ตอนที่ ๓๐
เสียงหัวเราะของไทเกอร์ดังขึ้นไม่ไกลจากที่เขาอยู่นั่งมากนัก ชายหนุ่มนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ไม้รับลมที่ลอยผะแผ่วในช่วงเย็นย่ำ เสียงเห่าของเจ้ากะทิดังสลับกับเสียงของลูกชาย เขาเอียงหูรับฟังซึมซับความรู้สึกอบอุ่นที่มีคนรักอยู่รายล้อม ครอบครัวคือยาชั้นดีในการเยียวยาความเจ็บปวดของเขาจริงๆ หากไม่ได้มุจลินท์เขาคงจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว จากคนที่มีร่างกายสมบูรณ์กลับต้องมาสูญเสียการมองเห็น คนที่เป็นเสาหลักของครอบครัวที่ต้องทำงานหาเลี้ยงลูก คนที่เป็นผู้นำมาตลอดกลับต้องมีคนอื่นมาคอยดูแล มันเป็นเรื่องที่เขาทำใจให้ยอมรับได้ยาก
ชลธีกลับมาอยู่บ้านได้สองอาทิตย์แล้ว แม้จะโดนคุณพ่อและคุณแม่บ่นจนหูชาเรื่องที่เขาปิดบังไม่ยอมบอกใครจนทำให้เรื่องราวใหญ่โต ท้ายที่สุดเขาก็คิดได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเสียหน่อย ยังมีคนรักและครอบครัวที่จะเป็นกำลังใจให้เขาอีกตั้งหลายคน
“พี่ฉลาม.. หลับอยู่หรือเปล่าครับ”
“เปล่าครับ พี่ฟังลูกชายเล่นอยู่” เขาหันไปตามเสียงเรียกของเด็กหนุ่ม
“เข้าบ้านกันนะ วันนี้หนูทำขนมบัวลอยด้วย” เด็กหนุ่มประคองคนรักให้ลุกขึ้น ชลธีเบี่ยงตัวไม่ให้จับจนเขาต้องหยุดแล้วมองคนรักที่พยายามจะช่วยเหลือตัวเอง
“ไหนพาพี่ไปชิมบัวลอยหน่อยนะครับ”
“ฮื่อ” เขาเดินเข้าไปสอดประสานนิ้ว ส่งผ่านความอบอุ่นจากฝ่ามือ “พี่ต้องทานเยอะๆด้วยนะ”
“ได้สิครับ”
“พี่กังวลเรื่องผ่าตัดหรือครับ” เขาตัดสินใจถาม ช่วงที่ผ่านมาเขามักจะเห็นคนรักมีท่าทีเงียบขรึมและไม่ค่อยพูดจา อาจจะเป็นเพราะกำหนดการผ่าตัดที่ใกล้เข้ามาทำให้ชายหนุ่มเป็นกังวล
“นิดหน่อย”
“พี่ไม่ต้องกลัว.. หนูอยู่ข้างๆพี่นะ” เขากระชับมือให้แน่นขึ้น “จะไม่ยอมไปไหนด้วย”
“พี่รู้แล้วครับ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ”
เด็กหนุ่มซุกเข้าที่แผงอก มือขาวสอดเข้าที่เอวสอบ กลิ่นกายที่เขาคุ้นชินทำให้เขารู้สึกสงบมากขึ้น อีกไม่กี่วันคนรักจะต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้ว ทุกคนที่บ้านคอยเป็นกำลังใจให้นายทหารหนุ่ม เขารู้ว่าชลธีกังวลเรื่องที่หากผ่าตัดแล้วอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ทำให้เขาต้องคอยพูดคุยและอยู่ใกล้ๆเสมอ ยิ่งชลธีเครียดเขาก็ต้องช่วยให้คนรักผ่อนคลายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ป๊าคับ” เด็กชายวิ่งเข้ามากอดคุณพ่อจนเขาต้องจับชลธีเอาไว้ไม่ให้ล้มลง กะทิวิ่งวนรอบตัวส่งเสียงเห่าใช้หัวถูไถกับช่วงขาจนเขาต้องเอี้ยวตัวหลบด้วยความจั๊กจี๋ ลูกชายเห็นก็หัวเราะตัวงอเป็นกุ้ง “ฮ่าๆ กาทิ้อย่าทำคุณแม่น้า”
“เกอร์เล่นจนเลอะไปหมดแล้วนะลูก เข้าบ้านไปอาบน้ำนะครับ”
“เกอร์อยากอาบน้ำกับป๊าอะแม่ลินท์” ว่าแล้วไทเกอร์ก็หันไปออดอ้อนคุณพ่อ เดี๋ยวนี้ลูกชายขี้อ้อนเก่งมากเป็นขวัญใจของทุกคนในบ้านจริงๆ “นะคับป๊า”
“ได้สิลูก เดี๋ยวเราอาบน้ำกันด้วยกันนะ” ชลธีตอบพลางสัมผัสไปตามตัวของเด็กชายลูบกระหม่อมเล็กไปมาด้วยความเอื้อเอ็นดู
“เย่ วันนี้อาบน้ำกับคุนป๊าแหละ”
“โฮ่ง!”
มุจลินท์แทบจะเวียนหัวเมื่อต้องรับมือกับลูกชายที่นับวันเริ่มจะพูดเก่งมากขึ้นเขาต้อนสองคนพ่อลูกเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเลเพราะไทเกอร์อ้อนจะให้เขาอุ้ม เดือนร้อนคุณพ่อต้องอุ้มลูกชายขึ้นแนบอกส่วนเขามีหน้าที่จับจูงทั้งคู่ไปตามเส้นทางที่ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ ภายในบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นกะทิที่เขาใช้ทำขนมหวาน คุณแม่กับคุณยายกำลังง่วนอยู่ในครัวเพราะต้องเตรียมอาหารตอนเย็น วันนี้คเชนทร์และสมุทรจะกลับมาทานข้าวที่บ้านทำให้ตอนนี้ทุกอย่างดูคึกคักและเต็มไปด้วยรอยยิ้มของทุกคน
คุณปู่เดินเข้ามาเปิดโทรทัศน์แล้วนั่งจิบกาแฟ ส่วนเด็กชายคนเล็กสุดของบ้านถอดเสื้อยืดสีเหลืองลายหมีพูห์ออกทันทีที่คุณพ่อเหยียบเข้าประตูบ้านดิ้นร้องขอคุณพ่อให้วางลงเพราะเห็นในโทรทัศน์มีคุณฮีโร่กำลังจะมา เขาหันไปอุ้มลูกชายออกจากอกชลธี
“เดี๋ยวเราจะไปทำอะไรกันครับ”
“อาบน้ำคับ.. แต่ว่า” ไทเกอร์มองตาละห้อยไปทางทีวี “คุณเรนเจอร์มาแล้ว..”
“หนูจะถอดเสื้อแล้วจะไปดูการ์ตูนทั้งอย่างนี้หรือครับลูก”
“งะ คุณแม่…” เด็กอ้วนทำแก้มพอง หน้าตาอาลัยอาวรณ์การ์ตูนเหลือเกิน “เกอร์อาบน้ำก่อนก็ได้คับ”
“เสื้อผ้าถอดเสร็จแล้วต้องเก็บไว้ไหนครับลูก”
“ใส่ตระกร้าผ้าคับ” เด็กชายทำปากยู่ มองผลงานตัวเองที่หล่นแหมะอยู่หน้าประตูบ้าน “เกอร์ขอโทดคับ” กระพุ่มมือไหว้แล้วโผเข้ากอดคุณพ่อซุกหน้าแล้วแช่นิ่งไม่กล้าสบตากับคุณแม่
“เด็กดีของป๊า” ชลธียิ้มขำให้กับความแสบของเด็กชาย “เด็กดีต้องทำอย่างไรครับลูก”
“เกอร์เป็นเด็กดีคับ” เจ้าตัวรีบวิ่งไปเก็บเสื้อที่ถอดทิ้งไว้ใส่ตะกร้าผ้า แล้ววิ่งมารายงานตัว “เรียบร้อยแล้วคับ”
“ลูกชายของป๊าน่ารักที่สุด”
“เกอร์รักป๊า เกอร์รักคุณแม่” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นจนคุณปู่ที่นั่งฟังยังหัวเราะขำ
“แล้วย่าล่ะรักไหม” คุณย่าถือถ้วนขนมหวานออกมาจากครัว ตั้งลงโต๊ะญี่ปุ่นหน้าโซฟา กลิ่นหอมหวานกระจายฟุ้งจนเจ้าตัวเล็กหันไปมองตาโต “เจ้าตัวแสบอ้อนคุณพ่อตลอดเลย น่ารักจริงๆหลานคนนี้”
“เกอร์ก็รักคุณย่า กับคุณยายคับ” ได้รับคำชมก็ยิ่งตัวลอย รีบยิ้มแฉ่งบอกรักทุกคนในบ้าน
“ปากหวานจริงๆ” คุณยายชมเปาะ เห่อหลานชายคนเล็กกันทั้งบ้าน “ไปๆ รีบอาบน้ำเดี๋ยวมาทานข้าวกันนะลูกนะ”
“เย่ๆ” เขาจับจูงลูกชายไว้ส่วนอีกมือก็จับแขนคนรักเอาไว้ พากันขึ้นบันไดไปอาบน้ำชั้นบน ส่วนเสื้อผ้าเขาจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“ไปรอคุณแม่ที่ห้องน้ำนะครับ” มุจลินท์กำชับกับลูกชาย ไทเกอร์พยักหน้าหงึกหงัก “อย่าลืมหยิบผ้าขนหนูนะ”
“คร้าบบบบบบบบบ” เห็นลูกชายวิ่งเผ่นแผล็วไปแล้วเขาก็หันมาจัดการกับคนรักต่อ
“อาบน้ำพร้อมลูกเลยใช่ไหม.. ให้หนูไปช่วยไหม”
“ไม่ต้องหรอก แค่ลินท์ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่ก็พอ” มือหนาคว้าเข้าที่เอวบางแล้วรวบเข้ามาใกล้ “นะครับ” กระซิบข้างหู ลมร้อนพัดแผ่วจนเขารู้สึกวูบวาบ ต้องผละออกมาใช้มือขาวค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกเผยให้เห็นรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทนแลดูซีดลงกว่าเดิมเพราะคนตรงหน้าป่วยมาเกือบเดือนแล้ว เขาถอดเสื้อออกเสร็จก็คว้าผ้าขนหนูคล้องบ่าคนรัก
“เสร็จแล้วเรียกหนูแล้วกันนะ จะเข้าไปช่วย”
“ครับ ขอบคุณนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหนูหรอก ได้ดูแลพี่ทุกวันมันคือความสุขของหนู” เขาก้มหน้าเอียงอาย “เราเป็นคนรักกันไม่ใช่หรือ”
“พี่ชอบที่หนูเรียกพี่แบบนี้จัง เหมือนเราเป็นมากกว่าแฟน จริงๆเราก็เป็นมากกว่าแฟนอยู่แล้วนี่ครับ.. คุณภรรยา” ชลธีแตะริมฝีปากไปทั่วใบหน้าเด็กหนุ่ม กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ข้างๆเขาคือใคร
“ฮื่อ ไม่ใช่เวลามาเล่นนะครับ เร็วเข้าจะได้ทานข้าวนะ” เด็กหนุ่มรีบรุนหลังให้คนรักเข้าห้องน้ำที่มีลูกชายกำลังรออยู่ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ
“คร้าบ”
เสียงน้ำเปิดออกจากฝักบัวดังซู่ซ่า ชลธีกะระยะทางเดินเข้าไปทางอ่างอาบน้ำค่อยๆก้าวลงไปนั่ง ลูกชายยืดตัวขึ้นมาช่วยจับคุณพ่อ
“ป๊า.. ตรงนี้คับ” ไทเกอร์ดึงให้คุณพ่อนั่งแช่น้ำด้วย ปกติเด็กชายจะชอบอาบน้ำกับคุณพ่อเป็นประจำ หลังๆมานี้เจ้าตัวแสบรู้ว่าคุณพ่อไม่ค่อยสบายเลยไม่ค่อยไปกวนมากนัก “ป๊าเจ็บไหมคับ”
“หื้ม เจ็บอะไรหรือลูก”
“ตรงนี้” มือสั้นป้อมลูบที่แก้มสากแตะแผ่วขึ้นไปที่ขมับ แผลที่ยังพันอยู่บริเวณดวงตาทำให้เด็กชายรู้สึกสงสัยว่ามันคืออะไร
“ไม่เจ็บเลยครับ ป๊าเป็นซุปเปอร์แมน”
“จริงหรอคับ” เด็กชายนั่งบนตักคุณพ่อ “เกอร์จะดูแลป๊า ดูแลคุณแม่เองนะคับ”
“โตเป็นหนุ่มแล้วหรือเรา เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่นะ หื้ม?” ชลธีก้มลงจุมพิตลูกชาย เขาอยากเห็นลูกชายเติบโตขึ้น มันจะดีแค่ไหนถ้าหากเขากลับไปมองเห็นได้อีกครั้ง
“เกอร์ไม่อยากให้แม่ร้องไห้ ไม่อยากให้ป๊าเศร้า” เด็กชายพูดเสียงแจ๋ว นั่นทำให้เขาชะงัก เขาแสดงออกมากไปจนแม้แต่ลูกชายก็ยังสังเกตได้งั้นหรือ
“โถ่ลูก” กอดลูกชายแน่นจนเจ้าตัวจมเข้าไปในอ้อมกอด
“เกอร์รักป๊านะคับ”
“ป๊าก็รักเกอร์นะลูก” เขาก้มลงหอมแก้มเด็กอ้วนที่ปีนี้อายุสี่ขวบต้องไปเรียนชั้นอนุบาลแล้ว “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูห้ามทิ้งคุณแม่นะ”
“เกอร์ไม่ทิ้ง เกอร์ไม่ทิ้ง ไม่เอา” เด็กชายซุกเข้าหาคุณพ่อแล้วกอดไว้แน่น “ป๊าห้ามทิ้งเกอร์นะ อย่าทิ้งเกอร์นะ” น้ำตาเด็กชายปริ่มจะไหลหากไม่มีคุณพ่อและคุณแม่
“ใครจะทิ้งเด็กอ้วนได้ลง มาเร็วรีบอาบน้ำจะได้ไปทานข้าวนะครับ”
“ค้าบบบ นี่ฉะบู่” ไทเกอร์บีบออกจากขวดแล้วชะโลมทาตัวถูจนเกิดฟองทั่ว เด็กชายหันไปถูให้คุณพ่อ แล้วเอื้อมไปหยิบอีกขวดที่อยู่ข้างกัน “นี่แชมพูคับ”
“ระวังเข้าตานะครับ” ชลธีช่วยลูกชายสระผมเพราะกลัวฟองจะเข้าตา แต่ดูเหมือนเด็กชายจะชอบ เพราะหัวเราะคิกคักเล่นน้ำไม่หยุด
“เกอร์ถูหลังให้ป๊านะคับ”
“ใครสอนเราเนี่ย”
“คุณแม่คับ คุณแม่บอกว่าอาบน้ำต้องอาบให้สะอาดต้องถูให้ทั่วคับ”
“หึหึ” ชายหนุ่มจุดยิ้ม “เก่งจังเลย”
สัมผัสได้ถึงมือเล็กป้อมที่กำลังถูไถอยู่บริเวณหลัง เขานึกขำเอ็นดูลูกชายจอมแสบจนอยากคว้ามาฟัดให้จมเขี้ยว เสียงหัวเราะดังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบหายไป
“เกอร์ครับ ไปไหนแล้วลูก”
“หนูพาลูกออกไปแต่งตัวแล้วจ้ะ” ใยฟองน้ำขัดเข้าที่บ่าเรื่อยลงมาท่อนแขน เสียงคนขัดดังอยู่ไม่ไกลจากหู ตามด้วยกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ “แช่น้ำนานเดี๋ยวไม่สบายพอดี”
“ช่วยพี่อาบน้ำก่อนสิ” เมื่อรู้ว่าเป็นคนรักเขาจึงหันไปกระเซ้าแหย่ มือหนาดึงคนรักให้ลงมาอาบด้วยกัน
“พี่อาบได้อยู่แล้ว ยังจะมาแกล้งหนูอีก” เด็กหนุ่มขืนตัวเอาไว้แต่ก็สู้แรงไม่ได้ เสื้อผ้าเขาเปียกไปครึ่งตัวแล้วเพราะมัวแต่เล่นกับชลธี
“นะครับ นะ”
“หนูช่วยถูตัวแล้ว” เด็กหนุ่มร้องห้ามแต่ก็ไม่ทันมือหนาของอีกฝ่ายที่ลูบไล้ไปทั่วตัวจนเขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ “อ๊ะ อือ.. พี่” ชลธีเชยคางคนรักให้รับจูบดูดดึงจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบ เขาตัวอ่อนยวบแทบจะล้มทั้งยืน
“หวานที่สุดเลย”
“พอแล้ว.. เดี๋ยวคุณแม่กับคุณยายรอนานนะครับ” ดันแผงอกหนาให้ออกห่าง ไม่รู้ทำไมชลธีถึงได้รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนอยู่เรื่อย จะสัมผัสไวเกินไปแล้วนะ!
“อีกหน่อยน่า” ชายหนุ่มกอดคนรักแน่น ดอมดมกลิ่นหอมหวาน “ยังรู้สึกไม่พอเลย”
“ฮื่อ อย่าจับนะครับ!” เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกลูบไล้ไปตามจุดอ่อนไหวที่เริ่มชูชัน “ปล่อยหนูก่อน..”
“ร้อนขนาดนี้เลยหรือ?” ชลธีหยอกเอินมุจลินท์น้อยที่เริ่มบวมคับกางเกง เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าว เขินคนรักที่รู้ทันเขาไปเสียทุกอย่าง
“เพราะพี่นั่นแหละ อืออออออ.. อ๊ะ” มือหนารูดตามความยาวอีกสองสามครั้งแก่นกายพอดีตัวของเด็กหนุ่มก็พร้อมสู้เต็มที่ มุจลินท์ขบริมฝีปากกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอด เขาไม่อยากให้คนรักได้ใจจนแกล้งเขาบ่อยๆ สองมือขาวโอบรัดรอบคอคนป่วยซุกใบหน้าเข้าลาดไหล่ สะอื้นเสียงเบาก่อนจะกระตุกไปทั้งตัวเมื่อความเสียวแล่นวาบไปหมด
“ไวจัง” ชายหนุ่มกระซิบเสียงพร่าเมื่อรู้สึกถึงน้ำอุ่นที่เลอะเต็มฝ่ามือเขา “เดี๋ยวความรู้สึกไวเป็นพิเศษนะ”
“ฮือ” เขาอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด ไม่เคยต้านทานสัมผัสเร่าร้อนจากคนรักได้เลย หรือว่าที่จริงแล้วเขานั่นแหละที่หื่น! “ฮืออออ”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ” ชายหนุ่มกอดปลอบลูบหัวคนรักไปมา “พี่ไม่แกล้งแล้ว.. คนดี”
“คนบ้า!”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ลินท์.. ลินท์เสร็จหรือยัง แม่ให้พี่มาตามแล้วนะ” คเชนทร์เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของพี่ชายก็ไม่เจอใครก็นึกขึ้นได้ว่าคงจะอยู่ในห้องน้ำ เงี่ยหูฟังพร้อมเคาะประตูอีกรอบ
พี่ช้าง!
“อะอื้อ” เด็กหนุ่มละล่ำละลักตอบ มือก็คอยดันคนรักให้ออกห่าง “คอยแปบนะพี่ช้าง ลินท์ช่วยพี่ฉลามแต่งตัวอยู่จ้ะ”
“อะ..โอเค” ฝั่งคเชนทร์ได้ยินเสียงแปลกๆก็รีบหันตัวกลับออกไปแทบไม่ทัน ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันถึงพี่ชายคนรองของเขา ร้ายไม่เบาจริงๆ!
“แต่งตัวซะที่ไหน” ชลธีกอดหมับไม่ยอมปล่อย ซุกไซ้ซอกคอขาว
“อื้อ พี่ฉลามอย่าซน” เดิมทีเขาก็สู้แรงคนรักไม่เคยได้อยู่แล้ว รอบนี้ต้องปัดป่ายไม่ให้มือปลาหมึกซุกซนไปมากกว่านี้ ไม่งั้นเขาไม่ได้ลงไปทานข้าวแน่ๆ “ไม่มีวันไหนที่ไม่ทะลึ่งเลยนะครับ”
“ช่วยไม่ได้ เมียพี่น่ารักพี่ก็ต้องอยากรักเป็นธรรมดา”
“ร้ายกาจ!” ยั้งมือไว้ทันไม่ให้ไปทุบคนรักที่หัวเราะร่วน เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปตามร่างกายที่เปียกชื้น เตรียมเสื้อผ้าให้ชลธีสวมใส่ เป็นเสื้อยืดกางเกงผ้าที่เจ้าตัวชอบใส่ประจำ
“ลินท์เบื่อพี่ไหม” ชลธีรับรู้ได้ถึงเอาความใจใส่ของเด็กหนุ่มที่คอยดูแลเขาอยู่ทุกวันไม่เคยปริปากบ่นเลยสักครั้ง นึกแล้วก็ซึ้งใจกับความรักของอีกฝ่าย เขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
“ไม่เบื่อ”
“พี่ทำให้ลินท์เสียเวลาหรือเปล่า”
“ไม่นี่ครับ” เขาจับจูงคนรักออกมาจากห้องน้ำหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว “พี่นั่นแหละ ต้องอยู่กับหนูไปตลอดชีวิตพี่จะเบื่อหนูไหม หนูไม่ยอมให้พี่ไปมีคนอื่นได้อีกแล้วนะ” เขาขู่ฝ่อ ถ้าชายหนุ่มเห็นหน้าเขาตอนนี้คงนึกหมั่นเขี้ยวจับกินอีกรอบแน่ๆ แต่เรื่องอะไรเขาจะให้เห็นกันเล่า! เขาจะไม่ยอมปล่อยผู้ชายตรงหน้าไปให้ใครเด็ดขาด ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาสอนให้เขาต้องรู้จักเห็นแก่ตัวมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากจะเสียคนรักไป
ชลธีจับกระแสน้ำเสียงได้ก็เข้าใจอารมณ์ขุ่นมัวของเด็กหนุ่ม ในที่สุดเจ้าลูกเป็ดก็เริ่มจะโตขึ้นมาบ้างแล้วสินะ เขากอดคนรักแนบแน่น พร่ำบอกความในใจ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความหวาน หัวใจฟูพองไปด้วยความรักเต็มอก
“ไม่มีวันที่พี่จะเบื่อหนูแน่นอน..”“ผมรอพี่จนไส้กิ่วแล้วนะ.. อาบน้ำขัดขี้ไคลออกมาเป็นกระบุงแล้วมั้ง” คเชนทร์หันไปกระทุ้งพี่ชายเพื่อให้อีกคนเงียบปากก่อนจะโดนด่าจนซวยไปด้วยกันทั้งคู่ เด็กหนุ่มเดินลงมาจากด้านบนได้ยินเสียงแซวก็ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น รีบสาวเท้าประคองคนรักไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
“พี่ปลาก็พูดไป พี่ฉลามไม่สบายก็เห็นอยู่” คเชนทร์รีบแก้ตัว มองเห็นใบหูแดงก่ำของเด็กหนุ่มก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ขืนปากเปาะมากกว่านี้ได้โดนพี่ชายคนรองเล่นแน่
“ไม่สบายแต่เตะปี๊บดัง กูก็ถือว่ายังสบายดี” สมุทรหัวเราะเสียงดัง ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มยิ่งก้มหน้างุดเข้าไปอีก มุจลินท์เผลอบีบแขนคนรักด้วยความเขินอาย
“อย่าให้ถึงตากูมั่งนะ มึงมีเมียเมื่อไหร่ กูจะเล่นให้หนัก” ชลธีตอบ ค่อยๆหย่อนตัวนั่งเก้าอี้ เด็กหนุ่มรีบกุลีกุจอหยิบจานข้าวตักให้ผู้ใหญ่ก่อน วันนี้มีแกงส้มชะอมไข่ของโปรดคนรัก และผัดผักรวมมิตร ยังไม่รวมกับข้าวอื่นๆเรียงรายสวยงามบนโต๊ะอาหาร กลิ่นหอมจนคนนั่งรอน้ำลายสอคุณแม่ตั้งใจทำทุกอย่างสมกับเป็นแม่ครัวเก่าจริงๆ
“ยากว่ะพี่ชาตินี้.. คนที่จะทนผมได้เนี่ย..”
“ไม่มี ผมตอบแทนให้เลย เอ้า!”
“อ่าวไอ้ช้าง.. เดี๋ยวกูก็โทรฟ้องมะนาวหรอก กูรู้นะว่าคืนก่อนมึงไปปาร์ตี้เลี้ยงส่งน้องหมอคนสวยไม่ยอมบอกใคร” ทั้งโต๊ะหัวเราะครืน ส่วนคเชนทร์หน้าเลิ่กลั่ก สมุทรตักทอดมันปลากรายเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับอย่างคนถือแต้มเหนือกว่า
“ไอ้พี่ปลาแม่งรู้ได้ไงวะ”
“กูเป็นนักสืบ สนิทกับโคนันนะ มึงรู้ไว้ซะ”
“คุยกับมันวันนี้ก็ไม่จบหรอกช้าง” ชลธีตอบ “ปล่อยมันไปเหอะ” ชายหนุ่มหันไปรับข้าวที่คนรักป้อน เจ้าลูกเป็ดคอยเช็ดริมฝีปากไม่ให้หกเลอะเทอะ คอยถามว่าอยากทานอะไร นายทหารหนุ่มไม่มีอิดออด เด็กหนุ่มป้อนอะไรเขาก็อ้าปากรับทั้งนั้น
“ทำไมพี่ทำกับผมแบบนี้ล่ะ ไม่มีใครเข้าข้างผมเลยอะแม่” สมุทรหันไปหามารดาที่นั่งอยู่อีกฝั่ง กำลังพูดคุยกับคุณยายและคุณพ่อไม่ได้สนใจเขาสักนิด
“ไปขอพี่หมีมาอยู่ข้างสิ” แม่หันไปตอบลูกชายตัวขาวแล้วกลับไปป้อนข้าวไทเกอร์ต่อ สมุทรทำปากยู่งอนมารดาหมดมาดทนายหนุ่มคนเก่งเลยทีเดียว
“รายนั้นก็ไปอยู่ญี่ปุ่นกับเมียเพลินเลยไม่ยอมกลับมาสักที ผมอยากอุ้มหลานแล้วนะ” คนเชนทร์บ่นถึงพี่ชายคนโตที่ไปเป็นวิศวกรที่ประเทศญี่ปุ่น “รอบนี้จะได้ของฝากเป็นอะไรนะ”
“มึงก็ได้หรอวะ” นายทหารหนุ่มถามน้องชาย “ได้อะไร?”
“ของแบบนี้พูดกันตรงโต๊ะอาหารได้หรือ พ่อกับแม่นั่งอยู่ผมอายนะ” สมุทรยิ้มเจ้าเล่ห์ทำเป็นเขินอาย แต่มือยังคงจ้วงอาหารบนจานไม่หยุด ทุกครั้งที่กลับมาที่บ้านเขาต้องเจริญอาหารทุกทีสิน่า
“เอ้า ผมก็ได้” คเชนทร์เงยหน้าขึ้นมาตอบ ไพล่ไปนึกถึงของเล่นที่พี่ชายส่งมาให้ รอบนั้นทำเอามนต์มนัสไม่คุยกับเขาเป็นอาทิตย์
ของฝากจากพี่หมี…
มุจลินท์นั่งนึกครุ่นคิดไปถึงของฝากที่คนรักเคยบอก นั่นคงไม่ใช่กล่องลายหมีน่ารักที่เขาเจอใต้เตียงหรอกใช่ไหม.. หันไปมองคนป่วยอีกรอบแล้วอยากจะทุบนัก ไม่คิดเลยว่าของขวัญของพี่หมีจริงๆแล้วมันคือถุงยางลายริลัคคุมะ!
“ทานข้าวเถอะ” สมุทรจ้วงหมูทอดเข้าปากไม่สนใจใครทั้งนั้น “ชักช้าอด!”
“พี่ปลาแม่ง” คุณหมอที่นั่งอยู่ข้างๆส่ายหัวให้พี่ชาย “ไวตลอด”
“ทานเยอะๆนะลูกนะ” คุณยายดันจานอาหารให้เข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มกระพุ่มมือไหว้แล้วตักแบ่งใส่จานให้คนรักทาน ช่วงนี้เขาดูแลชลธีใกล้ชิดทำให้นายทหารหนุ่มทานอาหารมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
“พี่ฉลาม อ้ามครับ” เขาเรียกคนรัก “ค่อยๆเคี้ยวนะไม่ต้องรีบ”
“นี่ก็หวานกันตลอด” สมุทรมองแล้วก็อิจฉาตาร้อน หันไปมองน้องชายตัวเองก็แชทกับแฟนอมยิ้มจนน่าหมั่นไส้ ส่วนเขาน่ะหรือ.. “ทำไมผมไม่มีเมียอะแม่”
“ไปหาสิยะ!” คุณแม่เหมือนจะรำคาญ รีบหันไปแยกเขี้ยวใส่ “หน้าตาก็ดีได้ฉันไปหมดเปลือก แกต้องได้เมียสิ!”
“พี่กับน้องเขาก็มีแฟนกันหมด ทำไมปลาหาไม่ได้หรือลูก” คุณพ่อถามลูกชาย ทั้งโต๊ะหัวเราะครืนแม้กระทั่งเจ้าลูกเป็ดก็อดไม่ได้จะหลุดขำ
“ทำไม จะเอาผัวหรือพี่” คเชนทร์ได้ทีแซวพี่ชายแล้วก็ยิ้มขำ จะว่าไปแล้วพี่ชายเขาคนนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าตัวบ่นหรอก ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมก็มีผู้หญิงวิ่งตามกันเป็นทิวแถว ด้วยใบหน้าหวานทั้งจมูกโด่งได้รูปและดวงตากลมดำขลับถอดแบบมาจากคุณแม่ทุกอย่าง ทำให้บุคลิกของสมุทรราวกับคุณชายผู้สูงส่งมากกว่า
“พ่อง” สมุทรหันไปบริภาษน้องชายตัวแสบ ปากก็ขมุบขมิบบ่นในใจไปด้วย
“ฮ่า”
หัวเราะกันเข้าไป อย่าให้เขาได้มีนะโว้ย จะเอามาเดินอวดโชว์ที่บ้านสักสามเดือน! (ต่อด้านล่าง)