Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Rewrite:Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ(Fantasy,Nc) Rainy Day 5 End P3 20/6/61  (อ่าน 13889 ครั้ง)

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ :oo1:


เพิ่มเติม


งานเขียนย่อมจัดเป็นงานวรรณกรรม  ซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537  มาตรา 6  ท่านซึ่งเป็นนักเขียน  ย่อมเป็นผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานเขียนซึ่งเป็นงานวรรณกรรม  อันมีลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว  ท่านย่อมเป็นผู้รังสรรค์  อันเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานเขียนของท่านดังกล่าวที่ได้สร้างสรรค์ขึ้น ซึ่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537  ย่อมให้ความคุ้มครองแก่ท่านเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานเขียนดังกล่าวโดยอัตโนมัติ  ไม่จำต้องจดทะเบียน  โดยท่านในฐานที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำซ้ำ หรือดัดแปลง  หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนหรือให้ประโยชน์อันจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น  ซึ่งงานเขียนดังกล่าว  ตามมาตรา 15  แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ  ดังนั้น  หากทางสำนักพิมพ์ได้นำงานเขียนนั้นไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดไปพิมพ์จำหน่าย  อันเป็นการทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน  โดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านเจ้าของลิขสิทธิ์  ย่อมถือว่า  เขาได้ละเมิดลิขสิทธิของท่าน  ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 20,000 -200,000 บาท  ตามความแห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27,69  และวิธีการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งานเขียนของท่านดังกล่าว  ท่านย่อมเก็บงานอันเป็นต้นฉบับเอาไว้  และส่งตัวสำเนาไปยังสำนักงานพิมพ์นั้น ๆ  เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันในการพิสูจน์การละเมิดลิขสิทธิ์นั้น
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2018 11:48:42 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
ทักทายค่ะ

สำหรับเรื่อง Dark Wing เมื่อฟ้า...จรดผืนน้ำ อิงเนื้อหามาจาก NightKnight อัศวินรัตติกาล แต่ภาคนี้เป็นเรื่องราวของอีกเผ่าพันธุ์ค่ะ

"สาเหตุที่รีไรท์เรื่องนี้ เมื่อเราย้อนกลับไปอ่าน พบว่าเป็นงานเขียนที่มีข้อผิดพลาดเยอะมากเมื่อเทียบกับเรื่องอื่น ๆ ของตัวเอง ทั้งเนื้อเรื่องที่รวบรัดจนอาจทำให้ผู้อ่านตามไม่ทัน รวมทั้งภาษาที่ไม่ค่อยสละสลวย ฉบับนี้จึงมีการปรับเนื้อหาในบางส่วนและแก้ไขเรื่องสำนวนในการแต่งให้ดีขึ้น"

สำหรับคนที่ชอบงายวายประยุกต์ ที่ผสมผสานความแฟนตาซี หวังว่าจะชอบนะค่ะ

ส่วนคนที่อ่านแล้ว อ่านอีกรอบได้นะ ขอโอกาสแก้ตัว

และยังยินดีรับคำติชมดังเดิมค่ะ

.........................................................................................


บทนำ

     สภาวะเตียงดูดมักเกิดขึ้นยามเช้าในวันที่คุณมีธุระสำคัญ ดังเช่นวันนี้ เปิดเทอมวันแรกของชีวิตมหาลัย ผมลากสารร่างออกจากที่นอน คว้าเอาผ้าขนหนูข้างเตียงก่อนเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเองทั้งที่ยังหลับตาอยู่แบบนั้น ทั้งที่เมื่อคืนก็บอกตัวเองแล้วว่าจะไม่นอนดึกแต่ดูการ์ตูนเพลินจนเกือบตีสาม ชีวิตผมก็มีแค่นี้แหละ ขลุกอยู่หน้าคอมกับสาวสองดี ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียวเพาะไอ้ความชอบนี้ก็ทำให้ผมสอบติดคณะศิลปกรรม อันเนื่องมาจากการฝึกวาดภาพคาแรคเตอร์ที่ชื่นชอบ
 
    อาบน้ำเสร็จก็ต้องมาง่วนกับการผูกเนคไท ปกติก็ไม่เห็นผูกกันหรอกครับ แต่วันแรกต้องถ่ายรูปติดบัตรเต็มยศนิดหนึ่ง
โว้ย ยากจัง ไม่ผูกแม่ง ไว้ไปหาเพื่อนที่คณะผูกให้แล้วกัน คิดได้ดังนั้นก็คว้าเอาแว่นมาใส่เป็นอันจบกระบวนการ

     ผมก้าวเท้าออกจากหอพักที่ย้ายมาอยู่ได้เกือบสองเดือนในช่วงปิดเทอมใหญ่ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดครับแต่เข้ามาเรียนในเมืองตั้งแต่มัธยม ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่กับญาติแต่พอเข้ามหาลัยจึงขอย้ายมาอยู่คนเดียว ครอบครัวผมมีพ่อและย่าครับฐานะจัดว่าดี แต่ก็นะลูกผู้ชายมันต้องพึ่งตัวเองจึงทำงานพิเศษบ้างเป็นครั้งคราว เวลาเอาเงินไปใช้ไร้สาระจะได้ไม่ต้องกังวลใจ ดูเวลาในไอโฟนเจ็ดโมงสิบห้าไปแล้ว ยังพอมีเวลาแวะโรงอาหารในมอ*

     ผมเดินลัดออกมาตรงซอยเล็ก ๆ ข้างหลังหอซึ่งลัดไปถนนใหญ่ เป็นซอยแคบ ๆ เกินกว่าที่รถยนต์จะสัญจร ขณะที่เดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามทาง เสียงโวยวายตรงมุมถนนดึงความสนใจให้หันมอง

     "เฮ้ย!!" ถังขยะที่ควรจะวางอยู่ตรงเสาไฟล้มกลิ้งขวางทาง ถอยหลบแทบไม่ทัน แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับชายร่างยักษ์ที่ล้มกลิ้งมาพร้อมกันด้วยร่างสะบักสะบอม แถมยังมีอาการลนลานคลานหนีตายอย่างน่าสังเวช 

     ชายคนนั้นยังไม่ทันไปไหนไกลก็ถูกลากกลับด้วยมือใครอีกคน ผมมองเจ้าของมือนั้นอย่างตื่นตะลึง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่มองตอบมาให้ความรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว

     จะไม่ให้อึ้งได้ไงครั บพี่แกเล่นลากผู้ชายตัวโตกลับด้วยมือข้างเดียว ทุกสิ่งเกิดขึ้นไวมากเมื่อคนที่ลากกลับจัดการเอามีดสีเงินเชือดคออีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยมจนเลือดกระเด็นเต็มเสื้อนักศึกษาที่ใส่อยู่ ผมได้แต่ยืนช๊อคตาค้างอยู่ตรงนั้น

    ...นี่มันการฆาตกรรมชัด ๆ ความซวยของผมที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้...

     "เฮ้อ โดนเห็นเข้าแล้ว" เสียงถอนหายใจดังขึ้นข้างหูทำผมสะดุ้งรีลหันกลับไปมอง ใครอีกคนกำลังแย้มยิ้มสดใส ใบหน้าเหมือนกับเจ้าของมีดหากแต่ต่างตรงนัยน์ตาที่เป็นสีเขียวเท่านั้น "ไม่รอบคอบเอาซะเลย"

     ผมมองทั้งสองสลับกันพลันถอยห่างคนใกล้ตัวอย่างเร่งรีบจนสะดุดแต่ยังไม่ทันล้มเจ้าของตาสีเขียวก็คว้าแขนไว้ได้ทัน เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย มันคงไม่ฆ่าปิดปากผมหรอกนะ

     "ขอโทษ ไม่ได้อยากทำให้ตกใจ" ใบหน้านั้นยังคงแย้มยิ้ม แต่ตัวผมกำลังสั่นด้วยความกลัว "กลัวเหรอ เราไม่ทำอะไรนายหรอก"

     "จริง?" ผมถามพลางเงยหน้ามองคนสูงกว่าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งที่แฝดนายเพิ่งเชือดคอคนไปต่อหน้าต่อตา

     "จริงสิ เพียงแต่ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร รู้ใช่ไหมถ้าบอกจะเกิดอะไรขึ้น" นิ้วเรียวไล้คอผมก่อนจะกรีดเล็บลงแผ่วเบาให้ขนลุกไปกับความหมายที่แอบแฝง

     ตาย!

     "มะ ไม่บอกหรอก"

     "ดีมาก" หมอนั่นว่าก่อนจะยีหัวผมอย่างเอ็นดู? เขาหันไปทักคู่แฝดของตนที่ตอนนี้โยนอาวุธในมือทิ้งลงบนศพอย่างไม่ใยดี 
"เสื้อพี่เลอะ กลับไปเปลี่ยนก่อนไหม?"

     คนถูกทักมองสำรวจตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเดินตรงมาทางผม นัยน์ตาสีน้ำเงินจ้องมาเพียงชั่วครู่ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกอย่างลืมตัวแล้วเดินผ่านไป คนอะไรน่ากลัวชะมัด!

     "ผมไปได้หรือยัง คือมันสายแล้ว" ผมถามเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ปล่อยผม 

     พอมองดี ๆ หมอนี่ดูดีเป้นบ้า ใบหน้าคมคายบวกกับผิวสีแทนและรูปร่างสูงใหญ่ คงไม่ใช่คนไทยแน่ ๆ หล่อขนาดนี้พวกผู้หญิงคงกรี๊ดน่าดู  แต่ตอนนี้ผมอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่มีอารมณ์มากร๊ดกร๊าดอะไรทั้งนั้น

     "อ่า จริงสิ สายแล้วนี่เนอะ"

     "ปล่อยผมเถอะ" ผมท้วงเสียงเบา หมอนั่นก็ยอมปล่อยแขนแต่โดยดี

     "ฉันชื่อเรนนะแล้วเจอกัน" เจอกัน!? ใครจะไปอยากเจอวะ

     "ไม่ละ ขอบคุณนี่" ผมพูดรัวเร็วก่อนรีบโกยแนบออกมาก



*ม., มอ = มหาวิทยาลัย


..................................................................

Night knight อัศวินรัติกาล >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2017 02:48:16 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 1


     เปิดเทอมวันแรกของผมเจอเรื่องสยองขวัญแต่เช้าเลย ผมหนีเข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำของโรงอาหารเห็นเลือดแล้วความอยากอาหารมันลดลง พยายามข่มใจที่สั่นด้วยความกลัวให้สงบ ลืมมันผมต้องลืมมัน ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนรีบตรงไปที่คณะเพราะมันเลยเวลามามากแล้ว

     "วันแรกก็มาสายเลยนะ!" เสียงทักของรุ่นพี่ที่น่าจะเป็นพี่ระเบียบต้อนรับผมทันที่เสนอหน้าถึงตึกคณะ ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ แทนคำตอบเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไง

     "นี่ก็อีกคน!" อีกคน? นอกจากผมยังมีคนมาสายอีกสินะ หันไปมองเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยความยินนดี หรือเปล่า!? เพราะเพื่อนที่ว่าคือไอ้ฆาตกรเมื่อเช้านั่นเลยครับ

     "วะ....หวัดดี" แล้วจะทักมันเพื่อ!? นิ่ง มันหันมามองผมหน้านิ่ง โอ๊ยยย!!! คนหรือหุ่นยนต์วะ หรือมันอาจจะเป็นเครื่องจักรสังหารถูกส่งมาจากโลกอนาคตเพื่อฆ่าแม่ของพระเอกที่จะเกิดไปกำจัดมันเหมือนในหนังก็เป็นได้

     "จะยืนจ้องกันอีกนานไหมครับ ปฐมนิเทศเริ่มจนจะจบอยู่แล้วมาป่านนี้ไม่ต้องเข้าไปแล้ว นี่อะไร เนคไทก็ไม่ผูก!" งือ...มันมาเป็นชุดเลย อย่าจ้องผมแบบนั้น ผมไม่ได้ไปทำใครท้อง

     "ผมผูกไม่เป็น" ตอบเสียงแผ่วก่อนดึงเนคไทในกระเป๋ากางเกงออกมาโชว์ว่ากูไม่ได้ลืมเข้าใจไหม!!!

     "เรานะช่วยผูกให้เพื่อนที เพื่อนกันต้องช่วยกันสิ!" รุ่นพี่ดึงเนคไทในมือผมไปยัดใส่มือคนข้างตัว 

     ม่ายยย...พี่ไม่รู้เหรอมันอาจเอาเนคไทรัดคอผมตายก็ได้

     ผมสะดุ้งเมื่อผ้าเส้นบางพาดลงบนคอและถูกผูกเรียบร้อยสวยงาม จนเผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

     "ขอบคุณ" หมอนั่นเหลือบมองผมแวบหนึ่งก่อนหันไปมองทางอื่น โอ๊ยย อึดอัดเป็นบ้า

     "ชื่ออะไรรหัสอะไรกัน!" 

     "ผมชื่อ มีน มัสยา สิงหคิรี รหัส 182ครับ" ผมแนะนำตัวพร้อมรหัสนักศึกษา นามสกุลผมชัดมากครับสำหรับคนทางเดียวกันจะรู้เลยว่าผมมันเด็กอีสานบ้านเฮาอันมีบิดาเป็นคนโพนพิสัย จังหวัดหนองคายครับ ผมไม่สนหากมีใครล้อว่าผมลาว บอกเลยว่าภูมิใจ

      "แล้วอีกคนละ" พี่ว๊ากหันไปถาม ทีกับมันพูดซะเบา ผมแอบลุ้นว่าหมอนี่จะแนะนำตัวหรือเปล่านะ ตั้งแต่เจอกันมายังไม่เห็นพูดอะไรซักคำ
 
     "เร อมันเร เรเวน รหัส 183 ครับ" พระเจ้ามันไม่ได้เป็นใบ้ รหัสต่อผมเลยด้วย นามสกุลฝรั่งจ๋า ถึงว่าตาสีน้ำเงิน พี่ชื่อ เร น้องชื่อ เรน 

     "รู้ใช่ไหมคนสายต้องถูกลงโทษ!" ได้แต่พยักหน้ารับหงอยๆ "วิ่งรอบสนามฟุตบอลสิบรอบ แล้วกลับมาให้ทันถ่ายรูปติดบัตรด้วย ตอนบ่าย!" ไม่ต้องตะคอกทุกคำก็ได้ เจ็บคอแทน

     สิบรอบ สนามฟุตบอลมหาลัยมันเล็กซะที่ไหน มองดูเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว อีพ่ออีแม่ แล้วจังซี่ผู้ข้าซิได้กินข้าวเที่ยงกับเขาบ่ เริ่มบ่นภาษาถิ่น แต่ก็ได้แต่ตอบรับแล้วเดินคอตกมาที่สนามพร้อมกับเพื่อนร่วมคณะผู้แสนดี?อีกคน

     รอบแรกพอไหวๆ ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น

     รอบสามโอย...แดดประเทศไทยร้อนเว่อ

     รอบห้าแฮกๆ เหนื่อยไม่ไหวแล้ว


     เหลือบมองเพื่อนร่วมชะตากรรมหมอนั่นยังคงวิ่งต่อไปไม่ได้เร่งรีบแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยเท่าไหร่นัก เรมันต้องเป็นหุ่นยนต์แน่ๆ 

     -♬。 ♫♫~♬ ♫~♬ -

    เสียงโทรศัพท์ดังขัดอารมณ์เพ้อ ผมรีบกดรับแบบไม่ได้ดูคนโทร

     "ไอ้เชี่ยมีนนนนน มึงหายหัวไปไหนไม่ทราบ ทำไมไม่เข้าปฐมนิเทศ" สีแหลมวีนลั่นจากสตรีนามดาหลาทำให้ผมต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างหู

     "กูมาสาย เข้าไม่ทันโดนรุ่นพี่ลงโทษอยู่เนี่ย" ผมบ่นพลางถอดแว่นที่เริ่มมัวออกมาเช็ด

     "สมน้ำหน้า ดูเมะดึกหรือไง" ผมหัวเราะแหะๆ แทนคำตอบ "แล้วพี่เขาลงโทษอะไร"

     "วิ่งรอบสนามสิบรอบ"

     "ดียะออกกำลังกาย (สมน้ำหน้า!)" เสียงเพื่อนในกลุ่มดังแทรกเข้ามาเป็นเพื่อนสมัยมัธยมครับ ทำไมต้องซ้ำเติมโพ้มมม

     "ดีอะไรละเจ๊ดา เพิ่งได้ห้ารอบข้อยสิตายแล้วเนี่ย" เดินไปคุยไปครับตอนนี้

     "ตายแล้วมึง นี่เที่ยงแล้วนะ จะได้กินข้าวไหม" ยังคงเสียงดังเช่นเดิม "เออ อยู่สนามฟุตบอลใช่ไหม กินข้าวเสร็จเดี๋ยวซื้อไปให้ เอาแซนวิชเซเว่นแล้วกัน"
 
     "ได้หมด เจ๊ ไวๆ เด้อ ยังไม่กินข้าวเช้า" ผมว่า พอดีกับที่ร่างของอีกคนวิ่งเหยาะๆ ผ่านผมไป "เอ้อ เอามาสองชุดนะเจ๊ มีเพื่อนโดนลงโทษด้วยอีกคน คิดว่าคงไม่ได้ไปกินข้าวเหมือนกัน"

     "ยะ! แค่นี้นะ" วางโทรศัพท์แล้วกลับมาวิ่ง(คลาน)ต่อ แม่งเอ้ย!...ทำไมวันนี้อะไรๆ มันซวยไปหมดวะ

     หลังจากกลิ้ง เอ้ย! วิ่งครบสิบรอบจึงย้ายร่างมานั่งหมดแรงตรงชุดโต๊ะหินข้างสนามโดยมีไอ้คุณเรนั่งอยู่ตรงข้ามด้วยเหงื่อโทรมกายแต่ไม่ได้ดูเหนื่อยจะเป็นจะตายแบบผม ตอนนี้แข้งขามันล้าไปหมด ยังดีที่มันไม่ได้มองมาทางนี้ ไม่งั้นคงตายด้วยดวงตาสีน้ำเงินเย็นเยือกคู่นั้นแน่ 

     ร้อนชิบ! ผมคลายเนคไทออกก่อนปลดกระดุมแล้วพับแขนเสื้อเพื่อคลายร้อน คนตรงข้ามก็ทำเช่นกันจึงเผยให้เห็นรอยสักที่โผล่พ้นแขนเสื้อด้านซ้ายและตรงอกที่คลายกระดุมออกสองสามเม็ด เมื่อรวมกับหน้าดุๆ นิ่งๆ แล้วเถื่อนสัดอย่างกับมาเฟียอิตาลี
...บางทีมันอาจจะเป็นนักฆ่า...หรือเป็นมือปืน...แล้วสรุป ไอ้คุณเรตรงหน้านี่มันเป็นใครกันแน่วะ

     "ไอ้เชี่ยมีนนนนน" เสียงแหลมแปดหลอดดังมาแต่ไกล ไม่เข้าใจทำไมต้องเติมยศให้ผมตลอด ดามันเดินมาทางผมพร้อม ก้อง ภูผาและไอ้เตี้ยกร ในมือถือถุงเซเว่นอันอุดมไปด้วยเสบียง 

     "ไงมึงวันแรกก็สายเลยนะ สันดานเดิมไม่เปลี่ยนแปลง" ไอ้ก้องว่า

     "กูว่าสิบรอบน้อยไป" ภูผามันเสริม

     "กูก็ว่างั้น แว่นมึงต้องหัด..."
 
     "หยุด! ถ้ามึงจะเทศน์กูพอเลย วันนี้สิบรอบสำนึกแล้ว" ผมเบรกกรไว้ก่อนที่มันจะร่ายยาว "ไหนของกินอะ"
 
     "นี่ยะ" ดายื่นถุงเซเว่นให้ผม "คนนี้เพื่อนคณะเราใช่เปล่า นาย นายชื่ออะไร เราดาหลานะ ไอ้นี่ชื่อ ก้อง ภูผา ส่วนไอ้เตี้ยนี่ชื่อกร" ดาถามพลางชี้ไปยังคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก่อนแนะนำเพื่อนทุกคน อย่าไปชี้เดี๋ยวมันกัดนิ้วขาดนะเว้ย!

     "ชื่อเร" ผมตอบแทนคนที่ยังนั่งนิ่ง
 
     "อ๊าย เร ชื่อเท่ดี แถมหล่อด้วย ไอ้มีนไม่รีบบอกจะได้รีบมา" ดากรีดร้อง ไม่ค่อยเลยเพื่อนผม ก็ยัยนี่นะเป็นคนเสียงดังติดจะห้าวแต่ก็มีความแรดและบ้าผู้ชายแอบแฝงอยู่ ห่างไกลคำว่ากุลสตรีไทยไปเยอะ 

     "อ๊ะนี่ มีนให้เราซื้อมาเผื่อ คิดว่านายคงหิวเหมือนกัน" ดาหยิบแซนวิชในถุงแถมเป็นอันที่ผมเล็งไว้ให้เรไป พร้อมยิ้มหวาน

     "เฮ้ย!!!!เจ๊ดา นั่น แฮมซีสของกู" ผมงอแงทำหน้ายู่ใส่มัน

     "ไส้อะไรก็กิน ๆ ไปเถอะยะ ซื้อมาให้แล้ว" เออเอาสิเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน เรมองหน้าผมก่อนจะสลับแซนวิชในมือกับของผมแล้วแกะกินเงียบ ๆ ทำดี

     ผมเดาว่ารูปติดบัตรนักศึกษาผมต้องอุบาทสุด เพราะกลับจากวิ่งรอบสนามสภาพผมโทรมซะ กลายเป็นไอ้แว่นหัวยุ่งผู้มีฮิวโก้เป็นไอดอล จนเจ๊มันรำคาญจับมัดผมให้เรียบร้อย ดีนะไม่ใช่คนเหงื่ออกเยอะไม่งั้นหน้าคงมันเป็นกระทะทอดไข่
คณะนี้พี่ว๊ากแรงสมคำร่ำลือครับแต่ไม่โหดเท่าแต่ก่อน อาจเพราะโดนร้องเรียนรุ่นหลังเลยโดนเบาลง มีช่วงเครียดและช่วงเอ็นเตอร์เทรน ก็สุ่มรหัสไปแสดงด้านหน้าประมาณนั้น

     มีรอบหนึ่งผมโดนภูผาถีบไปข้างหน้า ถึงกับต้องสรรเสริญมันว่า ไอ้เลว!!!!  สิ่งที่ถูกสั่งให้ทำไม่ยาก ก็แค่เต้น

     ...มัดหมี่ขูดมะพร้าวทำกับข้าวอยู่ในครัว มัดหมี่ไม่รู้ตัวถูกโจรชั่วจับเอาไป เอาไม้แหย่รู...ฮึย ร้องแล้วมันขึ้น...
 
     ไอ้เราก็จัดเต็มเพราะหน้าด้านเป็นทุนเดิม แถมไม่ใช่พวกหนุ่มหล่อมาดเท่จึงไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์อะไร ไอ้มีนคนนี้เลยกลายเป็นที่รู้จักในวันแรก

     เฮ้อ!!! ไม่ได้อยากดังเลยนะ

     "มีนกลับแล้วเหรอ" 

     "แว่น มึงนี่เรื้อนได้ใจจริง ๆ เลย" นี่ชมใช่ไหม

     "เอ้อ ไอ้แห้งไปแดกเหล้ากับกูเปล่า" ไอ้นี่นิสัยอะ
 
     สารพัดคำทักทายจากผองเพื่อนและชื่อที่เพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ไอ้แห้ง ไอ้แว่น ไอ้เชี่ยมีน ฯลฯ 
คือผมควรจะภูมิใจใช่ไหมที่กลายเป็นที่รักขนาดนี้ จบสิ้นภารกิจวันนี้ก็เตรียมตัวเดินกลับหอ ที่จริงมีมอเตอร์ไซต์เวฟร้อยแต่ตอนนี้นอนป่วยอยู่อู่ รถออกจะใหม่ซื้อมาเจ็ดปีเอง 

     "ไง เจอกันอีกแล้ว" เสียงทักเรียกผมและผองเพื่อนให้หันมอง เรนในชุดนักศึกษายิ้มกว้างพร้อมโบกไม้โบกมือให้ผมแล้วเดินตรงมา "เรียนคณะเดียวกับพี่หรอ ดีจัง" ว่าแล้วมันก็ทำตัวสนิทสนมด้วยการเดินมากอดคอผมเลยครับ

     "รู้จักกันด้วย?" เจ๊ดาหันมาถาม ตามึงนี่เยิ้มเลยนะครับเห็นผู้ชายหน้าตาดีหน่อย

     "เพิ่งเจอเมื่อเช้านี่แหละ" คิดถึงเรื่องเมื่อเช้ายังสยองไม่หายผมพยายามขืนตัวออกจากแขนอีกฝ่ายแต่ก็ไร้ผล มันยังคงยิ้มหน้าระรื่นแถมเปลี่ยนมาโอบเอวผมแทน กูขนลุก!

     "อ๋อถึงว่า อย่างไอ้เกรียนนี่ไม่น่ามีใครคบ จริงไหมมึง" สัดกร ด่ากูแล้วพวกที่เหลือจะพยักหน้ารับทำไม โดนรุมตลอด
"ผมว่าเพื่อนนายก็โอเคดีนะ" เรนแย้ง ให้มันได้แบบนี้สิ "ผมเรนเป็นน้องชายฝาแฝดของเร พวกนายคงรู้จักพี่แล้วแหละ ผมเรียนอยู่คณะวิทยา*ว่าแต่นายชื่ออะไรกันบ้าง"

     "ฉันชื่อดาหลา ไอ้เตี้ยนี่ชื่อกร นั่นก้องและก็ภูผา ส่วนไอ้แว่นนี่ชื่อมีน"
 
     "อ๊ะ พี่มาแล้ว" พอเห็นพี่มันเดินมา เรนก็รีบปล่อยผมทันที "วันแรกเป็นไง สนุกไหม" เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยิ้มร่าพลางเกาะแขนพี่ตัวเองเหมือนเด็ก ๆ ซึ่งคนถูกถามทำเพียงแค่ยักไหล่

     บุคลิคของสองคนนี้ต่างกันชัดเจน เรนดูเป็นคนร่าเริงสดใสเข้ากับคนง่ายไปหมด ในขณะคนพี่ถึงจะหน้าตาเหมือนกันแต่กลับเงียบเชียบเสียจนรู้สึกแปลกเมื่ออยู่ใกล้ แถมรอยสักตามตัวยังให้อารมณ์ดิบเถื่อนไม่น้อย เปรียบง่ายๆ ก็คงเหมือนแสงกับเงาละมั้ง 

     เรนคุยเล่นกับพวกเพื่อนผมพักใหญ่จนเริ่มสนิทกัน!!? ถึงขั้นที่พวกมันกล้าขึ้นมึงกูด้วย ไวไปไหมเนี่ย แต่นั่นไม่สำคัญเท่าประโยคสุดท้ายที่เรนฝากไว้ก่อนพาพี่ตัวเองกลับ

     "ยังไงก็ฝากพี่ด้วย ถึงมันจะเงียบแต่ก็ไม่เลวร้ายอะไร (ฆ่าคนตายเนี่ยนะ) จะไปไหนชวนมันไปด้วยก็ได้ มันไม่เรื่องมากหรอก" คนน้องเอ่ยฝากฝังกับกลุ่มผมเสร็จสรรพ

     "ได้สิ ไม่มีปัญหา เราจะดูแลเป็นอย่างดีเลย" เจ๊ดารับคำอย่างเร็วไว คนอื่นก็เช่นกัน ยกเว้นผม...ไม่รับฝากได้ไหม 

     ม่ายยยย...ผมได้แต่กรีดร้องในใจพลางมองตามสองพี่น้องที่เดินจากไปพร้อมถอนหายใจแบบปลง ๆ


...........................................................

   :katai5: https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2017 02:34:21 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
55 โถมีนเอ๊ย

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 2

     ถามว่าชีวิตมหาลัยสำหรับผมเป็นยังไง บอกเลยว่าสนุกดี โดยเฉพาะเวลารับน้องที่มักมีการทำอะไรห่ามๆ เรียกเสียงฮาแต่คนทำไม่ฮา ไอ้เราก็คนเด่นคนดังรุ่นพี่มันคิดอะไรไม่ออกแม่งก็เรียกชื่อผมอย่างเช่นตอนนี้ไง

     "มีนๆ มึงมานี่" กลุ่มพี่ต้นปีสามกวักมีเรียกยิกๆ เมื่อเห็นผมเดินผ่านตอนพักเที่ยง...เอาสิซวยอีกแล้วสิ

     "เอ้อ...งั้นพวกกูรอที่โรงอาหารนะเว้ย" เพื่อนผมบอกตบบ่าแปะๆ พร้อมยิ้มสยอง แล้วเดินจากไป

     "มีอะไรครับพี่" ผมถามพร้อมยกมือไหว้รอบวง

     "มึงเคยเจอดาวอักษรปีสองเปล่าวะ" ดาวอักษร ก็เคยเห็นตอนรับน้องรวมที่แต่ละคณะจะเวียนฐานกันไป ซึ่งแม่นางฟ้าคนนี้เคยมาคุมฐานของคณะ เป็นพวกหมวยตาโตและมีดั้งสวยมากเห็นครั้งแรกแสงวิ้งเข้าตาเลยครับ 

     "ก็เคยเห็นนะพี่ โครตสวย อย่างกับดาราเกาหลี ตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าอกนี่แบบ(วาดมือออกกว้างๆ)...ได้ซักครั้งจะตั้งใจเรียน" เฮ้ย! ไม่ใช่แล้ว

     "ทะลึ่งแล้ว คนนี้กูจอง" เพื่อนพี่เขาอีกคน น่าจะชื่อเก่งเขย่าไหล่ผมรัวๆ หน้านี่แดงจัด สงสัยคิดตามคำบรรยายผม

     "อ้าว แล้วสรุปพี่เรียกผม มีอะไรครับ"

     "ก็เพื่อนกูปลื้มเขาอยู่ อยากทำความรู้จัก แล้วคิดว่ามึงคงช่วยได้" พี่ตั้มอธิบาย ขณะที่เพื่อนชายเขากำลังบิดไปมาด้วยความเขินอาย เหอๆ มันไม่เข้ากับหน้าพี่เลย

     "จะให้ผมช่วยอะไร"

     "ง่ายๆ ไปขอเบอร์เขามาให้หน่อย" ง่ายพ่อง!!! พี่จะให้ไอ้แว่นแบบผมไปขอเบอร์ดาวอักษรปีสองเนี่ยนะ คงได้เบอร์รองเท้าแทน

     "หน้าอย่างผมจะขอได้เหรอพี่" ผมอิดออด
 
     "นั่นมันเป็นปัญหาของมึง" แต่คนอยากได้มันเพื่อนพี่ไง

     "ไปสิไวๆ เลย เพื่อนกูมันใจร้อน เอามาให้พวกกูคาบบ่าย ไม่ได้ก็อย่ามาเรียกกูว่าพี่" ฮะ!...ใจร้ายวะ พี่ตั้มโยกหัวผมพร้อมยิ้มเหี้ยมก่อนที่เขาและผองเพื่อนจะเดินจากไป

     ผมยืนเคว้งกับภารกิจที่ได้รับ ไม่ใช่จีบสาวไม่เป็นนะ แต่ผมก็เลือกจีบเฉพาะคนที่คู่ควรเท่านั้น ไอ้พวกนางฟ้าเหล่านั้นมันอาหารตาครับ 

     โอ๊ย!!! เอาไงดีวะ หันรีหันขวางอย่างหาทางไป จนเผลอไปสบกับดวงตาสีน้ำเงินที่มองมาทางผมให้สะดุ้งเล่น 

     "ไม่ตามพวกเจ๊ดาไปเหรอ?" มันส่ายหัวปฏิเสธ ผมยืนพินิจพิเคราะห์เพื่อนร่วมรุ่นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะบังเกิดไอเดียบางอย่าง...ไหนๆ มึงก็เงียบแล้ว ใช้ความเงียบกับความหล่อให้เกิดประโยชน์หน่อยแล้วกัน

     "เร! มากับกูหน่อยดิ มีอะไรให้ช่วย" ผมจูงมือมันลากมันไปด้วยกัน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรนอกจากเดินตามมาเงียบๆ 

     เรียนกับมันมาอาทิตย์หนึ่ง ถ้าลืมเรื่องวันแรกที่เจอกันไป เรก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถึงมันจะเงียบแต่ก็ดีตรงที่ไม่เรื่องมาก ขอให้ช่วยก็ช่วยหรือขี้เกียจปฏิเสธอันนี้ก็ไม่รู้แฮะ ชวนไปไหนถ้ามันอยากไปมันก็จะเดินตามมาเอง 



     เราเดินมาจนถึงโรงอาหารฝั่งหน้ามอ* ที่นี่มีโรงอาหารสองที่ครับแถวหลังมอ* ใกล้คณะผมกับหน้ามอ*แถวคณะอักษร กวาดตามองหาเป้าหมายไม่นานก็เจอ...เป้าหมาย ดาวอักษรปีสองนั่งหัวเราะกับกลุ่มเพื่อน หาไม่ยากหรอกครับ กลุ่มพี่เขามีแต่คนสวยออร่าแผ่กระจายมองเห็นแต่ไกล ผมก้าวเท้ายาวๆ ไปหาพวกเธอ

     "สวัสดีครับ พี่ลูกแก้วใช่ไหมครับ" เสียงทักของผมเรียกสายตาทุกคนในโต๊ะให้หันมอง ให้ตาย...เริ่มประหม่าแล้วสิ

     "มีอะไรค่ะน้อง" พี่ลูกแก้วถามพร้อมยิ้มสวย โอยยย...จะละลาย

     "น้องคงไม่ได้มาขอเบอร์เพื่อนพี่หรอกนะ ไอ้แห้งหน้าแว่นแบบเราไม่ใช่เสปกมันหรอก ตัดใจซะเถอะ มันเป็นไปไม่ได้" ฉึก! วาจาเชือดเฉือนใจ เพื่อนพี่ลูกแก้วสวยนะ แต่ปากจัดชิบหาย

     "ไอ้ขอเบอร์นะใช่ครับ แต่ผมขอให้เพื่อนผมคนนี้" ว่าแล้วก็ดันเรให้ไปยืนข้างหน้า มันหันมองผม จึงทำเพียงขมุบขมิบปากบอกว่า...ช่วยกูหน่อย เรหันไปพร้อมกับพยักหน้าให้สาวๆ ในกลุ่มที่จ้องมันไม่วางตา เอาสิ ลูกครึ่งหน้าคมผิวแทนแถมสูงยาวเข่าดีขนาดนี้ไม่ให้ก็บ้าแล้ว 

     "คือเพื่อนผมมันพูดไทยไม่เก่งครับ แหะๆ"

     "ชื่ออะไรละจ๊ะเรานะ" พี่ลูกแก้วถามพลางก้มหน้าก้มตาอย่างเขินอาย ทีกับผมนะ...เฮ้อ!

     "เร!" มันตอบแค่นั้น

     "เอาโทรศัพท์เรามาสิ" เรล้วงเอาโทรศัพท์ยื่นให้ซึ่งพี่เขาก็กดเบอร์พร้อมเมมให้เสร็จสรรพ

     "ขอบคุณครับ" ผมบอกส่วนเรก้มหัวนิดๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินจากมา

     "ขอโทรศัพท์ให้กูหน่อย" มันล้วงเอาโทรศัพท์ยื่นให้ผมแต่พอจะหยิบมันกลับชักมือกลับพร้อมมองหน้า อารมณ์ประมาณว่าเอาอะไรมาแลก "น่า เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวเที่ยง เป็นการตอบแทน"

     "ข้าวเย็น" เรแย้ง ก็เป็นปกติของมันที่จะพูดคำสั้นๆ ที่นานน๊านนนนนน จะได้ยินที

     "ก็แล้วแต่ ไว้วันหลังนะช่วงนี้กูจน" เรยื่นโทรศัพท์มันมาให้ ผมจัดการเซฟเบอร์พี่ลูกแก้วในเครื่องตัวเองก่อนส่งคืนให้มัน ทำไมหญิงไทยใจง่ายกันจัง

     "ขอบใจ ปะกินข้าวกูหิวแล้ว"

     "กูก็หิว" เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างกายพอหันไปก็แฝดน้องยืนยิ้มแป้นมาให้ "ปะไปกินชาบูกัน กูอยาก"

     "เพิ่งบอกพี่มึงไปเมื่อกี้ ว่าช่วงนี้กูจน"

     "ไม่เป็นไร กูหล่อและรวยเลี้ยงได้"

     "ไอ้เรนนนน!!!" ผมร้องลั่นเพราะมันคว้าหมับเข้าที่เอวก่อนรั้งผมเข้าไปใกล้ทำเอาชาวบ้านชาวช่องมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ จนต้องรีบผลักมันออกห่างแต่ยิ่งผลักมันยิ่งกอดแน่นทีนี้มันโอบด้วยสองแขนเลยครับ

     "มินนี่รังเกียจเค้าหรอ" 

     "กูไม่ได้รังเกียจ มาลวนลามอะไรตรงนี้ คนมองเต็มแล้ว"

     "แปลว่าอยู่สองคนลวนลามได้" มันว่าพร้อมยิ้มทะเล้น

     "ประสาท ปล่อยเลยขนลุกโว้ยยย"  ผมโวยวายได้ซักพักเรก็ช่วยงัดน้องมันออกให้ พอเลื้อยผมไม่ได้มันก็ไปเกาะแข้งเกาะขาพี่มันแทน เห้อ...ดูมันทำตัวเสียดายความหล่อจริง ๆ

     "นะ...นี่รถมึงหรอ" ตอนนี้น้องมีนกำลังอึ้งครับ อึ้งมาก ๆ เพราะตรงหน้าผมคือแลมโบกินี่ อะเวนตาโดร์ ์สีขาวและดำจอดคู่กันอยู่ 

     "ใช่ ให้ทายคันไหนของกู" เรนว่า

     "สีขาวของมึง" ผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับเดาจากบุคลิคพวกมัน เรเดินตรงไปที่คันสีดำผมจึงรีบเดินตามขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที

     "อ่าวมินนี่ ไม่นั่งคันนี้ละ" 

     "ไม่ กูกลัวมึงลวนลาม" เรนหัวเราะชอบใจก่อนขับนำออกไป

     เป็นบุญตูดของผมเลยครับที่ได้นั่งในซูปเปอร์คาร์ระดับนี้ ผู้ชายกับรถมันเป็นของคู่กัน มีนิยายเรื่องไหนบ้างที่คนหล่อจะไม่มาคู่กับรถหรูและความรวย

     "อ่าว ไม่ตามมันไปหละ" ผมทักเมื่อเรยังคงนิ่ง มันหันมามองผมก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ด้วยสัญชาตญาณผมรีบเอนหลบจนเกือบชิดประตู 

     "อะ อะไร" เรเอื้อมมือผ่านตัวผม จนใบหน้าของมันอยู่ห่างไปแค่คืบ เมื่อสบกับดวงตาสีน้ำเงินนั่นมันทำให้ผมรู้สึกแปลก มันไม่ใช่ความกลัวแต่ก็ไม่ได้รู้สึกปลอดภัย 

     กริ๊ก...เสียงโลหะที่เข้าล๊อคดังขึ้นพอก้มดูจึงรู้ว่ามันคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผม เห้อ...ก็นึกว่ามีอะไร






 
      เทศกาลรับน้องจบไปแล้วครับตอนนี้พวกเราได้รุ่นเป็นที่เรียบร้อยหลังจากต้องผ่านบทพิสูจน์มากมายจากรุ่นพี่ ก็มีช่วงเวลาที่เซงบ้างเบื่อบ้างแต่ก็สนุกดี จบแล้วก็ต้องจัดงานขอบคุณรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรม เด็กปีหนึ่งทั้งหมดจึงมารวมตัวกันเพื่อเตรียมงานในช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ควรนอนตีพุงอยู่บ้าน

     ผมรับผิดชอบเพนท์มูรอล(Mural) ที่ถูกทำด้วยแผ่นไม้อัดตีประกอบโครงเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดสามคูณห้าเมตร แผ่นไม้ถูกพิงไว้กับกำแพงต้องปีนบันไดวาดทุกลักทุเลชิบหาย แรกๆ ก็ช่วยกันหลายคนซักพักพวกมันก็ไปนั่งอู้กันแล้วครับ เหลือแค่ผมกับเรที่ช่วยกันทำ 

     "อีเจ๊ ขอน้ำให้ขวดดิ๊" ผมแหกปากเรียกเจ๊ดาที่ตอนนี้มันกำลังเอาน้ำแจกทุกคนอยู่

     "ลงมาเอาเองดิ"

     "ขี้เกียจปีน โยนมาเลยเจ๊" ดาหลาหยิบน้ำมาขวดก่อนจะโยนมาทางผมแต่เพราะมันแรงควายไปหน่อยทำให้ผมต้องเอื้อมสุดตัวเพื่อจะรับโดยลืมไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่ทำแบบนั้นได้ 

     "เหวอออออ..." บันไดที่ปีนอยู่โยกไปมาจึงเผลอเอามือค้ำแผ่นมูรอลที่พิงกำแพงอยู่เต็มแรง ทำให้เสียหลักจนหงายหลังตกลงมา ทั้งที่เตรียมใจว่าต้องเจ็บแน่กลับรับรู้ได้ว่าหลังกระแทกกับอะไรที่นิ่มกว่านั้น

     "เร...เป็นไรไหมวะ" ผมถามมันอย่างร้อนใจเพราะเรรับผมเอาไว้จนเราทั้งคู่ล้มไปด้วยกันโดยมีตัวมันรองอยู่ แต่พอผมทำท่าจะลุกมันกลับพลิกตัวผมลงไปใต้ร่างแล้วเอาตัวคร่อมไว้ พอมองข้ามไหล่ไปทำจึงเห็นว่าแผ่นไม้ขนาดใหญ่กำลังล้มลงมาใส่เราทั้งคู่
 
    โครมมม!!! มูรอลขนาดสามคูณห้าเมตรล้มกระแทกหลังของเรดังสนั่นพร้อม กับเสียงร้องด้วยความตกใจของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น 

     "อึก..." คิ้วหนาขมวดมุ่นบอกให้รู้ว่ามันเจ็บไม่น้อย หากแต่ดวงตาสีน้ำเงินนั้นยังคงมองผมไม่วางตา ของเหลวสีแดงหยดลงบนหน้าผมทำเอาใจหาย ไม่รู้ว่าเป็นสีหรือเลือดกันแน่

     "มึง..." ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก หัวใจผมเต้นรัวด้วยความตระหนก

     "เฮ้ย!!! พวกเราช่วยกันยกออกเร็ว" เสียงเจ๊ดาโวยวายก่อนที่แผ่นไม้ขนาดใหญ่จะถูกยกออกจากตัวเราทั้งคู่ เรลุกขึ้นยืนก่อนดึงผมให้ลุกตาม ตอนนี้ตัวเราทั้งคู่เลอะไปด้วยสีจากถังที่คว่ำกระจายเต็มพื้น

     "ไหวไหมวะ...เจ็บตรงไหนเปล่ามึง...ไปโรงบาล*ไหม"เพื่อนๆ กรูเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง บางคนยื่นผ้ามาให้พวกเราเช็ดหน้าเช็ดตา
   
     "กูไม่เป็นไร" ผมตอบเสียงตื่นส่วนเรส่ายหน้าปฏิเสธ

     "แน่ใจนะ" หนึ่งในนั้นถามย้ำ ผมหันไปมองเรเพราะมันหน้าจะเจ็บกว่าผม

     "อืม" เรตอบแค่นั้น

     "งั้นพวกมึงไปล้างตัวเหอะแล้วกลับไปเลยก็ได้ เดี๋ยวพวกกูทำต่อเอง" กรบอก

     "ขอโทษนะมึง ต้องแก้เยอะเลยวะ" ผมบอกด้วยความรู้สึกผิดเพราะมูรอลที่วาดไปเกินครึ่งเปาะเปื้อนไปด้วยสี
 
     "เฮ้ยๆ มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก"

     เรเดินไปทางห้องน้ำผมจึงรีบเดินตามไปติด ๆ มันถอดเสื้อที่เลอะสีออกวางไว้ข้างอ่างล้างหน้า ก่อนจะเปิดก๊อกล้างหน้าล้างแขนตัวเอง 

     หุ่นมึงดีเกินไปแล้ว ดูไลกล้ามเนื้อกับซิกแพคมันสิ อย่างกับนายแบบในนิตยาสาร เมื่อรวมกับรอยสักตรงแขนซ้ายที่เลื้อยยาวมาถึงอกข้างหนึ่งแล้ว...แม่งเซ็กซี่ชิบหาย แต่เอ๊ะ...แล้วทำไมกูต้องมาชมผู้ชายด้วยกันอะ

     เมื่อมองสำรวจคนตรงหน้าแล้วไม่พบบาดแผลใดๆ ผมจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เรหันมามองก่อนที่มันจะจับผมไปยืนตรงหน้าอ่างโดยมีมันยืนซ้อนหลังแล้วจับแขนผมล้างน้ำ

     "เฮ้ย กูล้างเองได้" ผมหันไปโวยวายใส่มัน

     "นิ่ง ๆ" มันบอกเสียงเย็นผมจึงยอมนิ่งแต่แบบนี้เหมือนมันกำลังกอดผมจากข้างหลังเลยให้ตายสิ ใกล้ขนาดนี้กูก็ประหม่าเป็ฯนะโว้ย

     คราบสีแดงถูกน้ำชะออกเผยให้เห็นรอยพาดยาวที่ท้องแขน เป็นแค่รอยแดง ที่ไม่ได้บาดจนเลือดออก สงสัยกระแทกกับอะไรซักอย่างตอนล้มลงมา

     "ก็แค่รอยนะมึง ไม่เป็นอะไรซักหน่อย" ผมหันไปบอกมันแต่พอจะดึงแขนออกมันกลับรั้งไว้ก่อนก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ จนจมูกมันแทบชิดแขนผมด้วยซ้ำ "ทำอะไรวะ ปล่อยเลย"

     "แปลก..." มันว่าพลางมองผม ดวงตาสีน้ำเงินตรงหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

     "อะไรแปลก" มันไม่ตอบแต่กลับหยิบเสื้อพาดบ่าแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนงงกับท่าทางพิลึกที่มันทำ สองพี่น้องนี่เข้าใจยากชะมัด

     อ๊ะ...ผมยังไม่ได้ขอบคุณมันเลย


................................................................

มีนถนัดเรื่องพูดเองเออเอง

https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2017 00:44:04 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 3

     "วันนี้ไปร้องเพลงเหรอวะ" ก้องถามตอนหมดคาบสุดท้ายย 

     "อืม พี่เค้าโทรมาบอกให้ไปช่วย" ผมเคยเล่าแล้วใช่ไหมว่าผมมีงานพิเศษทำก็คือร้องเพลงกลางคืนและมีร้านประจำอยู่ แต่ช่วงรับน้องขอพี่เจ้าของร้านพัก้เพราะคงไม่มีเวลา พอดีกับวันนี้พี่เขาโทรมาให้ไปช่วยเพราะนักร้องที่จะมาดันป่วยกระทันหัน
 
     "ไปคนเดียว?"

     "เดี๋ยวชวนเรไปด้วย จะเลี้ยงขอบคุณมันซักหน่อย"

     "มึงนี่ตัวติดกันจังเลยน๊า กูละจิ้น มีมีนที่ไหนมีเรที่นั่น เมื่อเที่ยงมันยังรอกินข้าวพร้อมมึงเลย อ๊ายยยย รังสีวายแผ่ซ่าน ว่าแต่ใครรุกใคร...อ๊ะ!" อีเจ๊ดามันเพ้อเลยแบมือป้ายปากมันที่กำลังอ้าอยู่เต็ม ๆ 

     "แหวะ เค็มสัด อีดอกมีน สกปรก" 

     "ออกจะอร่อยขี้มือกู" ผมหัวเราะลั่น ป๊าบ!"โอ๊ย เจ๊ดามันเจ็บเด้เนี่ย" แม่งฟาดผมหลังแอ่นเลย ส่วนไอ้เพื่อนสามตัวมันก็หัวเราะประกอบฉาก

     ผมพาเรมาที่ร้านอาหารกึ่งผับ ก่อนมาแวะไปเอากีต้าร์ที่หอผมโดยมีเรเป็นสารถี มาถึงร้านตอนหนึ่งทุ่มพอดี 

    ที่ได้มาทำงานร้านนี้ก็เพราะมีวันหนึ่งผมเอากีต้ามานั่งเล่นกับพี่ยามหน้าหอ พี่หนิงเจ้าของร้านบังเอิญมาหาน้องได้ฟังเลยชวนมาร้องเพลงร้านแก ช่วงที่ผ่านมาผมร้องเพลงที่นี่ทุกวันพฤหัสกับเสาร์สลับวันกับนักร้องคนอื่น วันนี้ลูกค้าเยอะ ก็เหล่านักศึกษาผู้ล่าปริญญานั่นแหละครับมาสังสรรค์ทำความรู้จักเพื่อนใหม่กัน

     "ไงมีน พาเพื่อนมาด้วยหรอ เดี๋ยวพี่จัดโต๊ะให้นะ เอาใกล้ ๆ เวทีละกัน สั่งได้เลยนะพี่คิดราคาพิเศษให้" พี่หนิงทักทายพวกเราก่อนเรียกเด็กมาบริการแล้วกลับไปดูแลร้านต่อ

    "อยากกินอะไรก็สั่งเลย สั่งเผื่อกูด้วย" ผมบอกพลางยื่นเล่มเมนู กระดาษและปากกาให้เร เรนไม่ได้มาด้วย มันบอกว่าจะไปกับหญิง อยากลากพี่มันไปไหนเชิญตามสบาย 

    เรสั่งยำรวม เอ็นไก่ทอด ต้มยำกุ้งน้ำข้น และข้าวสองจาน แบล็คเลเบอร์อีกกรม

    "เฮ้ย! ไม่ได้บอกจะเลี้ยงเหล้า" ผมทวนเมนูในกระดาษก่อนร้องออกมา เหล้าขวดเกือบพัน ไหนจะโซดาน้ำแข็ง อานดิครับ 
มันไม่ตอบแต่แย่งกระดาษในมือผมยื่นให้เด็กเสริฟ เบอร์ดาวอักษรราคาแพงขนาดนี้เลยหรอ ผมมุ่ยหน้าใส่มันแบบเซ็งๆ ระหว่างรอข้าวก็มองสำรวจไปรอบ ๆ ว่าจะกินรองท้องซักนิดก่อนขึ้นไปร้องเพลง 

     ผมก็มองโน่นมองนี่ไปเรื่อย พลัยสายตาไปเห็นคนคุ้นเคยเดินเข้าร้านมาพร้อมคล้องแขนชายหนุ่มในชุดชอป

     พะแพง! แฟนเก่าผมเองครับเพิ่งห่างกันก่อนจบม.หก*โดยเธอให้เหตุผลว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วอยากเต็มที่กับการเรียน
เป็นไงละ คำพูดนางเอกสุดๆ แต่ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วครับ เธอมีคนใหม่แถมเธอยังเข้ามาเรียนที่เดียวกับผมเสียด้วยดูจากชุดนักศึกษาและเข็มที่ปักบนอก 

     "อ้าว มีน" เหมือนเธอจะเห็นผมแล้วครับ แต่ไม่ต้องเดินจูงมือกันเข้ามาได้ไหม...มันปวดใจ "ไม่เจอกันนานเป็นไงบ้าง เรียนที่เดียวกับเราด้วย อยู่คณะอะไรละ"

    "ก็สบายดีเรื่อย ๆ" ผมตอบ พยายามข่มเสียงให้ปกติที่สุด "เราเรียนศิลปกรรมแล้วพะแพงละ"

    "เราเรียนศึกษาศาสตร์ อ๊ะนี่พี่น๊อตแฟนเรา นี่มีนเพื่อนแพง จบม.ปลายที่*เดียวกัน" พี่น๊อตยิ้มให้ ผมก็ยกมือไหว้ เหอะ เพื่อน!...ฟังแล้วหน่วงดี 

     "นั่นเพื่อนมีนเหรอ" พะแพงมองเรพลางถาม

     "อืม คณะเดียวกัน"

     "แล้วมาทำอะไรที่นี่ละ"

    "รับจ๊อบร้องเพลงนะ เคยมีคนบอกเวลาเราจับกีตาร์แล้วหล่อดี" ผมบอก พะแพงยิ้มแห้ง ๆ มาให้เพราะคนที่เคยพูดคำนี้คือเธอ

    "แล้วเราจะคอยฟัง ขอตัวก่อนนะ" ไปเถอะ ไปรักกันไกล ๆ ตีน 

    โว้ย...เซ็ง พอดีกับเหล้าและข้าวมาเสริฟเลยเป๊กเพียวไปแก้ว แสบคอสาดดด 

    "ขอบใจ" เรมันรู้งานรินน้ำเปล่ามาให้ล้างคอ ย้อมใจให้กรึ่มก่อนคว้ากีต้าร์เดินขึ้นเวทีไม่กินแม่งแล้วข้าว เศร้าแบบนี้อารมณ์ศิลปินมันมา จัดเพลงนี้แด่เธอเลยแล้วกัน

"มันผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป
มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้
มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ
ผิดตรงที่ไว้ใจ
ฉันมองตัวเธอผิดไป"
 (ผิดที่ไว้ใจ Silly fools)

    จบเพลงเรียกเสียงปรบมือโห่ร้องดังลั่นร้าน ไม่รู้เพลงมันโดนหรือผมร้องเพราะ(แบบว่าอิน) บางทีอาจมีพวกอกหักแบบผมอีกเยอะก็ได้ สารพัดเพลงกระแทกใจผมจัดไปยาวๆ ตามอารมณ์ตัวเอง ระหว่างนั้นบางโต๊ะก็เอาน้ำเมามาเสริฟ บางทีก็ติ๊บเงินให้เพราะร้องเพลงถูกใจ 

     "นักร้องน่ารักจังเลยค่าาา" สาวๆ โต๊ะหนึ่งร้องแซว เวลาไม่เกรียนผมก็ดูดีเป็นปกตินะครับ ปกติของผมนะแต่ไม่ปกติของคนอื่น 
"คนพูดก็น่ารัก" ผมหยอดคืน บางทีก็ต้องเล่นกับคนดูบ้าง

     "เพื่อนนักร้องหล่อจัง" เรที่นั่งดูก็ไม่วายโดนแทะโลมเหมือนกัน

     "ไม่รับเป็นพ่อสื่อนะครับ จีบกันเอง  แต่ถ้าอยากได้เบอร์ตัวละพันครับ แถมให้สามตัวแรกเลย 097... " ผมตอบพลางยักคิ้วกวนตีนใส่มัน เรมองผมกลับด้วยสายตานิ่ง ๆ  แล้วฝาขวดโซดาก็ปลิวมากระแทกหัวผมอยากแม่นยำ

     "โอ๊ะ...ไอ้เพื่อนเลว" ผมหันไปด่ามันแบบไม่ออกเสียง เก็บอาการนิดนึงครับอยู่บนเวที

      เวลาผ่านเลยไปจนสามทุ่ม ชักมึนแล้ว ก็แขกในร้านดันมีน้ำใจอนุเคราะห์น้ำ(เมา)ให้ไม่ขาดสายเพราะกลัวนักร้องคอแห้ง กล่าวทิ้งท้ายเล็กน้อยก่อนลงจากเวลาทีให้วงดนตรีรอบดึกขึ้นต่อ เป็นธรรมดาของร้านพวกนี้ที่คืนหนึ่งจะมีวงดนตรีมาเล่นหลายวงเพื่อคนฟังจะได้ไม่เบื่อ ยิ่งดึกดนตรีจะยิ่งหนักขึ้นเพื่อความมัน

    ผมเอาของตัวเองมาเก็บและนั่งพัก หันไปอีกทีก็ไม่เห็นพะแพงแล้วสงสัยทนแรงกดดันไม่ไหว โต๊ะผมเรก็ไม่อยู่เหมือนกันแต่กระเป๋ายังอยู่สงสัยไปเข้าห้องน้ำ ว่าแล้วก็ขอไปทำธุระส่วนตัวเช่นกัน

     "เดี๋ยวมีน" เสียงเรียกดังขึ้นตรงทางเดินไปห้องน้ำ พะแพงคว้ามือผมไว้ท่าทางอึกอัก "เราขอโทษนะ"

     "ขอโทษทำไม" ผมแกะมือเธอออกช้า ๆ "อีกอย่างเราเลิกกันแล้ว แพงไม่ได้ทำอะไรผิดนิ"

     "มีนเข้าใจเราใช่ไหม"

     "อืม ก็แค่คนหมดรัก" พะแพงหน้าเสียเมื่อได้ยินแบบนั้น "ทีหลังบอกเราตรง ๆ ดีกว่านะ"

     "เราขอโทษ แต่อย่าบอกใครนะว่าเรา..."

     "บอกอะไร มึงมีอะไรจะบอกกู" เสียงเย็นเยียบดังขึ้นข้างหลัง คนชื่อน๊อตเดินมาทางเราท่าทางเดือดดาลพร้อมพวกอีกแปดคน สายตาเชือดเฉือนมองมือพะแพงที่รั้งแขนผมอยู่ "ไหนแพงบอกพี่ว่าแค่เพื่อนไงค่ะ"

     "ก็เพื่อน...พี่น๊อตมันไม่มีอะไรจริง ๆ"

     "หึ...อย่าโกหกสิ ถ้ามันไม่เป็นอะไรกับแพงจริง ทำไมต้องมองแพงด้วยสายตาแบบนั้น ตอนที่มันร้องเพลง" ตอนที่ร้องเพลงผมมองแบบไหนนะ 

     "มันเป็นแฟนเก่าแพงใช่ไหม"

     "ช ใช่ แต่เราเลิกกันไปนานแล้ว"

     "เลิกไปนานแล้วมึง ก็เลิกยุ่งกับแฟนกูซะสิ"
 
     "ผมก็ไม่ได้ยุ่ง"

     "แล้วมึงจับมือถืออขนแฟนกูทำไม"

     "แพงจับ ผมไม่ได้เริ่ม" ผมเถียงไปตามความจริง

     "มึง" น๊อตว่าพร้อมคว้าคอเสื้อผมพร้อมจ้องเขม็ง ผมมองตอบมัน พวกไม่ยอมรับความจริงแบบนี้เรื่องไรจะยอม

     "หรือว่าพี่ตาบอดมองไม่เห็นว่าแฟนตัวเองมาเกาะแขนผม" ผลัวะ! หมัดหนัก ๆ เสยหน้าผมทั้งที่ไม่ทันตั้งตัว

     "พี่น๊อตอย่า" พะแพงร้องลั่นจะพุ่งมาช่วยพยุงแต่โดนรั้งเอาไว้

     "มึงพาน้องมันไปรอที่โต๊ะ" ร่างบางถูกส่งให้เพื่อนมัน "กูขอสั่งสอนไอ้แว่นนี่หน่อยเถอะ"

     ผลัก! เท้าประเคนเข้าท้องจุกจนตัวงอ เชี่ย เล่นทีเผลอ ผมฝืนตัวต่อยสวนไปหนึ่งหมัดจนอีกฝ่ายหน้าหัน 

     "เอาสิวะ คิดว่ากูไม่สู้เหรอ" เราซัดกันพัลวันแต่ผมก็เสียเปรียบมันพอสมควรเพราะอีกคนตัวหนากว่ามาก เมื่อน๊อตทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำแขนของผมก็ถูกเพื่อนมันล็อคจากด้านหลังเลยโดนเสยเข้าหน้าไปสองที หมาหมู่ชัด ๆ

     เพล้ง!!! แรงกระแทกเข้าที่หัวทำเอามึนไปชั่วขณะ ทั้งตัวเปียกไปด้วยของเหลวจากขวดที่แตกกระจายผสมกับเลือดของผม น๊อตคว้าเอาขวดเบียร์จากลังแถวนั้นมาฟาดหัวผม มันยิ้มเหี้ยมก่อนเอามีพกในกระเป๋าออกมากาง

     "แน่จริงอย่ารุมดิสัด"

     "หุบปากมึงไปเหอะ" มันแสยะยิ้ม นี่กะเล่นถึงตายเลยหรือไง  ผมพยายามฝืนร่างหลบมีดที่พุ่งม าแต่เพราะถูกล๊อคไว้เลยขยับไม่ได้

    ฉึก! มือใครซักคนคว้ามีดไว้ก่อนที่มันจะแทงเข้าตัวผม มือแกร่งกำแน่นก่อนจะบิดมันออกจากมืออีกฝ่ายโดนไม่สนว่าคมมีดจะบาดเนื้อจนเลือดอาบ ผมมองเจ้าของมือแบบอึ้ง ๆ 

     เรโยนโลหะสีเงินนั้นลงพื้นโดยปราศจากท่าทีเจ็บปวดพร้อมแงะผมออกจากแขนอีกคนที่ล๊อคไว้ก่อนจะผลักเจ้านั่นล้มกลิ้งไปกับพื้น

     "มือมึง" ผมคว้ามือมันมาดูอย่างร้อนรน มันบ้าหรือเปล่ารับมีดด้วยมือเปล่าแบบนั้น แต่สิ่งที่เห็นกลับทำเอาผมนิ่งค้างเมื่อบาดแผลนั้นค่อยๆ สมานตัวจนหายไปเหลือเพียงหยาดเลือดที่เลอะบนมือ 

     ผมมองมันอย่างตื่นตระหนก แต่เรไม่สนใจกลับเชยคางผมขึ้น พลางมองสำรวจหน้าผมแล้วถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
"นี่ไม่ใช่เรื่องของมึง อย่าเสือกถ้าไม่อยากเจ็บตัวไปอีกคน" น๊อตประกาศกร้าวพร้อมเพื่อนๆ มันที่ตั้งท่าจะลุย แต่ร่างสูงตรงหน้าผมหาได้หวั่น อีกทั้งยังปรายตามองนิ่งๆ ความรู้สึกแบบวันแรกที่เจอกันแผ่ซ่านรอบตัวเร...ตายแน่พวกมันตายแน่ๆ ต้องโดนเรฆ่าแน่ๆ 

     "เรอย่า...ไม่" ผมรั้งแขนแกร่งนั่นไว้ก่อนส่ายหน้ายิกแต่กลับโดนสะบัดออกแล้วมันก็ผลักผมไปยืนข้างหลังมัน 

    "เชี่ยเร...กูขอร้อง อ๊ะ" ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่จนต้องเอามือกุมหัว มองของเหลวสีแดงที่อาบมือทำเอาสติเริ่มพร่าเลือน
ผมเสียเลือดมากไป พยายามฝืนทนมองภาพตรงหน้าแต่ไม่ไหวเพราะเริ่มยืนไม่อยู่แล้วครับ

      "มึงจะเอาใช่ไหม ได้" 

     ผลัก! โครม! ผมเห็นเพียงภาพเลือนลางว่าพวกน๊อตโดนเตะกลิ้งไปกับพื้นแล้วทุกอย่างก็หายไปพร้อมกับสติของผม ให้ตายสิเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งตัว

*ม.หก = มัธยมศึกษาปีที่ 6     
  ม.ปลาย = มัธยมศึกษาตอนปลาย


.............................................

https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2017 19:50:53 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โห แฟนใหม่โคตรพาล ไม่ฟังใครเลย หมาหมู่อีกต่างหาก น่ารังเกียจ แฟนตัวเองคุมไม่ได้ก็กลายร่างเป็นหมาบ้ากัดคนอื่นไปทั่ว
เรจัดหนักมันไปเลย (แต่อย่าถึงตายนะ) ให้รู้เสียบ้างว่าอย่ามาแหยม ไอ้พวกไม่ใช่ลูกผู้ชาย
พะแพงก็นะ ตัวเองมีแฟนแล้วยังมาจับมือถือแขนกับแฟนเก่า เลิกก็เลิกไปเลยสิ จะกลับมาพูดพิรี้พิไรทำไม สะใจไหมเป็นสาเหตุให้มีนเจ็บหนัก ถ้าเรไม่เข้ามานี่มีนมีโอกาสถึงตายเลยนะ โคตรเลวสมแล้วที่เป็นแฟนกันได้ หึ

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ตัวละครดูสุขุมขึ้นอะ  ดีๆ เราขอบแบบนี้มากกว่า ขอบคุณที่มาเขียนอีกรอบนะคะ :)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ต้นเหตุของเรื่องนี้คือพะแพง มันต้องโดนตบสั่งสอน :angry2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 4

     อึก! ปวดหัวชิบหาย ผมเอามือกุมหัวนิ่วหน้าอย่างทรมาน รับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของตัวเอง ผมพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงจ้าจนมองเห็นทุกอย่างรอบตัวชัดเจน ผมนอนเหยียดบนเตียงนุ่มในห้องนอนของใครซักคนตกแต่งด้วยโทนขาวดำให้ความรู้สึกโล่งสบาย เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแผลที่หัวก็ถูกทำให้เรียบร้อย ความรู้สึกตึงๆ ที่แผลบอกให้รู้ว่ามันถูกเย็บ

     "อ้าวตื่นแล้วหรอ" เรนเปิดประตูเข้ามาทักผม แยกไม่ยากเพราะหมอนี่ตาสีเขียวและถ้าเป็นพี่มันคงไม่ทักผมหรอก

     "อืม" 

    "ไง ขอกูดูหน่อยดิ เป็นไงบ้าง" มันว่าพร้อมนั่งลงข้างๆ แล้วจับหน้าผมบิดไปบิดมา นิ้วสากไล้เบาๆ ที่มุมปาก "เจ็บเปล่าวะ กูว่ามันดูช้ำกว่าเมื่อคืนอีก"

     "เจ็บโครต ว่าแต่กูมาที่นี่ได้ไงวะ" ผมว่าพลางปัดป้องมือไอ้เรนที่จับนั่นแตะนี่ไม่หยุด สกินชิฟกูตลอด "ไม่ลูบไม่ไล้ซักวันจะตายไหม"

    "ขาดใจตายแน่นอน พี่เรพามาเมื่อคืน บอกมึงมีเรื่องที่ร้าน ก่อนมามันพามึงไปหาหมอแล้วแต่เห็นว่าดึกแล้วเลยพากลับมาด้วย" ผมพยักหน้ารับ 

     "แล้วพวกไอ้น๊อตละ กูหมายถึงพวกที่มีเรื่องกับกูนะ เรมันคงไม่..."

     "สบายใจได้ ไม่ถึงตายหรอกแค่นอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล มึงห่วงตัวเองเถอะ ตัวร้อนๆ ด้วยกินยาลดไข้กันไว้ก่อน" ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าพวกมันจะโดนฆ่าตายไปซะแล้ว จำได้ว่าเรมาช่วยผม...แล้วมือมันละ ผมเห็นว่ามือมันโดนบาดแล้วก็...ผมเบิกตากว้างเมื่อนึกได้

     "มือไอ้เรเป็นไงมั่ง" ผมถามเสียงตื่น

     "ก็ไม่เป็นอะไรนิ" เรนทำหน้างง

    "แต่กูเห็นว่าแผลมันหายเองได้"

     "หลอนเปล่ามีน หัวโดนฟาดแถมเมาขนาดนั้น" 

     "แต่..."

    แกรก!เสียงเปิดประตูพร้อมกับเรที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว 

     "เรดูมือหน่อย" เรนบอกพี่มัน มือใหญ่แบออกสองข้างตรงหน้าผม "เห็นมะ มึงหลอน"

     "เออวะไม่เห็นมีแผลตรงไหน"  จะว่าไปตอนนั้นก็กรึ่ม ๆ อยู่นะ ไม่งั้นไม่ห้าวบวกกับพวกนั้นทั้งที่รู้ว่าตัวคนเดียวหรอก
เมื่อเห็นผมหายข้องใจเรมันเลยเดินไปแต่งตัว พอเห็นมันใส่ชุดนักศึกษาเลยนึกได้ว่ามันนี้กูมีเรียนนี่หว่า เหลือมองนาฬิกาเพิ่งแปดโมงเช้ายังทันเพราะเรียนบ่าย

      "มึงหิวไหม เดี๋ยวกูไปทำอะไรให้กิน ไปอาบน้ำรอก็ได้" คนน้องบอกก่อนลุกไปรื้อเอาผ้าขนหนูและชุดในตู้เสื้อผ้ามาให้ผมพร้อมกางเกงในตัวใหม่ที่ยังไม่แกะกล่อง 

     "ขอบใจ"

     "ใส่ของไอ้พี่เรไปก่อนนะ อาจจะตัวใหญ่ไปหน่อย เอ้อ! อาบในอ่างก็ได้นะ น้ำจะได้ไม่โดนแผลที่หัว กูไปทำข้าวเช้าละ"

     "นี่ห้องมึงหรอเร" มันพยักหน้า

     "แล้วเรนนอนไหน" มันชี้กำแพงน่าจะหมายถึงห้องข้างกัน นี่มาแย่งที่มันนอนเปล่าวะ 

     ผมคว้าเอาผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป ได้นอนแช่น้ำอุ่น ๆ ในอ่างช่วยให้อาการปวดตามตัวทุเลาลง ที่หอแม่งไม่มีอิจฉาวะ คอนโดพวกมันคงเป็นห้องชุดราคาแพงลิบไม่แปลกใจเพราะดูจากรถที่ใช้ แต่ฟินนานไม่ได้นี่ห้องชาวบ้านจึงรีบลากสังขารออกจากอ่างมาเช็ดตัวพร้อมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พอหยิบแว่นมาใส่ เหมือนเห็นรอยร้าวเล็ก ๆ ที่เลนด้านซ้าย  ได้เวลาเปลี่ยนของใหม่แล้วสินะ เสื้อแม่งตัวใหญ่ชิบหายดูสภาพตัวเองในกระจกอย่างกับเด็กโข่ง 

     เปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เจอกลับเรที่ยืนรอผมอยู่หน้าประตู ผมมองมันแบบงงๆ ก่อนที่จะถูกมันจูงให้เดินตามมาที่เตียงแล้วกดไหล่ผมนั่งลง กล่องพยาบาลถูกหยิบออกมาเปิดพร้อมอุปกรณ์ทำแผลที่ถูกรื้อมาออกมาวาง

     "กูทำเองได้" 

     "อยู่นิ่ง ๆ"มันว่าก่อนปัดมือผมออกจากอุปกรณ์เหล่านั้น 

     เรค่อย ๆ แกะผ้าก๊อตปิดแผลที่หัวออก ก่อนลงมือล้างแผลใส่ยา มือมันเบาจนนึกไม่ถึงเลยว่าเป็นมือเดียวกับที่ต่อยพวกน๊อตเมื่อวาน หน้ามันดูตั้งใจมาก 

    ได้มองใกล้ๆ แบบนี้ชวนให้รู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด ตามันสวยจัง สีน้ำเงินเข้ม ราวกับสายน้ำวนที่ดึงดูดให้ไม่อาจละไปทางอื่น มันดูนิ่งสงบและให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด

    ตึก ตึก...เสียงหัวใจผมเต้นดังอยู่ในอก เชี่ยกูไม่ใช่สาวน้อยนะเว้ย แล้วหน้าจะร้อนเพื่อ! 

    "ยิ้มเชี่ยอะไร!" ผมแขวะเมื่อเห็นริมฝีปากหนานั่นยกยิ้มบาง มันเลิกคิ้วกวนตีนก่อนจะหยิบเอายาแก้ฟกเช้ามาป้ายมุมปากผมเบา ๆ 

    "ข้าวเสร็จแล้ว" เรนโผล่หน้าเข้ามาในห้อง "อ้าวจะทายาเหรอ มาๆ กูช่วย"

    "เฮ้ย!!!!" ผมสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ เรนมานั่งข้างแล้วเลิกเสื้อผมขึ้นเผยให้เห็นรอยตีนที่หน้าท้องซึ่งโดนไอ้น๊อตถีบมา ผมเป็นคนขาวจัดและผิวบางโดนอะไรนิดหน่อยก็เป็นรอยเลยทำให้รอยถีบมันดูเขียวช้ำน่ากลัวเกินความจริง 

    "อย่าดิ้นน่าา พี่เรจัดการเลย" เอิ่ม...นี่จะทายาหรือทำอะไรกู เรบีบยาแก้ช้ำจากหลอด มือสากลากเนื้อครีมผ่านหน้าท้องแบนราบทำเอาผมสะท้านเฮือก ลมหายใจสะดุดจนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว 

     "เจ็บหรอ" เรนถามแล้ว มาพูดอะไรข้างหูเนี่ยขนลุก ส่วนพี่มันก็หยุดมือ ผมได้แต่ส่ายหน้ารัว ๆ

    "ขอบใจ" ผมบอก...เฮ้อ! เสร็จซักที 

     เราสามคนจบมื้อเช้าด้วยข้าวต้มกุ้ง เพิ่งรู้ว่าไอ้แฝดน้องทำอาหารอร่อยมาก ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนโดยผมมาที่คณะพร้อมแฝดพี่ 



     สภาพผมที่ก้าวลงจากรถเรียกเสียงกรีดร้องลั่นคณะของีเจ๊ดา เพื่อนในรุ่นโวยวายยกใหญ่ที่รู้ว่าผมโดนกระทืบ ถึงพวกมันจะชอบแกล้งแต่พวกมันก็รักผมมาก พวกมันประคบประหงมจนขนลุก ไอ้ก้องกับไอ้ภูผาแทบจะแบกขึ้นตึกถ้าผมไม่ห้ามไว้ก่อน...แค่โดนกระทืบไม่ได้พิการ

    ปัง! เสียงตบโต๊ะของเจ๊ดาดังลั่นโรงอาหารทันทีที่ผมเล่าเรื่องเมื่อคืนจบ เจ๊ดาลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะพร้อมถกแขนเสื้อพร้อมรบแต่โดนไอ้ก้องคว้าไว้ก่อน

    "เจ๊จะไปไหน" ผมร้องลั่น

    "ไปตบอีแพง บังอาจทำลูกรักกูเจ็บตัว"แม่คนที่สองประกาศกร้าว "มันเรียนศึกษาใช่ไหม หึม...มึงเจอกูแน่"

    "เหอๆ ใจเย็น" ไอ้กรพยายามห้าม

     "ใจเห็นห่าไรค่ะ แม่งทิ้งไอ้มีนไปมีแฟนใหม่ยังไม่พอ แฟนแม่งยังมากระทืบมันอีก ดูดิหน้าลูกสาวกูเสียโฉมหมด" ใครลูกสาวมึง!!!! กูแมน ผู้ชายทั้งแท่งลองได้

    "เอาเป็นว่าใจเย็นๆ นะเพราะพวกนั้นก็โดนพี่กระทืบเข้าโรงพยาบาลไปแล้วไง" เรนพยายามไกล่เกลี่ย หันไปขอกำลังเสริมซึงพี่มันก็พยักหน้ายืนยัน

     "เออ ก็ได้ แต่ถ้ามันออกโรงพยาบาลมา รบกวนสุดหล่อของเจ๊ไปกระทืบซ้ำอีกซักรอบก็ดีนะ" ผู้หญิงเวลาโกรธน่ากลัวจริงครับ แล้วมึงจะพยักหน้ารับทำไม
 
     "พอเลยมึงเดี๋ยวเข้าคุกหรอก" ผมร้องห้าม

     "ห่วงมันก็บอก" ไอ้กรล้อ

     "เปล่ากูกลัวโดนซัดทอด" บรรยากาศคุุกรุ่นเริ่มกลับมาดี พวกผมหยอกล้อกันตามปกติก่อนตัดสินใจแยกย้ายไปซื้อข้าว โดยเพื่อนผมมันอาสาไปซื้อข้าวให้พร้อมสั่งให้สองแฝดเรเรนนั่งเป็นบอดี้การ์ดอยู่ที่โต๊ะ เรียกสายตาเสียดแทงจากสาวๆ รอบตัวตัวได้เป็นอย่างดี

    ...อิจฉาน้องมีนละซี้...

    "มีน" คนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้เดินมาหาผมที่โต๊ะ "เราขอโทษนะเรื่องเมื่อคืน เพราะเรามีนเลยเจ็บตัว"

     "อืม พะแพงไม่ต้องขอโทษหรอก" ผมบอกพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่รักแล้วจะมาห่วงทำไมวะ

     "เรามีเรื่องอยากจะขอ" ผมหันมามองเธอ "อย่าเอาเรื่องพี่น๊อตได้ไหม เราหมายถึงอย่าแจ้งตำรวจนะ" เหอะ!...ที่แท้ก็ห่วงมัน
 
     "เราไม่แจ้งหรอก" ผมถอนหายใจหนักหน่วง ที่โดนเรกระทืบไปน่าจะพอแล้วละ

     "ขอบคุณนะ มีนเป็นคนดีจริง ๆ เราขอโทษที่โกหกมีน เรา..." เธอยิ้มดีใจและทำท่าจะจับมือผมแต่ผมชักมือหลบ 

     "ไปเถอะพะแพง เราไม่มีอะไรจะคุยกันแล้ว ต่างคนต่างอยู่นะ" ผมบอกเสียงเรียบตัดบท อดีตแฟนเหมือนจะรู้ตัวดีจึงยอมเดินจากไปเงียบ ๆ ท่ามกลางสายตาอยากรู้ของคนทั้งโรงอาหาร 

     พอเธอพ้นสายตาไปความเข้มแข็งเหมือนพังทลาย คบกันมาตั้งสองสามปีจะไม่ให้รู้สึกอะไรคงเป็นไปไม่ได้ 
ผมรู้คนเราต้องเคยอกหักแต่มันกลับรู้สึกแย่กว่าที่คิดเมื่อเราจบกันด้วยการทรยศ คำโกหกและเธอไปมีคนใหม่โดยไม่บอกกล่าว ผมพิงไหล่คนข้างกายอย่างหมดแรงอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เฮ้อ! 

     เรยังนั่งนิ่งให้ผมพิงพลางตบไหล่ผมเบา ๆ

     "โอ๋ๆ ไม่ร้องน้าาาา" เรนว่าพลางเอามือลูบหัวผมด้วย

     "ใครร้อง ไม่มีอะ ระดับนี้"

     "แต่ตามึงแดง หรืออยากให้กูกอดปลอบ มามะ ที่รัก" ว่าแล้วมันก็รวบผมเข้าไปกอดทันที ไม่กอดเปล่ามันหอมแก้มด้วย ข้าพเจ้าเหวอแดกเลยครับ มันทำท่าจะจูบผมนี่รีบเอามือยันหน้ามันไว้เลยครับ เล่นกับหมาหมาเลียปากชัด ๆ

     "เร ช่วยด้วยยยย น้องมึงจะปล้ำกู" ผมแหกปากลั่นโรงอาหาร ความเศร้าหายเป็นปลิดทิ้งเพราะต้องเอาตัวรอดจากมือปลาหมึกของเรนแทน



     อาทิตย์นี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า มันน่าเบื่อน่าเซ็งไม่มีอารมณ์จะทำอะไรจนรุ่นพี่ออกปากถามว่าไอ้แว่นเกรียนคนเดิมหายไปไหน พึ่งรู้นะว่าการที่คนอย่างมีนสงบปากสงบคำไปมันทำให้บรรยากาศหม่นหมองได้ขนาดนี้

     "กูคิดถึงมีน" เสียงเรนครวญคราง ถ้ามันไม่หล่อคงอุบาทว์์น่าดู

      ไอ้คนที่มึงกอดโยกไปโยกมาอยู่นี่ไม่ได้ชื่อมีนหรือไง ผมเริ่มชินกับอาการถึงเนื้อถึงตัวของมันแล้วครับ มันจะเป็นแบบนี้เฉพาะกับผมและพี่มัน เลิกเรียนบางวันมันก็มาขลุกอยู่กับกลุ่มผมจนแอบสงสัยว่าที่คณะไม่มีคนคบหรือไง

     "กูไม่ได้ชื่อมีนหรือไง"

     "ใช่มึงชื่อมีน แต่กูอยากได้ไอ้มีนกวนตีน ๆ คนเดิมกลับมา" มันยังงอแงไม่เลิก

     "เออ เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำหน้าเป็นหมาแดกแฟบซักทีวะ" เจ๊ดาบ่นบ้าง "เห็นหน้ามึงกินข้าวไม่อร่อยวะบอกตรง"

     "ก็มันเบื่อๆ นี่หว่าเจ๊ ข้อยก็ไม่อยากอกหักเปล่าวะ  เฮ้ยๆ พอๆ" ผมมุ่ยหน้า เอี้ยวตัวหลบเรนที่เริ่มระรานแก้มผม เดือดร้อนพี่มันต้องมาจับแยก "มึงเป็นเกย์หรือไง"

     "กูเป็นไบ" มันตอบชัดเจน "ถูกใจก็ได้หมด"

     "นี่มึงคงไม่ได้หวังเคลมเพื่อนกูใช่ไหม" ไอ้กรถามทำท่าสยองเต็มที่

     "ก็หวังอยู่ เพื่อนมึงน่ารัก ขอกูตอดหน่อยเถอะ" เชี่ยไปไกลๆ ตีน ผมยันร่างสูงนั้นออกห่างก่อนหลบไปลี้ภัยหลังพี่มัน ไม่รู้ว่าไอ้เรมันมองน้องด้วยสายตาแบบไหนอีกฝ่ายถึงกับถอยทัพ เรนเลยหันไปคุยเล่นกับพวกไอ้กรแทน

..............................................................

:katai3: :katai3: :katai3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2017 22:02:41 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 5


     "นวลอนงค์นอนดี ๆ ให้พี่ขี่ นอนดี ๆ พี่จะขี่นวลอนงค์ ถ้าไม่ดีพี่จะจับ...." ผมแหกปากร้องเพลงพร้อมดีดกีตาร์ แบบว่ามันกรึ่ม ๆ โดยมีไอ้กรคอยเคาะขวดเหล้าประกอบจังหวะ วันนี้รุ่นพี่ชวนก๊งกันหน้าตึกพร้อมปิ้งหมูเลี้ยงน้องในยามเย็น(แม้สถานศึกษาจะมีกฏห้ามนำแอลกอฮอลเข้ามาในบริเวณก็ตาม)

     ที่มีเรื่องกับไอน๊อตวันนั้นทำให้ทุกคนรู้ว่าผมร้องเพลงเก่ง จึงโดนพวกรุ่นพี่สั่งให้เป็นนัทนาการจำเป็นในค่ำคืนนี้ แรกเริ่มก็เพลงป๊อปเพราะๆ ซึ้งๆ พอดีกรีเริ่มมาก็เริ่มเป็นเพื่อชีวิตสุดท้ายจึงมาจบด้วยเพลงเกรียนดังนี้ เฮ้อผมชักจะสงสัยแล้วนะว่าบุพการีส่งมาร่ำเรียนหรือร่ำสุรา

     "มีน ๆ มึงลองนี่" พี่ตั้มกอดคอผมก่อนยื่นบ้องแสตนเลทให้ ผมมองบ้องกัญชาในมือรุ่นพี่ ควันจางๆ ทำเอาไอ คุก คุก คุก! เลย ถึงผมจะดูดบารากุแต่ระดับสโมกวีดขอบายได้ไหมกลัวตำรวจจับ

     "ไม่เอาอะพี่ ผมสายเมาไม่ใช่สายเขียว" ผมปฏิเสธพัลวัน ลิ้นรวน ๆ วะ แหงสิน้องมีนที่ใครก็รักโดนรุ่นพี่จับยัดทั้งเหล้าและเบียร์

     "กูอุส่ายำเพื่อมึงโดยเฉพาะเลย" พี่ตั้มยังดึงดันพร้อมเสียงเชียร์จากรุ่นพี่คนอื่น เหมือนแกจะทนไม่ไหวจับยัดปากผมจนเผลอสูดเข้าไปเต็มปลอด กลิ่นกัญชาฉุนกึกขึ้นสมองจนมึนเบลอ รู้สึกล่องลอยอย่างประหลาด...อา ฟิน ไม่ใช่แล้ว!

     "เฮ๊ย!!! มึงดูใครมา" ผมมองตามแรงสะกิดยิกๆ ของไอ้พี่ตั้ม 

     พี่ลูกแก้ว!...และแก้งนางฟ้ามาเหยียบคณะผมครับ พวกเธอแจกยิ้มหวานทำเอาหนุ่มๆ ในคณะผมตาพร่าไปเป็นแถบ เรียกสายตาหมั่นไส้จากเหล่าสตรีไร้คู่โดยรอบโดยเฉพาะเจ๊ดาที่หันไปซุบซิบกับก้องและภูผาอย่างออกรส

    "มึงๆ เขาเดินมาทางนี้วะ" เสียงพี่เก่งที่แอบปลื้มพี่ลูกแก้วร้อง แกนี่ละทำผมเดือดร้อนไปหาเบอร์มาให้ เขาเขย่าแขนเพื่อนยิกๆ หน้างี้ระรื่นเชียว แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อแม่นางนั่งลงข้างเรที่ยังดื่มเงียบ ๆ เหมือนไม่มีตัวตนอยู่นาน

     "ไง ไม่ติดต่อมาเลยนะเร" ดาวอักษรทักทายไอ้หล่อข้างผมแบบถึงเนื้อถึงตัวทำเอาทุกคนที่ล้อมวงอยู่นั่งอึ้ง...นางออกตัวแรงเว่อร์ "เอาเบอร์ไปก็ไม่โทรหา มีแต่ไอ้โรคจิตที่ไหนไม่รู้โทรมาได้ทุกวัน" พี่เก่งสะดุ้งเฮือก ไอ้โรคจิตที่ว่าคงไม่พ้นพี่แกแน่

     "ไอ้มีนมึงมานี่" คนโดนหาว่าโรคจิตคว้าคอผมมากระซิบกระซาบ "บอกมาซะดีๆ ตอนขอเบอร์มึงทำยังไง"

     "เอ่อพี่"
 
     "บอกมาเดี๋ยวนี้ไอ้น้องเวร" เสียงเข้มรอดไรฟันทำเอาผมขนลุกซู่

     "ผมลากไอ้เรไปด้วย แล้วบอกว่ามันเป็นคนอยากได้ โอ๊ย! พี่" พูดจบเฮียแกส่งกำปั้นกระแทกต้นแขนผมทันที...แง 
"ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้"

     "ก็วิธีนี้มันได้ง่ายที่สุดนี่ แล้วพี่ก็ไม่ได้บอกด้วยว่าให้ขอแบบไหน โอ๊ย!! พี่พอแล้ว ข้อยเจ็บนะเนี่ย" ผมโอดโอย ก่อนจะหันไปสนใจแม่นางฟ้าที่ยังรุกเพื่อนผมไม่เลิก

     "พี่ลูกแก้วจำผมได้ไหม" ผมเอ่ยทัก ช่วยพักยกให้เรที่ยังคงนิ่งเฉยแต่ส่งสายตาเชือดเฉือนมาให้ เดาว่ามันคงรำคาญแค่ขี้เกียจพูด

     "อ้อเรานี่เอง เพื่อนเรานะแย่มากเลย เอาเบอร์พี่ไปก็ไม่โทรหา" เธอตัดพ้อ ดูท่าดาวอักษรคนนี้จะชอบเรจริงจัง

     "เอ่อพี่ มันเป็นคนพูดน้อย บางทีที่มันไม่โทรอาจเพราะมันไม่รู้จะพูดอะไรละมั้งครับ" ผมแก้ตัวให้ ไอ้เรมองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจพี่ลูกแก้วที่ตอนนี้แทบจะขึ้นมาเกยบนตักมัน 

     เฮ้ย! ไอ้เรมึงก็ปฏิเสธเขามั่ง ไม่ใช่นั่งให้เขาเอานมไถอยู่แบบนั้น หรือมึงชอบวะ ผมเลิกมองมัน อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทนเธอเร้าได้ซักแค่ไหน

     "แล้วพี่คนสวยละครับ มาหาใคร หรือว่าคิดถึงผม" ผมหันไปทักเพื่อนที่มากับพี่ลูกแก้วแทน

     "เพ้ออะไรค่ะน้อง ที่จริงหน้าตาน้องก็โอเคแหละ แต่แห้งๆ แว่นๆ บอกเลยไม่ใช่เสปกค่ะ" แรง! เพื่อนพี่ลูกแก้วคนนี้ยังคงแขวะได้เจ็บแสบดังเดิม
 
     "คนสวยใจร้าย"

     "แล้วนี่อะไรค่ะ ถือกีตาร์เล่นเป็นด้วยเหรอ พี่ละก็นึกว่าเราจะเป็นโอตาคุเสียอีก" ยาวไปเลยครับกับคำเสียดแทง ถึงพี่จะสวย แต่ปากแบบนี้ระวังจะไม่มีผัวนะครับ ก็ได้แต่เถียงในใจ

     "หวังว่าตอนร้องเสียงคงไม่เหมือนสัตว์กินพืชออกลูกหรอกนะค่ะ" เหอๆ ทำไมต้องหาว่าผมเป็นกระต่ายด้วยวะ

     "มึงทำหน้าหมาหงอยอีกทำไมวะ" เจ๊ดาว่าก่อนจับแก้มผมยืด "ยิ้มสิยิ้ม เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย" ผมยิ้มหวานให้มันทั้งที่ยังมึนเพราะกัญชาที่พี่ตั้มจับยัด ฤทธิ์ของมันทำให้ลึกถึงอารมณ์ไปซะหมด สุขก็สุขเกิน เศร้าก็เศร้าเกิน

     "น้องไม่เล่นต่อแล้วเหรอค่ะ" พี่ลูกแก้วละความสนใจจากเรมามองกีต้าร์ในมือผมแล้วเอ่ยทัก เพิ่งเห็นเหรอว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้
"เออ เล่นต่อ ๆ ขอเพลงเจ็บๆ มาเมาให้ลืมเธอ พวกมึงชน" พี่เก่งหันมาบอก ก่อนชนแก้วกับเพื่อนต่อ

     เคร้ง!

     ผมมองเรที่ก้มกระซิบบางอย่างกับพี่ลูกแก้วทำเอาเธอหน้าแดงจัด สีหน้าทั้งเขินทั้งโกรธก่อนใบหน้าสวยจะพยักหงึกหงักแล้วเพื่อนผมก็ลุกเดินนำออกไปโดยมีสาวเจ้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไป...หึ! 

     ขนาดมึง ได้หญิงแล้วยังทิ้งกูเลย...ว่าแล้วก็คว้าแก้วมากรึ๊บ ก่อนจรดนิ้วเรียวจับคอร์ดกีตาร์แล้วเริ่มบรรเลงทั้งที่ยังมึน
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมน้าแอดชอบดูดเนื้อ มันทำให้อารมณ์ศิลปินบรรเจิดแบบนี้นี่เอง ในหัวสมองผมล่องลอย ริมฝีปากก็ขับกล่อมบทเพลงไปเรื่อยๆ 

     ขอเพลงมาเหรอ เหอะ กูไม่ร้อง กูจะร้องตามใจ กูเซ็ง กูเศร้า กูเหงา กูอยากเกรียน สารพัดสิ่งมึนเมาเริ่มออกฤทธิ์หนักเกินต้านทาน จำได้ลาง ๆ ว่าเมาหัวทิ่มจนต้องเลื้อยลงไปหนุนตักเจ๊ดาา!? นอนเพ้อเอาหน้าซุกนมมัน!? ให้มันปลอบมันโอ๋จนหลับไปในที่สุด



     ผมสะดุ้งตื่นพบว่าตัวเองอยู่บนรถของเรซึ่งจอดนิ่งอยู่ข้างทาง เจ้าของมันกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่หลังพวกมาลัยก่อนเงยหน้าขึ้นมองผมที่เพิ่งตื่น มองดูนาฬิกาหน้ารถตีสามแล้วครับ 

     "รออยู่นี่" มันว่าพลางเอื้อมมือดึงเก๊ะหน้ารถแล้วหยิบปืนออกมาก่อนลงรถไป 

     ปืน!!! มันพกปืนมาด้วย 

     ผมพยายามตั้งสติที่ยังมึนเบลอก่อนหยิบเอกสารที่มันทิ้งไว้มาดู เป็นภาษาอังกฤษล้วน ในนั้นมีหน้าของชายฉกรรจ์นายหนึ่ง พร้อมชื่อและรายละเอียดต่าง ๆ เมื่อรวมเหตุการครั้งแรกที่เจอกันหรือว่ามันจะเป็นพวกนักฆ่ารับจ้าง

     เรือหายแล้วไง...ดันมารู้อะไรแบบนี้ สิ่งที่เรนบอกวันเเรกแล่นเข้ามาในหัว ถ้าปากโป้งผมตาย หนีกลับไปตอนเรียนก็ต้องเจอกันอยู่ดี ไม่มีทางเลือกแฮะ 

     งั้น...ทำเหมือนไม่รู้ก็แล้วกัน

     พอนั่งว่างเลยไลน์คุยกับพวกในกลุ่ม ได้ความว่าผมเมาหลับพวกมันเลยวานให้เรมาส่ง ระหว่างรอก็เช็คเฟชหน่อยดีกว่า...ตามคาด ตอนผมเมาพวกเพื่อนมันอัดคลิปมาแท็กหน้าเฟชเรียบร้อย

     ...กูเป็นผิดหรอวะที่เป็นแบบนี้ งือกูไม่ได้แห้งนะกูแค่ผอม มึง ใคร ๆ ก็ไม่รักกู แง พะแพงแม่งทิ้งกู กูมันไม่หล่อ ไม่รวย ค...ยไม่ใหญ่...สารพัดจะเพ้ออกมา เอาเถอะ สภาพผมมันก็ไม่ได้อุบาทว์อะไรมาก(มั้ง) นั่งอ่านคอมเมนท์ถึงกับขำ 

     ...ลูกสาวอกหักมาซบอกแม่...เจ๊ดา...ให้บอกกี่ทีกูเป็นลูกชายยย

     ...ไอ้ลูกแหง่ หญิงไม่เอาก็หาผัวสิ...ไอ้ก้อง แนะนำได้เชี่ยมาก

     ...เมาไม่กลัวโดนลากไปเคลมเลยนะสัด...ไอ้ภูผา และคอมเม้นอื่น ๆ อีกมากมายจากเพื่อนและรุ่นพี่ ยอดไลค์นี่หลักพันพอกับเน็ตไอดอล ว่าไปนั่น!!!!

     นั่งรอมันเกือบชั่วโมงเริ่มจะเบื่อ มันไปจัดการเขาหรือโดนเขาจัดการวะ ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนตัดสินใจออกจากรถไปตามหามัน นี่ก็บ้าทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาทำอะไร 

     ผมเดินเข้าไปในซอยที่อยู่ใกล้ ๆ จำได้ว่าเรมาทางนี้ มืดก็มืด มีแค่แสงจันทร์ส่องทางให้เห็นลาง ๆ เดินเหยียบงูทำไงเนี่ย เงียบจนเสียวสันหลัง หวังว่าผีคงไม่โผล่มาตอนนี้นะครับ ยังไม่ใกล้หวยออกไม่ได้ต้องการเลขเด็ด แถมเวลานี้เขาก็ปิดบ้านนอนกันหมดแล้ว 

     ...แม่งไปไหนของมันวะ...

     ผมพยายามกวาดตามองรอบตัว เห็นแสงจากเสาไฟฟ้าอยู่ลิบ ๆ จึงมุ่งตรงเข้าไปหาตรงที่ไฟส่องสว่างแต่สิ่งที่เห็นบนพื้นพาให้ร้อนใจขึ้นมาทันที

     เลือด!!! หรือว่าเป็นของเร หายไปนานขนาดนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ ผมสาวเท้าตามหยดเลือดนั้น ปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นยิ่งทำให้ร้อนรนจากเดินเปลี่ยนเป็นวิ่ง วิ่งไปเรื่อย ๆ จนไปถึงสะพานสูงข้ามคลองที่อยู่สุดซอย 

     "เฮ้ย!!!" ใครบางคนล๊อคคอผมจากด้านหลังก่อนลากถูลู่ถูกังขึ้นไปบนสะพาน มันจับหัวผมกดลงลำตัวครึ่งบนพาดราวสะพานอย่างน่าหวาดเสียว

     ผมพยายามจะหันมองว่าเป็นใครแต่มือแกร่งกับออกแรงบีบต้นคอผมแน่นจนเจ็บร้าว สะพานถึงจะไม่สูงมาก แต่ลำคลองที่แห้งผากเบื้องล่างหากตกลงผิดท่ามีหวังคอหักตาย กลิ่นเลือดคละคลุ้งลอยแตะจมูก และมันยังคงไหลออกจากท้องคนที่ล๊อคคอผม

     "อย่าเข้ามาถ้าไม่อยากให้เด็กนี่ตาย!!!" เสียงแหบแห้งตวาด มือที่ล๊อคผมไว้สั่นเกร็ง ผมพยายามฝืนมองผู้มาใหม่ที่ก้าวเท้าเข้ามาอย่างใจเย็น
 
     เร!!! โล่งอกไปทีที่มันไม่เป็นอะไร แต่ดูเหมือนว่างานนี้ผมจะกลายมาเป็นตัวถ่วงซะแล้ว

     "เชี่ย!!! เจ็บ ปล่อยดิสัด" ผมโวยวาย ดิ้นรนจนมันโมโหเตะข้อพับผมจนเข่าทรุด "โอ๊ย!!!"

    "หุบปากไอ้มนุษย์โสโครกก่อนที่กูจะสงเคราะห์ให้มึงไปยมโลก" มันหันมาตะคอกเอาซะหูอื้อไปเลยครับ อ่าวแล้วมึงไม่ใช่มนุษย์หรอ งง

     "กูไม่ยอมให้มึงจับง่าย ๆ หรอก ใครมันจะโง่ไปนอนในคุกซังกะตายแบบนั้น เลือกเอาแล้วกันระหว่างกูกับมัน" คราวนี้มันปล่อยคอผมแล้ว จึงได้เห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน ดวงตาสีอำพันกับเขี้ยวยาว ๆ ใบหน้าที่เปราะะเปื้อนไปด้วยเลือดนั่นกำลังแสยะยิ้มให้ผม นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย หรือว่าจะเป็นปีศาจ

     ร่างของผมถูกมันจับโยนลงจากสะพาน พลันให้ท้องไส้ปั่นป่วนจนแทบอาเจียน ...ตาของผมเบิกกว้างมองพื้นดินแห้งผากที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ตาย ๆ!!! กูตายแน่ 

     หมับ!!! ก่อนที่น้องมีนจะได้จูบธรณี ก็ถูกแขนแกร่งสอดรั้งร่างไว้ได้ทัน เรใช้ปีกสีดำโบยบินพาเราทั้งคู่ลงจอดตรงตีนสะพานอย่างสวยงาม

     ...เกือบไปแล้วไหมแต่เอ๊ะ ปีก...เรมีปีก 

     "มึง ๆ ๆ" ผมมองมันตาโต จะพูดแต่ละคำเจ็บร้าวไปทั้งคอ แม่งเอ้ย!!! มันกะหักให้ตายคามือเลยหรือไง ไอ้บ้านั่นเตะข้อพับผมซะเคล็ดจะยืนยังลำบากเลย ตั้งหลักได้ผมจึงเงยหน้ามองเรเต็มตา ท่อนบนเปลือยเปล่าและที่หลังของมันคือปีกซึ่งปกคลุมไปด้วยขนนกสีดำขนาดใหญ่ ผมมั่นใจว่าไม่ได้หลอนไปเอง

      เรไม่ใช่มนุษย์ความจริงข้อนี้ทำให้สองเท้าถอยห่างจากร่างสูงโดยอัตโนมัติ ดวงตาสีน้ำเงินที่มองมาคุกรุ่นด้วยอารมณ์ชวนให้หวาดหวั่น มันกำลังไม่พอใจ ถึงไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องอะไรแต่ผมทำเรพลาดบางอย่างแน่นอน 

     "มึง มึง...ไม่ใช่คน?" 

     "ก็เห็นแล้วนี่" แต่ก่อนจะถอยห่างมันไปมากกว่านี้ ผมก็ถูกกเรดึงมาใกล้และล๊อคเอวไว้ด้วยสองแขน 

     "เหวอออออ"

      "ไม่ทำอะไรหรอกน่า" ปีกของเรหายไปตอนไหนก็ไม่ทันสังเกตุ พอไม่มีมันคนตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดา

     "เอ่อ...คือ เห็นมึงออกมานาน ไม่กลับมาซักที กูกลัวเป็นอะไรเลยออกมาตาม กูเดินมาเห็นกองเลือดยิ่งตกใจ รีบตามหามึงเพราะกูคิดว่านั่นเป็นเลือดมึง แต่ดันมาเจอมันก่อน ถึงจะไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไร แต่กูจะไม่บอกใคร สัญญาจะเงียบไว้ กู..."

     เรเอามือปิดปากผมไว้พร้อมมองดุ ๆ เจอแบบนี้ถึงกับหงอยสิครับ ผมก้มมองมือตัวเองที่กำเสื้อมันแน่นอยู่แบบนั้นจนได้ยินเสียงถอนหายใจ เรแกะมือผมออกช้า ๆ หรือมันรำคาญผม ทำไมต้องรู้สึกแย่ไม่เข้าใจ

     ร่างสูงยังคงเงียบก่อนหันหลังเดินจากไปส่วนผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนกับสิ่งที่พึ่งเกิด 

      ผมสะดุ้งเมื่อมันหันกลับมาจับมือผมก่อนออกแรงจูงให้เดินตาม ตลอดทางเราต่างคนต่างเงียบ แม้มีคำถามในใจมากมายแต่ก็เลือกที่จะเงียบเพราะเดาว่าเรคงไม่ตอบ เรไม่ได้ไปส่งผมที่หอครับแต่ขับไปคอนโดมันแทน วันนี้ผมคงได้แย่งที่นอนมันอีกแน่


 
     "อ้าวมีน มาไงวะ" เรนออกมารับแขกทันทีที่ไปถึง "แล้วทำไมสภาพเป็นแบบนี้" มันถามตาตื่นก่อนเข้ามาสำรวจผมใกล้ ๆ แทบจะสิง

     "โดนตีนมานิดหน่อย" ผมหัวเราะแหะ ๆ เรนหันไปมองหน้าพี่มัน ดวงตาสีเขียวที่มักสดใสเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

     "รู้ว่าตัวเองต้องออกล่าแล้วทำไมไม่ไปส่งมีนให้เรียบร้อย" คนน้องว่าเสียงห้วน "ทำไมต้องเอามีนไปเสี่ยงด้วยวะ ดูสิคอมันช้ำขนาดนี้ ออกแรงมากกว่านี้คงคอหักตาย มันเป็นมนุษย์นะ โดนฆ่าตายจะทำยังไง" 

      สองพี่น้องยังคงมองกันนิ่งบรรยากาศมาคุชวนให้อึดอัด ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดที่พี่กับน้องมันต้องมาเคืองกันแบบนี้แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็เป็นเรที่ยอมอ่อนให้ มันเบือนหน้าหนีแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปเงียบ ๆ 

      เฮ้อ...ก่อเรื่องซะแล้วกู

     "เรน มึงใจเย็นก่อนนะ" ผมบอกคนน้องที่ยังยืนข้างตัว "พี่มึงคงไม่ตั้งใจหรอก มันก็ช่วยกูนะเว้ย" นัยน์ตาสีเขียวหลุบต่ำดูสลด เหมือนพึ่งนึกได้ว่าขึ้นเสียงใส่พี่ตัวเอง

     "ก็แค่โมโหที่เห็นมึงเจ็บ" มันบอกเสียงแผ่ว 

     "กูโอเค ไว้อารมณ์เย็น ๆ ก็ขอโทษพี่มึงซะ" ผมตบบ่ามันเบาๆ

     "เห็นแล้วสินะ เรื่องที่พวกกูไม่ใช่มนุษย์" 

     "อืม กูอยากรู้ คือตอนนี้งงไปหมดแล้ว" เรนจับมือทั้งสองข้างผมมากุมไว้ ดวงตามรกตเต็มไปด้วยความกังวล

     "ก็ได้ แต่รับปากนะว่าจะไม่รังเกียจพวกกูอะ" ผมพยักหน้ารับ มีอะไรให้ผมรังเกียจ เท่าที่รู้จักกันมาพวกมันไม่ใช่คนเลวซักหน่อย อย่างน้อยไอ้เรมันก็ช่วยผมวันนี้

     "พวกกูเป็นอมนุษย์ พวกปีศาจ ภูติผีอะไรทำนองนั้นแล้วแต่คนจะเรียก" มันเกริ่น ของแบบนี้มีอยู่บนโลกด้วยเหรอ นึกว่ามีแต่ในการ์ตูนเสียอีก

     "มีน" เรนเขย่าแขนผม "มึง...ไม่ได้กลัวกูใช่ไหม อย่ากลัวกูนะ พวกกูไม่มีอะไรหรอก" เสียงไอ้เรนดูเศร้ามาก จะว่าไปพวกมันก็ดูไม่ต่างจากมนุษย์เลยนี่ ไม่มีเขี้ยว ไม่มีเขางอกหรือหน้าตาน่าเกลียด แถมหล่อสัดจนสาวหันตามคอแทบหัก

     "เปล่า...คือแบบมัน เป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก นอกจากมึงกับพี่ มีคนอื่นอีกไหม"

      "มีเยอะแยะ หลากหลายเผ่าพันธุ์ บางพวกก็อยู่ในที่ของเขา บางพวกก็อาศัยปะปนและใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา อย่างกูกับเร ต้องเรียนต้องทำงาน หาเงินเหมือน ๆ กัน" ผมพยักหน้าเข้าใจ โลกใบนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะเลยนี่ "แต่มันก็มีนะพวกที่ล่ามนุษย์ พวกกูเลยต้องมีกฎไง มีสภากลาง*คอยควบคุม อืม....ก็เหมือนตำรวจแหละ ถ้ามึงทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ แบบวันแรกที่เราเจอกันไง ไอ้คนที่เรฆ่าทิ้ง หมอนั่นเป็นฆาตกร เลยถูกสั่งเก็บ นั่นคืองานของพวกกู"

    *(สภากลาง : Security Council of Eternal Clan หรือ สภากลางเป็นองค์กรที่คอยควบคุมดูและดูแลอมนุษย์ ให้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้อย่างสงบสุข มีสาขาย่อยทั่วโลก สาขาใหญ่ตั้งอยู่ในอเมริกาและสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งอยู่ในไทย)

     "อย่างคนที่จับกูวันนี้ละ"

     "อ่อ นั่นเป็นเป้าหมายล่าสุดที่เรต้องจัดการลากเข้าคุกนะ"

     "ฟังดูสุดยอดไปเลย" ผมร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อคิดตาม อย่างกับแวนเฮลซิ่ง ที่ตัวเอกคอยปราบปีศาจร้าย "แล้วมึงกับเรเป็นเผ่าพันธุ์ไหนวะ"

    "ก็เรเวน* เอิ่ม...แบบในตำนานไทยก็พวก ปักษา กินร กินรี อะไรพวกนี้" นัยน์ตาสีเขียวพราวระยับดูมีความสุขที่ผมสนใจในตัวตนของมัน "จริง ๆ พวกกูบินได้นะ มีปีกแบบนี้" ว่าแล้วมันก็ถอดเสื้อออกก่อนปีกนกสีดำจะค่อย ๆ สยายออกต่อหน้าผม 

     (*Raven เป็นชื่อสามัญของนกจำพวกหนึ่ง ในวงศ์นกกา มีขนาดตัวใหญ่กว่านกกา)

     "ของจริงเหรอเนี่ย"  ผมมองมันไม่วางตาเผลอเอื้อมมือไปสัมผัสขนนุ่มสีดำอย่างลืมตัว 

     "เท่ใช่ไหมละ" มันยิ้มกว้างก่อนปีกของมันจะหดกลับและหายไป "เอาเป็นว่าช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะ" ผมพยักหน้ารับ ที่จริงมันก็ไม่ใช่อะไรที่จะเอาไปป่าวประกาศหรอกนะ พูดไปคนจะหาว่าผมบ้ามากกว่า 

     "ยิ้มอะไรอีก" ผมถามเสียงห้วนเมื่อเรนเอาแต่มองหน้าผมแล้วยิ้มค้างอยู่แบบนั้น

     "ก็แค่คิดว่า มึงนี่น่ารักจังน้าาา"

     "ชมผู้ชายว่าน่ารัก ใช่เหรอ" แล้วผมจะประหม่าทำไมเนี่ย 

     "เขินละซี้้" เรนว่าพร้อมเอานิ้วจิ้มแก้มผมจึก  ๆ เลยหันไปแยกเขี้ยวใส่มัน "ไม่ง่วงหรือไง คืนนี้นอนห้องกูนะ"

     "นอนห้องมึงนี่ ปลอดภัยใช่ไหม"

     "แน่น้อนนนน" แหม...เสียงสูงเชียว "ไปอาบน้ำไปเดี๋ยวหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน"

     "นอนโซฟาได้นะ"

      "ห้องกูนั่นแหละ สาบานว่าจะไม่ลวนลาม" มันว่าพร้อมดันหลังผมเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูให้เสร็จสรรพ

..............................................................

:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ว้าวดีจัง รีไรท์ด้วย

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
ว้าวดีจัง รีไรท์ด้วย
  คิดถึงจัง เหมือนไม่เจอกันนาน  :กอด1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 6

     เรไม่มาเรียน!!! ตั้งแต่เกิดเรื่องมันก็ยังไม่โผล่หัวมาเลย เว้นแต่ไอ้เรนที่โผล่หัวมาบ้างบางวัน ถามก็ไม่บอก นี่ก็วันศุกร์แล้วสงสัยอาทิตย์นี้คงไม่ได้เจอ
 
     หรือว่ามันโกรธผม!...มันอาจไปทำงานนอกสถานที่หรือเยี่ยมญาติต่างจังหวัดก็ได้ วันจันทร์คงมาเรียนแหละ 

     แล้วถ้ามันไม่มาละ?!!!...ก็ไม่มาไงวะไอ้มีน แล้วกูจะคิดมากเรื่องมันทำไมวะ หงุดหงิดแล้วพาลมาลงงาน เผลอละเลงพู่กันลงผ้าใบจากที่เพนท์เรียลลิสติกกลายเป็นงานอิมเพลสชั่นไปแล้ว เพราะมึงเลยไอ้เร 

     "หน้ายุ่ง ๆ" ไอ้กรชะโงกหน้ามามองงานผมแล้วหันมาจ้องผม "หงุดหงิดอะไรวะ ละเลงงานซะเละ แต่สวยดีได้อารมณ์ไปอีกแบบ"

     "จะหงุดหงิดอะไรได้ คิดถึงเรละสิ" รู้ได้ไงว่าผมคิดเรื่องมันอยู่ แต่เฮ้ย!...ใครจะไปคิดถึงไอ้ท่อนไม้นั่น แค่ชินกับการที่มันอยู่ข้างๆ เหมือนเงาก็แค่นั้น เจ๊ดาล๊อคคอผมไว้จากด้านหลัง 

     "ไรอะเจ๊"

     "มันไม่ได้บอกมึงเลยเหรอว่าไปไหน"

     "เหมือนมันเป็นคนชอบพูด" ผมย้อน 

     "เออวะ" ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

     "โทรไปยัง"

     "ทั้งโททั้งไลน์เลย มันไม่ตอบ" ล่าสุดผมโทรหามันเมื่อคืนแต่โทรไม่ติด หรือมันจะปิดเครื่องหนี

     "เคยไปคอนโดมันนิ" เจ๊ดาถาม

     "ก็เคย ทำไมวะ" 

     "ไปดูมันหน่อย เผื่อมันไม่สบาย ยังไงก็เพื่อนนะเว้ย กูห่วงมัน" ผมได้แต่เงียบไม่คิดว่าเรเวนจะป่วยได้หรอกครับ

     "มันอาจไปธุระก็ได้ เดี๋ยววันจันทร์ก็มาเองแหละ" เหมือนปลอบใจตัวเองแฮะ "อีกอย่าง น้องมันก็อยู่ด้วยกันไม่เป็นไรหรอก" พวกเพื่อนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะตบบ่าผมเบา ๆ แล้วแยกย้ายไปทำงานต่อ

     เลิกเรียนผมเดินเท้าออกจากตึกอย่างช้าๆ ไม่ได้ถ่วงเวลารอใครเล้ยย!!!! รถมอไซต์ผมเกินเยียวยาแล้วครับเลยขายเป็นเศษเหล็กให้ร้านซ่อมไป ดีหน่อยที่หอผมอยู่ซอยตรงข้ามมหา'ลัย

     "น้องๆ" ผมหันตามเสียงเรียก "ชื่อมีนใช่ไหม"

     "ครับพี่" พี่ที่คณะนี่หว่า น่าจะปีสอง ผมจำเขาได้ค่อนข้างแม่นส่วนหนึ่งเพราะใบหน้าที่เรียกว่าดีจัด ที่เด่นสุดๆ คงเป็นนัยน์ตาสีเทาคู่นั้นละมั้ง

     "เป็นเพื่อนเรใช่ไหม" ผมพยักหน้ารับ พี่แกจึงยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผม "มีคนฝากนี่ให้เร"

     "เอ่อ อาทิตย์นี้มันไม่มาเรียนเลยพี่"

     "อ่าวหรอ แปปนะ" ว่าแล้วพี่แกก็กดโทรศัพท์หาใครซักคน

     "ฮัลโหล เรไม่มาเรียน จะเอายังไง...ก็เอาไปให้เรนสิ...หา!!! ขี้เกียจ!!! หลานนายนะ ก็ตามเรื่องเองดิวะ...ผัวเชี่ย" คำว่าผัวทำเอาผมสะดุ้ง ผู้ชายหน้าตาดีกินกันเองหมดแล้วสินะ "เออ เออ งั้นฝากน้องมันไว้ก่อนก็ได้ อืมๆ เดี๋ยวบอกให้..."

     "น้องมีนครับ" พอวางสายพี่แกก็หันกลับมาสนใจผม
 
     "ว่าไงครับพี่"
 
     "พี่ฝากไว้ที่น้องก็แล้วกัน มันมาก็เอาให้มันด้วย" ซองสีน้ำตาลถูกยัดใส่มือเรียบร้อย

     "เรื่องด่วนไหมพี่" ผมมองซองที่ปิดสนิทในมือ บรรยากาศแปลกๆ รอบพี่เขาทำให้เดาได้ลางๆ ว่าอาจไม่ใช่มนุษย์

     "ที่จริง ก็รีบแหละ แต่ไว้เจอค่อยให้ก็ได้ เอ่อ...แล้วฝากบอก ว่าอาชวนกินข้าวที่บ้านอาทิตย์หน้ามีเรื่องจะคุย ลากเรนมาด้วย" อางั้นหรอ แสดงว่าพี่คนนี้ก็เป็นอมนุษย์จริงๆ สินะ

     "เดี๋ยวผมจัดการให้พี่"

     "ขอบใจนะ เห็นมันมีเพื่อนแบบนี้ก็เบาใจแหละ เอ้อ พี่ชื่อโยนะ มีอะไรอยากรู้หรือไอ้สองแฝดมันก่อเรื่องก็บอกพี่ได้ แล้วเจอกันนะน้อง" ผมมองตามพี่โยจนลับตา ไอ้พวกอมนุษย์นี่มันหน้าตาดีทุกคนเลยเปล่าวะ ผมมองเอกสารในมืออยู่พักใหญ่ เอาไปให้มันที่คอนโดจะได้ไปดูให้รู้เรื่องดีกว่าคาใจอยู่แบบนี้



     ก๊อกๆ เงียบสนิท สงสัยจะไม่อยู่ ผมเคาะประตูห้องซ้ำดูอีกทีทุกอย่างยังคงเดิม สงสัยไม่มีคนจึงตัดสินใจหันหลังกลับแต่ยังไม่ทันได้เดินประตูห้องถูกเปิดพรวดพร้อมกับไอ้แฝดน้องที่ลากผมเข้าห้องปิดประตูเสร็จสรรพ มันยิ้มทักทาย
 
     "ไงมีน" 

     "หวัดดีมึง กูนึกว่าไม่มีคนอยู่"

     "โทษทีเมื่อกี้หลับ แล้วมีธุระอะไร" ผมดึงซองเอกสารสีน้ำตาลยื่นให้มันก่อนเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟามันอย่างถือวิสาสะ

     "มีคนฝากมาให้พี่มึง เอ่อ เป็นรุ่นพี่ที่คณะ ชื่อโย บอกอาฝากมา" ผมบอก "เป็นพวกเดียวกับมึงเปล่าววะ"

     "ใช่ แต่คนนี้พิเศษหน่อยเป็นแวมไพร์เลือดผสมนะแล้วก็เป็นแฟนกับอากูด้วย" เรนบอกท่าทางตื่นเต้นพอตัว "คือ พวกเราเวลาพ่อแม่คนละพันธุ์ ลูกจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่พี่คนนี้เป็นลูกครึ่ง แถมสายเลือดแวมไพร์พี่แกแข็งแกร่งสุด ๆ"

     "อ่าว อมนุษย์นี่เก่งไม่เท่ากันหรือไง" ผมถามอย่างสนใจ ฟังดูน่าสนุกดีจัง

     "ก็เหมือนมนุษย์แหละมีชนชั้นปกครอง พวกกูก็มีสามตระกูลใหญ่ ท่าให้เทียบระดับคงเหมือนพวกเชื้อเจ้าอะไรประมาณนั้นแต่พี่โยมันเจ๋งตรงที่ความเป็นลูกผสมทำให้ไม่แพ้เงินหรือน้ำมนต์ที่แม่งศักดิ์สิทธิ์โครตๆ แบบพวกกู กูหมายถึงน้ำมนต์ที่ปลุกเสกมาถูกต้องจริงๆไม่ใช่น้ำมนต์ของขลังปาหี่ตามสำนักหรือตามวัดที่มึงเห็นหรอกนะ" โอ้ววววว....มันช่างล้ำลึกยิ่งนัก   

     "แต่อาเจ๋งสุดเพราะท่านเป็นแวมไพร์เลือดแท้จากสามตระกูลใหญ่ เก่งทุกอย่าง คนที่สอนกูกับพี่เรมาก็ท่านอานั่นแหละ" ผมว่ามันคงรักและเคารพอามาก ดูจากอาการชื่นชมบูชาของมัน

     "แต่ทำไมอามึงเป็นแวมไพร์วะ"

     "ก็ จริง ๆ แล้วพวกกูไม่มีพ่อแม่หรอก ตายหมดแล้ว ท่านพ่อซึ่งสนิทกับพ่อแม่แท้ๆ เลยรับพวกกูมาเลี้ยง" ดวงตาสีเขียวสลดลงก่อนเจ้าตัวจะเงียบไปพักใหญ่่

      "เฮ้ย! บางอย่างไม่ต้องเล่าก็ได้นะ ถ้าไม่สบายใจ" ผมตบบ่ามันแปะๆ

      "กูก็แค่อยากเล่าเรื่องของกูให้ใครฟังบ้างนอกจากที่บ้าน คือกูไม่เคยมีมนุษย์คนไหนที่ยอมรับในตัวพวกกูแบบมึงอะ ตอนเด็กก็เคยบอกเพื่อน บางคนก็หนีหาย บางคนก็เกลียดก็กลัว บางคนถึงขั้นคิดจะกำจัดพวกกูทิ้ง" ้เรนที่แสนร่าเริ่งกำลังทำสีหน้าเจ็บปวด 

     คิดเสมอว่าการที่มีพละกำลังมหาศาล แถมบินได้เป็นอะไรที่โคตรเท่ แต่ในความเป็น มันอาจไม่ใช่เรื่องดีเพราะดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เราถูกปฏิเสธจากสังคม 

     เรและเรนคงมีวัยเด็กที่ไม่ค่อยราบรื่นนัก คิดแล้วก็สงสาร ผมเดาว่าสิ่งเหล่านี้อาจส่งผมต่อบุคลิกของทั้งสองอย่างที่เราเห็นกัน คนหนึ่งยิ้มเสมอเพื่อกลบเกลือนความโดดเดี่ยว ในขนาดที่อีกคนกลับทำเฉยชาเพื่อไม่ต้องรับรู้สิ่งรอบตัว 

     "เพราะพวกนั้นไม่รู้จักตัวตนมึงไง กูชอบนะเวลามึงเล่าอะไรให้ฟัง สนุกดี เหมือนแบบ...เฮ้ย! ของแบบนี้มีจริงด้วยเหรอวะ อย่างกับในเมะเลย ฮ่า ๆ" ผมยิ้ม มันก็ยิ้ม บรรยากาศเลยดีขึ้นมาหน่อย

     "น่ารัก!!!" เรนว่าพร้อมดึงแก้มผม กูไม่ภูมิใจกับคำชมมึงเลย

     "เชี่ย!!! เจ็บ ๆ แก้มกูยืดหมด "ว่าแต่เรไปไหนวะ"

     "ไม่รู้อะ มันไม่ได้บอกไว้ อาจไปทำงานมั้ง ถามทำไม" แล้วมึงจะเสียงแข็งทำไม

     "ก็กูไม่เห็นมันไปเรียน นึกว่ามันโกรธกูที่ก่อเรื่อง แวบมาดูเผื่อป่วยตายประมาณนั้น"

     "มึงห่วงมันเหรอ..." เรนถาม

     "ก็เปล่า แบบว่าพวกเจ๊ดาให้แวะมาดูให้เฉยๆ แล้วก็เอาเอกสารมาให้ด้วย" ผมอธิบาย "ก็มันเล่นหายไปเป็นอาทิตย์ไม่บอกกล่าว อีกอย่างเรื่องคืนนั้นก็ยังไม่ได้ขอโทษมันด้วยซ้ำ"

     "ทำไมละ กูอยู่ตรงหน้ามึงแท้ๆ ทำไมต้องถามหาเรด้วย" เอ้า!!! น้อยใจเฉยแล้วมือมึงจะโอบเอวกูเพื่อ!? กอดกูทำม้ายยยยยย!!! 

     "เรน ดราม่าทำไมเนี่ย"

     "มึงแคร์มันใช่ไหม"

     "อะ เอ่อก็นิดนึง" ดวงตาสีเขียวจ้องเขม็ง

     "กูไม่รอแล้ว" รอ...รอเชี่ยอะไรวะ

     "ระ...เรน จะ จะทำอะไร กูไม่เล่นนะเว้ย!!!!" ผมถามเสียงสั่น เมื่อจมูกคมลากผ่านแก้มเบาๆ พยายามผลักออกแต่ก็ไร้ผล ทำไมแรงเยอะนักวะ

     "กูไม่ได้เล่นกูจริงจัง" มันดุ ตรัสรู้เลยว่าสองแฝดเหมือนกันแค่ไหนเวลาทำหน้านิ่งๆ แบบนี้

     "แต่กูไม่...อื้อ!!!" จูบ!!! เรนมันจูบผม ความรู้สึกแรกคือกูช๊อคที่โดนผู้ชายจูบ ติดสตันทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากหนาบดจูบหนักหน่วงเอาแต่ใจ รับรู้ถึงลิ้นร้อนที่เริ่มระราน 

     "อื้อ...เอี้ย อ่อย (เชี่ยปล่อย)" มันจูบเก่งไปแล้ว ผมทุบไหล่เรนรัวๆ พยายามงัดตัวเองออกก่อนที่จะเคลิ้มไปมากกว่านี้ 

     "มึง...รังเกียจกูเหรอ" มันยอมถอนริมฝีปากออกทำเอาผมหอบฮัก นัยน์ตาสีเขียวมองผมแบบตัดพ้อสุดๆ

     "กูเปล่า แต่ กู กูเป็นผู้ชาย ปล่อยเถอะ" พยายามงัดตัวเองออกจากมัน ผมยังหลงใหลในนมสาวๆ อยู่นะ ถึงมึงจะหล่อจนผู้หญิงค่อนมหาลัยอยากแดกก็เถอะ แต่ไอ้มีนขอผ่าน

     "ผู้ชายแล้วไง กูเป็นไบ ไม่ซีอยู่แล้ว" แต่กูซีไง "ถ้าเป็นพี่เร มึงจะปฎิเสธไหม" 

     "เกี่ยวอะไรกับพี่มึงวะ" ผมสวน "มึงหน้ามืดหรอ เรน อื้อ...หยุด กูไม่อยากเสียตัวให้ผู้ชาย เฮ้ย! เย็นโว้ย!" ผมร้องลั่นเพราะมันดันผลักผมนอนราบกับโซฟาแล้วกดไว้

     "มึงไม่ลองดูแล้ว จะรู้เหรอว่าอยากไม่อยาก" เฮือก!! เรนยิ้มเหี้ยม "พวกมึงมันปากแข็ง กูเลยต้องใช้ไม้แข็งไง" 

     "อ๊ะ จับเชี่ยอะไรของเมิ้งงงงงง!!!!" ผมบิดเร่าเมื่อมือหยาบล้วงเข้าสาบเสื้อ มั่นใจนะว่าไม้แข็งกูว่าอยากอื่นมันเริ่มแข็งแล้วไหม หยุดเร้ากูเดี๋ยวนี้ "อือ...ไม่เอา ตรงนั้น อย่าลูบ"

     "ผิวมึงเนียนจัง" ขอบใจที่ชม...ไม่ใช่แล้ว! มันรวบมือทั้งสองผมไว้ด้วยมือข้างเดียวพร้อมกดไว้เหนือหัว แว่นสายตาถูกถอดออกแต่ด้วยระยะใกล้แบบนี้ผมยังสามารถมองเห็นมันได้ชัดเจน ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อใบหน้าคมก้มลงซุกไซ้ซอกคอจนสะท้าน เผลอร้องออกมาบ้างเมื่อมันขบกัดผะแผ่วแต่ก็เจ็บนะ...งือ จะเป็นรอยไหมเนี่ย 

     "กู อ๊ะ...บอกให้...งือ....หยุด" ร้องลั่นห้องแต่คอนโดมึงเก็บเสียงขนาดนี้ เห็นทีไอ้มีนผู้นี่คงไร้ทางรอด ทำไงดีวะ ขาก็ถีบไม่ได้มันนั่งทับไว้ มือก็โดนมันรวบไว้ กัดหูแม่งเลยไหม...แต่มันเป็นอมนุษย์จะสะเทือนเหรอ 

     เรนจัดการปิดปากผมด้วยปาก ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่ถูกมันไล่ต้อนขนานนี้ก็ระทวยเป็นเหมือนกัน ต้องยอมรับว่ามันช่ำ(ชอง)มาก ทำเอาผมหัวหมุม สติหลุดได้เลย

     ปัง!!! ประตูห้องเปิดพรวดออกมาก่อนที่ผมจะได้เสียซิงตูดจริงๆ เรเดินเข้าห้องมาหน้านี่นิ่งเชียว น้องมันรีบผละออกจากผมไปลี้ภัยหลังโซฟาแต่ไม่วายส่งยิ้มทะเล้นให้พี่มัน ส่วนไอ้มีนคนนี้นั่งเอ๋อไปแล้วครับ...เกือบไปแล้วสิกู

     "แกล้งหรอ!?" เรถามเสียงเรียบ

     "ก็ใช่นะสิ เบื่อพวกปากแข็ง รู้ตัวช้า ทำตัวด้านชา มันก็ต้องเร่งปฏิกิริยากันหน่อย" เมื่อเห็นท่าที่แฝดพี่สงบลงไอ้ตัวแสบก็เข้าไปกอดคอทำซี้เลยทีเดียว 

     "พี่หัดเห็นแก่ตัวบ้างก็ได้ ไอ้ความคิดที่ว่าพี่ต้องเสียสละให้น้องมันก็ดีอยู่ แต่พี่ให้มามากพอแล้ว ไหนจะงานนักล่าที่แทบจะไม่ให้ผมแตะอีก ผมโตแล้วและก็เก่งด้วยถึงจะไม่เท่าพี่ก็เถอะ แล้วบางอย่างมันก็ให้กันไม่ได้เพราะท้ายที่สุดมันจะทำให้พี่รู้สึกแย่เอง" เรนร่ายยาว ก่อนจะยิ้มให้พี่มัน เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่มีให้อีกคน

     "นี่มันเรื่องอะไรกันวะ คือกูงง อธิบายได้ไหม" ผมถามหลังจากตั้งสติอยู่พักหนึ่ง

     "พี่กูชอบมึง"

     "ฮะ!!!!!!" อึ้งกว่าตอนโดนเรนจูบอีก ผมมองแฝดพี่ตาค้างเลยครับ มันยังนิ่งไม่ปฏิเสธไม่ตอบรับ ไอ้ท่อนไม้นี่นะชอบผม "มึงอำกูแล้ว เรน"

     "อำไม่อำไปพิสูจน์เอาเอง หึ ๆ" ผมเริ่มเกียจรอยยิ้มมันแล้ววะ เมื่อกี้แทบช๊อคตายจู่ ๆ มาปล้ำกัน ไอ้มีนผู้นี้ไม่เค้ยไม่เคยนอกใจน้องนางทั้งห้าเลย 

     "แต่กูได้ข้อพิสูจน์ของกูแล้ว ตามสบายเถอะ ไปแล้ว" เอิ่ม...ผมยังไม่เคลีย คือบอกว่าเรนชอบผมยังน่าเชื่อกว่า แล้วนี่อะไรเล่นทิ้งไว้กันสองต่อสองกับเร มันคิดว่าผมจะง้างปากพี่มันพูดได้หรอวะ

     เงียบ! ระหว่างเรามีแต่ความเงียบ  จะจ้องให้ท้องเลยไหม  เริ่มทนไม่ไหวสุดท้ายก็เป็นผมที่เปิดปากพูดออกมา
 
     "คือกูแค่แวะเอาของมาให้" ผมชี้ไปที่ซองสีน้ำตาลบนโต๊ะ "อามึงให้พี่โยเอามาให้แล้วเขาก็ฝากมาบอก วันอาทิตย์หน้าเขาอยากเจอมึงแล้วก็อย่าลืมลากเรนไปด้วยละ" มันพยักหน้ารับ "เค...หมดธุระแล้ว กูกลับนะ"

     "ที่จริงกูโกรธนะ" ยังไม่ทันลุกจากโซฟา เรก็พูดขึ้น

      "เรื่องที่ทำงานมึงพังกูขอโทษ" พอจะเดาได้แหละว่าเรื่องอะไร แต่มันกลับส่ายหน้า บอกว่าไม่ใช่ 

      "อ้าว แล้วโกรธเรื่องอะไร" มันเดินมานั่งลงข้างกัน ผมเอียงตัวหลบมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับคอเสื้อแต่มันกลับส่งสายตาดุประมาณว่าให้อยู่นิ่ง ๆ อยู่กับเรได้ต้องหัดเดาความคิดมัน แล้วมึงจะแหวกคอเสื้อกูเพื่ออะไร

     "กูโกรธ เรื่องที่ไม่รู้จักระวังตัว" สีหน้ามันเริ่มหงุดหงิดจ้องผมแทบทะลุ "คอเป็นรอย"

     "ไหน ๆ" คว้าเอาจอไอโฟนมาส่อง เชี่ย!!!! ผิวกูมีราคีหมด รอยดูดฝีมือน้องมึงไง 

     "จะทำอะไร " ลางร้ายกำลังลอยเข้ามาเมื่อเรเริ่มขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาสีน้ำเงินบวกกับรอยยิ้มมุมปากนั่นทำเอาเสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว

     "จะช่วยลบให้ หึ ๆ" เป็นครั้งแรกที่ได้ยินมันหัวเราะแต่...ผมไม่ดีใจเลย

..................................................

ตัวไรท์ก็มีรอยอยากให้เรช่วยลบจัง รอยแตกลายงาเพราะไรท์จ้ำม่ำ


:impress2: :impress2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 7
 

      "อือออออย่ากวน" ผมครางเสียงแผ่วพร้อมมุดผ้าห่มหลบมือสากที่ระรานแก้มผม เตียงนุ้มนุ่ม หลับสบายสุดๆ 

      "เร กูจะนอน" ยื้อยุดฉุดกระชากผ้าห่มจนท้ายที่สุดก็แพ้ ได้แต่พลิกตัวหันหลังให้ มีหรือมันจะรามือเพราะไอ้ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดข้างแก้มทำเอาผมตื่นเต็มตา หน้าเหน้อนี่แดงไปหมด 

      "เชี่ย!!! โอ๊ะ" คนจะหลับจะนอนกวนอยู่ได้ ผมลุกพรวดมาอาละวาดมัน แต่ถึงกับร้องลั่นเมื่อเจ็บร้าวไปทั้งก้นลามยันหลัง 

      อ๊ะๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดและเดาเรื่องเมื่อคืนไปแบบนั้น น้องมีนผู้นี้หาได้เสียซิงตูดให้ใครไม่ แต่ที่เจ็บจะเป็นจะตายเพราะผมนอนตกเตียงเมื่อคืน เดือดร้อนเรต้องลากผมกลับขึ้นไปนอน ผมเป็นคนนอนดิ้นเผลอละเมอถีบมันไปหลายดอกสุดท้ายเลยโดนมันรวบกอดไว้เป็นหมอนข้างไม่ให้กระดุกกระดิก สมน้ำหน้ามัน เสือกบังคับให้ผมค้างด้วยเอง แต่ถ้าถามว่าทำไมผมยอมนอนค้างกลับมันละก็

     เอิ่ม...เอ่อ...คือ...เอาเป็นว่าเดี๋ยวเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังแล้วกันเผื่อจะเข้าใจ





10 ชั่วโมงที่แล้ว

     สมองผมกำลังประมวลผลผิด ๆ ถูก ๆ เมื่อเรมันออกปากจะลบรอยจูบให้ คือ...คิดไม่ออกไงว่ามันจะใช้วิธีไหน แต่จำต้องผวาเมื่อจู่มันดึงผมไปนั่งบนตักแล้วโอบเอวไว้หลวมๆ กูควรขัดขืนใช่ไหม หรืออยู่นิ่งๆ หรืออะไร 

     โว้ยยยยย! รวนไปหมดแล้วครับ ดวงตาสีน้ำเงินสงบนิ่งบวกกับรอยยิ้มบาง ๆ เชี่ย...หล่อวะ เหอ ๆ เป็นบ้าอะไรผม ไปชมผู้ชาย โดนเพื่อนบิ้วมากจนเบี่ยงเบนไปแล้วสิเรา 

      ตึก...ตัก...ตึก...ตัก รับรู้ถึงหัวใจที่เต้นไวขึ้น มันต่างกับตอน้เรนจู่โจม ความรู้สึกในตอนนั้นคือผมตระหนกและอยากถีบมันไปไกลๆ ทีกับคนตรงหน้ามันไม่ใช่ ยอมรับว่าตกใจเหมือนกันแต่กลับทำไม่ได้แม้แต่หลบตา ราวกลับโดนมันตรึงไว้ตรงนั้น

     ...มันชอบผมจริงหรอวะ...ถ้าจริง บอกไอ้มีนทีซิว่ามันเห็นเสน่ห์อะไรในตัวไอ้ผม ไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง ทั้งชีวิตไม่เคยมีผู้ชายมาชอบเลยนะเว้ย

     "เรนทำอะไรมึงบ้าง" มันถามขึ้น ต้องอธิบายหมดเลยหรอ ถึงน้องมีนจะเรื้อนจะเกรียนแค่ไหนน้องมีนก็มียางอายนะครับ ใครมันจะไปนั่งเล่าเหตุการณ์ตอนโดนผู้ชายกดได้วะ 

     "ว่าไง" เฮือก!ผมละแพ้สายตาดุๆ ของมันซะจริง

    "มันดึงกูเข้าไปกอด" ผมสะดุ้งเมื่อไอ้เรรวบกอดผมแน่นขึ้นจนกลายเป็นนั่งคร่อมตักมันแทนสถานการณ์ล่อแหลมชะมัด 

     "แล้ว... มันก็ จ...จูบ"

     จุ๊บ! ฉ่า...หน้าผมร้อนเมื่อจู่ ๆ เรก็จูบปากผมไปที ช๊อค!!! ไอ้มีนช๊อค ผมพยายามผลักมันออก มึงแรงเยอะหรือกูไม่มีแรงวะ 

     "ปล่อยเว้ยยย!!! อย่ามาเล่นเหมือนน้องมึง กูไม่เล่าแล้ว กู อื้อ" ยังไม่ทันแหกปากก็โดนมันจับปิดปากด้วยปากไปเสียแล้ว จูบของมันเยือกเย็นเหมือนบุคลิก เชื่องช้าแต่มั่นคง ทำเอาผมที่ขัดขืนในทีแรกถึงกับคล้อยตาม เพราะริมฝีปากผมตอนนี้มันโดนละเลียดชิม ขบเม้ม บดเบียดชวนให้เคลิบเคลิ้มจนลิ้นร้อนแทรกเข้ามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 

     "อืม..." เหมือนโดนสูบพลังงานไปจากร่างจนแทบทรงตัวไม่อยู่...แล้วผมจะเอาแขนคล้องคอมันเพื่อ! 

      พยายามตั้งสติบอกตัวเองว่ามันไม่ปกติที่ต้องมาจูบกับผู้ชาย แต่ไอ้ลิ้นชื้นๆ ที่ไล่ต้อนหยอกล้อในเรียวปาก ทำเอาสติกระเจิดกระเจิง รู้ตัวอีกทีเมื่อเรมันยอมถอยให้ผมได้พักโกยอากาศเข้าปอดก่อนจะได้ขาดใจตาย ไม่ใช่ว่าไม่เคยจูบใคร แต่ไอ้ท่อนไม้นี่มันจูบเก่งเกินไป

      "ไม่เล่าแล้วได้ไหม"  เล่าต่อแล้วมันทำตามหมดผมคงแย่แน่

     "ไม่ต้องเล่า...เดี๋ยวเดาเอง" 

     ผมว่าเรมันจินตนาการล้ำเลิศไป รู้แล้วว่าเรียนศิลปะแต่ไอ้ที่มึงเดามันเกินกว่าที่น้องมึงทำเปล่าวะ 

     "อ๊ะ อย่ากัดกู" แง...น้องมีนน้ำตาจะไหล ลบรอยบ้านมึงสิครับ แม่งกัดซ้ำด้วย แล้วมึงจะทำเพิ่มทำม้ายยยยย 

     "อา...เสื้อ...อย่า อือ" ใครคราง ผมเปล่านะ แล้วไอ้ที่นอนราบบนโซฟาเนี่ยผมเมื่อยหรอก...ว่าแต่เฮ้ย! กระดุมถูกปลดจนหมดตั้งแต่เมื่อไร? ใบหน้าคมซุกไซ้ซอกคอชวนให้จั๊กจี้ ริมฝีปากร้อนๆ ทำเอาสะท้านในทุกสัมผัส ริมฝีปากร้อนนาบลงบนร่างนำพาให้ลมหายใจติดขัดยิ่งขึ้นเมื่อมันไล้ต่ำลงเรื่อยๆ พร้อมกับมือกร้านที่ลูบ้ไปตามตัว ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มถาโถมจนทั้งร่างสั่นอย่างคุมไม่อยู่ ทั้งอารมณ์อย่างว่า ทั้งสับสน ทั้งกังวล มันไม่ได้รู้สึกดีแต่ก็ไม่ได้เกลียด

      ไม่ พอแล้ว ไม่ใช่ตอนนี้
 
      "เร...พอแล้ว หยุด...ขอร้อง...หยุดสิวะ" ผมร้องเสียงดัง ้เรมันยอมหยุดแต่ไม่วายมองผมอย่างงุนงง ผมหลบตามันพลางหอบฮัก พยายามข่มใจตัวเองให้เต้นช้าลงแล้วตั้งสติ 

     "ชอบกูจริง ๆ เหรอ" มันไม่ตอบ แต่กลับพลิกผมให้ขึ้นมานอนบนตัวมันพร้อมกดหัวให้ซบลงบนอกแล้วลูบเบาๆ จนเริ่มสงบ

     "มึงก็เป็นแบบเนี่ย ให้กูเดาเองตลอด" ชอบเงียบใส่ คิดแล้วโมโหเผลอทุบอกมันดังอั๊ก 

     "กูยังไม่รู้วะ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อที่ไอ้เรนบอกเท่าไหร่ มึงอาจจะเล่นๆ เหมือนที่ทำกับพี่ลูกแก้ว" ผมไม่ได้โง่หรอกว่าสองคนนั้นเขาหายไปไหนกัน 

     "หรือถ้ามึงชอบกูจริง กูควรตอบรับความรู้สึกมึงยังไง เพราะมึงก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ตอนนี้กูรู้สึกแบบไหนก็ยังอยากหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ มึงเข้าใจกูใช่ไหม"

     "อืม" มันกอดผมแน่นขึ้น อุ่นดีจัง เอาเป็นว่าผมจะลองเปิดใจกับมันดูแล้วกัน แต่แบบ...จะอยู่แบบนี้อีกนานไหม เดี๋ยวคึกอีกผมจะซวยเอานะ

     "เอ่อ จะกลับแล้ว ปล่อยเถอะ" 

     "นอนนี่แหละ" มันบอก ผมว่ามันแอบพูดเยอะกว่าปกตินะ 

     "คิดถึง อยากกอด" โดนไปอีกดอก แหงสิไม่เจอกันตั้งสามสี่วัน ว่าแต่...มึงใช่เรที่กูรู้จักแน่นะ 

     เฮ้อ...แล้วผมจะไปไหนได้ เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นตามนั้นแหละครับ...เห็นไหมว่าไม่มีอะไรเลย อิอิ





     หลังจากโดนเรกวนจนไม่สามารถนอนต่อได้ผมจึงยอมลากสารร่างมาอาบน้ำตอนเกือบเที่ยง ชอบอ่างอาบน้ำห้องมันชะมัด ได้หลับตาแช่น้ำแล้วฟิน บ้านผมอยู่ริมโขงตอนเด็กว่ายเล่นประจำ ผมชอบเล่นน้ำแต่เด็กแล้วครับ ย่าบอกเหมาะกับชื่อผมไงเพราะ มีนแปลว่าปลา แต่พอย้ายมาอยู่ในเมืองก็เลยห่างหาย แต่ก็มีไปว่ายที่สระบ้างนานๆ ที

     "แว๊กกกกกกกก มึงเข้ามาได้ไง" ลืมตาทีแบบ**กรี๊ดดด!?** เมื่อคนที่ควรรออยู่ข้างนอกมันยืนหน้าสลอนพร้อมผ้าขนหนูในมือ คือ...ผมว่าผมล๊อคประตูแล้วนะ เชี่ยๆ จ้องเพื่อ!? กูอายเป็นนะ...แหนะยังจะมายิ้มมุมปาก 

     "เอาผ้ามาเลย" คว้าผ้ามาห่อตัวลวก ๆ พลางดันมันออกไปจากห้องน้ำ ปากมันไม่พูดแต่สายตามันเนี่ย เทะโลมผมได้ตลอด หน้ากลัวกว่าโดนแซวอีก

     -♬。 ♫♫~♬ ♫~♬ -

     เสียงโทรศัพท์กรีดร้องขณะที่ผมกำลังรื้อตู้เสื้อผ้าของเรเพื่อหาอะไรใส่ ได้เสื้อยืดสีขาวงิวโคร่งกับกางเกงขาสั้นสีเดียวกัดำที่คิดว่าเรน่าจะไม่ใส่นานแล้วและมันก็ดูหลวมน้อยสุดด้วย

     "ว่าจังใด๋ครับ" ผมกดรับพร้อมกรอกเสียงทักทาย

     "อยู่ไหนยะ พวกกูมาหาที่ห้องเงียบสนิท" เสียงเจ๊ดาดังเจื้อยแจ้วจากปลายสาย

     "อยู่คอนโดเร"

     "อ๋อ แล้วมันเป็นไงมั่ง ทำไมไม่มาเรียน" อีเจ๊ถาม

     "ก็สบายดี เอ่อ มันไป..." ผมหันไปมองหน้ามันอย่างขอความเห็นแล้วพี่แกก็ชี้ไปที่รูปทะเลบนหนังสือหัวเตียง "ไปต่างจังหวัดมา" ตอแหลตามน้ำไป   

     "อ้อ..."

     "แล้วเจ๊มาหาน้องมีนมีอะไรครับ คิดถึงเค้าหรอ"

     "บ้านแกสิ จะชวนไปเดินเซ็น* อยากกินยากินิกุ" จะว่าไปตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่ได้ไปกินเลยนี่หว่า "งั้นไปเจอที่ห้างแล้วกัน อย่าลืมชวนสุดหล่อกูมาด้วยนะ"

     *เซ็น=เซ็นทรัล

     "ครับเจ๊ ห่วงมันจังนะ ขอเป็นผัวเลยสิ" ผมแซว

     "ไม่ละ อยากได้เป็นลูกเขยมากกว่า ไว ๆ จะเที่ยงแล้ว หิว! (มาช้ากูเหยียบ)" เสียงแก๊งสามช่าแทรกเข้ามา คงอยู่กันครบองค์ประชุม ผมวางสายจากเจ๊ดาสุดที่รักหันมาฟาดมือของเรที่กอดผมไว้หลวม ๆ พี่กับน้องติดสกินชิพพอกัน

     "มึงไปไหม" มันพยักหน้า "ชวนน้องมึงด้วย" ไอ้เรคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์หาน้องมันก่อนที่เราจะพากันโดยสารรถของเรไปยังจุดหมาย 

     ไปถึงหน้าห้างพวกมันนั่งรอกันอยู่ตรงบันไดทางเข้า ้เรนมาถึงก่อนพวกผมอีกแต่นั่นไม่น่าสนใจเท่ากับแก๊งนางฟ้า(พวกพี่ลูกแก้ว)ที่นั่งเมาท์มอยกันอย่างออกรสกับพวกกร ดูสนุกสนานดีแถมยังูสนอกสนใจแฝดน้องอย่างเต็มที่ เว้นเจ๊ดาไว้คนหนึ่งเพราะตอนนี้ดูจะหมั่นไส้คนสวยกว่าเต็มทน

     "กว่าจะมาได้ พวกกูไส้แทบขาด" เจ๊ดาเหวี่ยง อารมณ์โมโหหิว

     "แหมเจ๊ กว่าจะตื่นตั้งสิบเอ็ดโมง ใจคอจะไม่ให้อาบน้ำเลยหรือไง" ผมบอกพร้อมบีบๆ นวดๆ ไหล่เพื่อนสาวให้อารมณ์เย็นลง "ว่าแต่ พวกพี่ลูกแก้วมาด้วยได้ไงครับ"

     "พี่ก็มาเดินช๊อปกันตามประสาแหละค่ะ เผอิญเจอเรน คิดว่าเป็นเรเลยเข้าไปทัก เลยรู้ว่าพวกเราจะนัดมาทานข้าวกันเลยขอแจมด้วย" พี่ลูกแก้วเล่าพร้อมยิ้มสวย ตอบ ผมแต่ตานี่มองไอ้เรเชียวนะ 

     เหตุผลที่แก๊งนางฟ้าเสนอตัวร่วมแจมคงไม่พ้นอยากเจอคนที่ยืนข้างผมนี่แหละ แถมมีไอ้แฝดน้องบวกเข้าไปเพื่อน ๆ พี่แกคงอยากทำความรู้จักจนตัวสั่น

     "ไปกันเถอะ กูหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว" ไอ้ก้องโวยวายเราทั้งหมดจึงรีบเคลื่อนทัพ
 
     "ไปกันเถอะจ๊ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน" ดาวปีสองว่าพร้อมแทรกกลางมาคล้องแขนเรแล้วเดินนำไป...เหอะ! หน้าตาก็สวยไม่คิดว่าเป็นฝ่ายเข้าหาผู้ชายขนาดนี้ แล้วผมจะไปแขวะเขาทำไม?

     เดินวนรอบห้างสุดท้ายจึงพากันตั้งทัพที่ร้านยากินิกุ*เพราะร้านอื่นเต็มหมด ครั้นจะให้ยืนรอเจ๊ดาคงโมโหหิวจนกลายร่างขย้ำคอผมแน่ๆ ร้านนี้ใช่ว่าคนจะน้อย แต่ยังพอมีที่ว่างนั่นก็เพราะราคาที่สูงกว่าร้านอื่นหน่อยแต่เอาเถอะนานๆ กินที คิดซะว่าซื้อความสุข 

     *ยสกินิกุ=ปิ้งย่างแบบญี่ปุ่น

     พวกเราได้โต๊ะใหญ่กลางร้าน สองแฝดประจำการมุมขวาสุดตรงข้ามกัน ฝั่งเรถัดจากมันเป็นแก๊งนางฟ้า โดยที่แม่ดาวอักษรนั่งชิดจนแทบจะสิงอยู่แล้วครับ ส่วนผมนั่งถัดจากเรนข้างกันเป็นขุนแม่ดาที่รัก ภูผา ก้องและไอ้เตี้ยกร แต่ละคนคงหิวจัดเล่นสั่งกันรัวยิ๊ก จนเด็กเสิร์ฟกดบันทึกเมนูแทบไม่ทัน ไม่ช้าไม่นานเสบียงก็ถูกลำเลียงมาวางจนแน่นโต๊ะ ก่อนที่ต่างคนต่างลงมือย่างสิ่งที่ตัวเองอยากกิน

     "เชี่ย! ก้อง กุ้งตัวนั้นของกู" ภูผาโวยเมื่อกุ้งลายเสือตัวโตลอยเข้าปากเพื่อนไปแล้ว 

     "ตัวนั้นก็ด้วย หยุดเฮ้ย" และแล้วการประลองยุทธ์ด้วยกระบี่ไม้คีบก็เริ่มขึ้น แต่จอมยุทธ์ทั้งสองหาได้มีผู้ชนะไม่ เมื่อนางมารดาหลาได้ซิวกุ้งตัวที่สองนั่นเข้าปากไปเป็นที่เรียบร้อย

     "อีเจ๊!!!" 

     "ย่างใหม่สิยะ!!! ตีกันจะได้กินไหมค่ะ ใช่ไหมจ๊ะเรน"

     "ใช่ครับคนสวย" เจ๊พูดถูก ย่างเลยตัวต่อไปผมเล็งอยู่ อิอิ

     "เรนนี่น่ารักจัง ดูเฟรนรี่ดี คนละเรื่องกับพี่เลยเนอะ แต่ก็มีเสน่ห์คนละแบบ" 

     "ชมแบบนี้ เขินแย่ ถ้าน่ารักไม่ลองทำความรู้จักละครับ ผมยังว่างนะเออ" ปากมันบอกเขิน แต่เล่นขยิบตาให้เพื่อนพี่ลูกแก้วจนสามสาวฟินตายกันเป็นแถบ ส่วนไอ้กรที่ถูกเมินตอนนี้หูเริ่มดำเพราะมันเล่นบริการเพื่อน ๆ พี่ลูกแก้วอย่างเต็มที่ทั้งปิ้งทั้งย่างให้ กับหญิงละดี๊ดีแต่กับเพื่อนนะ...เฮ้อ!

     "เรกินนี่ไหมจ้ะ" เสียงหวานออดอ้อนพร้อมเอาเนื้อชิ้นโตจ่อปาก ตามปกติผมต้องอิจฉามันแน่ๆ แต่ตอนนี้กลับหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก  ป้อนกันเข้าไป ไอ้นี่ก็กินง่ายเกิน เขาเอาอะไรให้ก็แดกหมด ยัดๆ ให้ติดคอตายไปเลยนะ...แล้วผมจะเหวี่ยงมันทำไมวะ? มันก็นิ่งเฉยเป็นปกติอยู่แล้วนี่หว่า แต่แบบเฮ้อ...ปฏิเสธนะ มึงรู้จักไหม?

     "โอ๊ะ ปากเลอะแล้ว มา ๆ ลูกแก้วเช็ดให้" อืมมมมม ครับ บริการดีอย่างกับศรีภรรยา เรมันยิ้มขอบคุณอีกฝ่ายแต่ทำไมผมถึงรู้สึกหน่วงๆ ก็ไม่รู้ 

     เฮ้อเซง!...มองไปก็เลอะสายตา ดูสิตอนนี้แม่งไม่เห็นจะทำอะไรที่ดูเหมือนว่าชอบผมเลยซักนิด นัวกับพี่ลูกแก้วจนลืมผมแล้วมั้ง ไอ้ที่กอด จูบ ลูบ คลำกูเมื่อวาน ตกลงมึงจะเอาไง ล้อเล่นใช่ไหม แม่งรวมหัวอำผมชัวร์ ไอ้น้องหลอกว่าพี่มันชอบผม ส่วนพี่มันก็เล่นตามน้ำไปแน่ๆ สนุกใช่ไหมเปลืองเนื้อเปลืองตัวกูเนี่ย...เซงชิบ ไอ้สองตัวนี่น่าตบชะมัด 

     "มีนไม่กินหรอวะ" 

     "อ๊ะ...เออกินสิ เดี๋ยวกูรอย่างไง แหะๆ" ผมคงนั่งปรึกษากับปลาหมึกในถ้วยนานเกินไปเรนถึงหันมาสะกิดด แล้วผมก็ก้มลงเขี่ยหนวดหดๆ นั่นต่อ เริ่มอิ่มแล้วอะ

     "เป็นไรวะดูเงียบ ๆ" เจ๊ดาเริ่มหันมาสนใจ เงียบหรอ บางทีผมอาจจะคิดเรื่องไอ้เรมากไป พอเถอะมันจะทำอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ แม้แต่หน้ายังไม่อยากมอง มึงก็ด้วยไอ้เรนเพราะพวกมึงหน้าเหมือนกันไง

    "ขี้เกียจพูด ไม่มีอะไรหรอกเจ๊" ผมบอกปัด

     "เหอ ๆ ผีเข้าหรอค่ะน้อง ปกติเห็นพูดมากจะตาย" เพื่อนพี่ลูกแก้วเจ้าเก่าเจ้าเดิมเลยครับ ชื่อน้ำหวานแต่ปากไม่หวานเอาซะเลย ปกติผมคงดิ้นเร่า ๆ หาเรื่องแถ แต่วันนี้ไม่มีอารมณ์นอกจากยิ้มกวนตีนตอบ

     "พี่เร" เรนเรียกพี่มันที่นั่งตรงข้าม "ผมว่า เล่นพอประมาณเถอะ" แล้วมันก็จ้องหน้ากันซักพักเหมือนคุยอะไรบางอย่างกันในใจ ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก

     สังหรใจว่าภัยจะถึงตัว เมื่อจู่ ๆ ไอ้สองพี่น้องลุกขึ้นสลับที่นั่งกัน ทำเอางงกันทั้งโต๊ะโดยเฉพาะผมที่ถึงกับเหวอทันทีที่ไอ้เรนั่งลงข้าง ๆ เบียดผมซะชิด

     "อะไรของมึง" ผมถามด้วยความงุนงงแต่มันไม่ตอบกลับเอามืออีกข้างมาจิ้มแก้มผมแล้วยิ้ม "สัด...ถามก็ตอบ อย่ามากวนตีน" ผมเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิ ไม่รู้ว่าพวกมันมาไม้ไหน

     "เหอ ๆ แฟนมึงงอนแล้ว ง้อสิวะ" และแล้วเรนก็ทิ้งระเบิดลงกลางโต๊ะ

     "ฮะ! แฟน!!!!!!" แล้วทุกคนก็ร้องออกมาลั่นโต๊ะจนคนทั้งร้านมอง จากโมโหกูเริ่มจะอายแล้วไหมละ

     "กูไปตกลงเป็นแฟนพี่มึงตั้งแต่เมื่อไหร่"

     "อ้าวแล้วที่อุส่าหนีไปนอนที่อื่นให้มึงอยู่กันสองต่อสองเนี่ย ยังไม่ได้กัน เอ้ย! เคลียกันอีกหรอ" สองต่อสอง มึงจงใจเอากูใส่พานถวายพี่มึงเรอะ ไอ้เพื่อนเลวววว

     "เคลียอะไรละพี่มึงเป็นใบ้ไม่รู้เหรอ" ผมเถียงเสียงแผ่ว อยากจะแทรกแผ่นดินหลบทุกสายตาในตอนนี้ ปากมันเกือบใบ้แต่จูบโคตรเก่งเลย...เฮ้ย!!!หลงประเด็น

     "สรุปยังไง เป็นหรือไม่เป็น" เจ๊ดาคาดคั้น

     "ตอนนี้ยัง แต่เร็ว ๆ นี้ผมว่าไม่รอด" เรนตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ "จริงไหมครับพี่สะใภ้**"ฮึ่ยยยย!!!** ผมได้แต่ยกนิ้วกลางใส่ไอ้ตัวชงอย่างเดือดดาล

     "กูว่าแล้ววววว กูเอาห้าบาทพอสินสอด จ่ายมาไอ้ลูกเขย" แม่คนที่สองผมยิ้มกว้าง ก่อนแบมือมาตรงหน้าเร แล้วมันก็บ้าจี้ควักเหรียญห้ามาจ่ายด้วยเอาสิ 

     "ยินดีด้วย ๆ" กรว่า

     "เพื่อนกูขายออกแล้ว" ก้องทำหน้าดีใจอย่างสุดซึ้ง

     "ปล่อยกูลุ้นตั้งนาน" แม้แต่ภูผาก็ยังมีส่วนร่วม ทำไมเพื่อนผมสนับสนุนกันจัง

     "คือ...พี่งงไปหมดแล้ว" พี่ลูกแก้วที่เงียบอยู่นานเอ่ยถาม

     "ก็ไม่มีอะไรครับ แค่พี่ผมชอบมีน กำลังดู ๆ กันอยู่ พี่คนสวยก็ตัดใจซะเนอะ หรือถ้าหาคนดามใจ ผมยินดีนะ"เรนเสนอตัว ไม่รู้พี่ลูกแก้วเข้าใจที่มันพูดไหม แต่สีหน้าเธอดูไม่ดีเอาซะเลย

     "แล้วที่ผ่านมาคืออะไรละ" เธอยังคงทักท้วง

     "ก็ไม่อะไรนี่ครับ ผมก็เห็นพี่เป็นฝ่ายเข้าหาพี่เรตลอด มันก็ไม่ได้บอกนิว่าสนใจ พี่แค่ทึกทักไปเองไม่ใช่เหรอ ปกติก็เห็นเก็บแต้มอยู่แล้ว สนใจเอาผมไปเพิ่มแต้มไหมครับ เก่งไม่แพ้พี่เลยนะ" ไอ้แฝดน้องพูดได้...แรง**!!!!**

     "นี่เธอ" เอาแล้ว ๆ นางฟ้าเริ่มกลายเป็นซาตาน "ถ้าไอ้แว่นนั่นมันดีนักก็ตามสบายเถอะ" ว่าแล้วเธอก็คว้ากระเป๋าลุกจากโต๊ะ เดินออกไปเลย เพื่อนพี่ลูกแก้วอีกสามคนดูลังเลแต่ก็ยอมลุกตามออกไปติด ๆ

     "อ่าว แล้วใครจะจ่ายค่าข้าวส่วนของพวกนั้นวะ" ไอ้กรบ่น

     "น่า...กูรับผิดชอบเอง ไม่สิ พี่เร มื้อนี้เลี้ยงเลย พี่เป็นตัวต้นเหตุนะ" และแล้วมันก็โยนให้พี่ ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับอย่างเต็มใจ กูละเบื่อคนรวย เอาละสถานการณ์กลับมาสงบและทุกคนก็ลงมือทานต่อ

     "หึงหรอ" ยกเว้นผมที่ต้องหยุดมือเพราะคำพูดไอ้เร

     "ใครหึงมึง...หลงตัวเอง" แล้วหน้ากูเนี่ยจะแดงทำซากอะไร

     "ขอโทษ" ผมย่นคอหนีเมื่อมันกระซิบข้างหู ให้ตายสิตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยซ้ำ ไหนจะรอยยิ้มกว้าง ๆ นั่นเล่นซะทำอะไรไม่ถูกเลย

     "กูบอกพวกมึงแล้ว เซนท์กูไม่เคยพลาด" เจ๊ดาว่า

     "อะไรเจ๊"

     "ก็เรื่องเรไง แบบมันติดมึงมาก มากเกินไป เลยเดาว่าต้องคิดอะไรกับมึงแน่มีน" มันอธิบาย 

     "เนี่ยพวกกูถึงกับพนันกันด้วยซ้ำ กู ไอ้ก้องกับภูผา พนันว่าใช่ ส่วนไอ้เตี้ยว่าไม่ อย่าเบี้ยวกูนะมึง เลี้ยงบิงซูพวกกูด้วย" ก้องมันเสริม

     "เออดี เอากูไปพนันสนุกไหมละ" ผมแซะ นี่ผมไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวใช่ไหมเนี่ย "กูเป็นผู้ชาย ยังจะคิดจับคู่กับผู้ชาย บ้าบอ"

     "แล้วไงอะ สุดท้ายก็เป็นอย่างกูคิดไหมละ" เจ๊ดายิ้มล้อ เรหัวเราะเบา ๆ ผมเลยหันไปถลึงตาใส่มัน

     "อ๊ะ ขอบคุณ" เรคีบกุ้งตัวโตที่แกะแล้วใส่ถ้วยให้ก่อนจะตามด้วยของกินอื่นๆ ทั้งอันที่มันให้เอง ทั้งอันที่ผมอยากกินแล้วชี้บอกมันหยิบมาให้ มันเอาใจผมเวอร์ จนโดนคนอื่นแซวไปหลายดอก นี่คงเป็นวิธีการง้อของมันสินะ จะพยายามเข้าใจแล้วกันเพราะมันไม่ค่อยปกติแบบคนอื่น มื้ออาหารผ่านไปแบบที่ผมเขินแทบแย่ แบบนี้ค่อยน่ารับพิจารณาหน่อยว่าไหมครับ

     ตอนเย็นเรมาส่งผมที่หอตอนแรกมันจะค้างด้วยแต่มีงานด่วนเลยกลับไปก่อน ไม่ไหวครับอยู่ใกล้มันแล้วใจเต้นจนแทบวาย ผมขอเว้นระยะพักหัวใจซักหน่อยก็แล้วกัน

..................................

ตัวละครดาหลา หรือเจ๊ดา ไรท์ก็เอาตัวเองมาใส่อยู่หน่อย ๆ เพราะไรท์เคยอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้ชาย แล้วชอบจับพวกมันคู่กันเอง
  :really2:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อ่านไปเขินไป5555

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 8

​     ตอนนี้ผมกำลังเดินวนไปวนมาหน้าร้านที่มาร้องเพลงประจำ โดยมีไอ้ท่อนไม้เจ้าเก่ายืนประกอบฉาก ทำไมนะหรอก็น้องมีนผู้นี้กำลังเดี่ยวไมโครโฟนอย่างเป็นสุขระหว่างพักพ่อผมดันโทรมาเซอไพร์ว่าอยู่หน้าหอ เลยบอกไปตามตรงว่าอยู่ร้านเหล้ามาร้องเพลง พ่อบอกจะมาหาที่ร้าน รื่องมารับจ๊อบไม่น่ากลัวเท่าไอ้เพื่อนๆ ทั้งสี่ห้าตัวที่โต๊ะ ไม่รู้จะแฉวีรกรรมอะไรผมบ้าง รถเบนซ์สีดำคุ้นตาชะลอก่อนจะจอดนิ่งตรงหน้า แล้วของพ่อผมก็ลงมาก่อนที่คนขับรถจะนำไปจอดให้เป็นที่เป็นทาง

     "บักหำน้อย..." นั่นไงครับ แค่เปิดตัวก็อลังการงานสร้าง ร้องเรียกผมเสียงดังจนคนแถวนั้นต้องหันมอง...และที่สำคัญ ผมไม่เล็กนะครับ 

     "ป๋าหวัดดี"

     "คิดถึง มา ๆ มาป๋ากอดหน่อย" และแล้วไอ้มีนผู้นี้ก็โดนพ่อจับกอดรัดฟัดเหวี่ยง แถมหอมแก้มซ้ายขวาไปอีกฟอดใหญ่...หมดกัน ความเท่ความคูลที่ผมสร้างมา

     "พอแล้วป๋า แก้มมีนช้ำหมดแล้วเนี่ย" เบรกก่อน "นี่เร อยู่คณะเดียวกับมีน" ผมหันไปแนะนำ คนข้างตัว มันก็ยกมือไหว้พร้อมยิ้มเล็กน้อย

     "หวัดดีไอ้หนุ่ม เอ็งนี่หน่วยก้านดีจังเลยนะ แบบนี้ค่อยวางใจหน่อย เวลามีนไปอ้อนตีนใครจะได้มีคนช่วย" พ่อผมยิ้มร่าพร้อมตบบ่าไอ้เรอย่างเอ็นดู 

     "ไปข้างในเถอะป๋า พวกเจ๊ดารออยู่"

     "ไปสิไป ไม่ได้เจอพวกนั้นนานแล้ว" ว่าแล้วท่านพ่อกระผมก็กอดคอลากเข้าด้านในราวกับรู้จักที่นี่ดี ไปถึงโต๊ะก็ยกมือรับไหว้บรรดาเพื่อนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สร้างบรรยากาศสบายๆ ตามสไตล์ลุงกำนัน

     "ป๋า สวัสดีค่า นั่งค่ะนั่ง คนนี้ชื่อเรนนะค่ะคนน้อง ส่วนไอ้คนที่เดินมากับป๋าชื่อเรค่ะคนพี่ ส่วนสัมภเวสีที่เหลือป๋าคงรู้จักแล้วเนอะ"  เจ๊ดาทำหน้าที่รับแขกคนสำคัญพร้อมขยับเก้าอี้ให้พ่อผมนั่ง  ก่อนเรียกเด็กเอาเมนูมาให้ 

     "สวัสดีครับ" เรนยกมือไหว้พ่อผม

     "ป๋าทานอะไรมายังค่ะ ที่นี่อาหารอร่อยนะค่ะ ลองสั่งทานได้เลย หนูรับประกัน"  ที่มันดีแบบนี้ไม่ใช่อะไรนะครับ พ่อผมมามื้อนี้มีคนจ่ายชัวร์ 

     "ยังเลย อิ่มยังละพวกเรา ไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้เลยนะ เหล้าเบียร์อยากกินอะไรก็สั่งนาน ๆ เจอกันทีป๋าเลี้ยงเอง" นั่นไงครับเดาผิดให้เตะเลย หน้าใหญ่ตลอด สรุปวันนี้ผมคงต้องขอพี่หนิงไม่รับค่าแรงแล้วละ ท่าจะยาว

     "คร้าบบบบ / ค่ะ" เกรงใจนะ รู้จักไหมพวกมึง แล้วสารพัดสิ่งมึนเมาและกับแกล้มก็ถูกสั่งมาวางบนโต๊ะ

     "หนูมีน เป็นไงมั่งที่คณะ มันก่อเรื่องหรือเปล่า" พ่อเปิดประเด็น เรียกสายตาลุกวาวจากเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะกรที่ดูคันปากอยากจะแฉเหลือเกิน

     "ก็มีเยอะครับป๋า เกรียนตามประสามันแหละครับ แต่มีเด็ดอยู่เรื่อง ป๋าจำพะแพงได้ไหม ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขาวๆ ที่ไอ้มีนพาไปกินข้าวกับป๋าตอน ม.หก "

     "อ้อ ว่าที่ลูกสะใภ้นะเหรอ"

     "ตอนนี้คงไม่ใช่แล้วป๋า เพราะเขาทิ้งมันไปแล้ว" ควับ!...ป๋าหันมามองผมทันควัน

     "อ่อนจริง แล้วยังไงต่อ" แง...อย่าซ้ำเติม

     "ประเด็นคือ แฟนใหม่พะแพงมากระทืบไอ้มีน" เชี่ยยกร!!!!! ผมกรีดร้องในใจแทบจะมุดโต๊ะหนีสายตาคาดคั้นจากบุพการี

     "จริงหรือ" เฮือก!!!...เสียงเข้มมาเชียว ผมจึงได้แต่พยักหน้ายอมรับ "มันเป็นใคร บังอาจมาก ป๋าจะไปจัดการมัน"

     "ม่ายยยย ป๋า เรื่องมันผ่านมาแล้ว อีกอย่างพวกมันก็โดนไปเยอะแล้ว" ผมรีบเบรก เดี๋ยวเกิดพ่อผมส่งเด็กไปกระทืบมันจะทำยังไง บานปลายไปกันใหญ่ "คือ...เรมันช่วยกระทืบส่งพวกมันนอนโรงพยาบาลให้แล้ว จริงไหมเร" ผมสะกิดมันยิกๆ ตอบดิวะ

     "ครับ!"

     "ใช่ครับคุณพ่อ พี่ผมเป็นคนเข้าไปช่วยมีน แล้วพามีนไปหาหมอด้วยครับ" เรนช่วยขยายความแทนพี่มัน

     "เฮ้อเอาเถอะ ว่าแต่หนูมีนไม่เศร้าหรอลูก โดนหักอก" พ่อหันมาถามพร้อมลูบหัวผมไปพลาง เง้อ ทำอย่างกับผมเป็นเด็กเล็ก ๆ ไปได้

     "โอ๊ย! ป๋า จะเอาอะไรมาเศร้าละค่ะ ตอนนี้มันมีคนดามใจแล้ว" เจ๊ดารีบแย้งพร้อมยิ้มกริ่ม

     "หืม!? ใครละ"

     "คนคนนั้นก็คือ ระ...อื้อ!!!!" ผมรับเอามือปิดปากอีเจ๊ก่อนที่มันจะพูดออกมา คือยังไม่ตกลงซักหน่อยแค่ดู ๆ ก่อน แล้วพ่อแม่ที่ไหนจะรับได้วะ ที่ลูกชายตัวเองโดนผู้ชายจีบ

     "ถ้าบอกขอให้เจ๊ขึ้นคาน" ผมแช่งมันเสียงแข็ง เหลือบตาไปมองไอ้คนโดนพาดพิง เรกลับยิ้มกริ่มพร้อมยักคิ้วให้อย่างท้าทายผม หล่อ ร้าย ชวนให้ใจสั่น... ไม่ใช่แล้ว! สติ...สติจงกลับมา 

     "ฮ่าๆๆ หน้าแดงใหญ่แล้วไอ้หนู ถ้าจะเขินขนาดนี้ ไว้พร้อม เอ็งค่อยบอกก็ได้ ป๋าเข้าใจ" ปากบอกเข้าใจแต่สายตาล้อเลียนนี่มันอะไรครับป๋า แล้วทั้งโต๊ะก็หัวเราะกันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ท่อนไม้ ที่หัวเราะ หึๆ อยู่ข้างตัว

     ...แว๊กกกกก แล้วมึงจะดึงมือกูไปจับทำไม...เง้อเขิน

     "แล้วป๋ามาหามีนมีอะไร" ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะโดนรุมยำไปมากกว่านี้

     "คิดถึงลูก มาหาไม่ได้เหรอ"

     "แหมป๋าก็ เอาแบบจริงจังสิป๋า"

     "ป๋าจะไปธุระที่สิงคโปร อีกสองวัน ต้องมาขึ้นเครื่องที่กรุงเทพฯ เลยแวะมาดูว่าลูกมันตายยัง ไม่โทรหาเลยนะ"

     "ติดช่วงรับน้องอะ เลยไม่ค่อยมีเวลาโทร"

     "อย่ามาอ้าง ว่าจะชวนเอ็งไปด้วยเลย เผื่ออยากไปเที่ยว ลาได้ไหมให้ป๋าเซ็นลากิจให้ก็ได้นะ" พ่อผมทำหลายอย่างครับ เป็นกำนันและยังทำธุรกิจซื้อขายอะไหล่รายใหญ่ในอีสานทำให้ต้องเดินทางไปดูงานต่างประเทศบ้าง บางทีก็ชวนผมไปด้วยถือโอกาสเที่ยวไปในตัว

     "ผมคงไปไม่ได้หรอกป๋า อาทิตย์หน้าต้องไปรับน้องนอกสถานที่" 

     "ที่ไหน" คือ ผมกำลังลังเลว่าจะบอกดีไหม ผมกลัวว่าพ่อจะไม่ให้ผมไปอย่างที่แล้วมา 

     "ทะ...ทะเลครับ"

     "ไม่ได้!!!!" ถูกค้านตามที่คาด "เอ็งจะไปไหนก็ได้บนโลกนี้ ที่ไม่ใช่ทะเล ป๋าเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ"

     "ผมเข้าใจ แต่"

     "ป๋าไม่อยากให้ไป"

     "แต่..."

     "ทะเลเอาแม่เอ็งไปจากป๋า ก็แค่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก" พ่อบอกเสียงแผ่ว ใช่ผมรู้ดี สถานการณ์ชวนอึดอัดเสียจนคนอื่นต่างพากันเงียบ

     "ผมรู้ มันเป็นกิจกรรมคณะ ต้องไปทุกคน" ผมพยายามที่จะงัดเหตุผลมาพูด "ป๋าไม่ต้องกลัวมีนจมน้ำหรอก มีนโตแล้วว่ายน้ำก็เก่ง ดูแลตัวเองได้นะ ให้มีนไปนะ"

     "ไม่ได้ งั้นเอ็งก็ย้ายไปเรียนที่อื่น ที่ ไม่ต้องรับน้อง ไม่ต้องไปทะเล" เสียงทุ้มยื่นคำขาด มันทำให้ผมรู้สึกขุ่นเคือง ทำไมพ่อถึงต้องจมกับอดีตขนาดนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่และผมก็ไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำไม่เคยเห็นแม้แต่ภาพถ่าย ได้ยินแต่พ่อบอกซ้ำ ๆ ว่าผมเหมือนท่าน

     "ใจร้ายเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีนพยายามแทบตายเพื่อสอบเข้าที่นี่ แต่ป๋ากลับบอกมีนย้ายเพียงเพราะไม่อยากให้ไปทะเล" ผมบอกเสียงขุ่น พ่อไม่เคยนึกถึงความรู้สึกผมเลย เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่  เรพยายามจะดึงมือผมไว้เพราะทำท่าจะลุก

     "มันเพื่อตัวแกเองนะ"

     "บางทีมีนก็ไม่เข้าใจนะ ว่าทะเลมันเลวร้ายอะไรนักหนา มีนก็แค่อยากเห็นทะเลจริง ๆ ที่ไม่ใช่ในทีวี ว่ามันสวยแค่ไหน ใครขาก็เคยไปทั้งนั้น แต่ป๋าดูมีนสิ จนจะสิบแปดอยู่แล้วยังไม่เคยไปเหยียบเลยซักครั้ง เพียงเพราะความฝังใจในอดีตของป๋า" ผมบอกเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์

     "ไม่ได้ยังไงก็ไม่ได้ เอ็งไม่เข้าใจ"

     "งั้นก็อธิบายเหตุผลมาสิ เหตุผลที่ไม่ใช่เรื่องของแม่" ผมถาม...เชื่อว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นแต่ท่านไม่บอกและยังคงนิ่งเงียบ  "หึ...อธิบายไม่ได้!? งั้นมีนก็ไม่มีอะไรจะคุยกับป๋าแล้ว" 

     ผมเนรคุณหรือเปล่าที่คิดว่าพ่อเห็นแก่ตัว ผมหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น มันคงเป็นอารมณ์ดื้อรั้นแบบเด็ก ๆ เมื่ออยากทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ หากถูกห้ามก็ต้องมีเหตุผลที่ดีพอแต่เผอิญตอนนี้มันไม่มี และผมก็ไม่ยินดีรับฟังกับเหตุผลลเดิม ๆ ของพ่ออีกด้วย

     ผมเดินออกมาจากร้านไม่ไกลมาก ไม่อยากกลับหอเพราะมั่นใจว่าพ่อต้องไปรอที่นั่น ท่านไม่เคยยอมให้ผมหลบหน้าได้นานหรอก 

     แล้วจะไปไหนละ!?...เดินคิดไปเรื่อย เริ่มจะเหนื่อยจึงนั่งพักหน้าเซเว่นเล่นกับหมาไปพลาง แล้วใครคนหนึ่งก็นั่งลงข้างผมพร้อมยื่นชาเขียวเย็นให้ จะเป็นใครได้นอกจากไอ้ท่อนไม้เจ้าเดิม มองข้ามถนนไปก็เจอแลมโบคันสวยจอดนิ่งอยู่ ไม่รู้ว่ามันตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรับน้ำขวดนั่นมาเปิดดื่ม ตั้งใจจะเดินเข้าไปซื้ออยู่แล้วแต่นั่งบิ้วอารมณ์เพลินไปนิด 

     "กูไม่อยากกลับหอ ยังไม่อยากเจอป๋าตอนนี้ กูไปนอนคอนโดมึงได้ไหม" ผมหันมองคนข้างๆ ซึ่งมันก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย   

     "แต่ตอนนี้กูหิว พาไปหาอะไรกินหน่อยสิ" เรลุกขึ้นจูงมือผมไปที่รถ มันพาไปกินโจ๊กหม้อดินแถวมหาลัย โจ๊กอร่อยดีแต่นั่งกินไม่ค่อยเป็นสุข 

     ทำไมนะหรอ!? ก็คนนั่งตรงข้ามมันกินไปจ้องหน้าผมไปบางทีมันก็ยิ้มให้ จนเริ่มสงสัยว่ามันสติดีเปล่าวะ แต่ก็ช่วยให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเยอะ เริ่มสงสัยแล้วสิว่ามันชอบอะไรในตัวผมกันนะ แค่คนธรรกาไม่ได้หล่อเหลาน่าเอาจนเก้งกวางต้องเหลียวหลังซักหน่อย 

     ผมนอนห้องมันบ่อยเกินไปหรือเปล่า!? ไอ้เจ้าของห้องมันก็บริการดี๊ดี กลับมาถึงเตรียมน้ำอุ่นให้อาบ มันรู้ว่าผมชอบนอนแช่น้ำในอ่าง จะว่าไปเรก็ดูใส่ใจผมดีเหมือนกันนะ เคยมีแฟนมาก็ต้องเป็นฝ่ายดูแลเอาใจเขามากกว่า รู้สึกดีที่ถูกให้ความสำคัญ  ทุกอย่างก็ดูเข้าท่าดีเว้นแต่ตอนนอนผมโดนมัน แกล้งบ้าง กวนบ้าง ลวนลามบ้าง พอเป็นพิธีแต่เอาเถอะน้องมีนหยวนให้ในฐานะที่มันทำตัวดี 

     กว่าผมจะตื่นก็เกือบเที่ยง เรตื่นก่อนนานแล้ว จำได้ลาง ๆ ตอนสิบโมงมันบอกจะไปรับใครไม่รู้ ว่าแล้วชักหิวล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เดินมึนออกมาหาอะไรกิน แต่ทันทีที่เปิดประตูออกจากห้องนอนเจอสองแฝดนั่งเล่น PS4 กันอย่างเมามัน แต่แขกอีกคนที่นั่งอยู่ทำเอาผมถึงกับชะงัก 

     ป๋า!...มาได้ไงวะ หันรีหันขวางไม่รู้จะทำยังไง แถมยังไม่อยากคุยตั้งใจว่าจะลี้ภัยกลับเข้าห้องแต่เรดันคว้าผมได้ทันก่อนบังคับให้นั่งลงตรงข้ามกับพ่อผม โดยมีมันล๊อคเอวไว้ส่วนอีกฝั่งเป็นไอ้เรน บรรยากาศอึดอัดเริ่มปกคลุมก่อนที่พ่อจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเสียเอง 

     “ป๋าขอโทษ” พ่อมองหน้าผมจริงจัง “ขอโทษที่ยึดติดมากเกินไปห่วงมากเกินไป จนลืมนึกถึงความต้องการของเอ็ง มันก็จริงอย่างที่เรนมันว่า ไม่มีใครหนีความจริงพ้นเราควรยอมรับมันให้ได้” 

     “มีนรู้ว่าป๋าห่วง แล้วก็ ขอโทษที่เสียงดังใส่นะครับ” ผมบอกเสียงแผ่ว แต่ก็เอะใจในสิ่งที่ท่านพูด “ว่าแต่...ความจริงอะไรครับ” 

     “เอ่อ ให้อธิบายคงยาก เอาเป็นว่าเกี่ยวกับเรื่องแม่ของลูก เมื่อถึงเวลาลูกจะรู้เอง” ทำไมต้องทำตัวมีลับลมคมนัยน์กับผมด้วยเนี่ย 

     “เฮ้อ!!!บอกตรง ๆ ไม่ได้เหรอป๋า” ผมทำหน้ายู่ใส่ พ่อผมนะ ถ้าไม่อยากบอกอยากเล่าบังคับให้ตายท่านก็ไม่คายออกมาหรอก 

     “แล้วก็อีกเรื่อง ไอ้หนุ่ม ชื่อเรใช่ไหมเรา” พ่อเอ่ยเสียงเข้มขึ้นพร้อมหันไปจ้องไอ้คนข้างตัวทำเอาผมสะดุ้ง “จริงเหรอที่เอ็งเป็นคบกัน” เชี่ย...ป๋ารู้ได้ไงวะ 

     “ครับ” มันตอบทันทีแบบไม่ลังเล...แอบดีใจ...มั้ง 

     ผมเริ่มใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อพ่อนิ่งเงียบไปพักใหญ่ แอบลุ้นว่าท่านจะตอบว่าอะไรหรือว่ารับไม่ได้ ผมจะโดนว่าไหมแล้วไอ้เรจะโดนป๋ากระทืบหรือเปล่า 

     “ไม่เห็นต้องทำหน้ายุ่งนาดนั้นเลยนิ” ป๋าบอกพร้อมเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ “ถึงมันไม่ใช่เรื่องปกติแต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ป๋าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ถ้าลูกอยู่กับใครแล้วสบายใจ ก็ยินดี ส่วนเอ็ง ได้ลูกข้าแล้วห้ามทิ้ง ทิ้งเอ็งตาย” 

     “ป๋า!!!! ผมยัง...” มันชักจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วมั้ง ผมยังซิงเว้ยยย 

     “ยังอะไรสภาพขนาดนี้ แล้วเสื้อที่ใส่ไม่ใช่ของมันหรอกเรอะ” มันก็ใช่ “แล้วไอ้รอยแดงๆ ที่คอจะบอกว่ายุงกัดหรือไง” มันก็แค่จูบกับนัวนิดหน่อย ยังไม่ได้ทำไรเลย ผมได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ไม่รู้จะเถียงอะไร ถ้ามองจากหลักฐานมันก็ชวนให้เข้าใจตามนั้น

     “แล้วสรุปป๋ายอมให้ผมไปทะเลแล้วใช่ไหม” เปลี่ยนเรื่องดีกว่าก่อนจะโดนสอบปากคำไปมากกว่านี้ 

     “ใช่ แต่ถ้าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับหนูมีนต้องโทรบอกป๋าทันที เข้าใจไหมไอ้ลูกเขย”

     “ครับผม” ไอ้ท่อนไม้ตอบรับแข็งขัน เฮ้ย! ป๋า ทำไมยอมรับมันเป็นเขยง่ายจังวะ ถึงน้องมีนจะเป็นผู้ชายก็ช่วยหวงกันหน่อย 

     ผมใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายทำหน้าที่ลูกที่ดี พาพ่อเที่ยวแถว ๆ มหาลัยเพราะพรุ่งนี้ท่านต้องขึ้นเครื่องแต่เช้า เอาใจนิดหนึ่งเผื่อได้ตังค่าขนมไปเที่ยว อ้อนไปอ้อนมาจากที่จะซื้อเวฟคันใหม่ป๋ารับปากจะถอยรถยนต์ให้เลย แกบอกปลอดภัยกว่าเนื้อหุ้มเหล็ก เห็นไหมผมมันลูกกตัญญูรักบุพการีจะตายไป

................................

-เรามีการแก้ไขในส่วนของบท NC ของเรื่องนี้ใหม่ แบบมันจะดู สำรวจโลก Discovery กันพอสมควร ซึ่งใครแบบไม่อินไม่ชอบก็ขออภัยด้วยเน้อ

-พยายามใส่พาทย์ที่เป็นมุมมองของ เร ให้มากขึ้นว่าภายใต้ความเงียบในหัวคิดอะไรอยู่ หวังว่าจะรักพี่เรแกนะ  :katai4:

-รวมไปถึงเรื่องพ่อของมีนและเร บทบาทของมายา และเรื่องราวของน้องเรนที่ไม่อยากให้เหงาเกินไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2017 01:44:41 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดูจากที่ป๋ามีน ห่วงมีน ไม่ให้ไปเที่ยวทะเลตั้ง18 ปีมานี่
คิดว่าแม่มีนต้องไม่ใช่มนุษย์แน่ แต่จะเป็นอะไรน้า เงือก ฉลาม  ฮะๆ มโนมัยและ

เร เรน ชอบสกินชิพมีน ทำให้คิด 3p และ
ชอบเร บุคลิกดี เงียบๆ แต่ติดมีนซ้า  :ling1:
เร มีน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
​​บทที่ 9

     ผมตั้งหน้าตั้งตารอวันไปรับน้องนอกสถานที่ อดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะเห็นทะเลครั้งแรกถึงขนาดแพคกระเป๋าล่วงหน้าสองวัน คืนก่อนไปก็สิงที่ห้องเรกลัวไม่มีคนปลุกแต่เปล่าเลย กลายเป็นผมนี่แหละคึกจัดตื่นมาอาบน้ำตั้งแต่ตีสี่แถมลากเรออกจากที่นอนตั้งแต่เช้ามืด โหวกเหวกโวยวายจนเรนต้องเปิดประตูห้องมาด่าเพราะรบกวนเวลานอนมัน ใคร ๆ อาจจะหาว่าผมบ้า ก็คนมันไม่เคยไปเข้าใจกันหน่อยสิ 

     เป้าหมายทริปนี้ไม่ใกล้ไม่ไกลเพราะเราไปรับน้องกันที่หัวหินในหาดส่วนตัวของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ตีกลองแหกปากร้องเพลงกันไปตลอดทาง แบบนี้สิค่อยสนุก ปีนี้ดีเพราะรุ่นพี่ปฏิวัติกันแล้วไม่ใช่เอะอะก็ว๊าก ถึงจะมีบ้างแต่ก็ไม่ได้เครียดตลอด มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับกดดันรุ่นน้องแบบแต่ก่อน ซ่าได้ไม่นานก็โดนเรลากกลับมานั่งประจำที่ เพลงกำลังโดนน้องมีนอยากเต้น

    "เชี่ย! เร มึงเป็นพ่อกูเหรอ คนกำลังสนุก" ผมดิ้นพลาด ๆ 

    "ปล่อยดิ อารมณ์ร่วมนะรู้จักไหม แทนที่จะนั่งบื้อเป็นท่อนไม้ แดนซ์โว้ย ดะ ...อื้ออออ" ด่ามันยังไม่ทันครบชุดก็โดนมันปิดปากด้วยปากเรียบร้อย

    ทั้งรถหันมามองเราเป็นตาเดียวตามมาด้วยเสียงแซวเซงแซ่ ผมรีบมุดเข้าไปนั่งริมหน้าต่าง พร้อมดึงเสื้อแขนยาวคลุมทั้งหัวลี้ภัยหนีอายกับพระอินทร์ในทันที ไอ้หน้าด้าน บอกผมเงียบดี ๆ ก็ได้

     เมื่อไปถึงเราก็แยกย้ายเอาของไปเก็บในบ้านพักขนาดสี่ห้องนอนซึ่งแบ่งเป็นหลังๆ แยกหลังละเอกตามชั้นปี แยกชายหญิงอย่างละหลัง ห้องผมนอนกันห้าคนซึ่งก็แก๊งผมทั้งหมดและครับ 

     กิจกรรมวันนี้คือเข้าฐานต่าง ๆ ที่รุ่นพี่จัดเตรียมไว้ ร้องรำทำเพลงสร้างความสัมพันธ์และการทำงานเป็นกลุ่มก่อนปล่อยให้พักตามอัธยาศัยในตอนเย็น จึงมีเวลามาร่ำสุรากันหน้าบ้านพัก ซึมซับบรรยากาศของทะเลอย่างเต็มที่ 

     ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหมว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ร่างกายมันรู้สึกดี ผ่อนคลายอย่างประหลาด เพราะแบบนี้สินะใคร ๆ ถึงชอบมาพักที่ทะเล นั่งคุยเล่นกันเพลิน ๆ พวกผู้ชายก็ถูกรุ่นพี่ในเอกเรียกออกมาที่ชายหาด เพิ่งรู้นะ ว่าพี่โยก็อยู่เอกเดียวกับผม

    "ตามมา ๆ กูมีภารกิจลูกผู้ชายให้มึงทำ" พี่ตั้มประกาศก่อนเดินนำพวกเราเลียบหาดมาจนถึงสะพานส่งปลาที่ทำจากไม้เก่า ๆ ซึ่งยื่นลงไปในทะเล บวกกับพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้าให้บรรยากาศอย่างดับหนังสยองขวัญ ถ้ามีผู้หญิงผมยาวนั่งตรงสุดสะพานนี่ใช่เลย

    "เอิ่ม ภารกิจอะไรเหรอพี่" ไอ้กรถามเสียงสั่น มันเป็นพวกกลัวผีขึ้นสมองครับ

    "พวกมึงเห็นธงแดงตรงปลายสะพานนั่นไหม" พี่ผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่ยืนข้างพี่โยว่าพร้อมส่องไฟฉายไปตรงจุดนั้น "ไปเอามันกลับมา แล้วพวกกูจะรับมึงเป็นน้อง ง่ายใช่ไหมละ" ง่ายอะง่าย ถ้าสะพานที่ว่าไม่ใช่ไม้เก่าที่ดูผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี

    "แล้วใครจะเป็นคนไปละ" ก้องถาม ทำท่าพร้อมถีบผมออกหน้าแล้วครับ รักกันจริง

    "ก็จับฉลากเอา" พี่ตั้มบอกพร้อม ชูโหลแก้วเล็กที่มีกระดาษหลายใบม้วนอยู่ 

    "มีนมานี่" ผมอีกแล้ว 

    "ในฐานะที่มึงเป็นที่รักของพี่ ๆ ทุกคน กูให้มึงเป็นคนจับ" เฮือกกก!!! คือ ผมมันพวกซวยบรรลัยเกิดจับได้ตัวเองทำไงวะ 

    "ไว ๆ เลยมึง รีบทำจะได้กลับไปเมาต่อ" ผมหยิบส่ง ๆ ก่อนจะยื่นให้พี่ตั้มไป

    "คะ...ใครเหรอพี่" กรถาม มันเกาะภูผาแน่นจนแทบจะขี่คอ...ถ้ามึงจะกลัวขนาดนั้นนะ

    "ไอ้มีน!!!" เชี่ย!!! จับเองได้เอง 

    ไอ้สะพานมืดๆ ไม่กลัวหรอกครับ ประเด็นคือมันจะพังลงไปตอนไหนเถอะ ก็ได้วะรีบไปเอามาแล้วรีบกลับ ยังไม่ทันจะก้าวออกไปเรก็คว้ามือผมไว้ สายตามันดูกังวลเอามาก ๆ 

    "น่า แค่เดินไปเอาธง ไม่เป็นไรหรอก"

    "มั่นใจ?"

    "อืม...มึงช่วยกูทันอยู่แล้ว" ผมบีบมือมันเบา ๆ ก่อนจะก้าวเท้าลงบนสะพานนั่นช้า ๆ และมั่นคง แค่มีเรมองตามก็รู้สึกปลอดภัยแล้ว เป็นเอามากนะผมเนี่ย

    "ทำอะไรของมึง" พวกเพื่อนร้องลั่นเมื่อผมลองกระโดดเหยง ๆ บนสะพานเมื่อเดินมาได้สิบกว่าก้าว แหมก็ต้องทดสอบความแข็งแรงกันหน่อย ถ้ามันจะพังให้มันพังซะตอนนี้ยังพอวิ่งกลับทัน 

    ทุกอย่างนิ่งสงบมีแต่เพียงคลื่นน้ำเบื้องล่างที่ดูจะเชี่ยวกรากกว่าตอนกลางวัน สะพานนี้ยาวเกือบร้อยเมตรจากการประมาณด้วยสายตาเดาว่าตรงส่วนปลายสุดที่มีธงแดงอยู่น้ำคงลึกพอดู 

    ยิ่งก้าวห่างออกมายิ่งเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ผืนน้ำที่ทอประกายของแสงจันทร์ กลิ่นน้ำทะเลกับลมเย็นที่พัดมาดึงดูดให้เข้าหา เหมือนหูจะแว่วเพราะท่ามกลางเสียงคลื่นและลมเหมือนได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ จากรอบตัว มันไม่ได้น่ากลัวแต่กลับอบอุ่นใจอย่างประหลาด พลันเสียงนั้นก็หยุดลง

    'ระวัง ถอยกลับไป' เสียงใครบางคนกระซิบเตือนทำเอาผมหยุดชะงัก อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงธงแดงแล้วแค่หยิบมัน 

    'ถอยกลับไป...เร็ว!!!' เสียงนั่นดูร้อนรนขึ้น ผมหันรีหันขวางมองหาที่มาของเสียงนั่น แล้วทุกอย่างก็กระจ่างชัดเกี่ยวกับคำเตือนนั่นเมื่อพื้นสะพานที่ผมยืนอยู่เริ่มโยกคลอน

    เปรี๊ยะ!! ตูม สะพานไม้เริ่มผุพัง บางส่วนหัก บางส่วนหลุดร่วงลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง 

    ชิบหายแล้ว วิ่งกลับยังทันไหม แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว ผมเอื้อมไปคว้าธงเป็นจังหวะเดียวกับที่พื้นใต้เท้าหักลงพาร่างทั้งร่างร่วงสู่ผิวน้ำ

    "มีน!!!!" เสียงเพื่อนบนฝั่งตะโกนก้อง น้ำเค็มทะลักเข้าตาเข้าปากจนแสบไปหมด ผมพยายามตระกายขึ้นสู่ผิวน้ำแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง สงสัยจะโดนตะคริวกิน เมื่อดวงตาชินกับน้ำเค็มทำให้เห็นพระจันทร์จาง ๆ เหนือน้ำที่ลอยห่าง พยายามกลั้นใจไม่ให้สำลักแต่เหมือนจะเกินลิมิตตัวเองแล้ว 

    อึดอัด ทรมาน เหมือนจะขาดใจ นี่ผมต้องมาจมน้ำตายแบบนี้จริง ๆ หรือ ไม่นะ ไม่ !!! ได้แต่กรีดร้องในใจ เมื่อภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลาง ในสมองทุกสิ่งเริ่มหยุดนิ่งเพราะขาดอากาศ

    ภาพสุดท้ายที่เห็นราวกับฝันเมื่อร่างบอบบางขาวกระจ่างเคลื่อนผ่าน ผมยาวที่สยายออกตามแรงว่ายระผ่านผิวกาย ผมถูกลำแขนนเล็ก ๆ นั่นโอบกอดไว้ทั้งร่าง เมื่อตั้งใจมองก็เห็นใบหน้างดงามที่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

    นางฟ้าหรอ นางฟ้าอะไรจะอยู่ในทะเล หรือว่าผมตายแล้วเขามารับวิญญาณกันนะ

    'ไม่เป็นไรนะ' เสียงหวานกระซิบบอก 'ทะเลไม่มีวันทำร้ายเรา'

 



    เป็นอีกครั้งที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงนุ่มที่ไม่ใช่ห้องตัวเอง และก็ไม่ใช่ในรีสอร์ทที่มารับน้อง แล้วที่ไหนวะ? มองเลยไปตรงระเบียงฝั่งปลายเตียง ประตูไม้สีขาวบานใหญ่เปิดกว้างเผยให้เห็นวิวทะเลด้านนอก ดูจากแสงแดดจ้า ๆ เดาว่าคงเป็นเวลาเที่ยงวัน 

     น่าแปลกทั้งที่ไม่มีแว่นกลับมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ลูบหน้าลูบตาตั้งสตินึกถึงเรื่องเมื่อคืน หลังจากสะพานพังลงมาผมกำลังจะจมน้ำ แล้วตอนนั้นก็มีผู้หญิงช่วยผมไว้ ใครวะ!? หรือผมกลัวตายจนหลอนไปเอง เดาว่าคนที่ช่วยผมขึ้นมาคงเป็นเรแน่นอน เพราะผมมั่นใจว่าแค่คนจมน้ำคงไม่เหลือบากกว่าแรงเรเวนแบบมัน เอาเถอะเลิกเดาแล้วไปถามมันก็รู้เอง

     ผลัก! แค่ก้าวลงจากเตียงแข้งขามันอ่อนแรงจนลงไปนั่งแหมะกับพื้น เฮ้ย ขากู...หายไปไหนวะ

     "เร!!!!!" ผมแหกปากลั่นบ้านเลยทีนี้ มันวิ่งหน้าตื่นมาเลยครับ

     "ขากูละ ทำไมเป็นแบบนี้" ผมชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ร่างกายท่อนล่างของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นหางปลาไปแล้ว 

     "ก็มีนเป็นเงือกนิ" เรบอกผม มันดูไม่แปลกใจเลยซักนิด

     "กะ...กูนี่นะ เป็น เงือก เงือกที่ครึ่งคนครึ่งปลาอะนะ" ผมได้แต่อึ้ง ทึ่ง เสียวเฮ้ย! อย่างหลังไม่ใช่ 

     ลองลูบเบา ๆ ที่เกล็ดสีมุกของตัวเอง สัมผัสได้ถึงน้ำหนักมือที่ไล้ไปตามเกล็ดนั่น เป็นหลักฐานให้รู้ว่ามันคือส่วนหนึ่งของผมจริง ๆ 

     "โอ๊ย!!!" ผมลองดึงเกล็ดสีมุกนั่นแรงๆ จนหลุดติดมือมาอันนึง เจ็บจนน้ำตาร่วง...อารมณ์เหมือนโดนดึงขนขาเลย

     "ซน!" เรว่า ก่อนที่มันจะอุ้มผมมาไว้บนเตียงดังเดิม มือใหญ่ลูบเบา ๆ ตรงรอยเกล็ดที่ผมดึงเล่น จนเลือดซึม

     "รู้เรื่องนี้อยู่แล้วเหรอ" มันพยักหน้า "ขออธิบายชัดเจนกว่านี้ได้ไหม รู้กลัวหลุดคอนเซปห้ามพูดเกินวันละสิบคำ แต่ขอร้องเถอะ กูอยากรู้จริง ๆ อธิบายด่วน" ผมเขย่าตัวมันอย่างร้อนใจ จนมันต้องรวบแขนผมแล้วกอดไว้หลวม ๆ

     "เรเวนย่อมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าใครเป็นอมนุษย์เหมือนกัน แต่แค่ไม่แน่ใจว่าเป็นเผ่าพันธุ์ไหน จำวันที่มูรอลล้มทับได้ไหม"

     "ทำไมละ"

     "วันนั้นแขนมีนมีรอยบาด พอจับล้างน้ำแผลกลับหายไป แต่ตอนที่โดนกระทืบหายช้ากว่า เลยเดาว่ายังไม่แสดงพลังเต็มที่ พวกเราบางพันธุ์ก็มีช่วงที่ยังไม่แสดงพลังจนกว่าจะโตเต็มที่เหมือนกัน ไม่รู้มาก่อนเลยหรือ"

     "อืม ก็เพิ่งรู้วันนี้แหละ" 

     "ตอนที่มีนทะเลาะเรื่องไปทะเลกับพ่อ พอเดินหนีไป เรนเลยเข้าไปถามตรง ๆ เลยรู้ว่ามีนไม่ใช่คนตั้งแต่เกิดแล้ว" มันเป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่เรเคยพูดกับผมมา 

     สับสนกับชีวิตมากเลยครับตอนนี้ อยู่ดี ๆ กลายเป็นเงือกสะงั้น ผมมองสภาพตัวเองในตอนนี้ ลองขยับส่วนต่าง ๆ ทั้งส่วนหางส่วนครีบด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชิน

     "ฮืออออ เร" ผมมองมันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ 

     "หืม"

     "แล้วมีนน้อยกูหายไปไหนอะ" 

     "อุ๊บ ฮ่าาาาา" เรหัวเราะลั่น ผมไม่เคยเห็นมันหัวเราะหนักขนาดนี้

     "หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้ กูซีเรียสนะ"  มีอะไรน่าขำอะ มีนน้อยคือความภูมิใจของลูกผู้ชายเลยนะ "ถ้าไม่หยุดโกรธนะ"

     เรพยายามกลั้นขำเมื่อผมทำท่าจะโกรธจริงจัง มันซ้อนอุ้มผมขึ้นนั่งบนตักโดยหันหลังพิงอกมัน คุณว่าท่อนล่างของเงือกนี่ควรเหมือนปลาประเภทไหน แล้วปลาประเภทไหนมีไอ้นั่น นี่ผมกำลังดิสคอฟเวอรรี่ร่างกายตัวเองอยู่นะเนี่ย

    "ทำอะไรอะ" ผมสะดุ้งเมื่อมือใหญ่วางบนหน้าท้องน้อยแผ่วเบาแล้วลากไล้ลงมาถึงแนวเกล็ดที่มีครีบอ่อนกั้นอยู่   

    หากสังเกตุดี ๆ จะเห็นว่าเกล็ดบริเวณนี้จะสีอมแดงและนิ่มกว่าตรงอื่นแถมยังเป็นรอยบุ๋มสองรอย ด้วยความอยากรู้จึงลองเอานิ้มกดดูและพบว่ามันเป็นรูเว้ยเฮ้ย

     "อ๊าาา เร" ผมหลุดครางเมื่อจู่ ๆ เรสอดนิ้วตัวเองเข้าไปตรงนั้น  ความรู้สึกวาบหวามถาโถมเข้ามา ราวกลับว่ามีกระแสไฟฟ้าเล่นกระจายไปทั่วร่าง ในทุกครั้งที่มันขยับนิ้วที่แทรกเข้ามาลึกขึ้น

     "เจอแล้วนี่ไง" เสียงทุ้มกระซิบข้างหูก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะขบเบา ๆ ที่ต้นคอ ส่วนอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่ถูกดึงออกมา มีนน้อยเวอชั้นสองพับเก็บได้ เป็นอะไรที่อเมซิ่ง

     "อย่านะ อื้ออ" เรขยับรูดส่วนนั้นจนมันเริ่มตื่น กลายเป็นแบบนี้ได้ไงวะ  "พอแล้ว...อ๊ะ พอ อาาา" ผมร้องห้ามเมื่อมันเอานิ้วอีกข้างสอดเข้าไปอีกช่องที่อยู่ใต้กัน 

     "หึ ๆ" เสียงหัวเราะเย็นเยียบทำใจเต้นรัว ผมพยายามรั้งมือใหญ่ทั้งสองออก แต่มันยิ่งเร่งเร้าส่วนอ่อนไหวจนเสียวไปทั้งร่าง ผมพยายามกลั้นเสียงครางน่าอายของตัวเอง

    "อยากฟังเสียง ร้องออกมาสิ" มือสากเร่งจังหวะขึ้นจนไม่อาจกลั้นเสียงตัวเองได้อีกต่อไป 

     เรละมือข้างหนึ่งมาจับคางของผมให้หันไปรับจูบ ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้ามาในปากไล่ต้อนจนผมหัวหมุน รสจูบร้อนแรงทำผมระทวยจนต้องพิงร่างไว้กับตัวมัน  ผมรับรู้ถึงบางอย่างที่ดุนดันบั้นท้ายผ่านกางเกงหนา บอกให้รู้ว่าอีกคนก็มีอารมณ์ไม่ต่างกัน

     "เร...ฮาาาาา จะออก" ผมครางเสียงขาดมือที่กอบกำมีนน้อยขยับรูดเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนในที่สุดผมก็ปลดปล่อยออกมา 

     ริมฝีปากร้อนพรมจูบตามลาดไหล่ก่อนจะวกกับมาที่ปากผมอีกครั้ง มือเรเลอะไปด้วยน้ำของผม รู้สึกอายจนร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ผมสบายตัวไปแล้วแต่เรนี่สิยังค้างอยู่เลย 

     เรปล่อยผมลงบนฟูกนุ่มจัดการเอาทิชชู่เช็ดอะไรที่มันเลอะเทอะออกให้ แต่สายตาเจ้ากำดันมองส่วนนั้นของคนตรงหน้าที่ดันเป้ากางเกงจนโป่งนูน

     "แล้วมึงละ" ผมถามทั้งที่ยังหอบ

     "เดี๋ยวจัดการเอง" มันบอกเสียงพร่าก่อนจูบหน้าผากผมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

 



    "มึงเป็นคนช่วยกูไว้หรอ" ผมถามทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากท่อนล่างของตัวเอง เกล็ดสีมุกที่สะท้อนแสงบวกกับครีบสีครามอ่อน ก็สวยดี 

     "มายาเป็นคนช่วย" เรบอก 

     "ใครวะ"

     "เป็นเงือกเหมือนกัน บ่าย ๆ เดี๋ยวแวะมาหาอีกรอบ สงสัยอะไรก็ถามเอาแล้วกัน"

     "แล้วคนอื่นละ ยังอยู่ที่รีสอร์ทเหรอ" มันพยักหน้ารับ "แล้วที่นี่ที่ไหน"

     "บ้านอา" โอเค เข้าใจแล้ว เพราะอยู่ในสภาพนี้้เรคงไม่อยากให้คนอื่นเห็น ลองนึกดูนะ ถ้าเจ๊ดามันรู้คงกรี๊ดจนหูผมแตกแน่ "หิวไหม!?"

     "อืม" พอมันทักก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้วสิ

     "จะรออยู่ในห้องหรือจะไปว่ายน้ำเล่นในสระ" มันถาม บ้านนี้มีสระว่ายน้ำด้วยหรอ ก็ดีจะได้ลองอะไรหลาย ๆ อย่าง

     "จะไปรอที่สระ"  ก่อนลงไปผมขอให้มันพาไปอาบน้ำ ถามว่าอายไหม ถ้าเป็นปกติคงอายแหละครับ แต่ตอนนี้ท่อนล่างมันกลายเป็นหางปลาไปแล้วแถมที่ทำไปก่อนนั้นน่าอายกว่าเยอะ

    เข้าใจอารมณ์คนพิการเลยครับ เหมือนเป็นอัมพาตท่อนล่างจะไปไหนก็ลำบากให้เรอุ้ม จนแอบสงสัยว่าภายใต้ใบหน้านิ่ง ๆ มันรำคาญผมบ้างไหมนะ รู้สึกว่าผมเป็นภาระบ้างหรือเปล่า ลำพังแค่มันชอบจะทำให้อดทนทำแบบนี้ได้ถึงเมื่อไหร่

     เรเอาผมมาปล่อยไว้ในสระนอกตัวบ้าน พร้อมลากเอาร่มชายหาดมากางริมสระไว้สองสามอันเพราะกลัวน้องมีนผู้นี้จะกลายเป็นปลาแดดเดียว ตามด้วยอุปกรณ์สร้างความบรรเทิง ทั้งไอแพดกับโทรศัพท์พร้อมด้วยแบตสำรอง

     เรไปข้างนอกไปหาซื้ออะไรมากิน ระหว่างรอก็ดำผุดดำว่ายอยู่ในสระจนเริ่มคล่อง ปกติชอบเล่นน้ำอยู่แล้วแบบก็สนุกดีครับถ้าเป็นทะเลกว้าง ๆ คงสนุกกว่านี้ ความรู้สึกตอนอยู่ในน้ำคงอารมณ์แบบนกที่บินอยู่บนฟ้าแหละครับร่างกายมันเบาแปลก ๆ

     "ไง หนุ่มน้อย" เสียงหวานทักขึ้นตรงริมสระ เรกลับมาแล้วพร้อมผู้หญิงอีกคนที่บอกได้เลยว่าสวยมาก สวยยิ่งกว่าพี่ลูกแก้วเสียอีก ผมมองใบหน้าขาวเนียนที่ตัดกันดีกับนัยน์และเรือนผมดำขลับนั่น อ๊ะ ผมจำได้แล้ว...เงือกที่ช่วยผมเมื่อวาน "พี่ชื่อ มายานะจ้ะ"

    "ดีครับ" ผมว่ายไปเกาะขอบสระพร้อมยิ้มรับ "พี่มีขาด้วยอะ" ผมชีโบ้ชี้เบ้ไปทางสาวงามในชุดเดรสสีขาวสะอาดตา รู้สึกตื่นเต้นที่เห็นเรียวขาสวยแทนที่จะเห็นเป็นหางปลาอย่างเมื่อคืน เธอมองตอบพร้อมหัวเราะในท่าทางของผม

     "ก็ต้องได้อยู่แล้ว เงือกนะมีสองร่าง ไม่รู้เหรอจ้ะ" ได้ฟังคำตอบแล้วรู้สึกมีหวัง ผมไม่ต้องอยู่ในสภาพนี้ตลอดไปสินะ

     "ไม่เลยครับ ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นเงือกด้วยซ้ำ" ผมตอบหน้าตื่น ใบหน้าสวยแย้มยิ้มให้อย่างเอ็นดู

     "ถูกเลี้ยงแบบมนุษย์สินะ ไม่ต้องคิดมากไม่นานก็ชินเองแหละจ้ะ หางเธอสวยมากเลยรู้ไหม พี่ไม่เห็นเกล็ดสีนี้นานแล้วนะ" ผมทำหน้างงใส่เธอจึงอธิบายต่อ "ชาวเงือกส่วนใหญ่ไม่ค่อยอาศัยอยู่บนบกหรอกจ้ะ เพราะมันอันตราย"

     "อันตรายแบบไหนครับ"

    "ก็ความเชื่อที่ว่า หากได้ดื่มกินเลือดเนื้อของเงือกจะทำให้เป็นอมตะไงละ พวกเราเลยถูกเผ่าพันธุ์อื่นล่า จนต้องหนีไปอยู่ในเมืองของตัวเองใต้น้ำ" ได้ฟังแบบนั้นแล้วรู้สึกกังวลขึ้นมาเลยครับ เพราะแบบนี้สินะพ่อถึงไม่อยากให้ผมมาทะเล

    "แล้วทำไมพี่ถึงอยู่บนบกละครับ"

    "พี่อยู่กับสามีจ้ะ" เธอบอกด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข "แล้วเดี๋ยวนี้สภากลางมีกฎคุ้มครองพวกเราแล้วด้วย ปลอดภัยกว่าแต่ก่อนเยอะ" เธออธิบาย "เห็นเราไม่เป็นอะไรแบบนี้ก็ดีแล้ว"

    "แล้วพี่มาช่วยผมได้ยังไงครับ"

    "ชาวเงือกสามารถรับรู้ถึงพวกตัวเองได้ถ้าอยู่ในระยะใกล้ บ้านพี่อยู่แถวนั้นรับรู้ถึงการมาของเราพี่เลยตามมาดู พอดีกับที่สะพานพังลงมาเลยไปช่วยไว้ ดูท่าทางเราแล้วคงไม่เคยเปลี่ยนร่างมาก่อน ลำบากหน่อยนะ" ลำบากมากกกกกกกก...ในน้ำก็คล่องตัวดีแต่บนบกนี่สิ ง่อยชัด ๆ 

    "พี่สอนผมเปลี่ยนร่างได้ไหมครับ"

    "พี่ก็ไม่แน่ใจว่าของแบบนี้มันสอนกันได้หรือเปล่า เพราะมันเป็นสันชาติญาณ" พี่มายาตอบพลางหัวเราะร่า "แต่จะพยายามนะ อ่า ชักหิวแล้วสิ เรซื้อกับข้าวมาเต็มเลย ยังไม่กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ กินข้าวก่อนเนอะ ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน"

     เรลากเสื่อมาปูริมสระก่อนที่จะลงมือทานมื้อเย็น พี่มายาบอกว่าความสามารถของเงือกคือเสียงและน้ำ ว่ากันว่าเสียงของพวกเราสามารถสะกดคนได้ คงเคยได้ยินใช่ไหมเรื่องเล่าที่ว่า ชาวประมงมักได้ยินเสียงเพลงในทะเลหากคนไหนหลงตามเสียงนั้นไปอาจถูกพวกเงือกจับไปอะไรประมาณนั้น   

     พี่มายาเล่าเรื่องอาณาจักรชาวน้ำให้ฟัง ที่จริงก็มีมานานแล้วแถมยังมีหลายที่ทั่วโลก จะเห็นได้จากตำนานเก่าแก่ในแต่ละส่วนของโลก อย่างแอตแลนติส หรือเมืองบาดาลของไทย 

     พี่สาวคนงามเล่าว่าที่นั่นเราก็ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปนี่แหละไม่ได้ว่ายไปว่ายมา สภาพบ้านเมืองก็จะคล้ายกับเมืองมนุษย์ในแถบนั้นแค่อยู่ใต้น้ำที่ลึกมาก ๆ ชักอยากไปเห็นแล้วสิ บางทีที่พ่อบอกว่าทะเลเอาแม่ไป แม่ผมอาจจะมีชีวิตและอาศัยอยู่ซักที่บนโลกนี้

     "เฮ้ย!!!! พี่ทำอะไร" ผมร้องลั่นเมื่อเมื่อพี่มายาแก้ผ้ากระโดดลงสระมาหาผม

     "จะสอนน้องมีนกลายร่างไงจ๊ะ" ครับตามนั้นเลยครับ และแล้วบทเรียนการเป็นเงือกของผมก็เริ่มขึ้น คุณครูจำเป็นบอกว่าเวลากลายร่างในยามปกติเราก็แค่ตั้งสมาธิว่าเราอยากมีขา อยากเป็นคน ฟังดูง่าย แต่เพ่งจนจะเข้าฌานแล้วมันก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงขนาดงัดมาทุกกระบวนท่า ตั้งแต่ไอ้มดแดงแปลงร่าง ยันเซเลอมูน แต่ก็ไม่ได้ผล

     ส่วนไอ้เชี่ยเร! นอกจากจะไม่ช่วยห่าอะไรยังนอนขำกลิ้งอยู่ริมสระ จนค่ำพี่สาวคนสวยจำต้องขอตัวกลับบ้านเลยไล่ไอ้ท่อนไม้ไร้ประโยชน์ไปส่ง

...................................................

มีความสำรวจโลก discovery เบา ๆ เรารีเสิชเยอะมากเรื่องเงือก ว่าแบบช่วงล่างเป็นยังไง อวัยวะต่าง ๆ มันควรอยู่ทำแหน่งไหน มีลองเสก็ทอนาโตมี่ดูด้วย อาจจะเอามาลง ดูก่อนเพราะแอบวิชาการพอสมควร



Cameron Stalheim’s Sculptures Indulge Dark Fantasies



ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 10​


     "ไงมึง" เสียงทักทายดังขึ้น เหลือบมองผ่านประตูที่เปิดไว้แว็บนึงก็เห็นเรนหอบของพะรุงพะรังเข้ามา

     "ก็ดี" ผมตอบ สายตายังคงจับจ้องโทรทัศน์ที่เปิดช่องการ์ตูนไว้  ผมเอนหลังพิงหมอนยางเป่าลมส่วนหางก็พาดยาวตรงขอบอ่างสะบัดไปมาด้วยความชิว ใกล้กันมีโต๊ะเล็ก ๆ วางขนมกับน้ำไว้ให้ เพราะแดดข้างนอกแรงเกินไปเรจึงเอาผมมาปล่อยในอ่างอาบน้ำแล้วลากเอาโต๊ะทีวีเข้ามาให้ส่วนตัวมันออกไปไหนไม่รู้

     "สบายเชียวนะ" 

     "ก็นะ เบื่อจะแย่แล้วเนี่ย" ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ตอนนี้ยังอยู่ที่บ้านตากอากาศของอาพวกมัน "สี่วันแล้วยังคืนร่างไม่ได้เลย แถมขาดเรียนด้วย"

     "เอาน่า ยังไม่ชินกับพลังก็งี้" เรนว่า "กูจะมาอยู่เป็นเพื่อนมึง พี่มันมีงานด่วน"

     "เอ้อ ไอ้งานนักล่านี่มันยังไงกัน" ผมถามด้วยความสงสัย

     "ก็คงเหมือนตำรวจละมั้ง" แฝดน้องเกริ่นพลางนั่งลงบนพื้นกระเบื้องแห้ง ๆ ข้างกัน "แบ่งความรับผิดชอบคนละท้องที่ นักล่าจะเรียกเฉพาะคนที่ต้องจัดการผู้ร้ายตามใบสั่งที่สภากลางเป็นคนออกให้เพราะสภามีหน้าที่ควบคุมอมนุษย์ทุกตัวให้อยู่ในกฏ"

     "อ้อออ งั้นมึงกับพี่ก็ดูแลเขตแถว ๆ มหา*ลัย"

     "เปล่า ไม่เจาะจง กูกับพี่จะดูแลพวกเคสยาก ๆ หรือในกรณีที่งานของนักล่าคนอื่นล้นมือ เพราะเรียนอยู่ไม่มีเวลาขนาดนั้น" เรนอธิบาย

     "กูควรทำยังไงต่อไปดี" ผมถามเสียงแผ่วหลังจากเงียบไปพักหญ่ เท่ากับว่าตอนนี้ผมกลายเป็นพวกอมนุษย์ไปแล้ว 

     "ก็ใช้ชีวิตตามปกตินั่นแหละ ส่วนเรื่องที่มึงเป็นเงือกก็ไม่ต้องไปบอกใคร"

     "แล้วถ้าพวกเจ๊ดารู้มันจะรังเกียจกูไหม"

     "คิดมากน่า ตอนมึงรู้ว่าพวกกูเป็นเรเวนยังไม่รังเกียจเลย" ดวงตาสีเขียวที่มองมาเต็มไปด้วยความอบอุ่น ช่วยให้รู้สึกเบาใจไปเยอะ

     เรนเอาเอกสารของสภามาให้ผมกรอกประวัติ มันช่วยเดินเรื่องขอสิทธิ์คุ้มครองให้ เพราะเผ่าพันธุ์เงือกค่อนข้างหายากและตกเป็นเป้าหมายอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะไอ้ความเชื่อที่ว่าเลือดเนื้อของพวกเราทำให้เป็นอมตะอย่างที่พี่มายาเคยบอกไว้ แค่คิดว่าต้องถูกจับไปทำซาซิมิก็สยองแล้วครับ

     พอตกเย็นผมขอให้เรนพาลงมาสระข้างล่างเพื่อยืดเส้นยืดสาย พยายามคืนร่างอยู่นานแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนเริ่มถอดใจ

     "เฮ้อ!!! ผมถอนหายใจหนักหน่วง 

ถึงจะเริ่มชินแต่ให้อยู่ในสภาพนี้ตลอดคงไม่ไหว ผมจะไปมหาวิทยาลัยยังไง พ่อเห็นแล้วจะรู้สึกแบบไหน พวกเพื่อนมันจะรับได้ไหม สภาพผมในตอนนี้คงใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปไม่ได้   

     ถึงตอนนี้เรมันจะดูแลผมดี แต่นานไปมันอาจเบื่อ มองผมเป็นภาระและทิ้งไป ผมปล่อยตัวลอยหงายบนผิวน้ำพลางเหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มมืด สุดท้ายผมคงต้องอยู่คนเดียวในทะเลจนเหงาตายแน่ ๆ

     "เป็นอะไร" เสียงทุ้มดังขึ้นบอกให้รู้ว่าเรกลับมาแล้ว ทำไมมันกลับมาไวจัง

     "กูกลัว ที่จะเป็นเงือกแบบนี้ไปตลอด" ผมบอกพลางเอื้อมมือไขว่คว้าผืนฟ้าตรงหน้าอย่างไรจุดหมาย "คงอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว" ผมรับรู้ถึงเสียงที่สั่นของตัวเอง

     "ก็อยู่ด้วยกันไง" มันแย้ง

     "ไม่!!!! เดี๋ยวมึงก็เบื่อกู เดี๋ยวมึงก็รำคาญ มึงทนไหวเหรอต้องคอยแบกไปนั่นไปนี่ หาข้าวหาน้ำให้กิน เอากูไปเป็นภาระ ซักวันมึงคงทิ้งกู"   

     เงียบ...แบบที่ไอ้เรชอบทำ แค่คิดว่าโดนทิ้งขอบตาก็ร้อนผ่าวก่อนน้ำตาจะไหลอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่ชอบอ่อนแอแบบนี้เลย

     "มีน" มันเรียกหลังจากเงียบไปนาน 

     ผมมองมือที่ยื่นมาก่อนจะยอมว่ายไปหา ทันทีที่สัมผัสมือกันเรก็ดึงผมขึ้นจากสระไปนั่งเกยบนตักมัน โดยไม่สนเลยว่าจะทำเสื้อผ้าเปียก ไม่รู้ว่าเพราะแช่น้ำนานไปหรือเปล่า ถึงได้รู้สึกว่าตัวมันอุ่นมากจนเผลอซุกหน้ากับอกกว้างนั้นอย่างลืมตัว ลำแขนแกร่งโอบกอดผมไว้

     "กลัวโดนทิ้งง?" 

     "ใช่ กูกลัว กูไม่อยากถูกทิ้งไว้คนเดียว" ผมตอบเสียงแผ่วพลางมองหน้ามัน 

     "น่ารักแบบนี้ใครจะทิ้งลง" ฮะ...น่ารัก ผมเนี่ยนะ แล้วทำไมต้องเขินขนาดนี้ คนโตกว่าฉวยโอกาสที่ผมกำลังทำตัวไม่ถูก ดวงตาสีน้ำเงินที่มองตอบมาดูเปร่งประกายกว่าทุกครั้ง สวยจนไม่อาจละสายตา เรเชยคางผมขึ้นก่อนประทับจูบที่ปากผมไปที

     งือ...ไม่ไหวแล้ว หน้าร้อนจนแทบไหม้ ใบหน้าคมก้มลงมาจูบอีกครั้งและอีกครั้งก่อนจะผละไประรานซอกคอขาว จมูกโด่งงกับลมหายใจร้อนทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว มือสากลูบแแผ่นหลังเนียนเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ ก่อนจะขย้ำสะโพกมนอย่างหมั่นเขี้ยว ผมรู้สึกหน่วงตรงส่วนกลางกายเพราะถูกอีกคนปลุกเร้าไม่หยุดมือ

     "ตรงนี้หรือเตียง" ผมก้มหน้าหลบสายตาร้อนแรงนั่น เสียงโทรทัศน์ที่ดังมาจากในบ้านบอกให้รู้ว่าไม่ได้มีแค่เราสองแต่มีน้องมันด้วยอีกคน

     "เตียงเหอะ" เรจูบหน้าผากผมหนัก ๆ ก่อนจะช้อนอุ้มขึ้นแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนอน

     น้องมีนกำลังจะเสียตัวแล้วครับ แถมยังไม่ขัดขืน ใจง่ายสุด ๆ

     ผมถูกวางลงบนฟูกนุ่ม ก่อนที่ร่างหนาจะตามมาทาบทับอย่างเร่งร้อน แล้วทุกอย่างก็เริ่มอีกครั้ง จูบรสหวานหลอกล่อให้ผมตอบสนองจนเผลอเอามือคล้องคอมันอย่างลืมตัว ริมฝีปากร้อนทั้งจูบทั้งขบกัดทิ้งรอยไว้ทั่ว 

     "จะทำทั้งสภาพนี้หรือไง"

     "เงือกหรือคน ถ้าเป็นมีนก็ได้ทั้งนั้น" เรกระซิบเสียงพร่า ทำเอาใจเต้นรัว

     "เร อา!!!!!" ผมแอ่นร่างรับเมื่อยอดอกทั้งสองข้างถูกจู่โจมด้วยมือใหญ่ 

     มันมองยอดอกสีสดก่อนก้มลงชิม ปากร้อน ๆ ที่ดูดดุนทั้งสองข้างสลับกันจนพอใจแล้วลากตำ่ผ่านท้องน้อยพลางขบกัดเบาๆ ตรงเกล็ดสีอ่อน นิ้วเรียวสอดเข้ามาในร่างเกี่ยวเอามีนน้อยออกมา

     "เสียว...ฮึก เร" มันยิ้มก่อนลากเลียส่วนที่กำลังแข็งขืน ผมซี๊ดปากด้วยความเสียว และยิ่งเกร็งหนักเมื่อนิ้วเรียวสอดเข้าไปในช่องทางด้านล่างทั้งที่ยังปรนเปรอมีนน้อยไม่ห่าง 

     มองเรที่กำลังเล่นกับร่างกายตัวเองพลางหอบ มันเงยหน้าขึ้นมามองตอบด้วยดวงตาสีน้ำเงิน ที่ในยามนี้เต็มไปด้วยความต้องการ มันร้อนแรงจนแทบเผาผมให้ตายลงตรงนี้   

     ฮือ...ความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาจนผมต้องหลับตาหนี พยายามกลั้นเสียงร้องน่าอายแต่ไร้ผล สติแทบหลุดจากร่างไปแล้วครับ

     "อ๊ะ" ผมลืมตา เมื่อจู่ ๆ เรก็หยุดมือ 

     "ก็คืนร่างแล้วนี่ไง" เรว่าพลางจูบขาผมหนึ่งทีแล้วยิ้มให้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมคืนร่างตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ มันไม่ปล่อยให้ผมได้งงนานก็จู่โจมผมต่อทันที

     ร่างสูงหยัดกายขึ้นก่อนกำจัดเสื้อผ้าตัวเองให้พ้นทาง เผยให้เห็นร่างกายกำยำกับผิวสีแทนพาดผ่านด้วยรอยสัก ดูีทรงพลังจนไม่อาจละสายตา แต่สิ่งที่ทำให้ใจเต้นรัวที่สุดคงเป็นตรงนั้นที่เริ่มตื่นตัว ขนาดของมันชวนให้ลมหายใจติดขัดขึ้นทันที 

     ผมสะดุ้งจากสัมผัสเย็นชื้นที่ป้ายลงมา ไปหยิบเจลมาจากไหนวะ นิ้วเรียวสอดเข้ามาในร่างอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความคุ้นชิน แม้เรจะเตรียมทุกอย่างให้ผมอย่างใจเย็นแต่ลมหายใจหนักหน่วงบอกให้รู้ว่ามันกำลังอดทน

     "ใส่เข้ามาเถอะ" เหมือนรอผมอนุญาติ พอสิ้นคำเรจับขาผมพาดบ่าในทันที

     "อา จะเจ็บ บ...เบา" ผมผวาเอามือยันแผ่นอกกว้างอย่างตระหนก เมื่อความใหญ่โตนั่นชำแรกเข้ามาเบื้องล่างได้แค่ส่วนหัว 

     "ไหวไหม" เรหยุดพักให้ผมได้ปรับตัวพลางจูบปลอบไปพลาง ผมสูดหายใจลึกๆ ไขว่คว้าไหล่แกร่งเป็นหลักยึด อารมณ์ผมมาไกลเกินจะหยุดแล้ว ผมพยักหน้าบอกให้รู้ว่าพร้อมแล้ว...มั้ง!

     "อ๊า... เร ฮึก" ผมร้องเมื่อแก่นกายร้อนกดเข้ามาทีเดียวจนสุด น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่เพราะมันเจ็บจริงจัง เผลอจิกข่วนร่างหนานั่นอย่างทรมาน เรริ่มขยับเข้าออกช้า ๆ ให้ความแข็งขืนเสียดสีด้านในจนเสียวซ่านระคนเจ็บ "ระ เร...กู อ๊า ถาม อ๊า ไรหน่อย ซี๊ด"

     "ถามว่า"

     "มึง ฮึก ชอบกูจริง ๆ ระ...เหรอ" คิ้วหน้าขมวดมุ่นอย่างขัดใจ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เวลามาถามแต่อยากรู้ไง เอวหนากระแทกเข้ามาหนัก ๆ จนผมทั้งครางทั้งสะอื้น

     "โอ๊ย เร เบา ฮึก ซี๊ด ตอบกู อ๊ะ"

     "มันเลยคำว่าชอบไปไกลแล้ว" มันตอบพลางช้อนตัวผมลุกขึ้นนั่งคร่อมบนตัก มือกร้านประครองสะโพกมนพลางกระแทกสวนรัว ๆ แรงกดบวกกับน้ำหนักตัวทำให้อะไร ๆ มันเข้าลึกโดนจุดกระสันจนแหงนหน้าครางลั่นด้วยความเสียวซ่าน   

     ห้วงอารมณ์ถูกฉุดไปไกลจนสติกระเจิดกระเจิงเกินย้อนกลับ เสียงทุ้มครางต่ำสลับกับรสจูบร้อนแรงทำเอาภาพตรงหน้าพร่าเบลอ ทำไมผมถึงเผลอตัวเผลอใจไปกับมันขนาดนี้นะ เพราะมันหล่อ เพราะมันดูแลเอาใจใส่ เพราะมันตามใจ หรือว่าผมชอบมันไปแล้ว

     "ไม่ไหว อ๊า เร อ๊า กู..." ผมครางไม่เป็นภาษาคลอไปกับเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของร่างสูงความรู้สึกต่าง ๆ ถาโถมจนบอกไม่ถูกว่าควรจะเรียกว่าความสุขหรือไม่ แต่ช่างยาวนานจนปลดปล่อยออกมาในที่สุด

     "อา มีน" เรกัดฟันกรอดก่อนจะเร่งจังหวะตามผมมาติด ๆ ความรู้สึกอุ่นวาบเต็มตื้นตรงส่วนนั้น 

     "เร..." เรวางผมลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาพร้อมถอนแก่นกายออกจนอะไร ๆ มันไหลล้นออกมาเลอะขาไปหมด ผมนอนหายใจหอบมองมัน แข้งขาอ่อนแรงไปหมดแถมตรงนั้นยังรู้สึกขัด ๆ จนไม่อยากขยับให้เจ็บร้าวไปมากกว่านี้

     "ครั้งแรกหรอ" เชี่ย!!...ดูมันถาม 

     "ครั้งแรกแล้วหนักหัวมึงเหรอ" ผมคว้าหมอนฟาดมันเลย แม่งถามมาได้

      ยัง...ยังจะมายิ้ม เกิดมาเคยผ่านแค่น้องนางทั้งห้ามันผิดมากหรือไง งอนสัด ได้กูแล้วก็มากวนตีน 

     "ไม่ต้องมาแตะกูเลย งื้อ" แล้วมันฟัดแก้มผมจนหนำใจ ก่อนจะรู้หน้าที่ไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้แล้วล้มนอนลงข้าง ๆ ก่อนดึงผมเข้าไปกอด

     "ก็แค่ดีใจ" เสียงทุ้มกระซิบบอกทำเอาร้อนผ่าวไปทั้งหน้า

     "มึงลืมอะไรหรือเปล่า" เร!? มองผมแบบงุนงง "ใจคอมึงจะไม่ขอกูเป็นแฟนเลยหรือไง" มันหัวเราะเบาๆ พร้อมกอดผมแน่นขึ้น"ตอบเลย ถามเหี้ยอะไรก็เอาแต่ยิ้ม ก็เอาแต่หัวเราะเมากัญชาเหรอ"

     "ก็เป็นเมียแล้วนี่ไง" 

     โอเค...เข้าใจ 

     พอ...ไม่ต้องจ้องกูแล้ว เขิน   

     นอนครับนอน ก่อนเรจะไม่ยอมให้ผมนอนเพราะแอบเห็นว่าลูกชายมันยังไม่ยอมลง พร้อมแผลงฤทธิ์ได้ทุกเมื่อ

:z13:




..................................

เวลาเขียน Nc แบบมันรู้สึกเฉย ๆ มาก หรือเพราะเรเป็นคนเขียนอะ หรือมันยังไม่ถึงอารมณ์พอ งงตัวเอง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ฉากที่รอคอย  ก็มาและ ชอบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เร มีน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ตกลงมีน เป็นเงือกจริงๆ ฮู้เร้ๆ.........
แสดงว่าพ่อมีนคบกับสาวเงือกสินะ
เอ๊.......หรือพ่อมีน ก็เป็นอมนุษย์เหมือนกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โดนเรจับกินแล้วววว :hao6:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 11​

Amun-Ra Say

     เรเวนเป็นเผ่าพันธุ์แห่งการหยั่งรู้ พวกเรามักมีลางสังหรณ์ที่ค่อนข้างแม่นยำ เป็นตัวแทนของการสื่อสารระหว่างโลก 

     พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณจำเป็นต้องใช้เรเวนเป็นผู้สร้าง อย่างเช่นประตูนรก*ผลงานประติมากรรมที่แฝงไปด้วยเวทย์มนต์คือหนึ่งในสิ่งที่สายเลือดเรเวนได้สร้างไว้ แต่ตอนนี้มันถูกทำลายไปแล้ว

     ผมกับน้องสูญเสียครอบครัวไปตอนอายุเก้าขวบ ครอบครัวเราทำงานให้กับซาโตนี่* พอแม่ตั้งท้อง พ่อก็มีความคิดอยากถอนตัวเพราะไม่อยากให้เราทั้งคู่เติบโตท่ามกลางคาวเลือดและการเข่นฆ่า อีกทั้งตัวท่านเองเข้าร่วมองค์กรมืดนี้เพราะถูกต้นตระกูลบังคับ

     พ่อติดต่อกับสภากลางและเป็นสายให้ตั้งแต่นั้นมา แต่ก็ถูกจับได้และถูกสั่งเก็บในที่สุด ส่วนผมกับเรนหนีรอดมาได้ เราทั้งคู่เร่ร่อนอยู่ร่วมสองปี เอาตัวรอดวันต่อวัน ทั้งจากพวกคนในซาโตนี่ที่โกรธแค้นพ่อแม่ผมและเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ที่่ต้องการใช้ประโยชน์จากพลังของเรา

     โชคดีของเราทั้งคู่ที่ได้พบ อีคารอสผู้นำตระกูลซานซิโอคนปัจจุบัน เขาคือคนที่พ่อแม่ผมติดต่อส่งข่าวให้ หลังเกิดเรื่องเขาพยายามตามหาเรา แต่ในตอนนั้นเราทั้งคู่มองทุกคนเป็นศัตรูและพร้อมจะหนีหายได้ทุกเมื่อจึงเสียเวลาอยู่นาน ท่านรับเราเป็นลูกบุญธรรมผมกับน้องจึงกลายเป็นคนของซานซิโอตั้งแต่นั้น

    ผมกับเรนเหมือนได้ชีวิตใหม่ ได้เรียนได้เที่ยวเหมือนวัยรุ่นทั่วไป มีข้าวกิน มีบ้านซุกหัวนอนและไม่ต้องอยู่กับความหวาดระแวง ด้วยตำแหน่งของงานท่านพ่อจึงไม่มีเวลามาดูแลเรามากนัก คนที่เลี้ยงดูสั่งสอนเราทั้งคู่จึงเป็นอารอทและอาซอนเน่แทน อย่างตอนนี้ที่เรามาอยู่ไทยเพื่อมาช่วยงานท่านทั้งสอง

     สำหรับมีนครั้งแรกที่เจอกันมันไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไรเพราะมันดันมาเห็นผมปาดคอเป้าหมาย ผมยังจำใบหน้าเหวอ ๆ ตอนนั้นได้อยู่เลย ขณะที่ผมกำลังลังเลอยู่ว่าจะจัดการยังไง เพราะลางสังหรณ์บางอย่างเตือนว่ามันจะมีผลต่ออนาคต แต่เรนกลับแค่ขู่นิดหน่อยแล้วปล่อยไป

     (แบบนี้จะดีเหรอ มึงเองก็รู้สึกได้นิ)

     (อืม แต่คิดว่าไม่ใช่ลางร้ายหรอก) เสียงน้องชายดังในหัว ที่เห็นผมเงียบ ส่วนหนึ่งเพราะผมกับเรนสามารถคุยกันในความคิดเพราะเป็นแฝดจึงเชื่อมถึงกัน ส่วนกับคนอื่นผมมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องคุยด้วย
 
     (มันจะไม่อันตรายกับเราใช่ไหม) ถ้ามีใครซักคนแพร่งพายเรื่องการมีอยู่ของอมนุษย์ออกไปคงเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาแน่

     (คิดว่าไม่ อีกอย่างหมอนั่นน่ารักดีนะ)

     (เอาที่สบายใจเลยยังไม่อยากเป็นยอดชาย) ถามว่าไอ้เด็กนั่นหน้าตาดีไหม ไม่รู้สิใส่แว่นบังไปครึ่งหน้าขนาดนั้น ยิ่งไม่ใช่ผู้หญิงคงไม่คิดจะสนใจ

     (ได้เจออีกก็คงดี รู้สึกถูกชะตาอยากบอกไม่ถูก มันต้องเป็นพรมลิขิตแน่ ๆ) 

     (ลางของมึง เห็นอะไรกันแน่) เรนหันมายิ้มให้ ดวงตาสีมรกตวาววับแฝงไว้ซึ่งบางอย่างอยู่ในนั้น

     (เดี๋ยวพี่ก็รู้เอง) 

     ถึงจะเป็นแฝดกันแต่ความสามารถที่เรามีก็ต่างกัน เรนมีลางสังหรณ์และญาณที่ดีกว่าผม ในขณะที่ผมมีประสาทสัมผัสและพลังกายที่มากกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมงานล่าส่วนใหญ่ผมจึงเป็นคนจัดการ และอีกเหตุผลคือผมรักน้องเกินกว่าจะให้ไปเสี่ยงอันตราย 

     พรมลิขิตที่เรนว่าสัมฤทธิ์ผลในวันนั้นเพราะมีนดันเรียนคณะเดียวกัน เราทั้งคู่มาสายเลยโดนเทศนาไปชุดใหญ่แถมถูกลงโทษให้วิ่งรอบสนามอีกด้วย 

     จำได้ว่ามีนผูกเน็คไทไม่เป็นรุ่นพี่เลยสั่งให้ผมช่วย มองมือสั่น ๆ ที่ยื่นเนคไทให้ผมแล้วตลกชะมัด กลัวผมขนาดนั้นเลย 

     พอได้มองมีนใกล้ ๆ แม่งโคตรขาวเลยวะ ขาวจนแทบจะเรืองแสง แถมน่าตายังน่ารักมากด้วย ตาโต ๆ กับปากเล็ก ๆ จนแอบสงสัยมันผู้ชายแน่เหรอ และแน่นอนว่าพอเรนรู้ก็อ้อนผมให้คอยดูไว้ สงสัยคนนี้ถูกใจมันจริงจัง

     ทีแรกผมตามไอ้แว่นนี่เพราะเรนขอ แต่ตอนหลังกลายเป็นผมเองที่อยากอยู่ข้าง ๆ มัน มีนเป็นคนมีสีสันในการใช้ชีวิต มันพูดมากแต่ไม่น่ารำคาญ ต๊องบ้าง เอ๋อบ้าง และบ้าบอในบางครั้ง สามารถสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างได้เสมอแถมยังเป็นคนมีน้ำใจมาก ๆ อย่างวันแรกที่เจอกัน ทั้งที่กลัวผมขนาดนั้นยังอุส่าให้เพื่อนซื้อข้าวมาเผื่อผมด้วย

     ผมรู้ว่ามีนไม่ใช่มนุษย์วันที่มูรอลล้มทับเรา กลิ่นเลือดของมันต่างจากคนทั่วไป ยิ่งตอนที่แขนมันโดนน้ำแล้วรอยถลอกหายไปยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้น แต่เหมือนมีนจะไม่รู้ตัวและการที่ผมไม่ได้กลิ่นไอในทีแรกอาจเป็นเพราะเจ้าตัวยังไม่แสดงพลังเต็มที่่ ยังมีอมนุษย์หลายสายพันธุ์ที่ไม่แสดงพลังจนกว่าจะโตเต็มวัย

     ตอนที่มีนถูกแฟนใหม่พะแพงกระทืบ ยอมรับเลยว่าผมฉุนจัด คนที่มักจะยิ้มแย้มกลับทำหน้าเศร้า มันทำให้ทั้งโลกหมองลงได้ หากมีนไม่ห้ามในวันนั้นพวกมันคงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ 

     ความรู้สึกผมชัดเจนขึ้นทุกวัน ผมชอบมือนิ่ม ๆ ที่จูงมือไปทานข้าวด้วยกัน ชอบเสียงหัวเราะและชอบรอยยิ้มของมีน ถึงแม้ว่าผมไม่นิยมผู้ชายแต่ก็ชอบไปแล้ว และนั่นคือปัญหา เมื่อเรนก็ดูจะสนใจมีนเหมือนกัน เมื่ออยู่ในสถานการที่ต้องเลือก แน่นอนผมต้องเลือกน้องก่อนอยู่แล้ว 

      ตอนที่กินเลี้ยงกันหน้าตึกผมปลีกตัวออกมากับลูกแก้วเพราะเธออุส่าเสนอเลยต้องสนอง ส่วนหนึ่งคืออยากสลัดมีนออกไปจากความคิด แต่เชื่อไหมผมทำไม่ได้ แม้ข้างกายผมจะมีผู้หญิงอีกคนอยู่ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความกังวล มีนเมาแล้วจะกลับยังไง คนพามันกลับจะส่งถึงห้องหรือเปล่า สุดท้ายก็กลับมารับมันอยู่ดี

     ช่วงเวลาลำบากในตอนเด็กสอนผมว่าความรักทำให้เรามีจุดอ่อน มันก็จริงเพราะตอนที่มีนถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน ผมทั้งห่วงทั้งโกรธจนแทบคลั่ง สิ่งที่คิดอย่างเดียวตอนนั้นคือต้องช่วยมันให้ได้ ทำเป้าหมายหนีรอดไป เดือดร้อนต้องไปตามล่ามันใหม่ใช้เวลาร่วมอาทิตย์ 

     ทั้งที่คิดว่าดีแล้วห่าง ๆ มีนไว้จะได้ตัดใจแต่ที่ไหนได้ กลับคิดถึงมันมากกว่าเดิม ผมกลับมาที่คอนโดพอถึงหน้าห้องกลับได้ยินเสียงโวยวายดังจากในนั้น จะเสียงใครซะอีกถ้าไม่ใช่ ไอ้แว่นเกรียนที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่แบบนี้

     (ไงพี่ กลับมาไวกว่าที่คิดนะ) เรนทัก เสียงร้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ต่างจากทุกครั้งที่มันโวยวายบ้างเวลาโดนเรนแกล้ง

     (มึงทำอะไร)

     (จะปล้ำไอ้มีน ถ้าไม่มีอะไรไปที่อื่นก่อนก็ได้นะพี่) เรนออกปากไล่ ผมควรไปแต่สองเท้ากลับไม่ขยับยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

     (อย่าทำแบบนี้)

     (พี่มีเหตุผลดีพอที่จะให้ผมหยุดไหมละ) เหตุผล?...มีสิ แต่ถ้าพูดไปน้องผมจะเสียใจไหม 

     (ว่าไงพี่เร เอาแบบจริง ๆ จากใจ ถ้ามันดีพอผมหยุดแน่) เสียงเรนยังถามซ้ำในความคิด จริง ๆ จากใจนะเหรอ

     ปัง!!!ผมผลักประตูเข้าไปอย่างแรง ไอ้แว่นเกรียนเหวอแดกไปแล้วครับ ส่วนน้องรัก 

      "แกล้งหรอ!?" แค่เห็นรอยยิ้มกวน ๆ ก็รู้แล้วว่าเรนแกล้งผม

     (มึงรู้!!?)

     (แหม อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ในท้องจะไม่รู้ได้ไงว่าพี่ชอบใคร) มีนจ้องพวกผมพร้อมทำหน้างง เพราะไม่ได้ยินที่เราคุยกันน

     (แล้วมึงไม่ชอบมันหรอ)

     (ชอบ...แบบเพื่อน พี่ก็น่าจะรู้นิ ว่าผมรักใคร) ครับผมรู้ว่าเรนมันรักคนที่เป็นไปไม่ได้ ไอ้ที่มันทะเล้น เจ้าชู้ จีบคนนั้นคนนี้ไปวัน ๆ ส่วนหนึ่งเพื่อไม่ให้มันคิดถึงใครคนนั้นมากเกินไป สาเหตุที่ผมยอมถอยเพราะคิดว่าไอ้แว่นนี่คงทำให้น้องผมเปิดใจได้แต่กลับเป็นผมที่เผลอใจให้มันซะเอง

     เรนเฉลยทุกอย่าง ว่าที่มันทำมาเป็นแผนจับคู่ให้ผมกับมีน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้มันเจอดีแน่ แต่ตอนนี้อาจต้องขอบคุณแทนแล้วละเพราะมันช่วยให้ผมได้ไอ้แว่นเกรียนมานอนกอดในวันนี้ จะว่าไปลางสังหรณ์ตอนแรกก็ไม่ผิดเท่าไหร่ ที่คิดว่ามีนอันตราย เพราะมันอันตรายต่อหัวใจผมเอง

     ได้มองหน้ามีนใกล้ ๆ โดยปราศจากแว่นบดบัง บอกได้คำเดียวว่าแม่งโคตรน่ารัก แพขนตางอนยาว จมูกรั้น ๆ และริมฝีปากแดงเรื่อ ดูตัดกันดีกับผิวเนียนขาวราวกับหยกที่ไร้ตำหนิ จนอดไม่ได้ที่จะลูบไล้ร่างที่หลับใหลอยู่อย่างเพลินมือ 

     เคยได้ยินมาว่าเงือกเป็นเผ่าพันธุ์ที่งดงามที่สุดเท่าที่โลกเคยมี เรื่องนี้ผมไม่เถียง ไม่ว่าจะในร่างมนุษย์หรือร่างของเงือกมีนสามารถดึงความสนใจจากผมได้เสมอ แต่นี่แหละคือสิ่งที่น่ากังวล เพราะพลังที่แสดงออกมาเต็มที่เมื่อได้สัมผัสกับทะเล ทำให้กลิ่นไอของมีนชัดเจนขึ้น 

     -♬。 ♫♫~♬ ♫~♬ - เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตรงหัวเตียง

     “ไง” ส่งเสียงซักนิดให้รู้ว่ามีคนรับเพราะเจ้าของโทรศัพท์ยังหลับไม่ตื่น

     “เร หรอ” เสียงแหลมแสบหู เจ๊ดาเองครับ “ไอ้มีนเป็นไงมั่ง”

     “ดีขึ้นแล้ว หลับอยู่” ผมสรุปสั้น ๆ

     “ก็ดี เห็นมันหายไปเลย ขาดเรียนตั้งหลายวัน กลัวมันจะเป็นมากเลยโทรมาเช็ค แต่อยู่กับเรก็ดีแล้วอย่างน้อยก็มีคนดู” เจ๊ดาบ่น "เอ๊ะ หรือว่าหายไปนานแบบนี้ แกทำอะไรน้องมีนยะ"

      "ทำ" ผมตอบตามจริง ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดมากจากปลายสาย สาววายก็งี้แหละครับ

     "เพลา ๆ บ้างนะ แล้วถ้ามันหายแล้วก็เอากลับมาด้วย หยุดนานเดี๋ยวอาจารย์ให้ติดไอทั้งคู่ แค่นี้ละจุ๊บ ๆ" ดาหลาร่ายยาวก่อนจะวางสายไป เรื่องมหาลัยผมจัดการไว้แล้วไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกครับ

     เมื่อวานมีนมันเครียดเรื่องที่คืนร่างไม่ได้ ส่วนผมไม่ว่าร่างไหนมันก็น่ามองทั้งนั้นแหละ เพราะกลัวผมทิ้งเมื่อวานเลยอ้อนผมหนักมากทั้งที่มันไม่เคยทำมาก่อน ทั้งที่คิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไปแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้จัดการมันอยู่ดี ความผิดมีนเลยทำตัวน่ารักเกิน

     “อือ...ใครโทรมา” มีนงัวเงียถามแบบคนไม่ตื่นดีแต่พอสบตาผมปุ๊บ ก็รีบซุกหน้าลงกับอกผมด้วยความเขินอายกับสภาพของเราในตอนนี้

      “เจ๊ดา” ผมตอบพลางกอดมันแน่นขึ้น เราแนบชิดปราศจากอะไรมากั้นจนรับรู้ได้ถึงหัวใจของคนบนร่างที่กำลังเต้นแรงในตอนนี้

     “กูหิว” มันบ่น “แต่กูอยากอาบน้ำก่อน แบบว่ามันรู้สึกไม่สบายตัว...มัน...”

     “ไม่สบายตรงไหน” ผมแกล้งซื่อ ไอ้อาการหน้าแดงไปไม่เป็นแบบนั้นเดาไม่ยากหรอก

     “ตรงนั้นแหละ” มันบอกเสียงแผ่ว “อ๊ะ!!!”

      “นี่เหรอ” กระเซ้าถามพลางลูบก้นมันเบา ๆ ก่อนจะสัมผัสช่องทางด้านหลังที่ยังชุ่มเพราะสิ่งที่ทิ้งไว้เมื่อคืน 

      ไอ้มีนทุบอกผมดังอั๊ก ทั้งโกรธทั้งอาย  ไอ้เงือกน้อยงอนแก้มป่อง จนผมอดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มนิ่ม ๆ นั่นอย่างมันเขี้ยว ได้แกล้งมันแล้วมีความสุขชิบหาย ฟัดแก้มมันจนหนำใจจึงอุ้มมันไปอาบน้ำตามคำขอ

      “กูทำเองได้!!!! ไม่ต้องยุ่งเลย” มีนโวยวายปัดป่ายมือผมออกจนน้ำในอ่างกระเซ็น 

     คือผมจะช่วยมันล้วงเอาน้ำที่ค้างในตัวออก มีหรือผมจะฟัง จับขาเรียวนั้นแยกกว้างก่อนจะค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือกคว้าไหล่ผมเป็นหลักยึด ช่องทางร้อนรุ่มรัดนิ้วเรียวแน่น 

      “อือ....ไอ้เชี่ย...เร” ดวงตาคู่สวยฉ่ำน้ำ คิ้วทั้งสองขมวดมุ่น ริมฝีปากเล็กกัดแน่นอย่างฝืนกลั้นเมื่อผมควานนิ้วช้า ๆ กวาดเอาสิ่งที่คั่งค้างออกมา มันไม่รู้ตัวหรือไงว่ายั่วผมอยู่ 

      “อา...เสร็จยัง...วะ” ยัง...ยังมีหน้ามาถามเสียงกระเส่า เดี๋ยวต้องโดน

     “ยัง!!!” ผมบอกเสียงเข้มพร้อมกับความอดทนที่ขาดผึ่ง พาตัวเองลงไปนั่งในอ่างก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก จัดแจงท่าทางพร้อมรบทำเอาคนจะโดนกระทำเหวอแดกไปเลยครับ

      “มึงจะทำอะไร...” มันถามเสียงตื่น พยายามขืนตัวเต็มที่

     “เอามีน!!!” ผมตอบแค่นั้นก่อนจะกดสะโพกมนลงบนแก่นกายรวดเดียวทำเอาร่างบางร้องลั่นน้ำตาซึม

     “ฮึก...กูเจ็บนะเว้ย มึงแม่ง...” เสียงหวานทั้งวีนทั้งสะอื้น มันทุบไหล่ผมรัว ๆ ผมเลยจูบปลอบ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนตามแรงปารถนา...ใครใช้ให้มันทำตัวน่ารักน่าเอาละครับ

     "แล้วเมื่อไหร่ ฮะ!...กูจะได้กิน...อา...ข้าวว" มันยังจะถาม

     "ค่อยกิน!!!!" ก่อนจะกินข้าว ผมขอกินมีนก่อนเหอะ ไม่ไหวละ

      “อา...เร... อ๊ะ...”  เพียงแค่ขยับเบา ๆ ก็เรียกเสียงครางเครือเร้าอารมณ์ของมันได้ จนจังหวะช้า ๆ ไม่อาจเติมเต็มความต้องการได้เพียงพอ ร่างกายขอมีนดูเปล่งปลั่งมากเมื่อเปียกน้ำ ผิวกายเรียบลื่นเป็นประกายดึงดูดให้สัมผัสไปทั่วร่างอย่างหลงไหล ผมกดจูบริมฝีปากนิ่มที่เผยอครางอย่างไม่รู้จักพอ

      ไม่เคยคิดว่าจะตัวเองจะอาการหนักขนาดนี้ ตอนแรกผมสนใจมันที่นิสัย ยึดติดกับมันด้วยความชิดใกล้ และจมดิ่งไปกับความสวยงามที่ค้นเจอ ว่ากันว่าทุกคนต้องมีศูนย์กลางในการชีวิต ผมว่าผมเจอแล้วละ...มีน มัสยา คือศูนย์กลางในชีวิตผม



Rain Say

     พี่ชายผมกำลังมีความสุข ที่รู้สึกได้เพราะเรามักเชื่อมถึงกันเสมอด้วยจิตวิญญาณ แต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้จิตวิณญาณอะไรทั้งนั้นเพราะผมนอนเล่นอยู่หลังบ้านได้ยินเสียงครางไอ้มีนชัดเจน เสียงดีชิบหาย

     เฮ้อ...เมื่อคืนก็รอบนึงแล้ว เช้ายังจะมีอีกรอบ ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ ทำอะไรไม่เกรงใจคนโสดเลย เดี๋ยว ๆ ผมจะล้อซะให้เข็ด

     ตอนเจอมีนครั้งแรก ผมรู้สึกได้ว่ามันกับพี่มีบางอย่างที่เชื่อมกันอยู่ คุณเชื่่อในพรมลิขิตไหม ผมเชื่อนะเพราะงั้นเลยวางแผนจับคู่พวกมันขึ้นยังไงละ พี่เรทำเพื่อผมมามากถึงคราวที่ผมจะมอบความสุขให้มันบ้าง

     พี่เรสมหวังไปแล้ว ส่วนผมคงต้องพยายามต่อไป ดันไปรักคนที่สูงกว่าก็ต้องทำใจ แต่ใช่ว่าจะยอมแพ้หรอกนะ ระหว่างนี้ ที่ควงถือว่าซ้อมรบไปก่อน เพราะผมกำลังพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นและมีคุณค่าเทียบเท่ากับคน ๆ นั้น เมื่อวันนั้นมาถึงผมจะได้บอกกับคนที่ผมรักอย่างภาคภูมิใจและคู่ควรจะดูแลเขาตลอดไป

....................

ประตูนรก* สร้างโดยต้นตระกูลเรเวน เป็นประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และนรก วิญญาณที่มีพลังแข็งแกร่งพอจะสามารถผ่านประตูนี้ได้โดยการอันเชิญ   ของจริงเดิมทีมีสองอัน อันล่าสุดถูกทำลายทิ้งโดยรอท ราฟาเอลโล ซานซิโอ(ตอนที่ไปช่วยโยนาห์จากการถูกสังเวยเป็นร่างทรงวิญญาณลูซิเฟอร์) ทำให้ตอนนี้ไม่มีเหลืออยู่แล้ว

ที่รู้จักกัน ดีเป็นผลงานของ Rodin Auguste แต่เป็นเพียงงานศิลปะจำลองไม่มีพลังเวทย์มนต์ใด ๆ



ซาโตนี่* Satanimus Creed เป้าหมายขององค์กรเริ่มแรกคือการนำลูซิเฟอร์ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ตามแนวทางของตระกูลอาร์เคน ต่อมาเป้าหมายขององค์กรคือทำให้เผ่าพันธุ์อมนุษย์มีอำนาจสูงสุดในโลกและมองมนุษย์เป็นเพียงทาสและอาหาร






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด