แสงยามเย็นของดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำยิ่งบดบังทัศนะในการมองให้แย่ลงกว่าเดิม เป็นเวลากว่า 2 ชั่วยามแล้วที่เหล่าทหารลาดตระเวน ขันทีรวมถึงนางกำนัลออกตามหาพระราชาและว่าที่องค์ชายรัชทายาท ทว่ายิ่งดวงจันทร์ลอยสูงขึ้นเท่าใด ก็ดูเหมือนความหวังก็จะยิ่งไกลออกไปเท่านั้น
คบเพลิงถูกจุดขึ้นอันแล้วอันเล่า ขยายวงไปจนถึงป่าชั้นใน แต่ก็ยังไม่มีใครที่พบเบาะแสของทั้งสอง นั่นยิ่งทำให้ราชองครักษ์ที่บกพร่องต่อหน้าที่อย่างพัคอินซาร้อนใจ นึกโทษตัวเองว่าเหตุใดเขาถึงไม่ยอมฝืนคำสั่ง แล้วเชื่อสัญชาตญาณของตนซะ
ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งบนท่อนไม้ใหญ่ ส่องคบเพลิงในมือไปยังเศษหนังวัวที่ถูกวาดเป็นรูปแผนที่ของป่านี้คร่าว ๆ ก่อนมือเรียวจะยกขึ้นมานวดขมับตนเบา ๆ เขาไม่รู้ว่าจะไปตามหาพระองค์ที่ไหนแล้ว หากว่าความดีที่เคยทำมาทั้งชีวิตจะพอดลบันดาลให้เขาหาพระราชาเจอได้ เขาก็จะขอยกมันให้เทพยาดา ผู้ปกปักรักษ์ป่านี้ทั้งหมด....
“น้ำหน่อยไหมท่านราชองครักษ์”
กระบอกไม้ไผ่ที่บรรจุน้ำสะอาดอยู่ครึ่งนึงถูกยื่นมาตรงหน้า นั่นทำให้ร่างโปร่งชั่งใจว่าจะรับมันมาดีหรือไม่ ดวงตาเรียวมองตามขึ้นมือหนาขึ้นไป ว่าจะรับมาแล้วเชียว แต่พอเห็นรอยยิ้มเช่นนั้นแล้วพาลก็ให้นึกเรื่องสมัยก่อนขึ้นมา....
“ข้าไม่หิว”
“หึ” กีอุนหัวเราะในลำคอเบา ๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมรับของจากมือตน “ข้าไม่ใส่ยาพิษให้กินหรอก....รับไปสิ”
“ข้าไม่ไว้ใจใครก็ตาม...โดยเฉพาะกับท่าน” เรียกว่าแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนกว่าไม่ต้องการเสวนาด้วย แต่มีหรือคนอย่างกีอุนจะยอมล่าถอย ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนท่อนไม้ท่อนเดียวกับร่างโปร่งทันที ก่อนจะเขยิบตัวเอง เบียดกระแซะให้ชิดเข้าไปอีก
“ท่าน!”
พัคอินซาตะโกนลั่นผุดลุกขึ้นยืนแทบจะทันทีทันใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจงใจทำอะไรที่เข้าใกล้คำว่า ‘ยั่วโมโห’ มือเรียวกำดาบข้างตัวเอาไว้แน่น รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบให้มายุ่งด้วย แล้วเหตุใดยังมาตามเกาะติดกันแบบนี้อีก!
แรกเริ่มเขาออกคำสั่งให้พวกทหารแบ่งเป็นสองฝ่ายเพื่อลดเวลาในการตามหาฝ่าบาทลง ทุกคนล้วนเห็นด้วย ยกเว้นก็แต่ใต้เท้าคิมกีอุน... ร่างสูงทั้งคัดค้าน ทั้งหาเหตุผลสารพัดมาอ้างไม่ให้แบ่งเป็นสองฝ่าย บอกว่าทั้งหมดก็เพื่อเพื่อความปลอดภัยของพระราชาและว่าที่องค์รัชทายาท
...ทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกันว่าจะทำตามที่ใต้เท้าคิมว่า...
มีก็แต่เขาเท่านั้น...ที่เห็นว่ามันมีสิ่งผิดปรกติซ่อนอยู่....
“กินสิ...ข้าเห็นว่าเจ้าปวดหัว...ปล่อยไว้เช่นนั้นจะไม่มีแรงออกตามหาพระราชานะ” จบคำก็วาดรอยยิ้มที่มุมปาก มือหนายื่นกระบอกไม้ไผ่ไปให้คนตรงหน้า “...เจ้ากินเมื่อไหร่ข้าก็จะไปให้ห่างเจ้าเมื่อนั้น”
“ไม่ใช่กงการอะไรของท่าน” อินซาสวนขึ้น “ท่านไม่ควรมาวุ่นวายกับข้าเช่นนี้....ไม่สิ...ท่านไม่ควรจะตามข้ามาด้วยซ้ำ...”
ใต้เท้าคิมได้ยินก็หัวเราะออกมาก่อนจะหยัดตัวขึ้นเต็มความสูง ใบหน้าคมยื่นเข้าไปใกล้ใบหน้าขาวอย่างจงใจให้อีกฝ่ายโมโหมากขึ้นกว่าเดิม “กินสิ...แล้วข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้าเลย”
อินซากลอกตาไปมาเมื่อสัมผัสได้ว่าตนในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากตัวตลกให้อีกฝ่ายล้อเล่น เขายื่นมืออกไปกระชากกระบอกไม้ไผ่ออกจากมือของอีกคน ก่อนจะยกมันขึ้นกระดกลงคอรวดเดียวจนหมด แล้วกระแทกมันเข้ากับอกของคนที่ยืนอมยิ้มอยู่ตรงหน้า “พอใจท่านหรือยัง”
คนฟังไม่ตอบอะไร ทำเพียงแค่อมยิ้มเล็กๆออกมาเท่านั้น แต่สาบานได้ว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจเป็นที่สุด และเมื่อคบเพลิงที่ถืออยู่ในมือตกลงกับพื้นด้านข้างต่อหน้าต่อตา สิ่งผิดปรกติที่ว่าก็ฉายชัดขึ้น.....
“...ท...ท่าน”
พัคอินซาประคองสติตนเองแทบจะไม่ไหว ภาพตรงหน้ามันพร่ามัวไปหมด เพียงสิ่งเดียวที่เขามองเห็น คือใบหน้าของใต้เท้าคิมกีอุน ขุนนางฝ่ายใต้ที่เพิ่งจะเอื้อมมือเข้ามาจับไหล่เขาเอาไว้ ดวงตาคมเผยแววเจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัด และก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรมากไปกว่านี้ ทุกอย่างก็ดับวูบลง...
ราชองครักษ์หมดสติไปเสียแล้ว... IN TIME
** เนื้อเรื่อง และตัวละครทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
______________________________
{ 9 - HOUR }
T H O R N
“นั่น!! กวางพะย่ะค่ะ!” เสียงกระซิบเบาๆของหัวหน้าขันทีเบนความสนใจของทุกคนไปที่กวางตัวใหญ่ มันกำลังยืนเล็มหญ้าอยู่ใกล้ลำธารอย่างสบายอกสบายใจ ไม่รู้สึกถึงภัยที่กำลังจะย่างกรายเข้าไปหาเลยแม้สักนิด
“ให้หม่อมฉันจัดการเอง”
น้ำเสียงแหบพร่าของเชื้อพระวงศ์ที่เพิ่งจะเข้าสู่วัยหนุ่มดังขึ้น ก่อนมือบางจะเอื้อมไปหยิบลูกธนูจากกระบอกที่แขวนไว้บนอานม้ามาง้างคัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ปล่อยปลายแหลมพุ่งไปคร่าชีวิตเจ้ากวางดั่งใจคิด ก็มีน้ำเสียงอ่อนโยนของใครบางคนก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“ช้าก่อนบยอล...อย่าเพิ่งยิงเจ้ากวางตัวนั้น” ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นองค์ชายชิน องค์รัชทายาทคนสำคัญแห่งโชซอน พี่ชายร่างกายอ่อนแอของบยอลนั่นเอง
“เรายังจะรออะไรอีก...” คำเอ่ยห้ามนั่นทำให้องค์ชายบยอลจำต้องลดคันธนูลง “กวางป่าตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ไม่ใข่จะมีอยู่ทั่วป่านะเสด็จพี่”
“ข้ารู้” ชินหันมาหาน้องชายที่เพิ่งชักสีหน้าให้ตนยิ้ม ๆ ก่อนจะพยักเพยิดไปทางร่างสูงของอีกคนที่นิ่งเงียบอยู่ด้านหลัง “แต่ข้าอยากให้องค์ชายอิลเป็นคนยิงเจ้ากวางตัวนั้น...ได้ไหมองค์ชายอิล”
เป็นดั่งคำประกาศิตไม่มีใครคิดจะค้านองค์ชายชินซักคน แม้องค์ชายบยอลที่เป็นน้องชายจะเสียหน้าอยู่ไม่น้อย แต่ร่างบางก็ยอมอยู่นิ่งๆปล่อยให้องค์ชายอิลที่ถูกกล่าวถึงก้าวขึ้นมายืนอยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไร
ร่างสูงค้อมศีรษะเคารพองค์ชายร่างบางในขณะที่มือหนาก็หยิบลูกธนูขึ้นง้างคันแนบกับใบหน้าของตน ดวงตาคมหรี่ลง พยายามเล็งเป้าตรงที่เจ้ากวางโดนแล้วจะตายตกลงไปทันที ก่อนจะปล่อยปลายแหลมออกไปตามพระประสงค์ขององค์รัชทายาท
“เจ้า!!!!!!!!!!!!!!!!” องค์ชายบยอลตะโกนแหวขึ้นมาทันทีที่ปลายแหลมของลูกธนูพุ่งไปปักอยู่บนตอไม้ข้าง ๆ นอกจากจะไม่สามารถปลิดชีวิตกวางตัวนี้ได้แล้ว ศรที่พี่ชายต่างแม่ยิงออกไปยังไล่ให้มันหนีกลับเข้าป่าไปอีก.... “เจ้าทำบ้าอะไร!! นั่นมันกวางที่พวกเราจะนำไปถวายเสด็จพ่อนะ!!”
คนฟังได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ยืนมองโทสะของร่างบางที่กำลังคุกรุ่นเต็มที่ ดวงตารีถลึงมองใส่เขาอย่างอาฆาต ดูเหมือนการกระทำของเขาเมื่อครู่ จะเพิ่มความจงเกลียดจงชังให้ได้อีกพันเท่าทวีคูณ
“ช่างมันเถอะบยอล....สัตว์ที่เจ้าล่ามาก็มากมายเสียจนเสด็จพ่อคงจะหารางวัลมาประทานให้เจ้าไม่หวาดไม่ไหวแล้ว”
“....แต่”
“ไม่มีแต่องค์ชายบยอล....พี่เหนื่อย อยากกลับที่พักของเราแล้ว” ชินยื่นคำขาด แล้วก็เป็นดังคาด น้องชายร่วมสายเลือดของเขาแสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดออกมาแทบจะในทันที ร่างบอบบางยืนมององค์ชายลำดับที่สามเหวี่ยงตัวขึ้นบนอาน สบนัยน์ตาฉายแววเอาแต่ใจนั่นได้เพียงครู่ องค์ชายบยอลก็ควบม้าออกไปโดยไม่แม้จะหันกลับมามอง
“เจ้าอย่าถือสาน้องชายของเราเลยนะ...องค์ชายอิล” ดวงตากลมโตคู่นั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม มองดูองค์ชายคนเล็กค่อยๆห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ก่อนใบหน้าขาวจะหันกลับมาอมยิ้มกับคนที่ยังยืนอยู่ข้างตัว “เข้ารู้ว่าเจ้าก็เห็นอย่างที่ข้าเห็น....”
“.........”
“เพราะอย่างนั้นเจ้าถึงไม่ยิงกว่างตัวนั้นใช่ไหม?....องค์ชายอิล”
___________________________________________________
___________________________________________________
“....กลับมาแล้วหรือ ลูกข้า” สุรเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้นหลังจากทอดพระเนตรมองบุตรชายทั้งสามที่กำลังเดินเท้าเข้ามาหา พระราชาของประเทศแย้มพระโอษฐ์กว้าง เมื่อเห็นว่าเนื้อตัวของเด็กชายอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่ามอมแมมเกินจะทน
เห็นแล้วก็อดที่จะรู้สึกยินดีไม่ได้ คนเป็นพ่ออย่างพระองค์ จะมีสิ่งใดเล่า ที่ทำให้เป็นสุขใจมากไปกว่าเห็นลูกทั้งสามมีความสามัคคี รักใครกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างนี้
“เสด็จพ่อ”
องค์ชายทั้งสามเอ่ยขึ้นแทบจะพร้อมกันก่อนจะยอบตัวลงทำความเคารพพระราชาของประเทศ ซักพักนั่นแหละถึงได้ย้ายไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ทำขึ้นจากหนังสัตว์ เหล่าองค์ชายและพระราชาล้อมวงกันอยู่รอบกองไฟ ดื่มน้ำชา กินอาหารที่พวกนางกำนัลเตรียมเอาไว้ให้ตั้งแต่บ่าย
“องค์รัชทายาทบอกพ่อว่าสัตว์ทั้งหมดนี่...เจ้าเป็นคนล่ามาเองทั้งหมด....จริงหรือองค์ชายบยอล”
พระเจ้าซุกจงเอ่ยพลางยิ้มๆกับบุตรชายคนที่สาม ซึ่งองค์ชายบยอลที่กำลังเสวยไก่ย่างก็พยักหน้ารับแทบจะในทันที “....พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ...”
“แล้วเจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัลล่ะ” องค์ชายบยอลที่รอฟังคำนี้มาตั้งแต่เช้า ทะลึ่งตัวขึ้นมา พร้อมกับชี้ไปทางเสด็จพี่ของตน “หม่อมฉันอยากได้ธนูชีลีของเสด็จพี่ชินพะย่ะค่ะ”
ธนูชีลี ยอดธนูฝีมือช่างจากมองโกลที่พระองค์ทรงสั่งให้ทำขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องในโอกาสวันรับตำแหน่งองค์รัชทายาทขององค์ชายชิน น้ำหนักเบากว่าธนูผู้ใหญ่สามเท่า หากแรงส่งของมันก็มากกว่าธนูธรรมดาเป็นสามเท่าเช่นกัน และเมื่อเร็วๆนี้ องค์รัชทายาทเพิ่งจะเอ่ยปากว่าคงจะไม่ได้ใช้ธนูแล้ว เพราะร่างกายที่เจ็บออดๆ แอดๆ มาแรมปี เพราะอย่างนี้องค์ชายบยอลจะแสดงตัวว่าอยากได้มันมาไว้ในครอบครองก็ไม่แปลก
“ธนูชีลีนั้น พ่อให้พี่เจ้าแล้ว คงจะเอ่ยปากยกให้เจ้าไม่ได้หรอก องค์ชายบยอล”
“...ก็หม่อมฉันเคยเอ่ยปากขอเสด็จพี่แล้ว แต่เสด็จพี่ไม่ให้นี่พะย่ะค่ะ” องค์ชายน้อยเบ้ปากมองไปยังพี่ชายร่างกายอ่อนแอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเสด็จพ่อ
“แล้วเจ้าล่ะอิล....ล่าอะไรมาได้บ้าง” คนเป็นพ่อเอ่ยถามลูกชายอีกคนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่แรก แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ ลูกชายคนเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆก็สวนขึ้นมา
“องค์ชายอิลเกือบจะล่ากวางตัวใหญ่ได้พะย่ะค่ะ.....แต่ก็พลาด”
“กวางตัวใหญ่?” พระราชาหันไปขมวดคิ้วกับองค์รัชทายาทที่เพิ่งจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นจรดริมฝีปากเมื่อครู่ “ไม่เห็นพี่เจ้าบอกพ่อเลย”
“เอ่อ.....”
“เรื่องนี้คงต้องให้องค์ชายอิลอธิบายให้เสด็จพ่อฟัง...น่าจะดีกว่าเสด็จพี่ชินนะ” น้ำเสียงแหลมขององค์ชายลำดับที่สามสวนขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าพี่ชายร่วมสายเลือดของตนกำลังจะเอ่ยปากออกมา ดวงตาเรียวรีทอดมองไปยังร่างสูงที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ถึงแม้จะไม่พูดอะไรแต่ก็ใช่ว่าจะปกปิดความผิดของตนได้หรอกนะ....พี่ชาย
“ว่ายังไง...องค์ชายอิล” คนถูกเรียกหลุบตาต่ำลง มือเรียวยาววางตะเกียบเงินอย่างเบามือที่สุด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นพ่อ
“กวางตัวนั้นท้องแก่อยู่กระหม่อม....”
“เพราะกวางตัวนั้นกำลังตั้งท้อง...เจ้าถึงไม่ล่ามันงั้นหรือ” ทรงถามทวนอีกครั้ง
องค์ชายอิลพยักหน้าเบาๆ “พะย่ะค่ะ...หากเราฆ่าแม่ก็เท่ากับฆ่าลูกด้วย ไม่มีเหตุผลที่จะต้องฆ่าทั้งคู่ในเมื่อเราต้องการแค่เนื้อกวางตัวแม่...”
เงียบไปพักนึง พระราชาของประเทศจึงได้เอ่ยถามขึ้นมาอีก “....ทำไมล่ะ”
“หม่อมฉันแค่คิดว่า...บางทีการหว่านพืชโดยไม่ต้องคาดหวังอะไร...ผลที่ได้กลับมาอาจจะทวีคูณยิ่งกว่าที่เราตั้งใจเอาไว้พะย่ะค่ะ....หากปล่อยให้แม่กวางได้คลอดลูกกวาง ประชากรสัตว์ในป่าหวงห้ามก็จะเพิ่มขึ้น ในหน้าหนาวนี้ เราอาจจะมีเสบียงในวังเพิ่มขึ้นอีก ยุ้งหลวงก็จะมีข้าวเหลือมากขึ้น ทีนี้ก็จะสามารถนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ทุกข์ร้อนได้มากกว่าที่แจกอยู่พะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ฟังความคิดเห็นขององค์ชายที่สองก็อดที่จะทึ่งกับความคิดความอ่านไม่ได้ พระเจ้าซุกจงได้แค่คิดไปตามขั้นตอนที่บุตรชายเล่าให้เห็นภาพ ก่อนจะพยักหน้าและสรวลออกมาเสียงดัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า....ดี....ดีมากอิล.....เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล...พ่อจะยกให้”
“...หม่อมฉันไม่ได้ต้องกา....” พูดไม่ทันขาดคำ องค์รัชทายาทชินก็สวนขึ้นมาเสียก่อน
“ธนูชีลี.....”
“...”
“หม่อมฉันขอยกให้องค์ชายอิลแทนของที่เสด็จพ่อจะประทานให้เป็นรางวัล...ได้หรือไม่พะย่ะค่ะ”
มื้อเย็นในเขตล่าสัตว์จบลงไม่ดีเท่าไหร่นัก ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมที่ก่อตัวขึ้นระหว่างองค์ชายบยอล และองค์ชายชินทำให้คนกลางอย่างอิลรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ด้วยฐานันดรที่ต่ำศักดิ์กว่า เพราะตนเกิดจากพระสนมไม่ใช่พระมเหสีอย่างองค์ชายทั้งสอง ทำให้ตนปฏิเสธอะไรไม่ได้นอกซะจากต้องรับธนูชีลีมาไว้ในครอบครองตามอย่างที่องค์รัชทายาทต้องการให้เป็น
แต่ดูเหมือนจะมีคนไม่พอใจ ก็องค์ชายบยอลนั่นแหละที่ออกอาการขัดใจอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่หลังมื้ออาหารก็ดูเหมือนจะแย้มพระสรวลน้อยลง จนตอนนี้อิลก็ยังไม่เห็นองค์ชายบยอลเลย ทั้งๆที่ปกติจะไปประดาบเล่นกับพวกทหารในค่ายแล้วแท้ๆ
อิลก้มมองธนูชีลีในมือตน ฝีมือยิงธนูของเขา ใครๆก็รู้ดีกว่าด้อยกว่าองค์ชายบยอลอยู่หลายขุม ...
“ภูมิใจมากไหม...”
เงยหน้าขึ้นไปก็ได้พบกับเจ้าของเสียงที่นั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งไม้หนา ใบหน้ากลมนั่นจ้องมาทางเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเปรยตามองลามไปถึงธนูที่เขาถืออยู่ในมือ
“องค์ชายอิลยิ่งธนูไม่ได้เรื่อง ใครๆก็รู้....แล้วทำไมพี่ชินยังยกยอดธนูให้คนอย่างท่าน” ภาพองค์ชายน้อยที่นั่งขมวดคิ้ว เบ้ปากอยู่บนต้นไม้ใหญ่ช่างน่าเอ็นดู.... “คนอย่างท่านมันไม่ได้ความ...ไม่คู่ควรซักนิด...”
องค์ชายบยอลกระโดดลงมาจากต้นไม้หยุดยืนประจันหน้าพี่ชายต่างแม่ที่ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย อิลไม่พูดอะไรออกมาซักคำ หากแต่มือเรียวยาวนั่นกลับยื่นออกมาตรงหน้า...
พร้อมกับธนูชีลีที่บยอลอยากได้!
“เอาไปสิข้ายกให้ท่าน...องค์ชายบยอล”
องค์ชายบยอลกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก.. มองธนูชีลีในมืออีกคนนิ่ง “ทำไมถึงยกให้ข้า”
“ท่านอยากได้มันไม่ใช่หรือ?”
แทนที่จะดีใจ ใบหน้ากลมกลับเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวเพราะแรงโทสะ เหตุใดจึงยกยอดธนูให้เขาอย่างง่ายดาย... ได้มาง่ายๆก็ยกให้เขาง่าย ๆ องค์ชายอิลทำราวกับว่ามันไม่มีค่าไม่มีราคาอะไร กลับกันกับเขาที่ต้องพยายามอ้อนวอน ร้องขอ พยายามทำตัวให้ทัดเทียมกับธนูคันนี้มาโดยตลอด....
นี่เขากำลังโดนดูถูก โดนสมเพชอยู่ใช่ไหม...
“ไม่...” ใบหน้ากลมเสหันไปอีกด้าน “ข้าไม่ต้องการรับของจากมือคนไร้ความสามารถอย่างท่าน”
“......”
“และจงจำเอาไว้ด้วย...ข้าไม่ต้องการความเห็นใจ หรือเมตตาใดๆจากคนอย่างท่าน”
“.......”
“แต่ข้าจะคว้ามันมาไว้ในมือของข้า.....ด้วยตัวข้าเอง” .
.
.
.
.
.
.
เฮื้อกดวงตาคมเบิกโพลงขึ้นมาในความมืด เสียงหอบหายใจหนักดังสะท้อนไปทั้งกระท่อม เหงื่อกาฬเย็นเยียบที่ไหลซึมไปทั่วแผ่นหลังย้ำเตือนว่าเหตุการณ์ในความฝันเมื่อครู่ยังคงติดอยู่ในซอกหลืบเล็กๆของความทรงจำ แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมานานแล้วก็ตาม
แซ่ก...แซ่ก...แซ่ก เสียงแมกไม้เสียดสีกันอย่างผิดปกติที่ด้านนอก ทำให้พระราชาของประเทศรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก กว่าจะรู้ตัวอีกทีมือเรียวยาวก็เอื้อมไปควานหาสิ่งของที่จะนำมาเป็นอาวุธ ก่อนจะเขวี้ยงมันออกไปใส่ผู้บุกรุกที่เพิ่งจะเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเสียแล้ว
“เฮ้ย!!”
ถังไม้ที่บรรจุน้ำสะอาดอยู่เต็มตกลงพื้นทันทีที่มีสิ่งแปลกปลอมพุ่งใส่ ยังดีที่บยอลรู้สึกตัวได้ไว ไม่อย่างงั้นคงจะได้สลบไสลเป็นเจ้าชายนิทราไปอีกคนแน่ๆ....
นี่กะเอากันให้ตายเลยใช่ไหมฝ่าบาทT_T “ผมเอง ผมเอง อย่าทำอะไรผมนะ”
ดวงตาคมหรี่ลงเมื่อหูของตนจับกระแสคุ้นเคยในน้ำเสียงของอีกฝ่ายได้ ร่างสูงหยัดร่างกายที่ระบมไปด้วยแผลขึ้นนั่งพิงผนังทันที “องค์ชายบยอล?”
แม้จะเป็นคืนเดือนหงาย แต่ก็ใช่ว่าแสงสว่างจากดวงจันทร์จะทำให้เขาเห็นทุกสิ่งในกระท่อมหลังนี้ พระราชาของประเทศขมวดคิ้ว พยายามปรับสายตาให้ชาชินกับความมืดมากยิ่งขึ้น
“ก็มีกันอยู่สองคน...แล้วจะให้ผมเป็นคุณองครักษ์หรือไงล่ะครับ”
อยู่มาหลายวันดูเหมือนความกลัวหัวหลุดจากบ่าของบยอลจะน้อยลงตามไปด้วย เด็กหนุ่มนั่งลงชันเข่าตรงหน้าไอด้อลของตัวเอง ก่อนจะลากถังน้ำสะอาดมาไว้ข้างๆตัว ดีนะเนี่ยที่เขามีสกิลในการทรงตัวสูง ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้คงตกใจจนทำน้ำในถังหกหมดไปแล้ว
ไม่เสียแรงเลยที่เคยได้เป็นนายกองตอนที่อยู่ค่ายลูกเสือ...
คนมันมีความสามารถ อยู่ที่ไหนก็มีความสามารถ....
“เจ้าจะทำอะไร” ร่างสูงที่เพิ่งจะปรับสายตาได้ชินกับความมืดเอ่ยถาม แต่คนถูกถามก็ไม่ตอบอะไร นอกจากนั่งยอง ๆ แล้วทำท่าพิลึกพิลั่นอยู่ตรงหน้าเขา
พยายามอยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล เด็กหนุ่มจึงได้ฤกษ์เงนหน้าขึ้นมาสบตากับพระราชาของประเทศ “ผมกำลังจะฉีกเสื้อ เอามาทำผ้าพันแผลให้ฝ่าบาทไงล่ะ”
“ฉีกเสื้อ?” อิลขมวดคิ้วก่อนจะก้มลงออกแรงฉีกผ้าฝ้ายในฉลองพระองค์ชั้นในออกมายื่นให้คนตรงหน้า “นี่ใช่ไหมที่เจ้าต้องการ”
“โห....” บยอลตาโต ทำไมทีกับเขาฉีกตั้งนานไม่เห็นจะออก พอฝ่าบาทลงมือฉีกเองเท่านั้นแหละ ง่ายอย่างกับฉีกกระดาษทิชชู่ออกจากม้วน.... เด็กหนุ่มรับมันมาชุบน้ำแล้วแค่พอหมาด ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่สีข้างของอีกฝ่ายเบา ๆ “ให้ผมถอดเสื้อผ้าของพระองค์ได้ไหม”
อิลเงยหน้าพิงผนังกระท่อม ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “ดูเจ้าพูดเข้า....จะทำแผลให้ข้ารึ”
“ใช่เลยฝ่าบาท....ถอดเสื้อเลย เดี๋ยวผมจะล้างแผลให้”
“ไม่ต้องหรอก...นำเศษผ้าในมือเจ้ามาสิ เดี๋ยวข้าจัดการเอง”ร่างสูงหัวเราะเบาๆ เอื้อมไปแย่งเศษผ้านั้นมา ก่อนจะลงมือล้างแผลที่สีข้างของตนอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญ “เจ้าก็ยื่นแขนมาสิ....บาดเจ็บไม่ใช่หรือ?”
บยอลสะดุ้ง เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองก็บาดเจ็บเหมือนกัน ที่ผ่านมาหลายชั่วโมงนี่ไม่รู้สึกเจ็บเลยนะ แต่พอถูกทักเท่านั้น ความปวดก็แล่นปราดขึ้นมาทันที ร่างบางเขยิบตัวเองให้เข้าไปใกล้พระเจ้ายอนชางที่นั่งพิงพนังอีกนิด ก่อนจะยกแขนข้างที่ถูกคนร้ายฟันให้
“.......” บยอลนั่งมองไอด้อลทำแผลให้ตนด้วยความชื่นชม นี่ยังมีความเป็นคนอยู่ไหม ทำไมเก่งมันไปหมดซะทุกเรื่อง ตั้งแต่ยิงธนู จนถึงล้างแผล ไม่มีอะไรที่เขาเทียบชั้นร่างสูงได้เลยซักนิด
“เรียบร้อย” บยอลโค้งหัวแทนที่จะเอ่ยคำขอบคุณ และในจังหวะที่ยอบศีรษะลงนั่นเอง อาการเจ็บแปลบที่แผลเก่าก็แล่นขึ้นมาเล่นงานกันทันที!
“โอ้ย...” เด็กหนุ่มอุทานออกมาเสียงเบาพยายามเขยิบตัว พาร่างของตนไปนั่งพิงที่ผนังข้าง ๆ ฝ่าบาทอย่างระมัดระวัง นี่คงจะเพราะล่าสัตว์ เดินป่า ตกม้า ตกเหว ผจญภัยสุดแสนเลวที่เกิดขึ้นภายในหนึ่งวันแน่ๆที่ทำให้แผลถูกแทงที่ใกล้หายมันเกิดลั่นเปรี้ยะขึ้นมาแบบนี้
สงสัยจะอักเสบแน่ๆ... “เจ้าทำอะไรน่ะ” ร่างสูงเอ่ยถามร่างบางที่ลุกขึ้นมาทำท่าเหมือนกำลังหาของ เด็กหนุ่มที่เขยิบตัวหนีไปอีกทางทำเพียงแค่เอี้ยวหน้ามาผงกหัวให้ นั่งอยู่อย่างนั้นซักพักจึงหันกลับมาเต็มตัว
“นั่นอะไร” ดวงตาคมเบิกโพลงเมื่อเห็นเม็ดกลมๆสีขาวที่วางอยู่บนมือบาง “ยาพิษงั้นหรอ!”
บยอลส่ายหัวหงึกๆ “ไม่ช่าย.....นี่พาราน่ะฝ่าบาท”
“....พารา?” พระราชาทวนคำ
“ใช่ฝ่าบาท...เอาน่า...พระองค์หยิบไปเลยเม็ดนึง...ไม่อันตรายหรอก...มันเอาไว้แก้ปวด”บยอลยื่นมือไปตรงหน้าร่างสูงที่ทำท่าทางเหมือนกับไม่ไว้ใจ ทว่ามือเรียวยาวนั่นก็หยิบไว้สำหรับตนเองหนึ่งเม็ด
“แก้ปวด” อิลมองเม็ดสีขาวในมือตนเองอย่างชั่งใจ “จะเป็นไปได้อย่างไร เม็ดเล็กเท่าถั่วเหลืองแค่นี้...”
“เดี๋ยวผมกินให้ดู....รับรอง จะทรงหายปวดแผลเป็นปลิดทิ้ง!” พูดจบคำร่างบางก็ยัดยาใส่ปาก แล้วกวักน้ำในถังมาดื่มให้อีกคนดูเป็นตัวอย่าง “นี่ไง...ไม่ยากเลย”
ดวงตาคมมองมันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจทำตามอย่างที่องค์ชายบยอลทำให้ดู ร่างสูงหลับตา เอนตัวพิงผนังรอปฏิกิริยาจากเจ้าเม็ดเล็กๆนี่อยู่สักพัก หากเป็นยาพิษเขาก็คงจะไม่รอดออกไปจากป่านี้ ถือว่าเป็นการเดิมพันที่เสี่ยงอยู่เหมือนกัน
“.....ข้าปวดน้อยลง” ทว่าผลที่ได้กลับเป็นไปตามที่องค์ชายบยอลบอก อิลรู้สึกปวดที่สีข้างน้อยลงจริงๆ และเป็นเรื่องน่ายินดี ที่องค์ชายบยอลไม่ได้คิดร้ายกับเขา เหมือนอย่างที่เขาหวาดระแวงเอาไว้แต่ต้น
นั่นพาลไปทำให้นึกถึงความฝันเมื่อก่อนหน้านี้....
“องค์ชายบยอล...ข้ามีอะไรอยากจะถามเจ้าสักหนึ่งข้อ”
เงียบไปอยู่นาน พระเจ้ายอนชางที่นิ่งสงบก็ผงกหัวขึ้นมา ดวงตาคมนั่นมองสบเข้าไปอย่างกับจะค้นใจของเด็กหนุ่ม บยอลเม้มริมฝีปากแน่น “....ถามเลยฝ่าบาท”
“เจ้าดีใจมากใช่ไหม..ที่ข้ายกธนูชีลีให้เจ้า”
พอฟังคำถามจบก็แทบจะหัวเราะออกมาเสียงดัง ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าเขร่งขรึมอยู่ “ก็ต้องดีใจสิฝ่าบาท..ฝ่าบาทอุตส่าห์ยกให้เลยนะ” ดีใจอยู่แล้ว ของของไอดอลเลยนะ
คนได้ฟังไม่ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ เท่านั้น ทว่าเด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงความอึดอัดที่เริ่มก่อตัวขึ้นท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลายเมื่อครู่ คิ้วบางเริ่มขมวดเข้าหากันแน่นจนเป็นปม ก่อนที่จะได้อ้าปากพูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ยิงคำถามฮุกหมัดตรง สวนหน้าบยอลจนเหมือนรู้สึกระบม....มันชาไปทั้งแถบ
“....เจ้าเป็นใครกัน.....”>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> TBC
สภาพฝ่าบาทเหมือนกระเตงลูกน้อยไปทุกที่ 555
ย้อนดูเหตุการณ์เมื่ออดีต จะเห็นได้เลยว่าองค์ชายบยอลนี่เก่งกว่าฝ่าบาทอีก
แล้วบยอลจะเป็นไงต่อเนี่ยยย เอาใจช่วยนางด้วยค่า
ปล. อัพช้าหน่อยนะค๊า 5555 ช่วงนี้อีกงานที่ทำเยอะไปนิด T_T ใครจะดูดวงทักมาหาเราได้นะ เราดูดวง 555 (ขายกันแบบนี้เลย?)