(ต่อจากด้านบน)สระว่ายน้ำกลางแจ้งภายในบริเวณรีสอร์ทถูกเซ็ทให้เป็นฉากเพื่อเตรียมการถ่ายรูป โซนนี้ถูกกันเอาไว้อย่างแน่นหนาไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาได้ กรวิชญ์ใช้เวลาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในธีมของตัวเองไม่นาน ชิ้นผ้าบนร่างเขามีแต่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นเนื้อผ้าลื่นแนบสนิทไปกับสรีระ มัดกล้ามเต่งตึงเปิดเผยร่างกายให้สต๊าฟอยู่ในบริเวณนั้นได้ลอบมอง หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าว ส่วนผู้ชายด้วยกันเองยังแอบมองด้วยความอิจฉา
“น้องเกี๊ยมคะ” หญิงสาวรูปร่างบอบบางเดินตรงปรี่เข้ามาพลางยื่นขวดน้ำให้ชายหนุ่ม หล่อนทำใจกล้าเพื่อหาโอกาสในการใกล้ชิดกับกรวิชญ์ “ตอนนี้ร้อนมากเลยเอาไว้ดื่มก่อนนะ”
กรวิชญ์พยักหน้าขอบคุณไม่ได้สนใจผู้หญิงตรงหน้าที่ชวนคุยมากนัก เขากำลังมองหาคนที่จะมาถ่ายรูปพร้อมกันกับเขามากกว่า
“กูมองไม่ออกเลยว่าเป็นมึง” พี่เต็มเดินรอบตัวเขา “เวลาถ่ายนี่มึงถอดสน็อกเคิลด้วยนะ” มันหมายถึงเครื่องช่วยหายใจที่มีช่องให้ใช้ปากงับมีท่อยื่นออกมาเหนือน้ำ เป็นอุปกรณ์สำหรับไว้ดำน้ำบนผิวน้ำเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเวลาสวมมันก็ปิดบังไปครึ่งหน้าแทบมองไม่ออกว่าเป็นใคร
“แต่ผมชอบแบบนี้นะ” มุจลินท์หัวเราะร่วน วิ่งเหยาะกับพื้นโชว์รองเท้าตีนกบ
“ไอ้สัด ชุดมึงนี่มันแหกคอกจริงๆ นี่มึงมาประกวดเอาชนะหรือเอาฮาวะ” พี่เต็มส่งน้ำเปล่าให้เขาดื่มก่อนจะเตรียมเข้าไปบรีฟงานกับช่างภาพ ทันทีที่เขาเดินเข้าไปถึงทุกสายตาก็จับจ้องมายังเขาสลับกับกรวิชญ์
ช่างภาพที่เตรียมมาเป็นเด็กคณะวารสารศาสตร์ ตัวสูงกว่าเขาหลายคืบ สวมหมวกปีกว้างบดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง แถมยังสวมแมสปิดปากอีก เหมือนเขาคุยกับสายลับอย่างไรอย่างนั้น
“เดี๋ยวให้เกี๊ยมถ่ายก่อนนะ” ช่างภาพหันไปพยักเพยิดกับกรวิชญ์และสต๊าฟอีกคน เขานั่งมองกรวิชญ์ที่กำลังจัดท่าทางอย่างสบายๆ ไม่ว่าจะถ่ายท่าไหนก็ดูเป็นธรรมชาติ หยดน้ำเกาะตามเนื้อกายไล้ไปตามผิวคร้ามแดด ดวงตารีสีดำสื่ออารมณ์เจ้าเล่ห์ ทำเอาสาวน้อยที่อยู่บริเวณนั้นหน้าแดงกันไปตามๆกัน
แชะ
แชะกรวิชญ์ใช้เวลาถ่ายไม่นาน มุจลินท์ก็โดนเรียกเข้าฉาก เขาต้องลงไปในสระว่ายน้ำครึ่งตัว ถัดจากกรวิชญ์แล้วมาถ่ายเขาต่อเรียกได้ว่าเปลี่ยนอารมณ์อย่างสิ้นเชิง ชุดที่คลุมไปทั่วร่างแทบจะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เขาลองว่ายน้ำดำผุดดำว่ายอยู่นานสองนาน ก็ไม่เห็นช่างภาพจะพูดอะไรเอาแต่ถ่ายเขาไปเรื่อยๆ
แชะ
แชะ“ผมขอถอดออกนะ” เขาถอดสน็อกเคิลออกสะบัดหัวไล่หยดน้ำที่เกาะหัวสองสามที “มันมองไม่เห็นอะไรเลยน่ะครับ” เขาบ่นอุบ แสงแดดปะทะกับหยดน้ำเป็นเม็ดพราวระยิบแสบตาบวกกับวงหน้าหวานทำให้คนที่มองแทบจะลืมหายใจ
แชะ
แชะ “เดี๋ยวผมช่วยจัดท่าให้ลินท์เอง” เป็นกรวิชญ์ที่ยืนมองอยู่นานแล้ว เขาคิดว่าคงเป็นเพราะคนหน้าหวานจัดท่าทางไม่เก่งจึงไม่ได้รูปเสียที เขาเลยอาสามาช่วย เขาลงไปสระทั้งชุดเดิม ลูกเป็ดยืนงงมองคนที่ว่ายน้ำเข้ามาหา “เข้ามาใกล้ๆสิ”
“ได้ๆ” กรวิชญ์เข้ามาใกล้ใช้มือหนาเชยคางเขาขึ้น นิ้วโป้งลูบไปยังริมฝีปากบางแวววางน่าจุมพิตนั่น มุจลินท์รู้สึกหมดความมั่นใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องปากเขา
“กูไม่ได้จะว่าอะไรแค่จะบอกว่า..” กรวิชญ์ก้มลงไปกระซิบข้างหู “มึงน่าจูบมาก”
เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สมองตื้อชั่วครู่อยู่ดีๆก็มีคนมาบอกเขาว่าปากน่าจูบ ใบหน้าขาวที่แดงก่ำเพราะแสงแดดกลับแดงระเรื่อขึ้นอีกหลายส่วน มือไม้เก้งก้างไม่รู้จะไปวางตรงไหน กรวิชญ์กลั้นขำเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของคนตรงหน้า เขาเอื้อมมือไปรูดซิบตรงชุด body suit ลง ทันทีที่รูดจนสุดผิวเนื้อขาวนวลเนียนก็ปรากฏแก่สายตาทุกคน
“มีของดี มึงก็ต้องโชว์บ้าง” .
.
.
ครืด ครืดมุจลินท์หยิบมือถือสีดำยี่ห้อแอปเปิ้ลรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาจากกระเป๋ากางเกง ชลธีให้เขาไว้ใช้ติดตัวเพื่อจะติดต่อได้สะดวก เดิมทีเขาใช้แค่ซัมซุงฮีโร่เครื่องละแปดร้อยกว่าบาทก็หรูแล้ว แต่ชลธีบอกกับเขาว่าจะซื้อเครื่องใหม่เลยจะยกเครื่องนี้ให้เขาแทน ให้เขารับเฉยๆก็ดูแปลกเกินไป จึงขอให้หักไปในเงินเดือนของเขาเลย
“อาลีนนนนน”ทันทีที่กดรับสาย เสียงหวานเจื้อยแจ้วก็ดังมาก่อนใคร “อ๊ะ ป๊า ทำไมเกอร์ไม่เห็นหน้าอาลีนอะ” เขาหลุดขำก่อนจะกดปุ่มวิดีโอคอลเพื่อให้เห็นหน้าอีกฝั่งได้
“สวัสดีครับคนเก่ง” เด็กชายไทเกอร์ใบหน้าเต็มจอกำลังใช้แก้มย้วยถูไถกับโทรศัพท์ “เลิกเรียนแล้วหรือครับ”
“เลิกแล้วครับอาลีน” เด็กอ้วนใช้สองมือประคองโทรศัพท์ของคุณพ่อ ”วันนี้ป๊าพาไปเที่ยวด้วยครับ”
“ไปเที่ยวไหนกันหรือครับ”
“ต้ะเลลลลลลล” เด็กอ้วนอ้าปากกว้างโบกไม้โบมือพยายามอธิบายว่าทะเลมันกว้างขนาดไหน “อยากให้อาลีนมาด้วยจัง”
“เที่ยวเผื่ออาลินท์ด้วยนะครับลูก”
“ไม่เอา เกอร์จะให้อาลีนมาด้วย” ไทเกอร์หันไปขอความช่วยเหลือจากป๊ะป๋าที่กำลังขับรถอยู่ “ป๊า เราไปรับอาลีนมาเที่ยวด้วยกันได้ไหมฮะ”
“นั่งเฉยๆสิเกอร์” ชลธีโผล่หน้าเข้ามาในจอ ส่งยิ้มหวานฉ่ำพาลให้คนมองอีกฟากของมือถือยกยิ้มขึ้นไม่รู้ตัว “ป๊ากำลังจะไปรับอาลีนให้ไงครับ”
“หือ” มุจลินท์ชะงัก “พี่จะมารับลินท์หรือ”
“ใช่” เขาจุดยิ้มเรียกคะแนนเต็มที่ เรื่องอะไรจะปล่อยปลาย่างไว้กับแมวเจ้าเล่ห์อย่างชวิศ เขาจึงตัดสินใจพาลูกชายและคุณยายไปพักผ่อนโดยเลือกจังหวัดที่มุจลินท์ไป “พี่พาคุณยายมาเที่ยวกับเราด้วย ลินท์ต้องไม่อยากพลาดแน่ๆ”
เมื่อพูดถึงคุณยาย เด็กชายจ่อมือถือไปทางด้านหลัง เห็นคุณยายสมใจครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวนั่งพิงเบาะอยู่ มีหมอนรองคอ และผ้าห่มผืนบางให้คุณยายแก้หนาว มุจลินท์รู้สึกตื้นตันในอก จะมีเจ้านายที่ไหนจะดูแลขนาดนี้
“พี่ฉลามระวังคุณยายเมารถนะครับ” เขารู้ว่ายายไม่ค่อยได้เดินทางไปไหน แค่ขึ้นรถเมล์ยังไปไม่ค่อยถูกเลย เขาจึงค่อนข้างเป็นห่วงสุขภาพคุณยายเป็นพิเศษ
“พี่ให้คุณยายทานยาแก้เมารถแล้ว” เขาชะโงกหน้ามาทางโทรศัพท์ที่ลูกชายตัวแสบถือ หน้าเขาเลยสั่นไปตามแรงเคลื่อนของรถและเจ้าตัวแสบที่ขยับไปมา “ยาดม ยาหม่อง พร้อม”
“ขอบคุณนะครับพี่”
“คุยกับใครน่ะลินท์” ชวิศออกมาจากห้องน้ำ ผ้าขนหนูสีขาวสะอาดปกปิดท่อนล่างหมิ่นแหม่ หยดน้ำใสเกาะไปตามผิวเนียน รูปร่างสมส่วนกำยำสมกับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัย เขายืนเช็ดผมที่เปียกชื้นอยู่หน้าห้องน้ำ
“ลินท์คุยกับ..”
“ป๊า! มีผู้ชายแก้ผ้าอยู่กับอาลีนนนนน”
“เกอร์!” เขาหันไปร้องเรียกเด็กแสบที่กำลังฟ้องคุณพ่อ ชลธีหันมามองขวับก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “เดี๋ยวนะครับเกอร์ เอ่อ พี่ฉลาม ห้องน้ำพี่เขาน้ำไม่ไหลเลยมาอาบห้องผมน่ะ” อันที่จริงชวิศพยายามจะขอมานอนกับเขาโดยอ้างว่าห้องตัวเองน้ำไม่ไหล จนเพื่อนที่ได้นอนห้องเดียวกับเขาขอย้ายไปนอนห้องอื่นแทน
“งั้นหรือ”
“จริงๆนะครับ” แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกร้อนๆหนาวๆกับสายตาที่ส่งมาด้วยเล่า “งั้นเดี๋ยวลินท์จะออกไปรอข้างนอก”
“ลินท์ จะไปไหน?” ชวิศร้องเรียก เมื่อครู่เหมือนเขาจะได้ยินว่ามุจลินท์คุยกับใครอยู่ “รอพี่แต่งตัวแปบ ไปกินข้าวกัน”
“เอ่อ คือพี่ชุ” เขาอ้ำอึ้งทว่าปลายสายที่เงียบไปยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจ “ผมจะขอออกไปทำธุระ กลับค่ำหน่อยนะพี่”
“อ้าวเห้ย!” จบประโยคมุจลินท์ก็หมุนตัวออกจากห้องไป ทิ้งให้ชวิศขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจไม่น้อยที่ปล่อยให้เหยื่อหลุดรอดไป
ไม่เป็นไร.. คืนนี้ยังอีกยาวไกลชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ จัดการสวมใส่เสื้อผ้าฉีดน้ำหอมจนหอมกรุ่นก่อนจะออกจากห้องไป
ท้องฟ้าสีเหลืองอมส้มยามเย็นที่โผล่พ้นขอบฟ้า ดูสวยงามเหลือเกินเมื่อประกอบกับผืนน้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่เขาได้มีโอกาสเห็นทะเลของจริงเป็นครั้งแรก มันช่างเงียบสงบเหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เขากางแขนสองข้างรับลมเย็นที่ปะทะเข้ามา สูดหายใจเข้าเต็มปอดรู้สึกปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย จนลืมเรื่องที่คิดในใจไปเสียสนิท แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าเอาความทุกข์มาทิ้งทะเล…
รถยนต์สีดำมันปลาบแล่นเข้าจอดหน้ารีสอร์ท ชายหนุ่มประคองคุณยายลงจากรถหยิบขวดน้ำที่บรรจุน้ำอุ่นรินใส่แก้วพลาสติก “ค่อยๆทานนะครับคุณยาย” ระยะทางจากกรุงเทพ-ประจวบฯใช้เวลาไม่นานนักสำหรับเขา แต่สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่เคยนั่งรถไกลๆอาจจะลำบากเสียหน่อย
“ยายไม่เป็นไรลูก” ยายสมใจจิบน้ำอุ่นจนโล่งคอ “นั่งพักก็หาย” หล่อนรู้สึกเวียนหัวจากการนั่งรถเป็นเวลานาน ได้ยาดม ยาหม่องมาตลอดทาง ได้งีบหลับไปชั่วครู่ ก่อนมาถึงจึงไม่ได้แย่อย่างที่กังวลไว้
“ป๊า! เกอร์อยากเล่นทะเล!!” เด็กอ้วนร้องตะโกนพลางกระโดดโหยงเหยงชี้มือชี้ไม้ไปทางชายหาดที่ห่างออกไปเกือบ500เมตร ก่อนจะวิ่งไปหลังรถ เขย่งตัวเพื่อที่จะเปิดประตูข้างหลัง “ป๊า เกอร์เอาห่วงยางมา เกอร์อยากเล่น!”
“เย็นแล้วครับลูก” เขาอุ้มเจ้าตัวอ้วนแนบอก ก่อนยกขึ้นขี่คอ ลูกชายตัวแสบหัวเราะชอบใจใหญ่ “ไว้พรุ่งนี้เช้าป๊าจะพามาเล่นนะครับ” ไทเกอร์พยักหน้ามัวแต่ดีใจที่ได้ขี่คอคุณพ่อ ชลธีพาคุณยายและลูกชายเข้าพักโรงแรมที่ได้จองไว้ ใช้สิทธิ์สวัสดิการข้าราชการแล้วลดค่าห้องได้ครึ่งหนึ่ง เขาจึงเลือกห้องสูทที่มีสองห้องนอนแทนห้องเดี่ยวสองห้อง เพื่อจะได้ดูแลคุณยายได้สะดวก
“เกอร์นอนกับยายนะครับ” ตัวแสบวิ่งผลุนเข้าห้องวางกระเป๋าลายดิอะเวนเจอร์บนเตียงสร้างอาณาเขต ก่อนจะเปิดกระเป๋ารื้อชุดนอนลายมิกกี้เม้าส์ออกมากาง
“เกอร์จะนอนแล้วหรือลูก” ยายเดินเข้ามานั่งข้าง มือหยาบกร้านเหี่ยวแห้งลูบกระหม่อมบางของเด็กชาย “กินข้าวกันก่อนค่อยอาบน้ำนะลูกนะ”
“เกอร์รีบนอนพรุ่งนี้ป๊าจะได้พาเกอร์ไปเล่นน้ำเร็วๆครับ” เด็กอ้วนฉีกยิ้มโชว์กำแพงฟันที่หายไปสามซี่ “พรุ่งนี้เช้าคุณยายปลุกเกอร์ด้วยน้า” ยายสมใจหัวเราะ เอ็นดูเด็กชายเหมือนลูกหลานในไส้ ไพล่ไปคิดถึงหลานชายคนเดียวด้วยความรู้สึกรักใคร่เต็มตื้นในอก เวลาไม่กี่เดือนความผูกพันก่อตัวถักทอความสัมพันธ์เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
ชลธีพาคุณยายและลูกชายไปทานข้าว โดยโทรนัดมุจลินท์ไปเจอกันที่นั่น เด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงผ้า สวมรองเท้าแตะหนีบช้างดาวคู่ประจำ รวงผมสีน้ำตาลอ่อนถูกเซ็ทไว้อย่างดี ใบหน้าหวานแต่งแต้มเครื่องสำอางค์อ่อนๆขับให้ใบหน้าหวานดูโดดเด่น
“แต่งหน้าหรือ?” ชลธีเอ่ยทัก “จะไปเที่ยวไหนต่อล่ะ” เขาหน้าม้านลืมนึกไปเลยว่าเครื่องสำอางเมื่อตอนกลางวันยังติดทนอยู่ แล้วชลธีมองไม่เห็นหรือว่าเขาแต่งตัวแบบนี้จะไปเที่ยวที่ไหนได้
“เมื่อกลางวันผมมีถ่ายรูปเตรียมงานประกวดดาว-เดือนของที่มหา’ลัยไงครับ”
“อ่อหรอ” ชลธียังนึกฉุนไม่หายเมื่อเห็นรูปถ่ายที่ลูกเป็ดส่งมาให้เขาดูเมื่อตอนเย็น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องโชว์ขนาดนั้น มุจลินท์ทำเป็นไม่สนใจคนอารมณ์ไม่ดีพลางดันเก้าอี้ออกก่อนจะนั่งลง ลอบมองหน้าผู้พันที่เคร่งขรึมผิดปกติก็ได้แต่นึกว่าตัวเองทำอะไรให้ไม่พอใจอีก
เอาแต่ใจชะมัด!อาหารถูกเสิร์ฟวางเรียงรายเต็มโต๊ะ เด็กชายเคี้ยวเนื้อหมูไม่ละเอียดเพราะฟันหน้าหายไปสามซี่ เดือดร้อนคุณพ่อเลยต้องช่วยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำก่อนจะป้อนเข้าปากลูกชาย
“อ้ามมมม” เสียงเจื้อยแจ้วเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคน “ป๊า ป้อนอาลีนด้วยฮะ อาลีนก็อยากกิน”
“เอ่อ” เขาสะดุ้ง แค่เผลอมองเพลินไปหน่อยเท่านั้นเอง ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อก้มหน้างุดจ้องแต่จานข้าวตัวเอง
“ไม่เป็นไรลูก อาลินท์เขามีคนอยากจะป้อนเยอะแยะ” มุจลินท์หันขวับไปมองคนพูดที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ส่วนชลธีทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ในใจคุกรุ่น อยากจะอุ้มเจ้าลูกเป็ดไปทำโทษเสียเดี๋ยวนี้
“ป๊าไม่ป้อน เกอร์ป้อนเอง” ไทเกอร์ที่นั่งข้างชลธีผุดลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ก่อนจะยื่นส้อมที่เสียบเนื้อหมูชิ้นเล็กๆเอาไว้ “กินเยอะๆนะครับอาลินท์”
“...” เขางับเนื้อหมูชิ้นเล็กจากส้อมของไทเกอร์ “ขอบคุณนะครับ”
“เกอร์จะตักให้คุณยายด้วย” เด็กชายส่งเนื้อหมูพอดีคำวางบนจานคุณยาย ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นผลงานของตัวเองอยู่บนจานของทุกคน คุณพ่อตัวโตกระแอมไอก่อนจะจับลูกชายให้นั่งทานข้าวดีๆ
“กินเสร็จแล้วเช็ดปากให้เรียบร้อยครับ” ชลธีส่งทิชชู่ให้ลูกชาย “กลับห้องอาบน้ำรีบนอนแต่หัวค่ำนะลูก พรุ่งนี้ป๊าจะพาไปว่ายน้ำครับ”
“เย่” เด็กอ้วนชูกำปั้นขึ้นสูงแล้วร้องเฮ “เกอร์จะได้เล่นน้ำแล้ว!”
ไทเกอร์ร้องเล่นอยู่สักพักแล้วทิ้งตัวนอนลงบนตักคุณยาย หลับปุ๋ยสิ้นฤทธิ์เหมือนตุ๊กตาถ่านหมด มุจลินท์จุดยิ้มก่อนจะก้มลงหอมหน้าผากเด็กชายเบาๆ
“รีบกลับเถอะลินท์ เดี๋ยวพี่เขาจะว่าเอานะลูก” ยายลูบหัวหลานชายที่โตเป็นหนุ่มแล้วแต่ยังขี้อ้อนเหมือนเด็ก มุจลินท์ไม่อยากกลับไปนอนโรงแรมเลย เขาไม่อยากอยู่กับชวิศสองต่อสอง หรือว่าคืนนี้เขาควรจะหาข้ออ้างไปนอนกับเพื่อนที่ห้องอื่นดี เขาเริ่มรู้สึกว่าชวิศเข้ามาวุ่นวายกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“ลินท์อยากนอนกับยาย”
“อดทนเอาหน่อย เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้วลูกเอ๊ย” เขาเดินไปส่งคุณยายและไทเกอร์ที่หลับปุ๋ยคาไหล่ชลธีบนห้องพักที่โรงแรม ก่อนจะขอตัวกลับห้องพักตัวเอง เด็กหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือสีดำที่บอกเวลาสามทุ่มกว่าแล้วป่านนี้ที่ค่ายคงกำลังทำกิจกรรมกันอยู่ ถ้าเขากลับไปทันคงได้เข้าร่วมทันโดยไม่ผิดสังเกตเท่าไหร่นัก
“พี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองได้” โรงแรมที่เขาพักอยู่ห่างไม่มาก เมื่อตอนเย็นเขาลองเดินมาดูแล้ว “พี่พักผ่อนเถอะครับ” ยังไม่ทันได้เดินไปไหนไกล ชลธีก็ลากเขาไปยังรถยนต์สีดำที่จอดไว้ข้างหน้ารีสอร์ทก่อนจะเปิดประตูยัดเขาเข้าไป
“ไม่ให้พี่ไปส่งเพราะไม่อยากให้ใครเห็นพี่หรือ”
“ใครที่พี่ว่าคือพี่ชุงั้นสิ”
“ใช่”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ชุ!” เขาหันไปบอกนายทหารหนุ่ม ดวงตากลมโตสีสวยสบสายตาคมที่จ้องเข้ามาอย่างลึกซึ้ง “ผมกับพี่ชุ เราเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง..” ริมฝีปากสีสวยที่พูดจาใส่เขาอยู่ตรงหน้าดึงดูดให้เขาก้มลงไปงับก่อนจะละเลียดไล้ไปตามกลีบปากฉ่ำวาว ลิ้นชื้นแฉะเกี่ยวกระหวัดพันพัวจนเด็กหนุ่มรู้สึกวาบไหวแทบจะทรุด มือหนาประคองต้นคอให้เอียงรับจูบได้อย่างถนัดถนี่ ลูกเป็ดพยายามขืนตัวดันแผงอกหนาให้ออกไปจากตัว ผู้พันก็ยิ่งตะโบมจูบก่อนจะฝังหน้าลงซอกคอขาว ลูกเป็ดหดคอหนีใช้กำปั้นทุบไหล่ชลธีไม่หยุด
จะมาทำรุ่มร่ามกับเขาแบบนี้ไม่ได้นะ!“พี่ฉลาม!” เขาถลึงตาใส่ก่อนจะดันร่างหนาออกไป “พี่ทำบ้าอะไร ถ้าใครมาเห็นเล่า”
“ก็ให้เขาเห็นไปเลย” น้ำเสียงตัดพ้อทำเอาใจเด็กหนุ่มกระตุกวูบ “เขาจะได้รู้ว่าลินท์เป็นของพี่”
“ทำไมพี่ต้องอยากป่าวประกาศด้วย”
“พี่หวง” ชลธีกลั้นใจตอบคำถาม ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบ เขารู้ตัวเองดีว่ารู้สึกอย่างไรแต่เขายังไม่อยากระบุความสัมพันธ์ทั้งๆที่ตัวเองยังโลเลอยู่อย่างนี้ “พี่หวงลินท์”
“หวง?” เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งเหมือนโดนสตั้นเอาไว้ วงหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเบิกโพลงเหมือนลูกเป็ดเวลาตื่นตกใจจะรีบกางปีกวิ่งหนี แต่คนอย่างชลธีไม่ยอมปล่อยลูกเป็ดตัวแสบไปง่ายๆหรอก คิดว่าเขาจะรู้สึกยังไงเมื่อเห็นคนของตัวเองโชว์เรือนร่างให้ใครต่อใครเห็น
มือหนาเอื้อมยันอีกฝั่งเอาไว้ ส่วนสูง174เซนติเมตรของเขาดูเล็กลงไปถนัดตาเมื่ออยู่ภายในอ้อมกอดของผู้พันหนุ่ม ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อใบหน้าคมเข้มเข้ามาประชิด
“อยากรู้ไหมว่าพี่หวงตรงไหนบ้าง” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มที่ถูกแต่งแต้ม “พี่หวงตรงนี้” ชลธีก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนจะไล้ไปตามซอกคอขาว “ตรงนี้ด้วย”
“ฮื่อ” มุจลินท์เผลอส่งเสียงน่าอายออกมา “ไม่เห็นจะน่าหวงตรงไหนเลย”
“ลินท์ไม่รู้หรอกว่ามีคนอยากเข้าหามากขนาดไหน”
“แล้วทำไมพี่รู้”
“เซ้นส์มั้ง” ชลธีจุดยิ้ม “ลินท์รู้ไหม.. ฉลามเวลามันล่าเหยื่อมันกัดไม่ปล่อยหรอกนะ”
“มะ.. หมายความว่าไง..” มุจลินท์ย่นคอหนีริมฝีปากของนายทหารหนุ่มที่พรมจูบไปทั่ว รอยแดงเป็นจ้ำตามตัวเขายังไม่ทันจางเลย ชลธีไม่ตอบแต่ใช้มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด ไล่ไปตามแผ่นหลังขาวเนียนก่อนจะเลื่อนลงสู่กางเกงผ้า “ฮื่อ..”
“ให้พี่ช่วยลินท์นะ” ไม่ทันได้ตอบอะไรมือหนาก็คว้าเข้าที่แก่นกายของลูกเป็ด ริมฝีปากที่จูบเขาเมื่อครู่ลงไปครอบครองส่วนอ่อนไหวก่อนจะดูดดึงจนลูกเป็ดดิ้นพล่าน มือบางขยุ้มกลุ่มผมผู้พันที่ขยับขึ้นลงถี่รัว มือหนาล็อคเอวบางตรึงไว้กับเบาะรถ
“พี่ฉลาม ฮื่อ” เสียงแหบพร่าขาดห้วงปลุกอารมณ์คนที่กำลังปรนเปรอได้อย่างดี “ลินท์จะไม่ไหวแล้ว..” เด็กหนุ่มพูดได้แค่นั้นก็กระตุกเฮือก ตัวสั่นระริกหอบหายใจถี่ ชลธีรั้งร่างบางเข้าอ้อมกอด ดอมดมกลิ่นกายเด็กหนุ่มที่ผสมกับกลิ่นเหงื่อ ทอดสายตาอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงจุมพิตหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ
“พี่ชอบตอนลินท์แทนตัวเองแบบนี้” ชลธีก้มกระซิบข้างหูมุจลินท์ “น่ารัก”
“บ้า!” ได้ยินอย่างนั้น เขาก็รู้แล้วว่าหากกลับกับชลธี คืนนี้เขาคงไม่ถึงห้องแน่ “ผมจะไปนอนกับยายแล้ว!”
“เดี๋ยวลินท์ จะปล่อยให้พี่ค้างแบบนี้หรือ”
“เชิญช่วยตัวเองไปคนเดียวเถอะ ตาแก่ลามก!” ชลธีกำลังจะปลดตะขอกางเกงยังไม่ทันได้จัดการเจ้าลูกเป็ดโทษฐานที่ทำให้เขาทั้งหึงทั้งหวง อารมณ์เสียไปทั้งวัน ชลธีชะโงกหน้าออกไปมองเห็นมุจลินท์วิ่งหันหลังกลับขึ้นโรงแรมไปแล้ว
คืนนี้เจ้าฉลามน้อยถูกทิ้งให้ค้างเติ่งสินะ..
เรื่องมันเศร้า..TBCช่วงนี้นักเขียนติดสอบไฟนอลค่ะ อาจจะช้าไปนิดนึง
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ รักนักอ่านที่น่ารักทุกคนค่ะ