ตอนที่ ๒๑
มุจลินท์กลับมาจากไปเที่ยวพักผ่อนได้สามวันแล้ว ได้เวลากลับมาใช้ชีวิตตามปกติตื่นเช้าไปส่งลูกชายที่โรงเรียนแล้วนั่งรถไปเรียนต่อ เลิกเรียนก็กลับมารับลูกชายกลับบ้าน แต่วันนี้เขาขอลาหยุดหนึ่งวันเพราะตั้งใจจะช่วยคนรักจัดของใส่กระเป๋าที่จะต้องเดินทางไปทำงานที่เชียงรายในวันพรุ่งนี้ เด็กหนุ่มวางเสื้อผ้าลงบนเตียงคอยเลือกชุดที่ใหม่และดูสภาพดีก่อนจะทยอยพับใส่ลงกระเป๋า นายทหารหนุ่มมองคนรักด้วยแววตาอบอุ่น เอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนิ่มก่อนจะฝังจูบลงไปเบาๆ สองมือสอดเข้าที่เอวบาง เด็กหนุ่มย่นคอหนีสัมผัสจั๊กจี๋ ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
“ฮื่อ ลินท์ยุ่งอยู่”
“สนใจพี่หน่อยสิครับ”
“ลินท์ขอจัดของก่อนได้ไหม เอ..ชุดลำลองต้องเอาไปเพิ่มไหมครับ” เด็กหนุ่มว่าพลางค้นเสื้อผ้าเขาในตู้เพิ่มเติม “ช่วงนี้อากาศหนาวด้วยพี่ควรเอาเสื้อกันหนาวไปด้วยนะ”
“ไม่ต้องเอาไปเยอะหรอกครับ”
“จะดีหรือ” เขาทำหน้ายุ่ง “ลินท์ว่าเอาไปเผื่อดีกว่านะครับ” ว่าแล้วก็พับเสื้อยืดใส่กระเป๋าพร้อมเสื้อกันหนาวอีกสามตัว ชลธีไม่ได้ห้ามอะไร ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเอาไปเขาก็ไม่ได้ใส่เท่าไหร่ หากอยู่ในหน่วยฝึกส่วนใหญ่ก็จะใส่เสื้อฝึกหรือชุดลำลองที่ดูก็รู้ว่าเป็นทหาร แต่ที่บ้านเขาไม่มีชุดแบบนั้นสักตัว เขาแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวชัดเจนและไม่อยากให้คนรักอึดอัดกับสถานะสังคมของเขา
“พี่ว่าพกลินท์ไปด้วยดีกว่า..”
“ถ้าไปได้ลินท์จะรีบยัดตัวเองเข้าไปในกระเป๋าเลย”
“หึๆ” เขาจับหัวคนรักโคลงเคลงไปมาก่อนจะดึงเข้ามากอด “คิดถึงพี่เยอะๆนะครับ”
“คิดถึงทุกเวลานี่เยอะพอไหม”
“ดีมาก เมียพี่น่ารักที่สุด” เขาก้มลงหอมแก้มเด็กหนุ่ม ไม่ว่าจะกี่ครั้งเขาทำได้ไม่รู้เบื่อ
“ถ้าไปอยู่ไกลๆแล้วนอกใจ ลินท์ตามถึงเชียงรายแน่!”
“พี่ไม่มีแน่นอนจ้ะ” เวลานอนยังจะไม่มีพี่จะเอาเวลาที่ไหนไปหาหลีหญิง อยากจะบอกแต่ก็กลัวเมียหาว่าเถียง “ทำไมถึงคิดว่าพี่จะเป็นอย่างนั้นล่ะ”
“ก็ทหารเขาว่าเจ้าชู้.. ไปประจำที่ไหนก็ได้เมียที่นั่น”
“ใครเขาจะเจ้าชู้ก็ช่างเขา แต่พี่ไม่ใช่ ลินท์ไม่เชื่อใจพี่หรือ”
“ลินท์เชื่อ แต่มันก็อดกังวลไม่ได้ พี่อยู่ไกลลินท์ไม่รู้ว่าพี่ทำอะไรบ้าง”
“ถ้าพี่รายงานลินท์ได้ พี่จะโทรมารายงานทุกวันเลยดีไหม” ป้อนจูบลงกลางหน้าผากขาวของเจ้าลูกเป็ด “ขี้กังวลแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ”
“ฮื่อ ไม่เห็นจะดี ลินท์ไม่อยากฟุ้งซ่าน”
“งั้นก็.. ” เขายกโทรศัพท์เด็กหนุ่มขึ้นมาเปิดกล้องหน้าก่อนจะกดถ่ายรูป “เอ้ายิ้มหน่อย”
“อ้ะ”
“รูปคู่ไว้ตั้งหน้าจอ” ชายหนุ่มกดยุกยิกโทรศัพท์ เขาไม่ทันได้มองว่าทำอะไรบ้าง เรื่องเทคโนโลยีเขาก็ตามไม่ค่อยทันเสียด้วย “ส่วนรูปนี้ไปตั้งโปรไฟล์ไลน์”
“เดี๋ยวๆพี่จะทำอะไรน่ะ!”
“กดตั้งในเฟซบุคด้วย พี่เห็นนะว่าลินท์สมัครเฟซบุคแล้ว”
“เอาไว้ติดต่องานกับเพื่อนเฉยๆเองนะครับ”
“ไม่ได้ ตั้งให้หมด” เขาใช้อำนาจที่ตัวเองมีเพียงน้อยนิดจัดการตั้งรูปโปรไฟล์ของเจ้าลูกเป็ดทุกแอปพลิเคชั่นทุกอันที่นึกได้ “ไอจีก็ด้วย”
“ฮื่อ กลัวใครมาจีบลินท์หรือไง ไม่มีหรอกน่า” เด็กหนุ่มโอดครวญ ไม่รู้ว่าคนรักทำอะไรกับโทรศัพท์เขาบ้าง
“อย่างน้อยก็ไอ้หน้าตี๋นั่น”
“พี่ชุไม่ได้จีบลินท์”
“พี่ไม่เชื่อหรอกนะลินท์ว่ามันจะไม่จีบ ยิ่งพี่ไม่อยู่ด้วยทางสะดวกมันเลย”
“คิดมากนะครับ”
“ก็พี่หวงของพี่ ก็เหมือนกับที่ลินท์หวงพี่ไง” ชลธีส่งโทรศัพท์คืน “ห้ามเอาลงจนกว่าพี่จะกลับมา”
“ไม่เอาลงหรอกครับ” เขาดีใจจะตายที่ได้มีรูปคู่ แต่ตั้งในไลน์เด่นหราขนาดนี้ถ้าเพื่อนเขาเห็นมันคงแซวเป็นเดือนแน่ “ลินท์ชอบ.. ลินท์ก็อยากบอกคนอื่นว่าลินท์มีแฟน”
“จริงหรือ”
“อื้อ”
“ก็เห็นลินท์ไม่ค่อยอยากบอกใคร”
“ตอนนี้อยากบอกแล้ว”
เดี๋ยวนี้ชักทำตัวน่ารักน่าจับฟัดมากขึ้นทุกที..“พี่ก็ตั้งของพี่ด้วยดีกว่า” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งค่า “อืม เสร็จละ”
“เอาจริงหรือครับ”
“พี่ไม่เคยพูดเล่นอยู่แล้ว” นายทหารหนุ่มยิ้มกริ่มมองคนรักด้วยสายตาพราวระยับ “พูดคำไหนคำนั้น” เขาเห็นหน้าตาตกใจของลูกเป็ดแล้วอยากจะงับแก้มเสียจริงๆ
“ฮื่อ ไม่คิดว่าจะทำจริงๆนี่นา” เขาแทบจะลงไปดิ้นกับพื้นจริงๆให้ตายเถอะ นี่ชลธีทำจริงๆหรือ? เอามือกุมแก้มที่ยิ้มจนปวดไปหมด ชลธีก็สวมกอดเขาจากข้างหลังใช้ริมฝีปากจุ้บหลังคอเขาแผ่วเบา
“ลินท์ พรุ่งนี้พี่ก็ไปแล้วนะ”
“ลินท์ไม่ไปส่งนะ” ลูกเป็ดทำปากบู้ “กลัวทำใจไม่ได้”
“สัญญากับพี่ได้ไหม จะดูแลตัวเองดีๆ” นายทหารหนุ่มพลิกให้คนรักหันมามอง เจ้าลูกเป็ดสบดวงตาสีดำสนิทที่ทอแววอ่อนโยน เขาชอบมองตาของชลธีที่สุด “อะไรที่พี่บ่นไม่ให้ทำ ก็อย่าทำ ห้ามดื้อ ห้ามซน”
“คร้าบๆ” เด็กหนุ่มตอบเสียงแผ่ว “ลินท์คงจะเหงามาก”
“มีไทเกอร์กับคุณยายอยู่ ไหนจะคุณพ่อกับคุณแม่ที่บ้านใหญ่อีก ลินท์มีครอบครัวเคียงข้างเสมอ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”
“อย่าลืมลินท์นะ”
“ไม่ลืม”
“ลินท์รักพี่นะ” เขาช้อนตามองชลธี อยากจะจดจำความรู้สึกที่มีกันและกันให้นานมากกว่านี้จริงๆ มือหนายกขึ้นลูบไล้ไปตามแก้มขาวผ่องของคนรัก
“ครับ รักเหมือนกัน”
ชายหนุ่มจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายโอนเข้าบัญชีให้เด็กหนุ่มทั้งหมดและจะโอนให้ทุกเดือนโดยให้ปานชีวันเป็นคนดูแล และเตรียมย้ายข้าวของไปอยู่บ้านใหญ่ มุจลินท์ไม่ได้ปฏิเสธ เห็นพ้องต้องกันว่าอยู่ที่คอนโดก็รังแต่คิดถึงคนรักเปล่าๆ ไปอยู่บ้านใหญ่มีคุณพ่อและคุณแม่ช่วยดูแลจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เพราะคุณแม่ชอบชวนเขาทำอาหารทุกวัน เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋าทยอยใส่รถเอาไว้
“ไปอยู่บ้านใหญ่พี่จะไม่ต้องห่วง”
“ฮื่อ ไม่มีอะไรน่าห่วงสักหน่อย”
“พี่ฝากหัวใจพี่ไว้หน่อยนะลินท์” เขากดสัมผัสบางเบาที่ริมฝีปากบาง ก่อนจะแตะลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปชิมความหวานให้ซึมซาบในใจ “ให้แล้วไม่รับคืน” กดจูบอีกครั้งที่ข้างแก้ม มือหนาปาดน้ำตาของคนรักที่ไหลลงมา
“ลินท์ก็ไม่รับคืน” เขาเบื่อตัวเองที่เป็นคนเสียน้ำตาง่ายเสียจริง ลองได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชลธีเขาก็อ่อนไหวได้ทุกครั้ง “มันเป็นจะเป็นของพี่คนเดียว”
“แม่ แม่จ๋า” ไทเกอร์วิ่งปุกเข้ามาหาเขา มือเล็กป้อมยื่นมาช่วยเช็ดน้ำตา “แม่ย้องไห้ โอ๋ๆ ไม่ย้อง”
“ป๊าฝากดูแลคุณแม่ด้วยนะครับ” ชลธีอุ้มลูกชายขึ้นแนบอก หอมแก้มป่องจนชื่นใจ
“ป๊าไปไหน ไปทำงานอีกแล้วหยอ”
“ครับลูก ถ้าป๊าไม่อยู่ เกอร์ต้องทำยังไง หืม?”
“ดูแลคูนแม่ ดูแลคูนยาย”
“ฮึก”
“แม่ ฮึก ไม่ย้อง” เด็กชายดันตัวเองออกจากคุณพ่อพยายามจะไปหาคุณแม่ เขาเลยต้องวางลูกชายลง เด็กชายใช้มือเล็กป้อมเช็ดน้ำตาให้เด็กหนุ่ม “ฮือ ไม่ให้แม่ย้อง ไม่อาว” ชลธีมองสองแม่ลูกที่กอดกันตัวกลม เด็กชายเห็นแม่ร้องก็จะร้องตาม เขาเข้ามาโอบกอดทั้งคู่เอาไว้ทั้งลูบทั้งกอดปลอบ
“แม่ไม่ร้องแล้วครับ” เขาปาดน้ำตาจนแห้ง “เกอร์ก็ไม่ร้องนะลูกนะ”
“ฮึก”
“ป๊ารักเกอร์ รักแม่ลินท์นะครับ รอป๊านะครับ”
สองแขนโอบกอดคนรักและลูกชายบรรยากาศกรุ่นกลิ่นไปด้วยความรักอันหอมหวน นายทหารหนุ่มใช้ร่างกายเก็บเกี่ยวสัมผัสอบอุ่นและให้หัวใจจดจำความทรงจำให้มากที่สุด เขาไม่รู้อนาคตเลยว่าจะเป็นเช่นไร
หากชาตินี้โชคชะตาได้ลิขิตเอาไว้แล้ว.. เขาก็จะฝืนให้ดู!- - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - -- - -
แม้จะมีบางอย่างที่แปลกออกไปนั่นก็คือเขาได้ย้ายมาอยู่บ้านใหญ่พร้อมคุณยายและลูกชาย ที่บ้านของชลธีต้อนรับเขาเป็นอย่างดี เขาได้อยู่ห้องของชลธีแม้จะแอบเขินนิดหน่อยแต่ก็ขัดคุณนายใหญ่ของบ้านไม่ได้ คุณยายพักอยู่ห้องริมสุดซึ่งสามารถรับลมได้เหมาะกับการพักผ่อน ส่วนไทเกอร์จะผลัดไปนอนห้องคุณอา คุณย่า และคุณยายแล้วแต่ในแต่ละวัน เด็กชายดีใจที่มีเพื่อนเล่นมากกว่าเดิม แต่เขาก็อดห่วงไม่ได้ว่าทุกคนจะตามใจไทเกอร์จนเกินไป เขายอมรับบางครั้งก็เป็นเขานี่แหละที่ตามใจลูกชาย คงถึงเวลาที่เราจะต้องคุยกันจริงจังถึงวิธีการเลี้ยง เพื่อให้ไทเกอร์สามารถปรับตัวเมื่อไปอยู่ร่วมกับเพื่อนๆในอนาคตได้
ปานชีวันได้รับมอบหมายให้มาดูแลเขาเป็นการส่วนตัวโดยไม่มีใครรู้ ทุกคนเข้าใจว่าผู้หมวดหนุ่มยศร้อยโทอยู่ที่ชายแดนเช่นเดียวกับคนรักของเขา ชลธีกำชับหนักหนาว่าให้ปานชีวันคอยดูแลและอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่มุจลินท์ไม่ต้องจัดการอะไรมากมายถึงขนาดจะต้องมีคนคอยช่วยเหลือ หน้าที่ของผู้หนวดจึงกลายเป็นพลขับไปโดยปริยาย
“พี่ปานครับ เย็นนี้ไม่ต้องมารับลินท์นะ” เขาง่วนกับการจัดกระเป๋าหนังสือ เมื่อคืนเผลอนอนหลับไปพร้อมกับลูกชายเลยไม่ทันได้จัด วันนี้เขามีนัดกับเพื่อนเสียด้วย
“อ้าว ทำไมล่ะ ให้พี่มารับเถอะมืดค่ำแล้วจะกลับบ้านยังไง”
“ลินท์จะอ่านหนังสือกับเพื่อนน่ะครับ มีการบ้านต้องส่ง” เข้าสู่เทอมที่สองของชีวิตปีหนึ่ง เขาได้เรียนวิชาคณะมากขึ้นและงานก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว “ลินท์นั่งรถตู้กลับเองได้ครับ มันไม่ได้ไกลมาก”
“ตามใจ เสร็จแล้วโทรบอกพี่ด้วยแล้วกัน”
“คร้าบคุณพ่อ”
“ทำเป็นเล่นไป ขืนพี่ไม่บอก พ่อทูนหัวเอ็งเล่นพี่หัวแตกแน่”
“พี่ปานติดต่อพี่ฉลามได้หรือครับ” เขาโทรหาชลธีไม่ติดมาสองอาทิตย์แล้ว ครั้งล่าสุดคือนายทหารหนุ่มกำลังเตรียมขึ้นไปประจำหน่วยในหมู่บ้านบนเขา
“พี่ก็ฝากพี่นัชไปบอก รายนั้นต้องลงมาส่งข่าวข้างนอกทุกวัน”
“ลินท์เป็นห่วงจัง ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”
“ได้ข่าวยังไงพี่จะมาบอกแล้วกัน” ปานชีวันจอดรถหน้าคณะ “ไม่ต้องฟุ้งซ่านให้มาก ตั้งใจเรียนไป”
“ขอบคุณครับ” เขากระพุ่มมือไหว้ปานชีวันที่เขานับถือดั่งพี่ชาย ผู้หมวดหนุ่มสอนอะไรเขาหลายอย่างเหลือเกิน เขาได้ข้อคิดและทักษะในการใช้ชีวิตเพิ่มเติมจากประสบการณ์ของตนโตกว่า เขารู้สึกเหมือนได้พี่ชายเพิ่มอีกคน ยังไม่รวมพี่ช้างและพี่ปลาที่คอยแวะเวียนมาหาเขาตลอด
อบอุ่นจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี.. ชีวิตขาดๆเกินๆอย่างเขากลับได้รับความรักได้รับการยอมรับได้โอกาสได้อะไรมากมายที่เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ เขากระชับกระเป๋าเป้แน่นรีบวิ่งเข้าตึกคณะในช่วงสาย บอร์ดประกาศกิจกรรมที่ตั้งอยู่บริเวณทางเดินเต็มไปด้วยนักศึกษาที่มุงดู เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นจนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสาวเท้าเข้าไปดูใกล้ๆ
เกิดอะไรขึ้น..เบื้องหน้าคือเพื่อนของเขา กัญญากำลังขยำกระดาษอะไรบางอย่างพร้อมฉีกทิ้งลงพื้น เสียงก่นด่าดังไปทั่วบริเวณจนเขาต้องสะดุ้งเฮือก เขาไม่เคยเห็นเพื่อนเขาโมโหขนาดนี้มาก่อน นนท์คอยดึงรั้งหญิงสาวที่กระฟัดกระเฟียดเอาไว้ นั่นทำให้เขาต้องรีบถลาเข้าไปในวง แหวกผู้คนที่มุงดูให้เข้าไปถึงตัวเพื่อนให้ได้มากที่สุด
“มองอะไรกันวะ เรื่องของชาวบ้านอย่าทำเป็นสู่รู้”
“ไอ้แก้ว หยุดโวยวายได้แล้ว คนเขาจะมาสนใจก็เพราะมึงแหกปากนี่แหละ”
“กูโมโห! ทำกับเพื่อนกูแบบนี้ได้ยังไง”
“ใจเย็นๆมึง”
“แก้วเป็นอะไร?” เขาเดินเข้าถึงตัวเพื่อน ทุกคนที่มุงล้อมมองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด “มีอะไรกันหรือเสียงดังมากเลย”
“ไม่มีอะไรหรอกลินท์ เราไปเรียนกันเถอะ” นนท์รีบดึงกัญญา “ไปเร็วมึง” วงล้อมเริ่มแตกกระจายเมื่อกัญญาส่งสายตาอำมหิตไปทั่ว เศษกระดาษปลิวว่อนเต็มพื้นจนเขาต้องหยิบขึ้นมาดู
“ลินท์อย่าดู!”
ภาพในกระดาษคือรูปเขาไม่ผิดแน่ เด็กหนุ่มสวมเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นเหมือนครั้งที่เขาไปเที่ยวทะเลและภาพผู้ชายที่กำลังกดจูบลงมาคือนายทหารหนุ่มไม่ผิดแน่ จู่ๆหัวใจเต้นรัวแรงมือไม้สั่นไปหมดเมื่ออ่านข้อความที่เขียนใต้ภาพ เขาหรี่ตามองก่อนจะกำกระดาษแน่น
‘เด็กขายตัว’
‘แย่งผัวชาวบ้าน’
‘กะหรี่’“มันมาได้ยังไง” เขาถามเสียงสั่น
“กูก็ไม่รู้ มาถึงก็เห็นมันติดทั่วคณะแล้ว” กัญญาตอบพลางกำหมัดแน่น
“ไอ้แก้วเห็นเลยโวยวายใหญ่ ลินท์ก็รู้มันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเพื่อนมันแน่” นนท์เป็นคนคอยห้ามเพื่อนในกลุ่มเสมอ เขาเป็นคนรักสันโดษและไม่ชอบมีเรื่องนะ จะมีก็แต่เพื่อนที่ลากเขาไปเอี่ยวทุกที เขาเลยต้องรับหน้าที่เป็นกรรมการห้ามมวยทุกครั้งไป
“มึงไปมีศัตรูกับใครที่ไหนหรือเปล่า ถึงได้เล่นกันแรงขนาดนี้” กัญญาเผลอสบถออกมาสลัดภาพผู้หญิงเรียบร้อยไปในทันที “กูรู้นะว่ามึงกับพี่เขาเป็นอะไรกัน ไม่ใช่อย่างที่ในถูกกล่าวหาแน่ๆ”
“เห้อ ดีนะที่มีพวกมึง” เขาแทบทรุดลงกับพื้น ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ส่วนมือเขาสั่นระริกจนควบคุมไม่ได้ “ที่คิดไว้ก็มีอยู่คนเดียว”
“เมียเก่า? เห้ย เล่นแรงไปแล้ว มึงแจ้งความได้เลยนะ”
“อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยแก้ว กูไม่อยากให้พี่ฉลามเป็นห่วง” เขาได้แต่ขบกราม ไม่รู้จะทำอย่างไรดี และไม่อยากให้คนรักต้องเป็นกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“เขาจะต้องรู้ว่าการจัดการที่ไม่เด็ดขาดมันทำให้ปัญหาคาราคาซังแบบนี้”
“โถ่ แก้ว”
“มึงอย่าได้ดูถูกผู้หญิงเชียว ลองได้ถูกแย่งของรัก มันก็กลายร่างเป็นนางมารกันได้ทุกคน นางเอกดาวพระศุกร์อย่างมึงไม่รอดแน่”
“ไปกันใหญ่ละ” นนท์กุมขมับไม่รู้จะห้ามเพื่อนอย่างไร แต่ตอนนี้ได้เวลาเรียนแล้วเขาต้องลากเพื่อนไปเข้าห้องให้ได้ก่อน “ไปเรียนก่อนค่อยว่ากัน เร็ว” เขาพยักหน้ารับ กระดาษในมือถูกฉีกทิ้งไม่ไยดีลงถังขยะ
เวลานี้เด็กหนุ่มต้องตั้งสติอย่างมาก เขารู้สึกมึนงงสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไหนจะสายตาแปลกๆของคนอื่นๆที่มองมาอีก เขาเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้เขาเหมือนลูกน้องที่ไร้ปีกแม่ปกป้องคุ้มครองและจะต้องดูแลตัวเองให้ได้ ได้แต่หวังว่าเขาจะผ่านมันไปด้วยดี..
“ลินท์มึงไม่ต้องเครียดนะ ถ้าเป็นนังนั่นจริงๆกูจัดการเอง” กัญญาตอบเสียงดังเป็นมั่นเหมาะ ไม่เสียแรงที่มีดีกรีเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวยยักษ์ใหญ่
“แก้ว มันไม่ต้องขนาดนั้น” เขาโบกมือเป็นพัลวัน “แค่ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้ตามจองล้างจองผลาญไม่เลิก”
“มึงระวังตัวไว้แล้วกัน” หญิงสาวครุ่นคริดนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายต้องการจะเล่นสกปรก มันจะต้องมีครั้งต่อไปแน่นอน
“เออๆ ขอบใจมากนะ”
“มึงต้องบอกพี่ปาน” กัญญากดเสียงต่ำ เรื่องนี้หล่อนไม่ยอมจริงๆด้วย “เดี๋ยวนี้นี่คือคำสั่ง”
“เลิกเรียนก็ได้ สัญญาจะบอกพี่ปานจริงๆ” เขาไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตจริงๆ เลยต้องตอบเพื่อนอย่างขอไปที
“พูดแล้วก็โมโหแทน”
“เอาน่า”
“มึงก็เอาน่า ปล่อยเขาไป เดี๋ยวก่อนอยู่นั่น” กัญญาขมวดคิ้วแน่น อัญเชิญวิญญาณนางร้ายเข้าร่าง หล่อนจะไม่ยอมให้เพื่อนถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว “จะทำตัวเป็นนางเอกหรือวะ”
“แค่ไม่อยากทำร้ายผู้หญิง” เขาตอบ “แค่นี้เขาก็โกรธเกลียดกูมากพอแล้ว”
“ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ถ้ามึงยังเฉยๆละก็มันหนักกว่านี้แน่”
“ฮื่อ แก้วก็ อย่าไปจองเวรจองกรรมเลย อโหสิกรรมไปเถอะ”
“โอ๊ย พ่อมหาจำเริญ!”
กัญญาอยากจะพุ่งเข้าไปหยิกแก้มขาวของเพื่อนตรงหน้านัก ทั้งๆที่หล่อนเป็นเดือดเป็นร้อนถึงเพียงนี้ เจ้าตัวก็ยังไม่โกรธ ไม่อยากจะเอาเรื่องคู่กรณีเลยสักนิด ไม่รู้เพื่อนเธอไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงได้โดนตามรังควาญไม่หยุดหย่อน เสียงหักนิ้วดังกรอบแกรบจนนนท์ยังสะดุ้งมอง มุจลินท์ส่ายหัวให้เพื่อนก่อนจะรีบลากกันไปเข้าห้องเรียน
สามชั่วโมงในการเรียนภาคเช้าไม่ได้เข้าหูเลยสักนิด อาจารย์ฉายสไลด์ไปเรื่อยพร้อมกับบรรยาย เขาได้ฟังผ่านๆ มันคงพูดไม่ได้เต็มปากว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มขีดๆเขียนๆใช้ปากกาไฮไลท์ไปตามที่อาจารย์บอกแต่ใจกลับลอยไปไหนต่อไหน
คิดถึง..
เขาคิดถึงชลธีเหลือเกิน ห่างกันแค่ไม่กี่อาทิตย์แต่กลับเนิ่นนานในความรู้สึก ในอกเหมือนมีโพรงอากาศเป็นหลุมลึกที่โหยหาไม่จบสิ้น และเป็นเขาเองที่ไม่สามารถออกมาจากหลุมนั้นได้ ติดกับอยู่ในห้วงแห่งความรักที่มีแต่ความทรมาน
ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์เขาจำไม่ได้แล้วว่าใครเคยบอกเอาไว้หรือได้ยินมาจากที่ไหน บัดนี้เขาเริ่มจะรู้ซึ้งถึงประโยคนั้น.. แม้มีรักแล้วย่อมต้องพานพบกับความเจ็บปวดใจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วางใจให้เขาแล้วเ ขาจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครอง บุญใดที่เขาสั่งสมมาขอช่วยปกปักรักษาคนรักให้แคล้วคลาดปลอดภัยด้วยเถิด
“ลินท์ ไม่อยู่อ่านหนังสือแล้วหรือ”
“วันนี้ขอกลับบ้านก่อนดีกว่าว่ะ รู้สึกปวดหัวยังไงไม่รู้” หลังเลิกเรียนที่นัดกันเอาไว้ว่าจะทำการบ้านเป็นอันต้องยกเลิกเพราะตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจอยากจะทำอะไรทั้งนั้น ได้แต่ขอโทษขอโพยเพื่อนที่เบี้ยวนัดอีกครั้ง
“มึงอย่าเครียดแล้วกัน พวกกูเป็นห่วง”
“เออ ขอบใจนะ”
“แล้วนี่พี่ปานจะมาหรือยัง”
“ก็ เอ่อ ใกล้แล้ว” เขาตอบกัญญา “ไม่ต้องรอๆ กลับไปกันก่อนเลย”
“เออๆ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”
“บาย”
หลังจากกลุ่มเพื่อนพากันเดินจนลับสายตาเขาก็ลุกขึ้นจากม้านั่ง แวะเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินเตร็ดเตร่ไปตามทางเพื่อกลับบ้าน วินรถตู้ในมหาลัยอยู่ห่างจากตึกเรียนพอสมควรแต่มันก็ไม่ได้ลำบากมากนักหากจะเดินลากเท้าชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ และมันทำให้เขากลับมาใจลอยอีกแล้ว.. มองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาห้าโมงกว่า ป่านนี้ไทเกอร์คงจะรอเขาอยู่ที่บ้านแล้ว นึกถึงลูกชายก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาทันที
รถตู้สีขาวปลอดจอดหน้าเขาขณะกำลังข้ามฝั่งไปอีกฟากของถนน ประตูรถตู้ถูกเปิดอย่างรวดเร็วพร้อมกับแรงกระชาก เด็กหนุ่มกลิ้งเข้าไปด้านในลำตัวกระแทกกับพนักพิงอย่างแรงจนต้องร้องโอดโอย ข้างในรถมืดจนเขาแทบมองไม่เห็นอะไร ใบหน้าเชิ่ดขึ้นตามแรงกระชากที่ผม เสียงตะคอกดังขึ้นพร้อมกับวัตถุเย็นที่จี้เอว
“อย่าส่งเสียงถ้ามึงยังไม่อยากตาย!” TBC เตรียมถัง กะลังมัง กันด้วยค่าทุกคน
รองน้ำตากันหน่อย ดราม่ามาแล้ววววววว /วิ่งหนี
ช่วงนี้พายจะยุ่งๆนิดหน่อย ป่วยๆด้วยค่ะ แง
ขอบคุณที่ยังรอกัน คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้น้องลินท์กันด้วยน้า
รัก <3
พายจะเปิดพรี นิยายเรื่องนี้วันที่ 1 มีนาคมนี้ สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางเพจนะคะ