Internal Love
ตอนที่ 31
Stay in my arms if you dare,
Or must I imagine you there.
ใบหน้าซีดเซียวของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วยทำให้เพลิงกัลป์ถอนหายใจอย่างอัดอั้น กวาดตามองสายน้ำเกลือระโยงรยางค์และเครื่องอะไรต่อมิอะไรรอบตัวของอีกฝ่ายแล้วยิ่งเพิ่มความหนักอกหนักใจมากขึ้นไปอีก สิบกว่าชั่วโมงแล้วที่เมืองแมนยังไม่ลืมตาฟื้นคืนสติขึ้นมา
ร่างเล็กแต่ท้องกลมนูนใส่ท่อช่วยหายใจเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ปั้มหัวใจที่ห้องฉุกเฉิน หัวใจของเมืองแมนกลับมาเต้นอีกครั้งก็จริง ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ตอบสนองใดๆราวกับกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว อาจารย์ตวงพรหัวหน้าภาควิชาอายุรกรรมบอกกับเขาว่าเมืองแมนจมน้ำนานเกินไป มีโอกาสที่จะไม่ตื่นขึ้นมาอีก แค่นั้นหัวใจของคนฟังก็ยิ่งกว่าแตกสลาย
ให้เป็นตัวเขาเองเสียยังดีกว่า...ดีกว่าต้องมาทนเห็นอีกคนนอนนิ่งเป็นผักแบบนี้ ...ลืมตาขึ้นมาสิแมน นี่กูเองไง เพลิงกัลป์ ลืมตาขึ้นมาสักนิดเถอะนะคนดี ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับคู่นั้นเขายังจำได้แม่นยำ รอยยิ้มเหมือนเด็กๆ เสียงหัวเราะ หรือแม้แต่ถ้อยคำด่าสารพัดที่เจ้าตัวจะสรรหามาว่าเขา ได้โปรดเถอะ เมืองแมน...ตื่นขึ้นมาที แค่ลืมตามองกันก็ได้
คนบนเตียงคงไม่ได้ยินที่เขาพูด เพราะเมืองแมนยังคงนอนนิ่ง เสียงเครื่องช่วยหายใจดังเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงเสมหะครืดคราด คุณพยาบาลเข้ามาช่วยดูดเสมหะในท่อช่วยหายใจของเมืองแมนให้ เพลิงกัลป์ได้แต่ถอยออกไปยืนมองดูห่างๆด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ
ทำไมถึงไม่เป็นเขา..
ถ้าเขาเก่งกว่านี้ ถ้าเขาช่วยเมืองแมนขึ้นมาจากน้ำได้เร็วกว่านี้ ถ้าเขาพาอีกฝ่ายมาที่ห้องฉุกเฉินได้ทันเวลา ถ้าเขาไม่หยุดปั้มหัวใจ ถ้า....
“แมนยังไม่ตื่นอีกหรือ เพลิงกัลป์” อาจารย์คริสปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ชายหนุ่มสะดุ้งยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตาเร็วๆ เบือนหน้าไปอีกทางเพื่อซ่อนรอยน้ำตาเอาไว้จากอีกฝ่าย
“ครับ แต่ความดันอะไรก็ดีหมดแล้ว ...อาจารย์ตวงพรบอกว่าบางที แมนอาจจะขาดอากาศหายใจนานเกินไป”
อาจารย์หนุ่มยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของเขาเบาๆแทนการปลอบใจ
“ใจเย็นๆก่อน ไม่แน่อาจจะมีปาฏิหาริย์” คนพูดรู้ดีพอๆกับคนฟังว่าปาฏิหาริย์ไม่มีจริงในโลกของการแพทย์ “รอดูไปก่อนเถอะ”
“แล้วเรื่องลูก...” คนเป็นพ่อพูดเสียงแหบ
“คงต้องรอให้เมืองแมนอาการคงที่กว่านี้ก่อน ค่อยไปผ่าออก ไม่งั้นตอนผ่าตัดเดี๋ยวจะมีปัญหา”
“................” เพลิงกัลป์พูดไม่ออก เหตุการณ์คราวนี้มันหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เขาจะตั้งรับได้ทัน
“แล้วเรื่องกระดูกที่หักของแมน เขาดามเหล็กให้แล้วใช่มั้ย”
“ครับ อาจารย์ปราการทำให้เมื่อคืน” สีหน้าของคนฟังเปลี่ยนไปเล็กน้อยแทบไม่รู้สึกตอนที่เพลิงกัลป์เอ่ยชื่ออาจารย์อีกคน
“ดีแล้วล่ะ แล้วเธอล่ะเพลิง แผลหายดีแล้วเหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่ไอซียูได้” หมอคริสเปลี่ยนเรื่อง ถามถึงอาการของรุ่นน้องที่ควรจะต้องนอนพักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยไม่ใช่มายืนเฝ้าไอซียูอยู่แบบนี้
เพลิงกัลป์เหลือบมองแขนขาที่มีผ้าพันแผลอยู่เต็มนิดหนึ่งแล้วยักไหล่
“แผลนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายครับ” เขาตอบ
“ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ เดี๋ยวเป็นอะไรไปอีกคน”
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่เป็นไรเลย” เพลิงกัลป์ตอบเบาๆ ทอดสายตามองไปยังเตียงแรกของห้องผู้ป่วยหนักวิกฤตนั้นนิ่งๆ นึกภาวนาอยู่ทุกขณะจิตให้คนๆนั้นลืมตาขึ้นมาเสียที
อาจารย์คริสกลับออกไปแล้ว เหลือเอาไว้แต่เขากับผู้ป่วยหนักหกเตียงที่มีเมืองแมนเป็นหนึ่งในนั้น เพลิงกัลป์ใช้สิทธิความเป็นแพทย์ทำให้สามารถเกาะขอบเตียงผู้ป่วยได้ในเวลาที่ห้ามเยี่ยมแล้วเช่นนี้ รอจนคุณพยาบาลจัดการเรื่องน้ำเกลือและยาต่างๆที่ให้ทางเส้นเลือดเสร็จ ชายหนุ่มก็ลากเก้าอี้เข้าไปนั่งข้างๆคนป่วยที่ยังไม่มีทีท่าจะขยับตัว
ลูบท่อนแขนผอมบางที่มีรอยแทงเข็มน้ำเกลือเป็นจ้ำเขียวๆเต็มไปหมด มือข้างนั้นเย็นชืดราวกับไร้ชีวิต เพลิงกัลป์กุมมือข้างนั้นเอาไว้ระวังไม่ให้เข็มน้ำเกลือหลุดออก พิศดูหน้าท้องกลมนูนที่เห็นได้ชัดยามที่เจ้าตัวนอนหงายในชุดคนป่วย ไม่ได้สวมเสื้อกาวน์ปกปิดเหมือนทุกที
รู้สึกวูบโหวงในอกราวกับมีช่องว่างขนาดใหญ่เกิดขึ้น กลายเป็นหลุมโล่งๆกลวงๆว่างเปล่าไร้หนทางที่จะเติมให้เต็มเหมือนเดิม การสูญเสียลูกไปก็ว่ายากที่จะทำใจแล้ว ยังจะมาเมืองแมนอีก ถึงอาจารย์ตวงพรจะยังไม่ฟันธงว่าอีกฝ่ายจะฟื้นคืนมาไหม แต่ในฐานะที่เขาก็เป็นหมอเหมือนกัน เพลิงกัลป์รู้ดีว่าโอกาสที่แมนจะกลับมาหาเขาคงยากเต็มที หรืออาจจะไม่มีเลย อาจารย์พูดเผื่อไว้เพื่อเป็นการถนอมน้ำใจเขาไม่ให้เสียใจมากเกินไปเท่านั้น อาการของเมืองแมนหนักเกินไป
เป็นเพราะเขา...ถ้าคืนนั้นเขาไม่ออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ถ้าเขาอยู่เฝ้าเมืองแมนเอาไว้ตลอดเวลา มันก็คงจะไม่เกิดเรื่องบ้าๆแบบนี้ขึ้น เป็นเพราะเขาเองที่กลับออกมาจากห้องนั้นเพราะทนนอนมองลูกในท้องของเมืองแมนไม่ได้ เพราะเขาดูแลอีกฝ่ายไม่ดีพอ
“เมืองแมน” เสียงของเขาแทบไม่ลอดริมฝีปากออกมา “เราเจอกันช้าไป แมน เจอกันไม่ทันไร มึงก็จะมาทิ้งกูไปง่ายๆแบบนี้ กูเห็นมึงจมน้ำไปต่อหน้าแล้วยังต้องมาดูมึงนอนนิ่งเป็นผักแบบนี้อีกเหรอแมน ไม่ใจร้ายกันไปหน่อยหรือไง” เขาพูดเสียงแหบโหย ก้มหน้าลงซบกับมือข้างนั้นของคนป่วย กระบอกตาร้อนผ่าว “กูเสียลูกไปคนนึงแล้วยังต้องมาเสียมึงอีกเหรอแมน ลืมตาหน่อยไม่ได้เลยเหรอ มึงไม่อยากเจอกูแล้วเหรอแมน หรือว่าเบื่อกูเต็มที กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจหรือไง กลับมาบอกกูสิ กลับมาด่า จะทุบตีอะไรยังไงก็ได้ กูยอมหมดแล้วแมน”
น้ำตาร้อนๆไหลพรากอย่างสุดกลั้น เพลิงกัลป์ร้องไห้ออกมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่เขาก็สุดจะนับ
“ใจคอจะทิ้งกันจริงๆเหรอ ฮึก...แล้วกูจะอยู่ยังไงล่ะแมน เคยเจอหน้าพูดกันอยู่ทุกวัน กินข้าวก็กินพร้อมกัน เข้านอนก็นอนพร้อมกัน มึงเคยกลัวว่ากูจะเล่นๆกับมึงใช่มั้ย คิดว่ากูเลยตามเลยเพราะทำมึงท้องใช่หรือเปล่า ไม่ใช่เลยแมน...กูก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกกับมึงได้มากขนาดนี้ ทั้งที่เราก็เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่ความรู้สึกกูเหมือนรู้จักมึงมาทั้งชีวิต”
ร่างนั้นยังคงนิ่งสนิทราวกับตุ๊กตา ทรวงอกขยับขึ้นลงตามจังหวะเครื่องช่วยหายใจ ใบหน้ารูปหัวใจซีดเผือดริมฝีปากแตกระแหงมีเลือดซึมออกมาจากมุมปากที่มีท่อช่วยหายใจคาอยู่ บาดแผลถลอกเขียวช้ำยังปรากฏให้เห็นทั่วร่าง แขนข้างหนึ่งใส่เฝือกพันเอาไว้อย่างแน่นหนา กลางอกยังมีรอยจ้ำที่เกิดจากการปั้มหัวใจเป็นเวลานาน
เจ็บมากไหมเมืองแมน คงจะเจ็บมากสินะ จะยังรับรู้ถึงความทรมานหรือเปล่าหรือว่าจิตวิญญาณจะหลุดลอยไม่รับรู้ความเจ็บปวดอีกแล้ว คงเป็นบาปกรรมที่คืนสนองเขาหลังจากหักอกใครต่อใครมามากมาย พอมีความรักเข้าจริงๆก็เลยถูกลงโทษให้ต้องมาเจ็บปวดเสียใจแบบนี้
ทำไมไม่เป็นเขาเสียเอง เพลิงกัลป์ได้แต่คิดวนเวียนซ้ำๆอยู่แบบนั้น
เสียงฝีเท้าดังขึ้นเป็นจังหวะแทรกมากับเสียงของเครื่องช่วยหายใจ เพลิงกัลป์เงยหน้าขึ้นเหลียวไปมองต้นเสียง อาจารย์คมศักดิ์เดินเข้ามาภายในห้องไอซียูเงียบๆ เขาเดินมาหยุดที่หน้าเตียงของเมืองแมน
“ยังไม่กลับมาอีกหรือ” อาจารย์ถามขึ้น คนฟังขมวดคิ้ว
“ยังไม่ฟื้นเลยครับ”
อาจารย์คมศักดิ์พยักหน้าเนิบๆ เดินเข้ามาใกล้เตียงมากขึ้นก่อนจะถอดสร้อยคอของตัวเองออกส่งให้เพลิงกัลป์
“ผมให้ เอาคล้องคอเมืองแมนเอาไว้สิ ตอนแรกผมจะเอาให้เมืองแมนด้วยตัวเองแต่ว่าไม่ทันการณ์” อาจารย์พูด เพลิงกัลป์รับสร้อยคอเส้นนั้นมาถือเอาไว้ในมือ มันเป็นสร้อยเงินธรรมดาที่มีจี้พระห้อยอยู่
“ขอบคุณครับอาจารย์” เพลิงกัลป์พูดเบาๆ ขยับสวมสร้อยเส้นนั้นเอาไว้ที่คอของเมืองแมน
“อ้อ....เรื่องหมอหลิน เขาหมดเวรหมดกรรมไปยังภพภูมิอื่นแล้วนะ”
“..............” ชื่อนี้ยังทำให้เขาปวดใจอยู่จนไม่อยากได้ยิน เพลิงกัลป์เม้มปาก
“คุณอโหสิให้เขาเถอะ จะได้ไม่เป็นกรรมเกี่ยวพันต่อเนื่องกันต่อไปอีก ผมพูดได้เท่านี้ ไปก่อนล่ะ พอดีมีเคสรออยู่” อาจารย์พูด มองคนเจ็บแวบหนึ่งแล้วก็กลับออกไปจากไอซียู เพลิงกัลป์มองตาม ได้แต่เก็บความขุ่นข้องแกมสงสัยเอาไว้ในใจ ตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่สระน้ำนั้นแล้ว ท่าทางอาจารย์คมศักดิ์คงไม่ใช่แค่หมอศัลยกรรมธรรมดาเป็นแน่
แต่ก็ช่างเถิด...ถ้าสร้อยพระจะช่วยทำให้เมืองแมนฟื้นขึ้นมาได้ เขายอม ตอนนี้ขอแค่มีสักทางที่พอจะเป็นความหวัง เป็นจุดเล็กๆกลางความมืดมิดในใจเขาก็ยังดี
นึกถึงตอนที่รู้ว่าเสียลูกไป หัวใจของเขาเหมือนถูกบีบ ตอนนั้นก็คิดว่ามันคงเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เสียใจที่สุดแล้วทว่ากลับไม่ใช่ เขาเพิ่งค้นพบว่าตัวเองสามารถเสียใจได้มากกว่านั้นอีก ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระชากออกไปเรียบร้อยแล้วเหลือแต่เพียงร่างกายที่ยังหายใจอยู่เท่านั้น
นั่งเฝ้าเมืองแมนจนถึงเช้า อาการของเมืองแมนทรุดลงจนทุกคนวุ่นวายกันไปหมด อาจารย์ตวงพรขอร้องแกมบังคับให้เขากลับไปที่ห้องพักของตัวเองเพื่อพักผ่อนเสีย ถ้าเมืองแมนฟื้นเธอจะเรียกเอง แต่ว่าชายหนุ่มปฏิเสธ
“ผมรู้ครับอาจารย์ ผมทราบอาการของเมืองแมนดี ผมรู้ด้วยว่าอาจารย์พยายามจะปลอบใจผม แต่ถ้าแมนจะตื่นก็คงตื่นเสียนานแล้ว ไม่ล่วงเลยมาถึงตอนนี้หรอก ....อาจารย์ครับ อย่าปิดบังอาการของเค้าเลย อาจารย์เห็นว่าอย่างไรก็บอกผมมาตามตรงเถอะ ผมรับได้”
“ฉันไม่อยากให้เธอหมดหวังเสียก่อน ตอนนี้อาจจะอาการยังไม่คงที่แต่สุดท้ายแล้วก็อาจจะฟื้นขึ้นมา หรือว่าเธอถอดใจเสียแล้วเพลิงกัลป์”
ชายหนุ่มส่ายหน้า
“ผมไม่ได้ถอดใจครับ แต่ผมก็ไม่อยากหลอกตัวเองว่าเขาจะกลับมา การหลอกตัวเองว่าแมนยังอยู่มันเจ็บกว่าการยอมรับว่าจะเสียเค้าไปครับ”
“เธอทำใจได้แน่หรือ”
“ผม...ทำไม่ได้ครับ” เขาสารภาพตามตรง เม้มปากแน่น “ผมยังไม่เห็นทางที่จะทำใจได้เลย แต่ผมก็ไม่อยากยื้อเอาไว้ มันทรมานด้วยกันทุกฝ่าย อาจารย์ครับ....ผมขอแค่รอให้แม่กับน้องสาวของแมนมาถึงก่อนจะได้มั้ย” เขาพูด กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ หางตาเห็นพยาบาลกำลังวิ่งวุ่นอยู่ที่เตียงของเมืองแมน “แมนเขาก็คงอยากเจอแม่กับน้องก่อน...นะครับ ช่วยเขาก่อนนะครับ”
“ฉันช่วยเต็มที่อยู่แล้วเพลิงกัลป์ แต่ก็สุดแต่เวรกรรมของเขาด้วย ถ้าร่างกายเขาไม่ไหวเราก็คงสุดยื้อ” อาจารย์พูดเสียงเครือ ดวงตาแดงก่ำเพราะสงสารทั้งคนตรงหน้าและคนที่กำลังเข้าใกล้ความตายเข้าไปทุกที
ร่างสูงยืนคอตกอยู่ที่ข้างเตียงไม่ถอยไปไหน ความชุลมุนรอบด้านคล้ายจะเลือนหายไปหมดเหลือเอาไว้เพียงแค่เขากับคนที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าเท่านั้น หัวใจเต้นช้าลงแทบจะเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงสัญญาณชีพของอีกฝ่าย แต่ละวินาทีช่างผ่านไปช้าเหลือเกินในความรู้สึก
“เมืองแมน” เขากระซิบจากส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจ “ถ้ามึงรักกู เหมือนที่กูรัก....ก็กลับมาเถอะนะ แมน ได้ยินหรือเปล่า กลับมาหากัน”
เสียงสัญญาณชีพขาดหายไป พยาบาลขึ้นปั้มหัวใจ เพลิงกัลป์หลับตาลง น้ำตาไหลเป็นทาง....ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง มึงไม่ได้รักกูหรือเมืองแมน ถึงได้ทิ้งกูไปแบบนี้ ทิ้งไปอยู่กับลูกสองคนบนฟ้านั่น
เมืองแมน...กูจะอยู่ต่อไปยังไง
.................................................................
“เพลิง ไหวหรือเปล่า บอกแล้วให้พักก่อนไม่เชื่อ” เสียงใครทำไมคุ้นจัง เพลิงกัลป์ขมวดคิ้ว เขาลืมตาขึ้นแล้วก็ต้องหลับตาลงใหม่เพราะแสงสว่างจ้าที่แยงเข้าตา “เพลิงกัลป์เป็นยังไงบ้าง”
“พี่คริส?”
“พี่เอง เป็นอย่างไรบ้าง เราไปเป็นลมอยู่ในไอซียูน่ะ” อาจารย์หนุ่มพูดเรียบๆ เพลิงกัลป์รีบผุดลุกขึ้นนั่งทันทีที่ปะติดปะต่อเรื่องได้
“แล้วเมืองแมน...” พอเห็นใบหน้าของคนฟัง เพลิงกัลป์ก็รู้สึกแน่นในอก มึนงงเหมือนมีค้อนมาทุบหัวแรงๆ “...ไปแล้ว...หรือครับ” ถามออกมาตะกุกตะกัก มือเย็นเฉียบ
อาจารย์คริสถอนหายใจยาว
“เธอลุกไหวหรือเปล่า”
“ไหวครับ” ชายหนุ่มดันตัวลุกขึ้นยืนจนได้แม้จะเซไปเล็กน้อย เขานั่งพักอยู่ด้านหน้าของห้องไอซียูนี่เอง
“ตอนนี้น่าจะเข้าไปดูได้แล้ว เธอโอเคนะ”
“ให้ผมได้อยู่กับเค้า...เป็นครั้งสุดท้ายเถอะครับ”
อาจารย์คริสพยักหน้า ไม่ได้ท้วงอะไรที่เขาจะกลับเข้าไปในห้องไอซียูอีก ชายหนุ่มจรดฝีเท้าเข้าไปในห้อง ความวุ่นวายสงบลงแล้วราบคาบ ที่เตียงของเมืองแมน ร่างนั้นยังนอนสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพลิงกัลป์ขยับเข้าไปจนใกล้ หัวใจเต้นเร็วขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าสัญญาณชีพของอีกฝ่ายยังอยู่ ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะเครื่องช่วยหายใจเหมือนเดิม เปลือกตาบางจนเห็นเส้นเลือดปิดสนิท ขนตาเป็นแพทาบอยู่บนผิวแก้มที่มีรอยกระจางๆ
“ยังอยู่” เขาอยากจะยิ้มออกมาแต่กลับยิ้มไม่ออก ชายหนุ่มลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างเตียง คว้ามือของอีกฝ่ายมากุมเอาไว้ “เจ็บมากไหมแมน ทนไหวหรือเปล่า กูเห็นแก่ตัวเกินไปมั้ยที่ยังอยากยื้อให้มึงกลับมา”
แตะริมฝีปากเข้าที่กลางฝ่ามือนั้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่เขารู้สึกว่ามือของเมืองแมนอุ่นจัด บางทีอาจจะเป็นเพราะไอร้อนจากตัวเขากระมัง ชายหนุ่มคิด ซบหน้าลงกับมือข้างนั้น
“อย่าเพิ่งไปเลยนะ มึงอยากเจอแม่กับน้องเมย์ใช่มั้ย พวกเขากำลังมาแล้วแมน รอก่อนนะ มึงไม่อยากเจอหน้ากูก็ไม่เป็นไร แต่มึงต้องอยากเจอหน้าแม่กับน้องสิ กูจะรีบไปรับมาจากท่ารถเลยทันทีที่พวกเขามาถึง มึงต้องรอก่อนนะรู้เปล่า ...มึงจำร้านหอยทอดที่มึงบอกอยากกินวันก่อนแต่ร้านมันปิดได้มั้ย มันจะมาขายเย็นวันพรุ่งนี้แล้วนะ ถ้ามึงอยากกินก็ต้องรอก่อน หนังที่มึงรอดูก็ด้วย มันเตรียมจะเข้าอาทิตย์หน้า ถ้ามึงตายก่อนก็อดดูนะเว้ย...” เขาพยายามขุดเค้นเอาเหตุผลอะไรก็ตามที่จะทำให้อีกคนอยากอยู่ต่อขึ้นมาพูด
พูดวนไปวนมาจนเริ่มเหนื่อยก็ผล็อยหลับไปตรงนั้นเอง
สัมผัสแผ่วเบาขยุกขยิกที่ริมฝีปากทำให้เพลิงกัลป์ย่นหัวคิ้ว เอียงหน้าหนี ทว่าสัมผัสนั้นก็ยังตามมาอยู่ดี เปลี่ยนจากริมฝีปากเป็นปลายจมูกไล่เลยไปยังโหนกแก้มและโครงคิ้วของเขา
เพราะไม่ได้นอนติดๆกันบวกกับสภาพร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์พร้อมทำให้ชายหนุ่มลืมตาตื่นได้ยากกว่าปกติ เขาเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก
“ใครเล่นอะไร” เพลิงกัลป์เงยหน้าขึ้นจากท่อนแขนของตัวเองที่ซบอยู่ทั้งคืน มือเล็กที่ยังมีเข็มน้ำเกลือปักอยู่ขยับเข้ามาจิ้มที่หัวคิ้วของเขา “อย่าแกล้งกันสิ เมืองแมน...” พูดออกไปแล้วก็ตาค้าง จ้องมองมือที่ขยับไปมาราวกับเห็นผี
ถ้าผีมาปรากฏตรงหน้าอาจจะน่าตกใจน้อยกว่าก็เป็นได้ เพลิงกัลป์เบิกตาโต ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจในตอนแรก จ้องมองคนป่วยบนเตียงที่ลืมตามองเขาตาแป๋ว