ว่ากันว่าในคืนวันเพ็ญมักมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น...
ดั่งเสียงกระซิบกระซาบที่ดังเลือนรางมาจากสวนหย่อมก็อาจจะนับเป็นหนึ่งในนั้นได้เช่นกัน ถ้าไม่ติดว่านั่นเป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคย นายหญิงแห่งตระกูลฮัมอย่างหล่อนจะไม่มีทางออกมาสำรวจด้วยตัวเองคนเดียวแบบนี้เป็นอันขาด แม้จะฉงนสงสัยก็ตามที....
เรียวมือบอบบางคว้าชุดสำหรับใส่ออกข้างนอกมาสวมทับซับในสีขาวบริสุทธิ์ หล่อนบรรจงเลื่อนบานประตูห้องนอนของตนให้เบาที่สุด ก่อนจะค่อย ๆ จรดฝีเท้าลงบนพื้นไม้ ลงทุนอ้อมตัวบ้าน ทั้ง ๆ ที่ก็สามารถเดินตัดส่วนของห้องรับรองแขกไปถึงสวนหย่อมได้เช่นกัน
ภาพตรงหน้าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่หล่อนคุ้นเคยดีที่สุด... ใต้เท้าโฮมิน สามีของหล่อนนั่นเอง ทว่า...ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ท่านพี่ยังต้องมีธุระกับใครที่ไหนอีก แล้วยังคู่สนทนา ที่มองยังไงก็ไม่ใช่ขุนนาง หรือ บัณฑิตที่เข้านอกออกในบ้านนี้ ไม่ใช่คนที่เห็นหน้ากันบ่อย ๆ
“....พลาดงั้นหรือ...”
“....ขอรับ...” ชายชุดดำค้อมศีรษะลงรับผิด
“มีใครที่รู้เห็นเรื่องนี้บ้าง...” ระบายลมหายใจออกมาอย่างเก็บอารมณ์ นายใหญ่ของบ้านแสดงท่าทีลนลานออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“....หัวหน้าองครักษ์ขอรับ....”
“บัดซบ!”
ผั่วะ !แรงกระแทกจากฝ่ามือของท่านพี่กระทบใบหน้าของชายชุดดำเข้าอย่างจัง ! แต่ไม่มีทีท่าว่าชายชุดดำจะตอบโต้อะไรแม้สักนิด.... อีกฝ่ายทำเพียงแค่ก้มหน้าลง สำนึกผิดให้มากยิ่งกว่าเก่า....
“...เจ้าคิดว่าข้าจะเรียกนักฆ่ามือหนึ่งจากเมืองจีนมาเพื่ออะไร.....ในเมื่อเจ้าทำงานไม่ได้เรื่องอย่างนี้...”
“...ขออภัยขอรับ...”
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าแก้ตัวอีกครั้ง
ลู่เหวิน” แววตาเหี้ยมเกรียมอย่างที่ไม่เคยแสดงให้เห็นปรากฏบนใบหน้าของสามีหล่อน “แต่ถ้าพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง--”
“จะไม่มีครั้งที่สองขอรับ” ชายชุดดำเอ่ยสวนขึ้นมาทันทีที่ได้รับโอกาส ก่อนจะคุยกันอีกสองสามประโยค ก็คำนับอีกฝ่าย เป็นอันลา ส่วนสามีของหล่อนก็กลับหลังหันเดินเข้าตัวบ้านไปอย่างไม่มีอะไรทุกข์ร้อน ที่นิ่งงันอยู่คนเดียวนั้นคงจะเป็นหล่อนกระมัง... ความรู้สึกที่ราวกับชาไปทั้งตัว เมื่อนึกไปถึงชายชุดดำคนเมื่อครู่....
ลู่เหวิน นักฆ่าจากเมืองจีนงั้นหรือ....
ท่านพี่วางแผนอะไรอยู่
IN TIME
** เนื้อเรื่อง และตัวละครทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
______________________________
{ 6 - HOUR }
COCA COLA
“....เพคะ” “....บาท เพคะ” “ฝ่าบาทเพคะ....เครื่องเสวย...ไม่ถูกพระทัยหรือเพคะ”
น้ำเสียงตื่นตระหนกจากชองซังกุง เรียกให้อิลจำต้องตื่นจากภวังค์ ใบหน้าของหล่อนดูราวกับจะร้องไห้ออกมาก็ไม่ปาน สาเหตุเพราะอะไรคงไม่ต้องถาม ในฐานะของซังกุงสูงสุดแห่งห้องเครื่องซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบมื้ออาหารในแต่ละวันของพระราชา หากทำรสชาติไม่ถูกปาก หรือมีส่วนผสมเป็นพิษที่ทำให้พระราชาเกิดประชวรขึ้นมาล่ะก็อาจจะโดนลดขั้นหรือ มากหน่อยก็อาจจะโดนปลดเลยก็เป็นได้....
“ไม่เป็นอะไร...ข้าแค่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ....” หัตถ์แกร่งกำขึ้นเหนือพระอุระ ก่อนอิลจะทรงกระแอมไอออกมาเบา ๆ “ไหนดูซิ....วันนี้เจ้าทำอะไรมาให้ข้ากิน....”
แสร้งทำเป็นเอื้อมหัตถ์ไปเปิดผอบอาหารแต่ละอย่างออก ก่อนที่ซังกุงลิ้มรสจะเริ่มตรวจสอบอาหารโดยค่อย ๆ ชิมทีละจาน หากพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยจึงค่อยบรรจงคีบให้อิลได้ชิมบ้าง....
ริมโอษฐ์แย้มสรวลที่มุม ทั้ง ๆ ที่ใช้ชีวิตแบบนี้มาก็ตั้งสามปีกว่าแล้ว ทำไมยังไม่รู้สึกชินเสียที วิถีชาววังแบบที่เขาไม่ได้ถูกปลูกฝังมาแต่เล็กทำให้เขาออกจะรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อยเมื่อต้องสวมบทพระราชา มีนางในคอยปรนนิบัติจนแทบไม่ได้หยิบจับอะไรเองอยู่อย่างนี้....
“ชองซังกุง....นี่คืออะไร....”
อิลพยักพเยิดพักตร์ไปที่จานที่ซังกุงลิ้มรสเพิ่งคีบมาให้ ความหวานเมื่อได้สัมผัสกับปลายลิ้น ความอ่อนนุ่มเมื่อได้เข้าถึงโดยการเคี้ยว ทำให้พระองค์ทรงประหลาดพระทัยกับอาหารจานนี้เป็นอย่างมาก
รสชาติดีทีเดียว.... “เนื้อซี่โครงตุ๋นน้ำผึ้งเพคะ...”
“ดี....ดีมาก...สั่งให้ห้องเครื่องทำไปให้ตำหนักคโยแทจอนด้วย....ข้าได้ข่าวว่าหมู่นี้มเหสีไม่ค่อยเจริญอาหาร....”
ใช่ว่าจะไม่แยแสสตรีอันดับหนึ่งแห่งโชซอนเสียเมื่อไหร่ มีบ้างที่เขารู้สึกอยากจะแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับนาง ทว่าบางเรื่อง... แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจ รู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะแบ่งปันความรู้สึกกับใคร แม้นางจะเป็นมเหสี เป็นภรรยาที่ถูกต้องตาม....
“เพคะ ฝ่าบาท”
ชองซังกุงค้อมศีรษะลง ก่อนจะทูลลาเพื่อไปทำการตามที่พระราชาสั่ง ร่างสูงเสวยมื้อเช้าของวันอีกแค่สองสามคำ รับสั่งกับขันทีคนสนิทอีกเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเสด็จกลับตำหนักไปเตรียมองค์ ผลัดภูษาเพื่อว่าราชการในเช้าวันนี้กับพวกเสนาธิบดี
ส่วนหัวข้อการประชุมก็ซ้ำ ๆ เดิม ๆ เรื่องขัดผลประโยชน์ทางการค้ากันบ้างล่ะ เรื่องที่ดินของเจ้ากรมคนโน้น คนนี้บ้างล่ะ เรื่องที่ขอให้ผูกขาดสินค้ากับตระกูลของขุนนางบางคนบ้างล่ะ...
แต่ไม่เคยมีเรื่องฏีกาความทุกข์ร้อนของประชาชนมานานแล้ว ไม่มีมาตั้งแต่สองสามเดือนที่ผ่านมา ทั้งเรื่องที่พระองค์สั่งให้เปิดยุ้งหลวงนำอาหารไปแจกจ่ายประชาชน ก็ไม่เคยมีรายงานส่งมาถึงมือ.. สำหรับอิลตอนนี้ หน้าที่พระราชาสำคัญที่สุด ในแต่ละวันเขาคิดเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไร และ จะทำยังไงให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีกว่านี้
ซึ่งคำตอบมันก็มีให้เห็นอยู่แล้ว......
ฟังดูไม่ยาก...แต่กลับเป็นเรื่องที่บรรพบุรุษของพระองค์พยายามกันมาในทุกรัชสมัย... นั่นคือรวมขุนนางให้เป็นหนึ่ง ทำอย่างไรก็ได้ให้ไม่เกิดการแบ่งแยกของราชสำนัก...เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะหากว่าผู้บริหารประเทศมัวแต่แก่งแย่งชิงดีกันเองอยู่อย่างนี้ ก็ไม่มีวันที่ประชาชนของเขาจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่...
หนทางเดียวในตอนนี้สำหรับอิลคือองค์ชายบยอลเท่านั้น
หากสามารถรวบรวมบัณฑิต และขุนนางในฝั่งขององค์ชายบยอลให้เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่เขามีอยู่ในมือได้ล่ะก็...
___________________________________________________
___________________________________________________
“โอ้ย...อิ่ม.....จุก....”
เสียงครวญครางดังมาจากว่าที่องค์รัชทายาทที่เกลือกกลิ้งอยู่ข้างโต๊ะหลังจากเพิ่งเสวยมื้อเช้าเสร็จ เด็กหนุ่มนอนอยู่อย่างนั้นได้ซักพักก็เป็นอันต้องกระเด้งตัวขึ้นมา เพราะสายตาดุ ๆ จากป้าซังกุงที่ส่งมาให้ บอกเป็นนัยว่าเขาทำตัวไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย...
“องค์ชายเพคะ”
บยอลเบ้ปากเมื่อป้ายุนซังกุงถลึงตาใส่เขา แต่ใครสนกันล่ะ... เมื่อคืนเขาเกือบจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ!!! นอนไม่หลับทั้งคืน กลัวก็กลัว หวาดระแวงไปหมด....โทรศัพท์มือถือก็เล่นเกมในไลน์ไม่ได้.... ต้องลุกขึ้นมาจิบน้ำชาทนหิวอยู่ทั้งคืนเพราะไม่รู้จะบอกใครแบบนี้....
T_T ชีวิตองค์ชายมันช่างลำบากซะจริง...
แบบนี้ต้องโค้กเย็น ๆ ซักอึก...ให้หายเซ็งกันไปข้าง...
ร่างโปร่งเอนตัวไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมจากถุงที่เขาอุตส่าห์หิ้วมาจากโลกอนาคต รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโดราเอม่อนก็ไม่ปาน... ที่เที่ยวเอาสิ่งของแปลกประหลาดมาให้คนในยุคนี้ได้แปลกใจกันเล่น แต่ผิดกันเล็ก ๆ ตรงที่ว่าของที่เขาเอามามันมีประโยชน์กับเขาแค่คนเดียวเท่านั้นนั่นเอง...
นิ้วเรียวดันที่เปิดกระป๋องหมายมั่นว่าจะได้ดื่มด่ำกับโค้กเย็นๆ .... แต่ก็ต้องรู้สึกผิดหวังขึ้นมาซะได้ เพราะโค้กที่เขาถืออยู่นี่มันไม่เย็นเลยซักกะติ๊ด... เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเศร้า ๆ ในยุคนี้คงไม่มีน้ำแข็งหรอกใช่ไหม.... แถมนี่ก็ยังไม่ใช่หน้าหนาวอีกด้วย...
“ป้าซังกุงครับ....”
“เพคะ ?”
“คือถ้าอยากจะให้ไอ้นี่เย็นๆ...” มือเรียวชูกระป๋องโค้กขึ้นมาสูงเท่าระดับใบหน้าของตัวเอง.... “จะเอาไปแช่ได้ที่ได้บ้างครับ?...”
___________________________________________________
___________________________________________________
สองเท้าย่ำมาหยุดตรงหน้าประตูพระราชวังเคียงบก จำได้ว่ามาที่นี่ครั้งสุดท้ายก็เมื่อตอนที่สอบควากอ.... นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้เข้ามา ริมฝีปากหนาผ่อนลมหายใจออกมา อมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องสนุกที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ก่อนจะก้าวอาด ๆ แทรกแถวยาวที่เรียงคิวกันตรวจสัมภาระก่อนจะเข้าวัง มือหนาคว้าป้ายหยกขาวที่สลักชื่อของตนออกมา ก่อนจะวางลงบนโต๊ะของผู้ตรวจการ...
“คิม กีอุน” ผู้ตรวจการตาโต “ท่านคิม....เชิญขอรับ...”
ร่างสูงจุดยิ้มข้างเดียวที่มุมปากเมื่อเห็นผู้ตรวจการรีบกุลีกุจอเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร ทหารสองนายที่ยืนเฝ้าประตูวังรีบคับนับก่อนหนึ่งในนั้นจะรีบเดินนำเขาเข้าตัวพระราชวังอย่างง่ายดาย.. กีอุนนึกหัวเราะสมเพชตัวเองในใจ มีเชื้อสายคนใหญ่คนโตมันก็ดีแบบนี้ จะทำอะไรยังไง จะลัดคิวใครก็ได้.... ดีจริงๆ...ที่เกิดมา...
ประชดประชันชาติกำเนิดตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ตาคมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนบนลานกว้าง ร่างโปร่งในชุดราชองครักษ์เต็มยศกำลังเดินตรวจการแต่งกายของทหารในสังกัดอย่างเคร่งครัด รูปหน้าไข่ กับสีหน้าเคร่งขรึมของท่านราชองครักษ์ ไม่สิ...น้องชายต่างมารดาของเขา ทำให้อยู่ ๆ เกิดคิดถึงวันคืนเก่า ๆ ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ คิดถึงซะจนอดไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปทำการทักทายภาษาคนบ้านเดียวกัน
“ท่านพัคอินซา” กีอุนผละจากทหารนำทางทันที ตะโกนเสียงดัง เดินยิ้มระรื่นเข้าไปในลานฝึกที่มีทหารองครักษ์ยืนต่อแถวรอคำสั่งจากท่านหัวหน้า คนถูกเรียกชื่อดูจะตกใจไม่น้อย เมื่อหันมาตามเสียงเรียกแล้วต้องพบกับคนเคยคุ้นอย่างร่างสูง...
คนที่ไม่เคยคิดอย่างจะพบอีก...
ไม่ว่าชาติหน้า...หรือชาติไหนก็ตาม...
ร่างโปรงชะงักงันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าที่ของตนเองต่อ...ไม่สนใจสักนิด แม้คนที่เรียกชื่อเขาจะเดินเข้ามาใกล้ มาพูดอะไรเพ้อเจ้อเป็นแมลงหวี่แมลงวันอยู่ข้างหู....
“ไม่คิดจะทักทายกันบ้างหรือไง....”
ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะไม่ทักตอบแล้วด้วยซ้ำแต่อินซาก็ค้อมศีรษะลงพอเป็นพิธี “คิม กีอุน”
“ไม่เจอกันตั้งหลายปี...” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ใช้สายตาคมไล่มองร่างโปร่งตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ดูสิ...เดี๋ยวนี้แค่ป้ายหยกพระราชทานของท่านอันเดียว....ก็แพงกว่าเสื้อผ้าข้าทั้งตัว...”
ร่างสูงหัวเราะออกมาเสียงดัง ไม่รู้สึกว่าที่ตนเองกระทำลงไปเป็นการรบกวนอีกฝ่ายเลยซักนิด กีอุนยังคงถือวิสาสะ เดินตามร่างโปร่งไปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ถูกรับเชิญเลย ตั้งใจจะยั่วโทสะอีกฝ่ายให้ถึงขีดสุดเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าแค่เห็นหน้าเขาคงจะบันดาลโทสะไม่มากพอสินะ...
“นี่อินซา” จงอินจงใจพูดเสียงดัง... นับไว้ได้ผล ร่างโปร่งหยุดชะงักนิ่ง “กลับมาเยี่ยมท่านพ่อของเราที่บ้านบ้างสิ.....
น้องรัก”
“อย่าเหมารวมข้ากับครอบครัวของท่าน”
อินซาสวนกลับออกมาแทบจะในทันที ก่อนจะรู้ตัวอีกทีว่าถูกปั่นหัวเข้าให้เสียแล้ว.... ชายหนุ่มหลุบตาลง พยายามไม่มองอีกฝ่ายที่กลั้นขำแทบเป็นแทบตายอยู่ข้าง ๆ
ตกหลุมพรางเข้าให้อีกแล้ว... ยิ่งโมโหก็ยิ่งรู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้... “อย่างน้อย ๆ ....เจ้าก็ควรไปไหว้หลุมศพของ--”
“หากท่านยังไม่หยุดพูดล่ะก็— ” ร่างโปร่งกลับหลังหันมาหาเตรียมชักดาบออกจากฝักทันทีที่พูดจบ แววตาเจ็บปวด กับสีหน้าจริงจังนั่น บอกกีอุนว่าวันนี้เขาควรพอเสียก่อน...
อีกหน่อยก็จะได้เข้ามาทำงานในวังนี้แล้ว...
จะกระตุกหนวดแมวอีกเมื่อไหร่ก็ย่อมได้....
___________________________________________________
___________________________________________________
ขุด....ขุด...ขุด...
เรามาขุด ขุด ดินกันเถอะ...
ขุดแล้วอย่าทำเลอะเทอะ...
ขุดดินกันเถอะ ร่างกายแข็งแรง =_=
ภาพตรงหน้า กับเสียงฮัมเพลงเบา ๆ ในลำคอของคนที่นั่งยอง ๆ กับพื้นดิน ทำเอาขบวนนางในเด็กเล็กถึงกับต้องหยุดสนใจอยู่นาน นานจนนางในพี่เลี้ยงต้องตะโกนว่ามาจากหัวแถว พวกนางถึงมีกะใจเดินต่อได้... แต่คนที่ขุดดินอยู่สนใจอะไรที่ไหน ร่างโปร่งสนใจแค่ว่าจะขุดไปให้ลึกเท่าไหร่มันถึงจะเย็นอย่างที่ซังกุงบอกซักที....
‘บริเวณที่หมักเครื่องปรุงเพคะ.... ดินแถวนั้นเป็นดินร่วนซุยระบายอากาศได้ดี เพื่อเหมาะแก่การฝังไหดินเผาเอาไว้หมักเครื่องปรุงนานาชนิด อีกทั้งยังมีแมกไม้คอยบดบังแสงแดด ไม่ให้ไอความร้อนแผ่ถึงไหเครื่องปรุงที่หมักเอาไว้ เพราะฉะนั้นเครื่องปรุงที่ฝังไหหมักจากบริเวณนั้นจึงเย็น และไม่เสียรสชาติด้วยเพคะ....’พอได้ยินที่ป้าซังกุงบอกมาอย่างนั้น เขาก็รีบบึ่งมาที่หลังครัวของพระราชวังทันที แล้วก็นั่งลงขุดดินแบบนี้มาเป็นครึ่งชั่วโมงแล้ว... แต่ไม่ว่าจะขุดยังไงก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่าดินมันจะเย็นตรงไหน...
บยอลโยนจอบไม้ไว้ข้างตัว ก่อนจะนั่งลงอย่างหมดแรง
“..แค่อยากกินโค้กเย็น ๆ ก็ไม่ได้หรอครับพระเจ้า...ทำไมต้องแกล้งกันขนาดนี้ด้วย...”
“ใครแกล้งพระองค์หรือพะย่ะค่ะ....?”
เสียงจากข้างกายดังขึ้นมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับกระเด้งตัวออกอย่างอัตโนมัติ ใบหน้าขาวที่แสดงอารมณ์ตกใจสุดขีดขององค์ชายว่าที่รัชทายาท ทำให้คนมาใหม่ถึงกับต้องขำออกมาอย่างเสียมารยาทเพราะไม่สามารถกลั้นอยู่
บยอลมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ... หน้าตาดีใช้ได้ แต่งตัวแลดูมีสกุลรุนชาติ ผิวแทนดูสมเป็นชาย...เกือบจะดีทั้งหมดอยู่แล้วถ้าไม่ได้กำลังนั่งขำหน้าของเขาอยู่....
“นายเป็นใคร....” เอ่ยถามออกไปทันที ซึ่งคนฟังก็ไม่ได้แปลกใจในคำถามอยู่แล้ว ถึงแม้จะเคยเจอหน้ากันสองสามที แต่นั่นก็เมื่อหลายปีก่อน แถมคนข้างนอกเขาลือกันให้แซ่ดว่าองค์ชายบยอลพระสติไม่ค่อยเต็มเต็งเท่าไหร่ เพราะอย่างนั้นก็คงไม่แปลก หากอีกฝ่ายจะจำหน้าเขาไม่ได้
“คิมกีอุน...กระหม่อม...”
ทักทายกันพอเป็นพิธีเด็กหนุ่มก็หันกลับมาให้ความสนใจกับหลุมขนาดใหญ่ที่เขาทุมเทขุดเป็นเวลานานอีกครั้ง พอแล้วล่ะ...แค่นี้ก็คงพอ... เด็กหนุ่มบรรจงหย่อนโค้กลงไปในหลุมลึก...
“สิ่งนั้นคืออะไรหรือพะย่ะค่ะ”
กีอุนยังคงไม่ขยับไปไหน แถมยังลืมธุระสำคัญที่ต้องมาเจรจากับองค์ชายบยอลเรื่องการไปล่าสัตว์ในอีกห้าวันเสียซะสนิท ร่างสูงนั่งมองเด็กหนุ่มอย่างสนอกสนใจ...
“นี่น่ะเหรอ...มันคือโค้กน่ะ” บยอลหันมาตื่นเต้นกับคนชื่อคิมกีอุน
“โค...กือ...?....คืออะไรหรือพะยะค่ะ”
“อา จะอธิบายยังไงดีนะ” กีอุนมององค์ชายบยอลทรงพยายามจะกลั่นกรองสิ่งที่อยู่ในพระทัยออกมาเป็นคำพูด “มันเป็นเครื่องดื่ม....แต่ต้องกินเย็น ๆ นะถึงจะชื่นใจ....”
ร่างสูงเลิกคิ้วมอง เฝ้าดูการกระทำของอีกฝ่ายที่ค่อย ๆ กลบหลุมใหญ่หลังจากหย่อนเจ้าสิ่งของรูปร่างหน้าตาประหลาดไว้ในดิน องค์ชายบยอลนั่งลงที่เดิม ก่อนจะทรงพรูพระปัสสาสะออกมาเบา ๆ
“เมื่อไหร่มันจะเย็นกันนะ ?”
“เย็น?...หมายถึงเจ้าสิ่งนั้นหรือพะย่ะค่ะ” กีอุนพยักเพยิดไปทางหลุมที่เพิ่งกลบ “ถ้าจะหมักให้เย็น อย่างน้อย ๆ คงจะซักเดือนสองเดือน....”
“ห๊ะ!!!! เดือนสองเดือนเลยงั้นหรอ” บยอลหน้าเสีย...โอ้ยเดือนสองเดือนอะไรกันเล่าป้าซังกุง !โกหกเขาชัด ๆ ขืนปล่อยไว้เดือนสองเดือน ไม่ต้องกินกันพอดี มีได้ขึ้นสนิมแน่ ๆ !
ร่างสูงขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อองค์ชายบยอลทรงลุกขึ้นมา เอาจอบขุดดินที่เพิ่งกลบไป อย่างที่คนอื่นเขาว่ากันจริง ๆ คนสติไม่สมประกอบมักจะทำอะไรประหลาด ๆ แบบนี้สินะ...กีอุนยกมือขึ้นปรบเป็นจังหวะเพื่อเอาใจช่วยคนที่กำลังขุดดินอยู่ข้าง ๆ
บยอลปาดเหงื่ออย่างท้อแท้ เมื่อขุดหลุมไปถึงโค้กที่เขาเพิ่งกลบไปเมื่อครู่ เด็กหนุ่มเอื้อมไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมเจ้าปัญหาขึ้นมา ใช้ผ้าแพรชั้นดีที่ตนเองสวมใส่อยู่เช็ดกระป๋องอย่างทะนุถนอม...
ป๊อก !มือบางยกกระป๋องโค้กขึ้นจรดริมฝีปาก ลิ้มรสของความซาบซ่าผ่านลำคอ.... อาห์...ฟิน ร่างสูงยืนมองเด็กหนุ่มที่กระดกบางอย่างลงคออย่างกระหาย ก่อนองค์ชายบยอลจะหยุดดื่ม แล้วยื่นมันมาทางเขาบ้าง
“ไม่ล่ะพระองค์...” กีอุนยิ้มแหย ๆ ก่อนจะมองตรงไปข้างหน้าแทนที่จะสนใจองค์ชายสติไม่สมประกอบ
ขบวนเสด็จของพระเจ้ายอนชางตรงออกมาจากท้องพระโรง เห็นได้ลาง ๆ เมื่อนั่งอยู่ตรงนี้ คิมกีอุนอมยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นปัดเศษดินออกจากตัว โดยไม่ลืมที่จะหันไปบอกลาองค์ชายบยอลที่ยังสนใจอยู่กับเจ้าสิ่งของประหลาดนั่น
“องค์ชาย....ข้าคงต้องขอตัวแล้ว”
“อ๋อ...งั้นบายล่ะ...” อีกคนยังคงไม่ให้ความสนใจกับคำบอกลาของเขา ถ้าเป็นคนอื่นคงจะโมโหไปแล้ว แต่นี่เพราะเป็นเขายังไงล่ะ... ใต้เท้าคิมผู้ใจกว้างประดุจดั่งแม่น้ำฝั่งตะวันออก
ร่างสูงที่เกือบจะหน้าตาดีคนนั้นเดินออกไปแล้ว เพราะงั้นบริเวณนี้ทั้งหมดเป็นขององค์ชายบยอลคนนี้แต่เพียงผู้เดียว ฮ่าฮ่าฮ่า.... เด็กหนุ่มเอนกายลงกับพื้นดิน วางกระป๋องโค้กไว้เลยศีรษะไปเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ง่ายต่อการหยิบ ใช้แขนเป็นหมอนรองหนุน นอนลืมตามองเจ้าต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมบริเวณรอบ ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกที ดวงตาเรียวก็หรี่ลงจนแทบจะปิดเสียแล้ว...
เย็นสบายดีจัง...
ขอนอนซักงีบแล้วกันนะ.....
.
.
.
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว รู้แต่ว่าตอนนี้รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่อยู่ข้าง ๆ แถมด้วยสายตาที่จับจ้องอยู่ ว่ากันว่าถึงแม้จะปิดตา แต่คนเราก็สามารถรับความรู้สึกไอ้ประเภทที่ถูกแอบมองได้ ก็อย่างที่บยอลเป็นอยู่ตอนนี้ เด็กหนุ่มนอนกระสับกระส่าย เอามือเกาพุงก็แล้ว ตะแคงข้างก็แล้ว...แต่ก็ไม่สามารถกำจัดความรำคาญนั่นได้... จนต้องลืมตาขึ้นมาในที่สุด...
“เฮ้ย !......พะ....” เด็กหนุ่มกระเด้งตัวขึ้นมาทันที อ้าปากค้างไว้อย่างนั้นเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าคนที่นั่งจ้องหน้าเขาอยู่เป็นใคร ! โอ้ยยยย ....มายไอดอลเขาทำหัวใจแทบวายอีกแล้วไหมล่ะ !
“องค์ชายบยอล”
สายลมแผ่วปะทะผ่านหน้าไปเบา ๆ ตอนที่พระเจ้ายอนชางแย้มพระสรวลแล้วทรงเรียกชื่อเขาเบา ๆ จาก เด็กหนุ่มได้อึ้งแต่อ้าปากค้าง กว่าจะพูดอะไรออกมาได้ทำไมมันยากเย็นแบบนี้นะ มันตะกุกตะกัก น่ารำคาญไปซะหมดเลยยยยยย
“เอ่อ...พระ....เอ้ย...เออ....เสด็จมาได้ยังไงครับ”
ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องนึกขำเสียทุกทีเวลาที่ได้ยินสรรพนามแปลก ๆ จากองค์ชายบยอล ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจถึงเจตนาที่อีกฝ่ายทำเป็นแกล้งบ้าก็ตามทีเถอะ
“ข้าเห็นเจ้านอนอยู่ตรงนี้ก็เลยเดินมาน่ะ”
บยอลเม้มปาก.... ไม่ค่อยจะกวนเลยนะครับ ที่เขาถามออกไป เขาแค่อุทานมันหมายถึงว่าคนเขานอน ๆ อยู่ แล้วพระองค์ก็แว้บมาแบบนี้ มันก็ต้องตกใจกันเป็นธรรมดา ไม่ใช่ถามว่ามายังไง แบบว่าให้ตอบว่านั่งเกี้ยว หรือ วิ่งมาประมาณนั้น
โอ้ย...ยิ่งคุยกับตัวเองยิ่งงง
ไอดอลชักจะทำให้เขารู้สึกเหมือนประสาทจะกินอยู่ตลอดเวลาไม่ได้นะครับ ; A;
“ทำไมเจ้ามานอนอยู่ตรงนี้....ไม่ต้องเตรียมตัวไปล่าสัตว์หรือ”
บยอลทำหน้างง.... นี่สรุปเขาต้องไปออกล่าสัตว์จริง ๆ ใช่ไหม....จะต้องควบม้ายิงธนูใส่กวางเหมือนกับในหนังด้วยรึเปล่า ? แล้วถ้าจะไปแค่เป็นพิธี ไปถึงแล้วไปนั่ง ๆ นอน ๆ เล่นอยู่เฉย ๆ ก็ไม่ได้อีกใช่ไหม....
“เตรียมตัว....ยังไงน่ะครับ...” พระเจ้ายอนชางสรวลขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้สรวลเสียงดังเสียด้วย “ช่างเถอะ...ข้าไม่ควรถามเจ้าแต่แรกสินะ...ข้าสิต้องเป็นคนเตรียมตัว...”
“ห๊ะ....”
“...จำได้ไหม...สมัยก่อนเวลาที่พวกเราออกไปล่าสัตว์กับเสด็จพ่อทีไร....ข้ากับพระราชาองค์ก่อนมักจะล่าสัตว์แพ้เจ้าทุกที....”
“อะไรนะ....!!” บยอลอยากจะตบหน้าผากตัวเอง ตบให้เจ็บให้เป็นไข้ไปเลย.... บ้าชะมัด... ทำไมองค์ชายบยอลอะไรนี่จะต้องเก่งกาจไปซะทุกเรื่องด้วยเนี่ย... แค่ล่าสัตว์จะล่าให้มันแพ้คนอื่นบ้างไม่ได้รึไง ทำไมต้องเอาชนะชาวบ้านเขาไปซะหมด....
แล้วถาม ! ความซวยมาตกที่ใคร...
ก็ลีบยอล นักศึกษามหาลัยโซลคนนี้นี่ไง ; A ;
“ว่าแต่ ที่เจ้าถือนั่นคืออะไร...”
พระเจ้ายอนชางนับเป็นคนที่สองของวันที่สนใจกระป๋องโค้กของเขา บยอลจึงเอื้อมไปหยิบกระป๋องโค้กที่อยู่ข้าง ๆ ตัวมายื่นให้คนที่อยู่ข้าง ๆ
“โค้กครับ...ลองชิมดู....”
“โค...กือ?.....” ร่างสูงรับมันขึ้นมาไว้ในมือ ก่อนจะตั้งท่ากระดกมันลงคอ... เด็กหนุ่มพยักหน้าเชียร์
“ฝ่าบาท ไม่ได้นะพะย่ะค่ะ....” ท่านขันทีในชุดผ้าแพรสีเขียวที่ยืนอยู่กับขบวนนางกำนัลห่างไปไม่ไกลตรงรี่มาทางพวกเขาทันทีที่เห็นพระเจ้ายอนชางตั้งท่าจะกินของจากมือเขา เด็กหนุ่มลืมไป! ก่อนพระราชาจะกินอะไรจะต้องมีพวกซังกุงลิ้มรสมาตรวจสอบพิษก่อนสินะ....
แต่โค้กของเขามันไม่มีพิษนี่นา.....ถ้ามีเขากินเข้าไปก็คงตายไปแล้ว....
“ไม่เป็นไรหรอกซุนมิน” ร่างสูงโบกมือก่อนจะกระดกโค้กเข้าปากทันที กลืนมันลงคอ ก่อนจะตาโตด้วยความประหลาดใจ แล้วยกมันขึ้นกระดกอีกครั้ง “อร่อย.....”
บยอลหัวเราะออกมาเหมือนเด็ก ๆ “ผม....เอ้ย...ข้า...ว่าแล้วว่าไอด้อ....เอ้ย....พระเจ้าชานยอลจะต้องลิ้นถึง”
“องค์ชายบยอล!”
เสียงขันทีคนเดิมเอ็ดเป็นเชิงห้ามปรามองค์ชายบยอลไม่ให้ลามปามพระราชาดังขึ้นเบา ๆ แต่พระราชาแห่งโชซอนกลับยกมือขึ้นโบกเป็นเชิงไม่เป็นไร แย้มพระโอฐษ์ และสรวลออกมาเสียงดังลั่น นับว่าเป็นภาพที่เห็นได้ยากยิ่งสำหรับคนในวัง เพราะนับตั้งแต่วันที่นั่งบัลลังก์ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นเรื่องน่ายินดีแบบนี้อีก.... นับว่าเป็นบุญตายิ่งนัก....
นับว่าวันนี้พระเจ้ายอนชาง ไอดอลของเขาคุยง่าย ยิ้มง่ายกว่าวันอื่น ๆ แล้วยังไม่ซักไซร้ไล่เลี่ยงเรื่องที่เขากลัวอีก จึงนับว่าเป็นเรื่องดี ๆ ที่เขามีโอกาสได้ยิ้ม ได้หัวเราะกับไอดอลของตัวเองตัวเป็น ๆ รู้ตัวอีกทีบรรยากาศรอบ ๆ ตัวก็เปลี่ยนเป็นสีส้มไปซะแล้ว...
“ฝ่าบาท...ได้เวลาแล้วพะย่ะค่ะ...”
ท่านขันทีก้าวเข้ามากระซิบเบา ๆ กับร่างสูง พระเจ้ายอนชางไม่ได้ทรงตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้าสองสามที แล้วหันมาอมยิ้มให้เขา พลันดวงเนตรคู่นั้นก็โตขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือมาสัมผัสที่ตรงขมับด้านซ้ายของเขาเบา ๆ ...
พระพักตร์ของพระเจ้ายอนชางใกล้เข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนพระองค์จะพยายามอย่างมากที่จะปัดบางอย่างให้ออกจากขมับของเขา ก่อนเจ้ากลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนจะถูกยื่นมาให้ตรงหน้า ทำให้เด็กหนุ่มต้องรับมันมาจากนิ้วของพระราชาอย่างเสียไม่ได้
“ขอบคุณครับ....”
บยอลยังนั่งมองกลีบดอกไม้ที่รับมาอยู่อย่างนั้น ถึงแม้เจ้าของรอยยิ้มตอนที่เขากล่าวขอบคุณจะนำขบวนออกไปจากตรงนี้แล้ว เด็กหนุ่มหันไปมองกระป๋องโค้กที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัว... ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในนั้นแล้ว....นิ้วเรียวเขี่ยเจ้ากลีบดอกไม้ให้แปะอยู่บนกระป๋องโค้ก ก่อนจะยกมันขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาแล้วยิ้มบาง ๆ ออกมา
จะเก็บเจ้ากระป๋องกับกลีบดอกไม้นี้ให้ดีที่สุดเลย....
อย่างน้อย ก็ถือว่าในเรื่องร้าย ๆ...ก็ยังมีเรื่องดี ๆ บ้างล่ะนะ...
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> TBC
เหมือนจะเกี้ยวกัน แต่ยังไม่ได้เกี้ยวเลย แค่ปัดดอกมงดอกไม้ออกจากหัวให้แค่นั้นเอง
ปล. แง้ว คุณ
sirin_chadada ไม่ดราม่ามากค่า ไม่บีบมาก ถ้าจะดราม่าเดี๋ยวจะบอก 55
ปลล. ขอบคุณ
ommanymontra ,sirin_chadada, lovetogether, suikajang ขอบคุณทุกท่านเลยนะคะ