Internal Love
ตอนที่ 39
Roses are red, violets are blue.
Sugar is sweet, and so are you.
“โอ๋ๆ ไม่ร้องสิคะลูก ร้องอะไรกันล่ะนมก็กินแล้ว อึก็อึแล้ว หนูร้องอะไรคะคนเก่ง หงุดหงิดหรอคะ” ภาพผู้ชายร่างสูงใหญ่อุ้มลูกสาวตัวจ้อยเอาไว้ในวงแขนพาอุ้มเดินรอบบ้านพลางพูดเสียงอ่อนเสียงหวานนั้นเป็นภาพที่น่าเอ็นดูและน่าอัศจรรย์ใจในเวลาเดียวกัน เมืองแมนยังจำเหตุการณ์ที่ได้เจอเพลิงกัลป์เมื่อหลายเดือนก่อนได้แม่นยำ ถ้าตอนนั้นมีใครมาบอกว่าอีกฝ่ายจะกลายมาเป็นพ่อของลูกสาวที่น่ารัก เมืองแมนคงหัวเราะฟันแทบหัก
“อุแว้ แว้ๆ” เด็กทารกร้องไห้จ้า ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
“เอามานอนลงเปลดีกว่า” คนเป็นแม่พูด ลุกขึ้นไปจัดที่นอนในเปลเด็กให้เรียบตึงและสะอาด “มานอนนี่มา”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หลับแล้ว โอ๋...โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ หมาหางงอ กอดคอโยกเยก...” เพลิงกัลป์โยกตัวไปด้วยเบาๆ ดูเหมือนว่าจะเริ่มได้ผล เด็กน้อยในอ้อมแขนชักจะตาปรือลง อ้าปากหาว “โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ...” เสียงห้าวๆร้องต่อเนื่องอีกหลายรอบจนกระทั่งลูกสาวหลับสนิทก็พามานอนที่เปล
“หลับปุ๋ยเลย” คนเป็นพ่อพึมพำอย่างภูมิใจ “เพลงของแม่ได้ผลจริงๆ”
“ไปแอบฝึกมาตอนไหน” เมืองแมนถาม
“ครูพักลักจำ แอบจำมาตอนแม่อุ้มน้องพริมเดินเล่นในสวน” เพลิงกัลป์ตอบยิ้มๆ บิดตัวไล่ความเมื่อยขบจากการอุ้มลูกเป็นเวลานาน “แมนอาบน้ำหรือยัง”
“อาบแล้ว” เมืองแมนตอบ เขาอาศัยช่วงที่เพลิงกัลป์อุ้มลูกรีบเข้าไปทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย นี่ขนาดว่ามีย่ายายกับคนในบ้านช่วยเลี้ยงหนูพริมแล้วชายหนุ่มก็ยังรู้สึกเหนื่อยมากอยู่ดีเพราะต้องคอยปั้มนมให้ลูกเก็บเอาไว้อีกด้วย ตอนนี้น้ำนมของเขาเริ่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจนเมืองแมนเริ่มรู้สึกกังวล เขาโทรไปปรึกษาหมอชาลีเรื่องนี้ หมอบอกว่าน่าจะเป็นเพราะเขาพ้นสภาวะตั้งครรภ์และไม่ได้ฉีดฮอร์โมนกระตุ้นอีกก็เลยทำให้ฮอร์โมนในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็วกลับเข้าสู่ระดับปกติเหมือนผู้ชายทั่วไป
เมืองแมนอยากฉีดฮอร์โมนอีกแต่หมอชาลีห้ามเอาไว้ เกรงว่าจะไปกระตุ้นร่างกายมากเกินไป ไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อผนังมดลูกและรังไข่ที่เหลืออีกข้างหรือเปล่า เพลิงกัลป์ก็เห็นด้วยว่าถ้านมแม่ไม่พอก็เปลี่ยนเป็นนมผสมเอาก็ได้ ไม่อยากให้เมืองแมนเครียดเรื่องนี้
แต่เขาก็เครียดอยู่ดี...เมืองแมนถอนหายใจยาว
เวลาลูกดูดนมเขารู้ดีว่าลูกกินไม่อิ่ม ดูดได้แป๊บเดียวก็หมดแล้ว ขนาดยอมกินหัวปลีเช้ากลางวันเย็นก็ยังไม่ค่อยไหล ใช้เครื่องปั้มปั้มช่วยก็ออกน้อยจนท้อใจ เครื่องดูดหน้าอกของเขาจนปวดไปหมด
“ทำอะไรอยู่แมน ปั้มนมอีกหรือ...บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไรหรอก ลูกเรากินนมผสมก็ได้” เพลิงกัลป์กลับออกมาจากห้องน้ำ เห็นเขากำลังปั้มนมอยู่บนเตียงก็ทักพลางแต่งตัวไปด้วย
“นมแม่ดีที่สุด” เมืองแมนพึมพำตามที่อาจารย์วอร์ดเด็กได้พร่ำสอนเอาไว้ “ปั้มบ่อยๆมันจะได้ออกมา” เขาก้มลงดูเต้านมของตัวเองอย่างมีหวัง
“แล้วก็มาบ่นปวดอีก เตือนก็ไม่เชื่อ” เพลิงกัลป์ว่า แต่งตัวเสร็จก็แวะไปดูสาวน้อยที่นอนหลับเงียบอยู่ “หนูพริมหลับดีจัง น่ารัก” เขาเอานิ้วเขี่ยแก้มยุ้ยๆนั้นเล่นนิดนึง ตบก้นกลมๆอีกสองแปะจากนั้นจึงค่อยกลับมาล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างๆคนรัก
เมืองแมนถอนหายใจอีกรอบ เริ่มถอดใจกับการปั้มนมครั้งนี้เลยถอดเครื่องออกเก็บเข้าที่ จะหันไปบ่นกับคนรักก็พบว่าฝ่ายนั้นนอนหลับคร่อกไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการทำงานมาทั้งวัน
เสียงกรนของเพลิงกัลป์ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอแสดงว่ากำลังหลับสนิท เมืองแมนนอนลืมตาโพลงมองเพดานห้องอยู่คนเดียวในห้องนอนที่เปิดโคมไฟหัวเตียงเอาไว้มืดสลัว ครุ่นคิดเรื่องนู้นไปเรื่องนี้ไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากคลอดน้องพริมแล้วเขาพบว่าตัวเองกลายเป็นคนคิดมาก จากเดิมก็เป็นคนคิดมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เหมือนตัวเขาเองก็หยุดยั้งความคิดไม่ได้
มันเริ่มจากเรื่องเล็กๆอย่างการผลัดกันตื่นตอนกลางคืนมาให้นมและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้หนูพริม ถึงแม้ว่าตอนกลางวันย่ากับยายจะช่วยกันอุ้มช่วยกันเลี้ยงเพื่อให้เมืองแมนได้นอนพัก แต่ตอนกลางคืนก็เป็นหน้าที่ของเขาอยู่ดี เพลิงกัลป์ทำได้ในช่วงแรกทว่าพอชายหนุ่มต้องกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลด้วยก็กลายเป็นว่ามีแค่เขาคนเดียวที่ต้องตื่นมาดูลูก คุณเพตราเคยเสนอให้คนในบ้านมาช่วยเลี้ยงตอนกลางคืนแล้วแต่เมืองแมนก็ยังกังวลใจ ต้องตื่นขึ้นมาดูอีกที เลยกลายเป็นว่าคนช่วยเลี้ยงเลยไม่มีประโยชน์เท่าไหร่
พอนอนไม่พอเข้าเมืองแมนก็เริ่มหงุดหงิดง่าย รู้สึกทุกอย่างขวางหูขวางตาไปหมด ใครทำอะไรก็ไม่ถูกใจ กินอะไรก็ไม่อร่อยเหมือนเดิมราวกับต่อมรับรสที่ลิ้นมันเสีย เขากินได้น้อยมาก ไม่มีความอยากอาหารแต่ก็พยายามกินเข้าไปเพราะอยากให้น้ำนมมีสารอาหารที่เพียงพอ
และตอนนี้น้ำนมก็ทำท่าจะหมดเสียแล้ว
จะทำยังไงดี เขาอยากให้ลูกได้กินนมแม่นานๆ อย่างน้อยสักหกเดือนก็ยังดี นี่ยังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ลูกของเขาจะต้องกินนมผสมเสียแล้วเหรอ แล้วแบบนี้หนูพริมจะป่วยง่ายไหม จะมีภูมิต้านทานพอหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด นมผสมมันสู้นมแม่ไม่ได้ไม่ใช่หรือ อีกหน่อยหนูพริมก็จะท้องผูกถ่ายยากหรือไม่โชคร้ายเกิดแพ้นมวัวขึ้นมาท้องเสียไม่หายจนลำไส้อักเสบ แล้วเขาจะทำยังไง...
คิดไปคิดมาน้ำตาก็ไหลออกมาเสียเฉยๆ เมืองแมนยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้ดังไปถึงหูของคนรักที่นอนอยู่ข้างๆ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องร้องไห้ เหมือนมันนึกจะไหลก็ไหล รู้สึกวูบๆโหวงๆข้างในอกราวกับมีหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ตรงนั้น มันดูดกลืนความสุขที่เขาเคยคาดว่าจะมีหลังจากคลอดลูกไปหมด
จะกลับไปทำงานเหมือนเดิมก็ไม่ได้ มองไปข้างหน้าก็ยังไม่เห็นหนทางที่จะกลับไปเรียนต่อเฉพาะทาง ชีวิตเขาจะจบลงด้วยการเป็นพ่อบ้านอยู่ดูแลลูกไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ
เสียงลูกร้องอีกแล้ว เมืองแมนยกชายเสื้อขึ้นซับน้ำตา ลุกขึ้นเดินไปหาลูกน้อยที่กำลังร้องไห้จ้า แกะดูผ้าอ้อมเป็นอันดับแรก นั่นไง..ฉี่อีกแล้ว เขาลงมือเช็ดทำความสะอาดและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ใหม่ ลูกยังร้องไม่หยุด เมืองแมนอุ้มหนูพริมขึ้นมาอุ้มเข้าเต้า เด็กน้อยดูดอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วก็ร้องไห้อีกเพราะไม่อิ่ม ชายหนุ่มให้ดูดนมที่ปั้มเก็บไว้จนหมด ลูกน้อยก็ยังร้องไห้จ้า
“ยังไม่อิ่มอีกหรอลูก เป็นคนหรือเป็นหมูกันแน่ฮึ” เขาชงนมผงมาให้ลูกดูดจนเธอพอใจนั่นแหละถึงได้ยอมนอนได้ เมืองแมนอุ้มลูกพาเรอระหว่างนี้เพลิงกัลป์หลับเป็นตายไม่ได้ตื่นขึ้นมาช่วยเขาเลยแม้แต่น้อย
ใช่สิ...อีกฝ่ายคงจะถือว่าตัวเองทำงานหาเงินนอกบ้านแล้วกระมัง เรื่องเลี้ยงเด็กมันก็ต้องเป็นหน้าที่เขาอยู่แล้ว เมืองแมนวางลูกใส่เปลเหมือนเดิม พอวางปุ๊บหนูพริมก็ร้องงอแงขึ้นมาอีก เสียงเด็กร้องทำให้เมืองแมนปวดหัวตุบๆ ชายหนุ่มนั่งไกวเปลพร้อมกับร้องเพลงกล่อมลูกอยู่ค่อนคืนกว่ายัยหนูจะหลับ
ลูกหลับส่วนเขานอนไม่หลับเลยทั้งคืน
..................................................................
“คืนนี้เพลิงกลับดึกหน่อยนะครับแม่ ที่โรงพยาบาลมีงานเลี้ยงต้อนรับรองผอ.คนใหม่เพิ่งย้ายมา” เพลิงกัลป์พูดยิ้มๆ หันไปมองเมืองแมน “อยากไปร่วมงานด้วยหรือเปล่า น่าสนุกนะ”
เมืองแมนเม้มปาก ส่ายหน้า
“ไปเถอะ เดี๋ยวอยู่กับลูก” เขาตอบเรียบๆ
“โอเค งั้นผมไปก่อนนะ” เพลิงกัลป์เดินลงบันไดบ้านไปแล้ว เมืองแมนมองตามแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้เลยว่ากำลังตกอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองคน
“แมนกินเยอะๆหน่อยสิ พักนี้แมนซูบไปนะลูก หรือว่าอาหารเหนือจะไม่ถูกปาก” คุณเพตราพูดขึ้น มองเขาอย่างเป็นห่วง “ว่างๆก็ออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็ได้ ทิ้งหนูพริมไว้กับย่ากับยายนี่แหละ คนเต็มบ้านไม่ต้องห่วงหรอก”
“ผมไม่ค่อยอยากไปไหนครับ” พูดให้ถูกคือเขาไม่อยากเจอหน้าใครมากกว่า แค่นี้บรรดาแขกที่มาเยี่ยมเยียน ‘พ่อเลี้ยงไกรสร’ ก็ต่างซุบซิบกันให้วุ่นแล้วว่าหนุ่มน้อยหน้าละอ่อนที่มาอยู่ร่วมเรือนพ่อเลี้ยงนั้นเป็นใคร และเด็กทารกที่หน้าเหมือนพ่อหนุ่มแปลกหน้าอย่างกับแกะก็ด้วย
คุณเพตราแนะนำเขากับแขกเหล่านั้นว่าเป็น ‘ลูกชาย’ อีกคน ส่วนเด็กน้อยก็เป็นหลานสาวของเธอ กระนั้นข่าวลือก็ยังไม่หยุด มีตั้งแต่คนคิดว่าเขาเป็นลูกที่ไม่เปิดเผยของพ่อเลี้ยงกับเมียเก็บ หรือว่าลูกน้อยเป็นลูกของเพลิงกัลป์ที่เที่ยวไปไข่ทิ้งเอาไว้ ฯลฯ ฟังแล้วปวดหัว ครั้นจะบอกความจริงก็คงไม่มีใครเชื่อว่าหนูน้อยเป็นลูกแท้ๆของเขากับเพลิงกัลป์ที่เขาอุ้มท้องและคลอดมาเอง
เพลิงกัลป์เคยบอกว่าจะพาเขาไปเปิดตัวกับเพื่อนๆ แต่ล่วงมาเกือบสามอาทิตย์ที่อยู่ที่นี่แล้วก็ยังไม่เห็นพาไปไหนเสียที ชายหนุ่มเอาแต่ทำงานกลับมาก็เล่นกับลูก พูดคุยกันนิดหน่อยแล้วเข้านอน วนลูปไปแบบนี้
“เดี๋ยวผมเข้าไปดูคุณลุงก่อนนะครับ” เมืองแมนทานข้าวเสร็จก็ลุกเข้าไปในห้องนอนของคุณไกรสร เห็นฝ่ายนั้นกำลังทำกายบริหารช้าๆ อยู่บนเตียง
“คุณลุงทานข้าวหรือยังครับ”
“อ้าวแมน เข้ามาสิ ฉันกำลังฝึกท่าใหม่อยู่ เมื่อวานคุณนกเขามาสอนให้ก็ดีเหมือนกัน” คนพูดค่อยๆหันตัวยกขาขึ้นช้าๆ เมืองแมนขยับเข้าไปช่วยเหลือ เขารับหน้าที่ช่วยทำกายภาพคุณไกรสรมาได้พักใหญ่ จะว่าไปตอนนี้อาการของอีกฝ่ายก็ดีขึ้นมาก อาจเป็นเพราะมีกำลังใจดีด้วยกระมัง
“หนูพริมอยู่ไหนแล้ว หรือว่าหลับอยู่ ถ้าหลับไม่ต้องปลุกหรอกนะ” พอทำกายภาพเสร็จคุณปู่ก็จะถามหาหลานคนโปรดทันที
“นอนอยู่ครับ เพิ่งกินนมไป รอสักพักเดี๋ยวตื่นจะพาเข้ามาครับ”
“อืม...หลานยังเลี้ยงง่ายอยู่ไหมเมืองแมน”
“ก็โอเคอยู่ครับ ไม่ได้กวนอะไรมาก” เมืองแมนตอบเรียบๆ
“พักผ่อนบ้างนะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกแม่เขา ไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเอง” คุณไกรสรพูด มองหน้าเขาแล้วยิ้ม “ไม่ใช่ลูกโตเอาๆ แม่ตัวหดเหลือนิดเดียวไม่ได้นา”
“ครับคุณลุง”
“แล้วเพลิงไปไหน”
“ไปทำงานครับ”
“แมนอยากกลับไปทำงานหรือเปล่า?” ผู้สูงวัยกว่าถามขึ้น “ถ้าอยากก็บอกนะ ที่บ้านมีคนช่วยเลี้ยงหนูพริมเยอะแยะ ไม่เป็นไรหรอก”
“ผม...คิดว่าจะเลี้ยงลูกก่อนครับ” เมืองแมนพูดแล้วก้มหน้าลง
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยากเล่าให้พ่อฟังไหม” คุณไกรสรมองอย่างปรานี
คำว่า พ่อ ที่หลุดออกมาจากปากอีกฝ่ายทำให้เมืองแมนรู้สึกตื้อๆขึ้นมาในอก นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยินใครเรียกแทนตัวเองว่าพ่อกับเขา นับตั้งแต่วันที่เสียพ่อไป
“แมน...แมนบอกไม่ถูก” เมืองแมนขอบตาร้อนผ่าว พยายามฝืนกลั้นเอาไว้ อีกฝ่ายเอื้อมมือมาวางบนศีรษะของเขาเบาๆ
“เรามันขี้อดทนเกินไป เขาว่าคนอดทนเกินไปก็ไม่ดี อย่างพ่อก็เกือบตายเพราะอดทนเกินไปเหมือนกัน พ่อลื่นล้มวันนั้นแล้วก็ปวดหัว ปวดหัวแทบตายเหมือนหัวจะระเบิด แต่ก็อดทนเอาไว้ไม่บอกแม่เขา คิดว่าเราไม่น่าจะเป็นอะไร แล้วเป็นไงล่ะ...” คุณไกรสรหัวเราะเบาๆ “เรามีอะไรก็ต้องบอกต้องเล่า อย่าไปเก็บเอาไว้คนเดียวนะ พ่อดูออกว่าแมนเป็นคนช่างคิด คนละแบบกับไอ้เพลิง ไอ้นั่นมันเป็นพวกไม่คิดอะไรเลย เดินหน้าลุยอย่างเดียว”
“หึๆ” เมืองแมนยิ้มออกมานิดหนึ่ง
“มีอะไรก็ลองคุยกัน เลี้ยงลูกมันเหนื่อยอยู่แล้วพ่อรู้ พ่อก็เคยผ่านมาก่อน ตอนนั้นแทบบ้าเลย แม่เขาก็ลูกอ่อนแต่พ่อต้องเข้าไปคุมเขาตัดไม้ข้างใน ไปกันทีเป็นอาทิตย์ๆ ทางนี้ก็อยู่คนเดียวสมัยนั้นคนยังไม่เยอะอย่างนี้ เปลี่ยวๆกลางป่ากลางเขา แม่เขาร้องไห้ทุกวัน พ่อก็เป็นห่วง”
“จริงเหรอครับ”
“จริงสิ ลองไปถามแม่เขาดู พ่อออกจากป่าทีนี่แทบจะวิ่งเข้ามากอด” คุณไกรสรหัวเราะเมื่อนึกถึงความหลัง “เพลิงมันเก่งกว่าพ่อเยอะ พ่อเปลี่ยนผ้าอ้อมกับเค้าไม่เป็นหรอก ได้แต่ตื่นมาเป็นกำลังใจ”
“ผมก็อยากให้เพลิงตื่นมาอยู่เป็นเพื่อนกันบ้างตอนดึกๆ แต่ก็รู้แหละว่าเขาทำงานมาเหนื่อย” เมืองแมนพึมพำ “จะปลุกเขาก็เกรงใจ”
“ไฮ้...จะมาเกรงจงเกรงใจอะไรล่ะ มีอะไรก็ต้องบอกเขา อย่าเก็บเอาไว้”
“มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกครับ” เมืองแมนรีบปฏิเสธเมื่อรู้ตัว “ปกติผมอยู่เวรก็ไม่ได้นอนอยู่แล้ว”
“แล้วแมนอยู่เวรติดกันทีล่ะกี่เดือนล่ะ” คุณไกรสรถามหน้าตาเฉย เมืองแมนย่นหัวคิ้ว
“เขาห้ามอยู่เวรติดกันเกินสองคืนครับ มากสุดสามคืน อยู่ทั้งเดือนนี่ไม่มี...” เมืองแมนเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมเข้าใจครับ”
“อย่าอดทนมากเกินไป มีอะไรก็อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว เก็บเข้าไปมากๆเดี๋ยวอีกหน่อยมันก็จะแตะโพละออกมา ทีนี้ยิ่งแย่ไปกันใหญ่”
“ครับคุณลุง” เมืองแมนยกมือขึ้นไหว้
“เอ นี่ก็พอกัน สอนแล้วไม่จำ บอกให้เรียกพ่อไง”
“ครับคุณพ่อ” เมืองแมนยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกในรอบอาทิตย์
เขากลับออกมาจากห้อง หนูพริมตื่นพอดีก็เลยพาอุ้มเข้าไปหาคุณปู่ นั่งเล่นอยุ่ครู่หนึ่งก็ลุกออกมาจากห้อง ปล่อยให้ปู่หลานอยู่ด้วยกันสองคน ได้ยินเสียงคุณไกรสรคุยกับหลานอยู่กระหนุงหระหนิง สักพักคุณเพตราก็เข้าไปร่วมวงด้วยอีกคน
เมืองแมนมาช่วยมารดาทำอาหารในครัว เขาอยากจะพัฒนาฝีมือทำอาหารของตัวเองมากกว่านี้ อย่างน้อยกินแล้วไม่ท้องเสียก็ถือว่าโอเคใช้ได้ เหลือบมองมารดาก็เห็นอีกฝ่ายดูมีความสุขมากกับการเก็บเอาพืชผักสวนครัวรอบบ้านมาทำกับข้าว ดัดแปลงเมนูใหม่ๆอย่างสนุกสนาน
“วันนี้ทำขนมจีนน้ำเงี้ยวนะแมน เราชอบกินไม่ใช่เหรอ”
“ครับแม่” เมืองแมนรับ
“ทำไมลูกแม่หงอยจัง นี่ถ้าแม่กลับกรุงเทพฯไปแล้วจะร้องไห้โยเยแข่งกับหนูพริมหรือเปล่า” คุณจุไรพูดยิ้มๆ หยิบเครื่องแกงมาโขลก
“แม่จะกลับแล้วหรอครับ”
“อืม...มาหลายอาทิตย์แล้วคิดถึงบ้าน เป็นห่วงยัยเมย์ด้วย ไปอยู่กับเพื่อนไม่รู้เป็นไงบ้างป่านนี้” เธอพูดเรียบๆ “แมนอยู่ทางนี้ก็เข้าที่เข้าทางแล้ว คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
“แล้วหนูพริมล่ะครับ แม่จะทิ้งหนูพริมไปแล้วหรอ” แมนเอาลูกขึ้นมาอ้าง
“ไว้แม่จะแวะเวียนขึ้นมาบ่อยๆ แมนเองถ้าเหงาก็ลงไปหาแม่นะลูก เดี๋ยวนี้กรุงเทพฯเชียงใหม่ไม่ไกลเลย” เธอพูดยิ้มๆ “แม่มาเห็นบ้านช่องห้องหอของพ่อเพลิงแม่ก็ดีใจแล้ว เอาไว้ตอนงานแต่งลูกเดือนหน้าแม่ค่อยมาอีกที”
“เดือนหน้าเลยเหรอครับ”
“โตแล้วทำตัวเป็นลูกแหง่ไปได้ จนมีลูกแล้วด้วย ไม่งอแงนะแมน” มารดารีบดักคอเอาไว้ “ไม่งั้นอายหนูพริมเอานะ”
เมืองแมนหน้างอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
อาหารเย็นมื้อนั้นผ่านไปแบบไม่รู้รสอีกตามเคย เมืองแมนขอตัวกลับมาหาลูกในห้อง หนูพริมตื่นแล้วกำลังขยับแขนขยับขาเล่นอย่างเพลิดเพลิน พอแมนอุ้มเข้าเต้าปากเล็กๆสีแดงสดก็เริ่มดูดอย่างขะมักเขม้น ตากลมแป๋วมองตรงมาที่เขา เมืองแมนมองเห็นเงาของตัวเองในแก้วตาดำขลับคู่นั้น
ร่างเล็กจ้อยในวงแขนขยับตัวดิ้นเมื่อรู้สึกว่าน้ำนมไหลไม่ทันใจ สุดท้ายหนูพริมก็ละริมฝีปากออกแล้วร้องไห้ออกมา เมืองแมนถอนหายใจเฮือก หยิบขวดนมที่เตรียมเอาไว้ใส่ปากลูกสาว
เห็นทีเขาคงต้องยอมตัดใจเรื่องน้ำนมแม่กระมัง ชายหนุ่มคิด รอจนลูกสาวกินอิ่มเรอออกมาดังเอิ้กก็อุ้มพาไปนอน เหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว เพลิงกัลป์ยังไม่กลับอีกหรือ
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกดโทรออกแต่ก็เปลี่ยนใจ เขาไม่อยากเป็นแฟนประเภทโทรจิกโทรตามตลอดอย่างใครๆ เอาน่า...เพลิงก็บอกเองว่ามีงานเลี้ยง ก็คงต้องอยู่สังสรรค์บ้างนานทีๆ ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะกลับดึกทุกวันเสียหน่อย ....ปลอบใจตัวเองได้แล้วก็หันไปหาหนังสือมาอ่านเล่นเพลินๆ
รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปจนเกือบเที่ยงคืน เมืองแมนวางหนังสือลงอย่างหมดความอดทน เขาอ่านไม่รู้เรื่องเลยสักบรรทัดเดียว เอาแต่คอยเงี่ยหูฟังเสียงรถหน้าบ้านอยู่นั่นเอง ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาในห้องนอน ใจหนึ่งก็อยากโทรไปถามดู เป็นห่วงว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า อีกใจก็ไม่อยากโทรไปรบกวน เดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงกลับมาเอง
เอาไงดี...ระหว่างครุ่นคิดก็จิ้มเข้าเฟสบุ๊คตามความเคยชิน ภาพแรก News feed ทำเอาเมืองแมนต้องคว้าแว่นมาสวมดูอีกรอบ ภาพนั้นถ่ายในร้านอาหารที่ตกแต่งหรูหรา ร่างสูงใหญ่ของคนรักยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางชายหญิงหน้าตาดีทั้งกลุ่ม เดาเอาว่าคงเป็นเพื่อนๆของเจ้าตัว ทุกคนยิ้มกว้างในมือถือแก้วเครื่องดื่มเอาไว้ไม่เว้นแม้แต่ในมือของเพลิงกัลป์
แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือฝ่ายนั้นกำลังยืนโอบเอวผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ เธอสวยสะดุดตาทีเดียวแถมยังใส่ชุดเว้าหน้าเว้าหลังโชว์สัดส่วนเร้าใจชนิดที่ใครๆก็ต้องเหลียวหลัง
“...เบื่อแล้วเป็นเสือ อยากเป็นเหยื่อให้เธอขย้ำ...” เมืองแมนอ่านแคปชั่นที่เพลิงกัลป์โพสต์แล้วก็เบิกตาโพลงใจเต้นแรงมือสั่นแบบควบคุมไม่อยู่ ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนก้าวยาวๆไปที่ตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนเสื้อนอนกางเกงบอลออกเป็นเสื้อแขนยาวเตรียมออกไปข้างนอก คว้ากุญแจรถได้ก็เดินฉับๆไปที่หน้าประตูห้อง
“อุแว้ อุแว้ แง้” เสียงลูกสาวร้องขึ้นพอดี ไม่รู้ตกใจเสียงเปิดประตูหรือว่าอะไร เมืองแมนยืนนิ่งขึงอยู่ที่หน้าประตู มือกำลูกบิดเอาไว้แน่น “อุแว้ อุแว้” หนูพริมยังร้องไม่เลิก
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก ดึงประตูปิดแล้วเดินมาอุ้มลูกสาวขึ้นอก ขอบตาร้อนผ่าวเม้มปากแน่น กลั้นใจเปิดเสื้อออกให้ลูกสาวกินนม ฝืนกลั้นได้ไม่เท่าไหร่น้ำตาก็ไหลพรากออกมาเป็นสาย เมืองแมนสะอื้นฮักยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแรงๆ
จะร้องไห้แข่งกับลูกหรือไง เลิกร้องได้แล้ว...ชายหนุ่มนึกโกรธตัวเอง กระนั้นน้ำตาก็ดูท่าจะไม่หยุดไหลง่ายๆ จนลูกสาวเลิกร้องแล้ว คนเป็นแม่ก็ยังเช็ดน้ำตาไม่เลิก ...เป็นอะไรนักหนาเนี่ยแมน ลูกยังเก่งกว่าเลย จะร้องให้น้ำตาท่วมห้องเลยมั้ย ร้องไปก็ใช่ว่าฝ่ายนั้นจะรู้เรื่องด้วยนี่ ฮือ...ป่านนี้คงมีความสุขกับผู้หญิงคนนั้นไปแล้วมั้ง บ้านช่องก็ไม่ยอมกลับ ทิ้งให้เราอยู่กับลูกคนเดียว
ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ เมืองแมนกอดลูกสาวเอนตัวลงนอนบนเตียง ร้องไห้จนเหนื่อยก็ผล็อยหลับไปเองเพราะความเพลีย มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็พบว่าสามีกลับมาแล้ว ร่างสูงใหญ่นอนเหยียดยาวอยู่ข้างตัว ส่วนหนูพริมก็นอนอยู่ในเปลเรียบร้อย เมืองแมนอยากจะปลุกคนหลับขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่องเสียเดี๋ยวนั้นแต่พอเห็นนาฬิกาบอกเวลาตีสี่กว่าก็เปลี่ยนใจ เดี๋ยวฝ่ายนั้นนอนไม่พอก็ทำงานไม่ไหวอีก
ตาค้างจนถึงเช้า เมืองแมนลุกขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกตอนที่นาฬิกาปลุกของเพลิงกัลป์ดังขึ้น ฝ่ายนั้นลืมตาตื่นขึ้นมาเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกอย่างงัวเงีย
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงห้าวๆถามขึ้น
“อืม...เมื่อคืนกลับกี่โมง” เมืองแมนถามแบบไม่มองหน้า
“เกือบตีหนึ่ง จบงานเลี้ยงต้อนรับแล้วก็ไปเจอกับเพื่อนต่อเลยนั่งคุยกันนิดหน่อย”
“เห็นแล้ว...ที่อัพลงเฟสใช่มั้ย”
“อ๋อ” เพลิงกัลป์ชะงักไปนิดหนึ่ง ดูเป็นพิรุธเหลือเกินในสายตาคนที่จับสังเกตอยู่ “อืม นานๆรวมตัวกันครบก็เลยอัพรูปเสียหน่อย ไม่มีไรนี่”
“ผู้หญิงคนนั้นสวยดีนะ” เมืองแมนพูดต่อลอยๆ หยิบกองผ้าอ้อมเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“ผู้หญิงคนไหนหรอ” อีกฝ่ายถามกลับมา พอได้ยินแบบนี้เข้าเมืองแมนก็โกรธจี้ดขึ้นมาทันที
“ก็คนที่ถ่ายคู่ด้วยไง”
“ก็ไม่มีอะไร เพื่อนกันทั้งนั้นแหละ ทำไม? หึงเหรอ” เพลิงกัลป์ถามแกมหัวเราะเหมือนเห็นเป็นเรื่องขัน แต่เมืองแมนหน้ามืดเสียแล้ว ร่างเล็กก้มลงอุ้มลูกในเปลแล้วก้าวฉับๆออกไปจากห้อง “แมนเดี๋ยวก่อนสิ กลับมาคุยกันก่อน คนที่ถ่ายด้วยเมื่อคืนเขาไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย เขาแปลงเพศมา เป็นเพื่อนเก่าของกูเอง” เพลิงเดินลงบันไดตามหลังมาด้วย “ไม่มีอะไรเลย”
เมืองแมนหยุดกึก กอดลูกเอาไว้แนบอก หันขวับไปถามเสียงห้วน
“แล้วทำไมต้องโอบเอวกันด้วย”
“เอ้า...ก็ถ่ายรูปกันเฉยๆ จะให้ยืนตัวตรงเหมือนเคารพธงชาติหรือไง” เพลิงกัลป์ย้อนกลับมา คนฟังสะบัดหน้าพรืดก้าวฉับๆเข้าไปในครัว “ไม่เอาน่าแมน นี่มันไร้สาระ..”
“ไร้สาระ? ใช่สิ กูมันไร้สาระเองแหละ เรื่องไม่เป็นเรื่องก็เอามาคิดอยู่ได้เป็นบ้าเป็นหลัง เห็นแฟนตัวเองถ่ายรูปโอบเอวคนอื่นแค่นี้ก็คิดมาก พอใจหรือยัง” เมืองแมนกระแทกเสียงน้ำตาคลอ “จะคิดมากทำไมอยู่บ้านเลี้ยงลูกไปก็พอแล้ว วันๆให้นมอาบน้ำกินข้าวเปลี่ยนผ้าอ้อม ก็ทำไปสิเป็นหน้าที่ก็ถูกแล้วนี่”
“แมน?”
“กูก็มีค่าแค่นี้แหละ คลอดลูกออกมาแล้วก็เลี้ยงเอา อยู่เลี้ยงลูกไปจนตาย” พูดจบเมืองแมนก็อุ้มลูกสาวที่เริ่มร้องไห้เดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน
เพลิงกัลป์มองตามหลังไปอย่างตกใจแกมเคร่งเครียด คำพูดของเมืองแมนเมื่อครู่ดูวกวนไม่เชื่อมโยงกันก็จริงแต่อารมณ์ที่สื่อออกมาทางสีหน้าแววตานั้นเต็มเปี่ยม ใบหน้าเล็กรูปหัวใจคล้ำเครียดใต้ตาช้ำจากการร้องไห้และอดนอน ร่างผอมบางใต้เสื้อตัวโคร่งดูซูบกว่าปกติ