พิมพ์หน้านี้ - {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: anin ที่ 22-09-2017 12:36:39

หัวข้อ: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 22-09-2017 12:36:39
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




+++++++++++++

เรื่องสั้น


❤ …เหมือนกัน i LOVE you TOO ❤ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61763.msg3701396#msg3701396) : on air

❣รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง◕。◕ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62159.msg3708240#msg3708240) : on air

เรื่องยาว

❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63897.msg3740655#msg3740655) : on air







{เรื่องสั้น}
รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง

"
กันต์กร

เคยหลงรักใครไหม... แน่นอนว่าหลายคนคงตอบว่า ‘เคย’

แล้วเคยถูกคนเกลียดไหม  หลายคนก็อาจจะตอบว่า ‘เคย’

แต่ผม ‘กันต์กร’ หรือไอ้กันต์ของเพื่อนๆ กำลังหลงรักคนที่กำลังเกลียดขี้หน้าผมอยู่

เขาที่เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิท แต่อีกฝ่ายคงมองผมเป็นแค่ไอ้ตัวน่ารำคาญ

เป็นเห็บหมาหรืออะไรสักอย่างที่ไม่ควรอยู่ใกล้ แต่ถึงอย่างนั้น ไอ้เห็บหมาอย่างผมก็ยังคงเกาะเขาไม่ปล่อย

เพราะผมก็รักเขาไปแล้ว...


"

พระเพลิง

ถ้าจะพูดถึงไอ้กันต์ ผมก็คงนิยามมันว่า...

ไอ้ตัววายป่วง    ที่ส่งข้อความห่าเหวอะไรไม่รู้ไม่หยุดหย่อน

ไอ้เด็กฉิบหาย   ที่เสนอหน้ามาทุกครั้งทั้งที่บอกว่ารำคาญ

ไอ้เด็กเหี้ย   ที่พูดกับมันอีกอย่าง แม่งเสือกทำอีกอย่าง

ไอ้เด็กเวร    ที่แดกเหล้าแล้วอ่อยผู้ชายไปทั่ว แล้วเสือกมาเถียงว่าไม่ได้อ่อย

ไอ้เด็กห่าราก   ทีวันๆ เอาแต่เดินตามตูดไอ้พระพายตัวดีต้อยๆ จนคนเขาคิดกันไปว่าแม่งซั่มกันไปถึงไหนๆ

ไอ้เด็กเลวคนนี้ล่ะ ที่ทำให้ผมอารมณ์เสียเวลาที่เจอหน้า ทำให้หงุดหงิดเวลาที่มันเสือกหายหัวไปแบบไม่บอกไม่กล่าว
แถมไอ้อาการอยากกระทืบคนที่เข้ามาใกล้มันนี่มันเรียกว่าอะไร

โว้ยยยยย ไอ้อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของผมมันจะขึ้นสุดลงสุดไปถึงไหวว่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 22-09-2017 12:45:41
จุดเริ่มต้นของบททดสอบ


   ผมชื่อกันต์กรครับ เรียนอยู่ปี 1 สาขาอินทีเรียดีไซด์ ผมเป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรพิเศษ หน้าตาก็แสนจะธรรมดา ฐานะครอบครัวระดับปานกลาง มีเพื่อนน้อย พูดไม่เก่ง แสดงอารมณ์ไม่เป็น ชีวิตก็คงจะราบเรียบมีความสุขดีถ้าหากว่าผมเจียมเนื้อเจียมตัว อยู่ในที่ที่เหมาะสมของตัวเอง


   แต่ผม...เผลอใจรักคนที่ไม่ควรรัก

   ผู้ชายที่สูงเกินไป ผู้ชายที่ชื่อ ‘พระเพลิง’ ผู้ชายเพียบพร้อมไปทุกอย่างทั่งหน้าตา ฐานะ และสติปัญญา เขาอยู่ห่างไกลเกินกว่าคนอย่างผมจะเอื้อมถึง แต่ผมก็รักเขาอย่างหัวปักหัวปำ รักอย่างไม่ลืมหูลืมตา ถึงพี่พระเพลิงฮ็อตมากในหมู่สาวๆ ด้วยความหล่อที่ติดตัวมาดุจประเจ้าประทานพรตั้งแต่เกิด และมาดขรึมๆ ที่พูดน้อยต่อยหนัก ยิ่งทำให้น่าค้นหา มันก็ไม่ทำให้ผมตัดใจจากพี่เขาไปง่ายๆ


    กับพี่พระเพลิงแล้ว ผมกันต์กรคนนี้ คงเป็นได้แค่ไอ้ตัวน่ารังเกียจในสายตา แม้แต่จะพูดทักทายกันอย่าง พี่พระเพลิงก็ยังไม่อยากที่จะเอื่อนเอ่ยด้วยสักประโยค จะมีบ้างก็คือคำด่าทอ หรือแขวะเอาบ้างเป็นบางครั้งบางคราวถ้าผมเผลอทำอะไรที่ทำให้พี่เขาเคืองใจขึ้นมา


   จากวันเป็นเดือน จากเดือนเคลื่นผ่านเป็นปี ผมที่ชื่อกรกันต์ก็ยังเป็นแค่ไอ้ตัวน่ารังเกียจอยู่วันยันค่ำ


   “ทำไมมึงต้องเอามันมาด้วยว่ะ รกหูรกตาฉิบหาย ไอ้ห่านี่แม่งก็แปลกรู้ว่าไม่อยากให้มาก็ยังเสือกด้านหน้าโผล่มาอยู่ได้”


   ผมได้ยินคำห้วนอย่างเคยชิน ไม่มีครั้งใดที่คำพูดของพี่เพลิงที่พาดพิงถึงผมจะเป็นคำพูดปกติไปได้ มันจะมีแต่คำพูดเหน็บแนบ หรือไม่ก็เกี้ยวกราดให้เจ็บปวด แต่ผมก็ชินเสียแล้ว ชินที่ถูกพี่เพลิงเกลียด


   “พี่เพลิงนี่ก็นะ ไอ้กันต์มันก็อยู่ของมันเงียบๆ จะไปด่ามันทำไม” พระพายเพื่อนร่วมคณะของผมแก้ต่างให้ อย่างที่เคยเป็น พระพายรู้ว่าผมคิดกับพี่ชายของเขายังไง ไม่ต่างจากที่พี่พระเพลิงก็รู้ว่าผมคิดกับเขาแบบไหน

   นี่ล่ะมั้งครับ ที่ทำให้พี่พระเพลิงเกลียดผม

   “มึงก็ไม่ต้องพามันมาสิ กูจะได้ไม่ต้องด่า จะมานั่งแดกเหล้าให้สบายใจ เสือกเอามันมาด้วย บอกมึงกี่ทีละว่าถ้ากูชวนมาแดก ไม่ต้องสาระแนเอามันมา เคยฟังกูมั้ย”

   “ก็ให้มันมาเที่ยวด้วยจะเป็นไรไปเล่าพี่”

   “ก็กูไม่อยากเห็นหน้ามันไงไอ้ควาย พูดไม่รู้เรื่อง”


   ผมได้แต่เงียบ แม้ใจอยากจะมองใบหน้าอันหล่อเหลาของพี่พระเพลิงเพียงใด แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ ไม่อาจแม้แต่จะเหลือบมอง ตอนนี้ใบหน้าที่หล่อปานเทพบุตรจำแลงของเขาคงงอง้ำ คิ้วเข้มคงขมวดเข้าหากันอย่างถูกทำให้ขัดเคืองใจ เพราะผมที่ทำให้ดวงตาคู่สวยแข็งกระด้างผิดจากเวลาที่ไม่มีผม


   “งั้น เออ...กู เออ ผมไปนั่งกับพวกบอยโต๊ะโน้นแล้วกัน ไม่รบกวนเวลาของมึงกับพี่เพลิงแล้วกัน”

   “เฮ้ย ได้ไง มึงมากับกูนะ อย่าน้อยใจดิวะ พี่เพลิงเขาพูดเล่น ทำเป็นไม่ชินไปได้”

   ผมมองมือพระพายที่รั้งข้อมือผมไว้ แต่พอผมหันไปสบดวงตาแข็งกร้าวก็ต้องเสหันไปมองทางอื่นแทน

   เจ็บครับ แล้วก็ไม่เคยชิน


   ใครจะอยากได้สายตาชิงชังแบบนั้นกัน โดยเฉพาะกับคนที่เราแอบชอบ ถึงผมจะมีภูมิต้านทานหลายชั้นขนาดไหนก็ต้องแพ้ ถึงจะพยายามทำความเช้าใจว่าพี่พระเพลิงก็เป็นคนพูดตรง พูดแรง ซึ่งก็คือนิสัยและเป็นตัวตนของเขา แต่ก็ไม่วายเสียใจอยู่ดี


   “เออ กูไปนั่งโน่นนะ”

   “ก็ไปสักทีสิมึง พิรี้พิไรอยู่ได้ วันหลังถ้ารู้ว่ามีกูอยู่ก็ไม่ต้องเสือกเสนอหน้าเน่าๆ ของมึงมาด้วยล่ะ”

   ผมได้ยินเต็มสองรูหูว่าพี่พระเพลิงพูดอะไรออกมาบ้าง ไม่โกรธครับ แต่ก็แค่น้อยใจ


...

   “พอแล้วครับ ผมเมาล่ะ” ผมบอกกับพี่คริส รุ่นพี่ปีสามอย่างอ้อแอ้ แต่พี่เขาก็ยังคงรินเหล้าให้อย่างไม่ขาด ไม่สนใจว่าผมจะไหวหรือเปล่า

   “ไม่เมาก็ถือว่าเสียเที่ยวนะครับ”

   “เดี๋ยวผมกลับห้องไม่ไหว เมากว่านี่ไม่ได้แล้วครับ” ผมพูดไป รอบตัวผมเริ่มโคลงเคลงแล้วครับ

   “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

   “ไม่ต้องพี่ มันกลับกับผม” พระพายเดินมาแล้วบอกแบบนั้น ตอนนี้พระพายย้ายมานั้งกับเรา สร้างความครื้นเครงได้ไม่น้อย เพราะพระพายเป็นพวกอารมณ์ดี คุยสนุก

   “ถามจริงๆ นะ มึงจีบไอ้กันต์อยู่ป่ะเนี่ย ตัวติดกันตลอด” พี่คริสจ้องมาที่เราสองคนอย่างสงสัย

   “เปล่าพี่” ผมปฏิเสธทันที

   “ไม่ใช่หรอกพี่ ไอ้กันต์ตัวมันน่ะโสด แต่หัวใจไม่นะครับ” เพื่อนในกลุ่มของผมเสริมทัพสร้างเสียงเฮฮาให้วงเหล้า

   “ใช่พี่ ตัวมันน่ะ ทั้งโสดทั้งซิง แต่ใจมันอ่ะ มีเจ้าของ” พระพายเสริมทัพ แล้วก็ทำท่ากวาดสายตาไปทั่วบริเวณ

   “กันต์ชอบใคร” พี่คริสถามยิ้มๆ แล้วก็หยิบแก้วของผมไปชงเหล้าให้เพิ่ม

   “แถวนี้แหละพี่” พระพายพูดขึ้น

   “ใครวะไอ้พาย มึงเหรอ”

   “ไม่ใช่อ่ะ แต่ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก”

   “ไอ้พาย หยุดนะ พูดเรื่อยเปื่อย” ผมรีบห้ามมันไว้ “ไม่มีอะไรหรอกครับพี่คริส อย่าไปสนใจมันเลย”

   “ก็พี่อยากอยากรู้”

   “พี่อยากรู้ทำไมอ่ะ”


   ความเผือกของไอ้พายมันน่ากลัวจังเลยวุ้ย ถึงผมจะไม่ได้ปิดบังว่าของพี่พระเพลิง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอยากจะให้คนทั่วไปรับรู้ กับตัวผมเองก็ไม่ได้แคร์ใครอยู่แล้ว แต่คนที่ผมแคร์ก็คือพี่พระเพลิง


   ที่ผ่านมาพี่พระเพลิงก็แสดงชัดว่าไม่ชอบหน้าผม แล้วถ้าเรื่องนี้ถูกพูดในวงกว้าง พี่พระเพลิงอาจโกรธหนักกว่าที่เป็นอยู่ แล้วนั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากให้เกิด

   “ก็พี่จะจีบ”

   “…”

   “ถ้ากันต์ไม่มีเจ้าของ งั้นพี่ขอจีบกันต์นะ”

/////////
ฝากเรื่องใหม่ด้วยค่ะ^^ :bye2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-09-2017 13:21:04
โหยพระเพลิงใจร้าย ตามมาอ่านเรื่องใหม่   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่1)
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 22-09-2017 16:30:00
บททดสอบที่ 1


   โอ้ยยยยย!

   ปวดหัวจังเลย จะไม่เมาอีกแล้ว

   ถ้ามันจะต้องทรมานขนาดนี้!


   ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอาการแฮงค์ระดับสิบ เมื่อมองไปรอบๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าที่นี่คือคอนโดของพระพาย   พอมองไปข้างๆ ร่างของไอ้เจ้าของห้องก็ไม่อยู่แล้ว ว่าแต่ไอ้พายมันไปไหนกันนะ ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง รวบรวมแรงกายเท่าที่มีแต่ก็รู้สึกอยากอ๊วกที่สุด


   ผมรีบวิ่งออกมาจากห้อง ตรงไปยังห้องน้ำด้วยความเร็วสูง จังหวะเดียวกับที่สวนกับร่างกายสูงใหญ่ของพี่พระเพลิงที่สวมเพียงกางเกงนอนเพียงตัวเดียว พี่เขาเบี่ยงตัวหลบให้นิดหนึ่ง


   “เอาดีๆ นะมึง ถ้าห้องน้ำกูเลอะกูจะหัวมึงไปถูให้เข็ด”

   ผมฟังเสียงที่ตะหวาดไล่หลังมาพร้อมกับอาเจียนสิ่งของที่คั่งข้างจากเมื่อคืนออกมาเพื่อลดความทรมานในกระเพาะ

   “แดกไม่เป็นก็ยังเสือกจะแดกอีก”

   ผมเดินออกมาหลังจากกดชักโครกและบ้วนปาก

   “เออ พี่เพลิงไม่ไปไหนหรือครับ”

   “เสือก มานอนคอนโดคนอื่นยังมาเสือกถามโน่นถามนี่อีก”

   ไปไม่เป็นเลย สตั้นสิบวิ

   “ขอโทษครับ”

   “ก็เห็นมึงพูดแบบนี้ทุกที แต่ก็ยังมานอนตลอดเน๊อะ”

   “พายไปไหนครับ พี่รู้มั้ยครับ”

   “กูจะรู้เหรอ ก็มันนอนกับมึงมาถามกูได้ไง”

   “ไม่เป็นไรครับ เดี่ยวผมโทรหาพายก็ได้”

   ผมมองเรือนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนที่ดูแลตัวเองของพี่เพลิงชั่วครู่ ก่อนจะเบี่ยงสายตาหลบไปมองทางอื่น เพราะเหตุที่หัวใจมันเต้นผิดจังหวะ คนอะไรไม่รู้ทำไมหุ่นดีจนน่าอิจฉา

   “มองเหี้ยไร”

   “เปล่าครับ”

   “สัด ก็เห็นว่ามองอยู่”

   “…” โมโหอะไรแต่เช้าว้าาาาา

   ปกติเช้าๆ พี่เพลิงจะไม่ค่อยหงุดหงิดนี่หว่า แต่ทำไมวันนี้ถึงได้หัวเสียจังเลย หรือว่าอาจจะเมาค้าง

   “กูไม่หลงคารมมึงอย่างคนอื่นหรอกยะ คนอย่างมึงอ่ะ ดูง่าย แม่งแรด อ่อยทั้งกับกู กับไอ้พาย แล้วไหนยังจะไอ้รุ่นพี่ของมึงนั่นอีก เป็นห่าอะไรวะ ชอบบริหารเสน่ห์เหรอ”

   “ผมเปล่า”

   “เปล่าเหี้ยไร ปากมึงก็บอกว่าชอบกู แต่เมื่อคืนมึงก็อ่อยมัน ไอ้รุ่นพี่เหี้ยไรของมึงอ่ะ แต่พอผับเลิกมึงก็มานอนกับน้องกู แถวบ้านกูเรียกว่าเรี่ยราด”

   ไม่จริงเลยคนที่ผมมีใจให้มันมีแค่พี่พระเพลิงแค่คนเดียวเท่านั้นล่ะ มีแค่พี่เพลิงวนเวียนอยู่ในหัวไม่ว่าจะหลับหรือตื่น ทั้งๆ ที่ผ่านมาพี่เพลิงจะทำท่ารังเกียจแต่ผมก็ยังชอบพี่เขาอยู่ดี

   “พี่เข้าใจผมผิดไปใหญ่แล้วนะครับ ให้ผมอธิบายก่อน”

   ผมรีบถลาเข้าไปใกล้พี่เพลิง แต่เพราะความมือไวทำให้คว้าเข้าที่แขนของพี่เขา

   “อย่ามาโดนตัวกู” พี่เพลิงสะบัดแขนออก และผลักผมด้วยแรงที่มากพอให้ผมกระเด็น

   ร่างผมเซไปสามสี่ก้าว สายตาก็จ้องพี่เขาอย่างตกใจ ตกใจตัวเองที่กล้าไปแตะต้องเขา แล้วก็ตกใจเขาที่ดูอารมณ์รุนแรงผิดปกติ

   “ขอโทษครับ”

   “นี่ไอ้กันต์ เอาจริงนะ มึงไปให้พ้นหน้ากูสักทีได้ไหมวะ มึงจะคบกับไอ้พายกูก็ไม่ได้ห้ามหรอกนะ มึงจะสนิทกันยังไงก็เรื่องของพวกมึง แต่อย่าเสือกมานอนห้องกูจะได้ไหม อย่าเสนอหน้ามาให้กูเห็น กูรำคาญลูกตา เลิกส่งข้อความเหี้ยๆ มาในไลน์กูได้แล้วมึงก็รู้ว่ากูไม่อ่าน”


   ใช่ครับ พี่พระเพลิงไม่เคยอ่านข้อความของผมเลย เป็นผมเองที่ตื้อพี่เขาไม่เลิก ทุกเช้าก็จะมีข้อความอรุณสวัสดิ์ ตอนกลางวันก็จะถามว่ากินข้าวหรือยัง ส่วนกลางคืนก็ข้อความให้นอนฝันดี แต่ทว่าตลอดปีกว่าๆ ที่ผ่านมา พี่เขาไม่เคยเปิดอ่านสักครั้ง แต่ผมก็ยังดื้อที่จะส่งไป


   “การที่กูไม่บล๊อคมึงก็ไม่ใช่ว่ามึงจะส่งส้นตีนอะไรมาก็ได้นะ ถ้ากูไม่เห็นแก่หน้าไอ้พายกูกระทืบมึงไปนานแล้ว”

   “ผมคงทำให้พี่ลำบากใจมาก ผมต้องขอโทษด้วย”

   “แค่ไปให้พ้นหน้ากูเหอะ” พี่เพลิงเดินหันหลังให้ผม

   โครม!!!!

   เสียงมาจากในครัว เดาเอาว่าพี่เพลิงคงเตะโครมเข้าให้กับอะไรสักอย่าง

   “ไอ้ถังขยะเหี้ยนี่ก็มาเกะกะส้นตีนเหลือเกิน ไอ้ฉิบหาย”

   ผมรีบเดินเข้าไปดูก็เห็นว่าพี่เพลิงกุมเท้าตัวเอง โดยที่เลือดกำลังไหลซิบอยู่ พอดูใกล้ๆ เลยได้เห็นว่าพี่เขาโดนมุมของถังขยะที่เป็นเหล็กเข้าเต็มรัก เลือดกงี้ไหลซกเห็นแล้วก็เจ็บแทน

   “พี่เป็นอะไรมากมั้ย”

   “อย่ายุ่ง” พี่พระเพลิงสะบัดแขนเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้

   ผมมองพี่เขาเดินกระเผลกขาอย่างเป็นห่วง แต่พอจะเข้าไปพยุงพี่เขาก็ถลึงตาใส่ ส่งสัญญาณว่าอย่าได้เขามาเด็ดขาด ไอ้เราก็อยากจะดูกาอารแต่เจ้าตัวก็ดื้อด้วยการเดินหนีทั้งที่เลือกกำลังไหลรินอยู่

   “ขอผมดูหน่อยครับ”

   “พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกว่าอย่ามายุ่ง เข้าห้องไอ้พายไป”

   “โหย เลือดพี่ไหลเยอะเลย เดี๋ยวผมไปเอาอุปกรณ์ทำแผลก่อน พี่นั่งรอแป๊บนะ”

   “มึงจะทำตัววุ่นวายทำไม กูไม่เป็นไรหรอก ไอ้กันต์ ไอ้เด็กเวรฟังกูอยู่มั้ยมึงอ่ะ”

   ผมฟังเสียงที่ดังไล่หลังมา แต่ก็ไม่ได้สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาเพื่อทำแผลให้จอมโวยวายอย่างพี่เพลิง ผมเห็นเลือดก็รู้เลยว่าพี่เขาจะต้องเจ็บมาก แต่คนปากแข็งขี้เก๊กฟอร์มจัดอย่างพี่เพลิงคงไม่ทำสำออยให้เห็นกันง่ายๆ ไม่รู้ว่าเล็บจะเปิดลึกหรือเปล่า

   พอออกมาอีกครั้งก็เห็นพี่เพลิงเอาทิชชูซับแผลอยู่ตรงโซฟา สีหน้าพี่เขานิ่งมาก ไม่ได้แสดงอาการว่าเจ็บว่าปวดแต่อย่างใด ยังคงหล่อโหดอยู่ในหน้า

   ใจแข็งเหลือเกินนะพ่อคุณ เก็บอาการก็เก่ง ถ้าลองเป็นพระพายป่านนี้โวยวายบ้านแตกไปแล้ว

   “ให้ผมดูหน่อยนะครับ” ผมทรุดตัวลงกับพื้น แล้ววางชุดปฐมพยาบาลไว้ข้างๆ ตัว

   พี่เพลิงจิ๊ปาก ทำท่าขยับหนีห่างออกไป แต่ผมก็ทำใจดีสู้เสือด้วยการรั้งข้อเท้าของพี่เขาไว้แน่น ไม่ยอมอีกฝ่ายโดยง่าย

   “เดี๋ยวกูทำเอง มึงเข้าห้องไปเหอะ”

   “พี่ทำเองไม่ถนัดหรอก ให้ผมช่วยดีกว่านะ”

   “มึงนี่ยังไงวะ พูดห่าอะไรไม่เคยฟัง แล้วมาจับกูทำไม อย่านึกว่ากูจะไม่กล้าถีบมึงนะ” พี่เขาบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่ก็หลบไปไหนไม่ถนัดเพราะผมจับข้าเขาเอาไว้แน่น

   “อยากถีบก็เอาเลยพี่”

   “มึงท้ากูเหรอ” คิ้วพี่เพลิงกระตุก เสียงก็กดลงต่ำราวกับว่าข่มจิดข่มใจอยู่

   โอ้ย! ก็กลัวอยู่นะ แต่เป็นห่วงเยอะกว่า

   “เปล่าท้า แค่จะทำแผลให้เฉยๆ นี่ล่ะ ถ้าอยากถีบผมเพราะว่าผมจุ้นจ้านน่ารำคาญก็ถีบเลย แต่เอาไว้หลังจากทำแผลเสร็จก่อนแล้วกัน ได้มั้ยล่ะ”

   ผมพูดเสียงเบา ส่งรอยยิ้มอ่อนๆ ไปให้อย่างต่อรอง

   รู้หรอกน่าว่าพี่เขาไม่ชอบให้ผมเข้าใกล้ แต่พอเห็นเขาเจ็บจนได้เลือด ผมก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเปลี่ยนเป็นผมที่เจ็บแทนได้ผมก็ยอมนะ

   “…”

   พี่เพลิงกระแทกขาข้างที่เจ็บลงกับเบาะอย่างแรง ไม่สนว่าจะทำให้แผลนั้นระบมเพิ่มหรือเปล่า

   “ทำแม่งซะ ไอ้แผลเหี้ยเนี่ย จะได้เลิกยุ่งกับกูสักที” พี่เขาด่ามาให้เป็นของแถม แต่มันกลับทำให้ผมยิ้มได้

   ผมค่อยๆ หยิบทิชชูที่พี่เขากดแผลไว้ออก ก็ได้เห็นกับบาดแผลที่ถือว่าหนักเอาการทีเดียว เล็บตรงหัวแม่โป้งเท้าของพี่เพลิงฉีกกว่าครึ่งเล็บ เนื้อตรงจมูกเล็กก็เป็นแผลลึกเห็นแล้วน่าขนลุกสุดๆ

   “เจ็บมั้ยพี่ แผลลึกเลย เลือดก็ไหลไม่หยุด”

   “ไม่เจ็บมั้ง สัด!”

   โดนอีกดอก

   “เดี๋ยวผมห้ามเลือดก่อน เจ็บหน่อยนะครับ”

   ผมพูดแล้วก็หยิบผ้าก๊อตมาซับแผลไว้ ไอ้ครั้นจะกดแผลเพื่อห้ามเลือดก็กลัวพี่เขาจะเจ็บ ก็เลยดูงกงกเงิ่นเงิ่นพิกล

   “มึงกดแบบนั้นเลือดแม่งไม่หยุดหรอก พอดีเลือดกูไหลหมดตัว”

   “ก็กลัวพี่เจ็บ”

   “มานี่มา กูทำเอง” พี่เขาชักเท้าหนี เป็นผมที่รีบคว้าไว้แทบไม่ทัน

   “ผมทำให้เหอะพี่”

   “...”

   หลังจากนั้นผมก็จัดการทำแผลให้พี่เพลิงอย่างเบามือ ตลอดเวลาพี่เพลิงไม่ส่งเสียงอะไรสักแอ๊ะ พี่เขาสุดยอดของความอึดอ่ะ ยกนิ้วให้เลย ผมชำเลืองมองพี่เพลิงเป็นระยะ เห็นพี่เขามองมาที่ผมพาลให้ผมประหม่าแบบแปลกๆ ประหม่าจากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งกลับพี่เขาเจ็บ แล้วที่สำคัญเพราะความใกล้ชิด ซึ่งไอ้อย่างหลังนี่ก็ดูจะนำโด่งแซงทางโค้งไปไกลโข


   “พี่ปวดไหม”

   “ไม่”

   พี่เพลิงกระแทกเสียงที่ดูจะหงุดหงิด

   “กินยาพาราดักไว้ก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวมันจะปวดทีหลัง” พูดจบผมก็รีบกุลีกุจอหายาในกล่องให้ควัก

   “ไม่แดก”

   “กินหน่อยเหอะพี่ เดี๋ยวมันปวดนะ”

   “มึงนี่ยังไงวะ กูบอกอย่าง มึงก็ต้องทำอีกอย่าง เห็นท่าทางแบบนี้มึงนี่แม่งโคตรดื้อเลย ไอ้เหี้ย”

   เหี้ยก็มาครับ

   “ก็ผมหวังดีกับพี่”

   “กูดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ไอ้เด็กแรดๆ อย่างมึงมาสอนหรอก”

   “พี่เอาอะไรมาพูดว่าผมแรด”

   “ก็มึงแรดไง ฟาย” พี่เขาดูมีน้ำโห

   เดี๋ยวนะ เจอกันทีไรก็โมโหตลอดไม่ใช่เหรอว้า แต่วันนี่เหมือนว่าจะเกรียวกราดผิดปกติแหะ กินอะไรผิดสำแดงไปเนี่ย ถึงอย่างนั้นก็เป็นความสุขอีกแบบนะ ความสุขที่ได้ดูแลคนที่เรารัก

   “แล้วแต่พี่จะคิดแล้วกัน ตอนนี้ต้องกินยาก่อน”

   ผมยื่นยาให้แต่พี่เขาก็ยังนิ่งไม่หือไม่อือ

   “พี่อย่าทำแบบนี้สิ”

   “แดกแห้งๆ เลยมั้ยมึง หรือยังไง”

   ผมมองหน้าคมเข้ม ที่จ้องผมตรงๆ เราใกล้กันมาก มากจนผมหัวใจสั่นไปหมด

   “เดี๋ยวเอาน้ำให้ครับ”

   ผมเดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วมาให้เจ้าตัวที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ ทำไมนะไม่ว่าพี่เพลิงจะทำสีหน้าแบบไหนผมก็มองว่าพี่เขาก็ดูหล่ออยู่ดี

   “ไอ้พายมันไปข้างนอกไปรับญาติกู กว่าจะกลับก็คงเย็น แล้วมึงจะกลับยังไง”

   ไล่เร็วจัง ใจเหี่ยวเลยสิเรา

   “ก็เดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับ”

   “จะกลับกี่โมง”

   “อาบน้ำเสร็จก็ว่าจะกลับเลย”

   “รีบไปอาบน้ำไปมึง จะได้กลับๆ ไปสักที”

   ผมฟังคำพูดของพี่เพลิงแล้วก็ลุกขึ้นจากหน้าโซฟาด้วยความรวดเร็ว เดินเข้าห้องของไอ้พายแล้วจัดการหยิบเสื้อตัวหนึ่งของมันมาใส่ พร้อมกับคว้ากางเกงตัวเก่งของตัวเองขึ้นมาสวมลวกๆ เป็นการแต่งตัวที่เร็วกว่าทุกครั้งในชีวิต จัดการหยิบเป้ของตัวเองขึ้นพาดบ่าแล้วเดินออกมาทั้งที่น้ำท่าก็ไม่ได้อาบ

   “ผมกลับนะครับ”

   ผมไม่ได้หันกลับไปมองว่าพี่เพลิงทำหน้าแบบไหนอีก สิ่งที่ผมทำก็แค่เพียงเดินจากมา พร้อมกับปิดประตูห้องของเพื่อนรัก กับคนที่ผมหลงรักอย่างแผ่วเบา



...
มีความปากจัดคร้าาาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-09-2017 16:59:47
โหย..ยยยย พระเอกมีความโหดสัดรัสเซีย   :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 24-09-2017 15:08:37
บททดสอบที่ 2 : ทนให้ได้

   หลังจากวันที่ผมทำแผลให้พี่เพลิง ทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดปกติ โหมดที่ผมยังคงเป็นไอ้น่ารำคาญคนเดิมต่อไป และยังส่งข้อความไปหาพี่เพลิงเหมือนเดิมวันละสามครั้งอย่างตรงเวลา ผมยังติดตามไอ้พายไปทุกที่ที่มีพี่เพลิงปรากฎตัวอยู่ด้วย ไปเพื่อให้ได้เห็นหน้าพี่เขาบ้างแม้บางครั้งจะเป็นระยะไกลๆ ก็ถือว่านั่นคือความสุข


   ผมกลับรู้สึกได้ว่าตั้งแต่วันนั้น พี่เพลิงดูจะเปลี่ยนไป แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงของพี่เพลิงถือว่าเป็นกรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีไหม รู้แค่ว่าพี่เพลิงไม่ได้ทำท่าทางหงุดหงิด หรือด่าทอผมอีกแล้ว กลับกันสิ่งที่พี่เพลิงทำคืออาการที่เรียกว่าเย็นชา เฉยเมย


   “ว่าไงพี่ ลมอะไรหอบพี่มาถึงโรงอาหารคณะผมเนี่ย”

   พระพายเอ่ยทักพี่ชายตัวเองที่เดินเข้ามายังโต๊ะที่พวกเรากำลังนั่งกินขนมกับน้ำกันอยู่ พี่พระเพลิงนั่งลงข้างพระพายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม เขาไม่ได้สนใจว่าผมมีตัวตนเช่นเคย ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร

   “ผ่านมาว่ะ เห็นมึงเลยแวะทัก”

   ผมมองพี่เขาตรงๆ ก็ได้เห็นว่าพี่เขาก็ยังหล่อเหมือนเคย หน้าดุเหมือนทุกครั้งที่เราเจอกัน

   “แวะกินข้าวไหมเฮีย กับข้าวที่นี่อร่อยนะ”

   “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวจะออกไปกินข้างนอก มีคนรออยู่”

   “ใครวะพี่” ไอ้พายร้องถาม

   “ไม่ใช่มึงแน่นอน”

   “เดี๋ยวนะเฮีย ใช่คนแถวนี้หรือเปล่า” ไอ้นิวเพื่อนผมอีกคนร้องถาม สายตามันกลับมองมาที่ผมอย่างมีนัย

   “โน่นโว้ย! คนที่กูรอ”

   พวกเราพร้อมใจหันไปมองพร้อมกัน แต่เพียงแวบเดียวผมก็รีบเมินหน้าหนี อาการบางอย่างกระแทกเข้าที่กลางอกผม

   เจ็บจี๊ด...

   “ฟ้าคนสวยนี่นะ” นิวเพื่อนผมโอดครวญ “โหยเฮีย มาสอยดาวคณะผมทำมายยยย ไปหาไกลๆ หน่อยไม่ได้เหรอ อย่ามาแย่งพวกผมเลยนะเฮีย”

   “ไม่ทันล่ะมึง คนนี้กูจอง”

   “ไม่เอาดิเฮีย น้องฟ้านี่ของหวงประจำรุ่นเลยนะ”

   “ตอนนี้เป็นเด็กกูอ่ะ”

   “เสียดุลการค้าให้วิศวะตลอดอ่ะ ไม่ยุติธรรมเลย”

   “โลกเรามันโหดร้ายเสมอแหละมึง แล้วก็เลิกทำน้ำลายหกใส่ฟ้าได้ล่ะ เดี๋ยวโดนถีบ”

   “เฮียโหดอ่ะ กับน้องกับนุ่ง อย่าโหดนักเลยพวกผมกลัวนะเนี่ย จริงมั้ยมึงไอ้กันต์”


   ผมที่ถูกพาดพิงถึงทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วก็เงียบเหมือนเช่นเคย อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปที่พี่เพลิงเล็กน้อย กลั้นใจรอคำด่ากลับมาอย่างที่เป็นมาเสมอ แต่ทว่าพี่เพลิงกลับทำเหมือนไม่ได้สนใจว่าผมมีตัวตนอยู่ มันพีคก็ตรงนี้ล่ะ


   เจ็บเหี้ยๆ

   เจ็บเวลาที่ถูกเมินใส่ แบบนี้ไม่เอา ด่าผมเถอะพี่

   “สัดนิว ลามปาม กูเพื่อนเล่นมึงเหรอ” เสียงโหดของพี่เพลิงโพล่งขึ้น แล้วยกมือขึ้นตบกะโหลกของอีกฝ่ายเป็นการลงโทษ “อย่าเยอะ วันนี้กูอารมณ์ดี อย่าทำให้เสียบรรยากาศ”

   กูคือไอ้ตัวที่ทำให้เสียบรรยากาศสินะ

   “โทษคร๊าบบบบ” ไอ้นิวพึมพำพลางลูบหัวตัวเอง ทำท่าทางหดคอสงบปากสงบคำ

   เราต่างก็รู้กันว่าฟ้าเป็นดาวเด่นในคณะเราขนาดไหน เพราะทั้งสวยหุ่นดีแถมเรียนเก่งจนใครๆ ในรุ่นหลงรักกันอย่างหัวปักหัวปำ เอาจริงๆ นะ แม่งเอ้ย! โคตรเหมาะสมกันว่ะ ผู้หญิงกับผู้ชาย คนสวยกัยคนหล่อ

   พี่เพลิงลุกขึ้นอย่างเป็นสุภาพบุรุษทันทีที่ฟ้าเดินมาใกล้โต๊ะพวกเรา

   “พี่เพลิงคะ รอฟ้าหน่อยได้มั้ยอ่ะ ฟ้าต้องคุยกับอาจารย์ก่อน สักสิบนาทีน่ะค่ะ”

   “ได้ดิ เดี๋ยวพี่รอนะครับ ฟ้าหิวมั้ย พี่จะไปหาอะไรมาให้รองท้องก่อน”

   “ยังค่ะ ฟ้าไปแป๊บเดียวนะ”

   ผมมองจากหางตาก็เห็นว่ารอยยิ้มของพี่เพลิงนั้นช่างดูดีขนาดไหน แต่ก็นะทั้งรอยยิ้มแล้วก็คำพูดดีๆ มันไม่ได้มีเอาไว้ให้ผม มันอาจมีให้กับหลายๆ คน แต่ยกเว้นกับผม ตอนนี้ฟ้าเดินจากไปแล้ว แต่เสียงพูดคุยระหว่าพี่เพลิงกับเพื่อนผมยังดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนานต่อไป ทั้งเสียงหยอกล้อ พูดคุยเรื่องสรรพเพเหระ แต่ผมกลับไม่ถูกดึงเข้าสู่วงสนทนา

   ผมได้แต่มองเหม่อมองดูผู้คนที่เดินสวนไปมา รู้สึกเซ็งๆ ยังไงไม่รู้ จัดได้ว่าจิตตกด่ำดิ่งสู่ก้นเหว จนกระทั่งโทรศัพท์ในกระเป๋าแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้านั่นล่ะที่ดึงผมออกมา


   P’manow : อยู่ไหนวะ
   P’manow : รอก่อนนะเว้ย ห้ามหนีกลับก่อน



   พี่นาวรุ่นพี่จากโรงเรียนเก่าของผมทักมา ก่อนหน้านี้ผมสัญญากับพี่เขาไว้ว่าจะไปช่วยงาน presentation ที่คอนโดของเขา พี่นาวเรียนถา’ปัตย์ ครับ แต่ผมเด็กอินทีเรีย จะว่าไปก็ได้เกื้อกูลกันอยู่นั่นล่ะ ถึงแม้จะเรียนคนละเอกแต่ผมกับพี่เขาก็ถือได้ว่าสนิทกันระดับหนึ่งทีเดียว


   พี่นาวใจดี พูดน้อย แกจะนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวเยอะ แต่เป็นคนอยู่ด้วยแล้วรู้สึกว่าสบายใจ ช่วงหลังมานี้ผมอยู่กับพี่นาวบ่อยขึ้นมาก ส่วนใหญ่ก็จะไปดูแกซ้อมดนตรีอ่ะนะ เห็นนิ่งๆ แบบนั้นพอจับกีตาร์แล้วพังค์มาก



   GuNgUn : รอพี่อยู่โรงอาหารคณะอ่ะ

   GuNgUn : ถ้ามาช้าก็จะหนีกลับแล้วนะ


   P’manow : ลองดู กูทืบมึงแน่

   P’manow : ตีนกูเบอร์ 42 ไม่เล็กไม่ใหญ่ เต็มแก้มพอดี

   
      
GuNgUn : จัยร้าย

   P’manow : คงไม่ร้ายไม่เท่าใครบางคน
   P’manow : คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

   
   พี่นาวแม่ง! ยิ่งจิตใจห่อเหี่ยวอยู่ ยังจะมาขยี้ให้แหลกอีก เดี๋ยวนะไม่ช่วยทำงานเสียเลยมั้ย

GuNgUn : ยกเลิกนัดครับ

   P’manow : กูล้อเล่น
   P’manow : เดี๋ยวเสร็จงานเร็วจะพาไปแดกของหรู


   
GuNgUn : รีบดริบมาเลยพี่ รออยู่
   GuNgUn : อยากไปเต็มแก่แล้วเนี่ย

   ผมเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ก็เห็นสายตาของพี่เพลิงที่บังเอิญสบเข้ากับสายตาของเขาพอดี แล้วก็เป็นพี่เพลิงที่สะบัดหน้าหนีไปอีกรอบที่ล้าน

   เออดี พี่นาวมาก็จะได้หาเรื่องหลบออกไปก่อน ไม่รู้อ่ะวันนี้เพลียใจเหลือหลาย

   “พาย กูจะไปทำงานช่วยพี่นาวนะ” ผมกระซิบบอกเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้าม พอดีกับที่พี่นาวเดินตรงแด่วมาที่พวกผมด้วยรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ


   พวกเราทุกคนต่างยกมือขึ้นไหว้พี่นาวผู้ที่แสนจะอินดี้ พี่เขาหน้าตาดูเหมือนหนุ่มญี่ปุ่นครับ (ได้ข่าวว่าเป็นลูกเสี้ยวนะ)  ขาว ตัวสูง หุ่นก็เพรียวๆ แต่ก็โคตรเท่ พี่แกไม่เหมือนใครอ่ะ ถึงไม่ได้หล่อแบบคมเข้มพี่เพลิง แต่พี่เขาก็ดึงดูดผู้คนนะ แม้จะพูดน้อยแต่พูดทีแล้วมีเสน่ห์สุดๆ ยิ่งตอนยิ้มพี่แกโคตรคลูอ่ะ โดยเฉพาะเวลาที่พี่เขาร้องเพลงภาษาญี่ปุ่นนะ สาวกรี๊ดดดดดดด แบบลืมตาย


   เวลาอยู่บนเวทีกับชีวิตปกติพี่เขาดูแตกต่างกันมาก เมื่ออยู่บนนั้นพี่เขาจะดูเป็นอีกคนหนึ่งที่ดูมีพลังแบบยอดมนุษย์ ปล่อยแสงเฟี้ยวฟ้าวมาก แต่เวลาธรรมดาอย่างตอนนี้ เขาก็จะมีบุคคลิกเหมือนคนเฉื่อยชาอ่ะ


   แต่ผมมีความลับจะบอกครับ พี่เขามีแฟนแล้ว แถมแฟนพี่เขาก็หล่อแบบสุดๆ หล่อแบบ Full Hd เสียด้วย

   เอ้า !!! งง งง

   “หวัดดีพี่” พวกเราทักพร้อมกัน

   “หวัดดี” พี่นาวยิ้มอ่อน แล้วแตะบ่าผมเป็นการทักทาย แถมยังยักคิ้วให้ผมทีนึงเหมือนกำลังล้อเลียน ซึ่งก็ทำให้ผมหน้างอ ยกศอกถองพี่เขากลับเบาๆ

   “รอโคตรนานอ่ะพี่นาว”

   “กูก็รีบมานี่ไง”

   “ไปเลยป่ะ หรือคุยกับเพื่อนอยู่”

   “ไปเลยดีกว่าพี่” ผมพูดเบาๆ ก่อนหันไปลาเพื่อนๆ “งั้นไปก่อนนะพวกมึง”

   “ไม่ไปกินข้าวกันก่อนเหรอมึง” ไอ้พายร้องบอกจังหวะที่ผมกำลังเก็บของ
 
   “เสียดายว่ะ เมื่อกี้เฮียบอกจะเลี้ยงชาบูเลยนะ จะไปกินด้วยกันก่อนป่ะวะ กินเสร็จแล้วค่อยรีบตามไป”

   ผมชะงักเล็กน้อย “พวกมึงไปเหอะ กูเกรงใจว่ะ”

   “ก็ดี เพราะกูก็ไม่ได้อยากชวนมึงแต่แรกอยู่แล้ว”

   นั้นคือประโยคแรกที่พี่เพลิงจงใจพูดกับผม น้ำเสียงช่างเย็นชาจับใจ

   เดจาวูชัดๆ

   “พี่นี่แม่งก็ชอบแกล้งมัน” ไอ้พายขมวดคิ้ว พูดอย่างปกป้อง

   “ก็กูไม่ได้ชวน ถ้าจะแดกก็ให้แม่งจ่ายเอง สามร้อยเก้าสิบเก้าของกูเก็บไว้ใช้ทำอย่างอื่นได้เยอะแยะ”

   พี่เพลิงพูดลอยๆ ขณะมือก็สไลด์ไอโฟนเล่น

   “เดี๋ยวกูพาไอ้กันต์ไปก่อนนะ ต้องรีบว่ะ เดี๋ยวแม่งไม่ได้นอนอีก” พี่นาวลูบหัวผมเบาๆ เหมือนอยากโอ๋ เหมือนพยายามจะปลอบโยน แต่เคยได้ยินป่ะว่ายิ่งปลอบแม่งยิ่งอ่อนแอ ยิ่งดูแลแม่งยิ่งปล่อยโฮอ่ะ

   พี่แม่งอย่าดิวะ เดี๋ยวน้ำตาปริ่ม

   “พามันไปกินข้าวด้วยนะพี่” ไอ้พายบอก

   “ไอ้ดิ เดี๋ยวจะพาไปกินทั้งของคาวของหวานเลย มึงอย่าห่วง”   

   “กูไปก่อนนะ”

   “น่าจะไปได้ตั้งนานล่ะ” พี่เพลิงพูดให้ได้ยินแบบลอยๆ

   ผมกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอก่อนจะโบกมือลาเพื่อนทั้งสองคน  ส่วนอีกคนผมไม่กล้าแม้แต่ชำเลืองมอง แล้วเดินจากมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ดีอยู่ว่าข้างกายนั้นมีพี่นาวที่กอดคอผมอย่างให้กำลังใจ


   “ฟังกูนะ” พี่นาวกระซิบข้างหูของผม โดยมีผมที่แหงนหน้าไปมองแบบไม่เข้าใจ “หัวเราะทีหลังดังกว่า”
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-09-2017 15:56:03
เปลี่ยนพระเอกได้ป่ะ..ไม่ใช่จำเลยรักนะ สงสารน้อง +1 เป็ด ครัช  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 24-09-2017 17:53:34
ฮือออ พระเอกโคตรซึนโคตรปากแข็งเลย
สงสารน้องงงงง มาต่อไวๆน้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 25-09-2017 10:54:55
บททดสอบที่ 3 : อย่าใจอ่อน

{พระเพลิง}

   ผมเป็นคนใจร้อน ใครๆ ก็บอกแบบนั้น

   ผมรู้สันดานของตัวเองดี ก็ผมชื่อพระเพลิงนิสัยก็ต้องร้อนแรงแผดเผาเหมือนชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นี่ล่ะ ตรงคอนเซปเปะๆ ก็ใช่ว่าจะทำตัวไม่มีเหตุผลพาลหาเรื่องไปทั่วนะ ผมเป็นคนชัดเจน ไม่หาเรื่องใคร แต่ก็ไม่ใช้คนยอมคนใครมากวนส้นจริง พ่อลุยแหลก คนส่วนใหญ่มักกลัวผม หาว่าผมเป็นคนหล่อสันดานโฉด


   ก็ไม่เถียงนะ แต่ผิดตรงไหนที่กูไม่ยอมคน


   อย่างตอนแรกที่ผมเข้ามาเรียนที่นี่ ไอ้เพลิงคนนี้ก็หวิดจะมีเรื่องกับรุ่นพี่ก็หลายหน ก็พวกแม่งหาว่าผมกวนตีน หาว่าผมไม่เคารพ แต่พออยู่ไปนานๆ ทุกคนก็รู้ว่าผมไม่ได้มีเจตนาอะไรแบบนั้นหรอก ก็แค่คนปากหมายิ้มไม่เป็น แล้วก็ไม่ชอบโดนวอแวก็แค่นั้น ดูเดี๋ยวนี้ดิ ไปไหนใครก็ทัก ก็ไม่ได้สำคัญตัวผิดนะ แต่ผมมันอยู่ในชนชั้นเซลิบริตี้ของเราๆ ชาววิศวะว่ะ


   ผมก็อยู่สงบสุขดีนะจนมาตอนนี้ก็ปีสามล่ะ กระทั่งเจอกับไอ้กันต์


   มันเป็นเพื่อนสนิทของน้องชายผมครับ ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม มาสนิทกันจริงๆ จังๆ ก็ช่วงมหา’ลัยนี่ล่ะที่ดูจะตัวติดกันหนึบ มีไอ้พายก็มีไอ้กันต์ เคยสงสัยนิดๆ ว่ามันทั้งคู่อาจเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อหรือเปล่า เคยถามไอ้พายมันตรงๆ นะ มันก็ปฏิเสธแบบยิ้มๆ บอกกับผมว่าเพื่อนมันมีคนที่ชอบแล้ว


   แถมคนที่เพื่อนมันชอบก็กลายมาเป็นผมเสียได้


   เอ๋อแดก งงสัด


   อะไรมึง มาชอบกูเนี่ยนะ


   ไม่ได้อ่ะ ไม่เคยชอบผู้ชาย ทำใจไม่ได้ด้วยที่มีผู้ชายมาชอบ


   ไอ้จะมาปลื้มเห็นเป็นไอดอลนี่รับได้นะ แต่ถ้ามาในเชิง เอิ่มมมมม จะมาเอาผมทำผัวเนี่ย ไม่ได้จริงๆ มันผิดคอนเซป ดังนั้นผมจึงตั้งป้อมกับมัน เป็นป้อมปราการที่หนามาก ตั้งใจไว้ว่าถ้ามันเข้ามาวุ่นวายเมื่อไร พ่อจะด่าให้ยับ


   แต่ไอ้กันต์มันคงเหมือนกับแมลงสาบอ่ะ แม่งอึด นิวเคลียลงแม่งก็รอดเอา ด่าเท่าไรแม่งก็ปล่อยผ่าน ทำหูทวนลมเก่งฉิบ เป็นผมเองที่บางครั้งก็เมื่อยปาก หมดพลังงานไปก็เยอะ ที่มากไปกว่านั้น ไอ้เด็กนี่มันชอบไลน์มาทุกวี่ทุกวัน นี่ก็จะเป็นปีล่ะ มันก็รู้นะว่าผมไม่อ่าน แต่แม่งก็หน้ามึนส่งมาถี่ยิ่งกว่าสาวๆ ในสต๊อคของผมเสียอีก ก็เคยด่ามันไปอยู่หลายหนอ่ะนะ แต่มันก็ยังทำอยู่


   มันคือตัวน่ารำคาญ ยิ่งช่วงหลังมานี้ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิด งุ่นง่านแบบแปลก ยกตัวอย่างวันนั้นเลย วันที่ผมไปร้านเหล้าแล้วเจอกับมัน ทั้งที่เป็นคนไล่มันไปนั่งที่อื่น แต่ไหงมันกลับพะว้าพะวง คอยมองซ้ายมองขวาดูมันที่ไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนแล้วก็รุ่นพี่ของมัน


   ไม่เข้าใจอ่ะ ทำไมหัวร้อนตอนที่พวกไอ้คริสทำกะลิ้มกะเหรี่ยใส่มัน แล้วมันก็อ้อยเกิ๊น มีความแรด มีความสตอ แถมยังเมาเลื้อยเหมือนลูกหมาอีก


   วุ้ย!!!! โมโห แดกเหล้าไม่มีความบันเทิงเลยเหอะคืนนั้น คิดแต่อยากจะเดินไปล้มโต๊ะเสียให้ได้ หมั่นไส้ ไม่ได้หวงได้ห่วงอะไรหรอกนะ แต่ขัดหูขัดตา


   “ผัวใหม่เพื่อนมึงเหรอ” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ ตอนที่ขับรถพาไอ้พายกลับห้อง หลังจากที่โดนไอ้พวกนี้ถล่มยับด้วยการยัดห่าประหนึ่งอดอยากมานานแสนนาน


   “อะไรวะ ใครผัวใคร” ไอ้พายเงยหน้าจากโทรศัพท์ แล้วหันมาถามอย่างงงๆ


   “…” ผมถลึงตาใส่ไอ้น้องเวร ส่งสายตาดุๆ ไปให้ที่มันบังอาจเสแสร้งแกล้งไม่รู้


   มึงรู้ แต่ทำไขสือ ไม่น่าเสียเงินจ่ายค่าของแดกให้แม่งเล้ยยยยย


   “สาบานให้ไข่มึงฝ่อ”


   “พี่หมายถึงไอ้กันต์เหรอ แหมมมมม! สนใจใยดีมันด้วย” เสียงมันล้อเลียนตามสเตป


   “ก็แค่ถาม เผื่อแม่งย้ายเป้า”


   “เสียดายเหรอ” ไอ้พายทำเสียงดัดจริตมาก น่าตบสุด


   “ใช่เรื่องที่กูต้องเสียดายมั้ย”


   “ไม่เสียดายก็ไม่เสียดาย ว่าแต่พี่ไม่ใจอ่อนกับมันบ้างเหรอ มันนิสัยดีนะ แถมยังบูชาพี่แบบสุดๆ อ่ะ พี่ได้มันเป็นแฟนนี่ไม่ต้องปวดหัวเลยนะ มันว่านอนสอนง่าย มันน่ารักจะตาย”


   “หน้าตากูนี่มันเหมือนคนอ่อนไหวง่ายไหม” ผมชี้มาที่หน้าตาของตัวเอง “นี่มึง กูจะบอกให้นะว่าแม่งไม่เคยฟังที่กูพูดเลยสักคำ กูบอกซ้าย แม่งไปขวา กูบอกให้เลิกยุ่งแม่งก็ตื้อฉิบหาย แบบนี้อไม่ใช่ว่านอนสอนง่าย”


   “ก็มันชอบพี่”


   “กูไม่ชอบมัน”


   “เอาดีๆ พี่ไม่ชอบมันจริงอ่ะ”


   “เออ ไม่ชอบ”


   “ไม่ชอบก็ไม่ชอบ จะเสียงสูงทำไม” ไอ้พายมันอมยิ้มเล็กน้อย “แล้วถ้าพี่หมายถึงพี่นาว นั่นน่ะไอดอลมันอ่ะพี่ เป็นต้นแบบห่าอะไรของมันสักอย่างนี่ล่ะ เอาจริงๆ ถ้าถัดจากพี่ไป พี่นาวนี่ล่ะที่ไอ้กันต์มันอินแบบสุดๆ มันบอกว่าชอบไลฟ์สไตล์ของพี่เขา ยิ่งช่วงหลังๆ มานี้โคตรสนิทกันอ่ะ”


   สงสัยเพราะไอ้นาวแม่งเท่ไง เคยเห็นมันเล่นกีตาร์เมื่อวันงานคณะของมัน ก็ดูดีนะ แต่กูหล่อกว่าหลายขุม


   “ชิ” ผมเบะปาก “ชอบสไตล์อปป้าซารางเฮงี้”


   “พี่เขาสายปลาดิบพี่ ไม่ใช่สายกิมจิ”


   “สายเหี้ยอะไรก็เหอะ เอาแม่งไปไกลๆ กูสักที เดี๋ยวกูแก้บนหัวหมูกับนางรำเลย” ผมพึงพำแต่มันไม่เต็มปากว่ะ


   “นี่พี่ไม่มีทางชอบมันจริงๆ ใช่ป่ะ”


   “กูกระเดือกแม่งไม่ลง”

   ความจริงคืออะไร...

   เดี๋ยวนะ ไอ้ตอนที่มันทำแผลให้ กูคนนี้ใช่ไหมที่เกิดช้างน้อยตั้งเด่ขึ้นมา

   กูคนนี้ใช่ไหมที่ต้องไล่แม่งกลับบ้านไปแบบด่วนๆ อ่ะ พอแม่งกลับไปไอ้ความค้างคาก็เสือเล่นงานจนต้องมานั่งติ้วตัวเองให้เสียประวัติชายชาตรีอีก   แม่งเริ่มอันตรายแบบซุปเปอร์แดนเจอร์รัสแล้วอ่ะ หลายวันที่ผ่านมาผมเลยต้องจูนสติขนานใหญ่


   “น่าสงสารมันนะ แต่เดี๋ยวสักพักมันคงตัดใจได้นั่นล่ะ ตอนนี้มันก็บอกกับผมว่ามันกำลังตัดใจอยู่ วันก่อนมันบอกกับผมว่าขอเวลาอีกแป๊บใกล้จะทำใจได้ล่ะ”


   ผมมองหน้าไอ้พายมันตรงๆ เดี๋ยวนะ ไอ้กันต์บอกว่าจะตัดใจแล้วเหรอ นี่ต้องดีใจสินะ


   “ดีใจสัดๆ ดีฉิบหาย”


   ผมพูดออกไปอย่างร่าเริง แต่เอาจริงๆ หัวใจแม่งกลับหน่วงแบบแปลกๆ ว่ะ


   เดี๋ยวนะ นี่ไม่ได้กำลังเสียดายหรอกใช่ไหมว่ะ


   แล้วเดี๋ยวนะ กูไม่ได้กำลังหึงมัน?
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-09-2017 11:27:39
หลอกตัวเองให้สำเร็จนะพระเพลิง ถ้าน้องตัดใจได้แล้วจะรู้สึก
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-09-2017 12:51:28
 อิพี่เพลิงโคตรยัอนแย้ง แถมไบโพล่าอีกตังหาก #แบะปากมองบน
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 25-09-2017 14:36:37
ปากแข็งไม่พอยังไม่รู้ใจตัวเองอีกกก เดี๋ยวน้องตัดใจจริงๆแล้วจะรู้สึก
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 26-09-2017 10:16:18
ขออีกกก
พระเพลิง แกมันร้ายมากกก
แต่กันต์ยอมทุกอย่างแบบนี้ ทนมาเป็นปีๆ พระเพลิงคงไม่ได้เจ็บ้ท่าไรหรอกมั้ง
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 27-09-2017 08:22:12
บททดสอบที่ 4
: ทุกอย่างย่อมมีการเริ่มต้น แค่อดทนรอ

   “ขอบคุณนะพี่ที่มาส่ง”

   “กูดิต้องขอบคุณมึง อุตส่าห์มาช่วยงาน”

   “ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวพอตาผมพี่ค่อยมาช่วยคืนก็ได้”

   “เออ มึงรีบขึ้นห้องเหอะ ดึกแล้ว”

   “ครับ ขับรถกลับกันดีๆ นะพี่”

   ผมโบกมือให้พี่นาวกับแฟนของเขาที่ขับรถมาส่ง มองรถคันสีดำที่ขับไปจนลับตาก่อนจะมองนาฬิกาในมือจึงรู้ว่านี่ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว หน้าหอพักของผมยังมีเด็กนักศึกษาเข้าออกกันอยู่บ้างประปลาย บางคนออกไปหาของกิน บางคนก็เพิ่งกลับจากการท่องราตรี

   ผมขึ้นห้องด้วยจิตใจที่ดีกว่าเมื่อตอนบ่ายเล็กน้อย การที่หาอะไรอย่างอื่นทำในช่วงเวลาเฟลก็ช่วยให้อาการอันย่ำแย่ดีขึ้นได้บ้าง แต่ในใจผมก็ยังคงวนเวียนคิดถึงแต่พี่เพลิง

   ห้าทุ่มแล้ว ...

   ป่านนี้พี่เพลิงจะทำอะไรอยู่ ปกติผมจะส่งขอความกู๊ดไนท์ให้พี่เขาตอนห้าทุ่มเปะๆ แต่วันนี้ผมกลับไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำ ท้อแท้ ห่อเหี่ยว บางทีผมควรพอได้แล้ว ผมควรเลิกตอแยคนที่เขาไม่มีใจ แล้วก็ยอมรับความจริงให้ได้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานะของคนอกหัก

   โอ๊ยยยย คำนี้มันเป็นของแสลงอ่ะ

   ไอ้สุภาษิตว่าอกหักดีกว่ารักไม่เป็นนี่ใครคิดว่ะ จิตใจแม่งแกร่งดุจหินผาไม่พอยังโลกสวยขนาดบัญญัติถ้อยคำปลอบใจให้แก่อนุชนคนรุ่นหลังได้อีก


   PraPai : มึงกลับห้องยังวะ

GuNgUn : ถึงละ

GuNgUn : มีไร

   PraPai : ป่าว มีคนถามกู กูเลยถามมึงอีกที

    PraPai : ไม่มีไรล่ะ นอนเหอะมึง


GuNgUn : เออ

   ก็ไม่ได้อยากจะคิดไปเองหรอกนะ แต่คนที่ถามนี่... ใช่พี่เพลิงหรือเปล่า

   ใช่มั้ยนะ? อยากให้ใช่วุ้ยยยยย

   

   ผมกำลังพยายามหักห้ามใจไม่ให้ทักพี่เพลิง ไม่ยอมให้มือที่คันยุบยิบกดพิมพ์คำว่าราตรีสวัสดิ์ออกไป แต่ไม่ว่าจะพลิกไป พลิกมา ม้วนหน้าม้วนหลังแปดตลบ ผมก็ยังคิดถึงแต่หน้าของพี่เขา อยากเซย์กู๊ดไนท์อ่ะ

   เอาวะ!

GuNgUn : ฝันดีนะครับ
   
   ในที่สุดผมก็ห้ามมือห้ามใจตัวเองไม่ได้ กดทักพี่เขาไปตามเดิม แต่เดี๋ยวนะ

   เฮ้ย!

   
Read
GuNgUn : ฝันดีนะครับ
   
   พี่เพลิงอ่าน อ่านแล้ว

   ขุ่นพระ ยกมือทาบอก...

   มีความดีใจ เหนือกว่าความดีใจคือความตื่นเต้น เหนือความตื่นเต้น เอาแล้วๆๆๆๆๆ
      
   P’plerng : เสือก

   P’plerng : หมาตัวไหนบอกจะตัดใจ ถ้าจะตัดใจก็เลิกส่งข้อความมา

   
   ถึงใจคิดว่าจะตัด แต่มันตัดไม่ได้ แล้วก็ไม่เคยบอกกับใครนะ

GuNgUn : ผมเปล่านะ
   GuNgUn : ผมน่ะ
GuNgUn : ตัดใจไม่ได้หรอก

   ผมพิมพ์ข้อความที่ตอบออกไปจากใจ แต่พอพิมพ์เสร็จนะ ใจก็ร้องว่า...

   หวายยยยยยย โดนแน่ ไอ้กันต์โดนแน่ แอร์แบคมาเลย เตรียมรับแรงกระแทก จักชุดใหญ่มาเลยพี่ ด่ามาหนักๆ ชอบๆ กูนี่แม่งมาโซเบอร์ต้นเลย


   P’plerng : จะนอน

   P’plerng : เลิกกวนใจกูได้ล่ะ

   P’plerng : สัด


   
GuNgUn : คับ

   เฮ้ย!
   ทำไมคำว่า ‘สัด’ นี่มันทำไมเพราะจัง


...
คนบางคนก็ไม่รู้ใจตัวเองนะคะ ให้เวลาเขานิดนึง

หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-09-2017 10:11:35
พี่เพลิงเริ่มใจอ่อน??? น้องกันต์ต้องเอาคืนบ้างนะ เอาใจช่วย #ทีมกันต์   :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 27-09-2017 14:21:35
ขออีกนิดนึงน้าาาา มาอีกๆ พี่เพลิงเริ่มใจอ่อนแล้วใช่มะๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 28-09-2017 01:41:08
คนมันรักอะเนอะ
แค่เห็นความหวังมันก็อดจะมีความสุขไม่ได้
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-09-2017 22:26:18
ชอบอ่ะ มันคันยุกยุกในหัวใจดี อิอิ
วันนี้จะมาต่อไหมเอ่ย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 5)
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 04-10-2017 16:23:50
บททดสอบที่ 5
ภูมิต้านทานทางอารมณ์

   หลังจากวันนั้นภาพโดยรวมระหว่างผมกับพี่เพลิงเหมือนจะดีขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ความดุดันกับฝีปากอันคมกริบปานมีดโกนยิลเลตของเขาก็ยังคงสำแดงเดชอย่างคงเส้นคงวา มีที่ดีขึ้นมาหน่อยก็คือการอ่านไลน์ผมบ้างในบางครั้ง ซึ่งเดี๋ยวนี้ผมก็ทำมากกว่าแค่การทักทายปกติสามเวลา ด้วยการส่งไปแสดงความเป็นห่วงในบางวาระ ซึ่งก็อาจจะโดนแจกกล้วยกลับมาบ้างบางครั้งบางคราวเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าพี่เพลิงจะเอนเอียงมาทางผมหรอกนะ


   เพราะอย่างที่รู้ๆ กันดี พี่เพลิงกำลังเดินหน้าสานสัมพันธ์กับฟ้าอยู่ ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์อย่างนั้น ใครจะไม่หลงรักล่ะ ฟ้าคือดวงใจของชายหนุ่มทุกคนคณะ เดินไปทางไหนคนก็มาตามจนเหลียวหลังคอแทบเคล็ดกันเป็นแถบๆ แบบนี้ผมจะเอาอะไรไปสู้


   การเห็นพี่เพลิงกับฟ้าอี๋อ๋อกันทำให้ผมเกิดอาการปวดแปลบเป็นระรอก มากบ้างน้อยบ้าง สุดแท้แต่ว่าวันนั้นผมจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบไหน ถ้าเขายิ้มหวานให้กัน จับมือกันผมก็เจ็บน้อยหน่อย แต่ถ้าวันไหนเป็นการจับแก้ม โอบกอดวันนั้นอาการของผมอาจปวดแสบปวดร้อนที่หัวใจขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ยังพอรับไหว นี่ก็ไม่รู้ว่าหัวใจของผมมันจะทนมือทนตีนได้อีกสักกี่น้ำ เพราะตอนนี้ใจมันบางเหลือเกิน


   “กันต์ กับพี่คริสนี่ยังไงวะ เห็นจ้องจะนัวมึงจังเลย” ไอ้พายเพื่อนรักถามผมระหว่างที่เรานั่งเล่นอยู่ใต้ตึกคณะ สีหน้ามันดูจริงจังและคาดคั้นเอาคำตอบ


   “ก็ไม่ยังไง พี่เขาก็แค่มาแซวเล่น”


   “แซวเล่นเหรอ แต่เห็นมึงคุยไลน์กับพี่มัน” ไอ้พายทำท่าจับผิด


   จริงครับ ช่วงนี้พี่คริสมักจะเดินมาพูดคุยพูดเล่นกับผมบ่อยมาก แต่ผมก็ว่าไม่เห็นแปลก ในเมื่อเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน อีกอย่างถึงเขาจะบอกว่าจะจีบแต่ในความคิดผมพี่มันมาหยอกเล่นเสียมากกว่า คงไม่ได้มาจริงจังอะไรหรอกคงเป็นแค่เรื่องขำๆ


   “เห็นมันบอกจะจีบมึงไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวนี้ฮอตนะเพื่อนกู”


   “พี่เขาก็พูดเล่นมั้ย”


   “อย่านะมึง อย่าเสือกไปหลงคารมพี่มันเข้าล่ะ กูได้ยินมานะว่าแม่งคบกับใครก็ไปเกาะเขาแดก แม่งชอบให้คนมาเปย์ ซื่อๆ อย่างมึง กูขอเตือนไว้ก่อน หลอกแดกมึงหมดตัวไม่รู้นะเว้ย”


   “เพ้อเจ้อ กูจะไปชอบเขาได้ไง มึงก็รู้ว่ากูไม่มีทางไปชอบเขาหรอก”


   “ก็ไม่แน่อ่ะมึง ถ้ามันรุกมึงหนักอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นล่ะ เกิดใจอ่อนล่ะ กูห่วงมึงจริงๆ นะไอ้กันต์”


   “กูก็ไม่โง่มั้ย” ผมขมวดคิ้ว “เพื่อนมึงคนนี้หนักแน่นพอเว้ย ไม่ได้โลเลไปทางโน้นที ทางนี้ที อีกอย่างกูก็ไม่มีทางชอบคนอื่นอยู่แล้ว เชื่อกูดิ”


   ไอ้พายยิ้มกว้าง สีหน้าก็ดูพออกพอใจกับคำพูดของผม


   “อิจฉาพี่เพลิงว่ะ มีคนอย่างมึงมารักมาชอบนี่แม่งโคตรบุญกะบาล คนที่จะมามั่นคงแล้วก็สีทนได้อย่างมึงได้จากที่ไหวะ เสียดายที่มันประสาทสัมผัสช้า แต่มึงก็รอพี่กูหน่อยนะ อย่างเพิ่งท้อแล้วหนีไปมีเมียซะก่อนล่ะ กูอยากได้มึงเป็นพี่สะใภ้”


   ผมฟังไอ้พายพูดแล้วเก็บมาคิด อยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างตัวเองนี่จะมีความหวังด้วยเหรอ


   “อีกสองวันวันเกิดกู ร้านเดิมนะมึง กูจองโต๊ะไว้แล้ว”


   “อืม กูล้างท้องรอแดกของฟรี”

   

วันเกิดพาย

   โอ้ยยยย วันเกิดเพื่อนรัก งานนี้ต้องมีฉลองเป็นธรรมดา


   เหมือนเคยครับ ณ ร้านประจำ พวกเรานัดกันเพื่อเมาหยำเปกันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เมาแล้วอ้วกแตกอ้วกแตน เอาแค่กินสนุกๆ หอมปากหอมคอก็พอ เพราะผมมันเป็นพวกคออ่อน กินไม่กี่แก้วก็เดินเซล่ะ ไม่ใช่อย่างพวกมันที่กินเท่าไรก็ไม่รู้จักเมา


   “วันเกิดกูครับเพื่อน เอาแดก”


   เสียงชนแก้ว เสียงหัวเราะสนุกสนานเฮฮา บวกกับบรรยากาศรอบตัวครึกครื้นกันมาก เมื่อเหล่าชายกลัดมันกว่าสิบชีวิตรวมตัวกันก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการแอ๋วสาวเป็นธรรมดา เสียงแซวเสียงหยอกล้อสาวๆ ดังเกรียวกราว แต่ผมที่นั่งอยู่ในวงเหล้าที่พวกเรารวมตัวกันกว่าสิบชีวิตกลับไม่ได้สนุกสนานตามไปด้วยสักเท่าไร


   อาการเซ็งจับจิตเริ่มคุกคามมาเป็นระยะๆ จะว่าไม่สนุกเลยก็ว่าได้


   “เฮีย พวกผมขอเลยนะ ยังไงวันนี้เหลือไว้ให้พวกผมบ้าง ไม่ใช่กวาดเอาไปเรียบ”


   “ช่วยไม่ได้ บังเอิญกูหล่อ และรวยมาก” พี่เพลิงยิ้มมุมปากก่อนกระดกแก้วดื่มเหล้าในมือรวดเดียวจนหมด


   “เกลียดอ่ะ ชมตัวเองก็ได้”


   “ชาตินี้มึงไม่ได้แดกกูหรอก ตายแล้วเกิดใหม่ชาติหน้าค่อยมาว่ากันนะ”


   “หูยยยย คนนั้นหุ่นโคตรแซบอ่ะ เห็นมองเฮียหลายรอบแล้ว”


   “เออ กูเล็งอยู่ มึงนี่สายตาแหลมคม ใช้ได้”


   ผมได้ยินถ้ายคำหยอกล้อเรื่องควาวฮอตของพี่เพลิงกับกลุ่มเพื่อนๆ ทุกคำพูดทุกประโยค เลยคิดได้ว่าเอาจริงๆ แล้ว ต่อให้มีใจให้พี่เพลิงมากเท่าไร หรือผมแสดงออกมาว่าชอบพี่เขาอย่างชัดเจนขนาดไหน ระหว่างผมกับพี่เขาก็ไม่อาจมีวันเป็นไปได้


   เพราะพี่เพลิงไม่ได้มีทีท่าหรือแนวโน้มว่าจะชอบผู้ชาย เขายังชอบที่จะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิง แล้วที่สำคัญก็มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากๆ ด้วยสิ นี่ขนาดพี่เขาเพิ่งมานั่งที่โต๊ะไม่ถึงชั่วโมง กลุ่มสาวๆ ก็พร้อมใจแจกเบอร์ ขอไลน์พี่เขากันให้วุ่นไปหมด มีคนหนึ่งแสดงชัดเลยว่าสนใจพี่เขาถึงขั้นเดินมาขอชนแก้ว ต่อด้วยที่ทั้งคู่ก็กระกระซิบกระซาบกันอยู่นานสองนาน ก่อนที่จะพากันเลี่ยงเดินไปที่ไหนสักที่


   ภาพที่ผู้หญิงสุดเซ็กซี่คนนั้นซบลงที่แผ่นอกของพี่เพลิงมันช่างชัดเจนจนว่าทั้งคู่ต่างพอใจซึ่งกันและกันขนาดไหน เดาไม่ยากว่าผู้หญิงกับผู้ชาย จะหายไปทำกิจกรรมอะไรกัน ผมที่แอบมองคนทั้งคู่จนลับตา แล้วก็ทำได้เค่เพียงปลอบใจตัวเองเหมือนทุกครั้งที่ผ่านๆ มา


   แต่แม่งเอ้ยยยยย!


   ยากว่ะที่จะบอกให้ตัวเองไม่รู้สึกอะไร


   การหลอกตัวเองว่าความเจ็บแบบนี้มันจะผ่านพ้นไปมันไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ นะเว้ย


   สิ่งที่ผมทำคือการกินเหล้าไปเรื่อยๆ นับไม่ถ้วนว่าจัดไปกี่แก้ว รู้สึกแค่ว่าใกล้จะเกินลิมิตของตัวเองในไม่ช้านี้แน่ๆ เสียงพูดคุยเฮฮาของกลุ่มเพื่อนไม่ได้ทำให้ผมครื้นเครงตามไปด้วย นี่ก็เกรงใจไอ้พายเหมือนกันที่มานั่งหน้าหงิกทั้งที่เป็นวันเกิดมันแท้ๆ


   แต่มึง ขอเวลาแป๊บนะ


   ไอ้พายมันเองก็พอจะรู้สิ่งที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ มันถามผมเป็นรอบที่สามว่าไหวหรือเปล่า แต่ผมก็ฝืนๆ ยิ้ม แล้วบอกว่าไม่เป็นไร แสร้งทำเป็นว่าเฮฮาแต่จริงๆ แล้วเปล่าเลย พอมันเดินไปเต้นกับสาวโต๊ะข้างๆ ผมก็ยังดึงหน้ากลับมาในโหมดทุกข์ระทมเช่นเดิม


   ผ่านไปพักใหญ่ เพื่อนๆ ของผมเริ่มแยกย้ายกันไปคั่วสาวตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บาง อีกหลายคนก็ไปเต้นบ้าบอก็มีแต่ผมนี่ล่ะที่ยังนั่งกินเหล้าพลางเล่นโทรศัพท์ในมือแก้เซ็ง แล้วพี่เพลิงก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ตอนนี้ไม่มีร่างของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แต่ผมก็ยังวุ่นวายกับโทรศัพท์ ประหนึ่งว่ากำลังหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอ่ะนะ


   “ทำหน้าส้นตีนอะไรแบบนั้นวะ” เสียงพี่เขาพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ และส่งไลน์คุยกับพี่คริสที่ทักมาแทน


   “…”


   “กูพูดกับมึงอยู่”   


   “…”


   “สัด กวนตีเหรอไอ้กันต์ พูดกับมึง เสือกทำเป็นหูทวนลม ต้องให้ด่าใช่ป่ะมึงอ่ะ”


   “พี่พูดกับผมเหรอ” เมื่อพี่เขาเอ่ยชื่อผมจึงย้อนกลับไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แต่ยังคงไม่มองหน้าเขา


   “นี่มึงปัญญาอ่อนหรือกวนตีน ตอบดีๆ นะมึง นั่งกันอยู่แค่สองคนกูไม่คุยกับมึงแต่คุยกับขวดโซดามั้ง”


   “ครับ ผมคงปัญญาอ่อน”


   ผมตอบไปแบบนั้น เพราะถ้าผมฉลาดสักหน่อยก็คงรู้ว่าควรตัดใจจากพี่เขาได้แล้ว


   “กูว่ามึงกวนตีน ตอบแบบนี้พูดเลยว่ากวนตีน”


   “…”


   ผมไม่พูดอะไร ทำได้เพียงถอนหายใจ และยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแทน


   ไม่มีอารมณ์อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยอ่ะ


   เบื่อ...


   ใจพัง...


   เหมือนอากาศหล่อเลี้ยงไปไม่ถึงหัวใจ...



   อาการแม่งคล้ายๆ หัวใจกำลังจะล้มเหลว...


   “หน้ามึงแม่งอย่างกับมีใครตาย นี่มันวันเกิดน้องกู ทำหน้าแบบนี้จะมาทำไมให้เสียบรรยากาศวะ”

   “…”

   เงียบ...

   ผมยังคงเงียบเช่นเคย ต่อให้ผมบอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจเท่าไร แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าพี่เพลิงกำลังจ้องมองผมอยู่


   “เป็นอะไร”


   “…”


   “กูถามว่าเป็นอะไร ถ้ามึงไม่ตอบกูอีกนะ”


   พี่เพลิงเตะขาผมจากใต้โต๊ะ ผมมองไปที่พี่เขาแล้วก็เห็นพี่เขาชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ


   “เมามั้ง” ถึงปากผมจะพูดแบบนั้น มือผมก็ยังคงกระดกแก้วในมือไปเรื่อยๆ


   “เอ่อ ก็แดกเข้าไปเหอะมึง คลานเป็นหมากูจะให้พวกมันทิ้งมึงให้นอนข้างถนน”


   แล้วผมก็ทำหน้าไม่ถูกเมื่อพี่เพลิงแย่งแก้วในมือผมออกไป


   “ไม่เกี่ยวกับพี่นะ”


   โหยยยย


   เป็นครั้งแรกที่ผมยอกย้อนพี่เขา พูดจบมือพิมพ์ยุกยิกยุกยิกโต้ตอบสลับกันไปกันมาระหว่างพี่คริสกับพี่นาว เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวเองรู้สึกหดหู่กับสถานการณ์ตรงหน้าไปมากกว่านี้


   “เมาแล้วเป็นภาระ เดี๋ยวก็เสล่อมานอนห้องกู”


   พี่เพลิงถือแก้วเหล้า พลางชี้หน้าผม สายตาดุๆ ส่งมาอย่างเคย เออ ผมมันไอ้ตัวภาระ ไอ้ตัวน่ารำคาญ ใช่สิ จะมาน่ารักเหมือนผู้หญิงของพี่ได้ยังไงล่ะ จริงมั้ย!


   “เดี๋ยวผมกลับห้องตัวเอง ไม่ไปห้องพี่หรอก” ผมพูดออกไปอย่างน้อยใจ


   “ปากดีนักนะ กูพูดก็ฟังดิ จะเถียงให้อารมณ์ขึ้นทำไมวะ โอหังนักนะมึง”


   “เปล่าเถียง แค่พูดให้พี่สบายใจเฉยๆ”

   “สบายใจอะไร”


   “เรื่องที่ผมไม่ไปนอนห้องพี่ไง”


   “…”


   “ถึงเมาผมก็ดูแลตัวเองได้นะ”


   “กูจะดูน้ำหน้ามึง ปากดีไปเถอะ”


   “…”


   “มึงจะติดโทรศัพท์อะไรหนักหนา เขามาแดกเหล้าสังสรรค์กัน เล่นโทรศัพท์ก็เล่นที่บ้าน”


   ผมวางโทรศัพท์ลง แล้วจ้องหน้าพี่เขาตรงๆ เห็นพี่เขามองมาแบบไม่พอใจ แต่เดี๋ยวนะ เคยมีตอนไหนที่พี่เขามองมาที่ผมแล้วแสดงสีหน้าพอใจหรือมีความสุขบ้างไหม


   ก็ไม่มีนะ...

   เพราะงั้น อย่าได้แคร์



   “งั้นขอแก้วผม” ผมเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้า แต่มือของเขากลับยกหนีไปเสียเฉยๆ


   “เลิกแดก”


   “ก็พี่บอกว่าต้องมากินเหล้าสังสรรค์ พี่ต้องคืนแก้วเหล้าให้ผม”


   ผมไม่หลบตาพี่เขาอีกต่อไป แล้วก็เห็นรอยยิ้มที่มุมปากที่ดูยังไงๆ ก็หล่อเหลือร้าย


   “ยอกย้อนนักนะ เออ! ถ้ามึงเมาเหมือนหมา กูจะบอกให้ไอ้พายปล่อยมึงทิ้งไว้ที่นี่ จำไว้นะมึง”


   “พี่บอกให้มันทิ้งผมไว้นะ บอกมันว่าไม่ต้องพาผมกลับไป เดี๋ยวผมหาทางกลับบ้านเอง”


   ผมพูดอย่างเด็ดเดี่ยว เอาสิว่ะ ให้มันรู้ไปว่าอย่างไอ้กันต์จะไม่มีปัญญากลับบ้านเอง


   ตอนนี้เสียงเพลงที่คลอเคล้าจากวงดนตรีประจำผับที่เปลี่ยนมาเป็นเพลงช้าๆ ซึ่งเพลงนี่อาจจะตรงกับความรู้สึกของผมที่สุด แล้วผมก็กระดกเหล้าแก้วนั้นจนหมด โดยมีสายตาของใครอีกคนจ้องมองโดยไม่คลาดสายตา


   สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าความเหงา
คือการที่เราไม่เคยได้รู้จักความรักมาก่อน
ดิ้นรนค้นหาไปทุกๆ อย่าง
ก็อยากจะลองสัมผัสว่ารักเป็นเช่นไร

และวันที่น้ำตาร่วงหล่น
จนเจ็บปวดร้าวจึงเข้าใจ

โอ้รสชาติแห่งรักที่หามันมานาน
รสชาติแห่งความรัก มันแสนทรมาน
น้ำตาแห่งรัก เอ่อไหลรินออกมา
ให้เราได้เข้าใจ ยิ่งเข้าใจ

อาจจะดูเลวร้าย เศร้าไปทุกอย่างกับความรัก
มันอาจจะปวดร้าว จนทรมาน
ไม่ว่ารักจะเป็นอย่างไร ก็ยังจะค้นหามัน

โอ้รสชาติแห่งรักที่หามันมานาน
รสชาติแห่งความรัก มันแสนทรมาน
น้ำตาแห่งรัก เอ่อไหลรินออกมา
ให้เราได้เข้าใจ ยิ่งเข้าใจ

เจ็บปวดทรมาน เจ็บปวดทรมาน

จึงเข้าใจ โอ้รสชาติแห่งรัก ที่หากันมานาน
รสชาติแห่งความรัก จะไม่มีวันจาง
น้ำตาแห่งรัก ถูกสร้างมันออกมา
ให้เราได้เข้าใจ ยิ่งเข้าใจ


โอ้รสชาติแห่งความรัก รสชาติแห่งความรัก
รสชาติแห่งความรัก โอ้รสชาติแห่งความรัก


เพลง รสชาติแห่งรัก โดย paradox


..................

กำลังคิดว่าถ้าถึงคราวที่กันต์เอาคืนนี่จะเอาให้พี่เพลิงไปไม่เป็นเลย
รอติดตามนะคะ


เม้นท์กันหน่อยน้าาาา จะได้รู้ว่าเข้ามาติดตามกัน
ขอบคุณทุกท่านนะคะ

หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 5) ภูมิต้านทานทางอารมณ์
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 04-10-2017 17:03:36
กันต์หยุดใหพี่เพลิงทำร้ายจิตใจเราได้แล้ว เอาคืนหนักๆไปเลย
ติดตามอยู่นะคะ สู้ๆๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 5) ภูมิต้านทานทางอารมณ์
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-10-2017 20:06:30
กันต์ ต้องเข้มแข็ง เข้าโหมด สวย-เริ่ด-เชิด-หยิ่ง ได้แล้ว อิพี่เพลิงน่าหมั่นไส้  :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 5) ภูมิต้านทานทางอารมณ์
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 06-10-2017 01:05:48
เริ่มมีพัฒการนะกันต์
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 5) ภูมิต้านทานทางอารมณ์
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 06-10-2017 15:35:52
สงสารกันต์จัง เพลิงมีแต่ทำร้ายจิตใจ

เมื่อไหร่จะรู้ตัว รู้ตัวเมื่อสายไป ระวังเหอะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 5) ภูมิต้านทานทางอารมณ์
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 07-10-2017 21:41:36
รอกันต์เอาคืน อิอิ
ใครจองมองกันต์
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 6) ความอ่อนไหว
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 09-10-2017 15:15:16
บททดสอบที่ 6
ความอ่อนไหว


{เพลิง}

   ผมมองไอ้พายหอบหิ้วไอ้เพื่อนปลวกของมันกลับมาห้อง ด้วยความโมโหผสมกับความรู้สึกอึดอัดขัดอกขัดใจ ก็เพราะแม่งเล่นเมาชนิดที่เรื้อนเอาโล่ขนาดนี้ ทั้งที่เตือนแล้วห้ามแล้วก็ยังอวดดีใส่ แล้วดูสภาพดิ น่าทุบฉิบหาย


   “นี่ไง กูบอกแล้วว่าแม่งต้องเมา ดูดิ๊แม่งเมาจริงๆ ด้วย สัดถ้ามึงจะเมาเบอร์นี้วันหลังอย่ามากับกูนะ หน้ากูบาง อายคน”


   ไอ้พายหิ้วปีกเพื่อนมันที่ทำท่าเมาไม่รู้เรื่องรู้ราว


   “อ้ายพี่เพลิง พี่แม่งร้ายว่ะ ผมชอบพี่ไปได้ยังงายยยย”  ไอ้เด็กเรื้อนมันแหกปากขึ้นมาระหว่าที่เราทั้งสามคนกำลังขึ้นลิฟท์


   “มึงพูดดีดีนะ เมาแล้วปากหมานะมึงอ่ะ”


   “เออไง ปากหมาเหมือนกันเลย ก็พี่อ่ะ ชอบด่าผม เกลียดผมมากหรือไง พูดกับผมเพราะๆ บ้างไม่ได้เหรอ” มันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ผมอย่างใจหน้าด้าน แล้วก็ผลักไอ้พายกระเด็นไปสองก้าว “แต่ผม โคตรชอบพี่เลย”


   “ไอ้กันต์ เบาๆ หน่อยได้มั้ย หูกูจะแตก” ผมได้ยินเสียไอ้พายหัวเราะลั่น “จะสารภาพรักกันก็ไปทำกันสองคน กูคนกลางฟังแล้วจั๊กจี้”


   ผมเปิดประตูห้องให้ไอ้พายที่หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกัยลากเพื่อนเส็งเคร็งของมันเข้ามาข้างใน


   “แต่ผมแม่งโคตรชอบพี่เลย พี่แม่งคนจริง คนตรง แถมพี่แม่งหล่อที่สุดในใจผมเลยนะพี่” มันเอื้อมมือทำท่าจะมาจับหน้าผม แต่ผมผงะหนีอย่างตกใจ


   “มึงอย่า! ไอ้พายมึงมาเอาแม่งไปเลย เดี๋ยวกูห้ามใจไม่ไหวเผลอถีบมันเข้า”


   “พี่จะไปถือสาคนเมาทำไม ฮ่าๆๆ แม่งเมาน่ารักจะตาย”


   “ดูตรงไหนว่าน่ารัก ธรรมดากูก็เบื่อแม่งจะตายล่ะ มาเจอไอ้อาการเมาเรื้อนของแม่งนี่อีก เพื่อนมึงนี่แม่ง”


   “พี่จะบ่นอะไรนักหนา กินเหล้ามันก็ต้องเมาดิวะ” ไอ้พายหัวเราะร่วนไม่หยุด


   “แต่แม่งเมาไม่เหมือนคนอื่น มึงดูมัน มีสติที่ไหน พวกลากไปข่มขืนทำไง เผลอแป๊บเดียวแม่งโดนหิ้วไปแล้วเห็นมั้ย”


   “หวงมันเหรอ”


   “กูรำคาญ”


   “ปากแข็ง”


   “แต่ที่แข็งแน่ๆ คือแข้ง อยากลองมั้ยมึง”


   “พี่แม่งเดายากว่ะ เดี๋ยวด่ามัน เดี๋ยวก็ทำท่าเหมือนหวงมัน เอาสักอย่าง”


   “กูไม่เหี้ยอะไรทั้งนั้นล่ะ”


   “เบื่อคนปากไม่ตรงกับใจ รำคาญว่ะ ผมไปนอนดีกว่า” ไอ้พายเดินหนีไปเฉยๆ ไม่มีท่าทีห่วงหาอาทรไอ้เพื่อนปลวกของแม่งสักนิด ปกติเห็นรักันจริงรักกันจัง ทีงี้แม่งเสือกทิ้งดื้อเลยเนี่ยนะ


   “แล้วมึงไม่เอามันเข้าไปนอนด้วยล่ะ”


   “ไม่เอา เดี๋ยวมันอ้วก ให้มันนอนข้างนอกแหละ พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บซาก”


   “มึงจะทิ้งมันไว้อย่างงี้นะ”


   “เออ ถ้าพี่เวทนามันก็เอามันเข้าไปนอนด้วยดิ หรือถ้าไม่ก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้นล่ะ ผมง่วงล่ะ ขืนเอามันเข้าไปด้วยนอนไม่หลับพอดี ว่าแต่พี่เหอะ ใจดีเอามันเข้าไปนอนด้วยก็ได้นะ แต่อย่าไปซุยมันล่ะ มันยังซิงอยู่นะเว้ยพี่”


   “ไอ้เหี้ยพาย” ผมทำท่ายกตีนถีบมัน ขณะที่ไอ้น้องชายปากหมาเดินหัวเราะร่าเข้าห้องของตัวเองแล้วกดล็อคประตูดังแกร๊ก



   

   ไอ้พายทิ้งเพื่อนมันนอกเกลือกบนโซฟาอย่างไม่ดูดำดูดี ผมมองมันอย่างชั่งใจ ว่าจะเอายังไงกับมัน จะทิ้งให้นอนจมกองอ๊วกดี หรือจะช่วยสงเคราะห์มันด้วยการเอาน้ำสาดให้สร่างเมาดี


   แต่ไม่ว่าจะทางไหนแม่งก็มีแต่คำว่าเลอะเทอะ


   “พี่เพลิง พี่เกลียดผมเหรอ” มันเพ้ออีกระรอก


   “…”


   “พี่ไม่เกลียดผมได้ไหมอ่ะ”


   มันมองท่าทางออดอ้อนของมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโมโห ทั้งรำคาญ แต่ก็มีคำว่าสงสารอยู่กระจิ๊งหนึ่งก็ตรงที่มันทำเสียงอ้อนนี่ล่ะ


   “กูเกลียดเพราะมึงทำตัวแบบนี้แหละ”


   “ผมทำอะไรผิด”


   “มึงไม่รู้ตัวเหรอ”


   “ผมแค่ชอบพี่ มันผิดมากเหรอที่ผมชอบพี่”


   “…”


   “ชอบมาก ชอบจริงนะ” มันลุกขึ้นมาอย่างยากเย็น แล้วนั่งจ้องหน้าผมทั้งที่ดวกตาปรือแดงก่ำ


   “ไอ้กันต์ ไอ้เหี้ย มึงจะตะโกนให้ข้างห้องเขามาด่าหรือไง”

   
   ไอ้กันต์ที่เมาแล้วไร้สติโดยสิ้นเชิง แผดเสียงดังแปดหลอด ไม่สนว่าตอนนี้มันจะปาเข้าไปตีหนึ่งตีสองแล้ว


   โวยวายไม่โวยวายเปล่า ยังมาสารภาพรักกูอี๊ก ป่านนี้ไอ้พายแม่งเก็บข้อมูลรอเวลาเอามาล้อเลียนจนลูกบวชแน่ กูแม่งก็อายเป็นนะ นี่โทษเพราะความที่มันเมาเลย ทั้งที่ผมเตือนมันนอกจากที่มันจะไม่ฟังเสือกยังดึงหน้าใส่ผมอีก


   ทีนี้อยากจะดูน้ำหน้าไอ้คนที่บอกว่าดูแลตัวเองได้ซิ ว่ามันจะเก่งสักแค่ไหน แล้วเห็นมั้ย สุดท้ายก็ต้องมานอนห้องผมอยู่ดี บอกแล้วแม่งเก่งไม่ตลอดหรอก


   “ผมเสียใจว่ะ เวลาพี่ไปกับคนอื่นอ่ะ แม่งเหมือนหายใจไม่ออก”


   “ใครเอาตีนอุดจมูกมึง” ผมย้อนกลับแบบมีโมโห


   “มันเหมือนพี่เอาตีนกระทืบหัวใจผมมากกว่าาาาา”


   กูก็เป็นของกูแบบนี้นี่หว่า แต่ไหงกลับรู้สึกว่าตัวเองผิด ทำไมกลับรู้สึกว่าผมทำอะไรบางอย่างที่ไม่ควรแก่การให้อภัยเอาเสียเลย


   “…”


   “พี่ไม่ชอบผมไม่เป็นไร แต่พี่อย่าเรื่อยเปื่อยไปทั่วซิ ผมไม่ไหวว่ะ”


   เสียงของไอ้กันต์มันชวนให้หดหู่แปลกๆ ว่ะ มึงอย่าดรามาให้กูรู้สึกผิดเด่ ไม่ใช่เมียกูสักหน่อย


   “แล้วใครใช้ให้มึงมาชอบ”


   “ก็ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ไง ผมแม่งโคตรงี่เง่า”


   “รู้ตัวก็ดีมึงอ่ะ”


   “โกรธตัวเองว่ะ โกรธพี่ด้วย”


   “มาโกรธกูเรื่องไร แล้วมีสิทธิ์ไรมาโกรธกู”


   “ก็รู้ว่าไม่มีไง ถึงพี่จะไปทำอะไรกับผู้หญิงคนไหน ผมแม่งก็ไม่มีสิทธิ์ แต่ผมก็โกรธพี่อยู่ดี ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ”


   “…”


   เมาแล้วตรงฉิบหายเลยแม่งเอ้ย!


   คือมึงตรงไป ตรงจนไม่ได้ไว้หน้าความมาดแมนของกูเล้ยยย! ปกติก็รู้นะว่ามันชอบ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เคยโจ่งแจ้งขนาดนี้


   ถึงกูจะไม่ได้อ่อนไหวอะไรง่ายๆ แต่พอเจอย้ำๆ ซ้ำๆ แบบนี้ ใจมันก็แกว่งป่ะวะ


   “ผมหึงพี่ ไม่รู้เอาความมั่นหน้าอะไรไปคิดแบบนั้นเน๊อะ”


   “…”


   “ผมอ่ะ รู้ว่าพี่เป็นคนชัดเจน แต่ผมก็ชัดเจนเหมือนกัน ผมชอบ อ๊วกกกกกกก”


   “ไอ้กันต์ ไอ้เวร!”


   “อ๊วกกกก”


   มึงแดกอะไรเข้าไปบ้างเนี่ย!


   มันปล่อยของที่คั่งค้างออกมาจนเละไปหมด สภาพของไอ้กันต์ตอนนี้ที่เลอะเทอะไปหมดเพราะเหล้ากับอาหารที่อยู่ในกระเพาะสารพัดสารพัน


   “ไอ้กันต์ สัด! พรมกู เดี๋ยวๆ รอก่อนอย่าเพิ่งปล่อย”


   ผมรีบห้ามมันแล้ววิ่งพล่านเพื่อหาถังขยะสักใบเพื่อเอามาให้ไอ้เด็กขี้เมา แต่ไม่ทันแล้วครับ ตอนนี้ทั้งพรม โซฟา แล้วก็ตัวมันไม่ต่างอะไรไปจากกองขยะเปียกที่ดูไม่จืด


   “มึงนี่แม่ง” พูดไปก็ขยี้ผมตัวเองไป “ไอ้พาย มึงมาดูเพื่อนมึงเลย หนีไปนอนแล้วทิ้งมันไว้แบบนี้เหรอ โถ่เว้ย ภาระชัดๆ” ผมตะโกนเสียงดัง แต่ไม่ว่าจะยังไง ไอ้น้องชายตัวดีก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกมาดูศพเพื่อนรักแม้แต่น้อย


   “แหวะ” มันสำรอกออกมาอีก


   และรอให้ไอ้กันต์อ๊วกจนหมดไส้หมดพุง


   “เดี๋ยวฟื้นขึ้นมาเมื่อไร กูจะจัดให้หนักเลยมึง”


   ถึงปากผมจะพูดไป แต่ก็ไม่วายยกร่างไอ้กันต์ขึ้นมาในอ้อมแขน แม้มันจะทั้งเหม็นและมอมแมมเหมือนหมากก็เหอะ แต่ผมก็ยังเวทนาด้วยการลากมันเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้มันนั่งแมะอยู่กับพื้น แล้วจัดการลอกคราบมันออกไปจนหมดเหลือไว้แค่กางเกงบ๊อคเซอร์ตัวเดียวของมันจากนั้นก็เอาน้ำราดมันตั้งแต่หัวลงมา เพื่อล้างคราบต่างๆ นาๆ ที่มันทำเอาไว้


   “เฮ้ย! หนาวนะโว้ย ปล่อย”


   “มึงโว้ยกับใคร”


   “…”


   “นี่กูพระเพลิงนะ ไม่ใช่เพื่อนเล่นมึง”


   ผมผลักหัวมันแรงๆ ให้สำนึก


   “ผมหนาว”


   ปากมันสั่งหงึกหงัก แต่ทำเสียงอ่อยลง ดูเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่ากำลังพูดกับใครอยู่


   “มึงก็ลุกขึ้นมาล้างเนื้อล้างตัวดีๆ จะได้เสร็จเร็วๆ”


   “ผมลุกไม่ไหว หัวมันหนัก”


   “ก็อวดเก่งแดกเข้าไปสิ เป็นไงมึง ผิดคำพูดกูมั้ย”


   “…”


   เราสองคนมองหน้ากัน ผมที่ถือฝักบัวอยู่มองหน้าแดงระเรื่องของมัน ปากกระจับได้รูบของมันสั่นระริกจนผมอดสงสารไม่ได้ ก็ปกติผมชอบอาบน้ำเย็นเพราะอาบน้ำอุ่นมันผิวแห้ง ทีนี้ก็เลยไม่ได้ปรับอุณหภูมิให้


   “น้ำเย็นนี่ล่ะมึง จะได้สร่าง”


   “ขอน้ำอุ่น ผมหนาว”


   “ไม่ มึงดื้อ ไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง เอ้าเร็วๆ เข้าลุกขึ้นจะได้เสร็จ กูจะได้นอนสักที ต้องมาวุ่นวายกับภาระอย่างมึงเนี่ย เสียเวลา”


   ผมพูดเหมือนตัดความรำคาญ แต่เอาจริงๆ ใจเป๋เหมือนกันว่ะ


   ไม่เอาๆ อย่าอ่อนไหว มันไม่แมน


   “พี่มาช่วยผมทำไม”


   เออ นั่นสิ


   ทำไม?


   “พอ! สะอาดแล้ว” ผมปิดน้ำ “เอ้า นี่ผ้า เช็ดตัวซะ กูรอข้างนอก”


   ผ่านไปครู่ใหญ่ ไอ้กันต์ก็เดินเซเล็กน้อยออกมาจากห้องน้ำด้วย อาการมันดูดีขึ้นหลังจากโดนน้ำเย็นๆ ราดหัวเข้าไป ผมเดินไปที่ตู้แล้วหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของตัวเองออกมา แล้วโยนใส่หน้ามันก่อนที่จะเป็นฝ่ายเดินเข้าห้องน้ำบ้าง


   “มึงนอนนี่ก็ได้ ข้างนอกเละเทะเหมือนสมรภูมิรบ เพราะอ๊วกมึงนั่นล่ะ ส่วนไอ้พายเพื่อนมึงแม่งปิดห้องเงียบไปแล้ว” ผมบอกเสียงเรียบ แล้วก็เดินเลี่ยงไปอาบน้ำโดยที่มีไอ้กันต์มองมาด้วยสายตางงเหมือนหมาเอ๋อ


   “…”
   



   ผมผลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง โดยมีไอ้กันต์ที่นอนตัวแข็งเป็นก้อนหินนอนห่างออกไปไม่ถึงเมตร ผมนอนหงายลืมตามองเพดานในความมืด ไตร่ตรองเรื่องต่างๆ ที่วนเวียนเข้ามาในหัว ซึ่งเรื่องเหล่านั้นคือเรื่องของไอ้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน


   วันนี้ผมพยายามที่จะใช้ชีวิตให้เหมือนเดิม ด้วยการออกไปกับสาวที่เจอกันในร้านเหล้า เธอสวย เซ็กซี เป็นผู้หญิงในอุดมคติที่ผมชอบ มีนม แล้วก็มีก้นที่น่าตีเป็นที่สุด แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่ผมจูบกับเธออยู่นั่นใบหน้าหงอยๆ ของไอ้กันต์ก็ผุดขึ้นมาในสมอง แล้วก็พาลไม่อยากทำอะไรๆ ต่อไปเสียฉิบ


   ผมนึกถึงดวงตาที่แสนเศร้าของมันที่แอบมองผมตลอดตั้งแต่เข้าร้านมา ตั้งแต่สาวคนแรกขอเบอร์ สาวคนที่สองแลกไลน์ แล้วสาวคนสุดท้ายที่ขยับมานั่งตัก ผมเห็นตลอดว่ามันกำลังมอง ผมทำกับมันเหมือนคนใจร้าย ทั้งที่รู้ว่ามันชอบ ทั้งที่รู้ว่ามันมีใจ แต่ผมก็ยังยั่วมันด้วยการแสดงท่าทางสนใจผู้หญิงคนอื่นให้มันเห็น


   ผมรู้ว่ามันเสียใจ แล้วผมก็รู้ว่ามันเศร้า...


   ผมก็แค่ไม่อยากให้มันรู้ว่าผมเองก็ไขว่เขวกับมันอยู่นิดๆ หน่อยๆ


   มันเสียฟอร์ม


   มันไม่เซลฟ์


   โว้ยยยยย!


   สับสน ไม่เอา ไม่ชอบแบบนี้


   “กันต์”


   “…”

   “ไอ้กันต์”


   “…”


   “กูรู้ว่ามึงไม่หลับ”


   “ครับ”


   “ทำไมมึงต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยวะ”


   “แบบไหนครับ”


   “ก็แบบว่า... หึง”


   “… ก็เพราะว่าผมหึง”


   “มึงกับกู ไม่ได้เป็นไรกัน จะมาหึงกูทำไม”


   “ผมขอโทษที่ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้”


   เสียงของไอ้กันต์เบาหวิว ในความมืดผมไม่รู้ว่ามันกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน แต่เสียงมันดูเศร้าๆ


   “มึงไม่ควรชอบกู มึงไม่รู้เหรอว่ากูมีแต่แฟนที่เป็นผู้หญิง”


   “…”


   “กูไม่เคยชอบผู้ชาย”


   “…”


   “มึงได้ยินที่กูพูดไหม”


   “…”


   “ไอ้กันต์ มึงได้ยินหรือเปล่า” ผมส่งเสียงให้ดังกว่าเก่าอีกนิด แล้วก็หันไปมองมันที่กำลังหันหลังให้อยู่


   “ครับ ได้ยิน”


   เสียงไอ้กันต์สั่นเครือ


   “งั้นมึงก็ควรเลิกชอบกู”


   “…”


   “กูเป็นพี่มึงได้ แต่เป็นคนรักของมึงไม่ได้ มึงอย่าดื้อ”


   “ผมเคยลองแล้ว”


   “มึงควรมองคนอื่นที่ไม่ใช่กู กูไม่ใช่สำหรับมึงหรอก”


   ผมพูดแต่ใจมันกับหวิวๆ ไอ้คำว่าให้มันไปมองคนอื่นมันพูดออกไปได้ไม่เต็มปากสักเท่าไร ในนั้นมันยังมีคำว่าหวงมันอยู่หน่อยๆ ยิ่งตอนที่มันสนิดกับรุ่นพี่คนอื่น


   “ผมทำให้พี่รู้สึกไม่ดีเหรอ”


   “…”


   เสียงแม่งเศร้าว่ะ ผมเลยพูดไม่ออก ไม่เคยหักอกผู้ชาย เพิ่งครั้งนี้ครั้งแรกนี่ล่ะ


   “ผมขอโทษนะพี่”


   เราอยู่ภายใต้ความเงียบกันเนิ่นนาน แต่ผมกลับรู้สึกว่าความเงียบนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสงบ ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองอาจจะกำลังเสียอะไรในชีวิตที่อาจจะสำคัญมากๆ ไปก็ได้


   ผมลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปมองอีกคนที่หันไปทางอื่น ด้วยเซ้นท์ทำให้ผมรู้ว่าไอ้กันต์มันไม่ได้หลับ


   “มึง! ร้องไห้ทำเชี่ยไร”


   ผมโวยเสียงหลงเมื่อเห็นว่าไอ้เด็กน้อยข้างๆ น้ำตาไหลเป็นทาง ซึ่งผมก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้


   ใครตาย! เรื่องนี้ไม่มีใครตายนะมึง ร้องไห้เพื่อ


   มันหลับตา แล้วเอามือเช็ดแก้มตัวเอง ทำท่าเหมือนกำลังหลับ แต่กูบอกได้เลยว่าแม่งไม่เนียน


   “ไอ้กันต์”


   ผมจับหัวไหล่ของมันแล้วออกแรงให้หันมามองกันตรงๆ


   ผมเอื้อมมือไปเปิดไฟตรงหัวนอน แสงสลัวๆ ทำให้เราทั้งคู่ต่างจ้องมองกันได้ชัดเจนขึ้น ผมมองเห็นความเศร้าและเสียใจผ่านดวงตาของอีกฝ่าย แต่ไอ้คนดื้ออย่างไอ้กันต์ก็ไม่หลบตา


   “ผมขอพี่อย่างเดียว”


   “…”


   “ขอแค่ครั้งเดียว แล้วผมจะไปไกลๆ จากพี่  จะไปให้พ้นจากสายตาของพี่”


   “…” ผมเงียบ รอดูว่ามันจะพูดอะไร


   “จูบเดียว แล้วผมจะไม่ยุ่งกับพี่อีก ให้ผมได้มั้ย”


...

จูบเดียวเท่านั้นนนนนน
แล้วฉันจะไป!

กระซิก กระซิก

 :m15:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 6) ความอ่อนไหว
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-10-2017 23:10:04
สงสารน้องกันต์   :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 6) ความอ่อนไหว
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 09-10-2017 23:41:25
โอ๊ยย สงสารกันต์ ฮือออ
เมาแล้วพูดตามที่คิดทุกอย่าง ดีแล้วให้พระเพลิงรู้ซะบ้าง

แต่ก็พยายามเข้าใจในมุมพระเพลิงนะ
มี ผช มาชอบก็ต้องมีรู้สึกแปลกๆบ้าง แต่ไม่ทำร้ายความรู้สึกน้องได้มั้ย สงสาร
จูบแล้สอาจพบทางสว่างก็ได้นะ 55

จูบเลยๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 6) ความอ่อนไหว
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 10-10-2017 00:33:40
โอ้ยยยย สงสารน้องงงงง  :o12:
พี่เพลิงก็ดีแต่ไล่น้อง เดี๋ยวจะรู้สึกนะจ้ะ รอสมน้ำหน้าอยู่
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 6) ความอ่อนไหว
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-10-2017 01:13:50
สงสารน้องกันต์ พี่เพลิงใจร้ายมาก
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 10-10-2017 14:17:07
บททดสอบที่ 7
รับมือกับความเปลี่ยนแปลง

   “จูบเดียว แล้วผมจะไม่ยุ่งกับพี่อีก ให้ผมได้มั้ย”

   ริมฝีปากของผมรอคอยการตัดสินใจของพี่เพลิงด้วยความหวังที่ริบหรี่


   คงจะเป็นอีกหนึ่งคำปฏิเสธที่จะลอยมากระแทกใส่หน้าผม


   คนอย่างพี่เพลิง ไม่มีทางที่จะทำตามคำขอของผมได้แน่   


   ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าถึงเวลาที่ต้องตัดใจ แต่คนที่มีความแน่วแน่ในความรักอย่างไอ้กันต์คนนี้ คงไม่มีปัญญาตัดใจง่ายๆ แบบปุบปับอยู่แล้ว ก็รักพี่เขามาตั้งนาน จะให้ตัดอกตัดใจชั่วค้ามคืน มันยากไปไหม ผมก็เลยจงใจพูดขอพี่เขาจูบแบบนี้ ใจก็กะว่าให้แตกหักกันไปข้างใดข้างหนึ่งเลยยิ่งดี ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น


   ผมคาดหวังว่า นอกจากคำปฏิเสธแล้วพี่เพลิงอาจจะต่อยผมสักสองสามหมัด เผลอๆ อาจแถมชุดคอมโบ้เซ็ตเป็นการกระทืบผมให้จมฝ่าเท้า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทุกอย่างผมก็มีข้ออ้างในการตัดใจ


   ผมอยากให้พี่เขาใจร้ายกับผมให้มากๆ  ยิ่งมากยิ่งดี


   วันนี้ผมรู้แล้วว่าการที่เห็นพี่เขากับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะทนรับได้


   เมื่อก่อนผมอาจอดทน ทำตัวไม่รู้สึกรู้สา แต่ระยะหลังมานี้ยิ่งผมถล้ำหัวใจให้พี่เขามากเท่าไร ความอดทนของผมมันก็น้อยลงๆ ทุกที


   นับวันผมก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเห็นแก่ตัว หวงของที่ไม่ใช่ของของตัวเอง ซึ่งมันดูน่าสมเพช


   การรอคอยเพียงไม่กี่วินาทีแต่มันช่างดูแสนจะเนิ่นนาน


   พี่เพลิงไม่แสดงสีหน้าว่าโกรธ แต่พี่เขากลับแสดงสีหน้าคล้ายกำลังตัดสินใจ ซึ่งการตัดสินใจของพี่เขาผมไม่อาจเดาได้ว่าผลมันจะเป็นแบบไหน


   ในที่สุด!




   สิ่งที่ผมรอคอยก็เกิดขึ้น แต่มันต่างจากที่คิดตรงที่ว่าพี่เพลิงไม่ได้ต่อยผมคว่ำ กลายเป็นว่าพี่เขาประกบริมฝีปากของตัวเองเข้ากับผมอย่างที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน



   ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมตั้งตัวไม่ติด


   สิ่งที่ผมกำลังรู้สึกว่ามันไม่ใช่รสจูบแบบที่เป็นความอ่อนหวาน แต่มันคือรสจูบที่มีแต่ความลังเลไม่แน่ใจ ปากของเรามันเป็นแค่การสัมผัสกันอย่างผิวเผิน ไม่มีความแนบชิด ไม่มีความลึกซึ้ง และมันให้ความรู้สึกได้ถึงความเหินห่าง


   ลมหายใจของพี่เพลิงมีกลิ่นมินต์ กลิ่นนั้นอลอวลในสติอันเหลือน้อยของผม และรอยจูบบางเบานั้นก็กำลังทำให้ผมน้ำตาไหล


   จบแล้ว...


   ระหว่างผมกับพี่เพลิงควรจบได้แล้ว


   ผมสัญญากับเขาไว้แล้วว่าจูบเดียว


   และผมในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง ควรรักษาสัญญา










   แต่....

   มันจะง่ายกว่านี้มาก ถ้าทุกอย่างจบแค่เพียงหนึ่งรอยจูบ


   ใช่ครับ...


   มันไม่ใช่แค่หนึ่งรอยจูบ


   ผมที่พยายามฝืนให้ตัวเองผละออกจากริมฝีปากที่สัมผัสอย่างแผ่วเบาตรงหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกอะไรไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนเจ้าของริมฝีปากอีกคนกลับรั้งรอและไม่ยอมให้ปากของเราผละออกจากกันโดยง่าย


   ฝ่ามือข้างหนึ่งของเขารั้งต้นคอผมไว้ และกดริมฝีปากของเราให้แนบชิดกันกว่าเก่า ลิ้นร้อนๆ ของเขาวาดไล้ริมฝีปากล่างของผมอย่างจงใจ ซึ่งทำให้ผมที่ไม่เคยคาดฝันความแนบชิดอย่างนี้ถึงกับสะดุ้ง


   มือหนาของพี่เพลิงขยับมาต้นคอ กระชับให้ผมขยับเข้ามาอีก และครั้งนี้พี่เพลิงก็รุกผมอย่างเปิดเผย เราทั้งคู่แลกเปลี่ยนลมหายใจกัน ผมปล่อยให้พี่เขานำทาง พี่เพลิงขยับตัวจนกระทั่งตอนนี้ผมตกอยู่ใต้วงแขนของพี่เขาอย่างไม่มีทางดิ้นหลุด

   
   เราไม่ได้พูดกันเราทำแค่เพียงสัมผัส และรับรู้ความรู้สึกของกันและกัน


   เสื้อผ้าของเราทั้งคู่ถูกสลัดออกอย่างเชื่องช้า ไม่รีบร้อน เราทำมันอย่างค่อยเป็นค่อยไป เราแตะต้องกันในทุกส่วนของร่างกาย ไม่มีพื้นที่ไหนที่เป็นความลับระหว่างเราทั้งคู่


   ไม่มี...


   “อึก... อะ”


   ผมส่งเสียงโอดครวญเมื่อพี่เพลิงรุกล้ำนิ้วมือเรียวยาวที่อบอุ่นเพื่อหยั่งเชิงเรือนร่างที่ไม่เคยถูกกร่ำกรายมาก่อน ผมขยับร่างหนีพี่เขาเล็กน้อยด้วยเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยจริงๆ ดวงตาปิดสนิทรับรู้เพียงสิ่งที่พี่เขากำลังกระทำ


   “อย่าเกร็ง” เสียงพี่เขาแหบพร่า ให้ความรู้สึกเซ็กซีและน่าฟัง


   “ครับ... อะ”


   ถึงจะพยายามให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย แต่ผมก็มองว่ามันเป็นเรื่องยากอยู่ดี


   “กันต์ มองพี่” พี่เพลิงลูบผมที่กระเซอะกระเซิงของผม แล้วลูบไล้ผ่านลงมาที่แก้ม ความรู้สึกนั้นช่างอ่อนโยน แล้วก็ให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ


   “อึก...”


   ผมกัดริมฝีปาก กลั้นเสียงที่เอ่อท้นไปด้วยความรู้สึกปั่นป่วนที่กำลังเล่นงานเรือนร่างและจิตใจของผมอยู่ เผลอมองพี่เขาด้วยความรู้สึกประหม่า ในแววตาคงเจือความกังวลอยู่มากแน่ๆ


   “กลัว? ไม่ต้องกลัว”


   เมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่คมแสนสวยก็พบความห่วงใยปรากฏชัดอยู่ในนั้น ผมเริ่มรู้สึกว่าน้ำตาของผมเอ่อล้นอย่างควบคุมไม่ได้


   มันไม่ใช่ความกลัว สิ่งที่รับรู้ในตอนนี้ผมขอเรียกมันว่าความเจ็บปวด...


   ความเจ็บปวดที่ไม่ใช่ทางด้านร่างกาย หากมันคือความเจ็บปวดทางใจ...


   เจ็บปวดที่สายตาแบบนี้ครั้งหนึ่งพี่เพลิงเคยมอบมันให้ แล้วผมก็คงไม่มีวันได้เห็นมันอีก


   ผมกอดพี่เขาแน่น ซึมซับความรู้สึกร้อนระอุที่แสนจะปลุกเร้านั้นไว้ เมื่อพี่เพลิงเปลี่ยนมาสัมผัสแก่นกายที่แสนจะเร่าร้อนของผมแทน พี่เขาลูบไล้อย่างแผ่วเบาในทีแรก เพียงครู่จึงเริ่มเร่งจังหวะขึ้นจนผมกระสับกระส่าย เมื่อหนักเข้าผมจึงตะปบมือของพี่เขาไว้อย่างห้ามปราม สิ่งที่พี่เขาทำอยู่กำลังทั้งเป็นความสุข และความทุกข์ทรมานพร้อมๆ กัน


   “พี่ช่วย”


   พี่เพลิงประทับจูบลงที่ริมฝีปากผมหนักๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะใช้มืออีกข้าง คลายมือของผมที่รั้งแขนพี่เขาไว้ออก เราต้องตากัน ผมเลยได้เห็นดวงตาที่มุ่งมั่นและอยู่ในห่วงแห่งความต้องการไม่ต่างกันเลย


   “ให้พี่ช่วยนะ” พี่เขากระซิบอ้อยอิ่งที่ข้างหู แล้วซุกไซ้ตรงซอกคอกัดเม้มแรงๆ ทีหนึ่งจนผมสะดุ้งด้วยความเสียวซ่าน


   สิ้นคำพูดพี่เพลิงก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพี่เขาช่วยผมได้จริงอย่างที่ปากว่า อาการทุลนทุลายโหยหาการปลดปล่อยสิ้นสุดลง พร้อมด้วยไคล์แม็กส์ที่สุดแสนจะหอมหวาน


   ผมครางเสียงแห้ง


   วินาทีที่ความร้อนระอุของอีกฝ่ายรุกล้ำเข้าสู่เรือนร่างที่พรักพร้อมของผม เสียงเขาเราทั้งคู่ต่างเปล่งเสียงแห่งความแปลบปร่าอย่างอยากจะบรรยาย


   ไร้การต่อต้าน ไร้การขัดขืน มีเพียงความยินยอมพร้อมใจ


   เราทั้งคู่ต่างใช้เวลาที่มีร่วมกัน ปลุกเร้ากันจนไม่มีช่องว่างให้ลังเลอีกแล้ว


   “อึก อะ พี่เพลิง” ผมรู้ตัวว่ากำลังครางไม่เป็นสรรพ แต่ผมก็เต็มอกเต็มใจที่จะรองทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่เพลิงกำลังจะมอบให้


   “เด็กแสบ!” พี่เพลิงกระซิบเสียงเข้ม


   พี่เพลิงกัดฟันกรอดเหมือนกำลังอดทนอะไรสักอย่าง พร้อมกันก็ขยับร่างอันใหญ่โตของตัวเองสู่เรือนร่างผมอย่างเชื่องช้า อดทน จนในที่สุดผมก็รองรับพี่เขาไว้ได้ทั้งหมด


   พี่เขาขยับตัวเชื่องช้า ช้ามาก


   แต่ในความเชื่องช้ากลับเต็มไปด้วยความหนักแน่น ตั้งอกตั้งใจจนผมสั่นสะท้าน


   “อืม” ผมส่งเสียงโต้กลับอย่างแผ่วเบา แต่ไม่คิดว่าเสียงที่ผมเปล่งออกไปมันกลับทำให้พี่เขาดูจะสิ้นสุดความอดทน


   “ยั่วจังวะ พี่ไม่ใจดีหรอกนะ”


   “…”


   ผมปรือตามองพี่เขาทั้งที่ยังหอบหายใจถี่ๆ อากาศเหมือนไม่พอหายใจ


   “โธ่! ว่าจะไม่ทำแรงแล้วนะเนี่ย แต่ถ้าทำท่าทางแบบนี้ พี่ก็จะไม่ใจดีด้วยหรอกโว้ย!”


   “อึก พี่เพลิง”


   ผมเปล่งเสียงได้แค่นั้น เพราะหลังจากนั้นพี่เพลิงก็ประกบลงมาลิ้มชิ้มรสที่ปากผมอีกครั้ง และครั้งนี้พี่เพลิงไม่ได้ใจดีอีกจริงๆ ด้วย พี่เขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดตักตวงความต้องการจากผมจนผมรองรับร่างสูงแกร่งของพี่เขาไม่ไหว


   แต่ถึงอย่างนั้นภายใต้ความหื่นที่พี่เขาแสดงออก ผมกลับรับรู้ได้ว่าพี่เขาไม่ได้หยาบคายกับครั้งแรกของผมเลย เพราะหลังจากที่พี่เขาออกแรงจนร่างผมสะบักสบอมนั้น เขาก็จัดการดูแลผมอย่างดีจนผมรู้สึกว่าผมแม่งโครตจะโชคดีที่มีเขาเป็นคนแรกของตัวเอง


   แต่ถึงจะโชคดียังไง ทุกอย่างก็ต้องกลายเป็นอดีต

   งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา


   เหมือนกับผมในตอนนี้ เวลาของผมคงหมดแล้ว...


   ผมควรเลิกเป็นตัวน่ารำคาญของพี่เขาได้แล้ว





....

เอาไปพอหอมปากหอมคอนะคะ
เลิฟซีนเบาๆ พอน่ารัก คริคริ

ฝากเม้นท์ ฝากให้กำลังใจทั้ง ไอ้กันต์ของเฮียเพลิงนะคะ
เดี๋ยวมาต่อให้

ทีนี้ว่าจะจัดพี่เพลิงหนักๆ สักหน่อย
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

จ๊วบบบบบบ!
จุ๊บแรงๆ

 :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-10-2017 14:39:42
อิพี่เพลิงไบโพล่า.. :m16:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 10-10-2017 16:51:22
โอโหห น้องขอจูบเดียว เฮียจัดของแถมให้ชุดใหญ่มาก
รอดูว่าพี่เพลิงจะยังไงต่อไป  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 10-10-2017 17:20:44
มันหน่วงง่ะ :ling2:
ที่พี่เพลิงทำแบบนี้เพราะอยากรู้ใจตัวเองใช่ไหม อย่าคิดนานล่ะ
สงสารกันต์ คงเจ็บปวดเพราะคิดว่าหมดหวังแล้ว ต้องตัดใจจริงๆแล้วคราวนี้
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-10-2017 19:54:25
น้องกันโดนพี่เพลิงกินแล้วววววว
รอพี่เพลิงโดนเอาคืน ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 10-10-2017 21:35:36
พี่เพลิงทำไมเวลาแบบนี้อ่อนโยนกับน้องจัง

รับผิดชอบน้องเลย รู้ใจตัวเองแล้วช่ายมั้ย?
กรี๊สๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 11-10-2017 18:56:44
 :pighaun: มาต่อเร็วๆ นะคะ รอเอาคืนอิพี่เพลิง
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 14-10-2017 01:10:04
พี่เพลิงใจร้ายมากก
มาพรากครั้งแรกกับคนที่บอกว่าจะให้ตัดใจจากตัวเอง
เห็นแก่ตัวที่สุดดด :z3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-10-2017 10:56:41
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 7) รับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เริ่มหัวข้อโดย: Joe_joeyphuwa ที่ 15-10-2017 03:43:27
รอๆๆนะครับ รอวันที่ใจของพี่เพลิง จะรับรักใจของกันต์
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 8) มองจากมุมนอก
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 24-10-2017 15:50:35
บททดสอบที่ 8
มองจากมุมนอก





   {พระพาย}



   พระพายครับ...

   น้องพี่พระเพลิง

   เพื่อนรักไอ้กันต์


   สองสถานะนี้เป็นสิ่งที่สำคัญกับผมมาก แล้วผมก็จะไม่ขอให้ลำดับความสำคัญกับสองสถานะนี้ด้วย ผมจะไม่เลือก...



   ในฐานะน้องชาย ผมมองพี่เพลิงแล้วขอให้คำจำกัดความเขาว่า ‘ตัวเหวี่ยง’ ตั้งแต่เด็กจนโต พี่เพลิงคือคนที่มีความสุดในทุกโหมดอารมณ์ ดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายแม่งไม่เอาใคร หน้าอินทร์หน้าพรหมไอ้พี่เพลิงแม่งไม่สนทั้งนั้น ลองพ่อได้โกรธ พ่อไล่กระทืบดะถึงขั้นเลือดตกยางออกก็บ่อย แต่ในทางตรงกันข้ามใครก็ตามที่พี่เพลิงรัก ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน หรือแฟน พี่เพลิงจะพร้อมจะเป็นฮีโร่ในหนังการ์ตูนที่จะเสนอหน้าเข้าไปช่วยเหลือไม่ว่าเรื่องนั้นจะเล็กหรือใหญ่


   
   ในฐานะของเพื่อนไอ้กันต์ ผมมองว่ามันคือคนที่แสนจะราบเรียบ ไม่ใช่คนที่มีมิติในตัว เป็นคนที่มีเพียงด้านเดียว ด้านนั้นผมขอเรียกว่าด้านสว่าง มันเป็นคนคิดดี จริงใจ และพร้อมจะเป็นเพื่อนผู้ยอมรับฟังปัญหา มันพร้อมจะอดกับเพื่อน อิ่มกับเพื่อน รวมถึงเจ็บกับเพื่อน สมัยเมื่อตอนมัธยมปลาย ตอนนั้นคือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ถ้าผมไม่ได้ไอ้กันต์คอยดึงและยื้อสติไว้ป่านนี้อนาคตของผมก็ไม่รู้จะเป็นยังไง


    อ้อ... ตอนนั้นผมเองมีปัญหาส่วนตัวครับ แล้วผมก็ไม่สามารถบอกคนในครอบครัวได้ มีแต่มันนี่ล่ะที่คอยปลอบอกปลอบใจ


   แต่ตอนนี้พูดเลยว่าผมปวดหัวกับสองสถานะนี้มากกกกกกก เพราะอยู่ตรงกลางที่จะเอนเอียงไปข้างไหนก็จะถูกอีกฝ่ายมองว่ากระทำการทรยศ ซึ่งณ จุดนี้ ไอ้พายจะขอสวมบทบาทการเป็นนกสองหัวเพื่อรักษาความอยู่รอดก็แล้วกัน


   ไอ้ครั้นจะเชียร์ไอ้กันต์ออกหน้าออกตา ไอ้พ่เพลิงก็จะยำตีนให้กินแทนเป็นอาหารมื้อหลักได้ แต่จะเช่วยพี่เพลิงแล้วกันไอ้กันต์ออกไปนั้นก็ไม่ไหวจะมองหน้าเศร้าๆ ของเพื่อนรักที่พร้อมจะตั้งน้ำต้มมาม่า (ที่มีความดราม่า) ให้แดก


   เฮ้ออออ!


   พี่เพลิง กับไอ้กันต์ ทั้งคู่กำลังอยู่ในโหมดอีกคนแอบรัก กับอีกคนอยู่ในโหมดของคนถูกรัก


   คนที่ถูกรักแม่งก็เรื่องเยอะ ทำเป็นลีลาแอ๊คท่า ผมจะรอดูหน้าไอ้คนปากแข็งที่กลืนน้ำลายตัวเอง ปากก็บอกว่าไม่มีทางชอบไอ้กันต์แต่ผมพูดเลยว่าแม่งมีความตอแหลเลเวลสูง


   กูดูหน้าแม่งเด้! ตอนที่ไอ้กันต์เมาแล้วเกือบโดนพวกลากไปนัวอ่ะ พูดเลยว่ามึงพี่เพลิงแม่งโคตรหวงมัน แถมไม่ยอมรับว่าตัวเองก็แอบหวั่นไหวให้อีกฝ่ายอยู่ คงเพราะมันคบผู้หญิงมาตลอดชีวิตล่ะมั้ง


   แต่นี่มันยุคไหนกันแล้ว ความรักมันไม่ใช่เรื่องเพศสภาพหรือเปล่า ที่จริงมันคือความรู้สึกของคนสองคน อยากให้พี่แกยอมรับในข้อนี้ แล้วให้หัวใจตัวเองนำทางไม่ใช่สมอง


   เหมือนเมื่อคืน...


   ผมนี่ล่ะที่เป็นคนเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพี่เพลิงมันจะบีบคอไอ้กันต์หรือเปล่า ก็หวังว่าแม่งจะดีๆ ใส่กันอ่ะนะ ถ้าไอ้พี่เพลิงแม่งไม่ยำตีนให้ไอ้กันต์สวาปามเสียก่อน



....


 :mew1:



หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 8) มองจากมุมนอก
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-10-2017 20:52:01
กามเทพจะแผลงศรสำเร็จไหม???  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 8) มองจากมุมนอก
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 24-10-2017 21:31:20
แค่นี้หรอ กรี๊สส  :z3:
เราไม่ยอมให้พี่เพลิงคบกะกันต์ดีๆหรอก
คนแบบนี้ต้ได้รับบทเรียนซะบ้าง
คนอะไรเห็นแก่ตัวอะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 8) มองจากมุมนอก
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 25-10-2017 01:02:22
ขนาดพระพายยังจะพอดูออกเลยว่าพี่เพลิงแอบหวงแต่นางไม่รู้ใจตัวเอง
มาต่อบ่อยๆน้าา  :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 9) หนี
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 31-10-2017 17:26:10
บททดสอบที่ 9
หนี




   หลังจากคืนนั้น ทุกอย่างก็จบลง


   ผมเดินออกมาจากห้องอย่างเงียบกริบ แม้ว่าอาการแฮงค์ที่ทำให้ผมปวดหัวแทบระเบิด ไหนจะความบอบช้ำจากประสบการณ์ร่วมรักครั้งแรกนั่นอีก ยังไม่รวมหัวใจพลันวูบโหวงเมื่อต้องผละจากอ้อมกอดที่ผมต้องซุกซบอยู่กว่าหลายชั่วโมง แต่ผมก็รวบรวมเรี่ยวแรงแล้วพาตัวเองออกมาจนได้


   คงจะดีกว่าที่เราจะไม่ต้องฝืนปั้นหน้าใส่กัน ผมควรจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่เราทั้งคู่ลำบากใจ

   เป็นแบบนี้ล่ะ ดีแล้ว

   ผมเซซังกลับบ้านด้วยหัวใจอันบิดเบียวไร้ความหวัง หนึ่งค่ำคืนที่ใครอาจมองว่าเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่กับผมแล้วมันคือค่ำคืนที่มีความหมาย และเป็นความทรงจำที่ผมจะไม่มีวันลืม

   มันน่าจะจบแค่หนึ่งรอยจูบ

   ควรเป็นหนึ่งจูบที่เฉยชา เพื่อจบเรื่องวุ่นวายที่ผมได้เริ่มไว้ และมันควรเป็นรอยจูบที่จบฉากความรักสุดดราม่าที่ไม่มีวันสมหวัง

   แต่มันก็เถิดไปไกล ถามว่าเสียใจไหม...

   ตอบได้เลยว่า ไม่

   ผมไม่ได้รู้สึกว่าสูญเสียอะไร ในความคิดผม มันก็แค่มอบบางอย่างที่สำคัญให้กับคนที่รัก แล้วได้รับกลับมาก็คือความทรงจำ

   อาจเป็นความทรงจำที่ข่มขื่นไปสักหน่อย แต่ผมก็ยินดีที่จะมีมันอยู่สมองและหัวใจก้อนเล็กๆ กลางอกนี้ มันอาจเป็นความคิดโง่ๆ ก็ได้นะ แต่ผมก็พอใจ

   “ไอ้กันต์ ไอ้ห่ากันต์”

   เสียงของพระพายปลุกผมจากภวังค์

   “อะ....อะไรนะ”

   “ใจลอยไปไหน อาการเหม่อลอยของมึงนี่มันชักจะเลยเถิดไปใหญ่ล่ะนะ มีอะไรจะเล่าให้เพื่ออย่างกูฟังมั้ย”

   สีหน้าสงสัยจนปิดไม่มิดของมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดไม่กล้าสบตา กลัวว่าไอ้เพื่อรักคนนี้จะได้กลิ่นเค้าลางความลับที่ผมจงใจอยากปิดเอาไว้

   ที่จริงก็ไม่ได้อยากปิดอะไรขนาดนั้น แต่ผมกลัวว่าพี่เพลิงจะไม่พอใจมากกว่า สุดท้ายคนที่ผมแคร์มากที่สุดก็คือพี่เพลิงอยู่ดี

   “…”

   ผมไม่พูดแต่ส่ายหน้าไปมา และหวังว่าสีหน้าคงจะไม่เลิกลักจนผิดสังเกตุ

   ไอ้พายพยายามเค้นความลับออกจากปากของผม และถามประโยคนี้กับผมมาตั้งแต่สองวันก่อน คำถามที่ยังคงวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาทั้งที่ผมก็ไม่ยอมปริปากอะไร

   “อย่ามา กูรู้ว่ามึงมีความลับ นี่ใคร เพื่อนนะเว้ย! เพื่อนมีไว้ทำะไร เพื่อนแท้ย่อมไม่มีความลับ” ไอ้พายทำหน้าหงิก แล้วยกมือสะบัดอย่างไม่ออมมือมาที่หัวของผม ซึ่งก็แรงจนน้ำตาเกือบๆ จะปริ่ม

   “ไม่มีอะไรเลยมึง อย่ามโน กูนี่โคตรปกติ”

   ผมรีบบอกปัด ไม่อยากให้ไอ้ขี้เผือกมันสาวไส้ออกมาแดก

   ที่ผ่านมาสองวันก็รักษาสีหน้าและอาการให้ดูร่าเริง มีหัวเราะบ้างพอ สรรหาเรื่องมาคุยบ้าง อีกอย่างก็ไม่ได้ทำหน้าเศร้าเหมือนที่ผ่านๆ มาด้วยนะ แล้วยังจะมาว่าไม่ปกติอีก

   “ปกติ เหอะ! เชื่อมึงก็ควายล่ะ”

   “ดูละครเยอะไปป่าว” ผมบ่ายเบี่ยง ยังปากแข็งต่อไป

   “สัดละครบ้านมึง นี่กูมีตาก็เห็นหรือเปล่า เอาตรงๆ นะ กูไม่อ้อมล่ะ เรื่องไอ้พี่เพลิงใช่มั้ย ยังไงพูดมา เห็นแม่งเทียวไปเทียวมาไล่ต้อนมึงอยู่เนี่ย”

   ไอ้พายชี้หน้า เมื่อผมทำท่าจะอ้าปาก คำพูดโกหกพกลมที่ตระเตรียมไว้มีอันจุกอยู่ที่ลำคอ หาจังหวะพ่นออกไปก็ไม่ได้

   “หยุด เลิกพูดว่าไม่มี กูเห็นนะ มึงกับพี่มันแอบคุยกันตรงซอกตึก แถมเดินต้อนหน้าต้อนหลังมึงไม่เลิก จะบอกให้นะว่ากูไม่ได้เห็นแค่ครั้งสองครั้ง” มันส่งสายตาจับผิด “ไม่พูดเหรอมึง เดี๋ยวกูไปถามพี่แม่งเองดีกว่า มึงจะเอางั้นใช่?”

   “อย่านะ”

   “นั่นไง พิรุธมึงเยอะมาก”

   “อาจจะตาฝาดก็ได้ คนอื่นมั้งมึง”

   “โอ๊ยยยย แหล” ไอ้พายเบ้ปาก หรี่ตามองประหนึ่งว่ารู้ทัน

   “แหลอะไร เปล่า”

   “เนี่ย เขาเรียกว่าแหล กูจำพี่ที่คลานออกมาจากท้องแม่ได้ เพราะกูเห็นหน้ามันแทบทุกวันนี่ก็สิบแปดปีล่ะ”

   ไปไม่เป็นเลยครับ

   บอกเลยเป็นคนทำบาปไม่ขึ้น

   โกหกก็ไม่เคยเนียน โอ๊ยยย!

   “เขาก็มาหาแฟนเขามั้ง คนนั้นไง ดาวคณะแสนสวยไงมึง”

   “เหรอ แล้วไอ้ที่จับขงจับแขนนี่อะไร ไอ้กระซิบกระซาบนั่นอีก” พายแย้มมุมปากแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ “พี่มันมาหามึงชัดๆ  มึงและมึงเท่านั้น”

   “ไม่ช่ายยยยย”

   “สัด เสียงสูง เสียงสองก็มา ยอมรับมาดีๆ ก่อนที่กูจะต้องลงมือเค้นความจริง”

   มันทำสายตาเจ้าเล่ห์แล้วทำท่าหักนิ้วของตัวเอง ะใบหน้าหล่อๆ มาดหมายดูน่าสยดสยอง แต่ถ้าหวังจะให้คนอย่างผมจะยอมง่ายๆ นะเว้ย!

   “…”

   “จะเอางี้ใช่อ่ะ?”

   “มึงคิดมากไปเองงงงงงง” เสียงหลงมาก หน้าตาก็โคตรพ่อโคตรแม่มีพิรุธ

   “นับหนึ่ง

   “…”

   “นับสอง


   “อย่านะพาย ไม่เล่นโว้ย” ผมขยับตัวลุกลี้ลุกลน

   “นับสาม” หน้าตาแปลเปลี่ยนเป็นขึงขัง

   “หมดเวลาแล้วมึง” ไอ้พายลุกขึ้น

   มือหนาเอื้อมมาล็อคคอผมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็เล่นงานผมด้วยการจี้เอวข้างหนึ่งจนผมสะดุ้งสุดตัว

   ไอ้เวร! มันรู้จุดอ่อนแล้วเอามาใช้เล่นงานกันแบบนี้เหรอ

   เพื่อนเลว

   “ถ้ามึงไม่คายความจริงออกมา กูจะจี้ให้ขาดใจตาย” มันกระซิบข้างๆ หูเล่นเอาผมขนลุกซู่

   “ฮ่า ฮ่า อย่า... ฮ่า ฮ่า ไอ้พาย กู ฮ่า ฮ่า ไม่เล่น”   

   ผมหัวเราะงอหาย พยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ทำไม่ได้ ก็ไอ้พายมันแรงแรงควายแถมตัวใหญ่กว่าผมมาก เรี่ยวแรงหรือก็สู้มันไม่ได้ มันไม่เพียงแค่จี้เอว แต่ยังรัดตัวผมแน่น แถมนิ้วเขี่ยต้นคอเบาๆ จนขนลุกไปทั้งตัว ย่นคอหนีพัลวัล

   จุดอ่อนกูทั้งนั้น

   “นี่ก็ไม่ได้เล่น ฮึๆๆๆ  กูเอาจริง มึงมีความลับกับเพื่อนเหรอ” มันขยับนิ้วไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ทำท่าจะล้วงเข้าไปข้างในเสื้อเพื่อรังแกผมให้หนักมือกว่าเก่า

   “ปล่อยยยยย ฮ่า ฮ่า ปล่อย”

   “ถามมึงดีๆ ก็แล้ว ขู่กรรโชกก็แล้ว มึงก็ไม่ยอม ต้องโดนแบบนี้ล่ะ”

   “อยากเผือกมากเหรอ ฮ่า ฮ่า”

   “มันก็แน่อยู่แล้ว เรื่องมึงก็เรื่องกูนี่ล่ะ ว่าไงจะพูดไหม”

   มือสากของมันไล้แผ่นหลังผมไปมา เป็นสัมผัสแผ่วๆ ที่สร้างความปั่นป่วนไปหมด น้ำตาผมเริ่มไหลจากการหัวเราะอย่างท้องคัดท้องแข็ง แทบหัวเราะจนขาดใจตายจากน้ำมือเพื่อนผู้อำมหิต

   “ถ้าไม่พูดกูจะบี้หัวนมมึงเลยดีมั้ย ฮึฮึ” มันเลื้อยมือมาข้างหน้า ทำท่าจะทำแบบนั้นจริงๆ

   “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยอม กูยอม ยอมแล้ว”

   



   ตึ้ง!

   ครืดดดดด!


   แต่ก่อนที่ผมจะพูดอะไรของบางอย่างกระแทกลงบนโต๊ะพร้อมกับเสียงเก้าอี้ถูกลาก มือหนาของไอ้พายที่ล้วงเสื้อผมอยู่ถูกกระชากออก เจ้าตัวร้องเสียงหลง แต่มืออีกข้างของมันก็ยังรัดคอผมไว้แน่น

   “โอ๊ย! ใครวะ”

   “เล่นส้นตีนอะไร”

   เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเหนือหัวของเราทั้งคู่ เป็นน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง ผมรีบเอาเสื้อที่ถูกเลิกขึ้นให้ปิดลง รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะเมื่อครู่เลือนหายไปในชั่วพริบตา ดวงตาจึงหลุบลงต่ำด้วยไม่อยากสบสายตาที่ดุดันของผู้ที่มาใหม่

   “พี่มาหักนิ้วผมทำไมวะ เจ็บนะเว้ย

   “สัด สำออย” น้ำเสียงที่ส่งกลับมาห้วนๆ ดูคุกรุ่นด้วยอารมณ์โกรธซึ่งไม่รู้ว่าไปโกรธใครมาจากไหน

   “นิ้วจะหักอยู่รอมร่อ สำออยตรงไหนหาาาาา” ไอ้พายเสียงหลง

   “มึงหยุดบ่นไปเลย หรืออยากจะให้กูหักนิ้วมึงจริงๆ ก็ได้นะ กูจะไม่ออมแรงเลยทีนี้”

   “พี่เป็นบ้าอะไรวะ ผมอยู่ของผมดีๆ พี่มาเหวี่ยงใส่ทำไม ใครเหยียบตีนหรือไงถึงมาลงกับผมเนี่ย”

   “เหยี่ยบตีนหรือเปล่าไม่รู้อ่ะ แต่กูจะเหยียบหน้ามึงถ้าทำให้กูหมั่นไส้มากๆ” แววตาเอาเรื่องของพี่เพลิงที่ส่งมาให้เราทั้งคู่ทำให้ผมอึดอัด แต่เพราะไอ้พายมันเหนี่ยวคอเอาไว้ผมเลยขยับไปไหนไม่ได้

   “เฮ้ย! แล้วผมไปทำอะไรพี่”

   ไอ้พายทำเสียงสูงปรี๊ด ถามด้วยอาการงง หน้าก็งอง้ำผสมงุนงงในท่าทีของพี่ชายที่ดูจะพาลลงกับตนโดยไร้สาเหตุ

   “แล้วมึงนี่ยังไง ปล่อยให้ไอ้ห่านี่ล้วงควักอยู่ได้ ชอบแบบนี้เหรอมึง”

   แทนที่พี่เพลิงมันจะด่าไอ้พาย กลายเป็นหันมาเล่นงานผมแทน แถมยังกระชากมือไอ้พายที่รั้งคอผมไว้แล้วจับเราทั้งคู่แยกออกจากกัน

   “…”

   ผมพูดไม่ออก ทำได้เพียงหันไปสบตากับเพื่อนรักที่ทำหน้าเหยเกคลำนิ้วของตัวเองแล้วพำพำว่าเจ็บไม่หยุด

   “อ้อ รู้ล่ะ หวงก้างนี่เอง” สิ้นเสียงที่ไอ้พายพึมพำอย่างไม่เต็มปากเต็มคำ สายตาขวางๆ ของอีกฝ่ายส่งสัญญาณแห่งความอาฆาตไปให้ แล้วตบกะบาลผู้เป็นน้องชายเข้าฉาดใหญ่ พร้อมกับถลึงตา เจ้าตัวรีบหุบปากสนิท ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาสักแอะแม้ดูแล้วจะเจ็บเพียงใดก็ตาม

   “ไลน์หา ทำไมไม่อ่าน”

   เมื่อคนที่ผมพยายามจะหลบหน้าคาดคั้นถาม ถึงแม้ว่าต้องการเลี่ยงที่จะคุยกันเท่าไร แต่ก็ต้องตอบกลับไปอย่างเสียไม่ได้

   “ผมเรียนอยู่”

   “นี่ก็เลิกเรียนล่ะ ทำไมไม่ตอบ”

   “ผมอยู่กับเพื่อน คุยธุระกันอยู่”

   ผมพูดแผ่วเบา ปกปิดความรู้สึกของตัวเองไว้อย่างมิดชิด ก็ตอนนี้ผมหลบหเพราะอยู่ในระยะเวลาการตัดใจ การไม่เจอ ไม่ติดต่อกันน่าจะทำให้อะไรง่ายขึ้น แต่ก็อย่างที่เห็น พี่เพลิงไม่ได้ช่วยให้อะไรง่ายสักนิด เรียกว่าสลับขั้วกับผมเมื่อก่อนเฉยเลย

   แต่ผมก็ต้องอดทนและผ่านช่วงเวลาเจ็บสัสๆ นี้ไปให้ได้

   “งั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านเดี๋ยวนี้เลย”

   “อะไรนะ”

   “บอกให้เอาโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านไง มึงรู้ไหม เวลาที่คนส่งข้อความมาหาเนี่ย มึงต้องตอบ”

   ว้อท?

   เดี๋ยวนะ...

   เมื่อก่อนผมก็ส่งข้องความหา ก็ไม่เห็นจะเคยได้ตอบสักเท่าไรนะ  ทีงี้มาควดหวังอะไรจากผมกันหา?

   “แบตหมด” สกิลการแถของผมเริ่มจะแก่กล้าขึ้นตามสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ

   “เอามาดูดิ”

   “…” ดวงตาผมเบิกกว้างด้วยความอึ้ง

   “เอาออกมาให้ดูหน่อย ถ้าโกหกโดน”

   พี่เพลิงแบมือเพื่อขอโทรศัพท์จากผม ท่าทางเอาจริงเอาจังมากจนผมจำต้องล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงส่งให้อย่างปฏิเสธไม่ได้ โทรศัพท์ของผมอยู่ในมือพี่เพลิงแล้ว

   พี่เขาสไลด์และกดอยู่อึดใจหนึ่ง และผมก็กำลังหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง ไม่รู้ว่าพี่แกจะโวยวายเลเวลไหน หลังจากได้โทรศัพท์ของผมไปและเปิดโน่นเปิดนี้ดูอย่างถือวิสาสะเสมือนว่าเป็นโทรศัพท์ตัวเองก็ไม่ปาน

   เพียงครู่พี่เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับสภาพแดงก่ำ ตาขวางจ้องผมไม่กระพริบ

   “มึงบล๊อคไลน์กูเหรอ” เสียงนั้นตะคอกกลับมา

   แต่ผมก็ไม่ได้อยู่ในโหมดอารมณ์ที่จะกังวลความพอใจหรือไม่พอใจของพี่เพลิงอีกแล้ว ก็ตั้งธงไว้ว่าจะตัดใจ อย่าหวั่นไหว ฮึบๆๆๆ

   “…”

   “มึงกล้าดียังไงบล๊อคกู”

   “ก็เราไม่ต้องติดต่ออะไรกัน ถึงบล๊อคไปก็ไม่เห็นแปลก”

   ผมพูดเพียงแค่นั้น แล้วแบมือขอโทรศัพท์จากพี่เขาคืน

   “กูให้โอกาสมึงพูดอีกที บล๊อคกูทำไม คิดดีๆ ก่อนพูดนะ ไม่งั้นจะหาว่ากูไม่เตือน”

   “เพราะเราไม่มีเรื่องต้องคุยกัน ผมไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ ชัดเจนนะครับ”

   เมื่อตอบออกไปผมก็เห็นหน้าของอีกฝ่ายที่โกรธจนควันออกหู คนหล่อใจโหดของผมกัดฟันกรอด กำโทรศัพท์ในมือแน่นเหมือนกำลังระงับอารมณ์ที่กำลังเดือนพล่าน

   “เออ โคตรชัดเจน ฮึ! งั้นมึงก็ไม่ต้องมีหรอก ไอ้โทรศัพท์เหี้ยๆ เนี่ย ถ้ามึงไม่อยากคุยกับกู ก็ไม่มีสิทธิ์สะเออะคุยกับใคร”
 
   ตุบ!

   แกร๊ก!

   พูดจบพี่เพลิงก็ปาโทรศัพท์ของผมลงพื้น เคสที่หุ้มไอโฟนหกแตกหลุดออกจากเครื่อง หน้าจอคว้ำลงกับพื้นซึ่งให้เดาป่านนี้คงร้าวไปแล้วมั้ง ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าพี่เขาจะโมโหได้รุนแรงถึงขั้นนี้

   เมื่อผมเงยหน้าก็เห็นดวงตาที่แข็งกระด้าง สีหน้าก็ดูเหมือนอยากกระโจนเข้ามาบีบคอผมใจจะขาด ผมงี้เสียวสันหลังวาบๆ แต่ผิดคาด พี่เพลิงทำแค่เพียหันหลังแล้วเดินผละออกไปเงียบๆ 

   “เฮ้ยพี่เพลิง พี่ทำงี้ทำไมวะ มันมากไปนะเว้ย”

   พายตะโกนไล่หลังพี่เพลิงที่เดินผละไปแบบดื้อๆ เจ้าตัวไม่หันหลังกลับมาว่าตัวเองได้ทิ้งความเสียหายไว้กับอะไรบ้าง แต่กลับยกนิ้วกลางกลับมาให้เป็นสัญลักษณ์แทนทุกถ้อยคำ

   ของลับถูกแจกให้เราทั้งคู่

   ส่วนผมก็ได้แต่มองโทรศัพท์ที่หน้าจอแตกร้าวด้วยหัวใจที่แหลกละเอียดไม่ต่างกัน








   
   เมื่อกลับมาถึงห้อง ผมวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วทรุดตัวลงบนเตียง อาการเซ็งจับจิตจู่โจมไม่หยุด ตอนนี้แม่งโคตรเครียด เครียดจนหัวแทบระเบิด ไม่รู้มันจะอะไรกันนักกันหนา ไอ้ตอนรักมันก็ไม่ยาก แต่ไอ้ตอนจะเลิกรักนี่มันทำไมยากจังวะ

   คิดแล้วก็ล้วงโทรศัพท์ที่หน้าจอแตกด้วยความเหนื่อยอ่อนใจ

   คือต้องซื้อใหม่เหรอวะ!!!!!

   ต้องเสียเงินด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่นะ

   โว้ยยยยยย!

   ไอ้พี่เพลิงนี่มันจะโหดไปไหน เอะอะทำลายข้าวของมันใช่เรื่องไหม โทรศัพท์ก็ไม่ใช่แค่เครื่องละสองสามร้อยนะ ตอนซื้อมาใหม่ๆ สองหมื่นกว่าเลยนะเว้ยยยยยยย

   เก็บหอมรอมริบมาหลายเดือนกว่าจะได้ พริบตาเดียวเละกระจุย ผมถอนใจรอบที่ร้อยก่อนจะเดินไปเปิดคอม จากนั้นก็เปิดโน่นนี่ดูแก้เซ็ง

   ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่ไม่สามารถติดต่อได้โดยสมบูรณ์แบบ ดังนั้นผมเลยใช้เครื่องคอมและเริ่มเปิดไลน์ดูเผื่อว่าจะมีใครติดต่อมา แล้วผมก็เข้าห้องแชตเพื่อทยอยอ่านข้อความที่ถูกส่งมา
   
   PraPai : เป็นไงมั้งมึง


       
GuNgUn : ไม่เป็นไง
[/b]

   
GuNgUn : ชิวๆ
[/b]

   ผมตอบกลับไป แม้ใจใจจะขมขื่นปนโมโหเล็กๆ

   PraPai : กูแม่งโคตรงง พี่กูนี่แม่งบ้าแน่ๆ ว่ะ

   PraPai : แดกอะไรผิดสำแดงมา ก็ไม่รู้

   PraPai : ไม่เป็นไรนะมึง


GuNgUn : ก็แค่โทรศัพท์เครื่องละสองหมื่นพังอ่ะมึง
 
GuNgUn : สบายยยยย

   PraPai : กวนตีน

   PraPai : ยังมีอารมณ์เล่นเน๊อะ

   
GuNgUn : ใครบอกมึง ตอนนี้กูน้ำตาไหลพราก

GuNgUn : ลูกรักกูตายแหงแก๊

   PraPai : เดี๋ยวพรุ่งนี้หาโทรศัพท์ให้ใช้ พี่กูนี่แม่งงี่เง่าสัส

   PraPai : เหี้ย หึงแบบออกหน้าออกตา


       
GuNgUn : หึงบ้าอะไรมึง ผิดล่ะ

   PraPai : เหอๆๆๆ ไม่เรียกว่าหึง กูก็จะขอเรียกว่าหวงก้าง

   หวงก้างเหรอ?

   ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่จากการที่พี่เพลิงตามตอแยผมตลอดสองสามวันที่ผ่านมา มันก็พาลให้ผมจิตใจไขว่เขว

   ระหว่างที่ผมกำลังทบทวนอยู่นั้น เสียงประตูห้องของผมก็ดังขึ้น ผมเดินไปเปิดก็พบใบหน้าราบเรียบของคนที่กวนใจผมมาตลอทั้งวันยืนล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง และยื่นถุงพลาสติ๊กสีขาวขุ่นที่สกรีนโลโก้แอปเปิ้ลไว้มาให้

   “ของมึง”

   “อะไรครับ”

   ทั้งที่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็อดไม่ได้ที่ถามออกไปแบบนั้น ก็เพราะทำตัวไม่ถูกแล้วก็แปลกใจมากๆ ด้วยที่เห็นพี่เขายืนอยู่ตรงนี้

   “ที่กูทำโทรศัพท์มึงพัง กูซื้อมาใช้” ใบหน้านิ่งเรียบ น้ำเสียงไม่บอกอารมณ์ทำให้ผมเดาไม่ถูกว่าพี่เขาคิดอะไรอยู่

   เมื่อตอนบ่ายพี่เขาโกรธจนแทบจะบีบคอผม แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ผมเลยโล่งใจนิดหน่อย เพราะไม่ชอบเวลาพี่เขาโมโหสักเท่าไร เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเวลาโมโหเขาโคตรน่ากล้ว แล้วก็ไม่น่าอยู่ใกล้อ่ะ

   เสี่ยงตายได้เลยนะนั่น

   “ที่จริงพี่ไม่ควรต้องเสียเงินซื้อนะ ถ้าพี่ไม่ทำตัวไร้เหตุผล เวลาโมโหก็จ้องทำลายข้าวของ”

   ผมพูดเบาๆ แต่ฟังแล้วแอบจิกเล็กๆ ก็ไม่กล้าพูดเยอะ เพราะเดี๋ยวที่จะแหลกคราวต่อไปอาจจะเป็นหัวผมเนี่ย ก็พี่แม่งบ้าพลังฉิบหาย

   “เออ รู้น่า เอาไป” พี่เขาพูดเหมือนรำคาญ

   ผมมองเฉยๆ แต่ไม่รับไว้

   “แล้ว... พี่มาได้ไง”

   ถามไปแบบสงสัย ไม่คิดว่าพี่เพลิงจะรู้จักห้อง แล้วอีกอย่างที่นี่ก็ไม่ได้ให้ใครต่อใครเข้ามามั่วซั่วด้วยนะ

   “เพื่อนกูอยู่ชั้นบน เผื่อมึงสงสัย” เขาสะกิดมือผมเบาๆ “เอาไปดิ ซื้อมาแล้ว ถ้าไม่อยากใช้ก็เอาไปขายต่อก็ได้ รับไป”

   ผมมองดูถุงนั้นอยู่อึดใจใหญ่ก่อนรับมาอย่างเสียไม่ได้ ท่าทางพี่เขาก็ดูสำนึกผิดอยู่เหมือนกัน เมื่อเปิดดูก็พบกับกล่องไอโฟนรุ่นใหม่ที่ดูยังไงก็ไฉไลกว่าเดิมอยู่ในนั้น

   “ซื้อรุ่นใหม่มาทำไม โคตรเปลืองเงิน ที่จริงเอารุ่นเก่ามาก็ได้”

   “ก็ซื้อมาแล้ว ใช้ๆ ไปเหอะ สีดำไม่มีกูเลยซื้อสีขาวมา”

   “เออ... ขอบคุณครับ”

   เราทั้งคู่ยืนนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดก่อนจนเวลาผ่านไปร่วมนาที

   ความว้าวุ่นใจกำลังกัดกินผม

   ก็นะ ยังไงดี?

   พี่เพลิงที่ผมรักยังคงเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ ผมไม่ได้โกรธแบบจริงจังหรอก แป๊บๆ ก็หายล่ะ แต่ก็เผลอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ซึ่งคนตรงหน้าก็คงได้ยินมันเหมือนกัน

   “เออ กูผิด กูขอโทษ ก็มันโมโหนี่หว่า”

   “ครับ ช่างมันเถอะ” ผมยอมรับคำขอโทษแบบง่ายๆ เพราะดูแล้วพี่เขาก็สำนึกอยู่ไม่น้อย

   “ไอ้กันต์ แต่ตอนนี้กูก็ยังโมโหอยู่นะ เรื่องที่มึงทำทุเรศๆ กับกูอ่ะ”

   แต่เพียงสามวินาที ไอ้เสียงสำนึกผิดเมื่อครู่แม่งเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงเหวี่ยงวีนไปได้ว่ะ

   “พี่โมโหผมอยู่ แต่ก็ยังซื้อโทรศัพท์มาให้ผมเหรอ”

   “เออ มันคนละส่วน ไอ้ซื้อใช้ให้มันก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนเรื่องโมโหมันก็อีกเรื่อง”

   “…”

   รับผิดชอบ... รวมถึงเรื่องคืนนั้นด้วยหรือเปล่า

   อย่างนั้นใช่ไหม?

   พี่เขาถึงรู้สึกผิดทำนองนั้นหรือเปล่า ผมคิดอย่างสับสน

   แต่จะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้ไงในเมื่อก่อนหน้านี้พี่เขาจงเกลียดจงชังผมจะตาย แต่ตอนนี้เหรอมาหาผมทุกเช้าทุกเย็น แต่เป็นผมที่วิ่งหนีแทน มันสลับกันอย่างสิ้นเชิง

   “ไม่มีใครกล้าทำอย่างมึงมาก่อน อวดดี! บังอาจบล๊อคกู ” พี่เพลิงเอานิ้วจ้ิมหน้าผากผมเบาๆ “แต่ช่างแม่งเหอะ พูดไปอารมณ์กูก็ขึ้นอีก  ดีไม่ดีทุบมึงเข้าให้ เด็กห่าอะไรกวนโมโหฉิบหาย ไปๆ เข้าห้อง แล้วมึงเอาซิมใส่เครื่องเลยนะ เลิกบล๊อกกูด้วยอ่านไลน์เสร็จก็ตอบกู ทีหลังอ่ะ ครั้งนี้กูจะพังห้องมึงแทน เข้าใจมั้ย”

   ประโยคยาวเหยียดออกจากปากคนตรงหน้า คำสั่งที่ดูท่าแล้วต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

   “พี่เพลิง พี่อย่าทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า”

   “พังข้าวของอ่ะนะ”

   “ปั่นหัวผมต่างหาก ผมกำลังตัดใจนะ พี่มาทำดีแบบนี้มันก็ยิ่งยาก”

   “ยากก็ไม่ต้องทำดิ ฟาย”

   “พี่เพลิง ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ถ้าเรื่องที่เกิดวันนั้นมันทำให้พี่รู้สึกผิด ก็ไม่ต้องหรอก ผู้ชายไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว”

   “ได้กูแล้วชิ่งเหรอมึง”

   พี่เพลิงยื่นหน้ามาใกล้พร้อมกับผลักหัวผมเบาๆ แต่สีหน้าอ่านไม่ออก

   “จะบอกให้นะ กูแม่งไม่ได้รู้สึกผิดสักกะติ๊ดว่ะ”

   “แล้วพี่มาวุ่นวายกับผมทำไม”

   “ก็กูพอใจ จะพูดว่าหลงเสน่ห์ลีลามึงก็ได้มั้ง” สีหน้าพี่แม่งกวนตีนว่ะ

   แล้วพูดบ้าอะไรออกมาว่ะ กูงี้อับอาย พอพูดขึ้นมาภาพวันนั้นก็ฉายชัดขึ้นมาในหัวเสียฉิบ

   “ไม่ตลกนะ”   

   “กูก็ไม่ได้ให้มึงตลก ทำไมวะ ไม่เชื่อในท่วงท่าตัวเองหรือไง เซล์ฟหน่อยมึง”

   พี่มันยกมือขึ้นมาเขี่ยแก้มผมเบาๆ จากนั้นก็ไล้ลงมาถึงปลายคาง แต่ถึงจะเบายังไงก็ทำให้ผมขนลุกซุ่

   สัมผัสจากปลายนิ้วนั้นมีผลกระทบส่งต่อความรู้สึกของผมหนักกว่าที่ควร ใจผมสั่น แถมยังเต้นแรงกว่าปกติ นี่ก็ปาเข้าไปห้าริกเตอร์แล้วมั้ง โอ๊ยยยย

   “นี่พี่ล้อผมแรงไปแล้วนะ”

   “ไม่อ่ะมึง ถ้าอยากเจอแบบแรงๆ เดี๋ยวจัดให้ นี่เบสิก” ใบหน้าหล่อระดับพระการฬก้มลงมาจนเกือบชิด แถมมือไม้ก็คว้าหมับเข้าให้จนผมต้องผงะหนี

   “พี่เพลิง” ผมปัดมือพี่เขาออกเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะรั้งต้นคอของผมเข้ามาใกล้ และทำท่าจะทำมากกว่านั้น “ก็ไหนบอกว่าไม่ชอบผู้ชายไง”

   “อืม... แต่กับมึงมันก็ไม่ได้แย่นี่หว่า จากที่กูลอง ก็โอนะ ฟินใช้ได้”

   “เฮ้ย! พี่พูดบ้าอะไรวะ”

   “เรื่องจริง หรือมึงไม่ฟิน”

   “ไม่โว้ยยยย”

   “ตอแหล” ผมโดนด่า พร้อมกับสีหน้าที่ไม่เชื่อถือของอีกฝ่าย

   “ผมขอจบว่ะพี่ เรื่องของเราแม่งไม่ควรเลยเถิดเลยด้วยซ้ำ พี่เองก็ไม่ต้องจำมันหรอก”

   “เลยเถิดแล้วไงวะ” เสียงพี่เขาดูหงุดหงิดอีกระรอก “กูไม่เถียงกับมึงล่ะ เอาเป็นว่ามึงเคยเกาะติดกูยังไง จากนี้ไปบอกเลยว่าอย่างกูแม่งเกาะหนึบเกาะแน่นกว่าเอาให้ตุ๊กแกเรียกพ่ออีกย สลัดกูไม่ง่ายนะ น้ำหน้าอย่างมึงชาตินี้ก็ไม่มีปัญญาหรอก รู้เอาไว้ด้วย ไอ้เด็กเหี้ย”
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 9) หนี
เริ่มหัวข้อโดย: Joe_joeyphuwa ที่ 31-10-2017 21:58:41
เอาแล้วๆๆ อิอิ. สนุกมากเลยครับ   รอตอรต่อไปรชนะครับคุณ :L2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 9) หนี
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 31-10-2017 22:03:00
อิพี่เพลิง...นี่ไม่ใช่จำเลยรักนะ แม่ง โหดสัตว์รัสเซียเชียว หมั่นไส้  :m16:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 9) หนี
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 31-10-2017 22:12:44
อีพี่เพลิงขนาดนี้แล้วก็ยังจะปากดีไม่เลิก ทีอย่างงี้ละวุ่นวายจัง
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 9) หนี
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 01-11-2017 01:19:50
เอาจริงๆจากใจเลยนะ
ไม่รู้สึกดีหรือฟินกับการกระทำของเพลิงเลยอะ
สำหรับเราคือทุเรศมาก ทั้งการกระทำและคำพูด

แต่กันต์คงไม่เห็นด้วยสินะ กันต์จะใจอ่อนแล้วใช่มั้ยย :z3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 9) หนี
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 01-11-2017 14:48:38
สนุก น้องน่ารัก พี่ก็กวนเบื้องล่าง จะรอดูพีมันเป็นทาสเมีย :hao3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 9) หนี
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-11-2017 18:59:37
จัดพี่เพลิงหนักๆๆๆๆๆเลย
รออยู่ อิอิ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 10) ลอง
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 21-11-2017 15:49:51
บททดสอบที่ 10
ลอง

{พระเพลิง}

   ความรู้สึกของผมกำลังอยู่ในช่วงขาลง ดำดิ่งลงสู่เหวลึกที่ไม่อาจประมาณได้ว่ามันสักราวๆ ไหน
   มันหนัก มันหน่วง อึนๆ มึนๆ ในหัวใจ ไอ้ที่เคยคิดว่าตัวเองแน่มาตลอดชีวิตมันเริ่มไม่ใช่อ่ะ
   ไม่รู้ต้องทำยังไงความรู้สึกย่ำแย่แบบนี้จะหมดไปสักที


   ตอนนี้ไอ้คริสแม่งก็วอแวไอ้กันต์ฉิบหาย แม่งไม่มีที่อื่นให้ไปหรือไงถึงจ้องจะมางาบไอ้กันต์ขนาดนี้

   สันดานคริสก็ไม่น่าไว้ใจ หลอกแดกเขาไปทั่ว ไม่รู้ว่าคนบื้อๆ อย่างไอ้กันต์มันจะทันเล่ห์เหลี่ยมหรือเปล่า

   รวมถึงวันนี้ การเห็นภาพที่ไอ้กันต์หยอกล้อถึงเนื้อถึงตัวกับไอ้พายมันทำให้ผมควันออกหู คำว่าหวงมันเล่นงานผมรุนแรงมาก ต่อให้รู้ว่าไอ้สองคนนั้นมันคือเพื่อนสนิทกันแบบเพื่อน ไม่มีทางเกินเลยไปในทางอื่นก็เถอะ


   แต่มันไม่ชอบเวลาที่ใครถึงเนื้อถึงตัวมันไง

   ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นมาสักพักล่ะ มาเด่นชัดขึ้นก็หลังจากวันนั้นนั่นล่ะ ก็โคตรไม่ชอบเวลาที่มันยิ้ม หัวเราะมีความสุขเวลาที่อยู่กับคนอื่น แต่มันเจอผมสีหน้ามันกลับนิ่งขรึมอมทุกข์อย่างกับหน้ามือเป็นหลังตีนแบบนั้น


   ผมก็พยายามหาโอกาสที่จะคุยกับไอ้กันต์อย่างจริงจังกับเรื่องที่เกิดขึ้น จะได้เคลียใจกันไปเลยเพราะผมก็รู้สึกว่าตัวเองค้างมันอยู่ แต่พอเจอกันทีไร มันก็บ่ายเบี่ยงตลอด พูดอยู่คำเดียวว่าให้ลืมมันไป


   เฮ้ย! จะลืมได้ไงวะ ครังแรกนะเว้ย


   สำหรับผม เอิ่ม... ก็ครั้งแรกกับผู้ชาย ไม่จำก็เกินคนแล้ว   วันนี้ผมรู้นะว่าตัวเองแม่งโคตรงี่เง่า งี่เง่ามากถึงมากที่สุด ที่ทำสันดานก้าวร้าวเดิมๆ กับไอ้กันต์ไปแบบนั้น กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ ก็เผลอเขวี้ยงโทรศัพท์ของไอ้กันต์ลงพื้นไปเสียฉิบ


   พัง ฉิบหายหมด

   ทั้งข้าวของ ทั้งความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม โทษความโกรธตัวเดียวแท้ๆ


   ผมจะต้องทำตัวใหม่ อย่างน้อยก็ต้องใจเย็นขึ้น ลดความปากหมาลง แล้วก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา

   แต่ไม่รู้ว่ะ มันต้องเริ่มจากตรงไหน สิ่งที่ผมนึกได้อย่างเดียวคือการซื้อโทรศัพท์ไปคืนมัน หลังจากนั้นก็

   แบล๊งค์...

   ไม่มีอะไรในหัวเลยว่ะ นอกจากความว่างเปล่า

   โง่เลยเรื่องนี้ ควายเรียกพ่อนะ ไม่เถียงสักคำ

   ผมง้อคนไม่เป็น ไม่เคยง้อใครมาก่อนในชีวิต ไอ้ความละเอียดอ่อนหรือก็มีเท่ากับศูนย์

   แต่เอาเถอะพรุ่งนี้ผมจะเริ่มต้นใหม่ เดี๋ยวขอหาข้อมูลการทำตัวให้เป็นมิตรกับคนรอบข้างก่อนแล้วพรุ่งนี้ว่ากันอีกที

   ทันทีที่ผมกลับมาถึงห้อง ประตูยังไม่ทันจะปิดดี เสียงโวยวายของไอ้พายก็ดังขึ้นมา แต่ที่ทำให้ผมสะดุดก็คือน้ำเสียงของมันนี่ล่ะ


   “พี่ทำอย่างนี้ทำไมว่ะ ทำตัวทุเรศว่ะ” สีหน้าแล้วก็ท่าทางของมันไม่พอใจสุดๆ

   “อย่าเพิ่งกวนใจกู” คือกูพี่มึงนะ บ้านนี้กูก็ใหญ่สุด

   ผมไม่อยากทะเลาะกับมันหรอก ตอนนี้มีเรื่องปวดหัวมากพออยู่แล้ว ไม่อยากเพิ่มเรื่องงี่เง่าอะไรขึ้นมาอีก

   “ไม่ยุ่งไม่ได้นะเว้ย พี่ทำเกินไป ไอ้กันต์มันไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย พี่ไปหาเรื่องมันแบบนี้เหมือนการมารังแกเด็กว่ะ”

   “อย่ามาเสือกเรื่องนี้ มึงไม่รู้อะไรหรอก”

   “รู้ดิ ทำไมจะไม่รู้วะ”

   สีหน้าไอ้พายมันจริงจังมาก เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่น้องชายของผมกล้าขึ้นเสียงกับพี่ชายที่ทำตัวเป็นใหญ่คับบ้านอย่างผม

   “มึงรู้อะไร”

   “ก็รู้ทุกเรื่องนั่นล่ะ จะให้ผมสาธยายมั้ยว่ามีอะไรบ้าง”

   “ไปไกลๆ กูป่ะ เสือกแต่เรื่องของตัวเองดีกว่ามึง” ผมชักเริ่มขึ้นล่ะ

   “ถ้าพี่ไม่ชอบมัน ก็อย่าปั่นหัวมันดิ ไอ้กันต์มันเด็กน้อย มันไม่ทันอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของพี่หรอก”

   “กูกับมันรู้ดีที่สุด คนนอกแบบมึงจะรู้อะไร”

   ผมพูดออกไปแบบไม่กั๊ก ผมพอจะมองออกว่าน้องชายของผมมันรู้อะไรๆ ไม่มากก็น้อย อาจเพราะจากปากไอ้กันต์ หรือไม่ก็จากปฏิกิริยาที่ผมแสดงออกกับเพื่อนมันก็ได้


   “พี่เล่นๆ กับมันหรือเปล่า”

   “กูไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้กับมึงนะ”

   “จำเป็นดิ นั่นเพื่อนผม ส่วนพี่แม่งก็คลานตามกันมา อย่าให้ผมต้องมองหน้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ติดดิ เฮ้ยพี่เพลิง ถ้าพี่ไม่ชอบมันก็อย่าทำแบบวันนี้อีก ทำแบบนี้มันเสียใจนะเว้ย”

   “…”

   “พี่ไม่เห็นเหรอว่ามันน้ำตาคลอ สิ่งที่พี่ทำมันโคตรแย่ว่ะ ขนาดผมเป็นน้องพี่ผมยังอยากจะต่อยพี่ให้คว่ำ”

   “กูโมโหอยู่” เสียงของผมเบาลงเมื่อฟังจากสิ่งที่น้องชายพูด

   “ถึงพี่โมโหก็ทำไม่ได้ พี่ไม่ได้เป็นเจ้าของมัน แค่พี่มีอะไรกับมันไม่ได้หมายความว่าพี่จะแสดงอาการปัญญาอ่อนอะไรออกไปก็ได้นะ พี่ไม่ใช่แฟนมัน ไม่ได้เป็นเจ้าของมัน”

   ไอ้พายรู้... เออคนไม่โง่ก็คงจะเดาเรื่องได้

   “มึงจะเทศน์กูอีกนานมั้ย”

   “ก็จนกว่าพี่จะรู้สักทีว่าตัวเองทำอะไรลงไป พี่ต้องขอโทษมันนะ ป่านนี้ไอ้กันต์แม่งตรอมใจตายไปแล้วมั้ง”

   “กูทำแล้ว” ผมถอนหายใจ เดินผละหนีกะว่าจะเข้าห้องตัวเองเพราะขี้เกียจทนให้ใครมาสั่งสอน

   “เมื่อไร”

   “ก่อนกลับมานี่ล่ะ กูเอาโทรศัพท์เครื่องใหม่ไปให้มัน พอใจหรือยัง”

   ผมนอนพลิกตัวไปพลิกตัวมาหลายรอบ ยังไงก็นอนไม่หลับ มันอลม่านในความรู้สึกแบบบอกไม่ถูก เรื่องของไอ้กันต์ก็วนเวียนอยู่ในหัวเสียสลัดออกไปไม่ได้


   วิธีง้อแฟน

   นี่เลย ผมเซิร์ทเข้าอากู๋ แล้วก็ปรากฎวิธีต่างๆออกมามากมาย

   แต่เดี๋ยวนะ... ง้อแฟนเหรอ

   เฮ้ย! ไม่เอาๆ

   เอาใหม่

   วิธีง้อ...เพื่อน

   อันนี้แล้วกัน
   
   ขนมเชื่อมสัมพันธ์  
   ถ้าขอโทษกันตรงๆ ยังไม่ได้ผล ขอแนะนำว่าต้องลองใช้ตัวช่วยเป็นขนมหรือของกินที่เพื่อนโปรดปราน เค้าชอบอะไรจัดมาให้เต็มๆ จะเอาไปให้เอง หรือจะเอาไปวางใต้โต๊ะ แอบเขียนคำขอโทษแปะไปหน่อย เชื่อเถอะ ของอร่อยช่วยให้อารมณ์ดีได้ ใจอ่อนแน่ๆ ไม่ลองไม่รู้
   
   เอาวะ...

   แม่งเอ้ยยยยยย!

   อะไรไม่เคยก็ต้องเคย...

   ไม่ลองรู้





หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 10) ลอง
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 21-11-2017 16:01:12
พี่เพลิงจะเริ่มฉลาดและทำตัวดีๆแล้วใช่มั้ย สู้ๆพี่เพลิง อย่าดีแตกอีกนะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 10) ลอง
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-11-2017 21:47:43
สั้นอ่ะ....เอาอี๊ก..กกกกกกกกกกก   :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 10) ลอง
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-11-2017 18:59:57
งานนี้พี่เพลิงได้โดนบ้าง ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 11)
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 04-12-2017 15:50:41
บททดสอบที่ 11
ความรักไม่ใช่รางวัลของคนดี

{กันต์}

   ก๊อกก๊อก ก๊อกก๊อก ก๊อกก๊อก

   เสียงประตูในยามเช้าวันเสาร์เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจมาก ผมไม่คิดว่าจะมีเพื่อนข้างห้องคนไหนอยากจะมาขอน้ำปลาน้ำตาลเอาอีตอนเจ็ดโมงเช้าหรอกนะ ผมที่สลึมสลืออยู่บนเตียงนอน จะไม่ตื่นก็ไม่ได้เสียงที่เคาะอยู่หน้าห้องบ่งบอกได้ว่าคนที่กำรออยู่ไม่มีทางไปไหนแน่ จนกว่าว่าจะเปิด

   “เฮ้ย! มึง ตื่นแล้วเหรอ”

   คนที่อยู่ตรงหน้าทำเอาผมตาค้าง ภาพพี่เพลิงที่ยืนนิ่งๆ แต่สีหน้าดูประหลาดรุกรี้รุกรน สองมือถือของมาเต็มไม้เต็มมือดูทีท่าเหมือนกำลังต้องการความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง

   “เออ... พี่มีอะไรเหรอครับ”

   “พอดีมาหาเพื่อน ชั้นข้างบนอ่ะ”

   พี่เขาอธิบาย ซึ่งผมก็ฟังไปอย่างงงๆ ไม่เก็ตว่าพี่เขาต้องการอะไรกันแน่ หรือพี่เขามีเรื่องด่วนอะไรอยากให้ช่วยหรือเปล่า

   เราจ้องตากันนิ่งๆ อยู่ราวสามวินาที ผมชักลังเลและไม่มั่นใจหนังหน้าตอนเพิ่งตื่นของตัวเองสักเท่าไร ผมเผ้าตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากรังนกแน่ๆ ผิดกับสภาพหล่อเนี๊ยบของอีกฝ่ายที่ีมองมุมไหนก็ไร้ที่ติ เป็นผมเองที่เป็นฝ่ายหลบตาพี่เพลิงก่อนเพื่อลดอาการปั่นป่วนในช่องอกแปลบๆ ที่เกิดขึ้นทุกทีที่อยู่ใกล้ผู้ชายร่างสูงคนนี้

   “แล้ว?....”

   “ก็ผ่านมา เลยแวะเอาของมาให้ อ่ะของมึง”

   “อะไรครับ”

   “เนี่ย ของมึงกูให้ ช็อคโกแลต คนรู้จักไปญี่ปุ่นมากูไม่ค่อยชอบแดกเลยเอามาแบ่งมึง เอาไปแดกไป”

   “เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายเอาข้างข้องยัดใส่มือมาดื้อๆ ฝ่ามืออุ่นคู่หนาจัดการให้ผมรับของเสร็จสรรพโดยไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน “อะไรพี่”

   “เอาไปเหอะน่า”

   “เยอะแยะแบบนี้กินไม่หมดหรอก”

   “ไม่หมดก็เก็บไว้กินวันหลัง มันอร่อยมาเลยนะมึง เพื่อนกูบอกมาว่าแม่งโคตรอร่อย มันจะไม่เหมือนของสวิสนะมึงต้องลองกิน”

   “ผมไม่ค่อยชอบหรอกพี่ มันหวาน” ผมตอบแบบเลี่ยงๆ

   เอาจริงๆ ป่ะ ผมแม่งแพ้ช็อคโกแลตว่ะ ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่เป็นช็อคโกแลตแพ้หมด ยิ่งอิมพอร์ตนี่ยิ่งตัวดี เคยแพ้ถึงขั้นคันคะเยอไปทั้งตัว ทั้งผื่นทั้งตุ่มขึ้นหน้าขึ้นตาไปหมด ขนาดกาแฟม็อคค่าที่มีส่วนผสมของโกโก้เผลอกินเข้าไปยังคันเหงือกคันลิ้นจะตายขืนกินไอ้พวกนี้เข้าไปตาตั้งกันพอดี

   “มันมีแบบดาร์คด้วย ไม่หวานนะมึง มึงดูก่อนๆ อันไหนหวานก็ไม่ต้องกิน นั่นอ่ะรสชาเขียว ส่วนนี่น่ะไวท์ช็อค ส่วนนี่ก็แมคคาดิเมีย แล้วอันนี้...”

   “พี่เพลิงทำไมพี่ไม่เอาไปให้เพื่อนพี่ล่ะ หรือไม่ก็ฟ้า...แฟนพี่ไง”

   ไม่รู้ทำไมปากพล่อยๆ ของผมถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

   คงเพราะนึกน้อยใจโง่ๆ แบบปัจจุบันทันด่วน เพราะคนที่ผมโคตรแคร์กลับไม่รู้แม้กระทั่งว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร ชั่วแวบหนึ่งในสมองมันฉายภาพที่พี่เพลิงยังคงสนิทสนมกับฟ้าทั้งเอาอกเอาใจไปทุกอย่าง พูดจาก็หวานรื่นหูภาษาดอกไม้ ผิดกับผมที่ขึ้นไอ้ขึ้นมึงทุกประโยคจะคุยดีสักครั้งก็นับครั้งได้

   “เพื่อนกูมันไม่กิน พวดมันถนัดแดกแต่เหล้า อีกอย่างฟ้าก็กลัวอ้วนเขาไม่กินของพวกนี้หรอก ให้มึงอ่ะดีที่สุดแล้ว กูอุตส่าห์หิ้วมาฝาก รับไปไป๊”

   เสียงนั้นกึ่งบังคับกึ่งออดอ้อน แต่ยิ่งฟังมันยิ่งทำให้ผมเจ็บว่ะ อะไรที่ผมได้นี่มันต้องเป็นของที่คนอื่นไม่เอางั้นสิ ถ้าลองว่าฟ้าชอบ ไอ้ขนมพวกนี้คงไม่มาถึงมือผมหรอกใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่อยากได้ จะว่างี่เง่าก็ได้นะ แต่ครั้งนี้ผมไม่เอา
 
   “ผมก็ไม่กิน พี่เอาไปให้คนอื่นเถอะ” สิ่งที่พูดออกไปมันก่ำกึ่งระหว่างน้อยใจกับโมโห

   “เสียน้ำใจกูนะ”

   แล้วเวลาที่ผมเสียน้ำใจล่ะ!

   “ก็ผมไม่กิน เอาไปก็เสียของเปล่า ทางที่ดีพี่เอาไปให้คนอื่นเถอะ ถึงแฟนพี่ไม่กินเดี๋ยวเขาก็เอาไปฝากเพื่อนฝูง ขอบคุณนะที่พี่อุตส่าห์เอามาให้ แต่ผมขอไม่รับแล้วกัน”

   “ทำไมวะ มึงไม่ชอบกินเหรอ แต่เฮ้ย! มีตั้งเยอะตั้งแยะนะเลือกแดกสักอันเด่ จะว่าไปมึงนี่ก็เรื่องมากเหมือนกันนะ คนหล่อซื้อมาให้ยังลีลา แต่กูใจดีไม่ถือสา เฮ้ย! ให้แล้วไม่เอาคืนนะ”

   “…” ผมทำท่าส่งของกลับคืนพี่เขาไป แต่ใบหน้าหล่อๆ ที่วนเวียนอยู่ในหัวผมทั้งยามหลับและตื่นทำแค่เพียงเลิกคิ้วนิดหน่อยแล้วส่ายหัว

   “ใครมาแต่เช้าน่ะกันต์”

   เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้อง เสียงของผู้ชายแหบห้าวที่เพิ่งตื่นนอน แล้วไอ้เสียงเจ้ากรรมก็ทำให้ใบหน้าเปื้อนยิ้มอ่อนๆ ของแขกผู้มาเยือนชะงักค้าง แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในฉับพลัน

   “ไม่มีอะไรหรอก นอนต่อเถอะพี่”

   ผมพูดไปแบบนั้นกับคนในห้องแล้วรีบปิดประตูเร็วๆ กันสายตาที่พยายามมองหาต้นตอของเสียง ไม่อยากถูกพี่นาวล้อเลียนเรื่องของพี่เพลิงเลยอ่ะ

   ให้ตายสิ รายนั้นหยิกแกมหยอกไม่เลิกเรื่องที่ผมโดนไอ้พี่เพลิงกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวไปแล้ว

   ก็นะ... ไม่ได้บอกแต่พี่แม่งดันเสือกรู้

   จมูกไวฉิบ! เรื่องคนอื่นล่ะโครตสมองไว ยกเว้นเรื่องของตัวเองที่ง่าวแบบอันลิมิต

   “ใคร”

   ผมปิดประตูห้อง แต่อีกฝ่ายทำท่าจะไม่ยอม แล้วถือวิสาสะผลักประตูห้องผมไว้ ผมรีบวางถุงที่ถูกยัดใส่มือพะรุงพะรังลงพื้น แล้วใช้แรงเท่าที่มีดึงลูกบิดประตูเข้าหาตัว แต่ไหนเลยจะสู้แรงของอีกฝ่ายได้ เรายื้อยุดกันอยู่นานจนผมต้องผลักไปที่อกของอีกฝ่าย ออกแรงทั้งหมดเท่าที่มีกันพี่เพลิงออกจากประตูห้องได้สำเร็จ

   “เอ้ย! พี่”

   “กูถามว่าใคร ขอกูดูหน้ามันหน่อยสิ”   

   สีหน้าเหมือนโกรธใครมาสักล้านชาติฟาดฟันสายตามาที่ผม ไอ้ครั้นจะปิดปากเงียบก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะกระทืบประตูห้องผมพังไปเสียก่อน

   “เบาหน่อยพี่”

   “ไอ้กันต์ กูถามว่าใคร”

   เมื่ออีกฝ่ายคาดคั้นไม่หยุดผมจึงจำต้องบอกไป

   “อ๋อพี่นาวไง รุ่นพี่น่ะ พอดีพี่เขาเมา กลับบ้านไม่ไหวเลยมาขอค้างคืนนึง”

   “ห้องมึงเป็นโรงแรมหรือไง ถึงให้ใครต่อใครมาค้างได้สบายใจเฉิบ แล้วมีบริการอื่นในห้องมึงด้วยมั้ยไหนลองบอกกูดิ๊”

   เสียงพี่เพลิงแดกดัน สีหน้าท่าทางอยากจะหาเรื่องผิดกับเมื่อครู่นี้ราวฟ้ากับเหว

   “ก็ไม่ขนาดนั้นหรือเปล่า พี่เขาก็แค่มาอาศัยนอนคืนเดียว คนรู้จักกันเรื่องแค่นี้มันก็ไม่ได้ใหญ่โตเสียหน่อย”

   “ไม่ใหญ่โตงั้นเหรอ มึงซี้ซั้วให้ใครเข้านอกออกในห้องมึงแบบนี้เหรอไง เมาก็นั่งแท๊กซี่กลับได้ แล้วรู้จักมักจี่กันขั้นไหนถึงกล้ามาค้างห้องวะ”

   “อย่าเสียงดังสิพี่ เดี๋ยวข้างห้องออกมาด่า นี่มันยังเช้าอยู่”

   “ก็ลองใครออกมาแส่ กูจะกระทืบแม่งให้ ตอนนี้มึงรีบตอบคำถามกูดีกว่า กับมันนี่ยังไง”

   “รุ่นพี่ไง จะยังไงเล่า”

   “มึงมีอะไรกับมันหรือเปล่า มันจีบมึงอยู่? หรือว่ามึงชอบมัน”

   “ไม่มีอะไร ไม่มีใครชอบใครทั้งนั้นล่ะ” ผมกดเสียงให้ต่ำลง ไม่อยากให้ข้างห้องกับคนคุมหอออกมาด่านักหรอก

   “กันต์ ใครมาแต่เช้า”

   พี่นาวเดินงัวเงียออกมาจากห้องโผล่หน้าออกมาดู ด้วยสภาพไม่พร้อมรับแขกหนักกว่าผมอีกตออกมาเปิดประตูให้พี่เพลิงเสียอีก เสื้อยืดคอย้วยสีเทาเข้มที่เริ่มซีดตามการเวลา กับกาเกงขาสั้นเปื่อยๆ ของผม ซึ่งถ้ามองกันดีๆ แล้วชุดของผมกับพี่นาวก็คล้ายกัน

   “อ๋อ เด็กวิดวะคนดังนี่เอง มีอะไรกันหรือเปล่าว เสียงดังจนชาวบ้านชาวช่องตื่นหมดล่ะ” ด้วยหน้านิ่งๆ กับเสียงที่แหบเล็กน้อยของพี่นาวทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดเลวร้ายกว่าเก่า

   คนที่เพิ่งตื่นนอนยกแขนข้างหนึ่งขึ้นกอดคอผม แล้วเท้าแขนกับช่องประตูคาไว้ ไม่แคร์สักนิดว่าท่าทีสนิดสนมจะทำให้คนที่ทำหน้างอง้ำคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าก็กัดฟันกรอดๆ จนเส้นเลืดข้างขมับเต้นตุบๆ จนผมเองมองแล้วสะท้านไปด้วยความกังวล

   “พี่นาวไปนอนเหอะ เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ขอโทษนะที่เสียงดัง”

   ผมรีบขอโทษขอโพยอย่างเกรงใจ ผลักอีกฝ่ายให้เข้าไปในห้องเพราะไม่อยากรบกวน เมื่อคืนพี่เขาทะเลาะกับแฟนยกใหญ่ กว่าจะเคลียกว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง นี่ก็ยังตึงๆ กันอยู่ อีกอย่างที่สำคัญคือไม่ต้องการให้รุ่นพี่คนนี้มาซวยเพราะอภินิหารของพี่เพลิงที่อาจสำแดงฤทธิ์เดชเอาได้

   “พี่รอข้างในนะ เออนี่... ไอ้เนี่ย มันไม่กินช็อคโกแลตนะ มันแพ้ทุกอย่างที่เป็นช๊อกโกแลต กินเมื่อไรผื่นขึ้นตลอด ขืนให้มันกินหมดนี้คันคะเยอพอดี อ้าว! ไม่รู้เหรอ”

   พี่นาวยกมือขึ้นขยี้หัวผมก่อนจะทิ้งระเบิดไว้ลูกเบ้อเริ่ม แล้วหายเข้าไปข้างในไปเงียบๆ






.
.
.
.

บึ้มมมมมม

   “ทำไมมึงไม่บอกว่าแดกไม่ได้” พี่เพลิงตะคอก

   “…”

   “แดกไม่ได้ก็บอกดิวะ มึงแม่ง!”

   หลังจากพูดจบพี่เพลิงก็เดินสะบัดตูดจากไป เขาดูเฟลจนผมรู้สึกสงสารอยู่เล็กๆ แต่ก็พูดอะไรไม่ออกปล่อยให้เขาเดินปึงปังจากไปด้วยความเงียบงัน





   “กูนึกว่าจะโดนผัวมึงกระทืบเสียแล้ว หน้าแม่งเหมือนอยากจะฆ่ากูที่บังอาจมานอนห้องเมียมัน สัดเกือบเงาหัวไม่มี”

   “พูดอะไรแบบนั้นวะพี่”

   “แล้วนี่ยังไง ง้องอนกันไปถึงไหนละ มีซื้อขงซื้อของมาให้ด้วย”

   “เขาแค่แวะมาหาเพื่อน ผ่านมาเลยเอาขนมมาให้ ง้อเง้อที่ไหน”

   “ให้จริงเหอะ เดี๋ยวมึงก็อ่อนระทวยกับหน้าหล่อๆ ของมันอยู่ดี มึงรักมันขนาดนั้น จะใจแข็งได้สักกี่น้ำ”

   สิ่งที่พี่นาวพูดมันคือความจริง สุดท้ายแล้วคนที่ต้องเจ็บก็คือผมอยู่ดีนั่นล่ะ เสียตัวไม่ว่า แต่ไม่อยากเสียใจไปมากกว่านี้แล้ว

   “พี่นาว ผมควรทำไงดีวะ พี่เพลิงมันไม่ยอมจบทั้งที่ผมถอยแล้วนะ จะกั๊กผมไว้ทำไม ทั้งที่เขาก็มีคนอื่นอยู่ ถึงผมจะรักพี่เขาขนาดไหนความหวังมันก็เป็นศูนย์”

   “ไม่เกี่ยวที่มัน มันเกี่ยวที่มึงว่ายอมให้มันกั๊กหรือเปล่าต่างหาก แล้วที่มึงบอกว่าความหวังเท่าศูนย์เนี่ยมันก็ไม่เสมอไปหรอก ดูสิจากที่ไม่อ่านไลน์มึง มาตอนนี้เป็นไง ลงทุนซื้อขนมมาให้แถมมาตั้งแต่ไก้โห่ขนาดนี้ แต่ฮาฉิบหายไอ้ที่เอามาก็แดกไม่ได้ กูว่าลึกลงไปมันก็เอียงมาทางมึงนั่นล่ะ ก็ลองเปิดใจดู”

   “ไม่ยุติธรรมเลยเน๊อะ พอผมถอยเขาก็เข้ามา”

   “ก็นี่ไง มึงก็ลองให้มันรุกมึงบ้าง ผลัดกัน”

   “พี่ก็พูดไป มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก เขามีแฟนแล้ว”

   “กูก็เห็นมันเปลี่ยนแฟนมาเป็นสิบล่ะ เลิกกับอีกคนมาจีบมึงก็ไม่แปลกหรอกมั้ง”

   “เขาไม่ได้จีบผม”

   “แล้วที่มันทำเรียกว่าอะไรวะ ไม่จีบแล้วมาตามตอแยทำไม ไม่จีบแล้วทำท่าหวงมึงทำไม จะเอาของมาให้ทำไม จะโทรตามจิกมึงทำไม”

   “ไม่รู้ว่ะ เฮ้อ! ผมมันโง่ใช่ป่ะพี่ ผมแม่งตัดใจไม่ได้สักที”

   “ไม่ใช่โง่หรอก มึงแค่รัก





ลืมกันไปหรือยัง....
ห่างหานไปนานยังไงก็ฝากหนุ่มๆ ไว้ด้วยค่าาาาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 11)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-12-2017 21:38:50
คิดตึ๋ง...งงง เมื่อไหร่จะรักกั๊น..นนนนน   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 11)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 04-12-2017 23:51:36
เพลิงหน้ามืดม่กก ตั้งสติสิเพลิง!

ตอนนี้ยังหน่วงๆเหมือนเดิม กันต์จะใจอ่อนเทื่อไรขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 11)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 05-12-2017 10:21:09
ใจร้อนไม่เปลี่ยนแปลงเลยพี่เพลิง กันต์สู้ๆๆ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 11)
เริ่มหัวข้อโดย: lalun ที่ 05-12-2017 20:59:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 11)
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 05-12-2017 23:21:07
มาต่อบ่อย ๆ นะ อยากรู้เพลิงจะจีบยังไง รอเพลิงหมดฟอร์มมาง้อกันต์
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 11)
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 10-12-2017 22:16:52
ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหนักพี่เพลิงดี
นักเขียนมาต่อบ่อยๆ นะคะ รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 11)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-12-2017 22:31:53
พี่เพลิงมีฟอร์มตลอด
กันต์เอาเลยๆๆๆให้พี่เพลิงไล่ตามจีบเลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 11/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 11-01-2018 09:01:21
12

{พระเพลิง}



   ผมใช้เวลาตลอดคืนครุ่นคิดเรื่องไอ้กันต์ ยิ่งคิดก็ยิ่งก็เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง ไอ้วีธีการง้อแบบในเน็ตบอกเลยตรงนี้ ไม่เวิร์ค พิสูจน์กับตัวพูดเลยว่าแม่งนามธรรมสุดๆ พอต้องทำอะไรที่ขัดกับสันดานของตัวเอง ไม่เซลฟ์เลยสิพับผ่า นี่ก็อารมณ์เสียถึงขั้นไม่มีสมาธิซ้อมบอลทั้งที่วันแข่งแบ่งสายนัดแรกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในอีกสองวันข้างหน้า จนรุ่นพี่กับเพื่อนร่วมทีมออกปากว่าผมผิดฟอร์มไปจากเดิมมาก 
   ก็ยอมรับล่ะนะว่ามีเรื่องกวนใจ ฟอร์มการเตะที่เคยเป็นความหวังของทีมเลยกลายขาเปลี้ยอย่างที่เห็น นี่ก็กำลังหาทางสลัดเรื่องของไอ้กันต์ออกไปจากสมองอยู่ ไม่ใช่ว่าถอดใจนะ แต่ขอเวลาตั้งหลักแป๊บ

   เฮ้ออออ!

   ผมโยนกระเป๋าตังค์พร้อมกุญรถไว้ที่โต๊ะกินข้าว จากนั้นก็เหวี่ยงโทรศัพท์ตามไปเป็นอย่างที่สามเพื่อระบายอารมณ์

   “เฮียเป็นอะไร”

   “ทำไม”

   ผมหันไปมองไอ้น้องชายที่นั่งเล่นโทรศัพท์ในมือในทันที สายตามันที่มองผมผู้เป็นพี่ชายช่างดูเยาะเย้ยถากถาง นี่ไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ แต่ผมกำลังรู้สึกว่าไอ้น้องชายที่คลานตามกันมากำลังสะใจที่ผมดูไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้

   “ก็เห็นเฮียดูหงุดหงิดงุ่นง่าน”

   “กูปกติ”

   “ปกติเหรอ หน้าเฮียโคตรหงิกอ่ะ ได้ข่าวมาซ้อมบอลวันนี้ก็เละเทะเลยนี่นะ อารมณ์เสียอะไรมาบอกน้องได้นะ หรือว่า...ไม่มีที่ลงเหรอไง ไปไป๊ จัดสักดอกสองดอกอารมณ์จะได้ดีๆ”

   “ไอ้พาย มึงนี่ลามปามนะ กูพี่มึง ไม่ใช่เพื่อนเล่น”

   “ก็พี่ไง ถึงได้ถาม ถึงได้แนะนำแต่สิ่งดีๆ ให้”

   “ไม่ต้อง” ผมมองมันอย่างเหยียดๆ แล้วนั่งลงข้างมัน

   “เออพี่เพลิง มะรืนนี้พี่แข่งนัดแรกเปิดสนามใช่ป่ะ”

   “เออ” ผมดื่มน้ำอึกใหญ่ ก่อนตอบ

   “เตะกับคณะไหน”

   “บริหาร อ่อน”

   “อืม ก็จริง วิศวะไม่เคยแพ้บริหารนี่เนอะ แต่ปีนี้มีตัวเด็ดมานะเฮีย มันเป็นเด็กที่อยู่ทีมเยาวชนทีมชาติแถมยังเล่นให้สโมสรด้วย เฮียอย่าประมาท”

   “อืม เคยเห็นแม่งเล่นแล้ว ทีมกูเอาอยู่”

   “เดี๋ยวผมกับเพื่อนไปเชียร์”

   คำว่าจะพาเพื่อนไปเชียร์ของไอ้พายทำให้ความสนใจของผมพุ่งไปที่มันทันที พาลให้นึกถึงสีหน้าเฉยๆ เอ๋อๆ ของไอ้กันต์โผล่ขึ้นมา

   “เออ มากันเยอะๆ เดี๋ยวแข่งเสร็จจะพาไปกินชาบู”

   “จริงดิ ผลแพ้หรือชนะ เฮียก็จะเลี้ยใช่ป่ะ”

   “กูก็ต้องชนะดิวะ เคยแพ้ไหม เตะบอลคณะมาไม่เคยแพ้ ปีนี้กูก็ต้องได้ถ้วย”

   “โอ๊ย! ก็ให้คนอื่นเข้าได้ถ้วยได้ไหบ้างเถอะ สงสารคณะอื่นเขา”

   “กูเป็นเลิศทุกด้านเว้ย”

   “เออ เฮียเก่ง...”



   RRRRRRR

   เสียงโทรศัพท์ของไอ้พายมันดังขึ้นขัดการสนทนาของเราทั้งคู่ ผมเลยปล่อยให้มันรับโทรศัพท์ แล้วเปิดทีวีดูแก้เซ็งเพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน อยากจะนอนดูหนังชิวๆ ที่ห้องไม่คิดจะออกไปไหน

   “ไง อยู่ห้องนี่แหละ ยังไม่ได้ทำเลยแต่เมื่อวานกูทำเกือบเสร็จแล้ว คืนนี้ปั่นอีกสองชั่วโมงก็เสร็จ ...โหมึงไม่ต้องมาข่มกูไอ้กันต์”

   ผมเงี่ยหูฟังไอ้พายคุยโทรศัพท์เมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคนลอยเข้ามา ความสนใจของผมเพ่งสมาธิไปที่ข้อความสนทนา จะกั๊กๆ หน่อยก็ตรงที่แกล้งทำเป็นสนอกสนใจข่าวกีฬานี่ล่ะ

   “เออว่ะ กูลืมรายงานวิชานั้นไปเลยว่ะ งั้นพรุ่งนี้มาช่วยกูหน่อยดิ”

   เรดาห์ความเผือกเต้นเร่าๆ หูงี้ผึ่งเลยครับ ถ้าทำได้จะแย่งโทรศัพท์มาแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟนล่ะ แต่ขอสงวนท่าทีเอาไว้หน่อยแล้วกัน ไอ้มาดทั้งหลายที่สั่งสมมามันต้องรักษาไว้ก่อน

   “มาที่ห้องกูนี่ล่ะ นะมึงนะ กูเลี้ยงพิชซ่าเดี๋ยวสั่งมาสองถาดใหญ่”

   ผมค่อยๆ กดรีโมตในมือลดเสียงทีวีลงอีกสองขีด ขยับตัวเล็กน้อยเพราะไอ้พายมันเริ่มสงเสียงหงุงหงิงตอนที่พูดกับเพื่อนของมันเหมือนกำลังอ้อนอะไรสักอย่าง

   “นะมึงนะช่วยกูทำหน่อย ไม่เอาอ่ะ มาห้องกูนะ ห้องกูใหญ่กว่า เสร็จแล้วกูไปส่ง ...โอ๊ย! ไม่อยู่หรอก ซ้อมบอลไงมึง ดึกๆ ถึงกลับ เออ  เขากลับดึกทุกวันเลย นะมึงนะ กูแถมบิงซูด้วยเดี๋ยวพาไปเลย เคๆ น่ารัก”

   เมื่อไอ้พายวางสาย มันก็ทำเป็นนิ่งเงียบไปแป๊บก่อนจะหันมาหาผม ส่วนผมก็ลอยหน้าลอยตายกมือเกาคิ้วเล็กน้อยพยายามไม่ทำตัวมีพิรุธ

   “เฮียพรุ่งนี้กลับดึกใช่ป่ะ”

   “ทำไม” ผมถาม

   ก็สงสัยว่าทำไมถึงนึกเฮี้ยนมาถาม ปกติแล้วเราทั้งคู่ไม่ค่อยได้วุ่นวายชีวิตกันเท่าไร จะกลับดึกกลับสว่างก็ไม่ก้าวก่ายอะไรกันอยู่แล้ว

   “พรุ่งนี้ไอ้กันต์จะมา ถ้าเฮียไม่อยากเจอมัน กลับดึกหน่อยก็ได้นะ ผมขี้เกียจเห็นเฮียอารมณ์ขึ้นตอนเจอหน้ามัน”

   “แล้วถ้ากูเหนื่อย อยากกลับเร็วล่ะ” ผมลองถามออกไปด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยสีหน้าเซ็งๆ แล้วก็แกล้งหาวทีหนึ่ง น้องชายผมทำหน้าครุ่นคิด

   “…งั้นก็ไม่เป็นไร ผมไปทำรายงานห้องมันแทนก็ได้”

   “ทำไมวะ เพื่อนมึงไม่อยากเจอหน้ากูงั้นสิ”

   “ก็ไม่เชิงคงไม่อยากโดนเฮียด่า มันเลยบอกว่าไม่อยากมา”

   “แล้วกูจะไปด่าอะไรมัน” เสียงผมเริ่มดังไต่ระดับ ไอ้ท่าทีเฉื่อยชาเมื่อตะกี้หายวับไปในบัดดล

   “ตกลงเฮียกลับดึกไหม”

   “เออ ดึกก็ดึก”






   วันรุ่งขึ้น ผมใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายไปกับการยื่นเอกสารฝึกงานและคุยเรื่องโปรเจคกับอาจารย์ที่ปรึกษา    เรื่องสถานที่ฝึกงานไม่มีปัญหาอะไรเพราะผมได้บริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทของเพื่อนสนิทของพ่อในการฝึกงาน ที่จริงผมจะฝึกกับที่บ้านก็ได้ แต่มันคงไม่ท้าทายเท่าไรถ้าจะต้องไปฝึกงานในบริษัทที่พ่อของตัวเองเป็นเจ้าของอยู่ แม้บริษัทของครอบครัวจะใหญ่โตและมีงานดีๆ ให้ทำไม่ต่างกันก็ตาม

   พ่อผมเป็นสถาปนิกที่ใครต่อใครก็รู้จักกันดีในแวดวงการออกแบบแถมยังมีชื่อเสียงอยู่ในแถบตะวันออกกลาง เพราะว่าท่านรับโปรเจคงานส่วนใหญ่กับเศรษฐีอาหรับ ผลงานเด่นๆ ก็โรงแรมที่สวยและหรูหราที่สุดของดูไบนั่นล่ะ พ่อของผมเป็นหนึ่งในผู้ออกแบบซึ่งโปรเจคนั้นทำกำไรได้มหาศาล จบจากโปรเจคที่นั่นก็มีโครงการดีๆ อยากให้บริษัทเข้าไปทำ ทีนี้ไม่ต้องหาลูกค้าแล้วครับ ลูกค้าจะวิ่งมาหาเราเอง

   อ่ะนะ แต่ผมไม่ค่อยมีหัวทางด้านศิลปะเท่าไรเลยเบนมาเรียนโยธา แต่ส่วนไอ้พายไอ้นั่นมันเป็นคนมีดีเทล ชอบความสวยงามมันเลยเลือกที่จะเรียนอินทีเรีย ว่าไปแล้วถ้าพวกเราพี่น้องเรียนจบบริษัทของครอบครัวมีทุกตำแหน่งครบล่ะ มีสถาปนิก ซึ่งก็คือพ่อผม วิศวกรนั่นก็คือผม แล้วก็มัณฑนากรอย่างไอ้พาย

   ผมเดินลงมาข้างล่างตึกกับเพื่อนอีกสองคน ตอนแรกก็กะว่าจะรีบไปซ้อมที่สนามฟุตบอล ถ้าไม่บังเอิญเจอใครบางคนที่เดินงงๆ  สอดส่ายสายตาเหมือนหาใครอยู่ผ่านหน้าไปเสียก่อน

   “พวกมึงไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูขอแวะทำธุระแป๊บ” ผมบอกกับเพื่อนทั้งคู่ที่เดินลงจากตึกมาด้วยกัน

   “กูรอที่สนาม เร็วหน่อยนะมึง เดี๋ยวพี่เขาถามหา”

   เมื่อพวกมันลับไปแล้วผมก็เดินไปที่ตัวเจ้าปัญหาที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงหลงมาเดินที่คณะผมอยู่คนเดียว เสียงเจี๋ยวจ๊าวของไอ้พวกที่นั่งอยู่ก็แซวเป็นระยะเมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเดินพลัดถิ่นเข้ามา ทั้งเสียงแซวเสียล้อดังขึ้นจากกลุ่มกากๆ ประจำคณะที่ลองได้มีเยื่อหลงผ่านเข้ามามีอันได้โดยแทะโดนเล็มมันเสียทุกคน

   “มาหาใครครับ”

   “ช่วยได้นะ แหมนานๆ จะมีคนน่ารักผ่านมาสักที แวะคุยกันก่อนสิ”

   นั่นคือเสียงที่ผมได้ยิน เสียงเหล่านั้นทำให้ผมเดินเร็วๆ ตามหลังได้เด็กน้อยที่ดูตัวลีบลงเมื่อผ่านพวกนั้นไป

   “มาทำอะไร”

   “โอ๊ะ!” เสียงร้องพร้อมกับท่าทางสะดุ้งสุดตัวของตัวป่วนดังขึ้น มันหันมาจังหวะเดียวกับที่ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันพอดิบพอดี   กันต์จ้องหน้าผมอย่างตื่นตะลึง ก่อนจะถอยห่างออกไปสองสามก้าวบวกกับอาการอ้าปากค้างที่ดูน่าตลกจนผมเห็นแล้วมันเขี้ยวเหลือหลาย

   “ถามว่ามาทำอะไรแถวนี้ แล้วมากับใคร”

   หน้าตาเหรอหราของอีกฝ่ายทำให้ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ที่มันโดนแซว

   “ผม...”

   “เฮ้ย! พวกมึง หุบปาก” ผมชี้นิ้วไปที่กลุ่มรุ่นน้องปีสองที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกแซวคนตัวเล็กขาวจั๊วตรงหน้า ตัวขาวๆ กับท่าทางผู้ดีของมันทีไม่ค่อยเข้ากับสถานที่นี้เท่าไร ก็แถวนี้มันมีแต่พวกดิบเถื่อน ไม่ได้ดูเนี๊ยบเป็นผู้ดีแบบเด็กคณะอื่น

   รุ่นน้องปากเปราะของผมเงียบเสียงลง แต่ยังคงมองจ้องไอ้กันต์อย่างไม่วางตา ก็มันขาวแถมดูซื่อๆ บื้อๆ ด้วย ไอ้เถื่อนพวกนี้มันชอบแบบนี้ล่ะ

   สัด ของกูเลิกมอง!

   ผมตวัดสายตาไปอีกครั้ง แถมยังแสยะยิ้มอาฆาตไปเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าถ้ายังไม่เลิกแซวเลิกอ้อยเด็กหลงคนนี้ ผมจะเดินไปกระทืบล่ะ

   “มาคนเดียว?”

   “อ่า ครับ”

   “แถวนี้ไม่ใช่ที่เดินเล่นนะ ไม่มีใครเขาเดินท่อมๆ ไม่รู้เหนือรู้ใต้แบบมึงหรอก ไอ้พวกนี้มันชอบลากพวกทึ่มๆ ไปนัวมึงไม่เคยได้ยินเหรอ” ผมมองไอ้กันต์ที่ดูตัวลีบเล็กตั้งแต่หัวจดเท้า แล้วก็เห็นกล่องขนาดใหญ่พอประมาณกับม้วนกระดาษที่มันหนีบมาด้วย

   “ไม่ได้มาเดินเล่นครับ ผมมาธุระ” เสียงของมันเบา มันคงคิดว่าเป็นข่าวลือสิท่า แต่ขอโทษข่าวลือบางอย่างก็มาจากเรื่องจริง

   “ตึกวิศวะนี่นะ”

   “ครับ”

   “ธุระอะไร กับใคร”

   “พี่นิวสาขาไฟฟ้าครับ”

   ไอ้นิว สาขาไฟฟ้า คนหล่อประจำชั้นปี ฮึ! เส้นเลือดตรงขมับของผมเริ่มเต้นตุบๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ

   “มีอะไรกับมัน ถึงต้องถ่อมาหาถนี่”

   “ผมมีโปรเจคอยากให้พี่เขาช่วยนิดหน่อย อ่า มาพอดีเลย หวัดดีครับพี่” ปากมันทักทายเฉยๆ เพราะมือที่ถือของพะลุงพะลังอยู่ สีหน้ามันดูกระตือรือร้นดีใจขึ้นมา ผิดกับเมื่อกี้ที่ดูเหยเก

   “รอนานป่าว” ไอ้นิวที่เดินหล่อๆ มายิ้มร่ามาแต่ไกลก่อนทักไอ้ตัวเล็กข้างผมราวกับสนิทสนมกันเสียเหลือเกิน มันแตะไหล่ไอ้กันต์แล้วเขย่าหัวตามมาด้วย

   คือมึงนี่สนิทกับโคแก่ไปทั่วเลยใช่ป่ะวะ

   “แป๊บนึงอ่ะพี่”

   “ไหนล่ะ งานมึง”

   “นี่ครับ ในกล่องมันมีเลตเตอร์ที่ผมขึ้นรูปยกขอบมาแล้วนะครับ มีอคริลิกมาด้วยมันจะต้องอยู่ด้านหน้านะพี่พี่ถอดฝาครอบมันออกก็จะเห็น แล้วนี้ก็แบบที่ผมเตรียมไว้ให้”

   ไอ้นิวรับแบบในมือไอ้กันต์ไป แล้วคลี่แบบดูคร่าวๆ ผมอดไม่ได้ที่จะชำเลืองตาดูก็เห็นเป็นตัวอักษรพร้อมกับรูปแบบดีไซด์ให้ออกไฟเดาเอาว่าคงเป็นงานที่ต้องส่งอาจารย์ของมัน

   “เสปคไฟกันต์ใช้แบบไหน”

   “ผมใช้แอลอีดีแบบโมดูล นี่ก็ลองไปดูแถวบ้านหม้อมานะแต่แสงมันไม่โอเค ผมอยากได้วอร์มไวท์อ่ะพี่ มันมีแต่เดย์ไลท์ แสงมันดูแข็งๆ แต่ก็ต้องเอามาก่อนกลัวไม่ทัน เสียดายเนอะ ผมว่ามันต้องเพี้ยนไปจากที่ผมดีไซน์ไว้”

   ไอ้กันต์ทำหน้าเสียดายดูแล้วน่าสงสาร มันถอนใจเฮือกใหญ่แล้วยิ้มแหยส่งไปให้อีกฝ่าย ผมมองไปที่ไอ้นิว ไอ้นั่นก็ดูสายตาวิบวับตอบกลับไปเห็นแล้วคันตีน แหม่อยากหาปากใครมาแก้คัน

   “แล้วไม่บอก เดี๋ยวไปเป็นเพื่อนมันมีหลายร้าน จริงๆ นอกจากชนิทของแสงแล้วยังมีกำลังวัตต์ของไฟด้วยนะ แสงที่ออกมามันจะให้ค่าลักซ์ต่างกัน ส่งวันไหนล่ะซื้อใหม่ไหม”

   “ส่งพุธหน้า แต่ผมกลัวพี่ทำไม่ทัน”

   “งั้นเสาร์นี้ไปไหมล่ะ เดี๋ยวพาไป พี่ทำวันเดียวก็เสร็จ เดินไฟง่ายๆ กระจอก”

   “ได้เหรอพี่”

   “ได้ดิ แล้วนี่ไม่ได้ซื้อหม้อแปลงมาเหรอ มันต้องใช้ด้วยนะ แต่สายไฟไม่ต้องพี่มีเยอะ”
 
   เห็นไอ้นิวมันเปิดกล่องไปมาก่อนถามไอ้กันต์ที่กุลีกุจอถือม้วนกระดาษให้อีกฝ่าย

   “เปล่า ผมไม่รู้ ขอโทษทีพี่”

   “ไม่เป็นไรๆ แต่ไม่ซื้อมาก็ดี เดี๋ยวต้องคำนวนกำลังวัตต์ก่อนจะได้ซื้อขนาดถูก เดี๋ยวไปซื้อทีเดียววันเสาร์แล้วกันนะ”

   “ออ ครับพี่ งั้นผมไปก่อนนะ ไม่กวนเวลาพี่แล้ว”

   “จะไปตอนไหนโทรมานะ”

   “ครับ”

   “อ้าว ว่าไงเพลิง”

   “เห็นกูด้วย”

   สัด ยืนอยูโกฐธ์ปีเสือกพึ่งมาทัก ก็มัวแต่ทอล์คกิ้งอะเบ้าท์กันเสียจนลืมมองคนรอบข้าง

   ถุย! ธันวาไหมล่ะมึง

   “ไม่ไปเตะบอล? เขาไปกันหมดแล้วนะ”

   “ไป” เมื่อตอบส่งๆ ไป อีกฝ่ายก็พยักหน้าส่งๆ มาเช่นกัน เอาตามตรงผมกับไอ้นิวก็ไม่ได้สนิทสนมหรือแค้นเคืองอะไรกันเป็นพิเศษ แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้รู้สึกว่าเหม็นบูดขี้หน้ามันแบบสาเหตุไม่ได้ขึ้นมาแบบนี้

   “เออ กูไปก่อน พี่ไปแล้วนะกันต์”

   ไอ้นิวโบกมือแล้วเดินจากไปในที่สุด ส่วนไอ้เด็กต่างถิ่นมันยิ้มอ่อนส่งไปมองแล้วก็อยากกระชากหัวมันกลับมา จากนั้นก็ตบหัวสั่งสอนสักผลัวะ จะได้รู้ตัวสักทีว่าจะมาทำตาเชื่อมกับผู้ชายในตึกวิศวะไม่ได้ มันอาจถูกลากไปรุมโทรมในห้องน้ำแบบไม่รู้เนื่อรู้ตัว

   “สนิทกันดีเนอะ ดูพูดภาษาเดียวกัน มาหากันถึงที่ถึงถิ่นโคตรใจกล้า”

   ผมพูดขึ้นลอยๆ พร้อมกับเดินตามหลังไอ้กันต์ที่เดินจ่ำผ่านใต้ตึกไปโดยไม่คิดจะลาผมสักคำ แต่กับอีกคนพูดกันเป็นฉากๆ

   “ขอให้พี่เขาช่วยงานน่ะครับ ผมก็ต้องเอามาให้เขาถึงที่เป็นธรรมดา” มันตอบกลับมาแต่ไม่มองผมที่เดินขนาบข้าง

   “ที่จริงแค่เรื่องเดินไฟกับวางหลอดไฟใครๆ ก็ทำได้ งานเด็กมอต้นว่ะ” เสียงที่ติดจะเย้ยหยันของผมออกไปเองเฉยเลย

   “ผมทำไม่เป็นนี่ ไม่รู้ด้วยว่าต้องคำนวนกระแสไฟแบบไหน อีกอย่างเพื่อนผมคนอื่นก็ให้คนที่เรียนไฟฟ้าช่วยกันทั้งนั้น” น้ำเสียงของเจ้าตัวเบาลง ดูอ่อยๆ แบบเสียความมั่นใจ

   “ลองทำดูหรือยัง ไม่เห็นจะยากตรงไหน ไม่เห็นต้องเรียนไฟฟ้ากำลังก็ได้หรือเปล่าวะ ก็แค่คำนวนจากกำลังวัตต์ของหลอดทั้งหมดที่ใช้คูณจำนวนหลอด แค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องใช้หม้อแปลงขนาดเท่าไร เดินไฟเองก็ไม่ยาก” ผมยักไหล่

   “ครับ ไว้ครั้งหลังผมจะลองทำดู”

   “จริงๆ ถามกูก็ได้นะ มันไม่ได้ยากขนาดนั้น”

   “ออ ครับ”

   ไอ้กันตอบเบาๆ แล้วก็ทำท่าจะเดินจากไปโดยไม่ได้สนใจว่าผมเดินตามหลังมาอยู่

   “ไปกินข้าวกัน” ผมพูดขึ้นมาดื้อจนอีกฝ่ายชะงักเท้าแล้วหันมามอง

   “พี่ชวนผม?”

   “อืม”

   ไอ้กันต์ทำหน้างง ดวงตากลมโตของมันเบิกกว้าง สีหน้าดูประหลาดไปอึดใจหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ

   “ผมกินแล้ว”

   นอกจากจะปฏิเสธแล้ว มันยังทำท่าจะเดินหนีอีก ผมเลยต้องรีบสาวเท้าเข้าไปดักหน้าเอาไว้ ยังไงเสียวันนี้ก็จะไม่ยอมให้มันเดินนี้ผมหรอก เพราะไม่เห็นกันหลายวัน เอาจริงก็อยากเจอหน้ามันหน่อยๆ

   หน่อยเดียวเท่านั้นล่ะ นี่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่อยากคุยอีกสักแป๊บ ก็ตอนนี้เริ่มจะสมานแผลบนใบหน้าที่แหกแบบหมอไม่กล้ารับเย็บไปแล้ว ก็ว่าจะตั้งหลักใหม่ เมื่อหมูเตะเข้าปากหมา ไอ้ครั้นจะคายทิ้งก็เสียดายหรือเปล่าวะ

   “งั้นไปเป็นเพื่อนหน่อย”

   นี่ก็เพิ่งเคยตื้อใครสักคนเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้ออดอ้อนอะไรมากจนเสียความเป็นตัวเองไป น้ำเสียงฟังแล้วติดดูข่มขู่นิดหน่อยอย่างไว้เชิง ก็เดี๋ยวนี้ไอ้กันต์มันไม่ได้กลัวผมจนหงอแบบเมื่อก่อนแล้วนะ

   “ผมต้องรีบไปทำรายงานต่อครับ นัดกับพายไว้ป่านนี้คงรอนานแล้ว”

   “มันรอได้” ผมยักคิ้วจึกจึก ไม่ได้แคร์อะไร

   “พี่ไม่ไปซ้อมบอลเหรอ”

   “ไป แต่กูหิว จะกินข้าวก่อน”

   ผมแม่งโคตรดื้อดึง วันนี้พูดเลยว่าเอาจริง แล้วมันก็ต้องตามใจผมด้วย




หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 12) 11/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-01-2018 13:26:31
หมั่นไส้พี่เพลิงอ่ะ :m16:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 12) 11/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-01-2018 13:37:58
น่ารัก..กกกกกก
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 12) 11/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 12-01-2018 08:34:00
พี่เพลิงค่ะ ชอบเค้าแล้วแท้ๆ

พยายามหน่อย เสียฟอร์มไปบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก


จีบก็จีบดิ ถถถ 55
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 12) 11/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 12-01-2018 22:11:22
ปากแข็งเหมือนเดิม ฟอร์มจัดไปอีกอีพี่เพลิง
น้องกันต์สู้ๆลูก ขอบคุณค่าา  :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 12) 11/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 17-02-2018 16:28:50
หายไปนาน ไม่มาต่อแล้วหรอค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 18-02-2018 13:58:36
บททดสอบที่ 13

อ่อยแรง ระยะหวังผล

    ผมรู้สึกเสียวสันหลังชอบกลที่ต้องตามพี่เพลิงมากินข้าวในโรงอาหารของคณะวิศวะแบบนี้ ยิ่งตอนช่วงเลิกเรียนด้วยแล้วผู้คนก็ยิ่งพลุกพล่าน เหล่าบรรดาเพศชาติที่เสียงดังโหวกเหวกแบบไม่เกรงใจใครทำเอาผมหูอื้อ นี่มันมหา’ลัยหรือรังนกกระจอกกันแน่ยังนึกสงสัยอยู่

   “จะไปหาอะไรมาให้กิน มึงนั่งนี่นะ”

   พี่เพลิงดันหลังผมไปที่โต๊ะหนึ่งแล้วกดไหล่ผมให้นั่งลงเสร็จสรรพ

   “เดี๋ยวพี่... ไม่...” ผมที่กำลังอึ้งอ้าปาดค้าง ครั้งส่งเสียงเรียกอีกฝั่งก็เพียงแค่หันมาแล้วขยับปากบอกให้รอ

   ไปแล้ว!

   ไปโน้นเลย!

   ไม่ได้ฟังเลยว่าผมไม่อยากจะกินอะไร ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมต้องการคืออยากหลบลี้ไปจากจุดๆ นี้ ก็ไอ้สายตาที่เหล่มองมาที่ผมมันมีทั้งสนอกสนใจนับสิบจ้องมาทางผม มองแบบให้รู้ว่ามองอยู่ด้วย เล่นเอาทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว ก็ผมกลายเป็นตัวประหลาดในนี้ใส่เสื้อช๊อปน้ำเงินกันนับร้อย แต่ผมประหลาดใส่เสื้อขาวแขนยาวพับมาถึงข้อศอกอยู่แม่งคนเดียว

   บอกเลยว่าเด่นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

   ผมทนนั่งก้มหน้าก้มตาราวห้านาทีพี่เพลิงจึงกลับมาพร้อมจานถาดอาหาร ในนั้นมีจานข้าวมันไก่กับน้ำเปล่าอีกสองขวด เสร็จสรรพเจ้าตัวก็นั่งลงตรงข้ามผมก่อนเลื่อนจานข้าวกับน้ำมาให้ แถมใจดีตบท้ายด้วยการฉีกพลาสติกแล้วเปิดขวดน้ำให้เป็นของแถม ผมกะพริบตาปริบๆ ผองจานข้าวสลับกับใบหน้าของพี่เขา

   “ร้านนี้อร่อย” พี่เพลิงว่าแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ลงมือกิน

   “ผมไม่หิว” ถึงจะปากแข็งบอกไปแบบนั้น ที่จริงก็แอบกลืนน้ำลายอยู่เล็กๆ

   “กินไป ไม่แดกถือว่าพลาด ร้านนี้อร่อยนะ เผลอติดใจรองอแงให้พามาก็ไม่พามาแดกง่ายๆ นะ”

   ขนาดนั้น? พี่เพลิงบางทีก็ดูเวอร์ๆ หน่อย

   ผมชำเลืองมองพี่เขาเล็กน้อยก็เห็นว่าพี่เขายังจ้องผมอยู่ แม้จะตักข้าวเข้าปากไปด้วยแต่ตาก็มองผมไม่ลดละ

   คือ... จะกินลงไหมช่วยบอก เล่นจ้องกันขนาดนี้

   “พี่จ้องผมแบบนี้ กินไม่ลงนะครับ”

   “ทำไมวะ เมื่อก่อนมึงก็จ้องกู ทำไมขอเอาคืนบ้างไม่ได้ไง?”

   คำพูดของพี่เพลิงทำเอาผมหน้าร้อนซู่ พูดมาทีแต่ละอย่างเล่นทำผมไปไม่เป็นเลย เมื่อก่อนไอ้ที่แอบมองก็ไม่คิดว่าพี่เพลิงจะรู้นะ เพราะผมพยายามทำมันแบบเนียนๆ แต่หรือว่าไม่เนียนกันแน่หว่า?

   พูดจบพี่เขาก็เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ส่วนผมก็ได้แต่ถือช้อนชะงักค้าง ไอ้ที่กลืนน้ำลายเอือกๆ เมื่อครู่กลายเป็นขื่นคอทันที

   “เอ้า กินเข้าไป พูดแค่นี้ก็ต้องหน้าแดงด้วย อ่อน”

   “…”

   ผมตักน้ำจิ้มข้าวมันไก่ราดบนข้าว

   “น้ำซุปไม่มีเหรอครับ”

   “กูไม่กิน เลยไม่ได้ขอเขามา มึงจะกินเหรอ เดี๋ยวไปเอาให้”

   “ไม่เป็นไรพี่ ผมเดินไปเอาเอง ร้านนั้นใช่มั้ย”

   ผมชี้ไปที่ร้านแล้วทำท่าจะลุก พี่เพลิงฉวยข้อมือผมไว้แน่น ก่อนกระตุกเบาๆ

   “นั่งลง แถวนี้เดินมั่วซั่วไม่ได้ เจ้าที่มันแรง ถ้ามึงไปเผลอเหยียบตีนใครเข้า โดนรุมกระทืบกูช่วยไม่ได้นะ”

   พี่เขาขู่เสียงดุ ใบหน้าจริงจังจนผมไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เลื่องลือไปทั่วว่าแถวนี้มันแดนเถื่อน แปลกถิ่นแปลกหน้าเข้ามาอาจปางตายได้ เอาเป็นว่ากันต์จะไม่ยุ่ง

   “พี่ไม่น่าพาผมมาแต่แรก”


   “กลัว? อยู่กับกูจะกลัวอะไร ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย หน้ามึงแม่งซีดยิ่งกว่าไก่ต้มในจานกูอีก นั่งรอนี่ เดี๋ยวไปเอาให้”

   พี่เพลิงลุกขึ้นเต็มความสูงเดินดิ่งไปที่ร้านข้าว แป๊บเดียวก็กลับมาพร้อมถ้วยน้ำซุบร้อนๆ ควันลอยโขมงหอมกรุ่น พี่เขาวางให้ผมบนโต๊ะจากนั้นก็นั่งลงแล้วลงมือกินข้าวเงียบๆ ทว่านอกเหนือจากความเงียบคือมีแววตาคมๆ ที่จ้องผมแบบน่าหวั่น....

   โอ้ย! วันนี้พี่เพลิงมันเป็นอะไรกันเนี่ย

   “เพื่อนพี่ไปไหนครับ” ผมเองที่ทนให้พี่เขาจ้องมองไม่ได้ เลยขอเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน

   “อยู่สนามฟุตบอลมหา’ลัย”

   “อ่า.... ครับ” ผมหาเรื่องคุยในหัวแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรด้วยดี

   “ไม่เห็นมึงไลน์หากูเลย”

   จู่ๆ พี่เขาก็โพล่งขึ้น เล่นเอาผมแทบสำลักข้าวที่กำลังตัดเข้าปาก

   นึกอยากจะตอบกลับไปแบบกวนๆ ก็ไม่กล้า เพราะไอ้แววตาคาดคั้นกับน้ำเสียงที่ดูจริงจังนั่นล่ะที่น่ากลัว เกิดไปกวนบาทาแกมากๆ ก็อาจจะจะมีปัญหากับสวัดิภาพของตัวเอง

   “กลัวพี่รำคาญ”

   เมื่อผมพูดแบบไม่อ้อมค้อม พี่เพลิงก็สะอึกไปนิดหน่อย แต่แป๊บเดียว สีหน้ากวนๆ เป็นปกติก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับท่าทางยียวนที่เพิ่มขึ้นมาด้วย

   “ที่จริงก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไร”

   คือ... อารมณ์ไหนวะ นี่เปิดโหมดอะไรอยู่กันแน่ปกติเห็นหัวร้อนตลอด

   “อ่า...ถ้ามีธุระก็จะไลน์ไปนะครับ”ผมตอบแบบกลางๆ ไว้ก่อน

   “ไม่มีธุระก็ไลน์มาได้ ช่วงนี้กูว่าง เสาร์นี้กูก็ว่างนะ” ผมมองสีหน้าเรียบเฉยของพี่เพลิง ขมวดคิ้วอย่างลืมตัวเพราะรู้สึกพิกลกับพี่เพลิงโหมดนี้

   “อ่า ครับ”

   “แล้วเรื่องที่จะไปซื้อของบ้านหม้อ มึงติดรถกูไปก็ได้ แถวนั้นกูผ่านบ่อย” พี่เขาเสนอตัวอีกครั้ง ตอนแรกเลยก็นึกว่าพูดเล่นๆ

   เฮ้ยยยยย! นี่พี่เพลิงตัวจริงหรือเปล่า ใจดีผิดวิสัย มันไม่คุ้นนะในพี่เพลิงใจดีไม่ด่าไม่เหวี่ยงเนี่ย

   “ก็ว่าจะไปกับพี่นิว”

   “ก็กูเสนอตัวอยู่เนี่ย มึงยังจะไปยุ่งกับคนอื่นทำไม หรือไม่เชื่อใจว่ากูก็มีความรู้เรื่องงานไฟฟ้า กลัวงานมึงออกมาไม่ดีไม่ได้เอ?”

   พี่เพลิงเอาซ้อมจิ้มไก่แล้วเคี้ยวหงับๆ ส่งสายตาดุดันแต่มีเสน่ห์เหลือร้ายจ้องเขม็งที่ผมแบบคาดคั้นเอาแต่ใจ ใบหน้าหล่ออันเป็นเอกลักษณ์ชโงกหน้ามาใกล้จนผมผงะออกอย่างรวดเร็ว

   “ไม่ใช่แบบนั้นพี่”

   “แล้วแบบไหน หรืออยากมีโมเม้นต์กับไอ้นิว หรือไง?”

   “พี่อย่างโยงมั่ว จะมีอะไรอย่างนั้นได้ยังไงกันเล่า” ผมเริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อถูกหาเรื่อง พูดพลางก็กรอกตาไปด้วยความอ่อนใจ

   “ไม่มีก็ดี งั้นก็ไปกับกู อยากได้ไฟแบบไหนกูพาไปเอง จะแสงขาวแสงเหลือง กูจัดให้ได้หมดนั่นล่ะ”

   “แล้วพี่นิว...”

   “พรุ่งนี้กูจะไปเอาของมึงกลับมาให้ ทีนี้ก็ไม่ต้องไปวุ่นวายกับชาวบ้านแล้วนะ เรื่องห่าอะไรก็มาบอกกูนี่ แค่กูคนเดียวก็พอแล้ว ได้ไฟมาที่เหลือกูจักการให้ มึงมาทำที่ห้องกูก็ได้วันเดียวก็เสร็จ”

   “พี่จะช่วยงานผมจริงๆ เหรอ”

   ผมถามย้ำอีกครั้ง ในใจลึกๆ ก็เต็มตื้นเมื่ออีกฝ่ายเสนอตัวช่วยเหลือ แต่อีกใจก็เจ็บแปลบๆ ที่ทุกอย่างมันดูช้าเกินไป ถ้าเร็วกว่านี้ผมคงหัวใจฟูฟ่องล่องลอยไปถึงดวงจันทร์แล้ว

   “อืม จะช่วย ถ้าจะเดือดร้อนอะไรมึงต้องมาบอกกู อย่างไปฝากความหวังไว้กับใคร แค่กูคนเดียวก็พอ”

   เอากับเขาสิ พูดเองเออเองหมดเลย

   “พี่ทำตัวแปลกๆ” ผมอดไม่ได้จริงๆ ที่จะพูดออกไป

   “แปลกยังไง”

   ดวงตาพี่เพลิงวาววับจ้องผมแบบไม่กะพริบ คนที่ขี้ป๊อดเป็นทุนเดิมอย่างผมรีบหลบขวับ ก้มลงมองจานข้าวตรงหน้าแทน

   “ก็ดูใจดีกับผมแปลกๆ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน...”

   “ชอบให้เล่นบทโหด?” ใบหน้าหล่อๆ ติดจะดุของพี่เพลิงเลิกคิ้ว เท้าคางมองผมนิ่งๆ

   “เปล่า ใครจะชอบ แต่ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรพี่ถึงมาทำดีด้วย” ผมบ่นอุบอิบ แล้วก็ใช้สายตาไม่เชื่อถือส่งกลับไปแบบไม่อ้อมค้อม

   “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่อยากทำ”

   เมื่อพี่เพลิงพูดจบ ความเงียบระหว่างเราสองคนก็กลับมาอีกครั้ง ไอ้ผมก็ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองไปให้มาก เพราะเวลาที่คิดอะไรเพ้อไปฝ่ายเดียวเวลาตกลงมามันจะเจ็บ ประสบการณ์ก็มีดังนั้นผมจะต้องเตือนตัวเองบ่อยๆ หน่อยว่าอย่าเผลออีก

   “…”

   “รีบกินให้หมด เดี๋ยวกูต้องรีบไป มีซ้อม” พี่เขาตัดบทก่อนที่ความเงียบจะทำให้ผมและพี่เขาระเบิดเป็นจุล

   ผมลงมือกินข้าวในจานเงียบๆ แล้วก็สงบปากสงบคำเช่นเคย แต่ระหว่างที่กินอยู่พี่เพลิงยังคงจับตามองผมอยู่เช่นกัน เมื่อผมเงยหน้าขึ้นเพื่อปรามอีกฝ่ายว่าเลิกจ้องกันได้แล้ว สิ่งที่ได้กลับมาคือแววตากวนๆ ที่ไม่มีทีท่าจะหลบไปไหน

   “จะเดินไปส่งหน้าตึก มึงเดินกลับเองได้ไช่ปะ”

   “ไม่ต้องส่งหรอกครับ เดี๋ยวพี่กินเสร็จแล้วไปเลยก็ได้”

   “บอกไปส่งไง”

   ผมจนใจ ไม่ได้เถียงอะไรต่อไปและยอมเดินตามเขาไปต้อยๆ ตลอดทางที่เดินจากโรงอาหารวิศวะไปหน้าตึก คนรู้จักของพี่เพลิงหลายคนร้องทัก แต่พี่เขาก็ทำแค่เพียงโบกมือและพยักหน้าให้พอเป็นพิธี ผมเดินมองแผ่นหลังกว้าง จังหวะการเดินของพี่เขามั่นคงและดูสบายๆ แต่ก็ดูดีในความคิดของผม จนกระทั่งมีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งซึ่งเดาได้ว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งของพี่เพลิงเดินผ่านมา สาวๆ กลุ่มนั้นหยุดทักพี่เพลิงและพูดคุยกันสักพักหนึ่งฟังคร่าวๆ ดูเหมือนจะไถ่ถามเรื่องงานกับเรื่องกิจกรรมบอลคณะอะไรนี่ล่ะ

   ผมมองภาพที่พี่เพลิงพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับรุ่นน้องสักพัก เลยตัดสินใจเดินเลี่ยงออกมาก่อนแบบเงียบๆ โดยไที่ไม่ได้ร่ำลาอีกฝ่าย เดินจนผ่านหน้าตึกใหญ่จนใกล้จะข้ามถนนอยู่แล้ว เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น

   พี่เพลิง

   ผมมองโทรศัพท์ตัวเองด้วยความสงสัย แต่ก็กดรับง่ายๆ เพราะเดาเอาว่าพี่เขาน่าจะมีอะไร

   {ไปตอนไหน ไม่รอกู}

   เสียงพี่เพลิงดูหงุดหงิดเล็กๆ ขณะที่เอ่ยประโยคแรกกับผม แต่ก็ไม่ได้ตะคอกเสียงดังอะไรมีเพียงเสียงจิ๊กจั๊กเล็กๆ เท่านั้น
   “เห็นพี่คุยธุระอยู่ครับ เลยคิดว่าไม่กวนดีกว่า”

   {เออ แล้วปล่อยให้กูมองหาอยู่ได้ ทีหลังมึงอย่าเดินหายไปเฉยๆ แบบนี้นะ ไปไหนก็บอกก่อน”

   ผมชะงักเท้าที่กำลังเก้าเดิน แต่เลือกทีจะฟังเงียบๆ ไม่ได้โต้ตอบอะไร น้ำเสียงของพี่เพลิงไม่ได้หงุดหงิดรำคาญใจหรือโมโห แต่มันเหมือนกับบ่นๆ มากกว่า

   “…”

   {ได้ยินที่พูดไหม} พี่เขาย้ำอีกรอบเมื่อผมพูดอะไรไม่ออก เป็นใบ้ไปชั่วขณะ

   “ครับ”

   {แล้วนี่มึงกลับยังไง}

   “กลับพร้อมพายครับ”

   {กลับดีๆ ถึงแล้วไลน์บอกด้วยนะ รู้ไหมเนี่ย}

   ผมกำลังทำความเข้าใจกับคำพูดของพี่เพลิงอยู่ เดี๋ยวนะโมเม้นต์ไลน์หานี่คืออะไร ผมเกาหัวแล้วคิดตามไปด้วย

   {ไลน์มา}

   ครั้งนี้พี่เพลิงย้ำหนักๆ ผมจินตนาการถึงสีหน้าพี่เขาออกเลยว่ากำลังทำหน้าดุขนาดไหนตอนพูด

   “ครับ”









   ผมกลับมาถึงคณะเห็นไอ้พายนั่งอยู่ พอผมมาถึงมันก็ลุกขึ้นผมช่วยมันเก็บของเสร็จสรรพก็พากันไปที่รถ ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีผมกับไอ้พายก็มาถึงห้องของมัน ผมรีบจัดการเอาชีทต่างๆ ที่รวบรวมข้อมูลไว้ออกมาแล้วส่งให้มันเพื่อใช้ประกอบรายงาน ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าในการทำรายงานจนเหลือแค่สารบัญกับเชิงอรรถก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ ซึ่งที่เหลือนี้ผมว่าไอ้พายมันเขี่ยๆ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ


   “ที่เหลือมึงทำต่อเองนะ กูจะกลับแล้ว”

   ผมรีบบอกหลังจากเก็บของตัวเองลงกระเป๋า แล้วบอกไอ้พายที่นั่งหน้าคอมจัดหน้ารายงานรัวๆ มันได้ยินก็หันมามองแล้วทำหน้าเหรอหรา


   “ยังไม่ได้สั่งของแดกเลยมึง ทำไมรีบกลับ อีกสิบนาทีกูก็เสร็จแล้ว”

   “จะสองทุ่มครึ่งแล้ว”

   ผมพูดสั้นๆ หยังหน้าไปที่นาฬิกาติดผนังสื่อว่าไม่อยากอยู่ให้นานไปกว่านี้ เดี๋ยวพี่มันกลับมาจะพาลให้อารมณ์เสียกันไปหมดเปล่าๆ ถึงแม้ว่าวันนี้ทั้งผมกับพี่เพลิงจะคุยกันเหมือนคนปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการที่พี่เขาเจอผมที่ห้องแบบนี้พี่เขาจะพอใจเสียเมื่อไร

   “ดึกอ่ะมึงกว่าเฮียจะมา แดกพิซซ่าก่อนดิโทรสั่งแป๊บเดียวเอง”

   “แล้วถ้าพี่มึงกลับมาล่ะ”

   “เข้าไปแดกในห้องกูก็ได้ มันไม่ว่าหรอก”

   ไอ้พายมันพูดง่ายเหลือเกิน ไอ้ที่ผมมาช่วยก็เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนไม่ได้จะอยากมารื้อฟื้นความสำพันธ์อะไรที่นี่หรอก การเจอกันที่มหา’ลัยอาจคุยกันได้ปกติ แต่ถ้าเป็นที่นี่ผมไม่รู้ว่าพี่เพลิงจะเล่นงิ้วใส่ผมหรือเปล่า

   “กูขี้เกียจปั้นหน้าว่ะ กลับก่อนดีกว่ามึง เอาไว้มึงเลี้ยวกูวันอื่นก็ได้”

   “เอางั้นเหรอวะ”

   “เออ ไปนะมึง”

   “งั้นรอแป๊บ เดี่ยวกูสั่งปริ้นก่อน จะขับรถไปส่งที่หอ”

   “กลับเองได้น่า นั่งทำงานไปเถอะ กูไปล่ะ”

   “ไอ้กันต์”

   “กูกลับแล้ว รีบทำล่ะมึง” รีบบอกลาไอ้พายแล้วเดินออกมาทันที ไม่รอให้มันออกมาส่งแต่อย่างใด

   ผมเข้าลิฟท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเล่นเพลินๆ จนมาถึงชั้นล่าง ระหว่างที่ผมกำลังจะก้าวเท้าออกจากลิฟท์ ใครคนหนึ่งก็เดินผ่านประตูล๊อบบี้เข้ามาพอดี ผมรีบแกล้งทำเป็นเล่นโทรศัพท์ ตั้งใจจะเดินผ่านไปเฉยๆ เหมือนไม่เห็นว่ามีเขาอยู่ตรงหน้า หากไม่มีร่างสูงๆ ตัวใหญ่ๆ มาขวางหน้าเอาไว้ ผมเงยหน้าขึ้นโดยที่ไม่พูดอะไร สิ่งที่ผมทำคือก้าวเท้าถอยหลังสองก้าว ทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหากใครคนนั้นไม่ขยับตามมาอีกราวกับใจตรงกัน

   “ไม่ทักกูหน่อยเหรอ”

   พี่เพลิงที่กำลังใช้มือล้วงกระเป๋าทั้งสองข้างอยู่เอียงคอถามผม

   ผมมองภาพชุดบอลของพี่เขากับกระเป๋ากีฬาสะพายข้างที่ดูแล้วโครตสปอร์ตแมนแล้วก็รู้สึกว่าโคตรเท่ แต่ก็ไม่กล้าจะจ้องนานนักเดี๋ยวโดนด่าให้เจ็บใจอีก

   “อ่า... หวัดดีครับ”

   ผมทักไปแบบเสียไม่ได้ ไมไม่รออีกห้านาทีค่อยกลับมาวะ จะได้ไม่ต้องลำบากใจที่ต้องทักกันแกนๆ

   “จะกลับแล้ว?”

   “ครับ”

   “ไอ้พายไม่ไปส่งเหรอ”

   “มันทำรายงานอยู่”

   “แล้วมึงจะกลับยังไง” พี่เขาก้มลงเล็กน้อยขณะพูดกับผมซึ่งมันใกล้เสียจนใจผมเริ่มเต้นตึกตัก

   “นั่งวินครับ ขอตัวก่อนนะพี่” ผมบอกลาแล้วทำท่าจะพุ่งหนีออกไปจากความรู้สึกขัดเขินกระอักกระอ่วนใจ ถ้าพี่เพลิงมันดันคว้าหมับเข้าที่แขนเสียก่อน

   “เดี๋ยวกูไปส่ง”

   “ไม่รบกวนดีกว่าพี่”

   ผมมองมือหนาที่จับข้อศอกตัวเองไว้ รู้สึกถึงความอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั้งแล้วแล้วก็ยิ่งหน้าแดง

   “กูพูดว่ารบกวน? อย่าโยกโย้ จะไปส่ง”

   “พี่ ผม...”

   สายตาเพชฆาตตวัดมาอีกรอบ ข้อมือที่ถูกจับไว้เมื่อครู่ถูกกำแน่น ไหนจะที่พี่เขาออกแรงลากให้เดินตามไปนั่นอีก ผมจะดิ้นให้หลุดก็ทำไม่ได้ ไอ้จะเดินตามไปดื้อๆ มันก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน เลยกลายเป็นว่าเราต่างก็ยื้อยุดกันไปมาจนกระทั่งเดินมาถึงที่รถของพี่เพลิงนี่ล่ะ

   “ทำไมดื้อวะ”

   “ผมกลับเองได้”

   “กูรู้ว่ามึงกลับได้ แต่กูจะไปส่งไง”

   ผมถอนใจแรงๆ จังหวะเดียวกันพี่เพลิงก็เปิดประตูรถหรูของตัวเองแล้วจัดแจงยัดผมเข้าไปในนั้นแบบไม่แคร์ว่าหัวผมจะกระแทกกับคานประตูหรือเปล่า

   “พี่...”

   “นั่งดีๆ พูดมากเดี๋ยวซัดให้”

   พี่เขาแกล้งง้างมือ ถึงพี่เขาจะขู่แบบนี้แต่ผมก็รู้ดีว่าพี่เขาไม่ทำอะไรผมจริงๆ หรอก พี่เขาตามขึ้นมาแล้วสตาร์ทเครื่องพร้อมกับเปิดแอร์จนเย็นเฉียบ ผมนั่งปิดปากเงียบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ผิดกับอีกคนที่ดูสบายๆ เปิดเพลงฟังเหมือนกับว่าไม่มีผมนั่งร่วมมาด้วย เพราะสายตาเขาพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียวดูมีสมาธิกับการขับรถอย่างเต็มที่ จนผ่านไปราวห้านาทีพี่เขาก็เอ่ยพูดขึ้นก่อน

   “เหงื่อกูออกท้วมตัวเลยว่ะ เหม็นหน่อยนะ” พี่เขาออกตัวแล้วดมแขนทั้งสองข้างตัวเองก่อนยู่จมูกไปด้วย

   “ครับ” ที่จริงก็ไม่ได้เหม็นอะไรสักหน่อยนะ แต่ผมก็อือออส่งๆ ไปตามมารยาท

   “หิวไหม?”

   “ไม่ครับ”

   เราจบคำพูดกันแค่นั้น ผมเลือกที่จะนั่งเงียบๆ หันมองกระจกมองสองข้างทางแทนการพูดคุย ซึ่งพี่เพลิงเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ เขาขับรถไม่เร็วนักแต่เพียงสิบนาทีก็ถึงหน้าหอ พี่เพลิงจอดรถจนนิ่งสนิทผมจึงตั้งท่าจะลง

   “ขอบคุณครับ”

   “อืม พรุ่งนี้กูมารับ มึงเรียนเช้าใช่ไหม”

   ผมที่กำลังจะปิดประตูชะงักค้าง

   “ไม่รบกวนดีกว่าครับ”

   ผมพูดเพียงแค่นั้นแล้วรีบปิดประตูรถก่อนจะจ่ำอ้าวขึ้นหอด้วยอาการใจสั่นระรัว

   เออเนอะคนเรา พอบทจะได้ใกล้กันจริงๆ หัวใจแม่งก็แทบจะระเบิด



หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-02-2018 22:50:41
อิพี่เพลิงไบโพล่า..จะมาไม้ไหน???
ปล.กลับมาต่อแล้ว ดีใจ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 18-02-2018 23:18:30
พี่เพลิงหนิ ปากกับใจไม่เคยตรงกันเลยนะคะยังจะซึนอีกกก
มาต่อไวๆนะคะ ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 19-02-2018 23:54:32
มาต่ออีก พี่เพลิงจะรุก แต่น้องเริ่มถอย รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 26-02-2018 19:40:26
อ่านเพลินเลยค่ะ พระเอกนี่น้าาา ตื้อไปจ้าเพลิงตื้อเยอะๆ แสดงออกชัดๆกว่านี้ฟอร์มที่มีเยอะๆวางไว้ก่อนเลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 18-04-2018 13:52:38
เขินมาก ชอบผชปากหนักๆ พอได้ทำไรนิดหน่อย ก็พาเขินพาฟินแล้ว
รออ่านนนะคะ จุ้บบบบ :impress2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 30-04-2018 00:28:56
เขินนน
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 06-05-2019 15:46:33
มารออ่านนานมากแล้วคร้าบบบบ
และยังรออยู่นะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 07-05-2019 18:25:58
สนุกๆๆๆๆ อยากให้ทำเรื่องยาวเลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} รัก คือ บททดสอบ : พระเพลิง (ตอนที่ 13) 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-06-2019 20:59:52
อยากให้มาต่อจังค่ะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ