{เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61  (อ่าน 8295 ครั้ง)

ออฟไลน์ Aini_es

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหนักพี่เพลิงดี
นักเขียนมาต่อบ่อยๆ นะคะ รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
พี่เพลิงมีฟอร์มตลอด
กันต์เอาเลยๆๆๆให้พี่เพลิงไล่ตามจีบเลย

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
12

{พระเพลิง}



   ผมใช้เวลาตลอดคืนครุ่นคิดเรื่องไอ้กันต์ ยิ่งคิดก็ยิ่งก็เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง ไอ้วีธีการง้อแบบในเน็ตบอกเลยตรงนี้ ไม่เวิร์ค พิสูจน์กับตัวพูดเลยว่าแม่งนามธรรมสุดๆ พอต้องทำอะไรที่ขัดกับสันดานของตัวเอง ไม่เซลฟ์เลยสิพับผ่า นี่ก็อารมณ์เสียถึงขั้นไม่มีสมาธิซ้อมบอลทั้งที่วันแข่งแบ่งสายนัดแรกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในอีกสองวันข้างหน้า จนรุ่นพี่กับเพื่อนร่วมทีมออกปากว่าผมผิดฟอร์มไปจากเดิมมาก 
   ก็ยอมรับล่ะนะว่ามีเรื่องกวนใจ ฟอร์มการเตะที่เคยเป็นความหวังของทีมเลยกลายขาเปลี้ยอย่างที่เห็น นี่ก็กำลังหาทางสลัดเรื่องของไอ้กันต์ออกไปจากสมองอยู่ ไม่ใช่ว่าถอดใจนะ แต่ขอเวลาตั้งหลักแป๊บ

   เฮ้ออออ!

   ผมโยนกระเป๋าตังค์พร้อมกุญรถไว้ที่โต๊ะกินข้าว จากนั้นก็เหวี่ยงโทรศัพท์ตามไปเป็นอย่างที่สามเพื่อระบายอารมณ์

   “เฮียเป็นอะไร”

   “ทำไม”

   ผมหันไปมองไอ้น้องชายที่นั่งเล่นโทรศัพท์ในมือในทันที สายตามันที่มองผมผู้เป็นพี่ชายช่างดูเยาะเย้ยถากถาง นี่ไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ แต่ผมกำลังรู้สึกว่าไอ้น้องชายที่คลานตามกันมากำลังสะใจที่ผมดูไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้

   “ก็เห็นเฮียดูหงุดหงิดงุ่นง่าน”

   “กูปกติ”

   “ปกติเหรอ หน้าเฮียโคตรหงิกอ่ะ ได้ข่าวมาซ้อมบอลวันนี้ก็เละเทะเลยนี่นะ อารมณ์เสียอะไรมาบอกน้องได้นะ หรือว่า...ไม่มีที่ลงเหรอไง ไปไป๊ จัดสักดอกสองดอกอารมณ์จะได้ดีๆ”

   “ไอ้พาย มึงนี่ลามปามนะ กูพี่มึง ไม่ใช่เพื่อนเล่น”

   “ก็พี่ไง ถึงได้ถาม ถึงได้แนะนำแต่สิ่งดีๆ ให้”

   “ไม่ต้อง” ผมมองมันอย่างเหยียดๆ แล้วนั่งลงข้างมัน

   “เออพี่เพลิง มะรืนนี้พี่แข่งนัดแรกเปิดสนามใช่ป่ะ”

   “เออ” ผมดื่มน้ำอึกใหญ่ ก่อนตอบ

   “เตะกับคณะไหน”

   “บริหาร อ่อน”

   “อืม ก็จริง วิศวะไม่เคยแพ้บริหารนี่เนอะ แต่ปีนี้มีตัวเด็ดมานะเฮีย มันเป็นเด็กที่อยู่ทีมเยาวชนทีมชาติแถมยังเล่นให้สโมสรด้วย เฮียอย่าประมาท”

   “อืม เคยเห็นแม่งเล่นแล้ว ทีมกูเอาอยู่”

   “เดี๋ยวผมกับเพื่อนไปเชียร์”

   คำว่าจะพาเพื่อนไปเชียร์ของไอ้พายทำให้ความสนใจของผมพุ่งไปที่มันทันที พาลให้นึกถึงสีหน้าเฉยๆ เอ๋อๆ ของไอ้กันต์โผล่ขึ้นมา

   “เออ มากันเยอะๆ เดี๋ยวแข่งเสร็จจะพาไปกินชาบู”

   “จริงดิ ผลแพ้หรือชนะ เฮียก็จะเลี้ยใช่ป่ะ”

   “กูก็ต้องชนะดิวะ เคยแพ้ไหม เตะบอลคณะมาไม่เคยแพ้ ปีนี้กูก็ต้องได้ถ้วย”

   “โอ๊ย! ก็ให้คนอื่นเข้าได้ถ้วยได้ไหบ้างเถอะ สงสารคณะอื่นเขา”

   “กูเป็นเลิศทุกด้านเว้ย”

   “เออ เฮียเก่ง...”



   RRRRRRR

   เสียงโทรศัพท์ของไอ้พายมันดังขึ้นขัดการสนทนาของเราทั้งคู่ ผมเลยปล่อยให้มันรับโทรศัพท์ แล้วเปิดทีวีดูแก้เซ็งเพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน อยากจะนอนดูหนังชิวๆ ที่ห้องไม่คิดจะออกไปไหน

   “ไง อยู่ห้องนี่แหละ ยังไม่ได้ทำเลยแต่เมื่อวานกูทำเกือบเสร็จแล้ว คืนนี้ปั่นอีกสองชั่วโมงก็เสร็จ ...โหมึงไม่ต้องมาข่มกูไอ้กันต์”

   ผมเงี่ยหูฟังไอ้พายคุยโทรศัพท์เมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคนลอยเข้ามา ความสนใจของผมเพ่งสมาธิไปที่ข้อความสนทนา จะกั๊กๆ หน่อยก็ตรงที่แกล้งทำเป็นสนอกสนใจข่าวกีฬานี่ล่ะ

   “เออว่ะ กูลืมรายงานวิชานั้นไปเลยว่ะ งั้นพรุ่งนี้มาช่วยกูหน่อยดิ”

   เรดาห์ความเผือกเต้นเร่าๆ หูงี้ผึ่งเลยครับ ถ้าทำได้จะแย่งโทรศัพท์มาแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟนล่ะ แต่ขอสงวนท่าทีเอาไว้หน่อยแล้วกัน ไอ้มาดทั้งหลายที่สั่งสมมามันต้องรักษาไว้ก่อน

   “มาที่ห้องกูนี่ล่ะ นะมึงนะ กูเลี้ยงพิชซ่าเดี๋ยวสั่งมาสองถาดใหญ่”

   ผมค่อยๆ กดรีโมตในมือลดเสียงทีวีลงอีกสองขีด ขยับตัวเล็กน้อยเพราะไอ้พายมันเริ่มสงเสียงหงุงหงิงตอนที่พูดกับเพื่อนของมันเหมือนกำลังอ้อนอะไรสักอย่าง

   “นะมึงนะช่วยกูทำหน่อย ไม่เอาอ่ะ มาห้องกูนะ ห้องกูใหญ่กว่า เสร็จแล้วกูไปส่ง ...โอ๊ย! ไม่อยู่หรอก ซ้อมบอลไงมึง ดึกๆ ถึงกลับ เออ  เขากลับดึกทุกวันเลย นะมึงนะ กูแถมบิงซูด้วยเดี๋ยวพาไปเลย เคๆ น่ารัก”

   เมื่อไอ้พายวางสาย มันก็ทำเป็นนิ่งเงียบไปแป๊บก่อนจะหันมาหาผม ส่วนผมก็ลอยหน้าลอยตายกมือเกาคิ้วเล็กน้อยพยายามไม่ทำตัวมีพิรุธ

   “เฮียพรุ่งนี้กลับดึกใช่ป่ะ”

   “ทำไม” ผมถาม

   ก็สงสัยว่าทำไมถึงนึกเฮี้ยนมาถาม ปกติแล้วเราทั้งคู่ไม่ค่อยได้วุ่นวายชีวิตกันเท่าไร จะกลับดึกกลับสว่างก็ไม่ก้าวก่ายอะไรกันอยู่แล้ว

   “พรุ่งนี้ไอ้กันต์จะมา ถ้าเฮียไม่อยากเจอมัน กลับดึกหน่อยก็ได้นะ ผมขี้เกียจเห็นเฮียอารมณ์ขึ้นตอนเจอหน้ามัน”

   “แล้วถ้ากูเหนื่อย อยากกลับเร็วล่ะ” ผมลองถามออกไปด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยสีหน้าเซ็งๆ แล้วก็แกล้งหาวทีหนึ่ง น้องชายผมทำหน้าครุ่นคิด

   “…งั้นก็ไม่เป็นไร ผมไปทำรายงานห้องมันแทนก็ได้”

   “ทำไมวะ เพื่อนมึงไม่อยากเจอหน้ากูงั้นสิ”

   “ก็ไม่เชิงคงไม่อยากโดนเฮียด่า มันเลยบอกว่าไม่อยากมา”

   “แล้วกูจะไปด่าอะไรมัน” เสียงผมเริ่มดังไต่ระดับ ไอ้ท่าทีเฉื่อยชาเมื่อตะกี้หายวับไปในบัดดล

   “ตกลงเฮียกลับดึกไหม”

   “เออ ดึกก็ดึก”






   วันรุ่งขึ้น ผมใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายไปกับการยื่นเอกสารฝึกงานและคุยเรื่องโปรเจคกับอาจารย์ที่ปรึกษา    เรื่องสถานที่ฝึกงานไม่มีปัญหาอะไรเพราะผมได้บริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทของเพื่อนสนิทของพ่อในการฝึกงาน ที่จริงผมจะฝึกกับที่บ้านก็ได้ แต่มันคงไม่ท้าทายเท่าไรถ้าจะต้องไปฝึกงานในบริษัทที่พ่อของตัวเองเป็นเจ้าของอยู่ แม้บริษัทของครอบครัวจะใหญ่โตและมีงานดีๆ ให้ทำไม่ต่างกันก็ตาม

   พ่อผมเป็นสถาปนิกที่ใครต่อใครก็รู้จักกันดีในแวดวงการออกแบบแถมยังมีชื่อเสียงอยู่ในแถบตะวันออกกลาง เพราะว่าท่านรับโปรเจคงานส่วนใหญ่กับเศรษฐีอาหรับ ผลงานเด่นๆ ก็โรงแรมที่สวยและหรูหราที่สุดของดูไบนั่นล่ะ พ่อของผมเป็นหนึ่งในผู้ออกแบบซึ่งโปรเจคนั้นทำกำไรได้มหาศาล จบจากโปรเจคที่นั่นก็มีโครงการดีๆ อยากให้บริษัทเข้าไปทำ ทีนี้ไม่ต้องหาลูกค้าแล้วครับ ลูกค้าจะวิ่งมาหาเราเอง

   อ่ะนะ แต่ผมไม่ค่อยมีหัวทางด้านศิลปะเท่าไรเลยเบนมาเรียนโยธา แต่ส่วนไอ้พายไอ้นั่นมันเป็นคนมีดีเทล ชอบความสวยงามมันเลยเลือกที่จะเรียนอินทีเรีย ว่าไปแล้วถ้าพวกเราพี่น้องเรียนจบบริษัทของครอบครัวมีทุกตำแหน่งครบล่ะ มีสถาปนิก ซึ่งก็คือพ่อผม วิศวกรนั่นก็คือผม แล้วก็มัณฑนากรอย่างไอ้พาย

   ผมเดินลงมาข้างล่างตึกกับเพื่อนอีกสองคน ตอนแรกก็กะว่าจะรีบไปซ้อมที่สนามฟุตบอล ถ้าไม่บังเอิญเจอใครบางคนที่เดินงงๆ  สอดส่ายสายตาเหมือนหาใครอยู่ผ่านหน้าไปเสียก่อน

   “พวกมึงไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูขอแวะทำธุระแป๊บ” ผมบอกกับเพื่อนทั้งคู่ที่เดินลงจากตึกมาด้วยกัน

   “กูรอที่สนาม เร็วหน่อยนะมึง เดี๋ยวพี่เขาถามหา”

   เมื่อพวกมันลับไปแล้วผมก็เดินไปที่ตัวเจ้าปัญหาที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงหลงมาเดินที่คณะผมอยู่คนเดียว เสียงเจี๋ยวจ๊าวของไอ้พวกที่นั่งอยู่ก็แซวเป็นระยะเมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเดินพลัดถิ่นเข้ามา ทั้งเสียงแซวเสียล้อดังขึ้นจากกลุ่มกากๆ ประจำคณะที่ลองได้มีเยื่อหลงผ่านเข้ามามีอันได้โดยแทะโดนเล็มมันเสียทุกคน

   “มาหาใครครับ”

   “ช่วยได้นะ แหมนานๆ จะมีคนน่ารักผ่านมาสักที แวะคุยกันก่อนสิ”

   นั่นคือเสียงที่ผมได้ยิน เสียงเหล่านั้นทำให้ผมเดินเร็วๆ ตามหลังได้เด็กน้อยที่ดูตัวลีบลงเมื่อผ่านพวกนั้นไป

   “มาทำอะไร”

   “โอ๊ะ!” เสียงร้องพร้อมกับท่าทางสะดุ้งสุดตัวของตัวป่วนดังขึ้น มันหันมาจังหวะเดียวกับที่ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันพอดิบพอดี   กันต์จ้องหน้าผมอย่างตื่นตะลึง ก่อนจะถอยห่างออกไปสองสามก้าวบวกกับอาการอ้าปากค้างที่ดูน่าตลกจนผมเห็นแล้วมันเขี้ยวเหลือหลาย

   “ถามว่ามาทำอะไรแถวนี้ แล้วมากับใคร”

   หน้าตาเหรอหราของอีกฝ่ายทำให้ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ที่มันโดนแซว

   “ผม...”

   “เฮ้ย! พวกมึง หุบปาก” ผมชี้นิ้วไปที่กลุ่มรุ่นน้องปีสองที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกแซวคนตัวเล็กขาวจั๊วตรงหน้า ตัวขาวๆ กับท่าทางผู้ดีของมันทีไม่ค่อยเข้ากับสถานที่นี้เท่าไร ก็แถวนี้มันมีแต่พวกดิบเถื่อน ไม่ได้ดูเนี๊ยบเป็นผู้ดีแบบเด็กคณะอื่น

   รุ่นน้องปากเปราะของผมเงียบเสียงลง แต่ยังคงมองจ้องไอ้กันต์อย่างไม่วางตา ก็มันขาวแถมดูซื่อๆ บื้อๆ ด้วย ไอ้เถื่อนพวกนี้มันชอบแบบนี้ล่ะ

   สัด ของกูเลิกมอง!

   ผมตวัดสายตาไปอีกครั้ง แถมยังแสยะยิ้มอาฆาตไปเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าถ้ายังไม่เลิกแซวเลิกอ้อยเด็กหลงคนนี้ ผมจะเดินไปกระทืบล่ะ

   “มาคนเดียว?”

   “อ่า ครับ”

   “แถวนี้ไม่ใช่ที่เดินเล่นนะ ไม่มีใครเขาเดินท่อมๆ ไม่รู้เหนือรู้ใต้แบบมึงหรอก ไอ้พวกนี้มันชอบลากพวกทึ่มๆ ไปนัวมึงไม่เคยได้ยินเหรอ” ผมมองไอ้กันต์ที่ดูตัวลีบเล็กตั้งแต่หัวจดเท้า แล้วก็เห็นกล่องขนาดใหญ่พอประมาณกับม้วนกระดาษที่มันหนีบมาด้วย

   “ไม่ได้มาเดินเล่นครับ ผมมาธุระ” เสียงของมันเบา มันคงคิดว่าเป็นข่าวลือสิท่า แต่ขอโทษข่าวลือบางอย่างก็มาจากเรื่องจริง

   “ตึกวิศวะนี่นะ”

   “ครับ”

   “ธุระอะไร กับใคร”

   “พี่นิวสาขาไฟฟ้าครับ”

   ไอ้นิว สาขาไฟฟ้า คนหล่อประจำชั้นปี ฮึ! เส้นเลือดตรงขมับของผมเริ่มเต้นตุบๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ

   “มีอะไรกับมัน ถึงต้องถ่อมาหาถนี่”

   “ผมมีโปรเจคอยากให้พี่เขาช่วยนิดหน่อย อ่า มาพอดีเลย หวัดดีครับพี่” ปากมันทักทายเฉยๆ เพราะมือที่ถือของพะลุงพะลังอยู่ สีหน้ามันดูกระตือรือร้นดีใจขึ้นมา ผิดกับเมื่อกี้ที่ดูเหยเก

   “รอนานป่าว” ไอ้นิวที่เดินหล่อๆ มายิ้มร่ามาแต่ไกลก่อนทักไอ้ตัวเล็กข้างผมราวกับสนิทสนมกันเสียเหลือเกิน มันแตะไหล่ไอ้กันต์แล้วเขย่าหัวตามมาด้วย

   คือมึงนี่สนิทกับโคแก่ไปทั่วเลยใช่ป่ะวะ

   “แป๊บนึงอ่ะพี่”

   “ไหนล่ะ งานมึง”

   “นี่ครับ ในกล่องมันมีเลตเตอร์ที่ผมขึ้นรูปยกขอบมาแล้วนะครับ มีอคริลิกมาด้วยมันจะต้องอยู่ด้านหน้านะพี่พี่ถอดฝาครอบมันออกก็จะเห็น แล้วนี้ก็แบบที่ผมเตรียมไว้ให้”

   ไอ้นิวรับแบบในมือไอ้กันต์ไป แล้วคลี่แบบดูคร่าวๆ ผมอดไม่ได้ที่จะชำเลืองตาดูก็เห็นเป็นตัวอักษรพร้อมกับรูปแบบดีไซด์ให้ออกไฟเดาเอาว่าคงเป็นงานที่ต้องส่งอาจารย์ของมัน

   “เสปคไฟกันต์ใช้แบบไหน”

   “ผมใช้แอลอีดีแบบโมดูล นี่ก็ลองไปดูแถวบ้านหม้อมานะแต่แสงมันไม่โอเค ผมอยากได้วอร์มไวท์อ่ะพี่ มันมีแต่เดย์ไลท์ แสงมันดูแข็งๆ แต่ก็ต้องเอามาก่อนกลัวไม่ทัน เสียดายเนอะ ผมว่ามันต้องเพี้ยนไปจากที่ผมดีไซน์ไว้”

   ไอ้กันต์ทำหน้าเสียดายดูแล้วน่าสงสาร มันถอนใจเฮือกใหญ่แล้วยิ้มแหยส่งไปให้อีกฝ่าย ผมมองไปที่ไอ้นิว ไอ้นั่นก็ดูสายตาวิบวับตอบกลับไปเห็นแล้วคันตีน แหม่อยากหาปากใครมาแก้คัน

   “แล้วไม่บอก เดี๋ยวไปเป็นเพื่อนมันมีหลายร้าน จริงๆ นอกจากชนิทของแสงแล้วยังมีกำลังวัตต์ของไฟด้วยนะ แสงที่ออกมามันจะให้ค่าลักซ์ต่างกัน ส่งวันไหนล่ะซื้อใหม่ไหม”

   “ส่งพุธหน้า แต่ผมกลัวพี่ทำไม่ทัน”

   “งั้นเสาร์นี้ไปไหมล่ะ เดี๋ยวพาไป พี่ทำวันเดียวก็เสร็จ เดินไฟง่ายๆ กระจอก”

   “ได้เหรอพี่”

   “ได้ดิ แล้วนี่ไม่ได้ซื้อหม้อแปลงมาเหรอ มันต้องใช้ด้วยนะ แต่สายไฟไม่ต้องพี่มีเยอะ”
 
   เห็นไอ้นิวมันเปิดกล่องไปมาก่อนถามไอ้กันต์ที่กุลีกุจอถือม้วนกระดาษให้อีกฝ่าย

   “เปล่า ผมไม่รู้ ขอโทษทีพี่”

   “ไม่เป็นไรๆ แต่ไม่ซื้อมาก็ดี เดี๋ยวต้องคำนวนกำลังวัตต์ก่อนจะได้ซื้อขนาดถูก เดี๋ยวไปซื้อทีเดียววันเสาร์แล้วกันนะ”

   “ออ ครับพี่ งั้นผมไปก่อนนะ ไม่กวนเวลาพี่แล้ว”

   “จะไปตอนไหนโทรมานะ”

   “ครับ”

   “อ้าว ว่าไงเพลิง”

   “เห็นกูด้วย”

   สัด ยืนอยูโกฐธ์ปีเสือกพึ่งมาทัก ก็มัวแต่ทอล์คกิ้งอะเบ้าท์กันเสียจนลืมมองคนรอบข้าง

   ถุย! ธันวาไหมล่ะมึง

   “ไม่ไปเตะบอล? เขาไปกันหมดแล้วนะ”

   “ไป” เมื่อตอบส่งๆ ไป อีกฝ่ายก็พยักหน้าส่งๆ มาเช่นกัน เอาตามตรงผมกับไอ้นิวก็ไม่ได้สนิทสนมหรือแค้นเคืองอะไรกันเป็นพิเศษ แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้รู้สึกว่าเหม็นบูดขี้หน้ามันแบบสาเหตุไม่ได้ขึ้นมาแบบนี้

   “เออ กูไปก่อน พี่ไปแล้วนะกันต์”

   ไอ้นิวโบกมือแล้วเดินจากไปในที่สุด ส่วนไอ้เด็กต่างถิ่นมันยิ้มอ่อนส่งไปมองแล้วก็อยากกระชากหัวมันกลับมา จากนั้นก็ตบหัวสั่งสอนสักผลัวะ จะได้รู้ตัวสักทีว่าจะมาทำตาเชื่อมกับผู้ชายในตึกวิศวะไม่ได้ มันอาจถูกลากไปรุมโทรมในห้องน้ำแบบไม่รู้เนื่อรู้ตัว

   “สนิทกันดีเนอะ ดูพูดภาษาเดียวกัน มาหากันถึงที่ถึงถิ่นโคตรใจกล้า”

   ผมพูดขึ้นลอยๆ พร้อมกับเดินตามหลังไอ้กันต์ที่เดินจ่ำผ่านใต้ตึกไปโดยไม่คิดจะลาผมสักคำ แต่กับอีกคนพูดกันเป็นฉากๆ

   “ขอให้พี่เขาช่วยงานน่ะครับ ผมก็ต้องเอามาให้เขาถึงที่เป็นธรรมดา” มันตอบกลับมาแต่ไม่มองผมที่เดินขนาบข้าง

   “ที่จริงแค่เรื่องเดินไฟกับวางหลอดไฟใครๆ ก็ทำได้ งานเด็กมอต้นว่ะ” เสียงที่ติดจะเย้ยหยันของผมออกไปเองเฉยเลย

   “ผมทำไม่เป็นนี่ ไม่รู้ด้วยว่าต้องคำนวนกระแสไฟแบบไหน อีกอย่างเพื่อนผมคนอื่นก็ให้คนที่เรียนไฟฟ้าช่วยกันทั้งนั้น” น้ำเสียงของเจ้าตัวเบาลง ดูอ่อยๆ แบบเสียความมั่นใจ

   “ลองทำดูหรือยัง ไม่เห็นจะยากตรงไหน ไม่เห็นต้องเรียนไฟฟ้ากำลังก็ได้หรือเปล่าวะ ก็แค่คำนวนจากกำลังวัตต์ของหลอดทั้งหมดที่ใช้คูณจำนวนหลอด แค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องใช้หม้อแปลงขนาดเท่าไร เดินไฟเองก็ไม่ยาก” ผมยักไหล่

   “ครับ ไว้ครั้งหลังผมจะลองทำดู”

   “จริงๆ ถามกูก็ได้นะ มันไม่ได้ยากขนาดนั้น”

   “ออ ครับ”

   ไอ้กันตอบเบาๆ แล้วก็ทำท่าจะเดินจากไปโดยไม่ได้สนใจว่าผมเดินตามหลังมาอยู่

   “ไปกินข้าวกัน” ผมพูดขึ้นมาดื้อจนอีกฝ่ายชะงักเท้าแล้วหันมามอง

   “พี่ชวนผม?”

   “อืม”

   ไอ้กันต์ทำหน้างง ดวงตากลมโตของมันเบิกกว้าง สีหน้าดูประหลาดไปอึดใจหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ

   “ผมกินแล้ว”

   นอกจากจะปฏิเสธแล้ว มันยังทำท่าจะเดินหนีอีก ผมเลยต้องรีบสาวเท้าเข้าไปดักหน้าเอาไว้ ยังไงเสียวันนี้ก็จะไม่ยอมให้มันเดินนี้ผมหรอก เพราะไม่เห็นกันหลายวัน เอาจริงก็อยากเจอหน้ามันหน่อยๆ

   หน่อยเดียวเท่านั้นล่ะ นี่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่อยากคุยอีกสักแป๊บ ก็ตอนนี้เริ่มจะสมานแผลบนใบหน้าที่แหกแบบหมอไม่กล้ารับเย็บไปแล้ว ก็ว่าจะตั้งหลักใหม่ เมื่อหมูเตะเข้าปากหมา ไอ้ครั้นจะคายทิ้งก็เสียดายหรือเปล่าวะ

   “งั้นไปเป็นเพื่อนหน่อย”

   นี่ก็เพิ่งเคยตื้อใครสักคนเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้ออดอ้อนอะไรมากจนเสียความเป็นตัวเองไป น้ำเสียงฟังแล้วติดดูข่มขู่นิดหน่อยอย่างไว้เชิง ก็เดี๋ยวนี้ไอ้กันต์มันไม่ได้กลัวผมจนหงอแบบเมื่อก่อนแล้วนะ

   “ผมต้องรีบไปทำรายงานต่อครับ นัดกับพายไว้ป่านนี้คงรอนานแล้ว”

   “มันรอได้” ผมยักคิ้วจึกจึก ไม่ได้แคร์อะไร

   “พี่ไม่ไปซ้อมบอลเหรอ”

   “ไป แต่กูหิว จะกินข้าวก่อน”

   ผมแม่งโคตรดื้อดึง วันนี้พูดเลยว่าเอาจริง แล้วมันก็ต้องตามใจผมด้วย




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2018 13:53:59 โดย anin »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หมั่นไส้พี่เพลิงอ่ะ :m16:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่ารัก..กกกกกก

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่เพลิงค่ะ ชอบเค้าแล้วแท้ๆ

พยายามหน่อย เสียฟอร์มไปบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก


จีบก็จีบดิ ถถถ 55

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ปากแข็งเหมือนเดิม ฟอร์มจัดไปอีกอีพี่เพลิง
น้องกันต์สู้ๆลูก ขอบคุณค่าา  :pig4:

ออฟไลน์ Aini_es

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หายไปนาน ไม่มาต่อแล้วหรอค่ะ

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
บททดสอบที่ 13

อ่อยแรง ระยะหวังผล

    ผมรู้สึกเสียวสันหลังชอบกลที่ต้องตามพี่เพลิงมากินข้าวในโรงอาหารของคณะวิศวะแบบนี้ ยิ่งตอนช่วงเลิกเรียนด้วยแล้วผู้คนก็ยิ่งพลุกพล่าน เหล่าบรรดาเพศชาติที่เสียงดังโหวกเหวกแบบไม่เกรงใจใครทำเอาผมหูอื้อ นี่มันมหา’ลัยหรือรังนกกระจอกกันแน่ยังนึกสงสัยอยู่

   “จะไปหาอะไรมาให้กิน มึงนั่งนี่นะ”

   พี่เพลิงดันหลังผมไปที่โต๊ะหนึ่งแล้วกดไหล่ผมให้นั่งลงเสร็จสรรพ

   “เดี๋ยวพี่... ไม่...” ผมที่กำลังอึ้งอ้าปาดค้าง ครั้งส่งเสียงเรียกอีกฝั่งก็เพียงแค่หันมาแล้วขยับปากบอกให้รอ

   ไปแล้ว!

   ไปโน้นเลย!

   ไม่ได้ฟังเลยว่าผมไม่อยากจะกินอะไร ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมต้องการคืออยากหลบลี้ไปจากจุดๆ นี้ ก็ไอ้สายตาที่เหล่มองมาที่ผมมันมีทั้งสนอกสนใจนับสิบจ้องมาทางผม มองแบบให้รู้ว่ามองอยู่ด้วย เล่นเอาทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว ก็ผมกลายเป็นตัวประหลาดในนี้ใส่เสื้อช๊อปน้ำเงินกันนับร้อย แต่ผมประหลาดใส่เสื้อขาวแขนยาวพับมาถึงข้อศอกอยู่แม่งคนเดียว

   บอกเลยว่าเด่นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

   ผมทนนั่งก้มหน้าก้มตาราวห้านาทีพี่เพลิงจึงกลับมาพร้อมจานถาดอาหาร ในนั้นมีจานข้าวมันไก่กับน้ำเปล่าอีกสองขวด เสร็จสรรพเจ้าตัวก็นั่งลงตรงข้ามผมก่อนเลื่อนจานข้าวกับน้ำมาให้ แถมใจดีตบท้ายด้วยการฉีกพลาสติกแล้วเปิดขวดน้ำให้เป็นของแถม ผมกะพริบตาปริบๆ ผองจานข้าวสลับกับใบหน้าของพี่เขา

   “ร้านนี้อร่อย” พี่เพลิงว่าแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ลงมือกิน

   “ผมไม่หิว” ถึงจะปากแข็งบอกไปแบบนั้น ที่จริงก็แอบกลืนน้ำลายอยู่เล็กๆ

   “กินไป ไม่แดกถือว่าพลาด ร้านนี้อร่อยนะ เผลอติดใจรองอแงให้พามาก็ไม่พามาแดกง่ายๆ นะ”

   ขนาดนั้น? พี่เพลิงบางทีก็ดูเวอร์ๆ หน่อย

   ผมชำเลืองมองพี่เขาเล็กน้อยก็เห็นว่าพี่เขายังจ้องผมอยู่ แม้จะตักข้าวเข้าปากไปด้วยแต่ตาก็มองผมไม่ลดละ

   คือ... จะกินลงไหมช่วยบอก เล่นจ้องกันขนาดนี้

   “พี่จ้องผมแบบนี้ กินไม่ลงนะครับ”

   “ทำไมวะ เมื่อก่อนมึงก็จ้องกู ทำไมขอเอาคืนบ้างไม่ได้ไง?”

   คำพูดของพี่เพลิงทำเอาผมหน้าร้อนซู่ พูดมาทีแต่ละอย่างเล่นทำผมไปไม่เป็นเลย เมื่อก่อนไอ้ที่แอบมองก็ไม่คิดว่าพี่เพลิงจะรู้นะ เพราะผมพยายามทำมันแบบเนียนๆ แต่หรือว่าไม่เนียนกันแน่หว่า?

   พูดจบพี่เขาก็เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ส่วนผมก็ได้แต่ถือช้อนชะงักค้าง ไอ้ที่กลืนน้ำลายเอือกๆ เมื่อครู่กลายเป็นขื่นคอทันที

   “เอ้า กินเข้าไป พูดแค่นี้ก็ต้องหน้าแดงด้วย อ่อน”

   “…”

   ผมตักน้ำจิ้มข้าวมันไก่ราดบนข้าว

   “น้ำซุปไม่มีเหรอครับ”

   “กูไม่กิน เลยไม่ได้ขอเขามา มึงจะกินเหรอ เดี๋ยวไปเอาให้”

   “ไม่เป็นไรพี่ ผมเดินไปเอาเอง ร้านนั้นใช่มั้ย”

   ผมชี้ไปที่ร้านแล้วทำท่าจะลุก พี่เพลิงฉวยข้อมือผมไว้แน่น ก่อนกระตุกเบาๆ

   “นั่งลง แถวนี้เดินมั่วซั่วไม่ได้ เจ้าที่มันแรง ถ้ามึงไปเผลอเหยียบตีนใครเข้า โดนรุมกระทืบกูช่วยไม่ได้นะ”

   พี่เขาขู่เสียงดุ ใบหน้าจริงจังจนผมไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เลื่องลือไปทั่วว่าแถวนี้มันแดนเถื่อน แปลกถิ่นแปลกหน้าเข้ามาอาจปางตายได้ เอาเป็นว่ากันต์จะไม่ยุ่ง

   “พี่ไม่น่าพาผมมาแต่แรก”


   “กลัว? อยู่กับกูจะกลัวอะไร ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย หน้ามึงแม่งซีดยิ่งกว่าไก่ต้มในจานกูอีก นั่งรอนี่ เดี๋ยวไปเอาให้”

   พี่เพลิงลุกขึ้นเต็มความสูงเดินดิ่งไปที่ร้านข้าว แป๊บเดียวก็กลับมาพร้อมถ้วยน้ำซุบร้อนๆ ควันลอยโขมงหอมกรุ่น พี่เขาวางให้ผมบนโต๊ะจากนั้นก็นั่งลงแล้วลงมือกินข้าวเงียบๆ ทว่านอกเหนือจากความเงียบคือมีแววตาคมๆ ที่จ้องผมแบบน่าหวั่น....

   โอ้ย! วันนี้พี่เพลิงมันเป็นอะไรกันเนี่ย

   “เพื่อนพี่ไปไหนครับ” ผมเองที่ทนให้พี่เขาจ้องมองไม่ได้ เลยขอเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน

   “อยู่สนามฟุตบอลมหา’ลัย”

   “อ่า.... ครับ” ผมหาเรื่องคุยในหัวแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรด้วยดี

   “ไม่เห็นมึงไลน์หากูเลย”

   จู่ๆ พี่เขาก็โพล่งขึ้น เล่นเอาผมแทบสำลักข้าวที่กำลังตัดเข้าปาก

   นึกอยากจะตอบกลับไปแบบกวนๆ ก็ไม่กล้า เพราะไอ้แววตาคาดคั้นกับน้ำเสียงที่ดูจริงจังนั่นล่ะที่น่ากลัว เกิดไปกวนบาทาแกมากๆ ก็อาจจะจะมีปัญหากับสวัดิภาพของตัวเอง

   “กลัวพี่รำคาญ”

   เมื่อผมพูดแบบไม่อ้อมค้อม พี่เพลิงก็สะอึกไปนิดหน่อย แต่แป๊บเดียว สีหน้ากวนๆ เป็นปกติก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับท่าทางยียวนที่เพิ่มขึ้นมาด้วย

   “ที่จริงก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไร”

   คือ... อารมณ์ไหนวะ นี่เปิดโหมดอะไรอยู่กันแน่ปกติเห็นหัวร้อนตลอด

   “อ่า...ถ้ามีธุระก็จะไลน์ไปนะครับ”ผมตอบแบบกลางๆ ไว้ก่อน

   “ไม่มีธุระก็ไลน์มาได้ ช่วงนี้กูว่าง เสาร์นี้กูก็ว่างนะ” ผมมองสีหน้าเรียบเฉยของพี่เพลิง ขมวดคิ้วอย่างลืมตัวเพราะรู้สึกพิกลกับพี่เพลิงโหมดนี้

   “อ่า ครับ”

   “แล้วเรื่องที่จะไปซื้อของบ้านหม้อ มึงติดรถกูไปก็ได้ แถวนั้นกูผ่านบ่อย” พี่เขาเสนอตัวอีกครั้ง ตอนแรกเลยก็นึกว่าพูดเล่นๆ

   เฮ้ยยยยย! นี่พี่เพลิงตัวจริงหรือเปล่า ใจดีผิดวิสัย มันไม่คุ้นนะในพี่เพลิงใจดีไม่ด่าไม่เหวี่ยงเนี่ย

   “ก็ว่าจะไปกับพี่นิว”

   “ก็กูเสนอตัวอยู่เนี่ย มึงยังจะไปยุ่งกับคนอื่นทำไม หรือไม่เชื่อใจว่ากูก็มีความรู้เรื่องงานไฟฟ้า กลัวงานมึงออกมาไม่ดีไม่ได้เอ?”

   พี่เพลิงเอาซ้อมจิ้มไก่แล้วเคี้ยวหงับๆ ส่งสายตาดุดันแต่มีเสน่ห์เหลือร้ายจ้องเขม็งที่ผมแบบคาดคั้นเอาแต่ใจ ใบหน้าหล่ออันเป็นเอกลักษณ์ชโงกหน้ามาใกล้จนผมผงะออกอย่างรวดเร็ว

   “ไม่ใช่แบบนั้นพี่”

   “แล้วแบบไหน หรืออยากมีโมเม้นต์กับไอ้นิว หรือไง?”

   “พี่อย่างโยงมั่ว จะมีอะไรอย่างนั้นได้ยังไงกันเล่า” ผมเริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อถูกหาเรื่อง พูดพลางก็กรอกตาไปด้วยความอ่อนใจ

   “ไม่มีก็ดี งั้นก็ไปกับกู อยากได้ไฟแบบไหนกูพาไปเอง จะแสงขาวแสงเหลือง กูจัดให้ได้หมดนั่นล่ะ”

   “แล้วพี่นิว...”

   “พรุ่งนี้กูจะไปเอาของมึงกลับมาให้ ทีนี้ก็ไม่ต้องไปวุ่นวายกับชาวบ้านแล้วนะ เรื่องห่าอะไรก็มาบอกกูนี่ แค่กูคนเดียวก็พอแล้ว ได้ไฟมาที่เหลือกูจักการให้ มึงมาทำที่ห้องกูก็ได้วันเดียวก็เสร็จ”

   “พี่จะช่วยงานผมจริงๆ เหรอ”

   ผมถามย้ำอีกครั้ง ในใจลึกๆ ก็เต็มตื้นเมื่ออีกฝ่ายเสนอตัวช่วยเหลือ แต่อีกใจก็เจ็บแปลบๆ ที่ทุกอย่างมันดูช้าเกินไป ถ้าเร็วกว่านี้ผมคงหัวใจฟูฟ่องล่องลอยไปถึงดวงจันทร์แล้ว

   “อืม จะช่วย ถ้าจะเดือดร้อนอะไรมึงต้องมาบอกกู อย่างไปฝากความหวังไว้กับใคร แค่กูคนเดียวก็พอ”

   เอากับเขาสิ พูดเองเออเองหมดเลย

   “พี่ทำตัวแปลกๆ” ผมอดไม่ได้จริงๆ ที่จะพูดออกไป

   “แปลกยังไง”

   ดวงตาพี่เพลิงวาววับจ้องผมแบบไม่กะพริบ คนที่ขี้ป๊อดเป็นทุนเดิมอย่างผมรีบหลบขวับ ก้มลงมองจานข้าวตรงหน้าแทน

   “ก็ดูใจดีกับผมแปลกๆ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน...”

   “ชอบให้เล่นบทโหด?” ใบหน้าหล่อๆ ติดจะดุของพี่เพลิงเลิกคิ้ว เท้าคางมองผมนิ่งๆ

   “เปล่า ใครจะชอบ แต่ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรพี่ถึงมาทำดีด้วย” ผมบ่นอุบอิบ แล้วก็ใช้สายตาไม่เชื่อถือส่งกลับไปแบบไม่อ้อมค้อม

   “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่อยากทำ”

   เมื่อพี่เพลิงพูดจบ ความเงียบระหว่างเราสองคนก็กลับมาอีกครั้ง ไอ้ผมก็ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองไปให้มาก เพราะเวลาที่คิดอะไรเพ้อไปฝ่ายเดียวเวลาตกลงมามันจะเจ็บ ประสบการณ์ก็มีดังนั้นผมจะต้องเตือนตัวเองบ่อยๆ หน่อยว่าอย่าเผลออีก

   “…”

   “รีบกินให้หมด เดี๋ยวกูต้องรีบไป มีซ้อม” พี่เขาตัดบทก่อนที่ความเงียบจะทำให้ผมและพี่เขาระเบิดเป็นจุล

   ผมลงมือกินข้าวในจานเงียบๆ แล้วก็สงบปากสงบคำเช่นเคย แต่ระหว่างที่กินอยู่พี่เพลิงยังคงจับตามองผมอยู่เช่นกัน เมื่อผมเงยหน้าขึ้นเพื่อปรามอีกฝ่ายว่าเลิกจ้องกันได้แล้ว สิ่งที่ได้กลับมาคือแววตากวนๆ ที่ไม่มีทีท่าจะหลบไปไหน

   “จะเดินไปส่งหน้าตึก มึงเดินกลับเองได้ไช่ปะ”

   “ไม่ต้องส่งหรอกครับ เดี๋ยวพี่กินเสร็จแล้วไปเลยก็ได้”

   “บอกไปส่งไง”

   ผมจนใจ ไม่ได้เถียงอะไรต่อไปและยอมเดินตามเขาไปต้อยๆ ตลอดทางที่เดินจากโรงอาหารวิศวะไปหน้าตึก คนรู้จักของพี่เพลิงหลายคนร้องทัก แต่พี่เขาก็ทำแค่เพียงโบกมือและพยักหน้าให้พอเป็นพิธี ผมเดินมองแผ่นหลังกว้าง จังหวะการเดินของพี่เขามั่นคงและดูสบายๆ แต่ก็ดูดีในความคิดของผม จนกระทั่งมีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งซึ่งเดาได้ว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งของพี่เพลิงเดินผ่านมา สาวๆ กลุ่มนั้นหยุดทักพี่เพลิงและพูดคุยกันสักพักหนึ่งฟังคร่าวๆ ดูเหมือนจะไถ่ถามเรื่องงานกับเรื่องกิจกรรมบอลคณะอะไรนี่ล่ะ

   ผมมองภาพที่พี่เพลิงพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับรุ่นน้องสักพัก เลยตัดสินใจเดินเลี่ยงออกมาก่อนแบบเงียบๆ โดยไที่ไม่ได้ร่ำลาอีกฝ่าย เดินจนผ่านหน้าตึกใหญ่จนใกล้จะข้ามถนนอยู่แล้ว เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น

   พี่เพลิง

   ผมมองโทรศัพท์ตัวเองด้วยความสงสัย แต่ก็กดรับง่ายๆ เพราะเดาเอาว่าพี่เขาน่าจะมีอะไร

   {ไปตอนไหน ไม่รอกู}

   เสียงพี่เพลิงดูหงุดหงิดเล็กๆ ขณะที่เอ่ยประโยคแรกกับผม แต่ก็ไม่ได้ตะคอกเสียงดังอะไรมีเพียงเสียงจิ๊กจั๊กเล็กๆ เท่านั้น
   “เห็นพี่คุยธุระอยู่ครับ เลยคิดว่าไม่กวนดีกว่า”

   {เออ แล้วปล่อยให้กูมองหาอยู่ได้ ทีหลังมึงอย่าเดินหายไปเฉยๆ แบบนี้นะ ไปไหนก็บอกก่อน”

   ผมชะงักเท้าที่กำลังเก้าเดิน แต่เลือกทีจะฟังเงียบๆ ไม่ได้โต้ตอบอะไร น้ำเสียงของพี่เพลิงไม่ได้หงุดหงิดรำคาญใจหรือโมโห แต่มันเหมือนกับบ่นๆ มากกว่า

   “…”

   {ได้ยินที่พูดไหม} พี่เขาย้ำอีกรอบเมื่อผมพูดอะไรไม่ออก เป็นใบ้ไปชั่วขณะ

   “ครับ”

   {แล้วนี่มึงกลับยังไง}

   “กลับพร้อมพายครับ”

   {กลับดีๆ ถึงแล้วไลน์บอกด้วยนะ รู้ไหมเนี่ย}

   ผมกำลังทำความเข้าใจกับคำพูดของพี่เพลิงอยู่ เดี๋ยวนะโมเม้นต์ไลน์หานี่คืออะไร ผมเกาหัวแล้วคิดตามไปด้วย

   {ไลน์มา}

   ครั้งนี้พี่เพลิงย้ำหนักๆ ผมจินตนาการถึงสีหน้าพี่เขาออกเลยว่ากำลังทำหน้าดุขนาดไหนตอนพูด

   “ครับ”









   ผมกลับมาถึงคณะเห็นไอ้พายนั่งอยู่ พอผมมาถึงมันก็ลุกขึ้นผมช่วยมันเก็บของเสร็จสรรพก็พากันไปที่รถ ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีผมกับไอ้พายก็มาถึงห้องของมัน ผมรีบจัดการเอาชีทต่างๆ ที่รวบรวมข้อมูลไว้ออกมาแล้วส่งให้มันเพื่อใช้ประกอบรายงาน ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าในการทำรายงานจนเหลือแค่สารบัญกับเชิงอรรถก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ ซึ่งที่เหลือนี้ผมว่าไอ้พายมันเขี่ยๆ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ


   “ที่เหลือมึงทำต่อเองนะ กูจะกลับแล้ว”

   ผมรีบบอกหลังจากเก็บของตัวเองลงกระเป๋า แล้วบอกไอ้พายที่นั่งหน้าคอมจัดหน้ารายงานรัวๆ มันได้ยินก็หันมามองแล้วทำหน้าเหรอหรา


   “ยังไม่ได้สั่งของแดกเลยมึง ทำไมรีบกลับ อีกสิบนาทีกูก็เสร็จแล้ว”

   “จะสองทุ่มครึ่งแล้ว”

   ผมพูดสั้นๆ หยังหน้าไปที่นาฬิกาติดผนังสื่อว่าไม่อยากอยู่ให้นานไปกว่านี้ เดี๋ยวพี่มันกลับมาจะพาลให้อารมณ์เสียกันไปหมดเปล่าๆ ถึงแม้ว่าวันนี้ทั้งผมกับพี่เพลิงจะคุยกันเหมือนคนปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการที่พี่เขาเจอผมที่ห้องแบบนี้พี่เขาจะพอใจเสียเมื่อไร

   “ดึกอ่ะมึงกว่าเฮียจะมา แดกพิซซ่าก่อนดิโทรสั่งแป๊บเดียวเอง”

   “แล้วถ้าพี่มึงกลับมาล่ะ”

   “เข้าไปแดกในห้องกูก็ได้ มันไม่ว่าหรอก”

   ไอ้พายมันพูดง่ายเหลือเกิน ไอ้ที่ผมมาช่วยก็เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนไม่ได้จะอยากมารื้อฟื้นความสำพันธ์อะไรที่นี่หรอก การเจอกันที่มหา’ลัยอาจคุยกันได้ปกติ แต่ถ้าเป็นที่นี่ผมไม่รู้ว่าพี่เพลิงจะเล่นงิ้วใส่ผมหรือเปล่า

   “กูขี้เกียจปั้นหน้าว่ะ กลับก่อนดีกว่ามึง เอาไว้มึงเลี้ยวกูวันอื่นก็ได้”

   “เอางั้นเหรอวะ”

   “เออ ไปนะมึง”

   “งั้นรอแป๊บ เดี่ยวกูสั่งปริ้นก่อน จะขับรถไปส่งที่หอ”

   “กลับเองได้น่า นั่งทำงานไปเถอะ กูไปล่ะ”

   “ไอ้กันต์”

   “กูกลับแล้ว รีบทำล่ะมึง” รีบบอกลาไอ้พายแล้วเดินออกมาทันที ไม่รอให้มันออกมาส่งแต่อย่างใด

   ผมเข้าลิฟท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเล่นเพลินๆ จนมาถึงชั้นล่าง ระหว่างที่ผมกำลังจะก้าวเท้าออกจากลิฟท์ ใครคนหนึ่งก็เดินผ่านประตูล๊อบบี้เข้ามาพอดี ผมรีบแกล้งทำเป็นเล่นโทรศัพท์ ตั้งใจจะเดินผ่านไปเฉยๆ เหมือนไม่เห็นว่ามีเขาอยู่ตรงหน้า หากไม่มีร่างสูงๆ ตัวใหญ่ๆ มาขวางหน้าเอาไว้ ผมเงยหน้าขึ้นโดยที่ไม่พูดอะไร สิ่งที่ผมทำคือก้าวเท้าถอยหลังสองก้าว ทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหากใครคนนั้นไม่ขยับตามมาอีกราวกับใจตรงกัน

   “ไม่ทักกูหน่อยเหรอ”

   พี่เพลิงที่กำลังใช้มือล้วงกระเป๋าทั้งสองข้างอยู่เอียงคอถามผม

   ผมมองภาพชุดบอลของพี่เขากับกระเป๋ากีฬาสะพายข้างที่ดูแล้วโครตสปอร์ตแมนแล้วก็รู้สึกว่าโคตรเท่ แต่ก็ไม่กล้าจะจ้องนานนักเดี๋ยวโดนด่าให้เจ็บใจอีก

   “อ่า... หวัดดีครับ”

   ผมทักไปแบบเสียไม่ได้ ไมไม่รออีกห้านาทีค่อยกลับมาวะ จะได้ไม่ต้องลำบากใจที่ต้องทักกันแกนๆ

   “จะกลับแล้ว?”

   “ครับ”

   “ไอ้พายไม่ไปส่งเหรอ”

   “มันทำรายงานอยู่”

   “แล้วมึงจะกลับยังไง” พี่เขาก้มลงเล็กน้อยขณะพูดกับผมซึ่งมันใกล้เสียจนใจผมเริ่มเต้นตึกตัก

   “นั่งวินครับ ขอตัวก่อนนะพี่” ผมบอกลาแล้วทำท่าจะพุ่งหนีออกไปจากความรู้สึกขัดเขินกระอักกระอ่วนใจ ถ้าพี่เพลิงมันดันคว้าหมับเข้าที่แขนเสียก่อน

   “เดี๋ยวกูไปส่ง”

   “ไม่รบกวนดีกว่าพี่”

   ผมมองมือหนาที่จับข้อศอกตัวเองไว้ รู้สึกถึงความอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั้งแล้วแล้วก็ยิ่งหน้าแดง

   “กูพูดว่ารบกวน? อย่าโยกโย้ จะไปส่ง”

   “พี่ ผม...”

   สายตาเพชฆาตตวัดมาอีกรอบ ข้อมือที่ถูกจับไว้เมื่อครู่ถูกกำแน่น ไหนจะที่พี่เขาออกแรงลากให้เดินตามไปนั่นอีก ผมจะดิ้นให้หลุดก็ทำไม่ได้ ไอ้จะเดินตามไปดื้อๆ มันก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน เลยกลายเป็นว่าเราต่างก็ยื้อยุดกันไปมาจนกระทั่งเดินมาถึงที่รถของพี่เพลิงนี่ล่ะ

   “ทำไมดื้อวะ”

   “ผมกลับเองได้”

   “กูรู้ว่ามึงกลับได้ แต่กูจะไปส่งไง”

   ผมถอนใจแรงๆ จังหวะเดียวกันพี่เพลิงก็เปิดประตูรถหรูของตัวเองแล้วจัดแจงยัดผมเข้าไปในนั้นแบบไม่แคร์ว่าหัวผมจะกระแทกกับคานประตูหรือเปล่า

   “พี่...”

   “นั่งดีๆ พูดมากเดี๋ยวซัดให้”

   พี่เขาแกล้งง้างมือ ถึงพี่เขาจะขู่แบบนี้แต่ผมก็รู้ดีว่าพี่เขาไม่ทำอะไรผมจริงๆ หรอก พี่เขาตามขึ้นมาแล้วสตาร์ทเครื่องพร้อมกับเปิดแอร์จนเย็นเฉียบ ผมนั่งปิดปากเงียบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ผิดกับอีกคนที่ดูสบายๆ เปิดเพลงฟังเหมือนกับว่าไม่มีผมนั่งร่วมมาด้วย เพราะสายตาเขาพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียวดูมีสมาธิกับการขับรถอย่างเต็มที่ จนผ่านไปราวห้านาทีพี่เขาก็เอ่ยพูดขึ้นก่อน

   “เหงื่อกูออกท้วมตัวเลยว่ะ เหม็นหน่อยนะ” พี่เขาออกตัวแล้วดมแขนทั้งสองข้างตัวเองก่อนยู่จมูกไปด้วย

   “ครับ” ที่จริงก็ไม่ได้เหม็นอะไรสักหน่อยนะ แต่ผมก็อือออส่งๆ ไปตามมารยาท

   “หิวไหม?”

   “ไม่ครับ”

   เราจบคำพูดกันแค่นั้น ผมเลือกที่จะนั่งเงียบๆ หันมองกระจกมองสองข้างทางแทนการพูดคุย ซึ่งพี่เพลิงเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ เขาขับรถไม่เร็วนักแต่เพียงสิบนาทีก็ถึงหน้าหอ พี่เพลิงจอดรถจนนิ่งสนิทผมจึงตั้งท่าจะลง

   “ขอบคุณครับ”

   “อืม พรุ่งนี้กูมารับ มึงเรียนเช้าใช่ไหม”

   ผมที่กำลังจะปิดประตูชะงักค้าง

   “ไม่รบกวนดีกว่าครับ”

   ผมพูดเพียงแค่นั้นแล้วรีบปิดประตูรถก่อนจะจ่ำอ้าวขึ้นหอด้วยอาการใจสั่นระรัว

   เออเนอะคนเรา พอบทจะได้ใกล้กันจริงๆ หัวใจแม่งก็แทบจะระเบิด




ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อิพี่เพลิงไบโพล่า..จะมาไม้ไหน???
ปล.กลับมาต่อแล้ว ดีใจ  :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่เพลิงหนิ ปากกับใจไม่เคยตรงกันเลยนะคะยังจะซึนอีกกก
มาต่อไวๆนะคะ ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
มาต่ออีก พี่เพลิงจะรุก แต่น้องเริ่มถอย รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
อ่านเพลินเลยค่ะ พระเอกนี่น้าาา ตื้อไปจ้าเพลิงตื้อเยอะๆ แสดงออกชัดๆกว่านี้ฟอร์มที่มีเยอะๆวางไว้ก่อนเลย

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เขินมาก ชอบผชปากหนักๆ พอได้ทำไรนิดหน่อย ก็พาเขินพาฟินแล้ว
รออ่านนนะคะ จุ้บบบบ :impress2:

ออฟไลน์ punpunn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ TanyaWikit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มารออ่านนานมากแล้วคร้าบบบบ
และยังรออยู่นะคร้าบบบ

ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกๆๆๆๆ อยากให้ทำเรื่องยาวเลย

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
อยากให้มาต่อจังค่ะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด