ตอนที่ ๓๑
ชลธีขยับตัวได้ยากลำบากร่างกายเขาเหมือนหินถูกถ่วงไม่สามารถจะพลิกไปไหนได้ตามใจชอบ ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดศีรษะเพื่อบรรเทาอาการปวดแปลบ ส่วนแผลที่ดวงตาที่เขาเพิ่งเข้ารับผ่าตัดยังคงไม่สามารถถอดออกได้ นายทหารหนุ่มเข้ารับการผ่าตัดเมื่ออาทิตย์ก่อนแม้เขาจะมีความกลัวในใจอยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าเขาไม่ลงมือทำอะไรเลย ชายหนุ่มยังมีความหวังว่าตัวเองจะกลับมาหายเป็นปกติ ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวได้เหมือนเดิม พักที่โรงพยาบาลได้ไม่นานเขาก็กลับมาพักฟื้นที่บ้านโดยมีคนรักคอยช่วยดูแล
ช่วงหลังมานี้เขาฝันว่าตัวเองหล่นวูบตกมาจากเขาเหมือนเหตุการณ์ในครั้งนั้น ช่วงเวลานั้นโผล่แวบเข้ามาในหัวบ่อยมากจนเขาจำไม่ได้ว่าฝันแบบนี้มาแล้วกี่ครั้ง แค่ต้องตื่นมาพบกับความมืดสนิทเขาก็รู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งมันช่างอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยวเกินใจจะทน ทุกครั้งที่เผลอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเขาจะต้องควานหาคว้าตัวคนรักเข้ามาแนบอก ชลธีพยายามไม่ออกแรงเยอะเพราะกลัวเด็กหนุ่มจะเจ็บตัวเพราะเขา
“ลินท์.. ลินท์”
“หนูอยู่นี่” เด็กหนุ่มพงกหัวขึ้นมาจากหมอน ค่อยๆกระเถิบเข้าไปหาชายหนุ่ม “ไม่เป็นไรนะ”
“พี่กลัว พี่กลัวจริงๆนะ”
“ไม่มีอะไรต้องกลัวนะครับ”
“ครับ”
“นอนกันนะครับ” เขากอดคนรักแนบแน่น พร่ำบอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน “หนูจะกอดพี่เอาไว้เอง”
“พี่รักลินท์นะ”
“หนูก็รักพี่เหมือนกัน”
มุจลินท์รอจนคนรักหลับสนิทเขาก็ลุกขึ้นมาห่มผ้าให้เรียบร้อย ช่วงฟ้าใกล้สว่างเขามักจะตื่นขึ้นมาตระเตรียมยาเอาไว้ให้คนป่วยเหมือนอย่างเคย และลงไปห้องครัวเตรียมของสดทำกับข้าวเหมือนทุกวัน เขารับหน้าที่ดูแลชลธีทุกอย่าง มีคุณแม่และคุณยายสลับเปลี่ยนกันอยู่บ้างเพราะเขายังต้องดูแลไทเกอร์อีกคน ถึงจะเหนื่อยแต่เขาก็มีความสุข เขามีครอบครัว มีคนรัก มีลูกชายน่ารักหนึ่งคน เพื่อนๆที่มหาลัยก็แวะมาหาเขาอยู่ไม่ขาดสายและคอยตามงานให้ในช่วงที่เขาต้องไปเฝ้าชลธีที่โรงพยาบาล
ชายหนุ่มไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลและเร่งเร้าคเชนทร์ให้รีบพากลับ เขาเลยได้มีเวลาอยู่กับคนรักที่บ้านบ่อยขึ้น เขาจับความรู้สึกได้ทันทีว่าชลธีกำลังกลัว กลัวว่าตัวเองจะกลับมามองไม่เห็นเหมือนเคย สำหรับเขาแล้วต่อให้ชลธีจะเป็นอย่างไรเขาก็ยังรักเหมือนเดิม..
“ลินท์” เด็กหนุ่มกำลังง่วนอยู่ในครัว ได้ยินเสียงเรียกมาจากด้านบน “ลินท์..”
ตึง!
เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกละจากจานที่กำลังล้างอยู่วิ่งถลาขึ้นไปด้านบนบ้านอย่างรวดเร็ว เปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็เห็นชายหนุ่มกลิ้งหล่นจากเตียงนอนในลักษณะนอนคว่ำหน้า เขารีบเข้าไปประคองคนรัก ตัวเองยังไม่หายดีแท้ๆแต่ก็ยังซนไม่เข้าเรื่องน่าตีจริงๆ
“พี่ฉลามเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ลินท์ลงไปทำกับข้าวให้พี่มา” เมื่อคืนเขารับรู้ได้ว่าคนรักสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อยมาก จนเขาสงสัยว่าชลธีได้นอนบ้างหรือเปล่า เห็นความกังวลของคนรักเขาก็ไม่อยากเครียดไปด้วย ไม่อยากให้มีบรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านอีกแล้ว เขาต้องคอยคุยคอยอยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลา
“พี่ไม่เป็นอะไรครับ” ชลธีตอบพลางยันตัวเองขึ้นมาจากพื้น “แค่ลงจากเตียงผิดท่าไปหน่อย”
“ไปอาบน้ำแปรงฟังแล้วลงมาทานข้าวนะครับ ให้ลินท์ช่วยอะไรไหม”
“ไม่เป็นไร พี่ทำเองได้” ชลธีพยายามทำอะไรด้วยตนเองเพราะไม่อยากเป็นภาระ แค่คิดว่าเด็กหนุ่มจะต้องดูแลเขาไปตลอด ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้
“งั้นหนูไปเตรียมเสื้อผ้าให้นะ”
“ขอบคุณนะครับ”
ลินท์เปิดตู้เสื้อผ้า หาเสื้อผ้าโปรดของคนรักที่อัดแน่นเต็มตู้ เลือกเสื้อยืดสีเทาและกางเกงสามส่วนมาเตรียมเอาไว้ อาทิตย์หน้าชลธีมีนัดกับคุณหมอและจะได้เปิดแผลออกเพื่อที่คุณหมอจะได้เช็ค เขาไม่ได้เป็นกังวลเรื่องดวงตาของชายหนุ่มเท่าไหร่ จะห่วงก็แค่ความรู้สึกของคนรักเท่านั้น สภาพร่างกายเปลี่ยนไปเป็นใครบ้างจะไม่ช็อค ชลธีต้องปรับตัวมากมายจริงๆ เขาพับผ้าได้อีกสักครู่นายทหารหนุ่มออกมาจากห้องน้ำโดยคาดผ้าขนหนูไว้หมิ่นเหม่ ดีที่อยู่ในห้องนอน เขาล่ะกลัวว่ามันจะหลุดจริงๆ
“เดี๋ยวนี้ไม่ฉีดน้ำหอมแล้วหรือ”
“ฮื่อ พี่รู้ได้ไง แอบดมหนูหรือ”
“อืม หอมดี เวลานอนกอดพี่ชอบดม.. หรือพี่ดมไม่ได้” ชลธีทำเสียงตัดพ้อ เดี๋ยวนี้ชักทำแง่งอนจนเขาต้องเอาใจเป็นพิเศษ
“ได้สิ” เดินเอาผ้าไปเก็บที่ตู้แล้วก็มาช่วยคนป่วยที่ยืนเป็นตุ๊กตาให้เขาช่วยแต่งตัว “แก่แล้วขี้น้อยใจนะ!”
“ไม่แก่สักหน่อย ยังเตะปี๊บดัง” กระซิบข้างหูคนรักจนเด็กหนุ่มหน้าแดงซ่านไปหมด “หรือจะพิสูจน์?”
“มะไม่เป็นไรครับ”
“แล้วจะรีบไปไหน” ชลธีพูดดักทางเอาไว้เพราะเห็นเสียงคนรักเงียบไป “ไม่อยู่ช่วยพี่แต่งตัวก่อน”
“พี่ก็แต่งเองได้ แต่ชอบแกล้งหนูทุกที”
“พี่ไม่ได้แกล้ง พี่อยากให้หนูช่วยพี่นี่นา” ชายหนุ่มจุดยิ้มหวาน “นะครับ” แค่ได้ยินเสียงออดอ้อนจากคนรักเขาก็แทบจะใจอ่อนเสียตรงนั้น
“ก็ได้ครับ” เขาจับแขนชายหนุ่มให้กางออกแล้วบรรจงสวมเสื้อยืดให้ มือเขาเผลอไปโดนหนวดที่ขึ้นเขียวครึ้มของชายหนุ่มจนรู้สึกจั๊กจี๋จนต้องชักมือกลับ ชลธีทำหน้าสงสัยแต่ไม่ได้พูดอะไรจนเด็กหนุ่มช่วยเขาสวมกางเกงจนเสร็จเรียบร้อย
“พี่ว่าตัวนี้มันคับนะ”
“นั่นสิ พี่อ้วนขึ้นหรือเปล่า”
“น่าจะใช่นะ เล่นกินๆนอนๆมาเกือบสามเดือนไม่ได้ออกกำลังกายเลย”
“โอ๋ๆ ถึงอ้วนก็รักนะ”
“ไม่เอาหรอก พี่จะไม่ยอมอ้วนเด็ดขาด” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น “ขุนลินท์ให้อ้วนยังดีกว่า.. จะได้ไม่มีคนมายุ่ง!” ชายหนุ่มทำเสียงเข้มจนเจ้าลูกเป็ดทำปากยู่ใส่
“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับหนูเลย คนบ้า!” ได้ยินเสียงลูกเป็ดบ่น เขาก็รวบเอวบางเข้ามาใกล้ ซุกไซร้ซอกคออุ่นขบเม้มจนเกิดเสียงดังจุ้บ เจ้าลูกเป็ดหดคอหนีเป็นพัลวัน ส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย “อย่า อย่าทำหนู มันจั๊กจี้”
“หื้ม? จริงหรือ”
“ม่ายยย พี่จ๋า อย่า ยะอย่า” เด็กหนุ่มดิ้นจนกลิ้งหลุนลงไปกับเตียง ชายหนุ่มรีบประคองจนร่วงหล่นลงไปบนเตียงทั้งคู่ เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่และหัวเราะไปด้วย หนวดขึ้นเป็นตอทิ่มเนื้ออ่อนจนเขาขนลุกซู่ ไม่ไหว เขาบ้าจี้!
“ปกติไม่เห็นเป็นอย่างนี้ หรือว่า..” เขาลูบหนวดเข้มไปมา
“ฮืออออ หนูยอมแล้ว ว้ากกกก”
“มาให้ฟัดซะดีๆ”
“ช่วยด้วยยยยย ว้ากกกกกก”
“เสียงดังแบบนี้เดี๋ยวคุณแม่คิดว่าพี่ปล้ำหนูจะทำยังไง”
“งั้นพี่ก็หยุดสิ ไม่เอาแล้วว”
“ไม่หยุด” เขาจุดยิ้ม “ร้องให้ตายก็ไม่มีคนมาช่วยหรอกน่า”
“คนบ้า ออกไปนะ” เขาพยายามดันคนรักออกไปแต่ไม่ขยับเลยสักนิด นี่คนป่วยจริงๆหรือ! “ผีเข้าหรอไงฮะ! ปล่อยหนูนะ”
“อืม ผีทะเลซะด้วย” เขาเลิกเสื้อยืดของเด็กหนุ่มขึ้นใช้มือหนาควานหาตุ่มไตแล้วบี้ไปมา เล่นจนพอใจก็ก้มลงงับยอดอกทั้งดูดทั้งเลียจนมันชื้นแฉะ เจ้าลูกเป็ดดิ้นคลุกคลักก่อนจะต้องยอมปล่อยให้เขาได้ชิม มือบางเลื่อนเข้าไปโอบรอบคอ
“อืมมมมม” ส่งเสียงร้องอย่างพอใจพร้อมทั้งแอ่นอกให้ตรงกับริมฝีปากที่กำลังกินอย่างกระหาย “หนูต้องไปทำกับข้าวนะ ถ้าพี่ไม่หยุดมันจะไม่เสร็จนะ”
“เอาไว้ก่อน พี่ขอกินตรงหน้านี้ก่อนแล้วกันนะครับ” เขากดจูบแนบลงไปกับริมฝีปากที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วข้างหู เกี่ยวกระหวัดดูดดึงอย่างไม่มีใครยอมใคร มือหนาฟอนเฟ้นผิวเนื้อนุ่มไปทุกอณูตีตราจองและแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเอาแต่ใจ ขบเม้มไปตามเนื้ออ่อนจนมั่นใจว่ามันขึ้นรอยจึงผละไปที่อื่น โดนเฉพาะช่วงโคนขาด้านในที่เขาทั้งเม้มทั้งเลียจนเด็กหนุ่มสั่นสะท้านไปทั้งกาย
“ฮื่อ หนวดพี่มันโดน”
“ไม่ชอบหรือ” เขาแตะลิ้นไปที่รอยพับใช้น้ำลายเบิกทางให้ช่องทางขยายตัว เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกด้วยความเสียวซ่าน พยายามยันหัวคนรักออกไปให้พ้น
“อย่าทำแบบนี้ ไม่เอา!” เจ้าลูกเป็ดพูดน้ำตาคลอ เขาบอกกี่รอบทำไมไม่ฟังกันบ้าง มันจั๊กจี๋!
“ยิ่งลินท์ห้าม ยิ่งเหมือนยุพี่” เขาหัวเราะหึ ก้มลงเบิกทางต่อแล้วล็อคขาเด็กหนุ่มเอาไว้
“อื๊อ พี่ อย่า” เขาดึงรั้งผ้าปูที่นอนจนมันติดมือออกมา แต่ชลธีก็ยังไม่หยุด เขาจั๊กจี๋จนจะขาดใจตายอยู่แล้วนะ! “ฮือ คนบ้า อ๊ะ..หนูเสียว”
“หื้ม ไหน.. ตรงนี้หรือ” เขาเน้นย้ำไปจุดเดิมและได้รับคำตอบเพียงเสียงครางหวานหู จึงใช้นิ้วสอดเข้าไปเชื่องช้าควานหาจุดอ่อนไหว ชลธีถอนนิ้วออก เขารูดตามความยาวแก่นกายคนรักสองสามครั้งแล้วค่อยๆครอบครองด้วยริมฝีปาก เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ขบเม้มริมฝีปากสะกัดกั้นเสียงไม่ให้หลุดเล็ดรอด เขาเกร็งหน้าท้องยามถูกโอบล้อมด้วยผนังอุ่นนุ่ม มองเห็นชลธีกำลังใช้ปากให้เขาแบบนี้เขาจะเขินจนเป็นลมจริงๆแล้วนะ
“พี่ไม่ต้องทำให้หนูขนาดนี้ก็ได้”
“พี่จะทำ”
“ฮื่อ ไม่ต้อง อ๊ะ”
“อย่าห้ามพี่!”
“ฮื่อ หนูไม่ไหวแล้ว หนูจะตายแล้ว” เด็กหนุ่มโวยวายลั่นพลางแอ่นตัวโยน ปลดปล่อยอารมณ์สู่ห้วงความสุขอันลึกล้ำ มือสองข้างยังกำผ้าปูที่นอนแน่น หอบหายใจถี่รัว สภาพเตียงตอนนี้เหมือนเพิ่งเกิดสงครามชัดๆ เขามองคนรักที่เก็บกลืนน้ำรักเข้าไปจนหมด จะลุกขึ้นไปห้ามตอนนี้ก็ไม่มีแรง
“ไม่มีใครตายทั้งนั้น” ชายหนุ่มโยกตัวขึ้นไปจูบข้างแก้ม กอดรัดเจ้าลูกเป็ดจนแน่น “มีแต่คนมีความสุข”
“ละแล้วพี่ล่ะ”
“พอแล้ว ให้หนูไปทำกับข้าวดีกว่า”
“เอ้า.. แบบนี้ได้ยังไง” เขาหันไปมองคนรักที่นอนเคียงข้าง เจ้าตัวหายใจสม่ำเสมอเหมือนกับว่าหลับไปแล้ว “พี่ฉลาม” เขาพยายามปลุกแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ตอบสนอง เมื่อกี้ยังคุยกับเขาอยู่ดีๆ คิดว่าแกล้งเขาแล้วจะรอดไปง่ายหรือ? เด็กหนุ่มพลิกตัวคนรักให้นอนหงาย ใช้นิ้วเรียวยาวกรีดลงบนขอบกางเกง สองมือขาวกอบกุมแก่นกายอุ่นร้อนที่กำลังสู้มือเขา ขยับขึ้นลงจนคนแกล้งหลับเผลอสะดุ้งเฮือก ใช้นิ้วชี้เกี่ยวกางเกงตัวเองออกก่อนจะนั่งทับลงไปเบาๆถูไถให้ฉลามน้อยเสียดสีกับก้อนกลมนุ่มของเขา
“จะตื่นไม่ตื่น?”
“…”
“หึ!” เด็กหนุ่มแอ่นก้นงอนขึ้นเล็กน้อยใช้มือขาวกอบกุมแก่นกายคนขี้แกล้งก่อนจะถูไถอยู่ปากช่องทาง ทิ้งตัวลงทีละนิดจนมิด แอบสังเกตเห็นคนที่นอนอยู่ขบกรามแน่นเป็นสันนูน อยากแกล้งเขาดีนัก คราวนี้เจอเขาแกล้งคืนบ้าง! “ฮื่อ.. อ๊ะ” ส่งเสียงครางหวานพร้อมขับเคลื่อนเนิบนาบ และค่อยๆขี่ควบเร็วขึ้นเมื่อเห็นหน้าท้องเกร็งคัดจนซิกแพ็คชายหนุ่มขึ้นชัดเจน
“ฮึ่ม!” ชลธีอดรนทนไม่ไหวตะปบเข้าที่สะโพกขาว เปลี่ยนหน้าที่เป็นคนบังคับขยับขึ้นลงแทนบ้างหลังจากเด็กหนุ่มไม่ยอมทำให้เสร็จสักที “แกล้งพี่หรือครับคนดี?”
“ใครแกล้งใครก่อนกันแน่!”
“พยศนักนะ”
“อื้อ.. อ๊ะ เบาก่อน” ชลธีไม่ออมแรงเลยสักนิด คว้าสะโพกเขาไว้มั่นแล้วโจนจ้วงอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาตาพร่าไปหมดใกล้จะแตะจุดสูงสุดรอบที่สอง ความรู้สึกเสียวแปลบแล่นขึ้นที่หัวไหล่ “อื้อ พี่.. อย่ากัดหนูสิ”
“อย่าเพิ่งสิ รอพี่ก่อน”
“เบาก่อนพี่ฉลาม เบา เบา” รู้จักไหมคำว่าเบา!
“ฮึ่มมมมม” ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นจนสุดแรงหลั่งน้ำรักเข้าไปจนหมดสิ้น เขารั้งตัวคนรักเข้ามากอดคลอเคลียไม่ห่าง ช่วยเช็ดเหงื่อชื้นแฉะข้างกรอบใบหน้า
“หนูลุกไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ไหวก็นอนพัก”
“หนูต้องไปทำกับข้าวนะ” เขาดันตัวเองขึ้นมาอย่างลำบาก รู้สึกปวดเมื่อยขบไปทั้งตัว แค่จะขึ้นมาดูคนรักทำไมเขามาอยู่ในสภาพนี้ได้เนี่ย พี่ฉลามนะพี่ฉลาม!
“ไม่ต้องเดี๋ยวพี่ทำเอง”
“ไม่ได้!” เขารีบรั้งชลธีให้ลงมานอนที่เตียง คว้าผ้านวมมาห่มให้เรียบร้อย ขืนให้ไปยุ่งในครัวมีหวังห้องครัวได้ระเบิดเป็นจุณแน่ “รอหนูอยู่นี่นะ ทานข้าวทานยาเสร็จเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ไม่”
“อยู่ที่นี่นะครับที่รัก”
“ก็ได้” ชายหนุ่มถดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ส่วนเขารีบสวมกางเกงให้เรียบร้อย เขาต้องไปจัดการครัวข้างล่างก่อน ป่านนี้ไทเกอร์คงจะตื่นแล้ว เขาเปิดประตูห้องก็เจอคุณหมอกำลังอุ้มลูกชายยิ้มแฉ่ง พอไทเกอร์เห็นเขาก็งอแงจะให้เขาอุ้มให้ได้ เขารับลูกชายมาอุ้มเปรยตามองคเชนทร์ที่ทำหน้าจืดเจื่อน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่ช้าง หิวข้าวหรือ?”
“ก็ไม่หรอก พี่แค่แวะมาบอกว่าหมอเลื่อนนัดพี่ฉลามเป็นวันศุกร์นี้แทนนะ” เด็กหนุ่มนึกในใจ นับวันได้ราวๆอีกสามวันข้างหน้า
“อ่อ ได้ครับ พี่ฉลามจะมารับใช่ไหมหรือให้ลินท์พาไป”
“เดี๋ยวพี่มารับแล้วกัน”
“ได้เลยครับ”
“จะว่าไป.. พี่ฉลามก็ยังไม่หายดี ลินท์ก็อย่ารุนแรงกับพี่เขามากนะ เดี๋ยวมันจะกระเทือนแผล” คุณหมอตอบได้แค่นั้นก็เดินลิ่วไปอีกทาง ไทเกอร์บีบแก้มเขานั่นแหละถึงจะรู้สึกตัว
รุนแรง? เขาทำอะไรรุนแรงหรือ?
“แม่ลินท์คับ”
“จ๋าลูก”
“ไหนน้องเกอร์ละคับ”
“น้องไหนหรือครับลูก”
“คุมอาช้างบอกว่าคุมแม่กับป๊าทำน้องให้เกอร์อยู่คับ”
“…….”
ไอ้พี่ช้าง ไอ้พี่บ้า!- - - - - -
คเชนทร์เดินวนไปมาอยู่หน้าห้องตรวจรอพี่ชายที่เข้าไปได้สักพักแล้ว ส่วนเด็กหนุ่มนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้พลาสติกหน้าห้อง มือเรียวขาวประสานตั้งขึ้นชันเข่าเอาไว้ ใบหน้าหวานซีดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านานแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนรักออกมาเสียที เวลาที่ผ่านไปช่างเชื่องช้าไม่ทันใจคนที่กำลังร้อนรุ่ม เขาคิดไม่ตกชักจะเริ่มกังวลไปอีกคน หน้าจอโทรศัพท์ยังคงมีข้อความเด้งขึ้นมาไม่ขาดสาย เป็นข้อความจากครอบครัวและเพื่อนที่เป็นห่วงส่งผ่านกำลังใจมาให้ เขาอมยิ้มอยู่คนเดียว เปิดอ่านแล้วก็ตอบกลับไปยังทุกคน
เขารู้ตัวดีว่าตั้งแต่ได้มาดูแลชลธี เขาเองก็แบกความเครียดไว้มากไม่แพ้กัน เมื่อนึกย้อนชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่เล็ก คิดไปคิดมาแล้ว นี่มันยังได้ไม่ถึงครึ่งที่เขาเคยเจอด้วยซ้ำไป เด็กหนุ่มถอนหายใจพร่างพรู ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ หันไปมองคเชนทร์ที่กำลังเดินวนเป็นหนูติดจั่นก็นึกขำ
“พี่ช้างนั่งพักก่อนก็ได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรลินท์ พี่ไม่เป็นอะไร” ใบหน้าคมเข้มซีดเจื่อนขนาดนั้น คุณหมอคนเก่งยังโบกมือให้เขาว่าไม่เป็นไร เขามองเห็นความรักความอบอุ่นที่ทุกคนมีให้กัน แล้วนึกรักขึ้นมาจับใจ สายสัมพันธ์อบอุ่นของครอบครัวมันช่างแข็งแกร่งเสียจริงๆ
“พี่ฉลามจะต้องหายดี เชื่อลินท์สิ”
“พี่ก็หวังให้เป็นอย่างนั้น”
“เดี๋ยวลินท์เครียดตามพอดี”
“เห้ย อย่ามาเครียดตามสิ ไม่ต้องมองเลย หันไป”
“มีงี้ด้วย” เด็กหนุ่มทำแก้มพองลมใส่ชายหนุ่ม แก้มกลมขาวใสนั่นน่าจะบีบให้แหลกจริงเชียว ขณะที่คเชนทร์กำลังแกล้งหยอก คุณหมอก็เข็นรถเข็นของชลธีออกมาจากห้อง ชายหนุ่มสวมเสื้อชุดสบายๆที่คนรักเลือกให้ แต่สิ่งที่แปลกตาคือไม่มีสิ่งใดรบกวนปิดบังบริเวณสายตาเหมือนเคยอีกแล้ว มุจลินท์มองสบดวงตาที่เลื่อนลอย โบกมือไปมาอยู่ข้างหน้า ชลธียังนิ่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่ฉลาม..” เขาเข้าไปหาคนรัก “เป็นยังไงบ้างครับ”
“ลินท์เองหรือ พี่นึกว่าใคร” ชลธีเอื้อมไปแตะท่อนแขนคนรัก “คล้ำลงไปนะ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าต้นไม้หลังบ้านไม่ต้องไปรดมัน ให้ลุงมิ่งมาจัดการ” เด็กหนุ่มตาโตใช้มือปิดริมฝีปากแน่นด้วยความตกใจ นี่หมายความว่าชลธีมองเห็นเขาแล้วใช่ไหม
“ฮึก.. ฮึก หนูไม่ได้ไปรดน้ำบ่อยสักหน่อย ก็ฟักทองที่ซื้อเมล็ดมารอบนั้นมันเหลือนี่”
“เด็กดื้อเอ๊ย” เขาลูบหัวเจ้าลูกเป็ด ภาพตรงหน้ายังคงเลือนลางแต่ทว่าสามารถรู้ได้ว่ามีใครอยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าเขายังกลับมามองเห็นได้ไม่ชัดนักและยังต้องรักษาอีกระยะหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นที่น่ายินดีว่าเขาจะมีโอกาสที่จะกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมอย่างแน่นอน
“ฮึก.. ฮือ”
“ร้องไห้ทำไม หื้ม?”
“หนูดีใจนี่นา” เขาปาดน้ำตาที่จู่ๆก็ไหลออกมาเองไม่รู้ตัว ชลธีลุกขึ้นนั่งยืนเดินโดยไม่จำเป็นต้องมีคนช่วยอีกต่อไป คเชนทร์หายไปคุยกับจักษุแพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้ เป็นที่ยืนยันว่าชลธีจะกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมจริงๆ และต้องใช้เวลาการปรับตัวอีกสักพัก คุณหมอหนุ่มยิ้มแป้นด้วยความดีใจ เท่านี้พี่ชายเขาก็หมดทุกข์หมดโศกเสียที
“พี่อยากกลับบ้านจัง” ชลธีดูซูบไปอยู่บ้างเพราะได้แต่นั่งๆนอนๆ เขาหันไปรบเร้าคนที่เข็นรถเข็นให้ ชายหนุ่มจะเดินเองแต่เจ้าลูกเป็ดไม่ยอมท่าเดียว “พี่อยากเจอลูก”
“อดใจอีกแปบเดียว เดี๋ยวพี่ช้างขึ้นไปเคลียร์ธุระเสร็จจะไปส่งเราที่บ้านนะครับ”
“ลินท์”
“หื้ม?”
“ลินท์”
“มีอะไรหรือเปล่า เรียกหนูทำไม” เขาหยุดรถเข็นแล้วเดินไปนั่งยองๆตรงหน้า จับมือหนาให้มาซุกกับแก้มขาวอุ่นของเขา “หนูอยู่นี่แล้ว..”
“พี่นึกว่าฝันไป” ชายหนุ่มยกมือจะตบหน้าตัวเองแต่เจ้าลูกเป็ดห้ามไว้ได้ทัน “ตบพี่ที”
“ไม่ได้ฝันสักหน่อย!” เขาพูดเสียงสั่น “พี่จะกลับมามองเห็นแน่นอน”
“มันเหมือนฝัน เหมือนฝันเกินไป.. พี่คิดว่าตัวเองจะไม่กลับมาหายซะแล้ว”
“ไม่ได้ฝัน จริงๆ พี่ไม่ได้ฝัน” เขาถูไถใบหน้าไปกับมือหนาของคนรัก
“พี่กลัวเหลือเกิน ถ้าชีวิตนี้พี่ไม่สามารถได้มองสบตากับลินท์แบบนี้ ไมได้มองเห็นลูกชายเติบโต พี่ก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีค่า ไม่มีความหมาย”
“ชู่ว” เขายื่นมือไปปิดริมฝีปากคนตรงหน้าเอาไว้ “พี่ไม่ต้องคิดมากแล้ว มีหนูอยู่ข้างๆ หนูจะไม่ยอมปล่อยให้พี่เป็นอะไรแน่”
“เก่งจริงนะเรา ตัวแค่นี้” ชลธียิ้ม มองคนรักด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
“ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพี่ หนูสู้ตาย” เขาชูสองนิ้วยิ้มเริงร่า “หนูโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอ ได้รักกับพี่”
“พี่สิต้องบอกว่าโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอลินท์ พี่ยังจำเด็กตัวกระเปี๊ยกที่วิ่งตัดหน้ารถพี่ได้อยู่เลยนะ”
“พี่นั่นแหละ ขับรถไม่ดูเลย คนกำลังข้ามถนนแท้ๆ!” เขาบ่นอุบเมื่อนึกวันแรกที่ได้เจอกัน สายฝนชุ่มฉ่ำที่ตกไม่ขาดสายวันนั้นทำให้เขาตาพร่ามัวจนแทบจะมองหน้าผู้ชายตรงหน้าไม่ชัดด้วยซ้ำ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาตบปากรับคำมาช่วยดูแลไทเกอร์จนได้
“ขอบคุณอะไรก็ตามที่ส่งลินท์ให้มาหาพี่ มาเจอพี่ ให้พี่ได้รักได้ดูแล”
“คงเป็นเวรกรรมของพี่มากกว่าที่ต้องมาเจอหนู” เขายิ้มแหย เกาหัวแกรก
“ถ้าเป็นเวรกรรมจริงๆ ก็ขอให้ติดตามพี่ไปทุกภพทุกชาติเลยก็แล้วกัน”
“พี่พูดอะไรเนี่ย ของแบบนี้เขาพูดเล่นๆได้หรือ” เด็กหนุ่มถลึงตาใส่ชลธี อยากจะตีปากที่พูดไม่หยุดนั่นสักทีให้หายมันเขี้ยวจริงๆ
“เชื่อหรือเรา?”
“ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่!” เรื่องแบบนี้เขาพูดกันเล่นๆได้ที่ไหนกันเล่า!
“พี่พูดแล้วไม่คืนคำหรอกนะ ลองได้ผูกพันกับพี่แล้วในชาตินี้ ไม่ว่าจะเวียนว่ายตายเกิดอีกกี่สิบครั้งคนที่พี่จะรักมีเพียงลินท์คนเดียว”
“พี่ฉลาม!” ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ทนไม่ไหว รู้สึกขนลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ไม่เอาไม่พูดแล้ว ขนลุก”
“สิ่งที่พี่จะทำให้เราได้ในชาตินี้ นอกจากรักและดูแลจนกว่าชีวิตของพี่จะหาไม่ นั่นคือการให้เกียรติยกย่องเป็นคู่ชีวิต นั่นคือเกียรติยศของทหาร”
“หนูรับรู้ว่าพี่ว่ารักหนูมากแค่ไหนก็พอแล้ว” เขาไม่เคยต้องการอะไรอีกแล้วจริงๆ แค่ได้ดูแล ได้รัก ได้อยู่ข้างๆกันเหมือนทุกวันนี้ มันก็เพียงพอสำหรับเขาแล้วจริงๆ
“ลินท์”
“คะครับ” ชลธีลุกจากเก้าอี้รถเข็น ก่อนจะนั่งคุกเข่า เอื้อมมือไปจับเรียวนิ้วขาวขึ้นมาจุมพิต เด็กหนุ่มมึนงงจะสะบัดมือออกก็ไม่กล้า ที่นี่โรงพยาบาลนะ นี่ชลธีจะทำอะไร?
“แต่งงานกับพี่นะ”“…”
เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง มองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจ้องเขาและชลธีเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าวหัวใจเต้นระส่ำจนกลัวว่ามันจะเด้งออกมานอกอก เขาเหลือบไปเห็นคเชนทร์ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นค้าง เขาเขินจนอยากจะแทรกพื้นหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ เด็กหนุ่มรวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิด พยักหน้าลงก่อนจะตอบ
“คะครับ”
“พี่เคยขอลินท์กับคุณยายไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่พี่จะต้องทำอะไรให้ถูกต้องจริงๆสักที” ชายหนุ่มลุกขึ้น ดึงคนรักเข้ามากอดแนบอก “ขอบคุณที่ให้เกียรติเป็นคู่ชีวิตพี่นะครับ” ชายหนุ่มใช้หัวแม่มือปาดน้ำอุ่นที่คลอหน่วยของเด็กหนุ่ม โยกตัวเข้าไปกดจูบข้างขมับ เจ้าลูกเป็ดโผเข้ากอดร้องไห้โฮขยุ้มเสื้อเขาจนยับย่น ชลธีหันไปมองน้องชายที่กำลังเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะช้อนตัวคนรักขึ้นอุ้ม
“อื้อ ปล่อยหนูลง!”
“ไม่ได้” เขาก้มลงกระซิบ เดินตามหลังคเชนทร์ไปที่รถยนต์ “พี่จะพาเจ้าสาวเข้าห้องหอมันต้องอุ้มท่านี้”
“คนบ้า!”
“พูดแล้วไม่คืนคำนะครับคนดี” ชลธีจุดยิ้ม หัวใจพองโตจนปิดบังความสุขล้นเอาไว้ไม่อยู่
“ถ้ายังจำไม่ได้.. คืนนี้พี่จะทวนให้ใหม่ตั้งแต่ต้นเลย”TBCอีกไม่เกินสามตอนจะจบแล้วค่า <3
ขอบคุณที่เอ็นดูน้องลินท์นะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ