่อุส่าหนีไปนอนที่อื่นให้มึงอยู่กันสองต่อสองเนี่ย ยังไม่ได้กัน เอ้ย! เคลียกันอีกหรอ" สองต่อสอง มึงจงใจเอากูใส่พานถวายพี่มึงเรอะ ไอ้เพื่อนเลวววว

     "เคลียอะไรละพี่มึงเป็นใบ้ไม่รู้เหรอ" ผมเถียงเสียงแผ่ว อยากจะแทรกแผ่นดินหลบทุกสายตาในตอนนี้ ปากมันเกือบใบ้แต่จูบโคตรเก่งเลย...เฮ้ย!!!หลงประเด็น

     "สรุปยังไง เป็นหรือไม่เป็น" เจ๊ดาคาดคั้น

     "ตอนนี้ยัง แต่เร็ว ๆ นี้ผมว่าไม่รอด" เรนตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ "จริงไหมครับพี่สะใภ้**"ฮึ่ยยยย!!!** ผมได้แต่ยกนิ้วกลางใส่ไอ้ตัวชงอย่างเดือดดาล

     "กูว่าแล้ววววว กูเอาห้าบาทพอสินสอด จ่ายมาไอ้ลูกเขย" แม่คนที่สองผมยิ้มกว้าง ก่อนแบมือมาตรงหน้าเร แล้วมันก็บ้าจี้ควักเหรียญห้ามาจ่ายด้วยเอาสิ 

     "ยินดีด้วย ๆ" กรว่า

     "เพื่อนกูขายออกแล้ว" ก้องทำหน้าดีใจอย่างสุดซึ้ง

     "ปล่อยกูลุ้นตั้งนาน" แม้แต่ภูผาก็ยังมีส่วนร่วม ทำไมเพื่อนผมสนับสนุนกันจัง

     "คือ...พี่งงไปหมดแล้ว" พี่ลูกแก้วที่เงียบอยู่นานเอ่ยถาม

     "ก็ไม่มีอะไรครับ แค่พี่ผมชอบมีน กำลังดู ๆ กันอยู่ พี่คนสวยก็ตัดใจซะเนอะ หรือถ้าหาคนดามใจ ผมยินดีนะ"เรนเสนอตัว ไม่รู้พี่ลูกแก้วเข้าใจที่มันพูดไหม แต่สีหน้าเธอดูไม่ดีเอาซะเลย

     "แล้วที่ผ่านมาคืออะไรละ" เธอยังคงทักท้วง

     "ก็ไม่อะไรนี่ครับ ผมก็เห็นพี่เป็นฝ่ายเข้าหาพี่เรตลอด มันก็ไม่ได้บอกนิว่าสนใจ พี่แค่ทึกทักไปเองไม่ใช่เหรอ ปกติก็เห็นเก็บแต้มอยู่แล้ว สนใจเอาผมไปเพิ่มแต้มไหมครับ เก่งไม่แพ้พี่เลยนะ" ไอ้แฝดน้องพูดได้...แรง**!!!!**

     "นี่เธอ" เอาแล้ว ๆ นางฟ้าเริ่มกลายเป็นซาตาน "ถ้าไอ้แว่นนั่นมันดีนักก็ตามสบายเถอะ" ว่าแล้วเธอก็คว้ากระเป๋าลุกจากโต๊ะ เดินออกไปเลย เพื่อนพี่ลูกแก้วอีกสามคนดูลังเลแต่ก็ยอมลุกตามออกไปติด ๆ

     "อ่าว แล้วใครจะจ่ายค่าข้าวส่วนของพวกนั้นวะ" ไอ้กรบ่น

     "น่า...กูรับผิดชอบเอง ไม่สิ พี่เร มื้อนี้เลี้ยงเลย พี่เป็นตัวต้นเหตุนะ" และแล้วมันก็โยนให้พี่ ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับอย่างเต็มใจ กูละเบื่อคนรวย เอาละสถานการณ์กลับมาสงบและทุกคนก็ลงมือทานต่อ

     "หึงหรอ" ยกเว้นผมที่ต้องหยุดมือเพราะคำพูดไอ้เร

     "ใครหึงมึง...หลงตัวเอง" แล้วหน้ากูเนี่ยจะแดงทำซากอะไร

     "ขอโทษ" ผมย่นคอหนีเมื่อมันกระซิบข้างหู ให้ตายสิตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยซ้ำ ไหนจะรอยยิ้มกว้าง ๆ นั่นเล่นซะทำอะไรไม่ถูกเลย

     "กูบอกพวกมึงแล้ว เซนท์กูไม่เคยพลาด" เจ๊ดาว่า

     "อะไรเจ๊"

     "ก็เรื่องเรไง แบบมันติดมึงมาก มากเกินไป เลยเดาว่าต้องคิดอะไรกับมึงแน่มีน" มันอธิบาย 

     "เนี่ยพวกกูถึงกับพนันกันด้วยซ้ำ กู ไอ้ก้องกับภูผา พนันว่าใช่ ส่วนไอ้เตี้ยว่าไม่ อย่าเบี้ยวกูนะมึง เลี้ยงบิงซูพวกกูด้วย" ก้องมันเสริม

     "เออดี เอากูไปพนันสนุกไหมละ" ผมแซะ นี่ผมไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวใช่ไหมเนี่ย "กูเป็นผู้ชาย ยังจะคิดจับคู่กับผู้ชาย บ้าบอ"

     "แล้วไงอะ สุดท้ายก็เป็นอย่างกูคิดไหมละ" เจ๊ดายิ้มล้อ เรหัวเราะเบา ๆ ผมเลยหันไปถลึงตาใส่มัน

     "อ๊ะ ขอบคุณ" เรคีบกุ้งตัวโตที่แกะแล้วใส่ถ้วยให้ก่อนจะตามด้วยของกินอื่นๆ ทั้งอันที่มันให้เอง ทั้งอันที่ผมอยากกินแล้วชี้บอกมันหยิบมาให้ มันเอาใจผมเวอร์ จนโดนคนอื่นแซวไปหลายดอก นี่คงเป็นวิธีการง้อของมันสินะ จะพยายามเข้าใจแล้วกันเพราะมันไม่ค่อยปกติแบบคนอื่น มื้ออาหารผ่านไปแบบที่ผมเขินแทบแย่ แบบนี้ค่อยน่ารับพิจารณาหน่อยว่าไหมครับ

     ตอนเย็นเรมาส่งผมที่หอตอนแรกมันจะค้างด้วยแต่มีงานด่วนเลยกลับไปก่อน ไม่ไหวครับอยู่ใกล้มันแล้วใจเต้นจนแทบวาย ผมขอเว้นระยะพักหัวใจซักหน่อยก็แล้วกัน

..................................

ตัวละครดาหลา หรือเจ๊ดา ไรท์ก็เอาตัวเองมาใส่อยู่หน่อย ๆ เพราะไรท์เคยอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้ชาย แล้วชอบจับพวกมันคู่กันเอง
  :really2:


หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 7 P1 10/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-10-2017 04:00:17
อ่านไปเขินไป5555
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 7 P1 10/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 10-10-2017 14:30:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 7 P1 10/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-10-2017 19:38:49
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 8 P1 11/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 11-10-2017 01:27:02
บทที่ 8

​     ตอนนี้ผมกำลังเดินวนไปวนมาหน้าร้านที่มาร้องเพลงประจำ โดยมีไอ้ท่อนไม้เจ้าเก่ายืนประกอบฉาก ทำไมนะหรอก็น้องมีนผู้นี้กำลังเดี่ยวไมโครโฟนอย่างเป็นสุขระหว่างพักพ่อผมดันโทรมาเซอไพร์ว่าอยู่หน้าหอ เลยบอกไปตามตรงว่าอยู่ร้านเหล้ามาร้องเพลง พ่อบอกจะมาหาที่ร้าน รื่องมารับจ๊อบไม่น่ากลัวเท่าไอ้เพื่อนๆ ทั้งสี่ห้าตัวที่โต๊ะ ไม่รู้จะแฉวีรกรรมอะไรผมบ้าง รถเบนซ์สีดำคุ้นตาชะลอก่อนจะจอดนิ่งตรงหน้า แล้วของพ่อผมก็ลงมาก่อนที่คนขับรถจะนำไปจอดให้เป็นที่เป็นทาง

     "บักหำน้อย..." นั่นไงครับ แค่เปิดตัวก็อลังการงานสร้าง ร้องเรียกผมเสียงดังจนคนแถวนั้นต้องหันมอง...และที่สำคัญ ผมไม่เล็กนะครับ 

     "ป๋าหวัดดี"

     "คิดถึง มา ๆ มาป๋ากอดหน่อย" และแล้วไอ้มีนผู้นี้ก็โดนพ่อจับกอดรัดฟัดเหวี่ยง แถมหอมแก้มซ้ายขวาไปอีกฟอดใหญ่...หมดกัน ความเท่ความคูลที่ผมสร้างมา

     "พอแล้วป๋า แก้มมีนช้ำหมดแล้วเนี่ย" เบรกก่อน "นี่เร อยู่คณะเดียวกับมีน" ผมหันไปแนะนำ คนข้างตัว มันก็ยกมือไหว้พร้อมยิ้มเล็กน้อย

     "หวัดดีไอ้หนุ่ม เอ็งนี่หน่วยก้านดีจังเลยนะ แบบนี้ค่อยวางใจหน่อย เวลามีนไปอ้อนตีนใครจะได้มีคนช่วย" พ่อผมยิ้มร่าพร้อมตบบ่าไอ้เรอย่างเอ็นดู 

     "ไปข้างในเถอะป๋า พวกเจ๊ดารออยู่"

     "ไปสิไป ไม่ได้เจอพวกนั้นนานแล้ว" ว่าแล้วท่านพ่อกระผมก็กอดคอลากเข้าด้านในราวกับรู้จักที่นี่ดี ไปถึงโต๊ะก็ยกมือรับไหว้บรรดาเพื่อนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สร้างบรรยากาศสบายๆ ตามสไตล์ลุงกำนัน

     "ป๋า สวัสดีค่า นั่งค่ะนั่ง คนนี้ชื่อเรนนะค่ะคนน้อง ส่วนไอ้คนที่เดินมากับป๋าชื่อเรค่ะคนพี่ ส่วนสัมภเวสีที่เหลือป๋าคงรู้จักแล้วเนอะ"  เจ๊ดาทำหน้าที่รับแขกคนสำคัญพร้อมขยับเก้าอี้ให้พ่อผมนั่ง  ก่อนเรียกเด็กเอาเมนูมาให้ 

     "สวัสดีครับ" เรนยกมือไหว้พ่อผม

     "ป๋าทานอะไรมายังค่ะ ที่นี่อาหารอร่อยนะค่ะ ลองสั่งทานได้เลย หนูรับประกัน"  ที่มันดีแบบนี้ไม่ใช่อะไรนะครับ พ่อผมมามื้อนี้มีคนจ่ายชัวร์ 

     "ยังเลย อิ่มยังละพวกเรา ไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้เลยนะ เหล้าเบียร์อยากกินอะไรก็สั่งนาน ๆ เจอกันทีป๋าเลี้ยงเอง" นั่นไงครับเดาผิดให้เตะเลย หน้าใหญ่ตลอด สรุปวันนี้ผมคงต้องขอพี่หนิงไม่รับค่าแรงแล้วละ ท่าจะยาว

     "คร้าบบบบ / ค่ะ" เกรงใจนะ รู้จักไหมพวกมึง แล้วสารพัดสิ่งมึนเมาและกับแกล้มก็ถูกสั่งมาวางบนโต๊ะ

     "หนูมีน เป็นไงมั่งที่คณะ มันก่อเรื่องหรือเปล่า" พ่อเปิดประเด็น เรียกสายตาลุกวาวจากเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะกรที่ดูคันปากอยากจะแฉเหลือเกิน

     "ก็มีเยอะครับป๋า เกรียนตามประสามันแหละครับ แต่มีเด็ดอยู่เรื่อง ป๋าจำพะแพงได้ไหม ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขาวๆ ที่ไอ้มีนพาไปกินข้าวกับป๋าตอน ม.หก "

     "อ้อ ว่าที่ลูกสะใภ้นะเหรอ"

     "ตอนนี้คงไม่ใช่แล้วป๋า เพราะเขาทิ้งมันไปแล้ว" ควับ!...ป๋าหันมามองผมทันควัน

     "อ่อนจริง แล้วยังไงต่อ" แง...อย่าซ้ำเติม

     "ประเด็นคือ แฟนใหม่พะแพงมากระทืบไอ้มีน" เชี่ยยกร!!!!! ผมกรีดร้องในใจแทบจะมุดโต๊ะหนีสายตาคาดคั้นจากบุพการี

     "จริงหรือ" เฮือก!!!...เสียงเข้มมาเชียว ผมจึงได้แต่พยักหน้ายอมรับ "มันเป็นใคร บังอาจมาก ป๋าจะไปจัดการมัน"

     "ม่ายยยย ป๋า เรื่องมันผ่านมาแล้ว อีกอย่างพวกมันก็โดนไปเยอะแล้ว" ผมรีบเบรก เดี๋ยวเกิดพ่อผมส่งเด็กไปกระทืบมันจะทำยังไง บานปลายไปกันใหญ่ "คือ...เรมันช่วยกระทืบส่งพวกมันนอนโรงพยาบาลให้แล้ว จริงไหมเร" ผมสะกิดมันยิกๆ ตอบดิวะ

     "ครับ!"

     "ใช่ครับคุณพ่อ พี่ผมเป็นคนเข้าไปช่วยมีน แล้วพามีนไปหาหมอด้วยครับ" เรนช่วยขยายความแทนพี่มัน

     "เฮ้อเอาเถอะ ว่าแต่หนูมีนไม่เศร้าหรอลูก โดนหักอก" พ่อหันมาถามพร้อมลูบหัวผมไปพลาง เง้อ ทำอย่างกับผมเป็นเด็กเล็ก ๆ ไปได้

     "โอ๊ย! ป๋า จะเอาอะไรมาเศร้าละค่ะ ตอนนี้มันมีคนดามใจแล้ว" เจ๊ดารีบแย้งพร้อมยิ้มกริ่ม

     "หืม!? ใครละ"

     "คนคนนั้นก็คือ ระ...อื้อ!!!!" ผมรับเอามือปิดปากอีเจ๊ก่อนที่มันจะพูดออกมา คือยังไม่ตกลงซักหน่อยแค่ดู ๆ ก่อน แล้วพ่อแม่ที่ไหนจะรับได้วะ ที่ลูกชายตัวเองโดนผู้ชายจีบ

     "ถ้าบอกขอให้เจ๊ขึ้นคาน" ผมแช่งมันเสียงแข็ง เหลือบตาไปมองไอ้คนโดนพาดพิง เรกลับยิ้มกริ่มพร้อมยักคิ้วให้อย่างท้าทายผม หล่อ ร้าย ชวนให้ใจสั่น... ไม่ใช่แล้ว! สติ...สติจงกลับมา 

     "ฮ่าๆๆ หน้าแดงใหญ่แล้วไอ้หนู ถ้าจะเขินขนาดนี้ ไว้พร้อม เอ็งค่อยบอกก็ได้ ป๋าเข้าใจ" ปากบอกเข้าใจแต่สายตาล้อเลียนนี่มันอะไรครับป๋า แล้วทั้งโต๊ะก็หัวเราะกันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ท่อนไม้ ที่หัวเราะ หึๆ อยู่ข้างตัว

     ...แว๊กกกกก แล้วมึงจะดึงมือกูไปจับทำไม...เง้อเขิน

     "แล้วป๋ามาหามีนมีอะไร" ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะโดนรุมยำไปมากกว่านี้

     "คิดถึงลูก มาหาไม่ได้เหรอ"

     "แหมป๋าก็ เอาแบบจริงจังสิป๋า"

     "ป๋าจะไปธุระที่สิงคโปร อีกสองวัน ต้องมาขึ้นเครื่องที่กรุงเทพฯ เลยแวะมาดูว่าลูกมันตายยัง ไม่โทรหาเลยนะ"

     "ติดช่วงรับน้องอะ เลยไม่ค่อยมีเวลาโทร"

     "อย่ามาอ้าง ว่าจะชวนเอ็งไปด้วยเลย เผื่ออยากไปเที่ยว ลาได้ไหมให้ป๋าเซ็นลากิจให้ก็ได้นะ" พ่อผมทำหลายอย่างครับ เป็นกำนันและยังทำธุรกิจซื้อขายอะไหล่รายใหญ่ในอีสานทำให้ต้องเดินทางไปดูงานต่างประเทศบ้าง บางทีก็ชวนผมไปด้วยถือโอกาสเที่ยวไปในตัว

     "ผมคงไปไม่ได้หรอกป๋า อาทิตย์หน้าต้องไปรับน้องนอกสถานที่" 

     "ที่ไหน" คือ ผมกำลังลังเลว่าจะบอกดีไหม ผมกลัวว่าพ่อจะไม่ให้ผมไปอย่างที่แล้วมา 

     "ทะ...ทะเลครับ"

     "ไม่ได้!!!!" ถูกค้านตามที่คาด "เอ็งจะไปไหนก็ได้บนโลกนี้ ที่ไม่ใช่ทะเล ป๋าเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ"

     "ผมเข้าใจ แต่"

     "ป๋าไม่อยากให้ไป"

     "แต่..."

     "ทะเลเอาแม่เอ็งไปจากป๋า ก็แค่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก" พ่อบอกเสียงแผ่ว ใช่ผมรู้ดี สถานการณ์ชวนอึดอัดเสียจนคนอื่นต่างพากันเงียบ

     "ผมรู้ มันเป็นกิจกรรมคณะ ต้องไปทุกคน" ผมพยายามที่จะงัดเหตุผลมาพูด "ป๋าไม่ต้องกลัวมีนจมน้ำหรอก มีนโตแล้วว่ายน้ำก็เก่ง ดูแลตัวเองได้นะ ให้มีนไปนะ"

     "ไม่ได้ งั้นเอ็งก็ย้ายไปเรียนที่อื่น ที่ ไม่ต้องรับน้อง ไม่ต้องไปทะเล" เสียงทุ้มยื่นคำขาด มันทำให้ผมรู้สึกขุ่นเคือง ทำไมพ่อถึงต้องจมกับอดีตขนาดนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่และผมก็ไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำไม่เคยเห็นแม้แต่ภาพถ่าย ได้ยินแต่พ่อบอกซ้ำ ๆ ว่าผมเหมือนท่าน

     "ใจร้ายเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีนพยายามแทบตายเพื่อสอบเข้าที่นี่ แต่ป๋ากลับบอกมีนย้ายเพียงเพราะไม่อยากให้ไปทะเล" ผมบอกเสียงขุ่น พ่อไม่เคยนึกถึงความรู้สึกผมเลย เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่  เรพยายามจะดึงมือผมไว้เพราะทำท่าจะลุก

     "มันเพื่อตัวแกเองนะ"

     "บางทีมีนก็ไม่เข้าใจนะ ว่าทะเลมันเลวร้ายอะไรนักหนา มีนก็แค่อยากเห็นทะเลจริง ๆ ที่ไม่ใช่ในทีวี ว่ามันสวยแค่ไหน ใครขาก็เคยไปทั้งนั้น แต่ป๋าดูมีนสิ จนจะสิบแปดอยู่แล้วยังไม่เคยไปเหยียบเลยซักครั้ง เพียงเพราะความฝังใจในอดีตของป๋า" ผมบอกเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์

     "ไม่ได้ยังไงก็ไม่ได้ เอ็งไม่เข้าใจ"

     "งั้นก็อธิบายเหตุผลมาสิ เหตุผลที่ไม่ใช่เรื่องของแม่" ผมถาม...เชื่อว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นแต่ท่านไม่บอกและยังคงนิ่งเงียบ  "หึ...อธิบายไม่ได้!? งั้นมีนก็ไม่มีอะไรจะคุยกับป๋าแล้ว" 

     ผมเนรคุณหรือเปล่าที่คิดว่าพ่อเห็นแก่ตัว ผมหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น มันคงเป็นอารมณ์ดื้อรั้นแบบเด็ก ๆ เมื่ออยากทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ หากถูกห้ามก็ต้องมีเหตุผลที่ดีพอแต่เผอิญตอนนี้มันไม่มี และผมก็ไม่ยินดีรับฟังกับเหตุผลลเดิม ๆ ของพ่ออีกด้วย

     ผมเดินออกมาจากร้านไม่ไกลมาก ไม่อยากกลับหอเพราะมั่นใจว่าพ่อต้องไปรอที่นั่น ท่านไม่เคยยอมให้ผมหลบหน้าได้นานหรอก 

     แล้วจะไปไหนละ!?...เดินคิดไปเรื่อย เริ่มจะเหนื่อยจึงนั่งพักหน้าเซเว่นเล่นกับหมาไปพลาง แล้วใครคนหนึ่งก็นั่งลงข้างผมพร้อมยื่นชาเขียวเย็นให้ จะเป็นใครได้นอกจากไอ้ท่อนไม้เจ้าเดิม มองข้ามถนนไปก็เจอแลมโบคันสวยจอดนิ่งอยู่ ไม่รู้ว่ามันตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรับน้ำขวดนั่นมาเปิดดื่ม ตั้งใจจะเดินเข้าไปซื้ออยู่แล้วแต่นั่งบิ้วอารมณ์เพลินไปนิด 

     "กูไม่อยากกลับหอ ยังไม่อยากเจอป๋าตอนนี้ กูไปนอนคอนโดมึงได้ไหม" ผมหันมองคนข้างๆ ซึ่งมันก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย   

     "แต่ตอนนี้กูหิว พาไปหาอะไรกินหน่อยสิ" เรลุกขึ้นจูงมือผมไปที่รถ มันพาไปกินโจ๊กหม้อดินแถวมหาลัย โจ๊กอร่อยดีแต่นั่งกินไม่ค่อยเป็นสุข 

     ทำไมนะหรอ!? ก็คนนั่งตรงข้ามมันกินไปจ้องหน้าผมไปบางทีมันก็ยิ้มให้ จนเริ่มสงสัยว่ามันสติดีเปล่าวะ แต่ก็ช่วยให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเยอะ เริ่มสงสัยแล้วสิว่ามันชอบอะไรในตัวผมกันนะ แค่คนธรรกาไม่ได้หล่อเหลาน่าเอาจนเก้งกวางต้องเหลียวหลังซักหน่อย 

     ผมนอนห้องมันบ่อยเกินไปหรือเปล่า!? ไอ้เจ้าของห้องมันก็บริการดี๊ดี กลับมาถึงเตรียมน้ำอุ่นให้อาบ มันรู้ว่าผมชอบนอนแช่น้ำในอ่าง จะว่าไปเรก็ดูใส่ใจผมดีเหมือนกันนะ เคยมีแฟนมาก็ต้องเป็นฝ่ายดูแลเอาใจเขามากกว่า รู้สึกดีที่ถูกให้ความสำคัญ  ทุกอย่างก็ดูเข้าท่าดีเว้นแต่ตอนนอนผมโดนมัน แกล้งบ้าง กวนบ้าง ลวนลามบ้าง พอเป็นพิธีแต่เอาเถอะน้องมีนหยวนให้ในฐานะที่มันทำตัวดี 

     กว่าผมจะตื่นก็เกือบเที่ยง เรตื่นก่อนนานแล้ว จำได้ลาง ๆ ตอนสิบโมงมันบอกจะไปรับใครไม่รู้ ว่าแล้วชักหิวล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เดินมึนออกมาหาอะไรกิน แต่ทันทีที่เปิดประตูออกจากห้องนอนเจอสองแฝดนั่งเล่น PS4 กันอย่างเมามัน แต่แขกอีกคนที่นั่งอยู่ทำเอาผมถึงกับชะงัก 

     ป๋า!...มาได้ไงวะ หันรีหันขวางไม่รู้จะทำยังไง แถมยังไม่อยากคุยตั้งใจว่าจะลี้ภัยกลับเข้าห้องแต่เรดันคว้าผมได้ทันก่อนบังคับให้นั่งลงตรงข้ามกับพ่อผม โดยมีมันล๊อคเอวไว้ส่วนอีกฝั่งเป็นไอ้เรน บรรยากาศอึดอัดเริ่มปกคลุมก่อนที่พ่อจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเสียเอง 

     “ป๋าขอโทษ” พ่อมองหน้าผมจริงจัง “ขอโทษที่ยึดติดมากเกินไปห่วงมากเกินไป จนลืมนึกถึงความต้องการของเอ็ง มันก็จริงอย่างที่เรนมันว่า ไม่มีใครหนีความจริงพ้นเราควรยอมรับมันให้ได้” 

     “มีนรู้ว่าป๋าห่วง แล้วก็ ขอโทษที่เสียงดังใส่นะครับ” ผมบอกเสียงแผ่ว แต่ก็เอะใจในสิ่งที่ท่านพูด “ว่าแต่...ความจริงอะไรครับ” 

     “เอ่อ ให้อธิบายคงยาก เอาเป็นว่าเกี่ยวกับเรื่องแม่ของลูก เมื่อถึงเวลาลูกจะรู้เอง” ทำไมต้องทำตัวมีลับลมคมนัยน์กับผมด้วยเนี่ย 

     “เฮ้อ!!!บอกตรง ๆ ไม่ได้เหรอป๋า” ผมทำหน้ายู่ใส่ พ่อผมนะ ถ้าไม่อยากบอกอยากเล่าบังคับให้ตายท่านก็ไม่คายออกมาหรอก 

     “แล้วก็อีกเรื่อง ไอ้หนุ่ม ชื่อเรใช่ไหมเรา” พ่อเอ่ยเสียงเข้มขึ้นพร้อมหันไปจ้องไอ้คนข้างตัวทำเอาผมสะดุ้ง “จริงเหรอที่เอ็งเป็นคบกัน” เชี่ย...ป๋ารู้ได้ไงวะ 

     “ครับ” มันตอบทันทีแบบไม่ลังเล...แอบดีใจ...มั้ง 

     ผมเริ่มใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อพ่อนิ่งเงียบไปพักใหญ่ แอบลุ้นว่าท่านจะตอบว่าอะไรหรือว่ารับไม่ได้ ผมจะโดนว่าไหมแล้วไอ้เรจะโดนป๋ากระทืบหรือเปล่า 

     “ไม่เห็นต้องทำหน้ายุ่งนาดนั้นเลยนิ” ป๋าบอกพร้อมเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ “ถึงมันไม่ใช่เรื่องปกติแต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ป๋าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ถ้าลูกอยู่กับใครแล้วสบายใจ ก็ยินดี ส่วนเอ็ง ได้ลูกข้าแล้วห้ามทิ้ง ทิ้งเอ็งตาย” 

     “ป๋า!!!! ผมยัง...” มันชักจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วมั้ง ผมยังซิงเว้ยยย 

     “ยังอะไรสภาพขนาดนี้ แล้วเสื้อที่ใส่ไม่ใช่ของมันหรอกเรอะ” มันก็ใช่ “แล้วไอ้รอยแดงๆ ที่คอจะบอกว่ายุงกัดหรือไง” มันก็แค่จูบกับนัวนิดหน่อย ยังไม่ได้ทำไรเลย ผมได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ไม่รู้จะเถียงอะไร ถ้ามองจากหลักฐานมันก็ชวนให้เข้าใจตามนั้น

     “แล้วสรุปป๋ายอมให้ผมไปทะเลแล้วใช่ไหม” เปลี่ยนเรื่องดีกว่าก่อนจะโดนสอบปากคำไปมากกว่านี้ 

     “ใช่ แต่ถ้าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับหนูมีนต้องโทรบอกป๋าทันที เข้าใจไหมไอ้ลูกเขย”

     “ครับผม” ไอ้ท่อนไม้ตอบรับแข็งขัน เฮ้ย! ป๋า ทำไมยอมรับมันเป็นเขยง่ายจังวะ ถึงน้องมีนจะเป็นผู้ชายก็ช่วยหวงกันหน่อย 

     ผมใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายทำหน้าที่ลูกที่ดี พาพ่อเที่ยวแถว ๆ มหาลัยเพราะพรุ่งนี้ท่านต้องขึ้นเครื่องแต่เช้า เอาใจนิดหนึ่งเผื่อได้ตังค่าขนมไปเที่ยว อ้อนไปอ้อนมาจากที่จะซื้อเวฟคันใหม่ป๋ารับปากจะถอยรถยนต์ให้เลย แกบอกปลอดภัยกว่าเนื้อหุ้มเหล็ก เห็นไหมผมมันลูกกตัญญูรักบุพการีจะตายไป

................................

-เรามีการแก้ไขในส่วนของบท NC ของเรื่องนี้ใหม่ แบบมันจะดู สำรวจโลก Discovery กันพอสมควร ซึ่งใครแบบไม่อินไม่ชอบก็ขออภัยด้วยเน้อ

-พยายามใส่พาทย์ที่เป็นมุมมองของ เร ให้มากขึ้นว่าภายใต้ความเงียบในหัวคิดอะไรอยู่ หวังว่าจะรักพี่เรแกนะ  :katai4:

-รวมไปถึงเรื่องพ่อของมีนและเร บทบาทของมายา และเรื่องราวของน้องเรนที่ไม่อยากให้เหงาเกินไป
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ (Fantasy:Nc) บทที่ 8 P1 11/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-10-2017 10:02:06
ดูจากที่ป๋ามีน ห่วงมีน ไม่ให้ไปเที่ยวทะเลตั้ง18 ปีมานี่
คิดว่าแม่มีนต้องไม่ใช่มนุษย์แน่ แต่จะเป็นอะไรน้า เงือก ฉลาม  ฮะๆ มโนมัยและ

เร เรน ชอบสกินชิพมีน ทำให้คิด 3p และ
ชอบเร บุคลิกดี เงียบๆ แต่ติดมีนซ้า  :ling1:
เร มีน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy) บทที่9 NC lv.20 P1 11/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 11-10-2017 22:40:56
​​บทที่ 9

     ผมตั้งหน้าตั้งตารอวันไปรับน้องนอกสถานที่ อดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะเห็นทะเลครั้งแรกถึงขนาดแพคกระเป๋าล่วงหน้าสองวัน คืนก่อนไปก็สิงที่ห้องเรกลัวไม่มีคนปลุกแต่เปล่าเลย กลายเป็นผมนี่แหละคึกจัดตื่นมาอาบน้ำตั้งแต่ตีสี่แถมลากเรออกจากที่นอนตั้งแต่เช้ามืด โหวกเหวกโวยวายจนเรนต้องเปิดประตูห้องมาด่าเพราะรบกวนเวลานอนมัน ใคร ๆ อาจจะหาว่าผมบ้า ก็คนมันไม่เคยไปเข้าใจกันหน่อยสิ 

     เป้าหมายทริปนี้ไม่ใกล้ไม่ไกลเพราะเราไปรับน้องกันที่หัวหินในหาดส่วนตัวของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ตีกลองแหกปากร้องเพลงกันไปตลอดทาง แบบนี้สิค่อยสนุก ปีนี้ดีเพราะรุ่นพี่ปฏิวัติกันแล้วไม่ใช่เอะอะก็ว๊าก ถึงจะมีบ้างแต่ก็ไม่ได้เครียดตลอด มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับกดดันรุ่นน้องแบบแต่ก่อน ซ่าได้ไม่นานก็โดนเรลากกลับมานั่งประจำที่ เพลงกำลังโดนน้องมีนอยากเต้น

    "เชี่ย! เร มึงเป็นพ่อกูเหรอ คนกำลังสนุก" ผมดิ้นพลาด ๆ 

    "ปล่อยดิ อารมณ์ร่วมนะรู้จักไหม แทนที่จะนั่งบื้อเป็นท่อนไม้ แดนซ์โว้ย ดะ ...อื้ออออ" ด่ามันยังไม่ทันครบชุดก็โดนมันปิดปากด้วยปากเรียบร้อย

    ทั้งรถหันมามองเราเป็นตาเดียวตามมาด้วยเสียงแซวเซงแซ่ ผมรีบมุดเข้าไปนั่งริมหน้าต่าง พร้อมดึงเสื้อแขนยาวคลุมทั้งหัวลี้ภัยหนีอายกับพระอินทร์ในทันที ไอ้หน้าด้าน บอกผมเงียบดี ๆ ก็ได้

     เมื่อไปถึงเราก็แยกย้ายเอาของไปเก็บในบ้านพักขนาดสี่ห้องนอนซึ่งแบ่งเป็นหลังๆ แยกหลังละเอกตามชั้นปี แยกชายหญิงอย่างละหลัง ห้องผมนอนกันห้าคนซึ่งก็แก๊งผมทั้งหมดและครับ 

     กิจกรรมวันนี้คือเข้าฐานต่าง ๆ ที่รุ่นพี่จัดเตรียมไว้ ร้องรำทำเพลงสร้างความสัมพันธ์และการทำงานเป็นกลุ่มก่อนปล่อยให้พักตามอัธยาศัยในตอนเย็น จึงมีเวลามาร่ำสุรากันหน้าบ้านพัก ซึมซับบรรยากาศของทะเลอย่างเต็มที่ 

     ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหมว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ร่างกายมันรู้สึกดี ผ่อนคลายอย่างประหลาด เพราะแบบนี้สินะใคร ๆ ถึงชอบมาพักที่ทะเล นั่งคุยเล่นกันเพลิน ๆ พวกผู้ชายก็ถูกรุ่นพี่ในเอกเรียกออกมาที่ชายหาด เพิ่งรู้นะ ว่าพี่โยก็อยู่เอกเดียวกับผม

    "ตามมา ๆ กูมีภารกิจลูกผู้ชายให้มึงทำ" พี่ตั้มประกาศก่อนเดินนำพวกเราเลียบหาดมาจนถึงสะพานส่งปลาที่ทำจากไม้เก่า ๆ ซึ่งยื่นลงไปในทะเล บวกกับพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้าให้บรรยากาศอย่างดับหนังสยองขวัญ ถ้ามีผู้หญิงผมยาวนั่งตรงสุดสะพานนี่ใช่เลย

    "เอิ่ม ภารกิจอะไรเหรอพี่" ไอ้กรถามเสียงสั่น มันเป็นพวกกลัวผีขึ้นสมองครับ

    "พวกมึงเห็นธงแดงตรงปลายสะพานนั่นไหม" พี่ผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่ยืนข้างพี่โยว่าพร้อมส่องไฟฉายไปตรงจุดนั้น "ไปเอามันกลับมา แล้วพวกกูจะรับมึงเป็นน้อง ง่ายใช่ไหมละ" ง่ายอะง่าย ถ้าสะพานที่ว่าไม่ใช่ไม้เก่าที่ดูผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี

    "แล้วใครจะเป็นคนไปละ" ก้องถาม ทำท่าพร้อมถีบผมออกหน้าแล้วครับ รักกันจริง

    "ก็จับฉลากเอา" พี่ตั้มบอกพร้อม ชูโหลแก้วเล็กที่มีกระดาษหลายใบม้วนอยู่ 

    "มีนมานี่" ผมอีกแล้ว 

    "ในฐานะที่มึงเป็นที่รักของพี่ ๆ ทุกคน กูให้มึงเป็นคนจับ" เฮือกกก!!! คือ ผมมันพวกซวยบรรลัยเกิดจับได้ตัวเองทำไงวะ 

    "ไว ๆ เลยมึง รีบทำจะได้กลับไปเมาต่อ" ผมหยิบส่ง ๆ ก่อนจะยื่นให้พี่ตั้มไป

    "คะ...ใครเหรอพี่" กรถาม มันเกาะภูผาแน่นจนแทบจะขี่คอ...ถ้ามึงจะกลัวขนาดนั้นนะ

    "ไอ้มีน!!!" เชี่ย!!! จับเองได้เอง 

    ไอ้สะพานมืดๆ ไม่กลัวหรอกครับ ประเด็นคือมันจะพังลงไปตอนไหนเถอะ ก็ได้วะรีบไปเอามาแล้วรีบกลับ ยังไม่ทันจะก้าวออกไปเรก็คว้ามือผมไว้ สายตามันดูกังวลเอามาก ๆ 

    "น่า แค่เดินไปเอาธง ไม่เป็นไรหรอก"

    "มั่นใจ?"

    "อืม...มึงช่วยกูทันอยู่แล้ว" ผมบีบมือมันเบา ๆ ก่อนจะก้าวเท้าลงบนสะพานนั่นช้า ๆ และมั่นคง แค่มีเรมองตามก็รู้สึกปลอดภัยแล้ว เป็นเอามากนะผมเนี่ย

    "ทำอะไรของมึง" พวกเพื่อนร้องลั่นเมื่อผมลองกระโดดเหยง ๆ บนสะพานเมื่อเดินมาได้สิบกว่าก้าว แหมก็ต้องทดสอบความแข็งแรงกันหน่อย ถ้ามันจะพังให้มันพังซะตอนนี้ยังพอวิ่งกลับทัน 

    ทุกอย่างนิ่งสงบมีแต่เพียงคลื่นน้ำเบื้องล่างที่ดูจะเชี่ยวกรากกว่าตอนกลางวัน สะพานนี้ยาวเกือบร้อยเมตรจากการประมาณด้วยสายตาเดาว่าตรงส่วนปลายสุดที่มีธงแดงอยู่น้ำคงลึกพอดู 

    ยิ่งก้าวห่างออกมายิ่งเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ผืนน้ำที่ทอประกายของแสงจันทร์ กลิ่นน้ำทะเลกับลมเย็นที่พัดมาดึงดูดให้เข้าหา เหมือนหูจะแว่วเพราะท่ามกลางเสียงคลื่นและลมเหมือนได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ จากรอบตัว มันไม่ได้น่ากลัวแต่กลับอบอุ่นใจอย่างประหลาด พลันเสียงนั้นก็หยุดลง

    'ระวัง ถอยกลับไป' เสียงใครบางคนกระซิบเตือนทำเอาผมหยุดชะงัก อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงธงแดงแล้วแค่หยิบมัน 

    'ถอยกลับไป...เร็ว!!!' เสียงนั่นดูร้อนรนขึ้น ผมหันรีหันขวางมองหาที่มาของเสียงนั่น แล้วทุกอย่างก็กระจ่างชัดเกี่ยวกับคำเตือนนั่นเมื่อพื้นสะพานที่ผมยืนอยู่เริ่มโยกคลอน

    เปรี๊ยะ!! ตูม สะพานไม้เริ่มผุพัง บางส่วนหัก บางส่วนหลุดร่วงลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง 

    ชิบหายแล้ว วิ่งกลับยังทันไหม แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว ผมเอื้อมไปคว้าธงเป็นจังหวะเดียวกับที่พื้นใต้เท้าหักลงพาร่างทั้งร่างร่วงสู่ผิวน้ำ

    "มีน!!!!" เสียงเพื่อนบนฝั่งตะโกนก้อง น้ำเค็มทะลักเข้าตาเข้าปากจนแสบไปหมด ผมพยายามตระกายขึ้นสู่ผิวน้ำแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง สงสัยจะโดนตะคริวกิน เมื่อดวงตาชินกับน้ำเค็มทำให้เห็นพระจันทร์จาง ๆ เหนือน้ำที่ลอยห่าง พยายามกลั้นใจไม่ให้สำลักแต่เหมือนจะเกินลิมิตตัวเองแล้ว 

    อึดอัด ทรมาน เหมือนจะขาดใจ นี่ผมต้องมาจมน้ำตายแบบนี้จริง ๆ หรือ ไม่นะ ไม่ !!! ได้แต่กรีดร้องในใจ เมื่อภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลาง ในสมองทุกสิ่งเริ่มหยุดนิ่งเพราะขาดอากาศ

    ภาพสุดท้ายที่เห็นราวกับฝันเมื่อร่างบอบบางขาวกระจ่างเคลื่อนผ่าน ผมยาวที่สยายออกตามแรงว่ายระผ่านผิวกาย ผมถูกลำแขนนเล็ก ๆ นั่นโอบกอดไว้ทั้งร่าง เมื่อตั้งใจมองก็เห็นใบหน้างดงามที่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

    นางฟ้าหรอ นางฟ้าอะไรจะอยู่ในทะเล หรือว่าผมตายแล้วเขามารับวิญญาณกันนะ

    'ไม่เป็นไรนะ' เสียงหวานกระซิบบอก 'ทะเลไม่มีวันทำร้ายเรา'

 



    เป็นอีกครั้งที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงนุ่มที่ไม่ใช่ห้องตัวเอง และก็ไม่ใช่ในรีสอร์ทที่มารับน้อง แล้วที่ไหนวะ? มองเลยไปตรงระเบียงฝั่งปลายเตียง ประตูไม้สีขาวบานใหญ่เปิดกว้างเผยให้เห็นวิวทะเลด้านนอก ดูจากแสงแดดจ้า ๆ เดาว่าคงเป็นเวลาเที่ยงวัน 

     น่าแปลกทั้งที่ไม่มีแว่นกลับมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ลูบหน้าลูบตาตั้งสตินึกถึงเรื่องเมื่อคืน หลังจากสะพานพังลงมาผมกำลังจะจมน้ำ แล้วตอนนั้นก็มีผู้หญิงช่วยผมไว้ ใครวะ!? หรือผมกลัวตายจนหลอนไปเอง เดาว่าคนที่ช่วยผมขึ้นมาคงเป็นเรแน่นอน เพราะผมมั่นใจว่าแค่คนจมน้ำคงไม่เหลือบากกว่าแรงเรเวนแบบมัน เอาเถอะเลิกเดาแล้วไปถามมันก็รู้เอง

     ผลัก! แค่ก้าวลงจากเตียงแข้งขามันอ่อนแรงจนลงไปนั่งแหมะกับพื้น เฮ้ย ขากู...หายไปไหนวะ

     "เร!!!!!" ผมแหกปากลั่นบ้านเลยทีนี้ มันวิ่งหน้าตื่นมาเลยครับ

     "ขากูละ ทำไมเป็นแบบนี้" ผมชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ร่างกายท่อนล่างของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นหางปลาไปแล้ว 

     "ก็มีนเป็นเงือกนิ" เรบอกผม มันดูไม่แปลกใจเลยซักนิด

     "กะ...กูนี่นะ เป็น เงือก เงือกที่ครึ่งคนครึ่งปลาอะนะ" ผมได้แต่อึ้ง ทึ่ง เสียวเฮ้ย! อย่างหลังไม่ใช่ 

     ลองลูบเบา ๆ ที่เกล็ดสีมุกของตัวเอง สัมผัสได้ถึงน้ำหนักมือที่ไล้ไปตามเกล็ดนั่น เป็นหลักฐานให้รู้ว่ามันคือส่วนหนึ่งของผมจริง ๆ 

     "โอ๊ย!!!" ผมลองดึงเกล็ดสีมุกนั่นแรงๆ จนหลุดติดมือมาอันนึง เจ็บจนน้ำตาร่วง...อารมณ์เหมือนโดนดึงขนขาเลย

     "ซน!" เรว่า ก่อนที่มันจะอุ้มผมมาไว้บนเตียงดังเดิม มือใหญ่ลูบเบา ๆ ตรงรอยเกล็ดที่ผมดึงเล่น จนเลือดซึม

     "รู้เรื่องนี้อยู่แล้วเหรอ" มันพยักหน้า "ขออธิบายชัดเจนกว่านี้ได้ไหม รู้กลัวหลุดคอนเซปห้ามพูดเกินวันละสิบคำ แต่ขอร้องเถอะ กูอยากรู้จริง ๆ อธิบายด่วน" ผมเขย่าตัวมันอย่างร้อนใจ จนมันต้องรวบแขนผมแล้วกอดไว้หลวม ๆ

     "เรเวนย่อมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าใครเป็นอมนุษย์เหมือนกัน แต่แค่ไม่แน่ใจว่าเป็นเผ่าพันธุ์ไหน จำวันที่มูรอลล้มทับได้ไหม"

     "ทำไมละ"

     "วันนั้นแขนมีนมีรอยบาด พอจับล้างน้ำแผลกลับหายไป แต่ตอนที่โดนกระทืบหายช้ากว่า เลยเดาว่ายังไม่แสดงพลังเต็มที่ พวกเราบางพันธุ์ก็มีช่วงที่ยังไม่แสดงพลังจนกว่าจะโตเต็มที่เหมือนกัน ไม่รู้มาก่อนเลยหรือ"

     "อืม ก็เพิ่งรู้วันนี้แหละ" 

     "ตอนที่มีนทะเลาะเรื่องไปทะเลกับพ่อ พอเดินหนีไป เรนเลยเข้าไปถามตรง ๆ เลยรู้ว่ามีนไม่ใช่คนตั้งแต่เกิดแล้ว" มันเป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่เรเคยพูดกับผมมา 

     สับสนกับชีวิตมากเลยครับตอนนี้ อยู่ดี ๆ กลายเป็นเงือกสะงั้น ผมมองสภาพตัวเองในตอนนี้ ลองขยับส่วนต่าง ๆ ทั้งส่วนหางส่วนครีบด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชิน

     "ฮืออออ เร" ผมมองมันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ 

     "หืม"

     "แล้วมีนน้อยกูหายไปไหนอะ" 

     "อุ๊บ ฮ่าาาาา" เรหัวเราะลั่น ผมไม่เคยเห็นมันหัวเราะหนักขนาดนี้

     "หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้ กูซีเรียสนะ"  มีอะไรน่าขำอะ มีนน้อยคือความภูมิใจของลูกผู้ชายเลยนะ "ถ้าไม่หยุดโกรธนะ"

     เรพยายามกลั้นขำเมื่อผมทำท่าจะโกรธจริงจัง มันซ้อนอุ้มผมขึ้นนั่งบนตักโดยหันหลังพิงอกมัน คุณว่าท่อนล่างของเงือกนี่ควรเหมือนปลาประเภทไหน แล้วปลาประเภทไหนมีไอ้นั่น นี่ผมกำลังดิสคอฟเวอรรี่ร่างกายตัวเองอยู่นะเนี่ย

    "ทำอะไรอะ" ผมสะดุ้งเมื่อมือใหญ่วางบนหน้าท้องน้อยแผ่วเบาแล้วลากไล้ลงมาถึงแนวเกล็ดที่มีครีบอ่อนกั้นอยู่   

    หากสังเกตุดี ๆ จะเห็นว่าเกล็ดบริเวณนี้จะสีอมแดงและนิ่มกว่าตรงอื่นแถมยังเป็นรอยบุ๋มสองรอย ด้วยความอยากรู้จึงลองเอานิ้มกดดูและพบว่ามันเป็นรูเว้ยเฮ้ย

     "อ๊าาา เร" ผมหลุดครางเมื่อจู่ ๆ เรสอดนิ้วตัวเองเข้าไปตรงนั้น  ความรู้สึกวาบหวามถาโถมเข้ามา ราวกลับว่ามีกระแสไฟฟ้าเล่นกระจายไปทั่วร่าง ในทุกครั้งที่มันขยับนิ้วที่แทรกเข้ามาลึกขึ้น

     "เจอแล้วนี่ไง" เสียงทุ้มกระซิบข้างหูก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะขบเบา ๆ ที่ต้นคอ ส่วนอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่ถูกดึงออกมา มีนน้อยเวอชั้นสองพับเก็บได้ เป็นอะไรที่อเมซิ่ง

     "อย่านะ อื้ออ" เรขยับรูดส่วนนั้นจนมันเริ่มตื่น กลายเป็นแบบนี้ได้ไงวะ  "พอแล้ว...อ๊ะ พอ อาาา" ผมร้องห้ามเมื่อมันเอานิ้วอีกข้างสอดเข้าไปอีกช่องที่อยู่ใต้กัน 

     "หึ ๆ" เสียงหัวเราะเย็นเยียบทำใจเต้นรัว ผมพยายามรั้งมือใหญ่ทั้งสองออก แต่มันยิ่งเร่งเร้าส่วนอ่อนไหวจนเสียวไปทั้งร่าง ผมพยายามกลั้นเสียงครางน่าอายของตัวเอง

    "อยากฟังเสียง ร้องออกมาสิ" มือสากเร่งจังหวะขึ้นจนไม่อาจกลั้นเสียงตัวเองได้อีกต่อไป 

     เรละมือข้างหนึ่งมาจับคางของผมให้หันไปรับจูบ ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้ามาในปากไล่ต้อนจนผมหัวหมุน รสจูบร้อนแรงทำผมระทวยจนต้องพิงร่างไว้กับตัวมัน  ผมรับรู้ถึงบางอย่างที่ดุนดันบั้นท้ายผ่านกางเกงหนา บอกให้รู้ว่าอีกคนก็มีอารมณ์ไม่ต่างกัน

     "เร...ฮาาาาา จะออก" ผมครางเสียงขาดมือที่กอบกำมีนน้อยขยับรูดเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนในที่สุดผมก็ปลดปล่อยออกมา 

     ริมฝีปากร้อนพรมจูบตามลาดไหล่ก่อนจะวกกับมาที่ปากผมอีกครั้ง มือเรเลอะไปด้วยน้ำของผม รู้สึกอายจนร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ผมสบายตัวไปแล้วแต่เรนี่สิยังค้างอยู่เลย 

     เรปล่อยผมลงบนฟูกนุ่มจัดการเอาทิชชู่เช็ดอะไรที่มันเลอะเทอะออกให้ แต่สายตาเจ้ากำดันมองส่วนนั้นของคนตรงหน้าที่ดันเป้ากางเกงจนโป่งนูน

     "แล้วมึงละ" ผมถามทั้งที่ยังหอบ

     "เดี๋ยวจัดการเอง" มันบอกเสียงพร่าก่อนจูบหน้าผากผมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

 



    "มึงเป็นคนช่วยกูไว้หรอ" ผมถามทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากท่อนล่างของตัวเอง เกล็ดสีมุกที่สะท้อนแสงบวกกับครีบสีครามอ่อน ก็สวยดี 

     "มายาเป็นคนช่วย" เรบอก 

     "ใครวะ"

     "เป็นเงือกเหมือนกัน บ่าย ๆ เดี๋ยวแวะมาหาอีกรอบ สงสัยอะไรก็ถามเอาแล้วกัน"

     "แล้วคนอื่นละ ยังอยู่ที่รีสอร์ทเหรอ" มันพยักหน้ารับ "แล้วที่นี่ที่ไหน"

     "บ้านอา" โอเค เข้าใจแล้ว เพราะอยู่ในสภาพนี้้เรคงไม่อยากให้คนอื่นเห็น ลองนึกดูนะ ถ้าเจ๊ดามันรู้คงกรี๊ดจนหูผมแตกแน่ "หิวไหม!?"

     "อืม" พอมันทักก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้วสิ

     "จะรออยู่ในห้องหรือจะไปว่ายน้ำเล่นในสระ" มันถาม บ้านนี้มีสระว่ายน้ำด้วยหรอ ก็ดีจะได้ลองอะไรหลาย ๆ อย่าง

     "จะไปรอที่สระ"  ก่อนลงไปผมขอให้มันพาไปอาบน้ำ ถามว่าอายไหม ถ้าเป็นปกติคงอายแหละครับ แต่ตอนนี้ท่อนล่างมันกลายเป็นหางปลาไปแล้วแถมที่ทำไปก่อนนั้นน่าอายกว่าเยอะ

    เข้าใจอารมณ์คนพิการเลยครับ เหมือนเป็นอัมพาตท่อนล่างจะไปไหนก็ลำบากให้เรอุ้ม จนแอบสงสัยว่าภายใต้ใบหน้านิ่ง ๆ มันรำคาญผมบ้างไหมนะ รู้สึกว่าผมเป็นภาระบ้างหรือเปล่า ลำพังแค่มันชอบจะทำให้อดทนทำแบบนี้ได้ถึงเมื่อไหร่

     เรเอาผมมาปล่อยไว้ในสระนอกตัวบ้าน พร้อมลากเอาร่มชายหาดมากางริมสระไว้สองสามอันเพราะกลัวน้องมีนผู้นี้จะกลายเป็นปลาแดดเดียว ตามด้วยอุปกรณ์สร้างความบรรเทิง ทั้งไอแพดกับโทรศัพท์พร้อมด้วยแบตสำรอง

     เรไปข้างนอกไปหาซื้ออะไรมากิน ระหว่างรอก็ดำผุดดำว่ายอยู่ในสระจนเริ่มคล่อง ปกติชอบเล่นน้ำอยู่แล้วแบบก็สนุกดีครับถ้าเป็นทะเลกว้าง ๆ คงสนุกกว่านี้ ความรู้สึกตอนอยู่ในน้ำคงอารมณ์แบบนกที่บินอยู่บนฟ้าแหละครับร่างกายมันเบาแปลก ๆ

     "ไง หนุ่มน้อย" เสียงหวานทักขึ้นตรงริมสระ เรกลับมาแล้วพร้อมผู้หญิงอีกคนที่บอกได้เลยว่าสวยมาก สวยยิ่งกว่าพี่ลูกแก้วเสียอีก ผมมองใบหน้าขาวเนียนที่ตัดกันดีกับนัยน์และเรือนผมดำขลับนั่น อ๊ะ ผมจำได้แล้ว...เงือกที่ช่วยผมเมื่อวาน "พี่ชื่อ มายานะจ้ะ"

    "ดีครับ" ผมว่ายไปเกาะขอบสระพร้อมยิ้มรับ "พี่มีขาด้วยอะ" ผมชีโบ้ชี้เบ้ไปทางสาวงามในชุดเดรสสีขาวสะอาดตา รู้สึกตื่นเต้นที่เห็นเรียวขาสวยแทนที่จะเห็นเป็นหางปลาอย่างเมื่อคืน เธอมองตอบพร้อมหัวเราะในท่าทางของผม

     "ก็ต้องได้อยู่แล้ว เงือกนะมีสองร่าง ไม่รู้เหรอจ้ะ" ได้ฟังคำตอบแล้วรู้สึกมีหวัง ผมไม่ต้องอยู่ในสภาพนี้ตลอดไปสินะ

     "ไม่เลยครับ ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นเงือกด้วยซ้ำ" ผมตอบหน้าตื่น ใบหน้าสวยแย้มยิ้มให้อย่างเอ็นดู

     "ถูกเลี้ยงแบบมนุษย์สินะ ไม่ต้องคิดมากไม่นานก็ชินเองแหละจ้ะ หางเธอสวยมากเลยรู้ไหม พี่ไม่เห็นเกล็ดสีนี้นานแล้วนะ" ผมทำหน้างงใส่เธอจึงอธิบายต่อ "ชาวเงือกส่วนใหญ่ไม่ค่อยอาศัยอยู่บนบกหรอกจ้ะ เพราะมันอันตราย"

     "อันตรายแบบไหนครับ"

    "ก็ความเชื่อที่ว่า หากได้ดื่มกินเลือดเนื้อของเงือกจะทำให้เป็นอมตะไงละ พวกเราเลยถูกเผ่าพันธุ์อื่นล่า จนต้องหนีไปอยู่ในเมืองของตัวเองใต้น้ำ" ได้ฟังแบบนั้นแล้วรู้สึกกังวลขึ้นมาเลยครับ เพราะแบบนี้สินะพ่อถึงไม่อยากให้ผมมาทะเล

    "แล้วทำไมพี่ถึงอยู่บนบกละครับ"

    "พี่อยู่กับสามีจ้ะ" เธอบอกด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข "แล้วเดี๋ยวนี้สภากลางมีกฎคุ้มครองพวกเราแล้วด้วย ปลอดภัยกว่าแต่ก่อนเยอะ" เธออธิบาย "เห็นเราไม่เป็นอะไรแบบนี้ก็ดีแล้ว"

    "แล้วพี่มาช่วยผมได้ยังไงครับ"

    "ชาวเงือกสามารถรับรู้ถึงพวกตัวเองได้ถ้าอยู่ในระยะใกล้ บ้านพี่อยู่แถวนั้นรับรู้ถึงการมาของเราพี่เลยตามมาดู พอดีกับที่สะพานพังลงมาเลยไปช่วยไว้ ดูท่าทางเราแล้วคงไม่เคยเปลี่ยนร่างมาก่อน ลำบากหน่อยนะ" ลำบากมากกกกกกกก...ในน้ำก็คล่องตัวดีแต่บนบกนี่สิ ง่อยชัด ๆ 

    "พี่สอนผมเปลี่ยนร่างได้ไหมครับ"

    "พี่ก็ไม่แน่ใจว่าของแบบนี้มันสอนกันได้หรือเปล่า เพราะมันเป็นสันชาติญาณ" พี่มายาตอบพลางหัวเราะร่า "แต่จะพยายามนะ อ่า ชักหิวแล้วสิ เรซื้อกับข้าวมาเต็มเลย ยังไม่กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ กินข้าวก่อนเนอะ ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน"

     เรลากเสื่อมาปูริมสระก่อนที่จะลงมือทานมื้อเย็น พี่มายาบอกว่าความสามารถของเงือกคือเสียงและน้ำ ว่ากันว่าเสียงของพวกเราสามารถสะกดคนได้ คงเคยได้ยินใช่ไหมเรื่องเล่าที่ว่า ชาวประมงมักได้ยินเสียงเพลงในทะเลหากคนไหนหลงตามเสียงนั้นไปอาจถูกพวกเงือกจับไปอะไรประมาณนั้น   

     พี่มายาเล่าเรื่องอาณาจักรชาวน้ำให้ฟัง ที่จริงก็มีมานานแล้วแถมยังมีหลายที่ทั่วโลก จะเห็นได้จากตำนานเก่าแก่ในแต่ละส่วนของโลก อย่างแอตแลนติส หรือเมืองบาดาลของไทย 

     พี่สาวคนงามเล่าว่าที่นั่นเราก็ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปนี่แหละไม่ได้ว่ายไปว่ายมา สภาพบ้านเมืองก็จะคล้ายกับเมืองมนุษย์ในแถบนั้นแค่อยู่ใต้น้ำที่ลึกมาก ๆ ชักอยากไปเห็นแล้วสิ บางทีที่พ่อบอกว่าทะเลเอาแม่ไป แม่ผมอาจจะมีชีวิตและอาศัยอยู่ซักที่บนโลกนี้

     "เฮ้ย!!!! พี่ทำอะไร" ผมร้องลั่นเมื่อเมื่อพี่มายาแก้ผ้ากระโดดลงสระมาหาผม

     "จะสอนน้องมีนกลายร่างไงจ๊ะ" ครับตามนั้นเลยครับ และแล้วบทเรียนการเป็นเงือกของผมก็เริ่มขึ้น คุณครูจำเป็นบอกว่าเวลากลายร่างในยามปกติเราก็แค่ตั้งสมาธิว่าเราอยากมีขา อยากเป็นคน ฟังดูง่าย แต่เพ่งจนจะเข้าฌานแล้วมันก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงขนาดงัดมาทุกกระบวนท่า ตั้งแต่ไอ้มดแดงแปลงร่าง ยันเซเลอมูน แต่ก็ไม่ได้ผล

     ส่วนไอ้เชี่ยเร! นอกจากจะไม่ช่วยห่าอะไรยังนอนขำกลิ้งอยู่ริมสระ จนค่ำพี่สาวคนสวยจำต้องขอตัวกลับบ้านเลยไล่ไอ้ท่อนไม้ไร้ประโยชน์ไปส่ง

...................................................

มีความสำรวจโลก discovery เบา ๆ เรารีเสิชเยอะมากเรื่องเงือก ว่าแบบช่วงล่างเป็นยังไง อวัยวะต่าง ๆ มันควรอยู่ทำแหน่งไหน มีลองเสก็ทอนาโตมี่ดูด้วย อาจจะเอามาลง ดูก่อนเพราะแอบวิชาการพอสมควร

(https://imgza.xyz/f/mv3uyg18) (https://imgza.xyz/v/mv3uyg18)

Cameron Stalheim’s Sculptures Indulge Dark Fantasies


หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่10 P1 12/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 12-10-2017 20:58:29
บทที่ 10​


     "ไงมึง" เสียงทักทายดังขึ้น เหลือบมองผ่านประตูที่เปิดไว้แว็บนึงก็เห็นเรนหอบของพะรุงพะรังเข้ามา

     "ก็ดี" ผมตอบ สายตายังคงจับจ้องโทรทัศน์ที่เปิดช่องการ์ตูนไว้  ผมเอนหลังพิงหมอนยางเป่าลมส่วนหางก็พาดยาวตรงขอบอ่างสะบัดไปมาด้วยความชิว ใกล้กันมีโต๊ะเล็ก ๆ วางขนมกับน้ำไว้ให้ เพราะแดดข้างนอกแรงเกินไปเรจึงเอาผมมาปล่อยในอ่างอาบน้ำแล้วลากเอาโต๊ะทีวีเข้ามาให้ส่วนตัวมันออกไปไหนไม่รู้

     "สบายเชียวนะ" 

     "ก็นะ เบื่อจะแย่แล้วเนี่ย" ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ตอนนี้ยังอยู่ที่บ้านตากอากาศของอาพวกมัน "สี่วันแล้วยังคืนร่างไม่ได้เลย แถมขาดเรียนด้วย"

     "เอาน่า ยังไม่ชินกับพลังก็งี้" เรนว่า "กูจะมาอยู่เป็นเพื่อนมึง พี่มันมีงานด่วน"

     "เอ้อ ไอ้งานนักล่านี่มันยังไงกัน" ผมถามด้วยความสงสัย

     "ก็คงเหมือนตำรวจละมั้ง" แฝดน้องเกริ่นพลางนั่งลงบนพื้นกระเบื้องแห้ง ๆ ข้างกัน "แบ่งความรับผิดชอบคนละท้องที่ นักล่าจะเรียกเฉพาะคนที่ต้องจัดการผู้ร้ายตามใบสั่งที่สภากลางเป็นคนออกให้เพราะสภามีหน้าที่ควบคุมอมนุษย์ทุกตัวให้อยู่ในกฏ"

     "อ้อออ งั้นมึงกับพี่ก็ดูแลเขตแถว ๆ มหา*ลัย"

     "เปล่า ไม่เจาะจง กูกับพี่จะดูแลพวกเคสยาก ๆ หรือในกรณีที่งานของนักล่าคนอื่นล้นมือ เพราะเรียนอยู่ไม่มีเวลาขนาดนั้น" เรนอธิบาย

     "กูควรทำยังไงต่อไปดี" ผมถามเสียงแผ่วหลังจากเงียบไปพักหญ่ เท่ากับว่าตอนนี้ผมกลายเป็นพวกอมนุษย์ไปแล้ว 

     "ก็ใช้ชีวิตตามปกตินั่นแหละ ส่วนเรื่องที่มึงเป็นเงือกก็ไม่ต้องไปบอกใคร"

     "แล้วถ้าพวกเจ๊ดารู้มันจะรังเกียจกูไหม"

     "คิดมากน่า ตอนมึงรู้ว่าพวกกูเป็นเรเวนยังไม่รังเกียจเลย" ดวงตาสีเขียวที่มองมาเต็มไปด้วยความอบอุ่น ช่วยให้รู้สึกเบาใจไปเยอะ

     เรนเอาเอกสารของสภามาให้ผมกรอกประวัติ มันช่วยเดินเรื่องขอสิทธิ์คุ้มครองให้ เพราะเผ่าพันธุ์เงือกค่อนข้างหายากและตกเป็นเป้าหมายอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะไอ้ความเชื่อที่ว่าเลือดเนื้อของพวกเราทำให้เป็นอมตะอย่างที่พี่มายาเคยบอกไว้ แค่คิดว่าต้องถูกจับไปทำซาซิมิก็สยองแล้วครับ

     พอตกเย็นผมขอให้เรนพาลงมาสระข้างล่างเพื่อยืดเส้นยืดสาย พยายามคืนร่างอยู่นานแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนเริ่มถอดใจ

     "เฮ้อ!!! ผมถอนหายใจหนักหน่วง 

ถึงจะเริ่มชินแต่ให้อยู่ในสภาพนี้ตลอดคงไม่ไหว ผมจะไปมหาวิทยาลัยยังไง พ่อเห็นแล้วจะรู้สึกแบบไหน พวกเพื่อนมันจะรับได้ไหม สภาพผมในตอนนี้คงใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปไม่ได้   

     ถึงตอนนี้เรมันจะดูแลผมดี แต่นานไปมันอาจเบื่อ มองผมเป็นภาระและทิ้งไป ผมปล่อยตัวลอยหงายบนผิวน้ำพลางเหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มมืด สุดท้ายผมคงต้องอยู่คนเดียวในทะเลจนเหงาตายแน่ ๆ

     "เป็นอะไร" เสียงทุ้มดังขึ้นบอกให้รู้ว่าเรกลับมาแล้ว ทำไมมันกลับมาไวจัง

     "กูกลัว ที่จะเป็นเงือกแบบนี้ไปตลอด" ผมบอกพลางเอื้อมมือไขว่คว้าผืนฟ้าตรงหน้าอย่างไรจุดหมาย "คงอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว" ผมรับรู้ถึงเสียงที่สั่นของตัวเอง

     "ก็อยู่ด้วยกันไง" มันแย้ง

     "ไม่!!!! เดี๋ยวมึงก็เบื่อกู เดี๋ยวมึงก็รำคาญ มึงทนไหวเหรอต้องคอยแบกไปนั่นไปนี่ หาข้าวหาน้ำให้กิน เอากูไปเป็นภาระ ซักวันมึงคงทิ้งกู"   

     เงียบ...แบบที่ไอ้เรชอบทำ แค่คิดว่าโดนทิ้งขอบตาก็ร้อนผ่าวก่อนน้ำตาจะไหลอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่ชอบอ่อนแอแบบนี้เลย

     "มีน" มันเรียกหลังจากเงียบไปนาน 

     ผมมองมือที่ยื่นมาก่อนจะยอมว่ายไปหา ทันทีที่สัมผัสมือกันเรก็ดึงผมขึ้นจากสระไปนั่งเกยบนตักมัน โดยไม่สนเลยว่าจะทำเสื้อผ้าเปียก ไม่รู้ว่าเพราะแช่น้ำนานไปหรือเปล่า ถึงได้รู้สึกว่าตัวมันอุ่นมากจนเผลอซุกหน้ากับอกกว้างนั้นอย่างลืมตัว ลำแขนแกร่งโอบกอดผมไว้

     "กลัวโดนทิ้งง?" 

     "ใช่ กูกลัว กูไม่อยากถูกทิ้งไว้คนเดียว" ผมตอบเสียงแผ่วพลางมองหน้ามัน 

     "น่ารักแบบนี้ใครจะทิ้งลง" ฮะ...น่ารัก ผมเนี่ยนะ แล้วทำไมต้องเขินขนาดนี้ คนโตกว่าฉวยโอกาสที่ผมกำลังทำตัวไม่ถูก ดวงตาสีน้ำเงินที่มองตอบมาดูเปร่งประกายกว่าทุกครั้ง สวยจนไม่อาจละสายตา เรเชยคางผมขึ้นก่อนประทับจูบที่ปากผมไปที

     งือ...ไม่ไหวแล้ว หน้าร้อนจนแทบไหม้ ใบหน้าคมก้มลงมาจูบอีกครั้งและอีกครั้งก่อนจะผละไประรานซอกคอขาว จมูกโด่งงกับลมหายใจร้อนทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว มือสากลูบแแผ่นหลังเนียนเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ ก่อนจะขย้ำสะโพกมนอย่างหมั่นเขี้ยว ผมรู้สึกหน่วงตรงส่วนกลางกายเพราะถูกอีกคนปลุกเร้าไม่หยุดมือ

     "ตรงนี้หรือเตียง" ผมก้มหน้าหลบสายตาร้อนแรงนั่น เสียงโทรทัศน์ที่ดังมาจากในบ้านบอกให้รู้ว่าไม่ได้มีแค่เราสองแต่มีน้องมันด้วยอีกคน

     "เตียงเหอะ" เรจูบหน้าผากผมหนัก ๆ ก่อนจะช้อนอุ้มขึ้นแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนอน

     น้องมีนกำลังจะเสียตัวแล้วครับ แถมยังไม่ขัดขืน ใจง่ายสุด ๆ

     ผมถูกวางลงบนฟูกนุ่ม ก่อนที่ร่างหนาจะตามมาทาบทับอย่างเร่งร้อน แล้วทุกอย่างก็เริ่มอีกครั้ง จูบรสหวานหลอกล่อให้ผมตอบสนองจนเผลอเอามือคล้องคอมันอย่างลืมตัว ริมฝีปากร้อนทั้งจูบทั้งขบกัดทิ้งรอยไว้ทั่ว 

     "จะทำทั้งสภาพนี้หรือไง"

     "เงือกหรือคน ถ้าเป็นมีนก็ได้ทั้งนั้น" เรกระซิบเสียงพร่า ทำเอาใจเต้นรัว

     "เร อา!!!!!" ผมแอ่นร่างรับเมื่อยอดอกทั้งสองข้างถูกจู่โจมด้วยมือใหญ่ 

     มันมองยอดอกสีสดก่อนก้มลงชิม ปากร้อน ๆ ที่ดูดดุนทั้งสองข้างสลับกันจนพอใจแล้วลากตำ่ผ่านท้องน้อยพลางขบกัดเบาๆ ตรงเกล็ดสีอ่อน นิ้วเรียวสอดเข้ามาในร่างเกี่ยวเอามีนน้อยออกมา

     "เสียว...ฮึก เร" มันยิ้มก่อนลากเลียส่วนที่กำลังแข็งขืน ผมซี๊ดปากด้วยความเสียว และยิ่งเกร็งหนักเมื่อนิ้วเรียวสอดเข้าไปในช่องทางด้านล่างทั้งที่ยังปรนเปรอมีนน้อยไม่ห่าง 

     มองเรที่กำลังเล่นกับร่างกายตัวเองพลางหอบ มันเงยหน้าขึ้นมามองตอบด้วยดวงตาสีน้ำเงิน ที่ในยามนี้เต็มไปด้วยความต้องการ มันร้อนแรงจนแทบเผาผมให้ตายลงตรงนี้   

     ฮือ...ความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาจนผมต้องหลับตาหนี พยายามกลั้นเสียงร้องน่าอายแต่ไร้ผล สติแทบหลุดจากร่างไปแล้วครับ

     "อ๊ะ" ผมลืมตา เมื่อจู่ ๆ เรก็หยุดมือ 

     "ก็คืนร่างแล้วนี่ไง" เรว่าพลางจูบขาผมหนึ่งทีแล้วยิ้มให้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมคืนร่างตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ มันไม่ปล่อยให้ผมได้งงนานก็จู่โจมผมต่อทันที

     ร่างสูงหยัดกายขึ้นก่อนกำจัดเสื้อผ้าตัวเองให้พ้นทาง เผยให้เห็นร่างกายกำยำกับผิวสีแทนพาดผ่านด้วยรอยสัก ดูีทรงพลังจนไม่อาจละสายตา แต่สิ่งที่ทำให้ใจเต้นรัวที่สุดคงเป็นตรงนั้นที่เริ่มตื่นตัว ขนาดของมันชวนให้ลมหายใจติดขัดขึ้นทันที 

     ผมสะดุ้งจากสัมผัสเย็นชื้นที่ป้ายลงมา ไปหยิบเจลมาจากไหนวะ นิ้วเรียวสอดเข้ามาในร่างอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความคุ้นชิน แม้เรจะเตรียมทุกอย่างให้ผมอย่างใจเย็นแต่ลมหายใจหนักหน่วงบอกให้รู้ว่ามันกำลังอดทน

     "ใส่เข้ามาเถอะ" เหมือนรอผมอนุญาติ พอสิ้นคำเรจับขาผมพาดบ่าในทันที

     "อา จะเจ็บ บ...เบา" ผมผวาเอามือยันแผ่นอกกว้างอย่างตระหนก เมื่อความใหญ่โตนั่นชำแรกเข้ามาเบื้องล่างได้แค่ส่วนหัว 

     "ไหวไหม" เรหยุดพักให้ผมได้ปรับตัวพลางจูบปลอบไปพลาง ผมสูดหายใจลึกๆ ไขว่คว้าไหล่แกร่งเป็นหลักยึด อารมณ์ผมมาไกลเกินจะหยุดแล้ว ผมพยักหน้าบอกให้รู้ว่าพร้อมแล้ว...มั้ง!

     "อ๊า... เร ฮึก" ผมร้องเมื่อแก่นกายร้อนกดเข้ามาทีเดียวจนสุด น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่เพราะมันเจ็บจริงจัง เผลอจิกข่วนร่างหนานั่นอย่างทรมาน เรริ่มขยับเข้าออกช้า ๆ ให้ความแข็งขืนเสียดสีด้านในจนเสียวซ่านระคนเจ็บ "ระ เร...กู อ๊า ถาม อ๊า ไรหน่อย ซี๊ด"

     "ถามว่า"

     "มึง ฮึก ชอบกูจริง ๆ ระ...เหรอ" คิ้วหน้าขมวดมุ่นอย่างขัดใจ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เวลามาถามแต่อยากรู้ไง เอวหนากระแทกเข้ามาหนัก ๆ จนผมทั้งครางทั้งสะอื้น

     "โอ๊ย เร เบา ฮึก ซี๊ด ตอบกู อ๊ะ"

     "มันเลยคำว่าชอบไปไกลแล้ว" มันตอบพลางช้อนตัวผมลุกขึ้นนั่งคร่อมบนตัก มือกร้านประครองสะโพกมนพลางกระแทกสวนรัว ๆ แรงกดบวกกับน้ำหนักตัวทำให้อะไร ๆ มันเข้าลึกโดนจุดกระสันจนแหงนหน้าครางลั่นด้วยความเสียวซ่าน   

     ห้วงอารมณ์ถูกฉุดไปไกลจนสติกระเจิดกระเจิงเกินย้อนกลับ เสียงทุ้มครางต่ำสลับกับรสจูบร้อนแรงทำเอาภาพตรงหน้าพร่าเบลอ ทำไมผมถึงเผลอตัวเผลอใจไปกับมันขนาดนี้นะ เพราะมันหล่อ เพราะมันดูแลเอาใจใส่ เพราะมันตามใจ หรือว่าผมชอบมันไปแล้ว

     "ไม่ไหว อ๊า เร อ๊า กู..." ผมครางไม่เป็นภาษาคลอไปกับเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของร่างสูงความรู้สึกต่าง ๆ ถาโถมจนบอกไม่ถูกว่าควรจะเรียกว่าความสุขหรือไม่ แต่ช่างยาวนานจนปลดปล่อยออกมาในที่สุด

     "อา มีน" เรกัดฟันกรอดก่อนจะเร่งจังหวะตามผมมาติด ๆ ความรู้สึกอุ่นวาบเต็มตื้นตรงส่วนนั้น 

     "เร..." เรวางผมลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาพร้อมถอนแก่นกายออกจนอะไร ๆ มันไหลล้นออกมาเลอะขาไปหมด ผมนอนหายใจหอบมองมัน แข้งขาอ่อนแรงไปหมดแถมตรงนั้นยังรู้สึกขัด ๆ จนไม่อยากขยับให้เจ็บร้าวไปมากกว่านี้

     "ครั้งแรกหรอ" เชี่ย!!...ดูมันถาม 

     "ครั้งแรกแล้วหนักหัวมึงเหรอ" ผมคว้าหมอนฟาดมันเลย แม่งถามมาได้

      ยัง...ยังจะมายิ้ม เกิดมาเคยผ่านแค่น้องนางทั้งห้ามันผิดมากหรือไง งอนสัด ได้กูแล้วก็มากวนตีน 

     "ไม่ต้องมาแตะกูเลย งื้อ" แล้วมันฟัดแก้มผมจนหนำใจ ก่อนจะรู้หน้าที่ไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้แล้วล้มนอนลงข้าง ๆ ก่อนดึงผมเข้าไปกอด

     "ก็แค่ดีใจ" เสียงทุ้มกระซิบบอกทำเอาร้อนผ่าวไปทั้งหน้า

     "มึงลืมอะไรหรือเปล่า" เร!? มองผมแบบงุนงง "ใจคอมึงจะไม่ขอกูเป็นแฟนเลยหรือไง" มันหัวเราะเบาๆ พร้อมกอดผมแน่นขึ้น"ตอบเลย ถามเหี้ยอะไรก็เอาแต่ยิ้ม ก็เอาแต่หัวเราะเมากัญชาเหรอ"

     "ก็เป็นเมียแล้วนี่ไง" 

     โอเค...เข้าใจ 

     พอ...ไม่ต้องจ้องกูแล้ว เขิน   

     นอนครับนอน ก่อนเรจะไม่ยอมให้ผมนอนเพราะแอบเห็นว่าลูกชายมันยังไม่ยอมลง พร้อมแผลงฤทธิ์ได้ทุกเมื่อ

:z13:




..................................

เวลาเขียน Nc แบบมันรู้สึกเฉย ๆ มาก หรือเพราะเรเป็นคนเขียนอะ หรือมันยังไม่ถึงอารมณ์พอ งงตัวเอง
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่10 P1 12/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-10-2017 22:28:22
ฉากที่รอคอย  ก็มาและ ชอบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เร มีน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ตกลงมีน เป็นเงือกจริงๆ ฮู้เร้ๆ.........
แสดงว่าพ่อมีนคบกับสาวเงือกสินะ
เอ๊.......หรือพ่อมีน ก็เป็นอมนุษย์เหมือนกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่10 P1 12/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-10-2017 22:31:54
โดนเรจับกินแล้วววว :hao6:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่11 P1 14/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 14-10-2017 23:33:33
บทที่ 11​

Amun-Ra Say

     เรเวนเป็นเผ่าพันธุ์แห่งการหยั่งรู้ พวกเรามักมีลางสังหรณ์ที่ค่อนข้างแม่นยำ เป็นตัวแทนของการสื่อสารระหว่างโลก 

     พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณจำเป็นต้องใช้เรเวนเป็นผู้สร้าง อย่างเช่นประตูนรก*ผลงานประติมากรรมที่แฝงไปด้วยเวทย์มนต์คือหนึ่งในสิ่งที่สายเลือดเรเวนได้สร้างไว้ แต่ตอนนี้มันถูกทำลายไปแล้ว

     ผมกับน้องสูญเสียครอบครัวไปตอนอายุเก้าขวบ ครอบครัวเราทำงานให้กับซาโตนี่* พอแม่ตั้งท้อง พ่อก็มีความคิดอยากถอนตัวเพราะไม่อยากให้เราทั้งคู่เติบโตท่ามกลางคาวเลือดและการเข่นฆ่า อีกทั้งตัวท่านเองเข้าร่วมองค์กรมืดนี้เพราะถูกต้นตระกูลบังคับ

     พ่อติดต่อกับสภากลางและเป็นสายให้ตั้งแต่นั้นมา แต่ก็ถูกจับได้และถูกสั่งเก็บในที่สุด ส่วนผมกับเรนหนีรอดมาได้ เราทั้งคู่เร่ร่อนอยู่ร่วมสองปี เอาตัวรอดวันต่อวัน ทั้งจากพวกคนในซาโตนี่ที่โกรธแค้นพ่อแม่ผมและเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ที่่ต้องการใช้ประโยชน์จากพลังของเรา

     โชคดีของเราทั้งคู่ที่ได้พบ อีคารอสผู้นำตระกูลซานซิโอคนปัจจุบัน เขาคือคนที่พ่อแม่ผมติดต่อส่งข่าวให้ หลังเกิดเรื่องเขาพยายามตามหาเรา แต่ในตอนนั้นเราทั้งคู่มองทุกคนเป็นศัตรูและพร้อมจะหนีหายได้ทุกเมื่อจึงเสียเวลาอยู่นาน ท่านรับเราเป็นลูกบุญธรรมผมกับน้องจึงกลายเป็นคนของซานซิโอตั้งแต่นั้น

    ผมกับเรนเหมือนได้ชีวิตใหม่ ได้เรียนได้เที่ยวเหมือนวัยรุ่นทั่วไป มีข้าวกิน มีบ้านซุกหัวนอนและไม่ต้องอยู่กับความหวาดระแวง ด้วยตำแหน่งของงานท่านพ่อจึงไม่มีเวลามาดูแลเรามากนัก คนที่เลี้ยงดูสั่งสอนเราทั้งคู่จึงเป็นอารอทและอาซอนเน่แทน อย่างตอนนี้ที่เรามาอยู่ไทยเพื่อมาช่วยงานท่านทั้งสอง

     สำหรับมีนครั้งแรกที่เจอกันมันไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไรเพราะมันดันมาเห็นผมปาดคอเป้าหมาย ผมยังจำใบหน้าเหวอ ๆ ตอนนั้นได้อยู่เลย ขณะที่ผมกำลังลังเลอยู่ว่าจะจัดการยังไง เพราะลางสังหรณ์บางอย่างเตือนว่ามันจะมีผลต่ออนาคต แต่เรนกลับแค่ขู่นิดหน่อยแล้วปล่อยไป

     (แบบนี้จะดีเหรอ มึงเองก็รู้สึกได้นิ)

     (อืม แต่คิดว่าไม่ใช่ลางร้ายหรอก) เสียงน้องชายดังในหัว ที่เห็นผมเงียบ ส่วนหนึ่งเพราะผมกับเรนสามารถคุยกันในความคิดเพราะเป็นแฝดจึงเชื่อมถึงกัน ส่วนกับคนอื่นผมมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องคุยด้วย
 
     (มันจะไม่อันตรายกับเราใช่ไหม) ถ้ามีใครซักคนแพร่งพายเรื่องการมีอยู่ของอมนุษย์ออกไปคงเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาแน่

     (คิดว่าไม่ อีกอย่างหมอนั่นน่ารักดีนะ)

     (เอาที่สบายใจเลยยังไม่อยากเป็นยอดชาย) ถามว่าไอ้เด็กนั่นหน้าตาดีไหม ไม่รู้สิใส่แว่นบังไปครึ่งหน้าขนาดนั้น ยิ่งไม่ใช่ผู้หญิงคงไม่คิดจะสนใจ

     (ได้เจออีกก็คงดี รู้สึกถูกชะตาอยากบอกไม่ถูก มันต้องเป็นพรมลิขิตแน่ ๆ) 

     (ลางของมึง เห็นอะไรกันแน่) เรนหันมายิ้มให้ ดวงตาสีมรกตวาววับแฝงไว้ซึ่งบางอย่างอยู่ในนั้น

     (เดี๋ยวพี่ก็รู้เอง) 

     ถึงจะเป็นแฝดกันแต่ความสามารถที่เรามีก็ต่างกัน เรนมีลางสังหรณ์และญาณที่ดีกว่าผม ในขณะที่ผมมีประสาทสัมผัสและพลังกายที่มากกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมงานล่าส่วนใหญ่ผมจึงเป็นคนจัดการ และอีกเหตุผลคือผมรักน้องเกินกว่าจะให้ไปเสี่ยงอันตราย 

     พรมลิขิตที่เรนว่าสัมฤทธิ์ผลในวันนั้นเพราะมีนดันเรียนคณะเดียวกัน เราทั้งคู่มาสายเลยโดนเทศนาไปชุดใหญ่แถมถูกลงโทษให้วิ่งรอบสนามอีกด้วย 

     จำได้ว่ามีนผูกเน็คไทไม่เป็นรุ่นพี่เลยสั่งให้ผมช่วย มองมือสั่น ๆ ที่ยื่นเนคไทให้ผมแล้วตลกชะมัด กลัวผมขนาดนั้นเลย 

     พอได้มองมีนใกล้ ๆ แม่งโคตรขาวเลยวะ ขาวจนแทบจะเรืองแสง แถมน่าตายังน่ารักมากด้วย ตาโต ๆ กับปากเล็ก ๆ จนแอบสงสัยมันผู้ชายแน่เหรอ และแน่นอนว่าพอเรนรู้ก็อ้อนผมให้คอยดูไว้ สงสัยคนนี้ถูกใจมันจริงจัง

     ทีแรกผมตามไอ้แว่นนี่เพราะเรนขอ แต่ตอนหลังกลายเป็นผมเองที่อยากอยู่ข้าง ๆ มัน มีนเป็นคนมีสีสันในการใช้ชีวิต มันพูดมากแต่ไม่น่ารำคาญ ต๊องบ้าง เอ๋อบ้าง และบ้าบอในบางครั้ง สามารถสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างได้เสมอแถมยังเป็นคนมีน้ำใจมาก ๆ อย่างวันแรกที่เจอกัน ทั้งที่กลัวผมขนาดนั้นยังอุส่าให้เพื่อนซื้อข้าวมาเผื่อผมด้วย

     ผมรู้ว่ามีนไม่ใช่มนุษย์วันที่มูรอลล้มทับเรา กลิ่นเลือดของมันต่างจากคนทั่วไป ยิ่งตอนที่แขนมันโดนน้ำแล้วรอยถลอกหายไปยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้น แต่เหมือนมีนจะไม่รู้ตัวและการที่ผมไม่ได้กลิ่นไอในทีแรกอาจเป็นเพราะเจ้าตัวยังไม่แสดงพลังเต็มที่่ ยังมีอมนุษย์หลายสายพันธุ์ที่ไม่แสดงพลังจนกว่าจะโตเต็มวัย

     ตอนที่มีนถูกแฟนใหม่พะแพงกระทืบ ยอมรับเลยว่าผมฉุนจัด คนที่มักจะยิ้มแย้มกลับทำหน้าเศร้า มันทำให้ทั้งโลกหมองลงได้ หากมีนไม่ห้ามในวันนั้นพวกมันคงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ 

     ความรู้สึกผมชัดเจนขึ้นทุกวัน ผมชอบมือนิ่ม ๆ ที่จูงมือไปทานข้าวด้วยกัน ชอบเสียงหัวเราะและชอบรอยยิ้มของมีน ถึงแม้ว่าผมไม่นิยมผู้ชายแต่ก็ชอบไปแล้ว และนั่นคือปัญหา เมื่อเรนก็ดูจะสนใจมีนเหมือนกัน เมื่ออยู่ในสถานการที่ต้องเลือก แน่นอนผมต้องเลือกน้องก่อนอยู่แล้ว 

      ตอนที่กินเลี้ยงกันหน้าตึกผมปลีกตัวออกมากับลูกแก้วเพราะเธออุส่าเสนอเลยต้องสนอง ส่วนหนึ่งคืออยากสลัดมีนออกไปจากความคิด แต่เชื่อไหมผมทำไม่ได้ แม้ข้างกายผมจะมีผู้หญิงอีกคนอยู่ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความกังวล มีนเมาแล้วจะกลับยังไง คนพามันกลับจะส่งถึงห้องหรือเปล่า สุดท้ายก็กลับมารับมันอยู่ดี

     ช่วงเวลาลำบากในตอนเด็กสอนผมว่าความรักทำให้เรามีจุดอ่อน มันก็จริงเพราะตอนที่มีนถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน ผมทั้งห่วงทั้งโกรธจนแทบคลั่ง สิ่งที่คิดอย่างเดียวตอนนั้นคือต้องช่วยมันให้ได้ ทำเป้าหมายหนีรอดไป เดือดร้อนต้องไปตามล่ามันใหม่ใช้เวลาร่วมอาทิตย์ 

     ทั้งที่คิดว่าดีแล้วห่าง ๆ มีนไว้จะได้ตัดใจแต่ที่ไหนได้ กลับคิดถึงมันมากกว่าเดิม ผมกลับมาที่คอนโดพอถึงหน้าห้องกลับได้ยินเสียงโวยวายดังจากในนั้น จะเสียงใครซะอีกถ้าไม่ใช่ ไอ้แว่นเกรียนที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่แบบนี้

     (ไงพี่ กลับมาไวกว่าที่คิดนะ) เรนทัก เสียงร้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ต่างจากทุกครั้งที่มันโวยวายบ้างเวลาโดนเรนแกล้ง

     (มึงทำอะไร)

     (จะปล้ำไอ้มีน ถ้าไม่มีอะไรไปที่อื่นก่อนก็ได้นะพี่) เรนออกปากไล่ ผมควรไปแต่สองเท้ากลับไม่ขยับยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

     (อย่าทำแบบนี้)

     (พี่มีเหตุผลดีพอที่จะให้ผมหยุดไหมละ) เหตุผล?...มีสิ แต่ถ้าพูดไปน้องผมจะเสียใจไหม 

     (ว่าไงพี่เร เอาแบบจริง ๆ จากใจ ถ้ามันดีพอผมหยุดแน่) เสียงเรนยังถามซ้ำในความคิด จริง ๆ จากใจนะเหรอ

     ปัง!!!ผมผลักประตูเข้าไปอย่างแรง ไอ้แว่นเกรียนเหวอแดกไปแล้วครับ ส่วนน้องรัก 

      "แกล้งหรอ!?" แค่เห็นรอยยิ้มกวน ๆ ก็รู้แล้วว่าเรนแกล้งผม

     (มึงรู้!!?)

     (แหม อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ในท้องจะไม่รู้ได้ไงว่าพี่ชอบใคร) มีนจ้องพวกผมพร้อมทำหน้างง เพราะไม่ได้ยินที่เราคุยกันน

     (แล้วมึงไม่ชอบมันหรอ)

     (ชอบ...แบบเพื่อน พี่ก็น่าจะรู้นิ ว่าผมรักใคร) ครับผมรู้ว่าเรนมันรักคนที่เป็นไปไม่ได้ ไอ้ที่มันทะเล้น เจ้าชู้ จีบคนนั้นคนนี้ไปวัน ๆ ส่วนหนึ่งเพื่อไม่ให้มันคิดถึงใครคนนั้นมากเกินไป สาเหตุที่ผมยอมถอยเพราะคิดว่าไอ้แว่นนี่คงทำให้น้องผมเปิดใจได้แต่กลับเป็นผมที่เผลอใจให้มันซะเอง

     เรนเฉลยทุกอย่าง ว่าที่มันทำมาเป็นแผนจับคู่ให้ผมกับมีน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้มันเจอดีแน่ แต่ตอนนี้อาจต้องขอบคุณแทนแล้วละเพราะมันช่วยให้ผมได้ไอ้แว่นเกรียนมานอนกอดในวันนี้ จะว่าไปลางสังหรณ์ตอนแรกก็ไม่ผิดเท่าไหร่ ที่คิดว่ามีนอันตราย เพราะมันอันตรายต่อหัวใจผมเอง

     ได้มองหน้ามีนใกล้ ๆ โดยปราศจากแว่นบดบัง บอกได้คำเดียวว่าแม่งโคตรน่ารัก แพขนตางอนยาว จมูกรั้น ๆ และริมฝีปากแดงเรื่อ ดูตัดกันดีกับผิวเนียนขาวราวกับหยกที่ไร้ตำหนิ จนอดไม่ได้ที่จะลูบไล้ร่างที่หลับใหลอยู่อย่างเพลินมือ 

     เคยได้ยินมาว่าเงือกเป็นเผ่าพันธุ์ที่งดงามที่สุดเท่าที่โลกเคยมี เรื่องนี้ผมไม่เถียง ไม่ว่าจะในร่างมนุษย์หรือร่างของเงือกมีนสามารถดึงความสนใจจากผมได้เสมอ แต่นี่แหละคือสิ่งที่น่ากังวล เพราะพลังที่แสดงออกมาเต็มที่เมื่อได้สัมผัสกับทะเล ทำให้กลิ่นไอของมีนชัดเจนขึ้น 

     -♬。 ♫♫~♬ ♫~♬ - เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตรงหัวเตียง

     “ไง” ส่งเสียงซักนิดให้รู้ว่ามีคนรับเพราะเจ้าของโทรศัพท์ยังหลับไม่ตื่น

     “เร หรอ” เสียงแหลมแสบหู เจ๊ดาเองครับ “ไอ้มีนเป็นไงมั่ง”

     “ดีขึ้นแล้ว หลับอยู่” ผมสรุปสั้น ๆ

     “ก็ดี เห็นมันหายไปเลย ขาดเรียนตั้งหลายวัน กลัวมันจะเป็นมากเลยโทรมาเช็ค แต่อยู่กับเรก็ดีแล้วอย่างน้อยก็มีคนดู” เจ๊ดาบ่น "เอ๊ะ หรือว่าหายไปนานแบบนี้ แกทำอะไรน้องมีนยะ"

      "ทำ" ผมตอบตามจริง ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดมากจากปลายสาย สาววายก็งี้แหละครับ

     "เพลา ๆ บ้างนะ แล้วถ้ามันหายแล้วก็เอากลับมาด้วย หยุดนานเดี๋ยวอาจารย์ให้ติดไอทั้งคู่ แค่นี้ละจุ๊บ ๆ" ดาหลาร่ายยาวก่อนจะวางสายไป เรื่องมหาลัยผมจัดการไว้แล้วไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกครับ

     เมื่อวานมีนมันเครียดเรื่องที่คืนร่างไม่ได้ ส่วนผมไม่ว่าร่างไหนมันก็น่ามองทั้งนั้นแหละ เพราะกลัวผมทิ้งเมื่อวานเลยอ้อนผมหนักมากทั้งที่มันไม่เคยทำมาก่อน ทั้งที่คิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไปแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้จัดการมันอยู่ดี ความผิดมีนเลยทำตัวน่ารักเกิน

     “อือ...ใครโทรมา” มีนงัวเงียถามแบบคนไม่ตื่นดีแต่พอสบตาผมปุ๊บ ก็รีบซุกหน้าลงกับอกผมด้วยความเขินอายกับสภาพของเราในตอนนี้

      “เจ๊ดา” ผมตอบพลางกอดมันแน่นขึ้น เราแนบชิดปราศจากอะไรมากั้นจนรับรู้ได้ถึงหัวใจของคนบนร่างที่กำลังเต้นแรงในตอนนี้

     “กูหิว” มันบ่น “แต่กูอยากอาบน้ำก่อน แบบว่ามันรู้สึกไม่สบายตัว...มัน...”

     “ไม่สบายตรงไหน” ผมแกล้งซื่อ ไอ้อาการหน้าแดงไปไม่เป็นแบบนั้นเดาไม่ยากหรอก

     “ตรงนั้นแหละ” มันบอกเสียงแผ่ว “อ๊ะ!!!”

      “นี่เหรอ” กระเซ้าถามพลางลูบก้นมันเบา ๆ ก่อนจะสัมผัสช่องทางด้านหลังที่ยังชุ่มเพราะสิ่งที่ทิ้งไว้เมื่อคืน 

      ไอ้มีนทุบอกผมดังอั๊ก ทั้งโกรธทั้งอาย  ไอ้เงือกน้อยงอนแก้มป่อง จนผมอดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มนิ่ม ๆ นั่นอย่างมันเขี้ยว ได้แกล้งมันแล้วมีความสุขชิบหาย ฟัดแก้มมันจนหนำใจจึงอุ้มมันไปอาบน้ำตามคำขอ

      “กูทำเองได้!!!! ไม่ต้องยุ่งเลย” มีนโวยวายปัดป่ายมือผมออกจนน้ำในอ่างกระเซ็น 

     คือผมจะช่วยมันล้วงเอาน้ำที่ค้างในตัวออก มีหรือผมจะฟัง จับขาเรียวนั้นแยกกว้างก่อนจะค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือกคว้าไหล่ผมเป็นหลักยึด ช่องทางร้อนรุ่มรัดนิ้วเรียวแน่น 

      “อือ....ไอ้เชี่ย...เร” ดวงตาคู่สวยฉ่ำน้ำ คิ้วทั้งสองขมวดมุ่น ริมฝีปากเล็กกัดแน่นอย่างฝืนกลั้นเมื่อผมควานนิ้วช้า ๆ กวาดเอาสิ่งที่คั่งค้างออกมา มันไม่รู้ตัวหรือไงว่ายั่วผมอยู่ 

      “อา...เสร็จยัง...วะ” ยัง...ยังมีหน้ามาถามเสียงกระเส่า เดี๋ยวต้องโดน

     “ยัง!!!” ผมบอกเสียงเข้มพร้อมกับความอดทนที่ขาดผึ่ง พาตัวเองลงไปนั่งในอ่างก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก จัดแจงท่าทางพร้อมรบทำเอาคนจะโดนกระทำเหวอแดกไปเลยครับ

      “มึงจะทำอะไร...” มันถามเสียงตื่น พยายามขืนตัวเต็มที่

     “เอามีน!!!” ผมตอบแค่นั้นก่อนจะกดสะโพกมนลงบนแก่นกายรวดเดียวทำเอาร่างบางร้องลั่นน้ำตาซึม

     “ฮึก...กูเจ็บนะเว้ย มึงแม่ง...” เสียงหวานทั้งวีนทั้งสะอื้น มันทุบไหล่ผมรัว ๆ ผมเลยจูบปลอบ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนตามแรงปารถนา...ใครใช้ให้มันทำตัวน่ารักน่าเอาละครับ

     "แล้วเมื่อไหร่ ฮะ!...กูจะได้กิน...อา...ข้าวว" มันยังจะถาม

     "ค่อยกิน!!!!" ก่อนจะกินข้าว ผมขอกินมีนก่อนเหอะ ไม่ไหวละ

      “อา...เร... อ๊ะ...”  เพียงแค่ขยับเบา ๆ ก็เรียกเสียงครางเครือเร้าอารมณ์ของมันได้ จนจังหวะช้า ๆ ไม่อาจเติมเต็มความต้องการได้เพียงพอ ร่างกายขอมีนดูเปล่งปลั่งมากเมื่อเปียกน้ำ ผิวกายเรียบลื่นเป็นประกายดึงดูดให้สัมผัสไปทั่วร่างอย่างหลงไหล ผมกดจูบริมฝีปากนิ่มที่เผยอครางอย่างไม่รู้จักพอ

      ไม่เคยคิดว่าจะตัวเองจะอาการหนักขนาดนี้ ตอนแรกผมสนใจมันที่นิสัย ยึดติดกับมันด้วยความชิดใกล้ และจมดิ่งไปกับความสวยงามที่ค้นเจอ ว่ากันว่าทุกคนต้องมีศูนย์กลางในการชีวิต ผมว่าผมเจอแล้วละ...มีน มัสยา คือศูนย์กลางในชีวิตผม



Rain Say

     พี่ชายผมกำลังมีความสุข ที่รู้สึกได้เพราะเรามักเชื่อมถึงกันเสมอด้วยจิตวิญญาณ แต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้จิตวิณญาณอะไรทั้งนั้นเพราะผมนอนเล่นอยู่หลังบ้านได้ยินเสียงครางไอ้มีนชัดเจน เสียงดีชิบหาย

     เฮ้อ...เมื่อคืนก็รอบนึงแล้ว เช้ายังจะมีอีกรอบ ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ ทำอะไรไม่เกรงใจคนโสดเลย เดี๋ยว ๆ ผมจะล้อซะให้เข็ด

     ตอนเจอมีนครั้งแรก ผมรู้สึกได้ว่ามันกับพี่มีบางอย่างที่เชื่อมกันอยู่ คุณเชื่่อในพรมลิขิตไหม ผมเชื่อนะเพราะงั้นเลยวางแผนจับคู่พวกมันขึ้นยังไงละ พี่เรทำเพื่อผมมามากถึงคราวที่ผมจะมอบความสุขให้มันบ้าง

     พี่เรสมหวังไปแล้ว ส่วนผมคงต้องพยายามต่อไป ดันไปรักคนที่สูงกว่าก็ต้องทำใจ แต่ใช่ว่าจะยอมแพ้หรอกนะ ระหว่างนี้ ที่ควงถือว่าซ้อมรบไปก่อน เพราะผมกำลังพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นและมีคุณค่าเทียบเท่ากับคน ๆ นั้น เมื่อวันนั้นมาถึงผมจะได้บอกกับคนที่ผมรักอย่างภาคภูมิใจและคู่ควรจะดูแลเขาตลอดไป

....................

ประตูนรก* สร้างโดยต้นตระกูลเรเวน เป็นประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และนรก วิญญาณที่มีพลังแข็งแกร่งพอจะสามารถผ่านประตูนี้ได้โดยการอันเชิญ   ของจริงเดิมทีมีสองอัน อันล่าสุดถูกทำลายทิ้งโดยรอท ราฟาเอลโล ซานซิโอ(ตอนที่ไปช่วยโยนาห์จากการถูกสังเวยเป็นร่างทรงวิญญาณลูซิเฟอร์) ทำให้ตอนนี้ไม่มีเหลืออยู่แล้ว

ที่รู้จักกัน ดีเป็นผลงานของ Rodin Auguste แต่เป็นเพียงงานศิลปะจำลองไม่มีพลังเวทย์มนต์ใด ๆ



ซาโตนี่* Satanimus Creed เป้าหมายขององค์กรเริ่มแรกคือการนำลูซิเฟอร์ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ตามแนวทางของตระกูลอาร์เคน ต่อมาเป้าหมายขององค์กรคือทำให้เผ่าพันธุ์อมนุษย์มีอำนาจสูงสุดในโลกและมองมนุษย์เป็นเพียงทาสและอาหาร





หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่11 P1 14/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 15-10-2017 06:44:12
ติดตามมมม
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่11 P1 14/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-10-2017 16:35:26
เร มีน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่11 P1 14/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 15-10-2017 17:28:36
สนุกมากเลยยยยย  o13
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่12 P2 16/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 16-10-2017 23:06:13
บทที่ 12

     ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เหมือนชีวิตน้องมีนผู้นี้ก็ไม่มีอะไรแน่นอนเลย เปิดเทอมวันแรกก็เจอไอ้คู่แฝดนรกที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่มันเป็นเรเวนมีปีกบินได้ แถมแรงควายยิ่งกว่าซุปเปอร์แมน สองพี่น้องทำงานให้สภาล่าเหล่าอธรรม เหอ ๆ อย่างกับในหนัง แถมคนพี่ยังเอาแต่แผ่รังสีอมหิตจนผมปฏิญาณกับตัวเองว่าผมจะไม่เข้าใกล้มันเด็ดขาด เอาไปเอามามันกลับกลายเป็นคนที่อยู่ใกล้ผมมากที่สุด เหมือนอวัยวะที่สามสิบสามก็ว่าได้

     หลังจากรู้ว่าตัวเองเป็นเงือกอะไรๆ มันก็เปลี่ยน เหมือนเรากุมความลับระดับโลกเอาไว้  ไม่ว่าใครก็กำชับนักหนาว่าห้ามคนอื่นรู้เด็ดขาดแม้แต่อมนุษย์ด้วยกันเพราะมีความเชื่อที่ว่าเนื้อของเงือกทำให้เป็นอมตะ ฟังเขาบิ้วมาก ๆ เริ่มระแวง ชนิดที่ว่าไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้สระน้ำเพราะกลัวจะกลายร่างแบบไม่ตั้งใจแล้วโดนลากไปทำซาซิมิ

     "เป็นไงบ้าง พี่สะใภ้" เรนเน้นคำหลังพลางยิ้มกวนตีน มันใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูแต๋วชะมัด มือหนึ่งถือเหยือกน้ำมือหนึ่งถือแก้ว

     "ไม่โอเค พี่มึงอะ แม่งเชี่ย" ผมบ่น หงุดหงิดโว้ย หิวก็หิว ตูดก็เจ็บ ของเมื่อคืนนะไม่เท่าไหร่แต่ของเมื่อเช้าที่แม่งใส่ยับไม่มีอินโทร ก้าวลงบันไดแต่ละขั้นเจ็บร้าวไปทั้งตัว จนต้องจับราวไว้แน่นเพราะกลัวจะล้มลงไป

     "อะไรกัน เป็นเงือกนานจนลืมวิธีเดินไปแล้วเหรอ" ดวงตาสีเขียวพราวระยับ ใบหน้าหล่อยังยิ้มล้อผมไม่เลิก

     "ตลก" ผมเหวี่ยง ซ่า!!!...สิ้นคำน้ำในเหยือกก็สาดเข้าหน้าของเรนอย่างจัง 

     "เฮ้ย!!!" เรนร้องด้วยความตกใจ

     "กะ กูขอโทษ" แต่ผมตกใจกว่า แค่รู้สึกหมั่นไส้คิดเล่น ๆ ว่าอยากเอาน้ำสาดหน้ามัน "คือไม่ได้ตั้งใจ"

     "ไม่เป็นไร การควบคุมน้ำเป็นพลังของเงือกสินะ" มันว่าพลางหาผ้าขนหนูมาเช็ดหน้า "แต่อยู่ข้างนอกก็คุมตัวเองดี ๆ ละ"

     "อืม กูจะระวัง ขอโทษนะเว้ย" ผมว่าก่อนพยายามลากสังขารลงบันไดต่อ แต่จู่ ๆ ก็ถูกอุ้มจนตัวลอยหันไปจึงเห็นว่าเป็นเร ผม
สะบัดหน้าหนีไม่อยากมอง เพราะมันเลยผมถึงเดี้ยงแบบนี้

    "หึ ๆ" มันหัวเราะก่อนหอมหัวผมไปที ไอ้บร้าาาาา...กูเขิน

    "อะแฮ่ม!!! เกรงใจกูบ้าง" เรนว่า ก่อนยกอาหารเช้าแบบอเมริกันไสตล์ มาวางบนโต๊ะสามชุด ก่อนรินน้ำใส่แก้วที่วางไว้ข้างกัน "กาแฟไหม"

    "ก็ดีโคตรง่วงเลย" ผมตอบ เรมันวางผมลงบนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างขวา ส่วนน้องมันนั่งลงข้างซ้าย "แล้วจะกลับกันตอนไหน"

     "กินเสร็จก็กลับเลย พรุ่งนี้มีเรียนนิ" เรนตอบ "เอ้อกลับไปก็ขนของมาอยู่กับพวกกูด้วย"

     "อ่าวทำไมละ" ผมถาม

     "ตอนเนี่ย กลิ่นไอมึงชัดมากเลยมีน พวกกูเลยกลัวว่าถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียวอาจถูกอมนุษย์ตัวอื่นจู่โจมได้" เออมันก็จริง

     "แล้วกูจะนอนห้องไหน" คือคอนโดมีแค่สองห้องไม่อยากย้ายเข้าไปเบียดเบียนพวกมัน

     "นอนห้องผัวมึงไปสิครับ" เรนว่า "หรือจะนอนห้องกูก็ได้ แต่คราวนี้ไม่ให้นอนเฉย ๆ หรอกนะ" มันยิ้มทะเล้นให้ผม

     "ของกู" เรมันพูดเสียงเรียบพร้อมมองน้องมันด้วยสายตาเย็นเยียบ

     "ขี้งก" แต่เจ้าตัวหาได้กลัวไม่ ยิ้มกวนตีนก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ 

     เรากลับมหาลัยในบ่ายวันนั้นพอถึงหอสองพี่น้องก็ช่วยกันขนเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนของผมไปไว้คอนโดพวกมัน เล่นจัดการเสร็จสรรพแบบไม่ให้ปฏิเสธเลยทีเดียว เสียตัวแล้วเข้าหอเจริญพวง

 



     "วันนั้นที่สะพานพังลงมากูตกใจชิบหาย" ไอ้กรมันกำลังรำลึกเหตุการณ์ตอนไปรับน้องในยามพักเที่ยง "ใจกูนะอยากช่วยมึงนะเว้ย แต่กู ว่ายน้ำไม่เป็น" ก่อนจะจบท้ายประโยคเสียงเบา

     "กลัวตายก็บอก ไอ้ก้องมึงเป็นนักกีฬาว่ายน้ำตอน ม.ปลาย ทำไมไม่ลงไปช่วยเพื่อน" เจ๊ดาหันไปแว้ดใส่ก้องแทน 

     "โถ่ เจ๊กูยังไม่ทันตั้งท่าก็มีพระเอกพุ่งหลาวลงน้ำไปก่อนแล้ว" มันรีบแก้ตัว "แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่ะ เพราะพวกพี่ไล่กูกลับก่อน บอกเดี๋ยวก่อเรื่องเพิ่ม เลยไม่รู้ว่าเรมันช่วยมึงยังไง" มันว่า พร้อมตบบ่าผม

     "ตบขนาดนี้ทุบเลยไหม" ก้องมันจะฆ่าผมแล้ว เท่าที่ฟังคงไม่มีใครนอกจากเรและพี่โยที่รู้ว่าผมเป็นเงือก...สบายใจไปอีกเปลาะ 

     “หูยยยยยย !!!! ไอ้มีน กูอิจฉาวะ” อีเจ๊ดามันเขย่าคอเสื้อผมรัว ๆ เมื่อเมื่อก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ถูกนำมาถวายตรงหน้าด้วยฝีมือไอ้ท่อนไม้ของผม ก่อนที่มันจะนั่งลงข้างกันพร้อมกับชามของตัวเอง

     “เจ๊ก็รีบหาแฟนซักทีเถอะ เอาไอ้กรก็ได้ มันก็ไม่มีใครเอาเหมือนกัน...โอ๊ย!!!” ไรวะคนอุส่าแนะนำยังจะมาตบหัวกันอีก

     “กูไม่อยากให้ลูกขาสั้น”

     “อ่าว อีเจ๊ ถามกูยังว่าจะเอามึงไหม” จากนั้นสงครามน้ำลายก็เริ่มขึ้น เจ๊ดากับกรเนี่ย ผมว่าเถียงกันมาก ๆ เดี๋ยวก็ได้กันเชื่อสิ

     “เดี๋ยวพวกกูไปซื้อข้าวแปป ไอ้เตี้ย เจ๊ เอาไร” ภูผาว่า

     “เหมือนมึง” แล้วมวยคู่เอกก็ตอบพร้อมกันก่อนจะหันไปกัดกันต่อ ผมได้แต่ส่ายหัวเอือม ๆ กับมันสองตัว

     มองก๋วยเตี๋ยวในชามตรงหน้าแล้วรู้สึกเขินวะ ผมชอบกินบะหมี่ไม่ใส่ถั่วงอก ้เรมันก็ซื้อมาให้ถูกต้องเป๊ะทั้งที่ไม่ได้บอก มันเป็นความใส่ใจเล็กน้อย ๆ แต่ก็รู้สึกดี ดวงตาสีน้ำเงินมองมาประมาณว่า มีปัญหาอะไร กินไม่ได้หรือ หรืออะไรประมาณนั้น เดี๋ยวนี้ผมอ่านใจคนได้ด้วยหรอ...ท่าจะบ้า 

     มองหน้ามันมากจะขาดใจ เพราะเดี๋ยวนี้ขยันยิ้มให้ผมเหลือเกิน พอมันยิ้มนี่หล่อกว่าเดิมเป็นเท่าตัว จึงเลือกเบนสายตาไปทางอื่นแก้เก้อแต่แบบจากอารมณ์ดี ๆ เริ่มขุ่นมัวขึ้นทันใด 

     ทำไมนะหรอ...ก็พวกลิงค่าง บ่างชะนี เล่นจ้องคนข้างผมอย่างกับจะกลืนกิน บ้างก็มองมาที่ผมแบบเหยียด ๆ บ้างก็ซุบซิบนินทา ประมาณว่าไอ้แว่นออย่างผมมานั่งเสล่ออะไรกับเทพบุตร (ตอนนี้มองเห็นชัดแล้วแต่เรบังคับใส่อะ)

     หงุดหงิด รู้สึกตัวเองสาวแตกขึ้นทุกวัน นั่น...สาวโต๊ะนั้นกำลังเดินมาทางเรา...คงมาขอเบอร์เรชัวร์…ไม่ได้โว้ย คนนี้กูจอง!!!

     “กินปะ” ผมคีบลูกชิ้นในชามป้อนคนนั่งข้าง ๆ เรงับมันเข้าปากอย่างว่าง่าย ทำเอาผู้หญิงที่จะเดินเข้ามาถึงกับชะงัก 

     “ยิ้มอะไร กูจ่ายค่าที่มึงเดินไปซื้อมาให้เฉย ๆ หรอก" อย่ามาหลงตัวเอง ไม่มีใครเขาหวงมึงเลย นี่เปล่าร้อนตัวนะครับ 

     เรยักคิ้วกวนๆ ใส่อย่างล้อเลียนก่อนที่มันจะก้มลงมาจุ๊บปากแล้วหันกลับไปกินต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่สนใจเสียงฮือฮาของคนรอบข้าง ทิ้งให้ผมเหวอแดก หน้าแดงไปไม่เป็นส่วนผู้หญิงคนนั้น เจ้าตัวรีบถอยทัพกลับไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนในทันที
 
     “โอ๊ยยยยย ทำอะไรเกรงใจคนโสดอย่างกูมั่ง นี่มันโรงอาหารนะ” เสียงแหลมกรีดร้อง ก่อนที่เพื่อน ๆ จะรุมแซวผมยับ แซวเลยครับน้องมีนไม่ตอบโต้ เขินอยู่

     ก่อนที่ผมจะโดนเดอะแก๊งรุมทึ้งไปมากกว่านี้ พี่โยก็เดินมาหาเราพร้อมกับฝรั่งตัวสูง ๆในเสื้อชอปคณะวิศวะ พี่คนนั้นยิ้มให้ผม ดูจากผิวที่ขาวจนซีดคงไม่ใช่มนุษย์แน่ชัวร์ 

     “พี่โย...หวัดดีครับ/ ดีค่ะ” พวกผมยกมือไว้พี่เขาตามมารยาท 

     “มีอะไรให้รับใช้พี่” ผมถาม

     “พี่นะไม่มีหรอก พารอทมาหาหลานนะ” ผมหันมองตามพี่เขาบอก นี่นะเหรอ ท่านอาของไอ้แฝดนรก ยังเรียนอยู่เลย แถวยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวขนาดนี้

     "คุณอาดูยังไม่แก่เลยเนอะ" ผมเผลอพูดไปตามที่คิด "เอิ่ม ขอโทษครับ"

     “เหอะๆ มันอายุเยอะกว่าที่เห็นนะ จริงไหมลุง” พี่โยตอบคนถูกพาดพิงก็แค่ยิ้มรับ ก่อนจะหันไปคุยอะไรบางอย่างกับหลายชาย พร้อมเอาเอกสารชุดหนึ่งใหเรอ่าน คือผมก็อยากเสือกนะว่าคุยอะไรกัน แต่ฟังไม่ออกอะ อังกฤษจ๋ามาเลย คงเป็นเรื่องงานนักล่าของมันละมั้ง แต่ดูจากสีหน้าเรรคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ 

     เรหันมามองด้วยสายตาวิตก ชวนให้ร้อน ๆ หนาว ๆ ว่าเกี่ยวอะไรกับผมหรือเปล่า ยิ่งทำให้อยากรู้ยิ่งขึ้น 

     ผมควรถามมันไหม? หรือมันเป็นการก้าวก่ายมากไป เอาเถอะ ถ้าเรอยากบอกคงบอกเองละมั้ง


     เรมันเงียบ เอ่อ...ปกติมันก็ไม่พูดอยู่แล้วนี่ คือจะให้อธิบายยังไงดีละ...เอ่อ มันดูนิ่งกว่าปกติเหมือนมีเรื่องให้คิดตลอดเวลา ตั้งแต่กลับจากมหาลัยมา มันก็เอาแต่นั่งอยู่หน้าคอมค้นนู่นหานี่ ส่วนเรนกลับมาก็ป่วนผมเลยครับ ท้าผมดวลวินนิ่งจนล่วงเลยไปถึงมื้อเย็น

     หลังจากวันนั้นสองแฝดก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านตอนกลางคืน เรนบอกว่าพวกมันกำลังตามคดีใหญ่อยู่ บางทีมันก็กลับมาดึก ๆ บางทีก็กลับเช้า บางทีก็หายไปเลย 

     วันเสาร์ผมอยู่คนเดียวที่คอนโด เพราะสองแฝดออกไปตั้งแต่เย็นวันศุกร์ นั่งว่างการบ้านไม่มีเลยหอบผ้ามาซัก ปกติจะมีแม่บ้านมาทำให้สองครั้งต่อสัปดาห์แต่วันนี้คึก ผมล้วงตามกระเป๋าเสื้อผ้าเผื่อมีเศษเหรียญจะได้ไม่ไปขูดเครื่อง พลันล้วงไปเจอกระดาษใบเล็กในกระเป๋ากางเกงเร 

     ลินดา 097-854xxxx 

     กระดาษใบนั้นจดเบอร์ของใครบางคน ที่รู้ว่าเป็นผู้หญิงเพราะบนนั้นมีรอยลิปสติกสีสดที่เจ้าตัวประทับไว้ เป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้หญิงเขาหาเรบ้างในบางครั้ง แต่มันก็ไม่เคยตอบรับหรือสนใจ  จึงแปลกมากที่มันเก็บกระดาษแผ่นนี้ไว้

     มันอาจจะรับ ๆ มาตัดรำคาญก็ได้

     "เอ้อ คืนนี้นอนคนเดียวนะ พวกกูต้องออกไปทำงาน" แฝดน้องบอกตอนกินข้าวเย็นด้วยกัน

     "ไปทั้งคืนเลยเหรอ" ผมถาม รู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองไม่ปกติ

     "มีอะไรหรือเปล่า" เรถาม ผมเลยส่ายหัวแล้วกินข้าวต่อ อยากจะถามเรื่องกระดาษนั่นแต่จู่ ๆ ก็ไม่กล้า พยายามมองในแง่ดีแต่มันไม่ง่ายเลย

     ระหว่างที่สองพี่น้องไปเตรียมตัวทำภารกิจ ผมก็จัดการเก็บกวาดโต๊ะ พร้อมล้างถ้วยล้างจานให้เรียบร้อย มาอาศัยเขาเลยต้องทำตนให้เป็นประโยชน์ 

     ผมนั่งดูทีวีพลางกินไอติม โทรศัพท์ของเรที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะสั่น โดยปกติคงไม่สนใจ แต่วันนี้สองมือกับหยิบมันขึ้นมาดู

     ...ลินดา...

     ชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอทำให้สมองมันตื้อไปหมด ผมวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ผมไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ไม่เคยต้องหวาดระแวงใครจึงไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง 

     "เร มีคนโทรมา" ผมบอกเจ้าของเครื่องที่เดินออกมาจากห้องหลังแต่งตัวเสร็จ มันหยิบโทรศัพท์มาดูก่อนจะเดินออกไปคุยตรงระเบียง

     การที่คนเราจะคบกันความไว้ใจคือสิ่งสำคัญ ผมต้องไว้ใจเรทั้งที่คิดแบบนั้นแต่ทำไมถึงรู้สึกแย่มากเลย

     "มีน"

     "ฮะ" ผมหันไปจึงเห็นว่าแฝดน้องนั่งอยู่ข้างกัน

     "ไอติมละลายหมดแล้ว" ผมมองไอติมในถ้วยที่ตอนนี้กลายเป็นน้ำก่อนหันไปยิ้มให้มัน

     "อ้อ กูดูเพลินไปหน่อยลืมกิน"

     "ไปแล้วนะ" เรบอกพลางจูบหนาผากผมไปที ส่วนเรนก็ลูบหัวผมก่อนเดินตามพี่มันไป

     "ระวังด้วยมึง" ผมตะโกนตามหลัง 

     ที่ผ่านมาผมมองว่างานนักล่าเป็นอะไรที่โคตรเท่ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกห่วง แม้มันทั้งคู่จะเก่ง แต่ก็กลัวพลาด กลัวเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น อมนุษย์ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน เราต่างเจ็บได้และตายเป็น

ทั้งที่คิดว่าคงได้นอนเฝ้าห้องคนเดียวกลับโดนพวกพี่ตั้มลากออกมาสังสรรค์ที่ผับแถวมหาวิทยาลัย พี่แกจะเลี้ยงไถ่โทษที่ผมตกสะพาน ของฟรีมีหรือจะพลาด ออกไปเจอเพื่อนเผื่อจะหายฟุ้งซ่าน นอกจากผมยังมีแก๊งสามช่า ก้อง กร และภูผา ส่วนเจ๊ดานั้นวันนี้เป็นกุลสตรีครับ ไม่เที่ยวกลางคืน 

     "ผัวไม่มาเหรอ" ไอ้เตี้ยกรแซว

     "ออกไปธุระกับน้องมัน"

     "จริงเหรอมันอาจไปหลีสาวก็ได้ แค่ตอแหลมึงไปงั้น" มันยังเสี้ยมต่อ ถ้ามันรู้ว่าสองพี่น้องทำงานอะไรคงไม่พูดแบบนี้

     "พี่ หวัดดี" พวกพี่ตั้มแอนด์เดอะแก๊งยกมือทักทาย

     "มา ๆ ไอ้น้องรัก มาให้พี่ตั้มกอดปลอบขวัญหน่อย" ว่าแล้วพี่แกก็ลากคอผมไปล๊อคเลยครับ กลิ่นเหล้านี่หึ่ง เมาแต่หัววันเลยพี่กู...ร่ำสุราพากันแดนซ์ สาว ๆ แต่ละคนนี่แบบนุ่งน้อยห่มน้อยจนอย่างจะบอกพวกเธอว่า ถอดเถอะจ๊ะ พี่ขี้เกียจลุ้น 

     ตอนกำลังคุยกับพวกรุ่นพี่อย่างออกรส ภูผามันสะกิดพลางชี้นิ้วนำผมจึงมองตาม

     "ไหนว่ามันไปธุระกันวะ" ก้องบ่น ผมถึงกับสะอึกกับสิ่งที่เห็น

     ตรงที่นั่งโซนวีไอพีแฝดนรกกำลังหัวเราะต่อกระซิกกับสาวสวยที่รุมล้อม คำถามมากมายผุดขึ้นให้หัวจนหน่วงไปหมด 

     ไหนว่าไปทำงาน พอเรนหันมาเห็นผมมันดูตกใจก่อนสะกินให้พี่มันมองตาม ผมจ้องทั้งสองอยู่แบบนั้นโดยเฉพาะเร ดวงตาสีน้ำเงินมองผมนิ่ง ๆ ชวนให้อึดอัด ลุ้นว่ามันจะทำยังไง เดินมาหา มาทักทาย แต่ก็ไม่ มันหันกลับไปราวกับไม่เห็นผมอยู่ตรงนี้

     ....ทำไม!? 

     ผมรู้สึกหน้าชา อยากรู้ว่าทำไมพวกมันถึงมาที่นี่ ผู้หญิงรอบ ๆ ตัวนี่เรียกงานใช่ไหม แต่ผมไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปถาม ท่าทีเฉยชาของเรทำให้ผมลังเล...ว่าผมยังมีสิทธินั้นไหม 

     "เอาไงวะ" ภูผาถาม 

     ...เอาไง...ผมไม่รู้ ได้แต่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา

     "พากูกลับที" ผมตอบเสียงเครือ รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมา ไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้ ในที่ที่เรมองเห็นแต่ไม่สนใจ

     มันต่างจากตอนเจอพะแพงควงพี่น๊อตต่อหน้า เพราะตอนนั้นเราห่างกันแล้ว แต่กับเรตั้งแต่เราเริ่มเปิดใจให้กันก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทำอะไรร่วมกันตลอด ผลกระทบต่อจิตใจจึงมากกว่า

     "กลับคอนโด?" 

     "เปล่า...กลับห้องกู" เพื่อนทั้งสามพยักหน้ารับก่อนจัดการล่ำลารุ่นพี่ เจ้าภาพอย่างพี่ตั้มโวยวายเล็กน้อยที่ผมกลับไว แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของผมแกเลยยอมแต่โดยดี 

     อา...คิดถึงห้องนี้จัง ผมไม่ได้นอนหอตัวเองมาเกือบเดือน โชคดีที่ปิดประตูหน้าต่างหมดฝุ่นจึงไม่เยอะ ไอ้สามเกลอเสนอตัวจะอยู่เป็นเพื่อนแต่โดนไล่กลับ ผมไม่ใช่ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องฟูมฟาย เวลาไม่สบายใจก็แค่อยู่เงียบ ๆ คนเดียว

     ถึงจะห้ามตัวเองไม่ให้ตัดสินในสิ่งที่เห็น ไว้ค่อยถามเจ้าตัวตรง ๆ อีกทีดีกว่า...แต่ว่ามันก็ชัดแล้วนิ ถูกเมินใส่ขนาดนั้น จะถามไปทำไม

     "บ้าเอ๊ย...!" ผมสบถเมื่อความคิดด้านลบเล่นเข้ามาในหัว หรือตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเรกับเรนออกไปเจอผู้หญิงพวกนั้น แล้วผมละ มันเบื่อแล้วเหรอ หรือว่าเห็นเป็นแค่ของเล่น

     ทำไมน้ำตามันไหล ทำไมหัวใจมันเจ็บเหมือนถูกบีบ แม้ไม่ชอบทำตัวอ่อนแอแต่คราวนี้ผมขอยอมแพ้และไม่ฝืนตัวเองอีกต่อไป 

     ผมนอนร้องไห้เงียบ ๆ อยู่บนเตียง เพราะฤทธิ์เหล้าและความอ่อนล้าไม่นานก็ผลอยหลับไป

     แกรก!! เสียงบางอย่างดังมาจากระเบียงปลุกผมขึ้นมาตอนรุ่งสาง มีคนกำลังพยายามเปิดประตูเข้ามา...หรือว่าจะเป็นโจร!? คิดได้แบบนั้นผมจึงรีบก้าวลงเตียงรูดผ้าม่านออกเพื่อให้เห็นบุคคลที่อยู่หลังกระจกนั้น

     "เร!!!" ไอ้เราก็ลืมคิดไปห้องอยู่ตั้งชั้นห้าโจรที่ไหนจะบ้าปีนขึ้นมา 

     ทั้งที่คิดจะเดินหนีแต่พอเห็นสภาพอิดโรยกับเนื้อตัวมอมแมมของมัน ผมกลับทำในสิ่งตรงข้าม ทันทีที่ประตูกระจกเปิดออกร่างสูงก็รวบผมเข้าไปกอดไว้แน่นจนได้กลิ่นเลือดจากตัวมัน 

     "อย่าหายไปไหนโดยไม่บอกอีก" เสียงของเรสั่น รับรู้ถึงหัวใจของมันที่กำลังเต้นรัว "กูกลัว...ว่าใครจะเอามีนไป" ดูจากสีหน้าท่าทางแล้ว บอกเลยว่าโกรธไม่ลงแม้เมื่อคืนผมต้องนอนร้องไห้เพราะมันก็ตาม

     "เฮ้ย!!!! มึงเลือดออก" ผมร้องลั่นเมื่อผละออกมาจากอ้อมแขนมัน คาบเลือดเลอะเต็มเสื้อผมเลยครับ มองสำรวจคนตรงหน้าชัด ๆ ทำเอาใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อกลางอกเป็นรอยเล็บบาดลึกจนเสื้อขาด แถมตามแขนยังมีรอบช้ำอีกมากมาย

     "ไม่เป็นไร"" ใบหน้าคมที่ยิ้มตอบ แต่มันดูเหนื่อยบอกให้รู้ว่าฝืนตัวเองแค่ไหน 

     "ไม่เป็นไรบ้านมึงสิ เลือดออกขนาดนี้" ผมร้อนรน ไอ้ที่โกรธเคืองกันช่างมันก่อนเถอะ "หาหมอ ไปโรงพยาบาล กูพาไป อื้อ" เรดึงผมไปจูบ ก่อนเดินไปล้มตัวนอนนิ่งอยู่บนเตียง

     "พักซักหน่อยก็หาย" คนเจ็บบอกก่อนจะหลับตาลง ผมมองบาดแผลตามร่างใหญ่ที่ค่อย ๆ สมานตัวเองได้จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก 

     นั่งมึนอยู่พักใหญ่ว่าจะทำอะไรต่อจึงจัดแจงถอดเสื้อขาด ๆ ของมันทิ้งตามด้วยกางเกงยีน จนเหลือแต่บ๊อกเซอร์แล้วลุกไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ สองมือกดซับไปตามร่างกำยำนั้นอย่างเบามือเพราะกลัวทำมันเจ็บ

     ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มสว่างเลยคิดว่าคงไม่นอนต่อจึงอาบน้ำอาบท่าแล้วออกไปหาซื้อข้าวมาไว้ ผมไม่รู้ว่าอมนุษย์ต้องกินยาไหมแต่ก็ซื้อยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบติดมาด้วย กลับมาที่ห้องเรยังคงหลับอยู่แบบนั้น แผลตามตัวมันหายไปหมดแล้วครับแต่ยังทิ้งรอยแดงช้ำเอาไว้ เดาว่าภายในยังไม่ฟื้นตัวดี

     ผมนั่งบนเตียงฝั่งที่ว่างพลางเล่นโทรศัพท์ ความหวาดระแวงไม่เคยทำให้ใครมีความสุขหรอกครับ ผ่านมาแค่ช่วงสั้น ๆ ผมยังฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้ ใจจริงผมไม่อยากอยู่ใกล้เรนักแต่จะให้ทิ้งมันไว้ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

     "มีน" คนที่คิดว่าหลับอยู่ลืมตามามอง เรขยับเข้าหาก่อนจะหนุนตักผมต่างหมอน   

     "เรื่องเมื่อคืน ขอโทษนะ" ผมหยุดเล่นโทรศัพท์วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แต่ยังคงเงียบรอฟังว่าเรจะพูดอะไร

     "มันเป็นแผน ผู้หญิงพวกนั้นเป็นเด็กของคนที่เป็นเป้าหมาย เลยต้องเข้าไปตีสนิท พวกเราเห็นมีนแต่ถ้าลุกหนีงานก็พัง รู้ว่ามีนต้องโกรธมาก ๆ ขอโทษนะ ขอโทษ" ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นเต็มเปลี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด เรดึงมือผมไปกุมไว้แนบอก

      "ผู้หญิงที่ชื่อลินดานั่นก็ใช่?" เรพยักหน้ารับ "กูเห็นกระดาษที่จดเบอร์ในกระเป๋ายีนส์มึง เห็นเขาโทรหามึง กู...ไม่ได้ตังใจระแวงมึงนะ" ผมบอก สายตาเหม่อมองออกไปนอกระเบียง

     "กูผิดเอง เพราะไม่ได้บอกอะไร มีนเลยคิดมากไปเอง" เมื่อมองดูบาดแผลมากมาย ถึงเลือดจะหยุดไหลถึงมันจะหายเองได้ แต่มันต้องเจ็บมากแน่ ๆ เรไม่สนใจสภาพตัวเองด้วยซ้ำ กลับตามหาผมจนเจอ 

     "กูสำคัญขนาดที่มึงไม่รักตัวเองเลยหรือไง" ผมถามเสียงเครือ ขอบตาร้อนผ่าว

     "ก็รักมีนมากกว่า" ...เว่อ!!!!! คำตอบที่ได้รับทำเอาผมร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ด้วยความซาบซึ้ง นอกจากป๋ายังไม่เคยมีใครบอกรักผมเลย 

     เรยิ้มกว้างพลางเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้แล้วดึงผมลงไปนอนกอดก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาถ่ายทอดทุกความรู้สึกผ่านจูบนั้น

     "ดีกันนะ ที่รัก" มันกระซิบชิดริมฝีปาก

     "อืม" ผมตอบได้แค่นั้น เพราะกำลังเขินหนักมาก ร้อนไปทั้งตัวทั้งหน้า งือ...ช่วยด้วยน้องมีนจะตายแล้ว   

     เรยิ้มชอบใจไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหน้าผมแดงแค่ไหน มันจูบไปทั่วหน้าก่อนมาจบที่ริมฝีปากอีกครั้ง ความรู้สึกของสองเราถูกส่งผ่านรสจูบอ่อนหวาน เอาเป็นว่าผมรักมันเข้าแล้วแต่ไม่บอกหรอก เดี๋ยวได้ใจ

     "พอเลย...ยังเจ็บอยู่แท้ ๆ" ผมผละออกจากตัวเร เมื่อมือกร้านเริ่มเลื้อยเข้าสาบเสื้อ เกือบเคลิ้มแล้วไหมละ ใบหน้าคมดูขัดใจเต็มทน 

     "ตามหลัก ง้อกันเสร็จก็ต้องทำกันต่อนิ" หลักการบ้าบออะไรของมันเนี่ย

     "พักผ่อนเลย...เดี๋ยวไม่หาย ไม่งั้นกูจะหนีไปให้ไกล เอาแบบที่มึงตามไม่เจอเลย" ผมขู่

     "งั้น ถ้าหายจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม" เรยิ้มร้าย พลางเกลี่ยเบา ๆ ที่แก้มผม ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายจนต้องหลบสายตาเจ้าเล่ห์นั้นด้วยใบหน้าร้อนผ่าว

     ...ในหัวมีแต่เรื่องนั้นหรือไงวะ...ปกติเรไม่ค่อยพูด แต่ทีเรื่องแบบนี้ต่อล้อต่อเถียงดีนัก แต่ถ้าผมไม่ตอบมันคงไม่ยอมนอน...งั้นก็

     "อืม เอาที่มึงสบายใจเถอะ"



     วันจันทร์เรไม่ได้มาเรียนด้วยกัน ผมบอกให้พักมันเลยฝากใบรับรองแพทย์ไปให้อาจารย์ แต่ถึงพวกมันจะขาดจะลาแค่ไหนก็ไม่โดนไล่ออกหรอกตราบใดที่ยังสอบผ่าน เพราะทางสภากลางช่วยจัดการเรื่องเวลากับทางมหาวิทยาลัยได้

     "สรุปเมื่อวันเสาร์เป็นยังไง" ผมโดนเจ๊ดาลากมาเค้นคอก่อนกลับบ้าน วันนี้มีเรียนครับ เมื่อวานก็อยู่เป็นหมอนข้างให้เรกอดทั้งวัน

     "คุยกันแล้ว มันเป็นงาน" ผมบอกแต่เล่าหมดไม่ได้

     "มึงนี่ เขาบอกงานก็เชื่อเหรอ งานแบบไหนยะ ไปนั่งนัวกับผู้หญิง ถ้าเป็นกูนะเดินไปจิกหัวตบตรงนั้นแล้ว มึงนี่ทำตัวเป็นนางเอกกลับห้องร้องไห้เฉย" เจ๊ดาโวยวาย ชักสงสัยแล้วสิว่าผัวใคร ดูเจ๊มันแค้นเคืองแทนผมเหลือเกิน คงเพราะพวกแก๊งสามช่ามาเล่าให้ฟังละมั้ง

     "เอาเป็นว่ากูรู้ว่ามันทำงานอะไร แต่บอกไม่ได้เข้าใจไหม งานของที่บ้านมัน" 

     "มึงไม่ได้แก้ตัวแทนมันใช่ไหม" กรย้ำ ผมส่ายหน้ายิก "โอเคกูเชื่อมึงก็ได้ แต่ถ้ามีแบบนี้อีกต่อให้มึงยอมให้อภัยแต่พวกกูยากบอกเลย" ถึงพวกมันจะชอบด่าผม แต่เวลาแบบนี้เพื่อนมันก็รักผมมาก ดูอย่างตอนพะแพงสิ เจ๊ดาเกือบตามไปขย้ำถ้าไม่ห้ามไว้

     "แล้วนี่ผัวมึงไปไหน"

     "ช้ำในเจ๊ โดนตีนมา นอนอยู่ห้อง จะตามไปดูไหม" พวกมันทำหน้าคิดก่อนจะปฏิเสธแล้วเราทั้งหมดก็แยกย้าย 

     เรนไลน์มาบอกให้ผมดูพี่แทนส่วนตัวมันจะเข้าไปเคลียรายงานเรื่องคดีที่สภากลาง ผมละอยากรู้จริง ๆ ไอ้ตึกสภากลางที่ว่าเนี่ยข้างในจะเป็นแบบไหนนะ เดินเข้าไปจะมีตัวประหลาดเพ่นพ่านไปมาแบบมอนสเตอน์อินซ์(Monster inc)หรือเปล่า ก่อนกลับหอผมแวะซื้อข้าวหมูกรอบไปสามห่อเผื่อไอ้ท่อนไม้ของผมด้วยและน้องมัน

..................

ช่วงงานหนังสือเราอาจจะวุ่น ๆ หน่อยนะคะ ต้องไปดูเขาจัดบูท กับไปเก็บข้อมูลงาน

สำหรับใครที่สนใจ สามารถอุดหนุนงานเราได้ในงานหนังสือ ที่บูท Bakery Y20 และ Bliss O01 Zone C
เขียนเอง วาดปกทำเล่มเอง ปกแข็งปั้มเงินอย่างดีค่ะ
ปล.เป็นเรื่องของอารอทกับโยนาห์ หากอยากรู้เรื่องราวของสภากลางและซาโตนี่ รวมไปถึงความเป็นมาของตระกูลใหญ่ อ่านเล่มนี้จะเข้าใจได้มากขึ้นค่ะ

(http://www.mx7.com/i/1b7/XDrBbk.jpg) (http://www.mx7.com/view2/AbidnSuGKxiYVcuW)
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่13 P2 18/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 18-10-2017 17:35:54
​บทที่ 13

Amun-Ra Say 

     ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาผมติดตามเครือข่ายย่อยของซาโตนี่กลุ่มหนึ่ง ที่พักนี้ชักเข้ามามีอิทธิในเขตชาญเมืองมากไป 

     พวกมันเปลี่ยนมนุษย์ที่เข้าแก้งให้กลายเป็นพวกส่งผลให้บางรายที่ควบคุมตัวเองไม่ได้กลายเป็นบีส อีกทั้งยังสังเก็บพวกที่ขัดผลประโยชน์ไปหลายราย เหตุการณ์เหล่านี้ การทำแบบนี้ทำให้เสี่ยงที่ตัวตนของอมนุษย์จะถูกเปิดเผย จึงต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นตัวนำ

     เรารู้มาว่าหมอนั่นเลี้ยงเด็กไว้กลุ่มหนึ่ง เป็นเด็กมหาวิทยาลัยเดียวกันเลยเริ่มเข้าหาพวกมันทางนั้น ถ้าเป็นแต่ก่อนผมนอนกับพวกเธอยังได้เพื่อข้อมูลแต่ตอนนี้ไม่ใช่ ผมมีเจ้าของแล้วและก็แคร์มากด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่อยากบอกมีน เป็นคุณจะโอเคไหมถ้าแฟนตัวเองต้องไปควงคนอื่นถึงนั่นจะเป็นงานก็ตาม 

     คืนวันเสาร์ผมไม่คิดว่าจะเจอมีนที่ผับ ลุ้นอยู่เหมือนกันว่ามันจะเข้ามาอาละวาดไหม แต่ก็เปล่าจึงคิดว่ากลับบ้านค่อยอธิบายให้มันฟังแต่ละหว่างนั้นบอกตามตรงผมโฟกัสกับงานแทบไม่ได้ โชคดีที่พวกเพื่อนพามีนกลับไปก่อน แผนจึงดำเนินต่อไป เราตามไปจนเจอที่ซ่อนของเป้าหมายจึงเกิดการปะทะ พวกมันมีมากกว่าที่คิด กว่ากำลังเสริมจะมาผมก็เจ็บไม่น้อย 

     เป้าหมายถูกจับและผมก็บาดเจ็บส่วนเรนไม่เป็นอะไรมากเพราะมันถูกสั่งให้สังเกตุการอยู่ข้างนอก อย่างที่เคยบอกผมไม่ชอบให้น้องไปเสี่ยง

     (พี่ไปทำแผลก่อนไหม) เรนว่าพลางมองสภาพผม

     (ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หาย ตอนนี้อยากกลับไปหามีน) ผมบอก ก่อนออกจากบ้าน มีนมีท่าทีแปลกไปผมสังเกตุได้ยิ่งรวมกับที่มาเจอกันที่ผับไม่รู้ตอนนี้จะคิดมากไปถึงไหน

     (งั้นรีบไปเหอะ ทางทีเดี๋ยวจัดการเอง)

     ตอนกลับมาคอนโดไม่เจอใคร ทำเอาผมตกใจไม่น้อย เพราะเผ่าพันธุ์ที่มีนเป็นนั้นเสี่ยงต่อการถูกล่าผมเลยกลัวไปหมด กลัวจะถูกจู่โจม กลัวจะถูกลักพาตัว ผมร้อนใจออกตามหาวนรถกลับมาที่ผับ วนหาตลาดโต้รุ่งแถวนั้นก็ไม่เจอเลยตัดสินใจไปดูที่หอของเจ้าตัวก็พบว่ามีนอยู่ที่นั่น

     สภาพมีนตอนเปิดประตูระเบียงให้ทำเอาผมใจหาย ขอบตามันแดงมากเหมือนคนที่ร้องไห้มาอย่างหนัก มีนไม่โวยวาย ไม่ด่าไม่ว่า
ซ้ำยังเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของผม จนผมเองไม่รู้จะทำตัวยังไงแต่ก็โล่งใจที่มันปลอดภัย 

     พอใจสบายร่างกายก็เริ่มประท้วง จะว่าไปผมเสียเลือดไปมากแถมไม่คิดจะห้ามมันจึงขอพักก่อน ก่อนที่จะหลับผมรับรู้ได้ว่ามีนคอยเช็ดตัวและทำแผลให้ ผมอยากจะลืมตามองก็ทำไม่ไหว กว่าจะได้สติก็สายของอีกวัน

     เราปรับความเข้าใจกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผมได้รู้ว่ามีนระแคะระคายเรื่องที่ต้องแกล้งคบผู้หญิงพวกนั้นมาก่อนแล้ว ยิ่งไปเจอผมที่ผับในสภาพนั้นมันยิ่งทำให้เข้าใจผิด ผมเป็นผู้ชายที่แย่ชะมัด คิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่เป็นไรค่อยเคลียทีหลัง โดยหารู้ไม่ว่าเวลาที่ปล่อยผ่านไปมันทำให้คนที่รักเสียใจมากขึ้นในทุกนาที

     วันนี้มีนไปเรียนคนเดียวครับส่วนผมอยากพัก เอ่อ ที่จริงก็ขีเกียจเล็กน้อยเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาแทบไม่ได้นอนเลย แต่ก็แวะไปส่งที่ตึกเรียนเมื่อเช้า ผมจอดรถทิ้งไว้พอกลับมาก็มีซองเอกสารสีน้ำตาลแนบไว้กับที่ปัดน้ำฝนตรงกระจกหน้า

     ผมเปิดซองนั้นออกมาดู ในนั้นเต็มไปด้วยรูปถ่ายของมีน ในสถานที่และอิริยาบทต่าง ๆ ยิ่งดูยิ่งร้อนใจเพราะเหมือนคนถ่ายตามมีนไปทุกที แถมบางรูปยังมีผมอยู่ในนั้น อะไรกันผมไม่รู้ตัวเลย เจ้านั่นคงมีฝีมือไม่น้อย

      มีกระดาษใบหนึ่งแนบมาด้วยในซองนั้น มันถูกเขียนไว้ว่า

     ...หวังว่าเธอคงจำข้อเสนอที่คุยกันไว้ได้ อย่าให้ฉันต้องใช้ไม้แข็ง ...

     ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนรวบทุกสิ่งทุกอย่างใส่เข้าไปในซองดังเดิม สองมือเผลอกำมันแน่นจนซองกระดาษยับยู่ยี่ ทั้งที่คิดว่าพวกมันถอดใจไปแล้วแท้ ๆ 

     เวรุกา เธอเป็นหัวหน้ากลุ่มย่อยของซาโตนี่ จะว่าไปก็ไม่ขึ้นตรงกับซาโตนี่นักเพราะสิ่งที่เธอทำล้วนมุ่งเน้นผลประโยชน์ให้ตนเองแต่ใช้ชื่อขององค์กรนั้นคุ้มกะลาหัว 

     เธอเริ่มติดต่อมาหาผมและน้องเมื่อหลายเดือนก่อนให้ช่วยสร้างประตูนรกให้ โดยยื่นข้อเสนอเป็นเงินจำนวนมหาศาลแต่ผมปฎิเสธไป เพราะหากผมสร้างประตูนรกให้ มันอาจถูกใช้ไปในทางไม่ดี คิดดูสิหากมีวิญญาณร้ายถูกอันเชิญกลับขึ้นมาบนโลกจะวุ่นวายแค่ไหน ในเคสที่แย่ที่สุดอาจมีคนคิดเชิญลูซิเฟอร์ขึ้นมาอีกก็ได้

     ที่ผ่านมาเวรุกาพยายามรักษาระยะกับพวกเรา ส่วนหนึ่งเพราะเราทั้งคู่ถือว่าเป็นคนของซานซิโอ และเธอรู้ดีว่าทั้งผมและเรนหากถูกบีบให้จนตรอกก็กล้าที่จะตายมากกว่าจะทำในสิ่งที่เธอต้องการ แต่วันนี้ผมมีคนสำคัญเพิ่มขึ้นมาก็คือมีน เงือกน้อยของผมเลยตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน

      ผมกลับมาที่คอนโดด้วยอารมณ์ขุ่นมัวถึงขีดสุด พยายามคิดหาหนทางปกป้องคนใกล้ตัว แต่ที่แน่ ๆ ผมต้องกำจัดตัวต้นเรื่องอย่างเวรุกาให้ได้

 

Mussaya Say
 

     "เป็นไงมั่ง" ผมโผล่หน้าเข้ามาในห้องแต่เรไม่อยู่ที่เตียง กลิ่นบุหรี่ลอยจากระเบียงบอกให้รู้ว่ามันสิงอยู่ตรงนั้น เรใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแสดงว่ามันอาบน้ำแล้ว ร่างสูงยืนพ่นควันทำตัวชิวอยู่แต่พอเห็นผมมันก็ดับบุหรี่โยนทิ้งทันที

     "มึงสูบด้วยเหรอ" มันพยักหน้ารับ "กูไม่เคยเห็นเลย"

     "เวลาเครียด"

     "เรื่องอะไรสนใจระบายให้ฟังไหม" ผมถามพลางเอนหลังพิงระเบียงข้าง ๆ แต่มันก็ยังนิ่ง 

     "เรื่องเก่า ไม่มีอะไรหรอก"

     "กูสำคัญกับมึงหรือเปล่า" มันพยักหน้ารับ

     "มึงก็สำคัญกับกูเหมือนกัน เพราะงั้น เล่าให้กูฟังบ้าง แบ่งมาบ้างปัญหาของมึงนะ ถึงช่วยอะไรไม่ได้ แค่รับฟังเป็นที่ปรึกษาให้ก็ยังดี" ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินนั่นหวังว่ามันคงเห็นความจริงใจของผม 

     เมื่อดูทีท่ามันคงไม่พูดอะไรผมจึงตัดสินใจเดินหลบออกมาปล่อยมันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยของมันไป 

     คือ...แอบน้อยใจนะ ไม่ว่าจะในสถานะเพื่อนหรือคนรัก มันก็ยังไม่บอกอะไรผมเช่นเคย ขี้เกียจจะเดา...ผมไม่ใช่เรเวน ไม่มีญาณหยั่งรู้ มันคิดว่ามันแก้ปัญหาทุกอย่างได้ แต่คนที่เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ แบบผมก็อดห่วงมันไม่ได้ทุกที 

     ผมแกะข้าวใส่จานให้เราทั้งคู่ พลันรู้สึกถึงวงแขนแกร่งที่โอบกอดผมจากด้านหลัง เรเอาคางเกยไหล่ ลมหายใจร้อนเป่ารดข้างแก้มชวนให้ประหม่าอย่างห้ามไม่อยู่

     "งอน?" เสียงทุ้มกระซิบถาม มือทั้งสองยังแกะถุงกับข้าวต่อไม่สนใจคำถามนั้น "มีน..." ผมเงียบ ให้มันรู้ซะบ้างว่าผมรู้สึกยังไง 

     "มีน...เป็นไร" ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนมัน ว่าแต่มึงจะกอดกูอีกนานไหม จะเอาขยะไปทิ้งเนี่ย...! 

     "อย่างอลนะ" ไม่ต้องมาอ้อนเลย ไม่ใจอ่อนหรอก

     ฟอด...แล้วมันก็หันมาเล่นงานแก้มผมแทน...เริ่มเสียศูนย์แล้วทำไงดีวะ

     ฟอด...มึงจะหอมอะไรเยอะแยะ พยายามเอี้ยวตัวหลบแต่ไร้ผลเมื่อมันล๊อคไว้อย่างนี้

     ฟอด...ช้ำ...แก้มกูช้ำหมดแล้ว

     ฟอด...เขินโว้ย!!!! พอกันที

     "ไอ้เหี้ยเร!!!" ผมหันไปว๊ากใส่มัน ไม่ต้องสาธยายว่าหน้าผมแดงแค่ไหน ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่

     "ครับ...ที่รัก" มันทำสายตาวิบวับใส่ โอยยย ไอ้มีนลาตายแปป

     "มึงจะเอายังไง"

     "ยังไงก็ได้ ได้ทุกท่า" คนหล่อยิ้มร้าย ในหัวมึงมีแต่เรื่องนี้หรือไงวะ

     "สัด ทะลึ่งแล้ว ให้เล่าก็ไม่เล่า แล้วยังจะมากวนตีนกูอีก ปล่อย!!! จะแดกไหมข้าวอะ" ผมบ่น มันยอมปล่อยแต่โดยดี ก่อนที่เราทั้งคู่จะทิ้งตัวลงเก้าอี้ตรงข้ามกัน จัดการมื้อเย็นตรงหน้าก่อนที่ไอ้คนกวนตีนกว่าจะถูกไล่ไปล้างจาน

     ผมนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง พร้อมเอนหลังพิงหัวเตียงสบาย ๆ เรที่เพิ่งล้างจานเสร็จพอเข้าห้องมาก็คลานขึ้นเตียงมาหนุ่นตัก 

     ไม่ชอบเลย ที่ถูกทำเหมือนเป็นคนนอกรู้อะไรทีหลัง อย่างเรื่องผู้หญิงพวกนั้นก็ทีนึงแล้ว เลยเลือกที่จะนิ่งไม่ชวนคุยแบบที่เรชอบทำเล่นสงครามประสาทกับแม่งไปเลย 

     "พวกซาโตนี่อยากให้พวกกูเข้าร่วมกับมันเพราะอยากให้กูช่วยสร้าง เฮลเกทให้ เพราะอันเก่าถูกทำลายทิ้งไป" ท้ายที่สุดเรก็ยอมลุกขึ้นนั่งเปิดปากคุยกับผมแต่โดยดี

     "ต้นตระกูลเรเวนสร้างมันขึ้นมา วิธีการถูกถ่ายทอดกันในตระกูลหลัก มันจึงตามยื่นขอเสนอต่าง ๆ ให้กูกับเรน" 

     "แล้วมึงจะทำไหม"

     "ไม่มีทาง แต่มันคงทำทุกวิถีทางให้สร้างสิ่งที่ต้องการให้ได้ ตอนนี้มันอาจพยายามคุยดี ๆ แต่ท้ายที่สุด พวกสารเลวแบบนั้นคงต้องใช้วิธีการสกปรกบังคับกูแน่และสิ่งหนึ่งที่คือกลัวคือการที่มึงถูกดึงไปเอี่ยวด้วย" ผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะงั้นมันถึงเครียดอยู่แบบนี้สินะ

     "กูจะระวังตัวให้มากที่สุด" ผมบอกพลางเอื้อมไปกุมมือมันไว้

     "อย่าอยู่ห่างกู" จริงจังซะเหลือเกิน

     "อืม รู้แล้วน่า"

     "อันนี้ยังห่างไป ต้องชิดแบบนี้" 

     "ฮะ!!" อีกาเจ้าเล่ห์รวบผมขึ้นไปนั่งตักแล้วกอดไว้แน่น มือถือในมือกับแว่นโดนมันกำจัดไปไว้โต๊ะข้างเตียง

     ...ลางไม่ดีอีกแล้วกู...

     ไม่มีสิทธิจะโวยวายเพราะคุณท่านเล่นปิดปากผมเรียบร้อย เรื่องลวนลามขอให้บอก ไอ้ห่าเรผู้นี้ว่องไวยิ่งกว่าใคร 

     เรจับผมนอนราบลงกับเตียง ร่างทั้งร่างถูกมันคร่อมไว้เรียบร้อย ปากร้อนขบเม้มริมฝีปากผมเบา ๆ ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นมาหยอกล้อในปาก จูบเก่งนักใช่ไหม...จูบตอบแม่งเลย 

     ผมลองขบเม้มริมฝีปากนิ่มนั้นบ้าง ไอ้เรยอมล่าถอยอย่างรู้งานให้ผมได้เป็นฝ่ายระรานสอดลิ้นเข้าไปสัมผัสในปากมัน...แม่งโคตรตื่นเต้นเลย ใบหน้าคมเอียงรับขยับนำพารสจูบของเรา มันสอนผมทำตาม กลายเป็นจูบดูดดื่มในบัดดล ลิ้นร้อนตอบรับกันชวนให้หัวหมุนสติเริ่มหลุดมีแต่อารมณ์ล้วน ๆ 

     "พัก แฮกกกก แปบ" ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีที่เป็นอิสระ

     "อือพอ อ๊ะเดี๋ยวยาว" จมูกโด่งซุกไซร้ซอกคอชวนให้จั๊กจี้ ผมดันหน้ามันออก เรถอนหายใจหนัก ๆ อย่างขัดใจ

     "บอกเองนิ ว่าถ้าหายแล้วจะทำอะไรก็ได้" นั่น มีทวง

     "มึงยังจำได้อีก อ๊ะ เร ซี๊ดดดด" ร่างทั้งร่างสะท้านเฮือกเมื่อยอดอกถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว

     "น่า เห็นดิ้นทีไรก็ยอมทุกที นะ นะ ไม่ได้ทำมาสองสามวันแล้ว" ดูมันต่อรอง แล้วเรก็ดึงมือผมไปสัมผัสตรงเป้ากางเกงมัน เนื้อผ้าบาง ๆ ทำให้รู้สึกถึงความแข็งขืนใหญ่โตนั่น ทำเอาหน้าร้อนผ่าวด้วยความกระดากอาย

     "มึงมันหื่น"

     "ไม่สงสารหน่อยเหรอ มันรอมีนมาทั้งวันแล้วนะ" คือปกติมึงไม่เห็นพูดใสกขนาดนี้ แม่ง ไอ้เรเวนขี้เอา

     "ช่วยตัวเองสิวะ" ผมโวยหน้าดำหน้าแดง

     "แล้วจะมีเมียไว้ทำไม" แง้ ไม่มีอะไรจะเถียง 

     "เออ ก็ได้" ยอม ๆ มันไป ไอ้คนมือไวจับผมลอกคราบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์ดีเชียวนะ

     "เรทำไมมึงขยันเรื่องแบบ ซี๊ด อ๊ะ จังวะ" โอยเหนื่อยกว่าจะจบประโยค หลุดครางซะเยอะเมื่อลิ้นร้อนลากผ่านไปตามตัวก่อนจะละเลงยอดอกทั้งสองสลับกันทำเอาผมบิดเร่าด้วยความเสียว มือกร้านลูบไล้ไปทั่วร่างแต่กลับแกล้งละเลยมีนน้อยอย่างจงใจ

     "เพราะมันรู้สึกดี อยากรู้ไหมว่ากูรู้สึกแบบไหน" มันยิ้ม ยิ้มแบบที่ทำให้ผมละลาย

     "จะทำอะไร." ผมเอ่ยถามอย่างหวาด ๆ เมื่อมือกร้านรั้งขาของผมขึ้นพาดบ่าแล้วดึงมือผมไปเลียจนชุ่มก่อนสัมผัสช่องทางเบื้องล่าง มันบังคับให้สอดนิ้วตัวเองเข้าไป รับรู้ถึงความคับแน่นและอ่อนนุ่มในร่างของตน "อ๊า มัน เร กูไม่ทำได้ไหม อื้อ แฮก มัน น่าอาย"

     "ลองดู ออกจะเซ็กซี่" ลองช่วยตัวเองให้คนอื่นดูเนี่ยนะ บ้าไปแล้วววว "ตรงนี้ด้วย" มืออีกข้างถูกดึงไปกอบกุมมีนน้อย ก่อนที่เรจะรั้งให้ผมขยับรูดตามความยาว ซาบซ่านจนครางเครืออย่างทรมาน นัยน์ตาสีน้ำเงินลึกล้ำที่จ้องมากระตุ้นให้ทำตามอย่างเสียไม่ได้

      "อา...ฮะ เร" ครางเองอายเอง ดูมันนั่งเป็นผู้ชม บรรเทิงมากไหม เขินจนร่างจะไหม้อยู่แล้วเนี่ย 

     ภายในกายบีบรัดนิ้วจนชาหนึบ ยิ่งขยับมือปรนเปรอตัวเองเท่าไรอุณหภูมิร่างกายยิ่งพุ่งสูงมากเท่านั้น  ใบหน้าคมทอดมองอย่างหลงใหล ท้าทายให้แสดงออกถึงความอยากแบบลืมผิดชอบชั่วดี 

     กัดปากนิด เลียปากหน่อย ทำตาปรอย ๆ ยั่วมัน ดูซิว่าจะทนดูอยู่แบบนั้นได้นานแค่ไหนน อึดอัดทรมาน ทั้งมือทั้งแขนอ่อนล้าเกินกว่าจะพาตัวเองไปให้สุด ทำได้เพียงสบตาร่างสูงอย่างอ้อนวอน "เร...กูไม่ไหวแล้ว...ช่วย ที" 

      "ด้วยความยินดี" ราวกับนักล่าที่เฝ้ารอ ทันที่ผมออกปากร่างสูงโถมทับพร้อมมอบจูบอันร้อนแรง 

     นิ้วถูกดึงออกก่อนจะแทนที่ด้วยแก่นกายที่สะสมด้วยแรงอารมณ์จนแข็งขืน ท่อนเนื้อร้อนผ่าวที่สอดแทรกเข้ามาถึงเจ็บแต่ก็สร้างความรัญจวนจนแทบครั้ง เผลอจิกข่วนแผ่นอกแกร่งตรงหน้าระบายอารมณ์ 

     "อือ...รัดแน่นจัง"

      "ฮะ อย่าทัก ซี๊ด....อ๊า" แบบไม่ต้องบรรยายได้ไหม เรยิ้มขันพร้อมก้มลงมาจูบก่อนระรานฝากรอยไปทั่ว ร่างสูงเริ่มขยับเอวช้า ๆ แต่หนักหน่วง แถมยังลึกจนโดนจุดกระสันจึงจิกทึ้งหัวมันอย่างลืมตัว "เร...ไว...ไวอีก แฮก ซี๊ด เร็ว"

      "อืม มีน วันนี้โคตรเด็ด" มันชม แต่ผมไม่มีสติจะมาภูมิใจ เมื่อเอวหนากระแทกกระทันจนเสียงเนื้อกระทบกันดังคลอไปกับเสียงครางกระเส่าจนลั่นห้อง ข้างห้องจะด่าผมเปล่าเนี่ย!!!

      ร่างของผมโยกคลอนไปตามแรง เหมือนร่างกายตอบสนองต่อความอยาก ผมคว้าไหล่มันเป็นหลักยึดพลางรั้งตัวขยับรับทุกจังหวะที่มันโถมแรงเข้ามา...เสียวสัด...

      "รักมีนจัง"

      "อืมม...กูก็รัก ฮะ มึง" ในยามปกติคงมัวกระดากอาย ไม่กล้าพูด แต่ตอนนี้สติกระเจิดกระเจิง จิตใจที่แท้จริงจึงตอบกลับไปทันควัน   

      บอกรักกันเวลาแบบนี้ มันควรซึ้งหรือรู้สึกยังไงดี ภายในกายร้อนระอุเจียนระเบิด ทุกสัมผัสทุกจังหวะที่เรมอบให้ทำเอาแทบคลั่ง ทั้งครางทั้งสะอื้นจนลืมอาย รู้สึกถึงตัวตนอีกฝ่ายได้ชัดเจนเพราะภายในตอดรัดถี่เกินควบคุม ความรู้สึกของเราสองถูกปลดปล่อยเมื่อถึงที่สุดของอารมณ์ มันเลาะไปทั่วหน้าท้องของผม ขนาดที่ภายในเต็มตื้นไปด้วยไออุ่นจากอีกคน ตอกย้ำให้รู้ว่าผมเป็นของมัน เราเป็นของกันและกัน

     "ฮะ...เร กูเหนื่อยแล้ว โอ๊ยยยย ซี๊ด" ผมบ่นเสียงแผ่วเมื่อทั้งร่างถูกมันจับพลิกให้คว่ำทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อกันอยู่ ท่อนเนื้อแกร่งครูดช่องทางที่ยังชุ่มทำเอาเสียวจนร้องลั่น

     "ขออีกนะ" มึงจะมานะทำไม แม่งไม่รอคำตอบแต่กลับใส่ไม่ยั้ง จนไม่เหลือจังหวะให้ปฏิเสธอีกต่อไป 

      "แล้วกูจะได้...อ๊ะ อาบ ฮ้า น้ำมั้ย วัน...เชี่ยเร..." พอเลิก พูดไปคงไม่จบประโยค 

       "เดี๋ยวอาบให้ ตอนนี้เป็นเด็กดี อืม อย่าดื้อ" ดื้อพ่องงง...กูจะไปแรงที่ไหนมาดื้อฮะ 

       เรจัดการผมไปอีกหลายรอบ ก็ได้แต่นอนหมดสภาพให้มันกระทำชำเราจนหนำใจ น้องมีนผู้นี้จะตายคาเตียงไหมคืนนี้ 

      ...คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เหมือนไอ้เร...เห็นมันนิ่งๆ เงียบๆ แต่บนเตียงท่วงท่ามาเพียบนะจะบอกให้....

:jul1:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่13 P2 18/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-10-2017 17:49:09
เครียดก็ยังหื่นได้เนอะคนเรา
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่14 P2 23/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 23-10-2017 15:39:06
บทที่ 14

Rain Say

     หากคุณเข้ามาใจกลางกรุงเทพคุณจะเจออะไร รถติดตายห่าและตึกสูงแต่ไม่เสียดฟ้า กับสาวๆ ที่แต่งตัวกันราวกับไปเดินแคทว๊อก หน้าให้นมใหญ่ก็ดีไป หน้าไม่ให้แต่ใจรักนี่สิ เอาเถอะครับผมเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัว ผู้ชายก็เช่นกัน 

     สาเหตุที่ต้องดันด้นฝ่ารถติดมาในวันจันทร์ที่คนทำงานเพราะผมต้องเอารายงานการจับกุมของคืนวันเสาร์มาส่ง เมื่อวานแทนที่จะได้นอนชิว ๆ เขียนรายงานทั้งวัน ตอนตามสืบยังไม่น่าเบื่อเท่านี้เลย

    ใครเล่าจะคิดว่าไอ้ตึกสูงใจกลางเมืองที่ดูภายนอกเหมือนบริษัทต่างชาติแท้จริงแล้วจะเป็นที่ทำการของ SCEC:Security Council of Eternal Clan ของเหล่าอมนุษย์

     สองเท้าพาร่างมายังชั้นรองสุดท้ายของตึก มุ่งสู่ห้องทำงานสุดทางเดินด้านตะวันออก เคาะประตูพอเป็นพิธีก่อนจะเปิดประตูเข้าสู่ห้องทำงานที่ปูด้วยพื้นหินอ่อนดูตัดกันกับโต๊ะหินไทเกอร์อายกลางห้อง นานแล้วที่ผมไม่ได้ย่างเท้าเข้าสู่ที่แห่งนี้ 

     เพราะอะไรนะหรอ...เพราะมันเป็นที่ที่ทำให้หัวใจผมอ่อนแอด้วยความสุขที่เจือไปด้วยความอึดอัด และเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ

     "ท่านอา" ผมปั้นหน้าให้แจ่มใสส่งยิ้มให้เจ้าของห้อง เรือนผมสีน้ำตาลดูตัดกันดีกับดวงตาสีฟ้าใสขับให้บุคคลตรงหน้าดูงดงามราวกับนางฟ้าจากสวรรค์ สง่างามและอ่อนหวาน ไม่ว่ากี่ทีเธอก็ตรึงสายตาของผมได้เสมอ

     "ไงหลานรัก" เสียงหวานเอ่ยทักพร้อมกับร่างบอบบางที่โผเข้ากอดผมแน่น  "หายหน้าหายตาจนอาลืมไปแล้วว่าเรมันมีแฝดอีกคน"

     "แหม...มองหน้าพี่เรก็เหมือนมองผมแหละครับ" ผมแย้ง ระบายรอยยิ้มตอบ

     "แต่เวลากอด มันก็คนละคนนิจ้ะ" ผมรู้ว่าซอนเน่พูดแบบไม่คิดอะไร แต่ผมคิดไง...ใจเต้นไง...แม่งเอ้ย...ผมได้แต่กอดตอบร่างบางนั่นแน่น ซึมซับไออุ่นและกลิ่นหอมอ่อนจากตัวเธอที่มักจะทำให้ผมหลับฝันดีในทุกคืนเมื่อผมยังเล็ก 

     ตอนแรกผมโหยหาอ้อมกอดของเธอเพราะคิดว่าอาคือตัวแทนของแม่ แต่นับวันความรู้สึกของผมยิ่งชัดเจน รู้สึกปั่นป่วนทุกครั้งที่มีใครเข้าใกล้ท่านอา ที่จริงผมก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ซอนเน่ยังไม่แต่งงานทั้งที่อายุปาไปสองร้อยกว่าเพราะลับหลังผมจะกันพวกผู้ชายเหล่านั้นออกไปทุกวิถีทาง 

     สำหรับซอนเน่ ผมเป็นแค่เรนตัวน้อยที่เธอเฝ้ารักและทะนุถนอมดั่งลูก แต่ผมรักเธอแบบที่ชายคนหนึ่งจะรักใครซักคนได้

     ...ใช่เรารักกันแต่ในความหมายที่ต่างกัน มันจึงเป็นความเจ็บปวดที่งดงามในยามนี้...

     "คิดถึงจัง..." อยากจะตบปากตัวเองที่พูดออกไปตรงใจ ใบหน้าสวยแย้มยิ้มก่อนจะหอมแก้มทั้งสองข้างของผมฟอดใหญ่

     ...ตึกตัก...ตึกตัก...ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ดึงคนตรงหน้าเข้ามาจูบ

     "อาก็คิดถึงเราเหมือนกัน" ผมควรจะดีใจใช่ไหม เพราะแบบนี้ผมถึงพยายามเลี่ยงที่จะไม่เจอเธอ เพราะผมกลัวว่าจะคุมตัวเองไม่ได้ ทำอะไรหรือพูดอะไรไปดั่งใจ

     "อ้อ...นี่รายงานเรื่องเมื่อคืนก่อน" พอตั้งหลักได้ก็เข้าเรื่องทันที

     "อ้าว ปกติเรจะเป็นคนเอามาให้นิ" ซอนเน่รับแฟ้มรายงานในมือไปนั่งอ่านที่โซฟาตัวยาวในห้อง "มานี่เร็ว" ก่อนจะตบแปะ ๆ ที่ตัก ผมจึงเดินไปล้มตัวนอนหนุนตักเธออย่างว่าง่าย

     "อ้อ เกิดเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยพี่เรเลยต้องตามไปง้อแฟน ป่านนี้คงนอนกอดแฟนสบายใจเฉิบไปแล้วมั้ง" เมื่อคืนตกใจเหมือนกันที่เจอไอ้มีนในผับ ดูก็รู้ว่ามันเคือง เป็นใครก็ต้องโกรธละครับเห็นแฟนท่ามกลางสาวๆ แล้วก็เป็นไปตามคาดพอกลับไปที่คอนโดไม่เจอใคร พี่เรวิ่งแจ้นหาแฟนมันทั้งคืนโดยไม่สนว่าตัวมันบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ 

     ผมว่าพี่คงรักไอ้มีนมาก เพราะนอกจากผมมันก็ไม่เคยห่วงใครขนาดนี้...อิจฉามันจัง มีคนให้รักให้ห่วง และให้ซั่ม!!! เอ้ย!!! อันหลังไม่ใช่แล้ว

     "อิจฉาพี่หรอ ฮึ!!!" 

     "มากกกกก....อะ" 

     "แล้วเมื่อไหร่เราจะมีแฟนซักที หล่อขนาดนี้ สาว ๆ เสียดายแย่" รอซอนเน่อยู่นี่แหละครับตอบในใจ

     "ไว้หาได้สวยกว่าท่านอาแล้วจะจีบนะ" ผมยิ้มทะเล้นพลางดึงมือนิ่มข้างที่ว่างมาจูบ

     "ปากหวานจริง ไอ้หนูนี่" อย่าเรียกไอ้หนูเลย ผมยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะ

     "เนี่ย พี่เรมันหลงแต่แฟน ไม่สนใจผมแล้ว น้องเรนกลายเป็นหมาหัวเน่าท่านอาต้องรักน้องเรนมาก ๆ นะ อย่าทิ้งผม" ผมอุบาถว์ กับความงอแงของตัวเองชิบ...แต่คนฟังกับหัวเราะถูกใจ

     "อ้อนจังเลยน้า อยากให้รักมาก ๆ ก็มาหาอาบ่อย ๆ สิจ๊ะ" ผมหลับตารับสัมผัสอ่อนโยนจากมือนุ่มที่ลูบหัวผมเบา ๆ  หากเธอรู้ มันจะเป็นยังไงนะ...กลัวเหลือเกิน ว่าจะสูญเสียทุกสิ่งที่ได้รับไป

     "อาดูนี่ คนนี้แฟนพี่เร" ผมเอารูปถ่ายในไลน์ที่พี่ส่งมาเมื่อเช้าให้อาดู

    "น่ารักจัง ดูผิวน้องเขาสิขาวมากเลย" ท่านอาชม "ว่าแต่รูปพวกนี้ให้อาดูทำไมจ๊ะ"

     "เมื่อเช้ามีซองน้ำตาลทิ้งไว้ตรงกระจกรถพี่เร ในนั้นมีรูปมีนเต็มไปหมดเลย กับกระดาษโน๊ตใบหนึ่ง" อาซอนเน่เลื่อนจอโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ จนเจอะภาพถ่ายของกระดาษแผ่นที่ว่า 

     "พวกมันยังไม่เลิกตอแยอีกเหรอ" ใบหน้าสวยดูเคร่งเครียดขึ้นทันใด

     "ที่จริงก็เงียบไปพักใหญ่แล้ว ผมคิดว่าครั้งนี้มันคงคิดใช้มีนต่อรองกับพวกผมแน่" ผมลุกขึ้นนั่งข้างท่านอาก่อนชะโงกหน้าไปดูจอโทรศัพท์บ้าง "ผมอยากให้อาช่วยหาทีว่า เวรุกาเนี่ยเป็นใคร คิดว่าถ้าไม่จัดการที่ตัวหลัก พวกมันคงไม่จบแน่"

     "เรื่องนี้อาจัดการให้ เดี๋ยวอาจะส่งคนของซานซิโอไปคอยคุ้มครองพวกเราจนกว่าจะสืบได้ว่าเวรุกาเป็นใคร ดีไหมจ้ะ" ท่านอาเสนอ ถ้าเป็นเรื่องของเราสองพี่น้องเธอมักจะจริงจังเสมอ

     "ต้องรบกวนท่านอาแล้วละ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากพวกเวรนี่ซักที ทั้งพ่อทั้งแม่พวกมันก็พรากท่านไปแล้ว ยังจะมาระรานเราสองคนอีก" ผมบอกอย่างเหนื่อยหน่าย บางทีถ้าเราเกิดเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรเวนชีวิตคงไม่วุ่นวายแบบนี้

     "เรน..." ซอนเน่วางโทรศัพท์ในมือพร้อมสบตาผมตรง ๆ ใบหน้าสวยดูกังวล "ท่านไปสบายแล้ว...เรายังมีพี่ มีท่านพ่อ แล้วก็พวกอาไงจ๊ะ" 

     สวรรค์อยู่กับเราได้ไม่นานเมื่อแขกอีกคนมาเยือน อัลสไวเดอร์ อาร์เคน ผมจำหน้าเขาได้รู้สึกว่าจะเป็นพ่อของพี่โย ซอนเน่ยิ้มให้กับผู้มาเยือน ส่วนผมก็ได้แต่โค้งให้กับคนอาวุโสกว่า

     "สวัสดีครับ คุณซานซิโอ อ่อแล้วก็ เรนใช่ไหม"

     "ครับ...แยกออกด้วยเก่งจัง"

     "ไม่คิดว่าคุณจะให้เกียรติมาที่นี้ด้วยตัวเอง" รอยยิ้มนั่นมันอะไร แววตาชื่นชมที่ซอนเน่มีให้หมอนั่น ผู้นำตระกูลสูงกับเรเวนกาก ๆ แบบผม มันทำให้ผมเจ็บปวดเกินกว่าจะยืนอยู่ตรงนี้

     "เอ่อ งั้นผมกลับก่อนนะ" 

     "จ้า เดี๋ยวฟอเวิร์ดรูปในไลน์พวกนั้นมาให้อาด้วยนะ ถ้าว่างแวะมากินข้าวที่บ้านด้วยละ" ซอนเน่กอดลา  ทันทีที่ออกจากห้อง หน้ากากแห่งรอยยิ้มก็พังทลาย รักข้างเดียวมันทรมานชะมัด ผมต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว มัวแต่กล้าๆ กลัวๆ คนอื่นคงซิวไปแน่ แต่ทำยังไงดีล่ะ ผมกับหมอนั่นมันมวยคนละรุ่นชัด ๆ

     ผมกลับมาที่คอนโดตัวเอง บนโต๊ะมีข้าวหมูแดงห่อหนึ่งวางไว้พร้อมลายมือหวัด ๆ บนโพสอิทสีสดเขียนว่า

     ...อุ่นก่อนกินนะ น้ำเต้าหู้ในตู้เย็นอย่าลืมละ... ผมอ่านแล้วยิ้มออกมาเพราะจำลายมือมีนได้ ผมจัดการอาหารพวกนั้นในเวลาอันรวดเร็วก่อนจะล้างจานให้เรียบร้อย

     พี่เรกับมีนเหมือนกันอยู่อย่าง คือเป็นพวกใส่ใจคนรอบข้าง มันรู้ว่าผมชอบกินน้ำเต้าหู้ วันไหนมันผ่านก็จะซื้อมาเผื่อ เวลาทำกับข้าวก็จะไม่ใส่หอมหัวใหญ่เพราะรู้ว่าผมกับพี่ไม่ชอบ 

     ตอนแรกที่ย้ายมาเวลาอยู่ด้วยกันสามคนมีนจะไม่ค่อยเกาะแกะพี่เรมาก เค้นคอถามเลยได้ความว่ามันไม่อยากให้ผมรู้สึกว่าถูกแย่งพี่ไป ผมก็พึ่งรู้ว่ามันคิดแทนผมขนาดนี้เลยบอกไปว่าไม่เป็นไรเพราะตอนนี้เราสามคนก็เหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว

     (พี่ยังไม่นอนเหรอ) ผมถามในความคิดเมื่อรับรู้ได้ว่าพี่เรยังตื่นอยู่

     (อืม)

     (มีนละ)

     (หลับไปแล้ว)

     (ผมเข้าไปหาได้ไหม)

     (มาสิประตูไม่ได้ล๊อค) เสียงพี่เรดังขึ้นในหัว ผมจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปข้างในก่อนปิดมันอย่างเบามือ

     (จัดหนักหรือไง) ผมแซวเมื่อไอ้เงือกน้อย(เรียกตามพี่)ยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง

     เวลาสองคนนี้อยู่ก็ดีอย่างเสียอย่างครับ ดีตรงที่ครอบครัวอบอุ่นฟรุ้งฟริ้ง เสียก็ตรงเวลามันเอากัน ถึงเสียงไม่ดังแต่เดือดร้อนห้องข้าง ๆ เพราะเรเวนอย่างพวกเราประสาทสัมผัสดี ไอ้ผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนบางคืนทนไม่ได้ต้องเนรเทศตัวเองไปหาที่ลง แถมพี่ผมแม่งขยัน เห็นเงียบแบบนั้นมันก็หื่นไม่แพ้ผมหรอก

     พี่เรที่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงเล่นโทรศัพท์อยู่ มันยิ้มให้ก่อนตบแปะ ๆ ตรงที่ว่างข้างตัว ผมเดินไปหาคนเป็นพี่อย่างรู้งานก่อนจะทิ้งตัวลงข้างมัน 

     (ไอ้เด็กขี้แย) วงแขนแกร่งดึงผมเข้าไปกอด ผมซุกหน้าลงบนไหล่กว้าง ไม่ว่ากี่ครั้งที่ผมอ่อนแอ เรจะเป็นหลักให้ผมยึดเหนี่ยว ประคองให้ผมยิ้ม เข้มแข็งและยืนได้ แม้ในวันนี้มันจะไม่ได้กอดผมเต็มสองแขนเพราะต้องแบ่งอีกข้างให้คนที่มันรัก แต่ก็พอแล้วสำหรับผม

      (ทำไงดี อยู่แบบนี้คงทนไม่ไหวแน่) ผมโอดครวญ

     (งั้นมึงก็จีบ) พี่ชายผมบอก

     (แต่ซอนเน่ไม่ได้รักผมแบบนั้น) ผมแย้ง มันไม่เหมือนพี่กับ้มีนนะครับ ต่างฝ่ายต่างปิ๊งกันแบบไม่รู้ตัว

     (มึงแค่หยั่งรู้ไอ้น้องรัก แต่อ่านใจคนไม่ได้ หรือจะอยู่แบบนี้ต่อไปจนตาย) ผมส่ายหัวยิก 

     (แล้วถ้ามันออกมาแย่ละ) จะด่าว่าผมป๊อดก็เชิญ

     (มันต้องดีสิ อยู่ที่ว่าดีแบบไหน เชื่อสิ กูพี่มึง)

     (คลานออกจากท้องก่อนนาทีเดียวทำกร่าง ผมนะเรื่องอย่างว่าโชกโชนกว่าพี่เยอะ) ทำมาเป็นแนะนำ นั่งนับดูผมผ่านศึกเยอะกว่ามันลองมาหมดทั้งชายหญิง...เชอะ!!

     (หึ เอาเป็นไม่ได้แปลว่าเป็นผู้ใหญ่) ฉึก...ช่างเชือดเฉือนยิ่งนัก พี่เรมันก็เป็นผู้ใหญ่กว่าผมจริง ๆ แหละ ก่อนมาเจอท่านพ่อ พี่ก็คอยดูแลปกป้องผมแทนพ่อและแม่

     (อาชวนไปทานข้าวที่บ้าน)

     (ก็ไปสิ จะรออะไรครับ)

     แน่นอนผมจะไป ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปผมจะจีบคุณแล้วนะ ซอนเน่ ซานซิโอ น้ำหยดลงหินทุกวันมันยังกร่อน หากเจอหน้าหล่อ ๆ ของไอ้เรนทุกวันแล้วไม่ใจอ่อนผมจะไปลาหมาตายพูดเลย
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่14 P2 23/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-10-2017 18:56:18
 :m31:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่14 P2 23/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-10-2017 20:04:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่15 P2 1/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 01-11-2017 03:51:08
บทที่ 15

     น้องมีนผู้นี้ต้องหัวฟูกับการสอบปลายภาคและปั่นชิ้นงานสรุปจนเกือบเป็นลมคาเฟรมผ้าใบขนาดสองเมตรคูณสองเมตร ที่ไม่เข้าใจว่าอาจารย์จะสั่งใหญ่ไปไหน   

     พรุ่งนี้ช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมจะมาถึง หลังจากการพรีเซ็นท์งานผ่านไปด้วยดี ถึึงงานจะโหดแต่ผมก็สนุกกับมัน ผิดกับเรที่อารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด สัมผัสได้จากบรรยากาศอึมครึมรอบตัวมันเพราะโดนสั่งงดกิจกามบนเตียงไปเกือบสามอาทิตย์

     "อื้อ เร ขอกูนอนเถอะ" ผมบ่นขณะที่นอนแผ่หราบนเตียงนุ่มหลังกลับมาจากคณะ อดนอนมาหลายคืนง่วงเป็นบ้า แต่จมูกโด่งยังคลอเคลียข้างแก้มไม่เลิก 

     ผมก็อมนุษย์นะแต่ทำไมถึงผอมแห้งแรงน้อยไม่ต่างจากมนุษย์ ผิดกับไอ้แฝดนรก แม้การสอบและชิ้นงานปลายภาคจะมากมายแค่ไหน แต่พวกมันกลับมีพลังงานเหลือเฟือไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

     "อืมมมม..."มันฟังผมซะที่ไหน ริมฝีปากร้อนประทับจูบอ้อยอิ่งแล้วดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปไกล ไอโฟนที่รักได้ช่วยชีวิตผมไว้ ร่างสูงฮึมฮัมอย่างขัดใจ

     "ฮัลโลคร๊าบบบบบ"

     "ลืมป๋าไปแล้วใช่ไหมบักหำน้อย" เสียงบิดาบังเกิดเกล้าดังขึ้นจากปลายสาย

     "มีนเปล่าลืม ปั่นงานท้ายเทอมส่งอาจารย์ไงป๋า" ผมแถ

     "ไม่ใช่มีแฟนแล้วลืมป๋าหรอกนะ" ใครลืม ผมไม่เค้ย ไม่เคย ลืมท่านจะเอาตังไหนใช้(รู้สึกตัวเองชั่ว) ตั้งแต่มีเรื่องกับไอ้น๊อตผมก็ไม่ได้กลับไปร้องเพลงอีกเลยขาดรายได้ไปเยอะ สาเหตุเพราะเรียนหนักการบ้านเยอะทั้งการบ้านอาจารย์และการบ้านไอ้เรเวร 

     "โถ มีนจะไปลืมป๋าได้ยังไง เนี่ยปิดเทอมแล้วมีนว่าจะกลับบ้านอยู่เนี่ย" ผมอ้อน ตั้งแต่มาเรียนมหาลัยก็ไม่ได้กลับหนองคายเลย

     "ก็ดี ย่าเอ็งถามหาอยู่เนี่ย" น้ำเสียงผู้เป็นพ่อระรื่นขึ้นทันตา "แล้วจะมาวันไหน"

     "ก็ว่าจะออกพรุ่งนี้แหละป๋า" พอพ่อถามเลยรู้สึกอยากเดินทางซะเดี๋ยวนี้ "แต่มีนขอแวะเที่ยวก่อนได้ไหม น่าจะสองสามวันถึงไปบ้านอะ แล้วมีนจะอยู่ยาว ๆ เลยเนอะ"

     "เออ เออ ยังไงก็ตามใจแกเถอะ ถ้าแวะปากช่องอย่าลืมของฝากป๋าละ" พ่อผมจะอยากได้อะไรถ้าไม่ใช่ เหล้าอุ(เป็นไหที่ยัดสมุนไพรเวลาจะทานก็แค่เติมเหล้าขาวลงไปแล้วทิ้งไว อธิบายง่ายๆ ก็ยาดองประเภทหนึ่งนั่นแหละครับ)

     "ได้เลย" พูดถึงอุแล้วเปรี้ยวปาก

     "ว่าแต่ลูกเขยมันมาด้วยหรือเปล่า" บางทีพ่อผมก็ใจง่ายไปนะ ยอมรับเรเป็นลูกเขยซะแล้ว ผมหันไปมองหน้ามันเพื่อขอคำตอบ มันหูดีได้ยินอยู่แล้วละ

     "ไปสิ จะไปสู่ขอ"ฉ่า หน้าผมแดงจนแทบไหม้ ได้ยินป๋าหัวเราะลั่นจากอีกฝั่ง

     "บอกมันเตรียมตังมาเยอะๆ แค่นี้แหละ ขับรถกันดีๆ" พ่อทิ้งระเบิดแล้ววางสายไป

     "เก็บกระเป๋ากัน" ผมออกปาก รีบหาเรื่องอื่นให้ทำเดี๋ยวโดนมันปล้ำ 

     "ค่อยเก็บ" แต่มีหรือมันจะยอมเมื่อเรเล่นกอดผมแน่นหมายจะสานต่อเหตุการณ์เมื่อครู่ ถ้ายอมมันคืนนี้ยาวได้หลับบนรถแน่ หลับไปตามทางคงอดถ่ายรูปวิวรอบ ๆ แถมปวดเมื่อยอีกต่างหาก

     "เร" ผมเรียกมันเสียงนิ่งทำเอาเจ้าตัวชะงัก 

    "กูตามใจมึงก็ได้นะ แต่หลังจากนี้ยันเปิดเทอมงดไปเลย เอาปะ" ไม่ใช่แค่ขู่นะ น้องมีนเอาจริง หน้าตาผมก็คงจะเอาจริงคนตัวโตถึงกับยกมือยอมแพ้ 

    "แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย...ฮิฮิ" แซวเองเขินเอง

     พวกผมเปล่าทิ้งแฝดน้องไว้ลำพังนะครับ แถมเจ้าตัวยังอาสาทำงานแทนพี่ ทั้งงานล่า ทั้งเข้าสภา คือมันขยันผิดปกติ แว่ว ๆ มาว่ามันตามจีบคนในนั้นอยู่ จากแต่ก่อนชอบงอแงว่าพวกผมไม่สนใจมัน ตอนนี้กลายเป็นมันไม่สนใจพวกผมแทน บางครั้งเรนก็หายหัวไปค้างที่อื่น ไม่มีมันมากวนคอนโดเงียบลงไปเยอะ เพราะเรก็ไม่ได้ช่างพูดอะไรมากมาย

     เราออกเดินทางแต่เช้าโดยมีท่อนไม้เป็นสารถี สาเหตุที่ไม่นั่งเครื่องบินเพราะผมอยากแวะเที่ยวตามทาง นานทีจะหยุดยาว เป้าหมายแรกของทริปนี้คงจะเป็นฟาร์มแถวปากช่อง ก่อนจะแวะพักกันตรงเขาใหญ่ สโลไลฟ์ซึมซับบรรยากาศแห่งธรรมชาติที่นี่ซักสองคืน

     ตอนนี้ผมกำลังนั่งง่วนอยู่กับการหาที่พัก ดีหน่อยที่ไม่ใช่ไฮซีซั่นห้องว่างเยอะแต่ราคานี่สิ ข้อยเวียนหัวเลย

     "แม่งแพง" บ่นครับ ดูราคาที่พักแล้วหน้ามืด คือตรงใกล้เขาใหญ่คืนละสามสี่พัน เข้าใจว่าบรรยากาศมันดี วิวงามแต่มันไม่แพงไปหน่อยเหรอ "เข้าเมืองไปซื้อเต้นท์เถอะเรกูว่า"

     "สวยไหม" ดูมัน ไม่ตอบ ถามกูกลับเฉย

     "ถ้าหมายถึงรีสอร์ทที่ดูอยู่อะ สวย ในรีวิวคนก็ชมเยอะ" ว่าพลางโชวไอแพตในมือให้มันดู

     "แล้วชอบไหม"

     "ก็ต้องชอบสิ" ไอ้นี่ถามไม่คิด

     "ก็ไป เดี๋ยวจ่ายเอง" เหอะไอ้รวยใช้เงินไม่รู้จักคิด

     "เย้ ขอบใจมึง" ก็บ่นมันในใจไปงั้น ใครจะไปปฏิเสธละครับ

     มาถึงเป้าหมายในช่วงสายเพราะเรเป็นพวกตีนหนักขับรถไว ผมนี่หัวใจจะวายตาย เข้าเขตเขาใหญ่อากาศที่นี่แตกต่างจากกรุงเทพฯ อย่างสิ้นเชิง ผมลดกระจกรถลงสูดอากาศบริสุทธิ์ ลมเย็นนำพาจิตใจให้ผ่อนคลาย เรชะลอความเร็วลงอย่างรู้งานผมจึงคว้ากล้องมาเก็บภาพบรรยากาศภายนอก สีเขียวของป่าแบ่งเขตชัดเจนกับท้องฟ้าสดใส สวยจนเผลอกดชัตเตอร์ไปหลายที

     เมื่อรถมาจอดยังรีสอร์ทที่ดูไว้ ผมมองไปรอบกายก่อนสายตาจะสะดุดกับรถแวนสีดำที่จอดห่างออกไป ชายสี่คนลงจากรถนั้นพร้อมมองมาทางเราดูไม่ชอบมาพากล ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรผมก็ค่อนข้างขี้ระแวงครับ

     "เร คนพวกนั้น"

     "อ้อ บอดี้การ์ดที่อาส่งมานะ" เรอธิบาย คนพวกนั้นโค้งให้เมื่อรู้ว่าถูกมอง

     "ส่งมาทำไม"

     "คุ้มกัน" มีอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่า ทำไมต้องมีการ์ดตามมาด้วย "ที่จริงพวกนั้นเฝ้าพวกเรามาซักพักแล้วแต่ค่อนข้างรักษาระยะมีนเลยไม่เคยเห็น" เรอธิบายยาวเมื่อผมทำท่าสงสัยไม่เลิก

     "อ้อ" ผมเลิกสนใจคนเหล่านั้น แค่รู้ว่ามาดีก็สบายใจแล้วละ "มึงเคยมาที่นี่ก่อนไหม"

     "เคย" มันตอบแค่นั้นพลางหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของเราออกจากกระโปรงหน้ารถ(ซุปเปอร์คาร์ส่วนใหญ่เครื่องยนต์จะอยู่ด้านหลัง) ส่วนผมหอบกระเป๋ากล้อง และเลนพร้อมอุปกรณ์ยิบย่อยออกมา แต่ก็ถูกเร็แย่งไปถือจนเหลือแค่กล้องโปรตัวเดียวห้อยคอ

     ตัวอาคารล๊อบบี้สร้างจากไม้ผสมคอนกรีตดูกลมกลืนกับวิวเขาด้านหลัง แต่ยังคงความหรูหราได้อย่างน่าทึ่ง ที่ถูกใจสุด ๆ คงเป็นทางเดินระแนงไม้ตรงเคาท์เตอร์ประชาสัมพันที่ด้านล่างเป็นบ่อน้ำ มีพืชน้ำแซมตกแต่ง ราวกับกำลังเดินบนลำธาร ทุกการออกแบบวางมาดี แถมยังมีสนามกอล์ฟและกิจกรรมให้ทำหลายอย่างสมราคาเลยครับ

     "มากี่ท่านค่ะ" พนักงานต้อนรับทักทายเสียงหวาน

     "สองครับ" ผมตอบ

     "แล้วได้จองล่วงหน้าหรือเปล่าคะ" พนักงานสาวคนเดิมถามต่อแต่สายตากับจดจ้องที่ร่างสูงข้างตัวบอกให้รู้ว่าเธอจงใจถามใคร

     "เปล่าครับ ดูรีวิวในเว็บเลยสนใจ" ไม่ได้เสือกนะครับ คุณคิดว่าเรมันจะตอบเหรอ 

     "เอ่อ นี่คือรายการห้องของเราค่ะ แต่ตอนนี้ในส่วนห้องธรรมดาเต็มแล้วนะคะ จะเหลือก็แต่ที่เป็นฮอริซอนวิวสองห้อง เทอเรนสูทสำหรับที่เป็นครอบครัว แล้วก็เต็นท์ วิลล่า อันนี้จะมีแค่สี่หลังและมีสระว่ายน้ำส่วนตัว" พนักงานอีกคนยื่นโบวชัวร์ให้เรา   

     รู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อยกับอาการยิ้มเขินตอนมองหน้าเรของสาว ๆ พวกนั้น  ทีกับผมแม้จะแค่แวบเดียวแต่ก็แอบเห็นสายตาจิกกัด หล่อน้อยกว่ามันก็งี้ เซงเลย

     "คิดว่าไง" ผมรับมาอ่านเห็นราคาแล้วตกใจ หันไปมองหน้าคนจ่ายแบบขอความเห็น กูนอนข้างทางก็ได้นะ ถ้าจะคืนหลักหมื่นขนาดนี้ เรชี้ที่รูปสุดท้าย "จะดีหรอ"

     "ส่วนตัวดี"

     "เอ่อ งั้นก็เต็นท์วิลล่าแล้วกันครับ" เอาเถอะ ซื้อความสุขครั้งหนึ่งในชีวิต "สองคืนครับ เพิ่มยังไงเดี๋ยวแจ้งอีกที"

     "เผื่อพวกนั้นด้วย" เรบอก เลยนึกขึ้นได้ว่ามีบอดี้การ์ดตามมาอีกสี่คน

     "เพิ่มอีกหลัง สองคืนเหมือนกัน"

     "รบกวนขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ สนใจชำระเป็นบัตรเครดิตหรือเงินสดคะ" เรเอี้ยวตัวให้ผมหยิบกระเป๋าตังด้านหลัง 

     รื้อเลยครับเงินของเรก็คือของมีนเงินของมีนก็คือของมีน ในนั้นมีเงินไม่กี่พันเลยใช้บัตรรูดไป กรอกรายละเอียดจ่ายตังเสร็จสรรพ ก็ยื่นกุญแจดอกหนึ่งให้พวกพี่ที่มาด้วย 

      "ขอบคุณครับ" แกโค้งขอบคุณก่อนรับ ไอ้เราก็ไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก

     "ไม่ต้องโค้งก็ได้พี่" พี่คนนั้นยิ้มให้ก่อนจะเดินไปรวมกับพวกอีกสามคน

     "อ้อ นี่เป็นบริการอื่น ๆ ในรีสอร์ทของเราค่ะ" พนักงานยื่นโบวชัวร์ให้ ในนั้นมีโฆษณากิจกรรมของที่นี่่ ทั้งขี่ม้า ชมแปลงดอกไม้ โยคะ นวดสมุนไพร หรือแม้กระทั้งสกีในทะเลสาป

     "สนใจอันไหนมั่ง" ผมหันไปถามเร เรื่องเงินผมไม่อยากตัดสินใจ

     "เลือกเลยเดี๋ยวจ่ายให้"

     "คุณลูกค้าโชคดีจัง มาเที่ยวทั้งทีเพื่อนเลี้ยงหมดเลย" พนักงานแซว

     "อ่อ ไม่ใช่เพื่อนครับ นี่แฟน" เรตอบพร้อมยิ้มมุมปาก 

     คือถ้าผมหัวเราะมันจะเสียมารยาทไหม...ก็สองสาวทำหน้าเหวอเสียขนาดนั้น มันตลกจนลืมเขินเลย แต่พอหันมาเจอสายตาคมกริบที่มองมาถึงกับสะดุ้งเฮือก ตาขวากระตุกสงสัยคืนนี้จะเสียตัว

 

     "เร็วดิ ไปถ่ายรูปเล่นกัน เดี๋ยวมืดก่อน" ผมเร่งเรให้เก็บของ 

     ผมจูงมือร่างสูงให้เดินตาม ทิวเขาตรงนั้นก็สวย สระว่ายน้ำตรงที่พักก็งาม ดูสวนนั่นสิ...ชักจะจิตหลุดไปไกล รู้ตัวอีกทีพากันมาเดินเล่นอยู่ริมรั้วของตัวรีสอร์ท"

     "เฮ้ย!!!!!" ผมร้องลั่นเมื่อจู่ ๆ เรก็ช้อนอุ้มในท่าเจ้าสาว 

    "คือ...มะ มีอะไร ปล่อยกูลงเลย...เชี่ย" แล้วมันก็พาผมทะยานขึ้นฟ้าด้วยปีกสีดำของมัน พื้นหญ้าที่ดูห่างไกลขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาใจหายวาบ 

     กูกลัวความสูง แง...ได้แต่ซุกหน้ากับอกแกร่งพร้อมกอดคอมันแน่นเพราะกลัวตก ไม่มงไม่มองแล้วครับอย่าพาไปตายพอ

     "ถึงแล้ว..." เสียงทุ้มกระซิบข้างหูพร้อมปล่อยผมลงเบา ๆ 

     พื้นหญ้านุ่มทำให้ใจชื้นเลยเงยหน้ามองไปรอบตัว หนองน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้า กับทุ่งหญ้าและแมกไม้ของป่าเบญจพรรณทำเอาดวงตาวาวโรจน์ด้วยความตื่นตะลึง ผมยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้เห็นมัน

     "สวย..." พูดออกมาแค่นั้นก่อนจะหันมามองเรอย่างขอบคุณ มันยิ้มตอบก่อนจะก้มลงมาจูบให้เขินเล่น 

     กดชัตเตอร์เก็บบรรยากาศไป บ้างก็ถ่ายรูปเรตอนเผลอ แฟนใครวะเท่สัด ตลกตัวเองมากร้อยวันพันปีไม่เคยพิศวาสในตัวผู้ชาย แล้วไงถึงมาตกลงปลงใจกับเรเวนตนนี้ได้ 

     บริเวณนี้อากาศค่อนข้างเย็น แต่เจอแดดจ้าฟ้าใสยามบ่ายก็ไม่ไหวเหงื่อเริ่มมา มองดูหนองน้ำกว้าง มันใสซะจนมองเห็นกรวดข้างใต้ เห็นแล้วอยากลงไปว่ายดูจัง ตั้งแต่กลับจากทะเลผมลองกลายร่างเป็นเงือกบ้าง ในอ่างที่คอนโดแต่ยังมีปัญหากับการคืนร่าง ที่แม้จะสามารถตั้งสมาธิทำได้เองในบางครั้งแต่นั่นก็ยังทำให้ผมคิดหนักว่าจะลงเล่นน้ำดีหรือเปล่า

     "อยากเล่นก็เล่น แถวนี้ไม่มีคน" เรบอกพลางถอดเสื้อกล้ามวางรองพื้นก่อนจะดึงกล้องจากมือผมไปวาง ตามด้วยแว่น โทรศัพท์และกระเป๋าตัง

     "เอ่อ...หันไปทางอื่นหน่อยดิ" ผมจะถอดเสื้อผ้าไง แต่ดวงตาสีน้ำเงินนั้นกลับเอาแต่จ้องจนรู้สึกประหม่า "หันไป ๆ กูอายย" เดาว่าหน้าผมคงแดงแปรดเลยตอนนี้

     "ทำอย่างกับไม่เคยเห็น" 

     "กูไม่ได้หน้าด้านแบบมึง!!!!" ยัง...มันยังจะยิ้ม คนด่าไม่ได้รู้สึกเลย "เร...งือ ขอร้องเหอะ" แล้วมันก็ยอมหันไป ถอดไปแอบระแวงมันไป พอหมดพันธนาการผมก็รีบกระโจนลงน้ำในทันที

     น้ำเย็นสดชื่นอย่างที่คิด ความรู้สึกเจ็บปลาบแผ่กระจายเพราะร่างกายที่เปลี่ยนแปลง ขาทั้งสองกลายเป็นหางซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดสีมุกแวววาวสะท้อนแสงอาทิตย์ ผมดำผุดดำว่ายเพื่อให้ชินกับการบังคับร่างกาย รู้สึกอิสระเป็นบ้าเลย 

     ผมว่ายไปยังโขดหินกลางน้ำที่มีมอสปกคลุมก่อนจะยกตัวขึ้นนั่งตีหางกับน้ำเล่น หันไปทางเรที่ตอนนี้กำลังสนอกสนใจภาพในกล้องสลับกับมองตามผมชวนให้นึกอะไรเจ๋ง ๆ ออก

     "เฮ้ย!!! เร มาดูนี่ดิ" ผมตะโกนข้ามไป ทำท่าถืออะไรไว้ในมือ แสร้งมองมืออย่างสนอกสนใจ ใจผมนะอยากให้มันโดดลงน้ำว่ายมาดูแต่พี่ท่านกลับกางปีกบินมาหา 

     "เนี่ยดู..." พอมันเข้าใกล้ ผมก็จัดการคว้าแขนมันลากลงน้ำไปด้วยกัน

     ตูม!!!! ซ่า!!!!! เราทั้งคู่เอนตกลงไปในน้ำ เรดูตกใจเล็กน้อยแล้วทำท่าเหมือนนึกได้จึงยิ้มออก 

     ผมว่ายวนรอบตัวมัน หยอกล้อ ให้มันว่ายตาม แขนแกร่งคว้าหมับเข้าที่เอวเมื่อไล่ทัน เรหมุนตัวผมให้หันกลับไปเผชิญหน้า นันย์ตาสีน้ำเงินจ้องลึกลงมาทำเอาผมหยุดชะงัก 

     ไม่ว่ากี่ครั้งดวงตาของมันก็สะกดผมได้เสมอ ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ทุกความรู้สึกของเรถูกถ่ายทอดผ่านแก้วสีน้ำเงินลึกลงสู่ใจ เมื่อรวมกับบรรยากาศรอบตัวที่งดงามราวกับเทพนิยาย แผ่นน้ำ ผืนป่า และทิวเขา เวลาของเราเหมือนถูกหยุดไว้ตรงนี้

     "ขอบคุณนะ" ผมบอกเสียงแผ่ว คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างสงสัยแต่ก็ยิ้มรับ ในหัวมันว่างเปล่าจนนึกไม่ออกว่าอยากขอบคุณมันเรื่องอะไร...หรืออาจจะเป็นทุก ๆ เรื่องที่อีกคนมอบให้ "เร..."

     "กูก็ ขอบคุณ" มันพูดออกมาบ้าง มือกร้านเกลี่ยเบา ๆ ที่ข้างแก้มจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้า "ที่เข้ามาในชีวิตกู" 

     เรดึงผมเข้าไปจูบ ริมฝีปากร้อนบรรจงจูบอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนิบช้าแต่ดูดดื่ม จิตใจล่องลอยไปไกลกับความอ่อนหวานของมัน แขนแกร่งโอบเอวผมไว้ เผลอเอาแขนคล้องคอมันอย่างลืมตัว มือเรเริ่มซนแต่เพราะต้องประคองตัวให้ลอยบนผิวน้ำมันจึงทำอะไรได้ไม่มากนอกจากลูบไล้ไปตามแผ่นหลังให้ผมสยิวเล่น ริมฝีปากร้อนถอนจูบอย่างเสียดายไม่วายพรมจูบไปทั่วหน้าทิ้งท้าย ก่อนจะยอมผละออกแต่โดยดี

     อย่าคิดว่าคนอย่างเรจะหยุดแค่นี้ ร่างสูงรั้งกายขึ้นนั่งบนโขดหินกลางน้ำแล้วดึงผมตามขึ้นไปนั่งบนตักมัน ไม่รู้ว่าตัวผมเบาหรือมันแรงควายถึงได้ถูกมันจับอุ้มราวกับตุ๊กตา 

     แขนแกร่งกอดเอวผมไว้แน่น ส่วนอีกข้างเชยคางผมให้เงยขึ้นรับจูบเร่าร้อนเอาแต่ใจของมัน จูบเก่งนักใช่ไหม...หึ ดวลกันซักหน่อยเหอะ ถึงผมจะไม่ได้เทพ แต่คนเรามันต้องเรียนรู้ ลิ้นร้อนหยอกล้อในเรียวปาก เกี่ยวกระหวัดราวกับกระหายในตัวของกันและกัน มือกร้านที่บีบคลึงสะโพกหนักเตือนถึงห้วงอารมณ์ของเรที่เลยเถิดมาไกล 

     "นี่มัน กลางแจ้งเลยนะ" ผมดันอกแกร่งออกอย่างตระหนกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน

     "ไม่มีใครอยู่แถวนี้หรอกน่า ไม่มีคนเห็นหรอก" มันแย้ง

     "แต่มึง...แบบว่ามัน..."

     "เมื่อคืนยังใจร้ายกับกูไม่พอเหรอ ฮึ" เสียงทุ้มตัดพ้อ ดูทำหน้าเข้าสิ ผมควรรู้สึกผิดไหม 

     "มึงหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า" ผมแขวะอย่างนึกหมั่นไส้

     "หึ...ก็อยากเฉพาะกับมีนเท่านั้นแหละ" ใบหน้าคมยิ้มร้ายพลางไล้มือไปบนแผ่นอกผมเบา ๆ ให้สะท้านเล่น 

     "ก็มีนน่ากินขนาดนี้ ทนไม่ทำอะไรจนหมดช่วงสอบได้นี่สุด ๆ แล้ว สงสารผมเถอะนะ ที่รัก" อ๊ากกก...แล้วทำไมต้องมากระซิบข้างหูด้วยเสียงเซ็กซี่แบบนั้นด้วยเล่า ปกติถามคำตอบคำที่ไอ้เรื่องอย่างว่านี่มึงขยันต่อรองจังนะ

     "มึงนี่...แม่ง...." ไม่รู้จะด่าคำใด จึงได้แต่เงียบหลบตามัน

     "มีนครับ" ไม่ต้องมาพูดเพราะเลย "นะครับ" คิดว่าจะใจอ่อนหรอ "ไม่ตอบกูปล้ำแล้วนะครับ"

     "เชี่ย...จะทำอะไรก็ทำ จะเย็นแล้วเนี่ย เดี๋ยวมืดก่อนหรอก" ผมวีน 

     ผมตั้งสติเปลี่ยนหางให้กลับคืนร่างเดิมจนกลายเป็นนั่งคร่อมตักมันไว้ในตอนนี้ บทรักเริ่มบรรเลงอีกครั้งจมูกโด่งซุกไซร้ไปตามตัว บ้างขบเม้ม กดจูบทิ้งรอยไว้ทั่ว 

     ลมหายใจของผมสะดุดในทุกครั้งที่ถูกสัมผัส เสียงตัวเองครางชวนให้รู้สึกกระดากจนต้องกัดริมฝีปากห้ามเสียงไว้ ผมทอดมองลำตัวหนาลูบไล้ไปตามอกแกร่งอย่างหลงใหลและชื่นชม  ลูบต่ำลงผ่านกล้ามท้องที่เรียงตัวดูสวยงามจนนึกอิจฉา ก่อนจะดึงรั้งขอบกางเกงขาสั้นและกางชั้นในของร่างสูงลง ให้ความแข็งแกร่งปรากฏต่อสายตา ผมได้แต่มองเรน้อยอย่างอึ้ง ๆ เมื่อนึกถึงยามที่มันอยู่ในร่างของผมแล้วอารมณ์มันขึ้น มีนหัดเป็นคนจังไรตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

     "หึๆ...อย่าเอาแต่มองสิ" เรว่าพร้อมดึงมือผมไปรวบของเราทั้งคู่แลวบังคับให้ขยับรูด

     "อ๊ะ...เร" เสียวสัด รู้สึกตื่นตัวมากกว่าปกติส่วนหนึ่งเพราะเราอยู่ในที่โล่ง ทำเอาใจเต้นแรงแทบทะลุจากอก ผมสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียวสอดลึกเข้ามาในกาย หมุนวนกดเค้นอย่างรู้จุดทำเอาผมร้องครางอย่างกลั้นไม่อยู่

     "ขอโทษนะ"  ????

     "โอ๊ย...เร อ๊ะ เบา...ฮึก" ผมร้องลั่นเมื่ออีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาทีเดียวจนสุด น้ำตาร่วงด้วยความทรมานเมื่ออีกฝ่ายขยับกายอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว มันทั้งเจ็บ ทั้งเสียว  เหมือนทุกความรู้สึกมันโถมเข้ามาจนเกินจะครองสติได้ 

     ถึงอากาศจะเย็นแต่ภายในกลับร้อนรุ่มจนเหงื่อโทรมกายสองมือไขว่คว้าร่างหนามากอดไว้เป็นหลักยึด ท่อนเนื้อร้อนที่เสียดสีด้านใน กระแทกย้ำ ๆ ตรงจุดกระสันจนต้องจิกข่วนแผ่นหลังของเรเพื่อระบายอารมณ์ 

     เสียงทุ้มครางต่ำที่ข้างหูกระตุ้นความอยากจนแทบคลั่ง ไม่คิดว่าเรจะทำให้ผมจมดิ่งได้ขนาดนี้ หรือเพราะเรากำลังทำกับคนที่รักมันจึงรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มทั้งกายและใจ เหมือนที่เขาว่าเซ็กซ์กับเมคเลิฟนั้นต่างกัน

     "เร...อ๊ะ" ร่างทั้งร่างสั่นเกร็งเพราะความรัญจวนถึงขีดสุดเมื่อเอวหนากระแทกกระทันเร็วรัวจนร่างสั่นคลอนไปตามแรง มือทั้งสอง่บดขยี้ยอดอกจนผมบิดเร่าอย่างซาบซ่าน 

     "พร้อมกัน....อา..." เรพรมจูบไปทั่วหน้าก่อนจะจบที่ริมฝีปากผมด้วยจูบหนัก ๆ เร่งเร้าทุกสัมผัสจนพาเรามาถึงจุดสิ้นสุดพร้อมกัน ภายในเต็มตื้นจนเอ่อล้น ผมฟุบหน้าลงกับไหล่หนาพลางปรับลมหายใจให้คงที่ เรจูบขมับแล้วกอดผมไว้อยู่แบบนั้น

     "อ๊ะ" แก่นกายถูกถอนออกพร้อมอะไร ๆ ที่ไหลเลาะตามมา

     "มีน โอเคไหม" มันถามอย่างนึกห่วงพลางลูบหัวผมเบา ๆ

     "พักแปป"

     "กลับไหม เย็นแล้วเดี๋ยวจะมืดก่อน" มองฟ้า พระอาทิตย์เริ่มตกดิน คงใกล้เวลากลับอย่างมันว่า แต่สายตาที่มึงมองมานี่สิ

     "เร...กูรู้นะมึงคิดอะไร" โอ๊ย... ...งือ...เขินจะตายอยู่แล้วเนี่ยเหนื่อยแถมเริ่มหิวแล้วด้วย

     "หรือเมียอยากจะเอาท์ดอร์ อีกซักรอบ" 

     "ไอ้จังไร...ทะลึ่งวะ...ไอ้ๆ..." ผมวักน้ำใส่ใบหน้าคมที่ส่งยิ้มทะเล้นมาให้ ไอ้ที่หน้าแดงเนี่ยไม่รู้โมโหหรืออาย "กลับสิ...แม่ง มืดแล้วยุงจะเยอะ คนยิ่งผิวบางแค่รอยจูบมึงกูก็ลายทั้งตัวแล้วเนี่ย" อยากจะร้องไห้

     "หึๆๆ" มึงจะหัวเราะเพื่อ!!? 

     เรพาผมกลับมาถึงรีสอร์ทก็มืดพอดี เราตัดสินใจจะสั่งอาหารมาทานที่พักเพราะผมขี้เกียจ ว่าจะชวนพี่บอดี้การ์ดพวกนั้นมากินข้าวด้วยกันสรุปพวกแกเป็นแวมไพร์โครงการเลยดรอปไป 

     ที่นี่มีห้องอาหารญี่ปุ่นระดับห้าดาว ส่วนตัวคิดว่ามันก็เข้ากับบรรยากาศแห่งขุนเขาดีนะ แบบทานอาหารแล้วดื่มด่ำกับธรรมชาติตามปรัชญาเซน ผมสั่งปลาซาบะย่างซีอิ้ว ปลาดิบรวมเซตใหญ่ แซลมอนยำ ไข่ปลาแซลม่อนห่อสาหร่าย ปลาโอ แล้วก็สารพัดเมนูปลา จนเรแซวว่าผมทรยศต่อเผ่าพันธุ์ ก็คนมันชอบทำไงได้

     เราใช้เวลาวันที่สองทำโน่นเล่นนี่ เป็นกิจกรรมที่มีให้บริการในรีสอร์ท ปั่นจักรยานไปรอบ ๆ หัดขี่ม้า เก็บผลไม้สดจากไร่มากินเอง โดยรวมก็สนุกดี 

     ส่วนตอนกลางคืนเป็นคิวของคุณชายท่านละ เล่นผมซะหนำใจ ทริปนี้เรเเวนหื่นเปลืองตัง ส่วนน้องมีนผู้น่าสงสารเปลืองตัว...คิดซะว่ามาฮันนีมูน...เรมันว่างั้น

     เราออกเดินทางต่อในเช้าวันที่สาม ผมมีบ้านอยู่สองหลังครับ หลังหนึ่งอยู่ในตัวอำเภอตรงที่พ่อเปิดร้านขายอะไหล่ ส่วนอีกหลังเป็นบ้านพักต่างอากาศอยู่ริมโขง ในวันหยุดยาวผมมักใช้เวลาที่บ้านหลังนั้นเพราะผมชอบว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ตั้งใจว่าจะแวบไปให้ย่าเห็นหน้าพอหายคิดถึง อ้อนป๋า พาไอ้เรเที่ยวในเมือง แล้วค่อยหลบไปทำตัวอาร์ตที่บ้านริมโขง ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ หลับบนรถเพราะสูญสิ้นพลังงานไปมากเมื่อคืนแต่แรงกระชากของรถทำผมสะดุ้งตื่น

     "อะไร!!!!" ผมหันไปถามคนขับอย่างตกใจ

     "มีคนตามเรามา" เรบอกพลางเพ่งมองถนนพร้อมเพิ่มความเร็วจนหลังผมติดเบาะ หันไปมองด้านหลังรถแวนสีดำสามคันกำลังไล่เบียดกันไปมาอยู่ คันหนึ่งเป็นของพวกพี่บอดี้การ์ดที่มาด้วยกัน เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นพร้อมประกายไฟจากรถทั้งสอง

     "คุณเร ล่วงหน้าไปก่อนเลย เดี๋ยวทางนี้ยื้อไว้ให้" เสียงร้อนรนดังขึ้นจากเครื่องเสียงหน้ารถเดาว่ามันคงต่อบูทูธกับมือถือไว้ 

     "บ้าเอ้ย พวกมันใช้กระสุนเจาะเกราะ  ミ *∩-ℓ¦©ï°ü$ _∩*" ปลายสายโวยวายก่อนจะตัดไป พอหันกลับไปมองเลยเห็นว่ารถของพวกพี่เขาเสียหลักลงข้างทาง

     กระทิงดุ(ฉายาของแลมโบกินี่)ควบทะยานไปตามถนนโดยมีแรนโลเวอร์สองคันเกาะตามมาติด ๆ ใกล้พ้นเขตทางเลี่ยงเมืองซึ่งข้างหน้าเป็นทางหลวงชนบน แม้จะลาดยางแต่ก็โค้งงอจนหน้าตกใจ 

     "พวกไหน"

     "เดาว่า ซาโตนี่...จับดี ๆ นะมีน"

     "เร! ระวัง" ผมร้องลั่นเมื่อสิบล้อเลนตรงข้ามขับแซงขึ้นมาเลนเราเฉย "ตายๆ ๆ ๆ"

     ผมเบิกตากว้างมองก้อนโลหะขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งมาหาเราอย่างตื่นกลัว ด้วยความเร็วกว่าสองร้อยไม่มีทางที่จะเบรกทันแน่ เรหักหลบลงข้างทาง

     "มีน!!!!" ไวเกินความคิดเมื่อเรปลดเข็มขัดตัวเองและผมออกจากที่นั่งแล้วดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้รถเราพลิกคว่ำลงข้างทางจนร่างของเรากระแทกแรงภายในห้องโดยสารโดยมีตัวของเรรองรับผมเอาไว้

     ปัง!!!! เสียงปะทะดังสะนั่นเมื่อตัวรถกระแทกเข้ากับต้นยางใหญ่ข้างทางจนยับเยิน แรงกระแทกละแรงเหวียงทำเอามึนไปหมด รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่าง หากไม่มีเรโอบกอดไว้ผมคงแหลกเป็นชิ้น ๆ 

     "เร..." ใบหน้าคมที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดมองตอบผมแต่มันช่างพล่าเบลอ

     "กู...ไม่เป็นไร" เสียงมันสั่นและดูฝืนเต็มที

     "เร...เร" ผมพยายามฝืนเรียกอีกคนแม้สติจะเลือนลาง กลัวจับใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้หากผมต้องหลับไป

     "ไม่ต้องกลัวนะ" แต่เหมือนร่างกายไม่ฟังคำสั่งใด เพราะทุกอย่างดับวูบไปเมื่อสิ้นคำพูดนั้น

...

ไม่เจอกันหลายวัยเลย พอดีเรางดลงในช่วงไว้ทุกข์ นี่เป็นงานอาร์ตน้องมีน ลองว่าเล่น ๆ ว่าน่าจะประมาณนี้ทดแทนที่ห่างหาย เรายังอยู่ในช่วงหาแนวเส้นของตัวเองอยู่เพราะงานแบบ เรียลลิส คนวาดเยอะและขาดเสน่ห์ แต่ให้วาดการ์ตูนก็ทำไม่เป็น ก็ต้องพยายามกันต่อไป​


(https://www.picz.in.th/images/2017/11/01/Mussaya001.jpg)



หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่15 P2 1/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-11-2017 07:06:21
งานเข้า! จะถูกจับไปไหมนี่
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่15 P2 1/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-11-2017 12:58:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่16 P2 1/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 01-11-2017 17:34:18
บทที่ 16

Rain Say

     เพลัง!!! แก้วน้ำที่อยู่ในมือผมแตกกระจาย เมื่อความเจ็บปวดมหาศาลถาโถมมาที่ร่างจนทรุดลงไปนั่งกับพื้นห้องทำงานของซอนเน่ วันนี้ผมแวะมาที่สภากลางเพราะอยากเห็นหน้าคนที่รัก แม้ปราศจากเลือดและบาดแผลแต่มันก็ทำให้ใจของผมสั่นกลัว เพราะมันหมายถึงสิ่งที่อีกคนกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ เรกำลังอยู่ในอันตราย

     "เรน!!!" ซอนเน่รีบวิ่งเข้ามาประคองผม

     "พี่เร...ท่านอาพี่" ผมระล่ำระลักบอก ไขว่คว้ามือนิ่มนั่นมาจับไว้แน่น

     "เรเป็นอะไร"

     "พี่กำลังตกอยู่ในอันตราย" แฝดมักมีความเชื่อมโยงกันและด้วยพลังแห่งสายเลือดเรเวนยิ่งทำให้ทั้งผมกับเรสามารถเชื่อมถึงกันได้ แม้มันจะอยู่ใกลเกินกว่าจะคุยกันในจิตแต่อารมณ์ความรู้สึกบางอย่างผมจะรู้สึกได้เช่นกัน ดังความเจ็บปวดเมื่อครู่แม้จะแค่ระยะเวลาสั้น ๆ แต่มันก็ชัดเจนพอว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับพี่ผมแน่

     "แล้วเรอยู่ไหนละ" ซอนเน่ร้อนรน

     "มันไปเที่ยวกับมีน ผม...ไม่รู้ มันบอกจะไปหนองคาย" พยายามตั้งสตินึก " โทรศัพท์...เช็คจีพีเอสจากโทรศัพท์เร" ร่างบางลนลานลุกขึ้นไปยังคอมบนโต๊ะทำงานเพื่อหาตำแหน่งของหลานรัก 

     "เจอตำแหน่งแล้ว" ซอนเน่ร้องออกมา ผมจึงรีบลุกไปดู ตำแหน่งสุดท้ายที่เจอสัญญาณโทรศัพท์พวกมันคือทางเลี่ยงเมืองไปขอนแก่น ท่านอาจึงกดโทรศัพท์สั่งคนตามหาทันที "คำสั่งด่วน เจ้าหน้าที่ในพื้นที่นครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ให้ไปตรวจสอบที่พิกัด... ฉันบอกด่วน ภายในครึ่งชั่วโมง ... แล้วโทรมารายงานด้วย ...ได้...ไวๆ นะ ฉันรีบมาก รบกวนด้วย...ขอบคุณ"

     "ตอนนี้ทำได้แค่รอ ?" ผมถามเสียงอ่อน ทรุดนั่งลงกับโซฟาอย่างหมดแรง ถึงเรมันจะเก่งจะแกร่งแต่ผมก็กลัวเพราะลางสังหรณ์ของเรเวนไม่เคยพลาด 

     ผมหลับตาพิงหลังกับพนักอย่างข่มใจ หวังว่าเราสองพี่น้องจะสื่อถึงกันได้แม้ว่าตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนก็ตาม อแาซอนเน่นั่งลงข้างกันพลางดึงมือผมไปกุมไว้แน่น

     ผมอยู่ที่สภาจนช่วงเย็นอัลไสวเดอร์ก็เข้ามาหาท่านอา ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาหวงอะไรทั้งนั้นเพราะเรื่องพี่กับมีนสำคัญกว่า

     "สวัสดีครับ" ผมทักทายตามมารยาท

     "คุณมาพอดีเลย" ซอนเน่รีบตรงไปหาชายคนนั้นอย่างเร่งร้อน

     "หลังจากคุณโทรมาบอกผมก็ให้คนของอาร์เคนช่วยหาอีกแรง และนี่เป็นข้อมูลที่เราเคยสืบเกี่ยวกับฐานที่มั่นของซาโตนี่ ผมให้ลูกน้องคัดมาเอาเฉพาะพื้นที่ใกล้ ๆ นั้น"

     "ขอผมดูด้วย" เมื่อได้ยินดังนั้น ผมก็รีบลุกขึ้นไปดูเอกสารที่ถูกวางกระจายอยู่บนโต๊ะอีกคน 

     "แล้วก็เรื่องของเวรุกา ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใครจนสืบเจอภาพถ่ายถึงนึกได้ว่า หลังจากอาวาร์คเข้าร่วมกับซาโตนี่และทิ้งครอบครัวไปเธอคนนี้คือผู้ติดตามของเขา หลังเรื่องวุ่นวานภายในตระกูลอาร์เคนจบลงเธอได้หายตัวไป น่าจะเปลี่ยนชื่อล้างประวัติตัวเองใหม่ และเข้ามาทำงานในสภาเพราะรายชื่อคนที่ขอเยี่ยมอาวาร์คในนิฟเฮมคนสุดท้ายคือเธอนี่ละ"

     "เป็นไปได้ไหมว่าเธอพยายามสานต่อสิ่งที่พี่ชายคุณเคยทำให้สำเร็จ" ท่านอาเอ่ยถาม 

     "น่าจะเป็นแบบนั้น สิ่งสำคัญที่จะเอาลูซิเฟอร์ขึ้นมาบทโลกมนุษย์ได้จำเป็นต้องใช้ประตูนรก แต่ในเมื่ออันเก่าถูกรอททำลายไปก็ต้องสร้างใหม่" อัลไสวเดอร์ดูเคร่งเครียดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

     "แล้วผู้หญิงคนนั้นทำเพื่ออะไร ถ้าเธอเงียบ ๆ ไปก็สบายแล้วทำไมถึงต้องเสี่ยง" ผมว่า หากยังมีคนคิดจะทำอีกผมกับพี่จะไม่ถูกระรานอย่างไม่จบไม่สิ้นหรือไง

     "เธออาจเชื่อเรื่องคำสาป ที่บอกต่อมาในอาร์เคน คนส่วนมากที่ติดตามอาวาร์คก็เชื่อแบบนั้น" คนอาวุโสกว่าตอบ

     "คำสาปอะไร" ผมถาม 

     "รู้ใช่ไหมเรื่องของพวกเราสามตระกูลใหญ่ ต่างสืบสายเลือดมาจากบุตรของซาตาน" ผู้นำอาร์เคนคนปัจจุบันกล่าว "ต้นตระกูลของฉัน เฮล่าเคยให้สัตย์สาบานต่อลูซิเฟอร์ไว้ ว่าจะมอบสายเลือดของตนสังเวยเป็นร่างให้ หากทำไม่สำเร็จเผ่าพันธุ์อมนุษย์จำต้องสูญสิ้นไป"

     "แล้วคิดว่ามันจริงไหมค่ะ" ท่านอาเอ่ยถามบ้าง "ถึงรอทจะเคยเล่าให้ฟังมาก่อนก็เถอะ"

     "ไม่รู้สิ สำหรับผมมันเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะพวกเรามีอายุยืนยาว การเลือกคู่ชีวิตและสร้างครอบครัวขึ้นใหม่จึงมีไม่มาก ซ้ำบางเผ่าพันธุ์ยังบ้าในเเลือดบริสุทธิ์ทำให้อัตราการเกิดของเด็กรุ่นใหมต่ำลง เมื่อเทียบกับการเพิ่มประชากรของมนุษย์พวกเราจึงมีอัตราส่วนที่ลดลงเรื่อย ๆ"

     "เป็นอย่างที่คิดเลย ว่าที่ยัยบ้านั่นอยากได้ต้องเอาไปทำอะไรไม่ดี" แต่ได้ฟังแบบนี้ก็มั่นใจได้ว่าพวกมันไม่มีทางทำร้ายพี่ผมแน่ เพราะจำต้องใช้ประโยชน์อยู่ ระหว่างนั้นคงรีบตามหาทั้งสองคนให้เร็วที่สุด "จริงสิถ้าผมอยู่ใกล้ ๆ กับพี่จะพอเดาที่อยู่ของอีกฝ่ายได้"

     "งั้นเธอควรไปที่นั่นด้วยตัวเอง" อัลไสวเดอร์แนะนำ "เพื่อความปลอดภัยฉันจะไปเป็นเพื่อน พวกมันได้ตัวพี่เธอไปแล้วหากได้เธอไปอีกคนจะเป็นเรื่องใหญ่" ถึงจะไม่ชอบหน้าหมอนี่ที่เข้ามาเจาะแจะท่านอาแต่ก็รู้สึกขอบคุณอยู่ดี ผมทิ้งอคติชั่วคราวก่อนจะตามหมอนี่ออกมาแต่โดยดี

      อัลไสวเดอร์พาผมมาที่สนามบิน ซึ่งมีเครื่องบินส่วนตัวจอดรออยู่ บนนั้นมีอารอทกับพี่โยรอก่อนอยู่แล้ว เราทั้งหมดจะบินตรงไปลงสนามบินโคราชแล้วค่อยออกตามหาบริเวณโดยรอบ

     "ทำไมถึงช่วยผมขนาดนี้" ผมเอ่ยถามขณะที่เราอยู่บนเครื่อง

     "เพื่อความสบายใจของซอนเน่" คำตอบที่ได้รับทำเอาผมเจ็บจี๊ดขึ้นมา เจ้านี่จริงจังขนาดนี้เลยหรือ "แล้วอีกอย่างถ้าประตูนรกสำเร็จต้องมีเครื่องสังเวยเป็นเด็กเลือดผสม คนที่จะเดือดร้อนต่อจากนั้นคือลูกชายฉัน ที่จริงฉันทำไปเพื่อปกป้องโยนาห์ด้วย"

     "คุณเกลียดพี่คุณไหม จนป่านนี้ยังต้องมาตามแก้ปัญหาในสิ่งที่เขาก่อ" ผมสบตาอัลไสวเดอร์พลางถาม ใครต่างก็รู้จักฝาแฝดบ้านอาร์เคน พี่น้องที่เลือกเดินคนละทาง 

     "เธอเองก็มีแฝดน่าจะเข้าใจความรู้สึกฉันนะ" ใบหน้าคมเข้มแบบชายวัยกลางคนตอบพลางยิ้มเฝื่อน ดวงตาสีเทาดูเจ็บปวดสับสน "ก่อนหน้าที่พี่จะเดินทางนี้ เขาเป็นพี่ที่ดีและปกป้องฉันมาตลอด จนถึง ณ วินาทีสุดท้ายที่พี่ตายต่อหน้าฉันก็เกลียดเขาไม่ลง"

     "ผมคิดว่าเข้าใจคุณนะ แล้วก็ขอบคุณ"



     Mussaya Say

     ผมตื่นขึ้นมาบนพื้นปูนเย็นเฉียบ รอบตัวมืดสลัว ได้ยินเสียงน้ำหยดก้องไปทั่วบริเวณอย่าบอกนะว่าโดนขังในห้องน้ำอนาถจริง แค่ขยับก็เจ็บร้าวไปทั้งกาย มือทั้งสองโดนมัดไขว้หลังไว้ ขาก็ด้วย ก่อนหน้านี้เราโดนใครสักคนไล่ล่าจนรถเสียหลักลงข้างทาง 

     "เร..." ผมร้องเรียกเสียงแผ่วเพราะคอแห้งจนแสบไปหมด "เร...มึงอยู่ไหน" 

     "ตรงหน้า" เสียงทุ้มคุ้นหูช่วยทำให้ใจชื้น พยายามหรี่ตามองในความมืดก็พบใครอีกคนโดนมัดตรึงไว้ตรงกำแพงด้วยโซ่เหล็ก  หากเป็นปกติมันคงกระชากขาดไปแล้วถ้าไม่มีวงเวทย์ประทับไว้อีกชั้น

     "มึงเป็นไรมากไหม ยังเจ็บ!...อึก...อยู่ไหม" ผมฝืนขยับตัวไปหามันด้วยความเป็นห่วง

     "ห่วงตัวเองเถอะมีน" มันปรามเสียงดุ "อย่าขยับเยอะ!!!"

     "เราอยู่ที่ไหน"

     "ไม่รู้ รู้แต่พวกซาโตนี่จับเรามา" มันบอกเสียงเครียด

     "ทำยังไงดี มันจะทำอะไรเราหรือเปล่า" ผมถามอย่างร้อนรน ความเงียบที่ได้รับมันทำให้ผมใจเสีย

     พรึบ!!! ไฟในห้องก็สว่างขึ้นมาเผยให้เห็นทุกสิ่งอย่าง อ่างน้ำขนาดใหญ่ มีด เตียง อุปกรณ์ทรมานสารพัด อย่างกับในหนังสยองขวัญ อมนุษย์กว่ายี่สิบตนย่างเท้าเข้ามาหาเรา บางคนมาในร่างเต็มเป็นอสูรร้าย บางคนอาวุธครบมือจนอดสะพรึงไม่ได้ มันตัวหนึ่งถลาเข้าใส่เรอย่างโกรธแค้น

     "มึง!!!!" พลัก!!! หมัดหนัก ๆ ซัดเข้าหน้าคมจนหันไปด้านข้าง ทำเอาผมตกใจ

     "ใจเย็นดิวะ" ชายร่างยักษ์เข้ามาดึงเพื่อนไว้ก่อนที่มันจะได้ซ้ำ

     "แต่มันฆ่าไอ้วี!!!" เจ้านั่นตะโกนอย่างขุ่นเคือง เดาว่าคงเป็นหนึ่งในแบล็คลิสที่เรกำจัดทิ้ง "แม่ง!! นานๆ จะมีโอกาสกระทืบ!!!" มันเตะเข้าท้องเรอย่างจัง แต่ร่างสูงกลับไม่สะทกสะท้านเพียงแค่มองตอบ พร้อมยักคิ้วให้อย่างยียวนทำเอาอีกคนอารมณ์ขึ้น "กวนตีนนักนะมึง"

     โครม!!! เจ้านั่นโดนเรถีบกระเด็นไปไกลก่อนจะถึงตัวอีกรอบ ทำเอามันยั่วะจัดแต่แทนที่จะกลับไปลงที่เร กลายเป็นผมที่ถูกกระชากขึ้นจากพื้น

     "เฮ้ย!!!!...อัก!!!! แค่ก แค่ก " หมัดหนัก ๆ ต่อยท้องเข้าเต็มแรง จุกจนสำลักเลยครับ กระดูกซี่โครงผมหักเปล่าวะเนี่ย ผมทรุดลงกับพื้นก่อนจะถูกเตะซ้ำสองสามทีเหมือนร่างจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ...เจ็บเป็นบ้า ผมถูกบังคมให้ลุกยืนก่อนมันจะลากผมมาตรงหน้าเร

     "โอ๊ย!!!" มันกระชากผมจนหน้าแทบหงาย แสบหนังหัวไปหมด มือแกร่งบีบคางผมให้หันไปสบตาสีน้ำเงินเข้มของเรที่สั่นไหว

     "มึงจะอวดเก่งยังไงก็คิดให้ดี" มันบอกเสียงเหี้ยมก่อนจะแต่ข้อพับผมจนต้องลงไปคุกเข่าตรงหน้าคนรัก "ถึงกูทำอะไรมึงไม่ได้ แต่กูทำไอ้เด็กนี่ได้"

     "เหี้ย!!...อย่า" ผมพยายามดิ้น เมื่อมือสาก ๆ ล้วงเข้ามาในสาบเสื้อ มือกร้านสัมผัสกายอย่างหยาบโลนให้ความรู้สึกขยะแขยงจนน้ำตาคลอ

     "เอามือมึงออกไป" เรตวาด "อย่าแตะต้องคนของกู" ร่างสูงดิ้นพล่านสายโซ่ที่ล่ามดึงกำแพงจนสะเทือน

     "แล้วมึงจะทำไม" มันตะโกนก้องพร้อมทิ้งร่างผมลงพื้น ก่อนกระโจนใส่เรอีกครั้ง ทั้งถีบทั้งเตะรุนแรงตามอารมณ์ ถึงเรไม่ใช่คนแต่มันก็เจ็บเป็น ร่างสูงกัดฟันทนปราศจากเสียงร้องใด ๆ สายตาที่จ้องมาทางผมทั้งเป็นห่วงทั้งกังวลโดยไม่สนใจสภาพตัวเองด้วยซ้ำ

     ผมนอนมองภาพคนรักที่โดนทำร้ายซ้ำ ๆ เรไม่แม้แต่จะตอบโต้เพราะกลัวอีกฝ่ายจะวกกลับมาทำร้ายผม อยากจะห้ามอยากเอาตัวไปบังแต่ก็ทำไม่ได้เพราะร่างกายบอบช้ำเกินกว่าจะลุกไหวอีกทั้งมือยังถูกมัดเอาไว้

    "เร...ฮึก...พอ พอแล้ว อย่าทำมัน" น้ำตาผมไหลออกมาอย่างสุดกลั้น ยิ่งเรเจ็บกายเท่าไหร่ผมยิ่งเจ็บปวดในใจเท่านั้น "พอแล้ว หยุด...ฮือ กูขอร้อง ทำ...ทำกูก็ได้" ผมอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง ในตอนนี้รู้แล้วว่าผมรักมันมาก มากจนรู้สึกทรมานที่เห็นมันโดนทำร้าย กลัวมันจะตาย กลัวมันจะจากผมไป

    "พอได้แล้ว!!!" เสียงหวานกังวานก้องไปทั้งห้อง ก่อนที่ร่างงดงามแต่ให้ความรู้สึกขนลุกจะเยื้องย่างเข้ามา "โอ๊ะ ดูสิเด็กน้อยน่ารัก ช้ำไปหมดเลย" มือเรียวเชยคางผมขึ้นมอง

     "เขาบอกความรักทำให้เราอ่อนแอ คิดว่าไงเร" เธอหันไปถามร่างสูงพลางยิ้มเยอะ 

     "ปกติฝาแฝดเรเวนจับตัวยากจะตายไป แล้วดูสิ ได้คนพี่มาอยู่ตรงหน้าแล้วละ ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ ถ้ามันไม่ห่วงเธอละก็ ป่านนี้คงจะหนีหายจนจับไม่ทันแล้วละมั้ง ฮ่าๆๆๆๆ"

     คำพูดของผู้หญิงคนนั้นเหมือนน้ำเย็นสาดซัดจนร่างชา...เพราะผม...เพราะมีผมคอยถ่วงเรจึงพลาดท่าให้กับพวกมัน...มันรู้สึกแย่ จนไม่อาจหยุดน้ำตาตัวเองได้ พร่ำพูดคำเดิมซ้ำ ๆ อย่างรู้สึกผิดเต็มหัวใจ

     "ขอโทษ กูขอโทษ ฮึก" 

     "มีน"

     "มึงน่าจะทิ้งกูแล้วหนีไป" 

     "มีน...มีน พอแล้ว" เสียงทุ้มเอ่ยปราม ผมได้แต่คู่ตัวซุกหน้าลงกับพื้น ไม่กล้าที่จะมองหน้าเรด้วยซ้ำ จนได้ยินเสียงถอนหายใจของมัน "ต้องการอะไร"

     "เคยบอกไปแล้วนี่ แค่สร้างของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างประตูนรก แค่นั้นเอง" ร่างระหงก้าวประชิดตัวเรก่อนจะไล้มือไปตามใบหน้าคมอย่างถูกใจ "ใจจริงก็ไม่ได้อยากใช้วิธีรุนแรงแบบนี้หรอก แต่ก็นะทั้งที่เสนอให้ทุกอย่างแล้วไม่รับ มันก็ไม่มีทางเลือกนี่นา"

     "ทำแล้วได้อะไร"

     "หึ นายไม่อยู่ในสถานะที่ต่อรองได้" ริมฝีปากอิ่มเหยียดยิ้ม "ชีวิตไอ้เด็กนี่เป็นไง" เธอมองมาทางผมอย่างมาดร้าย "เพราะถ้าไม่ทำ เดี๋ยวเด็ก ๆ ของฉันจะช่วยรับไปดูแล" สายตาของอมนุษย์หลายตนจ้องมาที่ผม ให้ความรู้สึกสยดสยองเพราะความหื่นกระหายที่สื่ออกมาอย่างชัดเจน แค่จินตนาการว่าพวกมันจะทำอะไรร่างกายก็สั่นกลัวไปหมด

     "ก็ได้ แต่มีนต้องอยู่ในสายตากูตลอด" เรต่อรองเสียงเครียด "รับประกันได้เหรอว่าไอ้พวกสวะนั่นจะไม่เตะต้องแฟนกู"

     "มึงว่าใครสวะวะ" จอมโมโหเจ้าเดิมตวาดลั่น

     "ใจเย็นน่า" แม้คำพูดจะอ่อนหวานแต่สายตากลับหยุดอีกฝ่ายได้ทันที "เอาอย่างนั้นก็ได้"

     "แต่เจ้านาย!!!..."

     "เรไม่กล้าหนีหรอก เพราะถ้าหนี เจ้านี่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่" ประโยคแรกพูดกับเรประโยคต่อมาก้มลงกระซิบข้างหูผม

     "ต้องการอะไรอีกไหม" เธอหันไปถามเร

     "แก้มัด" 

     "ก็ได้ ๆ"

      พอวงเวทย์ถูกถอนออก โซ่ที่ล่ามข้อมือเรก็ถูกกระชากขาด ก่อนที่ร่างสูงจะถลาเข้ามาหาผมในทันที พวกของซาโตนี่เดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ ได้ยินผู้หญิงคนนั้นสั่งงานลูกน้องอยู่ไกลจนจับใจความไม่ได้ เรแก้มัดผมอย่างเบามือ ส่วนผมทำได้เพียงนอนนิ่ง ๆ แค่หายใจยังเจ็บไปหมด 

     "เจ็บมากไหม" มันเช็ดคราบน้ำตาผมด้วยมือที่สั่นเทา 

     "ขอโทษ" ผมบอกเสียงเบา

     "ความผิดกู ไม่ต้องขอโทษ" เรสบตาผมจริงจัง "กูประมาทเอง..." ตาคมไล่มองไปทั่วตัวอย่างครุ่นคิดก่อนจะมองรอบห้อง

     "จะทำอะไร"

     "ทำให้มึงรู้สึกดีขึ้น" 

     "โอ๊ย!!!" แขนแกร่งค่อย ๆ ช้อนอุ้มผมขึ้น แค่ขยับเพียงเล็กน้อยก็เจ็บร้าวจนน้ำตาซึม ขายาวก้าวตรงไปยังอ่างน้ำขนาดใหญ่ก่อนวางผมลงให้เอนหลังพิงตัวมันที่นั่งตรงขอบอ่างแล้วเอื้อมมือไปเปิดน้ำ สายน้ำเย็นที่ไหลผ่านทำให้รู้สึกดีขึ้น อาการเจ็บปวดค่อยทุเราลง มือใหญ่วักน้ำไปทั่วร่างให้กระแสน้ำช่วยเยียวยา

     "อย่าให้พวกมันรู้" เสียงทุ้มกระซิบเตือน ผมจึงพยายามคุมตัวเองไม่ให้กลายร่าง "ดีขึ้นไหม" ผมพยักรับก่อนจะฟุบหน้าลงกับตักมันอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่คิดเรยว่าชีวิตจะได้มาเจออะไรแบบนี้

     "แล้วมึงเป็นไงบ้าง"

     "กูไม่เป็นไร" มันตอบพลางลูบหัวผมเบา ๆ 

     "เอาไงดี ทำยังไงดี" ผมถาม รู้สึกอับจนหนทางยังไงก็ไม่รู้

     "มีน" เรเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเชยคางผมขึ้นสบตา "กูจะพาออกไปจากที่นี่ให้ได้ จะไม่ยอมให้คนที่กูรักมาตายที่นี่แน่ รักมีนนะ เชื่อใจกันนะ" นัยน์ตาสีน้ำเงินลึกล้ำมากไปด้วยความรู้สึกที่มีให้ คำว่ารักทำให้ผมยิ้มได้แม้กายเจ็บ ใครว่ารักทำให้คนอ่อนแอ มันทำให้รู้สึกเข้มแข็งต่างหากละ แม้ในสถานการที่จนตรอกแบบนี้ผมกลับรู้สึกมีความหวังและอุ่นใจที่มีเรอยู่ใกล้ 

     "อืม...กูเชื่อใจมึง" 

:ling1:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่16 P2 1/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-11-2017 18:13:30
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่16 P2 1/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 02-11-2017 09:36:27
ลุ้นหนักมาก
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่16 P2 1/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 04-11-2017 00:57:23
บทที่ 17

Amun-re Say

     สี่วันมาแล้วที่เราถูกขังอยู่แบบนี้ ในห้องคอนกรีตที่มีเพียงประตูเหล็กกล้าตัดเราจากภายนอกไม่เห็นเดือนเห็นตะวันมีเพียงแสงไฟจากหลอดนีออนที่คอยให้แสงสว่าง แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอมนุษย์อย่างพวกเรานัก 

    พวกมันให้มีนอยู่นสายตาผมจริง ๆ ในห้องข้างกันที่มีเพียงบานกระจกหนาคั่นกลาง  มีเตียงเหล็กกับฟูกเก่าและห้องน้ำที่พอให้งานได้ไม่ถึงขั้นอนาถาเท่าของกรมราชทัณฑ์ ทุกวันคนของซาโตนี่จะเอาอาหารและน้ำรวมถึงเสื้อผ้าเข้ามาให้วันละครั้ง กระจกกั้นเสียงของเราไว้แต่สำหรับผมนั้นพอจะได้ยินด้วยประสาทสัมผัสชั้นเยี่ยมที่มี แต่สำหรับมีนจากที่อยู่ด้วยกันมา ทำให้รู้ว่าชาวเงือกหากไม่อยู่กับน้ำก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา จัดเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีร่างกายอ่อนแอก็ว่าได้ เราจึงมักสื่อสารกันด้วยท่าทางและสายตามากกว่า 

     ผมมองร่างบางที่กอดเข่านั่งเหม่ออยู่บนเตียงห้องข้างกัน ดวงตาที่มักสดใสดูหม่นแสงไป สภาพร่างกายแม้จะดีขึ้นมากแต่สภาพจิตใจของมีนกลับดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด หลายครั้งที่ดวงตาคู่นั้นมองมาทางผมอย่างรู้สึกผิด มีนคงกำลังโทษตัวเองที่ทำให้เราถูกขังอยู่แบบนี้ เหลือบมองจานอาหารที่วางอยู่บนพื้น มันยังคงสภาพเดิมไม่พร่องไปแม้แต่น้อยนั่นยิ่งทำให้ผมห่วง

     ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะกระจกเรียกคนอีกห้องให้หันมองก่อนจะชี้ไปที่จานอาหารก่อนจะทำท่าทำทางเตือนอีกฝ่ายให้กินซะ มีนหันมายิ้มฝืนก่อนจะส่ายหัว

     “กูไม่หิว” ได้ยินเสียงมันตอบ ผมมองมันดุ ๆ ตั้งแต่ฟื้นมามันแทบไม่กินอะไรเลยนอกจากน้ำ สุดท้ายไอ้ตัวดีมันก็ยอมลุก เดินกระฟัดกระเฟียดมานั่งอยู่ตรงหน้าจานข้าว ทำแก้มพองน่ารักจนอยากลากมาฟัดให้หายอยาก 

     ไอ้กระจกบ้าเนี่ย...แค่ทุบก็แตกแล้ว แต่ยังไม่อยากเปิดประเด็นกับพวกซาโตนี่ตอนนี้ จึงต้องยอมตามน้ำไปก่อน ยืนกดดันให้คนน่ารักกินข้าวไปจนครึ่งจานจึงหันมาสนใจสิ่งแปลกปลอมที่อยู่กลางห้องของตัวเองแทน

      มองแท่นศิลาตรงหน้าพลางถอนหายใจหนักๆ คงต้องเริ่มทำอะไรซักอย่างขืนยึกยักมันคงหาเรื่องทำร้ายมีนแน่ แบบร่างของเฮลเกทมันคือสิ่งที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ศาสตร์แห่งการสื่อสารการหยั่งรู้เป็นสิ่งที่สั่งสอนกันมาในสายเลือดเรเวนรุ่นสู่รุ่น ผมมองแบบร่างในกระดาษที่วางอยู่ข้างกัน ก่อนลอกมันลงบนแผ่นศิลาสีดำ พลังของเฮลเกทมาจากผู้สร่างต่อให้คุณรู้แบบแปลนแต่ถ้าไม่ใช่สายเลือดเรเวนมันก็คงเป็นแค่งานศิลปะชิ้นหนึ่ง เส้นสายถูกลากไปอย่างช้า ๆ ด้วยชอคขาว ไม่ได้ตั้งใจจะทำจริงแต่เพื่อประวิงเวลา 

     ผมกำลังตั้งสมาธิกับตัวเองพยายามสัมผัสกับทุกสิ่ง เสียงแผ่วที่ดังรอบตัว เสียงทำงานของเครื่องจักร กลิ่น อากาศ อุณหภูมิ พยายามเอาทุกสิ่งที่รับรู้ได้มาวิเคราะห์ ตอนนี้เราน่าจะอยู่ใกล้น้ำมาก ไม่ติดแหล่งน้ำก็คงเป็นใต้น้ำด้วยความชื้นที่สัมผัสได้ในอากาศ กลิ่นใบไม้กลิ่นดินเดาว่าคงมีป่าอยู่ไม่ไกล เรเวนรอบรู้ส่วนหนึ่งเพราะสัญชาตญาณที่เฉียบคมทำให้เราสามารถประมาณการณ์สิ่งที่จะเกิดรอบตัวได้ 

      ผมประมาณคร่าวจากตอนที่เราโดนพาตัวมาแม้จะถูกปิดตา แต่เดาจากความเร็วรถที่วิ่งมากับจำเส้นทางเวลามันเลี้ยวขึ้นเนินหรือรายระเอียดต่าง ๆ ทำให้รู้ว่าเราถูกพามาจากตรงที่รถคว่ำไม่น่าเกินสองร้อยกิโลเมตร

     (พี่เร!!!!) เสียงเรนดังในโสดประสาท หาเจอไวกว่าที่คิดแฮะ

     (มาช้าน้องรัก) ผมแซวกลับ พยายามเพ่งจิตดูว่ามันอยู่ตรงไหน หากคุยกับผมในความคิดได้แสดงว่าอยู่ไม่ไกล

     (ข้างบนไงไอ้พี่บ้า บนสันเขื่อน) เพราะงี้สินะจึงได้กลิ่นน้ำ ดินและต้นไม้สินะ เดาว่าเราน่าจะถูกขังอยู่ในสันเขื่อนส่วนที่่ใช้ผลิตไฟฟ้า เดาจากกำแพงคนกรีตหนาชนิดที่แรงดันภายนอกแทบทำอะไรไม่ได้ 

     (มาถูกด้วย เก่งนะ)

     (โธ่ ที่พี่รับรู้ได้ผมก็พอจะรู้ด้วยเปล่าวะ ถึงมันจะลางๆ ก็เถอะ อยู่โคตรไกลเลย) เรนตอบ 

     เราเป็นแฝดจึงสื่อถึงกัน ความเชื่อมโยงนี้ช่างมีประโยชน์มหาศาล เมื่อใครคนใดคนหนึ่งหายไป อีกคนก็ตามหาได้ไม่ยาก เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากพ่อแม่แท้ ๆ ของเรา ท่านพ่อที่รับเราไปเลี้ยง และท่านอา 

     (เหอะซ่อนอยู่ในนี้ ใต้จมูกเราเลยนะ นึกว่าพวกรัฐบาลจะร่วมมือกับสภากลางเต็มที่เสียอีก ไหงถึงซ่อนไอ้พวกนี้ไว้ได้ เอาฐานซาโตนี่ไว้ใต้เขื่อน.... พลังเงินนี่น่ากลัวจริง ๆ) เรนบ่นยาว ดูจากที่ขังเราหน้าจะถูกแปลนให้เป็นฐานของพวกมันมาตั้งแต่เริ่มสร้าง (แล้วมีนเป็นไงบ้าง)

     (ก็ดูซึม ๆ ใจกูอยากพามันออกไปตั้งแต่วันแรกเลยด้วยซ้ำ) ผมบอกพลางมองคนที่อยู่ห้องข้างกับ ผมชะงักกับสิ่งที่เห็นเมื่อน้ำที่เคยอยู่ในแก้วกำลังไหลไปไหลมาในอากาศตามมือเรียวที่โบกนำทาง มีนหันมามองผมยิ้มกว้างพร้อมอวด 

     (พี่เร เฮ้ย ทำไมเงียบวะ)

     (เออ มีอะไร) ผมหันมาสนใจปัจจุบัน 

     (ผมบอกกับพวกอาไปแล้ว คงเตรียมตัวกันอยู่) ผมนิ่งคิดไปครู่ถึงวิธีที่จะพาเราหนีออกไปจากที่นี่ ลำพังผมคนเดียวคงไม่ยาก แต่สิ่งที่กังวลคือต้องพาอีกคนออกไปโดยที่เสี่ยงน้อยที่สุด (ต้องวางแผนกันหนักอยู่วะพี่ ตอนนี้ให้คนไปหาพิมพ์เขียวของที่นี่อยู่ ขืนปะทะกันแรง ๆ เขื่อนพังลงมานี่งานหยาบแน่)

     (ก็ดี เดี๋ยวคนที่อยู่ใต้เขื่อนจะเดือดร้อนกัน) นึกถึงมวลน้ำมหาศาลที่ไหลท่วมหมู่บ้านโดยรอบคงสูญเสียกันไม่น้อย

     (ก็ไม่ได้คิดดีขนาดนั้น) มันแย้ง (แค่กลัวพี่โดนคอนกรีตทับตาย ฮ่าๆๆๆ ไปแล้ว เดี๋ยวจะรีบมา) เสียงหัวเราะมันชั่วเหมือนหน้าตาเลยไอ้น้องเวร

     หน้าตาเหมือนกันไม่ใช่หรอ

     ผมคว้าเอาสิ่วมาตอกลงบนศิลาอย่างใจเย็น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับว่าตอนนี้อยู่ในสภาพวะจำยอมและกำลังทำตามที่มันต้องการ หันมองคนรักที่อยู่ห้องข้างกันเป็นระยะ มีนดูหายเบื่อไปบ้างกับการลองใช้พลังตัวเองบังคับน้ำไปมา เสียงเปิดประตูห้องผมดังขึ้นก่อนที่ร่างระหงจะเดินนวยนาดเข้ามากับลูกน้องสามสี่คนพร้อมอาวุธครบมือ มันจะกลัวอะไรมากมาย

     "ว้าว แค่เส้นร่างก็สวยแล้ว คิคิ" ผมละเกลียดเสียงหัวเราะของยัยนี่ซะจริง

     "มีอะไรอีกละ" ผมถามเสียงเย็นเมื่อฝ่ายหญิงเข้ามาโอบไหล่อย่างถือวิสาสะ

     "เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ฉันเสียดายจริง ๆ สายเลือดเรเวนของเธอ"  สายตาโลมเลียนั่นคงไม่เสียดายแค่สายเลือดหรอกมั้ง 

     หึ...ต่อให้สวยเหมือนนางฟ้าก็สู้ไอ้เกรียนผมไม่ได้หรอกนะ จมูกโด่งคลอเคลียที่ข้างแก้มอย่างย่ามใจ ผมเบี่ยงหน้าหลบเมื่อหญิงสาวทำท่าจะจูบ ทั้งที่ใจอยากจะผลักให้กระเด็นแต่กลัวคุณเธอจะพาลไปลงอีกคน มีนเบือนหน้าหนี ดูก็รู้ว่าไม่พอใจ มันล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมหันหลังให้ผมทันที

     "ถ้าสิ่งแลกเปลี่ยนมันดีพอนะ" ผมยกยิ้ม เอามือไล้แก้มเนียนอย่างหยอกเย้า

     "พูดง่ายแต่แรกก็ไม่ต้องรุนแรงกันแล้ว" หึ...ก็ทำเป็นคล้อยตามไปงั้น "เอาเถอะฉันไม่ไม่อยากเร่ง ให้เวลาไปคิดแล้วกันนะที่รัก อ้อ ถึงฉันจะไม่รีบ แต่ถ้าฉันรู้สึกว่าเธอกำลังตุกติก ชักช้าในการสร้างมัน ฉันคงไม่ใจดีเท่าไหร่นะ"

     "หึ..." ผมยิ้มเยาะอย่างท้าทาย..ขู่เก่งจริง

     "เอาเถอะ ใจจริงก็อยากอยู่นานกว่านี้ แต่สักขีพยานเยอะไปหน่อย" ริมฝีปากอิ่มเบ้ใส่ลูกน้องอย่างรังเกียจ "ไว้ตัดสินใจได้เราค่อยมาสนุกกันสองต่อสองแล้วกันนะ"

     คนของซาโตนี่ออกจากห้องไปก่อนที่เสื้อผ้าและอาหารจะถูกนำเข้ามาให้แล้วประตูเหล็กกล้าบานใหญ่ก็ถูกล๊อคไว้ดังเดิม ผมถอนหายใจหนักๆ ไม่รู้เวรุกาจะพิศวาสอะไรกับผมนักหนา ชอบมาแตะเนื้อต้องตัวซะจริง หากเป็นปกติ ถ้าสวยก็จัดมา สนองให้หมด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ผมมีคนที่รักแล้ว การที่มีใครมาระรานมากไป มันก็น่ารำคาญเกินทน ยิ่งท่าทางไม่พอใจของมีนผมยิ่งรู้สึกแย่แม้ลึก ๆ จะดีใจที่มันหวงก็เถอะ

     รอ...ผมรอไอ้เรนอย่างอดทน รู้สึกสงสารมีนเต็มทน คนที่ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป ต้องมาถูกซ้อมถูกขังอยู่แบบนี้คงกลายเป็นความทรงจำแย่ ๆ สำหรับเราสองพี่น้องตั้งแต่พ่อแม่ตายก็โดนล่ามาตลอดก่อนมาเจอตระกูลซานซิโอ ไอ้เรื่องโดนขังโดนจับมันเป็นเรื่องปกติ 

     หันมองมีนที่เดินมึนๆ ออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ ดูเสื้อผ้าที่พวกเวรนั่นมันเตรียมให้เมียผมสิ เสื้อยืดตัวโคร่งปิดหมิ่นเหม่พอถึงเขา ทรมานใจชิบหาย ออกไปจากที่นี่ได้นะพ่อจะฟัดให้จมเตียงเลย

     (ไอ้พี่เร หลับยางงง) เสียงทะเล้นเอ่ยทักขึ้นในความคิด

     (ยัง...ใครจะไปหลับลงวะ)

     (เออพี่ พวกผมพร้อมแล้วนะ พวกอาก็มาด้วย ตอนนี้ซุ่มกันอยู่รอบ ๆ ล้อมไว้หมดแล้ว) เรนเข้าเรื่อง (เราได้พิมพ์เขียวของที่นี่มาแล้วแล้ววางแผนกันแบบนี้ จากตรงที่พวกพี่โดนขังอยู่ มันอยู่ลึกเข้าไปในสันเขื่อน ออกมาซักไม่น่าเกินสี่สิบเมตรมันจะเป็นส่วนผลิตไฟจะมีไดนาโมตัวใหญ่ ๆ เรียงกันอยู่ ตรงนั้นจะมีท่อส่งน้ำที่ปล่อยน้ำจากในเขื่อนให้ไหลผ่าน)

     (แล้วยังไงต่อ)

     (คือประตูทางเข้าที่นี่ ส่วนที่เข้าสู่ห้องผลิตมันมีทางเข้าทางเดียวมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะปะทะ คืออารอทบอกว่าเข้าจะปะทะไปตรง ๆ ดึงความสนใจเดี๋ยวส่วนนี้อาหมอจะจัดการให้ ส่วนอาจะพยายามแทรกซึมเพื่อตัดระบบผลิต ปิดประตูน้ำด้านในหยุดกระแสน้ำที่ไหลเข้าอุโมงค์ แล้วทีนี้อุโมงค์ขาออกก็จะโล่ง ให้พี่พามีนออกมาจากทางนั้น)

     (แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่)

     (ผมให้เวลาพี่ทำใจสิบนาที พวกผมจะบวกแล้ว แล้วถ้าอารอทแทรกเข้าระบบได้เมื่อไหร่ผมจะบอกพี่ อาบอกมีเวลาสิบนาทีก่อนที่ประตูน้ำจะเปิดอีกรอบพี่ต้องออกมาให้ได้ คือกระแสน้ำมันแรงมากนะพี่ถ้าโดนพัดออกมาละก็ไม่รับประกันความปลอดภัยวะ ห้องที่โดนขังพี่พอจะพังออกมาได้ไหม)

     (ได้สิ  ประตูแค่นี้สบายมาก) ผมมองผ่านช่องเล็ก ๆ ตรงบานประตูเหล็กดูเหมือนจะมีคนเฝ้าอยู่ข้างนอกแค่สี่ห้าคน

     (โอเคงั้นรอเลย...เออพี่เร)

     (อะไรน้องรัก)

     (พ่อมีนรู้เรื่องแล้วนะ เขาโทรมาถามผมไง ไม่เห็นมีนถึงบ้านซักที) น้องผมบอกเสียงเครียด 

     (แล้วเขาว่าไง) ลืมนึกไปเลยว่าที่หมายตอนแรกของเราคือพามีนไปเยี่ยมบ้าน

     (พ่อมีนโกรธพี่พอตัวเลยวะ เห็นบอกว่า ถ้าพามีนหนีออกไปได้คงต้องคุยกันยาว) เรนบอก แหงสิพาลูกเขามาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายขนาดนี้ (ตอนนี้เลยให้รออยู่ที่บ้านอาไปก่อน เตรียมตัวเจอพ่อตาอาละวาดไว้เลย)

     (อืม) ผมหันไปมองคนที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้วก่อนจะเคาะกระจกปลุกมีนให้ลุกขึ้นมา ร่างบางงัวเงียเดินมาหาผมประมาณว่ามีอะไร

     "เราจะหนี" ผมพูดให้มีนอ่านปาก นัยน์ตาสีดำเบิกกว้างอย่างแปลกใจ ผมจึงต้องขยับปากพูดซ้ำไปอีกทีก่อนจะทำสัญญาณมือให้อีกคนถอยห่างจากกระจก ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามแต่โดยดี

     เพล้ง!!!! ผมออกแรงถีบกระจกหน้าตรงหน้าจนมันพังลงมาคาตีน คนของซาโตนี่ที่คอยเฝ้าโวยวายขึ้น

     ตูม!!! เสียงระเบิดที่ดังจากด้านนอกดึงความสนใจพวกมันจนต้องวิ่งออกไปดูตามเสียงก่อนที่เสียงปืนเสียงปะทะจะตามมาจนคอนกรีตรอบตัวสะเทือนเบา ๆ ผมก้าวข้ามกองเสดแก้วบนพื้นไปประชิดร่างบางก่อนจะดึงมันมากอดไว้แน่นอย่างโหยหา เพราะที่ผ่านมาทำได้เพียงมอง

     "เร..." มีนกอดตอบ

     "ฟังนะ เราต้องหนี จะพาวิ่งไปจนถึงเครื่องปั่นไฟ มันจะมีอุโมงค์ระบายน้ำ เราจะหนีออกทางนั้น" ผมจูบขมับคนรักที่พยักรับรัว ๆ "อยู่ข้างหลังกูไว้ ถ้ามีการปะทะให้หาที่ปลอดภัยหลบจนกว่าจะเคลียทางหมด เข้าใจนะ!!!"

     "อืม เข้าใจแล้ว"

     "งั้นไปกัน" ปัง!!! ประตูเหล็กกล้าถูกถีบกระเด็นออกจากกรอบ ก่อนที่ผมจะหันมาดึงมือบางให้วิ่งตามออกมา

     "คิดจะหนีเหรอ!!!!" ไอ้สารเลวที่เคยกระทืบมีนวิ่งดิ่งมาทางเราพร้อมพวก ผมดันคนรักให้ไปหลบหลังเสา 

     ผมหันไปรับหมัดที่พุงมาก่อนที่มันจะปะทะใบหน้าได้อย่างทันท่วงทีแล้วจับมันบิดจนแขนหมอนั่นหักดัง กร๊อบ เอี้ยวหลบอีกคนที่พุ่งมาก่อนจะคว้าเอามีดที่เหน็บอยู่ข้างเอวมันมาปาดคอเจ้าของมีด มนุษย์หมาป่าตัวโตกระโจนมาทางผมแต่พลาดเป้าเมื่อผมกางปีกบินขึ้นข้ามหัวมันมายืนซ้อนหลังก่อนที่จะปักมีดเงินที่ยืมคนแถวนี้มากลางแนวสันหลังเรียกเสียงคำรามลั่นอย่างเจ็บปวดไว้เป็นอย่างดี ในขนาดที่ผมกำลังชุลมุนกับพวกซาโตนี่ที่เข้ามาปะทะ มันตัวหนึ่งดันหันไปเห็นมีนแล้วพุ่งใส่

      "มีนระวัง" ผมร้องลั่น มีนสะดุ้งมองภัยตรงหน้าอย่างตระหนก แต่ก็หลบได้อย่างเฉียดฉิว ร่างโปร่งคว้าเหยือกแก้วที่วางอยู่ใกล้ ๆ ปาสวนไปก่อนที่มวลน้ำในเหยือกนั้นจะห่อหุ้มหัวอีกฝ่ายไว้ บางส่วนแปรเป็นเชือกน้ำรัดร่างนั้นจนไม่อาจขยับ อมนุษย์ตนนั้นดิ้นทุรนทุรายเพราะกำลังขาดอากาศหายใจแล้วล้มลงกับพื้นในที่สุด มีนยืนอึ้งกับภาพตรงหน้า ดูสับสนและตระหนกในสิ่งที่พึ่งทำลงไป

      "กูฆ่าคน..." มันบอกเสียงสั่น ผมจัดการหักคอตัวที่เหลือก่อนจะคว้าเอาคนที่กำลังช็อควิ่งต่อ หลบกระสุนหลบตีนกันจ้าละหวั่น มีโดนถาก ๆ บ้างแต่ไม่ใช่จุดสำคัญ เสียงกรีดร้องเสียงปะทะจากด้านนอกดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ แรงรั้งตรงมือที่จับทำให้ผมหันกลับไปมอง มีนวิ่งเท้าเปล่ามาตลอดทางทั้งเศษแก้วเศษหินทำเอาเท้าขาวแดงช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลที่แม้แต่ยืนเฉย ๆ ก็เจ็บ

      "ยังไหวไหม" มันพยักหน้ารับ ฝืนเท้าวิ่งตามแรงดึงผมให้ทัน ถ้าอุ้มก็สู้กับพวกบ้านี้ไม่สะดวก "ทนหน่อย....น่าใกล้ถึงแล้ว"

      (พี่เร อาบอกตัดระบบแล้ว)

      (เชี่ย!!...กูกำลังไป) ผมมองสะพานเหล็กที่พาดผ่านประตูน้ำตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างบางข้างตัวขึ้นแล้วทะยานไปยังปากอุโมงค์น้ำที่เป็นทางออกไปยังภายนอก ตัดสินใจหย่อนมีนลงบนพื้นอุโมงค์นั่นก่อนจะหันมารับมือกับศัตรูอีกสองคนที่พุ่งเข้ามา

      "จะไปไหน..." เสียงแหลมกรีดร้องก่อนที่เวรุกาจะกระโจนใส่ผมจนล้มกลิ้งไปกับพื้นตระแกรงของสะพาน "แผนเยอะนักนะ คิดว่าจะหนีไปได้หรอ" ใบหน้าที่เคยสวยแยกเขี้ยวใส่อย่างโกรธแค้น ลาดพาดกอนเด่นชัดกับหางเรียวยาวกลบความสวยที่ยัยนี่เคยมีไปสิ้นเหลือเพียงปีศาจร้ายที่ตอนนี้กำลังพยามฝังกรงเล็บบนอกผม แรงเยอะเป็นบ้า...สมแล้วที่เป็นหัวหน้าของพวกเวรนี้

      (ออกมายังวะพี่ เหลืออีกสี่นาทีเองนะโว้ย) เสียงไอ้เรนโวยวายในหัวอย่างร้อนใจ

      "มีนวิ่งออกไปก่อนเดี๋ยวตามไป" ผมตะโกนบอกคนข้างล่างพลางออกแรงถีบร่างสมิงด้านบนจะกระเด็น

      "ไม่...มึงจะให้กูทิ้งมึงเหรอ" มันใช่เวลาดื้อไหม 

      "ไปสิวะเร็ว!!" ผมเร่งพลางหลบกรงเล็บที่ฟาดลงมาแล้วพยายามสวน

      (เหลืออีกสองนาทีเองนะโว้ย)

      "มีน!! ไปเดี๋ยวนี้" ผมตวาด แต่มีนยังยืนนิ่งมองมาที่ผมอย่างแน่วแน่ 

      "สนใจกันบ้างไอ้เด็กเวร" กรงเล็บฝังเข้าไหล่ซ้ายผมอย่างจัง จึงเตะสวนสองมือคว้าคออีกฝ่ายมาล็อคแล้วกดลงพื้น เสียงอ๊อดเตือนภัยดังลั่นบอกให้รู้ว่าเวลาหมดแล้ว

      "มีน..." ผมร้องลั่นเมื่อประตูน้ำถูกเปิดออก มวลน้ำมหาศาลถูกปล่อยผ่านประตูไหลบ่ามายังร่างบางที่มองมัน มีนมองมาทางผมอย่างไม่รู้จะทำยังไง ยังไม่ทันที่ริมฝีปากเล็ก ๆ จะเอื้อนเอ่ยกระแสน้ำก็ไหลพัดร่างโปร่งนั่นหายไปกับตา 

      ใจผมกระตุกวูบกับภาพตรงหน้า วินาทีนั้นเหมือนหัวใจหยุดเต้นไป อยากจะโดดตามลงไปซะเดี๋ยวนี้หากไม่ติดว่าเวรุกายังรั้งผมไว้ บอกเลยว่าโกรธจัด เพราะนังบ้านี่มาขวางทุกอย่างจึงผิดแผน ผมคว้าคออีกฝ่ายได้แล้วออกแรงบิดจนศีรษะหันไปตามแรงโทสะที่มี ได้ยินเสียงกระดูกคอหักดังลั่น 

      "มันอยู่นั่น" พวกที่ตามมามองศพผู้เป็นนายอย่างอึ้งๆ แต่ผมไม่ได้สนใจรีบกระโดดลงไปในกระแสน้ำเชี่ยวกราดนั่นทำเอาคนของซาโตนี่ไม่กล้าโดดตาม 

     ก็รู้...ผมมันบ้า ถึงผมจะเป็นเรเวนแต่ก็ใช่ว่าจะกลั้นหายใจอยู่ในน้ำได้นาน ถึงจะแกร่งแต่ก็ขาดใจตายได้ ผมพยายามลืมตามองหาคนรักในขณะที่ร่างถูกน้ำพัดไป ตัวกระแทกกับอุโมงค์จนจุกไปหมด หากเป็นคนธรรมดาคงตายไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าอุโมงค์นี้มันยาวแค่ไหนแต่ผมกำลังจะหมดแรงเพราะขาดอากาศหายใจ 

     บ้าน่า...ผมจะมาตายทั้ง ๆ ที่มีนเป็นตายร้ายดียังไงก็ยังไม่รู้งั้นหรือ จิตใจในตอนนี้ดิ่งลึกถึงขีดสุดพยายามฝืนทุกสันชาติญาณเพื่อสัมผัสถึงอีกฝ่าย แค่คิดว่ามีนจะตายผมก็กลัวจนจับใจ 

      สัมผัสจากฝ่ามือนิ่มฉุดผมขึ้นจากความมืดมิดที่เกาะกินจิตใจ ทั้งร่างของผมจะถูกโอบกอดเอาไว้ กระแสน้ำที่ไหลรุนแรงอันตรายกลับช้าลงจนผมสามารถลืมตามองภาพตรงหน้าได้ 

     "จับได้แล้ว" มีนยิ้มให้ผมอย่างดีใจ ริมฝีปากนิ่มประทับจูบมอบอากาศให้ก่อนที่ผมจะจมน้ำตายไปจริง ๆ มันช่วยต่อชีวิตผมไว้ แค่เห็นว่ามีนปลอดภัยแสงสว่างก็สาดลงบนใจจนอุ่นวาบขึ้นอีกครั้ง เรือนหางสีมุกแหวกว่ายพาผมมายังทางออกในที่สุด คนของสภาที่รออยู่เมื่อเห็นเราก็ร้องเรียกคนที่เหลือ 

     "ทางนี้พี่..." เรนร้องเรียกอย่างดีใจก่อนที่มันจะกางปีกบินมารับเราทั้งคู่เข้าฝั่ง ทันทีที่เราทั้งคู่มาถึงฝั่งกระแสน้ำก็กลับมาเชี่ยวกราดอีกครั้งทำให้รู้ว่าทั้งหมดถูกควบคุมไว้ด้วยพลังของเงือก

     "ปลอดภัยแล้วสินะ" มีนที่กำลังคืนร่างเป็นคนเอ่ยอย่างอ่อนล้า ผมรับผ้ามาห่อร่างเปลือยเปล่าของคนรักไว้ ใบหน้าสวยขาวซีดจนน่ากลัวเหมือนจะเป็นการฝืนใช้พลังมากเกินไป ร่างบางจะล้มลงในอ้อมกอดผมอย่างสิ้นแรง ทำเอาทุกคนตรงนั้นร้องออกมาอย่างตกใจแม้แต่ผมเอง 

      "มีน..." ลมหายใจสม่ำเสมอกับดวงตาที่หลับพริ้มนั่นทำให้ผมเบาใจ คงแค่หมดสติไปสินะ 

      "มีนไม่เป็นไรนะพี่" เรนถามอย่างร้อนใจ

      "น่าจะใช้พลังมากไป" ผมตอบ ไอ้น้องรักยิ้มกว้างก่อนโผเข้ากอดผมและมีนไว้แน่น "นึกว่า จะไม่ได้พวกมึงกลับมาซะแล้ว"

      "พี่มึงเก่ง จะกลัวอะไร" เรนมันรักผมมากอันนี้ผมรู้ดีและสำหรับมัน มีนก็คือส่วนหนึ่งในครอบครัว ผมเข้าใจมันดีกว่ามันร้อนใจแค่ไหนกับเรื่องนี้

      "ปากดีตลอด...แต่ก็รักพี่นะ" ผมยิ้มรับ อ้อนเก่งแต่เด็กจนโตเลยมัน "กลับบ้านกันเถอะ"

      "อืม!!!"

:katai2-1:


หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่17 P2 4/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-11-2017 01:04:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่18 P2 5/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 05-11-2017 11:44:41
บทที่ 18
   


      ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงกว้างในห้องที่ไม่คุ้นเอาเสียเลย มันทั้งกว้างและหรูหราด้วยการตกแต่งแบบรอคโค่โค่ เครื่องเรือนทุกอย่างดูมีราคาสูงลิ่ว เน้นโทนน้ำตาลและแดงบ้างตัดด้วยทอง ผนังสีครามหม่น ขับให้ที่นี่สวยแต่น่ากลัวเมื่อทุกรายละเอียดบอกเล่าจากโคมไฟหัวเตียงที่ให้ความสว่างไม่มากนัก ไม่นานประตูห้องก็เปิดออกก่อนที่ร่างคุ้นเคยจะเข้ามา ปราศจากคำกล่าวทักทายแต่รอยยิ้มที่ระบายบนหน้าคมบอกให้รู้ว่าทุกเรื่องเลวร้ายได้ผ่านพ้นแล้ว

     "เร..." ผมเรียกมันเสียงแผ่ว ร่างสูงนั่งลงบนเตียงแล้วดึงผมไปกอด ริมฝีปากร้อนจูบตรงหน้าผากก่อนจะเลื่อนลงมาประทับจูบที่ปากแนบแน่นและดูดดื่ม ถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่มีให้

     เป็นคุณจะรู้สึกแบบไหนที่ต้องเฝ้ามองคนรักที่แม้อยู่ใกล้แต่แตะต้องไม่ได้ อยากพูดคุยแต่ก็ไม่ได้ยินเสียง บางครั้งที่คนอื่นเข้ามาสัมผัสคนของคุณ คุณก็ทำได้แค่มองไม่สามารถห้ามปรามทั้งที่ใจอยากจะกระชากใครคนนั้นออกทันใด ต้องนั่งลุ้นว่าจะเกิดอะไร เรมันจะโดนทำร้ายอีกเมื่อไหร่ เป็นอะไรที่โคตรทรมานใจ ตลอดเวลาที่โดนพวกซาโตนี่ขังไว้ ผมรู้สึกสิ้นหวัง ตัดพ้อในความไร้น้ำยาของตัวเอง 

     "มันผ่านไปแล้ว อย่าคิดมาก" เหมือนมันรู้ว่าผมคิดอะไรฝ่ามือใหญ่ลูบหัวผมอย่างปลอบโยน ผมซุกตัวเข้าหาอ้อมแขนอุ่นซึมซับมันอย่างตั้งใจ

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรจึงผละออกไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือน พอเห็นว่าเป็นใครมันจึงหลบออกไป

      "ป๋า!!!!!" พ่อเข้ามาในห้องก่อนจะโผลเขามาดึงผมไปกอดไว้แน่น

      "ขวัญเอ้ยขวัญมา ไม่เป็นไรนะลูก" พ่อกอดผมโยกไปโยกมาเป็นเด็กๆ

      "ครับ ผมไม่เป็นไรปลอดภัยครบสามสิบสองประการ" ผมบอกด้วยรอยยิ้ม เรหลบฉาดออกจากห้องไปอย่างรู้งาน "ป๋ามาที่นี่ได้ไง"

      "ก็ป๋าเห็นบอกจะกลับบ้านแต่ไม่ถึงซักทีเลยโทรหา โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด บังเอิญมีเบอร์เรนที่เคยขอไว้เลยโทรถาม ได้ความว่าถูกพวก ซา...ซาอะไรซักอย่างจับไป เลยรีบเข้ากรุงเทพฯมาเลย" ป๋าเล่าเสียงตื่น มือกร้านของที่ลูบปะป่ายไปตามตัวผม มันสั่นไปหมดราวกลับกลัวผมจะบุบสลายไปซะตรงนี้ "แต่หนูมีนปลอดภัยก็ดีแล้ว...ไม่คิดเลยว่าลูกป๋าจะต้องมาเสี่ยงอันตรายขนาดนี้"

      "เพราะมีเรอยู่ ผมถึงรอดไง" ใบหน้าของบุพการีนิ่งตึงทันใดที่ผมพูดถึงเร "ป๋า...."

      "เพราะมันนะสิ ถึงได้โดนจับ" ผมเม้มริมฝีปากแน่นไม่รู้จะเถียงยังไงเพราะมันจริง แต่ผมไม่อยากโทษเร

      "แต่เรมัน..."

ื      "ป๋าไม่โอเคกับเรื่องนี้วะ ถึงจะรับได้ที่ลูกมีแฟนเป็นผู้ชายแต่ถ้าลูกป๋าต้องไปใช้ชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับผู้ชายคนนั้นบอกเลย ป๋ารับไม่ได้" น้ำเสียงจริงจรังทำเอาผมกลัวกับสิ่งต่อมาที่ออกจากปากท่าน "เลิกกับเรได้ไหม"

      "ผมไม่..." รู้สึกช๊อคกับสิ่งที่ได้ยิน จะให้เลิกได้ยังไงในเมื่อต่างคนต่างก็รักกัน

      "ป๋าไม่อยากเสียลูกไปอีกคน แม่เราเป็นตายร้ายดียังไงจนป่านนี้ป๋ายังไม่รู้เลย มันทรมานนะ...ที่ต้องทนอยู่กับความคิดถึงคนที่รัก หากหนูมีนหายไปอีกคน ป๋าคง" เสียงของท่านสั่น พลางสบตาผมอย่างอ้อนวอน มือที่จับไหล่ทั้งสองข้างของผมบีบแน่นบอกให้รู้ว่าท่านทรมานใจแค่ไหน "ตายทั้งเป็นแน่ ๆ" ผมกลืนทุกคำพูดลงคอ หยุดคำโต้แย้งเอาไว้แต่ใช่ว่าจะหยุดน้ำตาได้

      "เข้าใจ...ฮึก...แล้วครับ" ผมตอบออกมาแค่นั้น 

     ทุกอย่างมันตื้อไปหมดไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี เมื่อเห็นน้ำตาผมนัยน์ตาของพ่อก็ดูอ่อนลง ท่านดึงผมไปกอด้ยิ่งทำให้ร้องไห้หนักกว่าเก่า ผมกอดพ่อแน่นซุกหน้ากับอกพ่อจนเสื้อท่านเปียกไปหมด พ่อลูบหัวผมอยู่นานจนได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาในท้ายที่สุด

      "รักมันมากเหรอ" ผมพยักหน้ารับไม่มีแม้เสียงจะตอบ แต่ผมก็รักพ่อด้วยไม่อยากให้ท่านลำบากใจ 

      "งั้นพรุ่งนี้ เรากลับบ้านกัน ป๋าจองตั๋วไว้แล้ว เดี๋ยวแปดโมงจะมารับ ระหว่างปิดเทอมนี้ไปอยู่กับป๋าก่อนนะ เรื่องเรเปิดเทอมค่อยว่ากันอีกที ป๋าขอเวลาคิดก่อน เราเองก็จะได้มีเวลาทบทวนสิ่งที่เกิดด้วย" ผมเงยหน้ามองพ่อ รู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง

     "ครับ"

     "พักซะนะ เอ็งเหนื่อยมาเยอะแล้ว" น้ำเสียงอบอุ่นกล่าวอย่างห่วงใย ฝ่ามือนั้นลูบหัวผมหากเป็นแต่ก่อนนี่คือกำลังใจ นี่คือคำปลอบโยนแต่ตอนนี้ มันเปรียบเสมือนหินหนัก ๆ ที่ทับร่างผมให้จมไปกับความรู้สึกผิด

     ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนทันทีที่ป๋าออกจากห้องไป คนหนึ่งก็พ่อคนหนึ่งก็แฟน คิดหัวแทบแตกว่าจะต้องทำยังไงให้ทุกอย่างลงตัวและคนสำคัญของผมไม่ต้องทุกข์ใจ ในโลกของอมนุษย์อันตรายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเป็นสายเลือดที่สำคัญอย่างเรเวนแล้วละก็ คงมีอมนุษย์ตนอื่นพยายามเข้ามาหาประโยชน์อีกแน่

     "ร้องทำไม ยังไม่ได้เลิกกันซักหน่อย" เสียงทุ้มกระซิบข้างหู

     "แต่มึงน่าจะได้ยินที่ป๋าบอกกู...ฮึก...เขาอยากให้กูเลิก" ผมบอกไปสะอื้นไป

      "ก็ไม่เลิกไง" มันแย้งจนต้องเงยหน้าจากหมอนขึ้นมาจ้องมันตรง ๆ ไอ้รอยยิ้มมุมปากกวนตีนสิ้นดี คนกำลังเครียดเนี่ย! เข้าใจสถานการณ์หน่อยสิวะ

      "กูไม่ได้ล้อมึงเล่นนะ" มันพยักหน้ารับรู้ ฮึ่ย!!! อยากจะบีบคอมันทิ้งจริงแต่กลัวเป็นหม้าย "ป๋าคุยกับมึงยัง" มันพยักหน้าแล้วยิ้ม เออ...ผัวกูเป็นบ้า "ตอบสิครับ...อมพะนำทำซากอะไร"

      "เขาให้เวลากูจัดการตัวเอง" นัยน์ตาสีน้ำเงินสบตาผมแน่วแน่ มันดูมีพลังและมั่นคง ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่ามันต้องทำได้แน่นอน

      "ป๋าให้มึงทำอะไร" มันไม่ตอบเพียงแค่ยักคิ้วกวนให้ หล่อตายอะ แต่ก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ทั้งที่เมื่อกี้ทุกข์ใจจะเป็นจะตาย แต่แค่เรมาอยู่ใกล้ความรู้สึกเหล่านั้นกลับหายไปอย่างง่ายดาย "แล้วนี่บ้านใคร บ้านมึงหรอ"

     "บ้านอาซอนเน่ เอ่อ...จริงๆ ก็บ้านพวกกูด้วยนั่นแหละ" เรตอบยาว คงหมายถึงอาหญิงที่้เรนมันแอบรักสินะ หันไปมองนาฬิกาหัวเตียง เพิ่งหนึ่งทุ่มนี่ผมหลับข้ามวันขนาดนั้นเลย จำได้ตอนหนีออกท้องฟ้าก็มืดแบบนี้ ชักหิวแล้วสิตั้งแต่ตอนนั้นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แถมตอนโดนขังยังแทบไม่กินอะไรขาดแคลนพลังงานสะสมมาหลายวัน แค่นี้ก็ชัดแล้วว่าผมเองไม่ใช่มนุษย์ถึงทนได้จนถึงตอนนี้ 

      "หิว...หาอะไรให้กินหน่อย" หันไปอ้อนคนใกล้ตัวหลังจากที่ไม่มีโอกาสทำมาซักพัก

      "สั่งแม่บ้านไว้แล้ว ซักพักคงยกมา" เรตอบด้วยรอยยิ้ม ทำเอาผมยิ้มตาม 

      ระหว่างรอเสบียงก็พูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้เรื่องคร่าว ๆ ว่าพวกผมหนีออกมาได้ยังไง แอบสะใจที่รู้ว่าเวรุกาตายไปแล้ว บังอาจมาแตะต้องคนของผมสมควรเหอะ งานนี้ตอนจบน้องมีนเป็นพระเอกวะ พาเราทั้งคู่ออกมาด้านนอกได้ แต่ก็ใช้พลังเกินตัวจนหมดสติหลังจากนั้นก็ถูกพากลับมาบ้านของซานซิโอที่กรุงเทพฯ ซึ่งป๋ารอผมอยู่นั่นเอง 

      พอข้าวมาก็นั่งกินกันไปเงียบ ๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ช่างพูดส่วนผมก็หิวจัด ที่ต่างคนต่างกินเพราะบ้านนี้ประชากรส่วนใหญ่เป็นแวมไพร์เขาไม่ค่อยกินข้าวกัน พอท้องเต็มก็พาตัวเองไปอาบน้ำไอ้หื่นมันงอแงจะอาบด้วย ถีบส่งกันอยู่นานจนมีระฆังมาช่วยชีวิตเมื่อน้องมันโผล่หัวมาเรียกไปพบท่านอาผมจึงรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด

      ระหว่างรอก็นอนดูข่าวไป สภากลางของพวกอมนุษย์คงมีอำนาจล้นหลามทั้งที่ปะทะกันกลางเขื่อนเสียงดังขนาดนั้นแต่กลับไม่มีข่าวหลุดลอดออกมาเลย  เพราะอย่างนี้สินะถึงรักษาสมดุลในโลกนี้ได้มายาวนาน 

      เรกลับเข้าห้องมาตอนเกือบสามทุ่มเลยโดนผมไล่ไปอาบน้ำก่อนที่มันจะออกมาออเซาะให้เช็ดผมให้ ผมนั่งหย่อนขาอยู่บนเตียงส่วนคนตัวโตนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรมกอดเอวพลางเอาหน้าซุกท้องผมไว้เป็นเด็ก 

      สองมือบรรจงเช็ดผมสีดำนั้นอย่างเบามือ ไอ้คนโดนเช็ดก็หลับตาพริ้มด้วยความเคลิ้ม กลายเป็นอีกาเชื่อง ๆ ไปซะงั้น ทอดมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่แต่งแต้มด้วยลายปีกสีดำ ลายกราฟิกที่เลื้อยไปตามแขนซ้าย ถึงมันจะดูเยอะแต่ก็เข้ากันดีกับผิวสีแทนของเร...เท่สัด

      "มึงมั่นใจเรื่องป๋าแค่ไหน" ผมถามขึ้น

      "ก็มากอยู่" 

      "แล้วถ้าเขายังยืนยันคำเดิมละ...ที่จะให้กูเลิกกับมึง" เสียงเริ่มเครียด 

      "งั้นก็ฉุดมาปล้ำทำให้ท้อง ถ้าท้องแล้ว จะได้ต่อรองง่ายขึ้น โอ๊ย!!!" เขกหัวมันซักทียังจะมีหน้ามาเล่น แขนเกร่งกอดเอวผมแน่นพร้อมซุกหน้ากับท้องผมอีกครั้งเหมือนกับเด็กหวงของเล่น ตอนรถคว่ำนี่สมองมันกระทบกระเทือนหรือเปล่าฮะ...ขยันอ้อนผิดปกติ

      "เป็นผู้ชายท้องได้ที่ไหน" ผมบ่น ถ้าท้องได้นี่คงป่องไปนานแล้วมันหื่นซะขนาดนั้น ยัง...ยังจะเงยหน้ามามอง ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายวิบวับดูเจ้าเล่ห์เต็มทน ชักร้อน ๆ หนาว ๆ แล้วสิ "อะไร...มีอะไร"

      "ท้องไม่ได้จริง ๆ เหรอ" มันถาม

      "อะ...เออ นะสิ" ตอบเสียงติดขัด "เฮ้ย เร!!!!!" ผมร้องลั่นเมื่อจู่ ๆ มันก็ขืนตัวขั้นจับผมกดลงบนเตียงแล้วคร่อมทับมาอย่างรวดเร็ว เสตปเดิมเป๊ะ!!!!

      "ไม่เชื่อขอพิสูจน์หน่อยแล้วกัน" ไม่มีโอกาสได้แย้งเพราะริมฝีปากถูกอีกคนช่วงชิงไปเสียแล้ว มือกร้านลอกคราบผมอย่างไว ก่อนจะจู่โจมจุดอ่อนอย่างรู้ดี ทำเอาระทวยกันเลยทีเดียว เพราะเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดทำให้เราไม่ได้สัมผัสกัน ไม่ได้นอนกอดกัน มันจึงเต็มไปด้วยความต้องการ 

      "เข้ามาสิ ลีลาชะมัด อ๊ะ" ผมเร่งหลังจากปล่อยเรเล่นสนุกกับร่างกายอยู่นาน 

      "ใจร้อนจัง" เสียงทุ้มพร่าไปด้วยความอยาก ว่าผมใจร้อนแต่มันนี่ใส่มาทีเเดียวจนหมดลำเลย ไม่เคยที่จะค่อย ๆ ใสเข้ามาเลยไอ้นี่

      "อ๊าา ไอ้บ้าเจ็บ" ผมโวยวายได้ไม่นานก็ต้องสงเสียงครางแทนซะงั้น อารมณ์ถูกฉุดขึ้นจุดสูงสุดครั้งแล้วครั้งเล่า บทรักหลากรสถูกมอบให้ผมทำเอาเหนื่อยแต่ก็อิ่มเอมใจไม่แพ้กัน 

      เรานอนกอดกันอยู่อย่างนั้นแต่ผมยังไม่อยากจะหลับตาลง อยากใช้เวลากับมันให้นาน ผมซุกหน้าเข้าหาอกกว้างจนตัวแทบจะเกยบนร่างแกร่ง มือสากลูบหลังผมเบา ๆ ในขณะที่มือผมเองก็ไล้ไปตามลายเส้นสักบนแผ่นอกเรอย่างไร้จุดหมาย มีแต่ความเงียบระหว่างเรา เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน มันสงบและอบอุ่น

      "กูคงลงแดงตาย" เสียงทุ้มเอ่ยออกมา นัยน์ตาสีน้ำเงินที่จ้องมาทำเอาหน้าร้อนผ่าวทั้งที่ก่อนหน้าทำอะไรกันไปถึงไหนแล้วก็ตาม

      "หมกมุ่นจริง!!!!" แขวะแก้เขิน "รีบพิสูจน์ให้ป๋ากูเห็นไว ๆ สิ ไม่งั้นก็อดไป"

      "งั้น...ขอมัดจำอีกซักรอบแล้วกัน" มือสากที่ลูบหลังอยู่ลากลงต่ำก่อนจะบีบก้นแรง ๆ ทำเอาผมสะดุ้ง เรพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนอีกครั้ง ไวเหลือเกินกับเรื่องแบบนี้

      "ไอ้หื่นเอ้ย!!!!" 

      ตอนเช้าแหกขี้ตาตื่นมาเก็บของที่เหลือไม่มากเพราะหายไปตั้งแต่ตอนเกิดเรื่อง ดีที่พวกบัตรประจำตัวต่าง ๆ เรมันใช้อำนาจมืดช่วยทำใหม่ให้ไม่ต้องไปตามเรื่องด้วยตัวเองไม่งั้นกว่าจะครบทุกอย่างคงหลายวัน ก็รู้ ๆ กันอยู่ระบบราชการบ้านเรา 

      เรอาสาขับรถไปส่งเราที่สนามบิน บรรยากาศในรถอึมครึมจนอึดอัด ป๋าก็เงียบผมก็เงียบส่วนไอ้เร รายนั้นปกติมันเป็นใบ้อยู่แล้ว ลากกระเปามาส่งผมถึงเกทแค่ต้องกลับไปอยู่ย้านยาวๆ ช่วงปิดเทอมไม่ได้ลาไปตะวันออกกลางแต่ก็อดใจหายไม่ได้ มือหนาจับมือผมไว้บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

      "จะล่ำลากันอีกนานไหม" พ่อบ่นเสียงดังเมื่อผมยังไม่เดินตามท่านไปผมหันไปมองพ่อทีหันไปมองเรที จูงมือผัววิ่งหนีนี่จะป็นลูกอกตัญญูเปล่าวะ

      "ไปเถอะ" เรบอกพร้อมยิ้มให้

      "เค...งั้นกู ไปนะ" ผมบอก ก้อนสะอื้นมันจุกอกจนพูดออกมาไม่เต็มเสียง พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้อง 

      "แล้วจะไปรับ" เรว่าพลางจับตัวผมหมุนแล้วดันหลังให้เดินตามป๋าไป อยู่คนเดียวมาตั้งนานกับไอ้เรก็เพิ่งจะเจอไม่ถึงปี แต่ทำไมแค่คิดว่าต้องห่างมันไปนานๆ กลับรู้สึกใจหาย ผมต้องเชื่อใจมันบอกตัวเองไว้อย่างนั้น คนอย่างเร อรุณ เรเวน ต้องทำให้ป๋าของน้องมีนยอมรับได้อยู่แล้ว

...........................................

      "ไม่อร่อยหรอลูก" เสียงย่าดึงผมให้หันมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้า มองข้าวเย็นที่ยังเหลืออยู่เต็มจาน

      "อร่อยสิครับ แต่มีนพึงกินขนมไปเมื่อบ่ายยังอิ่มอยู่เลย" โกหกคำโตพร้อมยิ้มแห้งๆ ให้คนสูงวัย 

      พ่อผมอยู่กับย่าส่วนปู่เสียไปตั้งแต่ผมอยู่มัธยมต้น ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นดี มื้ออาหารเป็นไปอย่างเงียบเชียบเพราะผมกับพ่อยังมึนตึงใส่กัน จะมีก็แต่ย่าที่เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผมไม่อยู่อย่างมีความสุขที่ได้เห็นหลานชายกลับบ้านมาร่วมโต๊ะ

      พ่อผมนะตามใจย่าทุกอย่าง เพราะตอนหนุ่มท่านเคยหนีออกจากบ้านเพราะความเห็นไม่ลงรอยกลับปู่ ทำเอาย่าทรุดป่วยไปหลายปีเพราะตรอมใจจนเกือบตาย พ่อจึงรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นและปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดีเสมอมา 

      ตอนที่พ่อหนีไปท่านไปอยู่ใต้ได้เจอแม่แล้วก็มีผม ก็เพิ่งรู้ว่าแม่ไม่ได้ตายจากเรา แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่า เพราะพ่อบอกว่าพอผมได้หนึ่งขวบแม่ก็กลับทะเลเพราะไม่อยากให้ผมโดนหางเลขจากพวกที่ล่าเผ่าพันธุ์เงือกอยู่ในขณะนั้น เพราะเหตุนี้พ่อจึงพยายามเลี้ยงผมแบบมนุษย์ทั่วไป แต่ก็นะ ไม่มีใครหนีความจริงพ้น เหมือนผมที่สุดท้ายก็รู้ว่าตัวเองเป็นเงือกอยู่ดี

      "พรุ่งนี้ย่าว่าจะไปเยี่ยม น้องพิม เห็นว่าเพิ่มคลอด ได้เหลนกำลังน่ารักเลย" ย่าเอ่ยถึงหลานของน้องสาวที่เป็นญาติห่าง ๆ กับผม พร้อมเอารูปเด็กน้อยจ้ำม่ำในไอโฟนมาอวด ทันสมัยซะด้วยคุณย่าผม 

      "น่ารักเหมือนแม่มันเลย" ป๋าบอกยิ้ม ๆ

      "ใช่ไหมละ บักหล่าเอ้ย เมื่อไหร่จะมีหลานให้ย่าอุ้มมั่งละ หน้าตาก็ดี มีเมียเป็นตัวเป็นตนยัง" ผมฝืนยิ้มตอบย่า...มีแต่ผัวอะประเด็น 

      ต่อให้หาเมียตอนนี้ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นสามีที่ดีให้ใครได้เพราะผมคงรักคนอื่นนอกจากไอ้เรเวนหื่นนั่นไม่ได้หรอก ว่าแล้วก็คิดถึงมัน นี่เป็นอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้ยินเสียง ป๋าเล่นยึดโทรศัพท์ผมไว้ติดต่อใครก็ไม่ได้ ครั้นจะเอาโทรศัพท์คนอื่นโทรก็ถูกขัดถูกเบรกเสียทุกที

      "แล้วจะไปกี่โมงครับ" ผมถาม

      "หนูมีนตื่นเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้นละ" พ่อบอก

      "ตื่นเช้าก็ดีนะลูก ย่าอยากอยู่กับเหลนน้อยนาน ๆ" ย่ายิ้มร่า ดูท่านจะอยากได้หลานจริง นั่นยิ่งทำให้ผมหนักใจเข้าไปอีก 

      มื้ออาหารจบลง ต่างคนต่างแยกย้ายผมขึ้นห้องมาก็ขังตัวเองอยู่แต่ในนั้น ตลอดหลายวันมานี้การตื่นเช้ามาไม่เจอเรอย่างทุกวัน ทำให้รู้สึกโหวง ๆ เหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง จะเปิดคอมเล่นเกมส์ดูเมะอย่างที่ชอบมันก็น่าเบื่อไม่มีสมาธิเล่น จะนั่งวาดรูปแก้เซ็งก็ดันไม่มีอารมณ์ซะงั้น ผมว่าผมเป็นเอามาก ไม่รู้เรมันเป็นแบบผมหรือเปล่า คว้าผ้าขนหนูไปอาบน้ำ ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานแสนนานปล่อยให้สายน้ำเย็นไหลผ่านเผื่อใจจะสงบ กว่าจะข่มตานอนได้ก็เกือบเช้า

      ผมเดินมึนออกจากห้องไปขึ้นรถในวันรุ่งขึ้น ก่อนที่เราจะพากันไปบ้านพี่พิม ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ทำอะไรกินนั่งคุยกันเล่นกันตามประสา ทุกคนดูมีความสุขกับเจ้าตัวเล็กจนอดยิ้มตามไม่ได้ ผมเดินเลี่ยงมานั่งเล่นตรงศาลาริมน้ำ แรงตบเบาๆ ที่ไหล่ดึงผมให้หันมอง ก่อนที่ป๋าจะนั่งลงข้างกัน

      "ยังไม่เลิกหวังอีกหรอวะ" ป๋าบ่น ผมยิ้มตอบพลางทอดมองผืนน้ำตรงหน้า "จะทำตัวซังกะตายแบบนี้ไปอีกนานไหม"

      "ก็คงเหมือนตอนที่แม่ทิ้งป๋าไปละมั้ง" ผมย้อนจนโดนเพ่นกบาลไปที

      "มีน คิดดูดี ๆ นะเว้ย ผู้ชายอย่างเรานะ อยากจะแต่งงาน มีครอบครัว มีลูกน่ารัก ๆ ดูลูกพี่พิมพ์สิ มึงไม่อยากมีเหรอ" ผมคิดตาม ครอบครัว...ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับไอ้เรมา ผมว่าผมพอแล้ว "เชื่อสิว่าเรรก็อาจจะคิดแบบนั้น ตอนนี้มันก็แค่คบมึงขำ ๆ"

      "ทำไมป๋าถึงมั่นใจนัก" ไซโคกันเข้าไป

      "หน้าตามันก็ดี เงินทองมันก็มี คงจะมีผู้หญิงสวย ๆ เข้าหามันไม่ขาด สุดท้ายมันก็ต้องเลือกคนที่เป็นแม่ของลูกได้ ซึ่งไม่ใช่หนูมีน เราเป็นผู้ชาย เอาง่าย ๆ ตั้งแต่ป๋ายึดโทรศัพท์มามันยังไม่โทรหาเลยซักครั้ง"  พ่อยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม จึงเปิดเช็คข้อมูลการใช้ ว่างเปล่า...ไม่มีสายเข้าเลยแม้แต่สายเดียวข้อความก็ไม่มี

      "ป๋าตกลงอะไรกับเร" ผมถาม คิดเข้าข้างตัวเอ็งว่ามันอาจจะกำลังทำภารกิจพิชิตใจพ่อตาอยู่

      "ถ้ามันอยากได้หนูมีนคืน ก็ควรทำให้ป๋ามั่นใจว่าอยู่กับมันแล้วจะปลอดภัย ปะ เข้าไปข้างในเหอะไปผูกแขนหลานกัน"  พ่อบอกก่อนเดินนำไป

       ผมขอพ่อมานอนอยู่บ้านริมโขงคนเดียว ปลีกวิเวกอย่างต้องการความสงบให้จิตใจที่ฟุ้งซ่านขึ้นทุกวัน เพราะบ้านที่พ่อกับย่าพักนั้นอยู่ในตัวเมือง ติดกับโรงกลึงและร้านของอะไหล่ของพ่อเอง ทำให้มีคนไปมาหาสู่ตลอดเวลา บางวันพ่อกับย่าก็จะแวะมาทานข้าวด้วย แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทุกวันเสาร์และวันพุธ

      "เฮ้อ!!!" ผมถอนหายใจพลางมองโทรศัพท์ที่ยังคงเงียบสนิท พวกเจ๊ดาโทรมาเล่นบ้างแต่กับคนที่เฝ้ารอผมยังไม่ได้ยินเสียงมันเลยซักครั้ง 

      ที่จริงการมีผมอยู่ข้างกายส่งผลให้เรทำอะไรลำบากในบางครั้งกเพราะต้องคอยพะวงว่าผมจะเดือดร้อนไปด้วย อันตรายการเสี่ยงเป็นเสียงตายมันเลี่ยงไม่ได้ถ้าคุณทำงานนักล่า บวกลบคูณหารยังไงผมมันก็ภาระชัด ๆ บางทีเรอาจยอมแพ้ไปแล้วก็ได้

      ...สุดท้ายมันก็ต้องเลือกคนที่เป็นแม่ของลูกได้...คำพูดของป๋าดังก้องในหัว ใช่...ผมเป็นให้มันไม่ได้ ถึงมันจะเป็นแค่อาการมโนจนเกินควร แต่ความจริงจุดนี้ก็สร้างความเจ็บปวดในใจ

      ผมใช้ชีวิตแบบซังกะตาย นึกสมเพชตัวเองที่เป็นแบบนี้ ตื่นเช้ามา ใช้เวลานั่งเหม่อเป็นวัน ๆ ลอยไปลอยมา บางทีก็อยู่ในห้องบางทีก็อยู่ที่ท่าน้ำ บางทีก็ลงไปแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ บางทีก็ร้องไห้จนหลับไป ข้าวปลาอาหารกินบ้างไม่กินบ้างแล้วแต่อยากซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยอยาก 

      เคยมีคนกล่าวว่าการเอาชีวิตไปผูกไว้กับคนอื่นรังแต่จะทำให้เจ็บปวด ...ซึ่งมันก็จริง แต่มันผูกไปแล้วจะให้ทำยังไง...เหมือนกำลังจะเป็นบ้าไปจริง ๆ 

      "วันนี้ป๋าจะไปบ้านลุงเบิ้ม ไปด้วยกันไหม" ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย คงไม่วายลากผมไปเจอลูกสาวของเพื่อนรักแน่ หลังจากวันนั้นพ่อก็วางแผนจับคู่ให้แม้จะไม่ได้จริงจังแต่ก็พยายามสร้างสถานการณ์ให้บ่อยครั้ง

     "ไม่อะป๋า อยู่นี่แหละมีนอยากเล่นน้ำ" ผมปฏิเสธพลางเดินเลี่ยงมาตรงท่าน้ำก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้แล้วถอดเสื้อตัวเองออก

     "อย่ามาทำเป็นอ้างเลย" ป่าบ่นพลางเดินตาม ผมยักไหล่ก่อนจะถอดกางเกงแล้วกระโดดหนีลงน้ำทันที 

     "ถ้าตามจับผมทันละก็ ไปด้วยก็ได้" ผมกระเซ้าพลางยกหางสีมุกที่พึ่งเปลี่ยนให้บุพการีดู พ่อทำหน้าบึ้งก่อนจะทิ้งตัวนั่งตรงท่าน้ำแบบเซ็ง ๆ  สายตาคู่นั้นจะทอดมองผมที่ดำผุดดำว่ายอยู่ตรงหน้า

      "หางแกเหมือนของแม่แกเลย" พ่อบ่นพึมพำ ผมจึงว่ายไปหาแล้วเท้าคางลงบนตักของท่าน

      "แล้วหน้าตาละ"

      "ก็คล้ายนะ ยกเว้นตาเหมือนของป๋า" 

      "งั้นแม่ต้องดูดีมาก ๆ แน่ มีนถึงหล่อขนาดนี้" ชมตัวเองครับ

      "อืม...แม่แกสวย" มองใบหน้าที่เริ่มแก่ตามวัย บัดนี้แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเมื่อท่านกำลังนึกถึงวันวาน "ดูนี่สิ" มือกร้านเปิดกระเป๋าตังตนก่อนจะรูดซิบด้านในสุดแล้วหยิบรูปใบหนึ่งออกมา หญิงสาวผิวขาวกระจ่างแย้มยิ้มอ้อมแขนบอบบางอุ้มเด็กตัวน้อย ข้างกันเป็นชายหนุ่มหน้าคุ้นตาหากแต่ปราศจากริ้วรอยกำลังโอบทั้งเธอและลูกพร้อมยิ้มอย่างภูมิใจ

      "นี่แม่หรอ" ผมถามอย่างตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรูปของแม่ ท่านสวยมาก แววตาอ่อนโยนและรอยยิ้มนั่นทำให้ผู้หญิงในรูปนั้นงดงามราวกับเทพธิดา พาลให้รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสพบกัน

      "แม่แกชื่อ กัญ-กัญวรา" ท่านไม่เคยบอกเรื่องแม่มาก่อนเพราะพยายามปิดเรื่องของเงือกกับผมมาแสนนาน หันไปสบตาผู้เป็นพ่อยามที่มองรูปนั้นท่านช่างดูเหงาเหลือเกิน

      "ป๋าไม่คิดถึงแม่บ้างหรอ" ผมถามหลังจากเงียบไปนาน

      "คิดถึงสิ คิดถึงทุกวัน" 

      "แล้วป๋าทำยังไงกับความคิดถึงของตัวเองครับ" ผมถามอยากรู้ว่าป๋าทำยังไง บางทีผมอาจเอามาใช้กำตัวเองที่ตอนนี้กำลังจะบ้าตายเพราะใครบางคน

      "ก็บอกตัวเองเสมอว่า ตอนนี้กัญกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกนี้อย่างปลอดภัย " ป๋าตอบพลางยิ้มอ่อนให้ผม พอดีกับโทรศัพท์ที่ดังขัดจังหวะ ลุงเบิ้มคงโทรตามแล้วละมั้ง "หนูมีนไม่ไปจริงดิ"

     "ไม่ครับ" คนเป็นพ่อพยักหน้าเข้าใจก่อนจะขอตัวออกไปตามนัด ปล่อยให้ผมลอยตัวนิ่งๆ บนผิวน้ำอยู่ที่เดิม 

     "จะทำได้หรอ..." พึมพำกับตัวเอง ถ้าจัดการกับความคิดถึงไม่ได้ก็คงต้องรอ ได้แค่รอใช่ไหม...แล้วเมื่อไหร่...แล้วถ้ามันไม่มาผมจะทำยังไง แล้วถ้ามันทิ้งผมหละ แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่คิดเยอะขนาดนี้ เพราะรักมากจึงกลัว

     แม้หนังตาจะหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้นจากความเหนื่อยล้าทั้งกายใจตลอดวันที่ผ่านมา น้องมีนผู้นี้คงเป็นเอามาก เพราะในห้วงความฝัน เสียงทุ้มเบายังก้องในหู หลากหลายคำพูดเกินจับใจความได้ เสียงของเรคอยหลอกหลอนในความคิดพอ ๆ กับไออุ่นและแรงกอดที่มันดูสมจริงเสียจนปล่อยใจให้จมไปกับห้วงนิทราอย่างสงบ...เลิกทำให้กูคิดถึงเสียที


 

 
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่18 P2 5/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-11-2017 12:23:13
ทำหน้าที่แบบนี้ไม่ควรมีความรักจริง ๆ น่ะล่ะ
แต่ก็เชียร์ให้ทั้งคู่ผ่านไปได้นะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่18 P2 5/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-11-2017 22:07:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่18 P2 5/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 06-11-2017 20:50:37
​บทที่ 19


     "มีน ตื่นลูก" เสียงปลุกของย่าดังขึ้นใกล้หู

     "อือ ขอนอนอีกแป๊ปนึง" ผมงอแงพลางซุกเข้าไปหนุนตักอุ่นมือหยาบกร้านตามกาลเวลาลูบเบา ๆ ที่แก้มผม

     "ซูบลงไปเยอะเลยนะเรา" อย่าบอกเสียงเครียด จนผมต้องลืมตามองใบหน้ากลัดกลุ้มนั่น "มีเรื่องอะไรหรือเปล่า...เรากับพ่อนะ"

     "ไม่มีหรอกครับ" โกหกคำโตก่อนหลับตาลงอีกครั้ง "แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย"

      "เรื่องอะไร ไหนบอกย่ามาซิ" ผมอึกอัก ไม่อยากแถไปมากกว่านี้จึงเลือกที่จะเงียบจนได้ยินเสียงถอนหายใจของย่า "มีนคนเรานะไม่ว่าปัญหาอะไร สิ่งที่ทำให้ให้ผ่านไปได้ คือกายและใจที่แข็งแรง ดูบักหล่าสิ ตอนนี้จะเอาแรงที่ไหน หืม" ผมพยักหน้าให้กับคำกล่าวนั่น

     "งั้น มีนอาบน้ำแปป" ผมตัดสินใจลุกจากที่นอนไปจัดการธุระส่วนตัว ย่าจึงเดินไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขก ไม่นานพ่อก็มารับเราไปทำบุญที่วัด 

     นานทีมาวัดคงไม่ร้อนเท่าไหร่มั้ง ซะที่ไหนละ อากาศเมืองไทยนะครับท่านผิวบอบบางของน้องมีนแดงหมดแล้วเนี่ย ได้ออกมาข้างนอกก็ช่วยได้มาก บรรเทาอาการเวิ่นเว้อไปได้เยอะ อย่างน้อยมีอะไรทำก็หยุดคิดถึงเรได้ชั่วคราว ผมรับเอาธูปที่จุดแล้วมาจากพ่อขณะที่นั่งพับเพียบอยู่หน้าองค์พระประทาน 

     "พระองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์ ขออะไรก็ได้" ย่าบอกยิ้ม ๆ จริงหรอ งั้นคนแถวนี้ก็สบายเลยสิอยากได้อะไรให้มาขอ มันฟังดูงมงายแต่ก็อยากจะลองขอ ผมมองไปที่ใบหน้าขององค์พระอย่างตั้งใจ

     ...ผมอยากเจอเร อยากเห็นหน้า หรือไม่ก็ได้ยินเสียงก็ยังดี...ที่ขอไปแบบนั้นเพราะผมอยากรู้ว่าตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง คิดถึงผมหรือเปล่า ครั้นจะโทรไปก่อนก็แบบ...เหมือนไม่เล่นตามกติกาที่ป๋าตกลงกับเรไว้

     พ่อมาส่งผมไว้บ้านริมโขงก่อนจะพาย่ากลับบ้านใหญ่ไป สี่โมงเย็นแดดร่มลมตกผมมานั่งเล่นที่ริมน้ำเหมือนทุกวัน แล้วเสียงไอโฟนที่เงียบไปนานก็ดังขึ้นในรอบหลายวันพร้อมเบอร์ที่ทำให้ใจผมเต้นรัว...เร

     "ฮัลโล..." ผมรับเสียงตื่น ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปลายสาย "เร...มึงหรอ"

     "อืม..."

     "มึงจริง ๆ ใช่ไหม" เสียงผมเริ่มสั่น น้ำตาคลอ"ฮึก...เร"

     "อย่าร้องไห้สิ ทำไมเมียขี้แยจังครับ" น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยปลอบในแบบของมัน

     "ก็กู...ฮึกกูคิดถึงมีง ทำไมไม่โทรหากูเลย มึงไปไหนมา ฮึก" ผมทั้งถามสะอื้น

     "ก่อนหน้านี้พ่อยึดโทรศัพท์ไปนิ" มันตอบ ว่าแต่ทำไมรู้ "แล้วก็ตกลงกับพ่อไว้ว่าจะไม่ยุ่งกับมีนจนกว่าท่านจะโอเค" ผมพยักหน้าเข้าใจ

     "แล้วทำไมถึงโทรมาละ" ผมถามอย่างแปลกใจแต่ก็ดีใจนะที่ได้ยินเสียงมันแบบนี้

     "คิดถึง คิดถึงจนทนไม่ไหว จริง ๆ แล้ว...." มันเงียบไปพักใหญ่ ส่วนผมก็รอฟัง "นี่ผิดคำพูดของพ่อมีนซะแล้วละ เมื่อคืนแอบไปหาด้วยนะ ถ้าไม่ได้กอดนานกว่านี้คงลงแดงตายแน่ ๆ" มันบอกเสียงแผ่วเหมือนเด็กน้อยที่สารภาพผิด แต่คำสารภาพของมันก็ทำเอาผมเห่อร้อนไปทั้งหน้า เมื่อคืนไม่ใช่ฝัน เสียงของเรที่ผมได้ยิน อ้อมกอดอุ่น ลมหายใจทุกอย่างคือของจริง 

     "กูไม่ได้ฝันสินะ" ผมยกมือปาดน้ำตา ยิ้มแก้มแทบแตกถึงแม้จะยังสะอื้นไม่หยุด ทุเรศตัวเองจัง

     "เลิกร้องไห้ได้แล้ว ขอบตาซ้ำมาก กินข้าวบ้างนะ มีนผอมมากรู้ตัวไหม" เรบอกเสียงเครียด "ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ห่วงขนาดนั้น อีกไม่นานหรอกหลังจบคดีของสภาคดีนี้กูจะไปรับมึง โอเคไหมครับ...ที่รัก" ผมละไม่ชินกับการพูดจาเพราะๆ ของมันเลยฟังที่ไรมันเอิ่ม...ขนลุกทุกที แต่การที่เราคุยโทรศัพท์กันมันก็ทำให้เรพูดมากขึ้น ไม่ใช่ผมที่จ้ออยู่คนเดียว ไว้ครั้งหน้าถ้ามันเอาแต่ปิดปากเงียบโทรคุยแม่งเลย ต่อให้นั่งอยู่ข้างกันก็ตาม

     "ฮ่า ๆ ...." ผมสะดุ้งเมื่อนึกได้ว่าเผลอหัวเราะออกมากตามใจคิด

     "มีอะไรน่าขำ"

     "ฮะ...เอ่อ ปะ เปล่า" ทอดมองผืนน้ำเบื้องหน้าอย่างเป็นสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นตลอดหลายวันมานี้ เราต่างคนต่างเงียบแค่ฟังเสียงลมหายใจของกันและกัน อยากให้มันมานั่งข้างๆ จัง  เดาว่าคงชอบ

     "มีน...ต้องวางแล้ว" เรบอก "ต้องออกไปสภากลาง"

     "อะ...อืม" ผมรับแม้ในหัวจะคิดตรงข้าม

     "มีน...รักนะครับ" O/////O แพ้... ผมแพ้เวลาไอ้บ้านี่พูดเพราะแล้วด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแบบนี้ด้วย เขินจนแทบบ้า "รักผมไหม"

     "ระ...รักสิ" โอ้ยลิ้นพันกันไปหมดแล้วเนี่ย แล้วจะขย้ำขากางเกงเพื่อ!!?

     "น่ารัก!!!" มันหัวเราะเสียงใส "รอผมนะที่รัก จะเอาผู้ใหญ่ไปขอ" เรตบท้ายก่อนจะวางหูไป ปล่อยให้ผมนั่งเขินกับประโยคเสี่ยว ๆ ของมัน ผมวางโทรศัพท์ลงอย่างอารมณ์ดี มองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกสาดแสงสีส้มไปทั่วฟ้าและสะท้อนลงผืนน้ำ...ว่ายน้ำเล่นดีกว่า ผมถอดเสื้อผ้าตัวเองก่อนจะหย่อนตัวลงน้ำที่ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาทันที

..............................................................................

     อีกฟากของฝั่งน้ำคนกลุ่มหนึ่งกำลังซุ่มมองร่างบอบบางที่แหวกว่ายไปมาอย่างชื่นชม  ผิวขาวผุดผ่องกับเกร็ดสีมุกเสริมให้สิ่งมีชีวิตตรงหน้างดงามดุจอัญมณีแห่งผืนน้ำ ตอนแรกที่เขาได้รับคำสั่งจากนายมา คิดเสมอว่าผู้เป็นนายเพ้อเจ้อ ชาวเงือกนะเหมือนจะเป็นเพียงตำนานเพราะเมื่อเทียบกับอมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นแทบจะไม่มีใครเคยเห็นเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นะในเมื่อหลักฐานปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาคงไม่ขอโต้แย้งอะไร

     "เข้าใจเลยว่าทำไมนายอยากได้" หนึ่งในนั้นพูดขึ้นเขาเคยเห็นแต่เงือกที่มีหางสีครามและสีเทา

  อ   "แต่สภามีคำสั่งพิเศษคุ้มครองชาวเงือกนิ หากทำร้ายหรือฆ่าจะต้องรับโทษหนักกว่าคดีทั่วไป" อีกคนบอกท่าทางลังเลในสิ่งที่กำลังจะทำ

     "ก็อย่าโง่ถูกจับสิ นึกถึงค่าตอบแทนสิวะ" อีกคนบอกเพื่อน "เอาไง"

     "นายสั่งให้จับเป็น" เพื่อนที่ซุ่มอยู่ข้าง ๆ กระซิบบอก "นิ่มนวลที่สุดอย่าให้มีรอยขีดข่วน" เสียงแหบห้าวเน้นย้ำ อีกคนที่รับหน้าที่เป็นพรานในวันนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับก่อนจะบรรจุลูกดอกยาสลบลงบนปืนยาวแล้วเล็งไปยังไปหมาย

     ปัง!!! เสียงปืนยาวดังสนั่นทำเอานกแถวนั้นแตกฮือพร้อมกับลูกดอกที่แหวกอากาศพุ่งสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำ

     "โอ๊ย!!!!" เสียงใสร้องลั่น เมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่กลางหลังก่อนที่สติจะพร่าเลือนจนดับวูบในที่สุด ร่างบางจมดิ่งลงใต้น้ำ เหล่านายพรานจึงออกจากที่ซ่อนว่ายไปจับเป้าหมายดึงขึ้นเรือที่จอดซ่อนไว้แถวนั้นแล้วขับออกไปทันที แว่วเสียงร้องโวยวายของแม่บ้านที่บังเอิญมาเห็นเหตุการณ์ ทำให้ต้องรีบเผ่นก่อนที่อะไรจะยุ่งยากไปมากกว่านี้

...........................................................................

     ผมตื่นขึ้นมาในห้องมืดชวนให้นึกถึงตอนที่โดนพวกซาโตนี่จับไปแล้วใจมันสั่นกลัว เพียงแต่สถานที่ในตอนนี้อยู่ในสภาพดีกว่าเยอะเพราะผมโดนมัดมือมัดเท้านอนตะแคงอยู่บนเตียงกว้างที่นุ่มหอมแบบไม่มีเสื้อผ้าติดตัวซักชิ้น ที่นี่ไม่ได้สกปรกและอับชื้นเหมือนใต้เขื่อนนั่น แต่สถานการณ์โดยภาพรวมก็ดูเลวร้ายกว่าเพราะผมถูกจับมาลำพังไม่มีเรคอยช่วยเหมือนทุกที 

     พอสายตาปรับเข้ากับแสงสลัวก็เห็นหน้าต่างที่กั้นด้วยลูกกรงเหล็กตรงข้ามกันเป็นประตูห้องและปลายเตียงเป็นห้องน้ำที่แง้มประตูไว้  ได้ยินเสียงไขกุญแจจากด้านนอกก่อนที่ประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นชายฉกรรจ์สองคนที่คนหนึ่งถือถาดอาหารเข้ามา ผิวคล้ำกร้านแดดกับแผลเป็นบนหน้าดูโหงวเฮงยังไงก็ไม่ใช่คนดี สายตาโลมเลียที่จ้องมาน่าทำเอาผมเกร็งไปทั้งตัว ถดตัวนี้จนแทบติดหัวเตียง ชันเข่าขึ้นปิดร่างกายจากสายตาน่าขยะแขยงของพวกมัน

    "ต้องการอะไร!!!!" ผมถามเสียงดัง

    "ถ้าพี่บอกน้องจะทำให้หรอจ้ะ" มันคนหนึ่งตอบพร้อมแสยะยิ้มแล้วคลานเข่าเข้ามาหา ยิ่งทำให้ผมถอยกรูดจนแทบสิงกำแพง

     "เฮ้ย...แล้วไม่ต้องเอาข้าวให้มันกินหรอวะ" เพื่อนมันถาม

    "วางไว้ก่อนมึง หึ...กินของพี่ก็ได้นะน้อง อิ่มเหมือนกัน" สถานการณ์ตอนนี้มันบ้าสิ้นดี

     "จะทำเหี้ยอะไรของมึง!!!!" ผมโวยวายเมื่อมันเข้ามาใกล้พลางออกแรงถีบจนมันหงาย สายตาคู่นั้นวาวโรจน์อย่างโกรธจัด ความรู้สึกอึดอัดที่แผ่รอบตัวบอกให้รู้ว่ามันก็ไม่ใช่มนุษย์เช่นกัน "โอ๊ย!!!" มือแกร่งกระชากข้อเท้าผมแรงจนนอนแผ่หลาลงบนเตียง "ปล่อยกูกู!!!"

    "ฤทธิ์เยอะนักนะมึง" ผลัก!!! หมัดหนักๆ ซัดเข้ามาเต็มท้องจุกจนตัวงอ แม่งแรงเยอะชิบหาย อยากจะด่าแต่พูดไม่ออก 

     "คุยกันดี ๆ ไม่ชอบ" เพื่อนมันอีกตัวคลานขึ้นมาบนเตียงจับผมนอนหงายก่อนจะกดมือที่ถูกมัดลงกับฟูกล๊อคเอาไว้แน่น

     "อย่า...ฮึก" ผมดิ้นรนด้วยความกลัว "ไม่...เชี่ย" เสียงผมสั่นเมื่อมันอีกคนคร่อมทับลงมาหมดสิ้นทางหนี มือสากลูบไล้ไปทั่วตัว สัมผัสหยาบโลนทำเอาน้ำตาผมไหลออกมากอย่างอดสู "พอ...ไอ้เชี่ย หยุด...อื้อ"

     ริมฝีกปากถูกประกบปิดจากไอ้คนที่กดมือผมไว้ พยายามที่จะเม้มปากแน่นแต่ก็โดนมันบีบคางจนเจ็บ บังคับไห้อ้าปากรับลิ้นร้อนที่รุกรานเข้ามา ในขณะที่อีกคนกำลังลิ้มรสไปทั่วร่างก่อนจะกัดแรง ๆ เข้าที่อกทำเอาผมสะดุ้ง รู้ขยะขแยงทุกสัมผัสจากพวกมัน

     "เชี่ย ผิวอย่างเนียน กูไม่ไหวแล้ว" ผมผวาเมื่อมันจับร่างผมพลิกคว่ำกดหน้าลงกับเป้าตุง ทำเอาใจผมเต้นรัวอย่างหวาดผวากับสิ่งที่ตามมาเมื่อมันรูดซิบดึงกางเกงลง

     "อื้อ" ผมเม้มปากแน่นแต่มันกลับบีบคางผมจนต้องอ้าปากรับท่อนเนื้อร้อนยัดเข้ามาพรวดเดียวจนจุกคอ...แทบอ๊วก อยากจะอาเจียน...เรมึงอยู่ไหน มึงรู้หรือเปล่าว่ากูโดนจับมาที่นี่ ที่ที่เหมือนขุมนรกนี่ 

     "ฮึก!!!!" น้ำตาผมไหลอาบแก้มอย่าสิ้นหวัง เมื่อนิ้วสากกดเข้ามาด้านหลัง ไม่อยากจะนึกถึงสิ่งต่อไปที่กำลังจะเกิด... ศักดิ์ศรีทุกอย่างมันถูกทำลายลงตรงนี้ เจ็บทั้งกายทั้งใจ รู้สึกท้อถอยกับทุกสิ่งจนได้แต่หลับตายอมรับความอัปยศนี้ ร่างกายที่สกปรกจากใครก็ไม่รู้ที่มันจับผมมา แล้วจับมาเพื่ออะไร 

     ถ้าพูดเรื่องบาปกรรมผมมั่นใจว่าตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยทำบาปอะไรที่มันหนักหนาจนฟ้าต้องมาลงโทษด้วยชะตากรรมเลวร้ายแบบนี้ ความรู้สึกด้านลบทุกอย่างถาโถมเข้ามาในใจ มันคงจะดีกว่าหากผมหยุดหายใจไปซะ แล้วไม่รับรู้มันอีก

     "ทำบ้าอะไรของพวกมึง"  เสียงตวาดลั่นดังมากจากตรงประตูก่อนที่ไอ้สารเลวสองคนจะถูกกระชากออกจากตัวผมจนกระเด็นไปนอนกับพื้น

     "นาย!!!!" พวกมันโพล่งออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นผู้มาใหม่เต็มตา "พวกผม...."

     "กูบอกมึงว่าไง..." ชายร่างยักษ์กวาดมองไปทั่วอย่างเกี้ยวกราด "อย่าให้มีแม้แต่รอยขีดข่วน แล้วดูพวกมึงทำ ถ้าในวันประมูลสินค้ากูราคาตกละก็เอามึงตาย ออกไปได้แล้ว" มันตวาดลั่นไล่ลูกน้องออกจากห้อง ก่อนจะเดินมาแก้มัดผมออก "กินข้าวซะ อย่าให้กูต้องบังคับ"

     ผมมองตามร่างยักษ์ที่เดินออกไปพร้อมปิดประตูขังผมไว้ ก่อนจะล้มตัวนอนร้องไห้คำว่าสินค้าเหมือนน้ำเย็นๆ ที่สาดเข้ามาจนชาไปทั้งร่าง มันจะเอาผมไปขายงั้นหรือ แล้วคนที่ซื้อจะเอาผมไปทำอะไร

     ...มีคนบอกว่าเนื้อของชาวเงือกจะทำให้อมตะ...*เมื่อนึกถึงสิ่งที่เคยได้ยินใจผมแทบหยุดเต้น ขนลุกทั้งกาย เขาคงไม่ซื้อผมเพื่อไปแล่เป็นอาหารใช่ไหม หรือคงไม่เอาผมไปขังไว้ในตู้เหมือนปลาทอง หรือบางทีคนที่จะซื้อผมไปอาจใช้ผมเป็นที่ระบายอารมณ์แบบไอ้ชาติชั่วสองตัวนั่น

     ...ไม่ผมต้องหนี แล้วจะหนียังไงละ...มองไปรอบ ๆ มันช่างไรหนทางกับร่างกายที่ยังเจ็บและใจที่ไม่เต็มร้อยจะรอดได้ยังไง

     พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นวัตถุสีขาวที่วางไว้ข้างถาดอาหาร มันคนหนึ่งเผลอลืมโทรศัพท์ไว้เหมือนแสงจาง ๆ จากปลายอุโมงค์ ผมพาร่างที่บอบช้ำไปคว้าเอาโทรศัพท์นั่น กดหมายเลขสำคัญที่จำขึ้นใจแต่ก็ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะรนเกินไป จนต้องตั้งสติกดมันใหม่จนโทรออกได้ในที่สุดยก ผมยกโทรศัพท์แนบหูด้วยมือที่สั่น ได้ยินเสียงรอสายดังยาว 

     "รับสิวะ รับสิ" ผมพร่ำเพ้อด้วยใจระทึก "เร รับสิ"

     "ฮัลโล " เสียงปลายสายช่วยให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก 

     "เรฮึก กูเอง" พลันน้ำตาที่พึ่งแห้งก็กลับมาไหลอีกครา "ฮึก มาช่วยกูด้วย กูไม่ไหวแล้ว"

     "มีน ตอนนี้อยู่ไหน กูตามหาให้ทั่ว" เสียงทุ้มถามอย่างร้อนรน

     "เรฮึก พวกมัน...ฮือจะ..." พยายามจะตั้งสติแต่ยิ่งได้ยินเสียงมันยิ่งปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น 

     "ใจเย็น ๆ นะครับ ตั้งสติ มีน...ตอนนี้อยู่ไหน"

     "กูไม่รู้ ฮึกมันจับกูมา มันเกือบจะปล้ำกู" เหตุการณ์เมื่อครู่ยิ่งกระตุ้นความกลัวของผม "มันบอก...ฮือ... มันบอกจะเอากูไปขาย...กูต้องตายแน่ เรกูกลัว ช่วยกูด้วย มันต้องฆ่ากูแน่" ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น ตอนนี้สติแตกแล้ว อยากให้เรมาอยู่ตรงหน้าซะเดี๋ยวนี้เพราะผมไม่ไหวแล้ว รับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว 

     "มีน...." ปัง!! เสียงประตูเปิดเข้ามาอย่างแรงก่อนที่ชายร่างยักษ์จะตรงปรี่เข้ามากระชากมือถือไปจากผม

     "วุ่นวายนักนะมึง" มันตะคอกก่อนกดหน้าผมลงกับพื้น

     "โอ๊ย!!! อย่า" มือถูกเอาไพล่หลังไว้ ผมน้ำหนักตัวที่กดลงมาแรงจนแขนแทบหักหมดสิทธิ์ดิ้นรน รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังคอเหมือนถูกเข็มแทงก่อนที่ความร้อนจะแผ่กระจายจากจุดนั้นดึงสติให้ดับวูบไป

:ling3:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่20 P2 6/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 06-11-2017 20:57:51
บทที่ 20

Amun-re Say

     ผมไม่เคยเสียใจที่มีสายเลือดเรเวนเลย แม้หลังพ่อแม่ตายเราถูกตามล่ากันเป็นว่าเล่นจากคนที่หวังประโยชน์จากพลังที่มี แต่เราเอาตัวรอดจนได้มาเจอท่านพ่อเพราะพลังที่มีเช่นกัน แต่ตอนนี้แอบเซงกับสิ่งที่ตัวเองเป็น เพราะตอนโดนพวกซาโตนี่เล่นงานมันทำให้คนรักของผมเดือดร้อนไปด้วย แม้เรื่องจะผ่านไปได้ด้วยดีแต่สถานการณ์ใช่ว่าจะสู้ดีเมื่อพ่อตา!? ของผมดันไม่ชอบใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็ไม่เห็นด้วยหากลูกชายคนเดียวของเขาต้องมาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ข้างกายผม 

    จะว่าพ่อมีนใจร้ายก็ไม่ใช่ ก็แค่รักลูกมากเท่านั้นเอง เดาจากตอนแรกที่เราคบกันพ่อของมีนก็ไม่ได้ห้ามอะไรขอแต่ลูกมีความสุขเขาก็พอใจ จากจุดนี้ผมจึงต่อรองและรับปากว่าจะเก็บกวาดพวกที่เข้ามาวุ่นวายของเราให้ได้มากที่สุด คุณพ่อตาบอกว่าถ้าจากนี้ไปจนเปิดเทอมทุกอย่างเรียบร้อยแกจะพิจารณาอีกที

    ผมคุยกับอาว่าจะลดเรื่องงานล่า ภายในเปิดเทอมนี้อาซอนเน่จึงรับปากจะหาคนมาทำแทนแต่จะมีรบกวนพวกเราบ้างในคดีที่มันยากจริง ๆ พอละเว้นจากงานล่าเราสองพี่น้องจึงมองหาหนทางลงทุนใหม่ ๆ แม้เงินที่ท่าพ่อส่งให้เราแต่ละเดือนจะมากมายแต่ก็ไม่อยากงอมืองอเท้าผลาญเงินไปวัน ๆ

     ผมยกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีทอดมองถนนตรงหน้า นับวันผมยิ่งบ้าสงสัยติดเชื้อไอ้แว่นเกรียนนั่นมาแน่  ว่าแล้วหน้ามึน ๆ ของมันก็ลอยมาในความคิด ทั้งที่รับปากคุณพ่อตาไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งกับมันจนกว่าจะเปิดเทอมแต่ใครจะทนได้... ผมนอนกอดของผมทุกวัน ก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดา 

    สุดท้ายอดไม่ได้ต้องแอบไปหามันถึงบ้าน ได้เห็นคนน่ารักนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ผิวขาวๆ ในเสื้อนอนตัวบางกับกลิ่นหอมอ่อนเฉพาะเจ้าตัว ผมเกือบจะลักหลับมันแล้วสิเมื่อคืน ต้องข่มกายขมใจนอนกอดมันไว้เฉย ๆ มันซูบลงจนสังเกตเห็นได้ คงจะคิดมากเรื่องผมนี่แหละ พอเช้าก็ลากสังขารจากหนองคายกลับมาถึงคอนโด

    ผมตัดสินใจโทรหามีน เติมกำลังใจให้ไอ้เกรียนมันหน่อยกลัวจะเฉาตาย แต่รอไม่นานผมก็ไปรับมันแล้ว ใจจริงอยากไปซะเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ติดงานล่าที่พึ่งรับมา ตอนนี้ต้องเอารายงานที่พึ่งปั่นเสร็จไปส่งที่สภากลาง

    “ไงพี่เร” เสียงไอ้น้องรักทักทันทีที่เปิดประตูเข้าไปห้องทำงานของอาซอนเน่ พักนี้ถ้าไม่มีเรียนมันมาสิงที่นี่ตลอดแหละ ขยันทำคะแนนซะจริง

    “อ้าวเร...! รายงานวางไว้โต๊ะก่อนเลยขี้เกียจจะอ่าน” ท่านอายังคนสวยบอกพลางสะบัดมือเบา ๆ ให้น้ำยาทาเล็บสีแดงสดแห้ง เดาจากขวดน้ำยาในมือไอ้เรน

     (อย่าบอกนะมึงเป็นทาให้)

     (เออกูเอง) มันยิ้ม

     (นี่น้องกู...แต๋วแตกแล้วสินะ) ผมล้อ

     (แหม ๆ หัดไว้เห็นซอนเน่ชอบ เพื่อคนที่รักกูทำได้หมดแหละ หรือมึงไม่เป็นไอ้พี่เร) แล้วผมกับมันก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

     “นี่คงไม่แอบนินทาอาในใจกันใช่ไหมเนี่ย” ท่านอาทำหน้ายุ่ง ตวัดสายตามองเรน ไอ้ตัวแสบก็ยิ้มกวน ยิ่งทำให้ใบหน้าสวยนั่นเหวี่ยงไปอีก รังสีหวานแหววแปลก ๆ เดาว่าน้องผมคงจะคืบหน้าไปบ้างแล้วนะ ดูสองอาหลานหยอกกันไปมาเพลิน ๆ แรงสั่นในกระเป๋าเตือนว่าโทรศัพท์มีสายเข้าจึงเอาออกมาดู...ก็ต้องประหลาดใจกับเบอร์ที่โชว์ พ่อตาโทรมา!!!!!

    “ฮัลโลครับ” 

    “มีนโดนจับไป” น้ำเสียงร้อนรนจากปลายสายทำใจผมกระตุกวูบ

     “เมื่อไหร่ครับ” 

     “ไม่เกินครึ่งชั่วโมง แม่บ้านที่อยู่อีกบ้านโทรมาบอกว่ามีนโดนใครไม่รู้ลากขึ้นเรือไป” ผมไม่น่าชะล่าใจเลย มีคนอื่นรู้ว่ามีนเป็นเงือก หลัก ๆ ก็คนในสภาที่ไปช่วยเราวันนั้น ไม่แน่พวกนั้นอาจบอกคนอื่นต่อ จึงมีคนคิดจะเอาตัวมีนไป

    “ผมไม่น่าชะล่าใจเลย” รู้สึกเสียใจที่ยอมเล่นตามเกมคุณพ่อตา ปล่อยมีนอยู่ห่างตัว ถึงอยู่กับผมมันจะอันตรายแต่ผมก็ยังปกป้องดูแลได้ 

    “เร...ป๋าจะทำยังดี” เสียงเขาสั่น “จะไปตามมีนที่ไหน...ได้ละ”

    “ใจเย็น ๆ นะครับ ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องหามีนให้เจอ พวกมันมีกี่คน” 

     “รู้สึกจะสาม” 

     “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ” ผมบอกก่อนตัดสายไป สบตากับน้องชายนิ่ง มันรับรู้ทุกอย่างแล้วเช่นกัน 

    “มีนโดนจับไป?...ฝีมือใคร” เรนถามเสียงเครียด ได้แต่ส่ายหน้าเพราะผมเองก็ไม่รู้ พยายามข่มใจที่เต้นรัวอย่างหวาดหวั่นในตอนนี้ให้สงบพร้อมคิดวิธีการ

    “อาจะสั่งคนแถวนั้นไปตรวจสอบร่องรอย” ท่านอาบอกก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นสั่งงาน...โทรศัพท์!!! คนเราต้องพกโทรศัพท์ติดตัวอยู่แล้ว ยิ่งเป็นภารกิจที่ต้องมีการสั่งการอย่างลักพาตัวยิ่งต้องมี

    “สัญญาณโทรศัพท์!!!!” เราโพล่งออกมาพร้อมกันก่อนที่ผมจะก้าวยาว ๆ ไปห้องฝ่ายข้อมูล

    (พี่จะทำอะไร...)

    (หาสัญญาณโทรศัพท์ที่ถูกใช้งานแถวบ้านมีน ตอนเวลาช่วงที่มีนโดนจับไป...บ้านริมโขงค่อนข้างห่างจากหลังอื่น คงมีคนใช้โทรศัพท์จากบริเวรนั้นไม่มาก)

    (เออ ลองดู เผื่อมันโทรประสานงานกัน)

     “รบกวนช่วยหาสัญญาโทรศัพท์ที่ใช้งาน แถวพิกัด….°....'….2"N …°…'….5"E ช่วงเวลา 16.00-18.00 น. ให้ผมที” ผมสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรีบทำตาม หมายเลขกว่ายี่สิบหมายเลขจะรัยขึ้นมาบนหน้าจอ “เบอร์นี่ไม่ใช่...เบอร์นี่ก็ด้วย ๆ...” ผมตัดเบอร์ที่ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวมีนออกไป สงสัยใช่ไหมว่าผมรู้ได้ไง. ผมไปสืบมาหมดทุกอย่างเกี่ยวกับมีน พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง การศึกษา ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับมีน ผมค้นหาและจดจำไว้หมด

    “หาจากเบอร์ที่เหลือ...ว่าเดินทางไปตรงไหนต่อบ้าง”

    “เอ่อ ต้องให้เวลาค้นหาซักหน่อยนะค่ะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอก ผมพยักหน้าเข้าใจแม้ภายในจะเดือดเต็มที

    รอ ผมเกลียดการรอ ไม่รู้มีนจะเป็นยังไง ผมเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนั้นอย่างวิตก เหมือนจะเกะกะเจ้าหน้าที่ในห้อง จนน้องต้องลากกลับห้องทำงานท่านอา เปิดประตูไปทำเอาผมอึ้ง มีทั้งอาหมอกับข้าวหอม อารอทกับโยนาห์ และอายูจีน ทั้งหมดมารวมกันที่นี่เพื่อหาทางช่วยผม  ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็วิ่งตามเอาพิกัดที่ตามจากสัญญาณทั้งหมดมาให้ผม จึงมีคำสั่งให้คนของสภาในพื้นที่ตรวจค้นตามที่อยู่จากพิกัดเหล่านั้น 

    มองเข็มนาฬิกาเดินไปกว่าสองชั่วโมงผ่านมาแล้ว จึงตัดสินใจว่าจะใช้เครื่องบินส่วนตัวบินไปหนองคายเพื่อหาเอาเอง เพราะให้ทนรอแบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ แต่ยังไม่ทันก้าวออกจากห้องโทรศัพท์ก็มีสายเข้าอีกครั้ง ผมรีบหยิบมารับด้วยใจระทึก

     "ฮัลโล..." 

     "เร...ฮึก...กูเอง" เสียงปลายสายจุดความหวังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้ว่าคนที่หายังมีชีวิตอยู่ "ฮึก...มาช่วยกูด้วย กูไม่ไหวแล้ว" แต่เสียงสะอื้นที่ได้ยินทำเอาผมใจหาย เพราะต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแน่นอน

     "มีน ตอนนี้อยู่ไหน กูตามหาให้ทั่ว" 

     "เรฮึก...พวกมัน...ฮือจะ..."

     "ใจเย็น ๆ นะครับ ตั้งสติ มีน...ตอนนี้อยู่ไหน" 

     "กูไม่รู้...ฮึกมันจับกูมา มันเกือบจะปล้ำกู" ปล้ำ...คำนั้นทำให้จิตใจของผมร้อนรน "มันบอก...ฮือ... มันบอกจะเอากูไปขาย...กูต้องตายแน่ เรกูกลัว ช่วยกูด้วย มันต้องฆ่ากูแน่" มีนร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดไม่เป็นคำ น้ำเสียงทั้งสั่นและหวาดกลัว บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวผ่านเรื่องเลวร้ายมาแค่ไหน

     "มีน...." ปัง!! ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ 

    "วุ่นวายนักนะมึง" ใครบางคนตะคอกตามด้วยเสียงโครมคราม

     "โอ๊ย!!! อย่า" เสียงร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังผ่านสายทำเอาใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

     "มีน!!!!มีน ได้ยินไหม Pffff!!!!แม่ง!!!!" ผมตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างบ้าคลั่งแต่สายตัดไปแล้ว ได้แค่ฟังทำห่าอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง โทรศัพท์เจ้ากรรมถูกบีบแน่นจนแทบแหลกคามือดีที่เรนรีบมาแกะออกไปก่อนพลางลูบไหล่ผมเบา ๆ ให้ใจเย็นลง

    "มีนว่าไงบ้าง" หมอริคถามขึ้น

    "มันจะเอามีนไปขาย"  ผมตอบเสียงเบา...เรื่องที่ว่ากินเนื้อเงือกจะทำให้เป็นอมตะ...เหมือนตอกย้ำให้รู้สึกแย่

     "หรือว่าจะเป็นงานประมูลใต้ดิน ที่กำลังจะเริ่มในอีกสองวัน" ซอนเน่บอกเสียงเครียด "ปกติสภาจะไม่ยุ่งกับงานพวกนี้ ไม่ว่าจะเอาอะไรไปประมูลกัน อาวุธ ของวิเศษ ของเวทย์มนต์ อะไรก็ตาม แต่นี่มันไม่ใช่ มันถือว่าผิดข้อตกลง เพราะเราไม่อนุญาตให้เอาสิ่งที่มีชีวิตมีจิตใจ อย่างมนุษย์หรืออมนุษย์ไปประมูลขาย พอไม่ยุ่งหน่อยก็ทำข้ามหน้าข้ามตากันสินะ" ใบหน้าสวยแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาชัดเจน

     "ครั้งนี้จัดที่ไหน" ผมถาม

     "ซิดนี่!!!! เห็นทีต้องไปจัดระเบียบกันซักหน่อย" หมอริคหักนิ้วกร๊อบ แววตาดุดันขึ้นทันใด

     "เจอแล้ว" อารอทโพล่งออกมาอย่างยินดีก่อนจะหันหน้าจอมาโชว์พิกัดที่จับได้จากสัญญาณโทรศัพท์เมื่อครู่ 

     หืม...ในเขตกรุงเทพ ฯ นี่เองใกล้กับสนามบิน "พี่ต้องไม่เชื่อแน่ บ้านหลังนี้เป็นของ วลัช เจ้าที่ฝ่ายการทูตของเรานี่แหละ" เพราะเป็นคนของสภากลางสินะจึงรู้ว่ามีนเป็นอะไรทุกที่ย่อมมีคนเลวประปนอยู่ไม่เว้นแม้แต่ที่นี่

     "ผมจะไปคุยกับมัน" บอกแค่นั้นก่อนจะเดินไปห้องทำงานเป้าหมายโดยมีน้องชายเดินตามเป็นเงา

     ปัง!!!! ผมเปิดประตูพรวดเข้าไป เจ้าของห้องดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะเหยียดยิ้มเย้ยหยันมองมาที่เรา

     "คงไม่มีใครสอนเรื่องมารยาทกับพวกเธอ" ชายวัยกลางคนว่า

     "หึ มีไม่มีไม่เกี่ยวหรอก" เรนบอกเสียงขุ่น

     "แฟนกูอยู่ไหน" เข้าเรื่องเลยแล้วกัน

     "ผมจะไปรู้แฟนคุณหรอ" มันยังคงเฉไฉแต่แววตาเจ้าเล่ห์นั่นบอกให้รู้ว่ามันเข้าใจเรื่องที่ผมพูด "คงหมายถึงเงือกตัวน้อยคนนั้นสินะ หึๆ"

    "ผมไม่มีเวลามาเล่นลิ้นกับคุณ แล้วบ้านเลขที่...มันไม่ใช่ของคุณหรอกหรอ" เน้นคำย้ำชัดเจน ทำเอาอีกฝ่ายชะงักงัน

     "บ้านนั้น ฉันยกให้คืนอื่นไปแล้ว ญาติกันนี่แหละ ฉันจะไปรู้ได้ไงว่ามันเอาไปทำอะไร ไม่ได้ไปเฝ้าทุกวัน" ตอแหล!!!...ผมมองหน้ามัน "หึ เด็กเมื่อวานซืนอย่ามาทำเป็นข่มหน่อยเลย หลักฐานก็ไม่มี อย่ามาปรักปรำกัน"

     "คุณลืมไปหรอว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างเรา ก็เป็นคนของซานซิโอ เข้าใจสถานะตัวเองด้วย" ไอ้น้องรักเถียงกลับอย่างมีน้ำโห ปกติมันไม่เอาเรื่องตระกูลมาข่มใครเพราะเรามันแค่ลูกบุญธรรม

     "ฉันพูดจริงฉันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้" วลัชปฏิเสธ   

     "แต่จะไม่รู้เลยหรือไงว่าญาติตัวเองจะทำอะไร" เรนยังคงกดดันต่อ มันไม่อยากให้ผมลงมือเองเพราะอารมณ์ผมตอนนี้พร้อมหักคอได้ทุกคน

     "ก็บอกว่าไม่รู้ไง" ผมเดินเข้าไปหาบ้าง ไม่รู้ว่าแววตาผมเป็นแบบไหน แต่วลัชถึงกับถอยกรูดจนล้มนั่งลงเก้าอี้ ผมจึงเอามือค้ำมันไว้ก่อนก้มลงมองตาใกล้ๆ จนอีกฝ่ายตัวสั่น 

     "แน่ใจในคำตอบแล้วสินะ" ถามเสียงเย็นเยียบ

     "แน่ใจ สะ...อ๊าก!!!!" เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นห้องเมื่อผมคว้ามีดเงินที่เหน็บไว้ข้างเอวปักไหล่มันตรึงไว้กับเก้าอี้

     หากคุณคิดว่า เร เป็นผู้ชายอบอุ่น หน้านิ่งแต่ใจดี คุณคิดผิด เพราะนั่นมีไว้ให้ครอบครัวและคนที่ผมรัก...ถ้าดี ก็ดีใจหายถ้าร้ายก็ร้ายจนนึกไม่ถึง... เพื่อเป้าหมายผมทำได้ทุกอย่างและคนตรงหน้าก็คงรู้ดีจากภารกิจเล็กใหญ่ที่ผมเคยสะสาง 

     "นาวิน!!!...ลูกพี่ลูกน้องฉัน อย่ากด" เสียงสั่น ๆ หลุดออกมาในที่สุด จึงผ่อนแรงกดให้มันได้พล่าม "มันบอกจะเอาของไปประมูลรอบนี้...ของนี้แพงมาก มันมาขอยืมบ้านฉันเก็บของ มันบอกถ้าได้เงินมาจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้"  ฉลาดนิ คิดว่าใช้บ้านทูตของสภากลางแล้วจะไม่โดนค้นสินะ

     "จะขนของไปเมื่อไหร่" 

     "โอ๊ย ไอ้เด็กเวร" มันสบถด่าผมจึงกดมีดลงจนมิดด้าม "บอกแล้ว ๆ คืนนี้ อีกหนึ่งชั่วโมง เครื่องบินส่วนตัว เที่ยวบิน  TX-0318...กองทัพอากาศ" วรัชละล่ำละลักบอก "แค่นี้ ฉันรู้แค่นี้" แววตามันสั่นไหวและหวาดกลัว มันคงไม่มีอะไรบอกแล้วจึงปล่อยมือจากด้ามมีดที่ทิ้งให้ปักไว้อย่างนั้น ทำเอาคนที่เคยเย่อหยิ่งอวดเก่งทรุดพิงเก้าอี้หมดสภาพ





     เราทั้งหมดขนโขยงมายังสนามบินของกองทัพ ไม่มีแผนไม่มีเตรียมการเพราะเวลาไม่อำนวย โยนาห์กับข้าวหอมถูกสั่งให้เฝ้าวรัชไว้ที่สภา งานนี้คงถูกสอบกันหน่อย เพราะอะไรนะเหรอ เพราะมาถึงพวกนาวินก็เตรียมการต้อนรับซะยิ่งใหญ่อาวุธซะครบมืออยู่หน้าโกดัง เดาว่าญาติมันคงโทรมาเตือนเรียบร้อย ก็ตื่นเต้นดีเพราะไม่ค่อยได้ลงสนามกันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวแบบนี้มานาน

     กรรร**!!!** หมอริคกลายร่างเป็นแวร์วูฟตัวใหญ่ก่อนกระโจนเข้าไปประเดิมคนแรก ตามด้วยเพื่อนรักอย่างรอทพร้อมมีดคู่ใจ ส่วนซอนเน่วิ่งตามพวกเราที่ฝ่ามาด้านในรับมือพวกที่กระโจนเข้ามาไปพลาง ปกติแล้วผมไม่ค่อยเล่นถึงตายเอาแค่น่วมแล้วจับเข้าคุกทีหลัง แต่วันนี้มีหนักมือถึงตายกันบ้างเอาให้หนักให้สมกับที่ทำคนรักผมร้องไห้ 

     เหมือนได้ระบายอารมณ์คุกรุ่นที่สะสมมาตลอดวัน พยายามฝ่าดงตีนไปตรงลานบินและยิ่งเร่งฝีเท้าขึ้นเมื่อเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินแอร์บัสดังสนั่น ใช้เวลากว่าห้านาทีถึงสลัดไอ้พวกเหลือบไรนั้นหลุด เป็นจังหวะที่ตัวเครื่องกำลังทะยานไปตามรันเวย์เพื่อทะยานสู่ฟากฟ้า...ไม่ทันการแล้ว!!!

     ฟึบ!!!ปัง ปัง!!!!ผมคว้าเอาปืนกลแถวนั้นสาดใส่ศัตรูก่อนกางปีกพุ่งตามก้อนเหล็กที่กำลังเร่งความเร็วขึ้นจนล้อเริ่มลอยจากพื้น เรนบินแซงหน้าผมไปคว้าเข้าช่องเก็บล้อพร้อมยันล้อที่กำลังพับเอาไว้

     "พี่เร...เร็วดิวะ" น้องมันตะโกนแหวกเสียงลม เอื้อมมือมาหาผม จึงต้องเร่งสะบัดปีกพุ่งเข้าหามันแล้วมือเราก็คว้ากันทัน มันออกแรงดึงผมเข้าไปปล่อยขาที่ยันล้อไว้ประตูจึงเด้งปิดทันใด สองพี่น้องล้มกลิ้งไปกับพื้นใต้ท้องเครื่องบิน 

     (เกือบไม่ทัน!!!) ผมหอบหายใจหนักถ้าหลุดไปนี่ตามยันซิดนี่อะ คงยุ่งยากน่าดู เราพักหายใจกันชั่วครู่

     (เอาไงพี่) ผมเงี่ยหูฟังไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงเครื่องยนต์และเสียงพูดคุยดังมาจากส่วนหน้า เดาว่ามันคงไม่รู้ว่าพวกผมขึ้นมาด้วย ส่วนหนึ่งเพราะเราอำพรางกลิ่นไอและพลังของตัวเองไว้ตลอด ถ้าไม่เก่งถึงระดับพวกท่านอาคงยากจะรู้

      (อย่าเพิ่งบวก เราต้องหาก่อนว่ามันเอามีนไว้ที่ไหน...น่าจะส่วนเก็บสินค้าโถงล่าง มองหากล่องหรือลังที่น่าจะยัดคนเข้าไปได้) ผมค่อย ๆ เจาะเพดานด้านบนเป็นช่องพอลอดได้หลังจาแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปตามด้วยเรน 

     (ผมไปดูโซนนั้นแล้วกัน) เรนบอกก่อนเดินแยกไป เพราะการจู่โจมกระทันหันทำให้มีพวกมันขึ้นมาบนเครื่องบินไม่มากส่วนแถมยังชะล่าใจว่าไม่มีใครตามมาจึงพากันไปรวมอยู่ห้องนักบินกับโซนโดยสารเป็นส่วนใหญ่ 

     เสียงฝีเท้าเอื่อย ๆ ตรงมุมขวาบอกให้รูว่ามีคนมา ผมย่อตัวลงอำพรางตัวเองกับความมืดในห้องก่อนจะล๊อคคอไอ้คนที่เดินผ่าน แกร๊ก...ผมหักคอมันทิ้งก่อนจะลากไปซ่อนไว้ตามซอกลัง

     (เจอแล้วพี่ ทางนี้) ผมรีบเดินไปหาน้องอย่าง พบแทงค์กลมกว้างประมาณเมตรสูงสองเมตรครึ่ง

      เรนแกะผ้าที่ห่อออกเผยให้เห็นคนที่ตามหา ร่างโปร่งที่มีเรือนหางสีมุกลอยนิ่งอยู่ในนั้น ดวงตาหลับพริ้มไม่ได้สติ  สำรวจดูคร่าว ๆ ก็ูปลอดภัยดีนั่นช่วยให้รู้สึกเบาใจไปเปราะหนึ่ง ผมก้มเปิดวาวน้ำตรงฐานของแทงค์ มองหาฝาหรือช่องที่จะเอาคนในนั้นออกมา 

     ไม่กล้าทุบครับ กลัวเศษแก้วจะบาดเมีย ด้านข้างไม่มีหรือว่าจะเป็นข้างบน ผมปืนขึ้นไปข้างบน ก็เจอกับฝาที่ใส่กุญแจล๊อคอยู่ ผมกระชากมันขาดคามือก่อนจะเปิดแล้วอุ้มเอาคนที่อยู่ในนั้นออกมา เมื่อปราศจากน้ำร่างของมีนก็กลับคืนเป็นมนุษย์จึงอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอย่างช่วยไม่ได้

     (เมียพี่โคตรขาว เข้าใจเลยว่าทำไมหลงมันหัวปักหัวปำขนาดนี้) เรนแซว พอเจอสายตาดุ ๆ ของผมก็หันหน้าหนีอย่างรู้งาน (ขี้หวงวะ)

     "มีน มีน" ผมตบแก้มขาวเบาๆ 

     "เร" มีเสียงครางเครือตอบแล้วก็นิ่งไป ผมได้กลิ่นยาสลบจาง ๆ จากในน้ำ รอสักพักน่าจะได้สติเลยถอดเสื้อนอกใส่ให้ก่อน พลันได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา อุ้มมีนหลบแทบไม่ทัน เรนก็หามุมแอบเช่นกัน

     "เฮ้ย!!!! พวกมึงทำอะไร" ผู้มาใหม่ร้องลั่นกับสภาพแทงค์ที่ว่างเปล่า เราฆ่าช้าไปเพราะมันดันกดสัณญาณเตือนภัยได้เสียก่อนทำเอาคนของนาวินกรูเข้ามาในห้องจนเกิดการปะทะอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหนื่อยหน่อยก็น้องผมนี่ละ เพราะผมยังอุ้มมีนอยู่ จึงเปลี่ยนท่าเอาคนตัวเล็กพาดบ่า เพื่อจะรับมือกับศัตรูที่โถมเข้ามาได้มากขึ้น

     (เอาไงวะ)

     (ต้องหนี) ผมเหลือบมองประตูที่อยู่อีกฟากของพวกเรา (มึงไปเปิดประตูนั้นแล้วหาทางโดดออกไป) 

     ผลัก!!! ผมเตะเข้าซี่โครงของปีศาจซักตัวที่เข้ามา 

     ฟู่!!! คลื่นอากาศเหมือนจะดูดเราออกข้างนอกเมื่อเรนอาศัยจังหวะชุลมุนเปิดประตู แค่หันไปมองน้องแป๊ปเดียวก็ถูกชัดเสียหลักจนคนบนไหล่หลุดมือไถลไปตามพื้นแต่นั่นไม่น่าตกใจเท่าถูกแรงดูดอากาศดึงออกจากตัวเครื่องไปต่อหน้าต่อตา ใจผมถึงกับเคว้งรีบโดดตามออกไปทันที ส่วนเรนหันไปประมือกับนาวินที่เข้ามารั้งก่อนจะซัดมันกระเด็นพร้อมคว้าเอาระเบิดน้อยหน่าที่ตกอยู่แถวนั้นดึงสลักออกแล้วปาไปยังถังสารเคมีใกล้ก่อนกระโดดตามออกมา เสียงระเบิดกัมดังก้องฟ้า ทำเอาเครื่องบินขาดเป็นสองท่อน

     ร่างของมีนร่วงลงอย่างเร็วตามแรงโน้นถ่วง อากาศเย็นเยียบปลุกให้เจ้าตัวตื่นขึ้นกลางอากาศ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังดิ่งพสุธา ผมสะบัดปีกทะยานไปหาร่างตรงหน้า

     อีกนิดเดียวเท่านั้น มือเราเตะกันแต่ความเร็วที่ไม่คงตัวทำเอามีนหลุดไปหลายครั้ง ผมโถมแรงทั้งหมดพุ่งไปหาแล้วในที่สุดผมก็คว้าคนรักไว้ได้ทั้งที่อีกไม่ถึงร้อยเมตรจะกระแทกกับพื้นมหาสมุทรเบื้องล่าง ต่อให้เป็นเงือกหล่นมาสูงขนาดนี้ก็อาจตายได้

     "ได้ตัวแล้ว" ผมดึงร่างนั้นมากอดไว้พลางสะบัดปีกชะลอความเร็วในแนวดิ่งของเราลง ปีกแทบขาดเพราะลงมาไวจัดเกินจะเบรกอยู่จนพุ่งลงไปในผืนน้ำแต่ไม่แรงมาก

     "เฮ้อ....เกือบ!!!" มีนเป่าปากพยายามตั้งสติ ส่วนผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก...ซะที่ไหน

     "พี่เร หลบบบบบ!!!" เสียงตะโกนของไอ้น้องรักมาพร้อมกับตัวเครื่องบินที่ตกตามมา โลหะชิ้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง สว่างจ้าท่ามกลางหมู่ดาว สิ่งนั้นใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ใครใช้ให้มึงเอาของฝากมาด้วย!!!!

     "ชิบหายแล้ว" สัญชาติญาณสั่งให้ผมเอาตัวบังร่างในอ้อมแขนไว้ เตรียมใจรับแรงกระแทกที่จะเกิด 

     ตูม ซ่า!!!!! เสียงโลหะตกกระทบผืนน้ำดังสนั่น รุนแรงจนน้ำกระจายไปโดยรอบ แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย จึงเงยหน้ามองเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง ม่านน้ำขนาดใหญ่ปกป้องเราทั้งสามคนไว้จากเศษซากที่ร่วงลงมา เศษเหล็กเหล่านั้นถูกสายน้ำพัดพาก่อนจมหายไปในทะเล

     "พี่สะใภ้กูแม่งโคตรเจ๋ง" เรนออกปากชม ผมก้มมองคนในอ้อมแขน นัยน์ตาที่เคยดำสนิทบัดนี้เปล่งแสงสีครามเรืองรอง ยืนยันชัดว่าเป็นฝีมือใคร

    มีนมักมีอะไรทึ่ง ๆ มาเซอร์ไพร์เสมอ จนรู้สึกพิศวงกับพลังของชาวน้ำ เมื่อทุกอย่างลงตัว มีนดูผ่อนคลายลงก่อนที่สีตาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

     "ใช้พลังมากไปอีกแล้ว" มีนบอกเสียงเบาใบหน้าเหนื่อยเต็มทน ดวงตาคู่สวยมาหยุดที่ใบหน้าผม ก่อนที่มันจะรื้นไปด้วยน้ำตา เจ้าตัวโผเข้ากอดผมแน่นเนื้อตัวสั่นบอกให้รู้ว่ามันกลัวมากแค่ไหน "โชคดีที่มีมึง ฮึก ไม่งั้นคงแย่แน่"

     "กูก็โชคดีเหมือนกัน" ผมลูบหัวมันเบา ๆ หันไปมองไอ้น้องรักก่อนยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ

     "ขอบใจมึงนะที่ช่วย ไม่งั้นคงโดนซากเครื่องบินหล่นใส่กลายเป็นนกเป็ดย่างทั้งพี่ทั้งน้อง" เรนว่าพร้อมขยับมาใกล้เอื้อมมือมาลูบหัวมีนบ้าง "ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปแล้ว" เรนบอกพลางชู GPS ในมือที่มันหยิบติดมา "ไปหาที่นั่งพักก่อนเถอะ บินนานกูเมื่อยนะ"   

     เรนนำผมมายังเกาะไม่ไกลมากนัก น้องผมเสียสละเสื้อของมันปูให้มีนนอน เพราะเสื้อของผมมีนใส่อยู่ ก่อนที่เราสองคนจะช่วยกันหาฟืนมาก่อไฟให้ความอบอุ่นแก่ร่างโปร่งที่หลับไปแล้ว เพราะสำหรับพวกผมมันไม่ค่อยมีผลนัก ถ้านึกสภาพไม่ออกลองไปเปิดการ์ตูนขำขันที่มีฉากติดเกาะดูแล้วกัน อารมณ์ประมาณนั้น

     ทอดมองร่างที่สั่นเพราะลมทะเลจึงตัดสินใจอุ้มมีนมาไว้บนตัก กดหัวมันให้ซบกับไหล่กอดไว้แบบนั้น คิดถึงมันจะแย่ได้มาเจอกันทั้งทีแต่ก็ในสถานการณ์เสี่ยงตายแบบนี้ เอามือข้างที่ว่างเกลี่ยแก้มเนียนเล่นขนาดตอนหลับยังน่ารัก แม่งเอ้ย!!!!

     ฟอด!!! อดไม่ไหวหอมแก้มนิ่มนั้นซักที...มั้ง เอาอีกซักที 

     ฟอด!!!...จูบเลยงั้น!!!

     "อื้อ!!!" คนถูกกวนครางประท้วงพลางหันหน้าหนี

      (ไอ้พี่ มึงช่วยตรัสรู้ด้วยว่าน้องยังอยู่ตรงนี้) เสียงเรนดังแทรกในความคิด ผมจึงเงยมอง มันยิ้มกวนตีนมาให้  (ใจคอจะลักหลับมันตรงนี้เลยหรือไง ไม่ได้อะไรนะ กูอิจฉา)

      (โทษทีวะ ลืมตัว)

      (เฮ้อ ทำขนาดนี้แล้วพ่อมีนยังไม่ยอม จะช่วยพี่พามันหนีคอยดู)

      (ระดับกู หึ ๆ เรื่องตัวเองเอาให้รอดเถอะ) 

      (เออ!! คอยดูแล้วกัน)

:hao5:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่20 P2 6/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-11-2017 21:37:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่20 P2 6/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-11-2017 21:54:33
เพราะความโลภของคนแท้ ๆ หนอ
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่21 P2 12/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 12-11-2017 16:02:28
บทที่ 21

     เรพาผมกลับมาที่บ้านของอาซอนเน่หลังจากเฮลิคอปเตอร์ของสภากลางไปรับเราที่เกาะมาตอนรุ่งสาง ผมโทรไปหาพ่อบอกว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว เห็นว่าจะลงมากรุงเทพพรุ่งนี้ คงไม่จับผมกับเรแยกกันอีกนะ รอบนี้ผมคงต้องทำอะไรซักอย่างแล้วละ กับเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมกลัว กลัวจะไม่ได้กลับมาหาทุกคนอีก โดยเฉพาะเร ถ้าผมจะไม่เห็นมันอีกตลอดไปคงเหมือนตายทั้งเป็น

     “มีน” เสียงของเรเรียกจากในห้องน้ำ ก่อนที่มันจะเดินมาหาผมพร้อมผ้าขนหนูในมือ เจ้าตัวอาสาไปเตรียมน้ำร้อนให้ผมแช่ มันชอบทำแบบนี้เวลาต้องการจะเอาใจหรือตอนที่ผมไม่สบายใจเพราะการแช่น้ำอุ่น ๆ ช่วยให้ผ่อนคลายเรื่องเครียดไปได้ เดินไปคว้าผ้าขนหนูจากมือมันก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป “มีอะไรก็เรียกนะ” มันว่าก่อนจะปิดประตูให้ 

     เสื้อเชิ้ตชิ้นเดียวที่ติดตัวถูกกำจัดไปจากกาย ก่อนหย่อนตัวลงในอ่าง น้ำอุ่นกำลังดีเลย อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมากับความใส่ใจที่อีกคนมีให้ ผมเอนหลังพิงขอบอ่างหลับตาลงสูดกลิ่นหอมอ่อนที่ใส่ลงไปในน้ำ ความสงบที่ไม่ได้รับมาหลายวันทำให้ผล็อยหลับไปอย่างลืมตัว 



     "ฤทธิ์เยอะนักนะมึง" ผลัก!!! หมัดหนักๆ ซัดเข้ามาเต็มท้องจุกจนตัวงอ แม่งแรงเยอะชิบหาย อยากจะด่าแต่พูดไม่ออก 

     "คุยกันดี ๆ ไม่ชอบ" ภาพในห้องที่โดนจับรีรันเข้ามา

     "อย่า...ฮึก" ผมดิ้นรน ทุกสัมผัสช่างสมจริง ทุกภาพของไอ้สารเลวสองตัวนั่น ริมฝีปากของมัน มือของมัน น้ำเสียงและใบหน้าชั่วร้ายนั่น ทุกสัมผัสมันช่างน่าขยะแขยง ออกไป ออกไปให้พ้น



     เฮือก !!! ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในอ่างน้ำ ก็แค่ฝัน ผมพยายามข่มใจที่เต้นเร็วและเนื้อตัวที่กำลังสั่น ทำไมยังรู้สึกเหมือนพึ่งผ่านไป 

      ทำไม! ทำไม! มันยังไม่หายไป 

      ผมวักน้ำในอ่างล้างตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ในถูกทุกที่ที่โดนพวกเวรนั้นเตะต้อง ภาพเลวร้ายซ้อนทับมาในหัวชวนให้สติแตก จนลงแรงขัดถูกับตัวเองจนเนื้อแสบเป็นปื้นแดง

      "มีน...ทำอะไร"

      ...มันสกปรก น่ารังเกียจ...

      "มีน ไม่เอา พอแล้ว ตั้งสติหน่อย" เรรวบมือทั้งสองไว้ ใบหน้าคมดูตื่นตระหนกเมื่อเห็นผมน้ำตานองหน้า 

      "ทำไมภาพพวกเวรนั่นมันไม่หายไปซักที" ผมถามอย่างอ่อนแรง "ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็เข้ามาในหัวทุกที ตอนที่กูเกือบ..." ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แค่คิดก็สะท้านขนาดผมแค่เกือบโดนไอ้พวกเวรนั่นปล้ำ ยังจิตตกขนาดนี้ เกลียดตัวเองที่อ่อนเอ เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้

      "มองหน้ากู" เรเชยคางให้ผมขึ้นสบตา ไม่ว่ากี่ครั้งผมก็จมดิ่งไปกับสีน้ำเงินล้ำลึกนั่น "ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ตรงหน้านี้คือ เร คนที่จะไม่ยอมให้ใครทำร้าย มีน" เสียงทุ้มนุ่ม เอ่ยปลอบ มันอบอุ่นไปถึงใจ เรกดจูบเบา ๆ ที่หน้าผาก

      "จริงนะ"

      "จริงครับ" เรยิ้มรับก่อนจะคว้าผ้าขนหนูมาห่อตัวผมแล้วอุ้มท่าเจ้าสาวเดินออกจากห้องน้ำมา...อยู่กับมันมากน้องมีนจะเป็นง่อยเอา มันปล่อยให้ผมนั่งหมิ่นเหม่ตรงขอบเตียงก่อนที่เจ้าตัวจะเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมานั่งชันเข่าตรงหน้าเช็ดผมให้ 

      งื้อเขิน...ยิ่งสบตากับมันยิ่งแทบละลาย เรยิ้มก่อนจะเชยคางผมขึ้นรับจูบ ริมฝีปากร้อนละเลียดชิมช้า ๆ ช่างอ่อนหวานชวนให้คล้อยตาม

      "ลบมันที" 

      "หืม"

      "ที่พวกเหี้ยนั่นทำ ลบมันไปที" ผมบอกด้วยใบหน้าร้อนผ่าวกับสิ่งที่พูด "กูอยากรู้สึกแค่มึง...ได้โปรด" ก้มหน้าก้มตาหลบอีกฝ่ายเต็มที่ มันใจว่าตอนนี้หน้าคงแดงเถือกยันหู 

      "หึๆ..." เสียงหัวเราะของเรชวนใจสั่น "น่ารักจริง!!!...งั้น ตามสบายเลยครับ"

      "เอ่อ คือ" ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อเรย้ายตัวเองไปนั่งพิงหัวเตียงพลางส่งสายตาร้อนแรงมาให้

      "วันนี้ยกให้ ทั้งตัว และหัวใจ มาสิ" ว๊ากกกกก น้องมีนจะบ้าตาย เอาวะมาขนาดนี้แล้ว

      ผมคลานเข่าเข้าไปหามันที่ตบตักรอเยี่ยงป๋ารออีหนู น่าหมั่นไส้เกิน มือสากยื่นมารั้งผมให้ขึ้นไปคร่อมบนตัก ผ้าขนหนูหลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้มึงต้องโป๊มั่งละ จัดการแกะกระดุมเสื้อเชิตมัน ถึงมือน้องมีนจะสั่นแต่สั่นสู้นะครับ

     "ใจเย็นสิที่รัก" เรยักคิ้วยียวน เชี่ย ดูหล่อเลวได้ใจ

     "แล้วที่รักเย็นไหวหรอ" ผมตอบ "โอยยย ผัวใครวะ หล่อจริง" บางทีก็อยากตบปากตัวเองที่พูดอะไรน่าอายแบบนี้ ขำตัวเองแก้เก้อก่อนจะก้มจูบริมฝีปากร้อนนั้นเบา ๆ รัว ๆ หลายทีก่อนถอนออกมา  เรหน้าแดงเพิ่งเคยเห็นมันเขินก็วันนี้ "ฮิฮิ นึกว่าเขินไม่เป็น"

     "เขินแล้วทำไม" มันเถียง

     "ก็น่ารักไงครับ" คราวนี้แดงไปยันหูเลย โอยยสะใจ ว่าแล้วก็ก้มลงจูบมันอีกสักทีแต่พี่ท่านตั้งหลักได้ มือแกร่งกดท้ายทอยผมไว้ก่อนจะบดจูบร้อนแรงจนแทบละลายเป็นไอ

     "อือ เร อ๊ะ" มืออีกข้างลูบไล้ไปตามกายก่อนสัมผัสส่วนกลางที่เริ่มแข็งขืนแล้วขยับรูดให้เสียวซ่าน มือผมปะป่ายไปหยุดที่ขอบยีนหนาก่อนจะปลดมันลงแล้วจับเรน้อยมาเป็นตัวประกัน ใครจะยอมให้ถูกเร้าคนเดียวละ

     "กินยาผิดมาหรอเมีย" เรแซวแรงพลางก้มลงลากเลียขบเม้มตรงซอกคอให้สะท้าน ไออุ่นจากตัวมันยิ่งกระตุ้นความอยาก ช่วงเวลาที่เราต้องห่าง ไม่ใช่แค่มันที่คิดถึงผมเองก็โหยหาสัมผัสจากมันพอกัน 

     "ทำให้นะ" ผมผละออกจากอ้อมแขนแกร่งก่อนถอยร่อนมาคุกเข่าตรงหว่างขา มองท่อนเอ็นที่แข็งขืนในมือแล้วใจเต้นถี่ 

     ได้มองชัด ๆ ไอ้ความกล้าที่สั่งสมมาเริ่มจะถดถอย แต่มาขนาดนี้แล้วให้หยุดได้ไง ผมสบตาสีน้ำเงินแน่วแน่ ก่อนจะก้มลงเลียแก่นกายตรงหน้า เริ่มที่ส่วนหัวก่อนจะรับมันเข้าไปในโพรงปาก หลับตาลงช้าพยายามคิดว่ากำลังดูดไอติม แม้มันจะเป็นไอติมร้อนที่ละลายในปากไม่ละลายในมือก็ตาม

     "ฮืมมม ดี" เสียงครางต่ำอย่างพึงใจกระตุ้นอารมณ์ดิบให้ริมฝีปากนุ่มปรนเปรอจนร่างสูงสะโพกไม่ติดฟูก ดูดดุน ลากเลีย ในขณะที่มือทั้งสองประครองรูดไปพลาง รู้ดีว่าการถูกออรัลรู้สึกดีแค่ไหนเพราะที่ผ่านมาเรมักทำให้ผมฝ่ายเดียว และตอนนี้ผมอยากทำให้มันบ้าง แค่เสียงลมหายใจกับเสียงครางต่ำมันปลุกเร้าซะจนมีนน้อยปวดหน่วงแม้ไม่ได้สัมผัส

     "ฮื้อ" ผมสะดุ้งเมื่อมือสากลากเบาไปตามแนวสันหลัง ก่อนจะสอดนิ้วเข้ามาทีละนิ้ว ความเย็นของเจลทำเอาผมสะท้าน ฟันเผลอครูดให้ได้ซีดกันไปที "ฮือออ ฮะ เอ ฮืม เร" สุดท้ายต้องยอมผละออกมาเหลือไว้เพียงสองมือ เล่นกระตุ้นจุดกระสันกันแบบนี้ผมคงเผลอกัดมันแน่

     "ขอเข้าไปเลยได้ไหม ไม่ไหวแล้ว" เรบอกเสียงพร่า พลางดึงผมขึ้นมานั่งคร่อมตักแล้วจับลูกชายตัวร้ายจ่อตรงช่องเนื้อนุ่ม ถูกไถไปมา

     "ฮือ" ผมทุบอกมันดังอั๊กข้อหาใจร้อน ยัดมาได้ทีเดียวเจ็บจนน้ำตาซึม ของมึงไม่ใช่เล็ก ๆ เรเป็นแบบนี้ทุกที

     "โทษที คุมตัวเองไม่ค่อยได้" น้ำเสียงที่บอกพยายามข่มอารมณ์เต็มที่ ก่อนจะเลี่ยงไปลงกับยอดอกทั้งสองเพื่อรอให้ผมตั้งตัว

     "ซีดดดด อย่ากัด ฮือ" ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากร้อนขบตรงปลายยอดทั้งสองพร้อมดูดแรงจนแทบจะหลุดติดปาก ไปตายอดตายอยากมาจากไหนเนี่ย 

     "ขยับสิครับ ไหนบอกจะทำให้ไง" 

     "รู้แล้ว ฮะ อื้อ..." เถียงไม่ทันจบประโยค เรมันก็เด้งเอวสวนแรง ๆ มาทีเป็นการเร่ง ผมยกตัวขึ้นจนท่อนเนื้อร้อนเกือบหลุดก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลง "อ๊า!!!" ขาทั้งสองสั่นระริกจากความกระสันที่ได้รับ มันเจ็บปนเสียวแต่ก็รู้สึกดี ขย่มตัวลงเนิบนาบโดยมีเรเอามือจับประครองสะโพกไว้พลางขยับสวน

     เสียงครางผมดังขึ้นเรื่อย ๆ เคล้าคลอไปกับเสียงหอบต่ำของอีกคน เสียงเนื้อกระทบเนื้อหยาดเหงื่อและความร้อน แทบจะเผาเราทั้งคู่ให้เป็นจุล ยิ่งได้สบกับดวงตาสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยความต้องการ ยิ่งทำให้ผมอยากตอบสนอง ควบจังหวะรัวเร็วขึ้นตามแรงปรารถนา ความรู้สึกดีแล่นเข้ามาจนต้องหลับตาเชิดหน้าครางลั่น 

     อารมณ์ของเราพุ่งสูงเรื่อย ๆ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่เรกลับยังไม่ถึงฝั่ง แขนแกร่งช้อนขาผมไปพาดบ่า มือช้อนสะโพกผมไว้จนตัวลอยก่อนเอวหนาจะกระแทกใส่ ทั้งแรงทั้งรัวแถมยังลึกเสียจนจุก สติกระเจิดกระเจิงไปกับรสรัก จนท้ายที่สุดเรก็ปลอดปล่อยออกมาภายใน มันร้อนวาบไปทั่วพร้อมกับผมที่ปล่อยออกมาอีกรอบ

     ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเหลือเพียงเสียงหอบหายใจแผ่ว ๆ เรจับบผมนอนราบกับฟูกนุ่ม ใบหน้าคมก้มลงมาพรมจูบไปทั่วหน้าซึ่งผมก็ได้แต่หลับตารับสัมผัสอ่อนโยนนั่น มือของเรสอดประสานกับมือผมก่อนจะกดมันไว้เหนือหัว ริมฝีปากร้อนเริ่มลากต่ำบอกให้รู้ว่าอะไรที่เพิ่งจบไปกำลังจะเริ่มอีกครั้ง หวังว่าพรุ่งนี้จะลุกไหวนะ



.....................................................................................



     พ่อมาถึงในเที่ยงวันถัดมาพร้อมย่าที่ยืนยันจะตามมาด้วยเพราะเป็นห่วงผมและอยากเห็นว่าผมปลอดภัยกับตา และตอนนี้ท่านทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกของบ้านซานซิโอ โดยมีอาของไอ้แฝดนรกนั่งตรงโซฟาด้านข้าง ผมกับเรก็นั่งอยู่ข้างกัน ถัดไปเป็นเรนที่ลากเก้าอี้มาเพิ่ม

     ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ย่าฟัง รวมทั้งเรื่องที่ผมเองไม่ใช่มนุษย์เพราะมีแม่เป็นเงือก รวมทั้งทุกคนในห้องนี้ก็ไม่ใช่ รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ผมโดนอุ้มไป ว่าเพราะอะไรและกลับมาได้อย่างไร กว่าจะจบได้เล่นเอาย่าลมจับไปหลายรอบ จนผมต้องเข้าไปนวดแข้งนวดขาปลอบใจ

     "สรุปเอ็งคือคนที่ช่วยหลานข้า" เรพยักหน้ารับ "งั้นเอ็งก็ปกป้องหลานข้าได้นะสิ"

     "ครับ ผมมั่นใจว่าทำได้"

     "แล้วทำไมถึงปล่อยหนูมีนมันอยู่ห่างตัวละ" ย่าถามกลับ

     "เอ่อ ก็ป๋า เขา...." ผมอ้ำอึงพลางเหลือบมองหน้าพ่อตัวเอง

     "ก็การอยู่กับไอ้หนุ่มนั่น มีนก็เสี่ยงเหมือนกัน" พ่อแย้งเสียงแข็ง "รอบตัวมันมีแต่อันตราย มีนจะโดนลูกหลงอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้" 

     "อยู่คนเดียวแล้วปลอดภัยหรือไง หลานมันก็รอดมาได้เพราะไอ้หนุ่มคนนี้ไม่ใช่หรอ" ย่าย้อน "แล้วนึกสภาพ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก แกเป็นแค่คนธรรมดา จะช่วยลูกตัวเองแบบไหน"

     "แต่"

     "แต่อะไร" ย่าถามเสียงดุ "เรื่องมันมาขนาดนี้แล้วนะ"

     "เฮ้อ ก็ได้  ให้เด็กมันคบกันต่อก็ได้" พ่อบอกอย่างยอมแพ้้

     "ไหน ๆ ผู้ใหญ่ทางมีนก็มากันครบแล้ว ทางเราเองก็มีเรื่องสำคัญจะคุยเช่นกัน" อารอทเอ่ยขึ้นหลังจากทำตัวเป็นผู้ฟังมานาน "เรื่องงานล่าของสภาหลังจากนี้ผมจะหาคนมาทำแทนพวกเร ถ้าหลานผมไม่เอาตัวเองไปเสี้ยงลูกชายคุรก็ไม่ต้องเสี่ยง แต่อาจต้องรบกวนในบางคดีเท่านั้น"

      "แล้วพวกที่ตามระรานหลานชายคุณละ ถ้าเกิดเรื่องอีกผมกลัวหนูมีนจะเดือดร้อน" พ่อถามต่อ

      "ล่าสุด หัวหน้ากลุ่มซาโตนี่ที่ตามรังควานหลานผมได้ตายไปแล้ว และจากแหล่งข่าวคงไม่มีใครคิดจะสานต่อสิ่งที่เธอทำเพราะมันเสี่ยงต่อองค์กร ผมมั่นใจในระดับหนึ่งว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นอีก แต่ก็ไม่รับปาก โลกของอมนุษย์มันซับซ้อนกว่านั้น" อารอทกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แม้รูปลักษณ์จะยังหนุ่มแต่อายุก็มากพอ ๆ กับพ่อ

      "เอ่อ หากคุณพ่อน้องมีนกังวล ฉันจะส่งคนของตระกูลมาคอยดูแล ทางที่ดีให้น้องมีนออกงานในนามของซานซิโอบ่อย ๆ จะช่วยประกาศเรื่องสถานะในโลกของพวกเรา ชื่อของซานซิโอจะช่วยคุ้มครองตัวน้องได้ในระดับหนึ่ง" อาซอนเน่เสนอเมื่อพ่อยังดูค้างคาใจ

     "ขอบคุณพวกคุณนะ มาคิดดูแล้วถึงอยู่กับเรลูกผมจะเสี่ยงแต่ก็เสี่ยงน้อยที่สุดแล้วในหนทางทั้งหมด งั้นฝากหนูมีนด้วย" พ่อบอก

     "ผมยังมีอีกเรื่องครับ" อารอทบอกก่อนส่งสัญญาณให้คนรับใช้

     แม่บ้านจะยกบางอย่างมา มันคือพานบายศรี กับพานที่ใส่ธูปเทียน หมากพลู และไข่ต้มสองใบ เรดึงมือผมให้นั่งลงพื้นตรงหน้าพ่อกับย่าก่อนจะรับเอาพานทั้งสองมาวางไว้ตรงหน้า 

     "ผมเห็นความพยายามของหลานชายที่ผ่านมาจึงอยากทำให้ถูกต้อง วันนี้ในฐานะญาติผู้ใหญ่ของเร ผมจะสู่ขอ น้องมีนให้กับหลานชายผม ทางคุณจะว่ายังไง" สิ้นคำของอารอท ผมได้แต่นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ถึงว่าของในพานมันคุ้น ๆ เหมือนที่ใช้ในงานแต่งแถบอีสานบ้านผมเลย 

     "บอกแล้วว่าจะเอาผู้ใหญ่ไปขอ" มันก้มมากระซิบกระซาบบอก ไม่คิดว่าเรจะทำอะไรจริงจังขนาดนี้

     "เอาจริงหรือเนี่ย" ผมพึมพำแบบอึ้ง ๆ

     "ผมไม่ค่อยรู้พิธีการของไทยเท่าไหร่ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้ หรือถ้าอยากให้จัดงานผมก็จะจัด ส่วนเรื่องสินสอดอยากได้อะไรผมจะหามาให้ ผมขอดูแลมีนต่อจากนี้ได้ไหมครับ" เรว่า ดวงตาสีน้ำเงินสบตาพ่อผมอยากจริงจังแน่วแน่

     "แม่ว่าไง" ท่านหันไปถามย่า พ่อดูเกร็งอย่างเห็นได้ชัด ผมก็เช่นกันเพราะเหตุการณ์มันฉุกลหุกเกินไป 

    "ใจข้ายกให้ตั้งแต่รู้ว่าพ่อหนุ่มตามไปช่วยไอ้หนูมีนมันได้แล้ว" ย่าว่าพ่อนิ่งเงียบไปนาน จนเผลอกลั้นหายใจเพราะลุ้นว่าท่านจะตอบแบบไหน ถ้าพ่อปฏิเสธละในใจนึกกังวลไปต่าง ๆ นา ๆ

     "งั้นก็ตามย่าว่าแล้วกัน" พ่อบอกพร้อมยิ้มให้ "ส่วนเรื่องสินสอดดทางนี้ไม่ได้ต้องการอะไร แค่รับปากว่าจะดูแลหนูมีนดี ๆ ทำให้มีความสุขก็พอใจแล้ว ส่วนอย่างอื่นถ้าอยากให้ เอาให้ไอ้หนูมีนมันได้เลย ป๋าไม่อยากได้หรอกเงินทอง ป๋ามีพอแล้ว" พ่อบอกพลางลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ส่วนผมได้แต่ก้มหน้าก้มตามองพานอย่างขัดเขิน ไม่คิดเลยว่าจะมีโมนต์แบบนี้ในชีวิต 

     "เอ้าเอ็งสองคนยื่นแขนมานี่" ย่าบอกพลางหยิบฝ้ายบนพานมา จับแขนของผมกับเรไขว้กัน โดยที่เอาแขนเรทับแขนผมเพราะต้องเอาแขนเจ้าบ่าวทับเจ้าสาวตามทำเนียมแต่ในกรณีผู้ชายทั้งคู่ก็เอิ่ม...ตามนั้น ก่อนบรรจงผูกข้อมือให้เราพร้อมอวยพร

     "ข้อให้เอ็งสองคนมีความสุข มีความอดทนและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แม้ยามลำบากก็ให้นึกถึงวันที่มีความสุขร่วมกันแล้วผ่านมันให้ได้ การที่เอ็งสองคนเป็นผู้ชายรอบข้างก็ยังมีคนมองไม่ดีอยู่ ให้นึกถึงความสุขของอีกคนเป็นสิ่งแรกอย่าเอาคำพูดรอบตัวมาใส่ใจ รักกันนาน ๆ นะ" ย่าบอกพลางยกมือลูบหัวผมและเร 

     "พ่ออาจยังไม่เข้าใจว่าโลกของอมนุษย์เป็นแบบไหน เมื่อเทียบกับอายุพวกลูกแล้ว คงอยู่ดูแลหนูมีนได้ไม่นาน งั้นก็ฝากลูกชายพ่อด้วย ขอให้มีความสุขนะ" พ่อผูกแขนและอวยพรให้บ้าง ตามด้วยคุณอาทั้งสองของเร แล้วปิดท้ายด้วยน้องเลิฟของมัน เสร็จแล้วเรจึงหยิบไข่ต้มที่ปอกแล้วผ่าครึ่งในพานยื่นให้ผมครึ่งหนึ่งแล้วถือไว้อีกครึ่ง ก่อนที่เราจะป้อนให้อีกฝ่ายกิน 

     นัยน์ตาสีน้ำเงินที่มองมาเต็มเปลี่ยมด้วยความรักจนผมแต่ก้มหน้าก้มตาที่ตอนนี้คงแดงไปถึงหู เขินจนแทบบ้า รู้สึกร้อนที่ขอบตาก่อนน้ำตามันจะไหลออกมาอย่างตื้นตัน เรยิ้มพลางเชยคางผมขึ้นสบตาก่อนจะปาดเช็ดน้ำตาออกจากสองแก้มแล้วจรดริมฝากร้อนลงบนหน้าผากจนอุ่นวาบไปถึงใจ แม้ไม่ใช่พิธีการใหญ่โตแต่ก็มีความหมายมากสำหรับผม

     "ขอบคุณที่เข้ามาให้รักและมอบความรักให้ จากนี้มีนเป็นของเรอย่างเป็นทางการแล้วนะ"  มันกระซิบข้างหูก่อนจะหอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่ ผมจึงโผเข้ากอดมันแน่นพลางสะอื้นไห้ออกมากอย่างสุดกลั้น ความสุขมันเอ่อล้นอยู่ภายใน ผมดีใจที่เจอมัน ถึงอยู่กับมันบางทีก็ลำบาก ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไม่รู้กี่ครั้งแต่ความสุขที่ได้รับกลับมีมากกว่า คิดว่าหากวันหนึ่งไม่มีมัน มีนคนนี้คงอยู่ไม่ได้

     "ขอบคุณเช่นกัน ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง รักมึงนะเร  รักมึงมาก จากนี้อย่าทิ้งกูนะ อย่างห่างจากกูนะ อยู่กับกูตลอดไปนะ"

     "แน่นอนที่รัก"

     "เฮ้อ" เสียงถอนหายใจแบบปลง ๆ ของย่าดังขึ้น ผมนี่รีบหันไปมองกลัวท่านเปลี่ยนใจ  "งี้ก็อดอุ้มหลานเลยสิ" ย่าบ่นแต่ปากกลับยิ้ม 

     ถ้ามีให้ได้มีไปนานแล้ว

End

จบไปแล้วกับการรีไรท์รอบนี้ เดี๋ยวเอาตอนพิเศษมาลงให้นะคะ ที่จริงมีหลายตอนแต่เหมือนมีคนถามซื้อไปพิมพ์ถ้าตงลงกันยังไงแล้วจะมารบอกอีกที
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่21 P2 12/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-11-2017 18:59:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่21 P2 12/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-11-2017 02:33:33
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่21 P2 12/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 13-11-2017 08:34:12
 :hao6:  :hao6: ผิดมั้ยที่ิยากเหนลูกของหนูมีนกับเร
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) บทที่21 P2 12/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 23-11-2017 22:22:18
เพิ่งอ่านจบไป ไม่รู้ว่ามารีไรท์
เดี๋ยวมาอ่านอีกรอบนะ ชอบแนวนี้มาก
ขอบคุณผู้แต่งด้วยจ้า :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Intro Rainy D P2 4/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 04-12-2017 11:17:12
Intro Rainy Day

     พี่เรกับมีนเพิ่งผูกข้อไม้ข้อมือกันไป ย้ำเตือนชีวิตคู่ของพวกมันอย่างจริงจังหลังจากที่ผ่านอุปสรรคมามากมายด้วยความอดทนและเชื่อมั่นในกันและกัน ความรักของสองคนนั้นมากมายจนผมยังอิจฉา แล้วมีหรือน้องเรนจะน้อยหน้าถึงเวลาที่ผมจะบอกความในใจกับคนที่ผมเฝ้ารอมานานซักที

     วันนี้เป็นวันที่ผมใช้เวลาอยู่หน้ากระจกนานกว่าทุก เพราะอยากดูดีที่สุดทั้งที่ปกติเรนคนนี้ไม่เคยกังวลในรูปลักษณ์ตัวเองเลย แล้วจบลงด้วยเสื้อโปโลสีครีมที่ตรงปกคอและแขนตัดด้วยสีน้ำตาลที่ซอนเน่ซื้อให้ วันนี้เป็นวันเกิดซอนเน่ ผมไม่ลืมที่จะหยิบกล่องของขวัญขนาดกลางที่ห่อไว้อย่างดีติดมือขึ้นรถไปด้วย

     ซอนเน่เป็นผู้หญิงที่สวยและเก่ง แต่เธอไม่มีใครเพราะทั้งชีวิตของผู้หญิงคนนี้ทุ่มเทให้กับงานและดูแลหลานๆ อย่างพวกผม เธอแทบจะไม่ได้พักร้อน เธอลืมแม้กระทั่งวันเกิดตัวเอง ทั้งที่เธอมักจะทำเพื่อคนอื่น ๆ เสมอโดยเฉพาะเพื่อให้ผมกับพี่มีความสุข

     (วันนี้สินะ) เสียงไอ้พี่เรดังขึ้นในหัวขณะที่ผมกำลังออกจากห้อง

     (ก็รอมานานแล้ว จะรุ่งหรือจะแห้วให้มันรู้กันไปเลย) ผมตอบ

     (ขอให้สมหวังแล้วกัน ถ้าอกหักจำไว้มึงยังมีกู) ก็ยังไม่วายแช่งอีกนะพี่เวร เอาวะเป็นไงเป็นกัน 

     ผมขับรถมาที่ตึกสำนักงานของสภากลาง ผมเกลียดรถติดแต่ก็มาบ่อยเพราะหัวใจมันอยู่ตรงนี้ กดลิฟท์ไปชั้นรองสุดท้ายก่อนจะก้าวเดินไปตามโถงด้วยใจเบิกบาน มองของขวัญในมือด้วยรอยยิ้ม มันเป็นกรอบรูปที่ผมทำขึ้นเองกับมือ ในนั้นมีรูปของทุกคนในบ้านซานซิโออยู่ ซอนเน่ไม่ได้ชอบของแพงแต่เธอชื่นชอบของที่ทำออกมาจากใจ

     "ท่านอาผมมาแล้ว" เสียงเจื้อยแจ้วทักทายพร้อมเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาวะ

     "อ๊ะ เรน" ภาพตรงหน้าทำให้ผมแทบหยุดหายใจ เมื่อร่างบอบบางของคนที่ผมรักอยู่ในอ้อมกอดของใครอีกคน ท่านอายิ้มแห้งๆ มาให้ผมก่อนผละออกมาจากอ้อมแขนของอัลไสวเดอร์ 

     "ไงเรน" เจ้าของเรือนผมสีเงินเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม "ฉันเอาเค้กมาเซอร์ไพซอนเน่นะ" อัลไสวเดอร์บอกพลางยิ้มกว้างให้ซอนเน่ คนถูกมองได้แค่ก้มหน้าหลบอย่างเขินอาย ซึ่งมันก็ชัดอยู่แล้วว่าคนตรงหน้ารู้สึกต่อกันยังไง 

     "สะ สวัสดีครับ เอ่อ" ผมที่พึ่งหาเสียงตัวเองเจอทักตอบ "ผมแค่เอาของขวัญมาให้นะ"

     "ขอบใจจ๊ะ หลานอาน่ารักที่สุด" ซอนเน่ยิ้มกว้างก่อนจะถลามากอดผมไว้แน่น พร้อมหอมแก้มอีกที หลานอา...ผมมันเป็นแค่หลานสินะ ได้แต่ยิ้มรับทั้งที่ใจไม่ยิ้มเลย

     "งั้นผมกลับก่อนนะ ตามสบายเลยครับไม่อยากเป็น กขค" ปากก็แซวกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มันกำลังดิ่งของตัวเอง ก่อนจะหันหลังเดินออกมา

     แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ผมยิ้มหยันให้กับความกากของตัวเอง มัวแต่ชักช้าโดนคนอื่นตัดหน้าซะได้ แถมไอ้คนที่ตัดหน้าชนะเขาทุกอย่าง เพราะเป็นคนที่ท่านอาปลื้มมานาน แถมยังเป็นถึงผู้นำตระกูลอาร์เคน เรื่องหน้าตาถึงหมอนั่นจะอายุขึ้นเลขร้อยแต่แวมไพร์ย่อมไม่แก่ตามกาลเวลา ช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบชนิดที่ว่าผมไม่มีสิทธิไปแทรกกลาง

     ผมนั่งเหม่ออยู่ริมน้ำเยื้องๆ กับสะพานสูง หลังออกจากสำนักงานก็พาตัวเองมาอยู่ตรงนี้เพราะมันเงียบดี เพื่อสงบจิตสงบใจ พร้อมโทรไปดราม่าให้พี่เรฟัง

     "ไงคนอกหัก" ดู ๆ มันทักเหมือนมันรู้

     "แหมไอ้พี่ จะโทรมาให้โอ๋หมดอารมณ์เลยเนี่ย" ผมบ่นพลางยิ้มขื่น

     "ร้องไห้ไหมน้องรัก เดี๋ยวจะไปหาให้ซบอก" มันแซว 

     "ใช่ซี้ ใครจะไปสมหวังในรักแบบมึงละครับ เฝ้ามาตั้งนานโดนหมาคาบไปแดกซะงั้น"

     "สรุป คือจะร้อง!!!?" 

     "มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก" ผมบอก อาจเพราะรักท่านอาข้างเดียวมันทุกข์ปนสุขมานาน พออกหักจังๆ เลยไม่เจ็บเท่าไหร่มั้ง มันก็แค่เคว้งๆ หน่วงๆ เดินไม่ได้ไปไม่เป็นก็แค่นั้น เพราะอีกใจหนึ่งผมก็ยินดีที่ซอนเน่ได้สมหวังกับคนที่ปลื้มมานาน ผมรักเธอมาก รักเธอในหลาย ๆ ความหมาย และก็รักมากพอที่จะมีความสุขหากซอนเน่ก็มีความสุข

     ...ผมไม่ได้หล่อแค่หน้าหรอกนะ ใจผมอะหล่อมากกกกก...

     "แล้วเอาไงต่อ" เรถาม

     "ยังไม่รู้อะพี่ ยังไม่อยากกลับบ้านไปดูพวกมึงสวีทกันให้อิจฉาเล่น มันก็เฮิธๆ อะ อยากเมา อยากเหล้า อยากหาหญิงเอาให้ลืมเธอ" ตอนนี้คงต้องหาอะไรทำให้หายฟุ้งซ่านก่อนละ ผมไม่ใช่ประเภทมานั่งเศร้ากับชีวิต คนเรามีผิดหวังและเสียใจถ้าเรายังไม่ตายมันก็เริ่มใหม่ได้เสมอ 

     "ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม" 

     "ไม่ต้องหรอกพี่ อยู่กับเมียไปเถอะ" ผมบอก โตแล้วไม่อยากให้พี่เรมาห่วงมาก "เกิดผมลากสาวๆ มาเต็มโต๊ะ ไอ้พี่มึงจะซวยเอา" ขนาดครั้งที่แล้วมีนเจอพี่เรในผับ ตอนนั้นพวกผมแฝงตัวทำภารกิจกัน มันยังโกรธจนหนีหายให้ได้ตามหากันให้วุ่น

    "ตามใจแล้วกัน" 

     "เฮ้ย!!!" ผมที่ทอดสายตามองไปเรื่อยก็ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ บนสะพานสูงมีคนกำลังปีนระเบียง แล้วกระโดด ในยามที่ร่างนั้นกำลังดิ่งสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง สัญชาตญาณสั่งให้ผมกางปีกทะยานเข้าหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว

     ฟุป!!! ผมรับร่างนั้นได้ทันก่อนที่มันจะกระแทกกับผืนน้ำ กระโดดจากสะพานสูงรวมห้าสิบเมตรลำพังแรงกระแทกก็ตายคาทีแล้วมั้ง ไม่ต้องรอให้จมหรอก 

     "ทำบ้าอะไร!!" ผมถามเสียงตื่นทันทีที่พาอีกคนเข้าฝั่ง พอเท้าถึงพื้นไอ้คนในอ้อมแขนก็ทั้งดิ้น ทั้งผลัก 

     "ปล่อยกู ฮึก ปล่อยกูสิ กูไม่อยู่แล้ว กูไม่เอาแล้วไอ้ชีวิตเฮงซวยเนี่ย" เสียงโวยวายเจือสะอื้นดังก้องบริเวณ ดีนะแถวนี้ไม่มีใครอยู่แถมเจ้าตัวคงไม่มีสติพอรับรู้ว่าผมช่วยด้วยวิธีไหน

     "เฮใจเย็นสิ" ผมพยายามบอกพลางรวบร่างเล็กนั้นไว้แน่น 

     "ปล่อยเลย นายเป็นใคร ปล่อยดิวะ" เจ้าตัวยังคงตะโกนต่อไปจนเสียงแหบแห้ง ก่อนจะเริ่มหมดแรงแล้วแต่ก็ยังร้องไห้อย่างน่าสงสาร 

     พออีกคนยอมอยู่นิ่งๆ จึงมีโอกาสสำรวจคนที่เพิ่งช่วยไว้อย่างจริงจัง ใบหน้าหวานใสบัดนี้อาบไปด้วยน้ำตา ดวงตาสีดำหมองเศร้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด สิ่งที่เจอมันเลวร้ายแค่ไหนกัน ถึงทำให้คนๆ หนึ่งละทิ้งชีวิตได้ขนาดนี้

     "มาช่วยทำไม" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามพลางเงยหน้ามองผม ใบหน้าขา ตาโต จมูกนิด ปากหน่อย บอกผมสิว่านี่ผู้ชาย ยิ่งร้องไห้ จนจมูกแดง ขอบตาแดงกับน้ำตาคลอ แถมปากยังแดง...แม่งโคตร คาวาอี้เลยสัส...

     "ไม่รู้เหมือนกัน ร่างกายมันไปเอง" ผมบอกเสียงเบา "ทำไมถึงคิดฆ่าตัวตายละ" 

     "ก็ไม่มีใครต้องการเราแล้วนิ" เจ้าตัวบอกเสียงเบา พลางกัดปากเล็ก ๆ นั่นกั้นสะอื้น 

     "ไม่จริงหรอก" 

     "จริงสิ ฮึก...พ่อกับแม่ ก็ทิ้งเรา ยายก็ทิ้งเรา แฟนเราก็ทิ้งเราไปแต่งงานกับคนอื่น ฮือออ จีบเรามาตั้งนาน คบกันมาตั้งนาน ก็มาบอกว่าแค่อยากลองกับผู้ชาย ฮึกกกก...แม่งเหี้ย!!! ทำไมละ เรามันไม่ดีหรอ พี่เขาไม่เคยรักเราเลยใช่ไหม ฮึก" ร่างเล็กสะอื้นตัวโยนจนต้องกอดเอาไว้แนบอกพลางลูบหัวเบา ๆ 

     ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอ่อนไหวไปกับคนตรงหน้านัก ผมเองก็อกหักแต่อาการก็ไม่ถึงขั้นฟูมฟาย ทั้งที่เจอกันครั้งแรกแต่ผมกับร้อนใจเสียจนลืมเรื่องของตัวเองไปเลย

     "ชู่ว!!! อย่าไปร้องไห้ให้คนเลวๆ เลย" เสียทุ้มเอ่ยปลอบ ผู้ชายคนนั้นแม่งควาย ทั้งที่มีคนรักมันถึงขั้นยอมตายให้ได้มันกลับไม่เห็นค่า ถ้าเป็นผมหากมีใครซักคนรักผมขนาดนี้ คงจะดูแลใครนั้นให้ดีที่สุด

     "เราจะไปอยู่กับพ่อกับแม่ เราจะไปอยู่กับยาย บนสวรรค์ต้องมีคนรักเราแน่" คนตัวเล็กบอกอย่างเลื่อนลอย "ปล่อยเราไปเถอะนะ เราไม่ต้องการแล้วชีวิตนี้ เรา ฮึก ไม่อยากอยู่แล้ว" เสียงเศร้าๆ อ้อนวอนอย่างน่าสงสาร 

     "นายชื่ออะไร"

     "ซัน" ชื่อก็ฟังดูสดใส แต่ชีวิตไม่สดใสเอาเสียเลย

     "ไม่เอาแล้วใช่ไหมชีวิตของนายนะ" ผมถามพลางยิ้มบางเมื่อนึกบางสิ่งได้ คนในอ้อมกอดส่ายหัวน้อยแทนคำตอบ นั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้างขึ้นอีก "งั้น ชีวิตนายถ้าไม่เอาแล้ว ผมขอแล้วกัน"

      "ฮะ" คนตัวเล็กเงยหน้ามองผมตาโต 

     "ผมเป็นคนช่วยไว้ ชีวิตนายเป็นของผมแล้วนะ ตกลงตามนั้น"

      "เอ่อ...เฮ้ย!!!"


:katai5: อยากตามใจตัวเอง มาลงให้แล้ว น้องเรนไม่แห้วหรอกจ้า
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day1 P3 5/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-12-2017 16:09:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day1 P3 5/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2017 17:28:12
เรน เจอคู่ของตัวเองแล้ว

อยากให้เรน ควงคู่ซัน ให้กล้าเห็น
คนรักเก่าของซัน มีเพชรอยู่ในมือ ขว้างทิ้งเสียนี่
แล้วกล้าอย่ากลับมาขอคืนดีกับซันล่ะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     


หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day2 P3 6/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-12-2017 20:44:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day3 P3 9/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-12-2017 23:07:19
กล้า นายสมควรเจ็บตัวแล้ว  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day3 P3 9/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 11-12-2017 17:32:57
 :z13: :call: :hao5:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day3 P3 9/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-12-2017 21:07:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 4 P3 17/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-12-2017 23:50:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 4 P3 17/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-12-2017 12:43:32
เรน ซัน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รวมร่างกันแล้ว  :hao5: :sad4: :heaven

แอบคิดหน่อยๆว่า ซัน อาจเป็นอะไรสักอย่างเหมือนกัน  :hao3:
ที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 4 P3 17/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 10-01-2018 19:06:14
น่าจะเป็นลูกครึ่อะไรชักอย่างเนาะซัน  ร่างอยู่ได้นานขนาดนั้นนน :m16: :hao6:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 4 P3 17/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 21-01-2018 14:10:09
รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 4 P3 17/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 08-02-2018 22:40:28
แอบรอเทออยู่นะจ๊ะ เทอไม่รู้บ้างเลย~ :mew1:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 4 P3 17/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 25-05-2018 07:17:58
รอด้วยอยู่จ้าาา  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 17-04-2020 00:24:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 22-06-2020 08:28:04
เรื่องนี้ดี ชอบๆ เรมีน
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-06-2020 03:37:24
ขอบคุณเรื่องดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 08-07-2020 18:11:31
ชอบนิยายแนวนี้ค่ะ สนุก ตื่นเต้น เร้าใจทุกตอนที่อ่าน ไม่รู้ว่ามีพาสของเรนไหม จะได้อ่านต่อ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-07-2020 09:44:54
สนุกดีจ้า~