** วันนี้ลงสองตอนนะคะ มีตอนที่22 ด้วยอยู่ด้านบน ใครยังไม่ได่อ่าน อ่านตอนที่ 22 ก่อนนะคะ
ปล.แจ้งก่อนอ่านตอนนี้จะสั้นนะคะ ครึ่งหนึ่งของตอนปกติ แจ้งไว้ก่อนจะได้ไม่หงุดหงิด ^^ตอนที่ 23 : เพราะอะไร“พี่พฤกษ์ตกลงหายโกรธผมหรือยัง” กวีกระโดดขึ้นโซฟาตัวยาวที่พฤกษ์นั่งอยู่ ปกติป่านนี้พฤกษ์ขึ้นไปนั่งเล่นในห้องนอนแล้ว ไม่มานั่งเก๊กดูทีวีอยู่นี่หรอก
“กลับบ้านได้แล้ว” พฤกษ์มองนาฬิกาบนฝาผนัง
“อะถ้ายังไม่หายโกรธ เอาแค่หายงอนก็ได้” กวีทำเป็นไม่ได้ยิน เพิ่งสองทุ่มดึกตรงไหน อีกอย่างเขาไม่คิดจะกลับเสียหน่อย แต่เรื่องอะไรจะบอก
“พี่ไม่ได้งอน” คนขี้เก๊กหลุดมาดหันมาทำเสียงเข้มใส่เขา เหอะเล่นตัวใหญ่ หลังจากเผลอแสดงท่าทางให้เขารู้ว่ายังมีใจ พฤกษ์ก็กลับมาเก๊กเหมือนเดิม กินข้าวแบบพูดน้อยและเอาแต่นั่งทำงาน แต่กวีไม่เก็บเอามาคิดมากให้เสียกำลังใจเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ทำหน้าบึ้งตึงหรือเรียบเฉยให้เขาเห็นอีก ให้เวลาคนแก่เก๊กตามสบาย ง้ออีกหน่อยเดี๋ยวก็หาย
“แต่พี่พฤกษ์พูดเองนะครับ” กวียื่นหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาเป็นประกายล้อเลียน
“นายเตบอกเราล่ะสิ พี่แค่พูดเพราะไม่อยากให้เตคิดมาก ไม่ตอบอะไรเลยจะถูกซักเปล่าๆ”
“อืมม อย่างนี้นี่เอง” กวีพยักหน้าเข้าใจ แต่รอยยิ้มขำกระจ่างไปทั่วใบหน้า
“ขำอะไรของเรา”
“เปล่าสักหน่อย ใครจะกล้าขำครับ ผมแค่ดีใจที่พี่พฤกษ์เป็นหวงพี่เต” โอ๊ยเขาเกือบหลุดหัวเราะออกมาแล้ว ดูหน้าของพฤกษ์ตอนนี้เสียก่อน ผู้ชายแสนสุภาพ ดูดีมีความเป็นผู้ใหญ่ตลอดเวลาพอเขินทีทำไมถึงน่ารักขนาดนี้
“อย่ามัวแต่โอ้เอ้ ลุกได้แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่ง” เมื่อถูกทักซ้ำสอง กวีจึงทิ้งตัวลงนอนบนหมอนที่พฤกษ์วางไว้บนตัก เสียเลย ยอมไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่กวีช่างตื้อน่ะสิ
“พี่พฤกษ์ตอบผมก่อนสิครับ ตกลงหายโกรธผมหรือยัง”
“พี่ตอบไปแล้ว”
“ตอนไหน ผมไม่เห็นได้ยินเลย”
“ไม่รู้ก็เรื่องของเรา”
“เขาว่าคนแก่ขี้น้อยใจสงสัยจะจริง โอ๊ย!” กวียกมือขึ้นลูบจมูก คนใจร้ายบิดลงมาได้
“น้อยๆ หน่อย พอพี่ไม่โกรธก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างเรามันน่าโดนจับดัดนิสัย”
“เย่” คนถูกดุชูมือสองข้างขึ้นสูง ดีใจจนออกนอกหน้า
“อะไร”
“พี่พฤกษ์ไม่โกรธผมแล้ว” กวีสบตากับใบหน้าที่ก้มลงมามอง มือที่ชูขึ้นคว้าแขนของพฤกษ์เข้ามากอดไว้กับอก
“ผมขอโทษที่ทำให้โกรธ ผมแค่โลภมากอยากอยู่ใกล้ๆ คนที่ผมรัก” ส่วนหนึ่งที่พฤกษ์ใจอ่อนเร็วก็มาจากคำตอบของกวี หนุ่มน้อยไม่เคยอ้างเหตุผลใดๆ เพื่อปัดความผิดออกจากตัว มีแต่ก้มหน้ายอมรับมันยิ่งทำให้พฤกษ์รักกวีมากขึ้น
“อย่างเช่นแอบดูพี่อาบน้ำแบบนั้นหรือเปล่าที่เราหมายถึง”
“พี่พฤกษ์~” กวีจับมือพฤกษ์ขึ้นปิดตาตัวเอง เขินจนหน้าแดง
“ไม่ใช่สักหน่อย” กวีแก้ตัวอุบอิบอยู่ในคอ จะพูดก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ
“แน่ใจนะว่าจะตอบแบบนั้น”
“ก็พี่พฤกษ์แก้ให้ผมดูเองนี่”
“อืม แล้วการตามเข้าไปนั่งเฝ้าพี่ในห้องน้ำคืออะไร” พฤกษ์ดึงมือออกจากหน้าของกวีมาวางไว้บนอกของอีกฝ่ายแทน
“คือ..คือ..” กวีอายม้วนเมื่อคิดถึงวีรกรรมของตัวเอง โธ่ใครจะนึกว่าพฤกษ์จะจับได้ว่าเขาคือเหมียวส้ม ไม่อย่างนั้นเขาจะกล้าทำลงไปหรือ
“คืออะไร” พฤกษ์ก้มหน้าลงไปหา ดวงตาวาววับเอาเรื่อง
“คือ..แมวมันชอบทำแบบนั้นครับ ผมกลัวพี่พฤกษ์ไม่เชื่อว่าผมเป็นแมวผมถึงทำ ไม่เชื่อพี่พฤกษ์ลองเปิดหาอ่านดูในเน็ทก็ได้ ผมไม่ได้โกหกนะ แมวชอบไปนั่งเฝ้าเจ้าของในห้องน้ำจริงๆ”
“หึๆ”
“อะไรครับไม่เชื่อผมเหรอ เดี๋ยวผมเปิดให้อ่านก็ได้” กวีโวยวายเพราะกลัวพฤกษ์จับได้ว่าเขาตั้งใจเข้าไปดู ก็โอกาสดีแบบนั้นใครจะยอมพลาด
“เปล่าไม่ได้ไม่เชื่อ เชื่อสิ เพราะเราเองก็เป็นแมวไม่ใช่เหรอ” กวีอ้าปากค้าง โอ๊ยเขายกเหตุผลอะไรออกไปเนี่ย เขาอยากจะบ้า กลายเป็นว่าเขารับเองกับปากว่าเขาชอบเข้าไปเฝ้าพฤกษ์ในห้องน้ำ
“ผมงอนพี่พฤกษ์แล้ว ต้อนผมอยู่ได้” กวีพลิกตัวเข้าหาพฤกษ์ซ่อนหน้าเข้ากับหน้าท้องแข็งแรง
“กวี”
“ครับ”
“อย่าทำมาเป็นแกล้งงอน ได้เวลากลับบ้านแล้วพี่ไม่อยากถูกคุณกานต์หมายหัว”
“โธ่ยอมให้ผมอยู่มาตั้งนาน ทำไมจะมาหมายหัวเอาตอนนี้ครับ” กวีหลุดปากออกไปแล้วถึงคิดได้ เขารีบทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่ง
“พี่พฤกษ์ฟังผมก่อน...” กวีหน้าเสีย กลัวพฤกษ์โกรธและเข้าใจคนในครอบครัวเขาผิด “คือผม..”
“ค่อยๆ เล่า พี่ไม่ได้โกรธ” เสียงอ่อนโยนของพฤกษ์ทำให้กวีอุ่นใจ เขาถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก จัดการนั่งให้ดีแล้วเริ่มเล่าให้พฤกษ์ฟัง ว่าทุกคนพยายามห้ามเขาแค่ไหน เล่าให้ฟังว่าพ่อเตือนเขาเรื่องห้ามไปรบกวนพฤกษ์มากจนเกินไป จนถึงเหตุผลที่คนในบ้านยอมให้เขามา
“แม่อยากให้ผมตัดใจให้ได้สักที พอผมรับปากว่าหลังจากสามเดือนผมจะยอมตัดใจ แม่ถึงยอมให้มา ส่วนพ่อผมไม่ได้บอกล่วงหน้าไม่กล้าบอก ต้องขอให้แม่ช่วยบอกวันที่ผมมาแล้ว พ่อโมโหดุผมยกใหญ่ก็วันที่พี่พฤกษ์เห็นนั่นแหละครับ แต่สุดท้ายก็ยอมคงเหตุผลเดียวกับแม่” กวีใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเล่าจนจบ เขาไม่อยากมีเรื่องปิดบังพฤกษ์อีก จึงเล่าโดยละเอียดทั้งหมด
“พี่พฤกษ์ทำไมทำหน้าอย่างนั้นครับ ไม่เชื่อผมเหรอ” กวีหน้าเสียเมื่อเห็นพฤกษ์นิ่งไป
“เปล่า” พฤกษ์รู้สึกใจหายขึ้นมา เมื่อคิดว่าถ้าเขารู้สึกตัวช้ากว่านี้เขาอาจเสียกวีไปโดยไม่รู้ตัว
“ดีแล้ว”
“อะไรครับ”
“ดีแล้วที่เรามา”
“พี่พฤกษ์~” กวีโถมเข้ากอดพฤกษ์ วันนี้ทำไมขยันทำหัวใจของเขาพองโตนักนะ นอกจากจะหายโกรธไวแล้วยังพูดจาน่ารักกับเขามาก
“พี่พฤกษ์ผมอยากถามบางเรื่อง ได้ไหมครับ” กวีทำใจดีสู้เสือ มีบางเรื่องที่เขาอยากรู้
“ถามมาสิ” พฤกษ์ปล่อยให้กวีกอด ร่างเล็กขึ้นมานั่งบนตักเขา ดูเหมือนว่ากวีกับเหมียวส้มจะชอบซุกเหมือนกัน พฤกษ์ชะงักความคิดก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ ก็ควรเหมือนไม่ใช่หรือ ในเมื่อไม่ว่าร่างไหนก็คือคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขาตอนนี้
“ทำไมพี่พฤกษ์ถึงรับผมที่เป็นแบบนี้ได้”
“ถามทำไม”
“ก็ผมอยากรู้ เพราะพ่อใช่ไหมครับ เพราะพ่อก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพี่พฤกษ์ยังแต่งงานอยู่กินกับแม่ได้เลย”
“อืม” พฤกษ์ทำหน้าคิด “จะบอกว่าเป็นเพราะคุณกานต์ก็ใช่ แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่เราพูดมา”
“ไม่ใช่เหรอครับ” กวีแปลกใจ “ถ้าอย่างนั้นเพราะอะไร”
“เพราะ.. “ พฤกษ์มีท่าทีลังเล “เพราะอะไรก็ช่างมันเถอะถึงยังไงตอนนี้พี่ก็หายโกรธเราแล้ว ไม่ดีใจเหรอ”
“ไม่เอาบอกผมก่อน นะครับพี่พฤกษ์ผมอยากรู้จริงๆ” กวีอ้อนเมื่อเห็นพฤกษ์พยายามบ่ายเบี่ยง
“เรานี่มันดื้อจริงๆ เลย อ้อนเก่งเป็นบ้า”
“แล้วสำเร็จหรือเปล่าครับ” กวีชะโงกหน้าขึ้นไปกระซิบใกล้กับหน้าของพฤกษ์ ก่อนขโมยหอมไปหนึ่งที
“หึๆ เอาเถอะอยากรู้ก็จะบอก พี่รู้ตัวว่ารับเรื่องนี้ได้ก็ตอนที่..”
“พี่พฤกษ์” กวีร้องขัดใจเมื่อพฤกษ์พูดแล้วหยุด เล่นตัวเก่งจริงๆ “บอกผมเถอะนะครับ”
“เฮ้อ พูดก็พูด พี่รู้ตอนที่คุณกานต์บอกว่าถ้าคุณเพลงเป็นงูคงเผ่นหนีไปแล้ว”
“หมายความว่ายังไงครับ” กวีงงไปเลยเมื่อเจอเหตุผลของพฤกษ์เข้า
“หัวช้าจริงๆ เรา” พฤกษ์จับหัวเล็กโยกไปมา “ก็แปลว่าตอนนั้นสิ่งที่แวบขึ้นมาในหัวพี่ก็คือ..ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“อะ..อะไรนะครับ” กวีระล่ำละลัก เขาคิดว่าเขาเข้าใจแต่มันตื่นเต้นจนสมองสรุปเป็นคำพูดออกมาไม่ได้
“หึๆ ไหนใครว่าแมวเป็นสัตว์ฉลาด ก็แปลว่าตอนนั้นพี่รู้ทันทีว่าไม่ว่าเราจะเป็นอะไรพี่ก็ยังชอบน่ะสิ”
“พี่พฤกษ์” กวีโถมเข้าหาพฤกษ์ทั้งตัว ใช้หน้าถูไถไปทั่ว “ผมรักพี่พฤกษ์ที่สุดเลยครับ รักที่สุดเลย”
“เดี๋ยว นี่เราอยู่ในร่างคนนะไม่ใช่ร่างแมว ฮ่าๆ” พฤกษ์หัวเราะลั่น เขามองท่าทางซุกไซ้ของกวีด้วยสายตาเอ็นดู
“ก็นี่แหละ..ผมเองครับ” กวีเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ทำให้พฤกษ์หลงรัก รอยยิ้มที่บอกว่าหนุ่มน้อยคนนี้รักเขาหมดหัวใจ
“อืม นี่แหละเรา” พฤกษ์แนบริมฝีปากลงไปช้าๆ ดูดซับความหวานจากปากเล็ก กวีหายใจหอบเมื่อเจอการจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัว
“พี่พฤกษ์”
“ตกลงจะไม่กลับบ้านใช่ไหม”
“อืม”
“แน่ใจนะ”
“ถามอีกแล้ว แน่ใจสิครับ”
“ไม่รู้เหรอว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่แปลงร่างได้”
“เอ๋?” กวีเบิกตาโต แต่ยังไม่ทันได้คิดหาคำตอบริมฝีปากของพฤกษ์ก็แนบชิดลงมาเสียก่อน
“อื้อ” กวีเชื่อแล้ว คนบางคนเห็นนิ่งๆ ก็เป็นแปลงร่างเป็นเสือได้เหมือนกัน
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
เอ๊ะ อะไรยังไง 555 ตอนนี้สั้นๆ นะคะเพื่อจบในพาสของการเคลียร์ความในใจกันก่อนส่วนใครจะเป็นเสือจริงไม่จริงรอตอนหน้าน้า ><
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin