รถเมล์เที่ยวสุดท้าย 1.2 END
และแล้วเช้าวันจันทร์ของสัปดาห์ใหม่ก็มาถึง เก่งกาจขับรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อคันโตมาโฉบรับสายชลถึงหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้พวกเขาสองคนจะขับรถไปโรงงานกันเองแทนที่จะโดยสารรถสวัสดิ์การของบริษัทเหมือนทุกครั้ง เพราะเรื่องราวในคืนนั้นยังติดอยู่ในหัว ลำพังตัวเก่งกาจเองนั้นไม่เท่าไร แต่สายชลนี่ซิเครียดถึงขนาดนี่ว่าไม่อยากไปทำงานกลัวว่าจะได้เจอวิญญาณตัวนั้นอีกระหว่างทาง ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เก่งกาจจึงเสนอตัวเป็นสารถีมารับ
เมื่อสายชลเปิดประตูขึ้นนั่งฝั่งข้างคนขับก็กล่าวทักทายกันเล็กน้อย เก่งกาจสังเกตได้ว่าคนตัวเล็กยังมีอาการอายๆอยู่บ้าง ก็แน่ล่ะ อยู่ดีๆโดนผู้ชายด้วยกันจูบมันก็ต้องมีตะคิดตะควงในกันบ้างไม่มากก็น้อย แต่คนตัวเล็กกว่าก็พยายามทำตัวให้เป็นปรกติมากที่สุด เพราะรู้ว่าเก่งกาจจูบตัวเองนั้นเพราะต้องการจะช่วยตนไม่ให้เห็นวิญญาณ
รถคันโตเล่นฉิวออกมาจากตัวเมืองเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อถึงสี่แยกใกล้จุดพักกลางทางที่เกิดเหตุสยองคราวที่แล้ว สายชลก็เกิดอาการกระสักกระส่ายจนเห็นได้ชัด เพราะเอาเข้าจริงๆพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่า วิญญาณตนนั้นติดอยู่กับรถบริษัทหรือสถานที่แห่งนั้นกันแน่ เก่งกาจจึงตัดสินใจเลี้ยงซ้ายเข้าไปใช้ทางของหมู่บ้านแทนที่จะวิ่งบนถนนหลวงอย่างปรกติ ถึงแม้จะมันช้าและอ้อมไกลกว่า แต่อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของสายชล
เมื่อถึงออฟฟิศในตัวโรงงาน ทั้งสองหนุ่มก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกไป เพื่อนพนักงานหลายคนก้มหน้าหลบตา ไม่ยอมมองมาที่พวกเขา บางคนก็แอบหัวเราะคิกคัก และบางคนก็ทำตาหน้าเหมือนพวกเขาเป็นสิ่งแปลกประหลาด....
มันเกิดอะไรขึ้น?!
หมับ!
“เก่ง นายว่ามันแปลกๆไหม? “ แม้แต่สายชลเองก็รู้สึกถึงสิงผิดปรกตินี้ได้จนเดินเข้ามาจับแขนเก่งกาจจนแน่น
ทั้งสองเดินมาเรื่อยๆจนใกล้ถึงลิฟต์ที่ชั้นล็อบบี้ ก็สังเกตเห็นผู้คนรุ่มล้อมกันอยู่ที่บอร์ดประกาศของบริษัทจึงเดินเข้าไปดูด้วย ภาพที่เห็นทำให้ทั้งเก่งกาจและสายชลถึงกับอึ้งและตกใจมาก เพราะนั้นคือรูปของเขาสองคนที่จูบกันบนรถบัสของบริษัทเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา พร้อมคำบรรยายใต้ภาพเขียนว่า “คู่รักหวานชื่น ไม่แค่ร์สายตาใคร”
คุณพระช่วย! มนุษย์กล้องที่ไหนแอบถ่ายแล้วปริ้นใส่กระดาษเอสี่แล้วมาแปะประจานพวกเขากันเนี่ย?!
“สายชล เก่งกาจจ๊ะ ... หัวหน้าเรียกพบ เดียวนี้เลย....”และแล้วเสียงของพี่ขวัญรุ่นพี่ในแผนกบุคคลก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เรียกสติทั้งสองคนกลับเข้าร่าง
จอมขวัญเดินนำเด็กหนุ่มรุ่นน้องทั้งสองไปยังห้องประชุมที่จะใช้เป็นสถานที่สอบสวนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกเธอเองนั้นก็มีสีหน้าลำบากใจ เพราะเธอรู้ว่าเด็กทั้งสองนั้นเป็นพนักงานที่ดี แต่อย่างไรซะ กฎก็ต้องเป็นกฎ
กฎที่ว่านั้นก็คือ บริษัทแห่งนี้พนักงานห้ามมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว หากอยากที่จะคบหรือแต่งงานกัน คนใดคนหนึ่งต้องลาออก เพื่อป้องกันปัญหาภายในต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในภายภาคหน้า บริษัทญี่ปุ่นหลายๆแห่งก็ใช่กฎเกณฑ์เดียวกัน
“อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอกน่า” เก่งกาจพูดปลอบใจเพื่อนตัวน้อยพร้อมกับยีหัวเล่นเพื่อนเรียกขวัญกำลังใจให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้ทำหน้าเหย๋เกเหมือนจะร้องไห้ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปให้ห้องที่มีหัวหน้าและคนของบริษัทอีกสองสามคนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว
แรกๆการสอบสวนก็เป็นไปอย่างเคร่งเครียด แต่ก็เริ่มผ่อนคลายลงได้เพราะเก่งกาจ ทำหน้าซื่อตาใสอธิบายให้คณะสอบสวนฟังว่า วันนั้นเขากับชายชลกำลังคุยกันเรื่องฉากนางเอกง้องอนกับพระเอกในซีรี่ย์เกาหลีเรื่องหนึ่ง แล้วเขาอินจัดไปหน่อยเลยแสดงให้สายชลดูแบบสมจริงสมจัง แล้วที่ดูเหมือนพวกเขาจูบกันแล้วจริงๆนั้นเป็นเพราะมุมกล้อง ไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้นนนนน
หลังจากโดยหัวหน้าแผนกของทั้งสองบ่นและอบรมอีกพักใหญ่ ทั้งสองก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากห้อง
“โหยยย มีเรื่องไม่หยุดไม่หย่อนจริงๆ.... ดีนะที่หัวหน้าเชื่อนาย” สายชลบ่นอุบ หลังจากที่โดนสอบสวนอยู่เกือบๆสองชั่วโมง ทั้งสองก็แอบมานั่งกินกาแฟเย็นที่โต๊ะม้านั่งหินอ่อนหลังออฟฟิศปลอบขวัญตัวเอง
“นี่คิดอยู่ว่าถ้าเขาไม่เชื่อ สงสัยฉันต้องขอย้ายกลับไปทำที่ออฟฟิศใหญ่ในตัวเมืองแทน”
“หือ? ทำไมล่ะ? “ สายชลที่ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ถามขึ้นมางงๆ
“อ้าว ถ้าเขาไม่เชื่อแปลว่าต้องมีคนใดคนหนึ่งลาออกใช่ไหม? ฉันก็ต้องรับผิดชอบนายเพราะฉันเป็นคนสร้างเรื่อง ฉันก็จะให้นายลากออกแล้วไปอยู่บ้านฉันไป ถ้านายเบื่อๆก็รับทำบัญชีเป็นพาร์ทไทม์ก็ได้ ส่วนฉันก็ย้ายมาอยู่ที่ออฟฟิศใหญ่จะได้กลับบ้านไปหานายทุกวัน ไม่ดีเหรอมะเฟือง?” เก่งกาจพูดถึงแผนสำรองที่ตนคิดไว้ยาวเหยียด แต่สายชลก็ยังทำหน้างงๆไม่เข้าใจอยู่ดี
“ทำไมฟังดูแล้วเหมือนฉันจะไปเป็นเมียนายยังไงไม่รู้ว่ะ?”
“อ้าว เป็นเมียดีจะตายนะมะเฟือง ฉันจะดูแลนายอย่างดีเลยนะ “
“ง่ะ ไม่เอา หล่อๆแมนๆอย่างฉันต้องมีเมียซิ ไม่ใช่ไปเป็นเมียใคร!” สายชลที่ยังไม่เข้าใจคำพูดแผงในนัยยะของเพื่อนตัวเอง แบะปากอย่างไม่พอใจแถมดูดลาเต้เย็นในมือเสียงดัง
“ฮะๆ โอเค โอเค ไว้เราคุยกันเรื่องนี้วันหลัง ตอนนี้เรากลับไปทำงานกันก่อนเถอะ” เก่งกาจหัวเราะร่าเมื่อเห็นสายชลยังแบะปากไม่เลิก แต่ดันดูน่ารัก จนอดยีหัวเล่นอีกรอบไม่ได้ ก่อนที่จะกอดคอลากอีกฝ่ายเดินไปส่งที่แผนก
…….
….
..
.
ณ. จุดพักรถกลางทาง
“ไงอาแป๊ะ เจอเจ้าของบัตรพนักงานที่เขาทำตกไว้ยัง?” เด็กหนุ่มคนข้างร้านขายเครื่องดื่มของอาแป๊ะ เดินมากล่าวคำทักทายยามเช้าตามประสาคนรู้จัก เพราะเมื่อหลายวันก่อนเขาเก็บบัตรพนักงานคนหนึ่งได้ คาดว่าเจ้าตัวคงทำตกตอนรีบลงมาซื้อน้ำที่ร้านของอาแป๊ะ อาแป๊ะเจ้าของร้านในชุดกางเกงขาก้วยย้วนๆยานๆที่แกชอบใส่ประจำนั่งอยู่หน้าร้านยกชาร้อนขึ้นมาจิบอย่างช้าๆไม่รีบร้อน
“ยังเลยอาตี๋ ลื้อรู้ไหมว่าคนสมัยนี้นะ มันไม่สนใจอะไรรอบตัวเลย วันๆเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือใส่หูฟังอย่างเดียว ถามใครก็ไม่สนใจ อั๊วะลงทุนขึ้นไปหาบนรถบัสบริษัทแถมมองหน้าหาที่ละคนๆบนรถเลยนะ แต่ก็ไม่เจอ”
“โหย อาแป๊ะลงทุนมาก เป็นอั๊วนะ จะโยนฝากให้คนขับรถไปคืน ขี้เกียจหา ฮะๆ”
“เอ่อ! ยิ่งกว่านั้นนะ” อาแป๊ะ พูดเสียงดังอย่างลืมตัวเมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ เด็กหนุ่มตาโตตั้งใจฟังต่อ
“มีผู้ชายสองคนอยู่ดีๆก็มาจูบปากกันต่อหน้าอั๊วะ โอ๊ยยยย คนแก่หัวใจจะวาย ไม่อายฟ้าดินกันเลยเด็กสมัยนี้ ...”
อาตี๋ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะงอหาย เพราะอาแป๊ะแกเป็นหัวโบราณ แถมบ้านนอกอย่างนี้ก็ไม่ค่อยได้เห็นชายรักชายเท่าไร ไม่แปลกใจที่แกค่อนข้างตกอกตกใจกันเมื่อเห็นอะไรอย่างนี้ เด็กหนุ่มเดิมชาให้คนมีอายุ ก่อนจะชวนคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆอย่างสนุกสนาน ก่อนจะแยกย้ายกันไปเมื่อถึงเวลาที่ลูกค้าเริ่มเข้าร้าน
......................
.............
......
...
“เอ...จะว่าไปวิญญาณตาแก่นั้นหน้าตาคุ้นๆอยู่นะ เหมือนเคยเห็น” อยู่ดีๆเก่งกาจก็พูดขึ้นมาตอนจกำลังเตรียมตัวเข้านอนในห้องพักของตนที่โรงงาน
“หยุดดดด หยุดเลยนะเก่ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว นายก็รู้อยู่ว่าฉันกลัว” สายชลที่เพิ่งไดร์ผมที่สระเสร็จหันมาโวยวายทันที พร้อมกลับรีบปีนขึ้นไปนอนบนเตียงของเก่งกาจแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปง
นับตั้งแต่เจอดีวันนั้น สายชลก็อัปเปหิตัวเองมานอนกับเก่งกาจตลอด ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังลงทุนซื้อเตียงนอนมาใหม่จากเตียงเดียว เป็นเตียงขนาดใหญ่ขึ้น นอนสองคนได้อย่างสบาย
เก่งกาจได้แต่หัวเราะในท่ามีลนลานของสายชลจึงปิดโคมไฟข้างเตียงและดึงคนตัวเองเล็กกว่ามากอดให้ความอบอุ่น ก่อนที่จะพากันเข้าสู่ห่วงนิทราทั้งคู่
รถเมล์เที่ยวสุดท้าย จบ....
เอ๋... สรุปว่าเพื่อนรักคิดไม่ซื่อเหรอ?! ฮะๆๆ คุณผู้อ่านคิดว่าอย่างไรค่ะ?
ส่วนเรื่องที่ห้ามคนในบริษัทคบกันนั้น เราก็ได้ข้อมูลมากจากคนรู้จักที่ทำงานโรงงานญี่ปุ่นในไทย และทั้งจากเพื่อนคนญี่ปุ่นเอง อาจจะไม่ใช่ทุกบริษัทที่เป็น แต่ก็มีเยอะพอสมควร
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกกำลังใจจากคนอ่านทุกท่านอีกครั้งนะคะ
มารอลุ้นเรื่องหน้าว่าจะเจอผีจริงหรือผีหลอก อิอิ