เกลียดแฟนเก่า
"น้องกุนต์ ฉากเลิฟซีนนะคะ ไม่ใช่จะฆ่าพระเอก อย่าทำหน้าแบบน้านน"
พี่มะกรูดหรือผู้จัดการส่วนตัวของผมงอแงเมื่อผมไม่สามารถผ่านฉากเลิฟซีนอย่างการจูบกับพระเอกได้สักที
"ถ้าไม่ใช่ลุงขาลขอ ผมก็ไม่แสดงหรอก"
จากที่เป็นคนหน้านิ่งอยู่แล้วตอนนี้หน้าผมบูดสนิท ใครบอกบุญก็ไม่รับทั้งนั้น ผมนั่งหน้าหงิกพยายามปรับอารมณ์ตัวเองเพื่อที่จะรับสภาพกับอาชีพนักแสดงที่เพิ่งมาทำจริงๆ จังๆ เป็นครั้งแรก
ปรกติผมเป็นนายแบบออกอีเวนต์โฆษณาต่างๆ ตามเรื่องตามราว ทุกอย่างกำลังไปได้สวยจนกระทั่งลุงขาลซึ่งเป็นต้นสังกัดที่คอยดูแลผมมาตลอดโทรมาขอให้ผมไปแสดงในซีรีย์วัยรุ่นที่สร้างจากนิยายชายรักชาย ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรกับการเป็นนายเอกหรือพระเอกหรอก
แต่ที่ผมขัดข้องคือไอ้พระเอกของเรื่อง
มันเป็นแฟนเก่าผม!!!
วันแรกที่ผมรู้เรื่องนี้ ผมแทบโยนโทรศัพท์ทิ้ง แล้วยิ่งพี่มะกรูดส่งมาในไลน์แล้วกรี๊ดๆๆ ผมยิ่งอยากบ้า ไม่มีใครรู้เรื่องที่ผมกับเขาเคยเป็นแฟนกันเพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยม. ปลาย นี้ก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว ทั้งฝ่ายผมและฝ่ายเขาต่างมีการมีงานทำ ถึงจะเจอกันเนืองๆ ในบางครั้งแต่ก็ผมเป็นทุกครั้งที่เป็นฝ่ายหลบฉากออกมาก่อน
จะเรียกว่าปั๊ปปี๊เลิฟก็ใช่ แต่ตอนนั้นผมกับเขาก็ไม่ได้หวานอะไรกันขนาดนั้น ก็คบกันแบบผู้ชายๆ ไปกินข้าว ค้าง เล่นเกม ด้วยกันอะไรทำนองนั้นก่อนที่ความสัมพันธ์จะจบลงตอนที่เขาจบม. ปลายแล้วไปเรียนต่อมหาลัยในกรุงเทพ พอห่างๆ กันไปความรู้สึกจางลงจนแทบจะหายไปหมด
แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่ผมที่คิดแบบนั้น
เพราะอีกฝั่งนึงนั้นทำเหมือนกับว่าไม่มีความรู้สึกมาตั้งแต่แรก
พอจับงานแสดงได้ก็ควงผู้หญิงเป็นว่าเล่นขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ จนผมเลิกเสพข่าวไปพักใหญ่แต่พอกลับมาเสพข่าวก็ยังเจอเขาอยู่ดี จนทำอะไรไม่ได้นอกจากปลง
ช่วยไม่ได้ เขาตอนนี้เป็นเบอร์หนึ่งของนักแสดงชายนี่
ทั้งฮอต หล่อ รวย ดีกรีเดือนมหาลัย
เอาเป็นทุกอย่างในชีวิตลงตัวจนน่าอิจฉามากทีเดียว ถ้าผมเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไปคงจะกระหายชีวิตแบบเขา คิดดูสิ จะมีสักกี่คนที่มีนักแสดงสาวดังๆ หรือนักธุรกิจสาวสวยๆ มาเทียวไล้เทียวขื่อตลอดปี
"หูย น้องกุนต์ ผู้กำกับเริ่มมองตาเขียวแล้วนะคะ ถือว่าพี่ขอนะคะ เรื่องส่วนตัวไว้ทีหลังเรื่องงานต้องมาก่อน พี่ไม่รู้หรอกว่าน้องกุนต์ไม่ชอบพี่ตุลย์คนหล่อมากๆๆ ตรงไหน แต่ค่อยเกลียดตอนงานเสร็จแล้วนะคะ"
พี่มะกรูดว่าโดยไม่ดูหน้าผมสักนิด
"...ครับ ผมจะพยายาม"
โอเค ผมรู้ตัวว่าผมงี่เง่าแต่จะให้ทำยังไงล่ะ จูบกับแฟนเก่านะ คือเรื่องในอดีตมันก็ชอบโผล่ขึ้นมาในหัวตอนที่ผมกำลังจะจูบ พอนึกถึงเรื่องนี้ หน้าผมก็ไปละ เริ่มหงุดหงิดไม่พอใจ แล้วก็โดนสั่งคัท
ผมยอมรับว่าผมยังเหลือเยื่อใยกับเขาอยู่ คือเราเลิกคุยกันโดยไม่ได้บอกเลิกด้วยซ้ำ ต่างฝ่ายต่างหายหน้ากันไปโดยที่ยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ ทั้งๆ ที่ทั้งผมและเขาต่างก็มีช่องทางติดต่อกันแต่ก็ไม่เคยทักไปสักครั้งหลังจากที่เขาไป
"สู้ๆ น้องกันต์ เดี๋ยวจบงานนี้พี่พาไปเลี้ยงชาบูต่อด้วยบิงซูที่น้องชอบ"
ผมหลุดยิ้ม พี่มะกรูดรู้ดีว่าควรจะทำยังไงเวลาที่ผมรู้สึกไม่โอเค "ร้านเดิมนะครับ"
"จ้าา รีบไปเร็ว หมดเวลาพักแล้ว"
ผมพยักหน้าส่งๆ แล้วเดินกลับเข้าไปในฉากซึ่งเป็นสถานที่กลางแจ้งอย่างสวนสาธารณะในเวลาเกือบเที่ยงคืน
คือตอนแรกมันก็เป็นนิยายชายหญิงดีๆ นะ แต่ไม่รู้ไปทำท่าไหนถึงกลายเป็นนิยายวายได้
ผมส่งยิ้มแห้งๆ ให้พี่เต้ผู้กำกับที่ค่อนข้างปราณีผมมาก ผมได้ยินพวกช่างแต่งหน้าเมาท์กันว่าถ้าใครมีปัญหาบ่อยๆ จะโดนพี่เต้ระเบิดใส่ แต่ดีที่ผมยังไม่โดนทั้งๆ ที่ผมก็ค่อนข้างเป็นตัวปัญหาตัวใหญ่ทีเดียวสำหรับการแสดงซีรีย์เรื่องนี้ แต่พี่เขาก็คงเข้าใจเพราะผมปกติก็ไม่ค่อยรับงานแสดงอยู่แล้ว มันใช้พลังเยอะ ยิ่งกับนายเอกเรื่องนี้ที่มีชีวิตดี้ดีจนผมอยากหลั่งน้ำตาด้วยความอิจฉา ผมไม่รู้ว่าคนเรามันต้องทำบุญเบอร์ไหนถึงจะได้ชีวิตรักที่ดีขนาดนี้ พระเอกรักนายเอกมากไม่เคยนอกใจ มีผู้หญิงมาอ่อยก็ไม่สนใจ คือมันตรงข้ามกับชีวิตผมมากเกินจนผมคันยุบยิบในใจ
"โอเคแล้วนะครับ กุนต์" พี่เต้ยิ้มให้ผมบ้างแต่ผมกลับรู้สึกขนลุกเกลียวไปทั้งตัว "สบายๆ คิดซะว่าอยู่กับแฟนก็ได้ ถ้ายังงงๆ ไม่ไหวก็ลองปรึกษาพี่ตุลย์ดู คนนี้นี่ผู้เชี่ยวชาญเลย พี่ว่า กุนต์ก็น่าจะรู้นะ"
"ครับ ผมโอเค เมื่อกี้ผมเผลอฟุ้งซ่านนิดหน่อยก็เลยหลุด"
ไม่นิดล่ะ เป็นสิบเทคจนโดนสั่งให้พักเนี่ย
ผมพยักหน้าให้พี่เต้และทีมงานคนอื่นๆ อย่างมาดมั่น
ครั้งนี้เทคเดียวผ่านพอ คิดว่าจูบหมอนที่บ้านก็ได้ ผมไม่อยากเป็นภาระ ต่อให้ไม่มีใครพูดอะไรแต่ผมก็รู้ตัวดีแหละว่าทุกคนเริ่มรำคาญผมแล้ว
ผมสูดหายใจลึกทำหัวให้โล่งแล้วหันไปมองหน้าพระเอกของเรื่องที่มองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว ผมพยายามไม่สนใจเขานะแต่ก็รู้ว่าเขามองผมตลอดเวลา
“...เหี้ย”
ผมเผลอสบถทันทีที่เห็นหน้าเขา
“เอ่อ.. กุนต์?” พี่เต้เรียกผมงงๆ ที่อยู่ๆ ผมก็บ้าด่าพระเอกขึ้นมา
ไอ้กุนต์ มึงอย่าเพิ่งบ้า โอ้ยยยย
คือมันเหี้ยจริงเว้ย คุณ เห็นหน้าแล้วอยากด่า แล้วเมื่อกี้มันยักคิ้วใส่ผมอ่ะ กวนตีนชิบ ทนไม่ไหวแล้ว โว้ยยย
ผมลูบหน้าลูบตาตัวเอง สติ กุนต์ สติ “ขอโทษครับพี่เต้ ผมพร้อมแล้วครับ”
“โอเค พร้อมแล้วนะ กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม 3 2 1 แอ็คชั่น!”
สิ้นเสียงพี่เต้ ผมก็จมลงไปในโลกอีกโลกหนึ่งทันที ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปหาพี่กริช รุ่นพี่ของผมที่นัดผมมาที่นี่ด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้ แต่หน้าของพี่เขาเศร้ามากจนผมรู้สึกกลัว ผมหยุดจัดเสื้อผ้าของตัวเองนิดหน่อยหวังว่ามันจะทำให้ผมดูเรียบร้อยขึ้นมาบ้างหลังจากรีบร้อนมาที่นี่
“พี่กริช”
ผมเรียกเสียงเบา ความมืดรอบตัวดูจะทำให้บรรยากาศอึมครึมลงทุกที
เมื่อวานผมกับพี่กริชเพิ่งทะเลาะกันเรื่องมีผู้หญิงมาขอเบอร์ผมตอนเมา ผมไม่ได้ให้ไปนะแต่พี่เขาก็โกรธผมอยู่ดี
"..มาแล้วเหรอ"
พี่กริชที่ยืนนิ่งๆ มองทะเลสาบเบื้องหน้าหันมายิ้มจางๆ ให้ผม "พี่มีเรื่องจะคุย"
หัวใจของผมชาวาบ ความกลัวที่เกาะกุมในอกมากขึ้นทุกที ผมฝืนยิ้มเจื่อนๆ เดินไปยืนข้างพี่กริช มองทะเลสาบบ้าง แสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนไปบนนั้นทำผมเผลอตกไปในภวังก์
เพราะมันเหมือนกับตอนนั้นมาก
"พี่ว่าเราเลิกเป็นพี่น้องกันเหอะ"
"..ทำไมล่ะ พี่"
ผมตัวสั่น รู้สึกคล้ายกับจะร้องไห้
เอาจริงๆ นะ ผมไม่รู้ทำไมบทของเรื่องนี้บางช่วงมันถึงได้เหมือนกับชีวิตผมนัก ถึงผมจะรู้ก็เหอะ ว่าบทต่อไปมันจะเป็นประโยคเลี่ยนๆ ชวนอ้วก แต่ผมก็ยังเศร้ามากๆ อยู่ดี
มันเหมือนคุณยืนในที่ๆ คุณเคยยืน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ที่ของคุณตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
ผมกับพี่ตุลย์เราเป็นแฟนกันตอนที่พี่เขาพาผมไปเที่ยวบ้านพี่เขา หน้าบ้านพี่ตุลย์มีทะเลสาบ ผมเลยซื้ออาหารปลามาให้พวกมันด้วย ระหว่างที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับการดูปลากินขนมปัง พี่ตุลย์ก็ขอผมเป็นแฟน
"...พี่ว่ามันยากว่ะ"
"...เหรอ"
ผมหลุบตามองพื้นตามบท เอาล่ะ หลังจากนี้ผมต้องควบคุมตัวเองให้อยู่ เพราะไอ้บทพูดต่อไปเนี่ยแหละที่ทำผมหน้าหงิกจนจะต่อยมันทุกที
"พี่ชอบโน่ เป็นแฟนกัน"
ผมเงยหน้ามองพี่กริชอึ้งๆ หน้าแดง
โอเค รอบนี้สำเร็จ ผมไม่สำแดงฤทธิ์เดชหน้าหงิกแล้ว
ใบหน้าที่ผมเคยหลงใหลมองผมอย่างอ้อนๆ ตามบท
ชิบหาย ผมเริ่มเขินตามบทไม่ไหวละ มันหงุดหงิดอ่ะ คือตอนนั้นมันขอผมเป็นแฟนแบบทื่อๆ มากแล้วดูตอนนี้สิ อ้อนยังกับหมา แสดงว่าที่ผ่านมามันต้องผ่านคนมากี่คนแล้วล่ะ ถึงจะอ้อนได้ขนาดนี้
เย็นไว้ กุนต์ บิงซูยังเย็น มึงก็ต้องเย็น
มันเจ็บนะ คือผมไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เราก็เลิกคุยกันแบบงงๆ ต่างฝ่ายต่างห่างและผลสุดท้ายก็คือกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เรื่องของผมกับพี่ตุลย์มันจบไปตั้งนานแล้ว ทำไมผมถึงไม่ยอมจบสักทีก็ไม่รู้
อาจจะเพราะเป็นโรงเรียนชายล้วนด้วยมั้ง ผมกับพี่ตุลย์ถึงหวั่นไหวกันง่ายเป็นพิเศษ
แต่เอาเหอะ มันก็แค่อดีตไปแล้ว
"อือ"
ผมพยักหน้าเขินๆ ไม่มองหน้าใคร
ครั้งนี้ผมไม่โกรธแล้วว่ะ.. ผมจะร้องไห้ หวังว่าจะไม่มีใครดูออกแล้วกัน
ผมกระพริบตาถี่ๆ กลืนก้อนเค็มๆ ลงคอเมื่อถูกเชยคางขึ้นเพื่อรับจูบ
ริมฝีปากร้อนที่ผมไม่ได้สัมผัสมานานทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ
"คัท!!!"
ผมผละออกมาแล้วก้าวฉับๆ มาหาพี่เต้ทันที
"สุดยอดมาก กุนต์! เมื่อกี้โคตรดี ดีมากๆ" พี่เต้เอ่ยปากชม "แสดงดีจนนึกว่าเป็นแฟนกันจริงเลยล่ะ"
ผมยิ้มรับพยายามไม่สนใจคนที่เดินตามข้างหลัง
"โหย ไม่ชมผมมั้งเหรอ เฮีย"
"จากแฟนคลับนี่ยังไม่เยอะพออีกเหรอครับ พ่อเบอร์หนึ่งของช่อง"
เอาอีกแล้ว.. โดนมองอีกแล้ว
ผมแสร้งมองไปทางอื่น ยิ้มให้พี่มะกรูดที่ทำหน้าดีใจเวอร์วังมากที่ผมสามารถแสดงฉากสุดท้ายสำหรับวันนี้ได้สำเร็จสักที
"เอาล่ะๆ วันนี้เลิกกองได้! เจอกันพรุ่งนี้"
คำสั่งท้ายของผู้กำกับเรียกเสียงเฮจากพวกทีมงานก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเก็บข้าวของขึ้นรถเตรียมกับบ้านกลับช่องไปนอนเพื่อเก็บแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ที่เต็มไปด้วยฉากสำคัญ
ผมยกมือไหว้พี่เต้กับทีมงานขอตัวกลับแบบเงียบๆ
"น้องกุนต์แสดงดี้ดี เมื่อกี้อ่ะ เป็นพี่นะ เขินกว่าน้องอีกก" พี่มะกรูดพยายามชวนผมคุยจ้อไปเรื่อยอย่างเป็นปกติ
ผมยิ้มนิดๆ ตอบเหลือบมองคนข้างหลังที่เลิกมองตามผมแล้ว
แต่ไปมอง 'คนอื่น' ที่มารับแทน
"ฮิ้วววว!"
แม้แต่พี่มะกรูดที่จ้ออย่างมันปากก็หันไปฮิ้วอีกเสียงเมื่อพระเอกหนุ่มเมื่อกี้กอดดาราสาวเบอร์หนึ่งที่เพิ่งแสดงคู่กันไปหยกๆ อย่างออกหน้าออกตา จนโดนเรียกจากพวกสื่อว่าเป็นคู่แท้กันแน่ๆ
"อิจฉาเนอะ" พี่มะกรูดทำหน้าเสียดาย "พี่ก็สวยเหมือนกันไม่เห็นจีบ"
"หะๆ "
ผมหัวเราะเฝื่อนๆ
หนุ่มหล่อเขาก็ไม่เอาเหมือนกัน
"...กุนต์"
"..."
ผมเหลือบมองคนที่มานั่งข้างๆ ด้วยสายตาเย็นชา อีกฝ่ายอยู่ในชุดสูทดำเซ็ตผมเรียบแปล้กลิ่นน้ำหอมเย็นๆ ฟุ้ง ต่างกับผมที่อยู่ในชุดไปรเวทธรรมดาเพราะเพิ่งถ่ายงานเสร็จและแวะมางานเลี้ยงปิดกองถ่ายของพี่เต้ที่ถูกจัดขึ้นเล็กๆ ในบาร์ชื่อดัง
ผมมองใบหน้าเขาที่ดูดีกว่าตอนนั้นหลายเท่า
และที่แน่ๆ ดูมีความสุขดีจนน่าอิจฉาเชียวล่ะ..
"...มีอะไร" ผมก้มลงจิบเครื่องดื่มที่พี่เต้ยัดเยียดให้ มันบาดคอดีจนผมอดไม่ได้ที่จะซดมันหมดภายในครั้งเดียวไม่ได้
"..เฮ้ย พี่มาดี อย่าเพิ่งต่อย"
ผมเหลือบมองด้วยหางตา
นี่คงจะเป็นครั้งแรกจริงๆ จังๆ ที่ผมกับพี่ตุลย์ได้คุยกันนับตั้งแต่ถ่ายซีรีย์เรื่องนี้ นอกนั้นคุยแต่เรื่องบทไม่ก็งาน ไม่มีมากกว่านั้นเพราะผมไม่คุย
คือมีเจ้าของอยู่แล้ว จะมาคุยอีกทำไมวะ
"มีอะไร"
ผมกดเสียงถาม พยายามมองหาพี่มะกรูดที่ขอตัวไปห้องน้ำและพบว่าพี่มะกรูดไปเมาท์กระจายกับวงช่างแต่งหน้าซะแล้ว ตัวช่วยเพียงหนึ่งเดียวของผมจึงชวดไปทันควัน
"ก็แค่อยากทัก" เขายิ้มให้ผมแบบเดียวกับเมื่อก่อน ยิ้มจนตาหยีแบบคนอารมณ์ดี แต่เดี๋ยวนี้ยิ้มแบบลึกลับแทนเพราะถูกปั้นคาแรคเตอร์ให้เป็นแนวดาร์กๆ ทึมๆ ลึกลับ เซ็กซี่
"..."
ผมไม่ตอบปล่อยให้อีกฝ่ายพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนา
"รู้ตัวไหม ว่าดูดีขึ้นเยอะเลยนะ"
อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ยี่หระที่ต้องเป็นฝ่ายพูดคนเดียว หนำซ้ำยังดูพอใจที่ตัวเองสามารถปั่นหัวผมได้
"พี่ตกใจนะ ตอนเห็นกุนต์เป็นนายแบบ ใครจะไปรู้ว่าเด็กเนิร์ดในวันนั้นจะกลายเป็นกุนต์ในวันนี้"
"มีเรื่องให้พูดแค่นี้ใช่ไหม"
ผมตัดบท ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรื้อฟื้นอดีตตะกอนเก่าๆ ที่ชวนให้เจ็บปวด
ตะกอนที่ผมพยายามลืมแทบตายแต่ก็ทำไม่ได้สักที
"โหดขึ้นด้วย" เขาผิวปาก "แต่ก็น่ารักเหมือนเดิม" และมองผมตาพราว
แก้วแทบจะแหลกละเอียดในมือผม
ผมสูดหายใจช้าๆ พยายามควบคุมอารมณ์ ไม่เอาแก้วฟาดปากมัน
คือเห็นเป็นของเล่นรึไงวะ คิดจะทิ้งก็ทิ้ง พอคิดถึงก็กลับมาเล่น
ผมกลอกตาไปมาพยายามหาตัวช่วยที่สองแต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อไอ้ตัวเจ้าปัญหาเลื่อนตัวมาบังสายตาผม ไม่ให้มองหาใครได้
"ไม่ชอบพี่ตุลย์แล้วเหรอครับ"
"ไม่" ผมขบเคี้ยวฟันพูดอย่างเดือดดาล ถลึงตามองแฟนเก่าอย่างไม่ปิดบัง
ทนไม่ไหวแล้ว โอ้ยย อยากต่อย อยากมาก คือถ้าไม่มีใครอยู่ที่นี้นอกจากผมกับมัน ผมจะต่อยๆๆๆๆ ให้เละไปเลย ผมยังรักเขานะ แต่เกลียดการกระทำสวะๆ นี่มาก
ผมง้างมือขึ้นมาอย่างเอาเรื่อง
เอาสิ เข้ามาใกล้ผม ผมต่อยแน่
"..วันนี้พี่ว่างนะ" เขายิ้มนิดๆ แล้วโน้มตัวลงมาหาผมใช้มือข้างนึงจับหมัดของผมไว้ "เป็นของกุนต์ได้ทั้งคืน"
"...ฮึก"
ผมเผลอสะอื้นโดยไม่รู้ตัว จนคนที่ถามผมชะงักและงุนงง
คือผมผิดหวังว่ะ รู้สึกแย่เอามากๆ
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนๆ นึงมันถึงเปลี่ยนได้มากขนาดนี้
แย่ว่ะ...
"ขอให้พี่เป็นเอดส์ตาย"
ผมตอกกลับเสียงแข็งแล้วผลักอกพี่ตุลย์จนเซ ผมซัดเหล้าที่เหลือของตัวเองจนหมดแก้วแล้วฟึดฟัดเดินออกจากบาร์โดยไม่รอใครทั้งนั้น
ปั่ก!!
และเผลอไปชนเข้ากับใครสักคนจนเซเกือบล้ม
เวรกรรมสมัยนี้มันตามทันไวขนาดนี้เลยเหรอวะ
"เป็นอะไรไหมครับ"
แจ็กพอตอีก ที่เขาเห็นผมน้ำตานองหน้าอีกทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมงานอีก
"ไม่เป็นไรครับ"
ผมตอบปัด "ขอตัวนะครับ"
แต่ดูเหมือนจะมีคนคุยไม่รู้เรื่องอีกคน
เขารั้งแขนผมเข้าหาตัว
"เล่าให้ผมฟังได้นะ ถ้าคุณไม่สบายใจ"
ผมกลอกตาใส่
อะไรวะเนี่ย
"ผมไม่พูดมาก รับรองไม่แย่งคุณพูดแน่นอน" ไม่ว่าเปล่าเขาทำท่ารูดซิปปากแบบกวนๆ ซึ่งมันดูกวนมากกว่าน่ารัก
"กุนต์!"
ผมเหลือบมองแฟนเก่าที่เดินมาติดๆ แล้วตัดสินใจในชั่ววินาทีในการกระโจนเข้าหาทีมงานที่ดูจะสนอกสนใจในตัวผม ซุกหน้าลงกับตัวเขาแล้วกอดแน่น
พอกันทีเหอะ กับแฟนเก่า
ผมไม่ไหวละ
ผมโน้มคออีกฝ่ายลงมาจูบซึ่งก็โดนตอบรับแทบจะทันที พี่ตุลย์ทำท่าจะเข้ามากระชากตัวผมออกแต่น่าเสียดายที่ผมโดนพี่ทีมงานนี้ใช้ตัวบังเอาไว้และพาผมหลบเข้าหลังร้าน พี่ตุลย์พยายามจะตามเข้ามาแต่ก็ถูกพนักงานในร้านห้ามเอาไว้
"..ฮื่อ"
ผมหอบแฮ่กเมื่อโดนวางบนโซฟาและเพิ่งได้สติ
เมื่อกี้ผมทำอะไรลงไปวะเนี่ย!
ผมยีหัวหงุดหงิด บ้าแล้วกู กุนต์ เอ๊ยยย ดีนะ ที่บาร์นี้ค่อนข้างประหยัดไฟมาก มองหน้ากับแทบไม่เห็น ผมเลยไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ที่จะมีคนแอบถ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ อีกอย่างทุกคนก็อยู่ในอาการเมามากๆ ด้วย
โดยเฉพาะผม โคตรเมา เมาถึงขนาดจูบใครก็ไม่รู้อีก
"อย่างที่คิด คุณเคยคุยกับตุลย์จริงๆ ด้วย"
"...ก็ตามนั้น"
ผมพยักหน้าไหลๆ อย่างจำยอม ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้าจะเห็นขนาดนั้น "อยากจะเอาไปพูดก็เชิญ ผมกับเขา ยังไงก็คงต่อกันไม่ติดแล้วล่ะ"
"ใจเย็นๆ"
เขาว่าแล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้จนผมผวาถอยหลังหนีจนชนเข้ากำแพง
ผมเงยหน้ามองเขาและเพิ่งเห็นชัดๆ ว่าไม่ใช่ทีมงานอย่างที่ผมคิด
แต่เป็นเจ้าของร้านนี้ต่างหาก!
"ผมไม่บอกใครหรอก"
เขายิ้มแล้วนั่งลงข้างๆ ผม
"ผมก็แค่อยากคุยเฉยๆ เท่านั้น ไม่ได้เหรอครับ? ในฐานะแฟนคลับก็ได้ ถ้าคุณไม่อยากได้ความสัมพันธ์ในแง่นั้น"
ผมยกเข่าขึ้นมากอดรู้สึกงงมากกว่าอารมณ์อื่น
ไอ้เศร้าก็เศร้านะ แต่ทำไงได้
"อือ คุยก็ได้ แล้วแต่คุณเถอะ"
ผมเหลือบมองเขาแล้วยิ้มบาง
"อยากคุยแบบไหนก็บอกแล้วกัน ผมโอเคทุกอย่าง"
ลาขาด พี่ตุลย์
ผมจะพยายามลืมพี่ให้ได้...
-------------------------